Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2080-2081
ตอนที่ 2080 อะไรคือความจริง?
โดย
Ink Stone_Fantasy
มู่ปิงเหมยจากไปแล้ว
นางออกไปจากโลกถ้ำและออกไปจากดาวซูซาคุแต่ไม่ได้จากไปคนเดียว มีชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายนาง เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวและมีเรือนผมสีขาวแม้จะมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ทว่าเปล่งบรรยากาศที่ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย เขากุมมือมู่ปิงเหมยไว้เหมือนอยู่ในความฝันและไม่ปล่อยไปไหน
เขาได้ยินมู่ปิงเหมยพูดอยู่ในท้องฟ้า
“ท่าน…ท่านคือร่างอวตารหรือร่างดั้งเดิม…”
หวังหลินมองมู่ปิงเหมยและพูดออกมาเบาๆ “ข้าคือหวังหลินและอยู่ข้างเจ้า”
มู่ปิงเหมยมองหวังหลินและเผยรอยยิ้มอย่างช้าๆ รอยยิ้มทั้งงดงามและเปี่ยมไปด้วยความสุข
ทั้งคู่ออกไปจากดาวซูซาคุและไม่รู้ว่าจากไปที่ใด
หลังจากทั้งคู่กลายเป็นลำแสงและเลือนหายไปลับขอบฟ้า ในสถานที่หนึ่งอันห่างไกล ทั้งสองมิอาจมองเห็นว่าหวังหลินกำลังมองด้วยรอยยิ้ม
ร่างอวตารหรือร่างดั้งเดิม? มีเพียงหวังหลินที่รู้คำตอบบนี้
บางทีคนที่จากไปคือร่างอวตารของหวังหลินและคนที่กำลังเฝ้าดูพวกเขาจากไปคือร่างดั้งเดิม หรือบางที…อาจจะตกกันข้าม!
ไม่มีคำตอบ…
ฉือซานเองก็จากไปเช่นกัน เขาใช้ชีวิตเพื่อไล่ตามรอยเท้าของหวังหลิน ตอนนี้หวังหลินบังคับให้เขาบินอย่างโดดเดี่ยว ยามวิหคเติบโต พวกมันต้องเผชิญหน้ากับสายลมและสายฝนตัวคนเดียว เมื่อเห็นสายรุ้งเท่านั้นจึงจะเติบโตกลายเป็นบุรุษที่สามารถค้ำจุนโลกได้ทั้งใบ
ทั้งหมดจากไปแล้ว…มีเพียงหวังหลินที่อยู่บนดาวซูซาคุ ก่อนจะเข้าไปในความฝันกับหลิวเหมย เขาได้ออกไปหาหลุมศพของพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้หวังหลินได้กลับมายังหุบเขาเดิมที่ลี่มู่หวานเอ่ยถึง
หุบเขาสูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว แต่เขาสามารถฟื้นคืนมันขึ้นมาได้
ในหุบเขานั้นหวังหลินได้นั่งลงและอยู่กับลี่มู่หวาน เขากอดนางเอาไว้และอยู่ด้วยกันผ่านการเกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ราวกับมันเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดกาล
ภายในความโดดเดี่ยวนี้เองเขาได้จมดิ่งเข้าไปในความสงบสุขภายในและเจอกับความอบอุ่น
วันเวลาผ่านไปในแต่ละปี เมื่อยามฤดูใบไม้ผลิทุกสิ่งก็ฟื้นคืนมา หวังหลินปลูกดอกไม้ไว้หลายต้น เขาเฝ้าดูดอกไม้เบ่งบาน เฝ้าดูธารน้ำตกยามฤดูร้อน เฝ้าฟังสายลมเล่นบทเพลงไปตามกาลเวลา เฝ้าดูหิมะล่องลอยไปในฤดูหนาว
หวังหลินอยู่เช่นนี้กับลี่มู่หวาน ฟังเสียงพิณเหมือนย้อนกลับไปหลายพันปีในอดีต
เป็นเช่นนี้นับสิบปี…จนหวังหลินอยู่ในหุบเขาอันสงบเงียบแห่งนี้ถึงเจ็ดสิบปี
หวังหลินได้อยู่กับลี่มู่หวาน ที่นี่ทำให้เขาลืมเลือนทุกอย่าง ไม่คิดถึงระดับบ่มเพาะของตัวเอง ไม่คิดถึงการรู้แจ้งแก่นแท้และไม่คิดถึงแผนการและคำหลอกลวงทุกอย่าง ในสายตาเขามีเพียงลี่มู่หวาน ในใจเขามีเพียงร่างนี้อยู่เท่านั้น และในหูมีเพียงเสียงพิณที่คงอยู่จากตอนนั้น
หลังจากหวังหลินกลับมาสู่โลกถ้ำจนย่างเข้าปีที่สองร้อย แขกผู้หนึ่งมาเยือนหุบเขาของหวังหลิน แขกผู้นี้คือชายหัวล้าน เขาดูเหมือนเดิมเช่นอดีตและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาปรากฏตัวออกมาและยืนอยู่นอกหุบเขาเป็นเวลาพักใหญ่ เฝ้าดูทุ่งสวนดอกไม้ในหุบเขา มองดูบ้านหลังเล็กข้างในสวน มองดูร่างอันโดดเดี่ยวที่กำลังนั่งหน้าบ้าน
ชายผู้นั้นถอนหายใจและเผยสีหน้าเศร้าหมอง
เขาถือขวดสุราในมือ ส่งเสียงถอนหายใจพลางเดินเข้าไปในหุบเขา เดินผ่านทุ่งดอกไม้และมาอยู่ข้างหวังหลิน มองหวังหลินอยู่นานก่อนจะนั่งตรงข้าม
หวังหลินลืมตาและมองชายหัวล้านตรงหน้า จากนั้นเผยรอยยิ้ม
“เจ้ามาแล้ว”
ชายหัวล้านพยักหน้าเงียบๆ
“ข้าไม่อาจลืมได้…” ชั่วขณะต่อมาชายหัวล้านจึงส่งขวดสุราให้หวังหลินและหยิบอีกขวดออกมา เขาดื่มไปอีกใหญ่ น้ำสุราไหลเยิ้มบนมุมปากและรดใส่เสื้อผ้า
“ข้าไม่เคยอยากลืม ดังนั้นจึงไม่มีคำพูดว่า ‘ลืมไม่ได้’ ” หวังหลินหยิบขวดสุราไปดื่มไปหนึ่งจิบ
“เจ้ากำลังทรมานตัวเอง” ชายหัวล้านมองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อน
“ทรมาน…” หวังหลินพึมพำ เขาดื่มสุราและไม่พูดอะไรอีก
ชายหัวล้านส่ายศีรษะและพูดขึ้นเบาๆ “ข่างมันเถอะ…เจ้าจะทำไม่สำเร็จ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเจ้าจะเหนื่อยและหวานเอ๋อร์ก็จะเหนื่อย…”
หวังหลินมองท้องฟ้า ขบคิดเล็กน้อยและพูดต่อ “ข้าควรเรียกเจ้าว่า ‘โม่จื่อ’ หรือชื่ออื่น”
ชายหัวล้านคือคนที่พูดกับหวังหลินว่า ‘หากหัวใจหยุดเต้น เป็นเพียงลืมความรู้สึก’ ในอารามยามฝนตกเมื่อตอนนั้น!
“โม่จื่อ…นี่คือชื่อข้ามาตลอด” ชายหัวล้านถอนหายใจ
“หวังหลิน เจ้าควรคาดเดาคำตอบได้หมดแล้ว ข้าจะบอกให้เจ้าฟังว่า..เจ้า…” โม่จื่อกำลังจะพูด
“ไม่ต้องพูดหรอก ให้ข้าคิดด้วยตัวเองดีกว่า” หวังหลินส่ายศีรษะและดื่มสุราไปอึกใหญ่
“ดื่มกับข้า…เราไม่ได้เจอกันมานาน” หวังหลินยิ้มและมองโม่จื่อ
ชายหัวล้านครุ่นคิดและดื่มกับหวังหลินจนความมืดเข้ามาเยือน กระทั่งรุ่งสางทั้งสองก็ไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อดวงอาทิตย์ผุดขึ้นบนขอบฟ้าอีกครั้ง โม่จื่อจึงยืนขึ้นมองหวังหลินและถอนหายใจ
“ข้าขอตัวก่อน…ข้าหวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จ…” เขาไม่ได้แนะนำอะไรให้หวังหลินอีกแต่หันตัวจากไป พอเขากำลังจะเดินออกไปนอกหุบเขา เขาหยุดลงแต่ไม่ได้หันกลับมา
“อาจารย์บอกข้าให้ถามเจ้าว่าเมื่อใดเจ้าจะคืนเข็มทิศแห่งดินแดนฝืนชะตาปฐพี…” โม่จื่อเอ่ยเสียงดัง หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปจากหุบเขาและหายตัวไป
หวังหลินยังคงนั่งดื่มสุราตรงนั้น ไม่ได้พูดสิ่งใดเกี่ยวกับคำพูดของโม่จื่อ
เขาเข้าใจบางอย่างได้นานแล้วแต่รู้ว่าเขาคือตัวเองและชื่อหวังหลิน เขาเกิดบนดาวซูซาคุและเป็นลูกชายของช่างไม้ เติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้ภูเขา
เขาก้าวแต่ละก้าวไปบนเส้นทางแห่งการฝึกเซียนและบรรลุถึงระดับในตอนนี้
ชุบชีวิตลี่มู่หวานคือการตัดสินใจของตัวเองแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิทธิพลหรือการแทรกแซงจากการเกิดใหม่อื่น นี่คือเส้นทางที่เขาเลือก
‘ข้าคือข้า…’ ในแววตาหวังหลินไม่มีความสับสน มีแต่ความกระจ่างชัด
“ไม่ว่าจะโม่จื่หรือผีเสื้อสีชาด แม้แต่อาจารย์ของโม่จื่อและเทียนหยุน…ทั้งหมดคิดว่าโลกนี้ โลกถ้ำ แดนสวรรค์ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นจากเต๋าแห่งความฝันของข้าและไม่ใช่ความจริง…” หวังหลินพึมพำ เขาเกิดความเข้าใจเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว
‘แต่มันเป็นอย่างที่คิดจริงหรือไม่…’ หวังหลินยิ้มเบาบาง เขายืนขึ้นมองท้องฟ้าและมีแววตาเปล่งประกาย
“เทียนหยุน เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าไม่รู้ต้นกำเนิดของเจ้า?” หวังหลินจับจ้องไปในท้องฟ้า ราวกับสามารถมองทะลุผ่านท้องฟ้า ผ่านแดนสวรรค์ ผ่านความมืดอันไร้ขอบเขตจนเห็นร่างชุดดำผมยาว มีกลิ่นอายสังหารและการทำลายล้างออกมาจากระยะไกล
ที่ตั้งของร่างนั้นอยู่ในแผ่นดินเซียนดารา
‘เทียนหยุน คำตอบสำหรับทุกอย่างการที่เจ้าบอกข้าว่าความจริงอยู่ในแดนเทพบรรพกาล แต่ข้ากำลังบอกความจริงกับเจ้า! ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าความจริงที่แท้จริงคืออะไร!’ หวังหลินสะบัดแขนและปรากฏกะโหลกขึ้นมา
กะโหลกนี้เป็นของจื่อเฉียง
กะโหลกกะพริบและมีประโยคเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนนั้นและไม่นานก็หายไป
‘พวกเจ้าทั้งหมดคิดผิด…’ หวังหลินถอนสายตาและยิ้มออกมาพลางกลับมาที่บ้านไม้ เขามองลี่มู่หวานที่กำลังหลับใหลและนั่งอยู่ข้างกายนาง สายตาที่เฝ้ามองช่างดูอ่อนโยนยิ่ง
‘หวานเอ๋อร์ เจ้าจะตื่นขึ้น…เพราะข้าได้ค้นพบหนทางแห่งความจริงแล้ว…และข้าก็เริ่มเตรียมการในอารามบรรพชนอาณาเขตฉีไปแล้วด้วย’
ในสายตาหวังหลินมีความบ้าคลั่งแฝงเอาไว้ นี่คือวิธีที่บ้าบิ่นจริงๆ!
วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆและฤดูกาลผันเปลี่ยน หวังหลินอยู่ในหุบเขา อยู่กับลี่มู่หวานตลอดหลายปี ความเงียบรูปแบบนี้สำหรับหวังหลินถือว่าหาได้ค่อนข้างยาก นอกจากตอนที่เขาเปลี่ยนกลายเป็นธรรมดาหรือตอนที่อยู่ในเต๋าแห่งความฝัน
ขณะที่เขาอยู่กับลี่มู่หวาน เขาพูดเกี่ยวกับความทรงจำของตัวเองและตกอยู่ในโลกของตัวเอง
ตลอดหลายปีนั้นฉือซานได้กลับมาหาเขาหลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะอยู่กับหวังหลินหลายเดือนก่อนจะจากไปเดินบนเส้นทางการฝึกฝนและชีวิตของตัวเอง
ฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวใช้วิธีการบางอย่างจนค้นพบจงเฟยเจินได้จริงๆ ทั้งสามร่วมมือกันทำสิ่งที่ต้องการในโลกถ้ำและมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ร่างกายแต่ละคนถือกำเนิดบนแผ่นดินเซียนดารา ดังนั้นจึงสามารถจากไปและกลับมาใหม่ได้ตามที่ต้องการโดยยืมพลังของหวังหลินเพื่อผ่านประตู หลังจากเล่นในโลกถ้ำจนพอใจ ทั้งสามคนรวมทั้งมังกรสมุทรก็ได้ออกไปจากโลกถ้ำ เริ่มตำนานบทใหม่ของตัวเองบนแผ่นดินเซียนดารา
แต่ก่อนจากไป กลุ่มทั้งสามคนของฉวี่ลี่กั๋วได้มาหาหวังหลินเพื่อรับใช้และประจบประแจง ท้ายที่สุดหวังหลินก็หัวเราะ ทิ้งกลิ่นอายของตัวเองและประทับเอาไว้ให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย ทั้งสามจึงจากไปด้วยความตื่นเต้น
มีหวังหลินคุ้มกะลาหัวและมีพลังต่อสู้ของมังกรสมุทรแล้ว พวกเขาจึงมั่นใจว่าจะสามารถหลอกได้ทุกคนบนแผ่นดินเซียนดารา!
ย่างปีที่ 60 หลังจากกลุ่มของฉวี่ลี่กั๋วจากไป หวังหลินจึงนำลี่มู่หวานออกมาจากหุบเขาและออกมาจากดาวซูซาคุ ออกมาจากโลกถ้ำและมุ่งหน้าสู่แผ่นดินเซียนดารา
ก่อนจากมา สัมผัสวิญญาณของเขาได้เห็นแดนสวรรค์และเห็นเซียนที่นั่นกำลังเรียนรู้เต๋าที่เขาทิ้งเอาไว้ เขาเห็นฉือซานและสหายเก่าจำนวนมาก
หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณและมองมายังโลกถ้ำครั้งสุดท้าย
เหลืออีกสามเดือนก่อนแดนเทพบรรพกาลเปิดออก ที่นั่นจะเป็นศึกสุดท้ายของหวังหลิน
“เมื่อข้าก้าวเดินออกมาจากแดนเทพบรรพกาล หวานเอ๋อร์ เจ้าจะได้อยู่กับข้า…” หวังหลินพึมพำพลางก้าวเดินผ่านประตูโลกถ้ำและเลือนหายไป
………………………………………………………
ตอนที่ 2081 มองเข้าไปในทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินจากไปแล้ว
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า บนดาวเคราะห์ธรรมดาดวงหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดสีม่วงและเรือนผมยาวพริ้วไหวไปตามสายลม ชุดราตรีของนางขับเสน่ห์ออกมาได้อย่างเหลือล้น
นางมองไปยังท้องฟ้า ใต้ดวงอาทิตย์นั้นหากมองใกล้เข้าไปคงจะเห็นคิ้วงดงามบนใบหน้าของนาง นางเต็มไปด้วยความสับสน สัมผัสได้ถึงสัมผัสวิญญาณหนึ่งที่มาถึงและหยุดชะงักอยู่กับนางชั่วครู่ก่อนจะจากไป
เดิมทีนางคิดว่าทั้งหมดเป็นภาพลวงตา แต่เมื่อสัมผัสวิญญาณหายไป หินหยกก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า หินหยกลอยอยู่อย่างเงียบงันและเปล่งแสงอ่อนโยน
นางคือซื่อจื่อเฟิง
นางจ้องมองหินหยกตรงหน้า มันกำลังเผยกลิ่นอายอันคุ้นเคย กลิ่นอายนี้เสมือนความฝันและเป็นสิ่งที่นางไม่มีวันลืม
‘หวังหลิน…’ ซื่อจื่อเฟิงขบคิดอยู่นานก่อนจะยื่นมือไปสัมผัส กุมหินหยกเอาไว้และหลับตาส่งสัมผัสวิญญาณของตัวเองเข้าไป ข้างในมีเสียงหวังหลินเปล่งออกมา
จากนั้นผ่านไปสักพักเมื่อซื่อจื่อเฟิงลืมตาขึ้นมา นางพลันเผยรอยยิ้มเบาบาง เป็นรอยยิ้มที่งดงามยิ่ง
อีกแห่งหนึ่งในโกลถ้ำ ณ ดาราจักรอันอ้างว้างของดินแดนชั้นนอก มีกลุ่มก้อนหินจำนวนมากลอยอยู่ที่นี่คล้ายกับมีกฎอันแปลกประหลาดและหมุนอย่างช้าๆ เป็นเส้นโค้ง
บนก้อนหินใหญ่ที่อยู่ตรงกลางมีชายชรานั่งอยู่ ใบหน้าเขาแดงก่ำและกำลังบ่มเพาะอย่างสงบนิ่ง ทุกครั้งที่หายใจจะมีแสงสีเทาหนึ่งสายออกมาจากร่าง เข้าสู่ก้อนหินและแผ่กระจายออกไปให้ก้อนหินอื่นดูดซับ
ก่อนที่เขามาไม่มีก้อนหินใดอยู่ที่นี่ แต่เมื่อชายชรามาถึงสักพักแล้วเหล่าก้อนหินก็ปรากฏมากขึ้นราวกับสร้างจากวิชาของเขา…
ชายชราผู้นี้อยู่ภายในรูปปั้นหินแตกร้าวในส่วนลึกของแดนสวรรค์วายุ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา การต่อสู้ของหวังหลินกับฉุยต้าวคงอันตรายยิ่งกว่านี้
เวลานี้ชายชราหลับตาและบ่มเพาะอย่างเงียบงันเพื่อบังคับให้พลังงานที่กำลังเปลี่ยนร่างเขาเป็นหินให้ออกไปนอกร่างกาย หินทั้งหมดที่นี่โผล่ออกมาก็เพราะเหตุนี้
‘ข้าเพียงต้องใช้เวลาอีกสามร้อยปีเพื่อฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์…จากนั้นข้าก็จะออกไปจากที่นี่ได้และกลับไป…บ้าน…’ ชายชราลืมตา ราวกับสายตามองทะลุผ่านความว่างเปล่าจนเห็นดาราจักรอันกว้างใหญ่
เขาไม่ใช่เซียนของโลกถ้ำ เขามาจากแผ่นดินเซียนดารา มาจากสำนักเจ็ดเต๋า…ความจริงเขาเป็นแค่ศิาย์ของราชันย์เทพสีรุ้ง
ขณะที่พึมพำ เขารู้สึกไม่อยากออกไปจากโลกถ้ำเล็กน้อยเนื่องจากอยู่ที่นี่มานาน หลังจากขบคิดก็ถอนหายใจและหลับตาอีกครั้ง พอเขากลับมาบ่มเพาะต่อ สัมผัสวิญญาณทรงพลังสายหนึ่งได้ผ่านเข้ามา
พลังอำนาจของสัมผัสวิญญาณนี้ได้ทำให้เขาตกตะลึง เขาพบว่าถ้าเจ้าของสัมผัสวิญญาณไม่อยากให้เขาตรวจพบจึงไม่สามารถจับสัมผัสได้
สำหรับเขา พลังอำนาจของสัมผัสวิญญาณนี้เทียบได้กับอำนาจแห่งสวรรค์
สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านมาและไม่หยุดชะงัก แต่หลังจากมันหายไปได้ทิ้งให้ชายชราให้รู้สึกไม่มั่นใจต่อสถานการณ์และมีเม็ดยาหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
เม็ดยานี้เป็นสีแดงล้วนและเปล่งพลังอำนาจในโลกอันน่าตกตะลึง เพียงแค่ได้กลิ่นหอมจากเม็ดยาก็ทำให้พลังกลายเป็นหินในร่างกายเขาถูกระงับแล้ว
พอมองเม็ดยาและนึกถึงสัมผัสวิญญาณ ชายชราจึงสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย และพอขบคิดชั่วครู่จึงพึมพำกับตัวเอง
“เขา…”
ในยามที่หวังหลินออกไปจากโลกถ้ำ เด็กทารกที่กำลังหลับใหลอยู่ในดาวเคราะห์หนึ่งในดินแดนชั้นนอกกำลังมีดวงตาสั่นเทาราวกับกำลังตื่น
แต่หลังจากนั้นสักพักเขาก็ยังไม่ลืมตาและค่อยๆ กลับไปหลับเหมือนเดิม พลังปราณจำนวนมากภายในและภายนอกดาวเคราะห์ได้รวมกันเข้าหาทารก กลายเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงให้เขาเติบโตขึ้น
เบื้องหน้ามีหินหยกก้อนหนึ่งสร้างจากสัมผัสวิญญาณ หินหยกก้อนนี้ไม่มีรูปร่างเป็นของเข็งแต่สับเปลี่ยนระหว่างภาพลวงตาและของจริง มันลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน รอให้ทารกตื่นขึ้นมาเห็น
ดาวเคราะห์ที่ทารกอยู่นับได้ว่าธรรมดายิ่งและไม่ดูแปลกประหลาดเลย หากจะมีสิ่งใดแปลกก็คงเป็นรูปร่างของมันที่หากดูไกลๆ จะเหมือนดวงตา
เทือกเขาบนดาวเคราะห์ยาวเหยียดจนดูเหมือนเส้นโลหิต ทะเลกว้างใหญ่เหมือนสีขาวที่อยู่รอบรูม่านตาและแผ่นดินตรงกลางคือตาดำ
หวังหลินเคยเห็นที่นี่มาก่อน เขาไม่เพียงแต่เห็นทารกต้าเสินแต่ยังเห็นดาวเคราะห์ที่ต้าเสินกำลังหลับใหลอยู่ข้างในด้วย
หลังจากที่หวังหลินจากไป โลกถ้ำก็สงบเงียบ ทว่ามีพลังสายหนึ่งที่แทบไม่มีใครตรวจจับได้กำลังเต็มไปทั่วโลกถ้ำ
พลังนี้สามารถป้องกันสถานที่แห่งนี้ได้หลายอีกหลายยุคหลายสมัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนจ้าววิญญาณสีชาดได้อีกครั้ง
ณ แผ่นดินเซียนดารา ในแคว้นกระทิงสวรรค์มีภูเขาแห่งหนึ่งล้อมรอบด้วยสายหมอก ในวันนี้พลังอันรุนแรงได้พุ่งออกมาและมีแสงผลึกแผ่กระจายทั่วบริเวณ
หลังจากแสงกระจายไป หวังหลินค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากประตูด้วยร่างชุดสีขาว เรือนผมสีขาว
เวลาสามร้อยปีได้ผ่านไปในพริบตา หวังหลินมองโลกที่เป็นแผ่นดินเซียนดาราและก้าวเดินต่อไปเงียบๆ
“สำนักเจ็ดเต๋า…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง ก่อนจากไปเขาได้สะบัดแขนให้ฝุ่นพัดผ่านสำนักเจ็ดเต๋า ซากปรักหักพังหายไปและถูกแทนที่ด้วยสำนักอันทรงพลัง
“ที่แห่งนี้จะกลายเป็นบ้านของทุกคนที่ออกมาจากโลกถ้ำ…” หวังหลินพึมพำพร้อมกับยื่นมือเข้าหาท้องฟ้า พริบตานั้นแสงเกือบยี่สิบสายปรากฏขึ้นและกระจายไปทุกทิศทาง
เหล่าแสงเกือบยี่สิบสายปรากฏในสถานที่แตกต่างกันทั่วแผ่นดินเซียนดารา
ฉิงชุ่ยกำลังเดินผ่านทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นสังเกตบางอย่างได้และมองขึ้นไป กระจุกแสงลอยเข้าสู่ร่างเขาทำให้ร่างกายสั่นเทา ทันใดนั้นเขาจึงลืมตาและเผยรอยยิ้ม
ปรมาจารย์หงซานกำลังทะยานผ่านท้องฟ้า เบื้องหน้าเขาคือแสงกระบี่สายหนึ่งที่มีชายชราอยู่ข้างใน ชายชราผู้นี้มีสีหน้าท่าทางดุร้ายแต่ความกลัวซ่อนเอาไว้และกำลังหนีเต็มกำลัง
ปรมาจารย์หงซานกำลังไล่ล่าด้วยท่าทีมืดมน ยามนี้มีกระจุกแสงหนึ่งสายเข้าสู่ร่างกายและทำให้เขามองไปทางแคว้นกระทิงสวรรค์ สีหน้ามืดมนดูเบาบางแต่ก็ไล่ตามได้เร็วขึ้น
ฉิงหลิน ผีเสื้อสีชาด โจวยี่และแทบทุกคนที่มาจากโลกถ้ำล้วนได้แสงหนึ่งสายและสัมผัสได้ถึงตัวตนของสำนักเจ็ดเต๋า แม้บางคนยังเป็นคนธรรมดา ความทรงจำของสำนักเจ็ดเต๋าจะค่อยๆ ตื่นขึ้นในอนาคต
หวังหลินมองไปยังสำนักเจ็ดเต๋าครั้งสุดท้ายก่อนจะวางค่ายกลทรงพลังเอาไว้รอบๆ ค่ายกลนี้เทียบได้กับค่ายกลที่เขาวางเอาไว้ในโลกถ้ำ แม้เขาไม่ได้ออกมาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล เขาก็ยังรับประกันความปลอดภัยของโลกถ้ำได้และปกป้องคนของสำนักเจ็ดเต๋าได้อีกด้วย
หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมด หวังหลินก้าวเดินเข้าสู่ท้องฟ้าจนร่างโปร่งแสงและเลือนหายไป
“เวลาสามร้อยปีนับเป็นช่วงชีวิตของคนธรรมดาหลายรอบ แต่สำหรับเซียน มันไม่ได้ยาวนานเท่าใดนัก…เหลียนต้าวเฟยกลายเป็นจักรพรรดิเทพและจี้ตูกลายเป็นจักรพรรดิฉี อยากรู้จริงว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง
‘และ…ลี่เฉียนเหมย เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่…’ หวังหลินถอนหายใจ เขาเดาว่าลี่เฉียนเหมยได้ฟื้นความจำของตัวเองได้เหมือนฉิงชุ่ย เขายังเดาเหตุผลอีกว่านางคงไม่อยากเจอเขา
หวังหลินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขานึกถึงคำพูดของลี่เฉียนเหมยอยู่เสมอและเรื่องราวของนกกับปลา
ผ่านไปสักพักหวังหลินก็หลับตาและก้าวเดินเข้าสู่ทิศทางของเผ่าโบราณ
‘ข้าสัญญากับกุ้ยต้าวเอาไว้ว่าข้าจะเข้าแดนเทพบรรพกาลจากฝั่งของเผ่าโบราณ’ หวังหลินจดจำสัญญาครั้งนั้นได้ เขาเดินทางในเผ่าเทพอยู่หลายวันและมาถึงชายขอบทะเลอันกว้างใหญ่ จากนั้นก้าวเดินเข้าตรงกลางที่มีพายุตั้งอยู่
ก่อนจะเข้าใกล้เขาได้ยินเสียงดังสนั่นจนท้องฟ้าปั่นป่วนและมืดครึ้ม สามร้อยปีผ่านมาแล้วที่เกิดพายุขึ้นมาและตอนนี้มันก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
พายุหมุนอย่างรวดเร็วกลายเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่จำนวนมาก มันเหมือนคลื่นที่กำลังลอยอยู่ในอากาศและพัดตีใส่กันอย่างต่อเนื่องขึ้นสู่ท้องฟ้า ภายในพายุมีเสาขนาดยักษ์เก้าต้นเปล่งแสงเก้าสีไม่ซ้ำกัน แสงเต็มไปทั่วพายุและสะท้อนออกมาจนดูเหมือนความฝันเก้าสี
ความฝันนี้ได้นำพาสัมผัสแห่งความลึกลับเป็นพลังที่ทำให้ผู้คนหลงใหลและไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ เนื่องจากมีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับแดนเทพบรรพกาลบนแผ่นดินเซียนดาราไว้มากมาย จึงมีผู้คนอยู่ที่นี่จำนวนมาก พวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น
หวังหลินยืนอยู่ด้านข้างของพายุและเดินทะลุผ่านไปอย่างไม่ลังเล เขาปรากฏตัวด้านฝั่งของเผ่าโบราณ นั่งลงอย่างสงบนิ่งเพื่อรอคอยแดนเทพบรรพกาลที่จะเปิดออกในไม่อีกกี่เดือน
ขณะที่เวลาใกล้เข้ามา ฝั่งเทพและฝั่งโบราณเหมือนอสูรดุร้ายสองตัวที่กำลังหลับใหลและได้ตื่นขึ้นจนระเบิดพลังอันสูงสุดหลังจากเตรียมการมาแล้วหลายร้อยปี
……………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น