Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2052-2053
ตอนที่ 2052 ต่อสู้กับซ่งเทียน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“หวังหลิน!! เป็นหวังหลินจริงๆ!!!” เสียงคำรามดังออกมาจากสำนักต้าวยี่และมีความโกรธเกรี้ยวออกมาจากน้ำเสียงนั้นด้วย
นอกจากความโกรธเกรี้ยวยังมีสัมผัสความหวาดกลัวและหวาดหวั่น หากพูดถึงการเผชิญหน้ากับหวังหลิน ต้าวยี่ไม่มีวันลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหวังหลวงของเผ่าเทพ ตอนนั้นหวังหลินทรงพลังอยู่แล้วและตอนนี้ได้เป็นมหาชั้นฟ้าอีก เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหวังหลินในตอนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน!
ตะวันมหาชั้นฟ้าดวงยักษ์ที่มีขนาดลำดับสองรองจากกุ้ยต้าวได้เผยความแข็งแกร่งของหวังหลินออกมาด้วย!
‘เขายังไม่ได้เข้าไปในแดนเทพบรรพกาล…กลับได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าจากความแข็งแกร่งของตัวเอง!!’ ในแคว้นทางทิศเหนือ หวู่เฟิงตกอยู่ในภวังค์พลางจ้องมองท้องฟ้าอยู่นาน
ภายในสำนักตะวันม่วง สองสาวน้อยเต็มไปด้วยความสุข ทั้งสองจับแขนกันพลางมองไปยังท้องฟ้า
“เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า…”
ณ ภูเขาจักรพรรดิในเมืองหลวง มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้มองไปยังทิศของเผ่าโบราณ จิตใจเต้นสั่น ใบหน้าซีดเซียวและไม่แน่ใจ
‘ตอนที่เขาอยู่ในวังหลวง ได้สร้างเค้าโครงดวงตะวันขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ได้ศีรษะบรรพชนเทพไป…ดวงตะวันดวงนี้มีสามสี ดำ ขาวและทอง สีทองน่าจะมาจากการผสานศีรษะบรรพชนเทพ…’
‘ปกติมันไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่ที่เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า แต่…เพียงแค่ร้อยปี เขาก็หลอมศีรษะบรรพชนเทพได้แล้ว!!’
‘และช่วงเวลาที่เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า…’ จิ่วตี้จิตใจสั่นเทา เขาเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงเรื่องวิญญาณ 72 ดวงเกิดความโกลาหล เขาคิดถึงสายตาจากก่อนหน้านี้และอดไม่ได้ที่จะเชื่อมกับหวังหลินในการเป็นมหาชั้นฟ้า
จิ่วตี้เผยความหวาดหวั่นและพึมพำกับตัวเอง “มันน่าจะ…เป็นไปไม่ได้!!”
ไฮ่จื่อนั่งอยู่มุมหนึ่งของภูเขาจักรพรรดิพลางมองบนท้องฟ้าด้วยสายตาอันซับซ้อนและเผยประกายแห่งความเข้าใจ
ทางด้านเมืองหลวง ใต้วังหลวงลงไป เหลียนต้าวเฟยผู้ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภูเขายังคงนิ่งงันไม่เคลื่อนไหว
ในเผ่าโบราณ เกิดความโกลาหลขึ้นในภูเขาต้นกำเนิดแห่งอาณาเขตฉี ซ่งเทียนมีสีหน้าขมขื่น แม้เขาจะเห็นแล้วตอนที่ส่งมารโบราณออกไปและเตรียมการเอาไว้ จิตใจยังคงสั่นไหวอยู่ดี
ณ เมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ซวนลั่วสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลิน รอยยิ้มประทับบนใบหน้า เขามีความสุขมากและหัวเราะเสียงดัง
ณ แคว้นหลัวจู้ บนท้องฟ้าเหนือพระราชวัง หวังหลินสะบัดแขนให้ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสามสีของเขาเลือนหายไป ทว่าเงาดวงตะวันมหาชั้นฟ้ายังคงอยู่ในท้องฟ้าไปตลอดกาลเป็นสัญลักษณ์ของเขาในการเป็นมหาชั้นฟ้า
โลกกลับคืนสู่ปกติพร้อมกับพลังแห่งกฎค่อยๆ เลือนหายไป ลำแสงหลายเส้นลอยออกมาจากพระราชวังและคนที่อยู่ข้างหน้าสุดคือองค์ชายจี้ตู
เขาระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ พลันคุกเข่าลงตอนที่หวังหลินอยู่ห่างไปหนึ่งพันฟุตและพูดออกมาเสียงดัง
“ยินดีด้วยพ่อบุญธรรม ท่านได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าแล้ว!!”
“ยินดีท่านหวัง!” เบื้องหลังจี้ตู น้องสาวและสามีของนางพูดขึ้นด้วยความเคารพ ทั้งหมดไม่สามารถซ่อนความตกตะลึงในดวงตาได้และคุกเข่าลงหนึ่งข้างเบื้องหน้าหวังหลิน
หากจี้ตูทำท่าทางเช่นนี้ ทั้งสองคนจึงต้องทำตาม
“เราขอคารวะท่านหวัง!” หลังจากทั้งสามคนพูดขึ้น เหล่าองครักษ์ทั้งหมดในวังจึงคุกเข่าลงหนึ่งข้างและโค้งให้แก่หวังหลิน
น้ำเสียงสอดประสานกันเป็นคลื่นเสียงดังกึกก้องทั่วราชวัง
หวังหลินลอยอยู่ในอากาศและมองดูผู้คน มองดูองค์ชายจี้ตูและคู่รักชายหญิงด้วยรอยยิ้ม เขาสงบนิ่งพลางมองมารโบราณที่แข็งค้างและก้าวเดินเข้าไปหา
หวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้ามารโบราณ ยกแขนซ้ายขึ้นมาชี้ใส่กลางหน้าผากของมัน มารโบราณตัวสั่นและเผยท่าทีเจ็บปวดรุนแรง ลำแสงสีดำสายหนึ่งลอยออกมาและหายเข้าไปในสายลม มารโบราณไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป จิตใจของมันฟื้นคืนกลับมา มันหันมองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวและคร่ำครวญ มันสามารถขยับได้อีกครั้งจึงได้คุกเข่าลงและก้มศีรษะให้หวังหลิน
“จี้ตู ข้าจะพาเจ้าไปเจอซ่งเทียน!” หวังหลินก้าวไปบนศีรษะมารโบราณและมองมาที่จี้ตู
จี้ตูร่างสั่นเทาและหันขึ้นมามองทันที เขามิอาจระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้พลางมองหวังหลินและเผยความขอบคุณ
“ขอบคุณพ่อบุญธรรมที่ช่วยเหลือ!!” จี้ตูสูดหายใจลึกและทะยานมาถึงศีรษะมารโบราณ เขายืนอยู่ด้านหวังหลินอย่างเคารพ แผ่นหลังนี้ไม่ใหญ่แต่รู้สึกเหมือนขุนเขา ตราบใดที่เขามีแผ่นหลังนี้ช่วยเหลือ เขาก็จะกลายเป็นจักรพรรดิฉีได้!!
มารโบราณตัวยักษ์ไม่จำเป็นต้องให้หวังหลินออกคำสั่ง มันส่งเสียงร้องพลางพาหวังหลินและจี้ตูข้ามทะยานผ่านรอยแยกไป
เมื่อมันหายไป รอยแยกในท้องฟ้าค่อยๆ ปิดลงจนกลายเป็นเส้นสีขาวและหายไปเช่นกัน
ด้านนอกภูเขาต้นกำเนิดในอาณาเขตฉี เมื่อหวังหลินลบล้างสัมผัสวิญญาณที่อยู่บนมารโบราณ ซ่งเทียนเกิดอาการสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแต่ก็ฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว
เขาถือขวานสงครามขนาดยักษ์ไว้ในมือด้วยใบหน้ามืดมน สายตามองบนท้องฟ้า ลมหายใจกระชั้นชิด รู้ว่าสิ่งที่เขาทำจะทำให้หวังหลินมาที่นี่
‘แม้ข้าไม่ได้ลงมือทดสอบหวังหลินก่อนหน้านี้ เขาก็ยังมาที่นี่เพื่อสั่งให้จี้ตูเป็นจักรพรรดิคนถัดไปอยู่ดี!’ ซ่งเทียนถอนหายใจ เขาไม่มั่นใจในใจการเอาชนะเลย แต่ในฐานะมหาชั้นฟ้า เขาจะไม่ยอมแพ้ถ้าไม่ได้ต่อสู้!
บนภูเขาต้นกำเนิด พลันมีเสียงดังสนั่นกึกก้องและมีหมอกควันโอบล้อมภูเขา คล้ายกับมีกองทัพขนาดใหญ่อยู่ภายในกำลังเปล่งจิตสังหารอันทรงพลัง
‘ด้วยค่ายกลต้นกำเนิดและขวานสงครามที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวมอบให้ แม้เขาจะมีพลังในการควบคุมกฎ ข้าก็ยังพอสู้ได้บ้าง!’ ซ่งเทียนสูดหายใจลึกและรอคอยการมาถึงของหวังหลินอย่างใจเย็น
ฉีหมานที่อยู่ด้านหลังมีท่าทีขมขื่นและขบคิดอย่างเงียบๆ
พริบตาเดียวเวลาหนึ่งก้านธูปก็ได้ผ่านไป มีเสียงดังสนั่นกึกก้องออกมาจากท้องฟ้า ปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่ฉีกขึ้นมา ควันสีดำรั่วไหลออกมาจำนวนมากและมีมารโบราณโผล่ขึ้นมา
บนศีรษะมันมีคนสองคนยืนอยู่ นั่นคือหวังหลินและจี้ตู!
ซ่งเทียนหันมามองหวังหลินทันที ขณะเดียวกันสายตาของฉีหมานก็สบสายตากับจี้ตู
ซ่งเทียนสะบัดแขนและพูดอย่างเย็นเยียบ “หวังหลิน!!”
หวังหลินยิ้มพลางคำนับฝ่ามือ “ขอคารวะ ท่านซ่ง”
“ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม เรามาสู้กัน หากเจ้าชนะ ข้าจะให้จี้ตูเป็นจักรพรรดิคนถัดไปในอีกร้อยปี!” ซ่งเทียนถอนหายใจ เขาไม่พูดว่าถ้าเขาชนะจะให้ทำอะไร เขาสะบัดแขนซ้ายให้กองทัพในสายหมอกรอบภูเขาส่งเสียงคำรามดุดันและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
ขณะเดียวกันซ่งเทียนคว้าจับขวานและฟาดฟันใส่หวังหลิน!
มหาชั้นฟ้าซ่งเทียนแข็งแกร่งกว่าต้าวยี่ ทรงพลังเท่าหวู่เฟิง หากหวังหลินต้องต่อสู้กับซ่งเทียนเมื่อร้อยปีก่อน ชัยชนะคงไม่แน่นอน เขาคงต้องใช้พลังทั้งหมดยกเว้นร่างอวตารในมิติว่างเข้าต่อสู้
แต่ตอนนี้…
หวังหลินเผชิญหน้ากับกองทัพมากมายและขวานแยกสวรรค์ด้วยท่าทีสงบนิ่ง หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาและชี้ออกไปสามครั้ง
เพียงชี้ไปครั้งแรก เสียงดังสนั่นออกมาจากกองทัพที่กำลังพุ่งหาหวังหลิน กองทัพได้หายไปราวกับฟองน้ำ ดุจชนเข้ากับม่านที่มองไม่เห็น
นี่คือสิ่งที่ฉีหมานและจี้ตูเห็น แต่ในสาสยตาของซ่งเทียน เขาเห็นกฎแห่งโลกปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากองทัพ
หลังจากกองทัพหายไป การชี้ครั้งที่สองของหวังหลินได้ทำให้หมอกควันรอบภูเขาแตกสลายไปกลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนและจางหายไป ทั่วทั้งภูเขาสั่นไหว เหล่าคนทรงพลังของอาณาเขตฉีที่ทำการเปิดใช้งานค่ายกลอยู่ถึงกับกระอักโลหิตออกมาทั้งหมดและร่างกายอ่อนแอ
ซ่งเทียนรู้สึกหนังศีรษะด้านชาแต่อดทนและเผยสายตาเยือกเย็น เขายังคงถือขวานสงครามและฟันลงใส่หวังหลิน
นาทีนั้นหวังหลินชี้เป็นครั้งที่สาม
กำปั้นลวงตาปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้าซ่งเทียน กำปั้นนี้ประกอบไปด้วยเส้นเบาบางที่เป็นตัวแทนของกฎแห่งโลก เข้าปะทะกับขวานของซ่งเทียน
เกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้อง ขวานในมือแตกออกทีละนิ้วก่อนจะแตกสลายเป็นเศษละอองนับไม่ถ้วนตกลงบนพื้น กำปั้นแห่งกฎก็สั่นเทาเช่นกันและถูกแบ่งออกเป็นครึ่ง
ซ่งเทียนกระอักโลหิตและถอยร่นไปพันฟุตจนกระทั่งร่อนลงบนภูเขาต้นกำเนิด ทั้งภูเขาสั่นเทาและเกิดรอยแตกร้าว
มือขวาหวังหลินหยุดกึก บนนิ้วมือปรากฏอักขระสีขาวแต่ก็ไม่ได้ทำร้ายผิวให้แตก
‘ขวานสงครามมีกฎแฝงเอาไว้…’ หวังหลินมองเศษเสี้ยวขวานสงครามจากระยะไกล สองมือยื่นออกมา เศษเสี้ยวลอยเข้าหาหวังหลินและผสานกันกลายเป็นขวานสงครามที่สมบูรณ์
“เจ้ายังต้องการต่อสู้อีกหรือไม่?” หวังหลินส่งสายตาไปยังซ่งเทียน
“ทำไมจะไม่สู้!?” ซ่งเทียนหัวเราะและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า พลันยกแขนขวาขึ้นมาและยื่นเข้าใส่ภูเขาต้นกำเนิดด้านล่าง
ทั่วทั้งภูเขาสั่นเทาและดูเหมือนลอยขึ้นมา คล้ายกับถูกซ่งเทียนยกขึ้นไปบนฟ้า!
ลำแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากภูเขา พวกเขาคือคนที่อาศัยอยู่บนภูเขา รวมถึงฉีหมานที่มองดูทุกอย่างด้วยความหวาดกลัว
ลำแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากวังหลวงและมุ่งหน้าเข้ามาที่นี่!
………………………………………………………….
ตอนที่ 2053 ช่วยให้สำเร็จ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินมองเห็นซ่งเทียนยกภูเขาต้นกำเนิดขึ้นมาในท้องฟ้า พื้นดินสั่นสะเทือนและมีแสงสีดำถูกปลดปล่อยออกมามากมาย
เขามองเข้ามาดูสีหน้าทุกคนด้วยความสงบนิ่ง
ภูเขายกสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลอยสูงเหนือศีรษะซ่งเทียน เขายกแขนขวาขึ้นราวกับกำลังแบกภูเขาเอาไว้
“หวังหลิน หากเจ้าสามารถต้านทานพลังอำนาจของภูเขาต้นกำเนิดนี้ได้ เมื่อนั้นข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้!” ซ่งเทียนปล่อยเสียงคำราม สะบัดแขนขวาให้ภูเขาต้นกำเนิดกระแทกลงใส่หวังหลิน
“ภูเขาลูกนี้ถูกเรียกว่าภูเขาต้นกำเนิด มันเป็นภูเขาลูกแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในอาณาเขตฉีและอยู่ที่นี่มานาน ตลอดมาขนาดของมันไม่เปลี่ยนไปเลย ข้ารู้แจ้งเต๋าและกลายเป็นมหาชั้นฟ้าที่นี่ หลังจากข้าหลอมภูเขาได้ ข้าก็สามารถปลดปล่อยพลังกดขี่ของมันได้”
“หวังหลิน รับการโจมตีนี้ซะ!”
ภูเขาส่งเสียงดังสนั่นและมีแรงกดขี่เข้าห่อหุ้มบริเวณในทันที ภูเขาลูกนี้แปลกประหลาดมาก หวังหลินมองเห็นพลังแห่งกฎถูกภูเขานี้ผลักออกไปอย่างชัดเจน พลังอันลึกลับได้แบ่งแยกกฎออกมาราวกับภูเขาลูกนี้และกฎแห่งโลกไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายเจิดจ้า เสื้อผ้าและเรือนผมสีขาวกำลังพัดพริ้วอยู่ในสายลม เขามองดูภูเขาที่กำลังเข้ามาใกล้และโยนกำปั้นออกไป
กำปั้นชกใส่ความว่างเปล่า พลังสายหนึ่งเข้าปะทะกับภูเขาที่ห่างออกไปพันฟุต เสียงดังสนั่นกึกก้องและความเร็วของภูเขาก็ลดลงอย่างมหาศาล แต่มันยังคงใกล้เข้ามา
กำปั้นของหวังหลินสั่นไหวและแตกกระจายหลังจากปะทะกับภูเขา ขณะเดียวกันแรงกดดันทรงพลังทุ่มเข้าใส่หวังหลิน มิติที่เขาอยู่จึงแยกออก คล้ายกับบริเวณรอบตัวถูกแยกออกจากโลกอย่างสิ้นเชิง
‘น่าสนใจ!’ หวังหลินยิ้มบาง พลังกดขี่ของภูเขาต้นกำเนิดคล้ายกับดัชนีบรรพชนโบราณ ทว่าดัชนีบรรพชนโบราณเป็นการแยกพื้นที่ให้กลายเป็นโลกของมันเองเพื่อทำลายศัตรู ภูเขาต้นกำเนิดได้แยกพื้นที่ให้เป็นโลกของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูหนีและข่มเอาไว้
หวังหลินมองภูเขาที่ใกล้เข้ามาและพึมพำกับตัวเอง “สมกับเป็นมหาชั้นฟ้าจริงๆ ไม่มีใครในมหาชั้นฟ้าทั้งเก้าคนที่อ่อนแอ แต่ละคนต่างก็มีวิชาของตัวเอง!”
“ตัวอย่างก็คือภูเขาต้นกำเนิดของซ่งเทียนที่สามารถต่อต้านกฎและสร้างผลลัพธ์แบบเดียวกับการสร้างโลกของตัวเองเหมือนดัชนีบรรพชนโบราณ แม้จะไม่ใช่วิชาแห่งศรัทธา มันก็น่าภาคภูมิใจ”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกกลัวได้นอกเหนือจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว มหาชั้นฟ้าคนอื่นไม่เป็นภัยคุกคามต่อหวังหลินเลย แม้ภูเขาต้นกำเนิดจะมีความพิเศษ แต่มันก็ธรรมดา
หวังหลินยกแขนขึ้นมาชี้ใส่ภูเขาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
การชี้ครั้งนี้คือดัชนีบรรพชนโบราณ
เพียงเท่านี้โลกก็เปลี่ยนสีสัน ก้อนเมฆกระจัดกระจาย มิติที่ถูกภูเขาแยกออกมาเกิดเสียงดังสนั่นและเกิดรอยแตกร้าวรอบตัวหวังหลินนับไม่ถ้วน รอยแตกร้าวยืดยาวออกไปราวกับมิติรอบตัวเขากำลังพังทลายและไม่สามารถต้านทานพลังได้อีกต่อไป
หลังจากหวังหลินชี้ไปที่ภูเขา มันก็หยุดลงและเกิดเสียงดังสนั่น แม้จะสั่นเทาต่อไปแต่ก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้อีกแล้ว
เพียงเท่านั้นมิติที่ขังหวังหลินเอาไว้จึงพังทลาย หวังหลินก้าวออกมามองดูซ่งเทียน
“ต้องการสู้อีกหรือไม่?”
ซ่งเทียนเผยใบหน้าขมขื่นแต่ก็กัดฟันแน่น เขากระโดดขึ้นไปบนภูเขาต้นกำเนิด กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมาเปลี่ยนกลายเป็นหมอกโลหิตให้ภูเขาดูดซับ พร้อมกับนั่งลง สองมือสร้างผนึกพลางส่งเสียงคำราม
“พลังกดขี่ดั้งเดิม!”
ภูเขาต้นกำเนิดส่งเสียงดังสนั่นขึ้นมา มันได้รับอิสระและตกลงใส่หวังหลินอีกครั้ง
หวังหลินส่ายศีรษะและเคลื่อนไหว ก่อนที่จะรอให้ภูเขาตกลงมา เขาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าภูเขาและประทับฝ่ามือขวาเข้าต่อต้าน
จังหวะที่ฝ่ามือร่อนลงไป ภูเขาเกิดอาการสั่นไหว ซ่งเทียนกระอักโลหิตอีกครั้ง กระเด็นถอยไปหลายก้าวก่อนจะประคองตัวเองให้หยุดลงได้
นาทีนี้ลำแสงจากเมืองหลวงอาณาเขตฉีก็ได้มาถึง เผยเป็นร่างของคนหลายสิบคน คนที่อยู่หน้าสุดเป็นชายชราชุดคลุมสูงศักดิ์ เมื่อเขามองมาที่หวังหลิน สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไป
หวังหลินไม่ได้หันไปมองคนที่มาถึง เขาสะบัดแขนตามหลังซ่งเทียนที่กระเด็นกลับไป ภูเขาต้นกำเนิดได้ทำการหมุนและหดตัวลงจนเหลือขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นลอยเข้าไปในมือขวาของหวังหลิน
หลังจากภูเขาหดลง มันดูเหมือนศีรษะกระทิงและเขาที่แตกหักได้กลับคืนสู่ปกติ
เมื่อซ่งเทียนเห็นเช่นนี้เขาพยายามถอยกลับมาและใบหน้าซีดเผือด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีมหาชั้นฟ้าในอาณาเขตฉีที่สามารถหดภูเขาให้ถึงระดับนี้ได้
แต่สำหรับหวังหลินเขาไม่ต้องหลอมมันก็ทำได้แล้ว ทั้งยังดูเหมือนหวังหลินสามารถบังคับได้ตามต้องการ ซ่งเทียนรู้สึกขมขื่นในใจพลางถอนหายใจและล้มเลิกการต่อต้าน เขาคำนับฝ่ามือและโค้งให้แก่หวังหลิน
“ข้า…ยอมรับความพ่ายแพ้!” ซ่งเทียนกล่าวออกมา จากนั้นหันกลับไปมองคนที่มาถึง ทุกคนล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์ครั้งนี้
“ในฐานะองครักษ์ของอาณาเขตฉีและเป็นมหาชั้นฟ้า ข้ายอมรับให้องค์ชายจี้ตูเป็นจักรพรรดิคนใหม่ในอีกร้อยปี!” ซ่งเทียนกล่าวขึ้น จากนั้นสายตาส่งไปที่ชายชราในชุดคลุมสูงศักดิ์
ชายชราคือจักรพรรดิฉีคนปัจจุบัน เขาลังเลเล็กน้อยและดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอมองดูหวังหลินจึงเงียบไป คำนับฝ่ามือให้ซ่งเทียนและพยักหน้ารับ
องค์ชายจี้ตูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เรื่องทั้งหมดเหมือนฝันไป สิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดกลับได้รับมาอย่างง่ายดายทำให้เขาตะลึงงัน อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากนั้นชั่วครู่จึงสูดหายใจลึกและก้าวออกไปเบื้องหน้าทุกคน
เขาลังเลชั่วขณะและไม่ได้ขอบคุณซ่งเทียนหรือพระบิดา แต่เขาหันกลับมาและคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลินซึ่งอยู่ด้านหน้าซ่งเทียน จักรพรรดิฉีและผู้คนทรงพลังอีกหลายคนในอาณาเขตฉี
“ขอบคุณพ่อบุญธรรม ที่ช่วยเหลือ!”
การคุกเข่าและประโยคนี้ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปและมองดูด้วยสายตาไม่เชื่อ
ในเผ่าโบราณ ที่ใดที่มีพลังอำนาจราชวงศ์ ที่แห่งนั้นถืออำนาจอยู่สูงสุด องค์ชายที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นจักรพรรดิในอนาคตกลับคุกเข่าและยอมรับคนอื่นเป็นพ่อบุญธรรม!!
เรื่องแบบนี้เกินกว่าที่ทุกคนคาดคิดและเกิดความโกลาหล
“จี้ตู เจ้ากำลังทำอะไร!?” คนแรกที่พูดขึ้นมาคือชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างจักรพรรดิฉี เขาคือรัชทายาท!
เดิมทีฉีหมานรู้สึกไม่ยินยอมแต่เขาก็ไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนมันได้ ทว่าตอนนี้เขามีดวงตาส่องสว่าง
“จี้ตู ในฐานะองค์ชาย เจ้ายอมรับใครให้เป็นพ่อบุญธรรมของเจ้าอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร!? เจ้าจะเป็นจักรพรรดิฉีในอนาคต เจ้าไปคุกเข่าต่อหน้ามหาชั้นฟ้าอาณาเขตเต๋าได้อย่างไร?!”
จักรพรรดิฉียังคงขบคิด เขามองลูกชายของตัวเองที่กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลินโดยไม่อาจซ่อนความมืดมนในดวงตาไปได้
เสียงคำรามรอบด้านทำให้ใบหน้าจี้ตูซีดลงเล็กน้อย แต่เขามองหวังหลินด้วยสายตามุ่งมั่น เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อพ่อบุญธรรมว่าถึงแม้เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิฉี หวังหลินก็ยังเป็นพ่อบุญธรรมของเขา!
หวังหลินมองมาที่จี้ตูด้วยเช่นกัน เขาไม่คิดว่าจี้ตูจะกล้าทำเรื่องแบบนี้เบื้องหน้าตนเอง เบื้องหน้าพี่น้องและสหายร่วมอาณาเขต
จี้ตูได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหวังหลิน ด้วยวิธีนี้หนทางในการเป็นจักรพรรดิก็จะลื่นไหล แต่ถึงจะมีเรื่องปรับเปลี่ยนไปบ้าง มันก็เข้าที่เข้าทางแล้ว
ความโกลาหลกำลังปั่นป่วนยิ่งขึ้น แต่ซ่งเทียนไม่ได้พูดอะไรและจักรพรรดิฉีก็เงียบเช่นกัน มีเพียงสายตาที่มืดมน
หวังหลินเอ่ยขึ้นช้าๆ “จี้ตู ข้ารับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม!”
จี้ตูสูดหายใจลึก ก่อนหน้านี้หวังหลินไม่เคยยอมรับเขาและเป็นแค่เขาที่เรียกหวังหลินว่าพ่อบุญธรรม พอเขาได้ยินหวังหลินพูดเช่นนี้ จี้ตูจึงโค้งอีกครั้ง
“อีกร้อยปี เจ้าจะได้กลายเป็นจักรพรรดิฉี!” หวังหลินไม่ได้มองดูฝูงชนแต่มองเมืองหลวงอาณาเขตฉี เขามองเห็นรูปปั้นสูงตระหง่านของบรรพชนโบราณ
ที่นั่นคือที่ตั้งของอารามบรรพชน
รัชทายาทและฉีหมานมีใบหน้าซีดและดูเหมือนต้องการพูด จักรพรรดิฉีเองดูเหมือนเข้าใจบางอย่างได้จึงถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาเป็นครั้งแรก
“การที่ลูกของข้าได้มีพ่อบุญธรรมแบบท่านหวังถือเป็นโชควาสนาของเขาและเป็นเกียรติแก่อาณาเขตฉี ข้าไม่ใช่จักรพรรดิเต๋า ดังนั้นจึงไม่อาจบังคับให้ท่านหวังไปไหน เพียงแต่หากเกิดหายนะขึ้นในอาณาเขตฉี…”
“ข้าขอให้ท่านหวังอยู่ในอาณาเขตฉี หากท่านมีคำขออันใด ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ท่านพึงพอใจ!” ชายชราชุดคลุมสูงศักดิ์คำนับฝ่ามือและโค้งให้หวังหลิน
คราวนี้เป็นซ่งเทียนที่ยิ้มและพูดกับหวังหลิน “หากพี่หวังไม่มีแผนจะไปอยู่ที่ไหน ขอจงพักอยู่ที่นี่และเป็นสักขีพยานเห็นจี้ตูกลายเป็นจักรพรรดิในอีกร้อยปีจะว่าอย่างไร?”
องค์ชายจี้ตูลุกขึ้นและกล่าวกับจักรพรรดิฉีด้วยความเคารพ “ท่านพ่อ ท่านพ่อบุญธรรมต้องการเข้าไปอารามบรรพชนและลูกตกลงแล้ว แต่แค่อยากขอคำอนุญาตจากท่านพ่อ”
ชายชรายิ้มและพูดอย่างไม่ลังเล “อารามบรรพชน? หากท่านหวังต้องการไป ข้าก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!” เขาไม่กล้าขัดหรือมีข้อคิดเห็นอันใดเกี่ยวกับที่จี้ตูให้คนผู้นี้เป็นพ่อบุญธรรม
ท่านหวังผู้นี้สังหารจักรพรรดิเต๋าและบุกเข้าไปในวังหลวง ทั้งยังออกมาได้ด้วยตัวเอง แม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ไม่พูดอะไรสักคำ เขาเองยังเห็นว่าแม้แต่มหาชั้นฟ้าซ่งเทียนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วจะไปกล้าขัดหวังหลินได้อย่างไร?
พลังอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ไม่มีผลอะไรกับคนแบบนี้อยู่แล้ว
…………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น