Super God Gene 3088-3091
ตอนที่ 3088 ยีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟ
ไข่ยีนสีม่วงนั้นดูศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ด้วยการที่มันเรืองแสงออกมา เพียงแค่มองแว็บแรกก็รู้ว่ามันเป็นบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา
หานเซิ่นแค่ถือไข่ยีนอยู่ในมือ โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว มันพยายามจะเข้าไปหาไข่ยีน
“ไข่ยีนนี้เกิดขึ้นมาจากปรากฏการณ์ประหลาดมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้า มันจึงเป็นเรื่องปกติที่โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตจะมีปฏิกิริยากับมัน”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ลมปราณของโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตนั้นเริ่มจะรั่วไหลออกมาจากร่างกายของเขา และไหลเข้าไปในไข่ยีน
ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ต้องใช้เลือดเพื่อทําให้ไข่ยีนฝักตัว ภายในแสงสีม่วงที่เรืองแสงอย่างสว่างไสว เปลือกของไข่ยีนก็เริ่มจะละลาย มันหายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นยีนเรซที่อยู่ภายใน
มันเป็นงูตัวเล็กที่มีเกล็ดสีม่วง ขนาดของมันเล็กพอๆกับตะเกียบ เกล็ดตามร่างกายของมันดูงดงามมากๆราวกับทําขึ้นมาจากคริสตัลสีม่วง ดวงตาของมันก็เป็นเหมือนกับอัญมณีสีม่วง พวกมันแวววาวระยิบระยับ
โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตนั้นกําลังพลุ่งพล่าน หลังจากนั้นเจ้างูตัวน้อยก็ถูกดูดเข้าไปในทะเลจิตของหานเซิ่น
“คุณได้รับยีนเรซมังกรโลหิตระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์”
“มังกรโลหิต: ยีนเรซระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์ (ยีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟเทพมังกรโลหิตร่างเยาว์)
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาสงสัยกับตัวเองว่า “ยีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟคืออะไร?”
เขาลองเรียกเทพมังกรโลหิตออกมาทดสอบอยู่หลายครั้ง และในที่สุดหานเซิ่นก็รู้ว่ายีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟหมายถึงอะไร นอกจากนั้นมันยังทําให้เขาเข้าใจโลหิตชีพจรเทพสปิริตดีขึ้นกว่าเดิม
ในตอนที่หานเซิ่นใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตกับยีนเรซธรรมดาๆนั้น มันไม่มีความแตกต่างอะไร วิชาประสานยีนของเขาไม่ได้ทรงพลังขึ้น แต่ถ้าเขาใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตร่วมกับยีนเรซเทพมังกรโลหิต มันก็จะทําให้โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากที่หานเซิ่นเข้าใจ การใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตเปล่าๆนั้นจะมอบแค่พลังขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น แต่การจะใช้พลังของโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้ถึงขีดจํากัดนั้น เขาจําเป็นต้องมียีนเรซช่วย
ในตอนที่หานเซิ่นใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิต มันก็แค่ช่วยเพิ่มพลังให้กับตัวเขา แต่ถ้ามันถูกรวมกับยีนเรซเทพมังกรโลหิต มันก็จะเปลี่ยนไปเสริมพลังของวิชาประสานยีนแทน ซึ่งทําให้พลังของวิชาประสานยีนของเทพมังกรโลหิตนั้นเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
ถึงเทพมังกรโลหิตที่เพิ่งกําเนิดขึ้นมาจะไม่มีพลังมากนักในตอนที่เขาใช้วิชาประสานยีนของมัน แต่ถ้ามันถูกเสริมพลังโดยโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิต พลังของวิชาประสานยีนก็จะเหนือกว่าเทพมังกรโลหิตที่โตเต็มวัยซะอีก
แน่นอนว่าการจะได้รับพลังเสริมแบบนั้น การมียีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟที่ตรงกับโลหิตชีพจรเทพสปีริตมังกรโลหิตนั้นเป็นสิ่งที่จําเป็น ยีนเรซที่ไม่ใช่ยีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟจะไม่ได้รับข้อได้เปรียบนี้
วิชาประสานยีนของเทพมังกรโลหิตนั้นคือปรากฏการณ์ประหลาดมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าในตอนที่มันได้รับพลังเสริมจากโลหิตชีพจรเทพสปิริต มันก็เป็นท่าโจมตีที่ทรงพลังมากๆ ถึงแม้เทพมังกรโลหิตจะยังเป็นแค่ร่างเยาว์วัยก็ตาม ถ้าเทพมังกรโลหิตวิวัฒนาการถึงร่างสุดยอดเมื่อไหร่พลังของมันก็จะเป็นอะไรที่ยากจะจินตนาการ
“การที่เราได้รับเทพมังกรโลหิตและโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตมานั้นเป็นอะไรที่ดีมากๆ แต่เราก็ได้สร้างศัตรูกับกงซูจื่อ คนๆนั้นเป็นมิสเตอร์จากตระกูลมิสเตอร์ที่โด่งดัง คนของเขาล้วนแต่แข็งแกร่งทั้งนั้น และพวกเขาก็มียีนเรซที่น่ากลัวอยู่เป็นจํานวนมาก ถึงตัวเราจะไม่กลัวเขา แต่มิสเตอร์หยางและคนอื่นๆ อาจจะตกอยู่ในอันตราย เราต้องหาเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ให้ได้โดยเร็วที่สุด” หานเซิ่นหยุดลังเลและเริ่มเดินทางตามกระแสน้ำไป เขาต้องการมุ่งหน้าไปที่แม่น้ำออทัมน์สีฟส์ให้เร็วที่สุด
เนื่องจากหานเซิ่นรีบร้อนจะไปแม่น้ำออทัมน์ลีฟส์ เขาจึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาหยุดล่ายีนเรซตัวอื่นระหว่างทาง
ถึงแม่น้ำออทัมน์ลีฟส์จะเป็นแม่น้ำสายที่แยกออกมา แต่มันก็ยังคงมีความยาวเป็นพันไมล์ หานเซิ่นไม่รู้ว่าเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์นั้นอยู่ที่ไหนกันแน่
ในตอนที่หานเซิ่นไปถึงที่แม่น้ำ เขาก็มองลงไปที่น้ำในแม่น้ำและรู้สึกตัวว่าภาพสะท้อนของเขากลายเป็นบิ๊กสกายเดม่อนอีกครั้ง เธอกําลังยิ้มให้กับเขา
หานเซิ่นยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับเธอ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแกล้งทําเป็นว่าไม่เห็นอะไร
“เจ้ากําลังตามหาเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์อย่างนั้นหรอ? ข้าช่วยเจ้าได้ ที่รักของข้า” ครั้งนี้บิ๊กสกายเดม่อนเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เธอเปลี่ยนเป็นเงาของเขาและพูด
“โอเค เจ้าช่วยข้ายังไง?” หานเชื่นยิ้มราวกับว่าเขากําลังพูดคุยกับเพื่อนสนิท
บิ๊กสกายเดม่อนรู้สึกประหลาดใจ เธอยิ้มและพูด “ตามแม่น้ำนี้ไปเรื่อยๆ ในตอนที่เจ้าเห็นหน้าผาหยกขาว เจ้าก็จะได้เห็นเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์”
หลังจากนั้นภาพสะท้อนของบิ๊กสกายเดม่อนก็หายไป และภาพสะท้อนของหานเซิ่นก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาทําตามที่บิ๊กสกายเดม่อนบอกและเดินตามแม่น้ำไป
เมื่อถึงตอนกลางคืน เขาก็ได้เห็นหุบเขาที่ทั้งสองด้านเป็นหินที่ดูเหมือนกับหยกขาวที่เปล่งประกายเหมือนกับคริสตัล มันดูแปลกประหลาดมากๆ หานเซิ่นแอบเข้าไปที่ด้านหนึ่งของกําแพงและมองลงไปในแม่น้ำที่กลางหุบเขา ทันใดนั้นเขาก็เห็นสิ่งมีชีวิตสามตัวที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งฟุต มันดูคล้ายคลึงกับซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน แต่ทว่าเพียวไลท์ซาลาแมนเดรอนั้นดูน่ารักกว่า พวกมันกําลังเล่นกันอยู่ในน้ำ
เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์นั้นดูเหมือนกับหยกขาว ดวงตาของมันดูเหมือนกับอัญมณีสีดํา พวกมันดูน่ารักมากๆ
หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอยู่สักพักและมองดูเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ทั้งสามว่ายไปว่ายมา ร่างกายของพวกมันปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา และผิวของพวกมันก็เหมือนกับหยกที่โปร่งใส
“ข้าต้องขอโทษจริงๆ” หานเซิ่นเป็นเหมือนกับเหยี่ยวที่โฉบลงไปล่าเหยื่อ เขาตรงเข้าไปหาแม่น้ำขณะที่ใช้คัมภีร์นภาอําพันเพื่อโจมตีใส่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ทั้งสาม เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ทั้งสามไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาก่อนล่วงหน้าได้ และในตอนที่พวกมันรู้สึกตัวถึงอันตราย มันก็สายเกินไปแล้ว หนึ่งหมัดต่อซาลาแมนเดอร์หนึ่งตัว หานเซิ่นเปลี่ยนพวกมันทั้งสามตัวให้กลายเป็นไข่ยีน
ในคฤหาสน์ตระกูลกงซู ดวงตาของกงซูจื่อนั้นแดงกล่ำ และน้ำตาของเขายังคงไหลออกมา
กงซูจื่อนั้นมีชื่อเสียงมากๆ และเขามีภรรยาหลายคน แต่กงซูจินเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้เมื่อลูกชายของเขาถูกฆ่าตาย เขาจะไม่รู้สึกโกรธและโศกเศร้าได้ยังไง
“นายท่าน ข้าสืบพบแล้วว่าชายคนนั้นมีชื่อว่าหานเซิ่น เดิมทีเขาและนายน้อยจินไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ในตอนที่นายน้อยจีนกําลังพยายามจีบนักร้องเฟิงเฟยเฟย เขาไปพบกับคนๆนี้เข้าโดยบังเอิญภายในหุบเขาไนท์คราย” คนที่ดูเหมือนกับข้ารับใช้แก่คนหนึ่งรายงานให้กงซูจื่อฟัง
“ไม่สําคัญว่าลูกชายของข้าทําผิดอะไร เขาก็ไม่ควรฆ่าลูกชายของข้า ข้าต้องแก้แค้นให้กับลูกชายของข้า!” ดวงตาของกงซูจื่อเต็มไปด้วยความอาฆาต
“นายน้อยจนเคยส่งคนไปตรวจสอบหานเซิ่นคนนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาค้นพบแค่ว่าคนๆนั้นมาจากเมืองที่มีชื่อว่าเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต”
ข้ารับใช้แก่พูด “ข้าคิดว่าข้อมูลนั้นจะต้องมีความผิดพลาด ข้าควรเริ่มตรวจสอบใหม่อีกทีไหม?”
กงซูจื่อส่ายหัว “ไม่จําเป็น ไม่สําคัญว่าเขาจะมาจากที่ไหน ที่นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน ในเมื่อเขาไม่ใช่คนชั้นสูงของเมืองหลวง ไม่สําคัญว่าเขาจะเป็นใคร เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทํากับลูกชายของข้า”
หลังจากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “ส่วนเฟิงเฟยเฟย ในเมื่อลูกชายของข้าชอบนาง? ข้าก็จะส่งนางไปหาลูกชายของข้าเพื่อที่เขาจะได้ไม่เหงา”
ข้ารับใช้แก่พูดอย่างเป็นกังวล “นายท่าน แบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่ เฟิงเฟยเฟยเป็นหนึ่งในสามนักร้องที่โด่งดังที่สุด นางเป็นเหมือนกับราชินีของนักร้อง นางมีผู้คนที่ทรงพลังมากมายเป็นแฟนเพลงของนาง แม้แต่ขุนนางที่ใหญ่โตก็ยังชื่นชอบนาง ข้ากลัวว่า…”
“ข้ามีวิธีของข้า พวกเขาทุกคนจะต้องตายร่วมกับลูกชายของข้า!” กงซูจื่อดูโกรธมากๆ
ตอนที่ 3089 สาวสวยมาหา
ที่แม่น้ำโฮไลท์นั้นเต็มไปด้วยอันตราย มันมีหลายสถานที่ที่แม้แต่หานเซิ่นเองก็ยังไม่กล้าไป มันไม่ใช่ว่าเขากลัวตาย เขาแค่กลัวว่าจะถูกขังอยู่ที่นั่นและไม่สามารถกลับออกมาได้
โชคดีที่หานเซิ่นได้รับคําแนะนํามาจากเฟเธอร์แฟรี่ ทําให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงจุดที่เป็นอันตรายต่างๆได้ หลังจากที่เขาได้เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ตามต้องการ เขาก็กลับไปที่เครื่องเทเลพอร์ตได้อย่างปลอดภัย นอกจากนั้นในระหว่างทางกลับ หานเป็นยังได้รับไข่ยีนระดับเอิร์ลและไวเคานต์มาหลายสิบใบจากยีนเรซที่พบ เขามีแผนที่จะนําพวกมันกลับไปวางขาย
หลังจากที่กลับไปถึงโรงแรม หานเซิ่นก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่ามิสเตอร์หยางและคนอื่นๆยังปลอดภัยดี
“ทุกคนมารวมกันตรงนี้ ข้ามีบางสิ่งจะบอกพวกเจ้าทุกคน”
หานเซิ่นเรียกทุกคนมาและเล่าเหตุการณ์ที่เขาฆ่ากงซูจินให้ทุกคนฟัง แต่หานเซิ่นไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก มิสเตอร์หยางและคนอื่นๆอ้าปากค้าง พวกเขาพูดอะไรไม่ออก
“นายท่าน กงซูจื่อที่นายท่านพูดถึง… ใช่คนเดียวกับที่เป็นมิสเตอร์ที่มีชื่อเสียงมากๆในอาณาจักรฉันไหม?” มิสเตอร์หยางถาม เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง
“ใช่ เขานั่นแหละ” หานเซิ่นพูด
“สิ่งที่จะตามมานั้นจะเต็มไปด้วยอันตราย เขาต้องมาแก้แค้นข้าอย่างแน่นอน นั่นหมายความว่าพวกเจ้าที่เป็นคนของข้าจะถูกลูกหลงไปด้วย การติดตามข้าต่อไปจะเป็นอะไรที่อันตราย ถ้าพวกเจ้าต้องการจะไปจากที่นี่ พวกเจ้าก็เอาเงินที่ได้จากการขายไข่ยีนและไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสถานที่อื่นที่อิสระ”
มิสเตอร์หยางรีบพูดขึ้นมาทันที “ข้าเลือกที่จะติดตามนายท่านไปเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่คิดจะหนีไปเพียงเพราะข้ากลัวอันตราย แถมที่นี่ก็เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน แม้แต่กงซูจื่อคนนั้นก็ทําอะไรที่โจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้”
หลี่ปิงหยูคิดในใจ “ทําไมจู่ๆเขาถึงได้ฆ่ากงซูจิน เรื่องทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงอย่างนั้นหรอ? นี่รัชทายาทไปฉินสั่งให้เขาทําหรือยังไง? หรือว่าเขาจะทํามันลงไปด้วยจุดประสงค์อื่น?”
ในตอนที่หลี่ปิงหยูเห็นหานเซิ่นมองมาที่เธอ เธอก็พูดอย่างเย็นชา
“ข้ายังคงติดหนี้บุญคุณเจ้า มันถือเป็นเรื่องดีถ้ากงซูจื่อจะมาเพื่อแก้แค้นเจ้า ข้าจะได้ปกป้องและตอบแทนเจ้า”
เจียงปู้กู่เพียงแค่ยิ้มให้กับหานเซิ่น เขาเองก็ไม่คิดจะไปไหน เจียงซื่อดึงโยวโยวเข้ามาใกล้และแสดงเจตนาที่จะไม่ยอมจากไปไหนเช่นเดียวกัน
“ถ้าพวกเจ้ายืนกราน ข้าก็คงจะทําอะไรไม่ได้ แต่มีอันตรายเกิดขึ้น พวกเจ้าก็จะมาโทษข้าไม่ได้”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หานเซิ่นหันไปพูดกับมิสเตอร์หยาง “มิสเตอร์หยาง เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เจ้าต้องไปที่ดาวกู่หย่างพร้อมกับข้า เจ้าจําเป็นต้องช่วยข้าหาตําแหน่งของชีพจรพระเจ้า”
หานเซิ่นมีแผนที่จะพามิสเตอร์หยางไปพบกับเฟเธอร์แฟรี่ แบบนั้นมิสเตอร์หยางก็จะสามารถใช้ยีนเรซได้
“ในตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย” หลี่ปิงหยูพูด
“ข้ากลัวว่ามันจะมีอันตรายรอคอยเจ้าอยู่ระหว่างทาง แบบนั้นทําไมเจ้าไม่ให้ข้าไปด้วย?”
หานเซิ่นตอบ “ไม่มีความจําเป็น เจ้าอยู่ที่นี่และคอยดูแลคนอื่นๆ”
หานเซิ่นนําไข่ยื่นออกมามอบให้กับมิสเตอร์หยาง มิสเตอร์หยางรับพวกมันมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ถึงเขาจะเคยได้ยินว่าดาวคู่หย่างนั้นมีชีพจรพระเจ้าอยู่เป็นจํานวนมาก แต่หานเซิ่นเดินทางไปที่นั่นเพียงแค่สองวันและได้รับไข่ยีนกลับมาเป็นจํานวน นั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป
หานเซิ่นกลับไปที่ห้องของเขาและพักผ่อน ทุกคนเองก็กลับไปทําธุระของตัวเอง หลี่ปิงหยูกลับไปที่ห้องของเธอและครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้
เธอคิดไปไกลว่าเรื่องทั้งหมดนี้อาจจะเป็นแผนการลับทางการเมือง ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่มีใครไปฆ่าลูกชายของมิสเตอร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
เธอคิดเกี่ยวกับมันอยู่เป็นเวลานาน แต่เธอก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ด้วยเหตุนั้นเธอจึงเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เธอพันผ้าเช็ดตัวและเดินออกมาที่หน้ากระจกเพื่อเตรียมตัวจะแต่งตัว แต่ในตอนที่เธอมองกระจก เธอก็ต้องตกใจ เพราะภายในกระจกนั้นใบหน้าของเธอดูงดงามอย่างมาก เธอมีโครงหน้าที่สวยคมราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุด มันทําให้แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังคิดว่าเธอนั้นงดงาม
“โอ้ ไม่นะ!” หลี่ปิงหยูรู้สึกตัวถึงบางสิ่ง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เธอไม่สามารถละสายตาไปจากกระจกได้ ดวงตาของเธอดูลุ่มหลงราวกับว่าเธอกําลังตกหลุมรัก
จิตใจของหลี่ปิงหยูค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ถ้าหานเซิ่นก็ยังต่อสู้กับอะไรแบบนี้ไม่ได้ มันก็ไม่มีทางที่เธอจะต่อต้านมันได้ในเวลาเพียงไม่นานเธอก็ตกหลุมรักภาพสะท้อนของตัวเธอเอง
หลังจากนั้นในสายตาของหลี่ปิงหยู ภาพสะท้อนในกระจกก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ มันเปลี่ยนเป็นภาพสะท้อนของหานเซิ่น
หานเซิ่นกําลังนอนอยู่บนเตียงและคิดเกี่ยวกับวิธีการที่เขาจะรับมือกับกงซูจื่อ เขาไม่คิดจะอยู่เฉยๆและรอให้กงซูจื่อมาทําการโจมตี ถ้ากงซูจื่อปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นศัตรู เขาก็รู้ว่ามันจะดีกว่าถ้าเขาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ขณะที่เขากําลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงประตูถูกดันเปิดออก มันทําให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
มิสเตอร์หยางและคนอื่นๆจะไม่ดันประตูเข้ามาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตแบบนั้น และถ้ามันเป็นคนที่ถูกส่งมาโดยกงซูจื่อ พวกเขาก็จะไม่เข้ามาทางประตูอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้นเช่นกัน
หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขามองไปทางประตูและต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงที่งดงามที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบๆตัวเดินเข้ามา หน้าอกของเธอโตและขาวมากๆ เขาสามารถเห็นแม้กระทั่งร่องก้นของเธอ ขาขาวที่เรียวยาวของเธอทําให้เขาตกตะลึง
เธอมีเส้นผมที่เปียกแฉะ ยาวลงมาเหมือนกับน้ำตก ดวงตาของเธอดูเต็มไปด้วยความใคร่ มันทําให้หานเซิ่นอึ้งจนทําอะไรไม่ถูก
“โกสต์คิลล์ เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด เขาจําได้ว่าเธอก็คือโกสต์คิลล์ เธอมันจะสวมหน้ากากผีและดูเย็นชาอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าตอนนี้ท่าทางของเธอดูแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ถ้าหานเซิ่นไม่ใช่คนช่างสังเกต เขาก็คงจะคิดว่าเธอเป็นคนละคนกับโกสต์คิลล์
หลี่ปิงหยูไม่พูดอะไร เธอบิดประตูด้านหลังก่อนที่จะล็อคมัน หลังจากนั้นเธอก็ทําท่าทางเหมือนกับแมวป่าที่หิวกระหาย ขณะที่เธอเข้ามาที่เตียง เธอคลานขึ้นมาและวางมือของเธอลงบนไหล่ของหานเซิ่น ดวงตาของเธอดูลุ่มหลง ขณะที่เธออยู่ห่างออกไปจากหานเซิ่นแค่สามนิ้ว เธอก็ยื่นลิ้นออกมาเพื่อจะเลียแก้มของหานเซิ่น
“นี่เจ้าบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นผลักไหล่ของหลี่ปิงหยูเพื่อจะหยุดเธอ
หานเซิ่นรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เห็นได้ชัดว่านี้ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของโกสต์ศิลล์
หลี่ปิงหยูยังคงพยายามเข้ามาใกล้ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าผู้ชายตรงหน้าคือคนที่เธอหลงรักมาชั่วนิรันดร์ เธอต้องการมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาและต้องการจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
ขณะที่หานเซิ่นกําลังคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงของบิ๊กสกายเดม่อนดังขึ้นมา
“เจ้าชอบหญิงงามคนนี้ไหม? ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะทําให้หญิงงามทุกคนมาอยู่ในอ้อมแขนของเจ้า ข้าจะทําให้พวกนางตกหลุมรักเจ้าจนโงหัวไม่ขึ้น พวกนางจะทําทุกอย่างเพื่อเจ้า”
เงาของบิ๊กสกายเดม่อนปรากฏตัวข้างๆหานเซิ่น ริมฝีปากของเธอกัดที่หูของเขา ขณะที่เธอพูด มันเหมือนกับว่ามีน้ำหอมบางอย่างฉีดเข้ามาในหูของหานเซิ่น ซึ่งทําให้เขารู้สึกคันคะเยอ
“แน่นอนว่าข้าชอบหญิงงาม แต่ข้าไม่ชอบตุ๊กตาที่ถูกควบคุม”
หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาดูสงบนิ่ง พวกมันเป็นเหมือนกับลูกศรที่แทงทะลุเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความใคร่ของหลี่ปิงหยู
หลี่ปิงหยูรู้สึกหนาวขึ้นมา เธอตื่นจากมนตร์สะกด ร่างกายของเธอยังคงคร่อมอยู่บนตัวของหานเซิ่นเหมือนกับแมวป่า ดวงตาของพวกเขาจ้องมองกันและกันในท่วงท่านั้น
ตอนที่ 3090 ไปที่ภูเขาเพื่อขอความช่วย เหลือจากพระเจ้า
ใบหน้าของหลี่ปิงหยูเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอดูเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต ขณะที่เธอกระโดดออกจากตัวหานเซิ่น เธอจับผ้าเช็ดและรีบวิ่งออกไปจากห้องของหานเซิ่น
พลังของบิ๊กสกายเดม่อนนั้นน่ากลัวเกินไป แม้แต่หานเช่นเองก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้หลี่ปิงหยูรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เธอไม่สามารถหยุดตัวเองเอาไว้ได้
หลี่ปิงหยูรู้ว่ามันต้องเป็นพลังของยืนเรซบางอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นพลังของบิ๊กสกายเดม่อน เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นการแก้แค้นของกงซูจื่อ
“ไอ้กงซูจื่อเวรนั่น! ถ้าเจ้าต้องการจะแก้แค้น ก็ไปแก้แค้นเขาด้วยตัวเอง เขากล้าดียังไงมาใช้พลังแบบนั้นกับข้า”
หลี่ปิงหยูกลับไปที่ห้องอย่างรู้สึกแย่ หลังจากที่ต้องทนดูตัวเองทําแบบนั้นกับหานเซิ่นเธอก็อยากจะขุดรูเพื่อลงไปซ่อนตัวจากความอับอาย
หลังจากที่หลี่ปิงหยูออกไปแล้ว หานเช่นก็ตรวจเช็คห้องของเขา เขาไม่เห็นบิ๊กสกายเดม่อนอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นนสามารถไปๆมาๆได้ตามใจชอบ แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ของเธอได้
“เราจําเป็นต้องหาทางกําจัดนาง เราจะปล่อยให้มีใครบางคนตามหลอกหลอนเราแบบนี้ไม่ได้มันเริ่มจะเป็นอะไรที่น่ารําคาญ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
หานเซิ่นเอาไข่ยืนของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ออกมาวางบนมือ เขาลองใช้พลังของโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตเพื่อดูว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นยีนเรซเอ็กซ์คลูซีฟเทพมังกรโลหิตได้ไหม แต่หานเซิ่นต้องผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ออกมา บางทีมันอาจจะเป็นเพราะธาตุที่ขัดแย้งกันแต่โลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตนั้นไม่สามารถเชื่อมต่อกับเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ได้
เมื่อไม่มีทางอื่น หานเช่นก็จําเป็นต้องหยดเลือดของเขาลงบนไข่ยืนของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ ไม่นานหลังจากนั้นเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็ฝักตัวออกมา
เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ที่ฝึกออกมานั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก เท้าทั้งสี่ของมันดูผอมบางและมันมีร่างกายที่กึ่งโปร่งใส มันดูเหมือนกับงานแกะสลักหยก มันดูน่ารักมากๆ
“คุณได้รับยืนเรซระดับราชันเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์” เสียงประกาศดังขึ้นมา
หานเซิ่นลองรวมร่างกับเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ แต่มันยังคงเป็นแค่ร่างวัยเยาว์ ด้วยเหตุนั้นพลังของมันจึงค่อนข้างอ่อนแอ หานเช่นรู้สึกได้ถึงพลังบริสุทธิ์ที่เข้าไปในร่างกายของเขา บนหัวของเขามีเขาหยกสีขาวงอกขึ้นมา ถ้ามียีนเรซไหนเข้ามาในระยะหนึ่ง เขาหยกสีขาวก็จะส่งสัญญาณเตือน และสีของเขาจะเปลี่ยนไปตามธาตุของยืนเรซนั้นๆ
ถึงแม้เขาหยกจะไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร แต่มันก็ดูน่าขบขันอยู่ดี ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่และรีบแยกร่างออกจากเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้รวมร่างกับมัน แต่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็จะยังคงสามารถตรวจจับยืนเรซที่เข้ามาใกล้ได้อยู่ดี หานเซิ่นลองเรียกบลัดโกสต์สปิริตออกมาและพบว่าเขาของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง
เนื่องจากเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ยังเป็นแค่ร่างวัยเยาว์ ระยะการตรวจจับยืนเรซของมันจึง ไม่ไกลมากนักอย่างดีที่สุดมันก็สามารถสัมผัสได้แค่ยืนเรซที่อยู่ในระยะสามสิบฟุตเท่านั้น แต่สําหรับหานเช่นนั้นถือเป็นอะไรที่เพียงพอแล้ว
ที่นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน พวกเขาไม่ได้อยู่ในป่า หานเซิ่นแค่ต้องการมันเพื่อจะหลีกเลี่ยงการลอบสังหารที่อาจจะเกิดขึ้น
“ว่าแต่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์จะตรวจจับบิ๊กสกายเดม่อนได้ไหมนะ”
หานเซิ่นมองไปที่เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ แต่เขาไม่สังเกตเห็นปฏิกิริยาใดๆจากมัน บางทีกสกายเดม่อนอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ หรือไม่อย่างนั้นเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็ไม่สามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ของบิ๊กสกายเดม่อนได้
“ด้วยการมีเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์อยู่ มันก็จะปลอดภัยขึ้นมาก แต่ก่อนอื่นเราจําเป็ นต้องช่วยให้มิสเตอร์หยางได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริต”
หานเช่นตัดสินใจพามิสเตอร์หยางไปที่วิหารพระเจ้าของเฟเธอร์แฟรี่
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลกงซู คนรับใช้แก่คนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากงซูจือ
“นายท่าน ข่าวจากพวกเขามาถึงแล้ว พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่เห็นแม้แต่เส้นผิวหนังหรือเส้นผมของหานเซิ่นภายในโรงแรมของเขา” ชายแก่พูดอย่างเป็นกังวล
“เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะหาผิวหนังหรือเส้นผมของหานเช่นไม่ได้? นี่พวกเขาทํางานกันยังไง?” กงซูจื่อพูด
คนรับใช้พูด “ไม่ใช่ว่าพวกเขาทําผิดพลาด ข้าเองก็ได้ลองปลอมตัวเป็นคนทําความสะอาดเพื่อเข้าไปในห้องของหานเซิ่น แต่ข้าไม่แห็นเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวของเขา มันไม่มีแม้แต่รังแคหล่นลงบนพื้น ข้าคิดว่าเขาเตรียมตัวมาดี”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ต้องเป็นชนชั้นสูงที่ปลอมตัวมา” กงซูจ่อขมวดคิ้วและถามต่อไปว่า “แล้วทางด้านยาเออร์ล่ะ?”
“ยาเออร์เป็นเพื่อนรักของเฟิงเฟยเฟย” คนรับใช้แก่พูด
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางใช้ข้ออ้างเรื่องการฉลองวันเกิดของเฟิงเฟยเฟยเพื่อจะอยู่อาศัยในบ้านของนาง มันควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหาเส้นผมของเฟิงเฟยเฟย มันควรจะมาถึงในเร็วๆนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เฟิงเฟยเฟยไปหาลูกชายของข้าเป็นคนแรก” กงซูจอพูดอย่างเลือดเย็น
“นายท่าน ถ้าพวกเราหาผิวหนังหรือเส้นผมของหานเซิ่นไม่ได้ ซื่อหมิงเดม่อนเรซก็จะทําอะไรไม่ได้” คนรับใช้แก่พูดอย่างเป็นกังวล
“แบบนั้นพวกเราจะจัดการกับหานเซิ่นยังไง?”
กงซูจื่อหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ข้าเดินทางท่องจักรวาลเป็นเวลากว่าร้อยปี ข้าขุดชีพจรเทพเจ้าที่สั่นสะเทือนท้องฟ้ามานับไม่ถ้วน ข้ามียืนเรซที่ทรงพลังมากกว่าหนึ่งตัว ข้าไม่ได้มีแค่ชื่อหมิงเดม่อนเรซ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะฆ่าใครสักคน กําจัดเชิงเฟยเฟยนั่นซะ หลังจากนั้นก็จัดการกับเขา”
วันต่อมาหานเป็นพามิสเตอร์หยางไปที่ดาวกู่หย่าง
หลังจากที่เดินทางมาได้สักพัก มิสเตอร์หยางก็ชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งและพูดขึ้นว่า
“นายท่าน ดูเหมือนว่าที่ภูเขาลูกนั้นจะมีชีพจรพระเจ้าอยู่ ที่นี่สมกับเป็นเมืองหลวงจริงๆ มันมีชีพจรพระเจ้ามากกว่าที่เมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตมาก”
หานเซิ่นส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อหาชีพจรพระเจ้า”
มิสเตอร์หยางแปลกใจ “นายท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาชีพจรพระเจ้า? ถ้าอย่างนั้นทําไมนายท่านถึงพาข้ามาที่นี่? นายท่านมีเรื่องจําเป็นต้องพูดกับข้าอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นพูด “มันไม่มีอะไรมาก ข้าไปพบกับวิหารพระเจ้าที่ไม่มีเมืองใดเมืองหนึ่งเป็นเจ้าของมันจะมีเพียงแค่เทพสปิริต ด้วยเหตุนั้นข้าจึงจะพาเจ้าไปที่นั่นเพื่อดูว่าข้าจะขอเทพสปิริตให้มอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตกับเจ้าได้ไหม”
มิสเตอร์หยางยิ้มแห้งๆ “ขอบคุณในความหวังดีของนายท่าน ในช่วงเวลาทศวรรษที่ผ่านมาข้าได้ตะเวนไปตามวิหารพระเจ้าต่างๆมากมาย แต่ข้าก็ไม่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตมา ดูเหมือนว่ายีนของร่างกายข้าจะแย่เกินไป ตอนนี้ข้าได้ตัดใจในเรื่องนั้นไปแล้ว มันไม่มีความจําเป็นที่นายท่านต้องลําบากเพื่อข้าอีก”
“ไหนๆพวกเราก็มาถึงนี่แล้ว ลองดูสักหน่อยจะเป็นอะไรไป” หานเป็นยิ้ม
เมื่อหานเซิ่นพูดแบบนั้น มิสเตอร์หยางก็ไม่พูดอะไรอีก แต่เขายังคงไม่มีความหวังกับการ เดินทางในครั้งนี้
ในตอนที่เขายังหนุ่ม เขาเคยมีความหวัง เขาได้ไปเยือนวิหารพระเจ้ามากมาย แต่ในท้ายที่เขาก็รู้สึกสิ้นหวังมันไม่มีเทพสปีริตไหนที่จะมอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้กับเขา
ด้วยเส้นทางลับที่เฟเธอร์แฟรี่บอก หานเซิ่นสามารถเดินทางไปที่ภูเขาโฮไลท์ได้อย่างปลอดภัย ในระหว่างทางพวกเขาพบกับยืนเรชหลายชนิด หานเซิ่นจึงใช้บลัดโกสต์สปิริตเพื่อทําให้พวกมันหวาดกลัวจนหนีไป
ในเวลาไม่นานพวกเขาทั้งสองก็มาถึงภูเขาซึ่งปกคลุมในแสงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งภูเขานั้นกําลังเรืองแสงเหมือนกับว่ามันอยู่ในตําแหน่งที่พระอาทิตย์ขึ้น มันดูสว่างไสวอย่างมาก
ตอนที่ 3091 ให้โลหิตชีพจรเทพสปิริต
เฟเธอร์แฟรี่บอกว่ามันมียีนเรซที่น่ากลัวอาศัยอยู่ที่ภูเขาโฮไลท์ นั่นทําให้หานเซิ่นรู้สึ กเป็นกังวลเขาไม่ต้องการประสบกับปัญหามากไปกว่านี้ด้วยเหตุนั้นเขาจึงค่อยๆพามิสเตอร์หยางขึ้นภูเขาไปอย่างระมัดระวัง
ตั้งแต่ที่หานเซิ่นได้พบกับบิ๊กสกายเดม่อน เขาก็ได้รู้ว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งประหลาดที่น่ากลัวมากมายเขาไม่สามารถรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาจึงจําเป็นต้องระมัดระวังและไม่ดึงความสนใจมาสู่ตัวเองมากจนเกินไป
“นายท่าน ที่นี่คือภูเขาโฮลไลท์ที่เป็นต้นกําเนิดของแม่น้ําโฮไลท์ในตํานานอย่างนั้นหรอ?” มิสเตอร์หยางรู้สึกตกใจเขามองไปที่ภูเขาอันลึกลับด้วยขาที่สั่นรัว
“มันก็เป็นแค่ชื่อเท่านั้น” หานเช่นไม่สนใจ เขาปืนขึ้นภูเขาต่อไป
หัวใจของมิสเตอร์หยางเต้นรัว “นายท่าน ข้าได้ยินมาว่าภูเขาโฮไลท์นั้นเป็นที่อยู่อาศัยของยืนเรซร่างสุดยอดที่น่ากลัว มันเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับมากมาย ถึงแม้คนที่มาที่นี่จะเป็นยอดฝีมือระดับทอป พวกเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน”
“ไม่เป็นอะไร ข้ารู้ทางลับที่จะพาพวกเราไปถึงวิหารพระเจ้าอย่างปลอดภัย” หานเซิ่นพูดขณะที่เดินหน้าต่อไป
หมอกอันลึกลับนั้นปกคลุมทั้งภูเขา ทําให้คนที่ในเขาขึ้นมา มองไม่เห็นอะไรที่อยู่ไกลเกินกว่าสิบห้าฟุต ระหว่างที่เดินทางขึ้นภูเขาไปนั้น พวกเขาจะได้ยินเสียงคํารามของอสูรและเสียงก้องของฟ้าร้องอยู่เรื่อยๆ มิสเตอร์หยางนั้นหวาดกลัวและไม่กล้าจะออกห่างจากหานเซิ่นเกินหนึ่งก้าว
ถึงบรรยากาศจะน่ากลัวมากๆ แต่มันก็เป็นอย่างที่เฟเธอร์แฟรี่ได้พูดเอาไว้ พวกเขาไม่ได้พบกับอันตรายใดๆในระหว่างที่พวกเขาปีนเขาขึ้นมา
มิสเตอร์หยางมีร่างกายที่อ่อนแอ ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ปุ่นเขาไปได้ไม่นาน เขาก็หอบจับตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเขาฝ่าสายฝนมา เขาไม่สามารถขึ้นเขาต่อไปได้อีกหานเซิ่นจึง จําเป็นต้องแบกเขาขึ้นไป
ไม่รู้ว่าภูเขาลูกนี้นั้นสูงเท่าไหร่กันแน่ แต่ด้วยความเร็วของหานเซิ่น เขาต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันเพื่อจะมาถึงยอดของพวกเขา
บรรยากาศบนยอดภูเขานั้นแตกต่างจากดินแดนด้านล่าง มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและอ่อนโยนราวกับว่าพวกเขาอยู่ในทะเลก้อนเมฆ อากาศนั้นปลอดโปร่งมากๆ มันไม่มีทั้งสายลม สายฟ้า และฝุ่นควัน มันเป็นสถานที่ที่สงบสุข
บนยอดภูเขานั้นมีวิหารโบราณตั้งอยู่ มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยอิฐสีเขียว มันทั้งดูลึกลับและเก่าแก่
“นายท่าน มันมีวิหารพระเจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ” เมื่อได้เห็นวิหารพระเจ้า มิสเตอร์หยางก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายที่อยู่บนประตูของวิหาร มันมีตัวอักษรที่เขียนเอาไว้ว่า “วิหารพระเจ้าเฟเธอร์แฟรี่” อยู่
“เข้าไปข้างในกันเถอะ หลังจากที่เจ้าได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตแล้ว พวกเราจะเดินทางกลับ” หลังจากที่พูดจบ หานเช่นก็เดินเข้าไปข้างในวิหารพระเจ้า
มิสเตอร์หยางรีบตามหานเซิ่นเข้าไป “นายท่าน ตอนนี้ข้าจะไปขอล่ะนะ แต่ขากลัวว่ามันจะไร้ประโยชน์ และทําให้ความหวังดีของนายท่านเสียเปล่า”
หลังจากพูดจบ มิสเตอร์หยางก็เดินไปตรงหน้าแท่นบูชาที่มีรูปปั้นของเทพสปิริตตั้งอยู่ก่อนที่ จะคุกเข่าลงไปและเริ่มสวดภาวณา หลังจากนั้นเขาก็หยดเลือดของตัวเองลงบนเตาหิน
เขารู้ผลลัพธ์ที่จะออกมา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริต เขาแค่ต้องการรีบๆทําพิธีให้มันจบๆไปเพื่อที่จะได้เดินทางกลับ เขาไม่อยากให้หานเช่นต้องเสียเวลา
เลือดหยดลงไปบนเตา แต่มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น ถึงมิสเตอร์หยางจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี
หานเช่นยืนมองอยู่ตรงทางเข้าวิหารพระเจ้า มิสเตอร์หยางลุกกลับขึ้นมาและพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“นายท่าน ดูเหมือนว่าข้าจะทําให้ความหวังดีของนายท่านต้องเสียเปล่า”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นเฟเธอร์แฟรี่ก็ไม่เห็นแก่หน้าเขา นั่นทําให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ไม่เป็นอะไร เจ้ารออยู่ตรงนี้”
หานเซิ่นแค่ต้องการให้มิสเตอร์หยางได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตเป็นของตัวเอง มันจะดีกว่าถ้าเขาไม่ต้องลงมือทําอะไร แต่ตอนนี้เขาจําเป็นต้องเดินเข้าไปหาแท่นบูชา
หานเซิ่นใช้มือตบใส่แท่นบูชา และทําให้แท่นบูชาเกิดเป็นรอยฝามือขึ้น ทั้งวิหารสะเทือนอย่างรุนแรง
มิสเตอร์หยางรู้สึกตกใจ เขารีบพูดอย่างตื่นตระหนก “นายท่านได้โปรดอย่าทําแบบนั้น! นายท่านจะทําแบบนั้นไม่ได้!”
ผู้คนในจักรวาลนี้ถูกสั่งสอนมาว่าเทพสปิริตเป็นผู้สร้างจักรวาลและให้กําเนิดทุกสิ่งมีชีวิตด้วย เหตุนั้นพวกเขาจึงอยู่เหนือทุกชีวิต วิหารพระเจ้าเป็นสัญลักษณ์ของเทพสปิริตแต่ละคนฉะนั้นไม่ ว่าจะยังไงพวกเขาก็ห้ามทําลายมัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกเทพสปิริตลงโทษ
ความเชื่อนี้ถูกฝังลึกในจิตใจของทุกๆคน ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มิสเตอร์หยางจะรู้สึกแบบนั้น ยังไงซะนั่นก็คือสิ่งที่เขาถูกสั่งสอนมา
เมื่อเห็นหานเซิ่นใช้มือตบใส่แท่นบูชา มิสเตอร์หยางก็คิดว่านั่นเป็นการดูหมิ่นต่อเทพสปิริตแม้แต่ราชาของอาณาจักรฉันก็ไม่กล้าทําอะไรแบบนั้น
หานเซิ่นเมินเฉยต่อมิสเตอร์หยางที่ตื่นตระหนกและพูดอย่างเย็นชาว่า “เฟเธอร์แฟรี่อยู่ที่ไหน?”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด มิสเตอร์หยางก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม หานเช่นใช้มือตบแท่นบูชาและพูดชื่อของเทพสปิริตออกมาเสียงดัง นั่นไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
วินาทีต่อมาใบหน้าของมิสเตอร์หยางซีดเผือก เขาเห็นรูปปั้นของเทพสปิริตเริ่มจะเรืองแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัว หลังจากนั้นก็มีชายแก่ที่ดูเหมือนกับแฟรี่ลอยลงมาจากแท่นบูชา
“โอ้ไม่… โอ้ไม่นะ… เทพสปริตปรากฏตัวออกมา นี่มันแย่แล้ว นายท่าน พวกเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่”
มิสเตอร์หยางวิ่งเข้าไปหาหานเซิ่นเพื่อจะดึงเขาออกไป แต่เนื่องจากมิสเตอร์หยางนั้นไม่มีพลังเสริมจากยืนเรซ เขาจึงเชื่องช้าเกินไป ในตอนที่เขาจับแขนของหานเซิ่นได้ เทพสปิริตที่ดูเหมือนกับแฟรี่แก่ก็ลอยลงมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าของมิสเตอร์หยางดูซีดเซียวและพูดในใจว่า “มันจบสิ้นแล้ว พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่
แต่เทพสปิริตนั้นก้มหัวลงตรงหน้าเขาอย่างน่าประหลาดใจก่อนที่จะพูดอย่างมีมารยาทกับหานเซิ่นว่า
“เทพสปิริตน้อยไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ด้วย ท่าน โปรดให้อภัยด้วยที่ข้าไม่ได้ออกมาตอนรับท่าน”
ร่างกายทั้งร่างของมิสเตอร์หยางแข็งที่อไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่จ้องไปที่เฟเธอร์แฟรี่และหานเซิ่นด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถคิดอะไรได้ มันเหมือนกับว่าสมองของเขาหยุดทํางาน
หานเซิ่นชี้ไปที่มิสเตอร์หยางและพูด “คนๆนี้คือคนใช้ของข้า ข้าพาเขามาที่นี่เพื่อรับโลหิตชีพจรเทพสปิริต เจ้าจะมอบมันให้กับเขาได้ไหม?”
เฟเธอร์แฟรี่มองไปที่มิสเอตร์หยาง หลังจากนั้นเขากลับมามองที่หานเชื่นและถามอย่างระมัดระวัง “โลหิตชีพจรแบบไหนที่ท่านคิดว่าเหมาะสมกับเขา?”
เฟเธอร์แฟรี่รู้สึกหดหู ถึงเขาจะมอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้กับคนอื่นๆได้ แต่มันจะทําให้เขาสูญเสียพลัง ถ้าเขามอบโลหิตชีพจรให้กับคนที่อ่อนแอ มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร
มิสเตอร์หยางที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาเป็นบุคคลที่มียีนที่แย่ ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันไม่มีทางที่เขาจะมอบโลหิตชีพจรให้กับคนแบบนั้น แต่ด้วยการที่หานเซิ่นเป็นคนขอเฟเธอร์แฟรี่ก็ไม่ สามารถปฏิเสธได้ ถึงแม้มิสเตอร์หยางจะอ่อนแอยังไง เขาก็ต้องจําใจมอบโลหิตชีพจรเทพสปีริตของเขาให้กับมิสเตอร์หยางอยู่ดี
“เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่าเขากําลังยิ้มให้กับเฟเธอร์แฟรี่ แต่เขาไม่ได้กําลังยิ้ม
เฟเธอร์แฟรี่กัดฟันและคิด “ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องสูญเสีย ถ้าอย่างนั้นแทนที่จะต่อต้านและทําให้ดอลลาร์ไม่พอใจ ไม่สู้เราช่วยเหลือเขาจะไม่ดีกว่าหรอ?”
เมื่อคิดได้แบบนั้นเฟเธอร์แฟรี่ก็จุดเตาหินของเขา แสงศักดิ์สิทธิ์ของเตาหินเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุ มีขนนกสีขาวเหมือนกับหิมะมากมายลอยออกมา พวกมันปกคลุมทั้งวิหารพระเจ้ามันเหมือนกับว่ามีขนห่านนับล้านร่วงลงมาจากท้องฟ้า
ทันใดนั้นขนนกนับไม่ถ้วนก็เริ่มบินเข้าไปในทิศทางของมิสเตอร์หยาง พวกมันละลายเข้าไปในร่างกายของเขา มันทําให้มิสเตอร์หยางรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่บนสวรรค์ มันเหมือนกับว่าเขากําลังฝันไป
“โลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์” มิสเตอร์หยางสงสัยว่าทั้งหมดนี้เป็นความฝันหรือเปล่าแต่จริงๆแล้วเขาไม่เคยแม้แต่ฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้เขาได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริต แถมมันยังเป็นโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์ มันมีผู้คนไม่มากนักที่จะได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์แบบนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น