Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2054-2055
ตอนที่ 2054 บททดสอบที่สาม หายนะที่สอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทั่วทั้งเผ่าเทพมีอารามบรรพชนอยู่เพียงแค่สามแห่งเท่านั้น ซึ่งอยู่ในเมืองหลวงของแต่ละราชวงศ์และตั้งอยู่ใต้เท้าของรูปปั้นในเมืองหลวง
เหล่าผู้คนของเผ่าโบราณที่โตเต็มวัยมักต้องการมาที่อารามบรรพชนในช่วงบททดสอบที่สาม ทว่าพวกเขาคงไม่ได้เข้าไปลึกมากนักและมีแต่ตระกูลราชวงศ์เท่านั้นที่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ด้านในได้
นับตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมามีน้อยคนมากที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปปิดด่านบ่มเพาะในอารามบรรพชน เรื่องนี้ยังหาได้ยากแม้แต่เหล่ามหาชั้นฟ้าก็ตามเพราะอำนาจอยู่ในมือของจักรพรรดิในแต่ละรุ่น มีเพียงแค่เชื้อราชวงศ์เท่านั้นถึงจะเข้าไปในส่วนลึกของอารามเพื่อผ่านบททดสอบ
หวังหลินในตอนนี้กำลังยืนอยู่ใจกลางเมืองหลวงอาณาเขตฉี เขาอยู่ใต้รูปปั้นโบราณ จ้องมองข้างหน้าอย่างเงียบงัน
รูปปั้นนี้ก็เหมือนกับรูปปั้นในอาณาเขตเต๋า บรรพชนโบราณแหงนมองฟ้าดินด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ก่อนที่หวังหลินจะข้ามสะพานย่ำสวรรค์ทั้งสามไปได้ เขาไม่รู้สึกอะไรนักตอนที่เห็นรูปปั้นของบรรพชนโบราณในอาณาเขตเต๋า
แต่ในตอนนี้ รูปปั้นกลับแตกต่างในสายตาเขาเหลือเกิน
ความดูถูกและเหยียดหยามเพียงแต่แสดงเผยออกมาบนใบหน้า ลึกลงไปข้างในหวังหลินกลับเห็นความเศร้าที่ตรงเข้าหาเขาและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
หวังหลินเอ่ยขึ้น “ใครเป็นคนแกะสลักรูปปั้นของบรรพชนโบราณ?”
ซ่งเทียนยืนอยู่ข้างหวังหลินพลางมองรูปปั้นและเอ่ยขึ้น “มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว…”
“หลังจากบรรพชนโบราณหายตัวไป มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้นำภูเขาสามแห่งจากที่ไหนไม่ทราบเข้ามา เขาเป็นคนแกะสลักรูปปั้นทั้งสามด้วยตัวเองและสร้างไว้ในเมืองหลวงทั้งสามอาณาเขต”
“เป็นเพราะเหตุนี้ พวกเราเหล่าลูกหลานจึงจดจำบรรพชนโบราณได้และไม่ลืมเรื่องราวที่ผ่านมา”
หวังหลินพยักหน้าเบาๆ เขารู้ว่าในเผ่าต้องมีสัญลักษณ์แห่งความหวัง หากไม่มีเลยก็คงอยู่ได้ไม่นานและจะเสื่อมสลายไปอย่างช้าๆ
เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นของบรรพชนโบราณและตำนานของเขาเป็นสัญลักษณ์ที่เผ่าโบราณเชื่อถือ! มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว องครักษ์แห่งเผ่าโบราณ เพียงแค่ชื่อนี้ก็สามารถมองเห็นความคิดสติปัญญาของเขาได้แล้ว
หวังหลินและซ่งเทียนยืนอยู่ด้านล่างรูปปั้นราวกับกำลังรอคอยบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่นาน มีเสียงพึมพำดังออกมาจากทางวังหลวง ลำแสงสีดำหนึ่งสายพุ่งเข้ามาทางนี้ หมุนวนรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณจนกลายเป็นวงแหวนสีดำ
ด้านล่างตรงรองเท้ารูปปั้นปรากฏเป็นประตูขนาดใหญ่ขึ้นมา ประตูบานนี้ปิดอยู่ แต่พอวงแหวนสีดำปรากฏขึ้น ประตูจึงค่อยๆ เปิดออก
“พี่หวัง อารามบรรพชนเปิดแล้ว ข้าจะไม่เข้าไปข้างใน ระวังด้วยตัวเองด้วย!” ซ่งเทียนคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน
หวังหลินมองประตูที่กำลังเปิดและเผยท่าทีสุขุม เขาจะทำให้ลี่มู่หวานเข้าสู่แดนเทพบรรพกาลได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับเขาจะได้รับโลหิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นอีกสองหยดในบททดสอบที่สาม
หวังหลินคำนับฝ่ามือให้ซ่งเทียนก่อนจะสูดหายใจลึกและก้าวเดินเข้าสู่อารามบรรพชน
จังหวะก้าวของเขาไม่เร็วแต่มั่นคง หวังหลินมาถึงเบื้องหน้าประตูและก้าวเดินเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล
เมื่อเขาเข้าไปได้แล้ว ประตูจึงปิดลงอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูปไหม้ ประตูก็ปิดสนิท
แสงสีดำบนรูปปั้นบรรพชนโบราณค่อยๆ หมองลง มันเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและหายกลับเข้าไปในวังหลวง
ซ่งเทียนยืนอยู่ตรงนั้นไปสักพักก่อนจะถอนหายใจและจากไป
เหล่าผู้คนอาณาเขตฉีล้วนเห็นกลิ่นอายรอบรูปปั้นแต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่าหวังหลินเป็นคนเข้าไป ข่าวเรื่องนี้จักรพรรดิฉีสั่งให้ปิดเอาไว้เพื่อให้ผู้คนค่อยๆ ลืมเลือนอย่างช้าๆ
ทั่วทั้งอาณาเขตฉีไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ แต่ผู้คนได้ให้ความสนใจองค์ชายจี้ตูมากขึ้น ซึ่งองค์ชายมักจะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง ทว่าตอนนี้เขากลับมาอาศัยอยู่ในวังแล้ว
ส่วนรัชทายาทที่ได้รับตำแหน่งราชาเมื่อสิบปีก่อนจึงถูกส่งออกไปคุ้มกันที่ชายแดน
อีกห้าปีต่อมา องค์ชายฉีหมานผู้มีโอกาสเป็นจักรพรรดิคนถัดไปมากที่สุดก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นราชาและถูกส่งออกไปนอกเมืองหลวง
อีกสิบห้าปีต่อมาเหล่าองค์ชายต่างก็ไดัรับการแต่งตั้งเป็นราชาและถูกส่งออกไปทีละคน ผ่านไปสามสิบปีเหลือเพียงองค์ชายจี้ตูอยู่ในเมืองหลวงคนเดียว!
ตลอดเวลาสามสิบปี องค์ชายจี้ตูเงียบสงัดและไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก สถานะของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าคือจักรพรรดิคนถัดไปและจึงไม่ทำอะไรลับๆ อีกต่อไป เขาเพียงแค่ต้องรอเวลา
หลังจากเหล่าองค์ชายคนอื่นได้รับตำแหน่งราชาและถูกส่งออกไป ผู้คนในอาณาเขตฉีจึงรู้ว่าใครจะได้เป็นจักรพรรดิในอนาคต
จี้ตูค่อยๆ เริ่มสื่อสารกับขุมอำนาจทั้งหมดที่เป็นของจักรพรรดิ ในเวลาที่เหลืออยู่อีกเจ็ดสิบปี พ่อของเขากำลังจะส่งพลังอำนาจเหล่านั้นมาให้อย่างช้าๆ
นี่คือสิ่งที่เหล่าจักรพรรดิคนใหม่ทุกคนในเผ่าโบราณต้องทำ และเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุด
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนและจี้ตูยังคงประคับประคองสถานการณ์ไปได้ด้วยดี แทบทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้นมา มักจะมองไปทางอารามบรรพชนอย่างเงียบๆ
เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้เจอพ่อบุญธรรมอีกครั้ง แต่เขาทำแบบนี้มาตลอด เหล่าคนที่ติดตามจี้ตูทีหลังต่างก็สังเกตเรื่องนี้ได้และงุนงงยิ่ง แม้จะสอบถามก็ยังไม่เจอเบาะแสอะไร
วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และเรื่องนี้ก็กลายเป็นความลับไป
นอกจากนิสัยนี้ ในช่วงเวลาสามสิบปีเขาไม่ลืมที่หวังหลินสั่งการเอาไว้ เขาส่งผู้คนทรงพลังจำนวนมากไปที่เมืองศิลาหินเพื่อคุ้มกันหญิงสาวนางหนึ่งอย่างเงียบๆ นางผู้ถูกเรียกว่าซ่งจื่อ
หลังจากผ่านมามากกว่าร้อยปี ซ่งจื่อไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและมีริ้วรอยเหี่ยวย่น นางไม่เคยรู้ว่าจ้าวเมืองศิลาดำและผู้คนทรงพลังนับไม่ถ้วนมีภารกิจลับเพื่อมาดูแลนาง
พริบตาเดียวผ่านไปอีกยี่สิบปี ในปีที่ห้าสิบนับตั้งแต่ที่หวังหลินเข้าไปในอารามบรรพชน ในอาณาเขตฉีได้มีพิธีอันยิ่งใหญ่ขึ้น
พิธีนี้ไม่ใช่เพื่อเฉลิมฉลองตำแหน่งของจี้ตูแต่เป็นงานสมรส เขาได้เลือกลูกหลานของซ่งเทียนมาเป็นภรรยา นางชื่อว่าซ่งยู่
นางเป็นคนที่ซ่งเทียนทะนุถนอมมากและเป็นลูกหลานไม่กี่คนที่สามารถฟังคำสอนของเขาได้เป็นการส่วนตัว
เทศกาลครั้งใหญ่นี้กินเวลาอยู่หลายเดือน ช่วงเวลานี้เหล่าผู้คนอีกสองอาณาเขตเป็นเกียรติเข้ามาเยือน อาณาเขตเต๋ามีชายวัยกลางคนมา หากหวังหลินเห็นคงรู้ว่าคนผู้นี้คล้ายกับเย่โม่เหลือเกิน
เขาคือลูกหลานของเย่โม่
หลังจากงานเลี้ยงฉลองจบลงและทุกคนจากไป จี้ตูพาภรรยาของเขามาเบื้องหน้าอารามบรรพชนในวันที่ดวงตะวันลอยสูงตระหง่านในท้องฟ้า
แสงจันทราบางเบาและส่องกระทบรูปปั้นบรรพชน จี้ตูจับมือภรรยาที่กำลังงุนงงเข้าหาอารามบรรพชนอย่างเงียบๆ และหยุดอยู่ห่างออกไปร้อยฟุต
เขามองอารามบรรพชนและเข้าสู่ภวังค์ หลังจากนั้นสักพักจึงคุกเข่าลงเงียบๆ ภรรยาด้านข้างถึงจะสับสนแต่ก็ไม่ถามและคุกเข่าไปพร้อมกับเขาด้วยเช่นกัน
จี้ตูพูดขึ้นเบาๆ “ซ่งยู่ เราไม่ได้โค้งคำนับบรรพชนโบราณ”
นางตกตะลึง
“เรากำลังโค้งคำนับพ่อบุญธรรมของข้า”
“พ่อบุญธรรม?” นางประหลาดใจ
“พ่อบุญธรรม ลูกได้รับลูกหลานของท่านซ่งมาเป็นภรรยา นางจะเป็นจักรพรรดินีในอนาคตของอาณาเขตฉี วันนี้ลูกพานางมาที่นี่เพื่อทำความเคารพพ่อบุญธรรม!” จี้ตูเคารพยิ่ง สิ่งนี้ออกมาจากหัวใจและเขาก็จริงใจมาก
เขาไม่มีวันลืมทุกอย่างที่เขาได้รับมาจากหวังหลิน เขามักจะย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าหากไม่มีหวังหลิน เขาคงไม่มีโอกาสได้กลายเป็นจักรพรรดิ
แม้กระทั่งสตรีด้านข้างเขาก็อาจไม่ใช่ภรรยา นางคงเป็นของฉีหมานไปแทน
“พ่อบุญธรรม อีกห้าสิบปีจะถึงวันที่ลูกผู้นี้ได้กลายเป็นจักรพรรดิ ลูกหวังว่าจะได้เห็นพ่อบุญธรรมในวันนั้น…”
สตรีด้านข้างคล้ายกับจำอะไรบางอย่างได้และมองอารามบรรพชนด้วยความตกตะลึง นางค่อยๆ นึกถึงเรื่องที่ท่านซ่งผู้เป็นบรรพชนแห่งตระกูลซ่งได้เอ่ยถึงชื่อของคนผู้หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่ชื่อนี้ถูกยกขึ้นมากล่าวถึง ซ่งเทียนมีใบหน้าซับซ้อนและแฝงความเคารพ
นางกระซิบ “หวัง…ท่านหวัง…”
จี้ตูไม่ได้พูดสิ่งใดแต่คุกเข่าอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับภรรยาอย่างเงียบๆ ทว่าตอนที่เขาออกไปได้หลายร้อยฟุตแล้ว น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากอารามบรรพชน
“เมื่อเจ้าได้กลายเป็นจักรพรรดิ ข้าจะอยู่ที่นั่นด้วย”
ร่างจี้ตูสั่นเทาและหันกลับมา เขามองอารามบรรพชนและเผยรอยยิ้ม
หวังหลินนั่งอยู่ในส่วนลึกของอารามบรรพชน ร่างกายกำลังปลดปล่อยกลิ่นเน่าเหม็นและเหี่ยวแห้งอย่างรุนแรง เขาดูเหมือนซากศพไปแล้ว
ทว่าดวงตายังคงเปล่งประกายดุจดวงดารา
“สามบททดสอบเจ็ดหายนะของเผ่าโบราณ ในโลกถ้ำข้าได้ผ่านไปแล้วสองบททดสอบสี่หายนะ กระทั่งได้ผ่านหายนะที่ห้าซึ่งเป็นหายนะแรกของบททดสอบที่สาม!”
“หายนะแรกของบททดสอบที่สามคือโลหิตสวรรค์เผ่าโบราณ!”
“หายนะที่สองคือแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ!”
“หายนะที่สามซึ่งเป็นหายนะสุดท้ายนั่นคือ คำอวยพรบรรพชนโบราณ!” หวังหลินพึมพำพร้อมกับมองออกไป เบื้องหน้ามีแผ่นหินจารึกและแกะสลักข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ สามบททดสอบเจ็ดหายนะแห่งเผ่าโบราณเอาไว้
ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงหลับตา เสียงที่หนึ่งที่ปรากฏขึ้นตอนที่เขาผ่านหายนะแรกของบททดสอบที่สามและเป็นเสียงตอนที่ได้โลหิตวิญญาณกำลังดังกึกก้องในใจ
“หากข้าต้องการให้ท้องฟ้านี้พังทลาย มันก็จะพังทลาย หากข้าต้องการให้พื้นดินถล่ม มันก็จะถล่ม! หากข้าต้องการให้ใครตาย จะไม่มีใครกล้าหยุดยั้งข้าได้ หากข้าต้องการให้ไม่มีเทพตนใดรอดชีวิต ใครจะกล้ามาช่วยพวกมัน…”
……………………………………………………..
ตอนที่ 2055 แยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ข้าคือเผ่าโบราณ ข้าถือกำเนิดก่อนที่โลกจะเกิดขึ้นมาและดำรงชีวิตก่อนที่โลกจะเริ่มหมุน อย่างไรก็ตามก่อนหน้าข้ายังมีเหล่าเทพ ในเมื่อพวกเทพต้องการให้ข้าเป็นทาสรับใช้ ข้าก็จะทำลายพวกมัน!”
“หากข้าล้มเหลว ลูกหลานข้าจะเป็นศัตรูกับพวกเทพไปชั่วชีวิตจนกว่าจะไม่มีเทพเหลืออยู่!”
“โลหิตวิญญาณทั้งเก้าหยด ข้ามอบให้แก่ลูกชายข้าสามคนเพื่อชี้นำเผ่าโบราณ เมื่อเก้าบทเพลงสามสัญญาณปรากฏ จงรอคอยการเกิดใหม่ของข้า รอผู้สืบทอดของข้าปรากฏ…”
หวังหลินนั่งอยู่ในอารามบรรพชน ร่างกายเหี่ยวแห้งคล้ายกับซากศพ เสื้อผ้าสีขาวลู่ลงและดูเหมือนแค่พาดทับกับร่างกาย
ในใจของหวังหลินนั้นเสียงนี้ดังกึกก้องอยู่ในใจมาห้าร้อยปี ตอนแรกเป็นเพียงแค่เสียงพึมพำ แต่พอเวลาผ่านไปเสียงกลับรุนแรงขึ้นราวกับเสียงคำราม
ตอนนี้เหมือนมีคนกำลังคำรามใส่หูเขาอย่างต่อเนื่อง เจตจำนงฝืนลิขิตสวรรค์และความไม่ยินยอมในน้ำเสียงนี้ทำให้โลหิตของหวังหลินเดือดพล่าน
ร่างกายเขาไม่สามารถอดทนได้อีกและเริ่มเหี่ยวแห้ง ตอนนี้เขาจึงเหมือนกับซากศพ
ทว่าหวังหลินกลับดูไม่อ่อนแอลงไปเลย ทั้งยังมีพลังชีวิตและความแข็งแกร่งอันน่าตกตะลึง ราวกับว่าเมื่อร่างกายหวังหลินฟื้นคืนมาจนถึงจุดที่เขาเข้ามาอารามบรรพชนช่วงแรกๆ พลังอำนาจในร่างกายจะเพิ่มพูนระดับขึ้นจนน่าหวาดกลัว
บททดสอบที่สามของเผ่าโบราณมีอยู่สามหายนะ ต่อจากหายนะโลหิตสวรรค์เผ่าโบราณก็คือหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ! หลังจากเอาชีวิตรอดผ่านไปได้ จะมีพลังโบราณเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
หลายคนในเผ่าโบราณที่บรรลุ 27 ดาวและกลายเป็นระดับสูงขึ้นจะได้พบกับสามบททดสอบเจ็ดหายนะ โดยเฉพาะสองหายนะสุดท้ายของบททดสอบที่สามจะเกิดขึ้นในอารามบรรพชนเท่านั้น
แต่เพราะความแตกต่างของแต่ละคน พลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นและโชควาสนาจึงต่างกัน
ช่วงเวลาห้าสิบปีหวังหลินยังคงนั่งอยู่ตรงนี้จนแทบไม่เคลื่อนไหว เขาปล่อยให้เสียงดังกึกก้องในใจ และเมื่อองค์ชายจี้ตูจากไปแล้วหวังหลินจึงรู้สึกถึงหายนะที่สองของบททดสอบที่สามได้มาถึง
เสียงคำรามในใจเขารุนแรงยิ่งขึ้น โลหิตในร่างกายเกิดความปั่นป่วน ความร้อนปะทุขึ้นมาและแผ่กระจายทั่วร่าง
“หายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ…” หวังหลินพึมพำ จากการศึกษาแผ่นหินจารึก หวังหลินได้รู้มาว่าหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณไม่ใช่เป็นการแยกวิญญาณดั้งเดิมออกเป็นสามส่วน
แต่เขากลับต้องอดทนการแยกและการผสานอย่างสมบูรณ์ถึงสามครั้ง หวังหลินต้องอดทนต่อความเจ็บปวดมหาศาลในแต่ละครั้งและต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมหาศาลในการผสานวิญญาณกลับเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดการแยกครั้งที่สอง
หลังการผสานในแต่ละครั้ง วิญญาณดั้งเดิมและร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก และเมื่อเขาอดทนจนครบสามครั้ง เขาก็จะรอดชีวิตจากหายนะครั้งนี้
ในหายนะนี้ไม่ทำให้เกิดความตาย กุญแจสำคัญคือเวลาในการอดทน ยิ่งอดทนนานเท่าใดยิ่งได้รับประโยชน์มหาศาลมากเท่านั้น
ความเจ็บปวดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะอดทนได้ แม้แต่คนในตระกูลราชวงศ์ก็ยังทนได้ไม่นาน คนส่วนใหญ่รอให้วิญญาณแยกขาดออกจากกันได้สมบูรณ์ไม่ไหวและมักจะเลือกผสานกลางทาง ทำให้โชควาสนาที่ได้รับแตกต่างกัน
‘ระหว่างการแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ จะสามารถเลือกผสานในตอนไหนก็ได้…’ หวังหลินมีดวงตาส่องสว่าง
นับตั้งแต่ยุคโบราณได้มีคนที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นด้วยเช่นกัน แต่ถึงแม้หายนะนี้จะไม่ทำให้ตาย หากทำให้วิญญาณดั้งเดิมสลายได้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถผสานกลับไปได้ ก็อาจทำให้เกิดการตายขึ้นได้!
ดังนั้นแม้ทางตระกูลราชวงศ์และผู้คนที่มีความตั้งใจได้เลือกเส้นทางนี้ หากลองก็คงแค่เสี่ยงเดิมพันในช่วงการแยกครั้งแรกเท่านั้น มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่กล้าเดิมพันชีวิตตัวเองระหว่างการแยกครั้งที่สอง
ยิ่งน้อยเข้าไปอีกที่มีคนเดิมพันครั้งที่สามและส่วนใหญ่ก็ตายเกือบหมด
ลือกันว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเพียงมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเท่านั้นที่ได้เลือกสลายอย่างสมบูรณ์และทำได้สำเร็จ
หากเอาหายนะที่สองมาเทียบกับหายนะที่สามคงไม่ถือว่าเป็นหายนะจริงๆ คำอวยพรแห่งบรรพชนโบราณแท้จริงแล้วเป็นรางวัลจากบรรพชนโบราณ
บางทีคงเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำ บางทีคงเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์ หรือบางทีอาจจะเป็นเศษโลหิตบรรพชนที่บริสุทธิ์ยิ่ง…และมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นโลหิตวิญญาณ…
อย่างไรก็ตามโอกาสอันน้อยนิดนั้นเป็นเพียงแค่ข่าวลือและเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังคิดขึ้นมา ต้องกล่าวว่าแม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ยังไม่ได้โลหิตวิญญาณระหว่างคำอวยพรบรรพชนโบราณเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามลือกันว่าสิ่งที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้มาเป็นสิ่งพิเศษ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร
หวังหลินสูดหายใจลึก ร่างกายเริ่มสั่นเทาและโลหิตเดือดพล่าน ความเจ็บปวดพวยพุ่งและผสานเข้ากับเสียงคำรามในใจ ผสานเข้าไปในพลังลึกลับที่ห่อหุ้มทั่วร่าง ขณะเดียวกันหวังหลินสัมผัสได้ชัดเจนว่าวิญญาณดั้งเดิมของเขากำลังเริ่มสัญญาณการแตกสลาย
‘ในที่สุด…มันก็เริ่ม!!’ หวังหลินพลันมองขึ้นไปด้วยสายตาสงบนิ่ง เขารอคอยวันนี้มาห้าสิบปี! เขาจะได้โลหิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ลี่มู่หวานเข้าไปในแดนเทพบรรกาลได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทุกอย่างนี้!
วิญญาณดั้งเดิมมีรอยแตกร้าวมากขึ้นและเกิดความเจ็บปวดเกินจินตนาการตามมา ทว่าระดับความเจ็บปวดนี้หวังหลินยังสามารถอดทนได้
แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
‘เพื่อให้ได้โลหิตวิญญาณมา ข้าต้องอดทนต่อหายนะที่สองเพื่อดูว่ามันจะไปสุดที่ตรงไหน!’ สายตาหวังหลินมีความเด็ดขาดและความมุ่งมั่น เขาหลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่ออดทนต่อหายนะ!
ตอนที่หวังหลินกำลังอยู่ในช่วงหายนะที่สอง ระลอกคลื่นวงกลมปรากฏขึ้นด้านนอกอารามบรรพชน ระลอกคลื่นเหล่านี้แผ่กระจายออกไปทั่วสารทิศและปกคลุมทั่วเมืองหลวงอาณาเขตฉีเกือบทั้งหมด
ปรากฎการณ์ประหลาดนี้ทำให้ทุกคนในอาณาเขตฉีให้ความสนใจทันที
“รูปปั้นบรรพชนโบราณกำลังปลดปล่อยวงแหวน มีคนกำลังเผชิญหายนะ!”
“จากวงแหวนทั้งเก้าแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นหายนะที่สองแห่งบททดสอบที่สาม นี่น่าจะเป็นแยกวิญญาณแรก! หากเป็นครั้งที่สอง จะเป็นวงแหวน 18 วง”
“น่าแปลกนัก อารามบรรพชนไม่เคยเปิดให้คนเข้าไปแม้แต่คนเดียว ผู้คนมักจะต้องรอจนกว่าราชวงศ์รวบรวมผู้ที่จะทดสอบได้หลายคนก่อนถึงจะเปิดอารามบรรพชน”
“แต่ที่ผ่านมาข้าไม่ได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้เลย”
“ข้าสงสัยจริงว่ามีกี่คนที่กำลังเผชิญหายนะและสามารถผ่านไปได้นานแค่ไหน ปกติแล้วมันจะจบลงในไม่กี่วันหรอก”
ผู้คนในอาณาเขตฉีไม่ประหลาดใจเรื่องวงแหวนบนรูปปั้นบรรพชน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคยเห็นมาก่อนและหลังจากมองดูไม่กี่ครั้งก็ไม่ให้ความสนใจอีก
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือตอนที่วงแหวนทั้งเก้าปรากฏขึ้น จักรพรรดิฉีและจี้ตูมองเข้ามากันอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ห้าสิบปี…ในที่สุดเขาก็เริ่มแยกวิญญาณครั้งแรก…ชักสงสัยเสียแล้วว่าเขาจะอดทนได้นานแค่ไหน ในอาณาเขตฉีมีบางคนใช้เวลาเป็นปีในการแยกครั้งแรกเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบ หวังหลินจะทำได้หรือไม่” จักรพรรดิฉีมองดูอยู่สักพัก จากนั้นจึงถอนสายตา
จี้ตูยืนอยู่ข้างประตูห้อง สายตามองออกไปไกล ภรรยาเขาอยู่ข้างๆ ต่างก็มองไปยังทิศทางนั้นเช่นกัน
“พ่อบุญธรรม…” จี้ตูพึมพำ ภรรยาเข้ามากุมมือและมองดูเขาอย่างอ่อนโยน
นาทีนี้เองบนภูเขาต้นกำเนิด ซ่งเทียนเดินออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ สองมือไพล่หลัง มองไปยังทิศที่มีเมืองหลวง
‘ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาแล้ว จะต้องเลือกแยกวิญญาณให้สมบูรณ์ในครั้งแรกแน่นอน ดังนั้นช่วงเวลาอดทนไม่น่าจะสั้นมาก…ช่างมันเถอะ ตอนที่เขาปิดด่านบ่มเพาะก่อนหน้านี้ ข้าได้ลงมือไปสองครั้ง แม้ต่อมาข้าได้ยอมรับจี้ตูเป็นจักรพรรดิ ข้าก็ไปล่วงเกินเขาก่อน…หลังจากเขามาถึงก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา…ข้าจะคุ้มกันเขาช่วงแยกวิญญาณครั้งแรกเป็นการตอบแทนก็ได้’ ซ่งเทียนทะยานขึ้นไปในอากาศและหายตัวไป เขาปรากฏตัวอยู่นอกอารามบรรพชนและนั่งโดยหันหลังไปทางอาราม
“ไม่อนุญาตให้เข้ามาอารามบรรพชนภายในระยะหมื่นฟุต ผู้บุกรุกจะต้องตาย!” ซ่งเทียนส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไป
หวังหลินกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของการแยกวิญญาณ พลันสัมผัสถึงการมาถึงของซ่งเทียนและคำพูดของเขา ดังนั้นจึงรู้ว่าซ่งเทียนมีเจตนาจะคุ้มกันเขา
หวังหลินสูดหายใจลึกและส่งข้อความสัมผัสวิญญาณให้ซ่งเทียน
“ขอบคุณมาก!”
“ไม่ต้องหรอก ข้าเพียงแค่คุ้มกันเจ้าช่วงแยกวิญญาณครั้งแรกเพื่อชดใช้ที่ข้าไปล่วงเกินเจ้า” ซ่งเทียนไม่ได้หันกลับมาแต่มองไปยังท้องฟ้า หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงหลับตาลง
ชั่วจังหวะที่หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณกลับมา ร่างกายเกิดการสั่นเทาและมองขึ้นไป แม้จะทุกข์ทรมานกับการแยกวิญญาณครั้งแรก แต่ต้องขอบคุณระดับบ่มเพาะตอนนี้จึงสามารถสัมผัสร่างหนึ่งที่กำลังมองเข้ามาได้
หวังหลินคุ้นเคยกับร่างนั้นเป็นอย่างดี
“อาจารย์…” หวังหลินพึมพำ เขารู้ว่าอาจารย์คงไม่ออกมาจากอาณาเขตเต๋าโดยไม่มีเหตุผล อาจารย์เขามาที่นี่เพราะต้องการปกป้องเขาตอนที่เขาอ่อนแอที่สุดในช่วงระหว่างการอดทนต่อหายนะ
ซวนลั่วอยู่ในท้องฟ้า สายตามองลงมาที่เมืองหลวงอาณาเขตฉีและรูปปั้นบรรพชนโบราณ เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลินเบาบางออกมาจากอารามบรรพชน
ทันใดนั้นใบหน้าเผยรอยยิ้ม สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
‘เจ้าแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ไปแล้ว สิ่งเดียวที่อาจารย์ทำได้คือคุ้มกันในช่วงที่เจ้าอ่อนแอ’
……………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น