หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 819-824

 บทที่ 819 ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า

คลื่นหลิงมหาศาลปกคลุมพื้นที่


ขณะที่แรงกดดันคลื่นหลิงยิ่งใหญ่กระจายออก ทำให้แม้แต่มิติยังเกิดริ้วกระเพื่อม ร่างสีดำยืนตระหง่านราวกับเทพปีศาจแผ่แรงกดดันน่าขนลุกออกมา


ตอนนี้จอมยุทธ์จำนวนมากรอบจัตุรัสต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปจากแรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลังที่แผ่ออกมาจากชิวไท่ยิง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าแรงกดดันนั้นอยู่เหนือขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ไปไกลแล้ว ซึ่งอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าอย่างแท้จริง!


เทียบกับฉินจงที่อีกครึ่งก้าวจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าแล้ว ชิวไท่ยิงแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด!


เหล่าจอมยุทธ์รู้สึกตกใจอยู่ในใจ ที่แท้ชิวไท่ยิงก็บรรลุขุมพลังแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมั่นใจนักกับการคว้าตำแหน่งผู้บัญชาการคนที่สิบ


สีหน้าของมู่เฉินกับจิ่วโยวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด โดยเฉพาะมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เนื่องจากเขารู้ว่าเป็นเรื่องยุ่งยากมากเพียงใดที่ชิวไท่ยิงได้บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า


นั่นหมายความว่าชิวไท่ยิงมีคุณสมบัติแท้จริงในการเป็นผู้บัญชาการ!


ยิ่งกว่านั้นด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า เขาสามารถกวาดจอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ใต้ตำแหน่งผู้บัญชาการทั้งเก้าได้สบาย


ภายใต้ความโกลาหล มั่นถัวหลัวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็เกิดริ้วกระเพื่อมในม่านตาสีทองคำ แต่นางก็ยังคงมองการต่อสู้ในฐานะประมุข ไม่มีแววอารมณ์ใดๆ บนดวงหน้าเล็ก ราวกับว่านางเป็นองค์เทพที่กำลังมองดูสรรพสิ่งทั้งหลาย


ในสายตานางไม่ว่าชิวไท่ยิงจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่หรือขั้นห้าก็เป็นเพียงมดตัวหนึ่งเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้จอมยุทธ์ในสำนักผิดใจกันก่อนสงครามล่า นางคงจัดการสังหารเขาไปนานแล้ว ในสายตาของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน สิ่งที่เรียกว่า ‘กฎ’ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายตามอำเภอใจ


แต่ตอนนี้ เห็นชัดว่านางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงทำเอาไอเย็นเยือกถึงกับวูบไหวในม่านตาสีทองคำของนางเลยทีเดียว


บนลานพิธี ใบหน้าของฉินจงบิดเบ้จนน่าเกลียดขณะมองชิวไท่ยิง แรงกดดันทรงพลังที่กระจายออกมาจากอีกฝ่าย ทำให้แม้แต่เขายังรู้สึกกดดันเล็กน้อย


แม้เขาจะได้สัมผัสกับระดับจื้อจุนขั้นห้า แต่ก็ยังไม่ทะลุไปถึงระดับนั้น ซึ่งในสถานการณ์ที่ทั้งสองมีฝีมือพอๆ กัน ก้าวนั้นไม่ต่างอะไรกับเข้าสู่ประตูสวรรค์


“ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว” ชิวไท่ยิงกอดอกพลางส่งยิ้มบางให้ฉินจง


สีหน้าของฉินจงเปลี่ยนไป จากนั้นก็สูดหายใจลึก ไม่มีแววยอมแพ้ในดวงตา ไม่ว่าโอกาสชนะของเขาจะมีเท่าไร แต่เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้กลางคันแน่นอน


ฉินจงเหลือบมองชิวไท่ยิงก่อนที่สีหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง มือทั้งคู่ประสานกัน ประกายแสงสีหยกระยิบระยับก็ระเบิดออกจากร่างเขา ขณะเดียวกันร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์ใต้เท้าก็ระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าออกมา


ดวงตาผู้คนนับไม่ถ้วนหดเกร็ง พวกเขามองออกว่า ฉินจงตั้งใจจะเทหมดหน้าตักแล้ว


“ดื้อด้านนัก” ชิวไท่ยิงหรี่ตาลงและส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่มีเพียงตัวเขาที่ได้ยิน


ตู้ม!


แสงสว่างเจิดจ้าแทบจะปกคลุมขอบฟ้าครึ่งหนึ่ง จากนั้นแสงสีหยกน่าตกใจก็รวมตัวกันอยู่เหนือร่างของฉินจง ก่อนจะก่อตัวเป็นหม้อกลั่นหยกขนาดประมาณหนึ่งพันจั้ง


หม้อกลั่นโบราณมีการสลักลวดลายซับซ้อนไว้ เมื่อลวดลายสั่นไหวก็ราวกับอุโมงค์ลม ดูดคลื่นหลิงในบริเวณนี้เข้าไปอย่างไม่สิ้นสุด


แรงกดดันทรงพลังแผ่ออกไปพร้อมกับมัน


จอมยุทธ์จำนวนมากสีหน้าขรึมลง แม้ว่าฉินจงจะยังไม่บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ประมาทได้ ดังนั้นกระบวนท่าครั้งนี้จึงทรงพลังมากเช่นกัน


“คัมภีร์เทพหยู้ติ่ง หม้อกลั่นฟ้าธารดารา!”


ลำแสงยิงออกจากดวงตาทั้งสองข้างของฉินจง ขณะที่เสียงเขาคำรามก้องราวฟ้าผ่า ตราประทับเปลี่ยนไป คลื่นหลิงในร่างก็พวยพุ่งออกมาเทลงไปในหม้อยักษ์


ฟิ้ว!


หม้อกลั่นขนาดใหญ่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สุดท้ายก่อร่างเป็นสายธารสีหยกขนาดใหญ่กวาดผ่านขอบฟ้า มิติแตกเป็นเสี่ยงขณะที่ประกายแสงสีหยกนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนท้องฟ้า ราวกับแม่น้ำดวงดาวสายหนึ่ง


จอมยุทธ์จำนวนมากมีสีหน้าเคร่งเครียดลงขณะที่มองการโจมตีนี้ นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่ฉินจงครอบครองหลังจากใส่พลังทั้งหมดลงไป นี่เป็นการโจมตีที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้เลยทีเดียว


ทว่าเมื่อสายธารสีหยกซัดเข้ามา ชิวไท่ยิงกลับยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย มีเพียงแสงเย็นเยือกบางจางวาบขึ้นในดวงตา เขาเงยหน้าขึ้นขณะสายธารสีเขียวไร้ขอบเขตสะท้อนอยู่ในม่านตา


“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าความแตกต่างระหว่างเจ้ากับระดับจื้อจุนขั้นห้ามีมากเพียงใด” ชิวไท่ยิงฉายยิ้มไม่แยแส จากนั้นก็ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น แขนทั้งแขนของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว มากจนมีของเหลวเหนียวหนืดสีดำหยดลงมาจากปลายนิ้ว


ฮึ่ม!


ร่างมหาจันทราสั่นสะท้านใต้ฝ่าเท้าเขา ขณะแสงสีดำนับไม่ถ้วนยิงออกจากร่างเทห์สวรรค์สีดำ รวมตัวกันที่ปลายนิ้วของชิวไท่ยิงอย่างรวดเร็ว


ชี่! ชี่!


แสงสีดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวสีดำขนาดร้อยจั้งภายในไม่กี่อึดใจเหนือปลายนิ้วของชิวไท่ยิง จันทร์เสี้ยวกำจายไอเย็นเยือกไร้สิ้นสุดออกมา แม้แต่อากาศยังเยือกแข็งไปในเวลานี้


หยดของเหลวสีดำหยดลงจากจันทร์เสี้ยวสีดำ เมื่อหยดลงก็กัดกร่อนมิติจนหายไป แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกัดกร่อนอันน่ากลัว


“คัมภีร์เทพไท่ยิง มหาจันทรา!”


เสียงไม่แยแสดังออกมาจากปากของชิวไท่ยิง จากนั้นเขาก็พลิกนิ้ว จันทร์เสี้ยวสีดำที่แผ่ไอเย็นน่าสะพรึงกลัวก็ทะลุผ่านมิติก่อนจะปะทะกันสายธารสีหยก!


ปัง!


เสียงที่เกิดจากการชนกันฟังราวกับกระแสน้ำสองสายปะทะกัน วินาทีนั้นแม้แต่ฟ้าดินยังสั่นสะเทือน


ผู้คนเงยหน้าขึ้นมองไปที่จุดปะทะ มิติบิดเบี้ยวรุนแรงตรงที่เกิดการชนกัน จันทร์เสี้ยวกับสายธารปลดปล่อยพลังอย่างบ้าคลั่ง พยายามทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับ


ทว่าชิวไท่ยิงเป็นฝ่ายเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไอเย็นกัดกร่อน ก็มีเกล็ดน้ำแข็งสีดำปรากฏบนสายธารสีหยกอย่างช้าๆ


ใบหน้าของฉินจงซีดลง


“ข้าบอกแล้วเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก” รอยยิ้มเย็นผุดบนใบหน้าของชิวไท่ยิง จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับตราประทับเปลี่ยนไปฉับพลัน


ตู้ม!


ไอเย็นเยือกจากจันทร์เสี้ยวสีดำกระจายออก เปลี่ยนเป็นแสงสีดำพุ่งผ่านขอบฟ้า ทันใดนั้นสายธารสีหยกก็ขาดสะบั้นจากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนกลายเป็นประกายแสงระเบิดออก


พรูด


เมื่อสายธารสีหยกแตกสลาย ใบหน้าของฉินจงก็ซีดลงพร้อมกับพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง


สายตาของชิวไท่ยิงเย็นชา จากนั้นร่างก็หายไปอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันหอกยาวสีดำก็ปรากฏบนมือของร่างมหาจันทราแทงไปข้างหน้า แหวกผ่านมิติ


หอกยาวแทงทะลุมิติโดยตรง ไปปรากฏเบื้องหน้าร่างหม้อกลั่นหยก จากนั้นก็เสือกแทงอย่างรวดเร็ว ไอเย็นเยือกสีดำแผ่ออกมา ทำให้เกิดชั้นน้ำแข็งปกคลุมบนผิวร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์


ใบหน้าของฉินจงเปลี่ยนไปรุนแรง


“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ!” เสียงเย็นดังมาจากด้านหน้าขณะร่างร่างหนึ่งปรากฏในพริบตา ชิวไท่ยิงเหลือบมองฉินจงด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่พูดเขาก็เตะตัดคมกริบออกไปเกิดภาพมายา พร้อมกับพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้ซัดลงที่กลางอกของฉินจง


พรูด!


ฉินจงรับการโจมตีหนักหน่วง พ่นเลือดออกมาหลายคำ ก่อนที่ร่างจะดิ่งพสุธาลงจากท้องฟ้าราวกับลูกปืนใหญ่ สร้างรอยลึกพันจั้งบนลานพิธี


ปัง!


ขณะที่ฉินจงได้รับการโจมตีหนัก ร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์ก็แตกสลายกลายเป็นจุดแสง


ทั่วบริเวณเงียบกริบ จอมยุทธ์จำนวนมากมองภาพนี้ด้วยสีหน้าสั่นไหว ไม่มีใครคิดเลยว่าฉินจงจะพ่ายแพ้เร็วและน่าสังเวชขนาดนี้


ดวงตาของเหล่าผู้บัญชาการหดลง เนื่องจากพลังของชิวไท่ยิงไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้จริงๆ


มู่เฉินกับจิ่วโยวพากันขมวดคิ้ว ฉินจงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิวไท่ยิงจริงๆ หรือ?


ภายใต้สายตาจำนวนมาก ร่างมหาจันทราใต้ฝ่าเท้าชิวไท่ยิงก็ค่อยๆ สลายหายไป เขากอดอก พลิ้วตัวลงบนลานพิธีมอบยศราชันอย่างช้าๆ


สายตาเฉยเมยของเขามองฉินจงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ลูกเตะของเขาเมื่อครู่ทำให้ไอเย็นมหาจันทรารุกรานเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้


ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ประจักษ์แล้ว


ชิวไท่ยิงเอาชนะฉินจงได้ก็เบนสายตาไปทางมั่นถัวหลัว ขณะที่ความเคารพนับถือปรากฏบนใบหน้า เขาก้มตัวประสานมือคำนับ “ท่านประมุข ผลลัพธ์ของการต่อสู้พิธีมอบยศราชันตัดสินได้หรือยังขอรับ?”


เมื่อพูดจบ สายตาจำนวนมากก็พุ่งไปที่มู่เฉินอย่างอิหลักอิเหลื่อ เพราะทุกคนรู้ว่ามู่เฉินเป็นคนที่สามที่มีคุณสมบัติในการชิงตำแหน่งผู้บัญชาการ


แต่การกระทำของชิวไท่ยิงในตอนนี้เท่ากับมองข้ามมู่เฉินอย่างชัดเจน


เห็นได้ชัดว่าชิวไท่ยิงไม่รู้สึกว่ามู่เฉินเป็นอันตรายต่อเส้นทางผู้บัญชาการของเขา


ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินยังคงท่าทีสงบนิ่ง เพียงแค่เม้มปากเล็กน้อย


“มู่เฉิน…ครั้งนี้ยอมไปก่อนมั้ย” ถังปิงอ้ำอึ้งก่อนจะพูดเสียงเบา หลังจากเห็นพลังที่ชิวไท่ยิงแสดงออกมา นางก็อดเป็นห่วงมู่เฉินไม่ได้


นั่นเป็นเพราะชิวไท่ยิงเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าแท้จริง นอกจากจิ่วโยวแล้วก็คงไม่มีใครในหอวิหคโลกันตร์สามารถสู้เขาได้อีก


“ของเหลวจื้อจุนสองแสนหยดนั้น ถือว่าเป็นกำลังช่วยจากหอวิหคโลกันตร์นะ” ถังปิงเสริม


พอได้ยินคำพูด มู่เฉินก็ได้แต่มองนางอย่างช่วยไม่ได้ ยัยคนเห็นแก่เงิน….


จิ่วโยวขมวดคิ้วมองมู่เฉินเอ่ยเสียงเบาๆ “แม้แต่ฉินจงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ถ้าเจ้าไป…ข้าคิดว่าโอกาสที่เจ้าจะชนะคงมีไม่สูง”


นางเข้าใจเกี่ยวกับพลังของมู่เฉินอยู่บ้าง แต่ชิวไท่ยิงรู้สึกจะไม่อยู่ในรายชื่อของคนที่มู่เฉินสามารถต่อกรได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม


ทั่วบริเวณเงียบกริบขณะที่ทุกคนเบนสายตาไปทางมู่เฉิน แม้แต่มั่นถัวหลัวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ยังเลื่อนสายตามาช้าๆ


ชัดว่าทุกคนกำลังรอคอยคำตอบของมู่เฉินอยู่


ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็สูดหายใจลึก จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า ในรอยยิ้มไม่มีแววหวาดกลัวใดๆ เลย


มองเห็นรอยยิ้มของมู่เฉิน จิ่วโยวกับถังปิงก็รู้ถึงการตัดสินใจของเขาแล้ว


เท้าของมู่เฉินแตะพื้นร่างก็พลิ้วลงบนลานพิธีภายใต้สายตานับไม่ถ้วน เขาประสานมือคารวะชิวไท่ยิงด้วยรอยยิ้ม เสียงก้องกังวานส่งผลให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วบริเวณ


“มู่เฉินแห่งหอวิหคโลกันตร์ขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักชิวด้วย”



บทที่ 820 ลงสังเวียนชิงชัยตำแหน่ง

“มู่เฉินแห่งหอวิหคโลกันตร์ขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักชิวด้วย”


เมื่อเสียงอ่อนอาวุโสดังขึ้นบนลานพิธี ความเงียบรอบด้านก็เปลี่ยนเป็นความโกลาหล ผู้คนจ้องมองอย่างตกตะลึงไปที่ร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเข้าสู่วัยหนุ่มฉกรรจ์ พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะมีความกล้าเข้าสู่ลานประลองอีกหลังจากได้เห็นพลังอันแข็งแกร่งของชิวไท่ยิง


“มู่เฉินคนนี้กล้าหาญนัก ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ด้วยวัยเท่านี้…”


“แต่เขายังอ่อนหัดเกินไป ไม่จำเป็นต้องประลองเลย ถ้าเขาแพ้จะขายหน้าเอา”


“ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะแพ้ เขาอายุเท่าไร แล้วชิวไท่ยิงอายุเท่าไร? ให้เวลาเขาสักสองสามปีถึงตอนนั้นชิวไท่ยิงไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะสู้กับเขา…”


“ไม่มีใครบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรหรอก…”


“…”


เสียงถกเถียงกระจายออกไป มีคนจำนวนหนึ่งรู้สึกชื่นชมมู่เฉิน เช่นเดียวกับคนอีกจำนวนหนึ่งที่รู้สึกว่ามู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไป ไม่สามารถควบคุมนิสัยตัวเองได้ ทำให้เกิดการอภิปรายทุกประเภทจนบริเวณนี้คึกคักด้วยเสียงดัง


ภายใต้ความวุ่นวาย ชิวไท่ยิงก็มองมู่เฉินบนลานพิธีด้วยสายตาเฉยเมยพลางคลี่ยิ้ม ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าเขาดูเสแสร้งหลายส่วน


“แม่ทัพมู่เฉินใจกล้าจริงๆ”


มู่เฉินยิ้มบางไม่ได้เกรงกลัวสายตาของชิวไท่ยิง “ถ้าข้าไม่มีความกล้า บางทีข้าอาจมาได้ไม่ไกลขนาดนี้”


ชิวไท่ยิงไม่ได้โต้ตอบ เขาเก็บมือทั้งคู่ไว้ในแขนเสื้อ มองมู่เฉินอย่างใจเย็น ในแง่ของสถานะมู่เฉินกับเขาเท่าเทียมกันในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่ท่าทางของชิวไท่ยิงที่แสดงออกมา เห็นชัดว่าในใจเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนระดับเดียวกับมู่เฉิน


“ในเมื่อแม่ทัพมู่เฉินกล้าหาญชาญชัย ข้าก็จะสนองความต้องการให้ แต่หมัดแข้งขาไม่มีตา ข้าคงไม่อาจปรานีได้นะ” ชิวไท่ยิงเอ่ยช้าๆ


มู่เฉินยิ้มไม่ใส่ใจชิวไท่ยิง เขาหันกลับเดินตรงไปที่ฉินจงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกฝ่ายร่างโชกไปด้วยเลือด ซ้ำยังมีน้ำแข็งสีดำปกคลุมอยู่บนผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนี่เป็นผลจากคลื่นหลิงเย็นเยือกของชิวไท่ยิงบุกรุกเข้ามาในร่าง


ฉินจงสัมผัสถึงมู่เฉินกำลังเดินมาหา รอยยิ้มขมขื่นก็ปรากฏบนใบหน้า แต่ก่อนที่จะพูดอะไร มู่เฉินก็แตะมือเบาๆ บนแผ่นอกของฉินจง


“เจ้า?”


ฉินจงอึ้งไปก่อนจะสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงของมู่เฉินกำลังเข้าสู่ร่างของเขาเพื่อพยายามขับคลื่นหลิงเย็นเยือกออก นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาพูดขึ้นทันที “หยุดเดี๋ยวนี้! คลื่นหลิงเย็นนี้แข็งแกร่งเกินไป ถ้ามันเข้าสู่ร่างของเจ้า จะมีปัญหาได้นะ”


ชิวไท่ยิงยิ้มขณะมองภาพนี้ คลื่นหลิงของเขาเคยหลอมรวมกับผลึกจันทรา ทำให้มีพลังงานเย็นเยือกเป็นองค์ประกอบ แม้แต่จอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ยังประสบปัญหาในการกำจัดออกเมื่อมันเข้าสู่ร่างกาย ส่วนมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม ก็จะสูญเสียพลังต่อสู้อย่างสมบูรณ์หากมันเข้าสู่ร่างกายได้


ดังนั้นเมื่อเห็นมู่เฉินพยายามขับไอเย็นออกจากร่างฉินจง มุมปากของชิวไท่ยิงก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะขณะพึมพำ “ดื้อด้านเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี…”


เมื่อมู่เฉินได้ยินคำเตือนของฉินจง เขาก็ยิ้มก่อนที่เพลิงสีม่วงจะพวยพุ่งออกจากฝ่ามือเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่าย


ชี่! ชี่!


ควันขาวลอยออกจากศีรษะของฉินจง จากนั้นเขาก็ค้นพบอย่างน่าตกใจว่าไอเย็นในร่างกายถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว


“นั่น…เพลิงอมตะ?” ฉินจงสะท้านไปเล็กน้อยขณะมองมู่เฉิน ที่แท้คลื่นหลิงของมู่เฉินก็เคยหลอมรวมกับเพลิงอมตะนี่เอง มิน่าล่ะเขาถึงไม่กลัวไอเย็นของชิวไท่ยิง


มู่เฉินพยักหน้าถอนมือกลับ


ความปั่นป่วนกระจายมาจากรอบๆ ลาน ขณะที่พวกเขามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาแปลกประหลาด กลยุทธ์ของชายหนุ่มขุมพลังจื้อจุนขั้นสามน่าสะพรึงอย่างแท้จริง


“ขอบใจ”


ฉินจงยืนขึ้นช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าให้มู่เฉินอย่างซาบซึ้ง จากนั้นเขาก็เหลือบมองชิวไท่ยิงที่มีสีหน้าน่าเกลียดพลางเอ่ยเตือน “ระวังตัวด้วย เขาไม่ใช่โค่นลงได้ง่ายๆ นะ”


มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ เขารู้ว่าชิวไท่ยิงทรงพลังเพียงใด พูดตรงๆ แม้แต่โยวหมิงก็อาจสู้ไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะเป็นฝ่ายชนะในวันนี้


แต่ไม่ว่าจะยากลำบากเท่าไร ก็ไม่มีทางที่เขาจะถอย เนื่องจากฉินจงแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว หากเขายอมแพ้ ก็เท่ากับชิวไท่ยิงจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการคนที่สิบ หากเกิดเรื่องนั้นขึ้น งานของเขาจะล้มเหลว เลือดเทพอสูรทั้งสิบชนิดก็จะกลายเป็นอากาศธาตุ ในอนาคตก็จะเป็นเรื่องยากในการฝึกคัมภีร์หลงเฟิ่ง


ซึ่งนี่เป็นอุปสรรคในเส้นทางของเขาที่จะแข็งแกร่งขึ้น


ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหน้าต่อ


พอเห็นท่าทางแน่วแน่ของมู่เฉิน ฉินจงก็ไม่ได้พูดอะไรพลางตบบ่า ก่อนจะออกจากลานพิธีไป


“แม่ทัพมู่เฉินมีทักษะเหมือนกันนี่ มิน่าล่ะเจ้าถึงมีชื่อในศึกมังกรหงส์ได้” ชิวไท่ยิงมองมู่เฉินอย่างเฉยเมย


มู่เฉินยิ้มขณะจ้องชิวไท่ยิงพร้อมกับแสงวับวาวในม่านตาสีดำ


“แม้ข้าจะชื่นชมชายหนุ่มโดดเด่นอย่างเจ้า แต่ข้าไม่เคยออมมือให้คู่ต่อสู้หรอกนะ ในเมื่อเจ้าเลือกมายืนตรงนี้ ก็ต้องพร้อมที่จะจ่ายเพื่อมัน”


สายตาของชิวไท่ยิงเย็นชาลงขณะจับจ้องไปที่มู่เฉิน ก่อนจะเหยียดนิ้วชี้ไปหา “บนลานพิธีมอบยศราชัน ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย”


ตู้ม!


พร้อมกับคำพูดของชิวไท่ยิง พลังจื้อจุนขั้นห้าก็ระเบิดออกจากร่างเขาราวกับพายุ แรงกดดันทรงพลังราวกับคลื่นยักษ์ปกคลุมร่างมู่เฉิน


แรงกดดันทรงพลังห่อหุ้มมู่เฉินไว้ หากเป็นจอมยุทธุ์ขมพลังจื้อจุนขั้นสามทั่วไป พวกเขาคงสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ส่วนใหญ่ภายใต้แรงกดดันนี้แล้ว แต่ในดวงตาของมู่เฉินก็ยังไม่มีความหวาดกลัวใดๆ เลย


มู่เฉินหลับตาลงช้าๆ เส้นผมสีดำงอกยาวอย่างรวดเร็วพร้อมกับทิ้งตัวลงมา เมื่อเขาลืมตาก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิมราวกับหลุมดำสองหลุมอุบัติขึ้น


สภาวะฤทัยปีศาจขั้นต้น!


มู่เฉินกำหมัด คลื่นหลิงที่มีเพลิงสีม่วงกับสายฟ้าโปร่งแสงก็ปรากฏบนหมัดแต่ละข้าง ตอนนี้คลื่นหลิงที่มีพลังงานสองคุณลักษณะที่แตกต่างกันสิ้นเชิงได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ภายใต้สภาวะฤทัยปีศาจ


แรงกดดันที่ปกคลุมเข้ามาก็สลายหายไปในตอนนี้


ม่านตาของมู่เฉินที่ราวกับหลุมดำสองหลุมกำลังมองชิวไท่ยิงอย่างเฉยเมย ภายใต้สภาวะนี้เขามีสติและสมาธิอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอะไรจากภายนอกสามารถสั่นคลอนจิตใจของเขาได้


เมื่อถูกดวงตาผิดปกติของมู่เฉินจ้องมอง ชิวไท่ยิงก็ขมวดคิ้ว แม้ว่าพลังของเขาจะอยู่เหนือมู่เฉิน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตัว นั่นเป็นเพราะประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนบอกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลที่มู่เฉินอยู่ในสภาวะนี้


“ขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม ต่อให้ยังไงเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” ชิวไท่ยิงแค่นเสียงเย็นในใจ จากนั้นก็เลิกลังเลพลิกนิ้วออกไป ลำแสงคลื่นหลิงพุ่งออก ราวกับงูยักษ์กวาดตัวมาหามู่เฉิน คลื่นหลิงดำอัดแน่นไปด้วยไอเย็นเยือก


มู่เฉินถอยออกไป ในเวลาเดียวกันฝ่ามือซ้ายก็ตบออก คลื่นหลิงผสานเพลิงสีม่วงพวยพุ่งเข้าไปปะทะกับคลื่นหลิงสีดำ ขณะเดียวกันนั้นเขาก็กำหมัดขวาใส่ชิวไท่ยิงจากที่ไกล มีสายฟ้าโปร่งแสงแล่นแปลบปลาบระหว่างนิ้ว


ชิวไท่ยิงมองฝ่ามือขวาของมู่เฉิน สายตาก็หดลง ก่อนที่จะโต้กลับ เสียงฟ้าคำรามก็ได้ระเบิดขึ้นในส่วนลึกของหัวใจเขา


ตึง!


เสียงฟ้าคำรามระเบิดทำให้ร่างของชิวไท่ยิงสั่นเทิ้ม คลื่นหลิงในร่างปรวนแปรไปหมด


วาบ!


มู่เฉินทะยานออกไปสุดแรง เคลื่อนผ่านจุดปะทะของคลื่นหลิงและหมัด เสาปีศาจปรากฏขึ้นในพริบตา ฟาดแบบไม่ยั้งใส่ร่างชิวไท่ยิงอย่างไม่ปรานี


แสงเย็นเยือกวาบขึ้นในดวงตาของชิวไท่ยิงขณะที่กระตุกร่าง คลื่นหลิงของเขาปะทะกันก่อเกิดเสียงดังสนั่นสยบเสียงสายฟ้าคำรามในร่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ซัดฝ่ามือออกไปด้วยสีหน้าเย็นเยือก


ตึง!


ฝ่ามือสีดำของชิวไท่ยิงปะทะหนักกับเสาปีศาจที่ฟาดลงมา ทำให้เกิดระลอกมิติ พื้นดินใต้ร่างเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่เขาก็ซัดเสาปีศาจกระเด็นออกไป กระทั่งมู่เฉินก็ลอยตามออกไปด้วยเช่นกัน


เท้าของมู่เฉินครูดไปกับพื้นเป็นทางยาว ใบหน้าไม่ปรากฏริ้วอารมณ์ใดๆ


“เจ้าไม่ได้แข็งแกร่ง แต่มีกลยุทธ์ประหลาดหลากหลาย ดูท่าเจ้าคงพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ในการสร้างความโดดเด่นในรุ่นของเจ้าสินะ แต่ข้าต้องบอกก่อนว่าการเผชิญหน้ากับพลังสมบูรณ์แบบ ลูกไม้พวกนี้ก็แค่ของเด็กเล่น!”


ใบหน้าของชิวไท่ยิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนหน้านี้เขาเกือบจะถูกมู่เฉินเล่นงานเข้า ทำให้โทสะผุดขึ้นในใจ แค่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามไม่สามารถทำอะไรภายใต้ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าของเขาได้หรอก


ชิวไท่ยิงมองมู่เฉินอย่างเย็นชา จากนั้นร่างก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าช้าๆ คลื่นหลิงสีดำแผ่ซ่านออกจากร่างอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มองเห็นระลอกคลื่นกระจายออกไป


“คุกเย็นมหาจันทรา!”


ตราประทับในมือชิวไท่ยิงเปลี่ยนแปลง เขากำอากาศตรงทิศทางของมู่เฉิน พื้นดินเบื้องล่างมู่เฉินแตกออกพร้อมกับคลื่นหลิงสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อร่างเป็นคุกน้ำแข็งเย็นเยือกขังมู่เฉินไว้


“ตราประทับปิดน้ำแข็ง”


ชิวไท่ยิงยิ้มเย็น เขากำมือ คุกน้ำแข็งก็หดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ไอเยือกเย็นกัดกร่อนมู่เฉินอยู่ต่อเนื่อง ภายใต้กระบวนการนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ก็ต้องถูกแช่แข็ง


จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนส่ายหน้าด้วยความเวทนา ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามกับขั้นห้าช่างห่างเหินเหลือเกิน เมื่ออยู่ตรงหน้าแรงกดดันคลื่นหลิงเช่นนี้ ไม่ว่ามู่เฉินจะมีกลยุทธ์มากมายเท่าใดก็ยากที่จะสู้ไหว


ภายในคุกน้ำแข็ง ม่านตาของมู่เฉินราวกับหลุมดำมองไอเย็นที่กำลังกวาดเข้ามา ขณะที่เพลิงสีม่วงลุกโชนรอบกายเขา แต่ก็ทำได้เพียงต้านไอเย็นไว้ เพราะแม้เพลิงอมตะจะแข็งแกร่ง แต่พลังของมู่เฉินกับชิวไท่ยิงก็ห่างไกลกันหลายขุม


คลื่นหลิงของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามยังไม่เพียงพอที่จะให้มู่เฉินทำอะไรได้สบายต่อหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า


“ระดับจื้อจุนขั้นสามไม่พอเรอะ…”


มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง จู่ๆ เขาก็หลับตาลงท่ามกลางสายตาตกตะลึง มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน


ในเมื่อขุมพลังจื้อจุนขั้นสามไม่พอ…งั้นก็บรรลุซะ



บทที่ 821 บรรลุ

คุกน้ำแข็งที่สร้างจากน้ำแข็งดำพวยพุ่งด้วยไอเย็นสีดำสุดขั้ว


ความเย็นนี้สามารถแช่แข็งคลื่นหลิงได้เลยทีเดียว และตอนนี้ในคุกมู่เฉินก็ยืนนิ่งพร้อมกับประสานมือไว้ด้วยกัน


เมื่อมือประสานกัน เสียงครางกระหึ่มก็ดังขึ้นในร่างกาย จากนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ไหลทะลักราวกับน้ำป่าไหลหลาก เติมเต็มแขนขาและกระดูกของเขา


แรงกดดันคลื่นหลิงที่ผันผวนรอบตัวพุ่งสูงในระดับน่าทึ่ง ซ้อนทับกันเป็นชั้นขณะผลักดันไปสู่ระดับที่ทรงพลังมากขึ้น


มู่เฉินได้รับโอกาสหลายอย่างในเขตหลงเฟิ่ง ดังนั้นคลื่นหลิงในร่างกายเขาจึงพุ่งสูงถึงระยะปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นสามแล้ว ทว่าเขารู้ว่าพัฒนาการของตนเองเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดจะบรรลุขุมพลังทันที เนื่องจากเกรงว่าจะเสี่ยงให้เกิดความไม่เสถียรในเรื่องรากฐานพลัง


ในเขตหลงเฟิ่งเขาชำระเลือดมังกรหงส์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่คิดจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นสี่ แม้ว่าเขาจะรู้ถ้าบรรลุขุมพลังดังกล่าวได้จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตนเองที่จะจัดการกับโยวหมิง


ดังนั้นเขาจึงกดสิ่งนี้ไว้จนกระทั่งกลับมายังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาใช้เวลาครึ่งเดือนเก็บตัวเพื่อควบคุมการเพิ่มความแข็งแกร่งจากเขตหลงเฟิ่งอย่างเต็มที่ ดังนั้นตอนนี้คลื่นหลิงในร่างของมู่เฉินจึงอยู่ในสถานะสมบูรณ์แบบมาก


ตอนนี้เขาแค่ทำเพียงกระตุ้นคลื่นหลิงในร่างเล็กน้อย มันก็จะปล่อยคลื่นหลิงให้ไหลทะลักไปตามอำเภอใจทำให้เขาบรรลุขุมพลังไปได้ง่าย


ทุกสายตารอบลานพิธีมองไปที่คุกน้ำแข็ง หลายคนส่ายหน้าด้วยความเวทนา เพราะคิดว่ามู่เฉินล้มเหลวแล้ว


ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามจะสามารถเผชิญหน้าได้


“พี่ใหญ่จิ่วโยว มู่เฉิน…” ถังปิงกับพรรคพวกอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงต่ำ ความกังวลฉายบนใบหน้าทุกดวง


จิ่วโยวขมวดคิ้วจ้องมองคุกน้ำแข็ง จากสัมผัสเฉียบคม นางรับรู้ได้ถึงความผันผวนประหลาดที่แผ่ออกมาจากภายใน ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไร


บนบัลลังก์ทอง ดวงตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวก็วูบไหวเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากก็เผยอขึ้น ไอ้นั่นก็ถือว่าไม่ไหว


“การต่อสู้น่าเบื่อถึงจุดจบแล้ว”


ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ชิวไท่ยิงก็ยิ้มอย่างไม่แยแส ในสายตาของเขาช่องว่างพลังระหว่างเขากับมู่เฉินห่างกันเกินไป มู่เฉินมีกลยุทธ์น่าทึ่งหลากหลายก็จริง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถมช่องว่างระหว่างขุมพลังได้


ทว่าการได้บดขยี้ใครสักคนที่มีชื่อเสียงที่กระจายไปราวกับไฟลามทุ่งในภูมิภาคทางเหนือได้ ทำให้ชิวไท่ยิงรู้สึกสุขใจนัก แม้แต่อัจฉริยะโดดเด่นก็ยังเป็นคนที่เขาจัดการได้อย่างง่ายดายในสายตาเขา


ชิวไท่ยิงแสยะยิ้มในหัวใจ จากนั้นก็เหยียดมือไปในทิศทางของคุกน้ำแข็งดำก่อนจะเริ่มกำมือ


ตู้ม!


ทว่าขณะที่ชิวไท่ยิงกำมือเตรียมทำลายคุกน้ำแข็ง คลื่นหลิงเปล่งประกายก็ระเบิดออกราวกับภูเขาไฟ


ท่ามกลางไอความร้อนนั่นยังแผ่สายฟ้าไร้รูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นเพลิงม่วงหรือสายฟ้าก็ต่างเป็นพลังขั้วหยางซึ่งรุนแรงอย่างยิ่ง เมื่อพุ่งออกมาก็ระเหยคุกน้ำแข็งจนหมด


“อะไรน่ะ?!” ใบหน้าของชิวไท่ยิงเปลี่ยนไปทันที


เสาคลื่นหลิงขนาดใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสาแสงหายไป ร่างสูงโปร่งก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้า


วาบ!


ทุกคนเบนสายตาไปยังทิศทางนั้น


นี่ยังคงเป็นภาพมู่เฉินผมยาวเหยียดที่มีดวงตาสีดำล้ำลึกน่ากลัว ทว่าตอนนี้คลื่นหลิงรอบตัวเขาได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า!


คลื่นหลิงที่พวยพุ่งฉับพลันทำให้ผู้คนอุทานออกมา “เขาบรรลุขุมพลังหรือ?!”


ผู้คนที่แสดงความสงสารบนใบหน้าอดอุทานไม่ได้ เนื่องจากไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะบรรลุขุมพลังในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ความสำเร็จของหนุ่มนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบได้


“แต่ถึงแม้เขาจะบรรลุขุมพลังได้ ก็ยังเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ช่องว่างพลังระหว่างเขากับชิวไท่ยิงยังห่างไกลนัก” บางคนส่ายหน้า เห็นได้ว่าพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสู้กับชิวไท่ยิงได้ ต่อให้เขาบรรลุขุมพลังแล้วก็ตาม เพราะการก้าวข้ามพัฒนาการของเขาเป็นแค่การถมช่องว่างให้ใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เหนือกว่าอีกฝ่ายเลย


จอมยุทธ์หลายคนพยักหน้า ยังมีช่องว่างระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่กับขั้นห้าอยู่


ภายใต้เสียงกระซิบรอบด้าน ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็มืดครึ้มไปขณะมองมู่เฉิน เห็นชัดว่าสถานการณ์นี้ชักเหนือความคาดหมายของเขาแล้ว


“แม่ทัพมู่เฉินสมกับเป็นจอมยุทธ์หัวกะทิจริงๆ สามารถบรรลุขุมพลังได้แม้แต่ในเวลาเช่นนี้” ชิวไท่ยิงยิ้มบางเอ่ยต่อ “แต่ต่อให้เจ้าบรรลุเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นสี่ ก็ไม่ได้มีผลอะไร ข้าแนะนำให้จบการต่อสู้นี้เถอะ ข้าคิดว่าตนเองคงไม่ยั้งมือได้อีกต่อไปแล้ว”


ได้ยินคำพูดนั่น มู่เฉินก็ตอบอย่างไร้อารมณ์ “งั้นใครจะถือเป็นผู้ชนะ?”


ใบหน้าของชิวไท่ยิงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะโค้งบนมุมปากเอ่ยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อแม่ทัพมู่เฉินต้องการแยกผู้แพ้ผู้ชนะ งั้นข้าสงเคราะห์ให้แล้วกัน”


เมื่อพูดจบ ริ้วไอสังหารก็วูบวาบในดวงตา คำพูดก่อนหน้าถือว่าไว้หน้าให้มู่เฉิน แต่ใครจะคิดว่าเขาจะโอหังไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกล้าถามกลับมาเช่นนี้


มือบางของชิวไท่ยิงกำขึ้น ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงสีดำกวาดออกทุกทิศทาง ก่อเป็นกระบี่สีดำเมื่อมขนาดใหญ่ ฉีกผ่านมิติอย่างรวดเร็วฟาดฟันลงบนร่างมู่เฉิน


ดวงตาสีดำมืดของมู่เฉินวูบไหว แต่เขาก็ไม่ได้หลบ มือประสานกันขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตโชติช่วงด้วยเพลิงสีม่วงและแล่นแปลบปลาบด้วยสายฟ้าไร้รูปทรงก็รวมตัวกันกวาดออกมา ปะทะกับกระบี่สีดำขนาดใหญ่ที่แผ่ความเย็นเยือก


ปัง!


พลังสองสายปะทะกัน แต่ครั้งนี้การโจมตีของชิวไท่ยิงไม่สามารถเอาชนะได้เหมือนก่อนหน้า ทั้งสองด้านอยู่ในสภาวะชะงักงัน ก่อนที่คลื่นหลิงจะขาดออกจากกัน เมื่อคลื่นหลิงแตกออก รอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนกระบี่สีดำเย็นเยือก


เห็นชัดว่าหลังจากเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นสี่ คลื่นหลิงของมู่เฉินที่เคยหลอมรวมเพลิงอมตะกับสายฟ้าไร้รูปร่างก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมากในการปะทะกับชิวไท่ยิงแล้ว


อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่ชิวไท่ยิงจะปราบมู่เฉินไว้ได้เพียงเพราะแรงกดดันคลื่นหลิงแล้ว


ชิวไท่ยิงก็รู้สึกได้ถึงสถานการณ์นี้ ใบหน้าจึงมืดครึ้มลงอีกหลายส่วน


มู่เฉินยังคงสงบนิ่ง เมื่อเข้าสู่สภาวะฤทัยปีศาจ เขาอยู่ในสภาวะนิ่งสงบโดยสมบูรณ์ นี่เป็นสถานะการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เนื่องจากพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นใหญ่หลวงในสภาวะนี้ นั่นเป็นเพราะเขาสามารถใช้ประโยชน์จากคลื่นหลิงทุกเส้นสายได้เต็มกำลัง ไม่มีส่วนใดสูญเปล่าเลย


“แม่ทัพมู่เฉินมีสามารถแท้จริง วันนี้ข้าจะดูว่าเจ้ามีกลยุทธ์อะไรบ้างกันแน่!” ชิวไท่ยิงสาดสีหน้าเย็นเยือก จากนั้นก็กระทืบเท้า ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พวยพุ่ง ร่างสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังมากล้นและหนาวเหน็บพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า


นั่นคือร่างมหาจันทรา


เห็นชัดว่าชิวไท่ยิงเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาแรงกดดันคลื่นหลิงเพียงอย่างเดียวในการจัดการกับมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา


เขาต้องให้มู่เฉินรู้ว่าต่อให้บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่แล้ว ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการดวลนี้ได้


ชิวไท่ยิงปรากฏตัวบนร่างมหาจันทรา สายตาคมกริบจ้องมองมู่เฉิน จากนั้นเขาก็กางมือบางออก คลื่นหลิงสีดำเมื่อมรวมตัวอย่างป่าเถื่อนที่ปลายนิ้ว จันทร์เสี้ยวสีดำเผยออกมาอีกครั้ง


ดวงตาทุกคนสั่นไหวขณะมองภาพนี้ ก่อนหน้าฉินจงก็แพ้ให้กับชิวไท่ยิงด้วยกระบวนท่านี้ ดังนั้นทุกคนจึงรู้ซึ้งถึงพลังของจันทร์เสี้ยวสีดำดี


ดวงตาสีดำของมู่เฉินกระเพื่อมไหว เขาสะบัดมือ ทำให้เกิดแสงสีทองพร่างพรายกวาดออกมาใต้ฝ่าเท้า ก่อนจะก่อร่างสีทองขนาดใหญ่ที่มีดวงตะวันสีทองลุกโชนลอยอยู่ด้านหลังศีรษะ


เรียกร่างเทพสุริยะออกมา คลื่นหลิงในบริเวณนี้ก็กระเพื่อมรุนแรง แสงสีทองกระจายออกไปทั่วฟ้าดิน แม้แต่ไอเย็นที่ไหลเวียนอยู่รอบร่างมหาจันทราก็ไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาในขอบเขตแสงสีทองได้


ทุกคนบอกได้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินน่าเกรงขามเพียงใด แม้จะเผชิญหน้ากับร่างเทห์สวรรค์ของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ก็ไม่ได้ดูด้อยกว่าแม้แต่น้อย


“หึ!”


เห็นร่างเทพสุริยะใต้เท้ามู่เฉิน สายตาชิวไท่ยิงก็หดลง ชัดเจนที่เขารู้สึกว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินพิเศษเพียงใด ทว่าเขาก็ทำเพียงแค่นเสียงเย็นในใจ ต่อให้ร่างเทห์สวรรค์ที่มู่เฉินฝึกจะไม่ธรรมดาและต่อให้เป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังก็ต้องใช้คลื่นหลิงของผู้ฝึกมาสนับสนุนอยู่ดี


“ในเมื่อเจ้ามั่นใจในตัวเองนัก…”


รอยยิ้มเย็นโค้งบนมุมปากของชิวไท่ยิง อึดใจเขาก็หงายฝ่ามือขึ้นท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นคลื่นหลิงสีดำเมื่อมก็พวยพุ่งออกจากร่างมหาจันทรา รวมตัวกันภายใต้ฝ่ามือของชิวไท่ยิง จากนั้นทุกคนก็ต้องสูดหายใจลึกสุดปอด เพราะพวกเขาเห็นจันทร์เสี้ยวห้าดวงปรากฏอยู่ภายใต้ฝ่ามือชิวไท่ยิง


การดวลกันเมื่อครู่ ฉินจงไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่จันทร์เสี้ยวดำดวงเดียว แต่ตอนนี้มีทั้งหมดห้าดวง แม้ว่ามู่เฉินจะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ เขาก็คงไม่สามารถต้านทานได้!


เห็นชัดว่าชิวไท่ยิงไม่คิดให้โอกาสมู่เฉินแล้ว เขาต้องการเอาชนะอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาดภายใต้สายตาทุกคน!



บทที่ 822 ดวลเดือดกับชิวไท่ยิง

ฮึ่ม! ฮึ่ม!


คลื่นหลิงในบริเวณนี้ผันผวนรุนแรง ขณะที่จันทร์เสี้ยวสีดำทั้งห้ารวมตัวกันภายใต้ฝ่ามือของชิวไท่ยิง ของเหลวสีดำไหลเข้าสู่จันทร์เสี้ยว ปล่อยรังสีกัดกร่อนน่ากลัวอย่างยิ่งออกมา


เหล่าจอมยุทธ์มีสีหน้าเคร่งขรึมลง พวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารจากกระบวนท่าของชิวไท่ยิง เห็นชัดว่าเขาไม่ต้องการลากการต่อสู้กับมู่เฉินต่อไปอีกแล้ว พยายามยุติการต่อสู้ที่น่าเบื่อในสายตาเขาให้เร็วที่สุด


จิ่วโยวกับเหล่าผู้บัญชาการมีสีหน้าเครียดลง แม้ว่าชิวไท่ยิงจะเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่การโจมตีนี้ก็อยู่ในระดับที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าอย่างจริงจัง


“ไป!”


ชิวไท่ยิงมองมู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ จันทราทั้งห้าสั่นสะเทือน ทะลวงผ่านมิติหายเข้าไป อึดใจก็มาปรากฏเหนือร่างมู่เฉิน จันทร์เสี้ยวทั้งห้าฉวัดเฉวียดไปมาราวกับปลาน้อย


ชิวไท่ยิงแสยะยิ้มเย็นขณะมองมู่เฉินที่อยู่บนศีรษะร่างเทพสุริยะด้วยดวงตาพล่านไอเย็นเยือก ในเมื่อจะลงมือ ก็ต้องกำจัดความกล้าของมู่เฉินที่มีให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงกำหมัดแน่น


“หลอมรวมห้าจันทรา!”


จันทร์เสี้ยวสีดำเมื่อมทั้งห้าเปล่งไอเย็นเยือกไร้ที่สิ้นสุดออกมาก็ปะทะกันแล้วรวมตัว ทำให้พลังการโจมตีน่ากลัวมากกว่าเดิมหลายส่วน แม้แต่มิติก็ถูกฉีกแยกออกจากกัน


ทุกคนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาเข่นฆ่าจากชิวไท่ยิง


มู่เฉินยืนบนศีรษะของร่างเทพสุริยะเงียบๆ เขามองการโจมตีน่าตกใจด้วยดวงตาดำมืด มือทั้งสองก็ประสานกัน วาดตราประทับมือวูบไหว


ฮึ่ม!


เมื่อตราประทับมู่เฉินเปลี่ยนไป แสงสีทองโชติช่วงก็ระเบิดออกมาจากคิ้วและหน้าอกของร่างเทพสุริยะ ราวกับดวงตะวันสองดวงฉายแสง


ขณะที่แสงสีทองกระจายออกไป ก็เทเข้ามาในร่างมู่เฉิน ทำให้เขาดูสว่างเจิดจ้าท่ามกลางแสงสีทอง


ทักษะเทห์สวรรค์ คลื่นเก้าตะวัน สองตะวัน!


แสงสีทองพุ่งผ่านม่านตาสีดำของมู่เฉิน ตราประทับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เสียงตะโกนดังก้องในหัวใจ “คลื่นเก้าตะวัน ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์!”


ฟิ้ว!


ตราประทับโบราณสีทองก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใต้ฝ่ามือของมู่เฉิน สุดท้ายกลายเป็นแสงสีทองวาบผ่านขอบฟ้าพุ่งตรงไปยังแสงสีดำที่ฉีกผ่านมิติมาอย่างไม่ลังเล


เมื่อใช้ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์ มู่เฉินก็ไม่ได้หยุดมือ เพราะเขารู้ดีว่าการโจมตีเต็มกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าไม่ใช่สิ่งที่ต้านทานได้ง่าย


โฮก!


เขากระทืบเท้า คลื่นหลิงไร้ขอบเขตราวกับมังกรพวยพุ่งในร่าง จากนั้นเสียงคำรามของมังและคชสารก็ดังขึ้นจากในร่าง ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน


ฟิ้ว! ฟิ้ว!


เสาแสงสี่เสาพุ่งออกจากร่างมู่เฉิน ก่อนจะรวมตัวอย่างรวดเร็วเป็นมังกรและคชสารอย่างละสองตัว มังกรคดตัว คชสารย่ำฟ้า ปลดปล่อยคลื่นหลิงป่าเถื่อนออกมา


“วิชาเก้ามังกรคชสาร!”


สัตว์อสูรสองตัวมีร่างกายลุกโชนด้วยเพลิงสีม่วง ส่วนอีกสองตัวเปล่งประกายสายฟ้าไร้รูปร่าง พวกมันมีองค์ประกอบแตกต่างกันและมีความรุนแรงอย่างยิ่งในตอนนี้


ตู้ม!


สองมังกรสองคชสารปะทะกัน พร้อมกับคลื่นหลิงรุนแรงผันผวนออกมาราวกับคลื่น ขณะที่จานแสงมังกรคชสารยักษ์ก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทะยานออกมาเป็นลำแสงสายหนึ่ง


ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์นำหน้า จานแสงมังกรคชสารต่อท้าย กระบวนท่าทรงพลังทั้งสองถูกปลดปล่อยออกมาแบบไม่มียั้งจากมู่เฉิน การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากรู้สึกใจสั่นเช่นกัน แม้ว่ามู่เฉินจะเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ทว่าการโจมตีนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ที่บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่มานานยังยากจะต้านทานได้


แต่เขาจะสามารถต้านทานท่าพิฆาตของชิวไท่ยิงได้ด้วยสิ่งนี้หรือ?


ภายใต้สายตากระวนกระวายนับไม่ถ้วน ลำแสงก็ฉีกผ่านมิติก่อนจะปะทะกันราวกับอุกกาบาต


ตึง!


การปะทะกันนี้ทำให้พายุคลื่นหลิงกวาดออกมาอย่างฉับพลัน แรงปะทะคลื่นหลิงราวคลื่นสูงหมื่นจั้งกวาดอาละวาดรุนแรงทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ


แสงสีดำและสีทองกินพื้นที่ท้องฟ้าคนละครึ่ง ขณะที่กัดกร่อนปะทะกันรุนแรง


ชิวไท่ยิงมองการปะทะด้วยสายตาไม่แยแส จากนั้นไอเย็นเยือกในดวงตาก็แรงกล้าขึ้นขณะที่ตะโกนออกมา “สลาย!”


ฮึ่ม!


จันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ที่ก่อตัวจากจันทร์เสี้ยวห้าดวงกระตุก ไอเย็นเยือกพวยพุ่ง มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ แตกตราประทับสีทองออกจากกัน


หลังจากฉีกตราประทับแสงสีทองออกจากกัน จันทร์เสี้ยวสีดำก็พุ่งตรงมาที่จานแสงมังกรคชสารที่พุ่งเข้ามา


จานแสงมังกรคชสารระเบิดแตกออกกลายเป็นจุดแสงสลายหายไป แต่จันทร์เสี้ยวสีดำนั้นก็หม่นแสงลงอย่างหนัก มากจนมีรอยแตกปรากฎขึ้น


“พลังงานที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะจัดการแกแล้ว” ชิวไท่ยิงเค้นเสียง แม้พลังการโจมตีของเขาจะลดลงไปจากการปะทะกับกระบวนท่าทั้งสองของมู่เฉิน แต่พลังที่เหลืออยู่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว


มู่เฉินมองจันทร์เสี้ยวที่ทะยานเข้ามาขณะยืนอยู่บนศีรษะของร่างเทพสุริยะ จากนั้นก็ทำสิ่งที่น่าตกใจ เขาไม่มีสัญญาณว่าจะหลีกเลี่ยงใดๆ กลับพุ่งตรงไปหาจันทร์เสี้ยว!


โห้!


จอมยุทธ์ที่อยู่รอบลานพิธีก็ระเบิดความโกลาหล


“แกรนหาที่ตาย!” ไอเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตาของชิวไท่ยิง


ฮึ่ม!


แสงสีทองสุกใสระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน ราวกับมีภาพมังกรและหงส์ฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏบนผิวกาย เกราะทองคำก็เผยขึ้นมาด้วยเช่นกัน


เขาเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้าปะทะอย่างหนักหน่วงกับจันทร์เสี้ยวสีดำที่แผ่พลังงานเย็นเยือกปริมาณมากอย่างน่าตกใจภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน


คลื่นหลิงรุนแรงกวาดสร้างหายนะ


ร่างของมู่เฉินถลากลับไป


แต่เวลาเดียวกันกับที่มู่เฉินกระเด็นถอยหลัง ทุกคนก็เห็นรอยร้าวแผ่กระจายอย่างรวดเร็วบนจันทร์เสี้ยวสีดำหลังจากรับหมัดจากมู่เฉิน ก่อนที่จะพังทลายลงกลายเป็นจุดแสงสีดำ


การโจมตีเต็มกำลังของชิวไท่ยิงถูกมู่เฉินจัดการได้ในที่สุด!


เมื่อร่างมู่เฉินกระเด็นถอยออก มือใหญ่ของร่างเทพสุริยะก็ยื่นออกคว้าตัวเขาไว้ ทว่าพลังงานสะท้อนน่ากลัวจนทำให้เกิดรอยร้าวบนมือใหญ่ของร่างเทพสุริยะ


มู่เฉินพลิ้วตัวลงบนมือร่างเทพสุริยะ เกราะทองคำจางหายไป ทุกคนก็เห็นเลือดหยดลงมาจากฝ่ามือเขา


มู่เฉินทำเพียงเหลือบมองรอยเลือดบนมือ เขารู้สึกถึงความเจ็บชาแผ่ออกมา หากไม่ใช่เพราะเกราะมังกรหงส์และกายามังกรหงส์ละก็ จันทร์เสี้ยวสีดำคงจะฉีกร่างเขาไปในพริบตาแล้ว


การโจมตีเต็มกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้ แม้ว่าพลังงานส่วนใหญ่จะหมดไป แต่พลังงานที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่แล้ว


ทว่าชิวไท่ยิงประมาทความสามารถของมู่เฉินอย่างเห็นได้ชัด


ความโกลาหลพล่านไปทั่วบริเวณ คิดว่าคนจำนวนมากคงรู้สึกตระหนกไปกับความจริงที่มู่เฉินได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็สามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของชิวไท่ยิงได้แล้ว


สีหน้าของชิวไท่ยิงเย็นลงเมื่อมองภาพนี้ เขามองมู่เฉินที่มีดวงตาสงบไร้ริ้วอารมณ์ใดๆ โทสะในหัวใจก็แรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ


มู่เฉินทำให้การโจมตีของเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาเสียหน้ามาก


แต่ถึงเขาจะทั้งประหลาดใจและโกรธ ชิวไท่ยิงก็เริ่มปฏิบัติกับมู่เฉินในฐานะคู่ต่อสู้แท้จริง เขารู้ว่าหากยังมีความคิดดูถูกอีกฝ่ายอยู่ในใจ เขาจะเป็นฝ่ายล้มเหลวอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งเขาไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน


ซู้ด


ชิวไท่ยิงสูดหายใจลึก โทสะในส่วนลึกของดวงตาเริ่มหายไปแทนที่ด้วยไอเย็นเยือก


พอเห็นความเปลี่ยนแปลงของชิวไท่ยิง มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว ฝ่ายหลังในสภาวะเช่นนี้ชัดว่าต่อกรได้ยากขึ้น


ชิวไท่ยิงมองมู่เฉินอย่างเย็นชาก่อนจะกระทืบเท้า อาวุธสีดำเมื่อมรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏบนมือร่างมหาจันทรา ไอเย็นคมกริบแผ่ออกมาจากใบมีด


ตู้ม!


ร่างมหาจันทราโจนทะยานออกมาพร้อมกับไอเย็นเชี่ยวกราก ปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงใส่มู่เฉิน ตอนนี้ชิวไท่ยิงได้รวมคลื่นหลิงของตนเองเข้ากับร่างมหาจันทรา กระบวนท่าที่ปล่อยออกมาจากการรวมตัวทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้


เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ตราประทับในมือมู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงพร้อมกับเสาปีศาจปรากฎในพริบตา มาอยู่ในมือของร่างเทพสุริยะก่อนจะฟาดออกไป


ตู้ม!


ร่างใหญ่โตสองร่างปะทะกันบนท้องฟ้า ทำให้เมฆกระจายออกไปจากบริเวณนี้ พายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง แม้แต่ชั้นเมฆก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แสดงให้เห็นว่าการโรมรันระหว่างทั้งสองเข้มข้นอย่างไร


ทุกคนต่างมีสีหน้าขรึมลงขณะมองร่างเทห์สวรรค์ปะทะกัน


“พี่ใหญ่จิ่วโยว สถานการณ์ของมู่เฉินไม่ดีเลย” ถังปิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาขณะที่สายตาจับจ้องไปบนท้องฟ้า นั่นเพราะร่างมหาจันทราเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการปะทะ


จิ่วโยวพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ชิวไท่ยิงไม่ใช่คู่ต่อสู้กระจอกๆ จากการดูถูกในตอนแรกซึ่งส่งผลให้เกิดความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ปรับความคิดให้ถูกทางได้แล้ว


เขาไม่ต่อสู้กับมู่เฉินด้วยกลยุทธ์อีกต่อไป เลือกวิธีต่อสู้ที่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ นั่นก็คือรวบรวมพลังของตัวเองและร่างเทห์สวรรค์ด้วยกัน


ตัวเขามีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ดังนั้นความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงและความอดทนย่อมเหนือกว่ามู่เฉิน!


หากการต่อสู้ยืดเยื้อต่อไป มู่เฉินจะพ่ายแพ้อีกไม่ช้าอย่างแน่นอน


เห็นชัดว่าไม่ได้มีเพียงจิ่วโยวมองทะลุปรุโปร่ง เหล่าผู้บัญชาการที่เหลือก็ส่ายหน้าเช่นกัน จังหวะของการต่อสู้ครั้งนี้ตกอยู่ในมือของชิวไท่ยิง หากไม่ใช่เพราะร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินไม่ธรรมดา เขาคงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือลากเวลาที่จะแพ้ออกไปเท่านั้น


บนบัลลังก์ทอง มั่นถัวหลัวขมวดคิ้วเข้าด้วย หรือว่ากระทั่งมู่เฉินก็ไม่สามารถขัดขวางชิวไท่ยิงในการขึ้นเป็นผู้บัญชาการได้เรอะ…


ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินที่ยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะก็เงยหน้าขึ้นมองร่างมหาจันทราซึ่งปลดปล่อยการโจมตีร้ายกาจออกมา ชิวไท่ยิงยืนอยู่บนศีรษะร่างมหาจันทรา กระตุกยิ้มน่าขนลุกส่งมาให้เขา


เห็นชัดว่าใครๆ ก็บอกข้อเสียเปรียบของมู่เฉินได้


มู่เฉินสูดหายใจเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ จมลงในร่างเทพสุริยะทีละน้อย…ละน้อย


อยากจัดการข้าด้วยวิธีการเท่านี้ มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก…



บทที่ 823 ไพ่ตายของมู่เฉิน

คลื่นหลิงรุนแรงกวาดออกมาราวกับพายุพัดอาละวาด


ร่างยักษ์แสงสองร่างปะทะกันอย่างหนักหน่วงบนท้องฟ้า ขณะที่ใบมีดจันทร์เสี้ยวกับเสาปีศาจฟาดกันอย่างรุนแรง ผลกระทบของคลื่นหลิงที่ระเบิดออกมาจากจุดปะทะทำให้แม้แต่มิติยังสั่นสะเทือน


ขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือด ร่างของมู่เฉินก็จมลงในร่างเทพสุริยะ ชัดว่าเขาใช้การป้องกันจากร่างเทพสุริยะเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีดุเดือดของชิวไท่ยิงในตอนนี้


“คิดว่าซ่อนตัวในร่างเทห์สวรรค์เหมือนเต่าในกระดองก็จะรอดรึ?” เมื่อเห็นการกระทำของมู่เฉิน ชิวไท่ยิงก็เอ่ยเยาะเย้ย ความโกรธที่เกิดจากการถูกมู่เฉินขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าหายไป แทนที่ด้วยความสะใจยิ่งนัก


เพราะใครก็บอกได้ว่าชิวไท่ยิงเป็นฝ่ายเหนือกว่าทุกประตูในเวลานี้ โอกาสของความสำเร็จกลับมาอยู่ในมือเขาแล้ว


ชิวไท่ยิงเค้นเสียงขณะที่คลื่นหลิงในร่างระเบิดราวกับภูเขาไฟ ทำให้ไอเย็นเยือกรอบร่างมหาจันทราดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม การโจมตีที่ซัดใส่มู่เฉินก็รุนแรงยิ่งขึ้น


ภายใต้การโจมตีดุเดือดของชิวไท่ยิง แสงสีทองรอบร่างเทพสุริยะก็เริ่มบิดเบี้ยว เห็นชัดว่าแม้แต่ร่างเทพสุริยะก็ไม่อาจเลี่ยงการโจมตีจากชิวไท่ยิงและร่างมหาจันทราได้


เหล่าจอมยุทธ์รู้สึกเวทนากับความพ่ายแพ้ของร่างเทพสุริยะ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยมู่เฉิน เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่ความจริงที่มู่เฉินสามารถบีบให้ชิวไท่ยิงต่อสู้ในลักษณะนี้ ทั้งที่เขาเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ก็น่าตกตะลึงมากแล้ว


เพราะแม้แต่ฉินจงที่อีกครึ่งก้าวจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่อาจทำให้ชิวไท่ยิงเผชิญหน้าอย่างจริงจังได้


ทว่าท่ามกลางเสียงถอนหายใจอย่างสงสารของคนอื่นๆ เหล่าผู้บัญชาการกลับขมวดคิ้วและมองร่างเทพสุริยะที่พ่ายแพ้อย่างช้าๆ ด้วยความสงสัย


นั่นเป็นเพราะประสาทสัมผัสที่ว่องไวของพวกเขา ทำให้สัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงมหาศาลรอบร่างเทพสุริยะค่อยๆ จางหายไป ราวกับว่าคลื่นหลิงของมู่เฉินแสดงสัญญาณว่าไม่อาจคงสภาพร่างเทห์สวรรค์ได้แล้ว


บางทีคนอื่นอาจคิดว่าเป็นเพราะการโจมตีของชิวไท่ยิง แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เนื่องจากพวกเขาทราบดีถึงความแข็งแกร่งของมู่เฉิน แม้ว่าชายคนนี้จะเยาว์วัย แต่กลยุทธ์นับไม่ถ้วนก็ทำให้จอมยุทธ์ที่มีขุมพลังเหนือกว่ายังต้องหวาดกลัว


ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกงุนงงอยู่ในใจเกี่ยวกับมู่เฉินที่แสดงท่าทีตกต่ำเช่นนี้ออกมา


มีเพียงมั่นถัวหลัวกับสามจอมพลเท่านั้นที่แววตาเป็นประกายขณะที่มองร่างเทพสุริยะอย่างอัศจรรย์ใจ


ท่ามกลางแสงของร่างเทพสุริยะที่หม่นลงเรื่อยๆ พวกเขาเหมือนจะรู้สึกถึงระลอกคลื่นพลังประหลาดจางๆ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถระบุได้ชัด เนื่องจากถูกคลื่นหลิงมหาศาลของร่างเทพสุริยะปกคลุมไว้


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่ามู่เฉินไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างที่ทุกคนคิด ดูเหมือนเขากำลังแอบเตรียมการบางอย่างอยู่


หลังจากตระหนักได้ถึงจุดนี้ มั่นถัวหลัวและสามจอมพลก็อดไม่ได้ที่จะใคร่รู้ขึ้นมา พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างไร


ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน คลื่นหลิงที่ผันผวนบนท้องฟ้าก็เกรี้ยวกราดมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าชิวไท่ยิงไม่ต้องการให้การต่อสู้นี้ยืดเยื้อออกไปอีกแล้ว ดังนั้นการโจมตีจึงดูดุดันมากขึ้น ดาบจันทร์เสี้ยวกวาดข้ามร่างเทพสุริยะราวกับสายฟ้าแลบ ทำให้รอยร้าวปรากฏบนร่างสีทอง


“ถึงเวลาจบศึกแล้ว!”


ชิวไท่ยิงยืนอยู่บนศีรษะร่างมหาจันทราขณะมองร่างเทพสุริยะที่กำลังหม่นแสงลงด้วยสายตาเย็นชาแฝงรังสีสังหารวาบไหว จากนั้นเขาก็วาดตราประทับขึ้นฉับพลัน คลื่นหลิงพุ่งเข้าไปในร่างมหาจันทราราวกับคลื่นน้ำ


ฮึ่ม!


แสงสีดำมืดปรวนแปรรอบร่างมหาจันทรา จากนั้นมันก็เปล่งเสียงคำรามลึกต่ำก่อนคลื่นหลิงจะรวมตัวบนหมัดของมันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหมัดน้ำแข็งสีดำขนาดใหญ่


“หมัดมหาจันทรา!”


ชิวไท่ยิงตะเบ็งเสียง หมัดน้ำแข็งดำทะลวงผ่านมิติ ทำให้สะเก็ดน้ำแข็งดำปรากฏบนชั้นบรรยากาศรอบๆ หมัดขนาดใหญ่ ไอเย็นเยือกแผ่ออกมาอย่างน่ากลัว


หมัดของชิวไท่ยิงใช้พลังระดับจื้อจุนขั้นห้าถึงจุดขีดสุด เมื่อรวมกับพลังของร่างมหาจันทราเข้าไปด้วยแล้ว ก็กลายเป็นการโจมตีที่สามารถทำลายสวรรค์ได้


ดวงตาของจอมยุทธ์หลายคนสั่นสะท้าน พวกเขาสัมผัสได้ว่าหมัดนั้นร้ายกาจเพียงใด


เผชิญหน้ากับการจู่โจมรวดเร็วเช่นนี้ ร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ ทำได้เพียงมองหมัดน้ำแข็งดำทะลวงผ่านมิติซัดลงบนอกของร่างเทพสุริยะอย่างรวดเร็ว


ตู้ม!


ทันทีที่เกิดการปะทะ มิติก็กระเพื่อมไหว ทำให้เกิดผลกระทบจากคลื่นหลิงน่ากลัวพัดอาละวาดจากหมัดน้ำแข็ง ทุกคนต่างเห็นรอยร้าวแผ่ขยายบนร่างเทพสุริยะคลุมทั่วทั้งตัวราวกับแตกลายงา


จบแล้ว


ผู้คนถอนหายใจอย่างสงสาร การโจมตีเช่นนี้แม้แต่ร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินก็ไม่สามารถทนได้ หลังจากสูญเสียร่างเทพสุริยะแล้ว มู่เฉินก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับชิวไท่ยิงได้อีกต่อไป


ผลของการต่อสู้ครั้งนี้ถูกกำหนดแล้ว


ปัง!


รอยร้าวเพิ่มขึ้นบนร่างเทพสุริยะ ก่อนที่แสงสีทองจะพุ่งออกจากช่องว่างระหว่างรอยร้าวและระเบิด สุดท้ายร่างเทพสุริยะก็ไม่สามารถต้านทานได้พังทลายลง!


ชิวไท่ยิงยืนอยู่บนร่างมหาจันทรามองลงมาด้วยดวงตาสะท้อนแสงสีทอง เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นตรงมุมปาก หลังจากทำลายร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินได้แล้ว อีกฝ่ายก็ไม่มีโอกาสใดๆ ในการประลองครั้งนี้ ต่อให้มีกลยุทธ์ไม่ธรรมดาก็ตาม


เขาเป็นคนหัวเราะดังท้ายที่สุด ตำแหน่งผู้บัญชาการลำดับสิบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เป็นของเขา—ชิวไท่ยิง!


“ฮ่าๆๆๆ”


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ขนาดคนนิสัยอย่างชิวไท่ยิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มิหนำซ้ำเสียงหัวเราะยังดังก้อง ทุกคนรับรู้ได้ถึงความเบิกบานใจในเนื้อเสียงหัวเราะนั่น


แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าแย้งกับความพอใจของชิวไท่ยิง เพราะจากนี้เป็นต้นไปเขาจะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการลำดับสิบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ มีคนตำแหน่งสูงกว่าเขาเพียงสี่ตำแหน่งเท่านั้น เขานับได้ว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง


เมื่อแสงสีทองโชติช่วงกระจายไปทั่วบริเวณ ชิวไท่ยิงก็ยังไม่หยุดหัวเราะ ทว่าเหล่าผู้บัญชาการที่ยังสังเกตแสงสีทองอยู่กลับดวงตาหดลงพร้อมกับแววตกตะลึงฉายบนใบหน้า


บนบัลลังก์ทอง ดวงตาสีทองคำของมั่นถัวหลัววาบวับ ขณะที่สามจอมพลก็อึ้งไปเล็กน้อย


เวลาเดียวกันกับการรับรู้ของพวกเขา เสียงเรียบนิ่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในบริเวณนี้ที่เต็มไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับ


“ไม่เร็วไปหรือที่จะเฉลิมฉลอง?”


แม้เสียงนั้นจะไม่ชัดเจน แต่ก็ทำให้เสียงบ่นจิ๊จ๊ะด้วยความเวทนาเงียบลงทันทีพร้อมกับความแตกตื่นกวนตัว


มู่เฉินยังไม่แพ้อีกเรอะ? !


จอมยุทธ์หลายคนมีสีหน้าไม่อยากเชื่อแรงกล้าบนใบหน้า


เสียงหัวเราะของชิวไท่ยิงหยุดชะงัก สีหน้าของเขาเขียวคล้ำขณะมองไปทางทิศที่แสงสีทองกำจายออกมาพลางเอ่ยน้ำเสียงน่าขนลุก “ป่านนี้แล้วยังปากดีอีก คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าแกรึไง?!”


รังสีสังหารพวยพุ่งในดวงตาของชิวไท่ยิง จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ พายุรุนแรงกวาดออกพัดพาแสงสีทองออกไป


เมื่อแสงสีทองสลายตัว สถานการณ์ของมู่เฉินก็เผยต่อหน้าทุกคน ทำให้ทั่วบริเวณที่โกลาหลแต่เดิมเงียบกริบลงทันที หลายคนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากตาค้าง


“นั่นมัน…”


ม่านตาของชิวไท่ยิงหดลงเมื่อมองตรงไป ตอนนี้มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าขาวซีด โดยมีดอกบัวดำสี่ดอกลอยคว้างอยู่รอบตัวเขา


แม้ว่าดอกบัวทั้งสี่จะไม่มีการกระเพื่อมของคลื่นหลิงออกมา แต่ก็มองเห็นลวดลายโบราณนับไม่ถ้วนบนกลีบบัวที่เปล่งแสงเบาบาง แผ่คลื่นความผันผวนน่ากลัวออกมา


“นั่นคือ…ค่ายกล?!”


ซิวหลัวและคนอื่นๆ อุทานอย่างตกตะลึง แม้ว่าดอกบัวดำทั้งสี่จะดูเหมือนสงบนิ่ง แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงแปลกประหลาดกระเพื่อมออกมา


นี่คือความผันผวนของค่ายกล!


ยิ่งกว่านั้นยังไม่ใช่ค่ายกลขั้นต่ำอีกด้วย!


นั่นเป็นเพราะแม้แต่พวกเขายังรู้สึกสะพรึงกับดอกบัวดำสี่ดอกขึ้นมาเหมือนกัน!


“ซื้ด…”


เสียงคนจำนวนมากสูดหายใจดัง ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงและหวาดผวา เห็นชัดว่าพวกเขาอึ้งไปกับกระบวนท่าครั้งนี้ของมู่เฉิน


ใครจะคิดว่าภายใต้พลังแข็งแกร่งที่น่าทึ่งขนาดนี้ มู่เฉินยังมีตัวตนเป็นหลิงเจิ้นซืออีกด้วย!


ตอนนี้ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินถึงซ่อนอยู่ในร่างเทห์สวรรค์ ที่แท้เขาไม่ได้หลบหนีการต่อสู้ แต่กำลังใช้ร่างเทห์สวรรค์เป็นปราการป้องกันเพื่อสร้างค่ายกลอย่างเงียบ ๆ ต่างหาก!


“ค่ายกลที่ก่อร่างจากดอกบัวดำทั้งสี่ไม่ธรรมดาแน่นอน… ค่ายกลทรงพลังเช่นนี้มีแต่หลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้เท่านั้นที่สามารถทำได้!” มีบางคนร้องออกมา


ค่ายกลที่สร้างโดยหลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้าโดยตรง!


“เป็นไปไม่ได้!”


ใบหน้าของชิวไท่ยิงเขียวคล้ำขณะที่แผดเสียงคั่งแค้น เขาไม่คิดเลยว่าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อมมือจะเกิดเหตุการณ์จะตาลปัตรแบบนี้


“ข้าไม่เชื่อว่าแกเป็นหลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้ ของดีแค่ภายนอกแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก!” ชิวไท่ยิงตะโกนลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด


ใบหน้าขาวซีดของมู่เฉินมองชิวไท่ยิงที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างเฉยเมย เขาไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เพียงแค่เหยียดนิ้วออกแตะบนมิติตรงหน้า ก่อนเสียงนุ่มนวลจะดังขึ้นในใจ


ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบ—ทำงาน!




บทที่ 824 ชนะอย่างฉิวเฉียด

ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบ—ทำงาน!


เมื่อเสียงนุ่มนวลดังขึ้นในหัวใจของมู่เฉิน ดอกบัวดำทั้งสี่ดอกที่ลอยคว้างก็เบ่งบานบนท้องฟ้า กำจายแสงสีดำเมื่อม เปล่งความผันผวนที่น่ากลัวออกมาอย่างเงียบๆ


ทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังงานน่ากลัวที่บรรจุอยู่ในดอกบัวดำทั้งสี่


นี่คือท่าไม้ตายสุดท้ายของมู่เฉิน


ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบก่อร่างขึ้นจากดอกบัวสี่ดอก แต่เมื่อก่อนเนื่องจากพลังของมู่เฉินที่มีอยู่จำกัดจึงไม่สามารถสร้างดอกบัวสี่ดอกขึ้นมาได้


แต่ตอนนี้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นของมู่เฉินบวกกับความรอบรู้เส้นสายค่ายกลที่ล้ำลึกขึ้นตามมา แม้เขาจะแทบไม่เคยเผยตัวตนการเป็นหลิงเจิ้นซือหลังจากมาอยู่ที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่เขาก็ไม่เคยห่างจากการฝึกฝน ด้วยขุมพลังที่เพิ่มขึ้นทีละขั้น…ละขั้น ทำให้ความสำเร็จในการฝึกฝนค่ายกลก็แกร่งกล้าเช่นกัน


เขาปิดเรื่องนี้เอาไว้มิดชิด แม้แต่จิ่วโยวกับมั่นถัวหลัวก็ไม่รู้ โดยไม่รู้ตัวการบรรลุผลด้านค่ายกลของมู่เฉินก็สูงจนน่าทึ่ง


ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบนี้เป็นค่ายกลระดับตี้ ในบรรดาค่ายกลระดับตี้ บางค่ายกลก็ทรงพลังจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่กล้าเผชิญหน้าได้โดยตรง ส่วนค่ายกลระดับตี้ขั้นสูงก็สามารถปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกได้เลยทีเดียว!


หลิงเจิ้นต้าซือแบ่งออกเป็นสามขั้นได้แก่เหยิน-ตี้-เทียน ตอนแรกความสำเร็จด้านค่ายกลของมู่เฉินน่าจะอยู่ในขั้นเหยินระยะปลายเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะสร้างค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบได้สำเร็จ แต่เมื่อขุมพลังยุทธ์ของมู่เฉินมาถึงระดับจื้อจุนขั้นสี่ การเติบโตของคลื่นหลิงก็ทำให้การสร้างค่ายกลของเขาพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน


ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากสภาวะฤทัยปีศาจก็ทำให้สามารถสร้างค่ายกลระดับตี้อย่างค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบได้!


เมื่อดอกบัวทั้งสี่ปรากฏขึ้น มู่เฉินก็รับรู้ว่าทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบงัน จอมยุทธ์จำนวนมากโดยรอบลานพิธีอึ้งตะลึงงัน กระทั่งเหล่าผู้บัญชาการยังมีสีหน้าตกตะลึง ชัดว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ไปไกลเกินความคาดหมายของพวกเขา


พวกเขาใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องที่มู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นซือ เพราะอีกฝ่ายเคยสร้างค่ายกลต่อหน้าพวกเขาแล้ว แต่ในตอนนั้นความสำเร็จในศาสตร์ค่ายกลของมู่เฉินยังไม่เป็นอันตราย


แต่ตอนนี้ค่ายกลที่ประกอบขึ้นจากดอกบัวดำสี่ดอก กลับทำให้แม้แต่พวกเขายังรู้สึกถึงภัยคุกคาม ดังนั้นแต่ละคนจึงมีสีหน้าขรึมลงหลายส่วน


ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ของมู่เฉินอาจยังไม่สามารถทำให้พวกเขากลัวได้ แต่เมื่อรวมกับสถานะหลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้ด้วยแล้ว แม้แต่เหล่าผู้บัญชาการก็ไม่กล้าดูถูกเขา


“เป็นไปไม่ได้!”


ขณะที่ชิวไท่ยิงคำรามด้วยความตื่นตระหนก นิ้วของมู่เฉินก็แตะเบาๆ บนท้องฟ้าพร้อมกับความสงบนิ่งบนใบหน้าซีดขาว


ฮึ่ม!


ดอกบัวดำสี่ดอกเบ่งบาน เบี่ยงวิถีพุ่งตรงไปที่ร่างมหาจันทราก่อนที่แสงสีดำเมื่อมจะเริ่มรวมกันตรงเกสรดอก จากนั้นดอกบัวสีดำก็สั่นไหวพร้อมกับเสาแสงสีดำยิงออกไปเงียบๆ


เสาแสงสีดำเต็มไปด้วยลวดลายโบราณ ทำให้พวกมันดูสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง


ขณะที่เสาแสงสีดำเมื่อมพุ่งผ่านขอบฟ้า ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าตกใจ แต่เส้นทางที่พาดผ่าน กระทั่งมิติยังถูกผ่าแยก ไม่สามารถคืนสภาพเป็นเวลานาน


“โล่มหาจันทรา!”


เส้นขนทั่วสรรพางค์กายชิวไท่ยิงลุกซู่ขณะที่ใบหน้าเขียวคล้ำ เขารีบวาดตราประทับเร็วรี่ คลื่นหลิงพวยพุ่งออกจากร่างโดยไม่รั้งอะไร ลวดลายสีดำเปล่งประกายบนพื้นผิวของร่างมหาจันทรา ก่อนจะก่อร่างเป็นโล่น้ำแข็งดำ


ฟิ้ว!


เสาแสงสีดำทั้งสี่พุ่งไปอย่างเงียบๆ กระแทกเข้ากับโล่น้ำแข็งดำท่ามกลางสายตาร้อนรนนับไม่ถ้วน


ชี่! ชี่!


ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้นจากการปะทะ แต่ม่านตาผู้คนก็ต้องหดเกร็ง นั่นเพราะโล่น้ำแข็งดำที่เหมือนจะมีพลังป้องกันแข็งแกร่งกลับไม่สามารถต้านทานเสาแสงสีดำได้เลยแม้แต่น้อย


ราวกับน้ำแข็งจมลงในบ่อลาวา หลอมละลายทันทีและถูกทะลวงผ่าน


ชิวไท่ยิงมองเสาแสงสีดำพิกลพิลั่นที่กำลังแทงทะลุผ่านชั้นโล่น้ำแข็งเข้ามา ในที่สุดอาการหวาดกลัวก็พล่านบนใบหน้า ทว่าก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสาแสงสีดำเย็นเยือกก็พุ่งผ่านโล่ออกมาซัดเข้าที่ร่างมหาจันทราอย่างไร้ปรานีภายใต้สายตาหวาดผวาของเขา


ลำแสงสีดำเจาะทะลุผ่านร่างมหาจันทรา รอยร้าวสีดำแผ่กระจายอย่างรวดเร็วจากแผลที่ถูกเจาะ ก่อนจะพล่านไปทั่วร่างมหาจันทรา


เมื่อรอยแตกสีดำกระจายออก ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็เปลี่ยนแปลงรุนแรง เพราะเขาสัมผัสได้ว่าร่างมหาจันทรากำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็วจากรอยแตกสีดำเหล่านั้น


ไม่ว่าเขาจะพยายามห้ามไว้อย่างไรก็ไร้ผล


“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?!” ชิวไท่ยิงคำรามในใจ แต่ก็เป็นความพยายามที่ไร้ความหมาย เพียงเวลาสิบกว่าอึดใจ ทุกคนก็เห็นไอเย็นเยือกรอบร่างมหาจันทราเบาบางลงมาก ร่างใหญ่ดูโปร่งแสงและจางลง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าคลื่นหลิงไม่สามารถคงสภาพร่างเทห์สวรรค์ไว้ได้อีกต่อไป


เมื่อคลื่นหลิงกระจายออกไปจากร่างเทห์สวรรค์ ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็ซีดลง เนื่องจากเขาเชื่อมต่อกับร่างเทห์สวรรค์เอาไว้ ดังนั้นเมื่อคลื่นหลิงของร่างเทห์สวรรค์สลายตัวลง เขาก็ได้รับผลกระทบหนักจากมันด้วย


ความรู้สึกอ่อนแรงแผ่กระจายจากร่างชิวไท่ยิง ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ ชัดว่าไม่คิดว่าการโจมตีจากค่ายกลของมู่เฉินจะแปลกประหลาดขนาดนี้ แม้ว่าลำแสงสีดำเหมือนจะไม่มีพลังทำลายล้าง แต่ความสามารถแปลกประหลาดในการสลายคลื่นหลิงนับว่าถึงตายเลยทีเดียว


ปัง!


ร่างมหาจันทราจางลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเมื่อไม่สามารถคงสภาพไว้ได้ก็ระเบิดเป็นแสงสีดำกระจายออกไปทุกทิศทาง ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน


พรูด


เมื่อร่างเทห์สวรรค์แตกสลาย ร่างของชิวไท่ยิงก็กระตุกพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง คลื่นหลิงรอบตัวหดหายลงอย่างมากในเวลานี้


บนท้องฟ้า มู่เฉินมองชิวไท่ยิงที่มีใบหน้าซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษอย่างเฉยเมย จากนั้นก็วาดตราประทับ ดอกบัวดำทั้งสี่หมุนคว้าง เกสรดอกพุ่งตรงไปที่อีกฝ่าย ลำแสงสีดำมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง


เห็นภาพนี้แล้ว ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็เผยความหวาดกลัว เนื่องจากเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถใช้พลังโจมตีน่ากลัวแบบนั้นได้อีกครั้ง ตอนนี้ร่างเทห์สวรรค์ของเขาถูกทำลายไปแล้ว หากถูกพลังนั้นซัดเข้าอีก เขาต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบถอยหนีอย่างรวดเร็วพลางร้องป่าวๆ “มู่เฉิน แกคิดจะฆ่าข้าหรือ?!”


มู่เฉินไม่ได้สนใจขณะที่ลำแสงสีดำเมื่อมรวมตัวกันอย่างรวดเร็วตรงเกสรดอกบัวทั้งสี่


“บ้าเอ๊ย ข้ายอมแพ้!” เมื่อเห็นมู่เฉินเต็มไปด้วยรังสีสังหาร ชิวไท่ยิงก็ขวัญผวาร้องตะโกนบ้าคลั่ง


เมื่อได้ยินชิวไท่ยิงประกาศยอมแพ้ ทั่วบริเวณก็ระเบิดด้วยความโกลาหลอีกครั้ง จอมยุทธ์จำนวนมากมองหน้ากันพลางถอนหายใจและส่ายหน้า ไม่มีใครคิดเลยว่าชิวไท่ยิงที่กำชัยชนะมาตั้งแต่ต้นจะต้องยอมแพ้


ได้ฟังประโยคดังกล่าวของชิวไท่ยิง มู่เฉินก็ยิ้มบางขณะเส้นผมสีดำกลับคืนสู่สภาพเดิม ดวงตาดำเมื่อมก็กลับมาเป็นปกติเช่นกัน เมื่อมู่เฉินออกจากสภาวะฤทัยปีศาจ ท่าทางก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


“งั้นข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าสำนักชิวที่มอบชัยชนะให้นะ” มู่เฉินยิ้มด้วยใบหน้าขาวซีด ยามนี้รอยยิ้มล้อเลียนบางจางเผยที่มุมปาก เมื่อสิ้นเสียงของเขา ดอกบัวทั้งสี่ดอกก็หายไป แสงในดวงตาของมู่เฉินอ่อนจางลง ทุกคนบอกได้ว่าพลังของมู่เฉินอยู่ในจุดอ่อนล้าสุดขีดแล้วในตอนนี้


ดังนั้นกลายเป็นว่าการกระทำดุดันต้องการฆ่าเมื่อครู่เป็นแค่การแสดงเท่านั้น!


จอมยุทธ์จำนวนมากอ้าปากตาค้าง แต่ก็เป็นระยะสั้นๆ ก่อนจะแทนที่ด้วยรอยยิ้มพิกลบนใบหน้า พวกเขามองชิวไท่ยิงที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธอย่างสงสาร เขาถูกมู่เฉินเล่นกลใส่แล้ว


ตัดสินจากสถานการณ์ของชิวไท่ยิง แม้ว่าคลื่นหลิงของเขาจะลดลงอย่างมาก แต่เขาก็ยังมีพลังต่อสู้เหลืออยู่อีก ขณะที่มู่เฉินไม่เหลืออะไรแล้ว ดังนั้นถ้าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป มู่เฉินต้องเป็นฝ่ายยอมรับความพ่ายแพ้เอง


เพราะตอนนี้เขาเพิ่งจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ดังนั้นคลื่นหลิงในร่างกายยังไม่เสถียร ความอึดในการต่อสู้ของเขาจึงด้อยกว่าชิวไท่ยิงหลายส่วน


แต่ไม่มีใครคิดได้ว่ามู่เฉินที่อ่อนแรงจะใช้กลยุทธ์เช่นนั้นในการข่มขวัญชิวไท่ยิงให้ยอมแพ้ก่อน


เหล่าจอมยุทธ์มองหน้ากันพลางถอนหายใจและส่ายหน้า มู่เฉินช่างเจ้าเล่ห์นัก


เสียงหัวเราะลึกต่ำดังก้องจัตุรัส ขณะที่ชิวไท่ยิงสาดสายตามองมู่เฉินด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะก็ทำให้เขาแทบจะระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราด เขาจินตนาการได้ว่าเมื่อเรื่องในวันนี้กระจายออกไปจะทำลายชื่อเสียงของเขามากขนาดไหน


“ไอ้เด็กเวร แกรนหาที่ตาย!”


ดวงตาของชิวไท่ยิงแดงก่ำขณะที่เพลิงโทสะในใจบดบังสติจนหมดสิ้น เขาส่งเสียงคำรามพลางกำหมัด แถบไม้ไผ่หยกขาวปรากฏในมือ ไม้ไผ่หยกสลักลวดลายซับซ้อนไว้ มิหนำซ้ำความผันผวนของคลื่นหลิงป่าเถื่อนยังเล็ดลอดออกมาจากมัน


“ฟิ้ว!”


ชิวไท่ยิงเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมขณะที่แขนสั่นเทิ้ม แถบไม้ไผ่หยกขาวราวน้ำนมลอยออกมาแล้วระเบิดตูม ทำให้คลื่นหลิงป่าเถื่อนพัดอาละวาด ก่อร่างเป็นสิงโตคลื่นหลิงกำลังกางกรงเล็บพุ่งตรงเข้าหามู่เฉิน


ความผันผวนของคลื่นหลิงน่ากลัวที่กระเพื่อมรอบตัวสิงโต ทำให้เหล่าผู้บัญชาการมีสีหน้าเปลี่ยนไป


“ตราประทับราชสีห์สุดนภา?!” สามจอมพลมีแสงส่องออกจากดวงตาพร้อมกับสีหน้าเย็นเยือกลง นั่นเพราะตราประทับราชสีห์สุดนภาเป็นทักษะลับของตำหนักสุดนภา มีเพียงสมาชิกหลักเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้


สิงโตตัวใหญ่มาปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ภายใต้แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่ากลัวก็ทำให้เขาดูราวกับมดน้อย กรามปากของสิงโตหุบเข้าใส่เขา นี่เป็นการโจมตีที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ต้องตายคาที่!


และตอนนี้มู่เฉินที่ไม่เหลือพลังใดๆ ก็ได้แต่มองปากของสิงโตขยายขนาดอย่างรวดเร็วในดวงตา


ปัง!


แต่เมื่อสิงโตกำลังจะกัดร่างมู่เฉิน คามปั่นป่วนทั่วบริเวณก็หายไปแทนที่ด้วยความเงียบสงบ


จากนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงสิงโตที่กระโจนเข้าหาหยุดชะงักไป หัวใจตึงเครียดคลายลง เพราะเขาเห็นร่างเล็กค่อยๆ ปรากฏที่เบื้องหน้าของเขา

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)