เทพปีศาจหวนคืน 1511-1518
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1511 ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม
แปลโดย iPAT
อุณหภูมิของน้ำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“คนทรยศ เจ้าทำสิ่งใด?” ผู้ใช้วิญญาณระดับสามคว้าคอของฟางหยวนด้วยความเดือดดาล
แม้ฟางหยวนจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่มันไร้ความหมายต่อเขาอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่แม้แต่จะชำเลืองมองผู้ใช้วิญญาณระดับสามแต่เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
‘เป็นเช่นที่ข้าคาดเดาเอาไว้ แผนที่หนังแกะเป็นทรัพยากรอมตะ มันจะตอบสนองทันทีหลังจากสัมผัสน้ำในทะเลสาบแห่งนี้’
‘ข้าเคยสงสัยว่าเหตุใดโอเอซิสแห่งนี้ถึงมีขนาดเล็ก ดูเหมือนว่ามันจะถูกดัดแปลงโดยบางคนเพื่อใช้เป็นสถานที่หลอมรวมวิญญาณ’
ในทะเลทรายตะวันตกโอเอซิสส่วนใหญ่จะค่อนข้างกว้างใหญ่
โอเอซิลขนาดเล็กเหมือนดาวตกที่จะหายไปในช่วงเวลาสั้นๆ
เผ่าของเทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถอาศัยอยู่ที่นี่และมีความเจริญรุ่งเรือง เห็นได้ชัดว่าโอเอซิสแห่งนี้อยู่มานานแล้ว แม้ผู้ใช้วิญญาณจะปกป้องมันอยู่ แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถต่อต้านพลังอำนาจของธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกที่โอเอซิสขนาดเล็กจะอยู่รอดได้เป็นเวลานาน
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป หากเจ้าไม่พูดข้าจะฆ่าเจ้า!” ผู้ใช้วิญญาณระดับสามตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
อุณหภูมิของน้ำยังสูงขึ้นถึงระดับที่คนธรรมดาแทบจะทนไม่ไหว
ผู้ใช้วิญญาณระดับสามจับคอฟางหยวนและลอยขึ้นสู่ผิวน้ำก่อนจะกระโดดขึ้นบนฝั่ง
“พวกเขากลับมาแล้ว!”
“นี่คือคนทรยศงั้นหรือ?”
“คนทรยศ พูด ผู้ใดสั่งเจ้า!”
ผู้อาวุโสของตระกูลได้มารวมตัวกันแล้ว ผู้นำเผ่า และกระทั่งอดีตผู้นำที่เกษียณไปแล้วยังปรากฏตัว
ฟางหยวนถูกสอบปากคำโดยไม่สามารถดิ้นรนขัดขืน
แต่เขายังเงียบ
“น้ำในทะเลสาบเดือดพล่านและมีไฟสีแดงอยู่ข้างใน!” เป็นเพียงเวลานี้ที่บางคนกรีดร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ตัวตนระดับสูงรู้สึกประหม่า บางคนถึงกับเหงื่อตก
ในทะเลสาบมีน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติที่ผลิตหินวิญญาณ มันเป็นรากฐานของเผ่า หากสิ่งนี้ถูกทำลาย มันก็เหมือนกับการล่มสลายของเผ่า
หลายลมหายใจต่อมา แสงสีแดงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและทำให้ท้องฟ้าเหนือโอเอซิสกลายเป็นสีแดงที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
ตัวตนระดับสูงเฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ พวกเขาต้องการหยุดสิ่งนี้แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ผู้นำเผ่ากำลังจะสอบปากคำฟางหยวนแต่กลับถูกหยุดไว้โดยบางคน
มันคืออดีตผู้นำคนก่อน
ขาของอดีตผู้นำขาดหายไปจากการต่อสู้ในอดีต ร่างกายส่วนบนของเขาลอยอยู่ตรงหน้าฟางหยวน
เขาถอนหายใจและกล่าวอย่างอ่อนโยน “เด็กน้อย เจ้าคงถูกบางคนบงการ หากเผ่าเคยทำผิดต่อเจ้า ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าจะชดใช้ให้เจ้าอย่างเหมาะสม แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกคนในเผ่า บอกเราทุกอย่างที่เจ้ารู้ หากเกิดอุบัติเหตุ หลายครอบครัวต้องตาย”
“หึหึ” ฟางหยวนยิ้มเยาะ
ตอนนี้เขาอยู่นอกถ้ำ เขาไม่สามารถหลบซ่อนจากชาเซี่ยว
หากเขาไม่พูด ตัวตนระดับสูงของเผ่าจะทรมานเขา แต่อาจมีความล่าช้าอยู่บ้าง หากเขาพูด ชาเซี่ยวอาจฆ่าเขาทันที
หากเด็กหนุ่มตาย การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนจะล้มเหลว
ฟางหยวนยังนิ่งเงียบ
“สารเลว! เผ่าเลี้ยงดูอสรพิษเช่นเจ้าขึ้นมาได้อย่างไร?” ผู้นำเผ่าไม่พอใจกับทัศนคติของฟางหยวนและเตะเขาทันที
ฟางหยวนยังหัวเราะเสียงเย็น “เข้ามาฆ่าข้า! ฆ่าข้าแล้วเจ้าจะไม่รู้สิ่งใดเลย!”
“เจ้า!” ผู้นำเผ่ารู้สึกพูดไม่ออก
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานชายที่ดีของข้า ท่านปู่ชอบธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในตัวของเจ้า” เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของชาเซี่ยวดังขึ้นในใจของฟางหยวน
“เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้” การแสดงออกของอดีตผู้นำเผ่าเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย “เด็กผู้นี้ไม่สำนึกผิด ใช้วิธีค้นวิญญาณ แม้ดวงวิญญาณของเขาจะถูกทำลายก็ไม่มีผู้ใดสามารถตำหนิ!”
ชายชราเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของเขาออกมา
“ถูกต้อง!” ผู้ใช้วิญญาณระดับสามก้าวออกมา เขาคว้าศีรษะของฟางหยวนเอาไว้และพยายามค้นวิญญาณ
ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน รูม่านตาของเขาหดเล็กลงขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นด้วยความเจ็บปวด
อาณาจักรแห่งความฝันเริ่มมืดมิดลง
รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนถูกโจมตีอย่างรุนแรง
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับหนึ่งร้อยห้าสิบล้านของฟางหยวนก็ลดลงสู่ระดับเก้าสิบล้าน!
กระทั่งฟางหยวนก็ยังต้องสูดหายใจลึกโดยไม่ได้ตั้งใจ
อาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ดุร้ายเกินไป โชคดีที่เขามีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง หากเป็นคนอื่น กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็อาจตายทันที
หลังจากนั้นการกัดกร่อนของอาณาจักรแห่งความฝันก็หยุดลง
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง น้ำในทะเลสาบระเหยไปจนหมด แสงสีแดงขนาดมหึมากลายเป็นเสาไฟที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ท้องฟ้ามืดลงเมื่อกลุ่มเมฆสีดำลอยเข้ามารวมตัวกันอยู่เหนือโอเอซิส
แผ่นดินไหวราวกับยักษ์ที่จำศีลอยู่ใต้ดินได้ตื่นขึ้น
‘ปราณสวรรค์กำลังพลุ่งพล่าน ปราณพิภพกำลังพวยพุ่งออกมา นี่คือปรากฎการณ์การถือกำเนิดของวิญญาณอมตะ ข้าสงสัยว่าผู้ใดกันที่เป็นผู้จัดการเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆทั้งตกใจและหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
อดีตผู้นำเผ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถอย!”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เขาก็บินหนีไปแล้ว
ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆรีบวิ่งหนีเช่นกัน
มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่เหลืออยู่
ในไม่ช้าฟางหยวนก็สูญเสียการควบคุมร่างกายและกลายเป็นผู้สังเกตการณ์อีกครั้ง
เด็กหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความตกใจและเริ่มหลั่งน้ำตา
“ข้าทำสิ่งใดลงไป?”
“ข้าทำสิ่งใดลงไป?”
“ข้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้ามันเลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน!”
“เพียะ เพียะ เพียะ”
เด็กหนุ่มตบหน้าตัวเอง
“เหตุใดข้าถึงเป็นคนเช่นนี้?” เด็กหนุ่มมองมือของเขาและเริ่มร้องไห้
“เปรี้ยง!”
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับแสงสีแดง
แสงสีแดงส่งลงมาที่กลุ่มคนที่กำลังหลบหนี จากนั้นมันก็บินกลับไปราวกับการย้อนเวลา
ฉากที่แปลกประหลาดทำให้เด็กหนุ่มตกตะลึง
“นี่…”
“สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?”
ในเสี้ยวพริบตาการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดก็จบลง อย่างไรก็ตามผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดพบว่าพวกเขากลายเป็นคนแก่และอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ
พวกเขาหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะล้มลงบนพื้นและตาย
เด็กหนุ่มก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขากลายเป็นชายชราที่ใบหน้าเหี่ยวย่นและผมหงอก
“ข้าสมควรตายแล้ว ปัญหาทั้งหมดของข้าจะจบลงเมื่อข้าตาย!” เด็กหนุ่มที่กลายเป็นแก่รอรับความตาย แต่เสียงของชาเซี่ยวกลับดังขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าอยากตายงั้นหรือ? เจ้าเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะขโมยชีวิต แล้วเจ้าจะตายได้อย่างไร?”
“ปีศาจเฒ่า เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ตะโกนอยู่ในใจแต่ในจังหวะนี้แสงสีแดงกลับควบรวมและกลายเป็นผึ้งสีแดงบินอยู่ด้านหน้า
เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างตนเองกับผึ้งตัวนี้
เขาเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัวขณะที่ผึ้งสีแดงบินเข้าสู่ฝ่ามือของเขาและทำให้ร่างกายที่แก้ชราของเขากลับคืนสู่วัยเยาว์ดังเดิม
เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์กลายเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง
ชาเซี่ยวหัวเราะ “หลานชายที่ดีของข้า วิญญาณอมตะระดับหกดวงนี้เป็นของขวัญจากท่านปู่ผู้นี้ รับไว้และท่องเที่ยวไปทั่วโลก โลกใบนี้กว้างใหญ่ขณะที่เจ้าไร้นัยสำคัญ หากเจ้าต้องการกลับบ้านจริงๆ ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้และหาโอกาสให้กับตนเอง!”
“วิญญาณอมตะ! เจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าพยายามทำสิ่งใด?” เด็กหนุ่มไม่รู้สึกยินดีที่ได้รับวิญญาณอมตะ ตรงข้ามร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อย่างไรก็ตามเสียงของชาเซี่ยวกลับค่อยๆเลือนหายไป “เมื่อถึงเวลา เจ้าจะรู้…”
ณ จุดนี้ ฉากที่สามของอาณาจักรแห่งความฝันก็ได้บทสรุป
ฟางหยวนกลับสู่โลกของความเป็นจริง ดวงวิญญาณของเขากลับคืนสู่ร่างกาย
เขาตรวจสอบและเป็นไปดังคาด เขากลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1512 หอดอกไม้ร่วงโรย
แปลโดย iPAT
‘ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม…’ ฟางหยวนสูดหายใจลึกด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ความสำเร็จระดับปรมาจารย์เอก ไม่ใช่เส้นทางแห่งเลือด เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งปัญญา หรือเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่เป็นเส้นทางแห่งการโจรกรรม
เดิมทีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของฟางหยวนว่างเปล่าราวกับกระดาษขาว แต่เนื่องจากอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเขากลับกลายเป็นความสำเร็จอันดับหนึ่งท่ามกลางความสำเร็จบนเส้นทางต่างๆ
เห็นได้ชัดว่าอาณาจักรแห่งความฝันทำให้ผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะสามารถสะสมรากฐานได้อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามห้าภูมิภาค
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันและครอบครองความสำเร็จ พวกเขาจึงมีความปรารถนาอันแรงกล้า
แน่นอนว่าอาณาจักรแห่งความฝันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสำรวจ
แม้ฟางหยวนจะได้รับกำไรมหาศาล แต่เขาก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่ไม่ธรรมดา กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็อาจไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว
ปรมาจารย์เอก!
นี่คือขีดจำกัดที่ฟางหยวนจะสามารถเข้าถึงได้จากอาณาจักรแห่งความฝัน
เขาสามารถทำความเข้าใจความลึกซึ้งของเส้นทางแห่งการโจรกรรมทั้งหมด
แต่เหนือกว่าปรมาจารย์เอกยังมีระดับปรมาจารย์สูงสุด
มันเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุถึงเพราะมันหมายความว่าฟางหยวนต้องก้าวข้าวความสำเร็จของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!
เมื่อคิดถึงเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะต้องถอนหายใจออกมา
อาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
ฟางหยวนช่วยเทพปีศาจปล้นสวรรค์หลายครั้งระหว่างการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน แต่บุคลิกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ค่อนข้างน่าตกใจและเหนือความคาดหมายของฟางหยวน
เกิดสิ่งใดขึ้นในประวัติศาสตร์? สิ่งใดเป็นสาเหตุให้เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์สามารถก้าวเข้าสู่ระดับเก้า? ฟางหยวนรู้สึกว่าชาเซี่ยวเป็นปัจจัยสำคัญ
หลังจากบรรลุระดับปรมาจารย์เอก ส่วนที่เหลือของอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ก็ไร้ประโยชน์สำหรับฟางหยวน
แต่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องบอกผู้ใด
“น่าเสียดาย” ฟางหยวนกล่าวลาถังฟางหมิงด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าโศก “มีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้น ข้าต้องกลับไปจัดการ ข้าจะกลับมาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้งในคราวต่อไป”
ถังฟางหมิงเร่งถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น? ตระกูลถังสามารถช่วยท่านหรือไม่?”
ถังฟางหมิงไม่ได้ใจดี เขาเพียงทำตามข้อตกลงพันธมิตรเท่านั้น หากเขาช่วยเหลือ เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่เหมาะสม
ถังฟางหมิงได้รับประโยชน์มากมายจากคำแนะนำของฟางหยวน
ฟางหยวนเข้าใจถังฟางหมิง เขาพยักหน้าอยู่ในใจ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการเห็น
ตราบเท่าที่ฟางหยวนยังช่วยเหลือตระกูลถังต่อไป ในสงครามห้าภูมิภาค พวกเขาจะกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับวังสวรรค์
“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเองได้” ฟางหยวนพยักหน้า คำตอบของเขาทำให้ถังฟางหมิงรู้สึกผิดหวัง
แต่ในไม่ช้าฟางหยวนก็มอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์ให้กับถังฟางหมิง
“นี่…” ถังฟางหมิงตื่นเต้นมากที่ได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้
“วิญญาณดวงนี้มีข้อมูลในเชิงลึกบางอย่างที่ข้าได้เรียนรู้จากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าหวังว่ามันจะสามารถช่วยเหลือเจ้า” ฟางหยวนยิ้มก่อนจะออกเดินทางขณะที่ถังฟางหมิงถอนหายใจด้วยความชื่นชม
การให้บางสิ่งเป็นเรื่องจำเป็นหากต้องการได้รับบางอย่าง
ฟางหยวนจะสามารถต่อต้านวังสวรรค์ได้ก็ต่อเมื่อเขามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
‘แต่…แผนการของข้ายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์’ ฟางหยวนมองไปทางภาคกลางและถอนหายใจ
วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป ไม่เพียงในแง่ของพลังการต่อสู้แต่ยังรวมถึงการมองการณ์ไกลและกลยุทธ์อีกด้วย
ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์จึงมีข้อได้เปรียบอย่างมาก แผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีประสิทธิภาพ แต่เปรียบเทียบกับวังสวรรค์ เขายังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ตราบเท่าที่วิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ จะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งวังสวรรค์ได้อีก
หากราชันมังกรประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะเทพอมตะแห่งความฝัน พวกเขาจะกำหราบยุคสมัยและกลายเป็นผู้ปกครองโลกทั้งใบ
นี่เป็นกลยุทธ์ที่เชื่อถือได้ จุดอ่อนเดียวคือปีศาจต่างโลก เพราะพวกเขาไม่ถูกผูกมัดด้วยโชคชะตา
ปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์มีเพียงฟางหยวน จ้าวเหลียนหยุนเป็นกึ่งปีศาจต่างโลกและนางยังเป็นสุนัขรับใช้ของวังสวรรค์
ดังนั้นฟางหยวนจึงเป็นความหวังเดียวในการต่อต้านวังสวรรค์ แต่กระทั่งตัวของฟางหยวนเอง เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้อย่างไร
‘แม้ข้าจะร่วมมือกับนิกายเงา ตระกูลถัง และกองกำลังอื่นๆ เราก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวังสวรรค์ ความหวังเดียวคือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะตามหามัน’
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนมุ่งหน้าไปยังสายธารแห่งกาลเวลาเพราะเขามีข้อมูลที่เชื่อถือได้ของนิกายเงา นั่นทำให้เขามีความมั่นใจ แต่ตอนนี้เขาต้องค้นหาราวกับคนตาบอด เขาไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น
โดยปราศจากความช่วยเหลือจากเกาะบัวหิน ฟางหยวนอาจเสียชีวิตจากการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์
ในสถานการณ์เช่นนี้ ฟางหยวนไม่สามารถละเลยความปลอดภัยของตนเอง
‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งจนกว่าข้าจะสามารถเดินทางในสายธารแห่งกาลเวลาได้เพียงลำพัง แล้วมาดูกันว่าข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงหรือไม่?’ นี่คือแผนการในปัจจุบันของฟางหยวน
เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง สิ่งแรกที่ฟางหยวนนึกถึงคือแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเมืองจิ๋ว
แต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถเข้าไป
แม้ฟางหยวนจะมีวิธีการบางอย่างแต่ราคาของพวกมันก็สูงเกินไป มันง่ายกว่าที่จะนำอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลับมา
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนอยู่ที่ภาคใต้ นั่นไม่ใช่ปัญหา
เพราะก่อนหน้านี้ฟางหยวนทำการเชื่อมโยงโชคกับมันไว้แล้ว
เขาเพียงต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคเพื่อค้นหาที่อยู่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
‘แต่ตอนนี้ข้าไม่ควรรีบร้อนไปที่ภาคใต้ แดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเมืองจิ๋วไม่สามารถหลบหนีไปจากข้า!’
แผนของฟางหยวนคือการฝึกฝนอยู่ในทะเลทรายผีเขียว
‘ก่อนหน้านี้ข้าช่วยฟางเล้งกับฟางหยุน ข้าเริ่มสร้างสายสัมพันธ์กับตระกูลฟางแล้ว พวกเขาเป็นกองกำลังใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจะต้องตรวจสอบและทดสอบข้าอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ช่วงที่ผ่านมาข้าเก็บตัวอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มีความเป็นไปได้สูงที่ตระกูลฟางจะไม่พบสิ่งใดเลย ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาสุกงอมแล้ว ตระกูลฟางจะส่งทูตมาพบข้า’
ฟางหยวนเข้าใจวิธีการของกองกำลังฝ่ายธรรมะอย่างชัดเจน
หากตระกูลฟางไม่ตอบแทนความเมตตาที่ฟางหยวนช่วยชีวิตผู้อมตะของตระกูล ชื่อเสียงของพวกเขาจะเสียหาย
แม้ตระกูลฟางจะไม่ต้องการทำแต่พวกเขาก็ต้องแสดงละคร
นี่คือกฎของฝ่ายธรรมะ
นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็น นั่นคือความแข็งแกร่งของฟางหยวนถือเป็นภัยคุกคาม เขาสามารถควบคุมกองทัพอสูรวิญาณและเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่พยายามยึดครองทะเลทรายผีเขียว กระทั่งตระกูลฟางก็ไม่กล้าดูแคลนเขา
อาณาเขตของตระกูลฟางอยู่ติดกับทะเลทรายผีเขียว ฟางหยวนถือเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา แล้วตระกูลฟางจะไม่สนใจเขาได้อย่างไร?
หากการเจรจาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ตระกูลฟางอาจพยายามดึงฟางหยวนเข้าสู่ตระกูล
แน่นอนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ตัวตนของฟางหยวนไม่ถูกเปิดเผย หากตระกูลฟางรู้ว่านี่คือฟางหยวน พวกเขาจะไม่เข้าใกล้และไม่พยายามดึงเขาเข้าร่วม
แผนการของฟางหยวนคือการปลอมตัวและสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง สิ่งนี้จะทำให้เขาสามารถยึดครองทะเลทรายผีเขียวและทำให้เป็นแหล่งทรัพยาของตน
เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะจิตวิญญาณของฟางหยวน
หลายวันต่อมาในทะเลทรายผีเขียว
กองทัพอสูรวิญญาณออกอาละวาดขณะที่ฟางหยวนนั่งอยู่บนแผ่นหลังของอสูรวิญญาณบรรพกาลอย่างผ่อนคลาย
ตอนนี้เขากำลังทดลองใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมทุกประเภท
ตัวอย่างเช่นวิญญาณลอบโจมตีระดับห้า!
ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน ภูตเด็กร่างสีฟ้าหลายร้อยร่างกระโดดออกมาอยู่รอบๆ
ภูตเด็กเหล่านี้ไม่เพียงรวดเร็วแต่ยังสามารถปกปิดร่องรอย
ทันใดนั้นภูตเด็กหลายร้อยตัวก็ทะยานร่างออกไป พวกมันเคลื่อนที่ผ่านอสูรวิญญาณด้วยความเร็วสูง บางตัวกระโดดไปมา บางตัวปีนขึ้นไปอยู่บนแผ่นหลังของอสูรวิญญาณอย่างสนุกสนาน
พวกมันเคลื่อนที่โดยไร้เสียง ในทะเลทรายอันมืดมิด มันกลายเป็นฉากที่ค่อนข้างน่าขนลุก
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณลอบโจมตีระดับห้าได้ทันที นอกจากนั้นเขายังสามารถอนุมานเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะลอบโจมตีระดับหกโดยไม่ต้องพึ่งพาแสงแห่งปัญญา
นอกจากวิญญาณลอบโจมตี ฟางหยวนยังคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมอีกมากมาย
ฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของโลกใบนี้ นี่เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ มันไม่ใช่การใช้แรงบันดาลใจ แต่มันเหมือนกับพรสวรรค์โดยกำเนิด ทุกครั้งที่เขาคิดถึงวิญญาณชนิดใหม่บนเส้นทางแห่งการโจรกรรม เขาจะใช้ความสามารถนี้และทำให้มันกลายเป็นความจริง
หลังจากหลายวัน เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมทั้งหมดที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นก็ถูกส่งไปยังนิกายหลางหยาเพื่อทำการหลอมรวม
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกสนใจสิ่งนี้เป็นอย่างมาก
นั่นทำให้ฟางหยวนได้รับวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งการโจรกรรมระดับห้ามามากมาย
นอกจากวิญญาณบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม ฟางหยวนยังสังหารอสูรวิญญาณและยกรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของตนกลับขึ้นสู่ระดับหนึ่งร้อยล้านได้อีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสามารถคิดค้นท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ในจังหวะที่ฟางหยวนกำลังปิดเปลือกตาและคิดค้นท่าไม้ตาย คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งก็บินลงมาจากท้องฟ้าด้านหน้าเขา
ฟางหยวนมองคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ มันค่อนข้างเล็ก มันอยู่ในรูปลักษณ์ของคฤหาสน์ไม้ที่มีดอกไม้หลากหลายสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนเติบโตขึ้นอยู่บนพื้นผิว
แต่คฤหาสน์ไม้หลังนี้กลับไม่ธรรมดา มันปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับเจ็ดออกมา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!
‘นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลฟาง หอดอกไม้ร่วงโรย’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายของเขา
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1513 รางวัล
แปลโดย iPAT
ขณะที่หอดอกไม้ร่วงโรยบินลงมา กลีบดอกไม้จำนวนมากก็โปรยปายลงมาพร้อมกับส่งกลิ่นดอกไม้อบอวลอยู่ในอากาศ
เมื่อกลีบดอกไม้ตกลงบนพื้น พวกมันก็หายไปราวกับหยดน้ำที่ไหลลงอยู่ทะเลสาบ
ต่อมาพื้นทรายก็กลายเป็นพื้นโคลนในเวลาสองถึงสามลมหายใจ
ต้นกล้าเริ่มเติบโตขึ้นก่อนจะกลายเป็นดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
เมื่อหอดอกไม้ร่วงโรยลงมาถึงพื้น ทะเลทรายบริเวณนี้ก็กลายเป็นทะเลดอกไม้หลากหลายสีสันไปแล้ว
ฟางหยวนหยุดกองทัพอสูรวิญญาณของเขาและเฝ้ามองโดยไม่เคลื่อนไหว
ประตูหอดอกไม้ร่วงโรยเปิดออกขณะที่ผู้อมตะสามคนเดินออกมา
คนแรกคือฟางอันเล่ยผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟาง นางมีรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาและอวบอ้วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มของนางดูเป็นมิตรและให้ความรู้สึกอบอุ่น
ฟางหยวนตรวจสอบมาแล้ว เขารู้ว่าหญิงผู้นี้มักเป็นคนจัดการเรื่องภายนอกของตระกูล นางมีประสบการณ์มากมายและเชี่ยวชาญด้านการเจรจา
นอกจากฟางอันเล่ยยังมีผู้อมตะระดับหกอีกสองคน พวกเขาต่างเป็นคนที่คุ้นเคย
คนซ้ายหล่อเหลา ดวงตาส่องประกายราวกับดวงดาว เขาร่าเริงและมีชีวิตชีวา ฟางหยุน
คนขวาดูเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่ยโส เขาคือดาวรุ่งของตระกูลฟาง ฟางเล้ง
“ยินดีที่ได้พบ ข้าคือฟางอันเล่ย”
“ฟางหยุน (ฟางเล้ง) ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตในครั้งก่อน”
สามผู้อมตะเดินออกมาและทักทายฟางหยวนอย่างสุภาพ
ฟางหยวนแสดงออกด้วยท่าทีเคร่งขรึม แม้อสูรวิญญาณของเขาจะไม่เคลื่อนไหว แต่พวกมันก็ดูดุร้ายและปลดปล่อยจิตสังหารออกมาเล็กน้อย
เปรียบเทียบกับตระกูลฟางที่แสดงออกอย่างอบอุ่นและสุภาพ พวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆและกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่ต้องการผลประโยชน์ใดๆ แต่ข้าเข้าใจความคิดของฝ่ายธรรมะเช่นพวกเจ้า”
“ท่านเข้าใจพวกเราจริงๆ ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลฟาง ข้ามาที่นี่ไม่เพียงเพื่อขอบคุณแต่ยังต้องการสร้างความร่วมมือ” ฟางอันเล่ยยิ้ม
“สร้างความร่วมมือ?” ฟางหยวนทำท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย
ฟางอันเล่ยก้าวถอยหลังและเชื้อเชิญ “เราเตรียมชาไว้แล้ว ท่านต้องการเข้าไปหารือกับพวกเราด้านในหรือไม่?”
โดยทั่วไปคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะแข็งแกร่งภายนอกและอ่อนแอภายใน มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงไม่กี่หลังที่ภายในแข็งแกร่งกว่าภายนอก ตัวอย่างเช่นคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬของเผ่าไห่
เห็นได้ชัดว่าหอดอกไม้ร่วงโรยเป็นอย่างแรก คำเชิญของฟางอันเล่ยแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของพวกนาง
กระทั่งมันจะเป็นกับดัก แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
“อืม” ฟางหยวนพยักหน้า เขาเก็บกองทัพอสูรวิญญาณเข้าไปในมิติช่องว่างก่อนจะเดินเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรย
ภายในหอดอกไม้ร่วงโรยถูกตกแต่งอย่างงดงาม มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่อยู่กลางห้องขณะที่ชาถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว
หลังจากเชิญฟางหยวนั่งลง ฟางอันเล่ยก็นั่งลง
“นี่คือชาหอมเจ็ดลี้ของตระกูลฟาง โปรดประเมิน” ฟางอันเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟางหยวนมองมันและพยักหน้า
ชาหอมเจ็ดลี้เป็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลฟาง มันไม่ใช่ชาทั่วไป
หลังจากดื่มไประยะหนึ่ง ทั้งปากและร่างกายของผู้ดื่มจะปลดปล่อยกลิ่นหอมของชาออกมา
หากพวกเขาดื่มเจ็ดถ้วย พวกเขาจะปลดปล่อยกลิ่นชาออกมาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนและกระจายไปถึงเจ็ดลี้ แต่หากพวกเขาดื่มมากกว่านั้น ผลลัพธ์จะไม่เพิ่มขึ้นอีก นี่เป็นที่มาของชื่อชาหอมเจ็ดลี้
ฟางหยวนเคยได้ยินเรื่องนี้มาในชีวิตก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เพลิดเพลินกับมัน เขาจิบชาเบาๆก่อนจะเปิดปากถามอย่างตรงไปตรงมา “ตระกูลของพวกเจ้าต้องการสิ่งใด โปรดบอกข้า”
ฟางอันเล่ยได้ยินน้ำเสียงที่เยือกเย็นของฟางหยวนและคิด ‘คนผู้นี้เป็นเช่นที่ฟางหยุนและฟางเล้งกล่าวไว้ เขาเป็นคนเย่อหยิ่งและมั่นใจ เขากล่าวในสถานะเท่าเทียมแม้แต่กับกองกำลังใหญ่’
ฟางอันเล่ยไม่รู้สึกโกรธ
นางเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญมามากมาย บางคนประหลาด บางคนกระหายเลือด ฟางหยวนยังค่อนข้างปกติเมื่อเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้น
นางเผยรอยยิ้มและอธิบายเนื้อหาความร่วมมือด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
“พวกเจ้าต้องการให้ข้ารวบรวมศิลาหยินหยางงั้นหรือ?” ฟางหยวนแสดงท่าทีราวกับกำลังครุ่นคิด
ศิลาหยินหยางเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกที่ปรากฏขึ้นในทะเลทรายผีเขียวและมีปริมาณค่อนข้างมาก
หินชนิดนี้จะมีสีดำครึ่งหนึ่งและสีขาวอีกครั้งหนึ่ง มันจะเติบโตขึ้นในสถานที่ที่มีสิ่งมีชีวิตตายอยู่เป็นจำนวนมาก
เห็นได้ชัดว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นสถานที่อันตราย
แต่สถานที่อันตรายลักษณะนี้ไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับฟางหยวนในปัจจุบัน
‘ข้ามีกองทัพอสูรวิญญาณ ข้าเปิดเผยพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดออกมา การรวบรวมศิลาหยินหยางเป็นเรื่องง่าย ปัญหาเดียวคือพวกมันกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ข้าต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการรวบรวมพวกมัน’ ฟางหยวนคิด
ภารกิจนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับฟางหยวน
เขาต้องการรวบรวมแก่นแท้อสูรวิญญาณ การเดินทางไปรอบๆเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพบเห็นศิลาหยินหยาง ในความเป็นจริงตอนนี้เขาก็มีพวกมันเก็บไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
สิ่งที่ฟางหยวนต้องพิจารณาคือเหตุใดตระกูลฟางถึงต้องการสร้างความร่วมมือนี้ สิ่งใดเป็นแรงจูงใจที่แท้จริงของพวกเขา?
‘เป็นเช่นที่ฟางอันเล่ยกล่าวไว้ ศิลาหยินหยางหายากแม้แต่ในสวรรค์สีเหลือง’
‘พวกเขาพยายามใช้เรื่องนี้เพื่อดึงข้าเข้าตระกูลหรือเพื่อเผยแพร่ข่าวการตอบแทนความเมตตาของพวกเขาออกไป?’
ตามเนื้อหาของการสร้างความร่วมมือ เมื่อฟางหยวนส่งมอบศิลาหยินหยาง เขาจะได้รับวิญญาณอมตะระดับหกเป็นรางวัล
ผลตอบแทนมหาศาล!
วิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเพียงหนึ่งเดียวแต่ตระกูลฟางกลับจะมอบมันให้เขาตราบเท่าที่เขาสามารถรวบรวมศิลาหยินหยาง หากคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจะคิดว่าตระกูลฟางพยายามตอบแทนความเมตตาของฟางหยวน
ฟางหยวนค่อนข้างถูกล่อลวงเช่นกัน
ไม่เพียงวิญญาณอมตะระดับหกแต่ยังรวมถึงความร่วมมือของพวกเขา
ตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างความร่วมมือกับตระกูลฟาง แผนการยึดครองทะเลทรายผีเขียวของเขาจะได้รับการยอมรับจากตระกูลฟาง
‘แต่ข้ารู้สึกว่าตระกูลฟางกำลังวางแผนการบางอย่าง เรื่องนี้ไม่ง่าย’ ฟางหยวนค่อนข้างสงสัย
ฟางอันเล่ยมองฟางหยวนที่กำลังพิจารณาอย่างลึกซึ้งและรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
‘ตระกูลเสนอวิญญาณอมตะระดับหกให้เขา เขาต้องถูกล่อลวงอย่างแน่นอน!’
‘ตราบเท่าที่เราสร้างข้อตกลงพันธมิตร ซวนปู้จินจะกลายเป็นตัวแทนของตระกูลและสำรวจทะเลทรายผีเขียว ภายนอกเขาจะรวบรวมศิลาหยินหยาง แต่หากเขาพบมรดกของตระกูลชิง ตระกูลฟางของเราก็จะพบมันเช่นกัน’
‘แม้เขาจะพบศัตรูเช่นผีเฒ่าไป่จุนแต่ซวนปู้จินก็ต้องเป็นคนต่อสู้ หากเขารู้เกี่ยวกับมรดกของตระกูลชิง ด้วยข้อตกลงพันธมิตร เขาจะไม่สามารถแย่งชิงมันไปจากตระกูลฟาง’
‘แผนการของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองช่างลึกล้ำนัก!’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางอันเล่ยก็รู้สึกชื่ชมฟางตี้เฉิงมากขึ้น
“ได้ ข้าตกลง” ฟางหยวนคิดและตัดสินใจรับข้อเสนอ
แม้เขาจะมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขามีข้อมูลน้อยเกินไป เขาไม่สามารถอนุมานเป้าหมายที่แท้จริงของตระกูลฟางได้ นอกจากนี้เขายังต้องการร่วมงานกับอีกฝ่าย
“เอาล่ะ สหาย เจ้าเป็นคนเด็ดขาดมาก เจ้าจะไม่เสียใจที่ได้ร่วมมือกับตระกูลฟางของเรา” ฟางอันเล่ยหัวเราะ “ต่อไป เรามากล่าวถึงเนื้อหาของความร่วมมือให้ละเอียดมากขึ้น…หือ?”
แต่ในเวลานี้ฟางอันเล่ยกลับหยุดอย่างกะทันหันและแสดงออกด้วยความประหลาดใจ
ในไม่ช้าเสียงดังราวกับฟ้าร้องก็ดังขึ้นจากด้านนอก
เพื่อให้ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจ ประตูของหอดอกไม้ร่วงโรยจึงไม่ได้ปิดตัวลง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเสียงค่อนข้างชัด
การแสดงออกของฟางหยุนและฟางเล้งเปลี่ยนไปเช่นกัน
“อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังโจมตีจากทุกทิศทาง เราถูกปิดล้อม!” ฟางอันเล่ยกล่าว “ผีเฒ่าไป่จุนโจมตีพวกเราจริงๆ นอกจากนั้นเขายังมีอสูรวิญญาณแรกกำเนิดหลายตัว!”
“อสูรวิญญาณแรกกำเนิดหลายตัว?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าวิญญาณอมตะระดับแปดของผีเฒ่าไป่จุนคือป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ
ดวงตาของฟางอันเล่ยส่องประกายน่ากลัว หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรีบบอกข้อมูลนี้กับฟางหยวน
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก
‘ป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาส ดีมาก มันมีประโยชน์มากสำหรับแผนการเก็บเกี่ยวแก่นแท้อสูรวิญญาณของข้า!’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็เกิดความปรารถนาที่จะขโมยวิญญาณอมตะดวงนี้ขึ้นมาทันที
เขาควบุมตนเองและกล่าวกับฟางอันเล่ยอย่างสงบ “ผีเฒ่าไป่จุนกล้ามาที่นี่แม้เราจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาช่างมั่นใจนัก หลังจากนี้คงถึงเวลาที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเจ้าจะเปล่งประกายแล้ว!”
ฟางอันเล่ยมึนงง นางต้องการเห็นฟางหยวนต่อสู้ แต่เขากล่าวเช่นนี้ต่อหน้านางและผนึกความเป็นไปได้ทั้งหมด
“ก่อนหน้านี้ท่านช่วยผู้เยาว์ของเรา ดังนั้นผีเฒ่าไป่จุนจึงกลับมาแก้แค้น เราจะลงโทษผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน แต่หากเกิดความผิดพลาดระหว่างการต่อสู้ เราหวังว่าท่านจะสามารถช่วยเราได้ ท้ายที่สุดอสูรวิญญาณเหล่านั้นก็เป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิด” ฟางอันเล่ยกล่าวอย่างมีความหมายโดยไม่สูญเสียความสุภาพในถ้อยคำของนาง
ฟางหยวนหัวเราะ “แน่นอน”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1514 ซุ่มโจมตี
แปลโดย iPAT
“โฮก!”
ในขณะที่ฟางหยวนกับฟางอันเล่ยกำลังพูดคุย อสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่มีร่างกายเป็นวัวกระทิงหางเสือดาวก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขา
แทบจะในเวลาเดียวกันที่เสียงกรีดร้องดังลงมาจากท้องฟ้า อสูรวิญญาณร่างอสรพิษที่มีสองปีกทะยานร่างลงมาด้วยความเร็วสูง
“อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว!” ร่างของฟางหยุนสั่นสะท้านขึ้น การโจมตีที่รุนแรงนี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวและแทบไม่สามารถควบคุมตัวเอง
“ไม่ มีสามตัว” ฟางอันเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางยังสามารถรักษาความสงบ
ดังคาด ในวินาทีต่อมา พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อมือขนามดใหญ่โผล่ขึ้นมาและต้องการคว้าจับหอดอกไม้ร่วงโรยเอาไว้
นี่คืออสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวที่สาม
“ไป!” ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางอันเล่ยตะโกนขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะบินขึ้นสูท้องฟ้าราวกับสายรุ้ง
มือขนาดใหญ่คว้าได้เพียงอากาศและปะทะกับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดร่างกระทิงหางเสือดาว
อย่างไรก็ตามอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกยังสามารถกลับตัวกลางอากาศและไล่ล่าหอดอกไม้ร่วงโรย
ดวงตาของฟางอันเล่ยส่องประกายขึ้น นางบังคับหอดอกไม้ร่วงโรยพุ่งชนศัตรูโดยตรง
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความเสียหาย
หอดอกไม้ร่วงโรยเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ดอกไม้ร่วงหล่นลงมาต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกก็ตกลงกระแทกพื้นและสร้างหลุมขนาดใหญ่เอาไว้
ใบหน้าของฟางอันเล่ยกลายเป็นซีดขาวขณะที่นางเร่งสร้างเสถียรภาพให้กับหอดอกไม้ร่วงโรย
หลังจากนั้นหอดอกไม้ร่วงโรยก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ราวกับการกำเนิดใหม่
‘โอ้ นางสามารถซ่อมแซมคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ด้วยความเร็วสูง นี่ค่อนข้างน่าประทับใจ ข้าสงสัยว่าพวกเขาทำอย่างไร พวกเขาใช้วิญญาณดวงอื่นเข้าแทนที่หรือพวกเขาหลอมรวมวิญญาณทันที?’
ฟางหยวนพยายามหาคำตอบ
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสร้างขึ้นโดยวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน การซ่อมแซมตัวเองด้วยความเร็วสูงไม่ใช่สิ่งที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะส่วนใหญ่สามารถทำได้
หากวิญญาณที่ถูกทำลายถูกแทนที่ด้วยวิญญาณดวงอื่นอย่างรวดเร็ว มันคือวิธีบนเส้นทางแห่งค่ายกล หากมันหลอมรวมวิญญาณดวงใหม่ขึ้นมาแทนที่ในทันที นั่นคือวิธีบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
แต่ดูเหมือนหอดอกไม้ร่วงโรยจะใช้ทั้งสองวิธี
น่าเสียดายที่ฟางหยวนมีข้อมูลน้อยเกินไป การอนุมานของเขาพบอุปสรรค ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้ต่อเรื่องนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผีเฒ่าไป่จุนหัวเราะเสียงดัง “แม้พวกเจ้าจะมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะแล้วอย่างไร? ยอมจำนนอย่างเชื่อฟัง ข้าอาจไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
หลังผีเฒ่าไปทจุนกล่าวจบประโยค อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกก็บินขึ้นมาจากหลุมทรายอีกครั้ง
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดมีพลังการต่อสู้ระดับแปด พวกมันมีร่างกายที่แข็งแกร่ง การโจมตีของหอดอกไม้ร่วงโรยก่อนหน้านี้ไม่มีผลมากนัก
ฟางอันเล่ยไม่แปลกใจ สิ่งนี้อยู่ในความคาดหมายของนาง
การปะทะกันก่อนหน้าเป็นเพียงการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามตอนนี้นางตระหนักแล้วว่าศัตรูแข็งแกร่ง
หอดอกไม้ร่วงโรยต่อสู้กับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกอยู่บนท้องฟ้า
สำหรับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอีกสองตัว พวกมันทำได้เพียงคำรามอยู่บนพื้นเท่านั้น
ผีเฒ่าไป่จุนผิวปากเรียกอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสองให้กลับไปหาเขา
‘โอกาสมาแล้ว!’ ดวงตาของฟางอันเล่ยส่องประกายขึ้น นางตัดสินใจโจมตีผีเฒ่าไป่จุนโดยตรง
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามแข็งแกร่งมาก นางไม่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้นานนัก วิธีที่ดีที่สุดคือการจับหัวหน้าศัตรู
แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับเย้ยหยัน “อย่ารีบร้อน ข้าอนุมานได้ว่ามันคือกับดัก”
“โอ้?” ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางอันเล่ย
เนื่องจากความลังเล นางจึงเสียโอกาสนั้นไป อสูรพิษมีปีกกลับมาพัวพันหอดอกไม้ร่วงโรยเอาไว้อีกครั้ง
ขณะเดียวกันอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอีกสองตัวก็กลับไปอยู่ข้างกายผีเฒ่าไป่จุนและกลายเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่ง
การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นเคร่งขรึม
‘ข้าจงใจล่อให้ศัตรูโจมตี แต่ผู้ใดจะคิดว่าฟางอันเล่ยจะสามารถอดทนต่อแรงกระตุ้นที่จะฉวยโอกาสโจมตีนี้ได้!’
‘ลืมมันไปซะ การกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ข้าไม่สามารถปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อ!’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ผีเฒ่าไป่จุนก็คำรามและส่งอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวที่สี่เข้าโจมตีหอดอกไม้ร่วงโรย
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวที่สี่เหมือนแมงมุมที่มีหนานมแหลมอยู่รอบตัว มันสามารถบินได้และมีขนาดเล็กที่สุดท่ามกลางอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งหมด
แต่มันเร็วมาก มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกศร
ฟางหยุนอุทาน “เกือบไปแล้ว นี่คือแผนการล่อลวงของผีเฒ่าไป่จุน!”
ฟางอันเล่ยมองฟางหยวนด้วยสายตาสำนึกขอบคุณก่อนที่นางจะกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรูอีกครั้งด้วยหอดอกไม้ร่วงโรย
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงงมุมเหินสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับผู้อมตะตระกูลฟาง
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกทรงพลัง แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินรวดเร็วราวกับสายฟ้า ทั้งสองทำงานร่วมกัน หนึ่งช้าและหนึ่งเร็ว หนึ่งใหญ่และหนึ่งเล็ก ทั้งสองร่วมมือกันปราบปรามหอดอกไม้ร่วงโรย
“ผู้ใดจะคิดว่าผีเฒ่าไป่จุนจะสามารถควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดได้จริงๆ!”
“วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณช่างน่าประทับใจนัก มันทำให้เขาสามารถควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดได้ในระยะเวลาสั้นๆงั้นหรือ?”
ฟางหยุนและฟางเล้งต้องการล่าถอย
ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าอนุมานได้ว่าเขาถึงขีดจำกัดแล้ว การใช้การบ่มเพาะระดับเจ็ดควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสี่ตัวเกินขีดความสามารถของเขา อีกไม่นานสถานการณ์จะพลิกกลับ”
“โอ้?” ดวงตาของฟางอันเล่ยส่องประกายขึ้น นางตัดสินใจเชื่อคำกล่าวของฟางหยวน
ดังคาด เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป แรงกดดันก็ลดน้อยลง
การเคลื่อนไหวของแมงมุมเหินและอสรพิษมีปีกแย่ลง
บนพื้น ใบหน้าของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นซีดขาว ร่างกายของเขาสั่นคลอน กลิ่นอายของเขาอ่อนแอลงอย่างมาก
เมื่อเวลาผ่านไปอาการของผีเฒ่าไป่จุนก็แย่ลงเรื่อยๆ
“วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า! พบกับคราวหน้า ข้าจะฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ!” เขาข่มขู่และเริ่มล่าถอยพร้อมกับกองทัพอสูรวิญญาณ
“เจ้าจะไปที่ใด?” หลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานาน ฟางอันเล่ยไม่เต็มใจที่จะปล่อยผีเฒ่าไป่จุนไป
การไล่ล่าดำเนินต่อไปขณะที่อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินและอสรพิษมีปีกยังพยายามโจมตีหอดอกไม้ร่วงโรยอย่างหนัก
ผีเฒ่าไป่จุนปกป้องตัวเองอย่างแน่นหนา แม้อาการของเขาจะเลวร้ายลง แต่เขายังไม่เปิดช่องว่าง
ฟางหยุนตะโกน “ผีเฒ่าไป่จุน ความเย่อหยิ่งของเจ้าหายไปที่ใด?”
ผีเฒ่าไป่จุนตะโกนตอบ “หากไม่ใช่เพราะข้ายังไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ พวกเขาจะรอดชีวิตได้อย่างไร?”
“เดี๋ยว มีบางสิ่งผิดปกติ” ฟางหยวนขมวดคิ้วเบาๆ
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของนกอินทรีย์ดังขึ้น
ร่างที่เหมือนภูตผีปรากฏขึ้นจากเมฆสีดำ
มันเป็นผู้อมตะหญิง
นางสวมชุดรัดรูปสีดำ ใบหน้าซีดขาว มือของนางเปลี่ยนเป็นกรงเล็บอินทรีย์ ร่างกายปลดปล่อยควันสีดำออกมา
ปีศาจอมตะระดับเจ็ด สนมอินทรีย์!
“ปัง!”
สนมอินทรีย์โจมตีหอดอกไม้ร่วงโรยอย่างกะทันหัน
หอดอกไม้ร่วงโรยได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีรอยกรงเล็บสามจุดปรากฏอยู่บนหลังคาและเกือบทะลุเข้าไปข้างใน
“มีผู้ช่วยงั้นหรือ?” ฟางอันเล่ยขมวดคิ้วเมื่อเห็นสนมอินทรีย์
นางกล่าวกับฟางหยวน “ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน สหาย ข้าไม่สามารถจัดการสถานการณ์นี้เพียงลำพัง”
แม้นางจะกล่าวเช่นนั้นแต่ในความเป็นจริงนางยังไม่ได้ออกไปต่อสู้ อย่างไรก็ตามฟางหยวนต้องการทำงานกับตระกูลฟาง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองดูอยู่ข้างสนามรบ
เขาพยักหน้า “ข้าจะจัดการผีเฒ่าไป่จุน ข้าหวังว่าท่านจะสามารถหยุดผู้อมตะหญิงผู้นี้”
ฟางอันเล่ยตกลง “ไปเถอะ ข้าจะทำอย่างดีที่สุด!”
ในเวลาต่อมาประตูคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็เปิดออก ฟางหยวนก้าวเข้าสู่สนามรบ
ท่าไม้ตายอมตะความคิดอุกกาบาตเพลิง!
ฟางหยวนชี้นิ้วออกไปขณะที่อุกกาบาตเพลิงพุ่งลงจากท้องฟ้า
ผีเฒ่าไป่จุนใช้อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวเป็นโล่ป้องกันตนเอง
“บึม บึม บึม…”
อุกกาบาตเพลิงพุ่งชนพื้นทรายและทำให้เกิดทะเลเพลิงที่ครอบคลุมรัศมีหลายลี้ อย่างไรก็ตามมันไม่มีความร้อน
มันเป็นเปลวเพลิงที่จะเผาทำลายจิตวิญญาณของศัตรู
ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกขมขื่น เขาต้องการหลบแต่เขาไม่สามารถทำได้
“หือ?” เมื่อเห็นสิ่งนี้หัวใจของฟางหยวนก็เต้นเร็วขึ้น
เขารู้สึกผิดปกติ
“บึม!”
วินาทีต่อมาพื้นทรายก็แยกออก
ถัดมาวังขนาดใหญ่ที่ส่องแสงสีเขียวก็ทะยานขึ้นมาจากรอยแยกและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างดุเดือด
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1515 ร่างจริงถูกพบ
แปลโดย iPAT
“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!” เผชิญหน้ากับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนแสดงความตกใจออกมา
“นี่…นี่…”
“วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!”
“นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”
ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย สามผู้อมตะตระกูลฟางตกตะลึง
ตระกูลฟางพยายามค้นหามันมานานหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน
มันคือมรดกของตระกูลชิงที่พวกเขาปรารถนา
ดวงตาของสามผู้อมตะตระกูลฟางแทบหลุดออกมาจากเบ้า พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
“ทายาทแห่งเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตายซะเถอะ!” อสูรวิญญาณแรกกำเนิดคำรามอยู่ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเจตนาสังหารอันแรงกล้า
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้คือนายเหนือหัวของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ มันมีร่างกายใหญ่โตเหมือนภูเขา มีกระดองเต่า กรงเล็บพยัคฆ์ หางมังกร คออสรพิษ และศีรษะมนุษย์
ฟางหยวนตระหนักถึงความเกลียดชังและเจตนาสังหารที่ระเบิดออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้ควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ขณะเดียวกันมันก็ถูกผนึกเอาไว้โดยวังหลังนี้เช่นกัน
ไม่ว่ามันจะคำรามอย่างไร เสียงของมันก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปภายนอก
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปหาฟางหยวนจากด้านหน้าขณะที่สนมอินทรีย์พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง
ผีเฒ่าไป่จุนคำรามและออกคำสั่งอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว
แมงมุมเหินและอสรพิษมีปีกพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว และปีศาจอมตะระดับเจ็ดอีกสองคนโจมตีฟางหยวนพร้อมกัน
อันตรายมาก!
หัวใจของฟางหยวนเต้นแรง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่พลุ่งพล่านราวกับคลื่นยักษ์
เขาไม่ได้คาดหวังว่าในจังหวะที่เขาออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
“ผู้อาวุโส ระวัง!”
“โอ้ ไม่!”
สามผู้อมตะตระกูลฟางกรีดร้อง สถานการณ์เลวร้าย พวกเขาเป็นห่วงฟางหยวนมาก
ศัตรูเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือฟางหยวน พวกเขาลอบโจมตีอย่างกะทันหัน สามผู้อมตะตระกูลฟางไม่สามารถช่วยฟางหยวนได้ทันเวลา ในจังหวะสำคัญฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงตนเองเท่านั้น
แน่นอนว่าฟางหยวนไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาผู้อื่น
เขาเป็นคนระวังตัว เขาเตรียมร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาสามารถใช้งานเกราะหวนคืนได้ทันทีหากเขาต้องการ
‘แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถใช้มัน’
ฟางหยวนอยู่ในทะเลทรายผีเขียวพร้อมกับสามผู้อมตะตระกูลฟาง เขาไม่สามารถเปิดเผยเกราะหวนคืนได้โดยง่าย แต่หากเขาไม่ใช้มัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด เพียงอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว พวกมันก็สามารถกำจัดเขาได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ฟางหยวนไม่ตื่นตระหนก ตรงข้ามความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาพุ่งทะยานขึ้นภายในตัวเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คาดคิด
เสียงหัวเราะของฟางหยวนทำให้สามผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกถึงความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองของเขา
ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิด!
ร่างแยกที่เรืองแสงสีฟ้าจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบๆ
นี่เป็นท่าไม้ตายที่ฟางหยวนได้รับมาจากราชันภูเขาม่วง เดิมทีมันเป็นแสงสีม่วงแต่มันถูกดัดแปลงให้เป็นแสงสีฟ้า
เหตุผลก็คือฟางหยวนผสานวิญญาณลอบโจมตีเข้าไปและทำให้มันทรงพลังมากขึ้นไปอีก
ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน
“เป็นการตอบโต้ที่ยอดเยี่ยม!” ฟางหยุนยกย่องขณะที่ฟางอันเล่ยและฟางเล้งเงียบ
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าเผชิญหน้าราวกับดาวตก
“ปัง ปัง ปัง ปัง…”
ร่างแยกสีฟ้าระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับฟองสบู่แตกโดยไม่สามารถต่อต้าน
สนมอินทรีย์และอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินหลบออกไปเพราะไม่ต้องการกีดขวางเส้นทางของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด
แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกช้าที่สุด มันยังอยู่ที่เดิม
ไม่ว่าจะเป็นสนมอินทรีย์หรือผีเฒ่าไป่จุน พวกเขาสูญเสียเป้าหมายในการโจมตีเพราะไม่สามารถค้นหาตัวจริงของฟางหยวน
‘โอ้?’ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางหยวน
เขากำลังวางแผนและไม่ได้หลบหนี อย่างไรก็ตามวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับพุ่งเข้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง
‘บังเอิญ?’ ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทาง
แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับเปลี่ยนทิศทางตามเขาไปอีกครั้ง
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาปล่อยหมอกออกมาปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้
ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน!
ผู้อมตะทั้งหมดถูกปิดล้อมด้วยหมอกหนาทึบ
สนมอินทรีย์กรีดร้องขณะที่นางหยุดเคลื่อนไหว
ผีเฒ่าไป่จุนเรียกอสูรวิญญาณแรกกำเนิดกลับไปปกป้องตนเอง
“หมอกเหล่านี้ทำลายการรับรู้ทิศทาง เราได้รับผลกระทบจากมันแม้เราจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ตาม ช่างน่าประทับใจนัก!” ฟางเล้งอุทาน
แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวนโดยไม่ได้รับผลกระทบ
เดิมทีท่าไม้ตายนี้เป็นหมอกสีม่วงที่มีขอบเขตเล็กๆแต่มันสามารถสร้างความสับสนให้กับผู้อมตะระดับแปด แต่หลังจากถูกดัดแปลงโดยฟางหยวน นอกจากสีที่เปลี่ยนไป ขอบเขตของมันยังขยายออกไป แต่มันจะส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้น
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สามารถเข้าประชิดตัวฟางหยวน
แม้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะสองท่า แต่พวกมันกลับไม่ส่งผลกระทบต่ออสูรวิญญาณแรกกำเนิดลึกลับที่อยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ฟางหยวนพยายามหลบด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสองกำลังจะปะทะกัน!
ริมฝีปากของฟางหยวนยกตัวขึ้น
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นจากการปะทะที่รุนแรง
แต่มันไม่เกี่ยวกับฟางหยวน
ปรากฏว่าสิ่งที่ปะทะกันคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีก
‘แม้ข้าจะไม่สามารถทำให้เจ้าสับสน แต่ข้าสามารถทำให้คนอื่นๆสับสน’
ขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและแฝงตัวอยู่ท่ามกลางร่างแยก
‘อัศจรรย์นัก!’ เมื่อหมอกจางลง ฟางอันเล่ยมองไปที่เกิดเหตุและต้องยกย่องโดยไม่รู้ตัว
ฟางหยวนสามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมากได้ด้วยตัวเขาเองเพียงผู้เดียว เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง
“บัดซบ!” ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดคำรามด้วยความโกรธ
ร่างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกตกลงบนพื้น
การปะทะครั้งนี้ทำให้ความเร็วของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลดลงอย่างมาก แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดยังควบคุมมันออกไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวนอย่างไม่ลดละ
‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ศัตรูยังตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าได้อีกงั้นหรือ?’ ฟางหวนตกตะลึง
ตั้งแต่ฟางหยวนครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปดและพัฒนาท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย มันก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
แต่ตอนนี้ศัตรูกลับเพิกเฉยต่อมันและสามารถไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวน นี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งแรกของเขา
‘กระทั่งในภัยพิบัติ ข้ายังสามารถหลอกลวงเจตจำนงสวรรค์ ศัตรูใช้วิธีใดในการค้นหาข้า?’
ฟางหยวนไม่เข้าใจ
‘ไม่ มันไม่ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา’
‘ข้ามีอาภรณ์วิญญาณที่สามารถป้องกันการอนุมาน หากผู้ใดต้องการอนุมานเกี่ยวกับข้า พวกเขาต้องทำลายอาภรณ์วิญญาณเป็นอันดับแรก แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของการอนุมานใดๆทั้งสิ้น’
‘ศัตรูใช้วิธีใดกันแน่?’
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1516 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
แปลโดย iPAT
ขณะที่ฟางหยวนกำลังถูกไล่ล่าโดยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะที่ดูเยาว์วัยนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้นในสถานที่ห่างออกไป
เขาอยู่ในชุดคลุมสีเขียวและดูราวกับบัณฑิตที่ฉลาดเฉลียว
มันคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ถูกส่งมาโดยเทพธิดาจื่อเว่ย ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เฉินอี้
ตอนนี้เขาราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งกับสวรรค์พิภพ
เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและปล่อยควันสีเขียวลอยออกมา
ควันสีเขียวค่อยๆก่อตัวเป็นรูปต้นไม้ใหญ่ที่มีผลไม้จำนวนมาก
แต่ผลไม้เหล่านี้มีรูปร่างที่แปลกประหลาดและแตกต่างกัน บางผลเหมือนลูกพืชสีดำ บางผลใหญ่โตเหมือนอ่างน้ำสีชมพู บางผลมีหนามแหลมอยู่รอบๆ บางผลโปร่งแสง
ครู่ต่อมาเฉินอี้ก็หยุดใช้ท่าไม้ตายของเขาขณะที่ต้นไม้ที่สร้างจากควันสีเขียวจางหายไป
เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า “เป็นเช่นนั้น”
เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
เทพอมตะบัวสวรรค์เป็นเทพอมตะรุ่นหลังเทพปีศาจบัวแดงแต่เป็นรุ่นก่อนหน้าเทพปีศาจปล้นสวรรค์
สามแสนปีก่อนเทพอมตะบัวสวรรค์เดินทางมายังทะเลทรายตะวันตก ในช่วงเวลานั้นเขากลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าแล้วแต่เขาปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณและเดินทางไปทั่วโลก
ครั้งนั้นเขามาที่โอเอซิสแห่งหนึ่งและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้คนในหมู่บ้าน
เขาพบเด็กผู้หนึ่ง เด็กผู้นั้นขอให้เขาชุบชีวิตมารดาที่เสียชีวิตไปของเขา
“ผู้คนไม่สามารถฟื้นคืนจากความตาย” เทพอมตะบัวสวรรค์ปฏิเสธและปลอบใจเด็ก
“หากไม่ช่วยก็ลืมมันไปซะ!” เด็กจากไปพร้อมกับความเกลียดชัง
เทพอมตะบัวสวรรค์ไม่สนใจ แต่ทันใดนั้นควันสีเขียวก็ลอยขึ้นจากศีรษะของเขา
เขาตกใจมาก “ข้าสร้างท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมนี้หลังจากได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกของเทพปีศาจไร้ขอบเขต ข้าใช้โชคชะตาเป็นรากและใช้โชคเป็นสารอาหาร ข้าสามารถใช้มันเพื่อค้นหาสาเหตุและผลกระทบของเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้”
“ข้าปฏิเสธเด็กผู้นั้น มันอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมกลับเกิดปฏิกิริยาต่อมัน นี่แสดงให้เห็นว่าสาเหตุเล็กน้อยนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรงในอนาคต”
แม้เทพอมตะบัวสวรรค์จะรู้เรื่องนี้แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าเด็กผู้นั้นทันที
“ทุกสิ่งในโลกนี้เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่ปลูกอยู่ในดิน เมื่อเวลาผ่านไปมันจะเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ ด้วยการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน มันจะกลายเป็นป่าแห่งโชคชะตา”
“การปล่อยให้ต้นไม้เติบโตขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่รบกวนเป็นวิถีแห่งธรรมชาติที่ดีที่สุด มันจะทำให้โลกเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์”
“หากข้าเข้าไปยุ่ง มันก็เหมือนกับการขัดขวางลิขิตสวรรค์และกลายเป็นการสร้างปัญหาให้กับตนเอง”
เทพอมตะบัวสวรรค์เป็นผู้นำวังสวรรค์ เขาปฏิบัติตามลิขิตแห่งโชคชะตาอย่างเคร่งครัด
มนุษย์ที่ตายแล้วไม่อาจฟื้นคืนสู่ชีวิต นี่คือกฎที่ถูกกำหนดโดยชะตากรรม แม้เทพอมตะบัวสวรรค์จะทำได้ แต่เขาก็จะไม่ชุบชีวิตคนตาย
การเผชิญหน้าของเขากับเด็กผู้นี้คือชะตากรรม ไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องต่อต้าน
“อย่างไรก็ตามเมื่อต้นไม้เติบโตและสร้างผลไม้ที่ไม่ดี เราต้องตัดมันทิ้งและหยุดยั้งความชั่วร้ายไม่ให้มันแพร่กระจายออกไป ผู้อมตะก็เป็นเพียงยาฆ่าแมลงของโลกนี้เท่านั้น”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เทพอมตะบัวสวรรค์ก็ถอนหายใจและทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เบื้องหลัง
เขาไม่ได้มอบมันให้เด็กผู้นั้นแต่โยนวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลงไปในบ่อน้ำของหมู่บ้าน
แต่ในภายหลัง วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้ตกไปอยู่ในมือของมนุษย์และถูกส่งต่อไปจนถึงตระกูลชิง
ตระกูลชิงตระหนักว่ามันเป็นสมบัติของเทพอมตะบัวสวรรค์ พวกเขามีความสุขมากและเริ่มหยิ่งผยอง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกกวาดล้างโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณและทำให้โลกทั้งใบตกตะลึง
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลชิงเก็บมรดกของตระกูลไว้ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และพยายามหาโอกาสรอดชีวิต
ตระกูลชิงถูกลบออกไปแต่ความแค้นและความเกลียดชังของพวกเขายังอยู่ ดวงวิญญาณของผู้อมตะจำนวนมากถูกดึงเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเวลาผ่านไปทะเลทรายผีเขียวก่อตัวขึ้นขณะที่ดวงวิญญาณของคนตายกลายเป็นอสูรวิญญาณ
สุดท้ายอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่มีสติปัญญาของมนุษย์และเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ถือกำเนิดขึ้นในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ มันยังเรียกตัวเองว่าชิงโจว
น่าเสียดายที่เทพปีศาจจิตวิญญาณกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าและจากไปในที่สุด
ชิงโจวต้องการแก้แค้นแต่ถูกขังไว้ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
เดิมทีผู้อาวุโสสุงสูดลำดับที่หนึ่งของตระกูลชิงต้องการหาโอกาสในการเอาชีวิตรอด เขาพึ่งพาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่เขากลับไม่เข้าใจมันอย่างท่องแท้
ในความเป็นจริงเทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายที่จะเป็นภัยต่อโลกใบนี้
ต้นกำเนิดของสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวคือการปฏิเสธการชุบชีวิตมารดาของเด็กที่เทพอมตะบัวสวรรค์พบในครานั้น
ชิงโจวถือกำเนิดขึ้นในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แต่มันก็ถูกขังอยู่ภายใน
มันใช้เวลาอย่างยาวนานพยายามปลดผนึกและควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดมันก็ได้รับผลลัพธ์บางอย่าง
มันสามารถบังคังวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และเปิดทางเข้าให้กับคนนอก
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เป็นผู้โชคร้ายที่บังเอิญเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นทาสของมัน
“ชิงโจวผู้นี้ช่างโชคดีนัก มันเป็นอสูรวิญยาณแรกกำเนิดแต่สามารถบ่มเพาะและเลี้ยงดูวิญาณอมตะป่าจำนวนมากได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่ามกลางพวกมันยังมีกระทั่งวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด”
“มันปรับแต่งวิญญาณอมตะดวงนี้และมอบให้ผีเฒ่าไป่จุน มันต้องการรวบรวมกองทัพอสูรวิญญาณเพื่อช่วยมันกำหราบวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์”
“น่าเสียดายที่ผีเฒ่าไป่จุนพบผู้อมตะตระกูลฟางและซวนปู้จิน นอกจากแผนการจะล้มเหลว เรื่องนี้ยังถูกเปิดเผยอีกด้วย”
“ตระกูลฟางต้องการมรดกของตระกูลชิงเช่นกัน ชิงโจวอาจสังเกตเห็นและซุ่มโจมตี”
สายตาของเฉินอี้สั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ
สถานการณ์ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก
เดิมทีเขาต้องการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โดยใช้มรดกของบรรพชน แต่ตอนนี้มันกลับมีกองกำลังใหญ่และอสูรวิญญาณแรกกำเนิดเข้ามาเกี่ยวข้อง
“น่าสมเพช”
“ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของข้ายังอยู่ในระดับแปด หากมันเป็นระดับเก้า ข้าจะเข้าใจทุกสิ่ง”
“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ชั้นเยี่ยมเพื่อตรวจสอบสาเหตุและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย”
เฉินอี้ถอนหายใจก่อนจะหายตัวไปจากจุดนั้น
เขาทำได้เพียงเฝ้ามองสถานการณ์และรอคอยโอกาส
ในสนามรบฝ่ายหนึ่งกำลังไล่ล่าขณะที่อีกฝ่ายวิ่งหนี
‘ศัตรูค้นพบร่างจริงของข้าได้อย่างไร?’ ฟางหยวนไม่สามารถตอบคำถาม
เขาไม่รู้ว่าเทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไว้เบื้องหลังเพราะมีเหตุผลใดอยู่เบื้องหลัง
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดชิงโจวถือกำเนิดขึ้นจากอิทธิพลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
ดังนั้นชิงโจวจึงสามารถแยกแยะว่าผู้ใดเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ
โดยพื้นฐานแล้วนี่ไม่ใช่วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งไม้
มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ของเทพอมตะบัวสวรรค์
ในทางกลับกันฟางหวนเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
เทพปีศาจจิตวิญญาณกวาดล้างตระกูลชิงขณะที่ความเกลียดชังของตระกูลชิงถูกส่งต่อมายังฟางหยวน
อย่างไรก็ตามแม้การซ่อนตัวของฟางหยวนจะไม่สามารถหลอกลวงชิงโจวแต่เขายังสามารถซ่อนตัวจากเฉินอี้
‘แม้ข้าจะมีเกราะหวนคืน แต่ข้าไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับศัตรูผู้นี้ มันเป็นศัตรูของตระกูลฟาง ข้าออกมาต่อสู้และเกือบตาย นี่เพียงพอแล้ว ตอนนี้มันเป็นปัญหาของตระกูลฟาง’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาบินกลับไปยังหอดอกไม้ร่วงโรยของตระกูลฟาง
ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย ฟางอันเล่ยสูดหายใจลึก นางรู้สึกกดดันอย่างมากต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
แต่การแสดงออกภายนอกของนางยังดูแน่วแน่ นางออกคำสั่ง “ฟางหยุน ฟางเล้ง ช่วยข้าควบคุมหอดอกไม้ร่วงโรย เราจะช่วยซวนปู้จินและต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!”
สถานการณ์ค่อนข้างน่าขัน
ชิงโจวต้องการฆ่าฟางหยวนแต่เขาไม่รู้เรื่องนั้น
ฟางหยวนคิดว่าชิงโจวไล่ล่าตระกูลฟาง
ตระกูลฟางก็คิดว่าชิงโจวต้องการโจมตีพวกเขา ซวนปู้จินช่วยเหลือพวกเขาด้วยความจริงใจ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์เฉินอี้ก็คิดเช่นเดียวกัน ในการรับรู้ของเขา ซวนปู้จินผู้นี้ค่อนข้างโชคร้าย เขาบังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างมีเหตุและผล ตัวละครต่างๆเคลื่อนไหวไปตามโชคชะตที่ไม่สามารถคาดเดา
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1517 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (1)
แปลโดย iPAT
เมื่อเห็นฟางหยวนรอดชีวิตจากการซุ่มโจมตีและเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรย อสูรวิญญาณแรกกำเนิดชิงโจวก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาของมันกลายเป็นแดงก่ำ เจตนาสังหารของมันพุ่งสูงขึ้น มันต้องการกลืนกินศัตรูของมันทันที
มันมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ เมื่อมันไม่สามารถสังหารฟางหยวน มันจึงถูกครอบงำด้วยความเกลียดชัง
ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นและกำหราบชิงโจว แต่มันไม่สนใจและยังบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปหาหอดอกไม้ร่วงโรยโดยตรง
“นายท่าน ข้าถึงขีดจำกัดแล้ว…” ผีเฒ่าไป่จุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฆ่ามัน มิฉะนั้นจะเป็นพวกเจ้าที่ตาย!” ชิงโจวคำราม
การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เปลี่ยนไป พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้านายโกรธถึงระดับนี้มาก่อน
ความเกลียดชังของมันทำให้พวกเขาหวาดกลัวและต้องการหลบหนี
แต่พวกเขาตกเป็นทาสของชิงโจวแล้วและไม่สามารถต่อต้าน พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกัดฟันสู้ต่อไปเท่านั้น
เมื่อฟางหยวนเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรย ชิงโจวก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่สิ่งนี้
เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ฟางอันเล่ยพยายามหลบหนี
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าฟางหยวน
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกถูกทิ้งไว้ข้างหลังขณะที่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินเกาะอยู่บนหลังคาของหอดอกไม้ร่วงโรย
ในเวลาเดียวกันสนมอินทรีย์ก็ใช้กรงเล็บของนางสร้างบาดแผลจำนวนมากให้กับหอดอกไม้ร่วงโรย
หอดอกไม้ร่วงโรยไม่สามารถหลบเลี่ยงแต่ฟางอันเล่ยไม่กังวล
นางกล่าวกับฟางหยุนและฟางเล้ง “ควบคุมหอดอกไม้ร่วงโรย ข้าจะใช้ท่าไม้ตายจัดการศัตรู”
หลังกล่าวจบคำ หอดอกไม้ร่วงโรยก็ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาภายใต้การควบคุมของนาง
ดอกไม้จำนวนมากเหี่ยวแห้งและร่วงโรยลงไป
แสงสีขาวควบรวมเป็นดอกไม้ขนาดใหญ่เบ่งบานขึ้นบนหลังคาของหอดอกไม้ร่วงโรย
กลีบดอกไม้เหมือนกระจกที่สามารถสะท้อนแสง นั่นทำให้มันดูงดงามเป็นอย่างมาก
ท่าไม้ตายอมตะดอกไม้กระจก!
พลังอำนาจของกรงเล็บอินทรีย์ที่ฟาดเข้ามาถูกดอกไม้กระจกดูดกลืนเข้าไป
หลังจากดูดซับพลังของกรงเล็บอินทรีย์ กลีบดอกไม้หลายกลีดก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่กลีบใหม่จะปรากฏขึ้น
เมื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เข้ามาใกล้ กลีบดอกไม้กระจกก็สะท้อนพลังอำนาจของกรงเล็บอินทรีย์ออกไป
กรงเล็บอินทรีย์พุ่งเข้าโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และทำให้เกิดประกายไฟแลบลั่นขึ้น
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์หยุดชะงักลงขณะที่หอดอกไม้ร่วงโรยเร่งความเร็วเพื่อสร้างระยะห่างออกจากศัตรู
“โอ้ ไม่ แมงมุมตัวนั้นกำลังจะเข้ามาแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยุนกรีดร้องออกมา
แม้หอดอกไม้ร่วงโรยจะสามารถสร้างระยะห่างออกจากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสนมอินทรีย์ แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินใช้ประโยชน์จากร่างกายเล็กๆของมันเจาะทะลวงหลังคาหอดอกไม้ร่วงและพยายามเข้าไปภายใน
แม้มันจะยังห่างไกลจากความสำเร็จแต่สถานการณ์ก็อันตรายมาก
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสร้างขึ้นจากวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน หากอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสามารถเข้าไปภายใน มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่
หลังจากทั้งหมดวิญญาณบอบบางมาก
แม้หอดอกไม้ร่วงโรยจะสามารถซ่อมแซมตัวเองแต่ความเร็วในการซ่อมแซมก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับพลังทำลายล้างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิด
ในช่วงเวลาสำคัญฟางอันเล่ยต้องเคลื่อนไหว
ท่าไม้ตายอมตะบานสะพรั่ง!
ดอกไม้กระจกบนหลังคาร่วงโรยไปขณะที่ดอกไม้อีกดอกงอกขึ้นมาแทนที่
มันไม่ใหญ่โตและดูค่อนข้างบอบบาง เพียงเมื่อมันปรากฎ มันก็กลายเป็นเงาแสงหายไปกับสายลม
แต่พลังงานลึกลับกลับพันธนาการแมงมุมตัวนั้นเอาไว้และทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันช้าลง
‘หอดอกไม้ร่วงโรยหลังนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ไม่แปลกใจเลยที่มันสามารถสร้างชื่อเสียงในสงครามห้าภูมิภาค’
‘ดอกไม้กระจกก่อนหน้านี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้แต่มันปลดปล่อยพลังอำนาจบนเส้นทางแห่งกฎและสามารถสะท้อนการโจมตีกลับไป ดอกไม้ที่หายไปอย่างรวดเร็วในตอนนี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลา!’
ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่ในห้องโถงด้วยดวงตาที่ส่องประกาย
ฟางอันเล่ยใช้ดอกไม้กระจกเพื่อผลักดันวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสนมอินทรีย์ก่อนที่จะใช้ดอกไม้บานสะพรั่งบรรเทาวิกฤตอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหิน แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดขาว การใช้ท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่องทำให้นางสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล
ท่าไม้ตายทั้งสองทรงพลังมาก พวกมันมีพลังเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด
แต่ยิ่งท่าไม้ตายทรงพลังเท่าใด ค่าใช้จ่ายของมันก็ยิ่งสูงเท่านั้น ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าฟางอันเล่ยทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของนางออกมาแล้ว
‘หอดอกไม้ร่วงโรยเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดชั้นแนวหน้า แต่เผชิญหน้ากับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ และปีศาจอมตะระดับเจ็ดอีกสองคน มันยังยากเกินไป! แม้ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมด ข้าก็ทำได้เพียงป้องกันตัวเป็นการชั่วคราวเท่านั้น’
หัวใจของฟางอันเล่ยเต้นแรง นางหันไปมองฟางหยวนและคิด ‘คนผู้นี้มีวิธีการที่น่าทึ่ง เขาเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่กว่าข้าก่อนหน้านี้ แต่เขายังสามารถสงบจิตใจและหาทางออกได้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ตอนนี้เราต้องขอความช่วยเหลือจากเขา ข้าอดทนได้อีกไม่นานแล้ว’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟางอันเล่ยก็วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไปให้ฟางหยวน
ตอนนี้นางยุ่งอยู่กับการจัดการศัตรู นางไม่สามารถพูดคุยกับฟางหยวนได้ตามปกติ
ฟางหยวนตรวจสอบและตระหนักว่าฟางอันเล่ยต้องการเป็นพันธมิตรกับเขาอย่างเป็นทางการเพื่อต่อต้านศัตรูที่ทรงพลังเหล่านี้
ฟางอันเล่ยกล่าวถึงผลประโยชน์และเงื่อนไขต่างๆ ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันต่อต้านศัตรูจนกว่ากำลังเสริมของตระกูลฟางจะมาถึง
ฟางอันเล่ยรู้สึกว่าฟางหยวนไม่สามารถหลบหนี แต่ความจริงก็คือเขาไม่เพียงสามารถหลบหนีแต่เขายังมีเกราะหวนคืนที่สามารถต่อสู้กับศัตรูหากเขาต้องการ
แต่ตอนนี้ฟางหยวนเลือกที่จะอยู่เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับตระกูลฟาง
‘ข้าสามารถหลบหนีแต่ฟางอันเล่ยทำไม่ได้ ดังนั้นข้อตกลงพันธมิตรจึงค่อนข้างเป็นประโยชน์สำหรับข้า ข้าต้องขอบคุณศัตรูทรงพลังที่ซุ่มโจมตีพวกเรา หากไม่ใช่เพราะพวกเขา ตระกูลฟางจะไม่เป็นพันธมิตรกับข้าอย่างง่ายดายและด้วยเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้’
เดิมทีตระกูลฟางเสนอโครงการศิลาหยินหยางเพื่อสร้างข้อตกลงพันธมิตร
อย่างไรก็ตามเมื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ศิลาหยินหยางก็กลายเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ฟางอันเล่ยค่อนข้างฉลาด นางยังรักษาโครงการเดิมเอาไว้
นอกเหนือจากวิญญาณอมตะระดับหก ฟางอันเล่ยยังสัญญากับฟางหยวนว่าจะมอบทรัพยากรอมตะจำนวนมากให้เขาอีกด้วย
‘วิญญาณอมตะระดับหกไม่มีประโยชน์มากนัก แต่หากข้าขอวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะเหมือนการรีดไถ นอกจากนั้นฟางอันเล่ยก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะตัดสินใจ ลืมมันไปซะ นี่เป็นโอกาสสำคัญ ข้าไม่ควรโลภและทำลายโอกาสที่ดีเช่นนี้’
ฟางหยวนคิดแผนการและตัดสินใจ “ข้าจะเข้าร่วมพันธมิตร!”
ฟางอันเล่ยมีความสุขมาก เดิมทีนางเกรงว่าฟางหยวนจะเย่อหยิ่งและสงสัย แต่เมื่อเห็นเขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางก็ต้องยกย่องอยู่ในใจ ‘เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดในสถานการณ์คับขัน’
ตระกูลฟางเตรียมวิญญาณอมตะและวิธีสร้างข้อตกลงพันธมิตรเอาไว้ตั้งแต่ออกเดินทางมาแล้ว ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงสามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตรได้อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้หอดอกไม้ร่วงโรยถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว
“บึม!”
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าโจมตีขณะที่หอดอกไม้ร่วงโรยไม่สามารถหลบเลี่ยง มันถูกส่งลงสู่พื้นราวกับดาวตก
“ตาย ตาย ตาย!” ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ชิงโจวคำรามอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเขียวกลายเป็นของแข็งและพุ่งทะลวงร่างกายของมัน แต่มันกลับเพิกเฉยต่อสิ่งนี้อย่างสิ้นเชิง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1518 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (2)
แปลโดย iPAT
หอดอกไม้ร่วงโรยด้อยกว่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้กำแพงทิศตะวันตกของหอดอกไม้ร่วงโรยจึงเกิดรูช่องโหว่ขนาดใหญ่
ชิงโจวบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เข้าโจมตีด้วยความโกรธอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันแมงมุมเหินก็พยายามเจาะทะลวงเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรยและทำให้ผู้อมตะตระกูลฟางตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
ในยามคับขันฟางอันเล่ยกรีดร้องและกระตุ้นใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของนางออกมา
ท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่า!
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหลังหดเล็กลงกระทั่งมีขนาดเท่ากับของเล่นเด็กไปในพริบตา
มันตกลงบนพื้นทรายและสร้างหลุมขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันดอกกล้วยไม้ก็เติบโตขึ้นบนพื้นผิวของหอดอกไม้ร่วงโรยและส่งกลิ่นหอมกระจายออกไป
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รวมถึงสนมอินทรีย์และอสูรวิญญาณอสรพิษมีปีกรู้สึกราวกับหอดอกไม้ร่วงโรยอยู่ไกลมาก แม้พวกเขาจะเห็นหอดอกไม้ร่วงโรยอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขากลับไม่สามารถลดระยะห่างลงได้
ราวกับห้วงมิติถูกขยายออกไป
ฟางอันเล่ยปิดเปลือกตาลงด้วยใบหน้าซีดขาว เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของนางอย่างต่อเนื่องขณะที่นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอย่างไม่หยุดยั้ง
“ยอดเยี่ยม เช่นนั้นข้าจะออกไปจัดการแมงมุมเหิน” ฟางหยวนยกย่องและบินออกไปด้านนอก
ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่า ฟางหยวนจะปลอดภัยชั่วคราว
คฤหาสน์วิญญาณอมตะแตกต่างจากค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนไม่สามารถใช้วิธีการของเขา เขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
‘ให้ข้าดูว่าวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดจะแข็งแกร่งกว่าท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยของข้าหรือไม่?’
ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย!
นี่เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสที่พิเศษมาก มันสามารถสะกดข่มทาสสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่าด้วยกองทัพสัตว์อสูรที่มีระดับต่ำกว่า
แต่แมงมุมเหินตัวนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการทดสอบพลังอำนาจของทั้งสองวิธี
เมื่อเขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้ ร่างกายของแมงมุนเหินเริ่มสั่น ความเร็วในการเจาะทะลวงคฤหาสน์วิญญาณอมตะของมันลดลงอย่างมาก
“น่าประทับใจ!” ฟางหยุนมีความสุข
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของฟางเล้งพุ่งสูงขึ้น
ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยอย่างสุดกำลัง
แมงมุมเหินต่อสู้อย่างหนักและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ขณะที่ฟางหยวนกับผีเฒ่าไป่จุนกำลังต่อสู้กัน
ท่าไม้ตายทาสแปดสิบต่อร้อยเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด แต่พลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้ไม่ได้มาจากวิญญาณเพียงอย่างเดียวแต่มันยังขึ้นอยู่กับจำนวนของกองทัพอสูรวิญญาณ
มิติช่องว่างของฟางหยวนมีอสูรวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นทำให้พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยเพิ่มขึ้นและสามารถต่อสู้กับวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด
สถานการณ์ตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน
หอดอกไม้ร่วงโรยอยู่ในหลุมทราย บนท้องฟ้ามีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีก และสนมอินทรีย์ ห่างออกไปมีกองทัพอสูรวิญญาณ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว และผีเฒ่าไป่จุน
ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย ฟางอันเล่ยขมวดคิ้วลึก ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
นางต่อต้านกลุ่มศัตรูที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดอย่างเต็มที่แล้ว แต่หอดอกไม้ร่วงโรยไม่สามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมากเช่นนี้
‘การต่อสู้ครั้งนี้ข้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความเฉลียวฉลาด
เขาไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด หากเขาทุ่มเทสุดตัว การต่อสู้จะแตกต่างออกไปจากนี้
อย่างไรก็ตามหากฟางหยวนประมาทและเปิดเผยเกราะหวนคืน ตัวตนของเขาจะถูกค้นพบและจะเป็นผลเสียต่อแผนการของเขา
‘ข้าต้องปิดบังตัวตนของข้าและแก้ไขวิกฤตนี้ แต่ข้าควรทำอย่างไร? หือ?’ ทันใดนั้นฟางหยวนกลับรู้สึกถึงบางสิ่ง
เขาเห็นแมงมุมเหินหยุดสั่น มันตกเป็นทาสของฟางหยวนขณะที่พลังอำนาจของวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดหายไปแล้ว
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนหันหน้ากลับไปและเห็นผีเฒ่าไป่จุนที่อยู่ในระยะไกลพ่นเลือดคำโตออกมา
เหตุผลก็คือผีเฒ่าไป่จุนถึงขีดจำกัดแล้ว แม้เขาจะต้องการดำเนินการต่อแต่เขาไม่มีพลังงานพอที่จะทำได้
การใช้การบ่มเพาะระดับเจ็ดเพื่อควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสี่ตัวด้วยวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นภาระหนักเกินไป เขาสามารถอดทนมาได้จนถึงเวลานี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
ฟางหยวนหัวเราะ ตอนนี้เขาสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินได้อย่างสมบูรณ์
“ผู้อาวุโส ยอดเยี่ยมมาก!” ขวัญกำลังใจของฟางหยุนและฟางหเล้งพุ่งสูงขึ้น
ฟางหยวนสามารถจับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินเป็นทาส สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาแต่พวกเขาไม่รู้สึกสงสัยใดๆ
ท้ายที่สุดฟางหยวนก็ครอบครองกองทัพอสูรวิญญาณจำนวนมหาศาล มันสามารถทำความเข้าใจได้หากเขาจะสามารถสะกดข่มอสูรวิญญาณแรกกำเนิด
หลังจากได้รับแมงมุมเหิน ฟางหยวนก็สั่งให้มันโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แต่ร่างเล็กๆของมันมีข้อได้เปรียบ ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน มันมีประโยชน์มาก
อย่างไรก็ตามมันยังเป็นเรื่องยากสำหรับแมงมุมเหิน
ปรากฎว่าท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่าไม่ได้แยกแยะศัตรูหรือมิตร มันส่งผลกระทบต่ออสูรวิญญาณแรกกำเนิดของฟางหยวนเช่นกัน
‘ท่าไม้ตายนี้ไม่สามารถควบคุมได้อย่างอิสระงั้นหรือ? ฟางอันเล่ยอาจถึงขีดจำกัดของนางเช่นเดียวกับผีเฒ่าไป่จุน?’ ฟางหยวนรู้สึกกังวล
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขารู้สึกถึงบางสิ่ง เมื่อเขาหันหน้ากลับไป เขาก็พบกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังบินเข้ามา
สนมอินทรีย์กรีดร้องด้วยความตกใจ “นายท่าน เราต้องถอย!”
ในช่วงเวลาสำคัญกำลังเสริมของตระกูลฟางได้มาถึงในที่สุด
“ตาย ตาย ตาย!” ชิงโจวเต็มไปด้วยความโกรธและไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผล มันไม่สนใจสถานการณ์หรือคำพูดของสนมอินทรีย์ มันต้องการฆ่าฟางหยวนเท่านั้น
ใบหน้าของสนมอินทรีย์กลายเป็นซีดเผือดเมื่อเจ้านายของนางปฏิเสธที่จะล่าถอย นางคิดว่านางต้องตายที่นี่ในวันนี้อย่างแน่นอน
เฉินอี้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์นี้อย่างลับๆเริ่มกังวลเช่นกัน
‘โอ้ ไม่! กำลังเสริมของตระกูลฟางมาถึงแล้ว พวกมันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดกรงสัตว์อสูรและอู่เรือพิพากษา หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองทำงานร่วมกับหอดอกไม้ร่วงโรย พวกมันจะสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกไม้ หากข้าติดอยู่ภายใน ข้าจะไม่สามารถหลบหนี ขณะเดียวกันชิงโจวก็ไม่สามารถควบคุมพลังอำนาจทั้งหมดของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินอี้ต้องถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ‘ผู้ใดจะคิดว่าภารกิจครั้งนี้ของข้าจะไม่ใช่การกำจัดชิงโจวแต่เป็นการช่วยมัน’
หลังจากนั้นควันสีเขียวก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะของเขาและควบรวมเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมอย่างรวดเร็ว
ผลไม้บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมสั่นไหวขณะที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมาอย่างรุนแรง
ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แสงสีเขียวพุ่งเข้าโจมตีชิงโจวจากทุกทิศทาง
ชิงโจวคำรามด้วยความโกรธ เสียงที่แหบแห้งของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความเกลียดชัง ความโกรธ และความขมขื่น
“ตาย ตาย ตาย!”
มันอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปะทุออกมาจากร่างของมันและสร้างเป็นท่าไม้ตายอมตะ
“บึม!”
พลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาและทำให้ประตูวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เปิดออก
ชิงโจวคำรามและสามารถมองเห็นโลกภายนอกผ่านช่องประตูดังกล่าว
มันรวบรวมกำลังและพยายามลุกขึ้น คออสรพิษของมันยืดออกขณะที่ลิ้นสีม่วงของมันพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความเร็วสูง
รอบๆหอดอกไม้ร่วงโรยได้รับการปกป้องโดยท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่า แต่ดาบลิ้นสีม่วงกลับไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ มันพุ่งตรงมาที่หน้าผากของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
‘ข้าต้องหลบ!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายชั่วร้ายขณะที่เขาหลบเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรยผ่านรูช่วงโหว่
“ปัง!”
ดาบลิ้นสีม่วงพุ่งทะลวงเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรยและแทงทะลุหน้าอกของฟางอันเล่ย
ฟางหยุนและฟางเล้งตกตะลึง
ดวงตาของฟางอันเล่ยเบิกกว้าง ร่างกายของนางแข็งทื่อ นางค่อยๆก้มหน้าลงมองหน้าอกของตนเองด้วยความมึนงง
“สหาย!” ฟางหยวนกรีดร้องด้วยความตกใจ
รออยู่น๊าา
ตอบลบ