Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2050-2051
ตอนที่ 2050 ดำ ขาว ทอง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอหวังหลินลืมตาขึ้นมาในห้องลับ ร่างที่ปกคลุมด้วยสายหมอกบนยอดเขากุ้ยต้าวพลันถอนหายใจ
“เหลือ…สี่ร้อยปี…”
ณ เผ่าเทพ วิญญาณ 72 ดวงสงบลงหลังจากวิงวอนไปยังท้องฟ้า เพียงแต่มีแค่มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น จิตใจกระวนกระวาย เขามองท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัวอยู่สักพัก
ทั้งชีวิตเขาใฝ่หาขอบเขตในตำนานนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถข้ามไปถึงได้
‘ที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นมหาชั้นฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดต้องเป็นเพราะเขาก้าวไปถึงขั้นนั้น!! ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดข้าจะไปถึงขั้นนั้นได้บ้าง…’ จิ่วตี้สงบเงียบและมีสีหน้าซับซ้อนก่อนจะถอนหายใจยาว
บนภูเขาจักรพรรดิ ไฮ่จื่อยืนอยู่บนยอดเขาด้วยชุดราตรีสีขาว เสื้อผ้าเริงระบำไปกับสายลม แววตาเกิดความลังเลและสับสน
ระหว่างการทำนายที่ผ่านมา นางสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย นางไม่ได้บอกจี้ตูเรื่องนี้แม้จะรู้สึกว่าเป็นแค่ภาพมายา
ในเผ่าโบราณ บนภูเขาต้นกำเนิด ด้านนอกเมืองหลวงอาณาเขตฉี มหาชั้นฟ้าซ่งเทียนมีใบหน้าซีดเผือด เขามองออกไปไกลด้วยสายตาซับซ้อนและไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“อา…อาจารย์…” ฉีหมานมีน้ำเสียงลังเลอยู่ข้างหลัง
“หุบปาก!” ซ่งเทียนไม่ได้หันกลับมาและขัดคำพูดของฉีหมาน ตอนนี้เขาไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น เขาต้องคิดว่าความปั่นป่วนใน 36 แคว้นที่เกี่ยวข้องกับหวังหลินมันเป็นเรื่องอะไร
แม้ไม่คิดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกันแต่ก็มีโอกาสเล็กน้อยที่จะเป็นหวังหลิน หากเป็นเช่นนั้นเขาคงต้องเปลี่ยนวิธีการคิดเสียใหม่
‘ช่างมันเถอะ ข้าจะไปเจอเขาและรู้ให้ได้!’ นาทีต่อมาซ่งเทียนมีแววตาเป็นประกายและยกแขนขวาขึ้นชี้ไปบนท้องฟ้า ส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง พลังรวมตัวจากทุกทิศทาง เมื่อก้อนเมฆแตกสลายจึงมีรอยแยกขนาดใหญ่เปิดขึ้นในท้องฟ้า
ศีรษะขนาดใหญ่ข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากรอยแยก มันเป็นสีเขียวและมีสองเขา มันคือมารโบราณ!
ควันสีดำจำนวนมากห่อหุ้มรอบมารโบราณและมันส่งเสียงคำราม กรงเล็บสองข้างโผล่ออกมาจากรอยแยกเพื่อฉีกเปิดรอยแยกให้กว้างขึ้นเพื่อให้ทั้งร่างก้าวออกมา
ร่างกายของมันสูงหนึ่งแสนฟุต หลังจากก้าวออกมาจึงส่งเสียงคำรามก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าซ่งเทียน
ซ่งเทียนจ้องมองมารโบราณเบื้องหน้าด้วยแววตาเปล่งประกาย ยกแขนซ้ายขึ้นสัมผัสกับหน้าผากตัวเองและยิงลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเข้าไปยังมารโบราณ แสงสีเขียวหายวับไปตรงกลางหน้าผากของมัน
ซ่งเทียนหลับตานั่งลงแต่ดวงตาของมารโบราณเผยแสงมหึมา มันมีท่าทีมืดมนพลางกลับเข้าไปในรอยแยกและเลือนหายไป
จังหวะที่มารโบราณหายไป หวังหลินปล่อยหายใจยาวอยู่ในแคว้นหลัวจู้ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หลังจากตรวจสอบระดับบ่มเพาะของร่างกาย เขาจึงขมวดคิ้วในเวลาต่อมา
หวังหลินบอกไม่ได้ว่าตัวเขาในตอนนี้มีระดับบ่มเพาะอะไร เขาข้ามผ่านวิบากดับสูญระดับสูงสุดไปแล้วแต่ยังไม่ใช่มหาชั้นฟ้า เขารู้สึกเหมือนมหาชั้นฟ้าอยู่ห่างจากเขาเพียงครึ่งขั้น
ครึ่งขั้นนี้ดูเหมือนสั้นแต่ความจริงเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ข้ามผ่านได้ยากมาก
‘ครึ่งทางสู่ย่ำสวรรค์…’ หวังหลินลูบคางและมองดูวิญญาณจักรพรรดิเทพที่กำลังหลอมอยู่ในเพลิงวิญญาณของเขามาร้อยปีแล้ว คำสาปบรรพชนยังคงอยู่แต่เขาพบว่าถ้าหลอมด้วยระดับบ่มเพาะก่อนหน้านี้คงเป็นไปได้ยาก
นาทีนี้หวังหลินแววตาส่องสว่าง ยกแขนขวาขึ้นมายื่นจับไปที่วิญญาณจักรพรรดิเทพ เพลิงวิญญาณหายไป เหลือทิ้งไว้แค่วิญญาณ
หวังหลินมองดวงวิญญาณด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาเกิดภาพเลือนลางว่าไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักก็สามารถลบล้างคำสาปบรรพชนไปได้ง่ายๆ
ซึ่งเป็นเพราะไม่ได้มีคำสาปเหลืออยู่มากนักและยังถูกแบ่งไปให้จิ่วตี้กับคนอื่นไปด้วย อีกทั้งหวังหลินหลอมด้วยเพลิงวิญญาณมาร้อยปี ทว่าหากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงต้องใช้เวลาอีกร้อยปีเพื่อขับไล่มันออกไปได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยสายตาประหลาดของหวังหลิน นิ้วชี้ซ้ายได้แทงใส่วิญญาณและสัมผัสกับควันสีเทาข้างใน
หวังหลินกระซิบเบาๆ “สลาย”
เพียงเอ่ยคำเดียว ภายในห้องลับเกิดการบิดเบือนและมีเส้นนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบนิ้วชี้ของหวังหลิน เส้นมากมายได้เข้าสู่ควันสีเทาที่อยู่ในวิญญาณจักรพรรดิเทพ
กลุ่มก้อนสีเทาเกิดอาการสั่นเทาและจากนั้นสูญสลายไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไม่มีอะไรเหลืออยู่
หลังจากถอนคำสาปบรรพชนส่วนเล็กๆ ไปได้อย่างง่ายดาย หวังหลินมีแววตาเจิดจ้ายิ่งขึ้น ตอนนี้คำสาปได้หายไปแล้ว เปลือกตาของจักรพรรดิเทพกำลังสั่นเทาราวกับกำลังลืมตาตื่น
หวังหลินไม่ได้ทำอะไรนักแต่เฝ้าดูวิญญาณจักรพรรดิลืมตาขึ้นมา หลังจากเกิดความสับสนไปชั่วครู่ สายตาพลันเปลี่ยนเป็นมีสติและความเกลียดชัง
“หวังหลิน!” สัมผัสวิญญาณหนึ่งพุ่งเข้าหาหวังหลิน แต่สำหรับหวังหลินแล้วสัมผัสวิญญาณนี้ช่างเล็กน้อยเหลือเกิน
พอเห็นว่าหวังหลินไม่ได้รับผลกระทบเลย จักรพรรดิเทพจึงตกตะลึง หวังหลินบีบมือขวาในทันที
เพียงเท่านี้พลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าสู่วิญญาณจักรพรรดิเทพและจากนั้นเกิดเสียงดังปัง จักรพรรดิเทพตายอย่างสมบูรณ์ วิญญาณเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มก้อนและกำลังสูญสลาย แววตาหวังหลินเปล่งประกายและยื่นแขนซ้ายออกไปในอากาศ ศีรษะขนาดยักษ์หนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในห้องลับ
มันคือศีรษะบรรพชนเทพและมีแสงสีทองหนาแน่นกระจัดกระจายทำให้ทั่วบริเวณเปลี่ยนสีสันและมีพลังปราณสวรรค์เต็มไปทั่วห้อง
“ใช้วิญญาณเป็นเครื่องนำทาง ผสาน!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ วิญญาณจักรพรรดิเทพแบ่งออกเป็นเจ็ดสายทะยานเข้าสู่ศีรษะของบรรพชนเทพ
ทั้งเจ็ดสายเข้าสู่รูทวารทั้งเจ็ดแห่ง!
หวังหลินพลันยืนขึ้นและก้าวเดินออกจากห้องลับเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี เขายืนอยู่บนศีรษะบรรพชนเทพและสะบัดใส่ท้องฟ้า
ปรากฏดวงอาทิตย์ขนาดยักษ์ขึ้นด้านหลังศีรษะบรรพชนเทพ ดวงอาทิตย์เป็นสีขาวและดำ มันเป็นเพียงเค้าโครงที่ค่อนข้างเป็นรูปร่างเหมือนตะวันมหาชั้นฟ้าจริงๆ
‘ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าก่อนหน้านี้ ข้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่ตอนนี้ข้าน่าจะทำได้ ยิ่งมีวิญญาณของเหลียนต้าวเจินเป็นเครื่องนำทาง ข้าสามารถผสานศีรษะบรรพชนเทพเข้ากับดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของข้าได้ ด้วยสิ่งนี้ดวงตะวันของข้าก็จะก่อเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์!’ หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายและใช้ฝ่ามือสร้างผนึก แสงสีเขียวตามเส้นวิญญาณเจ็ดสายเข้าไปในรูขุมขนทั้งเจ็ดของบรรพชนเทพ ทำให้ศีรษะเกิดการสั่นสะเทือน
นาทีนี้ท้องฟ้ามืดมน แรงกดดันทรงพลังทุ่มลงมาห่อหุ้มทั่วบริเวณ แม้จะดูห่างไกลแต่กลับรู้สึกชัดเจน
หวังหลินสร้างผนึกต่อไป ศีรษะบรรพชนเทพสั่นเทาอย่างรุนแรงและเกิดรอยแตกร้าวละเอียดแผ่กระจายไปทั่วศีรษะ ทว่ามันกลับไม่มีสัญญาณการพังทลายหรือการหล่อหลอม
หวังหลินอ้าปากพ่นเพลิงสีเขียวออกมาหนึ่งคำ เปลวเพลิงเผาไหม้ศีรษะบรรพชนเทพ จากนั้นในที่สุดศีรษะก็เผยสัญญาณการละลาย
วินาทีที่มันเริ่มละลาย ดวงตะวันสีขาวและดำด้านหลังหวังหลินจึงห่อหุ้มศีรษะ มันส่องสว่างเจิดจ้าและเริ่มดูดซับอย่างรวดเร็ว
ทว่าความเร็วของการละลายยังช้ามาก เพียงเวลาผ่านไปมันก็มีทีท่าว่ากำลังหยุด
“สมควรแล้วที่เป็นบรรพชนเทพผู้ก้าวข้ามผ่านสะพานย่ำสวรรค์แห่งที่แปด แม้จะตายไปนานแล้วแต่ศีรษะก็ยังหลอมได้ยากยิ่ง…” หวังหลินพึมพำ เขาคิดใคร่ครวญว่าใครเป็นคนสังหารบรรพชนเทพแต่ก็ไม่พบเบาะแส
“แต่ท้ายที่สุด นี่เป็นเพียงแค่ศีรษะ” หวังหลินยกแขนขึ้นมายื่นออกไปในความว่างเปล่า ท้องฟ้ามืดมนเปลี่ยนสีสันและมีเส้นเบาบางปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ แม้จะเป็นมหาชั้นฟ้าก็ยังสัมผัสได้เลือนลาง
มีเพียงคนที่ได้ก้าวเข้าสู่สะพานย่ำสวรรค์แห่งแรกเท่านั้นจึงจะสามารถแยกพวกมันออกมาจากโลกและใช้งานได้
หวังหลินมีแววตาส่องสว่างและพึมพำกับตัวเอง “มิน่าเล่าที่มีข่าวลือว่ามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวสามารถสังหารมหาชั้นฟ้าคนอื่นได้และมีมหาชั้นฟ้าหลายคนตายในมือเขาในมหาสงครามหลายหมื่นปีก่อน…”
“ด้วยพลังในการควบคุมโลกเช่นนี้ การสังหารมหาชั้นฟ้าไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก!”
‘บรรพชนเทพเป็นคนที่ก้าวข้ามผ่านสะพานที่แปดไปได้จริงๆ หลังจากศีรษะผสานเข้ากับตะวันมหาชั้นฟ้าของเขา มันก็จะกลายเป็นเครื่องมือและสมบัติที่ทรงพลัง!’
วินาทีนี้มีเสียงดังสนั่นกึกก้องในท้องฟ้าและปรากฏรอยแตกขนาดใหญ่ขึ้นมา ควันสีดำจำนวนมากรั่วไหลและมีมารโบราณตัวยักษ์ก้าวเดินออกมาจากรอยแตก
ทว่าขณะที่มารโบราณก้าวออกมามันถึงกับตกตะลึง สัมผัสวิญญาณของซ่งเทียนอยู่ในเจ้ามารโบราณและเมื่อเขาสัมผัสถึงความแปลกประหลาดที่นี่ได้จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาเห็นหวังหลินที่อยู่ห่างไกล หวังหลินเมินเฉยเขาอย่างสิ้นเชิงและดูเหมือนกำลังคว้าจับเส้นเบาบางนับไม่ถ้วนในมือ เส้นทั้งหมดนั้นถูกหุ้มรอบศีรษะ จากนั้นหวังหลินกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตไปบนเส้นบางๆ และศีรษะ
เวลานี้ศีรษะบรรพชนเทพเริ่มหลอมละลายอย่างรวดเร็วและถูกดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินดูดซับไปเร็วขึ้นเช่นกัน ยิ่งดวงตะวันมหาชั้นฟ้าควบแน่นรวดเร็ว สีที่สาม สีทองจึงปรากฏ!
‘ควบคุมกฎแห่งโลก!! นี่…นี่มัน…’ มารโบราณที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาถึงกับร้องเสียงหลง
………………………………………………
ตอนที่ 2051 ตะวันดวงที่สิบ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
มหาชั้นฟ้าสามารถสำรวจปลายขอบของกฎแห่งโลกได้ ด้วยพลังแห่งศรัทธาจึงสามารถหยิบยืมกฎเหล่านี้มาสร้างวัตถุที่มีรูปร่าง จึงเป็นการเรียกว่า “สร้างสิ่งของจากความว่างเปล่า”
ทว่ามันเป็นการเปลี่ยนภาพมายาให้เป็นของจริงอย่างง่ายๆ พวกเขาไม่สามารถคว้าจับกฎและใช้ได้อย่างที่ต้องการเหมือนหวังหลิน นี่ไม่ใช่การหยิบยืมแต่เป็นการจัดการระดับที่สูงกว่ากฎแห่งโลก!
ซ่งเทียนเองก็ทำไม่ได้ ในความทรงจำของเขา ตอนที่เขาได้เข้าไปเจอมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว เขาก็เห็นสิ่งที่คล้ายกันแบบนี้
‘นี่มันเป็นไปไม่ได้!!’ มารโบราณมีสัมผัสวิญญาณของซ่งเทียนแฝงเอาไว้ได้เผยอาการไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อว่าสิ่งที่กำลังเห็นทั้งหมดนั้น หวังหลินผู้ที่เขาไม่นำมาใส่ใจ กลับสามารถควบคุมกฎแห่งโลกได้หลังจากออกมาจากปิดด่านบ่มเพาะ
ชั่วจังหวะที่มารโบราณของเขาก้าวเดินออกมาจากรอยแยก เขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง ความคิดว่างเปล่าและไม่คิดว่าจะมีคนอื่นสามารถยื่นมือเข้าสู่ท้องฟ้าและรวบรวมกฎมาได้
หวังหลินไม่กังวลเรื่องการปรากฏตัวของมารโบราณและไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาเพ่งสมาธิไปที่ศีรษะบรรพชนเทพเบื้องหน้า จากการที่เขาใช้โลหิตและกฎแห่งโลกออกไป ศีรษะส่วนใหญ่ได้หลอมละลายไปแล้ว
ส่วนที่หลอมละลายไปถูกตะวันมหาชั้นฟ้าดูดซับไปอย่างสมบูรณ์ แสงสีทองส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ และมีดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสามสีปลดปล่อยแสงประหลาดออกมา
ศีรษะบรรพชนเทพหดเล็กลงจากแสงสีทองที่ทะลุออกมา ชั่วขณะหนึ่งเหลือศีรษะเพียงแค่เล็กน้อย มันดูไม่เหมือนศีรษะอีกแล้วแต่เป็นกลุ่มก้อนแสงสีทอง
ยิ่งมันเล็กลงเรื่อยๆ ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสามสีของหวังหลินก็ยิ่งเจิดจ้าและคงรูปร่างยิ่งขึ้น หากเมื่อศีรษะหลอมละลายอย่างสมบูรณ์และดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินดูดซับไปหมด มันคงจะกลายเป็นตะวันมหาชั้นฟ้าของจริงและหวังหลินจะได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าจริงๆ!
เขาจะกลายเป็นมหาชั้นฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองรองจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว!!
ห่างออกไปไกลมากขึ้น มารโบราณที่มีสัมผัสวิญญาณของซ่งเทียนถึงกับอ้าปากค้างและรู้สึกตัว เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังเห็นอะไร แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า ดังนั้นจึงต้องเชื่อ วินาทีนี้จิตใจเขาสั่นเทาและถอยอย่างช้าๆ โดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นว่าหวังหลินเมินเฉย เขาจึงถอยกลับไปในรอยแยกให้เร็วที่สุด
ในฐานะมหาชั้นฟ้า เขายากนักที่เขาจะทำตัวแบบนี้ เขารู้สึกใจเสาะก่อนที่จะทันได้สู้เสียอีก เทียบกับความโอหังที่เมื่อเขามาถึงเมื่อครู่ ร่างที่กำลังหนีกลับดูต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กระนั้นในขณะที่มารโบราณเข้าใกล้รอยแยกและกำลังเข้าไป น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นมา
“เจ้าจะจากไปแบบนี้หรือ?”
เสียงนี้ทำให้สัมผัสวิญญาณของซ่งเทียนถึงกับตกตะลึงและใช้ความเร็วสูงสุดราวกับเป็นบ้าไปแล้ว
ทว่าเพียงน้ำเสียงเย็นเยียบดังกึกก้อง สายตาหวังหลินจับไปที่มารโบราณ เส้นเบาบางปรากฏขึ้นรอบมารโบราณและห่อหุ้มรอบตัวมัน เจ้ามารโบราณสั่นเทาและนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง
หวังหลินคาดเดามานานแล้วว่าวิชายับยั้งเกี่ยวข้องกับกฎแห่งโลก ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาในตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องสร้างผนึกอีกต่อไป แค่สายตาก็ทำให้ใช้วิชาขึ้นมาได้แล้ว
สิ่งที่ถูกหยุดด้วยสายตาหวังหลินไม่ใช่เพียงแค่มารโบราณแต่ยังรวมถึงสัมผัสวิญญาณของซ่งเทียนด้วย สัมผัสวิญญาณเกิดอาการสั่นเทาและไม่สามารถขยับไปได้แม้แต่นิ้วเดียว
ขณะเดียวกันห่างออกไปไกลบนภูเขาต้นกำเนิด ซ่งเทียนนั่งอยู่ตรงนั้นและลืมตาขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือดและแฝงความหวาดกลัว สัมผัสวิญญาณของเขาถูกแช่แข็งและแทบส่งผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิม
“เปิดค่ายกลต้นกำเนิด!!” ซ่งเทียนคำรามออกมาโดยไม่ลังเล ผู้คนทรงพลังทั้งหมดที่ติดตามซ่งเทียนถึงกับตกตะลึงและรีบทะยานออกมาตั้งค่ายกล
“อาจารย์…” ฉีหมานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางมืดมนของอาจารย์ เขารู้สึกถึงแรงกดดันและรู้ว่ามีบางสิ่งแย่ๆ กำลังเกิดขึ้น
“หุบปาก ข้าไม่ต้องการถูกรบกวนตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องบัลลังก์ของเจ้า ข้าจะเปิดค่ายกลต้นกำเนิดขึ้นมาทำไม?” ซ่งเทียนหันกลับมาและจับจ้องไปที่ฉีหมานด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ข้าทำดีที่สุดแล้ว หากข้าล้มเหลว เมื่อนั้นเจ้าจะไม่ใช่จักรพรรดิโบราณในอีกร้อยปี แต่จะเป็นจี้ตู!” ซ่งเทียนรู้สึกโกรธไปด้วย หลังจากกล่าวจบเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและยื่นมือลงมา ภูเขาต้นกำเนิดสั่นเทาและมีลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาเป็นขวานสงครามขนาดยักษ์!
ขวานสงครามเต็มไปด้วยสนิมและไม่สวยงาม แต่เมื่อซ่งเทียนจับเอาไว้ เสียงคำรามหนึ่งดังออกมาจากขวานและมีวิญญาณสีเขียวลอยออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด ห่อหุ้มซ่งเทียนด้วยแสงสีเขียวทำให้เขาดูแปลกประหลาดยิ่ง
ขณะที่ซ่งเทียนเตรียมจะทุ่มสุดตัว ด้านแคว้นหลัวจู่ หวังหลินส่งเสียงร้องยาวสู่ท้องฟ้า
สิ้นเสียงร้อง ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสัน ศีรษะบรรพชนเทพได้หลอมละลายไปเกือบหมดแล้วและเปลี่ยนกลายเป็นก้อนแสงสีทองส่องสว่างเริ่มสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการหลอม
มันเล็กลงเรื่อยๆ ชั่วครู่ต่อมาเหลือขนาดเพียงแค่กำปั้น ตะวันมหาชั้นฟ้าเป็นรูปร่างยิ่งขึ้นมากกว่าของเหล่ามหาชั้นฟ้าทั่วไป
เมื่อจ้องมองแสงสีทองขนาดเท่ากำปั้น ดวงตาหวังหลินยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า ยกแขนขวาขึ้นมาและยื่นมือเข้าใส่วังด้านล่าง แก่นแท้แห่งชีวิตและความตาย เวรกรรม และจริงเท็จได้ลอยออกมาจากห้องลับเข้าสู่ร่างหวังหลิน
เมื่อแก่นแท้ทั้งหมดกลับคืนมา เสียงดังกึกก้องขึ้นในร่างกาย เส้นผมพริ้วไหวโดยไม่มีแรงลมและปลดปล่อยกลิ่นอายน่าตกตะลึง หวังหลินมองดูศีรษะบรรพชนเทพที่กำลังละลายและปลดปล่อยกลิ่นอายแก่นแท้ออกมา
กลิ่นอายนี้มองไม่เห็นและมีเพียงหวังหลินที่สัมผัสมันได้ เมื่อกลิ่นอายเข้าสัมผัสกับศีรษะ ศีรษะจึงสั่นเทาและละลายไปทั้งหมด!!
มันละลายอย่างสมบูรณ์และถูกดวงตะวันสามสีของหวังหลินดูดซับไปอย่างหมดจด หลังจากนั้นดวงตะวันก็กลายเป็นวัตถุที่มีรูปร่าง!!
หวังหลินผสานตะวันมหาชั้นฟ้าอย่างสสมบูรณ์และส่งมันขึ้นสู่ท้องฟ้าของแผ่นดินเซียนดาราเพื่อกลายเป็นตะวันดวงที่สิบ นี่คือสัญลักษณ์ของเขาในการเป็นมหาชั้นฟ้าอย่างแท้จริง!
วินาทีที่ตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินถือกำเนิดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมามองดูท้องฟ้า ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสามสีของเขาคล้ายกับถูกยกขึ้นและลอยสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆ
หวังหลินมองดูดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของตัวเองทะยานเข้าสู่ตำแหน่งสูงที่สุดในท้องฟ้า หวังหลินพลันนึกย้อนไปถึงตอนที่สัมผัสวิญญาณของเขาเข้ามาในแผ่นดินเซียนดาราและเห็นภาพดวงอาทิตย์ทั้งเก้าในท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ
“มหาชั้นฟ้า…” หวังหลินพึมพำพลางมองดวงตะวันของตัวเองระเบิดแสงสามสีอันทรงพลังออกมา
วินาทีนี้เมื่อหวังหลินได้ยกดวงตะวันของตัวเองขึ้นสู่ท้องฟ้า มันจึงส่งผลต่อตะวันมหาชั้นฟ้าทั้งหมดของมหาชั้นฟ้าคนอื่น!
ในเผ่าเทพ สำนักต้าวยี่ แคว้นทิศเหนือ สำนักตะวันม่วงและภูเขาจักรพรรดิ ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าได้ลอยขึ้นและเปล่งแสงเจิดจ้า
หลังจากนั้นไม่นานในเมืองหลวง ดวงอาทิตย์สีทองปรากฏก่อตัวเป็นดวงอาทิตย์ดวงที่ห้าของเผ่าเทพ!
ขณะเดียวกันในเผ่าโบราณ ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของซวนลั่วปรากฏขึ้นตรงจุดที่เขาปิดด่านบ่มเพาะ ในอาณาเขตจวี่ มหาชั้นฟ้าผู้ลึกลับซึ่งอยู่ตรงนั้นได้มีดวงตะวันมหาชั้นฟ้าปรากฏขึ้นในท้องฟ้าด้วยเช่นกัน!
ส่วนตะวันมหาชั้นฟ้าของซ่งเทียนปรากฏขึ้นมาโดยไม่ได้ควบคุมและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ดวงสุดท้ายที่ปรากฏคือตะวันมหาชั้นฟ้าของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว ยามนี้ดวงอาทิตย์สิบดวงปรากฏขึ้นเหนือแผ่นดินเซียนดารา!!
ตะวันมหาชั้นฟ้าทั้งเก้าดวงที่เหลืออยู่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเพราะเจ้าของต้องการ พวกมันได้รับการดึงดูดจากดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลิน
ไม่มีมหาชั้นฟ้าคนใดประหลาดใจกับเรื่องนี้ นอกจากจักรพรรดิเทพที่ได้สืบทอดพลังมหาชั้นฟ้าเอง นี่คือสัญญาณแห่งสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อมีใครสักคนกลายเป็นมหาชั้นฟ้า!
และตอนนี้เพราะดวงตะวันมหาชั้นฟ้าทั้งหมดอยู่ในท้องฟ้า พลังงานในแผ่นดินเซียนดาราพรั่งพรู จึงทำให้มหาชั้นฟ้าคนอื่นสัมผัสถึงกลิ่นอายของมหาชั้นฟ้าคนใหม่ได้อย่างชัดเจน!
ทั้งสิบดวงมีขนาดที่แตกต่างกันชัดเจน ดวงใหญ่ที่สุดเป็นของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว ดวงตะวันของเขาเกือบเทียบเท่ากับอีกแปดดวงทั้งหมดรวมกันยกเว้นดวงตะวันสามสีของหวังหลิน
ดวงที่ใหญ่เป็นอันดับสองคือดวงตะวันสามสีของหวังหลิน แม้จะไม่เท่ากับของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว แต่มันมีขนาดเกือบครึ่ง! รัศมีแสงของมันไม่อ่อนด้อยไปกว่าดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของกุ้ยต้าวเลย
“พ่อบุญธรรม…มหาชั้นฟ้า…” ในแคว้นหลัวจู่ องค์ชายจี้ตูเผยอาการตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและหัวเราะไม่หยุด
…………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น