ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1136-1149

 ตอนที่ 1136 เดือดพล่าน


 เฮ่อเหลียนเช่อให้ลูกน้องพาตัวจ้าวเหมยเข้ามา เขาปรายตามองเหล่าผู้คนที่เริ่มอดใจไม่อยู่ สายตาก็ฉายแววเหยียดหยาม แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ห้ามใจไม่อยู่แล้ว?


สมแล้วที่เป็นเพียงพวกสวะ หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังมีประโยชน์อยู่เขาไม่แม้แต่จะอยากสนทนากับสวะพวกนี้เลยสักนิด รอจัดการเรื่องสำคัญเสร็จ สวะพวกนี้จะไสหัวไปไหนก็ไปให้พ้น!


มีเสียงร้องออกมาจากข้างนอกทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อหน้าถอดสีเล็กน้อย วิ่งพุ่งตัวไปที่ลานบ้านตามสัญชาตญาณ กลับเห็นลูกน้องของเขากำลังมองท้ายรถเลยมองตามไปด้วยอย่างอดไม่ได้


“ทำไมถึงมีกระสอบผ้าป่านสองกระสอบ? บอกให้พวกแกมัดตัวจ้าวเหมยมาคนเดียวไม่ใช่หรือไง?” เฮ่อเหลียนเช่อตวาดเสียงถาม


ลูกน้องสะดุ้งตัวโยนจนพูดเสียงไม่ชัด พวกเขาเองก็อยากรู้เหลือเกินว่าทำไมถึงมีกระสอบป่านเพิ่มมาอีกอัน!


ลูกน้องที่ไหวพริบดีวิ่งไปแกะปากกระสอบผ้าป่าน  โดยเริ่มแกะกระสอบที่มีขนาดใหญ่กว่า ท่ามกลางการรอคอยของทุกคนร่างอวบอ้วนน่าเกลียดของหานซู่ฉินก็โผล่ขึ้นมา


เฮ่อเหลียนเช่อเบนหน้าหันไปยังกระสอบป่านอีกถุงด้วยสีหน้าดุดัน ลูกน้องแกะแล้ว ไม่เหนือเกินความคาดหมายของเฮ่อเหลียนเช่อเลย เขาคือหานป๋อหย่วนนั่นเอง


สองอาหลานยังไม่ฟื้นเลยหลับตาปี๋หัวหักหัวห้อย ร่างกว่าครึ่งท่อนยังอยู่ในถุงกระสอบป่าน คนพวกนี้พอเห็นว่าเป็นหญิงแก่คนหนึ่งกับผู้ชายอีกคนก็หมดความสนใจไปตามๆ กัน


พวกเขาไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อที่ไม่เกี่ยงว่าเป็นชายหญิงแก่หรือเด็ก


“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? จ้าวเหมยไปไหนแล้ว?” โอหยางสยงผิดหวังอย่างมาก สีหน้ายิ่งเรียบตึงกว่าเดิม


เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะลงโทษจ้าวเหมยให้สาสม เขาคิดท่าไว้ถึงหนึ่งร้อยแปดท่า ในหัวเริ่มวาดฝันถึงภาพที่จ้าวเหมยร้องขอชีวิตอยู่ใต้ร่างเขา มันจะสะใจขนาดไหน!


แต่ตอนนี้กลับผิดคาดทุกอย่าง โอหยางสยงรู้สึกยากจะทำใจรับได้ ไฟโทสะพุ่งพรวดขึ้นมา


เฮ่อเหลียนเช่อบันดาลโทสะยิ่งกว่าเพราะเขารู้สึกอับอายขายหน้า แถมยังอยู่ต่อหน้าคนของโอหยางสยง ลำพังยายเด็กหัวกะโปกคนเดียวยังพาตัวมาไม่ได้ ลูกน้องของเขากินขี้เป็นอาหารหรือไงกัน?


พวกโอหยางสยงจะแอบหัวเราะเยาะลับหลังเขาขนาดไหน!


“พวกสวะ!”


ไม่มีใครทันเห็นว่าเฮ่อเหลียนเช่อลงมืออย่างไร ท่ามกลางแสงไฟนั่นทำให้ลูกน้องสองคนกรีดร้องทีหนึ่งก่อนจะล้มนอนแน่นิ่งบนพื้น เกรงว่าคงหมดลมหายใจไปแล้ว


ผู้คนที่กำลังกระซิบกระซาบต่างปิดปากเงียบจะมีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์อีก  รวมถึงสายตาเหยียดหยามก่อนหน้านี้ด้วย


การตายอย่างอนาถของลูกน้องสองคนนี้ได้ย้ำเตือนพวกเขาว่าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนป่าเถื่อนเลือดเย็นแค่ไหน พวกเขาไม่อยากตายสถานเดียวกับลูกน้องสองคนนี้ที่ตายโดยไม่รู้สาเหตุ


เฮ่อเหลียนเช่อไม่สบอารมณ์ ไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาต้องการหาที่ระบายอารมณ์โดยด่วน


พวกโอหยางสยงยังมีประโยชน์ย่อมแตะต้องไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อมองไปทางสองอาหลานที่กำลังจะฟื้นเลยแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างเลือดเย็น คนที่คุ้นเคยเขาหัวใจดิ่งวูบทันที


ทุกครั้งที่เฮ่อเหลียนเช่อเผยรอยยิ้มแบบนี้ บ่งบอกว่าจะมีคนโชคร้ายเกิดขึ้นแล้ว


หวังเพียงว่าคนโชคร้ายนั่นไม่ใช่พวกเขา!


ในเมื่อพวกเขาในตอนนี้ยังมีประโยชน์ต่อเฮ่อเหลียนเช่อ จะว่าอย่างไรก็เป็นพันธมิตร คงไม่ถึงขั้นต้องแทงข้างหลังกันหรอกนะ


ความคิดของคนโรคจิต คนปกติอย่างพวกเขาจะคาดคะเนได้หรือ?


“ผู้หญิงแก่ก็มีรสชาติของผู้หญิงแก่ ผู้ชายก็มีรสชาติของผู้ชาย ในเมื่อได้มาแล้วก็อย่าให้เสียเปล่า เต็มที่ไปเลย!”


เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยยิ้มตาหยีและกระตุกมือเล็กน้อยก่อนที่สองอาหลานหานซู่ฉินจะถูกเขานำตัวออกจากถุงกระสอบป่าน แล้วถูกจับโยนไว้ตรงหน้าพวกเขาทั้งคู่แกล้งสลบไม่ได้อีกต่อไป เจ็บจนต้องฟื้นขึ้นมาแล้วมองพวกเฮ่อเหลียนเช่ออย่างหวาดผวา


ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?


ทั้งที่วางแผนไว้ดิบดีแล้วนี่นา!


…………………………..


 ตอนที่ 1137 การแก้แค้นของเฮ่อเหลียนเช่อ


 เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองสองอาหลานที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยสายตาเย็นชาเล่นแส้ในมือไปพลางๆ รอยยิ้มสยองทำเอาหานซู่ฉินรู้สึกเหมือนจมสู่ใต้ผืนน้ำแข็งก็ไม่ปาน


“คะ…คุณชายเช่อ…ได้โปรดปล่อยฉันกลับไปเถอะ ขอร้องล่ะ…” หานซู่ฉินพูดขอร้องเสียงตะกุกตะกัก ส่วนหลานชายคนโตสุดที่รักเธอไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจอะไรแล้ว


หานป๋อหย่วนหน้าซีดเซียวตัวสั่นเทิ้ม เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อมาช้านาน เขาหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้เฮ่อเหลียนเช่อจะยอมปล่อยเขาได้หรือ?


“คุณชายเช่อ…ผมไม่รู้อะไรเลย ผมถูกเธอหลอกมา ถ้าจะทำโทษก็ทำโทษแค่คุณอาผมคนเดียวเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย…”


หานป๋อหย่วนร่ำไห้อย่างน่าสงสารพลางชี้นิ้วที่สั่นระริกไปที่หานซู่ฉิน หวังว่าเจ้าโรคจิตเฮ่อเหลียนเช่อจะเบี่ยงความสนใจไปที่ตัวหานซู่ฉินและยอมปล่อยคนบริสุทธิ์อย่างเขาคนนี้ไป


เขาไม่อยากโดนผู้ชายทะลวงบั้นท้ายนี่นา!


ณ เวลานี้ทั้งคู่คิดแค่ว่าจะบ่ายเบี่ยงให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อหานี้ได้อย่างไร ส่วนสายสัมพันธ์อาหลานอะไรนั่นไม่มีประโยชน์เลยยามอยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย


หานซู่ฉินมองหลานชายสุดรักของเธออย่างไม่เชื่อสายตาพลันก่นด่าด้วยความโมโห “หานป๋อหย่วนไอ้คนไร้หัวใจ ฉันเป็นอาของแกนะ ถ้าบ้านของแกไม่ได้ฉันคอยช่วยไว้คิดว่าจะได้ดีเหมือนทุกวันนี้หรือไง? ใจดำอำมหิต เหมือนแม่ของแกไม่มีผิด…”


เดิมหานป๋อหย่วนยังรู้สึกผิดอยู่น้อยๆ แต่พอฟังหานซู่ฉินยิ่งด่ายิ่งไม่น่าฟัง ไหนจะด่าหยามแม่ของเขา แม้เขาไม่ใช่ลูกกตัญญูอะไรนักแต่ต่อหน้าคนภายนอกเขาเป็นลูกชายแสนกตัญญูมาโดยตลอด ตอนนี้อยู่ต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อเขาก็จะเสียเกราะป้องกันนี้ไปไม่ได้


“อาใหญ่ แม่ผมคือพี่สะใภ้ใหญ่อาเชียวนะ พี่สะใภ้ใหญ่เปรียบดั่งแม่ ถ้าอายังด่าแม่ของผมอีกอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ…”


หานป๋อหย่วนแย้งด้วยคำพูดดูดีมีคุณธรรมให้เห็นว่ายังเป็นลูกชายที่ดีคอยปกป้องคุณแม่เสมอ ทำเอาหานซู่ฉินหน้าถมึงทึงยิ่งสบถด่าไม่ยั้ง หานป๋อหย่วนเองก็ไม่ยอมด้อยไปกว่านั้น สองอาหลานเริ่มปะทะกันทางวาจา น่าสนใจจริงๆ


เฮ่อเหลียนเช่อดูท่าทางอารมณ์ดีไม่หยอกยกยิ้มมุมปากกว้างขึ้นเรื่อยๆ พวกโอหยางสยงติดตามเขามานานแค่ดูก็รู้แล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางปล่อยเจ้าโง่สองคนนี้ไปง่าย ๆ


พวกโอหยางสยงคอยดูสองอาหลานที่ยังลับฝีปากกันอย่างไม่ลดละด้วยความสนใจ ตั้งตาคอยว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะลงโทษพวกเขาอย่างไร แม้ไม่มีคนสวยอย่างจ้าวเหมยแต่เห็นภรรยาของจ้าวอิงสยงโดนรุมโทรมก็ไม่ถือว่าน่าเบื่อไปเสียทีเดียว


เพียงแต่ใครเล่าจะเดาความคิดของเฮ่อเหลียนเช่อได้ถูก!


เฮ่อเหลียนเช่อดูเรื่องสนุกๆ จนพอใจเลยหันมายิ้มให้พวกโอหยางสยงเพราะคร้านจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ รอยยิ้มที่ทำเอาพวกเขาขนลุกซู่ ไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อคิดจะทำอะไร


“ถึงยายป้าคนนี้จะขี้เหร่ไปหน่อยแต่อย่างน้อยก็เป็นถึงภรรยาของจ้าวอิงสยงแหนะ พวกแกไม่อยากเอาคืนจ้าวอิงสยงกันหน่อยเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อยุยงอย่างมีเจตนา ไม่มีใครรู้ทันความคิดคนพวกนี้ได้ดีเท่าเขาแล้ว


คนเหล่านี้ต่างไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมอะไรทั้งนั้น  อีกทั้งพวกเขาล้วนเป็นคู่อริของตระกูลจ้าว การได้ระบายความแค้นในใจได้สักนิดคนพวกนี้ไม่น่าจะปฏิเสธ!


เป็นเช่นนั้นจริง มีหลายคนเริ่มปรากฏแววตาสนอกสนใจ ปกติโดนจ้าวอิงสยงกดมาตลอด ตอนนี้มีโอกาสได้พลิกกลับมาใครเล่าจะไม่ยอมกัน?


จะว่าไปแล้วระหว่างที่ได้ตัวหลานสาวของจ้าวอิงสยงกับได้ตัวภรรยาของเขา ตัวเลือกอย่างหลังดูจะมีพลังทำลายล้างมากกว่า!


ผู้หญิงน่ะ ไม่ว่าจะแก่หรือเด็ก ความจริงแค่หลับตาก็ไม่ต่างกันหรอก!


หานซู่ฉินจะไม่เข้าใจคำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างไร เธอตกใจรีบร้องขอชีวิตหวังว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะยอมปล่อยเธอไป แต่เฮ่อเหลียนเช่อกำลังโกรธอยู่ หากระบายออกแล้วจะหายโกรธได้อย่างไร?


อีกอย่างเขาไม่คิดจะปล่อยจ้าวอิงสยงไปอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้แค่หลอกเจ้าโง่จ้าวอิงสยงเท่านั้น ต่อให้จ้าวอิงสยงพาตัวจ้าวเหมยมาส่งให้ตามสัญญาเขาก็ไม่มีวันปล่อยตระกูลจ้าวไปเด็ดขาด


ตอนที่ 1138 สวรรค์กับนรกของอาหลาน


 เฮ่อเหลียนเช่อเดินตรงไปยังประตูใหญ่โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองสองอาหลานหานซู่ฉิน วันนี้เป็นเวลาที่เขานัดคุยโทรศัพท์กับเหมยซูหานไว้  เขาต้องกลับไปเร็วหน่อย อาบน้ำก่อนค่อยให้ห้องครัวทำของอร่อยๆ พร้อมเหล้านิดหน่อย อาบน้ำใต้แสงจันทร์และคุยกับดอกเหมยน้อยของเขาไปด้วย โรแมนติกจะตายไป!


ใครจะมาทนดูเศษสวะพวกนี้ให้รำคาญใจกัน!


เฮ่อเหลียนเช่อที่เดินไปถึงหน้าประตูจู่ ๆ ก็หันหลังกลับมาสาดผงสีชมพูในมือปล่อยให้แพร่กระจายไปทั่วห้องตามลมอ่อนๆ พวกโอหยางสยงเผลอสูดเข้าไปจำนวนไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครทันสังเกตเห็น


เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างได้ใจ ในเมื่อคนพวกนี้ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ถ้าอย่างนั้นเขาจะช่วยเสริมความสนุกหน่อยแล้วกัน!


“ป้าแก่ๆ ร่างอืดทน พวกแกอย่าออมแรงล่ะ ส่วนไอ้คนพิการนี่พวกแกคงไม่ชอบใจ งั้นก็ตบเป็นรางวัลให้พวกเจ้าดำแล้วกัน…”


ฤทธิ์ยาของผงสีชมพูนั่นเริ่มออกฤทธิ์กลายๆ พวกโอหยางสยงหน้าแดงก่ำลำคอแห้งผาก สายตาที่มองไปทางหานซู่ฉินแฝงด้วยความเร่าร้อน หานซู่ฉินเองก็เช่นกันแม้ยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้างแต่กลับต้านฤทธิ์ของยากระตุ้นอารมณ์นี้ไม่ไหว


รวมทั้งเธอกับจ้าวอิงสยงเป็นเพียงสามีภรรยากันแค่ชื่อมานานแล้ว ไม่รู้ว่าแห้งเหี่ยวมาตั้งกี่ปี ผงยาพวกนี้เลยมีผลต่อเธอรุนแรงกว่าคนทั่วไป  ต่างจากพวกโอหยางสยงที่ใช้เวลาอยู่ในสโมสรอันดับหนึ่งเป็นปกติ ภูมิต้านทานย่อมมีมากกว่า


ยาในตัวหานซู่ฉินแผลงฤทธิ์เป็นคนแรก กลับเคลื่อนร่างเข้าหาโอหยางสยงที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดก่อน


โอหยางสยงแค้นตระกูลจ้าวเข้ากระดูก แม้หานซู่ฉินไม่ได้สวยเย้ายวนเท่าหวงอวี้เหลียนและอายุมากกว่าเสียหน่อย แต่ใครให้หานซู่ฉินเป็นภรรยาของจ้าวอิงสยงกันล่ะ แค่คิดว่าจะเป็นการสวมเขาให้จ้าวอิงสยงครั้งใหญ่แถมยังทำลายชื่อเสียงตระกูลจ้าวได้ โอหยางสยงก็เกิดอารมณ์กระชากหานซู่ฉินเข้าหาตัวก่อนจะเริ่มสงครามแห่งรัก


คนอื่นๆ ที่สูดผงแป้งเข้าไปเหมือนกันก็เริ่มทนไม่ไหว รุมเข้าไปทีละคนพลันทำให้ภาพนี้อนาจารเกินจะมองได้


เฮ่อเหลียนเช่อทำปากส่งซิกให้ลูกน้องหน้าประตู ลูกน้องเข้าใจความหมายเลยพาหานป๋อหย่วนไปยังอีกห้อง


หานป๋อหย่วนยืนอยู่มุมอับลมเลยสูดผงแป้งเข้าไปในร่างกายอย่างจำกัด ยาจึงออกฤทธิ์ช้ากว่าทำให้ขณะนี้ยังมีสติครบถ้วน ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ยิ่งระแวงกว่าเดิม


แม้เขาไม่รู้ว่าเจ้าดำเป็นเทพเจ้ามาจากไหนแต่เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีได้อัตโนมัติ พร่ำขอร้องอ้อนวอนเสียงแทบขาดใจ ถึงขั้นพ่นคำที่ว่าจะยอมปรนนิบัติเฮ่อเหลียนเช่อออกจากปาก


“สวะอย่างแกคิดจะรับใช้คุณชายเช่อ ถุย ฝันกลางวันไปเถอะ อย่างแกแค่เหมาะรับใช้เจ้าดำของคุณชายเช่อล่ะ…”


ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าดูถูกพลางยกเท้าเตะใส่ท้องหานป๋อหย่วน เขาเจ็บจนน้ำหูน้ำตาไหล


“ในเมื่อเขาจริงใจขนาดนี้ งั้นก็จูงสายฟ้าเข้ามาด้วยแล้วกัน ให้พวกมันได้สนุกให้เต็มไปเลยวันนี้” เฮ่อเหลียนเช่อไม่โกรธแต่กลับหัวเราะแทน


หานป๋อหย่วนไม่เข้าใจคำว่าเจ้าดำหรือสายฟ้า แต่เขารู้ว่าต้องไม่ใช่สาวงามอ้อนแอ้นเย้ายวนใจ หรือว่าจะเป็น…


เขาไม่กล้าคิดต่อไป ใจดิ่งสู่ก้นเหวลอบอธิษฐานในใจว่าขอไม่ให้เป็นอย่างที่เขาคิด แต่–


รอเห็นหมาพันธุ์ทิเบตันที่ขนาดตัวราวกับลูกวัวตัวน้อยคำรามอยู่ในกรงหานป๋อหย่วนก็ใจหล่นวูบโดยปริยาย ต่อให้เขาโง่แค่ไหนก็เข้าใจความหมายว่า ‘สนุก’ ของเฮ่อเหลียนเช่อมันหมายถึงอะไร!


หานป๋อหย่วนดิ้นรนตะเกียกตะกาย เขายอมโดนผู้ชายทะลวงแต่ไม่อยากโดนหมาพันธุ์ทิเบตตัวหนึ่ง…


“สายฟ้ามาแล้ว วันนี้เจ้าหมอนี่มีบุญล่ะ!”


หานป๋อหย่วนมองไปทางประตูก็ชะงักค้างทันที สายฟ้าเป็นหมาพันธุ์บลูด็อกตัวใหญ่ที่หน้าตาน่าเกลียด เขี้ยวคมเป็นซี่ๆ น่ากลัวยิ่งกว่าใบมีดสั้น น้ำลายไหลหยดลงมาเป็นพักๆ ส่งกลิ่นเหม็นคาวไปทั่ว


เจ้าดำกับสายฟ้าถูกป้อนยากันทั้งสองตัว พอเห็นหานป๋อหย่วนก็ตื่นเต้นโถมเข้าใส่ตัวเขาอย่างมีความสุข สุนัขไม่รู้จักเบิกทางไม่เบิกทางแต่จู่โจมเข้าไปทันที หานป๋อหย่วนเจ็บจนร้องคร่ำครวญแทบตายทั้งเป็น


ส่วนหานซู่ฉินที่อยู่ห้องโถงใหญ่กลับตรงกันข้าม ไม่รู้ว่ากำลังมันขนาดไหน…


……………………………………………


 ตอนที่ 1139 ยิ่งทำยิ่งเสีย


 ทางจ้าวอิงสยงรอข่าวของหานซู่ฉินอยู่ตลอดเวลา เขากับหานซู่ฉินนัดกันไว้ว่าจะโทรหากันตอนสิบเอ็ดโมงแต่ตอนนี้มันสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วยังไม่มีวี่แววความเคลื่อนไหวจากฝั่งหานซู่ฉินแม้สักน้อย จ้าวอิงสยงเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว


เขาส่งข้อความไปที่เพจเจอร์หานซู่ฉินหลายครั้งแต่กลับไม่มีการตอบรับจากหานซู่ฉิน เขาโทรหาหานป๋อหย่วนอีกครั้งและเช่นกันที่ไม่มีข่าวคราวใดๆ


จ้าวอิงสยงชักสังหรณ์ใจไม่ดี เขายังอยากจะขอดิ้นรนอีกสักนิดเลยโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ


เฮ่อเหลียนเช่อกำลังรอสายจากเหมยซูหาน พอได้รับสายจากจ้าวอิงสยงเลยอารมณ์เสียฉับพลัน ไม่มีความอดทนที่จะคุยอ้อมค้อมกับเขาอีก


“แกทำอะไร? คุยกันไว้ว่าเช้านี้จะส่งตัวจ้าวเหมยมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ยังไม่เห็นเงาหัว? ทำให้ฉันต้องรอทั้งเช้า จ้าวอิงสยงแกกล้าปั่นหัวฉันเล่นเหรอ?”


เฮ่อเหลียนเช่อไม่พูดพร่ำทำเพลงพลางก่นด่าจ้าวอิงสยงไปยกหนึ่งและไม่เอ่ยถึงเรื่องที่สองอาหลานหานซู่ฉินอยู่ในมือเขา จ้าวอิงสยงจะรู้ได้อย่างไรเลยคอยพูดเอาใจ หวังแค่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะให้เวลาเขาอีกสักหน่อย


“ยังคิดจะปั่นหัวฉันเล่นอีกเหรอ? เหอะ คิดว่าฉันโง่หรือไง?”


เฮ่อเหลียนเช่อเงยหน้าดูนาฬิกาบนผนังแวบหนึ่ง ใกล้จะเที่ยงแล้วจึงไม่อยากเสียเวลากับจ้าวอิงสยงอีก กดตัดสายไปทันที เวลาที่เหมยซูหานนัดกับเขาไว้คือเที่ยงตรง จะมีเวลาว่างที่ไหนมาคุยให้เสียเวลาเล่นกับเจ้าโง่จ้าวอิงสยงกันล่ะ


เที่ยงตรงเสียงกริ่งโทรศัพท์แผดเสียงดัง เหมยซูหานโทรมา เที่ยงตรงพอดีไม่ขาดไม่เกิน


เฮ่อเหลียนเช่อเผยยิ้มกว้างทันทีไร้ซึ่งวี่แววความไม่สบอารมณ์เมื่อสักครู่ ไหนจะเริ่มอ้อนอีกต่างหาก ลูกน้องของเขาชินตากับภาพนี้แล้ว ชินกับความแตกต่างยามคุณชายตัวเองอยู่กับเหมยซูหานและคนภายนอก


ทั้งคู่คุยเรื่องสัพเพเหระและหยอกเย้ากันอีกสักครู่ เหมยซูหานลังเลแล้วลังเลเล่าสุดท้ายเลยกล่าว “อาเช่อ ฉันกับจ้าวเหมยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว”


เฮ่อเหลียนเช่อชะงัก สีหน้าเย็นยะเยือกทันตา จู่ๆ ก็พูดถึงจ้าวเหมยทำไมกัน?


หรือว่าไปเจอกันที่เมืองจิน?


ไม่สิ จ้าวเหมยอยู่เมืองหลวงไม่มีทางบังเอิญเจอได้ เฮ่อเหลียนเช่อหน้าบึ้งกว่าเดิม เขาคิดว่าถ่านไฟเก่าของเหมยซูหานที่มีต่อจ้าวเหมยจุดติดใหม่แล้วอีกครั้งงั้นหรอ หรือบางทีไม่เคยขาดการติดต่อ ที่ผ่านมาแค่จงใจทำท่าไม่สนใจเพื่อหลอกเขา


แค่นึกถึงความเป็นไปได้ความหึงหวงก็เข้าครอบงำเฮ่อเหลียนเช่อ ไอเย็นแผ่จากรอบตัวเหมือนเพิ่งออกจากมาห้องแช่แข็ง เย็นเสียจนลูกน้องรอบข้างอดตัวสั่นไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณชายตนเป็นบ้าอะไรอีก!


“นายอยากพูดอะไร? ทำไมถึงพูดถึงจ้าวเหมย?” เฮ่อเหลียนเช่อน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์


“เปล่า แค่เพิ่งได้ยินมาว่าจ้าวเหมยไปเมืองหลวง ฉันกลัวนายจะคิดมาก อาเช่อ ฉันกับจ้าวเหมยไม่ได้ติดต่อกันมาสามปี ตอนนี้ฉันมีแค่นายนะ”


เหมยซูหานไม่สัมผัสถึงยังหลงคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้โกรธเลยนึกดีใจ คิดว่าสามปีที่ผ่านมาเขาจงใจไม่แวะข้องเกี่ยวกับจ้าวเหมยจนได้ผล เฮ่อเหลียนเช่อเชื่อแล้วว่าเขาไม่ได้ชอบเหมยเหมย


แต่ยังคิดเป็นห่วงเหมยเหมยอยู่ เขารู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางปล่อยตระกูลจ้าว แม้เขาอยากจะช่วยเหลือแต่เฮ่อเหลียนเช่อระแวงเขามากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจหรืออย่างอื่นเฮ่อเหลียนเช่อต้องให้ทุกอย่างที่เขาต้องการ มีเพียงเรื่องการเมืองที่เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยให้เขาสอดมือเข้ามายุ่ง และไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังแม้แต่น้อย


ต่อให้เหมยซูหานอยากช่วยตระกูลจ้าวก็เป็นเพียงความต้องการเท่านั้น


แน่นอนว่าเขาไม่สนใจความเป็นความตายของตระกูลจ้าว เขาแค่อยากปกป้องจ้าวเหมยไว้


เขาลังเลอยู่นานถึงตัดสินใจเอ่ยถึงจ้าวเหมยทางโทรศัพท์ จงใจใช้น้ำเสียงเย็นชาเพื่ออยากให้เฮ่อเหลียนเช่อเชื่อเขาว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อจ้าวเหมยอีกแล้ว


แต่เขากลับประเมินความใจแคบของเฮ่อเหลียนเช่อไว้สูงเกินไป เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธของเขาทางโทรศัพท์กลับคุยน้ำเสียงเป็นปกติ หยอกเย้ากับเหมยซูหานอีกไม่กี่ประโยคถึงวางสายด้วยใบหน้าถมึงทึง


ตอนที่ 1140 หมาจนตรอกจ้าวอิงสยง


จ้าวอิงสยงโดนเฮ่อเหลียนเช่อปฏิเสธ ใจหายวาบและสิ้นหวังถึงที่สุด


เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี เขารู้แค่ว่าเขาจะเข้าคุกไม่ได้ เขาไม่สามารถทอดทิ้งตำแหน่งและอำนาจในตอนนี้ไปได้ แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?0


จ้าวอิงสยงตัดสินใจกลับไปหาคุณปู่จ้าวเหมือนเดิม เท่าที่ดูตอนนี้มีเพียงคุณปู่จ้าวที่จะช่วยเขาได้


เขาเชื่อว่าคุณปู่จ้าวไม่มีวันทนดูเขาตายไปต่อหน้าต่อตาแน่!


เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง เดิมจ้าวอิงสยงไม่อยากรับสายแต่เขาก็เลือกจะรับสายในที่สุด แต่กลับทำให้เขาฟื้นชีวิตในฉับพลันเหมือนมีชีวิตใหม่


“คุณชายเช่อ…” จ้าวอิงสยงเอ่ยเสียงนอบน้อม


เฮ่อเหลียนเช่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ฉันให้เวลาแกอีกหนึ่งวัน ถ้าทำไม่ดี แกก็รอไปใช้ชีวิตที่เหลือในคุกแล้วกัน!”


“คุณชายเช่อวางใจได้ ครั้งนี้ผมจะส่งยายเด็กนั่นไปถึงที่ด้วยตัวเอง”


จ้าวอิงสยงเผยใบหน้าโหดเหี้ยม เขาไม่มีอะไรให้คิดมากอีกแล้ว ตอนนี้เขาแค่อยากรักษาตำแหน่งตัวเองไว้ ไม่ว่าจะสายสัมพันธ์ครอบครัวหรือคุณธรรมสำหรับเขาก็แค่ของไร้ประโยชน์


ขอแค่รักษาอำนาจเงินทองไว้ได้ จะให้เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!


เมื่อคนเราถูกไล่ต้อนถึงทางตันก็จะเริ่มไร้ความเป็นมนุษยธรรมและขอบเขต จ้าวอิงสยงในยามนี้เองก็เป็นเช่นนั้น


ตกดึกหานซู่ฉินไม่ได้กลับบ้าน จ้าวอิงสยงมีเรื่องหนักใจเลยไม่สนว่าภรรยาจะไปทำอะไร แค่ทำหน้าเรียบนิ่งฉบับคนที่มีเรื่องหนักอึ้งในใจ ปรายตามองไปทางเหมยเหมยเป็นพักๆ


วันนี้ยายบ้านี่ไปที่ไหนมา?


หานซู่ฉินไม่น่าพลาดได้นี่นา!


จ้าวอิงสยงในขณะนี้เองถึงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขากำลังจะเอ่ยถามเหมยเหมยแต่คุณย่าดันเอ่ยเสียงถามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมซู่ฉินไม่กลับบ้านมากินข้าว? เจ้าสองโทรหาหล่อนสิ จะไม่กลับมากินข้าวก็ไม่รู้จักบอกไว้สักคำ”


“ผมก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหน แต่ตอนเช้าซู่ฉินบอกว่าจะพาเหมยเหมยไปกินข้าว เหมยเหมย ใช่อย่างนั้นมั้ย?” จ้าวอิงสยงจงใจหยั่งเชิง อยากรู้ว่าเหมยเหมยได้พบหานซู่ฉินจริงหรือไม่


เหมยเหมยกะพริบตาปริบด้วยความใสซื่อ “เปล่านี่ ป้าสะใภ้สองจะเลี้ยงข้าวหนูทำไม? ไม่ใช่เทศกาลอะไรสักหน่อยนี่นา!”


จ้าวอิงสยงหมดคำโต้ตอบเลยยิ้มเก้อ พลางตอบกลับ “ป้าสะใภ้เลี้ยงข้าวหลานสาวยังต้องมีเหตุผลอะไรอีก ยายคนนี้ไปไหนกันแน่?”


“กลับบ้านแม่หรือเปล่า เจ้าสองลองโทรหาบ้านตระกูลหานสิ” คุณย่าพอร่างกายดีขึ้นมาหน่อยก็เริ่มวางท่าแม่สามี หรืออาจเพราะอยากวางมาดต่อหน้าเหมยเหมยให้เหมยเหมยรับรู้ว่าตระกูลจ้าวเป็นถิ่นของเธอ ต้องทำตามกฎของเธอ


จ้าวอิงสยงเลยต้องโทรหาตระกูลหานแต่ทางนั้นกลับย้อนถามถึงข่าวคราวของหานป๋อหย่วน บอกว่าหานป๋อหย่วนอยู่ด้วยกันกับหานซู่ฉินยังไม่กลับบ้านจนถึงตอนนี้ หนำซ้ำยังโทรไม่ติด


จ้าวอิงสยงทำได้แค่พูดปัดไปไม่กี่ประโยคเพื่อหลอกคนตระกูลหาน แต่เขากลับรู้ว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแล้ว


ทว่าเขาเองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องหานซู่ฉินนัก ตอนนี้การรักษาอำนาจเงินทองของตัวเองสำคัญกว่า จ้าวอิงสยงหาข้ออ้างพูดกลบเกลื่อน คุณย่าเลยไม่ได้ถามต่อแค่บ่นไปตามประสาไม่กี่ประโยค


จ้าวอิงสยงอดมองจ้าวเหมยอย่างประเมินไม่ได้ด้วยแววตาดุดันแปลกๆ


หลานสาวคนนี้กลางวันอยู่ข้างนอกตลอดเลยลงมือง่าย พรุ่งนี้เขาจะต้องมีจิตใจหนักแน่น อย่างมากอนาคตเขาจะช่วยหาคู่ครองที่ดีให้จ้าวเหมยอีก ขอแค่ตอนนี้เขารักษาตำแหน่งตัวเองไว้ได้ หลานสาวเขาย่อมมีชายหนุ่มมากมายมาสู่ขออยู่แล้ว


เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงสายตาของจ้าวอิงสยงเลยเริ่มระแวงในใจ ดูเหมือนลุงสองคนดีของเธอคนนี้ยังไม่ยอมแพ้สินะ!


คนที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของจ้าวอิงสยงยังมีคุณปู่จ้าวอีกคน เขาไม่ได้หลอกง่ายเหมือนคุณย่า จู่ๆ หานซู่ฉินก็จะเลี้ยงข้าวหลานสาวต้องมีเจตนาบางอย่างแอบแฝงแน่ ไหนจะหายตัวไปอีก กลัวก็แต่–


คุณปู่จ้าวมองเหมยเหมยแวบหนึ่งแล้วมุ่นคิ้วเล็กน้อย พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายตามกำหนดที่เขาให้จ้าวอิงสยง ดูท่าทางเจ้าสองยังตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาด!


เขาต้องกดดันเจ้าสองหน่อยแล้ว!


…………………………………………


 ตอนที่ 1141 โง่เขลา


 จนถึงวันต่อมาหานซู่ฉินก็ยังไม่กลับบ้าน จ้าวอิงสยงสยงต่อให้โง่เขลาแค่ไหน ก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ เขารู้ว่าการหายไปของหานซู่ฉินจะต้องเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยแน่นอน


แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าหานซู่ฉินจะอยู่ที่ไหน เขาคิดแค่อยากจะส่งตัวหลานสาวให้ไปอยู่ในเงื้อมมือของเฮ่อเหลียนเช่อด้วยตัวเอง รักษาตำแหน่งระดับสูงและความภักดีของเขาเอาไว้


เหมยเหมยก็รู้สึกแปลกๆ หากว่ากันตามเหตุผลแล้วเมื่อวานเฮ่อเหลียนเช่อน่าจะค้นพบความผิดปกติแล้ว ทำไมถึงยังได้นิ่งขนาดนี้กันล่ะ?


ไม่ใช่ว่าควรจะลงโทษหลานชายของหานซู่ฉินเหี้ยมโหดหรืออย่างไร หลังจากนั้นก็เอาสองคนนี้ส่งไปยังตระกูลจ้าวเพื่อโอ้อวดแสนยานุภาพไม่ใช่หรอ?


ทำไมถึงยังไม่เคลื่อนไหวอะไรจนถึงตอนนี้ล่ะ?


รอจังหวะบุกโจมตีเหมือนจะไม่ใช่สไตล์ของไอโรคจิตเฮ่อเหลียนเช่อคนนี้เลย!


เหมยเหมยคิดไม่ออก เธอก็ขี้เกียจจะคิดอีกแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องมีหนทางแก้ปัญหาได้ เธอไม่มีทางเปลี่ยนใจ ดูสิว่าจ้าวอิงสยงต้องการทำอะไร!


คุณปู่จ้าวก็สังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล  รู้สึกว่าหานซู่ฉินน่าจะเกิดเรื่องขึ้น ถ้าหากเขาอายุน้อยกว่านี้สักสามสิบปี บางทีเขายังสามารถคิดได้ลึกล้ำกว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้เขาอายุเยอะแล้ว ปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรก็เริ่มเชื่องช้าแล้ว อีกทั้งเป็นคนในเหตุการณ์ สมองคิดอะไรไม่ได้ขนาดนั้นหรอก


โชคดีที่ทรรศนะการมองปัญหาความถูกต้องของคุณปู่ยังอยู่ เขารู้สึกว่าไม่ควรจะให้จ้าวอิงสยงทำผิดต่อไปอีก เขาควรจะดึงลูกชายของเขาขึ้นมาจากหลุม


ส่วนเรื่องอื่นๆ ในช่วงเวลาคับขันคุณปู่จัดการไม่ได้จริงๆ แล้วก็นึกไม่ออกด้วยว่าต้องทำอะไร!


ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพบสิ่งผิดปกติเรื่องการหายตัวไปของหานซู่ฉิน แต่ความคิดนี้ก็แค่เข้ามาและผ่านไป ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไป ต่อมาภายหลังก็ได้ทำให้ตระกูลจ้าวปล่อยไก่แล้ว


เหมยเหมยก็รู้สึกได้ถึงเจตนาที่ไม่ดีของจ้าวอิงสยงที่มีต่อเธอ เธอไม่มีวิธีดีๆอื่นๆในการรับมือ ก็เลยไม่ออกจากบ้านไปเลย ตั้งแต่มื้อเช้าจนถึงมื้อเที่ยง มุดอยู่ในบ้านตระกูลจ้าวตลอด นอนอยู่บนโซฟาถือหนังสือ มั่นคงปลอดภัยเป็นที่สุด


จ้าวอิงสยงรอมาตลอดทั้งเช้าก็ยังไม่ได้ยินข่าวเหมยเหมยออกจากบ้าน เขากระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน วันนี้ไม่ใช่แค่กำหนดเส้นตายที่เฮ่อเหลียนเช่อมอบให้เขาเท่านั้น แต่ยังเป็นของคุณพ่ออีกด้วย


ถ้าหากยังไม่มีผลลัพธ์ที่ดีอีกล่ะก็ เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน!


จ้าวอิงสยงจนปัญญาไม่มีวิธีไหนให้ลองแล้ว จึงทำได้แค่เพียงโทรหาเหมยเหมย ให้เธอไปที่ภัตตาคารตงเฟิง หานซู่ฉินจะเลี้ยงข้าวเธอ


จ้าวอิงสยงก็ช่างโง่เขลาเสียจริงๆ หานซู่ฉินหายตัวไปได้หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เขายังใช้หานซู่ฉินมาเป็นฉากบังหน้าอีก นี่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขาโกหกหรือไง?


แน่นอนไม่ว่าอย่างไรจ้าวอิงสยงก็คิดไม่ถึง ว่าการหายตัวไปของหานซู่ฉินถือเป็นผลงานของเหมยเหมย ถ้าหากเป็นคนอื่นบางทีอาจจะสามารถหลอกลวงได้ แต่หานซู่ฉินนั้นเหมยเหมยเป็นคนจัดยัดใส่ไว้ในกระสอบด้วยตัวเองกับมือ เธอจะถูกหลอกตกหลุมพลางได้อย่างไร?


รู้ว่าจ้าวอิงสยงมีเจตนาที่ไม่ดี แน่นอนว่าเหมยเหมยก็ไม่โง่กระโดดลงไปในหลุมพลางอยู่แล้ว


“คุณลุงรอง ทำไมป้าสะใภ้รองถึงไม่กลับบ้านล่ะ คุณย่าคิดถึงเธอแล้ว คุณลุงรองรีบให้ป้าสะใภ้รองกลับบ้านเถอะ อย่าเอาแต่เตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกตลอดเวลา”


เหมยเหมยส่งเสียงดังอย่างมีเจตนาที่ไม่ดี ที่แท้ คุณย่าก็หูกระดิกฟังอยู่ ใบหน้าเคร่งขรึมลง


“ลูกรอง รีบให้เมียของแกกลับบ้านซะ อายุเยอะแล้วไม่ใช่เด็กๆ ไม่รู้จักคิดเลย จริงๆเลย จะไปเป็นเมียใครได้”


คุณย่าเดินเข้ามา ตวาดใส่โทรศัพท์สองสามประโยค จ้าวอิงสยงได้ยินอย่างชัดเจน จึงได้แค่เพียงขานรับอย่างเดียวแล้ววางสายโทรศัพท์ไป


เหมยเหมยฟังเสียงตู๊ด ๆ ตามสายที่ดังออกมาอย่างลำพองใจ ยกคิ้วขึ้น เธอไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย รู้ทั้งรู้ว่าภูเขามีเสือ ก็ยังจะไปทางทางที่มีเสืออีก!


วันนี้เธอไม่ไปไหนทั้งนั้น อยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวนี่แหละ มีความสามารถก็มาทำร้ายเธอถึงในบ้านนี่สิ!


การไม่ให้ความร่วมมือของเหมยเหมย ทำเอาจ้าวอิงสยงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เขาตัดสินใจที่จะเสี่ยง กลับบ้านเพื่อปรึกษาหารือกับคุณแม่ ให้คุณแม่พูดเกลี้ยกล่อมให้ไอเด็กสมควรตายนี่ออกมา


แต่ไหนแต่ไรมาคุณแม่ก็รักใคร่เขาที่สุด จะต้องไม่นิ่งดูดายมองเขาตายแน่นอน!


ตอนที่ 1142  คุณไร้ความปรานีฉันก็จะไร้ความยุติธรรม


 จ้าวอิงสยงคิดอย่างดิบดี ต่อให้วันหลังคุณพ่อรู้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณพ่อก็คงจะไม่เอาเขาซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆถึงตายเพื่อหลานสาวที่ไม่มีค่าหรอก!


ตอนกินมื้อกลางวัน ในที่สุดจ้าวอิงสยงก็กลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมานาน คุณพ่อไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่าไปไหน


จ้าวอิงสยงไหนเลยจะมีกะจิตกะใจกินข้าว พอเขากลับถึงบ้านก็ไปห้องคุณแม่ สองแม่ลูกกระซิบพูดคุยกันอยู่นาน จ้าวอิงสยงถึงได้จากไป ดวงตาแดงก่ำ มุมปากกระตุกยิ้ม แตกต่างจากท่าทางไม่มีชีวิตชีวาในตอนที่มาเป็นอย่างมาก


“คุณลุงรอง ไม่กินข้าวกลางวันหรอคะ?”


เหมยเหมยตั้งใจเรียกจ้าวอิงสยงให้หยุด เสแสร้งทำท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรทั้งนั้น มองเขาอย่างไร้เดียงสา ดวงตาโตกระพริบตาปริบๆ


จ้าวอิงสยงไม่กล้าที่จะมองเข้าไปในดวงตาของหลานสาวของเขาโดยตรง ก้มหัวเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนโหดร้ายโดยธรรมชาติ เมื่อตอนยังวัยรุ่น เขาก็เป็นพี่ชายที่แสนดีที่รักพี่น้องของเขา แม้ตอนที่พบเจอกับอันตราย เขายังก้าวขึ้นมาข้างหน้า เพื่อปกป้องพี่น้องที่อยู่เบื้องหลัง ยอมโดนตีเสียเอง


แต่พี่ชายและลุงที่แสนดีคนนี้ เวลานี้กลับลงมือทำร้ายหลานสาวแท้ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ถ้าหากเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน ภายใต้การล่อลวงของหานซู่ฉิน การที่จ้าวอิงสยงจะขายน้องสาวของเขาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองแล้วล่ะก็ มันคงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย


และตำแหน่งของเขาตอนนั้นก็ยังไม่มั่นคง หลังจากที่จ้าวอิงหัวหนีออกเมืองหลวงพร้อมกับจ้าวอิงหนาน เขาก็ยับยั้งความคิดที่จะทำร้ายคน ถึงกับยังรู้สึกโชคดี โชคดีที่น้องสาวหนีไปแล้ว


แต่จ้าวอิงสยงตอนนี้ กลับขี้อิจฉาตาร้อน กลายเป็นคนที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล


ในใจของเขา ความมั่งคั่งเจริญรุ่งเรืองสิถึงจะสำคัญที่สุด


เสพสุขไปกับผู้ประโยชน์ที่คิดกับมาจากอำนาจจนติดเป็นนิสัย จ้าวอิงสยงไม่ต้องการมีชีวิตทุกข์ลำเค็ญที่ต้องทนดูอารมณ์คนอื่นไปทั่ว เพื่อที่จะสามารถรักษาความมั่งคั่งมหาศาลของเขาไว้ได้ เขาไม่ลังเลที่จะยอมทุ่มเททุกอย่าง


อย่าพูดถึงหลานสาวเลย ต่อให้เป็นลูกสาวแท้ ๆ เขาก็ไม่ใจอ่อนเหมือนกัน!


ถึงแม้ว่าจ้าวอิงสยงจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่ดวงตาของเหมยเหมยนั้นใสกระจ่างจนเกินไป มันเหมือนกระจกบานหนึ่งที่ส่องให้เห็นหัวใจที่น่าเกลียดของเขา เขาจึงไม่กล้ามองเหมยเหมย ทำได้แค่เพียงหลบสายตาหลานสาว พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่า “ไม่กิน มีเรื่องเร่งด่วนต้องจัดการ เหมยเหมยอยู่เป็นเพื่อนกับคุณย่าที่บ้านนะ อย่าทำให้คนแก่ต้องโมโหล่ะ”


“คุณลุงรองรีบไปเถอะ วางใจได้ หนูจะตามใจคุณย่าไม่ทำให้คุณย่าโมโหแน่นอน”


เหมยเหมยเน้นน้ำเสียงตรงคำว่าคุณย่า เหมือจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มและมองไปที่จ้าวอิงสยงที่มือถือสากปากถือศีล


สองแม่ลูกคู่นี้ไม่รู้ว่าเตรียมกับดักอะไรไว้ให้เธอกันนะ?


ตั้งหน้าตั้งตารออยู่นะเนี่ย!


จ้าวอิงสยงเหลือบไปมองรอยยิ้มที่เบ่งบานเหมือนดอกไม้ของเหมยเหมยอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ความงามนั้นสวยงามมากจนเขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย จนถึงตอนนี้เขาถึงเพิ่งจะตระหนักได้ว่า หลานสาวของเขาสวยแค่ไหน ไม่แปลกใจที่เฮ่อเหลียนเช่อจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้จ้าวเหมย!


เวลานี้อยู่ดี ๆ เขาก็รู้สึกเบิกบานขึ้นมาอีกครั้ง โชคดีที่จ้าวอิงหัวหาลูกสาวคนนี้กลับมาได้ ถ้าหากว่าไม่ล่ะก็ตอนนี้เขาคงต้องไร้หนทางเอาตัวรอดได้!


หวังว่าคุณแม่ของเขาจะมีความพยายามมากกว่าหานซู่ฉินหน่อย เขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น!


มองตามหลังของจ้าวอิงสยงจนลับไป มุมปากของเหมยเหมยก็มีรอยยิ้มเยาะออกมา ตั้งแต่แรกจนจบเธอยังไม่เห็นความละอายใจแม้แต่เศษเสี้ยวในตัวของคุณลุงรองผู้แสนดีคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว


ดี ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็อย่าโทษว่าเธอไร้ความเมตตาไร้ความยุติธรรมก็แล้วกัน!


ไม่ต่างจากที่เธอคาดการณ์ไว้ หลังจ้าวที่จ้าวอิงสยงจากไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณย่าก็เริ่มเคลื่อนไหว


“อยู่ในบ้านอึดอัดน่าเบื่อ เหมยเหมยออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนย่าหน่อย” คุณย่าเดินออกจากห้องด้วยตัวเอง ซึ่งเต็มไปด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา


เหมยเหมยมองและยิ้มรับ “ได้สิคะ ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนไปหน่อย แต่คุณย่าเป็นผู้อาวุโส ผู้อาวุโสมีคำสั่ง หนูก็ไม่กล้าขัดหรอกค่ะ ไม่งั้นคนนอกจะหาว่าหนูอกตัญญู! “


…………………………………………..


 ตอนที่ 1143 เกิดแผนการใหม่


 ในเมื่อจ้าวอิงสยงยังไม่เลิกคิดยอมแพ้ งั้นเธอก็จะถือโอกาสสร้างแผนซ้อนแผน อยากจะดูว่าแม่ลูกน่ารังเกียจคู่นี้ คิดจะเล่นละครอะไรอยู่!


แต่ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ไม่ยินดีที่จะให้คุณย่าได้ลำพองใจหรอกนะ เป็นการดีที่จะใช้ประโยชน์จากคำพูด ไม่อย่างนั้นมันก็ยากที่เธอจะวางใจ!


อีกอย่างตอนนี้เพื่อลูกชายแล้วคุณย่าคงจะไม่ด่าเธอในเวลานี้แน่นอน ไม่ถอนหงอกตอนนี้ให้รอถึงตอนไหนกันล่ะ?


เป็นจริงดั่งว่าคุณย่าทำแค่ทำหน้าบึ้งตึง จ้องเขม็งไปที่เหมยเหมย ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เรื่องของลูกรองนั้นต้องเร่งรีบ ให้นังเด็กสมควรตายนี่ลำพองใจไปก่อน วันหลังค่อยสั่งสอนเธอ


เพียงแต่ว่าเดิมทีคุณย่ายังรู้สึกผิดต่อเหมยเหมยอยู่บ้าง ถึงอย่างไรสำหรับคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมและตรงไปตรงมาอย่างเธอ ตอนนี้กลับต้องใช้วิธีที่น่าละอายทำร้ายหลานสาวแท้ๆ อย่างไรเสียในใจของเธอยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี


ถ้าหากไม่ใช่เพราะความเป็นความตายของจ้าวอิงสยงแล้วล่ะก็ คุณย่าคงไม่รับปากทำให้จริงๆ แต่ถึงอย่างไรเมื่อเทียบลูกชายและหลานสาวแล้ว ลูกชายก็สำคัญกว่า


อีกประการหนึ่งลูกรองก็เคยสัญญากับเธอแล้ว เพียงแค่ให้หลานสาวแต่งงานเร็วขึ้นก็เท่านั้นเอง ครอบครัวลูกสาวไม่ช้าก็เร็วก็ต้องแต่งงาน จะช้าหรือเร็วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ร้ายแรงอะไร ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งงานก่อนเวลาก็ยังสามารถช่วยลูกชายของเธอได้อีก!


คุณย่าผู้เลอะเลือนไม่เคยคิดสักนิดว่า ถ้าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคู่ครองที่ดี จ้าวอิงสยงจะใช้กลอุบายเช่นนี้ได้อย่างไร บังคับให้หลานสาวแต่งงาน?


หรือว่าเธอได้คิดหาเหตุผลแล้ว แต่เธอก็ไม่สนใจ ถึงอย่างไรในใจของเธอ ไม่ว่าจะยังไงหลานสาวก็ไม่สู้ลูกชายอยู่ดี


ภายใต้ความปากคอเราะร้ายของเหมยเหมย เดิมทีคุณย่าที่ยังมีความละอายใจรู้สึกผิดนิดหน่อย มันก็หายวับไปในทันที


“มาประคองฉันสิ มีตาแต่ไม่มีแววเลยจริงๆ” คุณย่าตำหนิ


เหมยเหมยเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เธอต้องการจะเล่นแผนซ้อนแผน แต่กลับไม่คิดจะให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม ให้เธอไปประคองคุณย่า เชอะ ฝันไปเถอะ!


“คุณย่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นอย่าออกไปเลย ข้างนอกร้อนมาก ถ้าคุณย่าเวียนหัวเป็นลมอีกครั้ง หรือว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น หนูรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”


เหมยเหมยที่ก้าวปราดอย่างรวดเร็วก็เดินกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง หยิบหนังสือเล่มที่เธอพลิกอ่านไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนขึ้นมา ทำท่าตั้งใจอ่าน


ความโมโหของคุณย่าพุ่งปรี๊ด โกรธจนหน้าดำทะมึนเหมือนก้นหม้อ เธอพยายามอดกลั้นต่อความโกรธของเธอ ไม่เรียกใช้เหมยเหมยอีกต่อไป เรื่องใหญ่ของลูกชายต้องรีบทำ วันหลังยังมีเวลาที่จะสั่งสอนนังเด็กสมควรตายนี่


ในตอนนี้ คุณย่ายังไม่รู้เลยว่าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนแบบไหน เธอเพียงแค่เคยได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อใช้ชีวิตส่วนตัวไม่มีกฏไม่มีเกณฑ์เท่าไหร่ ส่วนเรื่องการฆ่าคนอย่างไร้ซึ่งความปราณี เธอไม่รู้เลยจริงๆ


แน่นอนว่าต่อให้เธอรู้จริง ๆ ก็คงจะไม่ใจอ่อนเพราะเหตุผลนี้ ถึงอย่างไรลูกชายก็สำคัญที่สุด!


เหมยเหมยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นท่าทีเศร้าโศกของคุณย่า แต่ตอนนี้มันยังไม่เพียงพอ เธอยังต้องทำอะไรมากกว่านี้อีกหน่อย……


เพียงแต่เสียดายที่คุณปู่ไม่อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นเธอก็จะลากคุณปู่ไปด้วยกัน ให้เขาได้เห็นกับตาว่าลูกชายที่แสนดีของเขาว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นคนอย่างไรกันแน่!


“เหมยเหมยเร็วๆหน่อย แกมัวชักช้าทำอะไรอยู่?” คุณย่าเร่งรัดอยู่ที่ลานบ้าน


เหมยเหมยรีบเขียนประโยคสุดท้าย วางกระดาษโน้ตไว้ในที่ที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด พอคุณปู่เข้ามาก็จะสามารถมองเห็นได้ทันทีที่เหยียบเข้าประตูถ้าไม่ตาบอดนะ


“แกเขียนอะไร?” คุณย่าถามอย่างสงสัย อารมณ์ไม่ดี


“เขียนโน้ตบอกคุณปู่ไว้ ไม่อย่างนั้นคุณปู่กลับบ้านมาไม่เห็นพวกเราเดี๋ยวจะเป็นห่วง หนูบอกกับคุณปู่ว่า พาคุณย่าออกไปเดินเล่นนะ!”


เหมยเหมยมองคุณย่าอย่างไร้เดียงสา ถามอีกครั้งว่า “คุณย่าจะไปเดินเล่นที่ไหน?”


“แม่ แม่แค่พาเหมยเหมยมาที่ภัตตาคารเหอผิงก็พอ……”


ข้างหูมีเสียงของจ้าวอิงสยงดังขึ้น สายตาของคุณย่าเปล่งประกาย พูดว่า “ไปเดินที่ไหนก็ได้แล้วแต่ ฉันไม่ได้ออกจากบ้านนานแล้ว”


ตอนที่ 1144 โทรศัพท์เตือน


 เหมยเหมยไม่ปริปากพูดอะไร อย่างไรก็ตามเธอยอมเอาตัวเข้ารับความเสี่ยง เพื่อรอให้แม่ลูกจ้าวอิงสยงเปิดเผยธาตุแท้ออกมา สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ เธอและคุณย่าเพิ่งออกจากบริเวณลานบ้าน ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ และยังโทรศัพท์แจ้งเหยียนหมิงซุ่นอีกด้วย


“สุนัขจนตรอกแล้ว……”


เหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงยิ้มเยาะ รู้สึกดูถูกจ้าวอิงสยงเป็นอย่างมาก ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษที่สง่าผ่าเผย พอเจอปัญหาก็ทำได้แค่เพียงใช้ผู้หญิงมาบังหน้า ผู้ชายแบบนี้อยู่ไปยังจะมีประโยชน์อะไร ไม่สู้ตายๆไปเสียให้จบเรื่อง!


“เพิ่มคนปกป้องคุณหนู อย่าปล่อยให้คุณหนูได้รับบาดเจ็บ” เหยียนหมิงซุนสั่ง


“ครับ จะไม่ปล่อยให้คุณหนูบาดเจ็บแม้แต่ผมเส้นเดียว” ลูกน้องให้สัญญา


เหยียนหมิงซุ่นวางสาย คิ้วขมวดแน่น ถ้าหากทำได้ล่ะก็ เขาก็หวังว่าคนที่จะปกป้องอยู่ข้างกายของเหมยเหมยคือตัวเอง


ตอนที่เขาไปครั้งที่แล้วเกือบจะทำให้พ่อบุญธรรมของเขารู้แล้ว ถ้าหากครั้งนี้ยังบะหน้าที่โดยพลการเกรงว่าคงปิดมันไม่ได้แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือความพยายามของของเหมยเหมยก็จะเปล่าประโยชน์เช่นกัน


ในเมื่อเด็กน้อยคิดอยากจะให้พ่อบุญธรรมยอมรับ แน่นอนว่าเขาก็ไม่สามารถฉุดยื้อไว้ได้!


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกไว้วางใจลูกน้องของตัวเองอยู่พอสมควร ปกป้องแค่เหมยเหมยรับรองว่าไม่มีปัญหา  แม้ว่าเหตุการณ์เลวร้ายคงไม่เกิดขึ้นแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า!


เขาครุ่นคิดอยู่นานจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขาโทรเข้าโทรศัพท์ของครอบครัวตระกูลจ้าว พอดีกับคุณปู่จ้าวที่กลับมาจากข้างนอก


“คุณจ้าว ภรรยาและหลานสาวของคุณไม่อยู่บ้านใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ซ่อนเสียงเดิม เขาซ่อนตัวมาสามปี ถึงเวลาที่เขาต้องแสดงตัวแล้ว


คุณปู่ได้ยินเสียงอันคุ้นหู เขาและเหยียนหมิงซุ่นเคยเจอหน้ากันเมื่อสามปีก่อน แต่เสียงในโทรศัพท์ยังคงแตกต่างจากเสียงของคนจริงๆ ดังนั้น คุณปู่จึงฟังไม่รู้ว่าเป็นใคร


“คุณคือใคร?”


คุณปู่หวาดระวังในทันที เขาเพิ่งจะเข้าไปในห้องก็พบกระดาษโน้ตที่เหมยเหมยทิ้งไว้ ยังไม่ทันดูโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน เขาจึงรับโทรศัพท์และอ่านกระดาษโน้ต เหมยเหมยเขียนเพียงว่าเธอได้ทำตามคำสั่งของคุณย่า พาคุณย่าไปเดินเล่น และยังเขียนเวลาที่ออกไป แม่นยำถึงนาที


ตั้งแต่เหมยเหมยออกไปจนถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงสิบนาทีเลย คนลึกลับที่โทรศัพท์มารู้ได้ยังไง?


และเป็นจริงเช่นนั้น คุณปู่ถึงได้ตกใจหวาดผวา เขามองไปรอบ ๆ ห้องรับแขกโดยไม่รู้ตัว อยากรจะหาว่ามีใครแอบมองอยู่ไหมแต่ไม่พบอะไรเลย นั่นก็ยิ่งทำให้คุณปู่รู้สึกจิตใจฟุ้งซ่าน


“คุณจ้าวไม่จำเป็นต้องกังวล ผมไม่คิดร้ายต่อตระกูลจ้าว แค่เพียงอยากจะเตือนคุณ จ้าวอิงสยงและภรรยาของคุณกำลังสมรู้ร่วมคิดหลอกล่อจ้าวเหมยออกไป ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อเตรียมรับช่วงต่ออยู่ข้างนอก กลัวว่าหากคุณไม่ลงมือทำอะไรอีก หลานสาวของคุณจะ……”


คำพูดสุดท้ายที่เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดให้จบ คุณปู่ก็เข้าใจความหมายของเขาแล้ว สีหน้าซีดเซียว ผมเผ้าก็ชี้ตั้งโด่เด่


“ตอนนี้ภรรยาและหลานสาวไปถึงภัตตาคารเหอผิงเรียบร้อยแล้ว เท่าที่ผมรู้ ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็อยู่ที่นั่น……” เหยียนหมิงซุ่นพูดต่อ แต่ไม่พูดให้จบ


ตอนนี้ก็ดูแค่เพียงว่าคุณปู่จ้าวจะทำอย่างไรต่อแล้ว  หวังว่าคงจะไม่ทำให้เขาผิดหวังหรอกนะ!


คุณปู่ได้ยินเสียงตู๊ด ๆ ในโทรศัพท์ ก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง แต่สีหน้ากลับดูไม่ได้เป็นอย่างมาก เขาอยากจะไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายลึกลับคนนี้มากๆ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้า ภรรยาและหลานสาวไม่อยู่ที่บ้านจริงๆ


ไม่สนว่าจริงหรือเท็จ เขาก็จะไปสักครั้ง หากว่าไม่จริงก็ดีไป แต่ถ้าหากจริงล่ะก็……


คุณปู่หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกท้อแท้แล้ว ปณิธานอันสูงส่งเหมือนเมื่อก่อนไม่มีนานแล้ว คิดแค่เพียงอยากกลับบ้าน มีชีวิตที่สงบสุข ไม่คลุกตัวอยู่ในแวดวงนี้อีกต่อไป


สู้รบเขาไม่กลัวตาย แต่การเล่นไปตามแผนตามอุบายพวกนี้ เขาทำไม่ได้จริงๆ!


ในเมื่อไม่มีสงครามแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขากลับไปจับจอบดีกว่า!


“คุณชายหมิง คุณปู่จ้าวออกจากบ้านแล้ว”


สองนาทีผ่านไป ลูกน้องก็โทรศัพท์มา มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นยกขึ้นเล็กน้อย ยังดีที่ตระกูลจ้าวยังมีคนที่มีไหวพริบมีเหตุมีผลอยู่บ้าง


…………………………………………..


 ตอนที่ 1145 เอาตัวเข้าเสี่ยงอันตราย


 เหมยเหมยนั่งอยู่บนรถ เห็นคุณย่าที่ขึ้นรถมาก็พูดว่าไปภัตตาคารเหอผิงเลย ก็แอบยิ้มเยาะในใจ


ไม่แม้แต่จะเสแสร้งแล้วเหรอ?


เป็นการกำหนดไว้แล้วว่าเธอเป็นปลาที่อยู่บนเขียง ทำได้เพียงรอที่จะถูกเชือดอย่างเชื่อฟังใช่ไหมล่ะ?


“คุณย่าไม่ได้พูดว่าไปเดินเล่นหรอกเหรอคะ? ทำไมถึงได้ไปภัตตาคารเหอผิงล่ะ?” เหมยเหมยจงใจถาม


คุณย่าหน้าชาเรียบตึง พูดไปส่งๆว่า “อยู่ดีๆก็อยากกินอาหารที่ภัตตาคารเหอผิง อีกเดี๋ยวกินเสร็จพวกเราค่อยไปเดินเที่ยวเล่นกัน”


“ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เพิ่งจะกินข้าวกลางวันไปหรอกหรือคะ? ทำไมคุณย่าถึงหิวอีกแล้วล่ะ?” เหมยเหมยพูดด้วยน้ำเสียงเกินจริง


คุณย่าหน้าชาอีกครั้ง เวลานี้ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนออกมาเพิ่งจะกินมื้อกลางวันไป ก็แอบก่นด่าจ้าวอิงสยงว่าโง่ในใจไม่หยุด ไม่รู้จัดหาสถานที่ที่มันเหมาะสมกว่านี้


“กับข้าวมื้อกลางวันไม่ถูกปากเท่าไหร่ ฉันเลยไม่ได้กินเยอะเลยหิวเดี๋ยวย่าเลี้ยงเอง” คุณย่าพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง กิริยาท่าทางดูน่าเกรงขาม ดูแข็งแกร่งกว่าลูกชายของเธอร้อยเท่า


เวลานี้เหมยเหมยถึงได้เชื่อว่าคุณย่าผู้เลอะเลือนของตัวเองก็ยังมีความสามารถอยู่บ้าง เพียงแต่เอาอุบายแผนการมาใช้กลับเธอ


“ความอยากอาหารของคุณย่าช่างเยี่ยมจริงๆ หมอห่วยแตกที่ตรวจอาการให้ย่านี่ไม่ได้เรื่องเลย บอกว่าคุณย่าจะไม่รอดแล้ว ให้พวกเรารีบกลับมาพบหน้าคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้กลับมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะเสียเวลาทำงานหมด!”


เหมยเหมยพูดประชด แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าหน้าของคุณย่าจะดำลงเรื่อยๆ ด้วยความโกรธ  พูดต่อไปว่า “หนูว่าหมอกำมะลอพวกนั้นคงต้องลาออกแล้ว แม้กระทั่งโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังตรวจไม่เจอ  คนที่ใกล้ตายแล้วคนไหนจะเจริญอาหารขนาดนี้ คุณย่าว่าใช่ไหมคะ?”


คุณหมอพวกนั้นโดนซื้อตัวโดยคู่สามีภรรยาหานซู่ฉิน แน่นอนว่าพูดโกหกเพื่อช่วยจ้าวอิงสยง หลังจากนั้นก็จัดการเก็บกวาดทั้งหมดไปแล้ว


ทหารที่ขับรถตกใจจนปิดปากแน่น ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจแรง แต่ก็อดมองผ่านกระจกไม่ได้ กลับเห็นคุณย่าโมโหจนจะขาดใจแล้วจริงๆ แต่เหมยเหมยกลับยิ้มตาหยี ปากเล็ก ๆ ก็ยังพูดจาฉอด ๆ ไม่หยุด ใบหน้าไร้เดียงสา ทำให้คนมองไม่ออกว่าคำพูดพวกนั้นหลุดออกมาด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่


พวกเธอมาถึงภัตตาคารเหอผิงอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลานี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับการทานอาหาร ภัตตาคารมีคนเข้าคนออกตลอด กิจการขายดิบขายดีมาก


จ้าวอิงสยงจองห้องพิเศษ 201 ไว้แล้วเรียบร้อย คุณย่าบอกผู้จัดการล็อบบี้ ผู้จัดการพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบนอย่างเคารพนบน้อม คุณย่ารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เดินเบียดเหมยเหมยบนทางเดิน เธอแค่ต้องการทำงานที่ลูกชายมอบหมายให้เสร็จโดยเร็ว และก็ให้นังเด็กสมควรตายนี่ได้รับการสั่งสอนด้วย


“กิจการดีขนาดนี้ยังมีห้องพิเศษเหลืออยู่อีก คุณย่าคงไม่ได้จองเอาไว้ก่อนเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยจ้องคุณย่าอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากจะดูว่าท้ายที่สุดแล้วเธอมีความคิดที่จะเปลี่ยนใจหรือไม่


คุณย่าตำหนิออกมาอย่างหมดความอดทนว่า “แกจะพูดอะไรเยอะแยะ ฉันหิวจะตายแล้ว รีบขึ้นไปกินข้าว กินเสร็จจะไปเดินเล่น”


เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ ถึงแม้ว่าจะไม่สนใจความรักของญาติที่เรียกว่าครอบครัวพวกนี้ แต่ในเวลานี้เธอก็ยังรู้สึกเสียใจ ญาติพี่น้องของตระกูลจ้าวพวกนี้ โหดเหี้ยมยิ่งกว่าตระกูลอู่เสียอีก!


“คุณย่าขึ้นไปก่อน หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”


เหมยเหมยไม่เห็นใบหน้าบึ้งตึงของคุณย่า หันไปถามถึงตำแหน่งห้องน้ำกับบริกรแล้วก็ไป แต่เธอก็แวบกลับไปที่ล็อบบี้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าคุณย่าขึ้นไปชั้นบนแล้ว เธอโทรศัพท์หาเซียวเซ่อ


เซียวเซ่อและสยงมู่มู่กำลังรอเธออยู่ที่บ้าน แต่รอมาแล้วครึ่งค่อนวันก็รอไม่ไหว กำลังร้อนใจอยู่เลย


”เซียวเซ่อไม่ต้องพูดอะไร คุณย่าของฉันและจ้าวอิงสยงสมรู้ร่วมคิดกันที่จะทำร้ายฉัน ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้อง 201 ของภัตตาคารเหอผิง เธอโทรแจ้งคุณปู่ของฉันให้เขามาที่นี่โดยเร็วที่สุด ฉันไม่สามารถถ่วงเวลาที่นี่ได้นานมากนัก”


เหมยเหมยพูดจบอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำภายในสองสามประโยคแล้วก็วางสาย วันนี้เป้าหมายที่เอาตัวเข้าเสี่ยงอันตรายของเธอก็คืออยากจะเปิดเผยธาตุแท้อันน่ารังเกียจของภรรยาและลูกชายของคุณปู่ให้เห็นต่อหน้าต่อตาด้วยตัวเองกับมือ


เพื่อที่จะได้ไม่ต้องฟังคุณปู่พร่ำเพ้อเรื่องความรักในครอบครัวอีกต่อไป  ฟังแล้วจะอ้วก!


ตอนที่ 1146 วิธีของเซียวเซ่อ


 เซียวเซ่อได้ฟังสถานการณ์วิกฤตของเหมยเหมย จึงไม่กล้ายื้อเวลาเร่งโทรหาตระกูลจ้าวอย่างไม่รีรอ แต่คนที่รับโทรศัพท์คือเชฟหยวนพ่อครัวของตระกูลจ้าว บอกว่าคุณปู่ออกไปอีกครั้งหลังจากที่เขากลับมา ส่วนไปที่ไหนนั้นไม่มีใครรู้


“จะทำอย่างไรดี?”


สยงมู่มู่ก็ร้อนใจกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก ถูมือไปมาไม่หยุด


เซียวเซ่อมองเขาอย่างเหยียดหยามไปที พลางด่าว่า “คนไม่มีอนาคต ตาแก่เลอะเลือนตระกูลนายไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราไปช่วยเหมยเหมยกันเองเถอะ”


“ช่วยยังไง? พวกเราก็สู้คนของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้อยู่ดี” สยงมู่มู่เป็นกังวลมาก โมโหที่ฝีมือการต่อสู้ของตัวเองย่ำแย่ แม้กระทั่งหญิงสาวอย่างเซียวเซ่อก็ยังสู้ไม่ได้


เซียวเซ่อเปิดตู้เซฟ เธอไม่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นเวลาสามปีแล้ว แต่เซียวจิ่งหมิงและเฝิงไห่ถังกลับมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน มันจึงกลายเป็นสถานที่พบปะของพวกเขาสองคนไปแล้ว คนงานที่เธอเหลือไว้อยู่ในบ้าน บอกเธอหมดทุกอย่างนานแล้ว


เรื่องรักๆใคร่ๆของแม่ตัวเอง แน่นอนว่าคุณหนูใหญ่เซียวไม่สนใจ สิ่งที่เธอสนใจก็คือของที่อยู่ในตู้เซฟนี้ต่างหาก


ลูกน้องของเธอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเฝิงไห่ถังหรือเซียวจิ่งหมิง มักจะซ่อนเงินไว้ในตู้เซฟเป็นครั้งคราว หลังจากสะสมมาสามปี ตัวเลขน่าจะไม่น้อยเลยล่ะมั้ง


รหัสแน่นอนว่าไม่ต้องเป็นกังวล มันคือวันเกิดของเธอ ไม่มีใครรู้ชัดเจนเท่ากับเธออีกแล้ว


‘คลิ๊ก’


ตู้เซฟเปิดได้อย่างราบรื่น แสงส่องเข้าตาของสยงมู่มู่ เขาจ้องไปที่ทองคำแท่งและธนบัตรในกล่องอย่างตกตะลึง ไม่สามารถละสายตาได้เลย


“บ้านเธอเงินเยอะมากเลย……” ผ่านไปครู่ใหญ่ สยงมู่มู่ถึงได้ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ ทำให้ได้รับฝ่ามือเหล็กจากคุณหนูใหญ่เซียว


“นายไอ้โง่   รีบ ๆ ไปเร็ว!”


เซียวเซ่อยัดเงินลงไปในกระเป๋าเป้หลายปึกโดยไม่นับเลยสักนิด  หัวของสยงมู่มู่คงไม่ลืมวันนั้น เขาประเมินจำนวนเงินในกระเป๋าเป้ของเซียวเซ่ออย่างรวดเร็ว น่าจะมีประมาณห้าถึงหกหมื่นได้


“เธอเอาเงินมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร?” สยงมู่มู่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเซียวเซ่อ


“มีเงินทองก็สามารถทำทุกอย่างได้ไงล่ะ……เฮ้อ เล่าให้สมองหมูอย่างนายฟังแป๊ปเดียวคงไม่เข้าใจหรอก อีกเดี๋ยวนายก็รู้เองแหละ”


เซียวเซ่อพูดกับสยงมู่มู่ใส่อย่างรำคาญ และไม่อดทนรอคนขับรถอีกต่อไป เข็นลูกรักของเธอออกมาจากลานบ้าน —— รถฮาร์เลย์ ที่ออดอ้อนให้แม่ของเธอซื้อให้ หลังจากที่เซียงจิ่งหมิงเห็นเธอขี่รถออกไปแค่ครั้งเดียว ก็ตกใจกลัวมากจนล็อครถเอาไว้ ไม่กล้าปล่อยให้ลูกสาวขี่บนถนนอีกเลย


“รีบขึ้นรถ นายชักช้าอืดอาดอะไรอยู่ได้?”


เซียวเซ่อโยนหมวกกันน็อกให้กับสยงมู่มู่ เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นเวลานาน ก็โมโหจนคว้าคอเสื้อ เหมือนกับการโยนลูกไก่ สยงมู่มู่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง ในเวลาอันรวดเร็ว รถที่สุดแสนจะเท่ก็ส่งเสียงคำรามออกไป


เป็นพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่า เซียวเซ่อขี่รถได้ปราดเปรียวมาก แม้ว่าเมืองหลวงในช่วงต้นทศวรรษ 1990 จะไม่มีรถยนต์มากเท่าสมัยใหม่  แต่ถนนตอนนี้ไม่กว้างเหมือนสมัยใหม่ การจราจรยังคงติดขัด


ขับรถไม่เร็วเท่าขี่มอเตอร์ไซค์จริงๆ


สยงมู่มู่กอดเอวเล็กๆของเซียวเซ่อแน่น ไม่กะจิตกะใจคิดเรื่องโรแมนติกอะไรทั้งนั้น ตับไตไส้พุงกำลังจะพุ่งออกมาอยู่แล้ว


“เซียวเซ่อ……เธอมีใบขับขี่ไหม……” สยงมู่มู่ตะโกนเสียงดัง


“ไม่มี……หุบปาก……”


เซียวเซ่อหันไปตวาดใส่หนึ่งที สยงมู่มู่ตกใจจนหุบปากในทันที แขนที่โอบรอบเอวเล็กๆก็ยิ่งออกแรงบีบขึ้นเรื่อย ๆ


ถ้าเขาต้องกลายเป็นผีอยู่ใต้ท้องรถจริงๆ จะยังไงก็ต้องลากตัวเธอลงมาด้วย!


รถของเซียวเซ่อแล่นผ่านตรอกซอกซอยเล็กๆ จนมาถึงภัตตาคารเหอผิงก่อนคุณปู่จ้าว ในเวลานี้ห่างกันไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่เหมยเหมยจะขึ้นไปชั้นบน เซียวเซ่อจอดรถเสร็จ ก็ดึงสยงมู่มู่ซึ่งใบหน้าพะอืดพะอมและแข้งขาอ่อนแรงลงมา


เธอไม่คาดหวังกับความขี้ขลาดไร้ประโยชน์นี้อีกต่อไป หยิบธนบัตรร้อยหยวนใหม่เอี่ยมออกมาจากกระเป๋าเป้หนึ่งปึก แกะแผ่นกระดาษที่ปิดไว้ออก หยิบเงินเอาไว้แล้วตะโกนว่า วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน ขอเลี้ยงทุกคนกินข้าว อยากกินข้าวก็มาเอาเงิน ยิ่งกินเยอะอั่งเปาก็ยิ่งเยอะนะ……”


…………………………………………..


 ตอนที่ 1147 เด็กผู้ชายโปรยเงิน


 เซียวเซ่อตะโกนออกมาสุดเสียง สิ่งที่ทำเอาทุกคนจับจ้องมากที่สุดก็คือธนบัตรในมือของเธอ ผู้คนต่างเร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามาในทันที ถล่มทลายเข้าไปในภัตตาคารทั้งหมด ล็อบบี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และมีผู้คนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ


ผู้จัดการล็อบบี้มองไปที่เซียวเซ่ออย่างตะลึงงัน เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกว่ากิจการรุ่งเรืองเป็นเรื่องที่ดี!


คนเยอะขนาดนี้ หลังครัวจะทำทันได้อย่างไร?


“ไม่ต้องกังวล อาหารไม่จำเป็นต้องทำให้ร้อน คุณแค่เอาแตงกวา มะเขือเทศพวกนั้นหยิบออกมาก็พอแล้ว ฉันยังคงจ่ายให้คุณอยู่ดี สิบเท่าของราคาตลาด”


เซียวเซ่ออยากจะรีบแก้ไขปัญหาเลยดึงเงินออกมาหนึ่งปึกแล้วยัดใส่อ้อมกอดของผู้จัดการ


ผู้จัดการก็ถือว่าเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเซียงเซ่อทำเรื่องบ้าบอประสาทเสียทำไม แต่เรื่องดีๆอย่างเงินที่ตกลงมาจากท้องฟ้านั้น ถ้าเขาไม่หยิบมันขึ้นมาเขาก็จะเป็นคนโง่สิ


“วางใจได้เลย แตงกวามะเขือเทศมีพอแน่นอน ขอให้คุณหนูรอสักครู่!”


ผู้จัดการถือธนบัตรที่มากพอที่จะใช้งานได้สามวันเอาไว้ เดินเข้าไปที่ครัวด้านหลังอย่างร่าเริง ให้คนย้ายแตงกวาและมะเขือเทศออกมาทั้งหมด บังเอิญมีแครอทอยู่ถุงหนึ่ง ล้วนเป็นของดีที่เอาไว้สำหรับทำออร์เดิร์ฟ เพียงพอสำหรับความต้องการของคุณหนูใหญ่ที่อยู่ข้างนอกแล้ว


“มากินของดีๆกัน ยิ่งกินมากรางวัลก็ยิ่งมาก……เดินผ่านก็อย่าพลาดกันล่ะ……”


สยงมู่มู่ก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน แค่มองก็เข้าใจว่าเซียวเซ่อคิดจะทำอะไร วิ่งออกไปข้างนอกภัตตาคารทันทีเพื่อชักชวนลูกค้า ยังกลัวว่าจะมีคนไม่เชื่อจึงยื่นธนบัตรร้อยหยวนให้ไปหลายคน เพื่อให้คนที่สัญจรไปมาให้ความสนใจพากันเข้ามาในภัตตาคาร ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ยืนในล็อบบี้มันไม่มีที่ให้ยืนแล้ว แม้แต่ถนนทางเข้าภัตตาคารก็ยังแออัดเต็มไปด้วยผู้คน


เฮ่อเหลียนเช่อที่รอจนชักจะทนไม่ไหว เขาได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องของเขาที่จัดการให้ไปรับคุณย่าแล้ว


คุณชายเช่อ อยู่ดีๆภัตตาคารเหอผิงก็ล้อมรอบไปด้วยผู้คน ถูกปิดกั้นทุกทิศทุกทาง คนของพวกเราเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ“ ลูกน้องลำบากใจ และยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง


“เกิดอะไรขึ้น?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงต่ำ


“มีคนบ้าสองคนหยิบเอาเงินก่อนใหญ่มาเลี้ยงคนที่ภัตตาคารให้กินแตงกวา เป็นธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนทั้งหมด คนเดินถนนทั้งหมดต่างก็วิ่งไปเพื่อเอาเงิน”


พวกลูกน้องมองไปที่ธนบัตรสองใบที่เขาเพิ่งนำกลับมาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่พลันนึกได้ว่าพวกเขาทำงานไม่สำเร็จ บทลงโทษของเฮ่อเหลียนเช่อ รอยยิ้มของเขาก็เจื่อนลงไปทันที


เฮ่อเหลียนเช่อโมโหจนตบลงไปที่มุมโต๊ะหนึ่งที โอหยางสยงที่อยู่ข้างกายตื่นตกใจจนตัวสั่นไปหมด เมื่อวานพวกเขาและหานซู่ฉินสนุกกันอยู่หลายชั่วโมง ตอนนี้กำลังสะอิดสะเอียนอยู่พอดี!


ต้องการเด็กผู้หญิงที่สดใหม่ที่น่าอร่อยถูกปากอย่างจ้าวเหมยมาปลอบใจด่วน!


เฮ่อเหลียนเช่อโทรศัพท์หาจ้าวอิงสยงอีกครั้ง ใช้อำนาจขมขู่ใส่ จ้าวอิงสยงไหนเลยจะกล้าฝ่าฝืน รับปากอย่างเต็มปากเต็มคำว่าจะไปที่ภัตตาคารด้วยตัวเอง แล้วจะพาจ้าวเหมยออกมา


ส่วนการหายตัวไปของหานซู่ฉิน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคนนึกถึง


เหยียนหมิงซุ่นก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องเช่นกัน พอได้ยินว่ามีคนบ้ามาโปรยเงินนั่นคือเซียวเซ่อและสยงมู่มู่ เขาก็อดยิ้มไม่ได้ ใช้เงินแก้ปัญหาช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!


“เฝ้าติดตามตามทางออกทั้งหมดของภัตตาคารให้ดีก็พอ เรื่องอื่นๆไม่ต้องไปสนใจ!” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง


ดูตามสถานการณ์ในตอนนี้ คนของเขาคงไม่จำเป็นต้องออกหน้าแล้ว


ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะประมาทเลินเล่อแค่ไหน ก็คงไม่กล้าทำความชั่วโดยลักพาตัวเหมยเหมยไปอย่างโจ่งแจ้งอย่างไร้ยางอายต่อหน้าผู้คนที่จับตามองอยู่หรอก ยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่จ้าวก็น่าจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้


เหมยเหมยที่อยู่บริเวณชั้นสองก็ยังพบความผิดปกติจากด้านนอก เธอรีบถามบริกรว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อบริกรพูดถึงท่าทางของคนบ้าทั้งสอง เหมยเหมยก็รู้เลยว่าเป็นใคร ความทุกข์ใจที่เดิมทีมีอยู่ก็พลัยมลายหายไปราวกับควันหายไปท่ามกลางอากาศ


ชาตินี้มีเพื่อนที่ดีที่จริงใจอย่างเซียวเซ่อและสยงมู่มู่ มีความสำคัญมากกว่าญาติพวกนั้นตั้งหลายร้อยเท่า!


ตอนที่ 1148 ละครสนุกๆเพิ่งจะเริ่ม


 คนในภัตตาคารเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้านล่างคนแน่นเบียดเสียด เซียวเซ่อขึ้นไปชั้นบน ให้สยงมู่มู่เฝ้าดูชั้นล่าง เธอจะขึ้นไปกันที่ชั้นบน


เชอะ เธอปิดกั้นทางออกทุกทางแล้ว ดูสิว่าคนของเฮ่อเหลียนเช่อสารเลวนั่นจะพาเหมยเหมยไปยังไง!


ด้านนอกประตูห้องมีเสียงใสไพเราะของเซียวเซ่อร้องเรียกเสียงดัง “รีบออกมารับเงินกันเร็ว วันนี้ฉันมาฉลองวันเกิด ตั้งใจที่ออกมาโปรยเงินเลยนะ รีบ ๆ เร็วเข้า……”


ลูกค้าชั้นล่างต่างก็ไล่ตามกันขึ้นมา พวกเขาค้นพบแล้วว่า คนบ้าที่โปรยเงินสองคนนี้ หน้าตาดูดีมากก็จริง เงินมีมากก็จริง แต่โง่ทึ่มเสียจริง


ไม่รู้จักเก็บออม!


โอกาสดีๆแบบนี้ พวกเขาจะไม่รับได้อย่างไร?


ใครไหนเลยจะรู้ว่า คุณหนูใหญ่เซียวกำลังรอใช้ประโยชน์จากพวกคุณอยู่!


ชั่วพริบตาทางเดินชั้นสองก็ถูกปิดกั้นด้วยฝูงชน แม้แต่ประตูห้องของเหมยเหมยก็ถูกชนให้เปิดออก ไม่มีใครสนใจทั้งสิ้น เพราะอะไรนะเหรอ?


เพราะว่าบริกรต่างก็ไปแย่งเอาเงินกันหมดแล้วไง!


บริกรเหล่านี้ได้เงินเดือนแค่เพียงสองร้อยหยวนต่อเดือน แต่ทุ่มแรงกายใช้ประโยชน์จากสถานที่เอาเปรียบแห่งนี้คว้าเงินมาได้เกือบพันหยวน คนโง่เท่านั้นแหละที่จะภักดีต่อหน้าที่ของตนในเวลานี้!


ไม่เห็นว่าผู้จัดการต่างก็ไปแย่งเอาเงินด้วยเหรอ!


คุณย่ายังคิดจะโน้มน้าวให้เหมยเหมยดื่มน้ำส้ม เธอคุยกับจ้าวอิงสยงเอาไว้แล้ว ว่าจะใส่ยาลงไปในน้ำส้ม หลังจากนั้นก็รอเหมยเหมยมึน คนของเฮ่อเหลียนเช่อจะมาพาเหมยเหมยไป โดยยังไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ!


แต่นังเด็กสมควรตายนี่ก็ไม่รู้เป็นอะไร หาคำพูดดี ๆ พูดไปหมดแล้วก็ยังไม่ยอมดื่มน้ำส้ม แม้กระทั่งผักก็ยังไม่กินสักคำ พูดแค่เพียงว่าเพิ่งจะกินข้าวกลางวัน ยังอิ่มอยู่


“บริกรล่ะ? ทำไมถึงให้คนอื่นทะเล่อทะล่าเข้ามาได้แบบนี้? รีบออกไปนะ!”


คุณย่ามองคนที่พุ่งเข้ามาในห้องสิบกว่าคนโดยความโกรธ ทุกคนต่างถือแตงกวาแทะ แทะจนน้ำไหลกระเด็นไปหมด แถมยังทำหน้ามีความสุข เหมือนกับได้กินลูกท้อศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ปาน


“สาวน้อย ฉันกินแตงกวาหมดไปอันหนึ่งแล้ว!


มีคนโชว์ก้านแตงกวาให้เซียวเซ่อดู ในไม่นานก็ได้ธนบัตรร้อยหยวนหนึ่งใบ คนคนนี้ดีใจจนหุบยิ้มไม่ลง สัมผัสแขนเสื้อเบาๆ ราวกับมีเวทมนตร์ออกมาจากถุง จากนั้นก็หยิบแตงกวาสีเขียวกรอบออกมาหนึ่งอัน เขารีบกัดกรุบกรุบในทันที


แตงกวาหนึ่งอันหนึ่งร้อยหยวน เขาแทะสิบอันก็ได้เงินหนึ่งพันหยวน เงินเดือนของครึ่งปีเลยนะ!


โชคดีที่เขายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน เงินนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะพระเจ้าโปรยมาหรอกเหรอ!


คนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เสียงเคี้ยวกรุบรับดังขึ้นไม่หยุดอย่างเป็นทำนองราวกับเสียงดนตรีก็ไม่ปาน ถือว่าไพเราะมากทีเดียว


เซียวเซ่อเห็นเหมยเหมยที่นั่งตัวตรงแล้ว หันไปขยิบตาใส่เธออย่างซุกซน เหมยเหมยก็ส่งสายตามีเสน่ห์กลับไปให้ ทั้งสองสาวต่างก็ยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ


“บ้ากันไปหมดแล้ว ทุกคนบ้ากันไปหมดแล้ว เหมยเหมยรีบดื่มน้ำส้มให้หมดเร็วเข้า พวกเราไปเดินช็อปปิ้งกัน” คุณย่าเริ่มรู้สึกไม่ดี แต่เธอยังจำคำพูดกำชับของลูกชายได้ ว่าอย่าลืมโน้มน้าวให้เหมยเหมยดื่มน้ำส้ม


“ดื่มน้ำส้มไปก็ไม่ได้เงิน หนูก็ไปแทะแตงกวาดีกว่า หนึ่งอันได้ตั้งหนึ่งร้อยหยวนแหน่ะ!”


เหมยเหมยแค่ดูสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้ว่าวันนี้พ้นจากอันตรายแล้ว ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่มีฝีมือขนาดแย่งชิงคนไปได้


เธอขี้เกียจที่จะมองใบหน้าบึ้งตึงของคุณย่าแล้ว เบียดแทรกตัวมาถึงหน้าของเซียวเซ่ออย่างรวดเร็ว ถามเสียงเบาว่า “เงินพอไหม?”


“น่าจะพอ ถ้าเธอมีก็เอามาอีกหน่อย”


เหมยเหมยหยิบสองหมื่นหยวนออกมาจากกระเป๋าเป้ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เล็กน้อยแค่นี้ แต่ถ้าหยิบมามากเกินไป กลัวว่าจะมีคนสงสัย อันที่จริงที่เธอหยิบเงินมาสองหมื่นหยวนก้ทำเอาคนอื่นต่างสงสัยเช่นกัน


สายตาของผู้คนที่เบียดเสียดห้อมล้อมตรงนั้นต่างก็มองมา แม่เจ้า สาวสวยสองคนนี้ทำงานโรงพิมพ์ธนบัตรหรือไง?


“ตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีที่จะหนี ไปไหม?” เซียวเซ่อถาม


เหมยเหมยส่ายหัว “ไม่รีบ ละครสนุกๆเพิ่งจะเริ่มเอง ใช่แล้ว คุณปู่ของฉันล่ะ ทำไมถึงยังไม่มา?”


…………………………………………..


 ตอนที่ 1149 ใบหน้าที่แท้จริง


 เซียวเซ่อบอกว่าคุณปู่จ้าวมีธุระให้ออกไปข้างนอก เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เหตุผลที่เธอกล้าเสี่ยงอันตรายออกมาในวันนี้ จุดประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดก็คือให้คุณปู่ได้รู้ธาตุแท้ของคุณย่าและจ้าวอิงสยง


แต่ตอนนี้คุณปู่ไม่อยู่ แผนเธอครั้งนี้ก็เสียเปล่าแล้ว!


“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ น่าเสียดายจริงๆ” เหมยเหมยรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เธออยากจะเห็นจริง ๆ ว่าหลังจากที่คุณปู่โดนตบหน้า จะมีสีหน้าเช่นไร?


โทรศัพท์เร่งให้มาเมืองหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าไม่ควรอกตัญญู ยังพูดอีกว่าคำว่าจ้าวต้องรักใคร่กลมเกลียว ถ้าจะเจริญรุ่งเรืองก็เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ร่วงก็ร่วงไปด้วยกัน บอกเธอและพ่อแม่อย่าเฉยเมยจนเกินไป……


คำพูดพวกนี้เป็นคำพูดที่คุณปู่เคยพูดทั้งหมด กล่าวหาว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ครอบครัวของเธอตีตัวออกห่างจากตระกูลจ้าวที่สุด


เมื่อยืนอยู่บนความชอบธรรม ครอบครัวของเธอก็จนปัญญาที่จะสามารถโต้แย้งคุณปู่ได้ ทำได้แค่เพียงยอมรับคำตำหนิเหล่านี้ แต่เธอกลับยากที่จะทำใจยอมรับได้


มีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายเธอ แถมจะให้เธอต้องแบกรับคำประนามอีก?


ต่อให้คุณปู่ไม่มีใจที่คิดจะทำร้าย แต่เขากลับปล่อยให้ฆาตกรพวกนี้ทำผิดโดยไม่ห้ามปราม เขาปัดความรับผิดชอบนี้ไม่ได้


หลายวันมานี้คู่สามีภรรยาจ้าวอิงสยงใช้เล่ห์เพทุบายไม่จบไม่สิ้น เธอไม่เชื่อว่าคุณปู่จะไม่สังเกตเห็น แต่คุณปู่คนนี้กลับไม่แยแส ไม่คิดทำอะไรเลยสักอย่าง ถ้าไม่รู้ยังคิดว่าคุณปู่เป็นคนคอยกำกับอยู่เบื้องหลังเสียอีก!


แน่นอนว่าตามที่เหมยเหมยมอง คุณปู่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวผู้เลอะเลือนแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนคอยกำกับ ทำให้ยิ่งเกลียดขึ้นไปอีก!


ดังนั้นเธออยากจะให้คุณปู่ได้เห็นเองกับตาว่าญาติพี่น้องของเขาที่พูดว่าคำว่าจ้าวต้องรักใคร่กลมเกลียวมีตัวตนธาตุแท้อย่างไร ดูสิว่าเขายังจะมีหน้าพูดจาที่น่าสะอิดสะเอียนพวกนี้อีกไหม!


แต่คุณปู่ไม่มา ต่อให้เธอคาดการณ์ไว้ดิบดีแค่ไหน แผนการก็จนปัญญาที่จะดำเนินการต่อ เหมยเหมยเตรียมที่จะออกไปกับเซียวเซ่อ จ้าวอิงสยงที่หัวเต็มไปด้วยเหงื่อก็เบียดเสียดเข้ามา


อันที่จริงเขาอยู่ใกล้ๆกับภัตตาคารนี่แหละ ดังนั้นเขาถึงได้มาถึงอย่างรวดเร็ว


เซียวเซ่อสายตาดีมาก เห็นจ้าวอิงสยง เธอก็รีบเดินไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้จ้าวอิงสยงเห็นเธอ


เหมยเหมยก็ยกเลิกความคิดที่จะหนีไป อยากจะดูอยู่เหมือนกันว่าจ้าวอิงสยงยังคิดจะทำอะไร


จ้าวอิงสยงเห็นว่าเหมยยังแข็งแรงมีชีวิตชีวาอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจคุณแม่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ช่างไม่มีประโยชน์เสียจริงๆ!


“คุณลุงรองก็มากินข้าวด้วยเหรอ?” เหมยเหมยมองไปที่จ้าวอิงสยงที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แล้วก็มองไปทางคุณย่า


จ้าวอิงสยงไล่คนในห้องออกไป ภายในห้องเงียบสงัดลงในพริบตา เขาล็อกประตูเสร็จก็นั่งลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองเหมยเหมยด้วยสายตาน่ากลัว


ฝั่งเฮ่อเหลียนเช่อให้เวลาเขาแค่เพียงหนึ่งชั่วโมง เขาก็เลยไม่อ้อมค้อมอะไรทั้งนั้นแล้ว หลานสาวคนนี้ไม่ฟังอะไรใคร พูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์


“เหมยเหมย ลุงรองหาคู่ครองตระกูลผู้ดีมาแนะนำ คุณชายเช่ออยากจะพูดคุยกับเธอดี ๆ หลานก็ตามลุงไปด้วยกันดีๆเถอะ!” จ้าวอิงสยงก็ขี้เกียจจะเสแสร้งทำเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจเมตตาอ่อนโยนแล้ว แสดงสีหน้าดุดันใส่


เหมยเหมยก็ไม่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอีก ส่งเสียงยิ้มเยาะ “คุณลุงรองช่างไร้ยางอายจริงๆ เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนแบบไหน ลุงคิดว่าหนูไม่รู้เหรอ? คู่ครองดี ๆ แบบนี้เอาไว้ให้ภรรยาของลุงเองเถอะ”


คุณย่าตำหนิเสียงสูงว่า “นังเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ทำไมถึงได้พูดกับลุงรองแบบนั้น?”


“คนที่เลวยิ่งกว่าหมูกว่าหมาแบบเขา สัตว์เดรัจฉานที่ขายหลานสาวแท้ๆ ตัวเองได้ เขาควรค่าแก่การเคารพด้วยเหรอ? คุณย่าก็อย่าได้ใจจนเกินไป ไอโรคจิตวิปริตเฮ่อเหลียนเช่อคนนั้นไม่ชอบคนหนังเหี่ยวๆแบบคุณย่า ไม่อย่างนั้นคุณย่าก็อาจจะโดนลูกชายตัวดีของคุณย่าขายให้ก็ได้!”


เหมยเหมยไม่แย่แสอะไรทั้งนั้นแล้ว ด่าสองแม่ลูกคู่นี้ไม่เหลือชิ้นดี ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย


คุณย่าอ้าปากค้างพะงาบ ๆ ด้วยความโกรธ คว้าจานบนโต๊ะแล้วโยนไปที่เหมยเหมย “เด็กเวร……ตอนนั้นฉันไม่ควรไปรับแกกลับมาเลย……”


เหมยเหมยหลบจานที่ขวางมาอย่างง่ายดาย พูดประชดประชันว่า “คิดว่าหนูอยากจะกลับมาให้พวกคุณขายหนูเหรอ?”


จ้าวอิงสยงก็โมโหไม่เบาเหมือนกัน ใบหน้าของเขาดุร้ายโหดเหี้ยม ค่อย ๆ เดินไปเบื้องหน้าเหมยเหมย เส้นเลือดที่มือขึ้นปูด


เวลาที่เฮ่อเหลียนเช่อให้น้อยลงเรื่อย ๆ เขาถ่วงเวลาไม่ได้แล้ว ยัยเด็กสมควรตายนี่เป็นพวกดื้อด้าน วันหลังต่อให้แต่งเข้าตระกูลดี ๆ ก็คงไม่คิดตอบแทนเขา ไม่สู้ว่าใช้ประโยชน์ตอนนี้จะดีกว่า

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)