Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2084-2088 (จบบริบูรณ์)
ตอนที่ 2084 สตรีคนนั้น ตงเหมย
โดย
Ink Stone_Fantasy
จิ่วตี้จากไปอย่างไม่ยินยอม เมื่อร่างเขาค่อยๆ หายไปจึงเหลือคนที่อยู่นอกพายุเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น
กุ้ยต้าวมองไปที่พายุและพูดขึ้นอย่างช้าๆ “พวกเจ้าทั้งหมดจากไปได้แล้ว เสียงดังสนั่นในวันสุดท้ายแม้แต่ข้ายังต้องใช้พลังเต็มที่เข้าต่อต้าน ถึงสุดท้ายมันจะเปิดออก พวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าแดนเทพบรรพกาลได้อยู่ดี…”
“ข้าเพิ่งสังเกตเรื่องนี้ได้ไม่กี่วันก่อน”
ซวนลั่วและคนอื่นขบคิดและจากนั้นโค้งคำนับแก่กุ้ยต้าว หลังจากเห็นกลุ่มของจิ่วตี้จากไป พวกเขาจึงรู้ว่าการเปิดแดนเทพบรรพกาลครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเข้าร่วมได้
ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไป หวังหลินลุกขึ้นและเดินก้าวหาซวนลั่ว
“อาจารย์”
ซวนลั่วมองหวังหลินและยิ้มออกมา
“อาจารย์กำลังจะไปเกิดใหม่ในอีกไม่นาน ศิษย์กำลังจะเข้าแดนเทพบรรพกาล หากศิษย์ออกมาได้อย่างปลอดภัย ศิษย์จะไปปกป้องการเกิดใหม่ของอาจารย์…หากศิษย์ออกมาไม่ได้ อาจารย์ยังเกิดใหม่ได้อย่างปลอดภัยด้วยสิ่งนี้” หวังหลินมองซวนลั่วและยื่นมืออกไปปรากฏหินหยกหนึ่งก้อน เขายื่นให้ซวนลั่วอย่างเคารพ
ซวนลั่วรับหินหยก เขาไม่ได้ตรวจสอบในทันทีแต่มองใบหน้าหวังหลิน จากนั้นสักพักจึงพูดขึ้นเบาๆ
“ดูแลตัวเองด้วย…”
หวังหลินพยักหน้า
ซวนลั่วหลับตา พอลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงพร้อมกับซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ พริบตาเดียวพวกเขาก็เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เวลานี้ด้านนอกพายุจึงเหลือเพียงหวังหลินและกุ้ยต้าว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งพลบค่ำ เหลืออีกเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนแดนเทพบรรกาลเปิดและเสียงดังสนั่นจากพายุก็มาถึงขีดสุด วังวนหมุนอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนหยุดอยู่กับที่
แต่นั่นแปลว่ามันหมุนด้วยความเร็วสูงสุด
ท้องทะเลดูเหมือนถูกวังวนดูดซับไป น้ำทะเลออกมาจากพายุและถูกดึงเข้าสู่วังวน
วันวนเหมือนหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง มันดูดซับน้ำทะเลไปจำนวนมากจนพายุหดเล็กลง
กุ้ยต้าวมองไปทางพายุและพูดขึ้น “ตอนที่น้ำทะเลทั้งหมดถูกดูดเข้าไป แดนเทพบรรพกาลจะ…” น้ำเสียงเขาดังชัดเจนเข้าหูของหวังหลิน
“ข้าจะเข้าแดนเทพบรรพกาลไปเพื่อชุบชีวิตภรรยาข้า เจ้า…เข้าไปเพื่อสิ่งใด?” หวังหลินเฝ้าดูวังวนที่กำลังกลืนกินน้ำทะเล มันคงอยู่ได้ไม่นานก่อนที่พายุจะเลือนหายไปจนหมด
“…เพื่อหาคำตอบ!” กุ้ยต้าวหันมาหาหวังหลิน
“หลังจากข้าได้ความทรงจำของบรรพชนโบราณ มีคำถามหนึ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยหาคำตอบ…ข้ารอวันนี้มานานและการปรากฏตัวของเจ้าคือโอกาสที่ข้าจะได้หาคำตอบนี้!”
“คำตอบ…” หวังหลินพึมพำ
“หากข้าพบเจอคำตอบนี้ บางทีข้าจะสามารถออกไปจากเผ่าโบราณและไปที่ไหนก็ได้ที่ข้าอยากไป” พริบตาเดียวแววตากุ้ยต้าวเกิดความรู้สึกอับซับซ้อน
“เจ้ามีศีรษะบรรพชนเทพ ดังนั้นเจ้าก็คงเห็นแล้วว่าบรรพชนเทพตายอย่างสงบ ไร้ความเจ็บปวด…บรรพชนโบราณก็ตายเช่นกัน…”
“ข้าสัมผัสความตายนี้ได้ในความทรงจำของเขา เขาก้าวเดินเข้าสู่ความตายอย่างลังเล ไม่เชื่อมั่นแต่ก็ตัดสินใจไว้แล้ว”
“ทั้งสองนั้นใช้ความตายเพื่อแสวงหาคำตอบ ขณะเดียวกันก็ได้ทิ้งมรดกเอาไว้มากมาย บางทีมันถูกใช้เพื่อปกป้องพวกเขาเอง” กุ้ยต้าวพึมพำ
เสียงรอบด้านดังสนั่น วังวนกลืนกินพายุต่อไปจนกระทั่งเหลือพายุไม่ถึงครึ่ง น้ำทะเลหายเข้าไปในวังวนอย่างสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าปลายทางคือที่ไหน
เพียงไม่นานน้ำทะเลทั้งหมดก็หายไป
กุ้ยต้าวถอนสายตาจากหวังหลินและมองไปยังพายุที่กำลังหดตัวลง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “บรรพชนโบราณและบรรพชนเทพค้นพบความลับที่เหนือจินตนาการ พวกเขาลังเล สงสัยและท้ายที่สุดเพื่อไล่ตามความจริง จึงเดินเข้าสู่ความตาย…”
“ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะไปค้นหาคำตอบแล้ว”
หวังหลินขบคิดอย่างเงียบๆ
เวลาครึ่งชั่วโมงค่อยๆ ผ่านไป เมื่อทะเลทั้งหมดถูกวังวนกลืนไปแล้ว เสียงดังสนั่นกึกก้องอย่างต่อเนื่อง เสาขนาดยักษ์เก้าต้นไม่ได้เปล่งแสงแพรวพราวเก้าสีอีกต่อไป ประตูสู่แดนเทพบรรพกาลนั้นเปิดออกอย่างช้าๆ!
วินาทีที่มันเปิดออก ระลอกคลื่นสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากประตูและด้วยความเร็วเหนือจินตนาการของมันจึงได้กวาดผ่านท้องทะเลขนาดใหญ่เข้าหาเผ่าโบราณและเผ่าเทพ
เพียงระลอกคลื่นกวาดผ่านออกไป สายลมหยุดชะงัก ซ่งเทียนและคนอื่นที่ทะยานออกไปต่างก็หยุดค้างในอากาศ
ในเผ่าโบราณไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเซียน ทุกสิ่งมีชีวิตได้หยุดลงเพียงระลอกคลื่นผ่านไป
เปลวเพลิง สายน้ำ ทุกอย่างหยุดชะงักในชั่วจังหวะ
ภายในแผ่นดินอาณาเขตจวี่มีสายฝนที่กำลังตกลงมา ในยามนี้แม้แต่ฝนก็ยังหยุดอยู่กลางอากาศ
ในเผ่าเทพเองก็เช่นเดียวกัน กลุ่มของจิ่วตี้สามคน ชวงจื่อ จักรพรรดิเทพและเหล่าเซียนจำนวนมากรวมถึงคนธรรมดาและสัตว์เทพทั้งหลายได้หยุดการเคลื่อนไหว
ธาตุทั้งห้าในโลก กฎแห่งโลกทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงอย่างสิ้นเชิง
ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราเงียบสงัด
มีเพียงประตูที่อยู่ตรงกลางกำลังเปิดออกอย่างช้าๆ เมื่อมันเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แสงเก้าสีที่เปล่งประกายจากภายในจะเผยเป็นทางเดินสู่ที่ไหนสักแห่ง
“ครั้งนี้แตกต่างจากในอดีตจริงๆ…” กุ้ยต้าวพึมพำ ระลอกคลื่นสามารถหยุดยั้งทุกอย่างในโลกที่มีระดับต่ำกว่าขั้นย่ำสวรรค์ได้จริงๆ
กุ้ยต้าวมีแววตาเปล่งประกายและไม่ลังเล เขาพุ่งเข้าไปในประตูเก้าสีเบื้องหน้าหวังหลินและหายวับไปข้างใน
ตอนนี้หวังหลินเป็นคนเดียวที่อยู่นอกประตู เขาหลับตาและพอลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงก้าวเดินเข้าสู่ประตู เดินไปทีละก้าว
หลังจากหวังหลินเข้าไปในแดนเทพบรรพกาลแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินเซียนดาราจึงกลับคืนสู่ปกติ เรื่องประหลาดก็คือแทบไม่มีใครตรวจจับได้ในช่วงที่ทุกอย่างหยุดชะงัก
เหล่าเซียนทั้งหลายทำไม่ได้ เผ่าโบราณก็ทำไม่ได้ แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ไม่สังเกตว่าพวกเขาลืมหายใจไปถึงสิบครั้ง
ช่วงเวลาหายใจสิบครั้งได้สูญหายไปจากฟ้าดิน สูญหายไปจากธาตุทั้งห้า สูญหายไปจากมนุษย์ทุกคน เซียนทุกคนและจากมหาชั้นฟ้าทั้งแปดคน
ราวกับช่วงเวลาสั้นๆ นี้ได้ถูกพลังประหลาดดูดซับและหายเข้าไปในประตูสู่แดนเทพบรรพกาล
เมื่อทั้งแผ่นดินเซียนดาราฟื้นคืนกลับมา เสาทั้งเก้าในทะเลจึงเปล่งประกายอย่างเจิดจ้า เกิดแสงสาดส่องทุกสิ่งอย่างและจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
พอเสาทั้งเก้าหายไป ประตูสู่แดนเทพบรรพกาลก็หายไปด้วย
วังวนที่เหลืออยู่เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทะเลที่ได้หายเข้าไปในวังวนพลันแตกกลับกลายเป็นแอ่งน้ำ
น้ำทะเลร่วงหล่นลงมาส่งเสียงดังสนั่น หลายชั่วโมงต่อมาแอ่งน้ำจึงได้กลับกลายเป็นทะเลดังเดิม ทะเลอันกว้างใหญ่ส่งคลื่นกระทบฝั่ง เสียงดังหายไปและถูกแทนที่ด้วยเสียงแห่งท้องทะเล
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนเป็นปกติ เผ่าเทพและเผ่าโบราณก็เช่นเดียวกัน รวมถึงร่างสองคนที่อยู่ในลานกว้างของเมืองศิลาดำแห่งเผ่าโบราณด้วย
บ้านแห่งหนึ่งหลังไม่ใหญ่นัก ตกแต่งภายในอย่างเรียบง่ายแต่อบอุ่น บนเตียงมีหญิงชราผู้หนึ่งนอนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแต่เห็นได้ถึงความงดงามตอนที่นางเยาว์วัยได้อย่างชัดเจน
ด้านข้างหญิงชราเป็นสตรีอีกคน นางสวมชุดสีขาวและไม่สามารถมองเห็นรูปร่างของนางได้ชัดเจน มีเพียงเรือนผมยาวข้างหน้าเท่านั้น แผ่นหลังของนางงดงามแต่สัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองจนผู้คนที่เห็นเกิดความสงสาร
ราวกับปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ มองลงมามิอาจเห็นหยาดน้ำตา หากแต่ลองตักน้ำขึ้นมาชิมอาจได้ลิ้มรสชาติของน้ำตาปะปนไปด้วย
หญิงชราถูกละเลยและพูดขึ้นเบาๆ “ตงเหมย…ข้ากำลังจะไปอยู่กับลุงจางแล้ว…อย่าพยายาม…เมื่อข้าจากไปจะเหลือเจ้าคนเดียว…เจ้าและข้านั้นแตกต่างกัน ข้าเป็นแค่คนธรรมดา มีอายุขัยจำกัด…แต่เจ้ามีสายโลหิตโบราณและสามารถบ่มเพาะได้…เจ้า…ดูแลตัวเองด้วยนะ”
หญิงชราคือซ่งจื่อ…
ซ่งจื่อเป็นเพียงคนธรรมดาของเผ่าโบราณ ดังนั้นอายุขัยห้าร้อยปีสำหรับนางถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว
หญิงชรามองหญิงสาวที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันและพึมพำ “ข้ารู้ว่าในตัวเจ้ามีอะไรบางอย่าง…ข้าเห็นเจ้ามองขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างสับสนและร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง…ข้ายังจำได้ตอนที่ข้าบอกเจ้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋าและเรื่องราวของหวังหลินและลี่มู่หวาน เจ้าถึงกับฝืนยิ้ม”
“ตงเหมย…สัญญากับข้า ถ้าเจ้าลืมไม่ได้ ก็อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกแย่”
นางจำได้เสมอตอนที่พูดชื่อ “หวังหลิน” ครั้งแรกกับตงเหมย นางตกตะลึงและเกิดอารมณ์แปรปรวน
นางยังจำเรื่องเมื่อห้าร้อยปีก่อนได้ ตอนที่หวังหลินพานางกลับมา เขาไม่ได้เล่าเรื่องลี่มู่หวานคนเดียวแต่ยังเป็นสตรีชื่อลี่เฉียนเหมยด้วย
‘คนที่ได้มาเกิดใหม่…ตงเหมยและลี่เฉียนเหมย จะใช่คนเดียวกันหรือไม่…’ หญิงชราไม่ได้พูดเรื่องนี้แต่มองหญิงสาวงดงามตรงหน้าพลางหลับตาลงอย่างช้าๆ
…………………………
ตอนที่ 2085 ที่หายไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
แดนเทพบรรพกาลคืออะไร?
นี่คือคำถามที่เซียนแทบทุกคนบนแผ่นดินเซียนดาราตั้งคำถามขึ้นมา แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ไม่รู้ว่าแดนเทพบรรพกาลเป็นแบบไหนหรือมาจากที่ใด
แม้จะมีคนจำนวนมากเข้าไปมากมาย ก็บอกไม่ได้ว่ามันคือสถานที่แบบใด
หวังหลินมองไปรอบตัว ท้องฟ้าสีแดง ไม่มีดวงดาว ไม่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ แต่มีแสงอ่อนๆ พื้นดินเป็นรูปวงกลม
ที่นี่สัมผัสวิญญาณใช้ได้อย่างจำกัดและไม่สามารถปกคลุมได้ทั้งแผ่นดิน เขามองเห็นแต่เทือกเขาใกล้เคียงและร่องลึกยาว
หวังหลินก้าวเดินไปบนพื้น ขบคิดเงียบๆ สายตาสับสนและคุ้นเคยไปด้วย
หวังหลินหยุดลงที่ร่องลึกแห่งหนึ่งและสำรวจ มันช่างประหลาดยิ่งราวกับถูกสร้างจากการฟาดฟันด้วยกระบี่
ควันสีดำเบาบางลอยขึ้นมาจากในร่อง เมื่อลอยขึ้นมาในอากาศจึงหายไปอย่างช้าๆ มองจากมุมนี้ ความลึกของร่องนั้นดำมืดราวกับไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น
หวังหลินครุ่นคิดและจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไป เขาข้ามผ่านร่องขนาดใหญ่และเดินออกไปไกล เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าไม่รู้ว่านานแค่ไหน หวังหลินเห็นร่องลึกและเทือกเขามากขึ้น
ร่องลึกทั้งหมดดูคุ้นเคย พวกมันเป็นแนวตรงราวกับสร้างจากการฟันกระบี่
“พื้นดินวงกลม…” หวังหลินพึมพำพร้อมกับดวงตาส่องสว่าง เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ยิ่งสูงขึ้นยิ่งทำให้โครงร่างพื้นดินหดลง พอหวังหลินไปถึงยอดสุดและมองกลับมาจึงทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยหนักเข้าไปอีก
พื้นดินวงกลมและร่องลึกถูกวางเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมกันแล้วพวกมันดูเหมือนเข็มทิศ
เข็มทิศยักษ์ ร่องลึกคือเข็มแต่ละองศา เทือกเขาค่อยๆ กลายเป็นอักขระโบราณ
‘เข็มทิศ…เข็มทิศที่ไร้เข็ม…พื้นดินคือเข็มทิศแต่มันไม่สมบูรณ์ ครึ่งหนึ่งขาดหายไป’ หวังหลินมองพื้นดินและเห็นว่าครึ่งหนึ่งดูเหมือนภาพเลือนลาง
สายตาหวังหลินกวาดผ่านพื้นดินไปและหยุดลงใจกลางเข็มทิศ มีภูเขาที่แทงทะลุขึ้นสู่ท้องฟ้า บนยอดมีหิมะสีรุ้งกำลังตกอยู่ในขณะนั้น
หวังหลินมองภูเขา เผยสีหน้าท่าทางซับซ้อน ในอารามบรรพชนอาณาเขตฉี ตอนที่เขากำลังผ่านแยกสามวิญญาณ หวังหลินก็ได้เห็นภูเขาอันลึกลับแห่งนี้
นี่คือที่ที่เขาเห็นร่างหนึ่งที่กำลังโอบกอดและตั้งคำถามกับท้องฟ้า แต่ตอนนี้เขากำลังมองดูภูเขาหิมะสีรุ้ง เขาไม่เห็นร่างนั้นแต่มีร่างที่คุ้นเคยอีกคนกำลังนั่งตรงนั้น รอคอยเขาอยู่
คนผู้นี้ดูแก่ชราแต่ก็ไม่แก่มากและปกคลุมด้วยแสงสีรุ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาคือชายที่เหมือนเทียนหยุน เหมือนราชันย์เทพสีรุ้งและเหมือนราชครูอาณาเขตเต๋า!
เบื้องหลังร่างนี้ เบื้องหลังภูเขาแห่งนี้มีสะพานอยู่หนึ่งแห่ง ปลายสุดสะพานฝั่งหนึ่งเชื่อมต่อกับเข็มทิศและอีกฝั่งเชื่อมกับท้องฟ้า กลายเป็นเส้นโค้งขนาดใหญ่
สะพานดูเหมือนสะพานย่ำสวรรค์ไม่มีผิด จุดที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้า หวังหลินมองเห็นภาพมายาที่อยู่ด้านหลังท้องฟ้าสีโลหิตได้อย่างเลือนลาง
ดูเหมือนมีร่างสองร่างที่อยู่ในภาพมายา แต่มันพร่าเลือนจนมองไม่ออกได้ชัดมากนัก
ภาพนี้เหมือนกับภาพมายาที่เขาเห็นด้านหลังสะพานแห่งที่เก้า
“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่!” เทียนหยุนมองหวังหลินและหัวเราะ
หวังหลินถอนสายตาออกมาจากสะพานและมองเทียนหยุน เขาไม่ได้พูดอะไรและก้าวเดินเข้าหาอย่างช้าๆ ชั่วครู่ต่อมาหวังหลินจึงยืนอยู่ตรงภูเขาที่มีหิมะสีรุ้งตกอยู่ เขามองหิมะรอบด้านและถอนหายใจ
“ข้ารอคอยวันนี้มานาน ทั้งหมดนี้คือความฝันของเจ้า แต่เมื่อใดที่เจ้ามาที่นี่ จะเกิดการบิดเบือนขึ้นในความฝัน!” เทียนหยุนหัวเราะพลางสะบัดแขน
ทันใดนั้นพื้นดินวงกลมก็เริ่มสั่นเทา เกิดเสียงดังสนั่น ควันสีดำหนาแน่นปะทุออกมาจากร่องลึกหลายแห่ง ควันสีดำลอยทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาภูเขาแห่งนี้
พริบตาเดียวควันสีดำจึงปกคลุมท้องฟ้าสีโลหิต จากนั้นก็รวมตัวด้านหลังเทียนหยุนกลายเป็นร่างขนาดยักษ์
ร่างนี้สูงใหญ่และจุนโลกได้ในทันใด มองไกลๆ มันมีผ้าคลุมสีดำปกคลุมใบหน้า แต่หวังหลินจำได้ว่าร่างนี้เหมือนกับเทียนหยุนตรงหน้าเขา
“หวังหลิน แม้ในชาติก่อนของเจ้าจะเป็นถึงเซียนขั้นย่ำสวรรค์ แต่ในเข็มทิศไร้ขอบเขตแห่งนี้ข้ามีอำนาจสูงสุด ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดารา นี่คือสถานที่แห่งเดียวที่ข้าสามารถกลืนกินและผสานกับเจ้าได้!”
“ที่นี่ ความฝันของเจ้าจะถูกบิดเบือน และจากนี้ต่อไป ข้าจะกลายเป็นเจ้า!” เสียงคำรามดังออกมาจากร่างยักษ์ กึกก้องไปทั่วทิศทาง
“ชาติก่อน…” หวังหลินมองเทียนหยุนและร่างที่อยู่ด้านหลังเทียนหยุน สีหน้าหวังหลินสงบนิ่งมาก
“ดูเหมือนเจ้ายังจำไม่ได้ทุกอย่าง ช่างมันเถอะ ก่อนเจ้าตายข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจทุกอย่าง!” เทียนหยุนยืนขึ้นและก้าวถอยกลับเข้าไปในร่างใหญ่ยักษ์นั้น ผ้าคลุมสีดำที่ปกคลุมใบหน้าได้ขยับออกมาเผยให้เห็นใบหน้าอันชั่วร้าย
“แผ่นดินเซียนดาราไม่มีอยู่จริง มันถูกสร้างขึ้นจากความฝันของเจ้า ความจริงที่นี่เป็นแค่มิติว่างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนฝืนชะตาปฐพี”
‘มิติว่าง เอ…’ หวังหลินขบคิด
“เจ้าไม่เชื่อข้า? เจ้าที่ไม่ได้ฟื้นความทรงจำช่างน่าสงสารเสียจริงๆ! หวังหลิน ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง จักรวาลประกอบด้วยดินแดนใหญ่สี่แห่ง ดินแดนแห่งนี้คือดินแดนฝืนชะตาปฐพี! แต่ละดินแดนมีสมบัติหนึ่งชิ้นและสมบัติของดินแดนฝืนชะตาปฐพีคือเข็มทิศไร้ขอบเขต สมบัติระดับสูญสิ้นเพียงชิ้นเดียว!”
“แดนเทพบรรพกาลแห่งนี้คือเข็มทิศไร้ขอบเขต!” ร่างขนาดยักษ์ของเทียนหยุนมีแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ส่วนเจ้า ในชาติที่แล้วเจ้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ แต่เพื่อสตรีคนเดียว เจ้าถึงกับยืมเข็มทิศไร้ขอบเขตจากองครักษ์และใช้มันเพื่อฟื้นคืนชีพภรรยา!”
“เจ้าใช้เต๋าแห่งความฝันที่เจ้าสร้างขึ้นเองมากระจายตัวตนของเจ้าไปสร้างวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เจ้าต้องการทำให้ความฝันในการชุบชีวิตภรรยาเป็นจริงขึ้นมาและหวนคืนการเปลี่ยนแปลงแห่งฟ้าดิน!”
“แม้แต่ข้ายังตกตะลึงการกระทำและความคิดบ้าๆ ของเจ้า!” เทียนหยุนมองหวังหลินพร้อมกับพูดเสียงดังกึกก้อง
หวังหลินหลับตาและลืมตาขึ้นมาชั่วครู่ต่อมา เขามองร่างใหญ่ยักษ์นั้นและเอ่ยถาม “ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เช่นนั้นเจ้าเป็นใคร?”
เทียนหยุนพูดอย่างมืดมน “ข้าคือองครักษ์เข็มทิศไร้ขอบเขต ตอนนั้นเจ้าดึงไปจากมือข้า! ข้ามีศิษย์คนหนึ่ง เจ้าน่าจะรู้จักเขา เขาชื่อโม่จื่อ!”
หวังหลินขบคิด
เทียนหยุนมีแววตาเปล่งประกายพลางสะบัดแขนขวาให้ควันสีดำส่วนหนึ่งบนร่างกายแยกเข้าสู่ท้องฟ้าจนเกิดเป็นวังวนสีดำ วังวนหมุนต่อไปปรากฏเป็นภาพหลายอย่างข้างใน
“หากเจ้ายังไม่เชื่อข้า เจ้าก็ดูด้วยตาตัวเอง! เจ้าจะบอกได้เองว่านี่คือเรื่องจริงหรือโกหก”
ภายในวังวนสีดำ หวังหลินเห็นตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งกำลังกอดร่างภรรยาและร้องคำรามใส่ท้องฟ้า
เขาเห็นตัวเองในอดีตที่ชุบชีวิตลี่มู่หวานด้วยความล้มเหลว สีหน้าแห่งความโศกเศร้า เสียงคำรามแห่งความโกรธเรี้ยวและสายตาแห่งความบ้าคลั่ง
“แม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าก็จะพาเจ้ากลับมา! ข้าจะทำลายสวรรค์ ป่นปฐพี ข้าจะพาตัวเองเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่และค้นหาทุกวิธีทางที่จะพาเจ้ากลับมาตลอดไป…”
“หากข้าทำไม่สำเร็จ ข้าหวังหลิน จะไม่มีวันตื่นขึ้นอีกเลย ข้าจะขอตกอยู่ในภวังค์แห่งการเกิดใหม่ไปกับเจ้าชั่วนิรันดร์…”
ขณะที่หวังหลินมองภาพในวังวน ความทรงจำหลายอย่างในอดีตปรากฏขึ้นในใจ ราวกับพวกมันมีอยู่แล้วแต่เขาแค่ลืมไป
หวังหลินครุ่นคิดอย่างเงียบงันไปชั่วขณะก่อนจะมองเทียนหยุนและเอ่ยขึ้น “เพื่อให้ข้ามาที่นี่ เจ้าบอกข้าว่าสามารถชุบชีวิตลี่มู่หวานที่นี่ได้ นั่นเป็นเรื่องจริงหรือโกหก?”
“ทั้งจริงและโกหก! เข็มทิศไร้ขอบเขตเป็นสมบัติขั้นดับสูญชิ้นเดียวในดินแดนฝืนชะตาปฐพี มันสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่เจ้าจะไม่ได้รับโอกาสนั้น” เทียนหยุนเห็นความสงบนิ่งของหวังหลินและไม่เห็นสัญญาณการบิดเบือนเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้เทียนหยุนลังเล พอเขาได้ยินคำพูดของหวังหลินจึงไม่ได้ลงมือวู่วาม เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดพลาด
“นั่นมันสะพานอะไร?” หวังหลินยกแขนขึ้นมาชี้ใส่สะพานที่เชื่อมกับฟ้าดินด้านหลังร่างใหญ่ยักษ์ของเทียนหยุน
“สะพานย่ำสวรรค์ของเข็มทิศไร้ขอบเขต มันเป็นร่างที่แท้จริงของเข็มทิศย่ำสวรรค์ที่ทุกชีวิตในดินแดนฝืนชะตาปฐพีจะสัมผัสได้เมื่อระดับบ่มเพาะแต่ละคนมาถึงจุดหนึ่ง” ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกลับชัดเจนสำหรับเทียนหยุน แต่เขาก็คิดหาเหตุผลไม่ออกว่าทำไม
หวังหลินยิ้มพลางมองเทียนหยุนและพูดอย่างสงบนิ่ง “เจ้ากำลังลังเลและสงสัยว่าทำไมถึงไม่เกิดการบิดเบือนขึ้นเหมือนคนหลับที่กำลังจะตื่น”
เทียนหยุนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร่างขนาดใหญ่ยักษ์จึงถอยไปหลายก้าวเพื่อจ้องมองหวังหลิน จากนั้นพอมองอย่างละเอียดจึงมีแววตาไม่เชื่อ
“เจ้า…มีบางอย่างผิดพลาด ถึงแม้เจ้าจะจำชีวิตในอดีตได้ เมื่อเข้าสู่เข็มทิศไร้ขอบเขต เจ้าจะตื่นจากเต๋าแห่งความฝัน!!”
“ที่ผ่านมาหลายครั้ง พอถึงขั้นนี้เจ้าก็จะตื่นขึ้นตลอด คราวนี้มันจะไม่มีอะไรแตกต่าง!”
หวังหลินมองเทียนหยุนและเอ่ยขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่ใช่องครักษ์ แต่ที่หายไป…”
พอหวังหลินพูดเช่นนี้ เทียนหยุนพลันรู้สึกหัวใจหล่นวูบ
…………………………………………………..
ตอนที่ 2086 การเกิดใหม่อยู่ตรงนั้น
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ข้าเคยลังเลทุกอย่างจนกระทั่งได้เห็นภูเขาที่มีหิมะสีรุ้งถึงสองครั้ง รวมถึงร่างที่กอดอีกร่างหนึ่งตอนที่ข้าอยู่ในอารามบรรพชนอาณาเขตฉี ข้ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดพลาดแต่ขณะเดียวกันได้เกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมา!” หวังหลินไม่ได้มองเทียนหยุน แต่เป็นสะพานด้านหลังเทียนหยุน
“ข้ากลัวความล้มเหลวที่ข้าเห็น กลัวว่าข้าชุบชีวิตหวานเอ๋อร์ไม่ได้ ข้ากลัวว่าทุกอย่างเป็นชีวิตชาติที่แล้วที่ได้เจอหวานเอ๋อร์และทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อชุบชีวิตนางแต่ก็ล้มเหลว ดังนั้นข้าจึงดิ่งลงไปในภวังค์เต๋าแห่งความฝันเพื่อเปลี่ยนแปลงการเกิดใหม่จนความฝันของข้ากลายเป็นจริง!”
“แต่ทว่า มันคือชีวิตก่อนของข้าจริงหรือไม่…ข้าไม่คิดแบบนั้น! ข้ากลัวว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์มัน จึงต้องเปลี่ยนแปลงมัน!” หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย
“ตอนนั้นในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ข้าได้ยินเสียงหนึ่ง เสียงนั้นเฝ้าบอกกับข้าว่า หายไปหนึ่ง หายไปหนึ่ง…”
“ข้าไม่รู้ว่าอะไรที่ขาดหายไป…”
“ในโลกถ้ำข้าเห็นเหตุการณ์หนึ่ง จักรพรรดิเทพป๋ายฟ่านชี้ไปที่ท้องฟ้าและบ้าคลั่งขึ้นมา จากนั้นข้าจึงได้เรียนรู้ว่าเขาเห็นว่าโลกแห่งนี้เป็นถ้ำแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เขายอมรับไม่ได้และเกิดความบ้าคลั่ง”
“เช่นเดียวกับจิตวิญญาณแตกสลาย แต่ป๋ายฟ่านไม่ได้มีความกล้าหาญแบบจิตวิญญาณแตกสลายหรือความหมั่นเพียรเช่นนั้น”
“ฉากเหตุการณ์นั้นจุดประกายให้ข้าและทำให้เกิดความหวาดกลัวหยั่งลึกด้วยเช่นกัน”
“และในโลกถ้ำอีกครั้ง ตอนที่ข้าพยายามบรรลุขั้นที่สาม ประตูดับสูญได้ปรากฏ…และเสียงนั้นดังออกมาจากด้านหลังประตู ต่อมาข้าค้นพบว่าเสียงนั้นคล้ายกับเสียงในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่เฝ้าบอกข้าว่ามีบางอย่างหายไป”
“สุดท้ายจนข้าเกิดความคิดบ้าคลั่งขึ้นมาตอนที่ข้าค้นพบกะโหลกของจื่อเฉียงและสัมผัสวิญญาณที่ทิ้งเอาไว้ในนั้น” พอหวังหลินพูดขึ้นมาจึงยกแขนขวาขึ้นปรากฏกะโหลกของจื่อเฉียง
มีอักขระประทับไว้บนกะโหลกซึ่งเปล่งแสงเยือกเย็นและจิตสังหาร
“ข้ามีคำตอบสำหรับทุกอย่าง!” หวังหลินมองกะโหลกในมือและเผยใบหน้าอันซับซ้อน
“ที่ขาดหายไปในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าก็คือเจ้า! เจ้าไม่ได้ถูกเรียกว่าองครักษ์แต่เป็นจิตวิญญาณสมบัติของเข็มทิศไร้ขอบเขต!” หวังหลินมองขึ้นไป ดวงตาเปล่งประกาย สายตานี้ทำให้เทียนหยุนต้องสั่นเทา
“เดิมทีข้าได้แต่สงสัยเรื่องการชุบชีวิตลี่มู่หวาน ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะชุบชีวิตนางอย่างไรจนกระทั่งเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาในภูเขาร้างของอาณาเขตเต๋า”
“ข้าจำคำพูดของเจ้าได้และด้วยประสบการณ์ของข้า ข้าคิดถึงวิธีหนึ่งตอนที่ข้าเห็นร่างที่กำลังคำรามในขณะที่ข้าอยู่ที่อารามบรรพชนอาณาเขตฉี!”
“ตอนที่ข้าคิดถึงวิธีนี้และใช้วิธีนี้ ข้าเกิดความลังเลว่าตัวตนของข้าเป็นความจริงหรือแค่ความฝัน? แผ่นดินเซียนดารามีตัวตนจริงหรือไม่?”
“จนกระทั่งข้าได้เห็นกะโหลกนี้…” หวังหลินพึมพำ
“เจ้า…เจ้าคิดวิธีอะไร…” ควันสีดำรอบเทียนหยุนกำลังปั่นป่วน เขามองดูหวังหลินที่มีความสงบนิ่งและฟังคำพูดไปทำให้จิตใจเขาหวาดกลัว
เขาค้นพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้นั้นแตกต่างจากตอนนี้ เขาพลันรู้สึกเหมือนหายนะกำลังท่วมเข้าใส่ตอนที่ได้ยินหวังหลินพูดถึงความคิดและวิธีการอันบ้าคลั่ง
หวังหลินจ้องมองเทียนหยุนอย่างเยือกเย็น
“วิธีของข้าเรียบง่าย ข้ารู้วิชาห้วงเวลา เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้…หลังจากร่างอวตารมือสังหารของข้าสมบูรณ์ ข้าได้ใช้วิชาห้วงเวลาของข้าด้วยพลังทั้งหมดเพื่อย้อนเวลาและส่งเขากลับไป…ในอดีต!”
“ข้าส่งเขากลับไปในอดีตเพื่อเลียนแบบชีวิตข้า เขาใช้เต๋าแห่งความฝันเพื่อทำนายและคำนวณทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในชีวิต!”
“ข้าให้อิสระภาพกับเขา ให้อิสระกับร่างอวตาร!”
“หลังจากทำแบบนั้น ข้าจึงตระหนักได้ว่าทุกอย่างกำลังชัดเจนขึ้น ถ้าสิ่งที่เรียกว่าชีวิตที่แล้วคือร่างอวตารมือสังหารที่ข้าส่งไปในอดีต เจ้าบอกว่าแผ่นดินเซียนดาราคือภาพลวงตา ข้าขอบอกเจ้าตอนนี้เลยว่าแผ่นดินเซียนดาราไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ภาพลวงตา!”
“ข้าหวังหลิน ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ ข้าเกิดบนดาวซูซาคุและบรรลุถึงปัจจุบันนี้ ข้าก็คือข้า!”
“เหตุผลที่เจ้าและบางคนคิดว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความฝันก็เพราะร่างอวตารมือสังหารของข้าเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอดีตได้สำเร็จ”
“ข้าไม่รู้ว่าร่างอวตารมือสังหารของข้าทำอะไรในอดีตหรือตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่เมื่อข้าได้เห็นกะโหลกของจื่อเฉียง ข้าเห็นสัมผัสวิญญาณของข้า ข้าเห็นวิธีในการฟื้นคืนชีพลี่มู่หวานซึ่งข้าได้มอบงานให้เขาไปค้นหา!”
“สัมผัสวิญญาณบอกเรื่องราวในอดีตชัดเจน ร่างอวตารมือสังหารได้ย้อนทวนโลกแห่งนี้และเป็นคนยืมเข็มทิศ เข็มทิศคือกุญแจสำคัญในการชุบชีวิตหวานเอ๋อร์”
“เขาวางเข็มทิศไว้บนแผ่นดินเซียนดาราและเข้าไปหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าไปมันจะหายไปในเวลาไม่นาน”
“ในระหว่างการเกิดใหม่เขาได้มาที่แผ่นดินเซียนดารา ก่อนเขาจะหายตัวไป เขาได้ทำงานที่ข้าให้ไว้สำเร็จและเปิดเข็มทิศได้ ซึ่งทำให้เข็มทิศไม่สมบูรณ์และยังปลดปล่อยจิตวิญญาณสมบัติในเข็มทิศออกมาด้วย!”
“นั่นก็คือเจ้า” หวังหลินมองดูเทียนหยุน พอเทียนหยุนได้ยินเช่นนี้ ร่างกายจึงสั่นเทาอย่างรุนแรง สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ได้
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“วิธีการของข้าคือปลดปล่อยเจ้าและใช้เจ้าผู้เป็นแกนหลักของเข็มทิศไร้ขอบเขต ให้มาชุบชีวิตภรรยาข้า”
“การเกิดใหม่อยู่ที่นั่น เมื่อเจ้าเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เจ้าก็สามารถขยับมันได้ตามที่ต้องการ หากเจ้าไม่เข้าใจ เจ้าก็เรียกมันว่าชีวิตที่แล้ว มันคือวงกลมและอยู่ตรงนั้นเสมอ เจ้ามองเห็นมัน เจ้าสัมผัสมันได้”
“เหมือนคำพูดของโม่จื่อ เหมือนความทรงจำของผีเสื้อสีชาด เหมือนที่เจ้าจดจำร่างอวตารมือสังหารในภูเขาร้างบนอาณาเขตเต๋าได้”
“บรรพชนโบราณและบรรพชนเทพมองทะลุการเกิดใหม่ไม่ออก พวกเขาคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกและตายท่ามกลางการค้นหาเต๋า…นี่คือวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่…”
“หลังจากเข้าใจวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เจ้าก็จะเห็นว่ามันเป็นแค่วงกลม เจ้าสามารถเดินไปที่จุดใดก็ได้และคว้ามันมา” หวังหลินส่ายศีรษะและมองมาที่เทียนหยุน
“เจ้ากำลังหลอกข้า แต่เจ้าไม่รู้ว่าท้ายที่สุด ข้ากำลังหลอกเจ้า…เหมือนค้นหาบางอย่าง กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเจ้าหันกลับมาดู”
“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นแบบนี้ไม่ได้!! ข้าเห็นชีวิตที่แล้วของเจ้ากับตา ข้าเห็นเจ้ายืมเข็มทิศของข้ากับตา ข้าเห็นเจ้าเข้าไปในเต๋าแห่งความฝันพร้อมกับเข็มทิศด้วยตัวเอง!!”
“ข้ายังเห็นเจ้าไปเกิดใหม่หลายครั้งและมาถึงจุดนี้ก็จะหายไปในเข็มทิศ!!” เทียนหยุนดูเหมือนบ้าคลั่งไปแล้ว เขาวางแผนมาทั้งชีวิต แต่ท้ายที่สุดก็ยังคำนวณผิดพลาด
ตอนที่เขาถูกปลดปล่อยจากเข็มทิศ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนหวังหลิน
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ!!” เทียนหยุนร้องคำราม ร่างกายที่สร้างขึ้นจากควันสีดำเข้าปกคลุมท้องฟ้า เขาพุ่งเข้าหาหวังหลินราวกับต้องการกลืนกินเขาไปทั้งตัว
“เพียงเพราะเจ้าเห็นมัน ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริง…เพราะเจ้ามองวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ไม่ออก มันอยู่ที่นั่นแล้ว หากเจ้าเข้าใจ เจ้าก็เข้าใจ แต่หากเจ้าไม่เข้าใจ เมื่อนั้นเจ้าจะไม่มีวันเข้าใจมันเลย” หวังหลินส่ายศีรษะ
…………………………………………………..
ตอนที่ 2087 หวานเอ๋อร์ ตื่นเถอะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงของเทียนหยุนดังกึกก้องอยู่ในแดนเทพบรรพกาลซึ่งมีภูเขาหิมะสีรุ้งอยู่ใจกลาง ร่างใหญ่ยักษ์ที่สร้างจากสายหมอกพุ่งเข้าหาหวังหลินอย่างไม่พอใจและบ้าคลั่ง
เขาไม่ยอมให้กลายเป็นแบบนี้ เขารอคอยมานาน รอคอยวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่หลายครั้ง จนกระทั่งวันนี้ได้มาถึงแต่ก็ไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะกลายเป็นเช่นนี้
หวังหลินหลอกลวงทุกคน แม้แต่เทียนหยุนที่รู้ทุกอย่างก็ยังไม่รู้ว่านี่ไม่ใม่ใช่ความฝันของหวังหลินแต่เป็นเต๋าของร่างอวตารมือสังหาร
จิตใจเทียนหยุนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี ความรู้สึกแบบนี้มากพอที่จะทำให้เขาเกิดอาการบ้าขึ้นมา เขาคือวิญญาณสมบัติของเข็มทิศและเขาเห็นหวังหลินมาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังหายไปทุกครั้งในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่
จนกระทั่งถึงตอนที่เขาเห็นหวังหลินเข้ามาทำลายเพื่อเปิดเข็มทิศด้วยตัวเองและจากนั้นก็หายตัวไป ทำให้เทียนหยุนออกมาได้และในตอนนั้นเขาก็หัวเราะอย่างยินดี
เขาไม่รู้ต้นกำเนิดของตัวเอง ในความทรงจำตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน เขาก็เป็นจิตวิญญาณสมบัติของเข็มทิศไร้ขอบเขตไปแล้ว
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนสร้างเข็มทิศขึ้นมา เขาไม่มีความทรงจำและสับสนอยู่นานจนกระทั่งได้เห็นหวังหลินมายืมเข็มทิศ เขาเห็นหวังหลินเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนตัวเขาเองได้รับการปลดปล่อย
พอเขาได้รับการปลดปล่อย จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุขอย่างพูดไม่ออก เขาเหมือนกำลังเป็นอิสระและไม่ต้องการอยู่ในเข็มทิศเหมือนเป็นนักโทษอีกต่อไปแล้ว
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องการครอบงำหวังหลิน!
จากมุมมองของเขา ทุกชีวิตบนแผ่นดินเซียนดาราจึงเป็นเรื่องโกหกและมีเพียงหวังหลินที่เป็นความจริง จากการวิเคราะห์ของเขา เมื่อเขาครอบงำหวังหลินได้สำเร็จ เขาก็จะมีระดับบ่มเพาะขั้นย่ำสวรรค์และได้รับอิสระอย่างแท้จริง
เขาไม่สามารถโดนขังในเข็มทิศเพื่อเป็นจิตวิญญาณสมบัติได้อีกต่อไปแล้ว แม้เขาจะรู้สึกว่านอกจากการเป็นจิตวิญญาณสมบัติ เขาก็ยังเป็นองครักษ์ของเข็มทิศนี้ก็ตามที
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่ออิสรภาพ!
เขากระทั่งได้ตัดสินใจว่าเมื่อได้รับอิสระและครอบงำร่างหวังหลินได้สำเร็จ เขาจะออกไปตามหาต้นกำเนิดของตัวเอง ตามหาคนที่ทำให้เขาเป็นจิตวิญญาณสมบัติ
จากมุมมองเช่นนี้ หลังจากครอบงำร่างหวังหลินได้สำเร็จ เข็มทิศไร้ขอบเขตก็จะกลายเป็นสมบัติของเขา เขาซึ่งเป็นจิตวิญญาณสมบัติอยู่แล้วจึงไม่มีใครรู้ความแข็งแกร่งของมันได้ดีกว่าเขาอีก
นอกจากพลังของมัน ส่วนสำคัญที่สุดคือทำให้คนออกไปจากดินแดนฝืนชะตาปฐพีได้!
ส่วนต้นกำเนิดของเข็มทิศไร้ขอบเขต เขาผุดความคิดบางอย่างขึ้นมาแต่มันก็พร่าเลือน เขาไม่รู้ว่าใครสร้างมันมา แล้วทำไมเขาถึงอยู่ข้างในได้
เขาเพียงแค่รู้ว่าเมื่อได้รับอิสระ เขาก็จะค้นหาคำตอบนั้น
แต่ในยามนี้แผนทุกอย่างของเขากลับมาพังทลายเพราะคำพูดของหวังหลิน เขาไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย เขารู้สึกเพียงแต่ความสิ้นหวังและความโกรธเกรี้ยว พร้อมด้วยความหวาดกลัวและไม่ยินยอม
เทียนหยุนพุ่งเข้าใส่หวังหลินอย่างสุดกำลัง สายหมอกสีดำส่งเสียงร้องโหยหวนรุนแรง เพียงเข้าใกล้จึงได้เห็นหวังหลินผุดรอยยิ้มเบาๆ ออกมา
หวังหลินยกแขนขวาพลางมองสายหมอกสีดำที่กำลังเข้ามาและสะบัดเบาๆ
“ตอนที่ข้าเชี่ยวชาญวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ข้าก็บรรลุขั้นย่ำสวรรค์ไปแล้ว” หวังหลินพูดขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง หมอกสีดำเบื้องหน้าเหมือนกำลังกลายเป็นไอและเริ่มแตกสลายอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!! หวังหลิน ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!!” เทียนหยุนร้องอย่างโหยหวน ควันที่เหลือควบแน่นกลายเป็นศีรษะขนาดยักษ์ ศีรษะนี้ดูแตกต่างจากเทียนหยุน โดยมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนและตรงส่วนกลางหน้าผากมีรูปดาวที่กำลังกะพริบแสง ข้างในรูปดาวมีร่างเงากะเรียนที่กำลังดิ้นรนอยู่ในนั้น
ทั้งหมดนี้กินเวลาชั่วพริบตาก่อนจะแตกสลายไป ศีรษะของชายวัยกลางคนแตกสลายและควันสีดำทุกอย่างพลันเปลี่ยนกลายเป็นนกกระเรียนสีดำตัวยักษ์
เจ้ากระเรียนสีดำส่งเสียงกู่ร้องใส่ท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาหวังหลินอีกครั้ง
ชั่ววินาทีที่เขาเข้าใกล้ แววตาหวังหลินเป็นประกายเย็นเยียบ เขาก้าวไปข้างหน้าและยกแขนขวาขึ้นมาคว้าจับลำคอของเจ้ากระเรียน
เจ้ากระเรียนพยายามดิ้นรนต่อไป ยิ่งมันส่งเสียงร้อง หวังหลินยิ่งมีแววตาเป็นประกาย แขนขวาบีบแน่นขึ้นจนเกิดเสียงดังปังทำให้ทั้งแดนเทพบรรพกาลสั่นเทาและท้องฟ้าเกิดความพร่าเลือน
นกกระเรียนสีดำแตกสลายอย่างสมบูรณ์
สัมผัสวิญญาณของเทียนหยุนตกอยู่ในความปั่นป่วน ตอนที่กระเรียนสีดำแตกสลาย นั่นคือสัมผัสวิญญาณสุดท้ายของเทียนหยุนที่กำลังพังทลาย เขาเหมือนจดจำอดีตบางอย่างได้ บางอย่างที่เขาคิดว่ามันไม่ได้อยู่ในความทรงจำ
“ดินแดนเต๋ารุ่งอรุณ…บ้านเกิดของข้า…” เทียนหยุนพึมพำพร้อมกับสัมผัสวิญญาณที่แตกสลายไปอย่างสิ้นเชิงและเขาตายอย่างสมบูรณ์ ร่างกระเรียนเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำนับไม่ถ้วน ท่ามกลางควันสีดำนั้นมีควันสายหนึ่งที่เป็นสีเทาอย่างชัดเจน หวังหลินเฝ้าดูควันสีเทาพุ่งเข้าหาสะพานซึ่งเชื่อมต่อกับท้องฟ้าและเลือนหายไปในภาพมายาด้านหลังสะพาน
ควันสีเทานี้ไม่ได้พากลิ่นอายของเทียนหยุนไปด้วย
หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายแต่ไม่ประหลาดใจ ราวกับรู้อยู่แล้วถึงตัวตนของควันสีเทา เขาเพียงแค่ชำเลืองมองและไม่สนใจ แขนขวายื่นออกมาคว้าจับควันสีดำ
เพียงแค่คว้าจับ ควันสีดำจึงพลันรวมตัวกันกลายเป็นก้อนขนาดเท่ากำปั้นในมือหวังหลิน
ก้อนควันไม่ได้เป็นสีดำแต่มีถึงเก้าสีดูงดงามยิ่ง
‘แก่นสารแห่งดินแดน…’ พอหวังหลินมองก้อนควันสีดำในมือ ดวงตาไม่ได้สงบนิ่งอีกต่อไปแล้วแต่เป็นความตื่นเต้น เขาสูดหายใจลึกและสะบัดแขนซ้าย ปรากฏโลงศพขึ้นเบื้องหน้า
ข้างในโลงศพมีสตรีผู้หนึ่งที่กำลังหลับใหล นางไม่ได้สวยงามไร้ที่ติแต่นางมีความอ่อนโยน ดวงตาหลับพริ้มและไม่ขยับเขยื้อนเลย
“หวานเอ๋อร์…ครั้งหนึ่งข้าพูดว่าถึงแม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าก็จะพาเจ้ากลับมา!” หวังหลินพึมพำพร้อมกับสัมผัสใบหน้าของนาง หยาดน้ำตาไหลรินและหล่นใส่ใบหน้าของนาง หยาดน้ำตาไหลลงบนแก้มเข้าสู่มุมปาก
“ข้าทำสำเร็จแล้ว! หวานเอ๋อร์ หลังจากผ่านไปหลายพันปีข้าก็ทำสำเร็จ!” หวังหลินมีใบหน้าอ่อนโยนพลางประทับก้อนควันเก้าสีลงตรงกลางหน้าผากของนางอย่างเบามือ เขาเฝ้ามองดูก้อนควันเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ กาลเวลาคล้ายกับดำรงอยู่ไปชั่วกาลนาน
แต่บนใบหน้าหวังหลินเผยสัญญาณแห่งความตึงเครียดที่หาได้ยากนัก เขากังวลเป็นอย่างยิ่ง หวังหลินกัดริมฝีปากและมองสตรีตรงหน้า
เขาลูบเรือนผมของลี่มู่หวานเบาๆ และพึมพำ “หวานเอ๋อร์ กลับมาได้แล้ว…กลับมาเถอะ…ลืมตาของเจ้า …ลืมตาของเจ้าขึ้นมาและมองมาที่ข้าสิ…”
เรื่องราวที่เผชิญด้านนอกทะเลปิศาจดูเหมือนเป็นพรมลิขิตของทั้งคู่ ที่จะไม่มีวันลืมเลือน ไม่มีวันละทิ้ง…
เสียงร้องขอความช่วยเหลือครั้งนั้นและสายตาตื่นตระหนกของนางทำให้หวังหลินที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินได้สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ จึงเงยศีรษะขึ้นมา…
หากเขาไม่เงยหน้าขึ้นมา บางทีทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิม
ในทะเลปิศาจ ตอนที่เขาลืมตาและได้เห็นร่างที่อ่อนแอยืนอยู่ตรงทางเข้าถ้ำ หัวใจเขาสั่นเทาไปชั่วจังหวะ เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้าสังหารพวกมัน…” แต่เขารู้ว่าได้เอ่ยคำพูดนั้นออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ…
ร่างอรชรที่ใช้โลหิตของตัวเองเพื่อจารึกค่ายกลมังกรเข้าไปในเกล็ด ใบหน้าซีดเผือดนั้นทำให้หวังหลินเจ็บปวดหัวใจ แต่ในตอนนั้นเขากำลังถูกคนเกลียดชังไล่ล่าเข้าไปในส่วนลึกของมหาสมุทร เขาได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าให้ลืมความทุกทรมานทั้งหมดที่นางได้ผ่านมา
ฉากเหตุการณ์ในสำนักฟ้าเมฆา ยามเขาได้ยินเสียงพิณและเห็นร่างอันโดดเดี่ยวในอาราม หวังหลินจึงได้รู้ว่าเขามิอาจลืมเลือนไปได้
แขนซ้ายข้าคือเวรกรรมในทะเลปิศาจ แขนขวาข้าคือการบ่มเพาะหลายร้อยปี…
“หวานเอ๋อร์ ลืมตาขึ้นเถอะ ตื่นเถอะ…และยังมีผิงเอ๋อร์ด้วยนะ เขาก็จะตื่นเช่นกัน เจ้าจะต้องชอบเด็กคนนั้นแน่…” หวังหลินพึมพำพร้อมกับหยาดน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย
กาลเวลาไม่ได้รอคอยข้า เจ้า…เมื่อใดเจ้าจะพาข้าไป…
“หวานเอ๋อร์ ข้าหวังหลิน เราเป็นสามีภรรยากัน ให้ข้าพาเจ้าไปด้วยกัน…” หวังหลินมองลี่มู่หวานด้วยน้ำตาที่ไหลออกมามากกว่าเดิม เขารอคอยมาหลายพันปีก็เพื่อวันนี้
ความอบอุ่นในหมู่บ้าน ร่างที่เขาเห็นยามที่มองกลับไป ฉากเหตุการณ์ในอดีตฉายซ้ำขึ้นมาในใจหวังหลิน เขาไม่มีวันลืม เขาไม่ต้องการลืม และเขาไม่อยากให้ลืม
เขาเฝ้าดูลี่มู่หวานแก่ชราและมีอายุมากขึ้นจนนางค่อยๆ มาถึงจุดจบของชีวิต วินาทีที่นางหลับตา หัวใจหวังหลินเจ็บปวดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่ยอมให้ลี่มู่หวานจากไปแบบนี้ เขาจะต้องชิงนางกลับมาให้ได้!!
หลังจากพบกับความสูญเสีย เขาคงจะดึงมันกลับคืนมาแม้นั่นจะหมายความว่าเขาต้องเข้าไปแตะความทรงจำที่ปิดผนึกเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าและก้าวเดินเข้าสู่หนทางแห่งความโศกเศร้า…แม้จะเป็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกไม่เสียใจ
“หวานเอ๋อร์…ตื่นเถอะ…หวานเอ๋อร์….” หวังหลินมองสตรีที่ยังหลับใหล หยาดน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
ข้ายอมทำลายโลกทั้งใบเพียงเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้กลับมาถูกต้อง
ข้ายอมหันหลังให้กับทั้งโลกเพียงเพื่อสวรรค์ไม่ขวางกั้นสายตาเจ้า
ข้ายอมปัดเป่าความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดเพื่อเปิดทาง…เพื่อให้เจ้าได้เจอทางกลับบ้าน
“หวานเอ๋อร์ ข้าเป็นสามีเจ้า ข้าอยากให้เจ้าลืมตาและตื่นขึ้นมา!!” หวังหลินมองขึ้นไปในท้องฟ้าและส่งเสียงคำราม เวลาผ่านไปสักพักแต่สตรีข้างในโลงศพก็ยังคงหลับตาอยู่เช่นนั้น
หวังหลินไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ เขายอมไม่ได้!!
“…ไม่ต้องร้องไห้…” วินาทีที่หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ฝ่ามืออบอุ่นค่อยๆ ยกขึ้นมาและสัมผัสกับใบหน้าเขา
ร่างทั้งร่างของหวังหลินสั่นเทา เขาก้มศีรษะมาเห็นเปลือกตาของลี่มู่หวานกำลังสั่นพร้อมกับนางได้ลืมตาขึ้นมา
ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้จะผ่านไปหลายพันปี ความรู้สึกอ่อนโยนนั้นยังคงทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด
……………………………………………………
ตอนที่ 2088 มองย้อนกลับไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ ใจกลางแดนเทพบรรพกาลซึ่งเป็นแผ่นดินวงกลม ภูเขาหิมะสีรุ้งและมีร่างสองร่างยืนอยู่บนนั้น
ทั้งคู่คือหวังหลินและลี่มู่หวาน
ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น สายตามองสะพานที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พูดคุยกันเบาๆ
หวังหลินมองมายังตาของลี่มู่หวานอย่างอ่อนโยน เขารอคอยวันเวลานี้มานาน ตอนนี้ผ่านมาหลายพันปีในที่สุดก็สำเร็จ
หิมะสีรุ้งที่ตกอยู่ตอนนี้ไม่ให้ความรู้สึกเศร้าหมองอีกต่อไปแล้ว มันแตกต่างจากที่หวังหลินเห็นในอารามบรรพชนอย่างสิ้นเชิง
หวังหลินพูดขึ้นเบาๆ “เรื่องมันยาว หวานเอ๋อร์ เมื่อเราออกไปจากที่นี่ เราจะหาที่ที่สงบ จากนั้นข้าจะใช้เวลาเล่าเรื่องราวให้เจ้าฟังทุกเรื่อง…ผิงเอ๋อร์กับภรรยาเขา ฉิงยี่ เจ้าจะรักทั้งสองคนอย่างแน่นอน”
ลี่มู่หวานพยักหน้าเล็กน้อย นางมองบุรุษตรงหน้านาง เขาเหมือนเดิมเช่นเมื่อก่อนเพียงแต่ใบหน้ามีร่องรอยที่ผ่านกาลเวลาแฝงเอาไว้
นางพอนึกภาพออกว่าหวังหลินต้องผ่านความยากลำบากแค่ไหน แลกเปลี่ยนด้วยสิ่งมีค่าแบบใดเพื่อปลุกนางขึ้นมา
“ตอนนี้ให้ข้าพาเจ้าไปย่ำสวรรค์ด้วยกัน…” ขณะที่หวังหลินมองสะพานที่อยู่ห่างไปไม่ไกล สายตาเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดหลายพันปี ในสายตาเขาไม่มีความโศกเศร้าหลงเหลืออีกต่อไป
หวังหลินดึงแขนลี่มู่หวานกระชับข้างกาย หลังจากนางตื่นขึ้นมาเขาจะไม่มีวันยอมปล่อย เขากลัวว่าเมื่อปล่อยไปอาจจะตามหานางไม่เจออีกเลย
ทั้งสองร่างก้าวเดินไปบนสะพานย่ำสวรรค์อย่างช้าๆ ไปถึงปลายทางของสะพานที่เชื่อมต่อกับภาพมายา
ลี่มู่หวานเองก็กอดแขนหวังหลินเอาไว้และไม่อยากปล่อยไป นางสัมผัสถึงความอบอุ่นจากแขนที่ทำให้หัวใจนางรู้สึกอบอุ่นและสงบสุขมาตลอดหลายพันปี
ร่างทั้งสองค่อยๆ มาถึงปลายทางของสะพาน ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวเข้าไป หวังหลินหยุดชะงักและสะบัดแขนซ้ายใส่พื้นดิน
การทำเช่นนี้ได้ทำให้ลำแสงสามสายทะยานเข้าหาพื้นดิน
ลำแสงแรกคือเข็มทิศครึ่งส่วน มันลอยเข้าหาพื้นดินและทำให้พื้นวงกลมเริ่มสั่นเทา ส่วนที่เป็นภาพมายาครึ่งส่วนกลายเป็นจริงขึ้นมา ร่องลึกและภูเขานับไม่ถ้วนเปล่งประกายเจิดจ้า หลังจากมันสมบูรณ์ก็เริ่มเปิดใช้งาน
ลำแสงที่สองคือเข็มชี้ขนาดยักษ์ มันร่อนลงไปและผสานเข้ากับภูเขาหิมะสีรุ้ง เข็มชี้กวาดผ่านทั่วบริเวณ
กลิ่นอายอันทรงพลังแผ่กระจายออกมาจากพื้นปฐพีและส่งไปทั่วโลกแห่งนี้
ลำแสงที่สามคือลูกปัดสีขาว ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!
มันลอยอยู่ในโลกแห่งนี้และเปล่งแสงเบาบาง การปรากฏตัวของมันทำให้สถานที่แห่งนี้ที่เป็นเข็มทิศไร้ขอบเขต เกิดความสมบูรณ์
หวังหลินพูดขึ้นเบาๆ “ถอนคืน!”
ชั่วจังหวะนั้นพื้นดินก็สั่นเทาและหดตัวอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงสายหมอกจำนวนมาก ครู่ต่อมาพื้นดินก็หายไป ภูเขาหิมะสีรุ้งหายไป ทุกอย่างในโลกยกเว้นสะพานและลี่มู่หวานหายไปหมด ทุกอย่างเลือนหายเข้าไปในเข็มทิศขนาดเท่าฝ่ามือ!
เข็มทิศลอยอยู่บนมือซ้ายหวังหลินและหมุนอย่างต่อเนื่อง มันหดลงอีกครั้งและสิ่งที่ปรากฏในมือหวังหลินคือลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าคือชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดของเข็มทิศไร้ขอบเขต และมันดูไม่แตกต่างกับตอนที่เข็มทิศสมบูรณ์เลยแม้แต่น้อย
หวังหลินถือลูกปัดพลางหันหลังกลับไป เขามองไม่เห็นท้องฟ้าหรือพื้นดิน มีเพียงความว่างเปล่า ในปลายสุดของความว่างเปล่าเขาได้เห็นร่างหนึ่ง
นั่นคือกุ้ยต้าว
กุ้ยต้าวจ้องมองทุกอย่างนี้ด้วยความตกตะลึง เขาเห็นสะพานแห่งเดียวที่อยู่ในมิติว่างแห่งนี้และร่างสองคนบนสะพาน
“นี่คือคำตอบ…” กุ้ยต้าวพึมพำ เผยสีหน้าท่าทางอันซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
หวังหลินยิ้มเบาบางและสะบัดแขนขวา ปรากฏวังวนหนึ่งขึ้นด้านหลังกุ้ยต้าว ข้างในวังวนคือแผ่นดินเซียนดารา กุ้ยต้าวครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะโค้งคำนับให้หวังหลินและหายเข้าไปในวังวน
หลังจากเขาจากไป หวังหลินดึงลี่มู่หวานเข้ามาข้างกายซึ่งเห็นร่างนั้นเช่นกันแต่ไม่ได้เอ่ยคำถามอะไร ทั้งสองหันไปทางปลายสุดของสะพานและเลือนหายเข้าไปในภาพมายา
หลังจากหวังหลินไปถึง สะพานได้เปลี่ยนกลายเป็นละอองแสงและเลือนหายไป
ณ สถานที่ที่เหมือนสวนแห่งสวรรค์ ห่างออกไปไกลมีตำหนักแห่งหนึ่งซึ่งมีโต๊ะหินหนึ่งตัวและเก้าอี้หินสองตัว บนเก้าอี้หินมีคนคนหนึ่งนั่งหันหลังให้หวังหลิน คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเทาและมีเรือนผมสีเทา แต่หวังหลินไม่สามารถมองเห็นรูปร่างได้ชัดเจน
ด้านหลังคนผู้นี้มีอีกคนที่ยืนอยู่เหมือนคนรับใช้
หวังหลินดึงลี่มู่หวานออกมาจากมิติว่างและมาถึงสถานที่คล้ายสวนแห่งนี้ พอหวังหลินและลี่มู่หวานเข้ามา คนรับใช้จึงหันมามองหวังหลินและยิ้มขึ้น
หวังหลินมองคนรับใช้ คนรับใช้ผู้นี้ดูแก่เล็กน้อยแต่ยังจำได้ทันที
หวังหลินพูดขึ้น “ หลิงเทียนโฮว”
“ทั้งใช่และไม่ใช่ข้า” คนรับใช้ส่ายศีรษะแต่ไม่ได้พูด คนที่พูดขึ้นมาคือชายชุดเทาที่หันหลังให้หวังหลิน เขาหันกลับมาและยิ้มให้
ชายชุดเทามองหวังหลินและพูดขึ้น “นี่ต้องเป็นแม่นางหวัง ช่างคู่ควรต่อสหายเซียนหวังยิ่งนัก”
ลี่มู่หวานสงบนิ่งและไม่ได้พูดอะไร นางยืนข้างหวังหลินและมองชายชุดเทา
หวังหลินมองชายชุดเทาและยิ้มออกมา เขาดึงลี่มู่หวานมาอยู่ตรงข้ามของชายชราและสะบัดแขนเสื้อ ปรากฏภาพเงาทับซ้อนขึ้นบนเก้าอี้หินที่เหลืออยู่เพื่อแยกออกมาเป็นสองตัว เขาและลี่มู่หวานนั่งลงด้วยกัน
บนโต๊ะระหว่างเขาและชายชุดเทาคือกระดานหมาก หมากสีขาวและดำกระจัดกระจายอยู่ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ย่ำแย่
“ร่างอวตารของเจ้าออกไปหลังจากเล่นได้ครึ่งทาง ข้ารอมาหลายปีในที่สุดเจ้าก็มาถึง เรามาต่อกันเถอะ” ชายชุดเทายิ้มขึ้นพลางหยิบหมากสีดำขึ้นมาและวางไปบนกระดาน
“เจ้าคือองครักษ์?” หวังหลินชำเลืองไปที่กระดานและมองชายชุดเทา
ชายชุดเทามองขึ้นมาและเผยรอยยิ้ม “ใช่แล้วและเหมือนกับเจ้า”
“เทียนหยุนคือจิตวิญญาณสมบัติ ข้าทิ้งสัมผัสวิญญาณส่วนหนึ่งไว้กับเขา นั่นคือเทียนหยุนชุดเทาที่เจ้าเห็น” ชายชุดเทามีหน้าตาเหมือนกับเทียนหยุนไม่มีผิด แต่ความรู้สึกที่เขาเปล่งออกมานั้นต่างกัน เหมือนที่เขาพูดเอาไว้ เขาคือเทียนหยุนชุดเทา
“ก็เหมือนกับดินแดนสีรุ้งซึ่งเดิมทีถูกสร้างจากร่างอวตารของเจ้า ต่อมามันถูกจิตวิญญาณสมบัติค้นพบและถูกใช้งาน ข้ามีความอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกันแต่ตอนนี้ข้าเห็นว่าวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่นั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้าไปแล้ว”
“การเลียนแบบลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าพวกนั้นในดินแดนสีรุ้งถูกสร้างจากร่างอวตารมือสังหารของเจ้าตอนที่พยายามค้นหาว่ามีอะไรที่ขาดหายไป แผ่นจารึกเต๋าเหล่านั้นล้วนเป็นประสบการณ์ชีวิตของเจ้า”
“เดินบนเส้นทางแห่งเต๋าที่แท้จริง…คำว่า ‘ที่แท้จริง’ ซึ่งอ้างในประโยคเป็นการกล่าวถึงตัวเองที่อยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ความหมายของทั้งประโยคนี้คือทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาก็เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง จากนั้นจึงจะสามารถก้าวเดินออกจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่านิพพาน” ชายชุดเทาพูดขึ้นด้วยแววตาชื่นชม
“ข้าไม่มีชื่อ หากข้าเป็นคนแรกในดินแดนฝืนชะตาปฐพีที่บรรลุขั้นย่ำสวรรค์ เช่นนั้นเจ้าก็เป็นคนที่สอง นอกจากเจ้าและข้าแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่สามารถย่ำสวรรค์เพื่อมาถึงที่นี่ได้”
“นอกจากร่างอวตารของเจ้า…” ชายชุดเทาพูดพลางยิ้ม
หวังหลินครุ่นคิดเงียบๆ ไปชั่วครู่ เขายังไม่ยอมปล่อยมือลี่มู่หวานพลางมองชายชุดเทาและเอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนสร้างเข็มทิศไร้ขอบเขต? เจ้าเป็นคนผนึกจิตวิญญาณสมบัติไว้ข้างในใช่หรือไม่?”
“ขั้นที่สี่ ขั้นย่ำสวรรค์ถือเป็นขีดจำกัดของดินแดนฝืนชะตาปฐพี แต่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลของดินแดนสี่แห่ง ยังมีบางคนที่บรรลุขั้นที่ห้า…หรือขั้นที่หกไปอีก…ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ กระดานแผ่นนี้ก็มีอยู่แล้ว”
“เล่นกันเถอะ ถึงตาเจ้า…” ชายชุดเทาพูดกระซิบ
หวังหลินขบคิดชั่วครู่จากนั้นเผยรอยยิ้ม เขายกแขนขึ้นมา ในมือเป็นลูกปัดสีขาว เขาถือและวางเอาไว้บนกระดาน
เมื่อลูกปัดสีขาววางลง แผ่นกระดานเปลี่ยนไปทันที หมากสีดำและขาวทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหวราวกับพวกมันพยายามทำนายบางอย่าง พอลี่มู่หวานมองเข้าไป หมากสีขาวและดำทั้งหมดผสานกันกลายเป็นสองชิ้นเท่านั้น
หนึ่งดำ หนึ่งขาว
หมากสีขาวคือฝั่งของหวังหลิน หมากสีดำคือฝั่งของชายชุดเทา
“เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หวังหลินมองขึ้นมาที่ชายชุดเทา
ชายชุดเทาขบคิดชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้า “…ข้าเข้าใจ”
หวังหลินยิ้มพลางยืนขึ้นและดึงลี่มู่หวาน เขาไม่ได้มองกลับไปที่คนทั้งสองหรือบนกระดาน แต่ก้าวเดินไปข้างหน้ากับลี่มู่หวาน และทั้งสองก็หายไปจากที่นี่
หลังจากเขาหายไป หมากสีขาวบนกระดานค่อยๆ กลายเป็นภาพลวงตาและในที่สุดก็หายไป ราวกับมันติดตามหวังหลินไปด้วย
หวังหลินจากไปพร้อมกับลี่มู่หวาน
บนแผ่นดินเซียนดารา ไม่มีใครนอกจากกุ้ยต้าวที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนเทพบรรพกาล
หวังหลินนั่งลงอย่างสงบบนภูเขาแห่งหนึ่งในเผ่าโบราณ ลี่มู่หวานนั่งอยู่ด้านหลังและมองเขาอย่างอ่อนโยน หวังหลินอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน
เขาดูเหมือนกำลังรอคอยบางอย่าง ลี่มู่หวานไม่รู้ว่าเป็นอะไรและนางไม่ต้องการรู้ ตราบใดที่นางสามารถอยู่ข้างกายหวังหลินได้ นางก็พึงพอใจแล้ว ทว่าในใจนางยังมคำถามหนึ่ง แต่นางต้องการรอให้หวังหลินตื่นขึ้นมาถึงจะถาม
หลังจากผ่านไปอีกสามวัน พลบค่ำของวันนี้ขณะที่ท้องฟ้าสลัวลง หวังหลินลืมตาและมองไปยังท้องฟ้า
วินาทีนั้น ชายผู้หนึ่งสวมชุดสีดำและมีเรือนผมสีดำยาวปรากฏขึ้นด้านนอกแผ่นดินเซียนดารา ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารและทำลายล้าง เขายืนอยู่ด้านนอกแผ่นดินเซียนดารา สายตามองไปบนเผ่าโบราณอย่างไม่แยแส ที่ตรงนั้นเขาเห็นว่ามีคนกำลังมองมาที่เขาด้วย
รูปร่างหน้าตาของเขาเองก็เหมือนหวังหลินไม่มีผิด!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ชายชุดดำจึงพุ่งเข้าไปในแผ่นดินเซียนดารา เขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีดำและทะยานเข้าสู่เผ่าโบราณ มุ่งหน้าไปยังภูเขาที่หวังหลินอยู่และมาถึงเบื้องหน้า
พอเขาเห็นลี่มู่หวาน สายตาที่ไม่แยแสนั้นจึงกลับมาอ่อนโยน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมา” หวังหลินมองมาที่ร่างอวตารมือสังหาร
ชายชุดดำขบคิดอย่างเงียบงัน จากนั้นยกแขนขึ้นมาดึงผมออกมาหนึ่งเส้น พอเขาวางมือลง เส้นผมสีขาวพริ้วไสวและเปลี่ยนกลายเป็นสีขาวอย่างช้าๆ
วินาทีที่เส้นผมสีขาวปรากฏขึ้น ด้านหวังหลินก็ยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏเส้นผมสีขาวขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทว่าในจังหวะที่เส้นผมสีขาวนี้ปรากฏ มันค่อยๆ หายไป
ชายชุดดำมองลี่มู่หวานอีกครั้ง เขาหลับตาลงพร้อมกับเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำ ลบเลือนสติของตัวเองเพื่อผสานเข้ากับร่างของหวังหลิน
หวังหลินดูดซับควันสีดำทั้งหมดไป ร่างอวตารมือสังหารปรากฏขึ้นในร่างกายอีกครั้ง หวังหลินมองลี่มู่หวานจึงเข้าใจว่าทำไมร่างอวตารมือสังหารถึงได้ลบสำนึกของตัวเองและผสานเข้ากับเขาหลังจากได้รับอิสรภาพ
‘สำหรับข้ามันคือห้าร้อยปี…สำหรับเขามันคือวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วน…’
“ท่านมองที่ข้ามีอะไรหรือไม่?” ลี่มู่หวานยิ้ม
หวังหลินเอ่ยถามขึ้นทันที “เจ้าได้เห็นเขาหรือไม่?”
“ใคร?” ลี่มู่หวานตกตะลึง นางไม่เห็นอะไรเลย
“ไม่มีอะไร เราไปกันเถอะ เจ้าไม่อยากเห็นหวังผิงและภรรยาหรือ? เราไปที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราและเริ่มต้นชีวิตธรรมดากันเถอะ…” หวังหลินยืนขึ้นและยิ้มออกมา
“ไม่ไปบ่มเพาะหรอกหรือ?” ลี่มู่หวานกะพริบตาและยืนข้างหวังหลิน
“การบ่มเพาะอยู่ในใจ หลังจากค้นหาตัวเอง ทุกที่ก็เหมือนกันหมด” หวังหลินยิ้มพร้อมกับกอดลี่มู่หวาน ทั้งสองเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและหายไปในความมืด
“หวังหลิน หลังจากเกมกระดานจบลง ท่านพูดว่า ‘เจ้าเข้าใจหรือไม่…’ ข้าไม่เข้ามันจริงๆ…มีอะไรต้องเข้าใจหรือ?” ลี่มู่หวานเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ทั้งสองค่อยๆ ทะยานออกไปไกลและเลือนหายไปในเส้นขอบฟ้า
พวกเขาไม่เห็นว่าในจังหวะนั้น ในมุมหนึ่งของเมืองศิลาดำ ห่างจากภูเขานี้ไปไม่ไกลนัก สตรีชุดขาวได้หันหลังให้กับแสงไฟจากบ้านเรือนมากมาย นางมองไปยังลำแสงหนึ่งที่กำลังทะยานออกไปไกลบนท้องฟ้า หยาดน้ำตาไหลลงมามุมอับสายตา หยาดน้ำตาไหลลงบนแก้มและหยดลงบนเสื้อผ้า
“ลืมมันเถอะ ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง…มัจฉาในชีวิตที่แล้วก็เฝ้าดูวิหคจากไปทั้งที่ตัวเองอยู่ในน้ำเหมือนกัน…” นางพึมพำ สายตาพร่าเลือน มัจฉาในน้ำดูเหมือนกำลังร้องไห้ แต่หยาดน้ำตาได้ละลายอยู่ในน้ำ ดังนั้นวิหคจึงมิอาจมองเห็น
“ในชีวิตที่แล้ว เราต่างก็เป็นวิหคและมัจฉา แต่ในชีวิตนี้เราไม่ใช่…” เสียงอ่อนโยนหนึ่งพลันดังขึ้นด้านหลังหญิงสาว
หญิงสาวร่างบอบบางพลันสั่นเทาในทันที นางพลันหันกลับมาและเห็นร่างหนึ่งที่กำลังยิ้มให้…
………………จบบริบูณ์……………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น