เทพปีศาจหวนคืน 1534-1537
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1534 การมาถึงของฟางหยวน
แปลโดย iPAT
ผู้ใช้วิญญาณที่โชคร้ายถูกเสาน้ำกระแทกและกลายเป็นกองเนื้อบดไปในพริบตา
การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจดังกล่าวทำให้ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดตื่นตระหนก พวกเขาหยุดการต่อสู้และพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สามผู้อมตะที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆตกใจขณะที่เสาน้ำเหล่านั้นรวมตัวกันและกลายเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลร่างวารีที่มีลำตัวเป็นปลามีขากบและศีรษะพยัคฆ์
สัตว์ประหลาดคำรามและพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มผู้ใช้วิญญาณ
มันมีสติปัญญาไม่สูงนัก มันคิดว่าผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้ขัดจังหวะการนอนหลับของมัน
ขากบขนาดใหญ่ของมันกระแทกพื้นและทำให้เสาน้ำพุ่งขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสามผู้อมตะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขาสร้างโล่แสงขึ้นปกป้องกองกำลังของตนเอง
“ดังนั้นทุ่งหยกร้อนก็มีทะเลสาบหัวใจน้ำแข็งอยู่ด้านล่างและยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลอยู่ภายใน” ฮั่วเหยาแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
เฉิงชิงชิงกัดฟันแน่น นางมองไปที่ไท่เมี่ยนเฉิน “ข้าหวังว่าท่านไท่เมี่ยนเฉินจะเป็นผู้นำพวกเราจัดการสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้และป้องกันไม่ให้มันทำลายทุ่งหยกร้อน”
ฮั่วเหยาและนางเป็นผู้อมตะระดับหก ทั้งสองไม่สามารถจัดการสัตว์อสูรบรรพกาล มีเพียงไท่เมี่ยนเฉินที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้นที่สามารถทำได้
ไท่เมี่ยนเฉินพยักหน้า เขากำลังจะบินลงไปแต่ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์กลับดังขึ้น
วินาทีถัดมาทุกคนต่างตกใจ นกอินทรีย์ตัวเล็กๆที่อยู่ข้างกายเย่ฟานกลายเป็นนกอินทรีย์ที่มีร่างกายใหญ่โต
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!
นกอินทรีย์ส่งเสียงกรีดร้องและกระโจนเข้าโจมตีสัตว์อสูรบรรพกาล
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้รับการช่วยเหลือจากผู้อมตะลั่วเว่ยหยิน มันถูกควบคุมโดยวิธีการของเขาและถูกบังคับให้อยู่กับเย่ฟาน
แต่เมื่อเย่ฟานตกอยู่ในอันตราย อินทรีย์สวรรค์จะสามารถใช้พลังอำนาจของมันได้อีกครั้ง
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ตระหนักถึงผู้อมตะที่อยู่ในพื้นที่ มันรู้สึกถึงภัยคุกคามที่มาจากสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้รวมถึงความภาคภูมิใจของมันที่ถูกยั่วยุ ดังนั้นมันจึงต้องการมอบบทเรียนให้กับสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สัตว์อสูรบรรพกาลเร่งหลบหนี มันกลายเป็นน้ำและไหลออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที
เมื่อสัตว์อสูรบรรพกาลจากไป อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ถูกผนึกและกลับเป็นนกอินทรีย์ตัวเล็กอีกครั้ง
สภาพแวดล้อมกลายเป็นเงียบงัน ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดมองไปที่เย่ฟานด้วยความตกตะลึง
“นายน้อย…นายน้อยเย่…นกอินทรีย์ตัวนั้นคือสิ่งใดกันแน่…” เสี่ยวตี้ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
เย่ฟานลูบจมูก “หากข้าบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพลังของอินทรีย์ตัวนี้ เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
“สัตว์อสูรแรกกำเนิด!” ไม่ว่าจะเป็นสามผู้อมตะที่อยู่บนก้อนเมฆหรือสองผู้อมตะตระกูลอี้ที่ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาต่างสูญเสียคำพูดไปอย่างสิ้นเชิง
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ผู้อมตะตระกูลอี้ต้องการปลดปล่อยสัตว์อสูรบรรพกาลออกมาอาละวาดแต่พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าสัตว์อสูรแรกกำเนิดจะปรากฏตัวขึ้น
“นี่เป็นสิ่งที่ดี เราไม่ต้องทำสิ่งใดเลย สัตว์อสูรแรกกำเนิดสามารถสังหารผู้อมตะทั้งสาม!” อี้อวี๋กล่าว
อี้หนานเหมินแสดงออกด้วยท่าทางน่ากลัว “มันไม่ง่ายดังที่เจ้าคิด เจ้าไม่เห็นงั้นหรือ? สัตว์อสูรแรกกำเนิดถูกเลี้ยงดูมาโดยบางคน มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเด็กหนุ่มที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้!”
“เทพธิดาเฉิง เกิดสิ่งใดขึ้น? สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้คือสิ่งใด?” สายตาของไท่เมี่ยนเฉินส่องประกายราวกับสายฟ้า เขาหันหน้าไปถามเฉิงชิงชิง
เฉิงชิงชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ก่อนหน้านี้นางก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน แม้จะพยายามปกปิดความรู้สึก แต่ตอนนี้นางก็ไม่สามารถโกหก
เฉิงชิงชิงเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก นางต้องกล่าวบางสิ่ง “ข้าไม่แน่ใจ มันต้องเป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของเด็กหนุ่มผู้นั้น”
“การเผชิญหน้าโดยบังเอิญประเภทใดที่ทำให้มนุษย์สามารถเลี้ยงดูสัตว์อสูรแรกกำเนิด?” ฮั่วเหยาอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ไท่เมี่ยนเฉิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “เรื่องนี้สำคัญเกินไป เราไม่สามารถละเลยได้ ทุ่งหยกร้อนไม่สำคัญอีกต่อไปหากเปรียบเทียบกับเรื่องนี้! เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะ แต่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ ข้าต้องตรวจสอบและป้องกันไม่ให้ปีศาจถือกำเนิดขึ้น!”
เฉิงชิงชิงโกรธมากแต่นางไม่สามารถทำสิ่งใด นางเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าแน่ใจว่าท่านไท่เมี่ยนเฉินจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างยุติธรรม”
“อินทรีย์น้อย เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” เย่ฟานถอนหายใจและใช้มือลูบศีรษะอินทรีย์ตัวน้อย
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดพยายามดิ้นรนหลบหนีมาตลอดแต่มันไม่สามารถทำลายพันธนาการที่ผูกมัดมันไว้กับเย่ฟาน เมื่อเวลาผ่านไปมันจึงต้องยอมแพ้ มันกลับไปเกาะอยู่บนไหล่ของเย่ฟานและรู้สึกโกรธ แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของเย่ฟาน มันก็แสดงออกด้วยท่าทางภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามมันยังหลบมือของเย่ฟานและกระทั่งตบมันออกไป
เย่ฟานเผยรอยยิ้มขมขื่น
ดวงตาของเสี่ยวตี้เบิกกว้าง “อินทรีย์ตัวนี้ช่างเย่อหยิ่งนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งนั้นก็สมควรที่มันจะเย่อหยิ่ง นายน้อยเย่ ท่าน…”
ก่อนที่นางจะกล่าวจบ เฉิงซินซื่อก็กล่าวขัดจังหวะ “เสี่ยวตี้ หยุดถาม นี่เป็นความลับของนายน้อยเย่ฟาน”
“อย่ากังวล อินทรีย์ตัวนี้ถูกจับมาโดยท่านอาจารย์ของข้า” เย่ฟานไม่ต้องการโกหกเฉิงซินซื่อ
“อาจารย์ของท่านสามารถกำหราบอินทรีย์ตัวนี้งั้นหรือ?” เสี่ยงตี้อุทาน
เฉิงซินซื่อตกใจเช่นกัน นางเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกันและรู้สึกว่าอาจารย์ของเย่ฟานน่าจะเป็นผู้อมตะที่ทรงพลัง
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็แสดงอาการตกใจและกระสับกระส่ายออกมา มันทำตัวเหมือนหนูที่เห็นแมวหรือลูกแกะที่เห็นหมาป่า
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เสี่ยวตี้และคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจ อินทรีย์ที่หยิ่งผยองกลับแสดงท่าทางเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งตรงข้ามกับก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“ข้าไม่รู้!” เย่ฟานตะโกน “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นมันกระสับกระส่าย”
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ได้ขยับออกจากไหล่ของเย่ฟาน แต่มันส่งเสียงกรีดร้องไปยังทิศทางหนึ่ง เสียงของมันไม่ทรงพลังเหมือนก่อนหน้า มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวราวกับกำลังจะร้องไห้
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะ พวกเขาต่างหันหน้าไปยังทิศทางที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกรีดร้องออกมา
ต่อมาทุกคนก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าและพุ่งลงมาราวกับดาบที่แทงทะลุอากาศ
เมฆสีขาวถูกตัดออกเป็นสองส่วนด้วยการเคลื่อนไหวนี้
“มนุษย์?”
“ผู้อมตะ?”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณตกตะลึง
“ผู้ใด?”
“กลิ่นอายนี้ มันไม่ใช่ผู้อมตะทั่วไป…”
กลุ่มผู้อมตะรู้สึกประหลาดใจมาก
ร่างนั้นหยุดอยู่กลางอากาศและเผยให้ทุกคนเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา
ผิวของเขากระจ่างใสราวกับหยก จมูกสูง ดวงตาสีดำที่ส่องประกายเย็นชา เส้นผมทิ้งตัวลงมาถึงเอวราวกับน้ำตก ชุดคลุมสีขาวของเขาปลิวไปตามสายลม เขาหล่อเหลาจนดูเหมือนไม่มีความงามใดสามารถเปรียบเทียบ และกลิ่นอายของเขายังทรงพลังมาก
ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ทุกคนมองไปที่เขา
ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงเรียบๆของเขาดังขึ้น “นกของข้า เจ้าอยู่ที่นี่”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1535 ความรักที่ผิดที่ผิดทาง
แปลโดย iPAT
“คนผู้นี้คือ?” เย่ฟานเงยหน้ามองฟางหยวนด้วยความสงสัย
ในเวลานี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดถึงคำกล่าวของลั่วเว่ยหยินผู้เป็นอาจารย์
‘ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าอินทรีย์ตัวนี้สามารถแก้ไขชะตากรรมของข้า ผู้อมตะผู้นี้เป็นเจ้าของอินทรีย์ตัวนี้งั้นหรือ? และชะตากรรมของข้าเกี่ยวข้องกับเขางั้นหรือ?’
เย่ฟานไม่รู้จักฟางหยวนเพราะเขาอยู่ในร่างทารกอมตะ เย่ฟานไม่เคยเห็นร่างนี้
เย่ฟานรู้จักรูปลักษณ์ของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน เขาเรียนรู้เรื่องนี้จากผู้คนที่อยู่รอบตัวเฉิงซินซื่อ หลังจากทั้งหมดฟางหยวนและไป่หนิงปิงเป็นปีศาจดำขาวที่ถูกประกาศจับ
ร่างกายของสาวใช้เสี่ยวตี้สั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว
นางจำฟางหยวนไม่ได้ นางรู้เพียงว่าเขามีกลิ่นอายที่ทรงพลังและอาจเป็นเจ้าของอินทรีย์ตัวน้อย อินทรีย์ตัวนี้แข็งแกร่งมาก แล้วเจ้าของมันจะแข็งแกร่งถึงระดับใด?
เสี่ยวตี้ไม่สามารถจินตนาการได้ นางกลัวว่าฟางหยวนจะมาสร้างปัญหาให้กับพวกนาง
เฉิงซินซื่อกัดริมฝีปากของนาง สายตาของนางมองไปที่ฟางหยวนด้วยความรู้สึกตกใจ สงสัย และความรู้สึกไม่ชัดเจนที่อยู่ในหัวใจของนาง
ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ตกใจและสับสนขณะที่ผู้อมตะรู้สึกหนาวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“นี่…นี่…” ผู้อมตะระดับหกฮั่วเหยาเบิกตากว้างและรู้สึกพูดไม่ออก เขารู้จักฟางหยวน แต่เขาไม่สามารถกล่าวชื่อของฟางหยวนออกมาได้
รูปลักษณ์ของฟางหยวนเหมือนกับหลิวกวนซื่อ
ย้อนกลับไปฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่เพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้
หลิวกวนซื่อและวูอี้ไห่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม…หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน วังสวรรค์ได้ประกาศความจริงที่ว่าหลิวกวนซื่อคือฟางหยวนออกมา
ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าฟางหยวนคือหลิวกวนซื่อและปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ รูปลักษณ์ของร่างทารกอมตะไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป
คราวนี้ฟางหยวนมาที่ภาคใต้โดยไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยหรือปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริง
แน่อนนว่ามีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้
ประการแรก เขามีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เขาต้องการทวงคืนอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด มันไม่มีประโยชน์ที่เขาจะปกปิดตัวตน
ประการที่สอง หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดและหลังจากสะสมรากฐานมาถึงตอนนี้ เขามั่นใจกับความแข็งแกร่งของตนเอง
ประการที่สาม ฟางหยวนตั้งใจเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อตรวจสอบแผนการของวังสวรรค์และฝ่ายธรรมะ แต่ระห่างทางกลับไม่ปรากฏสิ่งกีดขวางใดๆ
ด้วยเหตุผลหลายประการ ผู้อมตะทุกคนจึงรู้จักฟางหยวน
“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด…วูอี้ไห่…เป็นเช่นนี้ อินทรีย์ตัวนี้คืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!” เฉิงชิงชิงเข้าใจสถานการณ์ในที่สุด
“ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด นี่เป็นความจริงที่ทุกคนรู้! ผู้อมตะระดับแปดแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสัตว์อสูรแรกกำเนิด! เราต้องวิ่ง!” อี้อวี๋ที่ซ่อนตัวอยู่กล่าว
ผู้อมตะระดับหกผู้นี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาซีดขาว จิตวิญญาณของเขากำลังสั่นคลอน
“เหตุใดต้องกลัวนัก? เขาอาจไม่พบพวกเรา แม้พวกเราจะต้องการจากไป แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าเราวิ่งเร็วกว่าเขางั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับเจ็ดอี้หนานเหมินแสดงออกอย่างน่ากลัว เขาเพิกเฉิยต่อแผนการของตระกูลอี้อย่างสมบูรณ์และพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปกปิดกลิ่นอายของตนเอง
กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงขณะที่ไท่เมี่ยนเฉินปรากฏตัวออกมา “ฟางหยวน เจ้ากำลังเป็นที่ต้องการของภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือ แต่เจ้ากลับกล้าปรากฏตัวงั้นหรือ?”
ผู้อมตะทั้งหมดที่เห็นสิ่งนี้รู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของไท่เมี่ยนเฉินเป็นอย่างมาก
“สมกับเป็นไท่เมี่ยนเฉิน!”
“ผู้อมตะตระกูลไท่ช่างน่าชื่นชมนัก!”
“ณ จุดนี้ ซ่อนตัวไปก็ไร้ประโยชน์ มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เราต้องร่วมมือกันถึงจะมีโอกาสรอด!”
“ถูกต้อง ฟางหยวนสามารถหลบหนีการจับกุมจากคนทั้งโลก เขาต้องมีวิธีการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง หากแยกกัน เขาจะไม่สามารถติดตามเขาและจะถูกสังหารทีละคน ความหวังเดียวของเราคือรวมตัวกันและรอกำลังเสริม!”
ผู้อมตะล้วนไม่ใช่ตัวตนธรรมดา
หลังจากได้ยินคำกล่าวของไท่เมี่ยนเฉิน พวกเขาก็สามารถรวบรวมสติและรวมตัวกันต่อต้านปีศาจอมตะผู้นี้
“หากฟางหยวนพบเรา เราต้องสู้ตายกับปีศาจตนนี้!”
ในช่วงเวลาสำคัญไท่เมี่ยนเฉินก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ
นั่นทำให้ผู้ใช้วิญญาณของทั้งสามกองกำลังเริ่มส่งเสียง
“ดู มีผู้อมตะอีกคนปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”
“โอ้ สวรรค์ ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและอยากรู้อยากเห็น
โดยปกติแล้วผู้อมตะจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใช้วิญญาณโดยง่าย การปรากฏตัวขึ้นของผู้อมตะสองคนพร้อมกันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมาก
‘เดี๋ยว! ผู้อมตะคนที่สองกล่าวว่ากระไรนะ!? ฟางหยวนงั้นหรือ? เขาเป็นคนที่คุณหนูซินซื่อคิดถึงอยู่ทุกวันงั้นหรือ? แต่รูปร่างหน้าตาของเขาไม่เหมือนกัน!’ หัวใจของเย่ฟานสั่นสะท้านขึ้น เขามองไปที่เฉิงซินซื่อโดยไม่รู้ตัว
เฉินซินซื่อเงยหน้ามองไปที่ฟางหยวนโดยไม่ละสายตา
เมื่อไท่เมี่ยนเฉินเปิดเผยตัวตนของฟางหยวนออกมา นางเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางถึงมีความรู้สึกลึกลับต่อชายผู้นี้
คนที่นางคิดถึงตลอดเวลาอยู่ตรงหน้า ช่วยไม่ได้ที่เฉิงซินซื่อจะจ้องมองเขาราวกับเวลาได้หยุดลง
อารมณ์ที่นางสะกดข่มมานานปะทุขึ้นในหัวใจของนางในเวลานี้
มันเป็นเพราะฟางหยวนช่วยเหลือนางในช่วงเวลาที่นางอ่อนแอที่สุดงั้นหรือ?
บางครั้งนางก็รู้สึกสงสัยในตัวเอง มันคือความรักหรือไม่?”
หรือบางทีมันอาจเป็นเพียงความกตัญญู?
แต่ตอนนี้เมื่อนางพบฟางหยวนอีกครั้ง แม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ความรู้สึกในตัวนางกลับอ่อล้นออกมาราวกับน้ำตา
ในเวลานี้น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนาง นางสามารถยืนยันกับตนเองแล้วว่านี่คือความรัก!
ความรักที่เหลวไหล ความรักที่ไร้เหตุผล
การพยายามหาคำตอบให้กับความรักเป็นเรื่องที่โง่เขลา
แต่เฉิงซินซื่อเข้าใจว่ามันเป็นความรักที่ผิดที่ผิดทาง
นางรู้ว่านางไม่สามารถรักเขาได้ นางรู้ถึงความแตกต่างระหว่างนางกับเขา แต่นางจะหยุดความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร?
ดังนั้นเฉิงซินซื่อจึงทำตัวไม่ถูก นางทำได้เพียงเฝ้ามองร่างอันสง่างามของฟางหยวนเท่านั้น
นางพยายามเบิกตามองรูปลักษณ์ของฟางหยวนให้ชัดเจน แต่ท่าไม้ตายสายตรวจสอบของนางกลับไร้ประโยชน์ต่อหน้าร่างทารกอมตะของฟางหยวน
‘ในปัจจุบันข้าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะมองหน้าเขางั้นหรือ?’ เฉิงซินซื่อเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งปิติยินดี ทั้งโศกเศร้า ทั้งขมขื่น และที่สำคัญที่สุดคือนางกังวลถึงความปลอดภัยของฟางหยวน
แต่นางเข้าใจความแข็งแกร่งของตนเอง นางเป็นผู้นำตระกูลเฉิง เป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ และเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่ไร้นัยสำคัญ
นางได้เรียนรู้อัตลักษณ์และประวัติของฟางหยวนมาจากเฉิงชิงชิงแล้ว
แต่นางไม่สามารถทำสิ่งใดหรือกล่าวสิ่งใดออกมา นางทำได้เพียงอดทนมองเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น
เย่ฟานเฝ้ามองการแสดงออกของเฉิงซินซื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้จากนาง หัวใจของเขาเต้นแรง ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีเขาจนถึงจิตวิญญาณ
ความเจ็บปวดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความรักที่มีต่อเฉิงซินซื่อและความเกลียดชังที่มีต่อฟางหยวน
ตอนนี้เขาสามารถยืนยันกับตนเองแล้วว่าผู้อมตะผู้นี้ก็คือฟางหยวน
‘อย่าบอกว่าชะตากรรมที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงคือชะตากรรมระหว่างข้ากับฟางหยวน?’ เย่ฟานคาดเดา
เขาตกใจมากแต่ในไม่ช้าเขาก็สามารถยอมรับมัน
เพราะเขาเคยพบกับไป่หนิงปิงและเกือบเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับลั่วเว่ยหยินและได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อคิดย้อนกลับไปเขารู้สึกว่าไป่หนิงปิงน่าจะเป็นผู้อมตะ
ในเวลานั้นฟางหยวนและไป่หนิงปิงเป็นที่รู้จักในนามปีศาจดำขาว หากไป่หนิงปิงเป็นผู้อมตะ ฟางหยวนที่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะในแดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ของภาคใต้จะเป็นผู้อมตะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1536 ปราณทรายเหล็ก
แปลโดย iPAT
“ฟางหยวน ข้ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน?”
“นั่นคือราชาอสูรน้อยที่หลอมรวมวิญญาณอมตะบนภูเขาซานชางั้นหรือ?”
“แม้ข้าจะเห็นเขาไม่ชัดแต่ก็เกรงว่าจะเป็นเขา!”
“เขากลายเป็นผู้อมตะไปแล้วงั้นหรือ? เขาต้องพบการเผิชญหน้าโดยบังเอิญ เห้อ…เหตุใดไม่ใช่ข้า?”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณเริ่มแตกตื่น
ทุกคนพูดคุยและระบายความอิจฉาริษยา สถานการณ์เริ่มเร้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขายังติดอยู่กับข่าวเก่า ชื่อเสียงที่แท้จริงของฟางหยวนเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้อมตะเท่านั้น ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์แทบไม่รู้สิ่งใดเลย
ไท่รั่วหนานกำหมัดแน่น
ความขัดแย้งระหว่างนางกับฟางหยวนฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ความเกลียดชังไม่เคยลดลงแม้เวลาจะผ่านไป ตรงข้ามมันเหมือนสุราที่ยิ่งบ่มก็ยิ่งเข้มข้น
แต่ตอนนี้แม้ศัตรูจะอยู่ต่อหน้า ไท่รั่วหนานก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว! หลังจากได้เรียนรู้กับไท่เมี่ยนเฉิน นางได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้ใช้วิญญาณกับผู้อมตะ ในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ไม่มีความหวังที่จะแก้แค้นผู้อมตะ
ตอนนี้ความหวังเดียวของไท่รั่วหนานคือไท่เมี่ยนเฉิน นางต้องการเห็นไท่เมี่ยนเฉินฆ่าฟางหยวนอย่างเปิดเผยและมอบความยุติธรรมให้แก่สหายและครอบครัวของนาง
ฟางหยวนมองสามผู้อมตะและหัวเราะ “ข้ามาที่นี่เพื่อนำสิ่งที่ข้าทำหายกลับคืน พวกเจ้าทั้งสามต้องการหยุดข้างั้นหรือ?”
เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาหัวใจเต้นแรก ฟางหยวนกล่าวเบาๆแต่มันกลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้ทั้งสองสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปทั้งหมด
ชื่อเสียงของฟางหยวนโด่งดังไปทั่วทั้งโลก แม้แต่วูหยงยังถูกเขาปั่นหัว วังสวรรค์ก็ไม่สามารถจับเขาได้หลังจากเวลาล่วงเลยมาอย่างยาวนาน พวกเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะรู้สึกเช่นนี้
ไท่รั่วหนานเต็มไปด้วยความโกรธ “ปีศาจ! แม้จะกลายเป็นผู้อมตะก็ยังคงเป็นปีศาจ! มันเป็นโชคร้ายของผู้คนที่เขาได้รับพลังอำนาจเช่นนี้ เขาสมควรตาย ปีศาจตนนี้ต้องตาย! ฝ่ายธรรมะควรกำจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ ฆ่าปีศาจและปกป้องโลก!”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ไท่รั่วหนานก็มองไปที่ไท่เมี่ยนเฉินด้วยความคาดหวัง
ในหัวใจของนาง ผู้อมตะของตระกูลไท่ดุจดั่งดวงดาวบนท้องฟ้าที่สามารถทำทุกสิ่ง นางคิดว่าไท่เมี่ยนเฉินสามารถสังหารฟางหยวนได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดฟางหยวนก็เป็นคนรุ่นเดียวกันกับนาง เขากลายเป็นผู้อมตะมานานเท่าใด? เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของไท่เมี่ยนเฉินได้อย่างไร? แต่ในเวลาต่อมาดวงตาที่กล้าหาญของไท่รั่วหนานก็เบิกกว้างขึ้น
ไท่เมี่ยนเฉินถอนหายใจกล่าว “โอ้ ฟางหยวน เจ้าอาละวาดไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค เจ้ามีชื่อเสียงมาก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะสู้ นี่คือปณิธานของข้าและตระกูลไท่!”
“แต่ข้ามีเรื่องที่จะกล่าว เราทั้งคู่ต่างเป็นผู้อมตะ เราไม่ควรนำมนุษย์เหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เหตุใดเราไม่ปล่อยพวกเขาไปก่อนและมาสู้กัน แม้ข้าจะตาย ข้าก็ไม่เสียใจ”
“อันใด? เขากล่าวสิ่งใดออกมา? ท่านไท่เมี่ยนเฉินยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวนงั้นหรือ? นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ไท่รั่วหนานเป็นคนปากแข็ง ข่าวนี้น่าตกใจเกินไปสำหรับนาง
มันทำให้โลกทัศน์ของนางถูกบดขยี้
“ปล่อยมนุษย์ไป? เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น? ฮ่าฮ่า”
เขากวาดตามองไปรอบๆ
ความโกรธของไท่รั่วหนานไม่มีค่าให้เขาสนใจ ความโกรธของมดปลวกเป็นความโกรธที่ไร้นัยสำคัญ
แม้เขาจะเชื่อมโยงโชคกับเย่ฟาน แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการเย่ฟานอีกต่อไป การฆ่าคนผู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่า ท้ายที่สุดทุกครั้งที่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค เย่ฟานก็จะได้รับโชคส่วนหนึ่งไปจากเขา
และเหตุใดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดถึงอยู่กับเย่ฟาน? ฟางหยวนอยากรู้เรื่องนี้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องตรวจสอบ
สำหรับเฉิงซินซื่อ?
สายตาของฟางหยวนแสดงอารมณ์ที่แปลกประหลาดเล็กน้อย
เขาเข้าหาเฉิงซินซื่อก่อนหน้านี้เพื่อใช้ประโยชน์จากนาง แต่ตอนนี้ฟางหยวนตกตะลึงเมื่อพบว่าโชคของเฉิงซินซื่อนั้นน่าตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ!
ฟางหยวนมีวิธีตรวจสอบโชค เฉิงซินซื่อเป็นเพียงมนุษย์ แต่โชคของนางชัดเจนมากในสายตาเขา
เหนือศีรษะของนางมีหมอกขาวหนาทึบที่ถักทอเป็นผ้าคลุมขนนกที่งดงาม ยังมีโชคที่อยู่ใกล้ๆที่เคลื่อนที่เข้ามาอยู่รอบๆผ้าคลุมขนนกของนางตลอดเวลา
‘โชคเช่นนี้ กระทั่งเย่ฟาน หงอี้ หรือฮันหลี่ก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบ เกิดสิ่งใดขึ้น? ด้วยโชคเช่นนี้เฉิงซินซื่อย่อมไม่ใช่คนธรรมดา นางต้องเป็นคนสำคัญในยุคที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน! แปลก…เหตุใดในชีวิตแรกของข้า เฉิงซินซื่อถึงเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์?’
‘เว้นเพียงเจตจำนงสวรรค์จะเปลี่ยนความทรงจำของข้า หรืออาจเป็นเพราะข้าทำลายแผนการท้าทายสวรรค์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณและกลายเป็นผู้นำนิกายเงาคนใหม่ มันทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปและเฉิงซินซื่อได้รับผลกระทบจากมัน แต่เหตุใดต้องเป็นเฉิงซินซื่อ? ข้าเกรงว่านางจะเป็นคนสำคัญของยุคที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!’
ฟางหยวนกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์ดังขึ้น
ต่อมาผนึกที่พันธนาการอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเอาไว้ก็อ่อนแรงลงจนถึงขีดสุดขณะที่มันกระโจนเข้าหาฟางหยวนด้วยดวงตาแดงก่ำ
‘หือ? แม้ข้าจะปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา แต่ข้าก็สามารถควบคุมมันด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา จิตสังหารของข้าจะไม่กระจายออกไป อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้ถูกควบคุมจริงๆ พันธนาการนั้นยังส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของมันและทำให้มันโจมตีข้า’
ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก เขาไม่ตื่นตระหนกกับการโจมตีของสัตว์อสูรแรกกำเนิด
ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มันมาถึงด้านหน้าฟางหยวนในเสี้ยวพริบตา กรงเล็บอินทรีย์ฟาดไปที่ฟางหยวนด้วยความเร็วสูง
แต่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องหลบ
กรงเล็บอินทรีย์ปะทะร่างกายของเขาอย่างไร้ปรานี
เฉิงซินซื่ออ้าปากค้างขณะที่กลุ่มผู้อมตะทั้งประหลาดใจและคาดหวังกับผลลัพธ์
ฟางหยวนถูกส่งลอยกลับหลังแต่เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ ในทางตรงข้ามอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เราจะโจมตีตอนนี้ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด!” ไท่เมี่ยนเฉินตะโกนขณะพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
เขากล้าหญามาก ด้วยมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก เขากลายเป็นยักษ์เหล็กสูงสิบเมตร
ยักษ์เหล็ดผลักฝ่ามือและส่งปราณสีดำพุ่งออกไปราวกับกระแสน้ำ
“จะมีรูปแบบชีวิตใดที่ไม่ต้องการอิสรภาพ? อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้ไม่ต้องการตกเป็นทาสของฟางหยวน มันต้องการหลบหนี เราจะฉวยโอกาสนี้โจมตีฟางหยวน”
“ฟางหยวนไม่ต้องการแม้แต่จะปล่อยมนุษย์ไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นปีศาจในหมู่ปีศาจ เขาไม่มีอุดมการณ์หรือหลักการใดๆ เราต่องต่อสู้เพื่อหาโอกาสรอดชีวิต!”
ฮั่วเหยาและเฉิงชิงชิงเลือกที่จะโจมตีเช่นกัน
พวกเขาปลดปล่อยท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของตนเองออกมาตั้งแต่เริ่มต่อสู้
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง เขาไม่หลบและปล่อยให้ท่าไม้ตายทั้งสามปะทะร่างของเขา
ในเวลาต่อมาท่าไม้ตายทั้งสามก็สะท้อนกลับไปที่ไท่เมี่ยนเฉิน เฉิงชิงชิง และฮั่วเหยา
เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่พวกเขายังสามารถหลบได้
อย่างไรก็ตามไท่เมี่ยนเฉินกลับตะโกน “ข้าจะรับมันไว้!”
เขากระโดดเข้าไปในปราณสีดำที่สะท้อนกลับมา มันไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆแก่เขา นอกจากนั้นเขายังสามารถควบคุมมันได้อย่างช้าๆ
“ฟางหยวน ลองอีกครั้ง!” ไท่เมี่ยนเฉินตะโกนและส่งปราณสีดำออกไปอีกครั้ง
ปราณทรายเหล็กสามารถโจมตีและป้องกัน แม้มันจะถูกสะท้อนกลับมา ไท่เมี่ยนเฉินก็ยังสามารถควบคุมมันได้
สิ่งนี้ทำให้ไท่เมี่ยนเฉินรู้สึกว่าเขามีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1537 สังหารผู้อมตะ
แปลโดย iPAT
“สมกับเป็นมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับกองกำลังใหญ่ของทั้งห้าภูมิภาคเป็นอย่างดีจากข้อมูลของนิกายเงา
ทุกกองกำลังล้วนมีมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ตัวอย่างเช่นมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กที่กระทั่งนิกายเงายังต้องการ
นิกายเงาไม่ประสบความสำเร็จในการรับมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กแต่พวกเขายังได้รับข้อมูลบางส่วน ผู้สืบทอดมรดกนี้ต้องมีหัวใจแห่งความยุติธรรม พวกเขาจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นในการรักษาความยุติธรรมและลงโทษผู้กระทำความผิด
ไม่เพียงเท่านั้นแต่ฟางหยวนยังจำได้ว่าในสงครามห้าภูมิภาค ผู้อมตะไท่เมี่ยนเฉินผู้นี้ยังมีผลงานที่โดดเด่น เขาแสดงความแข็งแกร่งบนจุดสูงสุดของระดับเจ็ดออกมา แต่ในปัจจุบันเขายังห่างไกลจากจากจุดดังกล่าว
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานอย่างต่อเนื่องเพื่อคิดวิธีตอบโต้ปราณทรายเหล็ก
สุดท้ายฟางหยวนก็เลือกวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!
“โฮก…”
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและออกอาละวาด
“อันใด?” ใบหน้าของไท่เมี่ยนเฉินปรากฏให้เห็นถึงความตกใจ
ในช่วงเวลาสำคัญไท่เมี่ยนเฉินสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ปราณทรายเหล็กอย่างเต็มความสามารถ
แต่ในเวลาน้อยกว่าสองลมหายใจปราณทรายเหล็กก็ถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์โดยมังกรดาบบรรพกาล
ไท่เมี่ยนเฉินกระอักเลือดออกมาจากปาก เขาต้องการหลบหนีแต่เขาจะไปที่ใดได้?
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปิดล้อมเขา
“ท่านไท่เมี่ยนเฉิน!” ไท่รั่วหนานกรีดร้อง
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนมหาศาลทำให้ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ
หลังจากไม่นานร่างเล็กก็บินออกมาจากฝูงมังกร มันคือไท่เมี่ยนเฉิน
เขาอ่อนแอมาก ร่างยักษ์เหล็กของเขาพังทลายลงแล้ว แต่เขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้วที่สามารถหลบหนีจากฝูงมังกรดาบบรรพกาลจำนวนมหาศาล
‘ทรงพลังนัก!’ ไท่เมี่ยนเฉินที่แสดงออกด้วยท่าทางเคร่งขรึมมาตลอดกลับเผยความตกใจออกมาในเวลานี้
เขาต้องการสะสมพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะปราณทรายเหล็กแต่ฟางหยวนกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด โดยเฉพาะท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด หากเป็นไท่เมี่ยนเฉินในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาจะสามารถต่อต้านการโจมตีนี้ แต่สำหรับตอนนี้เขายังห่างไกลอยู่อีกมาก
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสามารถตัดสินผลแพ้ชนะ ตอนนี้พลังโจมตีของไท่เมี่ยนเฉินยังด้อยกว่าฟางหยวนขณะที่การป้องกันของเขาแพ้ฟางหยวนอย่างสมบูรณ์
ไท่เมี่ยนเฉินทำได้เพียงล่าถอยและหลบหนี
เขาเร็วมาก กระทั่งมังกรดาบบรรพกาลก็ยังไล่ตามไม่ทัน
ฟางหยวนไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เขาไม่สามารถกักขังคนเหล่านี้
‘กระทั่งข้าจะต้องการใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ข้าก็ยังไม่สามารถใช้งานมันได้ทันที เนื่องจากพลังการต่อสู้ระดับแปดของข้าอยู่ที่การป้องกัน วันนี้คงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะฆ่าไท่เมี่ยนเฉิน’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
ไท่เมี่ยนเฉินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ ฟางหยวนไม่ต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากเขา สิ่งสำคัญก็คือไท่เมี่ยนเฉินเป็นคนสำคัญของภาคใต้ในการต่อต้านวังสวรรค์
‘สำหรับผู้อมตะระดับหกทั้งสอง’ ฟางหยวนไม่ขยับแต่ชำเลืองมอง
เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาถูกมังกรดาบบรรพกาลปิดล้อม พวกเขาไม่มีทางรอด
แม้พวกเขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่พวกเขาสามารถยืนหยัดมาถึงจุดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเป็นตัวตนระดับสูงของแต่ละกองกำลัง
“บึม บึม!”
ด้วยเสียงระเบิดสองสาย เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาไม่สามารถอดทนต่อการโจมตีได้อีกต่อไป ร่างกายของพวกเขาถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยหมื่นมังกร สำหรับจิตวิญญาณของพวกเขา แม้พวกเขาจะต้องการระเบิดตัวเอง แต่ฟางหยวนเป็นผู้ใด เขาจะปล่อยให้คนทั้งสองทำเช่นนั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาจับดวงวิญญาณของทั้งสองเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“ฟางหยวนฆ่าพวกเราหากมีความกล้า!”
“ปีศาจชั่ว เจ้ากำลังรุกรานสามกองกำลังใหญ่ของภาคใต้ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย ในไม่ช้าเจ้าจะเสียใจกับการกระทำของเจ้า!”
ดวงวิญญาณทั้งสองกรีดร้อง
ฟางหยวนก็ปิดผนึกดวงวิญญาณและเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฟางหยวนที่จะสังหารผู้อมตะระดับหก
อีกด้านหนึ่งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดยังพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน แม้มันจะถูกมังกรดาบบรรพกาลจำนวนมากโจมตีแต่มันกลับเพิกเฉยต่อการโจมตีทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
ฟางหยวนสามารถมองเห็นความกระหายเลือดในดวงตาของมัน มันสูญเสียความสามารถในการรับรู้ไปแล้ว ฟางหยวนตระหนักว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบางคน มิฉะนั้นมันจะไม่กล้าโจมตีเขาเช่นนี้
ท้ายที่สุดไม่เพียงฟางหยวนจะสะกดข่มมันเป็นทาสแต่เขายังฟักมันออกมาจากไข่และเลี้ยงดูมันมาตั้งแต่ถือกำเนิด
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและปล่อยให้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินเข้ามาหา เขาเพียงบินขึ้นลงและปล่อยให้มันไล่ล่าเขาเท่านั้น
“ปัง!”
ปีกของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดปะทะแผ่นหลังของฟางหยวนแต่ภายใต้พลังอำนาจของเกราะหวนคืน พลังโจมตีของมันถูกสะท้อนกลับทั้งหมด
ปีกขวาของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหัก มันร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า แต่ฝูงมังกรดาบบรรพกาลยังบังคับให้มันบินกลับขึ้นไปและโจมตีมันอย่างไม่รู้จบสิ้น
ฟางหยวนสังเกตเห็นความผิดปกติของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทันทีตั้งแต่เขามาถึง
เนื่องจากเย่ฟานสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจจับเขาเป็นอันดับแรก
เปรียบเทียบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิด ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าจัดการได้ง่ายกว่ามาก
เย่ฟาน ไท่รั่วหนาน และคนอื่นๆเฝ้ามองฟางหยวนที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ด้วยร่างกายที่แข็งค้าง พวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อน
“ไม่!” เย่ฟานกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาต้องการอธิบายตัวเองแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้มากกว่านี้
ในความคิดเห็นของฟางหยวน คำอธิบายใดก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการค้นวิญญาณ
‘ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ? ข้าเสียใจที่ไม่สามารถรักษาความยุติธรรม!’ ไท่รั่วหนานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
‘ท่านพี่ไห่ถู…’ เฉินซินซื่อเป็นคนเดียวที่ยังสงบนิ่ง ดวงตาของนางสั่นไหวด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง ‘ท่านช่วยข้าในคราวนั้น ท่านเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าได้รับอิทธิพลในตระกูลเฉิงและเดินมาไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นต่อให้ข้าต้องตายด้วยน้ำมือของท่าน ข้าก็…พอใจแล้ว…’
แต่ในจังหวะนี้บางสิ่งกลับปรากฏขึ้น
ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมก็กลายเป็นฉากที่พร่าเลือน
‘ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ!’ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่ฟางหยวนก็ตอบสนองได้รวดเร็วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขายังติดอยู่ในท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ
ผู้อมตะระดับแปดปรากฏตัวต่อหน้าฟางหยวนและปกป้องผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ข้างหลังเขา
“ท่านอาจารย์!” เมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่ฟานตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าคือผู้ใด?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา
“ข้าชื่อลั่วเว่ยหยิน โอ้ ฟางหยวน สิ่งมีชีวิตต่างใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่แล้ว เหตุใดพวกเราต้องเข่นฆ่ากัน? เหตุใดเจ้าไม่หยุดอยู่ตรงนี้?” ผู้อมตะลึกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
รออยู่น๊าา
ตอบลบ