อัจฉริยะสมองเพชร 2346-2348
ตอนที่ 2346 ภาคต่อ 3
แต่เดิม งานวิวาห์ของสองผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ครั้งนี้ตั้งใจจะจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ทั้งคู่วางแผนจะเลี้ยงฉลองแบบเรียบง่ายโดยเชิญแขกเหรื่อแค่มิตรสหายที่สนิทกันเท่านั้น แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป และเพียงไม่ถึงครึ่งวัน ทั้งภูเขาก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“บ่วงเกล็ดมังกรทองกับเลือดมังกรทองจำนวน 3 ลิตรจากจอมราชันย์มังกรเมฆแห่งน่านฟ้ามังกรเมฆ!”
“ขนนกจิตวิญญาณอมตะ 3 เส้นกับเลือดนกฟีนิกซ์อมตะสวรรค์สร้างอีก 5 ลิตรจากจอมราชันย์อมตะ, น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด!”
“เขี้ยวเสือ 3 อันกับหางเสืออีก 2 หางจากจอมราชันย์ฟู่เหมิงแห่งน่านฟ้าทองคำแข็งกล้า…”
เทพธิดาหลิงหลงถึงกับจังงังเมื่อเห็นรายการของกำนัลเพื่อแสดงความยินดีที่เหล่าจอมราชันย์ต่างมอบให้
มีข้าวของมากมายที่นักรบนับไม่ถ้วนคงแทบจะยอมตายเพื่อให้ได้มันมา ต่อให้จอมราชันย์ก็คงอดใจไม่ไหว
แต่สำหรับที่นี่ พวกมันเป็นแค่ของขวัญสำหรับเฉลิมฉลองการแต่งงาน!
จอมราชันย์อีก 8 คนต่างทุ่มสุดตัว
“ยาเม็ดต้นกำเนิดจอมราชันย์จำนวน 3 เม็ดและดาบระดับจอมราชันย์ 2 เล่มจากจอมราชันย์พิชิตสวรรค์…”
ยิ่งเทพธิดาหลิงหลงอ่านรายการข้าวของต่อไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าจอมราชันย์คนอื่นๆคงบ้าไปแล้ว
แม้จะมีของล้ำค่าอย่างบ่วงเกล็ดมังกรทองและขนนกจิตวิญญาณอมตะ แต่ของกำนัลของปรมาจารย์ขงที่เป็นยาเม็ดจิตวิญญาณจอมราชันย์และดาบระดับจอมราชันย์นั้นถือว่าก้าวไปอีกขั้น มันเป็นทรัพย์สมบัติที่มีแต่จอมราชันย์เท่านั้นจะใช้ประโยชน์ได้!
หากนำมาใช้อย่างเหมาะสม คงบ่มเพาะจอมราชันย์ได้อีกคนเลยทีเดียว
ต่อให้ระดับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ก็คงจัดเตรียมข้าวของพวกนี้ได้ไม่ง่าย แต่เขาก็มอบให้ทั้งคู่เป็นของกำนัลสำหรับการแต่งงาน
เทพธิดาหลิงหลงอยากจับตัวตาเฒ่าคนนั้นมาเขย่าและกรีดร้องใส่เพื่อดูว่าเขายังสติดีอยู่หรือไม่
“นี่จะต้องเป็นงานแต่งงานที่หรูหราที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสรวงสวรรค์มา พูดได้เลยว่าจอมราชันย์หลินชีตาแหลมจริงๆ คิดดูซิว่าเธอพบอัญมณีเม็ดหนึ่งท่ามกลางมนุษย์ธรรมดาสามัญมากมายในโลกเบื้องล่างนั่น…” เทพธิดาหลิงหลงส่ายหน้าและถอนหายใจ
เธอคือจอมราชันย์คนหนึ่งที่ปรากฏตัวพร้อมๆกับการถือกำเนิดของสรวงสวรรค์ จึงเห็นความเป็นความตายมามาก เหตุผลที่เธอยังเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะไม่มีใครเตะตาเธอเลยสักคน
เทพธิดาหลิงหลงเคยคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ชายคนหนึ่งซึ่งเก่งกาจจนเอาชนะเธอได้จะปรากฏตัวในโลกใบนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าชายผู้ไร้เทียมทานถึง 2 คนจะปรากฏตัวไล่เลี่ยกันภายในระยะเวลาเพียง 50 ปี?
โดยเฉพาะจางเซวียน
ครั้งแรกที่เธอพบเขา เขาเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทั่วไปคนหนึ่ง แต่ผ่านไปเพียง 10 วัน ก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผงาดเหนือกว่าใครๆทั่วทั้งสรวงสวรรค์
เมื่อคิดถึงการต่อสู้ระหว่างเขากับไอ้โหด ก็ทำให้เธอต้องยกมือทาบอกด้วยความโล่งใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนี้ สรวงสวรรค์คงล่มสลาย
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะนึกอิจฉาจอมราชันย์หลินชี อิจฉาที่อีกฝ่ายมองเห็นศักยภาพของจางเซวียนและสนับสนุนเขามาตลอด ถ้าเธอมีสายตาเฉียบแหลมแบบนั้นบ้าง ป่านนี้ก็คงไม่ต้องเป็นโสดแล้ว
“แต่ก็น่าเห็นใจแม่สาวคนนั้น…”
เมื่อนึกถึงสาวน้อยที่เธอเคยช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้จากคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติ เทพธิดาหลิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเวทนา
ใครที่ตาไม่บอดก็ย่อมดูออกว่าสาวน้อยหลงรักจางเซวียน เธอมอบความรักให้เขาจนหมดหัวใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย
ขนาดผู้ที่ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานอย่างเทพธิดาหลิงหลงก็อดเศร้าไปกับเธอไม่ได้
เห็นสายตาของเทพธิดาหลิงหลง หลัวฉีฉีมองมาและยิ้มให้ “ฉันไม่เป็นไร”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่นัยน์ตาของเธอก็ฉายความขมขื่นและเศร้าสร้อยอย่างไม่มีวันจบสิ้นออกมา
หลัวฉีฉีรู้ดีว่าจางเซวียนไม่เคยมีความรู้สึกฉันชู้สาวกับเธอ แต่ก็ฉุดตัวเองให้ขึ้นจากการจมปลักครั้งนี้ไม่ได้
“ลืมเขาเสียเถอะ ฉันจะช่วยคุณหาชายสักคนที่ดีกว่า ชายที่รักคุณจริงๆ” เทพธิดาหลิงหลงพูด
“ชายสักคนที่ดีกว่า?” หลัวฉีฉีส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เธอเหม่อมองออกไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันพบคนที่ดีที่สุดแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครเทียบชั้นกับเขาได้หรอก”
เพราะได้เห็นแล้วว่าจางเซวียนโดดเด่นแค่ไหน ต่อให้คนอื่นจะดีอย่างไร ก็ไม่มีทางเข้าตาเธอ
เมื่อรู้ว่าเปลี่ยนใจหลัวฉีฉีไม่ได้ เทพธิดาหลิงหลงส่ายหน้าและตำหนิ “คุณกำลังเอาชีวิตไปทิ้งไว้กับจางเซวียนนะ!”
สาวน้อยคนนี้ทำท่าราวกับถูกจางเซวียนวางยาพิษ พูดอะไรไปก็ไม่เข้าหูสักนิด
ขณะที่เทพธิดาหลิงหลงกำลังครุ่นคิด มิติที่อยู่ตรงหน้าเธอก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย ชายหนุ่มสองคนก้าวออกมา
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ามีผิวพรรณสะอาดสะอ้านและหน้าตาหมดจด แม้จางเซวียนก็ดูจะด้อยกว่า
ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังดูเด็ดขาดและเย็นชา ใครที่เห็นเขาจะรู้สึกได้อย่างเลือนรางถึงเจตจำนงเพลงดาบอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่
“บรรพบุรุษเก่าแก่ของน่านฟ้าดาบสวรรค์?” เทพธิดาหลิงหลงหรี่ตาด้วยความตกใจ
ในฐานะหนึ่งในเก้าจอมราชันย์ เธอพอรู้เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังความลึกลับของน่านฟ้าดาบสวรรค์อยู่บ้าง จอมราชันย์ดาบสวรรค์ทรงพลังมากก็จริง แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกว่าคือท่านอาจารย์ผู้เก่งกาจเกินหยั่งถึงที่คอยสนับสนุนเขา แม้จอมราชันย์หลินชีก็ยังเทียบชั้นไม่ได้
เพียงแต่ท่านอาจารย์คนนี้ของเขาคือผู้ที่ปกปิดตัวเองจากสรวงสวรรค์จนไม่มีใครรู้จัก ในบรรดาจอมราชันย์ก็แทบไม่มีใครได้พบเขาเลย
ทุกคนรู้เพียงว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่อายุราว 20 ต้นๆ
แต่เท่าที่ดูจากเจตจำนงเพลงดาบของชายหนุ่มซึ่งแข็งแกร่งกว่าจอมราชันย์ดาบสวรรค์เสียอีก ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นใคร
สิ่งที่ทำให้เทพธิดาหลิงหลงประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ แม้อีกฝ่ายจะเทียบชั้นได้แม้แต่กับจอมราชันย์หลินชี แต่ก็กลับไปยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มหน้าตาหมดจดคนนั้น…แล้วชายหนุ่มหน้าตาหมดจดที่เธอเห็นจะเป็นใคร?
ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดไม่ใส่ใจความสงสัยของเทพธิดาหลิงหลง เขาเดินเข้าไปหาหลัวฉีฉีที่ยังคงสับสนและยิ้มให้ “ไม่นึกเลยว่าพลังงานต้นกำเนิดที่ก่อตัวขึ้นระหว่างการสร้างสรวงสวรรค์ของผมจะกลายเป็นของล้ำค่าที่มีชีวิตจิตใจ…”
“การสร้างสรวงสวรรค์? พลังงานต้นกำเนิด?” เทพธิดาหลิงหลงตัวสั่นจนฟันกระทบกันเมื่อข้อสันนิษฐานอันน่าสะพรึงผุดขึ้นในหัวสมองของเธอ
“คุณมีรังสีของปฐพี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมใช้ปิดกั้นมิติของสรวงสวรรค์ในครั้งนั้น และเมื่อ 50 ปีก่อนที่เกิดวิกฤติขึ้น คุณก็ร่วงหล่นลงสู่โลกเบื้องล่างในฐานะผู้เก็บงำมิติ…ช่างน่ายินดีเหลือเกินที่ได้คุณกลับมาอีกครั้ง” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดพูด
เห็นสีหน้ากระวนกระวายของหลัวฉีฉี เขายิ้มน้อยๆก่อนจะสัมผัสร่างของหลัวฉีฉีอย่างแผ่วเบา
ฟิ้ววววว!
ในชั่วพริบตา ระดับวรยุทธของหลัวฉีฉีก็พุ่งพรวด เกิดการเชื่อมโยงอันน่าประหลาดระหว่างตัวเธอกับทั้ง 9 น่านฟ้าของสรวงสวรรค์ ทำให้เธอมีพละกำลังเหนือกว่ากฎเกณฑ์แห่งมิติ
“ฮะ…” หลัวฉีฉีตาโตด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มคนนี้สัมผัสเธอเพียงครู่เดียว แต่เธอรู้สึกได้ว่าพละกำลังของเธอเพิ่มสูงขึ้นหลายพันเท่า
ต่อให้เทพธิดาหลิงหลงเล่นงานเธอตอนนี้ เธอก็เอาชนะอีกฝ่ายได้สบาย!
“ฉันเป็น…จอมราชันย์แล้วหรือ?” หลัวฉีฉีพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมราชันย์คนใหม่จะปรากฏตัวในสรวงสวรรค์ เหตุผลเดียวที่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับปรมาจารย์จางทำสำเร็จก็เพราะพวกเขาล้วนมีเศษเสี้ยวของสวรรค์อยู่ในตัว อีกอย่าง ทั้งคู่ก็มีสติปัญญาปราดเปรื่องและเป็นคนขยันหมั่นเพียร ความอดทนของพวกเขาจึงส่งผลให้ได้รับพละกำลังเหนือชั้นอย่างที่มีอยู่
แต่สำหรับเธอ เธอไม่ได้ทำอะไรเลย ด้วยการสัมผัสเพียงนิดเดียวจากชายหนุ่มหน้าตาหมดจดคนนั้น เธอก็ได้รับพละกำลังมหาศาลเหมือนกัน…
นี่เธอฝันไปหรือเปล่า?
“ผมจะพูดให้ชัดเจนนะ คุณคือผู้ดูแลมิติของสรวงสวรรค์ ถึงคุณจะไม่ใช่จอมราชันย์ แต่ก็แน่ใจได้เลยว่าต่อให้จอมราชันย์ส่วนใหญ่ก็สู้คุณไม่ได้” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดตอบยิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้น…ทำไมถึงไม่มีการทดสอบวรยุทธล่ะ?” หลัวฉีฉียังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
การฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ย่อมนำมาซึ่งความอิจฉาริษยาของสวรรค์ ส่งผลให้การลงทัณฑ์จากสวรรค์ถูกส่งมา ตัวเธอก็น่าจะพบเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย?
ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดหัวเราะหึๆ “ตัวผมน่ะคือสวรรค์ ผมคือผู้ที่อนุญาตให้คุณฝ่าด่านวรยุทธ แล้วทำไมจะต้องมีการทดสอบวรยุทธล่ะ?”
“สวรรค์?” หลัวฉีฉีตาโตด้วยความตกตะลึง
“คุณอยากแต่งงานกับจางเซวียนไหม?” จู่ๆ ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดก็ตั้งคำถาม
“ฉัน…” หลัวฉีฉีตัวแข็งเมื่อได้ยินคำถามนั้น
“อยากแต่งก็บอกว่าอยาก ถ้าไม่อยากก็บอกว่าไม่ มีอะไรให้ต้องลังเล? ไม่จำเป็นต้องอับอายกับความปรารถนาของคุณหรอก” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโบกมือ
“ฉัน…ฉันอยาก!” หลัวฉีฉีตอบ จากนั้นก็เสริมด้วยความมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิม “ฉันคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาแม้ในความฝัน!”
ราวกับได้สารภาพบางสิ่งที่ทับถมจนหนักอึ้งอยู่ในหัวใจของเธอตลอดมา สีหน้าเคร่งเครียดของหลัวฉีฉีดูจะผ่อนคลายเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณนี่ช่างเป็นสาวน้อยที่มุ่งมั่นเสียจริง!” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดหัวเราะลั่น “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ให้เขาแต่งงานกับคุณด้วย!”
“ฮะ…” หลัวฉีฉีตาโตอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ช้าก็หน้าเสียอีกครั้งขณะส่ายหัว “แต่…จางเซวียนไม่ได้ชอบฉัน และฉันก็ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปรมาจารย์หลัว ไม่ง่ายเลยนะกว่าพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน…”
เธอเห็นแล้วว่าจางเซวียนต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะได้พบหลัวลั่วชิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่จะได้มาโดยง่าย เธอจึงไม่อาจปล่อยให้ตัวเองเข้าไปทำให้ทั้งคู่ต้องร้าวฉาน
“คุณกังวลเรื่องนั้นหรือ?” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดหัวเราะอีกรอบ เขาชี้นิ้วไปแล้วพูดว่า “เอาเถอะ มองตรงนั้นสิ…”
หลัวฉีฉีเงยหน้า เห็นคู่รักคู่หนึ่งร่อนลงมาจากกลางอากาศ ฝ่ายเจ้าบ่าวสวมเสื้อคลุมสีแดงสดใส ดูหล่อเหลาสง่างามกว่าที่เคย ส่วนเจ้าสาวก็แก้มแดงเรื่อ ดูราวกับสาวน้อยที่กำลังเขินอาย
ในตอนนั้น สายตาของทั้งโลกก็หันมาจับจ้องคู่บ่าวสาว
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียนกับเนี่ยหลินชี!
ขณะที่หลัวฉีฉีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยำเกรงกับความเหมาะสมกันของทั้งคู่ เนี่ยหลินชีก็มองมาที่เธอและร้องเรียก “ฉีฉี มานี่สิ!”
ป๊อก!
ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดดีดนิ้ว แล้วร่างของหลัวฉีฉีก็ลอยละลิ่วไปยังจุดที่จางเซวียนกับเนี่ยหลินชียืนอยู่
ตอนที่ 2347 ภาคต่อ 4
เนี่ยหลินชีมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะโบกมืออย่างสง่างาม แล้วชุดสีแดงหรูหราพร้อมมงกุฎก็ปรากฏบนร่างของหลัวฉีฉี เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นเจ้าสาวผู้งดงามคนหนึ่ง
“จอมราชันย์หลินชี ฉัน…ฉัน…” หลัวฉีฉีตาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นขณะตัวสั่นเล็กน้อย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวบรัดจนแทบไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ
“คุณทำอะไรให้จางเซวียนมามาก ก่อนหน้านี้ หอสมุดเทียบฟ้ากดข่มความรู้สึกของเขาไว้ ทำให้เขาแทบไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคนรอบข้าง แต่ตอนนี้เขาได้ชีวิตจิตใจกลับคืนมาแล้ว เขาจะทนเห็นคุณทุกข์ทรมานได้อย่างไร?” เนี่ยหลินชีหัวเราะเบาๆ
“แต่…” หลัวฉีฉียังคงงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พรจากสวรรค์มาถึงเธออย่างรวดเร็วเสียจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับมัน
เธอหันไปมองจางเซวียน เห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน “ฉีฉี คุณเต็มใจหรือเปล่า?”
“ฉัน…” หลัวฉีฉีหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เธอก้มหน้างุดและกระซิบแผ่วเบาราวกับเสียงหวี่ของยุงตัวหนึ่ง “…ฉันเต็มใจ”
เธอจะไม่เต็มใจได้อย่างไร? นี่คือสิ่งที่เธอฝันถึงมาตลอดนับตั้งแต่เธอกับเขาได้ใช้เวลาด้วยกันในทวีปแห่งปรมาจารย์
ในครั้งนั้น ตอนที่เขาเดินออกจากงานแต่งงานของเธอ เธอคิดว่าโชคชะตาของเธอกับเขาคงแยกจากกันไปตลอดชีวิต ไม่มีทางได้กลับมาเจอกันอีก ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าความรักครั้งนี้จะได้รับการเติมเต็ม
“เท่านั้นก็พอแล้ว” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
จากนั้น เขาหันไปมองฝูงชนและประกาศด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “วันนี้ เราจะแต่งงานกัน!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์ ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างประสานมือเพื่ออวยพรให้
จากนั้น จางเซวียนยื่นมือของเขาให้เนี่ยหลินซีกับหลัวฉีฉี “เราจะไปกันได้หรือยัง?”
ทั้งสามออกบินไปสู่ท้องฟ้าแสนไกล จนในที่สุดก็หายลับไปจากขอบโลก
…..
ในหมู่ฝูงชนที่อยู่ด้านล่าง ในที่สุดสีหน้าเคร่งเครียดของหลัวชวนฉิงก็ผ่อนคลาย เขาปล่อยขวานในมือก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มันต้องแบบนี้สิ…”
…..
ภาคต่อ 3 : ซุนฉาง
“พวกเขาจะต้องเป็นคู่รักที่หวานที่สุดในสรวงสวรรค์แน่…”
ทุกครั้งที่เทพธิดาหลิงหลงนึกถึงจางเซวียนที่โบยบินไปพร้อมกับเนี่ยหลินซีและหลัวฉีฉี จากไปพร้อมกับคำอวยพรของผู้เชี่ยวชาญมากมาย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาจับใจ
เพราะเกิดมาเป็นหนึ่งในจอมราชันย์ จึงถูกชะตาลิขิตให้มีชีวิตต่างจากคนอื่น แต่เธอกลับโหยหาความรักของมนุษย์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอหวังจะได้พบชายสักคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอ ให้เธอพึ่งพาได้
แต่เหล่าจอมราชันย์ก็ล้วนแข็งแกร่งพอๆกับเธอทั้งนั้น บางคนอ่อนแอกว่าด้วยซ้ำ และถึงแม้จะมีบางคนที่เคยมีใจให้เธอ แต่เธอก็ไม่แยแส
ไม่ใช่เพราะเทพธิดาหลิงหลงมักใหญ่ใฝ่สูง แต่สิ่งที่เธอปรารถนาอย่างแท้จริงคือความโรแมนติกและความรักแบบเร่าร้อนที่จะพบได้เฉพาะในโลกมนุษย์
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จอมราชันย์มังกรเมฆกับคนอื่นๆจะมอบให้เธอได้
เทพธิดาหลิงหลงรู้จักพวกเขาดีเกินไป จึงไม่อาจบังคับตัวเองให้สนใจคนเหล่านั้น
…..
จอมราชันย์มังกรเมฆเป็นคนเจ้าชู้ มีทายาทมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ทั่วโลก
จอมราชันย์อมตะใช้วันคืนส่วนใหญ่ไปกับการครุ่นคิดว่าจะฆ่าตัวตายอย่างไร เขาเก็บตัว มองโลกในแง่ร้าย ใช้ชีวิตไปวันๆ แถมยังไม่สนใจผู้หญิงสักคน
จอมราชันย์ฟู่เหมิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ชนิดที่แทบจะอดทนอดกลั้นกับอะไรไม่ได้เลย
จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นก็อ่อนแอปวกเปียกเกินกว่าที่เธอจะสนใจ
จอมราชันย์จัวหยางเป็นคนหุนหันพลันแล่นและไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับอะไรจนมองข้ามรายละเอียดต่างๆเสมอ มีข่าวลือว่าเขามักออกไปไหนมาไหนโดยไม่ใส่กางเกงชั้นในด้วยซ้ำ แหวะ!
ส่วนจอมราชันย์ดาบสวรรค์ก็แต่งงานกับดาบของเขาไปแล้ว จะต้องพูดอะไรอีก?
จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ไร้ซึ่งความปรารถนาทางโลกใดๆ ราวกับนักบวชผู้ทรงศีล
และจอมราชันย์หลินชีก็เป็นผู้หญิง…
ดูสิ! ในบรรดาจอมราชันย์ ไม่มีใครเหมาะสมกับเธอสักคน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องอยู่เป็นโสดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่ขณะที่เฝ้ามองความรักของหลายๆคู่ เทพธิดาหลิงหลงก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ฤดูใบไม้ผลิของเธอจะมาถึง?
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอหวังสุดใจว่าจะมีใครสักคนที่พึ่งพาและไว้ใจได้มาอยู่เคียงข้าง คอยสนับสนุนเธอในทุกเรื่อง
เธออาจเป็นถึงจอมราชันย์ แต่ก็ใช่จะไร้ซึ่งความปรารถนา บางที อาจเป็นเพราะเธอโหยหาการมีคู่ชีวิตมากเกินไป จึงต้องทุกข์ทรมานจากอาการนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เลย
เรื่องนี้ทำให้เทพธิดาหลิงหลงท้อใจมาก
และนั่นคือเหตุผลที่เธอรู้สึกอิจฉาจับใจเมื่อเห็นหลัวลั่วชิงกับหลัวฉีฉีได้แต่งงาน
เธอปรารถนาจะได้ไปยืนในจุดนั้น
…..
เทพธิดาหลิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่และสลัดความคิดพวกนั้นทิ้งไปขณะเดินไปตามถนนในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง
งานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของจางเซวียนกับจอมราชันย์หลินชีผ่านไป 1 เดือนแล้ว แต่ความอึกทึกครึกโครมทั้งหลายก็ยังไม่จบสิ้น ผู้คนมากมายยังคงเล่าขานถึงเรื่องราวในวันนั้นอย่างตื่นเต้น
เทพธิดาหลิงหลงหยุดฟังเสียงซุบซิบครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่ดูมีระดับ
เธอปลอมตัวเรียบร้อยแล้วก่อนจะลงมาเดินถนน จึงไม่มีทางที่ใครจะจดจำเธอได้
ต่อให้จอมราชันย์ก็ไม่อาจฝังตัวอยู่ในพระราชวังที่ใหญ่โตและหนาวเยือกได้ทั้งวันทั้งคืน มันแสนจะน่าเบื่อ! บางครั้งพวกเขาก็จะปลอมตัวเป็นคนธรรมดาสามัญเพื่อสัมผัสชีวิตปกติบ้าง
เธอเลือกที่นั่งริมหน้าต่างและสั่งอาหาร 2-3 จานก่อนจะค่อยๆละเลียดรสชาติของมัน
ขณะที่ความท้อใจของเธอเริ่มจางหายไปเพราะได้รับการเยียวยาจากอาหารรสเลิศ ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ที่แต่งกายในชุดเครื่องแบบเดียวกันก็เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม
“เขาอยู่นั่น!”
มีเสียงอุทาน แล้วกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายสิบที่เพิ่งเข้ามาในโรงเตี๊ยมก็หันขวับไปมองชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอ
อีกฝ่ายมีรูปร่างค่อนข้างตุ้ยนุ้ย แต่เพราะเขานั่งหันหลังให้ เทพธิดาหลิงหลงจึงไม่เห็นหน้า
ชายวัยกลางคนผู้นั้นดูจะไม่แยแสกับการถูกผู้คนมากมายจับตา เขายังคงถือแก้วไวน์อย่างสบายใจและจิบไปเรื่อยๆ
บนโต๊ะของเขามีเนื้อหมูกับขาหมูจานใหญ่ ซึ่งเขาก็กินอย่างสบายใจจนน้ำมันหยดลงจากริมฝีปาก
“ล้อมเขาไว้!”
หลังจากยืนยันเป้าหมาย ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยกมือขึ้นและสั่งการคนของเขา
ฟึ่บ!
ชายฉกรรจ์หลายสิบคนเข้าล้อมชายวัยกลางคนร่างตุ้ยนุ้ยไว้ทันที พวกเขายังไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ผู้ที่เฝ้ามองอยู่ก็รู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงที่แผ่ออกมา
หัวหน้ากลุ่มประสานมือขณะบอกกล่าวฝูงชนที่อยู่โดยรอบ “สหาย ผมมีบางเรื่องที่ต้องจัดการ คงต้องขอให้พวกคุณออกไปก่อน ทุกอย่างที่พวกคุณซื้อไว้ ผมจ่ายเอง!”
“ได้ ได้ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้…”
…..
“พวกนั้นมาจากตระกูลชางกวน!”
“ตระกูลชางกวน?”
“ใช่ หลังจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่ฉิงหงเสียชีวิต ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของตระกูลชางกวนก็กลายเป็นผู้กุมอำนาจในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องไม่ขัดใจพวกเขา!”
“แล้วเจ้าอ้วนนั่นเป็นใคร? คนพวกนั้นมาจับตัวเขาทำไม?”
“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ ยื่นจมูกเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้คงไม่ฉลาดแน่ เร็วเข้าเถอะ-รีบไป!”
…..
ฝูงชนส่งเสียงกระซิบกระซาบและรีบอพยพออกจากโรงเตี๊ยม
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา และคงฉลาดกว่ามากหากไม่เข้าไปก้าวก่ายธุระของตระกูลใหญ่หมายเลข 1 ของเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง
ไม่ช้า ผู้ที่ยังอยู่ในโรงเตี๊ยมก็มีแต่กลุ่มชายฉกรรจ์ ชายร่างตุ้ยนุ้ย และเทพธิดาหลิงหลงเท่านั้น
เธออารมณ์ไม่ดีนัก และกว่าจะหาที่เหมาะๆเพื่อนั่งสงบใจได้ก็ไม่ง่าย จึงเป็นธรรมดาที่ยังไม่อยากออกไป
เมื่อเห็นว่ายังมีคนไม่ยอมออกไป หัวหน้ากลุ่มขมวดคิ้ว “สหาย ตระกูลชางกวนของพวกเรามีเรื่องต้องจัดการ ผมหวังว่าคุณจะออกจากที่นี่เสีย ไม่อย่างนั้น เราอาจพลั้งมือทำให้คุณได้รับบาดเจ็บก็ได้ หากเป็นแบบนั้นคงไม่ดีแน่ ใช่ไหม?”
“คุณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันแค่ผ่านมา…” เทพธิดาหลิงหลงพูดขณะรินไวน์แก้วหนึ่งให้ตัวเอง
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เงาขนาดใหญ่ก็พาดผ่าน เมื่อเงยหน้ามอง ชายร่างตุ้ยนุ้ยก็ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธอแล้ว เขายื่นขาหมูจานใหญ่ให้ จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “สาวน้อย คุณออกจากโรงเตี๊ยมเสียดีกว่า พวกเขามีธุระกับผม และคงไม่ดีแน่หากคนพวกนั้นพลั้งมือทำให้คุณบาดเจ็บ…”
เมื่อชายร่างตุ้ยนุ้ยทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธอ เทพธิดาหลิงหลงจึงได้เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายใกล้ๆ เขามีสีหน้าที่ดูเป็นมิตร แม้จะพูดไม่ได้ว่าหล่อเหลา แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว
แทนที่จะรับขาหมูจานใหญ่ไว้ เทพธิดาหลิงหลงมองหน้าอีกฝ่ายและถามด้วยความอยากรู้ “พวกนั้นมาจากตระกูลชางกวนนะ-คุณไม่กลัวหรือ?”
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเธอ เธอดูออกว่าชายร่างอ้วนคนนี้เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่กลับไม่แสดงความเกรงกลัวผู้เชี่ยวชาญของตระกูลชางกวนสักนิด แถมยังเป็นห่วงเป็นใยเธอด้วย ดูเหมือนเขาจะมีจิตใจเข้มแข็งกว่าที่เธอคิดไว้ตอนแรก
“กลัว? มีอะไรต้องกลัว?” ชายร่างตุ้ยนุ้ยตอบพร้อมกับหัวเราะลั่น “ก็แค่เจ้าพวกเหยาะแหยะกลุ่มหนึ่งที่รวมหัวกันเท่านั้น!”
เห็นชายร่างตุ้ยนุ้ยไม่กลัวคู่ต่อสู้จริงๆ เทพธิดาหลิงหลงยิ่งอยากรู้หนักกว่าเดิม
ชางกวนหยุนหวันคือผู้หนึ่งที่เทพธิดาหลิงหลงมอบตำแหน่งทรงเกียรติให้ แม้เธอจะไม่ได้แต่งงาน แต่ก็มีน้องชายถึง 7 คน ดังนั้นตระกูลชางกวนจึงเป็นตระกูลใหญ่แม้เมื่อเทียบกับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆในสรวงสวรรค์
ชายร่างตุ้ยนุ้ยเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่กลับไม่กลัวสักนิด เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน?
ได้ยินคำนั้น หัวหน้ากลุ่มเลิกคิ้วขณะจ้องซุนฉางด้วยสายตาที่แทบจะสังหารอีกฝ่ายได้ “คุณรนหาที่ตายแล้ว!”
ซุนฉางรู้ดีว่าต้องเกิดการปะทะแน่ จึงวางจานขาหมูลงก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาสะบัดแขนเสื้อไปไว้ด้านหลังขณะพูดกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่รุมล้อมอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ผมไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใคร และเธอก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมด้วย จะทำอะไรผมก็เข้ามาเลย แต่อย่าสร้างปัญหาให้เธอ”
เห็นอีกฝ่ายยังปกป้องเธอแม้ตัวเองจะตกอยู่ในอันตราย เทพธิดาหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะมองชายร่างตุ้ยนุ้ยด้วยความรู้สึกใหม่
ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก แต่เพียงแค่บุคลิกและท่าทีก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่ากลุ่มนักรบจากตระกูลชางกวนไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้
เป็นสุภาพบุรุษและช่างคิด…สมัยหนุ่มๆ ชายร่างตุ้ยนุ้ยคนนี้คงเป็นเสือผู้หญิงตัวยงแน่
นี่เป็นครั้งแรกตลอดชีวิตอันยาวนานของเทพธิดาหลิงหลงที่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้
“ฮึ่มมม! ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องจัดการคุณอยู่แล้ว!” หัวหน้ากลุ่มคำรามก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้าโจมตี
ตอนที่ 2348 ภาคต่อ 5(จบ)
ในชั่วพริบตา กระแสดาบฉีนับสายไม่ถ้วนก็ระเบิดเข้าใส่ชายร่างตุ้ยนุ้ย
อีกฝ่ายไม่มีสีหน้ากังวลใจแม้แต่น้อย เขาหัวเราะหึๆขณะรับมือกับการโจมตีของชายทั้งกลุ่มอย่างง่ายดายราวกับฝูงผีเสื้อที่โบยบินผ่านมวลดอกไม้ น่าประหลาดใจที่แม้การโจมตีสักครั้งก็ไม่อาจเข้าถึงตัวเขา
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
เกิดเสียงตุ้บหนักๆหลายครั้ง ไม่ช้า นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างหลายสิบคนก็นอนแผ่หรากับพื้น ต่างคนต่างร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“ช่างเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” เทพธิดาหลิงหลงพยักหน้าอย่างยอมรับ
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเธอ เธอดูทิศทางการต่อสู้ออกอย่างง่ายดาย
เมื่อมองแวบแรก ชายร่างตุ้ยนุ้ยดูจะเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทั่วไป แต่เพราะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการต่อสู้ จึงปกปิดจุดอ่อนมากมายของตัวเองไว้ได้และเอาชนะเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางทั้งกลุ่มได้อย่างง่ายดาย
ราวกับเขามองเห็นข้อบกพร่องของทุกคน ทำให้คาดเดากระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ล่วงหน้าและตอบโต้ได้อย่างเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักรบจากตระกูลชางกวนจึงไม่อาจทำอันตรายชายร่างตุ้ยนุ้ยได้แม้จะล้อมอีกฝ่ายไว้ตั้งแต่แรก พวกเขาพ่ายแพ้ไปภายในระยะเวลาอันสั้น
“เจ้างั่งพวกนี้…เพียงแค่คุณเอาชนะลูกน้องของผมได้ ก็อย่าลิงโลดไปนะ!”
เห็นลูกน้องของเขาพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย หัวหน้ากลุ่มหน้าดำคร่ำเครียด เขาก้าวออกมาก้าวหนึ่งและสำแดงกระบวนท่า เผยวรยุทธระดับกึ่งราชันย์เทพเจ้าออกมา
ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธหรือพละกำลัง หัวหน้ากลุ่มก็แข็งแกร่งกว่าชายร่างตุ้ยนุ้ยมาก เท่าที่ดูจากกระบวนท่าอันสง่างามและแม่นยำของเขา เขาน่าจะได้รับมรดกสายตรงของตระกูลชางกวน นั่นหมายความว่าเขาคือหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของตระกูลชางกวนด้วย
ฟิ้วววว!
หัวหน้ากลุ่มปล่อยกระแสดาบฉีเป็นชุดเข้าใส่ชายร่างตุ้ยนุ้ยโดยไม่ลังเล
แม้ชายร่างตุ้ยนุ้ยจะมีทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้น แต่ด้วยวรยุทธที่มี ก็ยากจะรับมือกับกระแสดาบฉีจำนวนมากพร้อมๆกันได้ ลงท้ายจึงถูกบีบให้ถอยไปเรื่อยๆ
“ระวังตัวด้วย” เทพธิดาหลิงหลงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ชายร่างตุ้ยนุ้ยทำให้เธอประทับใจ เธอจึงไม่อยากเห็นเขาได้รับบาดเจ็บ
“ผมขอขอบคุณที่คุณเป็นห่วง แต่ผมไม่เป็นอะไรหรอก อย่างที่บอกนั่นแหละ พวกนั้นก็แค่เจ้าพวกเหยาะแหยะกลุ่มหนึ่ง!” ชายร่างตุ้ยนุ้ยหัวเราะหึๆขณะถอยไปหนึ่งก้าวและคว้าขาหมูที่อยู่บนโต๊ะ เขากัดมันเต็มคำก่อนจะจ้องหน้าหัวหน้ากลุ่มพร้อมกับแผ่รังสีของนักรบผู้เหี้ยมโหดออกมา “ขอผมดูหน่อยเถอะว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน!”
ทันทีที่พูดจบ ก็ใช้ร่างที่อ้วนกลมราวกับภูเขาโถมเข้าใส่
“นี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่า…รังสีวีรบุรุษ” เทพธิดาหลิงหลงพึมพำด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ขณะรู้สึกถึงความหวั่นไหวในหัวใจที่เคยสงบนิ่งและเย็นชาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เธอเคยคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้พบชายสักคนที่เธอจะหลงรัก แต่ใครจะไปรู้ว่าชายร่างตุ้ยนุ้ยที่ดูธรรมดาๆคนนี้จะเข้าตาเธอ
เขาอาจไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่มีความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเองที่ทำให้ยืนหยัดไม่หวั่นไหวแม้อยู่ต่อหน้าบรรดานักรบที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก
นี่คือสิ่งที่ชายธรรมดาสามัญทำไม่ได้อย่างแน่นอน
หัวหน้ากลุ่มเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาครู่หนึ่งกับท่าทีของชายร่างตุ้ยนุ้ย แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพุ่งเข้าใส่
พลั่ก!
หลังจากแลกเปลี่ยนกันไป 2-3 กระบวนท่า ชายร่างตุ้ยนุ้ยผู้มั่นอกมั่นใจก็ถูกหัวหน้ากลุ่มสอยกระเด็น
ลำพังความมั่นใจของเขาไม่เพียงพอจะชดเชยพละกำลังที่ยังอ่อนด้อย
“บังอาจ! คุณกล้าแตะต้องผมได้อย่างไร! รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร?” ชายร่างตุ้ยนุ้ยตวาดก้องด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับราชสีห์
“คุณเป็นใครล่ะ?” หัวหน้ากลุ่มย้อนถามด้วยอาการชะงักเล็กน้อย
ชายผู้นี้พูดจาวางโตเสียจนแม้ตัวเขาซึ่งมีตระกูลชางกวนหนุนหลังก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้
ตระกูลชางกวนทรงพลังก็จริง แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่พวกเขาไม่กล้ามีเรื่องด้วย อย่างสมัยที่ไป๋เย่ฉิงหงยังอยู่ หากพูดจากับเธออย่างไม่ระวังปาก แม่ผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนั้นจะต้องทำให้ตระกูลชางกวนเดือดร้อนแน่
“ผมคือพ่อบ้านของสรวงสวรรค์!” ชายร่างตุ้ยนุ้ยประกาศก้องขณะลดสายตาลงมองหัวหน้ากลุ่ม ราวกับไม่มีใครอีกแล้วที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอจะยืนทัดเทียมกับเขา “คุณกล้าแตะต้องผม ก็แปลว่าบังอาจแตะต้องสรวงสวรรค์ด้วย คิดจะเป็นกบฏต่อสรวงสวรรค์หรือไง? รนหาที่ตายแล้ว!”
ฟึ่บ!
ชายร่างตุ้ยนุ้ยสะบัดข้อมือ เขานำตราสัญลักษณ์ออกมาอันหนึ่งและกำไว้แน่น แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ตรานั้นก็ดูจะแบกรับน้ำหนักของสรวงสวรรค์ไว้ ใครก็ตามที่กล้าทำตัวนอกลู่นอกทางจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์อย่างรุนแรงจากสรวงสวรรค์
“นี่มัน…รังสีของอำมาตย์จางเซวียน?” เทพธิดาหลิงหลงผงะ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับรังสีที่แผ่ออกมาจากตราหยกอันนั้น
หรือว่าชายร่างตุ้ยนุ้ยที่ทำให้เธอหวั่นไหวมีความเกี่ยวข้องกับจางเซวียน?
ขณะที่เทพธิดาหลิงหลงยังคงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ชายร่างตุ้ยนุ้ยก็ฉวยโอกาสจากการนำตราหยกออกมาตรงเข้าเล่นงานหัวหน้ากลุ่ม จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างผิดหวังขณะเปรย “ก็แค่คู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งที่ไม่คู่ควร…”
เขาวางขาหมู เอาสองมือไพล่หลังไว้ก่อนจะเดินจากไปอย่างสบายใจ ทำเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สหาย ช้าก่อน!”
เป็นครั้งแรกที่เทพธิดาหลิงหลงได้พบใครสักคนที่ทำตัวเป็นธรรมชาติแบบนี้ เธออดใจไม่ไหว จึงรีบลุกขึ้นแล้วร้องเรียกอีกฝ่าย “ฉันขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของคุณได้ไหม?”
“ผมชื่อ…” ชายร่างตุ้ยนุ้ยเชิดหน้า แววตาเปล่งประกายของความมั่นใจ “ซุนฉาง!”
“ซุนฉาง?” เทพธิดาหลิงหลงจดจำชื่อนั้นไว้แล้วยิ้มให้ เธอชี้นิ้วไปที่โต๊ะและถามว่า “ขาหมูของคุณ…”
ซุนฉางหันกลับมามองแล้วตอบง่ายๆ “ตอนนี้มันเป็นขาหมูของคุณแล้ว…”
เทพธิดาหลิงหลงหน้าแดงก่ำ
…..
1 ปีให้หลัง งานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ของเทพธิดาหลิงหลงกับซุนฉางก็ถูกจัดขึ้น
และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เทพธิดาหลิงหลงก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับอาการนอนไม่หลับอีกเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น