เทพปีศาจหวนคืน 1572-1575
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1572 สายเกินไป
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ฟางหยวนบินออกจากเมืองเมฆาและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่กระจัดกระจายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
แสงสีทองส่องประกายขึ้นและนําฟางหยวนไปยังพื้นที่รกร้างที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ทันที
หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะที่จัดตั้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้ง ตอนนี้มันมีความสามารถในการขนส่งผู้คนเพิ่มเข้ามา
ในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งก่อนหน้าา ฟงจิวเก้อโจมตีมนุษย์ขนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเรียนรู้จากบทเรียนที่น่าเศร้าและเสนอให้ฟางหยวนเพิ่มวิธีขนส่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ
นิกายหลางหยาช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนโดยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาว ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องตอบแทนด้วยการปรับปรุงค่ายกลวิญญาณอมตะให้พวกเขา
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาและด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาจึงประสบความสําเร็จในการดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าว
เมื่อฟางหยวนมาถึงสถานที่รกร้างว่างเปล่า เขาสูดหายใจลึกและเริ่มฝึกท่าไม้ตายของเขา
ท่าไม้ตายอมตะราชันภูต!
ชุดเกราะสีทองและมงกุฏที่งดงามปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ถูกปกปิดไว้ด้วยชั้นเมฆหมอกหนาทึบ ผ้าคลุมราชันภูตปักลายภูตผีจํานวนมากเอาไว้หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คนผู้หนึ่งอาจมองเห็นภูตผีมากกว่าพันตน
นี่คือผลลัพธ์จากการบ่มเพาะของฟางหยวน
ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ!
ฟางหยวนชี้นิ้วออกไปขณะที่กลุ่มหมอกควันสีดําพุ่งออกไปทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่ด้วยการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะ ทวีปเมฆาจึงปลดปล่อยแสงสีเงินออกมาและสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง
หลังจากการระเบิดติดต่อกันเป็นลูกโซ่ พื้นที่รอบๆก็ถูกทําลายล้าง ดินเมฆกระจัดกระจายออกไปทําให้เกิดรูของโหว่ขนาดใหญ่ที่มีรัศมีหลายจํานวนมาก
เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ภาพภูตผีที่อยู่บนผ้าคลุมของฟางหยวนก็เลือนหายไปหนึ่งตน
นี่คือราคาของการใช้ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ
แต่ฟางหยวนไม่สนใจค่าใช้จ่ายนี้ เขายังกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายต่อไป
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต!
“ฟื้ว..”
สายลมกรรโชกแรงพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนสี
ในพริบตาพื้นที่ขนาดใหญ่ก็กลายเป็นเขตแดนอมตะของฟางหยวน
เขตแดนนี้เป็นมิติสีเขียวซีดปนสีเหลือง มีเมฆหมอกหนาทึบที่ลดประสิทธิภาพในการรับรู้ทิศทางสายลมกรรกโชกแรงทําให้เกิดเสียงโหยหวย
ฟางหยวนปล่อยภูตผีออกมา พวกมันส่งเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกและเคลื่อนไหวไปรอบๆ ในสนามรบราชันภูตพลังของภูตผีเหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้น พวกมันเหมือนปลาที่อยู่ในน้ํา
หลังจากทดสอบบางอย่าง ฟางหยวนก็เก็บภูตผีและหยุดใช้เขตแดนอมตะราชันภูต
ท้องฟ้ากลับมาสดใส
ท่าไม้ตายอมตะเขตแดนราชันภูตเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยอนุมานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายมันใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ราชันภูเขาม่วงทิ้งไว้เบื้องหลังเป็นแกนกลางฟางหยวนเคยให้มนสังหารสองเทพธิดาแห่งทะเลตะวันออกโหยวชานและฉินไปอี้มาแล้ว
แต่จุดเด่นของเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงที่พังทลายคือการปกปิดและการซ่อนตัวจากโลกภายนอก จุดอ่อนของมันคือเวลาในการจัดตั้ง มันต้องถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ หากคนผู้หนึ่งพยายามใช้มันระหว่างการต่อสู้ ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาหลบหนี้ก่อนที่เขตแดนจะถูกสร้างขึ้น
เขตแดนอมตะราชันภูตถูกคิดค้นขึ้นโดยฟางหยวน เขาใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะจํานวนมากที่บันทึกอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นข้อมูลอ้างอิง
เขตแดนอมตะราชันภูตด้อยกว่าเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายในแง่ของการปกปิดและซ่อนตัวจากโลกภายนอก แต่มันมีข้อดีที่สามารถใช้งานได้ภายในเวลาเท่ากับการกระพริบตาสามครั้ง
แม้ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวแต่เขตแดนนี้สามารถใช้งานได้จริงระหว่างการต่อสู้
ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถคว้าโอกาสและประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตศัตรูของเขาจะไม่สามารถหลบหนี
หลังจากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตถูกจัดตั้งขึ้น ความได้เปรียบของฟางหยวนจะยิ่งใหญ่มาก
“ปัจจุบันขาสามารถเลือกที่จะไว้ชีวิตหรือสังหารผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดได้ตามใจปรารถนา” ฟางหยวนถอนหายใจ
ผู้อมตะไม่ง่ายที่จะเอาชนะและยิ่งยากกว่าในการจับกุมหรือสังหาร
ประการแรก มีวิธีหลบหนีมากมาย คนผู้หนึ่งไม่สามารถจัดการกับความเป็นไปได้ทั้งหมด ประการที่สอง ฟางหยวนต่อสู้เพียงลําพังขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาไม่ว่าจะเป็นวังสวรรค์หรือถ้ําสวรรค์นิรันดร พวกเขาต่างมีกําลังเสริม ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเอาชนะศัตรูของเขาอย่างรวดเร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนต้องระวังตัวและเลือกคู่ต่อสู้ หากเฉิงตูไม่มีเขตแดนอมตะที่สามารถกักขังทั้งศัตรูและตัวเขาเองในทุ่งใบมีดร่วงโรยฟางหยวนจะไม่เสี่ยงต่อสู้เป็นตายกับเขา
หลังจากทดสอบเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต ฟางหยวนก็คิดถึงท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเขาอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก ด้วยการใช้วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่และท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณของเขาจึงสามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปด
ฟางหยวนเคยใช้มันเพียงสองครั้งแต่มันกลับสามารถขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดจากชิงโจวและวิญญาณอมตะกระบี่เห็นระดับเจ็ดของเฉิงตู ทั้งสองครั้งทําให้สถานการณ์ผลิกผันอย่างรวดเร็วหลังจากเพิ่งสูญเสียวิญญาณอมตะดังกล่าว มันทําให้เขาตัดสินใจระเบิตตัวเองทันที
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่สามารถใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณได้บ่อยนักเพราะข้าต้องการ ตบังตัวตนหากข้อมูลรั่วไหลออกไปศัตรูจะระวังตัวมากขึ้นและจะพยายามหาวิธีต่อต้าน สุดท้ายการจัดเตรียมของข้าในทะเลทรายผีเขียวจะถูกค้นพบเช่นกัน
“แต่ด้วยสนามรบราชันภูต ขาสามารถกักขังศัตรูและใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณเพื่อขโมยวิญญาณอมตะของพวกเขา มีโอกาสน้อยมากที่ศัตรูจะสามารถหลบหนี ข้าจะปล้นฆ่าพวกเขาในเขตแดนและเก็บเกี่ยวทรัพยากรในการบ่มเพาะของข้า!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความไร้ปรานี จิตสังหารปะทุขึ้นในใจของเขา
ด้วยเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต เขาสามารถเริ่มต้นการเข่นฆ่าและขโมยวิญญาณอมตะไปพร้อมกับการกลืนกินมิติช่องว่างเพื่อดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ฟางหยวนไม่มีปัญหาในการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาไม่รู้สึกผิดและไม่โทษตัวเอง
เขาเลียริมฝีปากก่อนจะส่ายศีรษะ “น่าเสียดาย…ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
หากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ถูกค้นพบ หากไม่มีแรงกดดันจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจะออกไปและเข่นฆ่าผู้คน! แต่สิ่งสําคัญในตอนนี้คือการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ขณะนี้การรักษาแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเอาไว้มีความสําคัญต่อฟางหยวนมากกว่าการขโมยวิญญาณอมตะ
ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนจะถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ
วังสวรรค์จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป พวกเขาจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้งและ อีกครั้งแม้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะเตรียมตัวรับมืออย่างเต็มที่แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้ ตลอดไป
ไพ่ตายของนิกายหลางหยาถูกเปิดเผยในการต่อสู้ครั้งก่อนไปแล้วขณะที่วังสวรรค์มีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึงพวกเขาอาจมีไพ่ตายที่สามารถกวาดล้างนิกายหลางหยาหรือคิดแผนการอันแยบยลที่เป็นภัยร้ายแรงต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก่อนที่วังสวรรค์จะบุกโจมตีเป็นครั้งที่สอง
แต่ระหว่างการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีโดยวังสวรรค์อย่างแน่นอน บางที่องค์ชายฟงเซี่ยนอาจซุ่มรออยู่แล้วฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
เปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปด แม้ฟางหยวนจะสามารถป้องกันตัว แต่เขาไม่สามารถโจมตึกลับ นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
เพื่อแก้ปัญหานี้ เขามีสองทางเลือก
ทางเลือกแรกคือใช้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดทางเลือกถัดไปคือใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด
ท่ามกลางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพในการครอบครองของฟางหยวน หุบเขาเหล่าโปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรืออาจกล่าวว่ามันเป็นทางเลือกเดียวของเขา
ฟางหยวนมีแรงบันดาลใจในการสร้างท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป แต่โชคไม่ดีที่มันมีความคืบหน้าค่อนข้างช้าแม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญาแล้วก็ตาม
ในแง่ของวิญญาณอมตะระดับแปด ฟางหยวนมีสี่ดวงได้แก่วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญาวิญญาณที่ไหลผ่านราวกับสายน้ําและวิญญาณป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณ
วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสามารถผลิตวิญญาณปีมันไม่ได้มีไว้สําหรับการต่อสู้วิญญาณป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณเป็นส่วนสําคัญของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตที่ไม่สามารถนําออก
ดังนั้นจึงมีเพียงวิญญาณดาบแห่งปัญญาที่เหลืออยู่
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาระดับแปดดวงนี้มา นานแล้วเพื่อเลี้ยงดูมันเขาต้องใช้จ่ายทรัพยากรจํานวนมหาศาลขณะที่เขาไม่เคยใช้งานมันแม้แต่ครั้งเดียว
เหตุผลสําคัญคือวิญญาณดาบแห่งปัญญาต้องการพลังงานอมตะระดับแปด นี้เป็นสิ่งที่ราชันภูเขาม่วงออกแบบมาเพื่อโป๊ชิงโดยเฉพาะแต่ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและมีเพียงพลังงานอมตะระดับเจ็ดเท่านั้น
นี่เป็นกฎที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
ในความเป็นจริงวิญญาณอมตะระดับแปดส่วนใหญ่ต่างต้องการพลังงานอมตะระดับแปด อย่า งไรก็ตามวิญญาณอมตะระดับแปดสามดวงของฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น
วิญญาณทัศนคติพึ่งพาเพียงพลังจิต วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสามารถใช้พลังงาน อมตะระดับใดก็ได้แต่ประสิทธิภาพของมันจะขึ้นอยู่กับพลังงานอมตะที่ใช้ วิญญาณป้ายคําสั่งอสูร วิญญาณอาศัยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้ใช้งาน
หลังจากไตร่ตรอง แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะและมรดกมากมาย แต่ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดที่เขาต้องการสามารถพึ่งพาเพียงหุบเขาเหล่าโปเท่านั้น
“ข้าสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืนได้ก่อนหน้านี้เนื่องจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งวารีระดับปรมาจารย์ของข้า
“คราวนี้เพื่ออนุมานท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป ข้าต้องพึ่งพาความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่น่าเสียดายที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มีอุปสรรคขนาดใหญ่ขวางทางข้าอยู่
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์ในหลายเส้นทาง เขายังเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เขาไม่สามารถถ่ายโอนพวกมันไปยังเส้นทางสายอื่น
ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขายังอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
“แต่ข้ามีแสงแห่งปัญญา แม้ความก้าวหน้าจะช้า แต่ข้ายังสามารถบังคับให้ตนเองเดินหน้าต่อไป”
“ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเวลา ข้าหวังว่าจะสามารถสร้างมันคือ!?”
ทันใดนั้นวังวนแสงสีดําขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
“โอ้ ไม่!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปทันที
เขาตระหนักว่าสิ่งนี้เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ฟงจิวเก้อทิ้งไว้เบื้องหลัง
ฟางหยวนเคยตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้มาแล้ว จิตวิญญาณแผ่ นดินหลางหยาก็เช่นกันทั้งสองรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่กําจัดได้ยากแต่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคาม
แต่ผู้ใดจะคิดว่าโดยปราศจากการควบคุมและพลังงานอมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้จะยังเกิดปฏิกิริยาดังกล่าวด้วยตัวของมันเอง
“ทําลายมัน!” ฟางหยวนกรีดร้อง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคําสั่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน
ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนดัดแปลงถูกกระตุ้นใช้งานทันที
อย่างไรก็ตามลําแสงสี่สายกลับพุ่งออกมาจากวังวนแสงสีดําเรียบร้อยแล้ว
วังวนแสงสีดําระเบิดหายไปในเวลาต่อมา ขณะที่แสงสี่สายกลายเป็นผู้อมตะสี่คน
ฟงจิวเก้อ เฉินอี้ และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ารวมอยู่ในกลุ่มนี้โดยมีผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งเป็นผู้นํา
นางกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับฟางหยวน “ฟางหยวน ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”
นางก็คือผู้นําคนปัจจุบันของวังสวรรค์ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่ง เทพธิดาจอเว่ย!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1573 ทางผ่านดารา
ผู้อมตะวังสวรรค์สี่คนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน นั่นทําให้ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้างขึ้น
แม้จะมีความรู้และประสบการณ์มากมาย แต่เขายังรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
“มีวิธีขนส่งผู้อมตะระดับแปดสี่คนพร้อมกันเช่นนี้อยู่ด้วยงนหรือ!? หากเราไม่ทําลายวังวนแสงสีดําทันที ข้าเกรงว่าอาจมีผู้อมตะเข้ามามากกว่านี้
แม้ฟงจิวเก้อจะไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดแต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขาเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นฟางหยวนจึงจัดฟงจิวเก้ออยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตระดับแปด
ผู้อมตะระดับแปดมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต้าจํานวนมหาศาล มีเพียงไม่กี่วิธีที่สามารถขนส่งพวกเขาและพวกมันล้วนใช้งานได้ยาก กระทั่งท่าไม้ตายอมตะประตูอมตะที่ฟงจิวเก้อใช้เดินทางมาก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถขนส่งผู้อมตะระดับแปด
หากผู้อมตะระดับแปดต้องการเคลื่อนไหว พวกเขาจะบินผ่านสวรรค์สีขาวหรือสวรรค์สี ดําเว้นเพียงพวกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเอง
แต่ถึงกระนั้นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งหัวงมิติที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเอง มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะขนส่งผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆ และในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามวังสวรรค์กลับมีวิธีขนส่งผู้อมตะระดับแปดและสามารถเดินทางจากภาคกลางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้โดยตรง นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ
“แม้แต่ห้าร้อยปีในชีวิตแรกของข้า ระหว่างสงครามห้าภูมิภาคที่วุ่นวาย ข้าก็ไม่เคยได้ยินว่าวังสวรรค์มีวิธีการขนส่งเช่นนี้
สามารถขนส่งผู้อมตะระดับแปดสี่คนในครั้งเดียวและนี่อาจยังไม่ใช่ขีดจํากัด วิธีกา รดังกล่าวน่ากลัวเกินไปข้อได้เปรียบของมันจะส่งอิทธิพลอย่างมากในการต่อสู้
ในสงครามห้าภูมิภาค หากวังสวรรค์สามารถเคลื่อนย้ายผู้อมตะระดับแปดไปที่ใดก็ได้ในพริบตาพวกเขาจะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ผู้ใดจะสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันทุกกองกําลังจะกังวลและรู้สึกไม่สามารถทําสิ่งใดกับเรื่องนี้
ห้าร้อยปีในชีวิตก่อนหน้า เหตุใดวังสวรรค์ถึงไม่ทําเช่นนี้? เป็นเพราะเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมหรือมันยังไม่ถึงเวลาสําหรับวิธีการนึ่งนหรือ? แต่ข้าคิดว่าข้าเข้าใจแล้ว!”
ความคิดของฟางหยวนเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า เขาเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง
หากวังสวรรค์เปิดเผยวิธีการนี้ออกมา เมื่อผู้อมตะระดับแปดบางคนเสียชีวิตในภูมิภา คอื่นพวกเขาจะตื่นตัวพวกเขาจะทํางานร่วมกันและสร้างกองกําลังพันธมิตรขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อต่อต้านวังสวรรค์
นั่นคือสามัญสํานึกทั่วไป
หากพวกเขาไม่ร่วมมือกัน สถานการณ์จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ผู้อมตะระดับแปดจะตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากวังสวรรค์สามารถส่งกองกําลังผู้อมตะระดับแปดบุกโจมตีพวกเขาได้ทุกเมื่อ
ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ มีเพียงการทํางานร่วมกันเท่านั้นที่จะทําให้พวกเขาปลอดภัยจากการรุกรานของวังสวรรค์
แน่นอนว่าวังสวรรค์ก็ไม่โง่ พวกเขาต้องซ่อนวิธีนี้เอาไว้และจะใช้มันในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
พวกเขากลัวว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้ผู้อมตะของทั้งสี่ภูมิภาคทํางานร่วมกันและต่อต้านวังสวรรค์เพียงฝ่ายเดียว
แต่ตอนนี้เพื่อโจมตีฟางหยวน วังสวรรค์ต้องใช้วิธีนี้ล่วงหน้า มันแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ที่จะโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
“ไม่ ไม่ใช่ขา พวกเขาถูกล่อลวงโดยวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า! ในเวลาเดียวกันการยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะสามารถสนับสนุนการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมได้เป็นอย่างมาก
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขึ้นกับตนเอง
การบุกโจมตีของวังสวรรค์กะทันหันเกินไป แม้ฟางหยวนจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม
แต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาทําได้ วิธีการของวังสวรรค์อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของฟางหยวนอย่างสมบูรณ์
“นี่คือเหตุผลที่ศัตรูเหล่านี้น่ากลัวที่สุด พวกเขามีไพ่ตายมากมายและรากฐานที่ยิ่งใหญ่เกินไป!” ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
“เจ้าหัวขโมย!” ขณะที่ผู้อมตะของวังสวรรค์คนอื่นยังสงบนิ่ง จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนแล้ว
นางเกลียดฟางหยวนมาก เขาขายกระดูกซี่โครงสามชิ้นของนางในสวรรค์สีเหลืองและแสดงภาพการต่อสู้ระหว่างเขากับนางอย่างไม่หยุดยั้ง นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของนาง
ดังนั้นจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทันทีด้วยเจตนาสังหารที่รุนแรง
แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน
การโจมตีของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าพลาดเป้า นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ค่ายกลวิญาณอมตะด้วยสายตาดุร้าย
“ฟุบ!”
ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นในค่ายกลวิญญาณอมตะและควบคุมมันด้วยตนเอง สิ่งแรกที่เขาทําคือนําผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ามาในค่ายกลวิญญาณนี้
เมื่อเขาลงมือวังสวรรค์ก็ทําเช่นกัน
ท่าไม้ตายอมตะเพลงแยก!
ฟงจิวเก้อใช้ท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขา เพลงแยกสามารถแยกส่วนคฤหาสน์วิญญาณอม ตะและค่ายกลวิญญาณอมตะทุกชนิด
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขากระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะและระเบิดแสงสีส้มแดงออกไป
ภายใต้แสงสีส้มแดง เพลงแยกของฟงจิวเก้อกลายเป็นอ่อนกําลังลงก่อนที่เสียงของเขาจะหายไปในความว่างเปล่า
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนดัดแปลงค่ายกลวิญาณอมตะเพื่อจัดการเพลงแยกของฟงจิวเก้อโดยเฉพาะและตอนนี้มันก็แสดงพลังอํานาจของมันออกมาให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
ฟงจิวเก้อเคยใช้เพลงแยกทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะรุ่นก่อนหน้าหลายชั้นแต่ตอนนี้กลับเป็นเพลงแยกของเขาที่ถูกทําลาย มันจึงช่วยไม่ได้ที่ฟงจิวเก้อจะขมวดคิ้วลึก
“ให้เป็นหน้าที่ของข้า” เทพธิดาจื่อเว่ยกระดิกนิ้วส่งดาวสีรุ้งพุ่งออกไป
ดาวสีรุ้งราวกับลูกศรบินข้ามผ่านท้องฟ้าและพุ่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะก่อนจะเปลี่ยนเป็นละอองดาวที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายใน
ละอองดาวเผยให้เห็นรูปแบบพิเศษหลายอย่างของค่ายกลวิญญาณ นั่นทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มบาง
“โอ้ไม่ ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาท่านี้ช่วยให้นางสามารถอนุมานการทํางานของค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากนี้มันยังสามารถขัดขวางความร่วมมือของวิญญาณและทําให้ค่ายกลวิญญาณอมตะทํางานช้าลง!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บางคนอุทาน
“ พวกเราควรทําอย่างไร?”
“พวกเราควรทําอย่างไร?”
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เกือบทั้งหมดรู้สึกประหม่าและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
วังสวรรค์ทรงพลังเกินไป พวกเขามีผู้อมตะระดับแปดถึงสี่คน แม้จะไม่รวมฟงจิวเก้อ แต่อีกสามคนต่างก็เป็นชนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด เพียงหนึ่งคนก็เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแล้วโดยไม่ต้องกล่าวถึงสามคน!
“แปลก เหตุใดเทพธิดาจ๋อเว่ยไม่ใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาว?” ฟางหยวนยังเยือกเย็นขณะที่เขารู้สึกสงสัย
ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ เทพธิดาอเว่ยเคยใช้กระดานหมา กรุกกลุ่มแล้วเหตุใดตอนนี้นางไม่ใช้มัน?
น่าเสียดายที่ข้าต้องทิ้งกระดานหมากรุกกลุ่มดาวไว้ที่วังสวรรค์เพื่อรักษาท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดารามิฉะนั้นข้าจะสามารถคลี่คลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ได้ง่ายขึ้นหลายสิบเท่า!” เทพธิดาจอเว่ยลอบถอนหายใจอยู่ภายในแต่นางไม่ได้หยุดการกระทําของนาง
อีกหนึ่งท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาถูกปล่อยออกมาโดยปราศจากการแจ้ง เตือนมันทําให้ละอองดาวที่ถูกส่งออกมาก่อนหน้านี้ขยายขนาดขึ้นสองเท่า กระทั่งฟางหยวนก็ไม่รู้ว่าควรจัดการกับมันอย่างไร
นี้ค่อนข้างลําบาก!” ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก
“วังสวรรค์ พวกเจ้าคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาสามารถถูกรังแกได้โดยง่ายงั้นหรือ? ไปตายซะ!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดังขึ้นจากค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์ที่พึ่งเข้าสู่สนามรบ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1574 พลังที่แท้จริงของเฉินอี้
ยักษ์สวรรค์ทั้งสูงใหญ่และทรงพลัง มันยกแขนขึ้นและส่งหมัดตรงไปยังสี่ผู้อมตะภาคกลาง
ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายขึ้นด้วยความเย้ยหยัน “ปล่อยข้า!”
เปรียบเทียบกับยักษ์สวรรค์ ร่างของเฉินอี้มีขนาดเล็กมาก อย่างไรก็ตามกลิ่นอายที่เขาระเบิดออกมากลับสามารถแข่งขันกับยักษ์สวรรค์ได้อย่างเท่าเทียม
ท่าไม้ตายอมตะโซ่เถาวัลย์!
เฉินอี้ชี้นิ้วออกไปขณะที่แสงสีเขียวหยกจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ารัดพันยักษ์สวรรค์
ยักษ์สวรรค์ต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ด้วยการกีดขวางจากโซ่เถาวัลย์ หมัดของยักษ์สวรรค์จึงถูกเบี่ยงเบนทิศทางมันพุ่งเข้าปะทะดินเมฆและสร้างรูช่องโหว่ขนาดใหญ่ทิ้งไว้
เฉินอี้ลอยขึ้นสู่อากาศและชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง
แสงสีเขียวหยกเพิ่มจํานวนขึ้นขณะที่โว่เถาวัลย์ผูกมัดยักษ์สวรรค์เอาไว้อย่างแน่นหนา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคํารามด้วยความโกรธและบังคับยักษ์สวรรค์อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามพละกําลังของยักษ์สวรรค์กลับไม่สามารถทําลายเถาวัลย์ที่รัดพันอยู่บนร่างกายของมันได้นี่ทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
“ผมที่หก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเรียก
ผมที่หกใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที แสงสีทองระเบิดออกจากร่างของยักษ์สวรรค์และทําลายเถาวัลย์จํานวนมากในครั้งเดียว แต่ในไม้ช้ามันก็ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง
เฉินอี้เย้ยหยันขณะใช้ท่าไม้ตายต่อไป
เถาวัลย์ที่ถูกทําลายตกลงบนพื้นเมฆ แต่ด้วยความตั้งใจของเฉินอี้ พวกมันจึงเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหม่
ต้นไม้ใหญ่เติบโตขึ้นรอบๆยักษ์สวรรค์และกลายเป็นกรงขนาดใหญ่ที่กักขังมันเอาไว้ภายใน
เมื่อเวลาผ่านไปกิ่งไม้ก็เริ่มเกี่ยวพันกันจนกลายเป็นกรงขังทรงกลมที่มีลําต้นขนาดมหึมาเป็นเสาค้ําจุนมันเอาไว้
ท่าไม้ตายอมตะเรือนจําต้นไม้บรรพกาล!
ยักษ์สวรรค์หลุดพ้นจากการรัดพันของเถาวัลย์แต่มันกลับถูกกักขังไว้ในเรือนจําต้นไม้บรรพกาลจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคํารามด้วยความโกรธและสั่งให้ผู้อมตะ เผ่ามนุษย์ขนปลดปล่อยท่าไม้ตายสายโจมตีของพวกเขา
แต่เรือนจําต้นไม้บรรพกาลกลับสามารถดูดซับการโจมตีทั้งหมดและกระทั่งใช้มันเป็นสารอาหารเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวมันเองอีกด้วย
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทดสอบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตระหนักว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทําลายเรือนจําต้นไม้บรรพกาลคือการใช้กําปั้นของยักสวรรค์
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกว่างเปล่า พวกเขาทําได้เพียงควบคุมยักษ์สวรรค์เพื่อปล่อยหมัดและส่งฝ่าเท้าออกไปเท่านั้น
“บัดซบ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสบถสาปแช่งขณะที่หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เขาติดอยู่ที่นี่และไม่สามารถใช้ความช่วยเหลือฟางหยวน เขาทําได้เพียงเฝ้ามองฟงจิวเก้อและเทพธิดาคือเว่ยโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขาโดยไม่สามารถทําสิ่งใด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารีบติดต่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน “เร็วเข้า! ปล่อยมังกรหิน แรกกําเนิดออกมา!”
“โฮก…” เสียงมังกรดังขึ้นพร้อมกับร่างอันใหญ่โตที่ปรากฏต่อหน้าทุกคน
มังกรหินแรกกําเนิด!
ร่างกายของมันถูกสร้างขึ้นจากหินและเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี ร่างของมันทั้งหนักและหนา เขี้ยวมังกรของมันคมเหมือนหินงอกหินย้อยความใหญ่โตของมันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก
มังกรหินแรกกําเนิดอาจดูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ช้า แต่ในความเป็นจริงมันสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็วและสร้างเงาขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้น
สี่ผู้อมตะจากวังสวรรค์ที่อยู่ภายใต้เงาดําเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
“ผู้ใดจะคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีมังกรหินแรกกําเนิดซ่อนอยู่!” ฟงจิวเก้อถอนหายใจ
เทพธิดาอเว่ยยิ้ม “มันไม่ได้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันน่าจะมาจากเผ่ามนุษย์หิน”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ เทพธิดาจ๋อเว่ยสามารถอนุมานความจริงได้ทันที
“ให้ข้าทําลายมังกรหินแรกกําเนิดตัวนี้!” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเลียริมฝีปากขณะที่เจตจํานงแห่งการต่อสู้ของนางพุ่งสูงขึ้น
“ไม่จําเป็น!” เฉินอี้กล่าวก่อนจะชี้นิ้วออกไปโดยใช้ท่าเดิม
ท่าไม้ตายอมตะโซ่เถาวัลย์!
เถาวัลย์แผ่ขยายออกไปมัดร่างมังกรหินเอาไว้ แต่ในขณะที่มันถูกพันธนาการ มันก็ยังพุ่งเข้าไปหาผู้อมตะภาคกลางทั้งสี่
ผู้อมตะทั้งสี่หลบออกไปขณะที่มังกรหินพุ่งกระแทกพื้น หลังจากนั้นเฉินอี้ก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะเรือนจําต้นไม้บรรพกาลอีกครั้งเพื่อกักขังมันไว้ภายใน
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์รู้สึกประหลาดใจและผิดหวังมาก
กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังต้องสูดหายใจลึกและรู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก
มังกรหินแรกกําเนิดที่พวกเขาต้องการพึ่งพากลับถูกกําจัดอย่างง่ายดายโดยเฉินอี้เพียงลําพัง
ด้านเทพธิดาจ่อเว่ยและฟงจิวเก้อ พวกเขากําลังปราบปรามค่ายกลวิญญาณอมตะ
สําหรับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า นางยังไม่ได้ทําสิ่งใดเลย
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นน่าเกลียด แต่เขาไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก
“มังกรหินแรกกําเนิดมีจุดเด่นในด้านการป้องกัน เมื่อมันได้รับบาดเจ็บ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ นจะเสียสละตนเองเพื่อรักษามันไว้”
เมื่อผู้อมตะได้รับบาดเจ็บ การรักษาพวกเขาเป็นเรื่องที่ยากลําบาก ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใดการรักษาก็ยิ่งยากลําบากมากเท่านั้น
สําหรับผู้อมตะระดับแปด หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พวกเขาต้องให้ความสําคัญกับมันและรักษาตนเองโดยไม่สามารถแบ่งความสนใจไปกับสิ่งอื่นแต่วิธีการรักษามังกรหินสามารถทําได้ระหว่างการต่อสู้ นี้เป็นสิ่งที่ทําให้คู่ต่อสู้ของมันรู้สึกปวดหัว
มังกรหินมีชื่อเสียงด้วยเหตุนี้
แต่วันนี้แตกต่างออกไป เพราะคู่ต่อสู้ของมันคือผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ เฉินอี้!
ประการแรก วังสวรรค์ปราบปรามและกําจัดผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มาตลอด ด้วยรากฐานดังกล่าว พวกเขาจึงคุ้นเคยกับมังกรหินของเผ่ามนุษย์หินเป็นอย่างดี
ประการที่สอง มังกรหินแรกกําเนิดตัวนี้ไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปดในการครอบครองขณะที่เฉินอี้สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดและมีวิธีต่อสู้ที่เหมาะสม สิ่งนี้นําไปสู่ความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่และทําให้มังกรหินแรกกําเนิดกลายเป็นไร้ประโยชน์ไปอย่างสมบูรณ์
สุดท้าย ท่าไม้ตายอมตะของเฉินอี้ไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะทั่วไปโดยเฉพาะเรือนจําต้นไม้บรรพกาลที่ไม่เกรงกลัวต่อท่าไม้ตายอมตะของศัตรู นี่เป็นเรื่องยากที่จะกําจัด
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มังกรหินแรกกําเนิดจะถูกกําหราบโดยเฉินอี้
ยิ่งมันพยายามดิ้นรนเท่าใด มันก็ยิ่งถูกผูกมัดเท่านั้น โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก มันจะไม่สามารถปลดปล่อยตนเองออกมาจากโซเถาวัลย์และแน่นอนว่ายังมีเรือนจําต้นไม้บรรพกาลอยู่อีกชั้น
“มนุษย์ขนเราต้องพึ่งพาตนเอง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนเมื่อเขาเห็นจุดอ่อนของเรือนจําต้นไม้บรรพกาลและเริ่มทําลายมัน
“สมกับเป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์” เฉินอี้เผยรอยยิ้มและพิ่มทํา “แต่อย่าคิดว่าจะสามารถทําลายเรือนจําต้นไม้บรรพกาลของข้าได้โดยง่าย”
การเคลื่อนไหวของยักษ์สวรรค์หยุดลงอย่างกะทันหัน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นผืนงง เขาหันกลับหลังและพบมือที่เกิดจากกิ่งไม้จับขาของยักษ์สวรรค์เอาไว้
“มันคือสิ่งใด?” ยักษ์สวรรค์ฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างลงไปเหมือนขวาน
มือไม้ถูกแยกออกโดยขวานยักษ์
ยักษ์สวรรค์ต้องการโจมตีมันอีกครั้งแต่ในจังหวะนี้มนุษย์พฤกษาก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินและพุ่งเข้าโจมตีหน้าอกของยักษ์สวรรค์และส่งมันล้มลงบนพื้นในครั้งเดียว
ผู้อมตะของนิกายหลางหยาพยายามบังคับยักษ์สวรรค์ให้ยืนขึ้น แต่มนุษย์พฤกษากลับโจมตีอย่างต่อเนื่องมันกระโดดขึ้นสู่อากาศก่อนจะพุ่งลงไปกระแทกยักษสวรรค์อีกครั้ง
ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ผู้อมตะเผ่ามนุษยขนทําเรื่องผิดพลาดโดยการใช้ท่าไม้ตายอมตะกับมนุษย์พฤกษา
อาการบาดเจ็บของมนุษย์พฤกษาถูกเยียวยาและกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับยักษ์สวรรค์เรียบร้อยแล้ว
เฉินอี้เผยรอยยิ้มพึงพอใจนี่คือท่าไม้ตายอมตะของเขา หุ่นเชิดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นท่าไม้ ตายต่อเนื่องจากเรือนจําต้นไม้บรรพกาลและมีเพียงการโจมตีทางกายภาพเท่านั้นที่จะส่งผลต่อมัน
“นี่คือพลังแห่งมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์!” ดวงตาของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าส่องประกายขึ้น
เฉินอี้แสดงความสามารถอันยิ่งใหญ่ออกมาในครั้งนี้ เขากําหราบทั้งยักษ์สวรรค์และมังกรหินแรกกําเนิดด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว
นี่คือพลังที่แท้จริงของเขา ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์และผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา
ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้ที่ทะเลทรายผีเขียว เขารู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก เขาต่อสู้โดยคํานึงถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในการต่อสู้ครั้งนั้นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฟางมีข้อได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด นั่นทําให้เฉินอี้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบและไม่สามารถทําสิ่งใด
อย่างไรก็ตามตอนนี้เฉินอี้สามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่แท้จริงของเขาออกมา แม้เขาจะยังไม่ได้ใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมที่เป็นไพ่ตายของเขา แต่เขาก็สามารถกําหราบยักษ์สวรรค์และมังกรหินแรกกําเนิดได้อย่างสมบูรณ์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1575 การเคลื่อนไหวของฟางหยวน
เฉินอี้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาทําให้วังสวรรค์กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนกังวลมากขึ้นก็คือศัตรูยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
แม้เฉินอี้จะต่อสู้ได้ดีแต่เขายังไม่ได้ใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
“แม้เฉินอี้จะด้อยกว่าราชนภูเขาม่วงและราชันมังกร แต่เขาก็เป็นตัวตนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดเทพธิดาจอเว่ยและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็เช่นกัน ขณะที่ฟงจิวเก้อก็ไม่สามารถมองข้ามข้าต้องลงมือด้วยตัวข้าเอง!”
เฉินอี้กําหราบมังกรหินแรกกําเนิดและยักษ์สวรรค์ ฟงจิวเก้อและเทพธิดาอเว่ยกําลังต่อต้านค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดหากเขาไม่ลงมือตอนนี้แล้วผู้ใดจะสามารถช่วยเหลือพวกเขา?
ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากระตุ้นฟางหยวนมาหลายครั้งแล้ว
แสงสีทองส่องประกายขึ้นขณะที่ฟางหยวนปรากฏตัวต่อหน้าเทพธิดาจอเวยอย่างกะทันหัน
เทพธิดาจอเว่ยคาดเดาสิ่งนี้ไว้แล้ว นางเพียงโบกมือและส่งลมสีม่วงออกไปเท่านั้น
ขณะที่สายลมสีม่วงพัดผ่าน มันทําให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นบนพื้นผิวของเกราะหวนคืน
“โอ้ ท่าไม้ตายนี้!” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
ลมสีม่วงคล้ายกับเกราะหวนคืน มั่นเป็นท่าไม้ตายประเภทที่ใช้โต้ตอบการโจมตีและไม่มีพลังทําลายล้างใดๆ ดังนั้นมันจึงเกิดการสะท้อนกลับซ้ําไปซ้ํามา ฟางหยวนถูกลมสีม่วงผลักดันออกไป
“ฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!” ประกายสายฟ้าแลบลั่นขณะที่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าพุ่งเข้าไปด้านหลังของฟางหยวนและเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“ตรีศูลสายฟ้า!” จึงหลานตะโกนและส่งสายฟ้าสามสายออกจากปลายนิ้วของนาง
สายฟ้าก่อตัวเป็นตรีศุลสายฟ้าสีน้ําเงินพุ่งปะทะแผ่นหลังของฟางหยวน อย่างไรก็ตามมั่นถูกสะท้อนกลับไปที่จิ้งหลาน
นางหัวเราะเสียงดังและกลืนกินตรีศูลสายฟ้าเข้าไปในดวงตาที่แลบลั่นขึ้นด้วยประกายสายฟ้า
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงอีกครั้ง โอ้ ไม่ ท่าไม้ตายนี้มีไว้เพื่อตรวจสอบเกราะหวนคืนของข้าแม้จิ้งหลานจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เทพธิดาจอเว่ยอยู่ที่นี่พวกนางพยายามถอดรหัสเกราะหวนคืนของข้า!”
คราวก่อนเนื่องจากกับดักที่ฟางหยวนเตรียมไว้ มันทําให้จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าพ่ายแพ้ขณะที่เทพธิดาจอเวยล้มเหลว
แต่กับดักที่ฟางหยวนเคยใช้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนวางแผนและฝึกฝนอย่างหนัก เขาเตรียมการไว้หลายอย่างแต่วังสวรรค์ก็เช่นกัน วังสวรรค์ไม่เพียงมอบวิญญาณอมตะให้กับจิ้งหลาน แต่เทพธิดาจื่อเว่ยยังใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวอนุมานท่าไม้ตายตรีศูลสายฟ้าให้นางเพื่อจัดการเกราะหวนคืนของฟางหยวน
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจแต่เขาไม่กระวนกระวาย ความจริงก็คือทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของเขาทั้งหมดเขาพยายามต่อสู้กับเทพธิดาจอเว่ยและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเพื่อลดแรงกดดันให้กับส่วนที่เหลือ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดและทําให้ทวีปเมฆาถูกทําลายแทบทั้งหมด เสียงของการต่อสู้ดังก้องไปทั่วแผ่นฟ้ามนุษย์ขนจํานวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่างต่างหวาดกลัวและตกใจ
หลังจากยักษ์สวรรค์ทําลายมนุษย์พฤกษาของเรือนจําต้นไม้บรรพกาล เฉินอี้ก็สร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง
มังกรหินแรกกําเนิดติดอยู่ในโซเถาวัลย์โดยไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง
กระทั่งฟางหยวนก็ไม่สามารถช่วยมัน เขาพยายามแล้วแต่เรือนจําต้นไม้บรรพกาลแข็งแกร่งเกินไปและไม่เกรงกลัวต่อท่าไม้ตายอมตะ
“ไม่ใช่ว่ามันไม่ได้รับผลกระทบต่อท่าไม้ตายอมตะทั้งหมด เราเพียงขาดวิธีจัดการที่เหมาะสมหากข้ามีเวลาเพียงพอด้วยทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาข้าจะสามารถอนุมานและคลี่คลายท่าไม้ตายนี้”
ฟางหยวนลอบถอนหายใจกับตนเอง
นี่คือท่าไม้ตายของเทพอมตะบัวสวรรค์ มันคล้ายเกราะหวนคืนที่ทําให้วังสวรรค์รู้สึกปวดหัว
ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายที่ต้องรับมือกับเรือนจําต้นไม้บรรพกาล ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเช่นเดียวกับเทพธิดาอเว่ยที่ต้องเผชิญหน้ากับเกราะหวนคืน
หลังจากต่อสู้มาชั่วระยะเวลาหนึ่ง วังสวรรค์ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบและยังได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟางหยวนยังไม่สามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป เขาไม่มีพลังโจมตีระดับแปดและทําได้เพียงป้องกันตนเองด้วยเกราะหวนคืนเท่านั้น กล่าวได้ว่าเขาไม่ใช่ภัยคุกคามต่อผู้อมตะทั้งสี่ของวังสวรรค์
ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์ก็เช่นกัน แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะพัฒนาขึ้นแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินอี้
เฉินอี้มีท่าไม้ตายอมตะระดับแปดมากมาย ไม่ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะพยายามอย่างไร เขาก็ยังถูกเฉินอี้ปราบปราม
หลังจากชั่วครู่เทพธิดาจ่อเว่ยก็ขมวดคิ้วและออกคําสั่ง “ผู้อาวุโสจิ้งหลานโปรดตรวจสอบรอบๆและค้นหาวิญญาณสติปัญญา”
“โจรน้อย ตอนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน!” กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่เกลียดชัง ฟางหยวนก็ยังให้ความสําคัญกับภาพรวม นางหัวเราะเย้ยหยันฟางหยวนก่อนจะบินออกจากสนามรบราวกับสายฟ้า
ฝายของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทําได้เพียงมองนางจากไปเท่านั้น
แท้จริงแล้วเป้าหมายของวังสวรรค์ไม่ใช่การกําจัดฟางหยวนและยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมเท่านั้น แต่เป้าหมายที่สําคัญที่สุดของพวกเขาอการฉกชิงวิญญาณสติปัญญา
วิญญาณอมตะระดับเก้าในตํานานดวงนี้เคยอยู่ในมือของเทพอมตะกลุ่มดาวมาก่อน กองกําลังทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันแต่วังสวรรค์มีวิธีการมากมาย ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณสติปัญญา กระดานหมากรุกกลุ่มดาวจะกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าพลังอํานาจของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เพียงจุดนี้ก็มากพอที่จะทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยมาที่นี้ด้วยตนเองแล้ว
ตั้งแต่ผู้อมตะทั้งสี่ของวังสวรรค์มาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เทพธิดาอเว่ยก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของนางแล้ว อย่างไรก็ตามแม้นางจะตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ หลางหยาแต่นางกลับไม่พบวิญญาณสติปัญญา
ดังนั้นนางจึงต้องส่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกไป
เมื่อเห็นจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกจากสนามรบ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็กรี ดร้องด้วยความโกรธเขากลัวว่ามนุษย์ขนจะตกเป็นเป้าหมายและเสียชีวิต แต่เนื่องจากยักษ์สวรรค์ถูกเฉินอี้พันธนาการเอาไว้เขาจึงไม่สามารถทําสิ่งใด
“พวกเขากําลังมองหาวิญญาณสติปัญญา!” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขาสามารถอนุมานความตั้งใจของวังสวรรค์
น่าเสียดายที่วังสวรรค์ไม่รู้ว่าวิญญาณสติปัญญาอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน ครั้งก่อนพวกเขาไม่สามารถนํามันออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งนี้มันจะยากลําบากขึ้นอีกนับพันเท่า!
“ในกรณีนี้” ฟางหยวนสังเกตเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่
อสูรปีวอกแรกกําเนิด!
เขาปล่อยอสูรปีแรกกําเนิดวานรยักษ์ออกมาจากมิติของว่างจักรพรรดิโดยตรง
ในเวลาเดียวกันเขาก็พุ่งไปข้างหน้าและใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมายโจมตีเทพธิดาจื่อเว่ย
ท่ามกลางผู้อมตะทั้งสี่ของวังสวรรค์ ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่เฉินอี้ที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ ไม่ใช่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่สามารถต่อต้านเทพปีศาจจิตวิญญาณ และไม่ใช่ฟงจิวเก้อที่มีเพลงลมมรณะแต่มันคือเทพธิดาจื่อเว่ย!
เหตุผลง่ายมาก นางเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่!
เพียงจุดนี้ก็ทําให้นางมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นําในการบุกโจมตีครั้งนี้แล้ว หากให้เวลานางมาก พอนางจะสามารถอนุมานทุกสิ่งและสร้างปาฏิหาริย์ได้นับไม่ถ้วน
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องกําจัดผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาผู้นี้เป็นคนแรก!
รออยู่น๊าา
ตอบลบ