Monster Paradise 1602-1603
ตอนที่ 1602 แลกได้มากแค่ไหน
หลังกลับไปเขตดาวนักล่าปีศาจ หลินฮวงไม่ได้ปิดประตูบ่มเพาะทันที
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นอกจากจัดการกับเรื่องสําคัญบางเรื่อง เขากําลังคิดหาวิธีบุกผ่านระดับเทพสวรรค์
ตั้งแต่ต้น ขณะยกระดับจากเทพสวรรค์เป็นเทพแท้จริง วิธีการเลื่อนขั้นของเขาต่างจากทุกคน
คนอื่นยกระดับโดยการฆ่าเทพแท้จริงและจุดไฟเทวะพวกเขา
แต่ทว่า ไฟเทวะของหลินฮวงได้ติดแล้วตั้งแต่ระดับเทพเสมือน
ดังนั้น เขาได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ตอนเลื่อนเป็นเทพแท้จริงโดยการควบแน่นลําดับเทพด้วยพลังกกฏเทพจํานวนมาก
ภายใต้สถานการณ์ปกติ บุคคลจะสร้างห่วงโซ่ลําดับเทพได้ตอนเลื่อนจากเทพแท้จริงเป็นเทพสวรรค์
เช่นนั้น เขาจึงก่อวินาศกรรมตัวเองโดยทําให้วิธีเลื่อนขั้นปกติไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์
“ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้าสร้างบัญญัติเทพของข้าผ่านการสะสมพลังกฏเทพ พูดตามตรงมันยังไม่ถือเป็นบัญญัติเทพแท้จริง ตามสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อความสามารถในการดูดพลังกฏเทพของข้าถึงจุดอิ่มตัว ข้าควรเข้าสู่ขั้นสองของบัญญัติเทพและเริ่มสะสมพลังลําดับเทพได้
“ดังนั้น ถ้าข้าอยากเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ ข้าแค่ต้องรอให้บัญญัติเทพดูดพลังกฏเทพมากพอจากนั้นข้าจะเลื่อนเปป็นขั้นสอง การรวมพลังลําดับเทพ”
หลินฮวงค้นพบหนทางข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พอไม่พอใจกับวิธีนี้
“ในกรณีนั้น ปริมาณพลังลําดับเทพที่บัญญัติเทพสามารถรองรับได้ก็คงพอ ๆ กับพลังกฏเทพมีขีดจํากัด..”
“มีวิธีเพิ่มความจุขิงบัญญัติเทพข้าเพื่อให้รองรับพลังลําดับเทพได้มากขึ้นไหม หรือไม่ก็ทําให้ความจุมันไม่มีที่สิ้นสุด?!”
หลินฮวงกลับไปอ่านความทรงจําของจอมเทพและทาสดาบ ไม่ช้า เขาก็พบสิ่งที่อาจเป็นคําตอบ
“งั้น ความจุสูงสุดของบัญญัติเทพก็เกี่ยวกับพลังของเขตแดนเทพ!”
จากความทรงจําที่สืบทอดมา หลินฮวงตระหนักว่ายิ่งเทพสวรรค์ที่ทรงพลังโดนฆ่าตอนสร้างบัญญัติเทพ เขตแดนเทพที่ผสานก็ยิ่งทรงพลัง ไม่ใช่แค่นั้นความจุของการรองรับพลังลําดับเทพยังเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากความจริงที่ว่าเขาสามารถรวมห่วงโซ่ลําดับเทพได้มากเกินกว่าคนธรรมดา เขายังมีบัญญัติเทพของจอมเทพด้วย
จากขั้นหนึ่งถึงเก้า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสร้างบัญญัติเทพจนถึงจุดจบ เขาผสานเขตแดนเทพระดับเทพสวรรค์ขั้นเก้าระหว่างการยกระดับบัญญัติเทพแต่ละครั้งนี้ได้ทําให้บัญญัติเทพของเขามีพลังเพิ่มขึ้น 81 เท่า
ในเขตแดนเทพของเขา จํานวนห่วงโซ่ลําดับเทพสูงสุดที่เขาสามารถใช้ได้ขณะใช้บัญญัติเทพคือ 3402
พลังของเขาเพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อยอดฝีมือกึ่งจ้าวเทวะ
เส้นทางบ่มเพาะของหลินฮวงแตกต่างจากจอมเทพอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่ต้องใช้บัญญัติเทพเพื่อขยายพลังเขาเพราะเขาได้ผสานบัญญัติเทพของเขากับพลังกฏเทพของเขาแล้ว ในอนาคต เขายังผสานห่วงโซ่ลําดับเทพได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่หมายความว่าเขาสามารถใช้ห่วงโซ่ลําดับเทพทั้งหมดในเขตแดนเทพเขาได้ไม่ว่าพวกมันจะมีมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ทว่า มีขีดจํากัดของจํานวนกฏเทพกับห่วงโซ่ลําดับเทพที่บัญญัติเทพสามารผสานได้
ตัวอย่างเช่น บัญญัติเทพในตัวหลินฮวงสามารถผสานได้สูงสุด 1.8 พันล้านกฏเขาสะสมได้ 1.5 พันล้านแล้ว มันใกล้ถึงขีดจํากัดอย่างรวดเร็ว
ตามสิ่งนี้ หลินฮวงสามารถคาดการณ์ได้ว่าจํานวนห่วงโซ่ลําดับเทพที่บัญญัติเทพของเขาสามารถผสานได้ในอนาคตจะมีขีดจํากัดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากความทรงจําที่สืบทอดของจอมเทพกับคนอื่น หลินฮวงเห็นพลังของบัญญัติเทพสามารถเพิ่มขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้น
แต่ทว่า จากขั้นหนึ่งถึงเก้า มีแค่เก้าโอกาสเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การยกระดับบัญญัติเทพของเขา เขาจะสามารถเพิ่มขีดจํากัดสูงสุดของการผสานได้
“แต่ทว่า เขตแดนเทพของข้าได้ผสานกับเขตแดนเทพถึงจ้าวเทวะแล้ว ถ้าข้าอยากยกระดับบัญญัติเทพของข้า การใช้เขตแดนเทพระดับต่ํากว่าจะไม่ได้ผล ทางเดียวคือผสานเขตแดนเทพของถึงจ้าวเทวะ”
ทีละขั้น หลินฮวงคิดค้นวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า ไม่ช้าเขาก็ปวดหัว ด้วยความสามารถปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถฆ่าถึงจ้าวเทวะได้ดังนั้น ทางเดียวที่จะได้รับเขตแดนเทพคือผ่านการแลกเปลี่ยนทรัพยากร
เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะแพงมาก ในการประมูล พวกมันมักขายที่ราคาเดียวกันกับอาวุธเต่าเทียม
ต่อให้หลินฮวงขายทุกอย่างที่มี เขาจะไม่สามารถจ่ายได้แม้แต่น้อย
หลังคิดสักพัก เขาก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารและโทรหาเวอชุโอโซ
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างของเวอชุโอโซก็ปรากฏต่อหน้าหลินฮวง
“เจ้าติดต่อข้ามาได้เวลาพอดี ข้ากําลังจะปิดประตูบ่มเพาะพรุ่งนี้ เวอชุโอโซฟังดูมีความสุขพวกเขาดูเหมือนจะอารมณ์ดี”มีอะไรหรือเปล่า?”
“ต้นนิพพานที่ข้าแบ่งระหว่างเจ้ากับจิ๋วเจี้ยนต้องใช้มากแค่ไหนถึงแลกเขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะได้?” หลินฮวงไม่คิดคุยเล่นและตรงเข้าประเด็น
เวอซุโอโซตกตะลึงไปหลังได้ยินและน้ําเสียงก็ค่อนข้างแปลก”เท่าไร?เจ้าอาจไม่สามารถได้สักอัน ราคาจะมากหรือน้อยตามราคาเริ่มประมูล
หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อยากทุ่มทรัพยากรเพื่อซื้อเขตแดนเทพ
เหนือสิ่งอื่นใด ถ้านั่นเป็นแค่ราคาเริ่มประมูล ราคาประมูลสุดท้ายจะขึ้นไปหลายเท่า บางทีอาจหลายสิบเท่า
“อย่าบอกข้าว่าอยากหลอมเขตแดนเทพของถึงจ้าวเทวะเพื่อขยายพลังของบัญญัติเทพเจ้า?”เวอชูโอโซมองเห็นผ่านเจตนาของหลินฮวงทันที
“ขอข้าบอกเจ้า มันเปล่าประโยชน์ กิ่งจ้าวเทวะยังคงเปป็นเทพสวรรค์ขั้นเก้า”
“ไม่ใช่แค่ในจักรวาล แต่แม้กระทั่งในมหาพิภพที่เราอยู่ตอนนี้ คนนับไม่ถ้วนได้พยายามหลังหลอมเขตแดนเทพระดับเทพสวรรค์ขั้นเก้ากับถึงจ้าวเทวะ การขยายพลังของบัญญัติเทพยังเหมือนเดิม ไม่ใช่แค่นั้น การหลอมยังใช้เวลานานกว่าการหลอมเขตแดนเทพระดับเทพสวรรค์ ขั้นเก้าหลายสิบเท่า
“ตอนนี้เจ้ามีอํานาจพอจะทําการค้นหาและหากระทู้นับร้อยบนฟอรั่มเคียวแห่งความตาย มันเป็นความรู้ทั่วไปในหมู่เทพสวรรค์กับเทพแท้จริง”
“ถ้าเจ้าอยากหลอมเขตแดตเทพ จิ่วเจี้ยนกับข้าสามารถช่วยเจ้ารวมเขตแดนเทพขั้นเก้าได้เก้า อันนั่นจะพอจนกระทั่งเจ้าไปถึงขั้นเก้า”
เวอชุโอโซพูดมากขึ้น แต่หลินฮวงกลับปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
โดยธรรมชาติ เขารู้ดีถึงความรู้ทั่วไปนี้ แต่ทว่า ด้วยสภาพร่างกายปัจจุบันของเขา เขาสามารถหลอมได้แค่เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะ เขตแดนเทพขั้นเก้าไม่มีประโยชน์สําหรับเขาเลย
“ถ้าไม่มี ข้าก็ยอมเลือกแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะหุบเหวได้” หลินฮวงพูดแทรก
“เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการแค่ของระดับกึ่งจ้าวเทวะ?”เวอซุโอโซหยุด จากนั้นก็ถามอย่างจริงจัง
“ใช่” หลินฮวงพยักหน้า
“ก็ได้” เวอชุโอโซไม่รบเร้าต่อ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง
“ตราบเท่าที่พวกมันเป็นเขตแดนกิ่งจ้าวเทวะก็ได้หมด อันหุบเหวก็ด้วย ถ้าพวกมันยังไม่ได้ทํา ระนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน แม้กระทั่งอันที่พลังลําดับเทพโดนดูดจนแห้งและเหลือแค่เปลือกเปล่าก็ได้” หลินฮวงเผยความต้องการ”แค่ให้ข้ามากที่สุดเท่าที่จะหาได้”
“ดีมาก ข้าจะคิดหาทางให้” เวอชุโอโซพยักหน้าและพูดเสริม” เช่นเดียวกันกับจิ๋วเจี้ยนด้วยใช่ ไหม?”
“ใช่”
หลังวางสาย เขาก็โล่งใจเล็กน้อย
โชคดี เวอชุโอโซไม่ถามคําถามละเอียดอ่อนอะไร ดังนั้นหลินฮวงจึงไม่ต้องหลอกเขาด้วยคําตอบที่เตรียมไว้
แต่ทว่า อย่างน้อยในใจของเขาก็สงบลง
เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะหุบเหวถูกกว่ามาก โดยเฉพาะอันที่ยังไม่ชําระ เขาควรสามารถแลกได้ด้วยต้นนิพพาน
อย่างน้อยเขาก็ได้เตรียมองค์ประกอบสําคัญสุดเพื่อยกระดับสู่เทพสวรรค์ไว้แล้ว
ตอนที่ 1603 หยางหลังตายแล้ว
สิงหาคือเดือนที่ร้อนสุดบนดาวฟิสเตอร์ มันยังเป็นฤดูที่แห้งแล้งสุด
ระหว่างกลางวัน อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 40 องศา แต่มันจะลดลงประมาณ 20 องศาตอนกลางคืน ต่อให้เป็นคนทั่วไป มันก็สบายกว่าตอนกลางคืน นับประสาอะไรกับผู้บ่มเพาะ
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดที่ต้องทําคือแหงนมอง และก็จะเห็นดวงดาวบนฟ้ามันยากที่จะไม่มีดาว
เหตุผลหลักว่าทําไมหลินฮวงกับคนของเขาถึงเลือกตั้งพันธมิตรดาบที่นี่ก็เพราะดาวนี้อยู่ใกล้กับจุดเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อโลกกรวดกับมหาพิภพสุด
หลินฮวงนอนบนดาดฟ้า เหม่อมองดวงดาวไม่คุ้นตาเหนือหัว
มันใช้เวลาไม่นานเขาก็ระบุได้ว่าดาวอื่นรอบเขตดาวนักล่าปีศาจคือดาวอะไรรวมถึงดาวที่เขาสงสัยว่าเป็นจุดเคลื่อนย้าย
ดาวนั้นอยู่ในกาแล็กซี่เดียวกับดาวฟิสเตอร์ แม้จะเป็นแค่ดาวคนแคระที่ไกลกว่าดาวอื่นเล็กน้อยและสะท้อนแสงน้อยกว่า มันก็ใกล้กับดาวฟิสเตอร์มาก มันยังเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทันทีที่หลินฮวงกําลังจะใช้จิตเทวะเพื่อยืนยันว่าจุดเคลื่อนย้ายตั้งบนดาวนั้นอุปกรณ์สี่ อสารของเขาก็เริ่มสั่น
เขากดแตะหน้าสื่อสาร มันคือข้อความที่ส่งจากหมายเลขที่ไม่ระบุ
“เจ้าอยู่ในเขตดาวนักล่าปีศาจหรือเปล่า?”
หลินฮวงตกตะลึงตอนอ่าน ภาพของชายร่างผอมพลันผุดขึ้น
“หยางหลิง?!”
คนเดียวที่ชอบใช้หมายเลขนิรนามเพื่อติดต่อเขาและเป็นคนที่สามารถระบุตําแหน่งเขาได้คือหยางหลิงนักเดินทางเช่นเขา
เพียงเมื่อเขากําลังจะตอบข้อความและถามว่าใช่หยางหลิงหรือเปล่า อีกข้อความก็ตามมา
มันมาจากหมายเลขอีกหมายเลข
“อย่าตอบข้อความก่อนหน้าแค่เพื่อยืนยันตําแหน่งปัจจุบันของเจ้า”
แทบจะในเวลาเดียวกัน ข้อความก็มาจากอีกหมายเลข
“เจอกันพรุ่งนี้เช้า เราจะคุยตอนเราพบกัน(อย่าตอบ)”
หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังปิดหน้าสื่อสาร
จากที่ดู หยางหลิงได้พบเจอปัญหาร้ายแรงบางอย่าง ไม่งั้นเขาคงไม่ระวังขนาดนี้
เขายังจําได้ถึงครั้งก่อนที่หยางหลิงส่งข้อความหาเขา นั่นคือเมื่อสี่เดือนก่อน หลินฮวงกําลังปิดประตูบ่มเพาะอยู่ตอนนั้นและเห็นข้อความตอนประมาณสองเดือนต่อมา ตอนเขาโทรกลับ หมายเลขก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว
สิ่งที่คว้าความสนใจเขาตอนนั้นคือหยางหลิงส่งข้อความสั้น ๆ มาแค่ว่า “ฝากดูแลหงซวงแทนข้าด้วย”
ตอนนั้น เขาสงสัยว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับหยางหลิง
โชคดี ในที่สุดเขาก็ได้รับข้อความจากหยางหลิงหลังผ่านไปสี่กว่าเดือน
หลินฮวงโล่งใจเล็กน้อยที่อย่างน้อยเขาก็ได้รับข้อความบ้าง มันพิสูจน์ว่าหยางหลิงยังปลอดภัยอยู่
“ข้าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพรุ่งนี้ที่เราพบกัน” หลินฮวงพึมพํากับตัวเอง
ตอนเขาตรวจสอบเวลา มันก็เริ่มดึกแล้ว
เขารีบเข้าห้องนอน อาบน้ําและขึ้นเตียง
ในความเป็นจริง ด้วยระดับปัจจุบันของเขา ร่างกายของเขาจะไม่สกปรก และเขาก็ไม่ต้องนอนเลย
มันแค่ว่าเขาหิน ตอนเขาไม่ได้บ่มเพาะ เขายังคงรักษานิสัยปกติของการกิน นอนและอาบน้ํา
เช้าวันต่อมา หลินฮวงตื่นขึ้น
พอเขาทํากิจวัตรประจําวันเสร็จ มันยังไม่หกโมงเช้าดี
หนึ่งในเหตุผลที่เขาตื่นเร็วเพราะเขานัดพบกับหยางหลิงไว้ อีกเหตุผลคือเขาอยากไปลองกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารเล็กๆดู
ร้านอาหารเช้านั้นยุ่งมาก แม้กระทั่งในตอนเช้าตรู่ หลินฮวงไม่เต็มใจต่อแถวรอ เขาจึงตัดสินใจตื่นขึ้นแต่เช้ามืดแทน
เมื่อเขาเตรียมตัวเองพร้อม เขาก็ตรวจสอบพื้นที่ด้วยจิตเทวะและพบว่าร้านอาหารเช้าเพิ่งเปิดประตู ในชั่วพริบตา เขารีบไปปรากฏตรงหน้าทางเข้า
เขาสั่งซาลาเปาสูตรเด็ดของร้านมาสองถาดและโจ๊กธรรมดาหนึ่งชาม จากนั้นก็นั่งลงและรออย่างอดทน
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นไม่ถึงสองวินาทีหลังเขานั่งลง
หลินฮวงตกตะลึงตอนเห็นว่ามันเป็นใคร เขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติ
“เจ้ามาที่นี่ได้ไง?หยางหลิงอยู่ไหน?”
คนที่มาพบเขาคือหงซวง!
หลินฮวงมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า นางต่างจากก่อนหน้า นิสัยของนางก็ดูเปลี่ยนไปด้วย
ไม่เพียงแต่ท่าทางเย้ายวนในอดีตของนางจะหายไป แต่นางยังไม่สวมชุดแดงอีก นางกลับสวมชุดสีเขียวธรรมดาและ ความกังวลก็แสดงชัดบนคิ้วนาง
“หยางหลิงเขาตายแล้ว..”หงซวงลังเลอยู่ครึ่งหนึ่งก่อนตัดสินใจพูด
“หยางหลิงตายแล้ว?!” หลินฮวงพบว่ามันยากจะเชื่อ เขาหรี่ตามองหงซวง.”แล้วใครที่ส่งข้อความเหล่านั้นให้ข้า”
“ข้าเอง” พอหงซวงพูด ภาพหน้าจอของข้อความทั้งสามก็ปรากฏ
ภาพหน้าจอยืนยันว่านางส่งข้อความเหล่านั้นจริง
“งั้นเจ้าหาพิกัดข้าเจอได้ไง?!ตําแหน่งของอุปกรณ์สื่อสารของข้าโดนปิด” หลินฮวงถามอย่างสงสัยอีกครั้ง จากที่เขาจําได้ หยางหลิงเป็นคนเดียวที่ทําได้ มันไม่มีประโยชน์ต่อให้ตําแหนงของอุปกรณ์สื่อสารเขาจะปิดอยู่ หยางหลิงก็ยังหาตําแหน่งเขาได้
“เขาย้ายนิ้วทองคําของเขามาให้ข้าก่อนเขาตาย” ขณะที่หงซวงกําลังอธิบาย หลินฮวงก็เอาแต่จ้องนางแต่ทว่านางไม่ได้ดูราวกับกําลังโกหก
หลินฮวงรู้ถึงความสัมพันธ์ของหยางหลิงกับหงซวง แต่ทว่า เขาไม่คิดว่าหยางหลิงจะเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะนักเดินทางกับเรื่องนิ้วทองคําให้หงซวงฟัง เหนือสิ่งอื่นใด หยางหลิงเคยโดนหักหลังมาก่อน มันยากมากที่เขาจะเชื่อใจใครสักคนเต็มที่
แต่ทว่า สิ่งที่หงซวงพูดได้โน้มน้าวหลินฮวงเพิ่ม
นี่เพราะหยางหลิงอาจวางแผนสําหรับอนาคตเมื่อเขารู้ตัวว่าเขาต้องตาย เพื่อป้องกันไรเดอร์จากการได้รับนิ้วทองคําของเขา เขาจึงโยกย้ายนิ้วทองคําของเขาให้คนอื่นล่วงหน้า นอกจากนี้ผู้ได้รับนิ้วทองคําก็คือหงซวง ซึ่งมีเหตุผลเหมาะสมเพราะทั้งคู่ใกล้ชิดกัน
พูดตามทฤษฎีแล้ว มีแค่นักเดินทางถึงใช้นิ้วทองคําได้ อย่างไรก็ตาม นิ้วทองคําของหยางหลิงไม่สมบูรณ์ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสติปัญญากับความสามารถของเขา มันเป็นไปได้ที่เขาจะพบวิธีโยกย้ายนิ้วทองคําให้หงซวง
“เขาขอให้ข้ามาหาเจ้า” หงซวงไม่ขยับตัวเพื่อหลบสายตาหลินฮวง”เขายังบอกว่าในโลกนี้เจ้าเป็นนักเดินทางคนเดียวที่เขาไว้ใจ”
หลินฮวงคิดลึกหลังได้ยิน
สิ่งที่หงซวงพูดฟังดูคําประชม แต่นั่นต้องเป็นสิ่งที่หยางหลิงพูดก่อนตายแน่ หงซวงอาจไม่ได้แต่งขึ้น
“เขาตายได้ไง” หลินฮวงถามอีกครั้งหลังแยกแยะความคิดและความรู้สึก
“เราตกเป็นเป้าหมายของพวกไรเดอร์ทันทีที่เรามาถึงมหาพิภพ นิ้วทองคําของหยางหลิงไม่สมบูรณ์ แต่คนที่สามารถปล้นนิ้วทองคําของเขาได้กลับสัมผัสได้ถึงตําแหน่งคร่าวๆของมัน เราคอยหลบหนีอยู่หลายปีในมหาพิภพเพราะเหตุนี้”
“ประมาณสี่เดือนครึ่งก่อน คนที่ปล้นนิ้วทองคําของหยางหลิงลงมือเอง มันคือจ้าวเทวะที่พบจุดซ่อนตัวเราง่ายๆ..หยางหลิงสัมผัสได้ว่ามาตรการป้องกันทั้งหมดที่เขาวางไว้โดนทําลาย เขารู้ว่าศัตรูเรากําลังมา เขาจึงย้ายทั้งนิ้วทองคํากับข้อมูลลับในหัวของเขาให้ข้าก่อนส่งข้ามา
“งั้นเจ้าก็ไม่เห็นหยางหลิงตายด้วยตาตัวเอง?” หลินฮวงถาม
“ข้าไม่เห็นเขาตาย แต่ข้ามั่นใจ “หงซวงอธิบายอย่างอดทน” ข้าสามารถสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายที่หลงเหลือของเขาโดนกําจัดไปจากนิ้วทองคําอย่างสมบูรณ์”
“ไม่ต้องกังวลว่านิ้วทองคําภายในตัวข้าอาจดึงดูดจ้าวเทวะคนนั้น หยางหลิงได้ปรับนิ้วทองคําของเขาใหม่ตอนส่งให้ข้า แม้นั่นจะทําให้นิ้วทองคําเสียคุณสมบัติส่วนใหญ่ไป มันก็ยังตัดการเชื่อมต่อกับนิ้วทองคําเดิม ไม่งั้น ข้าคงโดนจับไปตั้งแต่สี่เดือนก่อนแล้ว”
“ไปคุยกันที่อื่น” หลินฮวงเหลือบมองซาลาเปาที่ตอนนี้พร้อมแล้วและบอกให้เถ้าแก่เนี้ยแพ็คกลับบ้าน
ด้วยอาหารเช้าในมือ หลินฮวงนําหงซวงไปที่ตั้งพันธมิตรดาบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น