Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2060-2063
ตอนที่ 2060 ฟ้าดิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
“จุดเพลิง พลังแห่งราชวงศ์!”
เสียงน่าตกตะลึงดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง ทั่วทั้งวังถึงกับเงียบสนิทและทุกคนจับจ้องไปที่ลานกว้าง สายตาทุกคู่หยุดอยู่ที่คนสวมชุดคลุมสูงศักดิ์เบื้องหน้าเตาหลอม
จี้ตูดูไม่เหมือนชายหนุ่มอีกแล้วแต่เปล่งความเป็นผู้ใหญ่ เขายืนมองท้องฟ้าพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นในสองหู
ท้องฟ้าสีครามและกระจ่างสดใส สายลมพัดหวิวเบาๆ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกปลอดโปร่ง
เบื้องหน้าเขาคือเตาหลอมขนาดใหญ่ ก้านธูปรอให้จุดเป็นเพลิง
ตอนนี้เขากำลังถูกทุกคนในวังเฝ้าดูและรวมถึงทุกคนในเมืองหลวง แม้แต่คนที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาในเมืองหลวงก็ได้รับการจัดแจงจากจ้าวเมืองของตัวเองและมองมาทางเมืองหลวงกันทั้งหมด
กระทั่งในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋าและอาณาเขตจวี่ หลายคนต่างมองทะลุเข้ามาทางเมืองหลวงอาณาเขตฉี
‘จักรพรรดิฉี…พ่อบุญธรรม ข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิในอีกไม่นาน!’ จี้ตูมองบนท้องฟ้าและส่งสายตาไปที่รูปปั้นบรรพชนโบราณ เขาสูดหายใจลึกและสะบัดแขนเสื้อ เปลวเพลิงรุนแรงปรากฏขึ้นรอบเตาหลอมและก้านธูปถูกจุดขึ้นมา
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” เสียงดังขึ้นทั่ววังหลวง ทุกคนคุกเข่าลงหนึ่งข้าง มีเพียงพ่อของจี้ตูที่ยืนอยู่ในวังและมองมาทางจี้ตู
ควันสีเขียวลอยขึ้นไปในอากาศจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี ก้อนเมฆแตกกระจายและมีเสียงดังสนั่นออกมาจากเบื้องบน รอยแยกขนาดยักษ์เปิดออกในท้องฟ้าและมีเสียงดังกึกก้องจากภายใน
มันคือเทพโบราณตัวยักษ์สูงเกือบแสนฟุต ด้านข้างยังเป็นปิศาจโบราณและมารโบราณ พวกมันแบกกลองยักษ์ก้าวเดินออกมาจากท้องฟ้าและลอยอยู่ในอากาศ
ร่างจี้ตูสั่นเทาและทะยานขึ้นสู่อากาส พอเขาอยู่ข้างกลองศึกจึงโยนกำปั้นออกไปโดยไม่ลังเล
ปัง!
เสียงกลองดังคะนองและเริ่มกึกก้อง แผ่กระจายออกไปจากวังหลวง เข้าสู่เมืองและดังไปทั่วอาณาเขตฉี
“คำนับครั้งที่หนึ่ง!” เสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์ดังออกมาอีกครั้งและเหล่าคนในอาณาเขตทุกคนต่างก็โค้งตัว
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” น้ำเสียงสอดประสานกันกลายเป็นคลื่นเสียงทรงพลังและยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จากทุกมุมเมือง
ทุกเมืองในอาณาเขตฉีต่างก็ส่งเสียงเดียวกัน!
ปัง!
จี้ตูกระแทกมือขวาลงไปบนหน้ากลองจนเกิดเสียงดังครั้งที่สอง
“คำนับครั้งที่สอง!”
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” น้ำเสียงยิ่งรุนแรงมากขึ้นและเข้ามาแทนที่เสียงทุกอย่างในโลก กลายเป็นเสียงที่แข็งแกร่งที่สุด
“พ่อบุญธรรม ลูกได้กลายเป็นจักรพรรดิแล้ว!” จี้ตูตีกลองเป็นครั้งที่สาม
เสียงกลองดังกึกก้องในอารามบรรพชน หวังหลินนิ่งเฉยและหลับตา วินาทีนั้นเขาได้เห็นโลกตามที่หวัง
ท้องฟ้ามืดมน พื้นดินพร่าเลือนจากม่านหมอก มองเห็นแค่เพียงพื้นที่ถูกทิ้งเป็นซากปรักหักพังมาไม่รู้นานแค่ไหน
หวังหลินก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่มีสายตาสับสน เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปบนพื้นดินหรือมิติแห่งไหน สายตามองไปรอบๆ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเดินมาได้ไกลเพียงใด บางทีคงเป็นวัน บางทีอาจเป็นปีหรืออาจทั้งชีวิต…จนกระทั่งวันหนึ่งภูเขาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!
หิมะสีรุ้งตกอยู่บนภูเขาและเขาเห็นร่างอันคุ้นตาผู้นั้น เขากำลังกอดร่างอีกคนและส่งเสียงคำรามสู่ท้องฟ้า
เรือนผมยาวไม่โดดเด่นจากหิมะสีรุ้งและพริ้วไปกับสายลม
พอหวังหลินเห็นร่างนี้ หัวใจจึงหยุดเต้นและลมหายใจถี่ขึ้น เขาไม่ได้มองร่างนั้นแต่สายตามองไปยังร่างที่ถูกกอด
อย่างไรก็ตามเขากลับเห็นเพียงเรือนผมสีดำ บอกไม่ได้ว่าร่างนั้นเป็นหญิงหรือชาย ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดพร้อมกับพุ่งเข้าหาภูเขาอย่างเต็มที่
กระนั้นแม้จะเดินไปข้างหน้าได้นานแค่ไหนก็ดูเหมือนเข้าไปใกล้ภูเขาไม่ได้สักทีและเห็นแค่เพียงรูปร่างของร่างตรงหน้า ราวกับมีแม่น้ำที่มิอาจข้ามได้กั้นขวางระหว่างเขาและภูเขา
เสียงคำรามรุนแรงยิ่งขึ้น เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธแค้น ท้องฟ้าเผยสัญญาณการพังทลายอีกครั้ง ราวกับเสียงคำรามมีพลังการทำลายล้างโลกแห่งนี้
เสียงดังเข้าหูหวังหลินและทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนเสียดแทง ความเจ็บปวดเทียบไม่ได้กับที่เขาเจอระหว่างการแยกวิญญาณเลย แต่สำหรับเขาแล้วมันเหมือนความเจ็บปวดที่มากที่สุดในโลกนี้
“ฟ้าและดิน!!” ร่างบนภูเขาเงยศีรษะและร้องคำราม!
“อยู่บนจุดสูงสุดแห่งฟ้าดินจะมีค่าอะไร!?”
“ถูกทุกคนนับถือจะมีค่าอะไร!?!”
“หากโลกเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ทำลายมันเสีย!?!”
“หากชีวิตเป็นแบบนี้ ทำไมไม่หายไปซะ!?!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจะใช้วิธีของตัวเองทำให้ฟ้าหลับตา ทำให้ปฐพีนิทรา ทำให้แม่น้ำในนรกไหลย้อนกลับ ทำให้วัฏจักรเกิดใหม่หยุดชะงัก ทำให้โลก…ไม่มีอยู่อีกต่อไป!!!”
น้ำเสียงกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จิตใจหวังหลินสั่นเทา ร่างกายแตกสลายอย่างรวดเร็วราวกับกำลังโดนเตะออกไปจากที่นี่
ชั่วจังหวะที่ร่างกายเลือนหายไป เขาเห็นร่างที่กำลังกอดอีกร่างอยู่ได้เหยียบย่ำสวรรค์ ท้องฟ้าพังทลาย นำพาร่างกายหายเข้าไปในท้องฟ้าที่พังทลายไปแล้ว
หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมาทันที เสียงยังคงดังอยู่ในหูและเขายังอยู่ในอารามบรรพชน ร่างกายแห้งเหี่ยวคล้ายกับเน่าเปื่อย วิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ตรงหน้ากำลังมองมาที่เขา
ท้ายที่สุดเขาก็ยังมองร่างนั้นได้ไม่ชัดนัก แม้แต่เสียงยังคงพร่าเลือนอย่างสิ้นเชิง ฟังดูคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน
รอบด้านเงียบมากแต่ยังมีคำว่า “ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” ดังออกมาจากด้านนอกเบาๆ
แต่หวังหลินไม่สนใจทั้งหมดนี้ สายตาเต็มไปด้วยความสับสนอยู่สักพักก่อนจะหายไป เขาพยายามฝืนหยุดคิด แต่ก็เป็นเรื่องยากมาก ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหยุดคิดเรื่องนี้ได้
หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาต้องทำให้ตัวเองคิดเรื่องอื่น ไม่เช่นนั้นความคิดนี้จะฝังรากลึกและทำให้เขาแตกสลาย
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…” หวังหลินพึมพำพลางกัดฟันแน่น เขาชี้ไปที่วิญญาณดั้งเดิมของตัวเองให้มันเปล่งประกายเจิดจ้า ทั่วทั้งอารามบรรพชนถูกห่อหุ้มอยู่ในแสงอันทรงพลังนี้
ภายในแสง ร่างเงาวิญญาณดั้งเดิมของเขาเริ่มขยายออกไปจนครอบคลุมทั่วทั้งอาณาเขต มันไม่หยุดแค่นั้นและห่อหุ้มทั้งอารามบรรพชนจนขยายไปถึงรูปปั้นบรรพชนโบราณ
ภายในวังหลวง เสียงกลองยังคงดังกึกก้อง
“คำนับครั้งที่เก้า!”
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!!” ขณะที่เสียงของเหล่าประชาชนผสานกลายเป็นเสียงคำรามดังสนั่น แสงอันเจิดจ้าได้เปล่งออกมาจากรูปปั้นบรรพชนโบราณ
จี้ตูที่กำลังยืนอยู่ในท้องฟ้าพลันหันศีรษะกลับมามองรูปปั้นบรรพชนโบราณที่มีวงแหวน 27 วงส่องประกาย ขณะเดียวกันมีร่างเงาหนึ่งขยายออกมาและปกคลุมรูปปั้นไปครึ่งตัว
“พ่อบุญธรรม!” จี้ตูตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นสายตาเต็มไปด้วยความตกใจและตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกันทุกคนก็สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนรูปปั้นบรรพชนได้ พวกเขาเห็นร่างเงาเข้าครอบคลุมรูปปั้นในชั่วพริบตาและมีขนาดเดียวกับรูปปั้น!
ร่างเงาเข้าทับซ้อนกับรูปปั้นแต่เมื่อเป็นเช่นนั้นรูปลักษณ์ของบรรพชนโบราณจึงได้เปลี่ยนไปและดูเหมือนหวังหลิน
ซึ่งเป็นเพราะวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินขยายออกปกคลุมรูปปั้นบรรพชนโบราณทั้งหมด!
ซวนลั่วเผยรอยยิ้มมีความสุขอยู่บนท้องฟ้า ‘แยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ ในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จ!! ชักสงสัยเสียแล้วว่าเขาจะได้สมบัติแบบใดจากบรรพชนโบราณ…’
ณ ภูเขาต้นกำเนิด ซ่งเทียนไม่ได้ให้ความสนใจกับพิธีของจี้ตู เขามองมาที่รูปปั้นบรรพชนโบราณเช่นกันและมีความคิดเดียวดังกึกก้องอยู่ในใจ
‘เขาจะได้รับพรอะไรจากบรรพชนโบราณ…’ ซ่งเทียนมองออกไป
ขณะที่ทุกคนมองมา แม้แต่พิธีของจี้ตูก็ยังหยุดชะงัก วงแหวน 27 วงรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณได้เปล่งประกายเจิดจ้าและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
วงแหวนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเกิดระลอกคลื่นในอากาศเสียงดังกึกก้อง จากนั้นท้องฟ้าจึงเปลี่ยนสี!
เก้าบทเพลงดังสนั่นทั่วเมืองหลวงอาณาเขตฉี!
เสียงเพลงนี้ไพเราะยิ่งและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นมาและมีแสงน่ากลัวตกลงมาจากฟากฟ้า จากนั้นลำแสงสีแดงเบาบางค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นจนย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงโลหิต!
นี่คือหยดโลหิต!
หยดโลหิตเปล่งกลิ่นอายแห่งวิญญาณ และเมื่อปรากฏขึ้นมา ทั่วทั้งเมืองหลวงอาณาเขตฉีจึงเงียบสนิท!
‘โลหิตวิญญาณ!!’ วินาทีที่ซ่งเทียนเห็นโลหิต เขาจึงเกิดความตกตะลึงและไม่เชื่อกับตาตัวเอง!
‘นี่มันโลหิตวิญญาณ! โลหิตวิญญาณสามหยดสามารถสร้างเผ่าโบราณขึ้นมาได้ เขาได้มาหนึ่งหยดก่อนหน้านี้แล้วและตอนนี้…ก็เป็นหยดที่สอง!’ ซวนลั่วสูดหายใจลึก แม้แต่เขาก็ไม่คิดว่าหวังหลินจะได้โลหิตวิญญาณหยดที่สอง!
………………………………………………………..
ตอนที่ 2061 ลาจาก
โดย
Ink Stone_Fantasy
โลหิตสีแดงสว่างพลันเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วง จนลอยมาถึงเบื้องบนรูปปั้นบรรพชนเทพจึงย้อมรูปปั้นกลายเป็นสีม่วง!
โลหิตวิญญาณบรรพชนโบราณ เป็นโลหิตสีม่วง!
กลิ่นอายวิญญาณข้างในรุนแรงยิ่งจนทำให้ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีม่วง!
ทั่วทั้งเมืองหลวงอาณาเขตฉี รวมถึงจักรพรรดิจี้ตู ทุกคนล้วนมองมาที่โลหิตวิญญาณสีม่วงที่อยู่เหนือรูปปั้นบรรพชนโบราณ ยามนี้แสงสีม่วงได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นวงแหวนและลอยลงมาจากศีรษะรูปปั้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียววงแหวนสีม่วงก็เลือนหายเข้าไปในส่วนลึกของบรรพชนโบราณ
หวังหลินนั่งอยู่ข้างใน ละอองแสงสีม่วงมากมายห่อหุ้มรอบตัว ควบแน่นเข้าไปในร่างและผสานเข้ากับโลหิตวิญญาณหยดแรก
ต่อจากหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณก็เป็นคำอวยพรแห่งบรรพชนโบราณ โลหิตวิญญาณหยดนี้นับว่าได้รับการประทานพรให้โดยแท้!
ทุกคนที่ได้เห็นโลหิตวิญญาณม่วงตกลงไปถึงกับเกิดอาการตกตะลึง หลายคนไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น นี่คือโลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณ!
“ลือกันว่ามีโลหิตวิญญาณสามหยดก็สามารถสร้างเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่ได้ เขาได้รับโลหิตวิญญาณระหว่างคำอวยพรแห่งบรรพชนโบราณจริงๆ!”
“เป็นไปได้ว่าหากสามารถผ่านแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณได้อย่างไร้ที่ติ ก็จะสามารถได้โลหิตวิญญาณ!?”
เกิดความโกลาหลขึ้นไปทั่วบริเวณ จี้ตูมองรูปปั้นบรรพชนโบราณและอ้าปากค้าง แม้แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าพ่อบุญธรรมจะได้โลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณมาครอบครอง!
เมื่อโลหิตสีม่วงเลือนหายไป ท้องฟ้าจึงกลับคืนสู่ปกติและดูเหมือนทุกอย่างกำลังจบ นอกจากนี้พรแห่งบรรพชนโบราณก็ได้มาแล้วและสามบททดสอบเจ็ดหายนะกำลังจะจบ
ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังคิดเรื่องนี้ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างขึ้นในท้องฟ้า กระทั่งเกิดเป็นเสียงคำรามขึ้นทั่วทุกมุมของเมืองหลวง
“มันยังไม่จบ!! ดูท้องฟ้าสิ พรแห่งบรรพชนโบราณยังไม่จบ!!”
“สีม่วง สีม่วงอีกแล้ว!”
“เป็นไปไม่ได้! หรือจะมีโลหิตวิญญาณอีก?”
เกิดความโกลาหลสั่นสะเทือนสวรรค์ แสงสีม่วงที่กำลังหายไปพลันส่องแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง ตรงปลายสุดท้องฟ้าได้มีวังวนสีม่วงหมุนอย่างรวดเร็ว ใจกลางวังวนราวกับเป็นหลุมดำ
หลุมดำตรงนี้คือจุดที่แสงสีม่วงหนาแน่นที่สุด โลหิตสีม่วงหนึ่งหยดตกลงมาอย่างช้าๆ และเมื่อทุกคนได้เห็นกับตาจึงเกิดคลื่นเสียงไปทั่วเมืองหลวง!
“โลหิตวิญญาณอีกแล้ว!”
“สองหยด เขาถึงกับได้โลหิตวิญญาณไปสองหยด!!”
โลหิตวิญญาณค่อยๆ ตกลงมาและในที่สุดก็เข้าไปในศีรษะรูปปั้นบรรพชนโบราณ แสงสีม่วงพลันหายเข้าไปในอารามบรรพชน
ความปั่นป่วนจากภายนอกดำเนินต่อไป แสงสีม่วงปรากฏออกมารอบตัวหวังหลินมากขึ้น มันควบแน่นเข้าสู่ร่างเขาและเลือนหายไปข้างใน
สุดท้ายแล้วแสงสีม่วงทั้งหมดก็เข้าไปในร่างหวังหลลิน ข้างในตัวเขามีโลหิตวิญญาณอยู่ทั้งสิ้นสามหยดแล้ว หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมา
ทันใดนั้นรูปปั้นบรรพชนโบราณจึงปลดปล่อยแสงสีม่วงทรงพลัง เพียงแสงส่องประกาย วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินซึ่งปกคลุมรูปปั้นจึงได้ลดขนาดลงกลับเข้าไปในอารามบรรพชนอย่างไร้ร่องรอย
ท้องฟ้ากลับคืนสู่ปกติอย่างช้าๆ และไม่มีแสงสีม่วงเหลืออยู่เลย รูปปั้นบรรพชนโบราณยังคงสงบนิ่งและมองไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาดูถูก
เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ ผู้คนในอาณาเขตฉีจึงฟื้นคืนจากอาการตกตะลึง แม้จะเกิดระลอกคลื่นครั้งใหญ่ขึ้นในใจ แต่ใบหน้ายังต้องบังคับให้ตัวเองสงบลง
สายตาแต่ละคนที่มองอารามบรรพชนล้วนมีความคิดที่แตกต่าง บางคนอิจฉา บางคนชื่นชม บางคนละอายใจ…
ภายในอารามบรรพชน วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินลอยอยู่ตรงหน้าและทับซ้อนกับร่างกาย ร่างที่แห้งเหี่ยวจึงถูกเติมพลังชีวิตที่มากมายเข้าไปและฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ร่างกายที่มีสภาพคล้ายโครงกระดูกได้มีพลังอำนาจแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างใหญ่หลวง!
หวังหลินหลับตาและรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในวิญญาณดั้งเดิม ตอนนี้วิญญาณดั้งเดิมของเขาทรงพลังยิ่ง เพียงแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปไม่เพียงปกคลุมได้ทั่วทั้งเผ่าโบราณ แต่ยังครอบคลุมถึงทะเลอันกว้างใหญ่ด้วย
หวังหลินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกฎ และการเคลื่อนไหวของทุกอย่างแม้แต่การไหลเวียนแห่งกาลเวลา
วิญญาณดั้งเดิมของเขาไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทรงพลังขึ้น ร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในตอนนี้กลับรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง คล้ายกับสามารถทำลายท้องฟ้าได้ในหมัดเดียว
“ชักสงสัยเสียแล้วว่าหากเทียบกับมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวจะเป็นอย่างไร…” หวังหลินพึมพำพลางเดินออกมาด้านนอกอารามบรรพชน
นี่คือครั้งแรกที่เขาออกมานอกอารามบรรพชนในรอบร้อยปี เพียงก้าวเท้าออกมาจึงเห็นดวงอาทิตย์ส่องสว่างและท้องฟ้าอันสดใส แต่เขากลับไม่เห็นอาจารย์ซวนลั่วแต่อย่างใด
ตอนที่โลหิตวิญญาณหยดที่สองตกลงมา ซวนลั่วตัดสินใจจะจากไปแล้ว เขาไม่ได้มาเพื่อเจอหวังหลินและออกไปจากอาณาเขตเต๋าอย่างเงียบๆ
เขามาเพื่อปกป้องหวังหลินและตอนนี้เหตุการณ์ก็จบลง เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดกับหวังหลินว่าอย่างไรหากได้เจอกัน ดังนั้นจึงทำได้แค่จากไป
หวังหลินมองไปบนท้องฟ้าและทิศทางที่ซวนลั่วจากไป หวังหลินขบคิดเงียบๆ ด้วยสายตาที่ไม่ซับซ็อน มีเพียงสายตาที่อ่อนโยน
“ก่อนข้าจะไป ข้าต้องไปเจออาจารย์…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง
‘สะพานย่ำสวรรค์ ข้าจะสามารถก้าวไปบนสะพานที่สี่ได้หรือไม่! แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เวลาที่อยู่ในเผ่าโบราณจบลงแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสามร้อยปีจนกว่าแดนเทพบรรพกาลจะเปิดออก ข้าไม่อยากใช้เวลานี้อยู่บนแผ่นดินเซียนดารา ข้าอยากกลับบ้าน…’
‘ข้าจะพาหวานเอ๋อร์กลับบ้าน’ หวังหลินถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้าและก้าวเดินเข้าสู่วัง
เขาสัญญากับจี้ตูไว้ว่าจะเป็นสักขีพยานในการกลายเป็นจักรพรรดิ!
ภายในวังหลวงไม่มีความปั่นป่วนอะไรเกิดขึ้น แต่หวังหลินปรากฏร่างออกมาภายใต้สายตาของคนมากมาย หวังหลินมองจี้ตูด้วยรอยยิ้ม
และพูดขึ้น “เจ้าจะเป็นจักรพรรดิที่ยอดเยี่ยม!”
จี้ตูจ้องมองหวังหลิน เขาสัมผัสได้ว่าพ่อบุญธรรมตัดสินใจที่จะไปแล้ว
“จงเป็นจักรพรรดิที่ดี และนำประชาชนไปสู่ความรุ่งโรจน์!” หวังหลินยื่นมือขวาออกไปและมงกุฎบนบัลลังก์ลอยเข้าสู่ฝ่ามือ
เขาสะบัดแขนให้มงกุฎลอยไปยังจี้ตู มันวางอยู่บนศีรษะของจี้ตู ตอนนี้เขากลายเป็นจักรพรรดิอย่างแท้จริง!
หวังหลินยิ้ม หันร่างกลับและก้าวเดินออกไป เลือนหายไปจากเมืองหลวง หายไปจากสายตาของทุกคนที่นี่และหายไปจากสายตาของจี้ตู
“พ่อบุญธรรม!” จี้ตูส่งเสียงตะโกนไปยังทิศทางที่หวังหลินจากไป เขารู้สึกเศร้าต่อการลาจาก เขาไม่มีวันลืมว่าทุกอย่างที่เขาได้มานั้นเป็นเพราะหวังหลิน
หวังหลินจากไปแล้ว
เขาออกไปจากอาณาเขตฉีและมองไปยังเผ่าเทพ มองไปยังทิศทางของสำนักเจ็ดเต๋า หลังจากขบคิดเพียงชั่วครู่จึงก้าวเดินเข้าสู่วังหลวงอาณาเขตเต๋าที่เขาจากมาเมื่อสองร้อยปีก่อน
ภายในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ไม่มีใครนอกจากซวนลั่วที่สังเกตการมาถึงของหวังหลินได้ ทางด้านหวังหลินก็เห็นซวนลั่วอยู่ในบ้านพักหลังภูเขาภายในอารามเต๋า
ศิษย์และอาจารย์ครุ่นคิดอย่างเงียบงันอยู่นานก่อนซวนลั่วจะเผยรอยยิ้มออกมา
“เจ้ากลับมาแล้ว”
“ศิษย์ขอคารวะอาจารย์”
หวังหลินค้นพบความอบอุ่นจากสองร้อยปีก่อนในบ้านหลังนี้ เขาลืมไปแล้วว่าตนเองแข็งแกร่งพอกับกุ้ยต้าว ในสายตาหวังหลินนั้นซวนลั่วคืออาจารย์และเขาก็คือศิษย์
หวังหลินพักอยู่ในบ้านหลังภูเขาของอารามเต๋าเป็นเวลาสามปี
เวลาสามปีนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีพร้อมกับควบคุมความแข็งแกร่งได้มากขึ้น หวังหลินอยู่กับซวนลั่วเพราะซวนลั่วล้มเลิกการไปเกิดใหม่ หลังจากผ่านไปสามปีซวนลั่วก็มองดูหวังหลินจากไป
ซวนลั่วมองดูศิษย์ของตนเอง เขารู้ว่าเมื่อหวังหลินจากไปในครั้งนี้ ครั้งต่อไปที่จะได้เจอกันอีกอาจจะเป็นสามร้อยปีข้างหน้า
ร่างหวังหลินเลือนหายไปจากบริเวณและปรากฏตัวบนแอ่งน้ำเบื้องหน้าภูเขาลึกใกล้กับทะเลอันกว้างใหญ่ ระดับบ่มเพาะในตอนนี้คือขีดสูงสุดแล้ว หวังหลินตัดสินใจที่จะเข้าสู่สะพานย่ำสวรรค์อีกครั้ง!
เขาสามารถทะลวงคอขวดได้ทุกเมื่อ สามารถไปในโลกมายาเพื่อเผชิญกับการย่ำสวรรค์ได้ตลอดเวลา
หลายวันถัดมา ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกมาจากภูเขา ก่อเกิดเป็นแรงกดดันที่แม้แต่มหาชั้นฟ้ายังยืนต้านได้ยากยิ่ง หวังหลินปรากฏตัวเบื้องหน้าสะพานย่ำสวรรค์อันคุ้นเคย!
ท้องฟ้ายังคงพร่าเลือน พื้นดินปกคลุมไปด้วยสายหมอกจนเขามองเห็นได้ไม่ไกล เบื้องหน้าคือสะพานทั้งหกแห่ง สะพานถัดไปมีขนาดใหญ่กว่าสะพานก่อนหน้า และด้านหลังสะพานแห่งสุดท้ายมีภาพเลือนลางที่หวังหลินคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์
ด้านหลังเขาคือสะพานสามแห่งที่ข้ามผ่านมาแล้ว
ตอนนี้หวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้าสะพานที่สี่ ซึ่งเขาหยุดลงเมื่อร้อยปีก่อน
ผ่านไปสักพัก หวังหลินถอนสายตาออกมาจากภาพมายาด้านหลังสะพานแห่งที่เก้า สายตามองสะพานที่สี่ก่อนจะยกเท้าขึ้นและก้าวออกไป!
………………………………………………………
ตอนที่ 2062 ต่อสู้เพื่ออันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินเซียนดารา!
โดย
Ink Stone_Fantasy
นอกจากตัวหวังหลินเอง ไม่มีใครรู้ว่าเขาข้ามสะพานมาแล้วกี่แห่ง แม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ไม่สามารถสัมผัสได้ชัดเจน
เขาจะรู้ได้หลังจากหวังหลินเดินเข้าสู่สะพานย่ำสวรรค์แห่งที่ห้าเท่านั้น! ส่วนหวังหลินจะผ่านสะพานที่หกได้หรือไม่ เขาเองก็ไม่ทราบเพราะขีดจำกัดของเขาคือสะพานที่ห้า
รอบภูเขาเกิดระลอกคลื่นอยู่หลายเดือน และเมื่อมันหายไป หวังหลินจึงก้าวเดินออกมาอย่างสงบนิ่ง
หวังหลินไม่ได้ดูแตกต่างจากหลายเดือนก่อนมากนัก แต่หากมองใกล้ๆ คงจะพบว่าหวังหลินดูเหมือนคนธรรมดา ไม่มีสัญญาณระดับบ่มเพาะที่เคลื่อนไหวภายในร่างกายเลย
หวังหลินสวมเสื้อสีขาวตัวยาวและยืนอยู่ด้านนอกแอ่งน้ำ สายตามองกลับไปที่เผ่าโบราณ ต่อมาจึงหันกลับ เปลี่ยนเป็นลำแสงและมุ่งหน้าสู่เผ่าเทพในอีกด้านหนึ่งของทะเลอันกว้างใหญ่!
‘เหลียนต้าวเฟย ข้าสัญญาในตอนนั้นว่าข้าจะกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อช่วยเจ้า! หากเจ้าอยากออกมาจะไม่มีใครบนแผ่นดินเซียนดาราที่สามารถหยุดข้าได้’
‘หากเจ้าเลือกเป็นจักรพรรดิเทพ เช่นนั้นเจ้าจะเป็นจักรพรรดิเทพที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่นิทราอีกต่อไป!’
‘รวมถึงซือถู ฉิงชุ่ย ฉือซาน จงเฟยเจิน ผีเสื้อสีชาด…พวกเจ้าทั้งหมดที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดาราและในเมื่อไม่มีใครอยู่ในเผ่าโบราณ พวกเจ้าก็ต้องอยู่ในเผ่าเทพ คราวนี้ข้าจะหาทั้งหมดเจอได้อย่างแน่นอน!’
‘และยังมี…ลี่เฉียนเหมย…’ หวังหลินเผยท่าทีซับซ้อน สิ้นเสียงถอนหายใจ หวังหลินเร่งความเร็วขึ้นร้อยเท่าเพื่อข้ามผ่านระยะทางอันกว้างไกล
‘สุดท้าย ข้าจะกลับไปสำนักเจ็ดเต๋า กลับไปยังโลกถ้ำ กลับไปดาวซูซาคุ ที่นั่นคือบ้านของข้า’
ระหว่างทางหวังหลินไม่หยุดชะงักเลย เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็มาถึงชายขอบทะเลที่ซึ่งก่อเกิดเป็นกำแพงพายุทะเลอันกว้างใหญ่
พายุส่งเสียงดังจนได้ยินไปไกลแสนไกล เพียงเข้าใกล้ยังเห็นรอยแยกอวกาศมากมายก่อตัวขึ้นมาจากการหมุนมาแล้วสองร้อยปี
กำแพงพายุยังมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาด้วย
กลิ่นของทะเลมีความหนาแน่นและส่งเสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์ หวังหลินยืนมองกำแพงพายุอยู่ตรงนั้นและมีประตูที่เกิดจากเสาทั้งเก้ากำลังส่องประกาย
เขารู้ว่าประตูบานนี้จะเปิดขึ้นในอีกสามร้อยปี เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะกลับมาพร้อมกับลี่มู่หวานและเข้าไป เขาจะใช้พลังแห่งการเกิดใหม่เพื่อฟื้นคืนชีพลี่มู่หวานและทำให้นางหนีพ้นจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่!
“บางทีข้าคงจะรู้ความจริงที่นั่น…” หวังหลินพึมพำและกำลังจะข้ามผ่านกำแพงพายุไป ทว่าในขณะที่เขายกเท้าขึ้น สายตาแหงนมองขึ้นไป
ท้องฟ้ามืดสนิทจากทะเลที่หมุนอย่างต่อเนื่อง เสียงดังสนั่นจนไม่มีเสียงอื่นใด
ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หวังหลินมองบนท้องฟ้าและล้มเลิกความคิดที่จะจากไป เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังรอคอยบางอย่าง
สิบลมหายใจต่อมาเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากท้องฟ้า เสียงเล็กแหลมและกลบเสียงทะเลจนหมด ทั่วทั้งบริเวณเกิดการสั่นเทา
รอยแยกขนาดใหญ่พลันเปิดออกมาในท้องฟ้า สายหมอกจำนวนมากรั่วไหลออกมาและแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง ขณะเดียวกันมีร่างเลือนลางร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาจากสายหมอกด้วย
หวังหลินยังมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาเฝ้าดูหมอกปกคลุมท้องฟ้าที่มืดมิดจนกระทั่งทั่วบริเวณมีแต่สายหมอก พอร่างหนึ่งก้าวออกมาจากข้างใน หวังหลินเอ่ยขึ้น “กุ้ยต้าว!”
ร่างในสายหมอกค่อยๆ ก้าวเดินออกมาแต่ยังคงอยู่ในสายหมอกและเอ่ยเสียงแหบพร่า “หวังหลิน!”
ภาพเหตุการณ์นี้มีความหมายที่สำคัญยิ่งต่อแผ่นดินเซียนดารา มันคือการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้ทรงพลังที่สุดสองคนบนแผ่นดินเซียนดารา
ทั้งสองคนล้วนอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ระดับย่ำสวรรค์และนี่เป็นครั้งแรกที่สองสายตาประสานกัน
ส่วนตอนที่พวกเขาอยู่บนภูเขากุ้ยต้าว เนื่องจากระดับบ่มเพาะแตกต่างกันจึงมิอาจเทียบกับตอนนี้ได้
ร่างในสายหมอกขบคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น “เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้ากำลังมา?”
หวังหลินยืนสงบนิ่ง เสื้อผ้าพริ้วไหวไปกับสายลม เรือนผมส่วนหนึ่งพัดปลิวพร้อมกับเขาพยักหน้าให้กับร่างในสายหมอก
กุ้ยต้าวขบคิดอีกนานก่อนจะถอนหายใจและพูดขึ้น “ครั้งที่สองเจ้าข้ามผ่านสะพานย่ำสวรรค์ไปกี่แห่ง?”
“นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจ้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร” หวังหลินยิ้มและมีท่าทีสงบนิ่ง
กุ้ยต้าวพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าสามารถฆ่าเย่ต้าวผู้เป็นลูกหลานของบรรพชนโบราณได้ เจ้าสามารถแต่งตั้งใครก็ได้ให้เป็นจักรพรรดิคนใหม่ตามอำเภอใจได้ และเจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าชอบในเผ่าโบราณ…แต่เจ้าจะออกไปจากเผ่าโบราณไม่ได้!!”
“ทำไมข้าจะออกไปจากเผ่าโบราณไม่ได้?” หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย
“เจ้าออกไปไม่ได้ เว้นแต่ข้าจะหยุดเจ้าไม่ได้” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาจาในสายหมอก
“ข้าจะหยุดเจ้าให้อยู่ในเผ่าโบราณไปอีกสามร้อยปี เมื่อแดนเทพบรรพกาลเปิดออก เจ้าจะไปไหนก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ”
หวังหลินขบคิดและพูดขึ้น “ข้าขอคำอธิบาย!”
กุ้ยต้าวส่งเสียงมืดมน “ไม่มีคำอธิบาย ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปไหน เจ้าต้องอยู่หรือไม่ก็เอาชนะข้าให้ได้!”
หวังหลินขมวดคิ้วพลางมองร่างที่อยู่ในสายหมอก
“บนภูเขากุ้ยต้าว ข้ายืมแรงกดดันของเจ้าเพื่อผสานพลังเทพและพลังโบราณ…นี่คือเรื่องที่หนึ่ง”
“ในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ข้าสังหารเย่ต้าว ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าตอนนั้นแม้เจ้าลงมือ ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ แต่เจ้าก็เงียบ นี่เป็นเรื่องที่สอง!”
“ในอาณาเขตฉี จี้ตูกลายเป็นจักรพรรดิและเจ้าก็ไม่หยุด นี่เป็นเรื่องที่สาม!”
“ในชีวิตข้า ข้าตอบแทนคนที่มีความเมตตากับข้าเสมอ และเพราะเจ้าช่วยข้าถึงสามครั้ง ข้าจะอยู่ที่นี่ไปอีกร้อยปีโดยไม่ขอเหตุผล แต่ส่วนที่เหลืออีกสองร้อยปี ข้าจะไป!” หวังหลินพูดขึ้น
ร่างในสายหมอกขบคิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงตอบกลับมา
“ร้อยปียังไม่พอ…เจ้าต้องอยู่จนกว่าแดนเทพบรรพกาลจะเปิด…หวังหลิน ข้าไม่อยากสู้กับเจ้า ข้าไม่ได้สู้กับคนอื่นมานานมากแล้ว”
“ข้าแค่ต้องการให้เจ้าอยู่ไปอีกสามร้อยปี หลังจากนั้นเจ้าค่อยไป ข้ายังมีของตอบแทนให้เจ้าด้วย!” กุ้ยต้าวส่งเสียงแหบพร่าดังออกมาจากในสายหมอก
หวังหลินเองก็ไม่ต้องการสู้กับกุ้ยต้าวเช่นกันเนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อนข้างซับซ้อน หวังหลินไม่มีเหตุผลให้ต้องสู้เว้นแต่กุ้ยต้าวจะทำให้เขาอยู่ต่อโดยไม่มีการต่อรอง
หวังหลินถามขึ้นทันที “ข้ามีคำถาม ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าก็สามารถกวาดล้างทั่วแผ่นดินเซียนดาราได้ง่ายๆ ทำไมถึงยังยอมให้เผ่าเทพมีตัวตนอยู่?”
กุ้ยต้าวครุ่นคิดอยู่นาน นี่เป็นคำถามที่หลายคนในเผ่าโบราณตั้งไว้และก็เป็นคำถามเดียวกันที่เหล่าคนในเผ่าเทพคิดขึ้นมาเช่นกัน
ไม่มีใครรู้คำตอบและไม่มีใครกล้าถามกุ้ยต้าว
หลังจากนั้นสักพัก กุ้ยต้าวเอ่ยเสียงดังออกมาจากสายหมอก “พรที่ข้าได้จากบรรพชนโบราณ…ไม่เหมือนกับของเจ้า”
หวังหลินมองกุ้ยต้าว ขบคิดและเหมือนตระหนักอะไรได้บางอย่าง
“พอแล้ว หวังหลิน เจ้าจะสู้กับข้าหรืออยู่ต่อ ไม่มีทางเลือกที่สาม!” หมอกรอบกุ้ยต้าวเริ่มปั่นป่วน เสียงดังสนั่นผสานกับเสียงจากทะเลจนก่อเกิดเป็นแรงกดดันทรงพลัง
“หากเจ้าต้องการสู้ เช่นนั้นก็สู้!” หวังหลินมองขึ้นไป ดวงตาเปล่งประกายเจิดเจ้า ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นเขาก็อยากเห็นแล้วว่าใครกันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
นี่คงเป็นการต่อสู้ของคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารานับตั้งแต่ที่มีบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ! เป็นการต่อสู้ระหว่างสองคนที่อยู่บนจุดสูงสุด!
กุ้ยต้าว ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา เขาก้าวข้ามบนสะพานย่ำสวรรค์ได้นานแล้วหลายปีก่อน แม้ยังติดอยู่บนสะพานที่หก แต่พลังการต่อสู้ของเขานับว่าพิเศษและเป็นคนเดียวที่สามารถสังหารมหาชั้นฟ้าได้หลายคน!
ด้านหวังหลินนั้นมีการผสานพลังจากฝั่งเทพและฝั่งโบราณ ระดับบ่มเพาะไม่สมบูรณ์ดีนักแต่เพียงแค่ร่างแก่นแท้ที่สมบูรณ์ทั้งสองร่าง เขาก็สามารถก้าวสู่ครึ่งก้าวสู่ขั้นย่ำสวรรค์ได้แล้ว เขาไม่รู้ว่าเมื่อแก่นแท้นามธรรมสมบูรณ์แบบเขาจะพุ่งไปถึงระดับขั้นไหน!
หวังหลินยังมีร่างอวตารในมิติว่าง เขาได้มันมานานหลายร้อยปีแล้วและมันยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหวังหลินผสานกับมันจะสามารถระเบิดพลังอันน่าหวาดกลัวได้อย่างมหาศาล
รอบร่างกุ้ยต้าวมีสายหมอกปั่นป่วนและเกิดเสียงดังสนั่น มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก้าวเดินออกมา สายหมอกรอบตัวส่งเสียงคำรามและแผ่กระจายจนก่อเกิดเป็นอสูรหมอกขนาดยักษ์ ส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์
อสูรหมอกตัวนี้ดูแปลกประหลาดและมีเก้าหัว มันดูเหมือนจื่อเฉียงที่เขาเห็นตอนที่อยู่ในดินแดนเทพโบราณ!
หัวทั้งเก้าส่งเสียงคำรามและเผยท่าทีดุดัน แต่ขณะเดียวกันมันเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ ราวกับอสูรตัวนี้มีจิตวิญญาณและอยู่มานานมาก
มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวชี้นิ้วออกไป ดัชนีปกคลุมอยู่ในหมอกแต่มีประกายเย็นเบาบางออกมา
เพียงเท่านั้นทั่วบริเวณเกิดการเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้าหวังหลิน ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเส้นเบาบางนับไม่ถ้วนรวมถึงพื้นปฐพีด้วย ทั่วโลกปรากฏไปด้วยกฎ
เส้นเบาบางแห่งกฎเหล่านี้เหมือนถูกควบคุมและเริ่มพุ่งเข้าหาหวังหลิน แม้แต่แสงสายฟ้าและเหล่าวิชาจากธาตุทั้งห้ายังปรากฏขึ้นและกระหน่ำใส่หวังหลินทั้งหมด!!
ขณะที่ทุกอย่างพุ่งเข้าหา เหล่าวิชาได้ควบแน่นกลายเป็นดัชนียักษ์ซึ่งมีพลังทำลายล้างมหาศาลและชี้ไปที่หน้าผากหวังหลิน!
…………………………………………………….
ตอนที่ 2063 กำจัดสายหมอก!
โดย
Ink Stone_Fantasy
มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา!
ระดับบ่มเพาะลี้ลับและไม่เคลื่อนไหวมานานหลายปี เพียงแค่นิ้วเดียวก็ทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน ท้องฟ้าแสดงสัญญาณพังทลาย แม้แต่กำแพงพายุยังถูกผลักเข้าไปข้างในเหมือนไม่สามารถต้านทานพลังอำนาจได้
เรือนผมสีขาวของหวังหลินกำลังพริ้วไปตามแรงลม ดัชนีของกุ้ยต้าวมีพลังแห่งสายลม สายฝนและสายฟ้า สายฟ้าคำรามเป็นประกายวงโค้งทะลุผ่านดัชนีจนปะทะกับก้อนเมฆ กลายเป็นเสียงดังสนั่นและเกิดหยาดฝนนับไม่ถ้วน
ภายในสายลม สายฟ้าและสายฝน พลังแห่งธาตุทั้งห้าอุบัติขึ้นไม่ด้อยไปกว่าแก่นแท้ห้าธาตุของหวังหลินเลย!
ส่งผลให้ดัชนีนี้ราวกับช่วงชิงโชคชะตาแห่งสวรรค์และมีอำนาจมากพอจะสังหารมหาชั้นฟ้าได้ในบัดดล!
หวังหลินหรี่ตาแคบ เขาเตรียมพร้อมเรื่องพลังของกุ้ยต้าวไว้แล้ว ทำให้ดัชนีที่ทรงพลังมากพอสังหารมหาชั้นฟ้ากลับไม่ทำให้เขาประหลาดใจ
“กุ้ยต้าว…” หวังหลินมีแววตาเป็นประกายและยังเอาสองมือไพล่หลัง เรือนผมปลิวไสว เปล่งบรรยากาศที่มิอาจพูดออกมาได้ ขณะที่ดัชนีพุ่งเข้ามา หวังหลินเพียงยกแขนขึ้นและชี้ใส่ดัชนีมายานั้น
การเคลื่อนไหวดูเหมือนสบายๆ หากมองไกลๆ ราวกับมีบางอย่างผิดปกติ ดัชนีของกุ้ยต้าวมีขนาดใหญ่มากและดูเหมือนสามารถทำลายร่างหวังหลินให้หายวับในพริบตา!
และดัชนีของหวังหลินดูเล็กน้อยเหลือเกิน!
ทว่าในขณะที่หวังหลินชี้ออกไป เส้นแห่งกฎนับไม่ถ้วนจึงเกิดการสั่นเทา คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้แต่กุ้ยต้าวสัมผัสได้ชัดเจน
เส้นสายแห่งกฎมากมายสั่นเทาและแตกสลาย ทั้งหมดปะทะกันและพริบตาเดียวก็ไม่มีกฎเหลืออยู่เลยในบริเวณนี้
ตอนที่ดัชนีของหวังหลินปะทะกับดัชนีมายาของกุ้ยต้าว เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว ดังไกลมากจนปกคลุมผืนทะเลและแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง
หวังหลินปล่อยเสียงร้องอยู่ในลำคอและล่าถอยไปสามก้าว ด้านดัชนีมายาของกุ้ยต้าวหยุดชะงักชั่วจังหวะ ควันสีดำสายหนึ่งไหลออกมา ดัชนีแตกสลายและวิชาทั้งหมดข้างในสูญสิ้น
อสูรหมอกเก้าหัวล่าถอยไปสามก้าว!
การโจมตีของทั้งสองฝ่ายจบลงที่การเสมอกัน!
ขณะที่กุ้ยต้าวล่าถอย หวังหลินมองขึ้นไปและเคลื่อนไปข้างหน้า ยกแขนขวาขึ้นมาให้วิญญาณดั้งเดิมเปิดใช้งาน ควันสีเขียวจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบมือขวา เปลี่ยนกลายเป็นวงแหวนรอบนิ้วทั้งห้าอย่างรวดเร็ว!
ความร้อนอันรุนแรงแผ่กระจายออกมาจากมือหวังหลิน
“เต๋าแปดสุดขั้ว!” กุ้ยต้าวมองดูอยู่ในร่างอสูรหมอกเก้าหัว
“เต๋าวารีสุดขั้ว!”
“เต๋าโลหะสุดขั้ว!”
“เต๋าไม้สุดขั้ว!”
“เต๋าปฐพีสุดขั้ว!” พลังแห่งธาตุโลหะ ไม้ วารี เพลิงและปฐพีปรากฏขึ้นรอบมือขวาของหวังหลินและเปลี่ยนกลายเป็นเต๋าแปดสุดขั้วของบรรพชนเทพ!
แม้หวังหลินจะไม่ได้เรียนรู้เต๋าแปดสุดขั้วทั้งหมด แต่ระดับครึ่งขั้นย่ำสวรรค์ได้ทำให้หวังหลินอยู่ห่างจากบรรพชนเทพไม่ไกล ทำให้เมื่อเขาใช้เต๋าแปดสุดขั้วจึงสามารถทำให้มีระดับพลังใกล้เคียงบรรพชนเทพได้!
ควันรูปร่างวงแหวนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินอย่างมหาศาล เพียงเขาสะบัดแขนขวา วงแหวนทั้งหมดจึงทะยานเข้าสู่อสูรหมอกเก้าหัว
ด้วยเต๋าสุดขั้วทั้งห้า มันจึงไม่ถือว่าเป็นวิชาสั่นสะเทือนสวรรค์ ตอนที่หวังหลินเข้าไปยังสะพานย่ำสวรรค์ครั้งที่สอง แม้ดูเหมือนเขาได้ก้าวข้ามผ่านสะพานแห่งที่ห้าได้อย่างรวดเร็ว ความจริงเขารู้สึกเหมือนผ่านไปนานหลายปี เขาจึงทำความเข้าใจเต๋าสุดขั้วที่เหลืออีกสามสามรูปแบบด้วยวิธีของตัวเอง
“เต๋าดินสุดขั้ว!” เพียงหวังหลินก้าวเข้าหาอสูรหมอก เขาจึงเหมือนยอดปรมาจารย์ แขนขวากำหมัดโยนลงสู่พื้นด้านล่าง แอ่งน้ำใต้ทะลพลันเกิดการสั่นเทา จากนั้นกลิ่นอายแห่งดินแดนจึงพุ่งออกมา มันสกปรกและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายจำนวนมาก ซึ่งเกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตทุกตัวที่ตายไปในทะเลอันกว้างใหญ่
กลิ่นอายแห่งดินแดนทำให้เกิดเป็นวงแหวนสีเทาขนาดยักษ์พุ่งทะยานออกไป ทั้งยังหดลงและเปล่งพลังอำนาจมหาศาล!
กุ้ยต้าวหรี่ตาแคบอยู่ในอสูรหมอก เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของหวังหลินตอนนี้และวิชาที่เขาแสดงออกมาทำให้แม้แต่กุ้ยต้าวยังเคร่งเครียด
‘เขาได้ผ่านสะพานย่ำสวรรค์ไปแล้วกี่แห่ง…’ กุ้ยต้าวมีแววตาเป็นประกายและสร้างผนึกขึ้นโดยไม่ลังเล อสูรหมอกเก้าหัวพลันร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมา หัวทั้งเก้ามีแสงที่แตกต่างกันปรากฏออกมาเก้าสาย
“เต๋าฟ้าสุดขั้ว!” หวังหลินก้าวเดินต่อไปอย่างสงบนิ่ง แขนขวาชี้ไปยังท้องฟ้า
ท้องฟ้ามืดมิดดูเหมือนกำลังพังทลายแต่จากนั้นมีแสงประกายกะพริบวาบ จุดที่หวังหลินชี้เปลี่ยนกลายเป็นฝ่ามือ จากนั้นเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับคว้าแสงทั้งหมดเข้ามา ท้องฟ้าที่มืดมิดจึงหมองหม่น แสงทั้งหมดถูกกลั่นกลายเป็นวงแหวนคล้ายดวงอาทิตย์ จากนั้นตกลงใส่อสูรหมอกเก้าหัว
เต๋าแปดสุดขั้วที่เป็นของหวังหลินนั้นสมบูรณ์แบบ เต๋าโลหะ ไม้ วารี เพลิง ปฐพี รวมถึงเต๋าฟ้าและดิน พวกมันพุ่งเข้าไปใกล้อสูรหมอกยกเว้นเต๋าสุดขั้วอย่างสุดท้าย
อสูรหมอกเก้าหัวร้องคำราม แสงเก้าสีกะพริบวาบกลายเป็นรุ้งเก้าสีรอบตัวมันเพื่อกระจายกันเข้าต่อต้านวิชาเต๋าแปดสุดขั้วของหวังหลิน
หลังจากนั้นไม่นานนักกุ้ยต้าวก็อ้าแขนออก ทรงกลมสายหมอกหลายร้อยก้อนทะยานออกมาจากอสูรเก้าหัว แต่ละก้อนมีพลังมากพอจะสังหารผู้สูงส่งชั้นเทวะ แม้แต่มหาชั้นฟ้ายังต้องระมัดระวังเมื่อต้องเผชิญหน้าพร้อมกันหลายก้อน
ก้อนสายหมอกแบ่งตัวออกเป็นหลายแสนก้อน พวกมันทะยานออกมาด้านข้างอสูรหมอกและต่อต้านวิชาของหวังหลินไปพร้อมกับสายรุ้งเก้าสี!
ส่งผลให้เกิดเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนสวรรค์ เต๋าสุดขั้วห้าธาตุแตกสลายทีละหนึ่งธาตุ แต่เต๋าสุดขั้วฟ้าและดินกลับแยกตัวออกมาและร่อนลงใส่ร่างอสูรหมอก
เจ้าอสูรหมอกส่งเสียงคำรามดุร้ายและร่างกายของมันสั่นเทา หวังหลินปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง หลังจากใช้เต๋าแปดสุดขั้วไปแล้วจึงใช้เคล็ดเร่งความเร็วโดยไม่ลังเล ความเร็วจึงเพิ่มพูนขึ้นถึงขีดสุดและหายวับไปเพียงแค่ก้าวเดียว
หวังหลินปรากฏตัวขึ้นโดยไร้เสียงและโยนกำปั้นขวาออกไปกระแทกใส่ร่างอสูรหมอก จากนั้นหวังหลินหายวับไปโดยไม่มองดูผลลัพธ์ คราวนี้กลับปรากฏขึ้นในหมอกด้านหลังกุ้ยต้าวและโยนกำปั้นออกไป
ชั่วจังหวะที่กำปั้นร่อนลงใส่ กุ้ยต้าวหันกลับมาสะบัดแขนเสียงดังปัง หวังหลินกระเด็นออกมาจากอสูรหมอก แต่กุ้ยต้าวเองก็ส่งเสียงคร่ำครวญออกมาเนื่องจากแขนเสื้อกลายเป็นผุยผง
กำปั้นของหวังหลินไม่สามารถลดทอนพลังได้ง่ายๆ ตอนที่เขาเห็นกุ้ยต้าวโจมตีจึงวางแผนเอาไว้แล้วและการโจมตีครั้งนี้ก็มีเป้าหมาย
กำปั้นนี้ดูเหมือนรวมพลังกับกำปั้นที่โยนใส่อสูรหมอกจากด้านนอก พลังทั้งสองกำปั้นเข้าปะทะใจกลางสายหมอก ก่อเกิดเป็นพายุน่าหวาดกลัวฉีกกระชากร่างอสูรหมอกให้ฉีกขาด!
ทว่ากุ้ยต้าวยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา เพียงแค่เขาสะบัดแขน ก้อนสายหมอกนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหาหวังหลิน หวังหลินไม่สามารถหลบได้หมด ดังนั้นก้อนสายหมอกจึงกระแทกเข้าไปในร่าง
แค่ก้อนสายหมอกก้อนเดียวก็สามารถสังหารผู้สูงส่งชั้นเทวะได้แล้ว ก้อนสายหมอกหลายแสนก้อนจึงมากพอที่จะทำลายล้างโลกได้ในคราเดียว นาทีนั้นหวังงหลินหลับตาและชี้ไปที่กลางหน้าผาก
“เต๋าชีวิตสุดขั้ว!” หวังหลินพลันลืมตาและเผยลำแสงสองสาย แผ่กระจายออกมารอบตัวราวกับกลิ่นอายสีดำและก่อเกิดเป็นม่านพลังป้องกัน
เสียงดังสนั่นกึกก้องราวกับสายฟ้านับล้านสายระเบิดในคราเดียว คลื่นกระแทกครั้งนี้ทำให้ทั่วทะเลเกิดการสั่นเทาและส่งผลกระทบต่อกฎแห่งโลกไปด้วย แผ่นดินเซียนดาราจึงรู้สึกได้ถึงการปะทะกัน
ภายในสำนักต้าวยี่ ภูเขาจักรพรรดิ สำนักตะวันม่วงและธารน้ำแข็งในทิศเหนือ มหาชั้นฟ้าทั้งสี่คนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้และจิตใจสั่นเทา ทุกคนต่างรู้สึกถึงการปะทะของกลิ่นอายสองแห่งจากแอ่งน้ำกว้างใหญ่
“กุ้ยต้าวลงมือแล้ว!”
“หนึ่งในนั้นเป็นของกุ้ยต้าว!! อีกคน…ช่างคุ้นนัก…”
“ใครกันที่กำลังต่อสู้กับกุ้ยต้าวจนเกิดเรื่องน่าตกตะลึงเช่นนี้!?”
“กลิ่นอายที่กำลังต่อสู้กับกุ้ยต้าวคือ…หวังหลิน!”
ลำแสงสี่สายทะยานออกมาจากเผ่าเทพเข้าสู่ทะเลกว้างใหญ่
ขณะเดียวกันในเผ่าโบราณ ซวนลั่ว ซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าผู้ลึกลับในอาณาเขตจวี่ต่างก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงและพื้นดินที่กำลังสั่นสะเทือน ทั้งสามคนพุ่งทะยานเข้าหาทะเลกว้างใหญ่โดยไม่ลังเล
…………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น