เทพปีศาจหวนคืน 1588-1591
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1588 วางกับดักกันเอง
“เขาตายจริงๆงั้นหรือ?” ฟางหยวนรู้สึกตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้เล็กน้อย
“ดูเหมือนหยางซานมู่จะโชคร้ายจริงๆ เขาถูกขโมยวิญญาณอมตะดวงสําคัญสองครั้งติดต่อกัน” ฟางหยวนสายศีรษะ
ผลลัพธ์นี้เกิดจากความแตกต่างของโชค
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถปราบฟงจิวเก้อเพราะฝ่ายหลังเป็นผู้พิทักษ์เต๋าที่มีโชคใกล้เคียงกับเขา แต่หยางซานมู่เป็นคนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงตกตายอยู่ในมือปีศาจปล้นวิญญาณ
ฟางหยวนตระหนักทันทีว่าการรวมตัวกันของเส้นทางแห่งโชคและเส้นทางแห่งการโจรกรรมทรงพลังมาก แม้มรดกบนเส้นทางทั้งสองสายของเขาจะไม่สมบูรณ์ แต่มันมีต้นกําเนิดมาจากสองผู้อมตะระดับเก้าที่ยิ่งใหญ่
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นหยางซานมู่ติดอยู่ในเขตแดนอมตะ
จื่อชิวกระตุ้นเซี่ยฟาน “เร็ว เจ้ายังไม่สามารถอนุมานเขตแดนนี้อีกมั้นหรือ?”
เซี่ยฟานกําลังครุ่นคิดโดยไม่สนใจคํากล่าวของจื่อชิว
ผู้อมตะคนอื่นๆกําลังพูดคุย
“มันคือเขตแดนใด? มันถูกจัดตั้งอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้ามายั่วยุพวกเราเพียงลําพัง เขามีท่าไม้ตายที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านเซี่ยฟานแล้ว”
เซี่ยฟานได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ เขากลอกตาและคิดกับตนเอง “คนเหล่านี้ไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญา! พวกเขาคิดว่าเขตแดนอมตะเป็นเรื่องง่ายที่จะคลี่คลายงั้นหรือ?”
เซี่ยฟานรู้สึกถึงความยากลําบาก “โอ้ หยางซานมู่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถอดทน”
แต่เมื่อเวลาผ่านไปแรงกดดันของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว หากเขาไม่สามารถคลี่คลายเขตแดนนี้ แม้ผู้อมตะภาคใต้จะมีมากมายเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนอมตะเพื่อช่วยเหลือสหาย หากเขาล้มเหลว ชื่อเสียงของเขาจะได้รับผลกระทบ แต่นั้นยังไม่ใช่สิ่งใดหากเปรียบเทียบกับข่าวลือที่กระจายออกไปว่าเขาสามารถทําได้แต่ปฏิเสธที่จะทํามันและเพียงเฝ้าดูหยางซานมู่ตายไปต่อหน้าเท่านั้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาจะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
แต่เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตของฟางหยวนจะถูกอนุมานและทําลายอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถทําได้เพราะนางเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยุคปัจจุบันแต่เซี่ยฟานไม่ใช่!
“ข้าไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลย! รากฐานของมันลึกเกินไป ดูเหมือนมันจะมีต้นกําเนิดที่น่ากลัว!” หลังจากชั่วครู่ ร่างกายของเซี่ยฟานก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ผู้อมตะภาคใต้ยังวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปและทําให้เซี่ยฟานรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและตะโกนด้วยความโกรธ “ พวกเจ้าหุบปาก!”
กลุ่มผู้อมตะปิดปากลงทันที
จื่อชิงกระแอมไอก่อนกล่าว “ถูกต้อง ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่ารบกวนท่านเซี่ยฟาน ด้วยความสามารถของเขา ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ทําให้พวกเราผิดหวัง!”
คํากล่าวเหล่านี้บังคับให้เซี่ยฟานไม่มีทางเลือก
เขามองจื่อชิวด้วยสายตามืดครึมขณะที่คนหลังแสดงท่าที่สนับสนุนราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา
เซี่ยฟานกัดฟันด้วยความโกรธ
แต่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หลังจากเปลี่ยนวิธีคิด เขาก็เผยรอยยิ้ม “ทุกคนโปรดสงบจิตใจ พวกเจ้าคงลืมไปแล้วท่านหยางซานมู่มีทักษะในการตรวจสอบมากที่สุด เขาออกไปต่อสู้เพราะเขามีความมั่นใจ เขาต้องได้รับข้อมูลหรือค้นพบความจริงบางอย่างที่พวกเราไม่รู้”
เซี่ยฟานและหยางซานมู่ไม่ได้รักกัน พวกเขาเกลียดกัน!
แต่ตอนนี้เซี่ยฟานกลับยกย่องหยางซานมู่และวางเขาไว้บนที่สูง
นี่ทําให้ทุกคนตกตะลึงก่อนที่จะตระหนักถึงบางสิ่ง
หากมันเป็นเช่นที่เซี่ยฟานกล่าว มันหมายความว่าหยางซานม่ต้องการสร้างชื่อเสียงและรับผลประโยชน์เพียงผู้เดียวโดยทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง
ตอนนี้เส้นโลหิตปฐพีกําลังเคลื่อนไหว ทรัพยากรอมตะและวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง แล้วผู้ใดจะต้องการอยู่ปกป้องสถานที่แห่งนี้? ผู้ใดจะไม่ต้องการออกไปแสวงหาโชคลาภ?
หากหยางซานมู่ได้รับความดีความชอบจากเรื่องนี้ เขาจะสามารถปลดประจําการและออกจากที่นี่!
ในความเป็นจริงไม่เพียงหยางซานมู่แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างต้องการจากไป
ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มผู้อมตะก็เริ่มเปลี่ยนคําพูด
พวกเขาเห็นด้วยกับคํากล่าวของเซี่ยฟาน
“ท่านเซี่ยฟานกล่าวได้ถูกต้องแล้ว วิธีตรวจสอบของท่านหยางซานมู่มีชื่อเสียงโด่งดังในภาคใต้ ทุกคนรู้ดี”
“ถูกต้อง ถูกต้อง ข้าจําช่วงเวลาที่สวรรค์สีดําเกิดความปั่นป่วนได้อย่างชัดเจน หลังจากเขารายงานไปยังตระกูลหยาง พวกเขาก็เดินทางไปยังจุดหมายล่วงหน้าและได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่เพียงฝ่ายเดียว”
“ท่านหยางซานมู่เคยไล่ล่าปีศาจอมตะเหนียงหวางฮวยมาก่อน ชายผู้นั้นทั้งเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย เขาซ่อนตัวอยู่เป็นเวลานานและสามารถหลบหนีจากจับกุมของตระกูลไท่ แต่สุดท้ายเขากลับจบลงในเงื้อมมือของท่านหยางซานมู่”
“ในความคิดเห็นของข้า ครั้งนี้ท่านหยางซานมู่ต้องมั่นใจมาก เราต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขา เราต้องไม่หวั่นไหว ข้ายังต้องเตือนทุกคน หลังจากที่ท่านหยางซานมู่ได้รับชัยชนะ เราต้องให้เขาอยู่ที่นี่ต่อเพื่อตรวจสอบเขาอย่างระมัดระวัง พวกเจ้าจําเรื่องของฟางหยวนเมื่อไม่นานมานี้ได้หรือไม่?”
ฟางหยวนใช้ใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมตัวเป็นวอี้ให้และแฝงตัวอยู่ในกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เป็นเวลานาน นั่นทําให้ผู้อมตะภาคใต้สูญเสียชื่อเสียงและรู้สึกโกรธมาก
“ฮืม ฟางหยวนเป็นวายร้ายปีศาจที่แทรกซึมเข้ามาในฝ่ายธรรมะ วันหนึ่งเขาต้องถูกลงโทษ!”
“ฝายปีศาจไม่มีวันชนะฝ่ายธรรมะ นี่คือกฎของโลกใบนี้ ปีศาจอาจหยิ่งยโสในเวลานี้ แต่เขาต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นในวันหนึ่ง กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังถูกวังสวรรค์จับกุมหลังจากความตาย แล้วเขาเป็นผู้ใด?”
“ข้าต้องการฆ่าปีศาจตนนี้ด้วยตัวเอง เห้อ…น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมในการต่
อสู้ครั้งนั้น”
จื่อชิวไม่พูด เขามองเซี่ยฟานด้วยสายตาลึกล้ำ
เซี่ยฟานปิดเปลือกตาลงและเริ่มอนุมานอีกครั้ง
จื่อชิงลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ดังคาด สมกับเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ก่อนหน้านี้เขาวางกับดักเซี่ยฟานแต่ตอนนี้เซี่ยฟานกลับสามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คํา
เซี่ยฟานบอกเป็นนัยว่าหยางซานมู่โลภมากและต้องการความดีความชอบเพื่อฉกชิงผลประโยชน์จากทุกคนที่นี่ หลังจากไม่นานทุกคนที่เข้าใจความหมายของเขา
เขาหมายความว่าหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หยางซานมู่จะโง่เขลาและวิ่งเข้าสู่กับดักของศัตรูงั้นหรือ? แล้วพวกเขาจะทําอย่างไรหากเขาตายในเขตแดนอมตะ? ทุกคนจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนเลวที่เฝ้ามองสหายเสียชีวิตในสนามรบขณะที่ตนเองซ่อนตัวอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ
ดังนั้นผู้อมตะเหล่านี้จึงต้องสรรเสริญหยางซานมู่และเชิดชูเขาขึ้นสู่ท้องฟ้า เซี่ยฟานใช้ความคิดของพวกเขาเพื่อทําลายกับดักของชื่อชิวได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้อารมณ์ของเซี่ยฟานกลับแย่มาก “ข้าไม่สามารถคลี่คลายเขตแดนอมตะนี้ บัดซบ! เราต้องขอความช่วยเหลือ แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องบอกบางสิ่ง ข้าไม่สามารถเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ คือ?”
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขตแดนอมตะของฟางหยวนหายไป ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นแต่ไม่มีหยางซานมู่
“นี่ นี่ นี่”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ผู้อมตะภาคใต้สูดหายใจลึก การแสดงออกของผู้อมตะระดับเจ็ดเซี่ยฟานและจื่อชิวเปลี่ยนไปเช่นกัน
สถานการณ์ชัดเจนมาก ศัตรูยังอยู่แต่หยางซานมู่หายไป
แต่เหตุใดถึงเร็วนัก?
หยางซานมู่ไม่ใช่คนธรรมดา เขามีพลังการต่อสู้ที่เพียงพอ แต่เขากลับตกตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขตแดนอมตะของศัตรูปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณออกมาอย่างชัดเจนแต่ไม่มีร่องรอยของเส้นทางแห่งกาลเวลา ไม่มีความแตกต่างด้านเวลา
ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือปีศาจอมตะระดับเจ็ดผู้นี้เหนือกว่าหยางซานมู่อย่างไม่สามารถเปรียบเทียบหรือบางทีเขาอาจมีวิธีการที่แปลกประหลาดและไม่ธรรมดาบางอย่าง?
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ทั้งตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
ฟางหยวนมองค่ายกลวิญญาณอมตะด้วยสายตาเย็นชา
เดิมที่เขาต้องการปลอมตัวเป็นหยางซานมู่เพื่อเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่หลังจากค้นวิญญาณของฝ่ายหลัง เขาพบการเตรียมการของภาคใต้และต้องล้มเลิกแผนการดังกล่าว
ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีรากฐานที่ไม่ธรรมดา การดูแคลนพวกเขาเป็นเรื่องโง่เขลา ใบหน้าที่คุ้นเคยถูกเปิดเผยแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้วิธีการเดิมเป็นครั้งที่สอง
แม้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจะมาจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่ในโลกของผู้ใช้วิญญาณไม่เคยมีท่าไม้ตายที่อยู่ยงคงกระพัน เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งจะพัฒนาขึ้น ท่าไม้ตายในอดีตจะถูกตอบโต้
ฝ่ายธรรมะของภาคใต้อาจไม่สามารถทําลายท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยแต่พวกเขามีวิธีการอื่นในการตรวจสอบตัวตนของผู้อมตะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชี้นําของวังสวรรค์ที่ทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีหลายวิธีในการยืนยันตัวตนของคนผู้หนึ่ง ตัวอย่างเช่นโคมไฟวิญญาณ มันเป็นเรื่องยากสําหรับฟางหยวนแม้เขาจะปลอมตัวด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยก็ตาม
“วายร้ายปีศาจ เจ้าทําสิ่งใดกับท่านหยางซานมู่?”
“ปล่อยท่านหยางซานมู่ออกมาอย่างรวดเร็ว!”
“ท่านหยางซานม่อาจหนีออกจากเขตแดนอมะตไปแล้วโดยใช้วิธีการบางอย่างของเขา”
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้วิพากษ์วิจารณ์
การแสดงออกของฟางหยวนเย็นชาลงเรื่อยๆ
“ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยจื่อชิวหยู ข้าไม่มีเวลาอนุมานทีละขั้นตอน ข้าทําได้เพียงใช้กําลังบังคับเพื่อผ่านทางเท่านั้น มาดูกันว่าค่ายกลนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็เปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลและกระตุ้นใช้เกราะหวนคืน
ต่อมากองทัพมังกรดาบบรรพกาลก็ปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างดุเดือด
นี่เป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัวของฟางหยวน เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้อมตะภาคใต้จึงสามารถระบุตัวตนของฟางหยวนได้ในที่สุด
“อา…คนผู้นี้คือฟางหยวน!”
“โอ้ สวรรค์ ปีศาจตนนั้นอยู่ที่นี่แล้ว!”
“เขามาที่นี่อีกครั้ง เขาช่างกล้าหาญนัก เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เขากําลังดูถูกฝายธรรมะของภาคใต้!”
ผู้อมตะภาคใต้กรีดร้องออกมาทีละคนโดยไม่สามารถปกปิดความตกใจบนใบหน้า
นอกจากความตกใจยังมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1589 โจมตีเต็มกําลัง
ในอดีตฟางหยวนต้องปกปิดและซ่อนตัวเอง แต่ตอนนี้ต่อหน้าผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ มันไม่จําเป็นอีกต่อไป
การปรากฏตัวของฟางหยวนทําให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตกตะลึง
ฟางหยวนเคยปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่และได้รับผลประโยชน์มากมายในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน เขากลายเป็นผู้นํานิกายเงาและถูกไล่ล่าโดยฝ่ายธรรมะของภาคใต้แต่เขายังสามารถหลบหนี
การไล่ล่าของวังสวรรค์ไร้ประโยชน์
หลายเดือนก่อนฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ภาคใต้และสังหารผู้อมตะสองคนของตระกูลฮั่วและตระกูลเฉิง หากไม่ใช่เพราะผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ กระทั่งไท่เมี่ยนเฉินก็ยังต้องตาย
หลังจากนั้นวังสวรรค์ส่งผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกมา แต่ฟางหยวนยังสามารถจัดการนาง เขาขายกระดูกซี่โครงสามชิ้นของนางและแสดงฉากการต่อสู้ที่เขาทุบตีนางในสวรรค์สีเหลือง นั่นทําให้โลกสั่นสะเทือน ชื่อเสียงของฟางหยวนพุ่งทะยานขึ้นเหนือฟงจิวเก้อ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง ผู้อมตะส่วนใหญ่ตระหนักว่าแม้ฟางหยวนจะมีการบ่มเพาะระดับเจ็ด แต่เขาควรถูกปฏิบัติเหมือนผู้อมตะระดับแปด
นอกจากนี้ฟางหยวนยังเป็นปีศาจต่างโลกที่เดินทางมาจากอนาคตด้วยวิญญาณกาลเวลา เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ผู้คนดูแคลนความไร้ยางอายของเขา แม้เขาจะเป็นผู้อมตะแต่เขากลับโจมตีมนุษย์ธรรมดา
ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นเจ้าเหนือหัวบนเส้นทางสายปีศาจ
เมื่อบุคคลดังกล่าวปรากฏตัวขึ้น ช่วยไม่ได้ที่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะรู้สึกประหลาดใจ ตกใจ และตื่นตระหนก
“ท่านหยางชานมู่เสียสละตนเองอย่างกล้าหาญเพื่อฝ่ายธรรมะ วันหนึ่งเราจะทําให้เขาต้องชดใช้!” เซี่ยฟานกล่าวด้วยความโศกเศร้า
กลุ่มผู้อมตะเงียบ ไม่มีผู้ใดคิดว่ามันเป็นภาพลวงตา การปรากฏตัวของฟางหยวนทําให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงและสงสารหยางชานมู่ เหตุใดเขาถึงโชคร้ายวิ่งเข้าไปหาฟางหยวน? เขาสามารถอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะแต่เขากลับเลือกที่จะออกไป นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายงั้นหรือ?
แต่ความเงียบอยู่ได้ไม่นานเมื่อบางคนตะโกน “ฟางหยวนผู้นี้ยังดุร้ายเช่นเคย เขาล่อลวงท่านหยางซานมู่ออกไป โชคดีที่พวกเรามีท่านเซี่ยฟานและท่านจื่อชิวเป็นผู้นํา ภายใต้การนําของพวกท่าน พวกเราจะสามารถควบคุมสถานการณ์ ป้องกันอาณาเขตของเราและไม่ปล่อยให้วายร้ายผู้นี้เข้ามา!”
กลุ่มผู้อมตะมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน บางคนต้องการกล่าวบางสิ่งแต่ในจังหวะนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมดกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
นอกค่ายกลวิญญาณอมตะ มังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาราวกับฝนดาวตก
ใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นซีดขาวเพราะแสงสะท้อนจากเกล็ดสีเงินของหมื่นมังกร
แม้พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากค่ายกลวิญญาณอมตะ พวกเขาก็ยังรู้สึกราวกับตัวเองตัวเล็กจิ๋วและอ่อนแอมาก
หมื่นมังกรของฟางหยวนมีพลังไม่มากไปกว่าก่อนหน้า แต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน มันง่ายที่จะใช้งาน ขั้นตอนลดลงขณะที่โอกาสประสบความสําเร็จเพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรได้ห้าหรือหกครั้งในการโจมตีเดียว
ฟางหยวนส่งกองทัพมังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่หยุดยั้ง
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ระลอกคลื่นสีขาวกระจายออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะราวกับคลื่นยักษ์และพยายามปิดกั้นการโจมตีของกองทัพมังกรดาบบรรพกาล
“น่าสนใจ” ฟางหยวนสังเกตสนามรบอย่างระมัดระวัง ค่ายกลวิญญาณอมตะสั่นสะเทือนแต่รากฐานของมันยังมั่นคง
“เรามีค่ายกลวิญญาณอมตะ เราสามารถต่อต้านได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง” ผู้อมตะภาคใต้กล่าวด้วยความไม่แน่ใจขณะมองไปที่จื่อชิว
ดวงตาของจื่อชิวส่องประกายขึ้น ตอนนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะยังสามารถปกป้องพวก
เขาแต่…
อีกฝ่ายคือฟางหยวน!
ปีศาจอมตะที่กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถจัดการแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม
“ทุกคน ขอความช่วยเหลือจากตระกูลของพวกเจ้า บอกพวกเขาว่าฟางหยวนอยู่ที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะปิดกั้นคนเช่นนี้ได้งั้นหรือ?” จื่อชิวถอนหายใจ
เมื่อได้ยินคํากล่าวของจื่อชิว ทุกคนเร่งขอกําลังเสริมทันที
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนยังไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วผู้อมตะภาคใต้เหล่านี้จะกล้าขอกําลังเสริมได้อย่างไร? พวกเขาเพียงรายงานการต่อสู้ไปตามปกติเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนเปิดเผยตัวตน ผู้อมตะเหล่านี้จึงกล้าขอกําลังเสริมอย่างเปิดเผย
“โฮก…”
มังกรดาบบรรพกาลคํารามและโจมตีขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะปิดกั้นด้วยพลังทั้งหมดของมัน
“ป้องกัน! แม้ตาย เราก็ต้องหยุดเขา!”
“ทิศตะวันตกแนวป้องกันถูกทําลายแล้ว ซ่อมแซมมันเร็วเข้า!”
“ข้าเหลือพลังงานอมตะไม่เพียงพอ ผู้ใดก็ได้มาแทนที่ข้าเร็ว!”
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ปิดกั้นการโจมตีของฟางหยวนด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากแรงกดดันจากฟางหยวน กลุ่มผู้อมตะเหล่านี้จึงหยุดคิดร้ายต่อกันและรวมใจเป็นหนึ่ง
จื่อชิวพยายามซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะขณะที่เซี่ยฟานพยายามอนุมานจุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร
ผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสองอยู่ในสภาพที่น่าอนาถโดยไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มผู้อมตะระดับหก
ด้านนอกค่ายกลวิญญาณอมตะ ร่างจริงของฟางหยวนเฝ้ามองการต่อสู้อยู่อย่างสงบ
หลังจากได้รับวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรใช้งานได้สะดวกมาก มันไม่ใช่วิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอีกต่อไปแต่มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ทั่วไป
ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังที่สุดของฟางหยวนในเวลานี้คือการระเบิดวิญญาณของบุตรแห่งภูตแรกกําเนิด แต่ตอนนี้เขาไม่เหลืออสูรวิญญาณแรกกําเนิดที่สามารถใช้งานได้ ก่อนหน้านี้เขาใช้มันโจมตีฟงจิวเก้อรวมถึงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโดยหวังที่จะสังหารคนทั้งสอง แต่การโจมตีทั้งสองครั้งกลับไม่ประสบความสําเร็จ
สําหรับการระเบิดวิญญาณบุตรแห่งภูตบรรพกาล มันมีพลังใกล้เคียงกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร แต่เมื่อมันอยู่ในเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต พลังอํานาจของมันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
พลังอํานาจของฟางหยวนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาสามารถปราบปรามผู้อมตะภาคใต้และทําให้ฝ่ายหลังต้องป้องกันตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังขมวดคิ้วบาง
การโจมตีครั้งนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน เขาต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้
ฟางหยวนยังมีสามวิธีที่เหลืออยู่ แต่เกราะหวนคืนไม่มีประโยชน์ ท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันเป็นการโจมตีดวงวิญญาณแต่ผู้อมตะภาคใต้ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะ สําหรับมือปีศาจปล้นวิญญาณ มันไม่สามารถทะลวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ
“ท่านจื่อชิวหยู่!” ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นเมื่อผู้อมตะระดับแปดของตระกูลจื่อลอบเดินทางมาอย่างลับๆ
“ผู้ใดจะคิดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะมีประตูหลังซ่อนอยู่ มันทําให้ผู้อมตะระดับแปดเดินทางมาที่นี้ได้โดยตรง! ตระกูลทุ่มเทกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก!” จื่อชิวลอบยกย่องอยู่ในใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประตูที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะทําให้ตระกูลจื่อได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากอาณาจักรแห่งความฝัน
เมื่อฟางหยวนบุกโจมตีที่นี่ จื่อชิวหยูตัดสินใจเปิดเผยไพ่เด็ดที่ซ่อนไว้ใบนี้ออกมาทันที
“ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะต่อไป ข้าจะล่อปีศาจตนนี้ให้เข้ามาในกับดักของข้า” จื่อชิวหยูยิ้ม
ฟางหยวนมีสมบัติมากมายอยู่กับตัว หากจื่อชิวหยูสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะจับหรือฆ่าฟางหยวน ไม่เพียงเขาจะได้รับของขวัญมากมายแต่เขายังสามารถยกระดับชื่อเสียงของตนเองและตระกูลจื่อจนถึงขีดสุด
แม้ฟางหยวนจะประสบความสําเร็จเป็นอย่างมาก แต่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่มีการบ่มเพาะระดับแปด เขามั่นใจในความสําเร็จของตน หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ เขาตัดสินใจมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตฟางหยวน สําหรับผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆของภาคใต้ พวกเขาไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ในทันที
การปรากฏตัวของจื่อชิวหยูทําให้กลุ่มผู้อมตะภาคใต้มีความมั่นใจมากขึ้น พวกเขาพยายามต่อต้านฟางหยวนอย่างเต็มที่
แต่เพียงเมื่อพวกเขากําลังจะประสบความสําเร็จ ฟางหยวนกลับหยุดโจมตีและจากไปด้วยวิญญาณท่องแดนอมตะ
“เขาตระหนักถึงการคงอยู่ของข้างั้นหรือ?” จื่อชิวหยูขมวดคิ้ว แต่ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะที่เขาสร้างขึ้นด้วยตนเอง เขามั่นใจว่ามันจะไม่เปิดเผยสิ่งใดออกไป แล้วเหตุใดฟางหยวนถึงล่าถอย?
“ที่นี่คือทะเลสาบสัมผัสใจงั้นหรือ?” แสงสีเขียวหยกส่องประกายระยิบระยับก่อนที่ฟางหยวนจะปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
เขามองลงไปเพื่อพบกับภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ
ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรอีกครั้ง
กองทัพมังกรดาบบรรพกาลพุ่งลงไปขณะที่กลุ่มเมฆหมอกลอยขึ้นมาปะทะกับมัน
แต่ในไม่ช้ากลุ่มเมฆหมอกก็ไม่สามารถต่อต้านกองทัพมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนและกระจายหายไป
ภูมิประเทศที่แท้จริงถูกเปิดเผย
ทะเลสาบสีน้ำเงินเข้มตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสีเขียวอันเงียบสงบ มีหินทรงกลมสีขาวบริสุทธิ์เรียงซ้อนกันอยู่ริมทะเลสาบ
บนผิวน้ำมีวิญญาณสัมผัสใจบนเส้นทางแห่งปัญญาลอยอยู่เป็นจํานวนมาก นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อถูกทิ้งไว้อย่างชัดเจน
ฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าพวกเขา เขามองไปที่ทะเลสาบสัมผัสใจและเริ่มปล้น!
ข่าวการปล้นแหล่งทรัพยากรของตระกูลจื่อไปถึงจุอชิวหยูในไม่ช้า แม้ทะเลสาบสัมผัสใจจะมีค่ายกลวิญญาณอมตะปกป้องอยู่ แต่การป้องกันของมันไม่แข็งแกร่งนัก ฟางหยวนสามารถทําลายมันได้อย่างง่ายดาย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1590 เทือกเขาไผ่เมฆา
“มานี่!” ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศขณะเปิดทางเข้ามิติช่องว่างของเขา
วิญญาณสัมผัสใจปาจํานวนนับไม่ถ้วนถูกดึงเข้าไปโดยไม่สามารถต่อต้าน
กระบวนการนี้กินเวลาหลายนาทีเนื่องจากมีวิญญาณสัมผัสใจปาอยู่เป็นจํานวนมาก
ฟางหยวนประเมิน วิญญาณสัมผัสใจระดับห้ามากกว่าสามพันดวงระดับสีประมาณห้าหมื่นดวงและระดับต่ํากว่านั้นอีกมากกว่าหนึ่งล้านดวง
วิญญาณสัมผัสใจเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาที่สามารถขโมยสมาธิของคู่ต่อสู้ มันจะทําให้พวกเขามีนงงและสูญเสียความสามารถในการคิด หากใช้มันร่วมกับวิญญาณดวงอื่น มันอาจกลายเป็นท่าไม้ตายที่มีประโยชน์ในการต่อสู้ วิธีพื้นฐานที่สุดคือใช้มันสนับสนุนวิธีบนเส้นทางแห่งทาสเพื่อเพิ่มความสามารถในกดขี่ แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็ใช้มันเช่นกันแต่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาหายากเกินไป
ผู้ใช้วิญญาณมักประสบปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยงดูวิญญาณ โดยทั่วไปพวกเขาจะเลี้ยงดูวิญญาณไม่เกินสิบดวงและเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะใช้วิญญาณหลายดวงพร้อมกันเพื่อสร้างท่าไม้ตาย สําหรับผู้อมตะ พวกเขาสามารถเลี้ยงและใช้วิญญาณระดับมนุษย์ได้นับแสนดวงในครั้งเดียว มีเพียงวิญญาณอมตะเท่านั้นที่ยากจะครอบครอง
สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นข้อยกเว้นที่หาได้ยาก
“ทะเลสาบสัมผัสใจเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดกลาง ข้าโจมตีและทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะขณะที่ผู้อมตะที่ปกป้องมันหลบหนีโดยไม่ทําลายวิญญาณสัมผัสใจเหล่านี้ นี่คือเหตุผลที่ข้าได้รับความมั่งคั่งนี้
หากผู้อมตะที่ปกป้องแหล่งทรัพยากรนี้ทําลายวิญญาณสัมผัสใจก่อนออกเดินทาง ผลประโยชน์ของฟางหยวนจะลดลงอย่างมาก
เหตุผลเป็นเพราะพวกเขาต้องใช้ความพยายามทั้งหมดในการต่อต้านฟางหยวน พวกเขาไม่สามารถให้ความสนใจกับสิ่งอื่น เมื่อพวกเขาจากไป พวกเขาก็ไม่มีวิธีจัดการและไม่กล้าทําลายสถานที่แห่งนี้
หลังจากเก็บเกี่ยววิญญาณสัมผัสใจ ฟางหยวนบินลงไปที่ทะเลสาบ
วิญญาณอมตะดึงแม่น้ํา
เขานําทะเลสาบสัมผัสใจเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิโดยตรง
ทะเลสาบแห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งวารี เส้นทางแห่งไม้ และเส้นทางอื่นๆ อย่างไรก็ตามเส้นทางแห่งปัญญามีมากที่สุด
ฟางหยวนนําทะเลสาบสัมผัสใจออกไปแต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งบัญญาส่วนใหญ่ยังถูกทิ้งไว้บนภูเขา
“น่าเสียดายที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งปัญญาส่วนใหญ่อยู่บนพื้นดิน” ฟางหยวนถอนหายใจ
แต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทําได้
แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะยกภูเขา แต่มันมุ่งเน้นไปที่ภูเขาไม่ใช่พื้นดิน
“ข้าจะนําหินเหล่านี้ไป” ริมทะเลสาบสัมผัสใจเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา หินเหล่านี้เป็นทรัพยากรชั้นยอด ฟางหยวนต้องนําพวกมันไป
เขาขโมยทุกสิ่งที่สามารถขโมยได้
หลังจากชั่วครู่เขาก็ใช้วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดเพื่อออกจากสถานที่แห่งนี้และทิ้งเพียงแหล่งทรัพยากรที่ว่างเปล่าเอาไว้
ฟางหยวนกําลังถูกไล่ล่า เขาไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้เป็นเวลานาน มิฉะนั้นศัตรูจะสามารถปิดล้อมและวางแผนโจมตีเขา
ก่อนหน้านี้ที่รอยแยกปล้นเงา เขาถูกปิดกั้นโดยค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่เขาเลือกล่าถอยอย่างชาญฉลาดมันไม่ใช่เพราะเขาตระหนักถึงแผนการของชื่อชิวหยู
ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะข้ามผ่านระยะทางมหาศาลเพื่อไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
มันเป็นเทือกเขาสูงตระหง่านที่เต็มไปด้วยป่าไผ่ ต้นไผ่แต่ละต้นมีขนาดใหญ่โตผิดปกติ ใบไผ่เป๊นรูปสามเหลี่ยม ฐานยาวปลายแหลม มนุษย์มักใช้ใบไผ่เหล่านี้สร้างหอกอันแหลมคม นี่เป็นสาเหตุที่มันถูกเรียกว่าไผ่หอก
ป่าไผ่หอกครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเทือกเขา สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากมายอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตบนเส้นทางแห่งเมฆาเช่นจิ้งจอกเมฆาที่มีร่างกายสีขาวราวหิมะและสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้ฟางหยวนเห็นฝูงจิ้งจอกเมฆากําลังบินเล่นอย่างมีความสุขอยู่ในป่าไผ่ มันเป็นฉากที่สงบสุข
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น นี่คือเทือกเขาไผ่เมฆา แหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ในการปกครองของตระกูลจือ”
กองกําลังใหญ่ของทั้งห้าภูมิภาคมีแหล่งทรัพยากรในการปกครองของตนเอง แหล่งทรัพยากรถูกแบ่งออกเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดจิ๋ว ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และขนาดยักษ์
ทะเลปลามังกรในมิติช่องว่างของฟางหยวนถือเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์ มันสามารถผลิตปลามังกรทองแดง ปลามังกรเหล็กไหล ปลามังกรเงิน และปลามังกรทอง ตอนนี้มันกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สําคัญที่สุดของเขาไปแล้ว
“โอ้ ไม่ ปีศาจฟางหยวนอยู่ที่นี่!”
“รอยแยกปล้นเงาถูกโจมตี ตามมาด้วยทะเลสาบสัมผัสใจ ตอนนี้เขายังมาที่เทือกเขาไผ่ เมฆาเห้อ…”
ผู้อมตะระดับหกทั้งสองคนของตระกูลจือที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้รู้สึกสับสนเมื่อเห็นฟางหยวน
ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะมาที่นี่โดยไม่ปกปิดตัวตน นี่ทําให้สองผู้อมตะตระกูลอสังเกตเห็นทันที
ผู้อมตะทั้งสองอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขาโดยมีป่าไผ่หอกอยู่รอบๆ
ภายในป่าไผ่หอกขนาดใหญ่แห่งนี้มีวิญญาณอมตะปาดวงหนึ่งกําลังถือกําเนิดขึ้น
สองผู้อมตะตระกูลจือกําลังเฝ้ามองมัน นี่เป็นสิ่งสําคัญที่สุดของเทือกเขาไผ่เมฆา
“ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม!”
ฟางหยวนสะบัดมือส่งควันสีดําออกไป สองผู้อมตะตระกูลจื้อถอนหายใจและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อต่อต้านการโจมตีของฟางหยวน
ตระกูลจือมีความเชี่ยวชาญด้านค่ายกลวิญญาณมากที่สุด ขณะที่ชื่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่สามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ
ดังนั้นแหล่งทรัพยากรทั้งหมอของตระกูลจือจึงมีค่ายกลวิญญาณอมตะปกป้องอยู่ สิ่งที่คล้ายคลึงกันของค่ายกลวิญญาณอมตะเหล่านี้คือพวกมันต่างพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของสถานที่นั้นๆ
แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นบนเทือกเขาไผ่เมฆาและต่อต้านการโจมตีของฟางหยวน ไผ่หอกจํานวนนับไม่ถ้วยเริ่มสั่นไหวขณะที่ใบไผ่ที่แหลมคมเหมือนปลายหอกพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับพายุหอก
“ค่ายกลวิญญาณอมตะของที่นี้ไม่เพียงใหญ่โตกว่าค่ายกลวิญญาณอมตะของทะเลสาบสัมผัสใจแต่มันยังสามารถตอบโต้ได้อีกด้วย ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางขณะกระตุ้นใช้เกราะหวนคืน
ใบไผ่ปะทะร่างของเขาและถูกส่งกลับไปโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่มีต้องสงสัย
“นี่คือเกราะหวนคืน เร็ว หยุดการโจมตี!” สองผู้อมตะระดับหกตื่นตระหนกก่อนจะให้กําลังใจ กันและกัน“ค่ายกลวิญญาณอมตะก่อตัวขึ้นแล้ว อีกไม่กี่นาที่มันจะสมบูรณ์แบบ เราต้องอดทนรอกําลังเสริม”
ค่ายกลวิญญาณอมตะหยุดโจมตีและหันไปมุ่งเน้นกับการป้องกัน
ฟางหยวนไม่สามารถสะท้อนการโจมตีกลับไปได้อีก แต่เขายังเผยรอยยิ้มเฉยเมยขณะปลดเกราะหวนคืนออก
เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรอีกครั้ง
ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกโจมตีสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง สองผู้อมตะระดับหกพ่นเลือดออกมาจากปากและพยายามปกป้องตนเองอย่างสิ้นหวัง
หลังจากไม่นานดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายขึ้นเมื่อเขาพบจุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณ
ต้องไม่ลืมว่าฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล!
เขาสังเกตเห็นจุดอ่อนนี้และเริ่มโจมตีมัน
หลังจากนั้นค่ายกลวิญญาณอมตะของเทือกเขาไผ่เมฆาก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ส่วนหนึ่งของมันพังทลายลงทันที
“โอ้ ไม่ เขาทําลายส่วนหนึ่งของค่ายกลวิญญาณอมตะไปแล้ว!”
“อดทนไว้! กําลังเสริมกําลังมา!”
สองผู้อมตะระดับหกตกใจและหวาดกลัวมาก
ฟางหยวนโจมตีอีกครั้งและระเบิดเทือกเขาไผ่เมฆาส่วนที่ไร้การป้องกัน
บุตรแห่งภูต! ระเบิดวิญญาณ!
เขาพบว่าท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณเหมาะสมที่สุดในการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้มัน
ก้าวแรกมักเป็นเรื่องยาก แต่ก้าวต่อไปความยากลําบากจะลดน้อยลง ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณอมตะ นั่นทําให้ความเร็วในการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของเขารวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“สายไปแล้ว ถอย!”
“แล้วเราจะทําอย่างไรกับวิญญาณอมตะ? อีกไม่นานมันจะถือกําเนิดขึ้นแล้ว!”
“ไป เราจะตายหากอยู่ต่อ!”
ผู้อมตะอีกคนปาดเหงื่อบนใบหน้าแต่ยังลังเล “ถูกต้อง เราต้องไป! แต่วิญญาณอมตะ”
ผู้อมตะคนเดิมกัดฟันกล่าว “ทําลายมันซะ!”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1591 ปล้นและพัฒนา
“บึม!”
ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อส่งควันสีดํากระจายไปทั่ว เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณอีกครั้ง
นี้เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด มันสามารถทําลายแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะของเทือกเขาไผ่เมฆาได้ทันที
“บึม!”
ค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมดพังทลายลงในที่สุด
“พวกเขาจากไปแล้ว” มองไปยังสถานที่ว่างเปล่าสายตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดมนแต่เขาไม่แปลกใจ
ก่อนหน้านี้ค่ายกลวิญญาณอมตะต่อต้านการโจมตีของเขาอย่างเต็มที่ แต่ต่อมาฟางหยวนพบว่ามันตอบสนองการโจมตีของเขาได้ช้าลง
ค่ายกลวิญญาณต้องการคนควบคุม กระทั่งเจตจํานงค่ายกลก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับการคงอยู่ของผู้อมตะ
“โอ้ วิญญาณอมตะถูกทําลายไปแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันบางเบาของวิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ ชัดเจนว่าผู้อมตะตระกูลจื่อทําลายมันก่อนที่พวกเขาจะล่าถอย
ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความเสียดายแต่เขาก็ชื่นชมการตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม หากเป็นเขา เขาก็จะทําสิ่งเดียวกัน
อย่างไรก็ตามยังมีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่ฟางหยวนเริ่มปล้นสะดมเทือกเขาไผ่เมฆาทันที
เทือกเขาไผ่เมฆาเต็มไปด้วยรูปแบบชีวิตบนเส้นทางแห่งเมฆา ตัวอย่างเช่นจิ้งจอกเมฆา
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสปลดปล่อยแสงสีส้มออกไปปกคลุมบริเวณรอบๆเอาไว้ทั้งหมด
ภายใต้แสงสีส้ม ฝูงจิ้งจอกเมฆาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่ พวกมันคํารามอย่างดุเดือด แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกมันก็หยุดเคลื่อนไหวและกลายเป็นทาสของฟางหยวนในที่สุด
ฟางหยวนเปิดทางเข้ามิติช่องว่างและส่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้าไปราวกับสายน้ํา
เขายังดําเนินการต่อไปและเก็บสิ่งมีชีวิตจํานวนมากเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพียงเวลานี้ที่จิ้งจอกเมฆาเดียวดายสองตัววิ่งหนีออกจากส่วนลึกของเทือกเขาด้วยความที่นตระหนก
“กลับมา” ฟางหยวนหัวเราะและบินไล่ล่าพวกมันพร้อมกับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาส หลังจากชั่วครู่พวกมันก็ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย
เทือกเขาไผ่เมฆาเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต เป็นเรื่องปกติที่จะมีสัตว์อสูรและพืชอสูรเติบโตขึ้นที่นี่ มันมีกระทั่งสัตว์อสูรบรรพกาลหลายตัว สําหรับวิญญาณอมตะ มีอยู่ดวงหนึ่งแต่มันถูกทําลายไปแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นการปล้นสะดม ฟางหยวนได้รับจิ้งจอกเมฆาเดียวดายเจ็ดตัว พืชอสูรเดียวดายสิบเอ็ดต้นจากสามสายพันธุ์ได้แก่โสมปราณเมฆาเดียวดาย โสมผมขาวเดียวดายและไผ่หอก เดียวดาย สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนมีความสุขที่สุดคือทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดดินเมฆขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามเขาไม่พบสัตว์อสูรบรรพกาลหรือพืชอสูรบรรพกาล
“ผู้อมตะที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ต้องนําพวกมันออกไปแล้วหรือบางทีพวกมันอาจไม่มีอยู่ที่นี่
ตามกฎของธรรมชาติ มีความเป็นไปได้ที่สัตว์อสูรบรรพกาลหรือพืชอสูรบรรพกาลจะปรากฏขึ้นที่นี่ แต่สถานที่แห่งนี้ถูกยึดครองโดยตระกูลจือมานานแล้ว พวกเขาเชี่ยวชาญด้านค่ายกลแต่ไม่เชี่ยวชาญด้านการกดขี่ทาส พวกเขาย่อมไม่ยินดีอนุญาตให้สัตว์อสูรบรรพกาลที่ไม่สามารถควบคุมอยู่ในอาณาเขตของพวกเขา
แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขายังค้นหาสมบัติต่อไป
ไผ่หอกเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ ไผ่หอกเดียวดายถูกฟางหยวนยึดครองไปหมดแล้ว
ในความเป็นจริงฟางหยวนค่อนข้างลําบาก เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งทาสมากมายแต่เขาไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งไม้เนื่องจากเขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้
“ข้าต้องมีวิธีบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมหากต้องการย้ายป่าไผ่หอกเหล่านี้” ฟางหยวนถอนหายใจ
หากเขาต้องการย้ายป่าไผ่หอก เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไม้ที่ละเอียดอ่อน วิธีบนเส้นทางสายอื่นจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่แตกต่างไว้บนไผ่หอก แม้จะเป็นการชั่วคราวแต่มันก็ยังสร้างความเสียหายต่อไผ่หอกและลดคุณค่าของมันลง
แท้จริงแล้วมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีวิธีบนเส้นทางแห่งไม้อยู่มากมายแต่ฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่จําเป็น
ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้วิธีระดับมนุษย์เท่านั้น
แต่วิธีการนี้ทําให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก เปรียบเทียบกับปาไผ่หอกทั้งหมดบนเทือกเขาไผ่เมฆา ปริมาณไผ่หอกที่ฟางหยวนสามารถนําออกมายังไม่ถือว่าไร้นัยสําคัญ
น่าเสียดายที่วิญญาณอมตะยกภูเขาเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก แม้มันจะสามารถยกภูเขา แต่มันไม่สามารถเคลื่อนย้ายเทือกเขาทั้งหมด
ในอดีตฟางหยวนเคยใช้วิญญาณอมตะยกภูเขาในการเคลื่อนย้ายภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป แต่ที่มันทําได้เป็นเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสองถูกดัดแปลงมาแล้วโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ขณะที่เทือกเขาไผ่เมฆาไม่ถูกดัดแปลงด้วยวิธีดังกล่าว
แน่นอนว่าฟางหยวนสามารถทุกทําลายเทือกเขาไผ่เมฆาแต่ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา
ต้นไม้มีรากของต้นไม้ ภูเขามีรากฐานของภูเขา เว้นเพียงเขาจะมีวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีที่เหมาะสม มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถรักษารากฐานของภูเขาเหล่านี้
“กระไรนะ!? ฟางหยวนโจมตีเทือกเขาไผ่เมฆางั้นหรือ!?” จ่อชิวหยูขมวดคิ้วลึกและแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครื้ม
เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจือ ข้อมูลดังกล่าวมาถึงเขาอย่างรวดเร็ว
ทะเลสาบสัมผัสใจก่อนหน้านี้เป็นแหล่งทรัพยากรขนาดกลาง การสูญเสียของมันไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก แต่เทือกเขาไผ่เมฆาเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่
“ในอดีตตระกูลของเรายอมจ่ายราคามหาศาลเพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปฐพี่มาช่วยพัฒนาเทือกเขาไผ่เมฆา มันมีขนาดเท่าทุกวันนี้หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะตกเป็นเป้าหมาย!”
ตระกูลจื่อเป็นกองกําลังใหญ่ พวกเขามีแหล่งทรัพยากรมากมาย แต่เทือกเขาไผ่เมฆาค่อนข้างพิเศษ
ย้อนกลับไปเมื่อตระกูลลื่อยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น บรรพบุรุษของตระกูลจือดิ้นรนและเพียรพยายามเพื่อพัฒนามันอย่างช้าๆ
ในประวัติศาสตร์ของตระกูลจือ เทือกเขาไผ่เมฆาแห่งนี้เป็นแหล่งรายที่มั่นคงของพวกเขามาตลอด มันไม่เคยทําให้ผู้ก่อตั้งต้องผิดหวัง
หลังจากทํางานหนักมาหลายชั่วอายุคน ตระกูลจื่อเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและสามารถขยายอาณาเขตอย่างต่อเนื่อง แม้ตอนนี้พวกเขาจะมีแหล่งทรัพยากรมากมาขณะที่เทือกเขาไผ่เมฆามีความสําคัญน้อยลง แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยและจะส่งผู้อมตะสองคนไปปกป้องมันเสมอ
เทือกไผ่เมฆาไม่ได้เป็นเพียงแหล่งทรัพยากรแต่มันถือเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของสมาชิกตระกูลจือทั้งหมด
“ลืมแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่อื่นๆไปก่อน แต่เทือกเขาไผ่เมฆาไม่สามารถถูกทําลายระดม คฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไปและนําเทือกเขาไผ่เมฆากลับมา!” จ่อชิวหยูคิดก่อนออกคําสั่ง
“แล้วผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง?” ผู้อมตะตระกูลจื่อถาม
ชื่อชิวหยูกันเสียงเย็น “ฟางหยวนดูเหมือนจะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แรงจูงใจที่แท้จริงของเขาคืออาณาจักรแห่งความฝัน ข้าจะคอยคุ้มกันมันอยู่ที่นี่ เขาจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน พวกเจ้าจะเป็นการแสดงเบื้องหน้าขณะที่ข้าจะรอพบเขาอยู่ที่นี่”
ด้วยเหตุนี้ตระกูลจือจึงนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะไปยังเทือกเขาไผ่เมฆา
ฟางหยวนยังไม่ได้จากไป เขายังเก็บไผ่หอกอยู่ที่นี่
ผู้อมตะตระกูลจื่อเห็นฟางหยวนและรู้สึกกังวล นี่คือเทือกเขาไผ่เมฆา หากพวกเขาต่อสู้กับฟางหยวนที่นี่ เทือกเขาไผ่เมฆาอาจถูกทําลายทั้งหมด
ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญาณ!
ฟางหยวนเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว มือปีศาจปล้นวิญญาณของเขาซุ่มอยู่และรอเวลาโจมตีมานานแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายของมันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลจื่อ!
ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ทางเหนือสุดของภาคเหนือน้อย หิมะกําลังโปรยปรายลงมา
เผ่ามนุษย์หิมะเดินทางมาอย่างยาวนานก่อนจะบรรลุถึงจุดหมายของพวกเขาในที่สุด
มวลอากาศเย็นทําให้เผ่ามนุษย์หิมะเผยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ที่นี่เป็นที่ที่ดีสําหรับพวกเรา!”
“มันมีพื้นที่กว้างใหญ่ พวกเราไม่ต้องอยู่อย่างแออัดเหมือนก่อนหน้า”
“ขอบคุณนายท่านผู้อมตะยิ่งเจา ฮือ..ฮือ…”
ผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์หิมะคุกเข่าลงบนพื้นและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ดูนั่น!” บางคนตะโกน
เผ่ามนุษย์หิมะเงยหน้าขึ้นและเห็นฉากที่พวกเขาไม่มีวันลืม พายุหิมะสงบลงและเผยให้เห็นภูเขาคริสตัลขนาดใหญ่สามลูก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงเจาลอยอยู่กลางอากาศและพยักหน้าให้กับพวกเขา จากนั้นสายหมอกก็ลอยเข้ามารวมตัวกันและปกปิดภูเขาทั้งสามเอาไว้อีกครั้ง
“เป็นนายท่านผู้อมตะปิงเจา!”
“นี่คือบ้านที่นายท่านผู้อมตะบอกพวกเรา มันคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม!”
“ดูเหมือนนายท่านผู้อมตะจะอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน!”
เผ่ามนุษย์หิมะตื่นเต้นมาก พวกเขาคุกเข่าลงสวดอ้อนวอนไปยังทิศทางของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม
พวกเขาไม่รู้ว่านายท่านผู้อมตะป่งเจาที่พวกเขาเคารพบูชาผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นคนแปลกหน้า แน่นอนว่าเขาก็คือเป็นร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน!
“อาหาร สิ่งแวดล้อม พืช พวกมันพร้อมแล้ว แม้สภาพแวดล้อมจะเรียบง่าย แต่นี่ก็เพียงพอสําหรับพวกเขาแล้ว”
“เมื่อถึงจุดนี้การย้ายเผ่ามนุษย์หิมะก็เสร็จสมบูรณ์”
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาพยักหน้าเบาๆ ขณะที่เขาควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็ง
ทันใดนั้นอสูรหิมะกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันกวาดตามองสภาพแวดล้อมด้วยความสงสัยก่อนจะเคลื่อนที่ไปรอบๆ
“ไม่เลว ภายใต้พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็ง อสูรหิมะถือกําเนิดขึ้นในที่สุด สายการผลิตอสูรหิมะเริ่มทํางานแล้ว หลังจากนี้มันจะสร้างกําไรมหาศาลให้ข้า”
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาออกจากภาคเหนือน้อยและไปยังภาคกลางน้อย
หลังจากนั้นเขาก็วางทะเลสาบสัมผัสใจไว้ที่นี่ ริมทะเลสาบมีหินทรงกลมสีขาวจํานวนนับไม่ถ้วนที่มีขนาดแตกต่างกัน นอกจากนี้บนพื้นผิวของทะเลสาบยังมีวิญญาณสัมผัสใจอาศัยอยู่
ฟางหยวนขายวิญญาณสัมผัสใจส่วนใหญ่ในสวรรค์สีเหลืองและเก็บวิญญาณสัมผัสใจบางส่วนไว้ที่นี่เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ หลังจากนี้เขาจะสามารถพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งรายได้อีกแหล่งหนึ่งของเขา
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบินต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบสัมผัสใจ
มันเป็นพื้นที่รกร้างที่ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเริ่มปลูกป่าไผ่หอกและปล่อยฝูงจิ้งจอกเมฆารวมถึงสัตว์อสูรอื่นๆไว้ที่นี่
สถานที่แห่งนี้ไม่มีเทือกเขาแต่ฟางหยวนวางแผนที่จะสร้างป่าไผ่เมฆาขึ้นที่นี่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น