ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1406-1417

 บทที่ 1406 ซ่อมแซมบ่อน้ำพุร้อน

 

วินนี่เป็นนายกเทศมนตรี เมื่อหาตัวคนร้ายที่เป็นคนวางยาในเปลือกหอยเจอแล้ว โรเบิร์ตต้องรีบมารายงานเธอทันทีเป็นเรื่องธรรมดา


สำหรับนายกเทศมนตรีแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ครั้งแรกเนื่องจากพบเจอพิษในเปลือกหอย น่านน้ำของเมืองแห่งนี้จึงถูกปิดไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมาก เพื่อที่จะชดเชยให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเมืองในช่วงเวลานั้น เมืองแห่งนี้จำเป็นที่จะต้องใช้เงินไปจำนวนไม่น้อย


แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉินสือโอว แต่เขาก็ยังคงมีส่วนร่วมในการสืบสวนคดีนี้ เมื่ออ้างอิงจากกฎหมายแล้ว คาร์เตอร์ไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่จะต้องวางยา เพราะว่าระหว่างเขากับเมืองแฟร์เวลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน


ฉินสือโอวบอกกับโรเบิร์ตว่า เรื่องนี้ไม่สามารถเป็นเรื่องที่คาร์เตอร์จะวางแผนได้เอง ผู้ร่วมขบวนการกับเขาต้องหนีไม่พ้นตระกูลมอร์รี่แน่นอน อีกอย่างเขารู้สึกว่าคาร์เตอร์อาจจะไม่ได้เล็งเป้าหมายไว้ที่เมืองแฟร์เวล แต่เล็งมาที่ฟาร์มปลา เพียงแค่ว่าวินนี่ที่เป็นนายกเทศมนตรีเป็นภรรยาของเจ้าของฟาร์มปลา เมืองนี้ช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน


เพราะว่าพลังทำลายล้างของเปลือกหอยพิษ เรื่องนี้ไม่สามารถถูกจัดการได้โดยตำรวจจากสถานีตำรวจในชนบท การรายงานเหตุการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว กรมตำรวจมหานครเซนต์จอห์นได้จัดตั้งทีมสอบสวนขึ้นมา เพื่อตรวจสำนวนและตัดสินคดีนี้


สองวันถัดมา วินนี่ก็บอกกับฉินสือโอวว่า ทีมงานสอบสวนได้ใช้กลยุทธ์สอบสวนทีละคน คนแรกคือการเปิดปากชายหนุ่มชาวประมงที่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็สอบสวนชาวประมงคนอื่นๆ พวกเขาได้หลักฐานมา เดิมทีที่พวกเขามาที่ฟาร์มปลา พวกเขาเพียงแค่แวะเข้ามาปล่อยหอยพิษพวกนั้นเท่านั้น


เป็นอย่างที่ฉินสือโอวคาดการณ์ไว้ หลังจากที่พวกเขานำหอยพิษทั้งสองตัวมาปล่อยไว้ในทะเล หลังจากนั้นก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามา ทำให้เรือสำราญโคลงเคลงไปมาอย่างรุนแรง ทำให้ชาวประมงหนุ่มที่มีหน้าที่ปล่อยหอยพิษนั้นลื่นล้มลงกับพื้น หอยพิษที่อยู่ในมือหล่นใส่ใบหน้า ทำให้เขาได้รับพิษ


ฉินสือโอวถามวินนี่ว่าเธอวางแผนจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร วินนี่บอกว่าเมืองแฟร์เวลจะฟ้องไปยังคาร์เตอร์ การกระทำของพวกเขาถือว่าเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญา คาร์เตอร์จะต้องเข้าคุก แน่นอนว่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับเมืองแฟร์เวลด้วย แต่หลังจากที่ชาวเมืองได้รับเงินชดเชยแล้ว เพราะว่าตอนแรกเป็นเขาและคนอีกจำนวนหนึ่งได้ลงไปยังทะเลเพื่อเก็บหอยพิษพวกนั้น ดังนั้นพวกเขาจะได้รับรางวัล


นี่ถือว่าเป็นผลประโยชน์ที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับ ฉินสือโอวหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เท่าไหร่


หลังจากที่จับคาร์เตอร์และคนร้ายที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งได้ หิมะที่ตกหนักก็หยุดลง ฟาร์มปลาต้าฉินได้กลายเป็นโลกแห่งน้ำแข็ง เมื่อมองออกไปไกลจากประตูบ้าน ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นแต่สีเงินปกคลุมไปทั่วเมือง


พวกเด็กๆ มีความสุขกันมาก รถเลื่อนของกอร์ดอนพลิกคว่ำไปมา แต่ว่าไม่ได้ใช้มาหนึ่งปีมันเลยพังได้ง่าย พวกเขาต้องเรียกซีมอนสเตอร์ให้มาช่วยซ่อมแซม พาวลิสพูดกลั้วหัวเราะว่า “ไม่ต้องแล้วล่ะ พี่น้อง ยกให้ฉันเถอะ ฉันจัดการเอง”


เด็กๆ ในแคนาดารู้จักเครื่องกลและเครื่องมือตั้งแต่เล็กๆ ฉินสือโอวเคยเห็นพวกเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ ถือประแจ และไขควงอะไรพวกนั้นมาซ่อมรถจักรยาน และ เก้าอี้เล็กๆ ด้วยตัวเอง


พาวลิสนำพวกเด็กๆ ขึ้นมาบนรถเลื่อน จากนั้นก็เกิดเสียง ‘ปังๆๆๆ’ ดังขึ้นตามมา หลังจากนั้นรถเลื่อนที่ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แล้วก็ปรากฏขึ้น ฉินสือโอวลองจับดูแล้วค่อนข้างแข็งแรง เขาจึงหันไปชมความสามารถของพาวลิส เขาตบไหล่พาวลิสแล้วพูดว่า “นายควรเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือรถบ้างนะ พอผ่านฤดูไป ฉันจะสอนนายขับรถดีไหม?”


นี่เป็นเอกลักษณ์ของลูกครึ่งอเมริกันแคนาดา อายุแค่สิบกว่าปีก็สามารถขับรถได้แล้ว เมื่ออายุครบสิบหกปีก็สามารถทำใบขับขี่ได้ เมื่อได้รับใบขับขี่ก็สามารถขับรถบนถนนได้ จากนั้นก็จะเริ่มหลงใหลไปกับท้องฟ้าและทะเล


เรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับพาวลิสเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินคำพูดของฉินสือโอว พาวลิสก็ชูกำปั้นขึ้นอย่างตื่นเต้น แล้วพูดออกมาว่า “ผมแทบจะอดใจรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วล่ะ!”


ฉินสือโอวนำเจ็ทสกีน้ำแข็งออกมา ของเล่นชิ้นนี้ได้รับการเก็บอย่างดีในกล่อง เขานำมันมาให้พาวลิส พลางพูดขึ้นว่า “นายไม่ต้องรอถึงวันนั้นหรอก ตอนนี้นายก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถใช้รถคันนี้ได้แล้ว”


รูปร่างของเจ็ทสกีน้ำแข็งดูล้ำยุค สำหรับเหล่าวัยรุ่นเจ็ทสกีน้ำแข็งคันนี้ล่อตาล่อใจกว่ารถเลื่อนธรรมดา


กอร์ดอน มิเชลต่างกันร้องเรียกอยากจะขี่เจ็ทสกีน้ำแข็งกันเสียงดัง ฉินสือโอวปฏิเสธอย่างจริงจัง พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมเหมือนกับพาวลิส อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ความเร็วของเจ็ทสกีนี้สามารถเคลื่อนที่ไปได้เร็วมาก นอกจากนี้ยังขาดอุปกรณ์ป้องกันตัวอีกต่างหาก หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องเสียใจแน่นอน


หลังจากที่ให้เจ็ทสกีน้ำแข็งแก่พาวลิสแล้ว ฉินสือโอวก็มองเข้าไปในตาของเขาแล้วพูดออกมาว่า “เพื่อน นายสามารถขับมันได้ แต่ว่าต้องไม่ให้คนอื่นขี่อย่างเด็ดขาด เด็ดขาดเลยนะ นอกจากว่าพวกเขาจะอายุถึงสิบหกแล้วเท่านั้น เข้าใจไหม?”


กอร์ดอนทำเสียงครวญครางออกมา ฉินสือโอวกลัวว่าพวกเขาจะไม่ซื่อสัตย์ จึงชี้นิ้วไปทีละคนแล้วพูดออกมาว่า “ถ้าหากไม่เชื่อฟัง พวกนายทุกคน จะไม่ได้เงินค่าขนมทั้งฤดูหนาวนี้เลย! จะไม่ได้ออกไปไหนทั้งฤดูหนาวนี้ด้วย และจะต้องตั้งใจเรียนหนังสือในบ้านอย่างจริงจัง เข้าใจไหม?”


“เข้าใจครับ!” เหล่าเด็กๆ พากันขานรับครับอย่างขมขื่น


เชอร์ลี่ย์นั้นมีความบริสุทธิ์ใจ เพราะเธอไม่ได้สนใจเจ็ทสกีน้ำแข็ง ตอนนี้ทุกวันในช่วงเช้าตรู่เธอจะต้องคอยมาดูแลทำความสะอาดม้าทั้งสองตัว หลังจากที่เลิกเรียนแล้วก็ต้องพาพวกมันออกไปเดินเล่น


ม้าพันธุ์อเมริกันเพนต์โตไวมาก เช่นว่าตอนนี้มันสามารถวิ่งไปพร้อมกับเชอร์ลี่ย์ได้แล้ว


เมื่อพวกเด็กๆ ลากเจ็ทสกีออกไป วิลก็พาเหล่าคนงานก่อสร้างมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเข้าไปสวมกอดวิลแล้วพูดขึ้นว่า “ผมบอกได้เลยว่าพวกคุณนี่เป็นคนที่ตรงต่อเวลาจริงๆ อันที่จริงคุณไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้”


วิลยิ้มออกมาจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ พลางพูดออกมาว่า “ผมต้องรักษาสัญญา ผมบอกว่าหลังจากที่หิมะหยุดตกแล้วจะมาช่วยคุณซ่อมบ่อน้ำพุร้อน ตอนนี้หิมะหยุดแล้ว ผมก็ต้องมาที่นี่อยู่แล้ว”


ฉินสือโอวเชิญให้เขาเข้าไปดื่มชาก่อนสองสามถ้วย หลังจากนั้นจึงเริ่มคุยกันถึงเรื่องการซ่อมแซมบ่อน้ำพุร้อน


วิลพูดออกมาว่า “ตอนนี้กระจกกันฝ้าที่ใช้กันทั่วไปมีอยู่สามประเภท กระจกเคลือบเงากันฝ้า กระจกกันฝ้าด้วยความร้อนจากไฟฟ้าและกระจกกันฝ้านาโนคอมโพสิต นี่เป็นหนังสือแนะนำสินค้าและราคา คุณดูก่อนได้”


ฉินสือโอวเปิดหนังสือแนะนำผลิตภัณฑ์ ในขณะที่เขากำลังดูอยู่ วิลก็แนะนำเขาว่า “ตอนนี้ที่คนนิยมใช้กันมากที่สุดคือกระจกเคลือบกันฝ้า ของสิ่งนี้ป้องกันการเกิดฝ้าโดยการเคลือบสารไมโครโพส”


“คุณอยากรู้หลักการของมันไหม? มันง่ายมากเลย การเคลือบกันฝ้านี้อุดมไปด้วยวัสดุนำไฟฟ้าอย่างไอทีโอและซิลิคอนออกไซด์ พวกมันจะสร้างสารที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตและน้ำ ผลของมันคือสามารถป้องกันการเปรอะเปื้อน ฝ้า และไฟฟ้าสถิตได้อย่างดีเยี่ยม”


ฉินสือโอวมองไปยังกระจกกันฝ้าชนิดที่สอง วิลจึงพูดแนะนำว่า “ฝ้า กระจกกันฝ้าด้วยความร้อนจากไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ มันเพิ่มความชื้นให้สูงขึ้นจากเครื่องทำความร้อนไฟฟ้า ฝ้าจะหายไปอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถเกิดเป็นหมอกขึ้นมาได้ กระจกนี้ต้องใช้ไฟฟ้า แต่ว่าข้อดีของมันคือเมื่อไหร่ที่คุณต้องการให้หมอกหายไปคุณก็แค่เปิดไฟฟ้าก็เท่านั้น กระจกนี้สามารถควบคุมได้”


“เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้คือกระจกกันฝ้านาโนคอมโพสิต ได้ยินชื่อของมันก็รู้แล้ว มีตรงไหนที่ได้ยินแล้วไม่เข้าใจถึงความชัดเจนนั้นบ้างล่ะ?” วิลพูดพลางหัวเราะออกมา


ฉินสือโอวพลิกหนังสือแนะนำผลิตภัณฑ์ไปมา “ดูเหมือนว่าตอนนี้อะไรก็มีนาโนคอมโพสิตเข้ามาเกี่ยวข้องไปหมด งั้นต่อไปโลกของเราคงต้องเปลี่ยนเป็นโลกแห่งนาโนแล้วล่ะ ใช่ไหม?”


คนงานคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะนะครับ คุณฉิน แต่ผมขอพูดหน่อย โลกนาโนได้มีอยู่แล้ว ชื่อเต็มๆของมันคือ นาโนเฟียร์ที่เกิดจากการก่อตัวขึ้นเองของอะตอม เป็นน้ำมันหล่อลื่นชนิดหนึ่งที่เป็นของแข็ง สามารถใช้กับเครื่องยนต์ได้”


ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดออกมาว่า “ว้าว ตอนนี้เทคโนโลยีช่างก้าวหน้าไปมากเสียจริง ผมตามหลังพวกคุณไม่ทันแล้ว เรื่องนี้มันยากแหะ”


วิลพูดออกมาว่า “ไม่หรอก มีเงินอยู่จำนวนมากมายอยู่ในมือของคุณ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปขนาดนั้น คุณก็ไม่ล้าหลังหรอก“


“พูดอีกก็ถูกอีก” ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเช่นกัน

 

 

 


บทที่ 1407 วางแผนการขยาย

 

ในที่สุดฉินสือโอวก็เลือกกระจกกันฝ้านาโนคอมโพสิต ไม่ใช่เพราะว่าราคาของมันแพงที่สุด ไม่ใช้เพราะว่ามันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด แต่เป็นเพราะว่ามันเหมาะสมที่สุด


จุดที่สำคัญที่สุดของกระจกกันฝ้านาโนคอมโพสิตคือชั้นฟิล์มที่ป้องกันกระจกนาโนคอมโพสิต ในทางกายภาพและทางเคมีพวกมันจะประสานเข้ากับกระจกนาโนคอมโพสิตอย่างแน่นหนา หลังจากผ่านกรรมวิธีการนี้แล้ว แบบนี้พื้นผิวกระจกก็มีความสามารถในการกันน้ำ แบบนี้น้ำจะไม่มีทางเกาะเป็นเม็ดอยู่บนผิวกระจกแน่นอน แต่จะต้องสร้างฟิล์มกันน้ำให้สม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น ทีละชั้น ๆ เพื่อที่จะป้องกันการเกิดฝ้า


พูดมาถึงตอนนี้ นี่ไม่ใช่กระจกธรรมดา แต่เป็นเทคโนโลยี ถ้าหากว่ากระจกที่อยู่รอบๆ ห้องบ่อน้ำพุร้อนที่เป็นกระจกที่มีความแข็งแกร่งสูงได้ใช้เทคโนโลยีขนาดนี้ พวกมันก็จะเปลี่ยนเป็นกระจกกันฝ้าได้


อีกนัยหนึ่งก็คือ การใช้เทคโนโลยีนี้ กระจกของที่ฟาร์มปลาก็จะยังสามารถใช้ได้อยู่ อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่แข็งแรงมากอีกด้วย


อีกหนึ่งเหตุผลฉินสือโอวเลือกวิธีนี้ นั่นก็คือแคนาดาเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในด้านนี้ ในนครเซนต์จอห์นมีโรงงานผู้ผลิตกระจกกันฝ้านาโนคอมโพสิตอยู่ และผลิตได้แข็งแรงมากอีกด้วย


หลังจากตัดสินใจได้แล้ว วิลพาคนไปยังห้องบ่อน้ำพุร้อนที่มีสภาพยับเยินที่จะต้องสร้างเร็วๆ นี้ กระจกขนาดใหญ่ถูกวางไว้บนเรือขนส่ง หลังจากนั้นจะถูกส่งไปยังโรงงานในเซนต์จอห์นเพื่อปรับปรุงมัน แล้วหลังจากก็ส่งมายังฟาร์มปลาเมื่อปรับปรุงเสร็จ จากนั้นห้องบ่อน้ำพุก็จะเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์สวยงาม


ฉินสือโอวตั้งหน้าตั้งตารอเป็นอย่างมาก เขาตั้งหน้าตั้งตารอที่หิมะจะตกในครั้งต่อไป เขาก็จะสามารถกอดกับวินนี่ในห้องบ่อน้ำพุร้อนได้ หลังจากนั้นก็จะได้มองไปยังฉากที่เต็มไปด้วยหิมะที่อยู่เหนือหัวด้านบน เขานึกไม่ออกเลยว่าวิวในช่วงฤดูหนาวที่ไหนจะสวยกว่าที่นี่อีก….นอกจากว่าจะไปที่ขั้วโลกเหนือเพื่อชมแสงออโรร่า


ทริปฮันนีมูนได้ถูกยืนยันไปแล้วตั้งแต่ทีแรก นั่นคือการไปกรีนแลนด์เพื่อดูแสงออโรร่า ไปสัมผัสบรรยากาศค่ำคืนแห่งขั้วโลกเหนือ


เขาและวินนี่ได้เห็นพ้องตรงกันในเรื่องนี้ แต่ว่าไม่สามารถไปได้ในทันที หลังจากวันฮาโลวีนไปอีกหนึ่งเดือนก็เป็นเทศกาลคริสต์มาสแล้ว สำหรับชาวแคนาดานี่คือปีใหม่ของพวกเขา วินนี่ต้องการที่จะอยู่ที่ฉลองคริสต์มาสในเมือง อีกอย่างเธอก็ได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เธอจะต้องไปรับมอบตำแหน่ง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ


ตอนนี้ผลการตัดสินใจของพวกเขาคือการไปกรีนแลนด์หลังวันปีใหม่ของแคนาดา ฉินสือโอวตั้งใจที่ใช้เรือปริ้นเซสเมล่อนในการเดินทางครั้งนี้ แบบนี้ก็ใช้เวลาหนึ่งเดือนครึ่งพอดี พอกลับมาแล้วก็สามารถเตรียมตัวรับเทศกาลปีใหม่พอดี


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวยังคงมีงานที่ต้องทำบางส่วน เช่นการจัดเตรียมการงานประมงของฟาร์มปลา จัดหาอาหารทะเลให้กับอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินในอเมริกาเหนือและโตเกียว นอกจากนี้ เขายังต้องจัดการซื้อหุ้นของบริษัทย่อยในเครือบอมบาร์เดียร์ให้เรียบร้อย


การเดินทางครั้งนี้เขาจะพาลูกเรือไปด้วยทุกคน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องจัดหาทรัพยากรทางทะเลให้เพียงพอไว้ล่วงหน้า แบบนี้หากอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินหมดล่ะก็ บัตเลอร์ก็จะสามารถเข้ามาเอาไปได้โดยตรง


ตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มรู้ว่ากำลังคนในมือเขาไม่เพียงพอแล้ว แม้จะรวมนีลเซ็นและเบิร์ดผู้ที่มีความสามารถรอบด้านเข้ามาด้วยแล้ว เขาก็มีชาวประมงในมือเพียงแค่สิบหกคนเท่านั้น มันพอที่จะตอบสนองความต้องการกำลังคนของเรือปริ้นเซสเมล่อนได้เท่านั้น แต่ด้วยวิธีการแบบนี้ฟาร์มปลาก็ยังคงขาดคนอยู่


หลังจากที่เข้าใจถึงจุดนี้ ฉินสือโอวก็เรียกชาวประมงทุกคนมาประชุมร่วมกัน เขาบอกทุกคนว่า “พี่น้องทั้งหลาย ทุกคนน่าจะรู้ว่า ชาวประมงในฟาร์มปลาของพวกเรามีไม่เพียงพอ ฉันอยากจะจ้างคนเพิ่มอีกสักหน่อย บอกฉันมาหน่อย ว่าจำนวนคนเท่าไหร่ถึงจะพอ?”


ไม่เสียแรงที่ชาร์คเป็นชาวประมงอันดับหนึ่งในการดูแลของเขา ชาร์คหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ส่งให้ฉินสือโอว “บอส ผมคิดมาเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้จำเป็นต้องจ้างคนงานในตำแหน่งคนเก็บกวาด คนตกปลา คนขนส่ง และอื่นๆ ตำแหน่งพวกนั้นอยู่บนกระดาษแล้ว คุณลองดูก่อน”


ฉินสือโอวมองไปยังกระดาษแผ่นนั้น เขาพยักหน้าอย่างพอใจ “ชาร์ค นายทำได้เรียบร้อยมาก ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้นายร้อยละยี่สิบ มีใครคัดค้านอะไรไหม?”


“โว้ว!” คนกลุ่มหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความอิจฉา บูลพูดขึ้นมาว่า “ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ผมก็คงทำใบสมัครเอาไว้แล้ว เรื่องนี้ใช้เวลาไม่นานหรอก ผมก็ทำออกมาได้ดีแบบนี้เหมือนกัน”


ฉินสือโอวโบกกระดาษในมือไปมาพลางพูดว่า “ถ้าหากว่านายต้องการทำรายการ จำไว้ว่าต้องใช้กระดาษเอสี่นะ อย่าใช้เหมือนกับชาร์ค ฉันเดาว่านี่คงเป็นกระดาษชำระที่นายนำมาตอนที่นายเข้าไปในห้องน้ำ ใช่ไหม?”


ชาร์คหัวเราะออกมาเสียงดัง “จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะครับบอส นี่เป็นกระดาษที่ผมให้ชาร์คน้อยไปตอนที่ไปประชุมผู้ปกครอง ผมใช้กระดาษวาดเขียนของเขาครับ”


เหล่าชาวประมงต่างพากันหัวเราะขึ้นมา ฉินสือโอวชี้ไปที่ชาร์คและพูดว่า “ฉันเดาไว้แล้วล่ะ เดิมทีฉันจะกะจะขึ้นเงินเดือนให้นายร้อยละยี่สิบห้า หลังจากที่มาคิดๆ ดูแล้ว ร้อยละยี่สิบถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว นายจำเป็นต้องจำบทเรียนนี้ไว้ให้ขึ้นใจ มีหลายเรื่องที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ เมื่อนายสังเกตเห็นมัน นายก็จะทำมันได้ดีมากขึ้น”


“พี่น้อง ฉันละเห็นใจนายจริงๆ ร้อยละยี่สิบห้าเลยนะ” ซีมอนสเตอร์แปะมือกับชาร์ค สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกเสียดาย


ในกระดาษของชาร์คมีรายละเอียดเขียนไว้อย่างชัดเจน ทุกตำแหน่งต้องการคนกี่คน ลูกจ้างที่ต้องการจำเป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ทุกอย่างละเอียดชัดเจน ดังนั้นหลังจากที่ฉินสือโอวดูแล้วจึงคิดเพิ่มเงินเดือนให้เขา สำหรับเขาแล้วนี่คือพรสวรรค์


หนึ่งในนั้น ที่บนสุดของกระดาษได้เขียนตำแหน่งที่ต้องการอยู่หนึ่งตำแหน่ง นั่นคือหัวหน้าวิศวกรเรือ มีวงเล็บต่อท้ายด้วยชื่อของเพ่าไห่ ก่อนหน้านี้เพ่าไห่เคยมาฝึกงานอยู่บนเรือปริ้นเซสเมล่อนอยู่สองสามวัน ชาร์คและคนอื่นๆ ตามเขาไปตลอดเวลา


พอเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องคิดแล้วว่า หัวหน้าวิศวกรก็คือเพ่าไห่แล้วกัน นอกจากนี้ตำแหน่งอื่นๆ ยังคงขาดคนค่อนข้างมาก จำเป็นจะต้องจ้างคนเพิ่มอีกยี่สิบห้าคน


ตอนนั้นเองฉินสือโอวก็ตระหนักได้ว่า กิจการฟาร์มปลาของเขาไม่ได้เป็นกิจการขนาดเล็กอีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินที่หลังจากก่อตั้งที่แคนาดาแล้วจะสามารถให้ตำแหน่งงานให้แก่ชาวเมืองเพิ่มได้อีกมากมายแค่ไหน และไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่เขาเข้าร่วมหุ้นกับบอมบาร์เดียร์แล้วจะสามารถให้ตำแหน่งงานได้อีกเท่าไหร่ เรียกได้ว่าฟาร์มปลาของเขา สามารถจัดหางานให้แก่ชาวเมืองได้มากกว่าสี่สิบคน


ยี่สิบห้าคนนี้ ฉินสือโอวคิดที่แบ่งรับสมัครเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งรับสมัครคนในพื้นที่สิบคน อีกกลุ่มหนึ่งเขาจะรับสมัครคนจีนหรือไม่ก็แรงงานส่งออกชาวจีนที่ถูกส่งมายังแคนาดาสิบห้าคน


คนพื้นที่จะเป็นคนที่ชาร์คและคนอื่นๆ แนะนำมา ไม่สามารถรับใครสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ต้องเป็นคนที่ชำนาญด้านทักษะวิชาชีพ สามารถให้เขาวางใจได้ แต่การรับสมัครชาวจีน เนื่องจากว่าเขาก็เป็นชาวจีนเหมือนกัน ดังนั้นการใช้งานเพื่อนร่วมชาติจึงเป็นเรื่องที่ทำให้เขาวางใจได้มากขึ้น


เมื่อคิดได้เขาก็พูดออกมาตรงๆ ฉินสือพูดขึ้นมาว่า “ชาร์ค ประกาศบอกคนในเมืองที่นายคิดว่าพวกเขาฝีมือดี ฉันต้องการคนสิบคน ถามพวกเขาว่าใครพร้อมที่จะมาบ้าง ส่วนอีกสิบห้าคนฉันมีวิธีอื่น”


ชาร์คพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ผมจะพาคนสิบคนที่ดีที่สุดมาที่ฟาร์มปลา หากเกิดปัญหาอะไร สามารถตัดเงินเดือนผมไปได้เลยหนึ่งเดือน”


ฉินสือโอวมองไปยังชาร์ค เขาเอื้อมมือออกไปตบบ่าชาร์คพลางพูดขึ้นว่า “งั้นเหรอ สิบคนนี้ให้นายพามาแล้วกัน อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ เพื่อนยาก นายก็รู้ว่าฉันหวังกับนายไว้”


ชาร์คหัวเราะออกมา โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรอีก เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาเป็นลูกน้องที่สามารถวางใจได้จากผลงานที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน


ต่อมาแผนการการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูหนาวก็ได้ถูกแบ่งหน้าที่ ชาร์คและแลนซ์ต้องนำคนของตัวเอง ผลัดกันออกทะเลไปเพื่อตกปลา เดือนนี้จำเป็นต้องเก็บเกี่ยวอาหารทะเลให้ได้เพียงพอกับสองเดือนข้างหน้า


หลังจากประชุมเสร็จนีลเซ็นและเบิร์ดก็มาหาฉินสือโอว นีลเซ็นพูดขึ้นมาว่า “บอสครับ พวกเราอยากจะขอลาพักร้อน ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ พวกเรารู้ว่าตอนนี้คนงานของฟาร์มปลาไม่พอและมีเรื่องต้องทำมากมาย แต่ว่ามันเป็นเรื่องด่วนน่ะครับ”


ฉินสือโอวตอบกลับอย่างใจกว้างว่า “ไม่เป็นไร ฟาร์มปลาขาดคนไปแค่สองคนไม่เป็นไรหรอก”


เบิร์ดยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพลางพูดว่า “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่สองคน แต่ว่าเจ็ดคนครับ”

 

 

 


บทที่ 1408 รับสมัคร

 

“เจ็ดคน?” ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึก ถ้าหากว่าเขาไม่ได้สนิทสนมกับเบิร์ดและนีลเซ็นทั้งสองคน เขาคงคิดว่าทั้งสองคงจะพาคนอื่นๆ หนีเขาไปแน่ๆ


นีลเซ็นรีบอธิบายออกมาว่า “พวกเราลาเพียงสองวันเท่านั้น หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้จะเป็นวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงคราม เนื่องจากว่าปีที่แล้วพวกเราจำเป็นต้องออกทะเล พวกเราเลยไม่ได้ไปร่วมงาน ปีนี้เลยอยากจะไปร่วมงาน”


หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้คือวันที่สิบเอ็ด เดือนพฤศจิกายน วันนี้ในประวัติศาสตร์เมื่อก่อนคือวันสงบสุขสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ต่อมาก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามแห่งชาติของอังกฤษ เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่ทหารอังกฤษที่เสียชีวิตในสงครามโลกทั้งสองครั้งรวมถึงสงครามครั้งอื่นๆ ด้วย


จนมีการพัฒนามาถึงปัจจุบัน วันนี้เป็นวันที่เหล่าทหารและครอบครัวรำลึกถึงเพื่อนร่วมสนาม และคนสนิทที่ได้เสียชีวิตไป วันนี้จึงเป็นวันหยุดที่สำคัญมากสำหรับเหล่าทหารและครอบครัวของเขาที่อยู่ในดินแดนอังกฤษ


ฉินสือโอวเข้าใจพวกเขา แต่เขาก็ยังถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่า “มันเป็นวันหยุดของเครือจักรภพไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไปกันเจ็ดคนล่ะ? พวกแบล็คไนฟ์ก็ต้องเข้าร่วมเหรอ? พวกเขาเป็นทหารของอเมริกาไม่ใช่เหรอ?”


เบิร์ดพูดเสียงเบาว่า “พวกแบล็คไนฟ์มาจากกองพลหุ้มเกราะนะครับ”


เมื่อได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็นึกขึ้นมาได้ทันที ใช่แล้ว แบล็คไนฟ์และพวกทั้งห้าคนมาจากกองพลหุ้มเกราะ และองค์กรรับจ้างนี้ถูกก่อตั้งในปี 1981 โดยอลาสแตร์ มอร์ริสัน สุภาพบุรุษคนนี้คือวีรบุรุษจากหน่วยสืบราชการลับของกองกำลังพิเศษชั้นสูงโลกของอังกฤษ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาส่วนใหญ่เป็นทหารที่เกษียณอายุแล้วจากทั่วประเทศในเครือจักรภพ


เพราะแบบนี้ เมื่อตอนที่พวกเขาเป็นทหารรับจ้าง พวกเขาจะต้องมีเพื่อนทหารร่วมรบหลายคนที่เป็นชาวอังกฤษหรือไม่ก็แคนาดาจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน


ฉินสือโอวรู้สึกยุ่งยากขึ้นมา เพราะว่าเดี๋ยวก็จะมีงานฮันนีมูนแล้ว จำนวนงานที่ต้องทำในฟาร์มปลาเดือนนี้เยอะมาก ไม่อย่างนั้นต้องรีบรับสมัครคนงานอย่างเร่งด่วนแล้ว ถ้าหากทั้งเจ็ดคนลาไปสองวัน ก็มีจะงานหลายอย่างที่ล่าช้าไปมาก


หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินสือโอวก็ถามออกมาอย่างระมัดระวังว่า “ทำไมถึงต้องไปทั้งสองวันล่ะ? มีกิจกรรมสำหรับวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามค่อนข้างเยอะใช่ไหม?”


นีลเซ็นอธิบายออกมาว่า “เบื้องต้นวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามของพวกเราจะเริ่มต้นจากเมืองออตโตวา จะมีการเดินทางระยะทางไกล ใช้เวลาค่อนข้างมากในการเดินไปกลับ ซึ่งอันที่จริงงานทหารรำลึกไม่ได้ใช้เวลานานมากเท่าไหร่”


ฉินสือโอวมุ่ยปากอย่างลำบากใจ แล้วถามออกมาอีกว่า “แล้วทำไมพวกนายถึงไปที่ออตโตวาล่ะ? อ้อ สุสานทหารแคนาดาแห่งชาติอยู่ที่นั่นใช่ไหม?”


นีลเซ็นส่ายหัว เขาตอบว่า “ไม่ใช่ครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น พวกเราไม่ไปที่สุสาน ที่นั่นพวกเราจะไปกันในวันรำลึกแห่งชาติครับ พวกเรามีเพื่อนร่วมสงครามคนหนึ่งทำฟาร์มอยู่ที่ออตโตวา เขาสามารถที่จะหาสถานที่ในการจัดงานได้”


ฉินสือโอวรีบกางมือขึ้นแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ฟาร์มปลาของพวกเราก็สามารถจัดงานได้นะ นายว่าถ้าให้เพื่อนร่วมสงครามของพวกนายมาจัดงานที่นี่เป็นยังไง? ฉันสามารถทำอาหารทะเลรสเลิศให้พวกเขาได้ ยังมีเบียร์อีกด้วย เอ่อ ขอถามอีกหน่อยสิ ตอนจัดงานทหารรำลึก พวกนายดื่มเบียร์กันไหม?”


เบิร์ดยิ้มออกมาบางๆ ตอบว่า “ไม่ครับ พวกเราอาจจะเมาจนไม่ได้สติได้ครับ”


ฉินสือโอวเห็นภาพนั้นได้ชัดเจน หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นมาว่า “พวกนายว่าข้อเสนอของฉันเป็นไปได้หรือไม่?”


นีลเซ็นและเบิร์ดมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน “ไม่มีปัญหาครับ แต่ว่าเมื่อถึงเวลาจะต้องมีการเตรียมการบางอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงานในฟาร์มปลา แบบนั้นมันไม่ดีเท่าไรครับ”


ฉินสือโอวคิดในใจว่าตราบใดที่คนของตัวเองไม่ต้องออกไปนอกเมืองก็ใช้ได้แล้ว ไม่ได้สนอยู่แล้วว่าจะดีหรือไม่ดี? แต่ว่าเขาไม่เคยร่วมงานรำลึกแบบนี้มาก่อน เขาคิดว่ามันดูน่าสนใจดีที่จะได้สัมผัสกับมัน เขาลูบหน้าอกของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “โอเค ไม่มีปัญหา พวกนายเป็นมือซ้ายมือขวาของฉัน มือซ้ายและมือขวาจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าคนทั่วไปไม่ใช่เหรอ?”


ชายทั้งสองคนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไป นีลเซ็นถามขึ้นมาว่า “งั้นบอสครับ คุณว่าปีนี้มือซ้ายและมือขวาของคุณจะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ครับ?”


ฉินสือโอวเบิกตากว้าง “เป็นเพราะว่าฉันดูแลพวกนายดีเกินไปหรือเปล่า พวกนายคิดว่าบอสของพวกนายน่าแกล้งงั้นเหรอ?”


“ไม่ครับ!” ทั้งสองคนตอบกลับอย่างขันแข็งทันที หลังจากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


ห้องประชุมกลับมาเงียบอีกครั้ง ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเอี๋ยนตงเหล่ย “พี่เหล่ย ฟาร์มปลาของผมขาดคนงาน พี่สามารถติดต่อชาวจีนอย่างพวกเราที่เข้าใจงานด้านประมงให้ได้หรือไม่?”


เอี๋ยนตงเหล่ยแทบจะกระโดดตัวลอยขึ้นมาทันที เขาตะโกนออกมาเสียงดังว่า “เสี่ยวโอว นายคือผู้ช่วยชีวิตของฉันจริงๆ! ตอนนี้การจ้างงานในแคนาดาเป็นเรื่องที่โคตรยากเลย ฉันทางนี้ได้รวบรวมเพื่อนชาวจีนจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือในการจ้างงานไว้แล้ว นายสามารถรับได้กี่คน?”


“สิบห้าคน เป็นอย่างไร จำนวนพอได้ไหม?”


“เอ น้อยจัง ร้อยห้าสิบคนกำลังดีเลยนะ!”


“พระเจ้า พี่เหล่ย ผมเป็นแค่เจ้าของฟาร์มปลานะครับ ไม่ได้ทำโรงงาน!”


เอี๋ยนตงเหล่ยหัวเราะออกมาว่า “ล้อเล่นหรอกน่า สิบห้าคนก็พอแล้ว สามารถช่วยเรื่องที่เร่งด่วนของพี่ชายได้แล้ว นายต้องการเพียงคนที่รู้งานประมงใช่ไหม?”


ฉินสือโอวตอบกลับว่า “แบบนั้นแหละดีที่สุด ถ้าหากว่าไม่ได้มีประสบการณ์งานประมงมาก่อน ก็จำเป็นที่ต้องเป็นทหารมาก่อน อายุต่ำกว่าสามสิบห้าปี ร่างสูงใหญ่ นี่คือคุณสมบัติพื้นฐาน”


ถ้าหากไม่ใช่มืออาชีพ แบบนั้นก็ต้องลงทุนในการฝึกอบรม ฉินสือโอวต้องการคนที่ออกมาจากกองทัพ เพราะว่าคนพวกนั้นทำงานหนักและมีวินัยมาก สำหรับชาวประมงแล้ว ทั้งสองเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก


หากไม่สามารถทำงานหนักได้ งั้นก็ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตในท้องทะเลได้ หากไม่มีวินัย พวกเขาก็จะไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ หากร่างกายไม่สูงใหญ่ ก็จะสามารถทำกำไรได้ก็เท่านั้น แต่ยังต้องมาคอยเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนที่ออกทะเล


เอี๋ยนตงเหล่ยถามเขาเกี่ยวกับค่าตอบแทน ฉินสือโอวตอบกลับว่า “มีการจัดหาที่พักอาหารและประกันให้ เงินเดือนต่อสัปดาห์มากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ ทุกไตรมาสมีโบนัสให้ ปลายปีมีอั่งเปาให้ ตราบใดที่พวกเขาขยันทำงานให้กับผม ผมรับประกันเลยว่าพวกเขาจะได้รับเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนดอลลาร์ต่อปี!”


เงินเดือนดังกล่าวเทียบเท่ากับเงินเดือนของคนชนชั้นกลางในแคนาดา เท่ากับฐานเงินเดือนของระดับผู้จัดการในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย แต่ว่าสำหรับชาวประมงแล้ว เงินเดือนขนาดนี้ถือว่าเป็นเงินระดับกลางขึ้นไป ถือว่าเยอะมากด้วยซ้ำ เงินเดือนประจำปีเริ่มต้นที่หนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ แต่ว่าคนเหล่านี้เป็นนักเดินเรือในทะเลเกือบทั้งหมด เป็นการเอาชีวิตมาหาเงินที่แท้จริง


ปัจจุบันงานลูกเรือถือเป็นงานที่เสี่ยงตายเป็นอันดับหนึ่งในแคนาดา!


เอี๋ยนตงเหล่ยเข้าใจในเรื่องนี้ เขาพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เงินเดือนไม่เลวเลย ฉันเข้าใจนายนะ การทำงานในฟาร์มปลาของนายก็คือการไปหาเลี้ยงชีพ เงินเดือนของนายในปีนี้ทำให้การจ้างคนเป็นเรื่องง่าย รอฟังข่าวดีจากฉันได้เลย”


หลังจากทุกอย่างเริ่มขึ้น ฟาร์มปลาก็เปลี่ยนมาคึกคักทันที


เมื่อรู้ว่าฟาร์มปลาต้าฉินรับสมัครคน ชาวเมืองก็พากันคึกคักขึ้นมา ชาวประมงเกือบทุกคนอยากที่จะเข้ามาที่นี่


ใช่แล้ว ตอนนี้ในเมืองมีธุรกิจการท่องเที่ยวให้ทำงานได้ แต่ว่าทุกคนรู้ดีว่าธุรกิจนี้ใครๆ ก็สามารถทำได้ ดังนั้นการแข่งขันจึงค่อนข้างดุเดือด สิ่งที่เมืองต้องทำการพัฒนาคือจีดีพีโดยรวม สำหรับคนทั่วไป รายได้ที่ได้รับไม่ได้ถือว่ามากมายนัก หนึ่งปีได้เงินทั้งหมดแปดหมื่นก็ถือว่าดีแล้ว การจะได้ถึงหนึ่งแสนดอลลาร์นั้นค่อนข้างยาก


สำหรับชาวประมงอย่างบลูที่ฟาร์มปลาต้าฉินน่ะเหรอ? รายได้ประจำปีที่รวมถึงเงินและโบนัสของพวกเขาที่ได้นั้น สูงถึงสองแสนดอลลาร์! และถ้าหากว่าพวกเขาทำงานได้ดี จับปลาทูน่าครีบน้ำเงินพวกนั้นได้อีก รายได้ที่ได้รับก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า!


เงินเดือนของชาร์คและซีมอนสเตอร์นั้นนับไม่ได้แล้ว พวกเขาและเบิร์ด นีลเซ็นทั้งสี่คนเป็นคนสนิทของฉินสือโอว เป็นมือซ้ายมือขวาที่แท้จริง ในทุกไตรมาสฉินสือโอวให้โบนัสและเงินเดือนพวกเขาสูงอยู่แล้ว


นอกจากเหตุผลทางด้านการเงินแล้ว เหล่าชาวประมงอยากเข้าทำงานที่ฟาร์มปลาแห่งนี้ ก็เพราะว่าบรรยากาศในการทำงานของฟาร์มปลานั้นดีที่สุด พวกเขาสามารถสัมผัสได้ เหล่าชาวประมงมักจะมีกิจกรรมภายในกัน หลังจากนั้นฉินสือโอวว่างงานเขาก็จะเลี้ยงข้าวดื่มเบียร์ร่วมกัน รวมถึงตั้งแคมป์ด้วยกัน


ทั้งได้เงินและได้พักผ่อน ด้วยงานที่เป็นแบบนี้ ทำไมถึงจะไม่แข่งขันกันเข้าล่ะ?


เมื่อเห็นใบสมัครของเหล่าชาวประมงที่ส่งมา ฉินสือโอวก็เริ่มคิดถึงเรื่องอื่น นั่นก็คือการสร้างระบบพนักงานของฟาร์มปลา

 

 

 


บทที่ 1409 โครงสร้างสี่ระดับ

 

เมื่อก่อนฟาร์มปลาต้าฉินมีเพียงคนงานไม่กี่คน ฉินสือโอวคนเดียวสามารถดูแลได้ทั่วถึง ใครที่ทำงานหนัก ทำงานดี ใครที่ทุ่มเท เขาก็สามารถให้โบนัสตามใจ อีกอย่างมันก็ไม่ใช้เงินมากมาย


แต่ว่าตอนนี้หลังจากที่ขยายกิจการแล้ว จำนวนคนเปลี่ยนมามากถึงสี่ห้าสิบคน ถือว่าเป็นบริษัทขนาดเล็กแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ก่อตั้งบริษัทแบบเป็นที่แบ่งเป็นเจ็ดแผนกผู้นำสามระดับเหมือนบริษัทที่เป็นทางการ แต่อย่างไรเขาก็มีการสร้างโครงสร้างพนักงาน


ในฐานะที่ทำงานด้านบุคคลในบริษัทรัฐวิสาหกิจมาสี่ปี ฉินสือโอวค่อนข้างมีประสบการณ์ในด้านนี้ โครงสร้างการทำงานจะขึ้นอยู่กับทักษะเป็นหลัก หลังจากที่ผ่านการทำงานมาแล้วสามเดือน ต่อไปก็จะแยกเป็นแต่ละระดับ นักประมงระดับต้น นักประมงระดับกลาง นักประมงระดับสูง และนักประมงอาวุโส


เขาตั้งใจที่จะทำแบบนี้ เขาจะให้เงินเดือนตามระดับความสามารถ หลังจากนั้นทุกๆ ไตรมาสจะมีการประเมิน โดยมีเขา ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ แลนซ์ บลู นีลเซ็นและเบิร์ดเป็นผู้ประเมิน การประเมินไม่เพียงแต่จะเป็นการเลื่อนขั้น แต่ยังเป็นการลดขั้นด้วย


หลังจากสร้างโครงสร้างนี้ออกมาแล้ว ฉินสือโอวก็จะสามารถมอบฟาร์มปลาให้ชาวประมงเหล่านี้ได้อย่างสบายใจมากขึ้น


ด้วยความสามารถในการสร้างผลผลิตของฟาร์มปลา เขาสามารถเลี้ยงชาวประมงนับร้อยคนได้อย่างสบายๆ แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น ที่ฟาร์มปลามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ ถ้าใครสักคนสังเกตเห็น แบบนั้นจะเป็นปัญหาแน่


ชาวประมงสิบคนหาได้ง่ายจากในเมือง เขาได้รับกองจดหมายสมัครงานมากองหนึ่ง เป็นกองจดหมายที่รวบรวมชาวประมงนับสิบกว่าคนเอาไว้แล้ว เพียงแค่ปรึกษากันว่าสิบคนไหนที่จะเหมาะสมที่สุดก็ใช้ได้แล้ว


“ที่สำคัญคือนิสัย เหล่าสหาย ฉันอนุญาตให้คนใหม่ที่จะเข้ามามีนิสัยมุทะลุเหมือนกับบลู แต่เขาจะต้องขี้เล่นเหมือนบลูด้วยถึงจะใช้ได้”


บลูยกมือขึ้นกางออกพลางพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “อย่าทำแบบนี้เลย กัปตัน ที่แท้ภาพของผมที่อยู่ในใจของคุณเป็นแบบนี้เหรอ? ผมคิดมาเสมอว่าผมนั้นภักดีและกล้าหาญมาก”


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดออกมาด้วยความเสียดายว่า “ขอโทษทีนะ แต่นายคิดมากเกินไปหน่อย”


เหล่าชาวประมงต่างกันหัวเราะออกมา บลูทุบโต๊ะด้วยความขมขื่น แต่จากนั้นก็หัวเราะออกมาเช่นกัน


ตอนนี้ในมือของฉินสือโอวมองชาวประมงผู้ที่จริงจังและเข้มงวดอยู่คือชาร์ค ซีมอนสเตอร์และกลุ่มของบลูสิบคน ทั้งหมดรวมกันเป็นสิบสองคน ไม่รวมนีลเซ็นและเบิร์ด หน้าที่หลักของพวกเขาทั้งสองคนคือการประสานงานระหว่างชาวประมงและทหาร ที่ไหนที่จำเป็นต้องไปพวกเขาก็จะไปที่นั่น


ชาวประมงทั้งยี่สิบคนนี้ ฉินสือโอวกำหนดไว้แล้วว่าชาวประมงอาวุโสจะมีสี่คน นั่นคือชาร์ค ซีมอนสเตอร์ บลู และแลนซ์ ส่วนคนอื่นอีกแปดคนเป็นชาวประมงระดับสูง และชาวประมงที่รับสมัครเข้ามาใหม่จะเป็นชาวประมงระดับเริ่มต้น แม้ว่าจะมีทักษะทางทะเลเป็นอย่างดีก็จะยังคงเป็นชาวประมงระดับเริ่มต้น เขาได้ทำการตรวจสอบอารมณ์ของชาวประมงเหล่านี้แล้ว หากพบว่าไม่เหมาะที่จะทำงานเป็นทีมได้ เขาก็จะคัดออกทันที


ชาวประมงทั้งสิบคนถูกเลือกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างเป็นมือดีบนทะเล นิสัยก็ดีด้วย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพวกอารมณ์ร้อน แต่ก็รู้จักว่าอะไรดีไม่ดี แค่นั้นก็พอแล้ว มีชาวประมงที่ไหนบ้างที่ไม่อารมณ์ร้อน?


หลังจากที่เลือกชาวประมงทั้งสิบคนได้แล้ว ฉินสือโอวก็ให้ชาวประมงอาวุโสสองคนเตรียมทีมขึ้นมา ตอนนี้ที่เกาะแฟร์เวลมีพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ อีกแปดคนทำงานอยู่ข้างนอก ยังไม่กลับเข้ามา


เรื่องชาวประมงชาวจีน ฉินสือโอวได้ประกาศรับสมัครและได้รับข้อมูลผู้สมัครมาแล้ว เขาจึงพาชาร์ค แลนซ์และเบิร์ด รวมถึงนีลเซ็น บินจากมหานครเซนต์จอห์นไปยังเมืองออตโตวา เพราะว่าเอี๋ยนตงเหล่ยทำงานอยู่ที่นั่น


แม้ว่าเขาจะเป็นประธานสมาคมช่วยเหลือคนแคนาดาเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเลสาขานิวฟันด์แลนด์


ฉินสือโอวที่ล้อมรอบไปด้วยชาร์คเบิร์ด ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในห้องประชุมของโรงแรม ข้างในมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งรออยู่ เมื่อพวกเขาเห็นฉินสือโอวก็มีคนตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็พากันลุกขึ้นยืน แล้วมองไปยังเขาด้วยความอิจฉา


ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านชายฉินจะเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ชาร์คเบิร์ดทั้งสี่คนเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำ เมื่อพวกเขาทั้งสี่ล้อมรอบฉินสือโอวไว้ ทำให้ฉินสือโอวดูเต็มไปด้วยอำนาจ


ฉินสือโอวมองไปยังพวกเขาผ่านๆ คนที่เอี๋ยนตงเหล่ยเลือกมานั้นไม่เลวเลย คนพวกนี้เป็นชายหนุ่มอายุน้อย แต่ละคนเต็มไปด้วยพละกำลัง หลังจากที่พวกยืนขึ้นก็สามารถเห็นร่างกายตั้งตรงของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการฝึกทหารมาอย่างหนักหน่วง


แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ คนพวกนี้ดูเหมือนกับทหารผ่านศึก ไม่มีความเป็นชาวประมงอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย


ชาวประมงนั้นเรียนรู้ได้ ตราบเท่าที่ผิวพรรณและรูปร่างดีก็ใช้ได้แล้ว พวกเขาตากแดดตากฝนประจำ ทำให้ผิวหนังดำและหยาบกร้าน ปกติร่างกายจะไม่มีทางยืนหลังตรงได้ หลังจะค่อมลงเล็กน้อย ท่าทางแบบนี้เกิดจากการที่ร่างกายปะทะกับลมทะเลบ่อยๆ


เมื่อเข้ามาในห้องประชุมแล้ว ฉินสือโอวก็ดูข้อมูลของคนพวกนั้น ปรากฏว่าพวกเขาเป็นทหารผ่านศึก ในสิบคนนั้นมีคนที่เป็นทหารเกษียณจากกองทัพของแคนาดา ส่วนคนอื่นๆ เป็นแรงงานจากในประเทศจีนที่ถูกส่งมา


นี่ทำให้ฉินสือโอวสงสัยเป็นอย่างมาก จึงถามออกมาว่า “เคยทานอาหารทะเลไหม?”


เอี๋ยนตงเหล่ยหัวเราะออกมาพลางพูดว่า “ไม่เคย ตอนนี้แคนาดาเศรษฐกิจไม่ดี อาหารทะเลเลยไม่อร่อยเท่าไหร่ ชาวประมงฝีมือดีในประเทศ ส่วนใหญ่เลยไม่ออกมา แต่คนพื้นที่ที่นี่ข้อเรียกร้องสูง เรื่องมาก ฉันเลยคัดออกให้นายแล้ว”


ฉินสือโอวพยักหน้า แบบนี้ก็ดีแล้ว ทหารผ่านศึกก็ดีเข้าไปใหญ่ จัดการง่าย มีวินัยที่แข็งแรง


เอี๋ยนตงเหล่ยและผู้ช่วยของเขาแนะนำพวกเขาคร่าวๆ ให้ฉินสือโอวอย่างรวดเร็ว เขาเลือกคนคนหนึ่งออกมาแล้วแนะนำว่า “คนคนนี้ชื่อเกิงจุนเจี๋ย เป็นคนที่น้องชายคนหนึ่งของผมแนะนำ เขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อตอนที่เป็นทหารเขาได้เป็นหัวหน้าสายชั้นมาตลอด เพื่อที่จะให้คนไม่มีปัญหา เขาสามารถที่จะอดทนทำงานหนักได้”


ฉินสือโอวมองเขา แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นเริ่มสัมภาษณ์จากคนนี้แล้วกัน”


ผู้ช่วยของเอี๋ยนตงเหล่ยออกไป จากนั้นร่างผอมสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเมตรของชายวัยกลางคนก็เข้ามาในห้อง ท่าทางดูกระฉับกระเฉง ท่าทางการเดินดูกระตือรือร้น ไม่มีท่าทีอืดอาดเลยสักนิด


หลังจากที่เดินเข้ามาเกิงจุนเจี๋ยก็ได้ทำความเคารพแบบทหาร ฉินสือโอคิดว่าเขาน่าจะอายุสามสิบห้าปี จากนั้นจึงให้เขาแนะนำตัว


ลักษณะการพูดจาของชายคนนี้เหมือนกับท่าทางนิสัยของเขา กระตือรือร้นกระฉับกระเฉง เขาแนะนำตัวเพียงไม่กี่ประโยค อย่างพวกเรื่องบ้านเกิด นิสัย อายุ และเกียรติยศต่างๆ ในระหว่างที่ปฏิบัติงาน เขาพูดแนะนำออกมาทีละข้อๆ


ฉินสือโอวถามเขาว่า “คุณเคยรับราชการในกองทัพมาก่อน ทำให้อายุเท่านี้ถือเกษียณออกมาแล้วล่ะ? อีกอย่างเพื่อนของผมก็บอกด้วยว่าคุณนั้นเก่งกาจมาก คนมีความสามารถแบบคุณ ทำไมถึงไม่ทำงานในบ้านล่ะ? คุณน่าจะหางานดีๆ ได้นะ?”


เกิงจุนเจี๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เพราะว่าผมต้องการเงินครับ ภรรยาของผมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เงินช่วยเหลือของกองทักไม่เพียงพอที่จะรักษาเธอได้ อีกอย่างเมื่ออยู่ในประเทศ ระดับการศึกษาของผมต่ำเกินไป ทำได้เพียงงานพนักงานรักษาความปลอดภัย บอร์ดี้การ์ดที่ได้เงินเดือนต่ำ ดังนั้นผมจึงคิดอยากจะมาทำงานหาเงินที่แคนาดา”


จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกขึ้นมาได้ เขาจึงให้เอี๋ยนตงเหล่ย แล้วก็พวกของชาร์คถามคำถามของแต่ละคนออกมา หลังจากที่สัมภาษณ์เกิงจุนเจี๋ยจนพอใจแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจจ้างเกิงจุนเจี๋ย


แน่นอนว่าเขาก็มีข้อเสีย นั่นคือระดับการศึกษาที่ค่อนข้างต่ำ เขาเป็นทหารก่อนที่จะจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย แบบนี้การที่จะเรียนเรื่องงานบนทะเลจึงค่อนข้างลำบาก เรื่องที่สองคือภาษาอังกฤษของเขาค่อนข้างแย่ สามารถสื่อสารได้เพียงประโยคง่ายๆ เท่านั้น ทำให้ฉินสือโอวต้องกลายเป็นล่ามให้เขา


แต่นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เรื่องอื่นๆ ของเขานั้นถือว่าสมบูรณ์แบบ มีความรับผิดชอบ ทำงานหนัก ซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย มีความยืดหยุ่นในตัว ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นหัวหน้ามาแล้วสิบกว่าปี นั่นเป็นประสบการณ์ที่มากพอที่จะนำทีมเล็กๆ ได้ ทำให้สามารถช่วยฉินสือโอวจัดการเรื่องต่างๆ ได้

 

 

 


บทที่ 1410 วันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงคราม

 

การเลือกคนทั้งหมดสิบห้าคนจากสี่สิบเก้าคน ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไร เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ขึ้นตรงกับอุตสาหกรรมกรมการประมง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่าย ขอเพียงแค่เป็นทหารจากกองทัพเรือมาก่อน มีความรับผิดชอบและรู้จักลำดับความสำคัญ นิสัยเข้ากับส่วนรวมได้ มีการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยม


หลังจากที่เลือกคนได้แล้ว ฉินสือโอวก็ได้ทำการเซ็นสัญญากับชาวประมงทั้งสิบห้าคนโดยมีเอี๋ยนตงเหล่ยเป็นสักขีพยาน หลังจากนั้นฉินสือโอวก็พาพวกเขาไปที่ฟาร์มปลา แล้วเริ่มให้แต่ละทีมเรียนรู้งานในทะเล แล้วเริ่มการฝึกงาน


ภาษาพูดของชาวประมงทั้งสิบห้าคนไม่ได้ดีมากนั้น โดยเฉพาะชาวประมงที่มีคำพูดท้องถิ่นอันชัดเจน พวกเขาชอบพูดคำย่อและคำสแลง และภาษาพูดของทหารชาวจีนนั้นยังทั้งดุดันและเป็นภาษาท้องถิ่นอีกด้วย แบบนี้เมื่อเหล่าชาวประมงเข้ามาที่ฟาร์มปลาและทำความรู้จักกัน ทั้งสองฝ่ายต่างพูดแต่ภาษาของตัวเอง เลยทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นพูดอะไร


ฉินสือโอวทำได้เพียงเรียกให้เพ่าไห่มาทำงานก่อน เขาเซ็นสัญญาให้เพ่าไห่มาเป็นหัวหน้าวิศวกรเรือปริ้นเซสเมล่อน ดังนั้นเขาจะได้เป็นล่ามที่อยู่ตรงกลาง คอยให้ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันได้


แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ฉินสือโอวเปิดชั้นเรียนหนึ่งด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนเย็นเขาจะสอนภาษาอังกฤษให้คนพวกนั้น เขาตั้งกฎการเรียนขึ้นมาอย่างเข้มงวด หลังจากเทศกาลคริสต์มาสจะมีการสอบพูด หากไม่สามารถสนทนาบทสนทนาพื้นฐานได้ ไล่ออก!


หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็รีบวางแผนการตกปลาทันที พอตกเย็นเขาก็ออกไปเดินเล่น ทำให้เขาเห็นว่าโกดังขนาดเล็กที่อยู่ข้างท่าเรือมีแสงสว่างเกิดขึ้นที่ประตู มีคนจำนวนไม่น้อยล้อมวงกันอยู่ที่นั่น


เมื่อเขาเข้าไปดู พวกของแบล็คไนฟ์ที่สวมแว่นกันแสงสีดำกำลังใช้หัวแร้งและปืนเชื่อมเชื่อมแผ่นเหล็กและเหล็กแท่งเข้าด้วยกัน รอบๆ มีคนกำลังมองดูพวกเขาอยู่ นอกจากนี้บางครั้งก็มีการออกความเห็นกันเป็นระยะ


ฉินสือโอวสงสัย จึงถามออกมาว่า “พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่?”


เมื่อเห็นฉินสือโอว แอร์แบ็คที่กอดคอมพิวเตอร์อยู่ก็ลุกขึ้นแล้วโบกมือให้เขาพลางพูดขึ้นว่า “พวกเราพบอุปกรณ์บางอย่างที่น่าสนใจจากในเมือง จึงอยากใช้พวกมันสร้างประติมากรรมเสียหน่อย ไม่เพียงแต่จะตกแต่งฟาร์มปลาเท่านั้น แต่ยังสร้างเพื่อสะท้อนกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย”


ไม่รู้ว่าเหล่าทหารยุ่งอยู่กับเรื่องนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ในมือของพวกเขาทุกคนมีปืนเชื่อมอยู่ ชาร์คและคนอื่นๆ ก็กำลังยุ่งกันอยู่ แต่ทุกคนนั้นต่างมีหน้าที่ในแต่ละส่วนของตัวเอง ฉินสือโอวมองไม่ออกว่าพวกเขากำลังสร้างประติมากรรมอะไร


แอร์แบ็คอธิบายว่า “มันคือดอกป็อปปี้เหล็กน่ะครับ บนกลีบดอกจะมีชื่อสลักอยู่ คาดว่าจะมีความสูงประมาณสองเมตรกว่า ผมคิดว่าพอเสร็จแล้วจะตั้งไว้ที่ท่าเรือหรือไม่ก็สักที่หนึ่ง คงจะไม่เลวเลยทีเดียว”


ฉินสือโอวเริ่มจะเข้าใจแล้ว ดอกป็อปปี้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำยาเสพติด ประเทศส่วนมากบนโลกใบนี้ห้ามไม่ให้เพาะปลูกพืชชนิดนี้ แต่ว่าสำหรับวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามแล้วถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีความหมาย มันคือดอกไม้ที่ใช้สำหรับการรำลึก


ประเพณีนี้เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างฝรั่งเศสและเบลเยียม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พรมแดนทางด้านตะวันตกของเบลเยียมและทานด้านเหนือของฝรั่งเศสนั้นเป็นพื้นที่สงครามที่ดุเดือดที่สุดแห่งหนึ่ง ทหารจำนวนมากสละชีวิตที่นั่น ในเดือนพฤษภาคม ปี 1915 แพทย์ทหารนายหนึ่งเห็นดอกป็อปปี้อยู่บนภูเขาขณะที่กำลังฝังศพเพื่อนของตนเอง เขาจึงเขียนผลงานชิ้นเอกอย่าง ‘ในทุ่งแฟลนเดอร์ส’ ออกมา ด้วยเหตุนี้ ดอกไม้ชนิดนี้จึงค่อยๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวอังกฤษที่ใช้ระลึกถึงเพื่อนทหารที่เสียชีวิต


คนเยอะจึงเสร็จเร็ว เช้าวันต่อมาเมื่อฉินสือโอวออกมาวิ่งออกกำลัง เขาเห็นว่าที่ท่าเรือมีดอกป็อปปี้เหล็กขนาดใหญ่ตั้งอยู่แล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ทาสี สีของมันจึงดูมืดมน แม้ว่าจะไม่ได้สวยมากนัก แต่ก็ให้ความรู้สึกเคร่งขรึม


หลังจากนั้นไม่กี่วัน เหล่าชาวประมงก็เริ่มออกไปตกปลาตามแผน ชาวประมงทั้งสิบคนที่มาจากเมืองสามารถทำงานได้ทันที แต่ว่าเหล่าชาวประมงที่เป็นชาวจีนจะต้องทำการทดสอบสมรรถภาพเสียก่อน เช่นการทำความรู้จักเรือประมง การนำปลาจากเรือประมงขนส่งไปยังห้องเก็บความเย็นและอื่นๆ


เริ่มเข้าวันที่สิบ เพื่อนทหารของนีลเซ็นและคนอื่นๆ ก็มาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเตรียมเฮลิคอปเตอร์เพื่อรับส่งเพื่อนของพวกเขา และนั่นเป็นหน้าที่ของเบิร์ด ส่วนคนอื่นๆ ยังคงทำงานกันต่อ งานในเดือนพฤศจิกายนค่อนข้างเยอะ


เมื่อถึงช่วงเช้าของวันที่สิบเอ็ด คนที่ควรมาก็ได้มากันครบแล้ว ฉินสือโอวให้แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ พักร้อน ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันในเมืองถูกเหมาทั้งร้าน เพื่อเป็นการเตรียมสถานที่ให้พวกเขาใช้ทำกิจกรรม


ฉินสือโอวในฐานะเจ้านายของคนทั้งเจ็ด ได้ออกไปรับแขกแต่เช้า เบิร์ดช่วยเขากลัดดอกป็อปปี้ที่ทำจากกำมะหยี่ที่หน้าอก นี่เป็นประเพณี ผู้ที่เข้าร่วมวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามในวันนี้ ทุกคนจะต้องมีดอกป็อปปี้เพื่อแสดงความอาลัย


วันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามมีวัตถุประสงค์ของมัน สำหรับเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากโลกในเมือง และสงคราม บรรยากาศในวันรำลึกไม่ได้ชัดเจนมากนัก มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันรำลึกจัดที่มหานครเซนต์จอห์นส์ ส่วนในเมืองเล็กๆ มีเพียงพอล ซาโกรเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตรุ่นที่สองและลูกน้องของเขาสองคนเท่านั้นที่ติดดอกไม้ชนิดนี้ด้วย


หลังจากที่กลัดดอกป็อปปี้แล้ว ฉินสือโอวก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับเบิร์ด เขายักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเงินสำหรับจ่ายค่าดอกไม้”


หนึ่งในกิจกรรมของวันนี้ ดอกป็อปปี้ส่วนมากแล้วจะทำขึ้นโดยเหล่าทหารสูงวัย ผู้ที่เข้าร่วมงานรำลึกจะต้องซื้อดอกป็อปปี้ แต่ว่าไม่ได้มีการกำหนดราคา สามารถให้เงินห้าเหรียญ และก็สามารถให้ถึงห้าร้อยดอลลาร์ได้ ราคาขึ้นอยู่กับคนซื้อ เงินพวกนี้จะไปถึงสมาคมทหารผ่านศึก เพื่อเป็นการสมทบทุนสำหรับทหารผ่านศึกที่พิการ และครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต รวมถึงบำรุงอนุสรณ์สถานสงคราม


เมื่อเบิร์ดเห็นตัวเลขบนกระดาษ เขาก็พับมันอย่างระมัดระวังและใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “ขอบคุณครับ บอส”


หลังจากที่มาถึงร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันแล้ว เหล่าผู้คนสามถึงสี่สิบคนก็พากันยิ้มหัวเราะออกมา เมื่อเห็นพวกของฉินสือโอวพวกเขาก็เงียบลง แบล็คไนฟ์ลุกขึ้นแล้วแนะนำกับทุกคนว่า “นี่คือบอสของพวกเรา งานครั้งนี้ได้เขาช่วยไว้มาก เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาดูแลพวกเราอย่างดี”


เมื่อแบล็ดไนฟ์แนะนำจบ คนเหล่านั้นก็ผิวปากออกมา จากนั้นทุกคนก็เข้ามาทักทายฉินสือโอวทีละคน


ชายวัยกลางคนผู้ที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตคนหนึ่งเดินเข้ามา เขายื่นมือออกมาพลางพูดว่า “ผมชื่อเฟอร์กูสัน เป็นเพื่อนของแบล็ดไนฟ์และบีบีซวง ขอบคุณคุณมากที่ดูแลพวกเขาอย่างดี พวกเราได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่อย่างดีมาสองปีแล้ว”


ฉินสือโอวจับมือกับชายวัยกลางคนคนนั้น หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นความพิการบนมือของเขา มือข้างขวาของเขามีเพียงนิ้วโป้งและนิ้วก้อยเท่านั้น ฝ่ามือของเขามีรอยถลอกของหนัง คาดว่าตอนนี้เขาคงทำงานอย่างยากลำบาก


เขาเดาอยู่ในใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความเกรงใจว่า “เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วครับ พวกคุณสละเลือดเพื่อประเทศชาติ พวกแบล็ดไนฟ์เขาก็เสียเหงื่อเพื่อฟาร์มปลาของผม ดังนั้นไม่ว่าผมจะทำอะไรก็มีเหตุผลทั้งนั้น”


“แต่ว่ามีคนอีกมากมายไม่ได้คิดแบบนี้!” ชายวัยกลางคนผู้มีผิวหนังหย่อนคล้อย ดวงตาไร้ชีวิตชีวาตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห “โดยเฉพาะบรรดานักกลางเมืองน่ารังเกียจของเมืองเมเปิลพวกนั้น พอถึงเวลาที่ต้องการก็ส่งพวกเราไปยังสนามรบ หลังจากนั้นก็ไม่สนใจแล้ว ฟัค! พวกมันควรออกไปซะ!”


นีลเซ็นดึงชายคนนั้นไว้ แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “แม็ตต์ อย่าพูดแบบนี้ วันนี้ที่มาก็เพื่อนเราทั้งนั้น พวกเราต้องแก้ไขสถานการณ์ที่ลำบากของเราเอง ไม่ใช่เหรอ? พระเจ้าอยู่ในใจเราเสมอนะ”


แม็ตต์สะบัดนีลเซ็นออก แล้วพึมพำออกมาว่า “ช่างหัวพระเจ้าสิ! พระเจ้าอยู่ในใจนาย นายมีงานที่ดี ได้ยินมาว่านายมีแฟนที่สวยเหมือนกับสาวน้อยด้วยเหรอ? แล้วฉันล่ะ? ฉันไม่มีอะไรสักอย่าง มีเพียงขาหักๆ หนึ่งข้าง!”


ตอนนั้นเองฉินสือโอวถึงสังเกตเห็น ท่าทางการเดินของแม็ตต์ดูผิดสังเกต แต่อาการไม่ได้หนักมาก


เบิร์ดมีสีหน้าเคร่งขรึมลง เขาพูดเสียงต่ำว่า “แม็ตต์ ดูร่างกายของบาร์นสิ อย่าเอาแต่พูดได้ไหม? ดื่มเบียร์ของนายไป! วันนี้นายอยากดื่มเท่าไหร่ก็ดื่มไปเลย!”

 

 

 


บทที่ 1411 วันแย่ๆ

 

ดูออกว่า เบิร์ดมีพลังในการปราบปรามความใจร้อนของแม็ตต์มาก หลังจากเขาพูดจบ แม็ตต์มองไปยังเบิร์ดจากนั้นก็ปลีกตัวออกมา เขาเดินไปที่โต๊ะด้วยความหงุดหงิด ทหารคนหนึ่งที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานยื่นเบียร์ให้เขาหนึ่งขวด เขายกขวดขึ้นแล้วเทเบียร์เข้าปาก


เบิร์ดแสดงท่าทีเหมือนหาที่นั่งให้ฉินสือโอว ในโทรทัศน์เริ่มฉายสารคดีเกี่ยวกับสงครามสมัยใหม่ของอังกฤษ โดยบรรยายจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เหล่าทหารต่างดูสารคดีนั้นด้วยสายตานิ่งสงบ หลังจากนั้นก็พากันหัวเราะสนุกสนานต่อไป


“งานวันรำลึกเริ่มตอนสิบเอ็ดโมง” เบิร์ดพูดอย่างสงบนิ่ง “นี่ยังเร็วไปอยู่เลย”


ฉินสือโอวมองดูเวลา ตอนนี้พึ่งจะเก้าโมงครึ่งเอง ยังเช้าไปจริงๆ แต่ว่าทหารเหล่านี้ดื่มเบียร์กันเร็วไปหรือเปล่านะ? ตอนนี้พวกเขาเริ่มดื่มกันแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถผ่านไปถึงตอนเย็นได้


ฉินสือโอวกวาดสายตามองดูทหารเหล่านั้น เขาเห็นว่าพวกเขาดูไม่ค่อยคุ้นชินกันมากนัก มีบางคนกำลังแนะนำตัวเอง เขาจึงถามเบิร์ดออกมาด้วยความสงสัย


เบิร์ดพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้ทำงานด้วยกัน แต่เมื่อผ่านการแนะนำใครสักคน พวกเราก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ เช่นพวกแบล็คไนฟ์ พวกเขาไม่เหมือนกับผมที่ถูกย้ายไปยังแคนาดา พวกเขาเป็นเพียงทหารรับจ้างเท่านั้น ทำให้มีสหายชาวแคนาดา…”


เบิร์ดกางแขนออก แสดงท่าทีว่าเป็นที่รู้ๆ กันอยู่


เฟอร์กูสันหยิบขวดเบียร์มาให้ฉินสือโอว พลางถามว่า “ดื่มสักแก้วไหม?”


ฉินสือโอวรับขวดเบียร์มา “ดื่ม”


เฟอร์กูสันนั่งอยู่ตรงข้ามกับฉินสือโอว เขายกขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ดื่มแรกแด่คุณที่ดูแลเพื่อนของพวกเรา เวลาที่ผมกับแบล็คไนฟ์คุยกัน ผมมักจะได้ยินชื่อของคุณ เพื่อนของผมไม่ค่อยเคารพใครง่ายๆ แต่ว่าเขาดูเคารพคุณมากเลยนะ”


“ผมเป็นหัวหน้าของเขา ผมให้เงินเดือนเขา เขาก็ต้องเคารพผมเป็นธรรมดา” ฉินสือโอวยิ้มออกมา “พวกเราควรจะเคารพคนทุกคนที่สามารถจ่ายเงินเดือนให้เราได้ ไม่ใช่เหรอ?”


เฟอร์กูสันยักไหล่ “คงงั้นล่ะมั้ง? แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนคุณ ที่จะยอมปฏิบัติตัวด้วยความใจกว้างแบบนี้ อย่าโทษแม็ตต์เลยนะ คุณก็เห็น เมื่อพวกเราทุกคนอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร”


เฟอร์กูสันพูดพลางส่ายหัวไปมา นีลเซ็นพูดต่อจากเขาว่า “ใช่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่บอส ผมคงได้เป็นคนขายปืนไปตลอดชีวิตแน่ หรือไม่ก็เป็นทหารจนเกษียณอายุ ได้รับเงินบำนาญมาก้อนหนึ่ง จากนั้นก็ตายไปทั้งแบบนี้”


เบิร์ดพูดว่า “ใช่แล้ว ไม่ว่าจะที่แคนาดาหรือว่าอเมริกา สุนัขที่ออกจากบ้านมาแล้วไม่มีใครสนใจ แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ล่ะ? พวกเราไปเป็นทหาร ก็เพราะว่าพวกเราหางานไม่ได้ แต่ไม่ได้รักประเทศจริงๆ พวกคุณรักประเทศไหม?”


เฟอร์กูสันใช้มือข้างขวาที่พิการทำท่ากำลังนับธนบัตร “ฉันรักแค่ของพวกนี้ ประเทศน่ะเหรอ? ปล่อยแม่งไปเถอะ”


ฉินสือโอวไม่อยากขัดจังหวะ เขาฟังพวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องชีวิตในระหว่างที่เป็นทหารและชีวิตในช่วงสองปีก่อนหน้านี้ เรื่องในอดีตกลายเป็นเรื่องตลกขบขัน ส่วนอนาคตกลับเต็มไปด้วยความเศร้า


“ใช่แล้ว นายยังจำเลคเลิร์คได้ไหม? ไอ้ตัวเล็กที่ขับรถถังนั่นน่ะ?” เฟอร์กูสันถามเบิร์ด


เบิร์ดขมวดคิ้วจากนั้นก็ส่ายหน้า เขาหันไปถามแบล็คไนฟ์ “เฮ้ เพื่อน เลคเลิร์คคนไหนที่ขับรถถังนะ? ฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย?”


แบล็คไนฟ์หัวเราะออกมา “แน่นอนว่านายจำเขาไม่ได้ ระหว่างพวกนายไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เฟอร์กูสันมาก่อนหน้าพวกนายใช่ไหม? ไอ้นี่เมาแล้วสับสน เขาสับสนความสัมพันธ์ระหว่างพวกนายน่ะ”


เฟอร์กูสันพูดขึ้นว่า “มันไม่สำคัญหรอก อีกอย่างเพื่อนที่ดีคนนี้ เขาตายไปเมื่อปีที่แล้ว เขาถูกคนทำร้ายจนตายตอนที่ไปต่อสู้กับชาวเม็กซิกันที่ชายแดน ฉันและเพื่อนอีกสองคนไปรับศพของเขามา สภาพศพของเขาเหมือนกับสุนัขเลย”


เบิร์ดพูดออกมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ก็ยังดี ไม่ได้ฆ่าตัวตายใช่ไหม? ดูแม็ตต์สิ ฉันกล้าพนันเลย สาเหตุการตายของเขาจะต้องเป็นเพราะกลืนลูกปืนลงไปแน่”


ฉินสือโอวนั่งฟังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง คนพวกนี้พูดเรื่องความตายออกมาได้ง่ายดายมาก แม้กระทั่งคาดเดาการตายของเพื่อนร่วมรบอีกด้วย เอาใจเราไปวัดกับคนอื่น หากเพื่อนที่พูดถึงเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย คงไม่พูดออกมาได้ง่ายๆ แบบนี้แน่


ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาไม่สามารถหลบซ่อนจากสายตาของเหล่าทหารได้ เฟอร์กูสันถามออกมาว่า “คุณฉิน คุณรู้ไหมว่าพวกเราเสียใจเรื่องอะไรมากที่สุดหลังจากที่พวกเราเกษียณ?”


ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาว่า “ไม่น่าเกษียณเลยเหรอ?”


เฟอร์กูสันหัวเราะออกมา “เกือบถูกแล้ว หรือพูดได้ว่าพวกเราควรจะตายตั้งแต่อยู่ที่สนามรบแล้ว ไม่ใช่พยายามที่จะเอาชีวิตรอดต่อไป! ถ้าหากว่าพวกเราตายที่นั่น เหมือนกับทหารที่อิรัก อัฟกานิสถาน และที่เม็กซิโกพวกนั้น ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยก็มีค่าทำศพและเงินชดเชย แล้วหลังจากเกษียณล่ะ? แม่งเอ๊ย ชีวิตยังดีไม่เท่าสุนัขเลย ส่วนตายก็ตายเหมือนกับสุนัข!”


เขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาเสียงดัง คนที่อยู่ด้านหลังได้ยินทุกคน คนส่วนใหญ่ยกขวดเบียร์ขึ้นมาพลางตะโกนออกมาว่า “แม่งเอ๊ย มาๆ เฉลิมฉลองชีวิตที่เหมือนกับสุนัขของพวกเรากัน!”


ฉินสือโอวยกขวดเบียร์ขึ้นมาเหมือนกับพวกเขา หลังจากที่อยู่กับพวกทหารในครั้งนี้เขาก็ค้นพบว่า พวกเขาเหล่านี้โดนดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย ประเทศจีนเป็นที่แห่งความโกรธแค้นของนักศึกษา ส่วนที่แคนาดาเป็นที่แห่งความโกรธแค้นของทหารที่เกษียณ เรื่องพวกนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทั้งสองประเทศ


เขาพูดเรื่องนี้ให้เบิร์ดและนีลเซ็นฟัง เบิร์ดถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ไม่เหมือนกันครับ พวกเราทุกคนเคยผ่านสนามรบมาก่อน เห็นคนตายมานับไม่ถ้วน ถ้าหากว่าเป็นทหารมือใหม่เหล่านั้น งานของพวกเราไม่มีอะไรนอกจากหัวเราะกันในงานเลี้ยง”


นีลเซ็นเห็นว่าฉินสือโอวไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายว่า “ในวงเพื่อนสังคมเล็กๆ ของพวกเรา ต่างเคยอยู่ในสงครามมาก่อน เคยฆ่าคนและเคยเกือบโดนฆ่า ทหารมือใหม่คือทหารที่ประจำกันการอยู่ในประเทศเท่านั้น ฝึกไม่กี่ปีก็ได้กลับบ้านแล้ว สำหรับพวกเขาแล้ว อาชีพทหารเป็นเพียงอาชีพที่สามารถเอาไปโอ้อวดในช่วงชีวิตหนึ่งได้ สำหรับพวกเราแล้ว มันคือฝันร้าย”


เรื่องนี้ฉินสือโอวเข้าใจ แคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่นเคยออกอากาศเรื่องนี้ นายพลจัตวาฮิวจ์แมคเคย์หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแทย์ของกองทัพแคนาดากล่าวว่า อัตราการฆ่าตัวตายของทหารแคนาดาสูงกว่าทหารแคนาดาที่ถูกส่งตัวไปยังอัฟกานิสถานอย่างมีนัยสำคัญ


ฉินสือโอวมองไปยังเบิร์ดและนีลเซ็น แล้วพูดออกมาว่า “เท่าที่ฉันเห็นสภาพจิตใจของพวกนายทั้งสองคนไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม? เพราะอะไรล่ะ? พวกนายมีเคล็ดลับอะไร?”


ในทางตรงกันข้าม ท่าทางของแม็ตต์เมื่อครู่รวมถึงเฟอร์กูสันในตอนนี้ อันที่จริงสามารถมองเห็นความผิดปกติของสภาพจิตใจของพวกเขาได้ อย่างแม็ตต์เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเขามีปัญหาทางสุขภาพจิต ฉินสือโอวรู้สึกว่าในอนาคตชายคนนี้อาจต่อต้านสังคมได้


เมื่อได้ยินคำถามของเขา นีลเซ็นก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ง่ายมากเลย ฆ่าคนให้เยอะ ฆ่าจนรู้สึกชินชาไปแล้ว”


ฉินสือโอวมองไปยังคนทั้งสองด้วยความตกใจ เบิร์ดกลอกตาพลางโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ขอร้องล่ะ ไอ้โง่ จะล้อเล่นก็ให้มันรู้สถานการณ์บ้าง โอคไหม?”


เขามองไปยังฉินสือโอว แล้วพูดออกมาว่า “เรื่องนี้มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งคือเรื่องของหน้าที่ของทหาร ผม นีลเซ็นและพวกแบล็คไนฟ์ เมื่อตอนที่ปฏิบัติภารกิจต่างเป็นพลซุ่มยิง ประสบการณ์ที่ทำให้กระทบจิตใจมีไม่มาก จึงไม่ได้ถูกกระตุ้น อีกอย่างคือทัศนคติ พวกเราสามารถปล่อยวางได้ ดังนั้นสภาพจิตใจจึงดีขึ้น”


นีลเซ็นพูดออกมาว่า “แต่พูดกันตามจริงแล้ว ที่ดีขึ้นมาเพราะว่าพวกเราได้มาอยู่ในที่อย่างฟาร์มปลาแห่งนี้ สภาพแวดล้อมสวยงาม ใช้ชีวิตไปอย่างช้าๆ รอบข้างเจอแต่เพื่อนที่เข้าใจกัน เงินเดือนก็ดี ความกดดันน้อย พวกเราไม่ได้รับแรงกดดัน นี่คือสาเหตุหลัก”

 

 

 


บทที่ 1412 จิตวิญญาณแห่งคำสัญญา

 

ชีวิตหลังเกษียณของทหารเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะยังห่างไกลจากการฆ่าตัวตายอยู่มาก แต่ตามที่ฉินสือโอวเห็น คนพวกนี้มักมีความคิดอยากฆ่าตัวตายขึ้นมาเป็นครั้งคราว


จากท่าทางการดื่มเบียร์อันบ้าคลั่งของพวกเขา เขามองออกว่าพวกเขานั้นกำลังทำร้ายร่างกายตัวเอง


เมื่อเหล่าทหารอยู่รวมกันพวกเขาจะเสียงดัง หลังจากที่คุณลุงฮิคสันเตรียมอาหารอันเลิศรสเรียบร้อยแล้วเขาก็หนีไปกลับไปยังร้านของเขา ก่อนจะไปเขาได้เรียกฉินสือโอวให้ไปหา จากนั้นก็บอกว่า “ฟังนะ เพื่อน ช่วยฉันดูแลบ้านให้ดีล่ะ ฉันไม่อยากกลับมาแล้วพบว่าบ้านเก่าอันน่ารักของฉันถูกเจ้าพวกนี้ทำลายจนกลายเป็นเหมือนรังหมู! อีกอย่าง พูดจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่เห็นแก่ว่าเป็นนาย ฉันไม่ต้อนรับแขกพวกนี้แน่!”


ฉินสือโอวกอดคุณลุงฮิคสัน แล้วพูดขึ้นอย่างสนุกสนานว่า “ผมรู้ว่าคุณดีต่อผมมาก ผมซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”


คุณลุงฮิคสันได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาตบหน้าของฉินสือโอวเบาๆ แล้วพูดว่า “นายรู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว เอาล่ะ ไปเล่นกับคนหนุ่มพวกนั้นต่อเถอะ แต่หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะเมาจมกองขวดเบียร์ไปเลยก็พอ”


ฉินสือโอวไม่ได้อยู่ที่นี่นานเช่นกัน พอถึงเวลาสิบเอ็ดโมง วันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามก็เริ่มขึ้นพอดี เบิร์ดเปิดเสียงโทรทัศน์ที่อยู่ในร้านอาหารดังจนสุด พวกเขาพากันลุกขึ้นยืน พลางมองไปยังกิจกรรมรำลึกที่เกิดขึ้นในหน้าจอ


ช่วงเวลานี้ของทุกปีที่เมืองหลวงของแคนาดาอย่างเมืองออตโตวา กิจกรรมรำลึกจะถูกจัดขึ้นที่ด้านหน้าของอนุสรณ์สถานสงครามอย่างยิ่งใหญ่


การระลึกของพวกเขายิ่งใหญ่แค่ไหนเหรอ? ยิ่งใหญ่ขนาดที่ราชวงศ์ส่งคนมาเป็นเจ้าภาพ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีและคณะส.ส. เพื่อมาแสดงความเคารพต่อหน้าอนุสรณ์สถานสงคราม แน่นอนว่าไม่ใช่ขวบนพาเหรดแบบของประเทศจีน แต่ว่าสิ่งนี้ก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพวกเขาต่อกิจกรรมนี้ได้แล้ว


พิธีเริ่มต้นโดยการทำความเคารพ ตัวแทนของแต่ละกองกำลังปรากฏตัวขึ้น แต่ว่าในนั้นมีเพียงกองทหารราบ ส่วนกองทัพเรือ กองทัพบกและกองทัพอากาศถูกจัดตั้งให้เป็นกองเกียรติยศที่ได้รับการเคารพ


ฉินสือโอวมองภาพนั้นพลางส่ายหัวไปมา เบิร์ดหันกลับมาถามว่า “คุณรู้สึกไม่ดีใช่ไหม?”


ท่านชายฉินพูดออกมาตรงๆ ว่า “กลับไปฉันจะให้นายดูพิธีรำลึกของประเทศของพวกเรา นายจะเห็นความแตกต่าง”


การแสดงความเคารพผ่านไปอย่างเรียบง่าย จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมก็พากันร้องเพลงชาติออกมา เครื่องบินรบหลายลำบินผ่านย่านแคปชั่นฮิลล์ วงดนตรีทหารสก็อตที่สวมกระโปรงผ้าตารางหมากรุกเป่าปี่ขึ้นมา ธงเล็กจำนวนไม่ถ้วนถูกสะบัดไปมาในมือของผู้คน นี่เหมือนกับการเดินสวนสนามที่ประเทศจีนอย่างไรอย่างนั้น


เฟอร์กูสันเงยหน้าขึ้น แล้วร้องออกมาว่า “เฮ้! สนามรบแฟลนเดอร์ส ที่ที่ดอกป็อปปี้สีแดงเบ่งบาน สถานที่เปื้อนเลือดของพวกเรา ตอนนี้มีไม้กางเขนมากมายตั้งอยู่…”


คนอื่นๆ ก็ร่วมเพลงขึ้นมากับเขาด้วย “นกสกายลาร์กระพือปีกส่งเสียงร้อง เสียงปืนอันหายากดังขึ้นอีกครั้ง พวกเราเคยสดใส มีความรักต่อกันแต่กัน ทันใดนั้นมันก็หายจากโลกไป จนวันนี้เรานอนในสนามรบ มือของพวกเราได้ลดต่ำลง”


“พี่น้องโปรดหยิบคบเพลิงขึ้นมา สู้รบไปจนถึงที่สุด หากคุณละทิ้งความปรารถนาสุดท้ายของคุณ แม้ว่าดอกไม้จะบานทุกพื้นที่ แต่พวกเราจะสงบสุขได้อย่างไร?”


“บทกวีโด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้ผู้คนบางส่วนเริ่มใช้ดอกป็อปปี้ในการนึกถึงทหารที่เสียชีวิต หลังจากนั้นดอกป็อปปี้ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงทหารที่เสียชีวิต…”


หลังจากนั้นเมื่อฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาก็ค่อยๆ ปลีกตัวออกมา แล้วนำดอกป็อปปี้วางไว้บนโต๊ะที่หน้าประตู นี่ก็เป็นประเพณีอย่างหนึ่ง หลังจากกิจกรรมจบลงผู้คนก็จะนำดอกป็อปปี้มาวางไว้ที่งาน


ตกบ่ายพวกของเบิร์ดก็กลับมาถึงฟาร์มปลาเพื่อทำงาน ฉินสือโอวพูดขึ้นว่า “พวกนายไม่ต้องรีบมาก็ได้ ฉันให้พวกนายพักผ่อนอีกหนึ่งวัน พวกนายสามารถคุยเล่นกับเพื่อนของพวกนายได้”


นีลเซ็นหัวเราะแห้งๆ ออกมา “มีอะไรน่าคุยเหรอครับ? พวกเราต้องตั้งใจทำงาน ตั้งใจหาเงิน ไม่อย่างนั้นผมได้ถูกพวกเขาฆ่าอย่างอนาถแน่”


ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หมายความว่ายังไง? พวกนายเล่นพนันกันเหรอ?”


นีลเซ็นส่ายหัวไปหาพลางพูดว่า “ไม่ ไม่ใช่การพนัน นี่เป็นการให้เงินเพื่อความอยู่รอด”


เบิร์ดอธิบายให้ฉินสือโอวฟังอีกครั้ง เงินหาเลี้ยงชีพเป็นข้อสัญญาระหว่างพวกเราเพื่อนร่วมสงคราม พวกเราอยู่แนวหน้าด้วยกัน ตอนนั้นพวกเราคุยกันแล้วว่า หากใครรอด จะต้องช่วยเหลือครอบครัวของเพื่อนที่เสียชีวิตหรือพิการจากสงคราม


พวกเขาทั้งสองคนและพวกแม็ตต์เป็นเพื่อนร่วมรบกัน แม็ตต์ไม่ได้ทำงานหลังจากเกษียณ และไม่ได้มีกองทุนประกันสังคม จนต้องพึ่งพาคนอย่างพวกเขาคอยดูแล


ฉินสือโอวถามออกมาว่า “งั้นพวกนายต้องให้เงินเท่าไหร่?”


เบิร์ดพูดออกมาว่า “เรื่องนี้ไม่ได้กำหนดไว้ครับ ผมให้ไปแล้วหกหมื่น”


นีลเซ็นยักไหล่พลางพูดขึ้นว่า “ผมก็เหมือนกัน หกหมื่นดอลลาร์ เงินโบนัสครึ่งหนึ่ง ไม่ถือว่าเยอะมากใช่ไหมครับ?”


แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ บอกว่าพวกเขาให้น้อยกว่านี้หน่อย ทุกคนนำเงินออกมาคนละสองหมื่นห้าพันดอลลาร์ เพราะว่าตอนที่พวกเขาเป็นทหารรับจ้างมีกันเพียงสิบสองคนเท่านั้น มีเพียงคนเดียวที่ตายในสนามรบ อีกคนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นภาระของทั้งสิบคนจึงค่อนข้างน้อย


ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความตกใจว่า “ว้าว นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะ พวกนายทุกคนให้คนละสองหมื่นห้าพัน? งั้นพวกนายสิบคนก็เป็นเงินสองแสนห้าหมื่นแล้วนะ?”


แบล็คไนฟ์พูดออกมาว่า “จะทำอย่างไรได้? พวกเราได้รับเงินเยอะ ก็ต้องให้เยอะ พี่น้องบางคนดูแลตัวเองไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายเงินนี้”


ฉินสือโอวถามออกมาว่า “งั้นพวกนายต้องรับผิดชอบเงินส่วนนี้งั้นเหรอ? ต้องดูแลพวกเขาไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”


คนทั้งเจ็ดเงียบไป เบิร์ดพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “จนกว่าพวกเขาหรือไม่ก็พวกเราตายลง”


ฉินสือโอวไม่เข้าใจอย่างมาก เบิร์ดและคนอื่นๆ เข้าใจในเรื่องนี้ เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่สัญญาไว้แล้ว บอส อย่าไม่สนใจที่พวกบ้านั่นบอกว่ายอมตายในสงครามเลย อันที่จริงมันเป็นเรื่องไร้สาระของพวกเขาทั้งนั้น! ให้พวกเราไปอยู่ในสงครามอีกสักครั้ง พวกเขาจะต้องอยากมีชีวิตรอดมากกว่าใครอย่างแน่นอน!”


“พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อไป ดังนั้นก็ต้องทำตามสัญญาณที่ให้ไว้กับคนตาย พวกเราไม่สามารถโกหกเรื่องเงินกับคนตายได้ บอส แบบนี้ก็เหมือนกับพวกเราดูถูกตัวเอง” แอร์แบ็คพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม


“แน่นอน ถ้าหากว่าพวกเราไม่ได้ใช้ชีวิตดีๆ กับคุณ หากว่าพวกเราเองแม้แต่ขนมปังก็ยังทานไม่ได้ แบบนั้นพวกเราไม่ทำแบบนี้แน่นอน ตอนนั้นพวกเราคงต้องพึ่งพาให้คนอื่นช่วย” แบล็คไนฟ์พูดเสริม


ฉินสือโอวเข้าใจได้ในทันที อันที่จริงระหว่างคนเหล่านี้ สามารถบอกได้ว่ามีการประกันที่มองไม่เห็นอยู่กับตัว ใครที่อยู่ดีก็เป็นคนมาจัดการเรื่องประกันนี้ หลักประกันที่บอกว่าหลังจากที่พี่น้องเกษียณอย่างน้อยพวกเขาก็ได้กินอะไรบ้างและมีชีวิตต่อไป


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ เนื่องจากวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไม่เหมือนกัน


เหล่าทหารยังคงทำงานเป็นหลักประกันต่อไป เบิร์ดและนีลเซ็นยังคงไปสอนชาวประมงที่มาใหม่เกี่ยวกับความรู้ในการทำงานบนท้องทะเล


ฉินสือโอวยังคงงุนงงอยู่ดี เขาถามเบิร์ดว่า “งั้นพวกนายมีเพื่อนเยอะขนาดนี้ นายเคยคิดจะหางานให้พวกเขาหรือไม่? นายดูสิฟาร์มปลากำลังหาคนอยู่ พวกเขาหลายคนไม่มีงานที่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ?”


เบิร์ดพูดออกมาด้วยความสงบนิ่งว่า “ผมคิดแบบนั้นแน่นอน ถ้าหากว่าฟาร์มปลาเป็นของผม ผมให้พวกเขามาทำงานแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่ฟาร์มปลาของผม ผมไม่สามารถทำร้ายคุณได้ บอส คนพวกนั้นไม่ได้เหมาะกับการทำงาน พวกเขาและแบล็คไนฟ์ไม่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแม้แต่งานเพื่อความอยู่รอดของชีวิตก็คงจะหาไม่ได้”


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เขาตบบ่าของเบิร์ดแล้วพูดว่า “ฉันมองนายไม่ผิดจริงๆ เพื่อนของฉัน”


และวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามก็จบลง ร่องรอยเดียวที่เหลืออยู่คือ ดอกป็อปปี้เหล็กที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ริมทะเล หลังจากนั้นแบล็คไนฟ์และเบิร์ดก็ทาสีแดงลงไปที่มัน ทำให้เหมือนกับดอกไม้จริงขึ้นมา

 

 

 


บทที่ 1413 จองตัวลูกสาวลูกชาย

 

หลังจากผ่านวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงคราม ต่อไปก็เทศกาลคริสต์มาส เทศกาลนี้จำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมงานล่วงหน้าเกือบครึ่งเดือน เพราะว่านี่เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของปีนี้ ฉินสือโอวได้เริ่มเตรียมตัวแล้ว


ปรากฏว่าหลังจากที่สั่งซื้อของตกแต่งวันคริสต์มาสจากอินเทอร์เน็ตมาแล้ว เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากซีอีโอของบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซากูนิส บริดจ์ เขาถามฉินสือโอวว่าการเตรียมเงินเป็นอย่างไร การประชุมผู้ถือหุ้นภายในบริษัทบอมบาร์เดียร์สิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาตกลงที่จะร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อก่อตั้งบริษัทย่อยทางด้านการเงิน…ชื่อบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์ โฮลดิ้ง


ฉินสือโอวถามว่า “เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเลย ผมเตรียมเงินไว้เจ็ดร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา น่าจะเพียงพอสำหรับเค้กก้อนหนึ่งล่ะมั้ง?”


ซากูนิสยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ็ดร้อยล้านดอลลาร์? ผมนี่บ้าจริงๆ คุณทำได้ดีมาก! ผมกล้ารับประกันได้เลย ฉิน ต่อไปคุณจะขอบคุณการลงทุนในวันนี้ นี่คือการลงทุนและได้กำไรโดยที่ไม่เสียเงินเลยสักนิด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกอย่างผ่านไปมูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”


ทั้งสองคนคุยกันอย่างเรียบง่าย ซากูนิสบอกให้เขาเตรียมตัวให้ดี ช่วงนี้บอมบาร์เดียร์จะส่งเครื่องบินพิเศษไปรับเขา หลังจากนั้นก็ไปยังมอนทรีออลเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น


ฉินสือโอวบอกว่าไม่มีปัญหาเขาจะรอให้วันนั้นมาถึง หลังจากวางสายไปได้ไม่ได้ วินนี่ก็มาหาเขา เธอพูดว่า “เฮ้ คุณตัดสินใจหรือยังว่าจะไปที่บ้านของเหมาเหว่ยหลงเมื่อไหร่?”


ฉินสือโอวรู้สึกสับสน เขาพูดขึ้นว่า “ไม่นะ ผมไม่ได้เตรียมตัวไปหาเขา ทำไมเหรอ?”


วินนี่แสดงสีหน้าออกมาเหมือนว่าแพ้ให้เขาแล้วออกมา พลางพูดขึ้นว่า “ลูกของพี่น้องที่แสนดีของคุณกำลังจะคลอดแล้วนะ ตามการคาดเดาของฉัน อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้ อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้วางแผนที่จะไปเยี่ยม?”


เมื่อได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย เขาลืมไปเลยอย่าหลิวซูเหยียนใกล้ครบกำหนดคลอดแล้ว


เขาต้องรีบจัดแพลนไปเที่ยวทะเลอาทิตย์หน้าแล้ว ฉินสือโอวจูบวินนี่หนึ่งที วันนั้นเขาต้องไปบินไปยังแฮมิลตัน จากนั้นก็ตรงไปยังฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง


ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่ฟาร์มเขากลับไม่เจอใครเลย พอดีกับที่พอลลี่ขับรถกระบะออกมาทำอะไรไม่รู้อยู่พอดี เมื่อเห็นฉินสือโอวเขาก็โบกมือให้อย่างดีใจ “ฉิน? เฮ้ เพื่อนรักของฉัน นายมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ?”


“เอ่อ ภรรยาของเหมาใกล้คลอดลูกแล้ว ดังนั้นฉันเลยมาเยี่ยมเผื่อว่าจะมีอะไรให้ช่วยได้บ้าง” ฉินสือโอวตอบกลับ


เมื่อได้ยินดังนั้น พอลลี่ก็หัวเราะออกมา เขากวักมือพลางพูดว่า “รีบขึ้นรถมาเร็ว เพื่อนยาก ลูกของเหมาและภรรยาของเขาได้คลอดที่โรงพยาบาลพระแม่มารีย์ในแฮมิลตัน ฉันกำลังจะรีบไปนี่แหละ ภรรยาของฉันไปก่อนแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราไปด้วยกันเถอะ”


ฉินสือโอวรู้สึกทำอะไรไม่ถูก หากไม่เป็นเพราะวินนี่เตือนเขา ครั้งนี้ถือว่าเขาทำเกินไปจริงๆ ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นที่วินนี่คลอดลูก เหมาเหว่ยหลงอยู่กับเขาตลอดเวลา


หลังจากที่มีประสบการณ์ เขาจึงรู้ว่าในช่วงเวลานี้เหมาเหว่ยหลงต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด ภรรยาคลอดลูกเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนี่เป็นครั้งแรกที่เหมาเหว่ยหลงจะเป็นพ่อคนครั้งแรก


เรื่องของตอนนั้นตั๋วตั่วไม่จำเป็นต้องให้เขาเข้าไปยุ่ง


รถกระบะขับไปยังโรงพยาบาล ตอนที่ฉินสือโอวเจอกับเหมาเหว่ยหลง ไม่รู้เป็นเพราะว่าเขาคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่เพื่อนของเขาคนนี้กลับถือโทรศัพท์มือถือเล่นเกมอยู่ และมีตั๋วตั่วที่พิงอยู่ด้านข้างเขาอย่างตื่นเต้น กลับกลายเป็นว่าเป็นเขาเองที่รู้สึกร้อนใจ ดวงตาเบิกกว้างทั้งสองข้างของเหมาเหว่ยหลงมองไปยังโทรศัพท์ ความสนใจของชายคนนี้อยู่ที่มือถือทั้งหมด


เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวมา หลิวซูเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงก็แสดงท่าทีตกใจออกมา เธอต้องการที่จะลุกขึ้นมาทักมาย แต่ฉินสือโอวส่ายหัวปฏิเสธ เขาเดินไปคว้าโทรศัพท์มือถือจากเหมาเหว่ยหลงออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง


“เฮ้ อะไรของแกเนี่ย ฉัน…” เหมาเหว่ยหลงเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเป็นฉินสือโอวเขาจึงยิ้มออกมา “เหล่าฉิน? ทำไมแกมาที่นี่ได้ล่ะ? ฉันนึกว่าแกจะไม่มาแล้วเสียอีก”


ฉินสือโอวยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง เขาตอบกลับว่า “ฉันไม่มาได้ด้วยเหรอ? วันสำคัญขนาดนี้เนี่ยนะ? น้องสะใภ้ฉันคลอดลูก จะไม่มาได้อย่างไร? แกพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร โคโกโร่ แกต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟัง”


เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมาพลางพูดว่า “เอาล่ะ อย่ามาเสแสร้งเลย แกจำวันครบกำหนดวันคลอดของซูซูได้เหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ไม่ใช่ว่าวินนี่เป็นคนเตือนแกหรอกเหรอ?”


หลังของฉินสือโอวเต็มไปด้วยเหงื่อ แม่งเอ้ย เหมาเหว่ยหลงมองเขาออก เขาจำวันครบกำหนดคลอดของหลิวซูเหยียนไม่ได้จริงๆ และเป็นเรื่องจริงที่วินนี่เตือนเขา


แน่นอน เขาจะยอมรับไม่ได้ ฉินสือโอวทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นว่า “พูดให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันจะลืมได้เหรอ? แค่ช่วงนี้ฉันยุ่งเท่านั้นเอง เลยไม่ได้มาก่อน จะว่าไป นี่มันเวลาอะไรแล้ว ทำไมกยังเล่นโทรศัพท์อยู่อีก”


เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมา “นี่ไม่ตื่นเต้นเกินไปหน่อยเหรอ? ผ่อนคลายหน่อย”


ฉินสือโอวคืนโทรศัพท์มือถือให้ตั๋วตั่ว ให้เธอเอาไปเล่น ตั๋วตั่วขึ้นมาจุ๊บปากเขาจนเกิดเสียงดัง ‘จุ๊บ’ จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นวิ่งไปที่อีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อเล่นโทรศัพท์มือถือ


เหมาเหว่ยหลงขยิบตาให้เธอแล้วพูดว่า “กลับมา หนูสู้ไม่ได้หรอก บอสตัวนี้เก่งกาจมาก…”


ฉินสือโอวไม่ได้อารมณ์เสียกับสิ่งที่เขาทำ เขาลากเหมาเหว่ยหลงไปที่หัวเตียงของหลิวซูเหยียน แล้วพูดว่า “ดูแลภรรยาของแกให้ดี ไม่มีอะไรก็คอยพูดคุยกับเธอซะ ทำไมเรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจฮะ?”


หลิวซูเหยียนยิ้มกว้างมองคนทั้งสองคน ตอนนั้นเองเธอพูดออกมาว่า “เอาล่ะ อย่าคาดคั้นเสี่ยวหลงเลยค่ะ เขาเป็นคนอารมณ์ร้อย จะให้อยู่เงียบๆ ได้อย่างไร?”


เหมาเหว่ยหลงไม่ได้นิ่งไม่เป็น แต่ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวก็น่าเบื่อเป็นธรรมดา พอฉินสือโอวมาหาเขาก็มีอะไรทำแล้ว ทั้งสองเล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน…


ฉินสือโอวรู้สึกขอบคุณวินนี่ โชคดีที่ภรรยาของเขาเตือน ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ หลังจากที่เขาที่ไปโรงพยาบาลได้สองวัน หลิวซูเหยียนก็ย้ายไปยังห้องคลอด หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงพยาบาลก็อุ้มทารกคนหนึ่งออกมา


ฉินสือโอวตะลึงไป พลางถามออกมาว่า “แม้ว่าหลิวซูเหยียนจะบอกว่านี่ไม่ใช่ลูกคนแรก แต่มันก็ไม่ควรจะเร็วขนาดนี้? วินนี่ยังใช้เวลาตั้งมากกว่าครึ่งวันเลยนะ”


เหมาเหว่ยหลงวิ่งเข้าไปอุ้มลูกด้วยความตื่นเต้น ก่อนหน้านี้ที่ทำการอัลตราซาวน์หมอได้แจ้งเพศของลูกของเขาเรียบร้อยแล้ว นั่นคือเพศชาย


แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ความคิดที่ว่ารักลูกชายมากกว่าลูกสาวสำหรับชาวแคนาดาไม่ได้รุนแรง ตราบใดที่เจรจากับหมอได้พ่อแม่ก็สามารถรู้เพศของลูกได้ แบบนี้ทำให้สามารถเตรียมตัวได้ล่วงหน้า นอกจากนี้การเลี้ยงลูกเพศชายกับเพศหญิงก็ไม่เหมือนกัน


พยาบาลนำลูกของเหมาเหว่ยหลงไปเข้าห้องอบเพื่อเตรียมตัวตรวจร่างกาย นี่เป็นการตรวจเรื่องโครโมโซม เพื่อดูว่าเด็กจะมีปัญหาเรื่องโรคประจำตัวหรือไม่ การตรวจแบบนี้สามารถคาดการณ์โรคที่จะเป็นในอนาคตได้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาก


เหมาเหว่ยหลงเดินตามพยาบาลไป ฉินสือโอวเดินตามไปข้างๆ เมื่อไปถึงห้องอบ ทั้งสองคนก็ยืนมองผ่านกระจกเข้าไป แต่ว่าลูกของเหมาเหว่ยหลงนั้นอยู่ด้านในสุด ทำไมมองไม่เห็น


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “ในที่สุดก็วางใจได้สักที”


เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ในที่สุดก็วางใจได้แล้ว!”


ฉินสือโอวกลอกตาแล้วพูดว่า “นายวางใจอะไรกัน? ฉันวางใจที่ลูกของนายเกิดออกมาแล้วน่าชังกว่าเถียนกวาของฉันเยอะ พูดจริงๆ นะโคโกโร่ เมื่อกี้ฉันเกือบจะร้องไห้เพราะความน่าชังของลูกนายแล้ว”


เหมาเหว่ยหลงกำหมัดด้วยความโมโหหวังจะทุบตีฉินสือโอว ตอนนั้นเองนางพยาบาลก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วชี้ไปที่ป้ายไฟสีเขียวที่ผนังพลางพูดว่า “เงียบๆ ค่ะ โอเคไหม? ฉันคิดว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ฉันเรียกรปภ.ขึ้นมาลากพวกคุณไปใช่ไหมคะ”


ฉินสือโอวใช้มือปิดปาก เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มหวาน จนเมื่อนางพยาบาลเดินไป เขาก็หันไปมองฉินสือโอว แล้วพูดว่า “ลูกของฉันจะน่าชังก็ไม่ต้องตกใจไป อย่างไรก็ตามถ้าในอนาคตเขาอยากจะแต่งงานกับลูกสาวนาย ถ้าเถียนกวาไม่รังเกียจก็ใช้ได้”


เมื่อได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็ตกตะลึง เขาคิดขึ้นมาทันทีว่า ตัวเองกับเหมาเหว่ยหลงได้จองตัวลูกสาวลูกชายกันไว้แล้ว…

 

 

 


บทที่ 1414 การประชุมบอมบาร์เดียร์

 

ฉินสือโอวมองไปยังท่าทีของลูกชายของเหมาเหว่ยหลง ในใจของเขารู้สึกลำบากใจ


จริงๆ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อโง่ที่หลอกลูกสาว…


“ถ้าตอนนี้ฉันบอกว่า ที่ผ่านมาล้อเล่นล่ะ แกว่าจะโอเคไหม?” ท่านชายฉินค่อยๆ พูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง


เหมาเหว่ยหลงตบบ่าของเขาแล้วพูดว่า “อย่าไปคิดเลย นายแค่ภาวนาขอให้นาคตลูกชายของฉันโตมาหล่อสักหน่อยก็พอ ไม่อยากนั้นเสี่ยวเถียนกวาก็จะได้แต่งงานกับคนหน้าตาไม่ดีแล้วล่ะ แต่นั่นก็คงไม่เป็นอะไรหรอก ใช่ไหม? ดูนายที่เหมือนหมีสิ เถียนกวาอาจจะไม่ได้สวยเท่าไหร่ ยังบอกไม่ได้หรอกว่าใครกันแน่ที่จะเดือดร้อน ใช่ไหม?”


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา ทั้งสองคนกลับไปยังห้องพักเพื่อดูอาการของหลิวซูเหยียน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเอนหลังนอนบนเตียงดูวิดีโอกับวินนี่ พวกเธอทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาสภาพจิตใจหลังจากการคลอดลูก ตั๋วตั่วอยู่ข้างๆ คอยส่งน้ำส่งผลไม้ให้แม่ ราวกับเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน


หลังจากที่เห็นท่าทางของตั๋วตั่ว เหมาเหว่ยหลงก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาเสียงทุ้มต่ำว่า “ทำไมท่าทางของเราสองคนกลับสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้เลยล่ะ?”


ฉินสือโอวตอบกลับเสียงเบาเช่นกัน “ฉันคิดว่าสิ่งที่ควรทำอย่างเร่งด่วนคืออย่าให้ภรรยาของแกเล่นโทรศัพท์มือถือล่ะมากกว่าไหม? ของสิ่งนี้มีแสงรังสี แกรู้ใช่ไหม?”


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ถูกพิสูจน์มาตั้งนานแล้วว่าไม่เป็นความจริง โอเคไหม? รีงสีจากโทรศัพท์มือถือแล้วยังไง? ใช้ไมโครเวฟหนึ่งครึ่ง รังสีมากกว่าใช้โทรศัพท์มือถือหนึ่งชั่วโมงอีก แกคิดว่าหลังจากที่ผู้หญิงแคนาดาคลอดลูกแล้วพวกเธอจะไม่ใช่ไมโครเวฟเหรอ?”


หลังจากนั้นอีกสองสามวันฉินสือโอวคอยอยู่กับเหมาเหว่ยหลงตลอด อากาศที่แฮมิลตันดีกว่าที่นครเซนต์จอห์นส์นิดหน่อย เนื่องจากอยู่ใกล้กับน้ำตกไนแอการาทำให้มีไอน้ำมาก แต่เนื่องจากไกลจากมหาสมุทรจึงทำให้ไม่มีลมแรง สถานที่ที่อยู่บริเวณใต้สุดแคนาดาจึงมีอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น ฉินสือโอวอยู่ที่นี่สองสามวันรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก


วันที่สิบหก ซากูนิสได้โทรศัพท์มาหา เขาบอกกับฉินสือโอวว่าการประชุมบอมบาร์เดียร์ได้กำหนดวันแล้ว นั่นคือวันที่ยี่สิบ ให้เขามาถึงช้าที่สุดคือภายในวันที่สิบแปด เมื่อถึงเวลานั้นเขาต้องเข้าร่วมการประชุมและร่วมงานเลี้ยงด้วย


เพราะว่าต้องไปงานเลี้ยง ฉินสือโอวจึงต้องการคนในครอบครัวไปด้วย ด้วยความใจกว้างบริษัทบอมบมาร์เดียร์จึงส่งเครื่องบินพิเศษมาให้สองลำ ลำหนึ่งบินไปรับวินนี่ที่มหานครเซนต์จอห์นส์ ส่วนอีกลำบินมารับฉินสือโอว


ถึงจะตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน แม้ว่าบอมบาร์เดียร์จะเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ทางการเงิน แต่การใช้ทรัพยากรที่มีก็ยังคงทำให้ผู้คนตกตะลึงอยู่บ้าง กิจการนี้ไม่มีทางปิดตัวลงได้ เนื่องจากมีรากฐานที่ใหญ่โตพอ ทำให้มีทรัพยากรที่มองไม่เห็นอยู่มากมาย


แต่ว่าฉินสือโอวไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ว่าทำไมบอมบาร์เดียร์ต้องส่งเครื่องบินสองลำมารับคนด้วย? เห็นได้ชัดว่าสามารถไปรับวินนี่ที่นครเซนต์จอห์นส์ก่อน หลังจากนั้นค่อยบินมายังแฮมิลตันเพื่อรับเขาไปยังมอนทรีออลก็ได้ไม่ใช่เหรอ?


เรื่องที่สามารถเป็นไปได้มากที่สุด คือบอมบาร์เดียร์กำลังแสดงความใจกว้างต่อนักลงทุนที่มีศักยภาพอย่างเขา


แฮมิลตันอยู่ใกล้กับมอนทรีออลมาก อย่างน้อยก็อยู่ใกล้กว่านครเซนต์จอห์นอยู่มาก ดังนั้นฉินสือโอวจึงมาถึงยังเมืองนี้ล่วงหน้าก่อนวินนี่ครึ่งวัน


ก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่นี่แล้ว ครั้งแรกที่มาคือมาซื้อเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินสำหรับการเกษตร มาครั้งนี้อีกครั้ง เขาไม่ใช่คนรวยที่มาซื้อเครื่องบินลำเล็กๆ แต่คราวนี้เขาคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทการบินและอวกาศอันดับหนึ่งของแคนาดา


แม้ว่า การเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเขาจะถูกซื้อด้วยเงินที่กู้มาก็ตาม


ซากูนิสมารอรับฉินสือโอวด้วยตัวเอง เขาไปส่งฉินสือโอวยังโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง หลังจากถึงที่หมายฉินสือโอวก็กวาดสายตามองดูรอบๆ และพบว่าบรรยากาศที่นี่ดูคุ้นตามาก โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลาชิน ที่ถูกขนาดนามว่า ‘สายลมโชย’ ที่นี่เป็นที่ที่เขามาพักในตอนที่มาซื้อเครื่องบินที่มอนทรีออลครั้งแรก


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เขาพูดเรื่องนี้ออกมา ซากูนิสก็หัวเราะออกมาเช่นกัน พลางพูดขึ้นว่า “งั้นคุณคิดว่า ทำไมผมถึงจัดเตรียมสถานที่แห่งนี้ให้คุณล่ะครับ?”


เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของซากูนิส ฉินสือโอวก็ตอบกลับด้วยความตกตะลึงว่า “คุณตรวจสอบมาก่อนงั้นเหรอ?”


ซากูนิสตอบว่า “ไม่ต้องถึงกับตรวจสอบหรอกครับ บอมบาร์เดียร์เป็นเจ้าของเมืองแห่งนี้ หากเจ้าของต้องการรู้ว่าภายในบ้านของตัวเองเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เหรอครับ?”


ฉินสือโอวยกนิ้วให้ คำนี้ช่างมีอำนาจเสียจริง ความร้ายกาจนี้เขาให้คะแนนเต็มเลย เขาจำเป็นต้องคารวะให้แก่ซากูนิสเลย


เมื่อเปิดห้องเพรซิเดนสวีตเรียบร้อยแล้ว ซากูนิสก็พาเขาเข้าไปภายในห้อง เขาเดินไปเปิดหน้าต่างพลางมองไปยังวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำลาชินด้านนอก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผมขอแจ้งข่าวแก่คุณก่อน นอกจากเงินลงทุนจำนวนหนึ่งพันล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลควิเบกลงทุนให้แล้ว พวกเราได้บรรลุข้อตกลงกับสถาบันจัดการแผนบำนาญและโครงการประกันรัฐควิเบกเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะลงทุนเพิ่มอีกหนึ่งพันห้าร้อยล้านดอลลาร์”


“พระเจ้า” ฉินสือโอวอุทานออกมาด้วยความตกใจ


สำหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นข่าวที่ดี ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนกองทุนของรัฐที่น่าร่วมทุนที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะว่าตามชื่อแล้ว สิ่งที่พวกเขาจะได้รับก็คือเงินบำนาญ ดังนั้นต้องระมัดระวังในการลงทุนเป็นอย่างมาก พยายามมั่นใจว่าในทุกการลงทุนจะต้องได้ผลลัพธ์ที่ดี อย่างน้อยก็ต้องไม่เสียเงินไป!


เมื่อชาวแคนาดาเกษียณอายุ เงินของพวกเขาทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงินบำนาญ การเสียเงินบำนาญสำหรับพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อรัฐบาลออกจากตำแหน่งจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเรื่องขึ้นบ่อยๆ


ซากูนิสพูดว่า “ตามข้อตกลงการลงทุนครั้งนี้ สถาบันจัดการแผนบำนาญและโครงการประกันรัฐควิเบกสามารถลงทุนในบริษัทโฮลดิ้งได้ร้อยละสามสิบ รัฐบาลควิเบกถือหุ้นร้อยละยี่สิบ คุณจะสามารถถือหุ้นได้ประมาณร้อยละสิบสาม ยังมีผู้ลงทุนเอกชนอีกร้อยละสอง ส่วนอีกร้อยละสามสิบห้าจะอยู่ในมือของบอมบาร์เดียร์”


ฉินสือโอวยิ้มออกมา “งั้นผมก็เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่อันดับที่สี่น่ะสิ?”


ซากูนิสมองด้วยสายตาอิจฉา แล้วพูดขึ้นว่า “สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่อันดับหนึ่งครับ เพราะว่าหุ้นพวกนั้นเป็นหุ้นของบริษัทหรือไม่ก็ของรัฐบาล มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็นผู้มาซื้อหุ้น ต้องพูดว่า ฉิน คุณเป็นผู้ชนะที่น่าหมั่นไส้จริงๆ”


ฉินสือโอวหยิบขวดแชมเปญออกมาหนึ่งขวดแล้วพูดว่า “ถ้างั้นตอนนี้พวกเราควรจะฉลองกันสักหน่อยไหม?”


ซากูนิสยิ้มออกมา “สองสามวันหลังจากนี้ก็ยังมีโอกาสฉลอง มาๆ ตอนนี้คุณต้องคอยดูสถานการณ์ของบริษัทโฮลดิ้งให้ดี ผมจะให้ข้อมูลที่เป็นความลับสุดยอดแก่คุณ คุณจะต้อง จะต้อง จะต้องห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด!”


“ถ้าผมหลุดปากออกไปล่ะ?” ฉินสือโอวถามออกมา


ซากูนิสยักไหล่แล้วพูดออกมาว่า “ผมก็คงต้องรับโทษและลาออก จนถึงอาจจะมีคดีความได้เลย”


พูดกันตามตรง ฉินสือโอวตกใจมาก เขาพูดออกมาว่า “หนักขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่คุณก็ยังบอกผมงั้นเหรอ?”


ซากูนิสพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณเคยช่วยชีวิตผมไว้ ฉิน ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ! ดังนั้น ครั้งนี้ที่คุณลงทุนหุ้นจนเกือบหมดทั้งบริษัทของพวกเรา ผมต้องทำให้คุณปลอดภัยแน่นอน ผมไม่ทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!”


หลังจากที่ฉินสือโอวมาถึงแคนาดา เขาก็ได้สัมผัสกับสังคมคนชั้นสูงมากมาย เขาพบว่านายทุนเหล่านี้เป็นแวมไพร์ดูดเลือด มีหลักการและกฎเกณฑ์มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป บางทีที่พวกเขาสามารถมาถึง ณ จุดนี้ได้ เป็นเพราะว่าพวกเขามีหลักการและกฎเกณฑ์มากกว่าคนทั่วไป


ซากูนิสทิ้งกระเป๋าเอกสารไว้ให้และจากไป ฉินสือโอวหยิบเอกสารกองหนาออกมาแล้วเริ่มอ่านมัน


แผนพัฒนาเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีของบริษัทบอมบาร์เดียร์ล่าช้าไปมากกว่าสองปี เรื่องนี้ถือว่าแย่มาก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโลกภายนอกมากนัก


พวกเขาใช้เงินมากกว่าสองพันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ จำนวนดูเหมือนจะมาก แต่อันที่จริงแล้วสำหรับบอมบาร์เดียร์ไม่ได้ถือว่ามากมายนัก อีกอย่างในช่วงกลางปีนี้ เครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีก็ได้พัฒนาจนสำเร็จแล้ว แต่เหตุผลที่ผ่านมานานแล้วยังไม่เข้าสู่ตลาดสักที เป็นเพราะว่าในช่วงที่พวกเขาพัฒนาซีรีส์ซี พวกเขาได้พัฒนาเครื่องบินเจ็ทรุ่นใหม่ออกมา

 

 

 


บทที่ 1415 ยุ่งแล้วล่ะ

 

ด้านนอกมีข่าวลือออกมาว่า ครั้งหนึ่งบอมบาร์เดียร์ต้องการที่จะขายหุ้นครึ่งหนึ่งของโครงการเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีให้กับบริษัทแอร์บัสของยุโรป ต่อมามีข่าวว่าบอมบาร์เดียร์ต้องการที่แยกส่วนประกอบออกขายสู่ตลาดเพื่อทำการเพิ่มหุ้น หรือไม่ก็ขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทให้กับบริษัทในประเทศจีน กล่าวได้ว่าทำไปเพื่อการระดมทุนในการพัฒนาและวิจัยซีรีส์ซี


เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ใช่แล้ว ในความจริงบอมบาร์เดียร์ต้องการที่จะขายโครงการเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซี แต่ว่าเขาต้องการมองหาตัวเลือก พวกเขาต้องการศึกษาเครื่องบินเจ็ทรุ่นใหม่ทั้งหมด พวกเขาต้องการที่จะแข่งขันกับยุโรปแอร์บัสและโบอิ้งกรุ๊ปเพื่ออำนาจในการทำกำไร


นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่บอมบาร์เดีบร์จ้างให้ซากูนิสมารับตำแหน่งประธานบริษัท ซากูนิสเป็นรองประธานผู้บริหารผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทโบอิ้ง เขารู้พื้นฐานของโบอิ้งเป็นอย่างดี เพื่อที่จะควบคุมเขา บอมบาร์เดียร์ต้องพยายามอย่างเต็มที่


ซากูนิสกับโบอิ้งกรุ้ปได้ลงนามในข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน แต่เมื่อเขาตัดสินใจเข้ามายังบอมบาร์เดียร์ โบอิ้งก็ไม่ได้ห้ามเขา ว่ากันว่าเขาเข้าใจในจุดอ่อนของเหล่าผู้บริหารระดับเล็กของโบอิ้ง หลังจากที่เจรจากันแล้วจึงเกิดเป็นการประนีประนอมของทั้งสองฝ่าย


เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉินสือโอว สิ่งที่เขาให้ความสนใจคือการก่อตั้งบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์ โฮลดิ้งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะว่าหลังจากที่เขาต้องพึ่งบริษัทนี้ จากเงินปันผลที่จะได้ปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา


การที่รัฐบาลควิเบกลงทุนในบอมบาร์เดียร์ อันที่จริงแล้วเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียงานจำนวนมาก ก่อนหน้านี้การปลดพนักงานของบอมบาร์เดียร์ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย พวกเขาต้องการที่จะตัดโครงการวิจัยและพัฒนาซีรีส์ซีจริงๆ ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการทำการผลิต พวกเขาต้องการที่จะเป็นแบรนด์ในตลาดแห่งอนาคต


แต่รัฐบาลควิเบกไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเขาขอร้องให้บอมบาร์เดียร์ดำเนินการผลิตโครงการวิจัยและพัฒนาซีรีส์ซี และสัญญาว่ารัฐจะสรรหาทรัพยากรสำหรับการขายให้


นอกจากนี้ เพื่อที่จะให้มีอำนาจในการตัดสินใจในบอมบาร์เดีบร์ รัฐบาลควิเบกไม่รีรอที่เป็นผู้ชนะการประมูลกองทุนบำนาญข้าราชการและคนงานที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเพื่อที่จะนำเงินมาลงทุนในการจัดตั้งบริษัทย่อยของบอมบาร์เดียร์ เป้าหมายของพวกเขาคือการให้กำเนิดซีรีส์ซี


เพราะแบบนี้กลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่นำโดยซากูนิสเชื่อว่า การอัดฉีดเงินลงทุนนี้สามารถเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานและเรื่องเวลาของบอมบาร์เดียร์ได้ อีกทั้งบอมบาร์เดียร์ยังคงสามารถควบคุมสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทย่อยนี้ได้อีกด้วย ดังนั้นพวกเขาคิดว่าข้อตกลงนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของบอมบาร์เดียร์


เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ตั้งแต่ซากูนิสให้เขาดูข้อมูลพวกนี้ หลังจากที่บอมบาร์เดียร์ได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลควิเบก จากกองทุนบำนาญและจากเขาแล้ว สภาพคล่องทางการเงินของพวกเขามีมากถึงเจ็ดพันล้านเหรียญสหรัฐ เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะสร้างและขายเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีได้อย่างสบายๆ


นอกจากนี้แล้ว บอมบาร์เดียร์ยังสามารถใช้กำไรที่จะเกิดขึ้นจากเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีในการสนับสนุนการพัฒนาเครื่องบินเจ็ทรุ่นต่อไปได้ เพราะแบบนี้แม้ว่าเศรษฐกิจของแคนาดาจะยังคงย่ำแย่ มันก็จะไม่สร้างความกดดันทางการเงินให้กับบริษัทใหญ่อย่างบอมบาร์เดียร์เพิ่มขึ้น


ข่าวที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ บอมบาร์เดียร์ได้ผลิตเครื่องบิทเจ็ทแล้วสองลำ ซึ่งจะส่งมอบให้ลูกค้าในต้นปีหน้า กล่าวได้ว่า พวกเขาได้ทำการผลิตซีรีส์ซีแล้วล่วงหน้า แม้ว่าตอนนี้รัฐบาลควิเบกจะเสียใจที่ไม่ได้ลงทุนในโครงการนี้ แต่พวกเขาก็ได้ผลิตเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีออกมาแล้ว


แน่นอน บอมบาร์เดียร์ไม่กลัวว่ารัฐบาลควิเบกจะถอนหุ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากรัฐบาลควิเบกทำแบบนี้ บอมบาร์เดียร์ก็จะพิจารณาย้ายศูนย์ปฏิบัติการออกจากควิเบก อีกอย่างเศรษฐกิจในทุกรัฐของแคนาดาที่ย่ำแย่อยู่ตอนนี้ พวกเขาต่างกระตือรือร้นที่จะให้บริษัทชั้นนำอย่างบอมบาร์เดียร์เข้ามาตั้งบริษัทในรัฐของตัวเอง


เมื่ออ่านเอกสารจบ ฉินสือโอวก็เผาเอกสารทิ้ง จากนั้นก็นำขี้เถ้าใส่ถุง เขาจะคืนให้กับซากูนิสในตอนที่พวกเขาทานอาหารค่ำด้วยกัน


ซากูนิสที่ถือกองขี้เถ้าอยู่ยิ้มกว้างให้กับฉินสือโอว ทุกอย่างผ่านไปโดยที่ไม่ต้องมีใครพูดอะไร


วินนี่มาถึงในตอนเย็น ทันเวลาอาหารค่ำพอดี ซากูนิสเชิญพวกเขาไปเยี่ยมบ้านของตัวเอง โดยมีเขาและภรรยาเข้าครัวเตรียมอาหารไว้แล้ว


สำหรับนักธุรกิจผู้กระหายในแคนาดาแล้ว การที่ซากูนิสเชิญชวนฉินสือโอวแบบนี้แสดงให้เห็นว่าฉินสือโอวเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดเขามากที่สุด


ซึ่งฉินสือโอวยินดีเป็นอย่างมาก


การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกจัดขึ้นในวันที่สิบเก้า ฉินสือโอวสวมสูททรงตรงเข้าร่วมงานประชุม ไม่มีใครสนใจเขา พวกเขาคิดว่าฉินสือโอวเป็นพนักงานหรือไม่ก็ผู้ช่วยของผู้ประกอบการคนหนึ่ง


การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมมากมาย ครอบคลุมสถาบันการลงทุนหลายสถาบัน บอมบาร์เดียร์ส่งผู้บริหารระดับสูงมาแนะนำสถานการณ์ของบริษัทย่อยในครั้งนี้ เพื่อเชิญชวนให้พวกเขาเข้าร่วมลงทุน


ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาเริ่มการประชุม ฉินสือโอวถูกเชิญให้ไปยังแถวแรก ซ้ายมือของเขาคืออดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของควิเบก ซาร่า เบบี้ แจ็คสัน…เขาเป็นผู้ลงสมัครตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบริษัทย่อยที่ได้รับความนิยมมาก ส่วนทางขวามือของเขาคือผู้บริหารระดับสูงของสถาบันจัดการแผนบำนาญและโครงการประกันรัฐควิเบกท่านหนึ่ง


ผู้เข้าร่วมงานต่างพากันตกตะลึง ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าชายหนุ่มผู้สง่าผ่าเผย ร่างกายเต็มไปด้วยพลังงานคนนี้จะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะคาดเดาได้ง่ายเหมือนก่อนหน้านี้


ผลการประชุมที่ออกมาก็ทั่วๆ ไป อย่างน้อยก็เป็นไปตามที่ฉินสือโอวคิด เพราะว่าเรื่องที่พูดในที่ประชุมเป็นเรื่องที่เขาอ่านหมดแล้วเมื่อวานนี้ สิ่งที่เขาอ่านนั้นดูสมจริงและมีรายละเอียดที่มากกว่าเสียอีก


การประชุมสิ้นสุดลงในตอนกลางวัน พวกเขาเตรียมตัวจะออกจากที่ประชุม แต่จู่ๆ รปภ.ของโรงแรมก็เข้ามา บอกให้พวกเขาใจเย็น และบอกว่าอย่าพึ่งออกจากห้องประชุม


ฉินสือโอวเดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดม่านออกเพื่อดูเหตุการณ์ด้านนอก เขาเห็นว่าที่ด้านนอกมีกลุ่มคนกำลังทำการประท้วงอยู่ ผู้คนแน่นขนัด สถานการณ์เต็มไปด้วยความฮึกเหิม เหมือนว่ากลุ่มคนแรงงานจะได้ทำการล้อมโรงแรมไว้แล้ว พวกเขาพากันชูป้ายแบนเนอร์ ป้ายไม้และพากันตะโกนออกมา ที่ด้านนอกนั้นดูวุ่นวาย


ดูคร่าวๆ ก็พอจะรู้ได้ว่า คนพวกนี้เป็นคนงานที่โดนบอมบาร์เดียร์เลิกจ้างงานทั้งหมด วันนี้เมื่อได้ข่าวว่าบอมบาร์เดียร์จัดงานประชุมเพื่อหาเงินลงทุนให้บริษัทย่อย พวกเขาก็ต้องรีบมาสร้างความวุ่นวาย


เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขาจึงทำเพียงยืนอยู่เฉยๆ แล้วดูคนของบอมบาร์เดียร์ไปจัดการเรื่องที่ด้านนอก


เขาไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีหรือผู้ผดุงความยุติธรรม เรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจ เขาในฐานะคนนอกไม่เข้าไปยุ่งจะดีที่สุด


ตอนนี้ไม่เพียงแค่บอมบาร์เดียร์เท่านั้นที่เลิกจ้างพนักงาน บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งก็ทำแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นหากรัฐบาลควิเบกต้องการที่จะผลิตเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซี พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องจ้างคนงานเพิ่ม


เนื่องจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ และการลงทุนทางธุรกิจลดลงอย่างรวดเร็ว เท่าที่ฉินสือโอวรู้มา เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของแคนาดาในปีนี้หดตัวลง การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงปีหลังยังไม่ออกมา เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าถึงจะได้ผลทางสถิติออกมา แต่ว่าดูจากท่าทางแล้วคงจะไม่ได้เป็นข่าวดีอะไรแน่นอน


ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มให้ความสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจในระดับมหาภาคของแคนาดา เนื่องจากตอนนี้สถานะทางสังคมของเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขากำลังจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทย่อยของบอมบาร์เดียร์ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจพวกนี้ เพื่อที่ในอนาคตจะได้ขายหุ้นคืนเพื่อเอาเงินสดออกมาได้อย่างสบาย….


ผู้รับผิดชอบการประชุมผู้ถือหุ้นของบอมบาร์เดียร์ออกไปเจรจากับผู้ประท้วง ผลปรากฏว่าไม่สำเร็จ คนงานพวกนั้นไม่สนใจเขา ไม่ว่าอย่างไรซากูนิส ประฐานบริษัทบอมบาร์เดียร์ก็จะต้องออกมาสัญญาว่าจะรับพวกเขากลับไปทำงานอีกครั้ง


ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงถือว่ามีเหตุผล ตอนนี้ที่กำลังจะตั้งบริษัทย่อย และต้องเปิดการผลิตอีกครั้ง อย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องการคนงาน พวกเขาในฐานะคนงานและพนักงานเก่าที่มีประสบการณ์ควรได้สิทธิ์ในการว่าจ้างก่อนไม่ใช่เหรอ?


คนที่มาร่วมประท้วงรอบๆ โรงแรมเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ซากูนิสจึงจำเป็นที่จะต้องปรากฏตัว


หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นมา เมื่อซากูนิสออกมา เหล่าคนงานก็พากันโมโหขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาฝ่าแนวป้องกันชั่วคราวของตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย แล้วพุ่งเข้าไปหมายจะฆ่าซากูนิส…..

 

 

 


บทที่ 1416 ยักษ์ใหญ่ทั้งสี่แห่งบอมบาร...

 

ไม่รู้ว่าแนวป้องกันถูกเจาะเข้ามาตอนไหน ทำให้เหล่าผู้ชุมนุมพากันกรูเข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว


เหล่าคนงานพากันเข้ามาประท้วงโรงแรม อันที่จริงพวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายใคร โดยเฉพาะผู้บริหารคนใหม่ของบอมบาร์เดียร์ พวกเขาต้องการเพียงกลับไปยังตำแหน่งงานเดิมของพวกเขา ชาวแคนาดาไม่ได้มีนิสัยชอบประหยัดเงิน การไม่มีงานทำก็เท่ากับการทำให้ครอบครัวแตกแยก


ดังนั้นเมื่อพังแนวป้องกันมาได้ในตอนแรกพวกเขาจึงมีท่าทีตอบสนองช้าเล็กน้อย พวกเขามองไปยังซากูนิสที่อยู่ด้านหน้า ในชั่วนาทีหนึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร


พวกเขาตะโกนออกมาสุดเสียง เมื่อเจอเข้ากับปัญหาพวกเขาก็ยังคงเป็นคนที่ตาบอด เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้


แต่คนมาประท้วงค่อนข้างเยอะ ท้ายที่สุดแล้วมักจะมีคนไม่พอใจกับบอมบาร์เดียร์เสมอ นอกจากนี้ยังมีคนไม่ได้เรื่องอีกสองสามคน พวกเขาต้องการที่จะทำอะไรบางอย่างจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไหลทะลักฝ่าแนวป้องกันเข้ามาราวกับน้ำไหล ไม่นานพวกเขาก็มายืนล้อมรอบซากูนิสไว้


เหล่าตำรวจและเจ้าหน้าที่โรงแรมต่างมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง พวกเขารีบกุลีกุจอเรียกบอดี้การ์ดมาปกป้องซากูนิส แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและบอดี้การ์ดต่างพากันไปสกัดกั้นผู้ชุมนุม ทำให้ไม่มีใครสามารถมาจัดการตรงนี้ได้


แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่คนพวกนี้จะไม่กล้าพุ่งเข้ามาทำร้ายจริงๆ ถูกผู้ชุมนุมตีจนตายถือว่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ในสถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถเป็นฆาตกรได้หรอก


ซากูนิสมองสถานการณ์ใหญ่ๆ แบบนี้ออกไม่มีผิดเพี้ยน แต่เขาเป็นคนมีการศึกษา เป็นผู้บริหารระดับสูง เขาจะไปหาประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้จากที่ไหนกันล่ะ? เขาตกใจกลัวมากจนไม่รู้จะไปหลบอยู่ที่ไหนดี อีกทั้งคนพวกนี้ก็พุ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของเขาโดยตรง พวกเขายื่นมือออกมาหมายจะรุมทึ้งเขา…


ในช่วงเวลาที่สำคัญ หน้าต่างชั้นสองก็ถูกเปิดออกมา จากนั้นก็มีร่างของคนคนหนึ่งกระโดดลงมา!


แน่นอนว่าต้องเป็นฉินสือโอว โชคดีที่ห้องประชุมของโรงแรมอยู่ที่ชั้นสอง เขาคอยดูสถานการณ์อยู่ที่ด้านหลังหน้าต่างตลอด เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนฝ่าแนวป้องกันมาได้เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ จึงรีบถอดชุดสูทออกและกระโดดลงมา


ช่วงเวลาสั้นๆ ท่านชายฉินก็เปลี่ยนร่างเป็นหวงเฟยหง เขาโบกมือไปมาตอนที่กระโดดลงมาจากชั้นสอง เขาโยนเสื้อสูทไปคลุมหัวของผู้ชุมนุมสองสามคนแรกที่อยู่ด้านหน้า หลังจากที่ถึงพื้นเขาก็กระแทกไหล่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับวัวกระทิงเพื่อโจมตีคนที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับซากูนิสแล้วพาวิ่งออกไปด้านหลัง


คนที่อยู่รอบๆ มีจำนวนมาก คนพวกนั้นยื่นมือออกมาจะคว้าพวกเขาทั้งสองคน ซากูนิสหวาดกลัวมาก เขาตะโกนออกมาว่า “โว้ พระเจ้า! ผมถูกจับแล้ว!”


ฉินสือโอวหันกลับไปมองเขาเห็นว่ามีคนจับเสื้อสูทของซากูนิสอยู่ เขาหันตัวกลับไปแล้วทำท่ากระต่ายดีดนกอินทรี รองเท้าหนังมันวาวลอยไปทั่วอากาศ คนที่อยู่ด้านหลังสองสามคนถูกเขาเตะจนถอยหลังไป


ที่ด้านหน้าก็มีคนจับฉินสือโอวไว้เหมือนกัน เขารีบถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คว้าซากูนิสมาอีกครั้ง แล้วลากซากูนิสเข้าไปยังประตูโรงแรม


เบิร์ด แบล็คไนฟ์ตามออกมาด้วยเช่นกัน พวกเขาอยู่ที่ประตูโรงแรมพอดี เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังถอดชุดสูทออกแล้วก็ยังมีคนจับไว้ พวกเขาทั้งสองคนก็รีบพุ่งตัวเข้าไปช่วยอย่างรวดเร็ว ในที่สุดฉินสือโอวก็หลุดออกจากฝูงชน แล้วลากซากูนิสเข้ามายังโรงแรมได้


ผู้บริหารคนอื่นๆ ของบอมบาร์เดียร์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุวิ่งเข้ามาในโรงแรมด้วยความตื่นตระหนก เหล่าตำรวจและบอดี้การ์ดเข้ามาทีหลังจะคอยกันประตูโรงแรมไว้ แบบนี้จึงจะสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของเหล่าผู้บริการระดับสูงไว้ได้


มือทั้งสองข้างของซากูนิสสั่นไปมา ไม่รู้ว่าเพราะใช้พลังเยอะหรือว่ากลัวกันแน่ พนักงานคนหนึ่งนำชุดคลุมมาให้ฉินสือโอว พลางพูดขึ้นว่า “คุณครับ เชิญสวมเสื้อคลุมตัวนี้ก่อนครับ”


ตอนนี้ฉินสือโอวและซากูนิสอยู่ในสภาพที่น่าอับอายมาก ตอนนี้ร่างกายท่อนบนของเขามีเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียว ส่วนซากูนิสยังมีเสื้อเชิ้ตอยู่ แต่ว่าก็ถูกดึงไปอยู่หลายครั้ง จนแขนเสื้อข้างซ้ายไม่มีอยู่แล้ว…


ฉินสือโอวส่งเสื้อคลุมให้ซากูนิส พลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหอบหนักว่า “ฟัค! ให้คุณสวมเถอะ ผมว่าตอนนี้คุณดูเหมือนต้องการสิ่งนี้มากกว่าผมเสียอีก!”


ผู้จัดการแผนกต้อนรับของโรงแรมนำมาบรั่นดีมาให้หนึ่งขวด เขารินให้คนทั้งสองคนละแก้ว เมื่อดื่มเหล้านี้แล้ว ซากูนิสก็ค่อยๆ สงบลง ฉินสือโอวยังดีที่เขาเตรียมตัวมาดี อีกอย่างเขามักจะทะเลาะกับพวกคนในทะเล ดังนั้นจึงไม่ได้มีผลกระทบต่อเขามากนัก


ซากูนิสยิ้มให้ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณนะ ฉิน เมื่อกี้ลำบากคุณแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณแล้วสองครั้ง!”


ฉินสือโอวตบไหล่เขาอย่างปลอบประโลมพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมบังเอิญอยู่เหนือคุณพอดี ผมว่า พวกคุณควรจะทำอะไรสักอย่างไหม? ไม่อย่างนั้นต่อไปผมคงต้องกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริหารอย่างพวกคุณแน่!”


พูดถึงปัญหานี้ ซากูนิสก็มีสีหน้าแย่ลงขึ้นมาทันที เขาพูดลอดไรฟันออกมาด้วยความโมโหว่า “เดิมที่ที่ผมมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะบอกคนพวกนั้นว่าบริษัทจะรับพวกเขากลับเข้าทำงาน! แต่พวกเขาทำเกินไปแล้ว แบบนั้นก็ฝันไปเสียเถอะ! ผมไม่อนุมัติให้บอมบาร์เดียร์รับคนเหล่านั้นกลับเข้ามาทำงาน! แม้แต่คนเดียวก็ไม่ให้!”


เหล่าผู้บริหารที่อยู่ในโรงแรมพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เรื่องวุ่นวายในวันนี้ดูแย่มาก หากไม่ใช่เพราะฉินสือโอวยื่นมือเข้ามาช่วย เกรงว่าที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทบอมบาร์เดียร์จะถูกแทนที่อย่างแน่นอน


ผู้เข้าร่วมการประชุมหลายคนที่พวกเขาเชิญเข้ามาทักทายซากูนิสและคนอื่นๆ หลังจากนั้นก็ออกจากห้องโถงไป ท่าทีเหล่านี้แสดงถึงทัศนคติของพวกเขา นั่นก็คือพวกเขาไม่ได้มีความสนใจอะไรในการก่อตั้งบริษัทย่อย


ซากูนิสไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้มากนัก บอมบาร์เดียร์ได้ผู้ลงทุนรายใหญ่มาแล้วสามราย ความต้องการในการลงทุนขั้นพื้นฐานได้รับการตอบรับแล้ว การลงทุนของนักลงทุนอื่นๆ เป็นเพียงการตบแต่งเท่านั้น อีกอย่างตอนนี้ผ้าไหมโบราณของบอมบาร์เดียร์ ตอนนี้สามารถขายได้โดยที่ไม่ต้องมีของตกแต่งแล้ว


เมื่อเช่นนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าฉินสือโอวนั้นเป็นคนทรงคุณค่ายิ่งขึ้นไปอีก ซากูนิสพูดกับเขาเสียงเบาว่า “เพื่อน ผมคิดว่าบางทีเราอาจจะไม่ต้องระดมเงินทุนจากภายนอกนะ ถ้าหากคุณสามารถทำเงินได้สูงอีกหน่อย รวมกับของเดิมที่มีอยู่แล้วคุณถือหุ้นไปเลยร้อยละสิบห้า!”


ฉินสือโอวถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “คณะกรรมการจะอนุมัติเหรอ? พวกคุณต้องการที่จะหาเงินทุนจากภายนอกไม่ใช่เหรอ?”


ซากูนิสตอบว่า “เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะ ผมทำให้คณะกรรมการตกลงให้เรื่องนี้ได้ สำหรับการหาเงินทุนจากภายนอกงั้นเหรอ?” เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “เดินทีผมคิดว่าจะให้พวกเขาได้ดื่มน้ำซุปร้อนๆ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สนใจ งั้นต่อไปผมจะทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจแล้วกัน!”


ฉินสือโอวถือหุ้นในมือราวร้อยละสิบสาม ถ้าหากจะเพิ่มเงินไปจนถึงร้อยละสิบห้า แบบนั้นเขาต้องลงทุนเพิ่มอีกประมาณร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์ เงินพวกนี้เขาสามารถหามาได้ เพราะว่าเขายังมีทองคำอย่างน้อยอีกหนึ่งร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์ที่ยังไม่ได้นับ และนี่คือเงินดอลลาร์ทั้งหมด!


วันรุ่งขึ้นหลังจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่โรงแรม การประชุมผู้ถือหุ้นในบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์เนอร์ โฮลดิ้งก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ฉินสือโอวตัดสินใจลงทุนเพิ่มอีกร้อยห้าสิบล้านอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้เขาจึงการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสี่ลองมาจากบอมบาร์เดียร์ สถาบันจัดการแผนบำนาญและโครงการประกันรัฐควิเบกและรัฐบาลควิเบก!


ก่อนที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์เนอร์ โฮลดิ้ง ผู้มอบหมายให้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของควิเบก ซาร่า เบบี้ แจ็คสัน เขาเป็นผู้แนะนำแผนการทำงานในครึ่งปีแรกของปีหน้าและงบประมาณของแผนกต่างๆ ในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกนี้


ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป บริษัทย่อยแห่งนี้จะเริ่มเข้าสู่ตลาดเครื่องบินโดยสารพลเรือนอย่างเป็นทางการ แจ็คสันพูดออกมาด้วยความมั่นใจว่า “พวกเรามีเครื่องบินที่พร้อมส่งมอบแล้วสองลำ พวกเรามีคำสั่งซื้อเครื่องบินแล้วสิบลำ ปีหน้าพวกเราจะขายเครื่องบินเพิ่มมากขึ้นไปจนกว่าพวกเราจะสามารถครองตลาดเครื่องบินพาณิชย์ได้!”


ฉินสือโอวปรบมือ เขาหวังว่าปีหน้าเขาจะสามารถเห็นผลประกอบการนี้ ตอนนี้เขาเหนื่อยกับการเป็นหนี้มาก เขาต้องรีบไปหาซากเรืออับปาง หลังจากนั้นต้องใช้ประโยชน์จากงานประมูลของบริษัทจัดประมูลริชชี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิในการสร้างรายได้

 

 

 


บทที่ 1417 คบเพลิงในฤดูหนาว

 

ฉินสือโอวไม่ได้อยู่ร่วมงานฉลองตอนเย็นที่บริษัทบอมบาร์เดียร์เตรียมไว้ ซากูนิสอยากจะแนะนำให้เขารู้จักกับเศรษฐีควิเบกเสียหน่อย แต่ฉินสือโอวปฏิเสธ “เดือนนี้ผมงานยุ่งมาก เพื่อน ไว้วันหลังมีโอกาสผมค่อยมาเยี่ยมพวกเขาอีกทีดีไหม? ผมคิดว่าผมควรจะกลับไปให้เร็วที่สุด”


ตอนนี้ซากูนิสรู้สึกดีกับเขาเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่บังคับให้อยู่ต่อ เขาจัดเตรียมเครื่องบินรุ่นโกลบอลสองพันไว้เพื่อไปส่งพวกของฉินสือโอวกลับไปยังฟาร์มปลา


ในขณะที่กำลังกลับฟาร์มปลา ท้องฟ้าก็กลับมาครึ้มและมีหิมะตกลงมาอีกครั้ง ฉินสือโอวมองไปยังท้องฟ้าอันมืดครึ้ม แล้วถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าปีนี้หิมะจะตกลงมาอีกไม่น้อยเลยนะ”


ในตอนที่พวกเขาลงจากเครื่องบินหิมะก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ฉินสือโอวเดินเข้าไปในบ้านและเห็นวัยรุ่นสองสามคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการย้ายเสื้อโค้ตที่อยู่บนรถเลื่อนเข้าไปในบ้าน


บนรถเลื่อนเต็มไปด้วยเสื้อโค้ตที่มีหลายขนาดและมีทรงทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง เมื่อเห็นดังนั้นฉินสือโอวก็ถามออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “เฮ้ นักล่าทั้งหลาย พวกนายอยากทำธุรกิจเสื้อโค้ตหรือยังไง?”


เชอร์ลี่ย์มองไปยังฉินสือโอวด้วยแววตาเปล่งประกาย แล้วถามออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เฮ้ ฉิน พวกคุณกลับมาแล้วเหรอคะ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดออกมาว่า “แน่นอน แต่ว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ พวกเธอจะทำธุรกิจเสื้อโค้ตเหรอ?”


เชอร์ลี่ย์ตบเสื้อโค้ตพวกนั้นเบาๆ แล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่ใช่ค่ะ โรงเรียนของพวกเราจะจัดงานการกุศลในวันคริสต์มาส สัปดาห์นี้พวกเราจะไปตามถนนในนครเซนต์จอห์น และแจกจ่ายเสื้อโค้ตให้กับคนไร้บ้าน”


ฉินสือโอวพยักหน้า “เป็นกิจกรรมที่ดี พวกเธอไปได้เสื้อโค้ตมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันตกใจจริงๆ นะเนี่ย พวกเธอไปเอามาจากไหนกัน?”


โรงเรียนในนิวฟันแลนด์มักจะจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความรักเสมอ พวกเขาให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความรักและคุณธรรมให้แก่เด็กๆ เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนในประเทศจีนแล้วถือว่าดีกว่า


“ส่วนหนึ่งเป็นเสื้อโค้ตที่ไม่ได้ใช้แล้วของลุงๆ อาๆ ชาวประมงที่เอามาให้พวกเรา ส่วนหนึ่งเป็นของที่พวกเราใช้เงินซื้อมาจากในเมือง คุณดูสิ เสื้อขนเป็ดตัวนี้ยังไม่ได้ใช้เลย ทั้งหมดนี้พวกเราได้มาในราคาถูก” เชอร์ลี่ย์เชิดหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจ ท่าทางราวกับหงส์ตัวน้อย


ฉินสือโอวยิ้มออกมา “พวกเธอมีเงินเหรอ? ต้องการเงินสมทบทุนจากฉันไหม?”


เชอร์ลี่ย์โบกมือส่ายหัวไปมาพลางพูดว่า “ยังไม่ต้องค่ะ ตอนปิดเทอมฤดูร้อนพวกเราไม่ได้ใช้เงินมากนัก เมื่อรวมกับเงินค่าขนมที่ปู่เออร์ให้แล้ว พวกเรามีเงินพอค่ะ”


เพราะแบบนี้ ฉินสือโอวจึงต้องช่วยสนับสนุนกิจกรรมของวัยรุ่นพวกนี้ด้วยวิธีอื่น เขาขึ้นไปชั้นบนแล้วเปิดตู้ใบหนึ่ง เมื่อเขาหาพวกเสื้อโค้ตหนาๆ เช่นพวกเสื้อขนเป็ดเจอจำนวนหนึ่ง เขาก็เอามันมาให้กับพวกเชอร์ลี่ย์


เชอร์ลี่ย์เข้ามาช่วยฉินสือโอว เมื่อเธอเห็นเสื้อโค้ตหนาตัวหนึ่งเธอก็โยนมันออกมา ฉินสือโอวพูดกับเธอด้วยความปวดใจว่า “เฮ้ ที่รัก นี่เป็นเสื้ออาร์คเทอริกซ์ ที่ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อปีที่แล้วและใส่ไปแค่สองครั้งเองนะ”


“ใช่แล้ว ปกติคุณก็ไม่ได้ใส่อยู่แล้ว หนึ่งปีใส่แค่สองครั้ง คุณไม่ชอบมันใช่ไหมล่ะ?” เชอร์ลี่ย์เก็บมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “งั้นเสื้อตัวอื่นๆ แทนที่จะปล่อยให้มันกลายเป็นของไร้ค่า สู้เอาไปช่วยคนที่เขาจำเป็นต้องใช้มันดีกว่า”


ฉินสือโอวสำลักออกมา “ฉันก็คือคนที่จำเป็นต้องมีมันไง!”


เสื้อตัวนี้เป็นของที่เขาเพิ่งจะได้มา เขาวางแผนที่จะใส่มันไปกรีนแลนด์หลังวันคริสต์มาส ปรากฏว่ากลับกลายเป็นของราคาถูกที่จะถูกส่งให้กับคนไร้บ้านในเซนต์จอห์น


แต่ว่าเมื่อถึงเวลากลางวัน ฉินสือโอวก็ไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป เพราะว่าชาร์คที่เข้ามาหาลูกชายของเขาด้วยความโมโหตะโกนออกมาว่า “ไอ้ลูกเวร เสื้อโค้ตเบอร์เบอร์รี่ของฉันอยู่ที่ไหน? แม่งเอ๊ย แกทำอะไรกับมัน?”


เสี่ยวชาร์คพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผลว่า “เสื้อตัวนั้นพ่อไม่ได้ใส่อยู่แล้วนี่ หลังจากที่แม่ซื้อให้พ่อ พ่อก็เก็บมันเอาไว้ที่ล่างสุดของกล่อง”


ชาร์คคำรามออกมาว่า “ฉันก็แค่ตัดใจที่จะใส่มันไม่ได้! เสื้อตัวนั้นราคาตั้งสองพันนะ สองพันดอลลาร์ สองพันดอลลาร์เลยนะ!”


เบอร์เบอร์รี่และอาร์คเทอริกซ์เหมือนกัน ทั้งสองเป็นแบรนด์ระดับโลก เป็นของที่มีราคาแพง


หลังจากชาร์คมาถึง ซีมอนสเตอร์ก็เข้ามาด้วยโมโห ฉินสือโอวมองตามไปด้วยสายตาสงสารพลางพูดว่า “มาหาเสื้อโค้ตของตัวเองงั้นเหรอ?”


ซีมอนสเตอร์ส่ายหัว เขาพูดลอดไรฟันออกมาว่า “มากกว่าเสื้อโค้ตอีกน่ะสิ ยังมีรองเท้าบูตลุยหิมะ ถุงมือ ผ้าพันคอ หมวกหนัง มันน่าจริงๆ ของพวกนี้เป็นของที่ผมวางแผนว่าจะเอาไปใส่ที่ขั้วโลกเหนือ เพิ่งจะเก็บไปเองจู่ๆ ก็หาไม่เจอแล้ว!”


สุดท้ายเป็นแลนซ์ที่เดินเข้ามา ลอเรนซ์มองเขาด้วยแววตาเสียใจพลางพูดขึ้นว่า “พ่อ เสื้อผ้าที่เอามาเป็นเสื้อเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้วที่อยู่ในห้องใต้ดิน ก่อนหน้านี้พ่อยังบอกเลยว่าทิ้งพวกมันไว้ที่นั่น”


แลนซ์พูดออกมาเสียงเบาว่า “พ่อรู้ ลูกรัก ลูกบอกพ่อมาว่าเสื้อของพ่ออยู่ที่ไหน พ่อจะไปหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า…พระผู้เป็นเจ้า ฉันซ่อนเงินทั้งปีของฉันไว้ ทั้งหมดอยู่ในเสื้อผ้าที่น่าเอาไปทิ้งพวกนั้น!”


เสื้อผ้าเก่าเหล่านี้ยังคงต้องทำความสะอาดและตากให้แห้ง สองวันถัดมา เครื่องซักผ้าและเครื่องอบปลาที่ฟาร์มปลาก็กลายเป็นของที่พวกเด็กๆ ต้องการ ไม่นานเสื้อโค้ตทั้งหมดก็ถูกกองไว้ที่ฟาร์มปลาเป็นกองขนาดใหญ่


เมื่อถึงสุดสัปดาห์ ฉินสือโอวก็ขับรถกระบะมาขนเสื้อโค้ตพวกนั้นไปยังเรือข้ามฟาก กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมสายสัมพันธ์ เขาที่เป็นผู้ปกครองต้องเข้าร่วมกิจกรรม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นคุณปู่เออร์บัก แต่ว่าคุณปู่ไม่เหมาะที่จะออกมาข้างนอกในวันที่หิมะตกหนักแบบนี้


ช่วงนี้ท้องฟ้าไม่สดใส สองสามวันมานี้หิมะตกตลอด ลมทะเลพัดโชยมายังนครเซนต์จอห์นอย่างรุนแรง ทำให้เด็กๆ และพวกผู้ปกครองถูกแช่แข็งด้วยฝนที่โปรยปรายลงมา


กิจกรรมในครั้งนี้ คือการให้เด็กๆ เอาเสื้อโค้ตไปผูกไว้ตามเสาไฟฟ้า หลังจากนั้นคนไร้บ้านหรือคนที่ต้องการมันจริงๆ ก็สามารถมาหยิบไปได้ตามสบาย


กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ที่ท่าเรือเป็นต้นมา รถของผู้ปกครองแยกออกไปตามถนน เพื่อตามหาเสาไฟฟ้า


ฉินสือโอวออกมาช่วยเด็กๆ เขาผูกเสื้อขนเป็ดสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งเข้ากับเสาไฟฟ้าบนถนน เขาอดที่จะปวดใจขึ้นมาเสียไม่ได้ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้ออาร์คเทอริกซ์ที่เขาบริจาคให้ ราคาของมันตั้งหนึ่งพันดอลลาร์เชียวนะ


หลังจากที่เขาผูกเสื้อนั้นเสร็จ เชอร์ลี่ย์ก็นำป้ายแผ่นเล็กๆ มาแขวนไว้ที่เสื้อ ข้างบนป้ายนั้นเขียนไว้ว่า “ที่รัก นี่ไม่ใช่ของหาย ถ้าหากว่าคุณติดอยู่ข้างนอกตอนนี้  อีกทั้งยังรู้สึกหนาวเหน็บ โปรดหยิบเสื้อตัวนี้ไปเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเถอะ (รูปรอยยิ้มสดใส)”


บนป้ายนั้นถูกเขียนด้วยลายมือ ฉินสือโอวรู้สึกไม่ทุกข์ใจอีกต่อไป เด็กๆ พวกนี้ทำงานกันได้ดีจริงๆ


อากาศหนาวเย็นเกินไป หลังจากที่มีลมหนาวพัดมา ฉินสือโอวก็พาเด็กๆ เข้าไปในร้านอาหารจานด่วนเพื่อไปหาเครื่องดื่มอุ่นๆ ดื่ม


เมื่อเจ้าของร้านอาหารจานด่วนเห็นเสื้อโค้ตที่อยู่บนรถ ก็ถามออกมาว่าเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม ‘คบเพลิงในฤดูหนาว’ ใช่หรือไม่ ตอนนั้นเองที่ฉินสือโอวรู้ว่า กิจกรรมนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่จัดขึ้นโดยโรงเรียนประถมแกรนท์ แต่เป็นโรงเรียนประถมหลายแห่งในเซนต์จอห์นร่วมกันจัดขึ้นมา


เมื่อรู้ว่าพวกเขาทำกิจกรรมจิตอาสา เจ้าของร้านก็ให้อาหารฟรีอย่างใจกว้าง นอกจากนี้ยังให้บัตรกำนัลแก่พวกเด็กๆ จำนวนไม่น้อย ทุกใบมีมูลค่าห้าดอลลาร์ สามารถนำบัตรกำนัลมาแลกเบอร์เกอร์สองชิ้นหรือว่าเครื่องดื่มร้อนหนึ่งรายการได้จากร้านของเขา


“ให้คนน่าสงสารพวกนั้นมีเสื้อผ้าสวมใส่ ก็ให้พวกเขาได้ทานอาหารอย่างเต็มที่ด้วย” เจ้าของร้านลูบพุงของตัวเองพลางยิ้มออกมา


พวกเด็กๆ พากันเข้าไปกอดเขา ฉินสือโอวทำท่าทางเคารพเจ้าของร้านอาหารจานด่วน คนในประเทศนี้เป็นแบบนี้แหละ ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ แต่ถ้าหากคุณมองดูอย่างจริงจัง ทุกวันคุณจะสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งใจในทุกวัน


หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปทำกิจกรรมกันอีกครั้ง นอกจากนี้เจ้าของร้านฮาร์ดแวร์คนหนึ่งยังนำเทียนเล่มเล็กๆ มาให้พวกเขาอีกจำนวนหนึ่ง เขาบอกว่า “เทียนพวกนี้ใช้ได้นานมาก สามารถทนต่อลมแรงได้ หวังว่าจะสามารถช่วยคนที่ต้องการมันได้”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)