Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2082-2083
ตอนที่ 2082 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ เผ่าเทพ กองกำลังจากหลายสำนักได้จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อให้มาถึงขอบทะเล
ทางฝั่งเผ่าโบราณ เหล่าทหารนับไม่ถ้วนนำทัพโดยจักรพรรดิโบราณทั้งสามก็ได้เดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าสงครามครั้งนี้จะเริ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าฝั่งไหนจะได้มหาชั้นฟ้าคนใหม่หรือมหาชั้นฟ้าคนใดจะปีนป่ายไปได้สูงกว่า
สิ่งเหล่านี้คือกุญแจสำคัญต่อสงครามที่กำลังจะเริ่ม!
หากสมดุลคงอยู่ก็คงดี แต่หากสมดุลพังทลาย สงครามครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเผ่าเทพคาดการณ์ได้แล้วว่ามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไม่สามารถออกมาจากเผ่าโบราณได้
เว้นแต่เผ่าโบราณจะล่าถอยและไม่กล้าสู่นอกระยะของกุ้ยต้าว!
ไม่มีใครรู้ว่าแดนเทพบรรพกาลมีมาตั้งแต่ตอนไหน ดูเหมือนมันเก่าแก่ยิ่งกว่าแผ่นดินเซียนดาราเสียอีก แม้แต่บรรพชนเทพและบรรพชนโบราณที่ถือกำเนิดมาจากมิติว่างก็ยังไม่รู้เรื่องแดนเทพบรรพกาลมากนัก
หวังหลินนั่งอยู่ใกล้กับพายุ มองดูประตูที่สร้างจากเสาขนาดใหญ่หลายต้น ประตูปิดอย่างแน่นหนาและกำลังจะเปิดในอีกไม่นาน
หวังหลินไม่รีบ เขารอมาหลายร้อยปีแล้ว แค่ไม่กี่เดือนจึงไม่เป็นกังวล
อย่างไรก็ตามมีคำถามหนึ่งอยู่ในใจ
‘ข้าชักสงสัยเสียแล้วว่าแดนเทพบรรพกาลจะเป็นแบบไหนถ้าข้าไม่ได้เริ่มแผนการบ้าๆ ในอารามบรรพชนอาณาเขตฉี…’ หวังหลินครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็เป็นคำถามที่ไร้คำตอบ
หวังหลินรอคอยให้แดนเทพบรรพกาลเปิดออกจนเหลือเวลาหนึ่งเดือนก่อนเปิด ลำแสงสามสายโผล่ออกมาจากฝั่งเผ่าโบราณ นั่นคือมหาชั้นฟ้าสามคนจากเผ่าโบราณ
ซ่งเทียน ซวนลั่วและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ผู้ลึกลับ
ลำแสงทั้งสามสายเข้าใกล้และเปลี่ยนกลายเป็นร่างสามคนเบื้องหน้าหวังหลิน ซ่งเทียนมองหวังหลินด้วยอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อน คำนับฝ่ามือให้หวังหลินและเอ่ยด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
“ซ่งเทียนขอคารวะท่านหวัง”
มหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่เองก็ขบคิดเงียบๆ และคำนับฝ่ามือให้แก่หวังหลินเช่นเดียวกัน
พวกเขาได้รู้แล้วตั้งแต่เมื่อสามร้อยปีก่อนว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดาราไม่ใช่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวอีกต่อไป แต่เป็นคนชื่อหวังหลินที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้
หลังจากเป็นพยานรู้เห็นการต่อสู้ครั้งนั้นเมื่อสามร้อยปีก่อน พวกเขาก็ไปถามมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นการส่วนตัวและได้รับคำตอบแบบเดียวกับที่เห็น
ซวนลั่วแก่ชราลงกว่าก่อนหน้านี้ไปเยอะมาก แต่บนใบหน้าก็ยังเผยรอยยิ้ม เขามองอดีตศิษย์ของตัวเองและรู้สึกมีความสุขที่หวังหลินแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
เขากำลังจะคำนับฝ่ามือพร้อมกับซ่งเทียน นอกจากนี้บนแผ่นดินเซียนดารา ความแข็งแกร่งเป็นเรื่องที่น่าเคารพ
แต่ขณะที่พวกเขามาถึง หวังหลินก็ได้ยืนขึ้น หากมีเพียงซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่เข้ามา เขาคงไม่ทำเช่นนี้ แต่มีซวนลั่วมาด้วย หวังหลินจึงโค้งคำนับซวนลั่วก่อนโดยไม่ลังเล
“หวังหลินขอคารวะท่านอาจารย์”
เมื่อซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่เห็นแบบนี้จึงเกิดความตกตะลึง พวกเขาเห็นศิษย์อาจารย์หลายคู่ที่มีศิษย์ทรยศอาจารย์ บ่อยครั้งที่ศิษย์แข็งแกร่งขึ้นและไม่เคารพอาจารย์อีกต่อไป แม้มีให้เห็นอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงผิวเผิน
อย่างไรก็ตามความจริงใจของหวังหลินทำให้ทั้งสองคนสัมผัสได้อย่างเด่นชัด ในฐานะคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา เป็นธรรมดาที่ซวนลั่วจะโค้งคำนับให้หวังหลิน ทั้งสองยังตัดขาดความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ตอนที่อยู่วังอาณาเขตเต๋าด้วยซ้ำ
หวังหลินมองมาที่ซวนลั่ว มองมาที่อาจารย์ซึ่งแก่ชราขึ้นกว่าเดิม เขาจะให้อาจารย์โค้งคำนับตัวเองได้อย่างไร? แม้จะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดาราและอาจจะแข็งแกร่งขึ้นอีกในอนาคต เขาก็ไม่สามารถทำตัวอกตัญญูได้และไม่ยอมให้ซวนลั่วคำนับเขาอย่างแน่นอน
ซวนลั่วอ้าปากราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายสุดก็ยิ้มและพยักหน้าให้หวังหลิน
เนื่องจากหวังหลินเคารพซวนลั่ว หลายวันต่อมาซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่จึงปฏิบัติต่อซวนลั่วแตกต่างจากเดิม พวกเขาควรจะเท่าเทียมกันแต่ตอนนี้กลับเกิดความเคารพซวนลั่วขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงกับทำให้หวังหลินผู้แข็งแกร่งที่สุดและเอาชนะกุ้ยต้าวได้แต่ก็ยังเรียกเขาว่าอาจารย์ แค่นี้ก็มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
ในวันที่สิบห้าก่อนแดนเทพบรรพกาลจะเปิด ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับพายุ พายุขยายตัวออกไปหลายเท่าและเกิดเสียงดังอึกทึกมากพอที่จะสังหารคนธรรมดาและเซียนที่อ่อนแอจนไม่สามารถทนไหว คนที่จิตใจอ่อนแอจะเกิดอาการบาดเจ็บ บางรายถึงกับร่างระเบิดอย่างสาหัส
ทุกครั้งที่แดนเทพบรรพกาลเปิดออก ไม่มีเซียนอ่อนแอคนใดเสี่ยงเข้าไป อันเนื่องมาจากเสียงดังรุนแรงเช่นนี้
ยิ่งเวลาผ่านไปมันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็มากพอที่จะสังหารทุกคนใต้ระดับขั้นสามด้วยซ้ำ
แม้แต่สมบัติป้องกันก็ไม่มีผลที่นี่
ในวันสุดท้าย เสียงดังอึกทึกทรงพลังมากพอที่จะกำจัดทุกคนที่ต่ำกว่าขั้นวิบากดับสูญ ดังนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่จึงมีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้นแสงเก้าสีแทงทะลุผ่านพายุ พุ่งเข้าไปในท้องฟ้าและห่อหุ้มพื้นปฐพี แสงเก้าสีเปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นอายคล้ายคมมีดและกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ
หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาเห็นประตูกำลังคลายตัวออกอย่างชัดเจน เกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากประตูที่กำลังเปิด
ราวกับมีพลังอันแข็งแกร่งกำลังกระแทกประตูเพื่อจะพุ่งออกมา
ซวนลั่วมองพายุและเอ่ยขึ้นกับหวังหลินช้าๆ “มีบางอย่างผิดพลาด…”
“ครั้งล่าสุดที่แดนเทพบรรพกาลเปิด มันก็รุนแรงขนาดนี้ก่อนเปิดหนึ่งสับดาห์ แต่คราวนี้มันเร็วกว่าหนึ่งสัปดาห์…” ซวนลั่วขมวดคิ้ว
“เป็นผลให้เสียงคำรามแห่งแดนเทพบรรกาลคงอยู่ได้ยาวนานยิ่งกว่าเดิมและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ…แม้แต่คนที่มี 27 ดาวและผสานกับพลังทั้งสามเผ่าโบราณก็ไม่สามารถเข้ามาได้…” ซวนลั่วเผยความเป็นกังวล
หวังหลินมองพายุในท้องทะเล เขาอาศัยอยู่ในเผ่าโบราณมานานจึงรู้ว่าสมาชิกเผ่าที่มี 27 ดาวซึ่งได้ผสานกับพลังทั้งสามสายเทียบได้กับผู้สูงส่งชั้นทอง
ในอดีตตอนที่แดนเทพบรรพกาลเปิดออก ทั้งสองฝ่ายได้ส่งผู้สูงส่งขั้นวิบากดับสูญจำนวนมากเข้าไปทดสอบโชควาสนาของตนเอง
อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นไม่สำคัญ คนที่สำคัญคือเหล่าผู้สูงส่งชั้นทอง ผู้สูงส่งชั้นฟ้าและกลุ่มคนที่สำคัญที่สุดคือผู้สูงส่งชั้นเทวะ
ทว่าเสียงดังสนั่นที่มาเร็วกว่าหนึ่งสัปดาห์นี้…นั่นแปลว่าอาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นนับตั้งแต่นี้? ซวนลั่วค่อนข้างกังวล
หวังหลินถอนสายตาออกมาจากพายุ มองกลับมาและสัมผัสได้ถึงเหล่าคนในเผ่าโบราณหลายร้อยที่กำลังพุ่งเข้ามา จากความเร็วของแต่ละคนแล้วทั้งหมดน่าจะมาถึงในอีกสามวัน
วันเวลาผ่านไปในแต่ละวัน พอถึงวันที่สอง ความรุนแรงก็เพิ่มขึ้น พอถึงวันที่สามก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เสียงดังสนั่นครั้งนี้ทำให้พื้นที่โดยรอบเกิดความไม่มั่นคง ซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ถึงกับมืดมนและกระวนกระวาย
ยามบ่ายของวันที่สาม เหลือเพียงสิบสองวันก่อนแดนเทพบรรพกาลเปิดออก หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่ชัดเจนเข้าหูของกลุ่มซ่งเทียน
“มหาชั้นฟ้าของเผ่าเทพได้มาถึงแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นานอีกฝั่งของพายุ มีลำแสงสามสายเข้ามาถึง มีเพียงจิ่วตี้ หวู่เฟิงและต้าวยี่เท่านั้นที่มา ส่วนชวงจื่อไม่ได้มาที่นี่ นางเลือกที่จะอยู่ในเผ่าเทพ
สิ่งที่ล่อลวงในแดนเทพบรรพกาลไม่ได้ส่งผลต่อชวงจื่อมากนัก นางคิดมานานแล้วและเลือกที่จะเป็นกองหนุน
ส่วนเหลียนต้าวเฟยที่ได้กลายเป็นจักรพรรดิเทพ เขาเองก็เลือกที่จะไม่มาเช่นกัน
หลังจากกลุ่มของจิ่วตี้มาถึง พวกเขาสังเกตได้ว่าเสียงคำรามในวันนี้แตกต่างจากอดีต คิดไปสักพักสีหน้าแต่ละคนจึงมืดมน พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเช่นเดียวกับกลุ่มของซวนลั่ว
ทั้งสามมองหน้ากันเองและเดินตามพายุเข้ามาจนเห็นกลุ่มของซวนลั่วพร้อมกับหวังหลินที่มีความสงบนิ่ง
“ต้าวยี่ขอคารวะท่านหวัง” ต้าวยี่คำนับฝ่ามืออย่างไม่ลังเล
“ขอคารวะ ท่านหวัง” หวู่เฟิงมีท่าทีสงบนิ่ง ราวกับช่วงเวลาสามร้อยปีทำให้เขายอมรับความเป็นจริง
จิ่วตี้ลังเลก่อนจะถอนหายใจและคำนับฝ่ามือให้หวังหลินเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
หวังหลินพยักหน้าและยิ้มให้หวู่เฟิง
“ไม่เจอกันนาน”
“เพียงไม่กี่ร้อยปี ข้าไม่คิดว่าระดับบ่มเพาะของท่านหวังจะบรรลุได้ถึงเพียงนี้…” พอหวู่เฟิงเห็นหวังหลินมีท่าทีแบบนี้ จิตใจจึงอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ลำแสงหลายร้อยสายปรากฏขึ้นในท้องฟ้าด้านหลังซวนลั่ว เหล่าลำแสงเคลื่อนที่เร็วมาก พวกเขาคือคนที่เลือกจะเข้าไปในแดนเทพบรรกาล
ขณะเดียวกันค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ปรากฏด้านหลังจิ่วตี้และมีร่างอีกหลายร้อยคนก้าวออกมา หวังหลินเคยเห็นคนส่วนใหญ่เหล่านี้ที่บททดสอบชั้นฟ้า
เพียงพวกเขาปรากฏตัวขึ้นไม่นาน ราวกับกลิ่นอายแต่ละคนทำให้สถานที่แห่งนี้เกิดความไม่มั่นคง เสียงดังสนั่นจากท้องทะเลยิ่งรุนแรงมากขึ้นราวกับโลกกำลังสั่นเทาและพร้อมจะพังทลาย แม้แต่รอยแยกอวกาศยังปรากฏขึ้นมาและหายไปในบริเวณนี้
ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สีหน้าของมหาชั้นฟ้าหกคนต้องเปลี่ยนไป
……………………………………………………
ตอนที่ 2083 คุณสมบัติ
โดย
Ink Stone_Fantasy
พายุส่งเสียงดังสนั่นรุนแรงขึ้นหลายเท่า จนเกิดเป็นรอยแยกอวกาศขึ้นรอบพื้นที่ ราวกับภูติผีกำลังร้องคร่ำครวญส่งเสียงเล็กแหลม เสียงเหล่านี้ได้แผ่กระจายออกไปทั่วทิศทางจากใจกลางพายุทะเล
ผู้คนนับร้อยจากเผ่าโบราณเพิ่งมาถึงและมองพายุตรงหน้า หลายคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างที่สามารถทำลายพวกเขาได้อย่างชัดเจน
พลังนี้มากพอให้ทุกสิ่งมีชีวิตเกิดอาการสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่รวมถึงหวังหลินและมหาชั้นฟ้าอีกหกคน ด้วยระดับบ่มเพาะของแต่ละคนจึงสามารถต้านทานเสียงรุนแรงนี้ในระดับที่แตกต่างกัน…สำหรับพวกเขาถือว่าไม่ใช่ปัญหา
หวังหลินไม่สนใจเสียงดังสนั่น ถึงจะดังเข้าหูก็ไม่อาจทำให้จิตใจเขาสั่นเทาได้เลย ราวกับเสียงนี้ไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาสั่นไหว แม้มันจะแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกหลายเท่าก็ตาม
หลังจากบ่มเพาะมาถึงระดับนี้ ลืมเรื่องแผ่นดินเซียนดาราไปได้เลย แม้แต่ในอวกาศอันกว้างใหญ่ด้านนอกแผ่นดินเซียนดาราก็ยังมีแค่ไม่กี่อย่างที่ทำให้เขาสั่นไหว
ทว่าสำหรับมหาชั้นฟ้าอีกหกคนนั้นไม่เหมือนกัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงเหล่านี้มากนัก แต่ก็รู้ว่าอีกหลายคนด้านหลังไม่สามารถอดทนได้
ซ่งเทียนขยับไปเบื้องหน้าเหล่าผู้คนของเผ่าโบราณอย่างไม่ลังเล เขาสะบัดแขนเสื้อปรากฏดวงตะวันขนาดยักษ์ขึ้นด้านหลัง ใช้พลังมหาชั้นฟ้าของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนด้านหลังจากแรงสั่น
ซวนลั่วและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่เองก็ทำแบบเดียวกัน ด้วยการที่ทั้งสามคนร่วมมือกันจึงสามารถทำให้ผู้คนเผ่าโบราณนับร้อยไม่บาดเจ็บหรือโดนพลังตีกลับได้
ทางเผ่าเทพเองก็เช่นกัน จิ่วตี้และพรรคพวกทำเหมือนกันเพื่อปกป้องเซียนเผ่าเทพนับร้อยจากเสียงดังสนั่น
มีเพียงหวังหลินที่นั่งอยู่ตรงนั้นและมองพายุอย่างสงบนิ่ง
เขาไม่ได้ลงมือช่วยใคร
หวังหลินรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกสิบสองวันนับจากนี้ เขามองคนจากสองฝั่งและหลับตา
“มีเวลาอีกสิบสองวันจนกว่าประตูจะเปิด แต่ในอดีตเสียงจะดังสนั่นอย่างรุนแรงสองวันก่อนแดนเทพบรรพกาลเปิด…”
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่สามารถทนไหว!”
“แดนเทพบรรพกาลประหลาดยิ่ง มันแตกต่างจากในอดีตมาก!”
มหาชั้นฟ้าทั้งหกคนจากสองฝั่งต่างก็มองกันเองและมีสีหน้ามืดมน
ขณะที่ทั้งหกคนต่อต้านต่อไป วันเวลาก็ได้ผ่านไปอีกครั้ง ทุกวันเสียงจากพายุจะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งถึงเวลาเก้าวันก่อนประตูเปิด เสียงจึงได้แผ่กระจายไปทั่วทะเลอันกว้างใหญ่ แม้แต่ชายขอบทะเลที่เชื่อมกับเผ่าเทพและเผ่าโบราณยังได้ยินเสียงดังสนั่น
ยามพลบค่ำก่อนประตูเปิดอีกเก้าวัน เสียงได้ดังสนั่นจนถึงจุดที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้แล้ว
แม้แต่มหาชั้นฟ้าทั้งหกคนจะใช้พลังเต็มที่ก็เหมือนจะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป
เสียงดังมากจนท้องฟ้าแตกกระจายและเกิดรอยแตกร้าวบนพื้นดิน ผู้คนหลายร้อยที่ได้รับการปกป้องจากมหาชั้นฟ้าต่างก็มีโลหิตไหลออกจากรูทวารทั้งเก้า
“ยังเหลืออีกเก้าวัน! ข้าไม่สามารถทนได้นานกว่านี้อีกแล้ว มันรุนแรงเท่าวันสุดท้ายก่อนประตูเปิด หากเป็นแบบนี้ต่อไปพรุ่งนี้จะมีหลายคนต้องตายและกระทั่งบาดเจ็บก่อนจะได้เข้าไปเสียอีก!”
“ข้ากลัวว่าครั้งนี้เราจะไม่สามารถส่งคนเข้าไปในแดนเทพบรรพกาลได้มากนัก…” หวู่เฟิงรีบพูดและต้าวยี่พยักหน้าอย่างเงียบๆ
จิ่วตี้กัดฟันแน่นและส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกไป
“เหล่าเซียนที่ต่ำกว่าผู้สูงส่งชั้นทอง รีบถอยและเคลื่อนย้ายออกไปนอกทะเล!”
เพียงเขาพูดออกมา ทางด้านของฝั่งเผ่าโบราณ ซ่งเทียนและคนอื่นก็ตัดสินใจเช่นกัน นอกจากคนหลายร้อยที่พวกเขากำลังคุ้มกันอยู่ คนที่ไม่ได้ผ่านสามบททดสอบเจ็ดหายนะต่างก็รีบออกไปจากเสียงดังสนั่นแห่งนี้
ครู่ต่อมาจึงเหลือแต่ละฝั่งไม่ถึงร้อยคน และเพราะมีคนจำนวนน้อย แรงกดดันที่ส่งต่อมหาชั้นฟ้าหกคนจึงลดลงไปอย่างมหาศาล
หวังหลินเห็นทุกอย่าง เขาขบคิดอย่างเงียบงันและไม่ได้ทำอะไร สายตามองพายุข้างหน้าและเห็นช่องว่างในประตูใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
พริบตาเดียวเวลาผ่านไปสามวัน เหลืออีกหกวันจนกว่าประตูสู่แดนเทพบรรพกาลจะเปิดออก เสียงจากประตูรุนแรงยิ่งกว่าเดิมซึ่งมันไม่เคยเกิดแบบนี้ขึ้นมาก่อนจนมหาชั้นฟ้าทั้งหกคนถึงกับกระวนกระวาย
หลายคนไม่สามารถอดทนได้อีกแล้ว พวกเขาจะต้องลดจำนวนคนไม่เช่นนั้นจะได้รับผลกระทบเสียเอง
“หวังหลิน!” ซวนลั่วมองหวังหลิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับหวังหลินตั้งแต่ที่เสียงจากทะเลเริ่มดังขึ้น ความจริงแล้วซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ได้ตั้งความหวังเอาไว้กับหวังหลิน และสงสัยว่าทำไมกุ้ยต้าวยังไม่มา
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น หลังจากได้ยินซวนลั่วพูดขึ้น พวกเขาจึงมองมาที่หวังหลินทันที
“อาจารย์…” หวังหลินยืนขึ้นและมองมาที่ซวนลั่วผู้กำลังใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเข้าต่อต้าน
“อาจารย์ ท้ายที่สุดพวกนี้ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แม้แต่พวกท่าน…ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้…” หวังหลินพูดเสียงเบาแต่ยังยกแขนขวาขึ้นมาสะบัดแขนใส่คนไม่ถึงร้อยที่ถูกกลุ่มของซวนลั่วคุ้มกันเอาไว้
เพียงแค่สะบัดแขน กลุ่มของซวนลั่วพลันรู้สึกว่าแรงกดดันหายไป ราวกับเสียงดังสนั่นได้เลือนหาย คนเกือบร้อยล้วนฟื้นพลังจากความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญ
“กุ้ยต้าวน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ปรากฏตัวเพื่อยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง”
กลุ่มของซวนลั่วเงียบลง พวกเขารู้สึกถึงความแปลกประหลาดของการเปิดแดนเทพบรรพกาลครั้งนี้เช่นกัน ยังเหลืออีกหกวันแต่ก็พบว่ามันยากขนาดนี้จนแม้แต่พวกเขาก็ต้องต่อต้าน
เผ่าโบราณมีการปกป้องของหวังหลิน แต่ฝั่งของเผ่าเทพ พวกเขาจำต้องลดจำนวนคนภายใต้การปกป้องของกลุ่มจิ่วตี้
“เซียนระดับผู้สูงส่งชั้นทอง…ผู้สูงส่งชั้นฟ้า ถอยมาและรีบกลับไป!” เพียงจิ่วตี้เอ่ยเสียงดังกึกก้อง เหล่าเซียนเกือบร้อยคนต่างก็ขบคิดอย่างเงียบๆ พวกเขามองพายุด้วยความรู้สึกเสียใจและจากไปทีละคน จนตอนนี้เหลือเพียงสิบเอ็ดคน
ระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะไม่ได้มาทั้งหมด คนที่เหลือสิบเอ็ดคนนี้คือผู้สูงส่งชั้นเทวะที่เลือกมาที่นี่
เหลือเวลาอีกหกวันเท่านั้น
ช่วงเวลาหกวันนี้ได้เกิดความเจ็บปวดต่อทุกคนยกเว้นหวังหลิน แม้เผ่าโบราณจะมีคนมากมาย คำพูดของหวังหลินจึงทำให้แต่ละคนลังเล
เวลาผ่านไปจนเหลือเพียงแค่สามวันเท่านั้น เสียงดังสนั่นออกมารุนแรงยิ่งกว่าในอดีตหลายเท่า ทางด้านฝั่งของเผ่าเทพ ผู้สูงส่งชั้นเทวะสิบเอ็ดคนต่างก็จากไปโดยไม่ลังเลและเคลื่อนย้ายออกจากทะเล
กลุ่มของจิ่วตี้นั่งด้วยกัน เมื่อไม่ต้องช่วยเหลือผู้สูงส่งชั้นเทวะจึงใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเข้าต่อต้านเสียงดังสนั่นได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้พวกเขาสามารถอยู่ได้นานกว่าเดิม
กลุ่มของซวนลั่วมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเผ่าเทพและรู้สึกขมขื่นในใจ พวกเขายอมรับว่าสิ่งที่หวังหลินพูดเป็นเรื่องจริง
ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหลินช่วยเหลือก่อนหน้านี้ พวกเขาคงเหมือนกับอีกฝั่งที่เหลือเพียงสามคนอยู่เท่านั้น
สามวันสุดท้ายเป็นสามวันที่ยากที่สุด เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างไม่รู้ตัวและถึงเวลานั้นพายุก็รุนแรงขึ้นอีกร้อยเท่า!
พื้นที่บริเวณนี้แตกกลายเป็นเศษละอองนับไม่ถ้วนและกลายเป็นความว่างเปล่า กลุ่มของจิ่วตี้หน้าซีดและเชื่อมสัมผัสวิญญาณของแต่ละคนเข้าด้วยกันเพื่อต่อต้านโดยไม่ลังเล
เผ่าโบราณยังสงบนิ่งเช่นก่อนหน้านี้ กลุ่มของซวนลั่วรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากมองอีกฝั่งจึงเข้าใจได้ว่าหวังหลินทรงพลังแค่ไหน
เมื่อเหลือเวลาอีกสองวัน กุ้ยต้าวก็มาถึง
เขามาอย่างเงียบเชียบราวกับอยู่ที่นี่มาตลอด สองขาก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่าและนั่งลงข้างหวังหลิน มองไปยังพายุและถอนหายใจ
“ซวนลั่วและเจ้าสามคนอยู่ต่อ ที่เหลือจากไปได้” หลังจากเขาพูดขึ้นจึงสะบัดแขนขวาใส่สมาชิกเผ่าโบราณเกือบร้อยคน พวกเขาจึงเลือนหายไปอย่างช้าๆ
หวังหลินมองกุ้ยต้าวและไม่พูดอะไร เขามองพายุต่อไป ช่องว่างในประตูหินตอนนี้ใหญ่กว่าเดิมและเขาเกิดความสนใจมากขึ้น
ยามนี้เหลือคนอยู่ด้านนอกพายุเพียงแค่แปดคนเท่านั้น พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยความว่างเปล่าซึ่งเกิดจากการพังทลายในบริเวณนี้ เมื่อผ่านไปอีกหนึ่งวันและถึงวันสุดท้ายจึงได้เกิดวังวนขึ้นมา วังวนหมุนอย่งรวดเร็วจนทำให้กลุ่มของจิ่วตี้กระอักโลหิต พวกเขาถอยร่นอย่างไม่ยินยอมและรู้อยู่ในใจแล้วว่ามาถึงขีดจำกัดแล้ว
ต้าวยี่กัดฟันเป็นคนแรกและจากไป ตามมาด้วยหวู่เฟิงที่อับจนหนทาง เหลือเพียงจิ่วตี้ที่เผยสีหน้าบิดเบี้ยวและมีเส้นโลหิตบนใบหน้าบวมเป่ง เขาต้องการต่อต้านต่อไป
ทว่าเขาทนอยู่ได้อีกแค่สองชั่วโมงก่อนจะหายไปด้วยใบหน้าขมขื่น
……………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น