Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2040-2041
ตอนที่ 2040 อย่าพูดถึงมัน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่ทั้งแผ่นดินเซียนดาราสลับสับเปลี่ยนระหว่างความมืดและแสงสว่าง ทางด้านภูเขาจักรพรรดิ มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ทะยานออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ ทอดสายตามองออกไปไกลด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป
“นี่มันแดนเทพบรรพกาลจริงๆ…ครั้งนี้มันเปิดขึ้นจากเผ่าโบราณ…และเปิดเร็วก่อนเวลาปกติไปมาก…การเปิดแดนเทพบรรพกาลไม่ควรจะเปิดขึ้นเร็วเช่นนี้ นั่นหมายความว่า…”
“นี่จะเป็นครั้งแรกที่แดนเทพบรรพกาลจะเปิดออกอย่างสมบูรณ์และแตกต่างจากครั้งก่อน” เสียงสตรีนางหนึ่งดังออกมาด้านข้างจิ่วตี้ นางคือไฮ่จื่อผู้สวมชุดคลุมสีขาว มองออกไปไกลด้วยสายตาซับซ้อน
“ข้าไม่สามารถทำนายได้ทั้งหมด นี่เป็นแค่สิ่งที่ข้ามองเห็น ข้าทำนายได้ว่าเราต้องรออีกหลายร้อยปีกว่าแดนเทพบรรพกาลจะเปิดออกจริงๆ”
“เปิดออกอย่างสมบูรณ์!!” จิ่วตี้มีสายตาตื่นเต้น
“หากมันเปิดอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นอาจมีวิธีให้มหาชั้นฟ้าข้ามระดับในปัจจุบันและบรรลุระดับเดียวกับบรรพชนเทพ!”
ณ เผ่าเทพ สำนักต้าวยี่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสำนักต้าวยี่กลายเป็นดินแดนอันมืดมน ผู้คนทรงพลังนับไม่ถ้วนตายไปและมหาชั้นฟ้าต้าวยี่เอาแต่ปิดด่านบ่มเพาะ ทำให้ประชากรที่นี่เบาบางลงไปมาก
ทว่าในตอนนี้มีเสียงคำรามเสียงหนึ่งดังออกมาจากสำนักต้าวยี่ ภูเขาแห่งหนึ่งพังทลายไป ร่างที่ปกคลุมด้วยควันสีเทาพลันทะยานออกมา ร่างนี้จ้องมองออกไปด้วยท่าทีดุดัน
‘แดนเทพบรรพกาล!! อาจมีวิธีที่จะทำให้ข้าขับไล่คำสาปบรรพชนนี่ออกไปได้หมดและทำให้ระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้น!’
ภายในสำนักตะวันม่วง สองสาวน้อยน่ารักทั้งสองคนกำลังปิดด่านบ่มเพาะ คั่นกลางระหว่างทั้งสองคือดวงตาของบรรพชนเทพ ดวงตาเปล่งแสงประหลาดเชื่อมต่อกับทั้งสองเอาไว้
นาทีนี้ทั้งสองคนลืมตาขึ้นมาและมองออกไปในทิศทางเดียวกัน สายตาคล้ายกับมองทะลุกำแพงและเห็นโลกด้านนอกได้
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงเป็นคนแรกในเผ่าเทพที่สังเกตสิ่งนี้ได้ เขายืนอยู่บนธารน้ำแข็งด้วยสายตาคาดหวัง
ขณะเดียวกัน ลึกลงไปใต้วังหลวงในเมืองหลวงของเผ่าเทพ ที่ซึ่งมีมิติทับซ้อนอยู่ ข้างในนั้นมีภูเขาหนึ่งลูกที่มีเหลียนต้าวเฟยหลับอยู่อย่างสงบ
นอกจากผู้คนทรงพลังของเผ่าเทพแล้ว ผู้คนจากเผ่าโบราณเองก็ให้ความสนใจต่อการเปิดแดนเทพบรรพกาลเช่นกัน มหาชั้นฟ้าของอาณาเขตจวี่และอาณาเขตฉีต่างก็มองดูสถานการณ์
ส่วนด้านซวนลั่ว เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินั้นได้อยู่แล้วยามที่หวังหลินเข้าไปในภูเขารกร้างและเกิดปรากฏการณ์ในท้องฟ้า กระทั่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กลับเข้าไปใต้วังหลวงก็ยังทะยานออกมาอีกครั้ง นางยืนมองอยู่ข้างซวนลั่วด้วยความตกตะลึง
“แดนเทพบรรพกาลเปิดก่อนเวลา!”
ทั้งสองมองหน้ากันเองและเริ่มขบคิด
ณ พื้นที่ใจกลางระหว่างสามอาณาเขต ร่างหนึ่งยืนอยู่บนยอดหอคอยบนภูเขากุ้ยต้าวและทอดสายตามองดูท้องฟ้า เสียงถอนหายใจดังออกมาจากหอคอย
‘ในที่สุด…มันก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์…ตอนที่ข้ารู้เรื่องทุกอย่างในวันนั้น ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้…’ ร่างนั้นส่ายศีรษะและเผยความขมขื่นอันหาได้ยาก
‘หลายร้อยปีต่อมา…ทะเลแห่งความทุกข์ทรมาน…’
“วิญญาณทั้งหมดใต้ชะตาสวรรค์จะต้องทนทุกข์กับทัณฑ์สวรรค์…ปลดปล่อยตัวเองจากความเชื่อที่นำทางไปสู่ความพินาศ ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเต๋าที่แท้จริง!” ร่างเลือนลางพึมพำ
หลังจากท้องฟ้าบนแผ่นดินเซียนดาราเปลี่ยนเป็นกลางคืนถึงแปดครั้งและกลับสู่ปกติ วังวนแห่งสุดท้ายเหนือภูเขาก็หายไป ทว่าเสาทั้งแปดตั้งตระหง่านอยู่เหนือทะเลอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าคลื่นจะกระแทกสักกี่ครั้ง พวกมันก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ภายในวงกลมที่เกิดขึ้นจากเสาทั้งแปด ท้องทะเลค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสายหมอก แต่ทะเลด้านนอกเสายังคงเป็นน้ำ
ทางด้านราชครูอาณาเขตเต๋าที่ดูเหมือนเทียนหยุนและราชันย์เทพสีรุ้งกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ฝ่ามือสร้างผนึกอย่างต่อเนื่องพลางกดทับลงค่ายกลและพึมพำด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
น้ำเสียงของเขาคล้ายกับคนนับไม่ถ้วนกำลังพึมพำ แต่ไม่สามารถได้ยินอะไรได้ชัดเจน ตอนที่หวังหลินได้ยินเสียงนี้ ดวงตากลับเปล่งประกายอย่างไม่อาจตรวจจับได้
“ควบคุมเต๋าแห่งสวรรค์ ดวงวิญญาณทั้งหมดใต้ชะตาสวรรค์จะต้องทนทุกข์กับทัณฑ์สวรรค์ ปลดปล่อยตัวเองจากความเชื่อที่นำทางไปสู่ความพินาศ เผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้จักอันไม่มีสิ้นสุด วิญญาณทุกดวงจักต้องขจัดคำถามในชีวิตและทะลวงออกมาจากกลไกแห่งสวรรค์ ได้รับเส้นทางแห่งชีวิต…และเดินบนเส้นทางแห่งเต๋าที่แท้จริง!” เสียงพึมพำมากมายจากราชครูพลันเปลี่ยนมาเป็นประโยคนี้ในทันที
เพียงคำพูดของเขาดังกึกก้องออกไป ค่ายกลปลดปล่อยแสงมหาศาล จากนั้นตาข่ายขนาดใหญ่จำนวนมากได้ปรากฏขึ้นในมิติแห่งนี้!
มันคือตาข่ายที่หวังหลินทะลวงเข้ามาและป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาที่นี่ได้! แต่ขณะที่แสงจากค่ายกลกะพริบวาบ พลันปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นบนตาข่าย
ราชครูใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเคลื่อนย้ายค่ายกลในมิติแห่งนี้ไปสู่แผ่นดินเซียนดารา!
ต้องกล่าวก่อนว่าค่ายกลในภูเขารกร้างเป็นแค่ภาพมายา หวังหลินใช้พลังเต็มที่เพื่อทะลวงเข้าสู่มิติแห่งนี้ ตอนนี้ค่ายกลกลับใช้วิธีเดียวกันเพื่อทะลวงออกมาและกลายเป็นของจริง!
สิ่งที่ออกมาด้วยคือร่างมือสังหารของหวังหลิน!
ยามนี้ร่างมือสังหารจึงอยู่มิติเดียวกับร่างดั้งเดิมของหวังหลิน
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินมีแววตาเปล่งประกาย
ตอนที่ค่ายกลทะลุผ่านเขตแดนไปและมาถึงแผ่นดินเซียนดารา ราชครูพลันส่งเสียงคำราม แสงสิบสีระเบิดออกมาจากค่ายกลและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มองไกลๆ ราวกับกลายเป็นเสาแห่งที่เก้า!!
ร่างมือสังหารของหวังหลินถอยร่นกลับมาและผสานกับร่างดั้งเดิม หวังหลินปรากฏตัวใกล้ลำแสงและมองดูแสงนั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวเกินบรรยาย
ราชครูส่งเสียงคำราม “เสาที่เก้า จงเปิดแดนเทพบรรพกาล!!” เสาลำแสงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและลอยเข้าหาทะเลที่อยู่คั่นกลางระหว่างสองเผ่าพันธุ์
ณ ทะเลอันกว้างใหญ่นั้น ภายในวงกลมของเสาทั้งแปด มีลำแสงสายหนึ่งทะยานออกมาและปรากฏเสาที่เก้าขึ้นตรงใจกลาง ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสัน เกิดระลอกคลื่นดังสนั่นไปทั่วผืนฟ้า ไม่นานท้องฟ้าของแผ่นดินเซียนดาราจึงปกคลุมด้วยระลอกคลื่น
ทั่วท้องทะเลเกิดความปั่นป่วนเนื่องจากเสาที่เก้าตกลงมาใจกลางวงกลม
วินาทีที่เกิดปรากฎการณ์ขึ้น ทุกคนที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ต่างก็สั่นสะเทือนไปทั้งจิตใจและเต็มไปด้วยสายตาแห่งความไม่เชื่อ
มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ปลดปล่อยเสียงดังสนั่นจนกึกก้องไปทั่วแผ่นดินเซียนดารา จากนั้นท้องทะเลก็ค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้น!
ราวกับมีมือยักษ์กำลังใช้วิชาอันทรงพลังเพื่อยกทะเลแห่งนี้ขึ้นอย่างช้าๆ!
ขนาดของทะเลอันกว้างใหญ่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ไม่ใช่สิ่งที่มหาชั้นฟ้าทั่วไปจะทำได้ แม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ทำไม่ได้เช่นกัน
พอทะเลยกสูงขึ้นจึงเกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา หลุมลึกนี้เต็มไปด้วยหลุมอีกนับไม่ถ้วน ทั้งยังไม่สม่ำเสมอ มันถูกซ่อนอยู่ใต้ทะเลและไม่ได้เจอแสงตะวันมาหลายปี!
ท้องทะเลยกตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ได้ข้ามผ่านแผ่นดินของเผ่าเทพและเผ่าโบราณ ท้องทะเลล้ำลึกยิ่งจนไม่อาจคำนวณความใหญ่ของมันได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ยามที่ท้องทะเลลอยอยู่เหนือแผ่นดินและยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนที่เห็นจึงเกิดความตกตะลึงและแยกไม่ออกระหว่างท้องฟ้าและท้องทะเล
เสี้ยวพริบตานั้น ท้องทะเลอันกว้างใหญ่เปลี่ยนกลายเป็นครึ่งวงกลม!!
ความลึกของทะเลในตอนนี้เท่ากับความกว้าง ภาพเหตุการณ์ช่างน่าประหลาดเหลือเกิน!
เสาทั้งเก้าต้นในท้องฟ้าอยู่ใจกลางทะเล!
ทะเลอันกว้างใหญ่ราวกับกำแพงที่แบ่งระหว่างเผ่าเทพและเผ่าโบราณ ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดและคล้ายกับเป็นภาพมายา
ไม่สามารถบอกได้ว่าแผ่นดินเซียนดาราเองที่เปลี่ยนไปและทะเลอยู่เหมือนเดิม หรือทะเลเคลื่อนตัวแต่แผ่นดินเซียนดาราอยู่ที่เดิม ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้คนรู้สึกว่าท้องฟ้าได้กลับตาลปัตร
เสาทั้งเก้าที่อยู่ใจกลางทะเลเริ่มหมุนอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วเท่านี้ หากมองไกลๆ จะดูเหมือนพายุที่เชื่อมต่อกับฟ้าดิน
เสาทั้งเก้าต้นข้างในพายุกำลังส่องประกายและเกิดเป็นประตูบานยักษ์อย่างเลือนลาง!
ประตูปิดสนิทและยังไม่เปิด!
“น่าเสียดายที่การเข่นฆ่าของเจ้าไม่มากพอ…ไม่เช่นนั้นประตูบานนี้คงเปิดออกได้ทันที แต่ตอนนี้มันต้องใช้เวลาห้าร้อยปีกว่าจะรวบรวมพลังงานเพื่อเปิดประตูให้ได้…”
“เช่นนั้น หวังหลิน อีกห้าร้อยปีเราจะได้เจอกันอีกครั้งในแผ่นดินเซียนดารา! เมื่อเราได้เจอกัน เราจะได้รู้ความจริง!” ภายในภูเขารกร้างด้านนอกเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ราชครูค่อยๆ เลือนหายไปจากค่ายกลที่กำลังกะพริบวูบวาบ
หวังหลินมองร่างที่กำลังหายไปและพูดขึ้น “สำนักตงหลินถูกเจ้าทำลายล้างใช่หรือไม่”
แต่เขาไม่ได้ตอบกลับมา ค่ายกลหายไปพร้อมกับราชครูที่ส่งเสียงหัวเราะดังสนั่น พื้นที่บริเวณนี้ยังตกอยู่ในซากปรักหักพัง
หวังหลินขบคิดเงียบๆ อยู่นานและจากนั้นจึงหันกลับมา ทะยานเป็นลำแสงขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายตัวไป
หวังหลินไม่มีเหตุผลอันใดที่จะอยู่ในอาณาเขตเต๋าอีกแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นอดีต แต่ยังมีคนหนึ่งที่นี่ซึ่งเขายังนับถือว่าเป็นอาจารย์ แม้จะตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้วก็ตาม…
อาจารย์ที่เขาไม่สามารถยอมรับว่าเป็นอาจารย์แต่จะคงอยู่ในใจเขาไปชั่วนิรันดร์
…………………………………………
ตอนที่ 2041 พรุ่งนี้
โดย
Ink Stone_Fantasy
มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นที่วังหลวงอาณาเขตเต๋า หวังหลินผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของซวนลั่วได้บุกเข้าไปในพระราชวัง ใช้ความตายของตัวเองเพื่อตอบแทนความเมตตาของซวนลั่วจนผู้คนมากมายให้ความสนใจ ท้ายที่สุดเขาได้ทำการสังหารจักรพรรดิเต๋า แม้กระทั่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เย่เว่ยก็ไม่สามารถหยุดหวังหลินได้
ข่าวนี้ค่อยๆ แพร่กระจายออกไปหลังจากผู้คนอีกสองอาณาเขตกลับถิ่นฐาน แทบทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
เหตุการณ์นี้น่าจะทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น แต่กลับมีเรื่องน่าตกตะลึงยิ่งกว่าทำให้เรื่องของหวังหลินเบาบางลงอย่างช้าๆ นั่นคือการเปิดของแดนเทพบรรพกาลที่เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปทั่วทั้งเผ่าโบราณ
ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ระหว่างเผ่าโบราณและเผ่าเทพกลายเป็นหลุมยักษ์และส่งกลิ่นเหม็น ใจกลางทะเลก่อเกิดเป็นคลื่นพายุพัดส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ภายในทะเลมีประตูปรากฏขึ้นจากเสาทั้งเก้าแห่ง ผู้คนทรงพลังจำนวนมากให้ความสนใจ แต่หลังจากสังเกตการณ์แล้ว ทุกคนก็จากไป
จิ่วตี้เข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองเช่นกัน แต่แม้จะมีระดับบ่มเพาะเช่นเขาก็ยังเข้าไปในพายุได้ไม่ไกลนัก ตัดสินจากระดับบ่มเพาะของเขาและการประเมินของไฮ่จื่อแล้ว มันต้องใช้เวลาถึงห้าร้อยปีกว่าจะเปิดออกมา
และคราวนี้มันจะเป็นการเปิดอย่างสมบูรณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ต้าวยี่ หวู่เฟิงและมหาชั้นฟ้าเผ่าโบราณรวมถึงซวนลั่วต่างก็เข้ามาทั้งหมด พวกเขามองดูประตูจากด้านนอกพายุอย่างเงียบๆ และจากไป
แต่ขณะเดียวกันได้มีข้อความส่งตรงลงมาจากภูเขากุ้ยต้าวถึงราชวงศ์ทั้งสามและมหาชั้นฟ้า ข้อความนี้เรียบง่าย เป็นการบอกให้ผู้คนหยุดการสังเกตการณ์แดนเทพบรรพกาลและมันจะเปิดในอีกห้าร้อยปี ข้อความนี้ยังบอกให้พวกเขาและมหาชั้นฟ้าว่าให้เตรียมการต่อสู้ในอีกห้าร้อยปีด้วย
ภูเขากุ้ยต้าวไม่ได้ให้ความสนใจต่อการตายของจักรพรรดิอาณาเขตเต๋า เหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้กลุ่มที่สนับสนุนมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวให้ตามล่าหวังหลินถึงกับเงียบไปและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
เผ่าเทพคล้ายกันกับเผ่าโบราณ พวกเขาได้ส่งข้อความออกไปให้แก่ 72 แคว้นว่าแดนเทพบรรพกาลจะเปิดในอีกห้าร้อยปี พวกเขาจะต้องใช้เวลาห้าร้อยปีนี้เพื่อทำการฝึกฝนให้แข็งแกร่ง เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะส่วนใหญ่เกิดอาการตื่นเต้น แดนเทพบรรพกาลเป็นเสมือนประตูมังกรสำหรับพวกเขา เมื่อได้รับโชควาสนาแล้ว พวกเขาอาจได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้า!
เนื่องจากการปรากฏตัวของแดนเทพบรรพกาล จึงเกิดคลื่นครั้งใหญ่ขึ้นบนแผ่นดินเซียนดารา แต่เนื่องจากต้องรอถึงห้าร้อยปี คลื่นลูกนี้จึงกลายเป็นคลื่นใต้น้ำ สงบนิ่งก่อนจะเกิดคลื่นครั้งใหญ่ตามมา
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทพหรือเผ่าโบราณ หากเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการเข้าไปในแดนเทพบรรพกาล พวกเขาจะรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล และรู้ว่าเมื่อแดนเทพบรรพกาลเปิดออก จะเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ขึ้นในตอนนั้น
แต่เรื่องนี้อาจส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างเผ่าเทพและเผ่าโบราณหลังจากที่สงบสุขมาอย่างช้านาน!!
เผ่าโบราณกำลังเตรียมตัว…เผ่าเทพก็เช่นกัน!
ห้าร้อยปี เพียงห้าร้อยปีเท่านั้น!! สำหรับคนธรรมดา เซียนที่มีระดับต่ำ และประชาชนชั้นล่างของสามอาณาเขต ห้าร้อยปีอาจดูเหมือนยาวนาน แต่สำหรับผู้คนที่ทรงพลัง ห้าร้อยปีนั้นสั้นเหมือนกะพริบตา
สัญญาณแห่งสงครามปรากฏขึ้นบนแผ่นดินเซียนดาราเนื่องจากการปรากฏตัวของแดนเทพบรรพกาล
ณ แคว้นชายแดนของอาณาเขตเต๋าและอาณาเขตฉี ตอนนี้เป็นฤดูฝนซึ่งไม่ได้รุนแรงแต่ดูเหมือนมันกำลังจะตกไปอีกนาน
แม้จะฝนตก เมืองในเผ่าโบราณก็ยังคึกคัก สายฝนตกลงบนพื้นดินอย่างสงบเงียบและรวมตัวกันเป็นสายธารเล็กๆ
ท้องฟ้าอึมครึมและมีหมอก ห่างออกไปไม่ไกลในภูเขาแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มชุดขาวถือร่มกระดาษ ด้านข้างเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง นางสวยงามมากและมองไปข้างหน้าพร้อมกับชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“มีหลายเรื่องเกี่ยวกับท่านและเศษวิญญาณในตัวข้าชื่อหวานเอ๋อร์…” นางพูดขึ้นเบาๆ พลางถอนสายตาออกมาจากสายฝน หันไปมองชายชุดขาวด้านข้าง
ชายผู้นี้คือคนที่บุกเข้าไปในวังหลวง สังหารจักรพรรดิเต๋าและก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยพลังของเขาเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่มีใครกล้าหยุดเขา เป็นชายคนนี้ที่พานางมาที่นี่
นางไม่รู้ว่าหวังหลินกำลังจะทำอะไร แต่ระหว่างทาง ความอ่อนโยนของเขาได้ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นจากก้นบึ้งในจิตใจ
ระหว่างทางชายหนุ่มได้เล่าเรื่องหนึ่งให้นางฟัง มันเป็นเรื่องราวที่ยาวนาน เป็นความรักที่เริ่มต้นด้วยคำว่า “ข้าจะพาเจ้าไปสังหารพวกมัน”
และจบลงด้วย “แม้สวรรค์ต้องการให้เจ้าตาย ข้าก็จะพาเจ้ากลับมา!” ตามมาด้วยความเศร้าโศกและความคิดถึงนับพันปี
หวังหลินมองหญิงสาวตรงหน้า เผยสายตาอ่อนละมุนและพยักหน้า
นางเงียบลง สัมผัสได้ถึงสายตาของหวังหลินว่าไม่ได้มองมาที่นางแต่เป็นเศษวิญญาณข้างใน นางมองดูสายฝนที่ห่างออกไปไกลและพูดขึ้นเบาๆ
“เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”
“ที่ที่เราได้เจอกันครั้งแรก” หวังหลินอุ้มซ่งจื่อพร้อมกับเผชิญหน้ากับสายฝน ก้าวเดินออกไปไกล
เขาไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดในการเดินทางครั้งนี้ เพราะต้องดูแลร่างที่อ่อนแอของซ่งจื่อและวิญญาณที่ไม่มั่นคงข้างในตัวนาง ทำให้หวังหลินใช้เวลาเป็นปีตั้งแต่ที่สังหารจักรพรรดิเต๋าและมาถึงที่นี่ได้
ช่วงระหว่างปีนี้หวังหลินไม่ได้ถูกเซียนของภูเขากุ้ยต้าวไล่ล่าและอาณาเขตเต๋าก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย หวังหลินพานางมาที่ชายแดนของอาณาเขตเต๋า
ผ่านที่นี่ไปก็จะเป็นอาณาเขตฉี
“ที่ที่เราพบกันครั้งแรก…ใช่เมืองศิลาดำหรือไม่…” เรือนผมสีดำขลับของนางพัดไปกับสายลม บางส่วนพัดเข้าใบหน้าหวังหลินและพัวพันกับเส้นผมสีขาวของเขา
หวังหลินไม่ได้พูดตอบ พานางเลือนหายไปกับสายฝนอย่างช้าๆ
หลายเดือนต่อมา หวังหลินและซ่งจื่อได้ออกมาจากอาณาเขตเต๋าและมาถึงอาณาเขตฉี หลังจากมาถึงที่นี่ อารมณ์ของซ่งจื่อไม่หมองหม่นอีกแล้ว นางมองอาณาเขตฉีและเจอกับความรู้สึกคุ้นเคย
แต่นางพูดน้อยลงไปมาก ยิ่งเผชิญหน้าหวังหลินยิ่งทำให้นางเงียบมากขึ้นและรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ บางครั้งนางก็รู้สึกว่าหวังหลินกำลังส่งพลังงานอบอุ่นมาให้ในร่างกาย นางไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่สัมผัสได้ว่าเศษวิญญาณที่ผสานเข้ากับนางได้เผยสัญญาณการแยกตัวออกมา
‘เขากำลังแยกวิญญาณของหญิงสาวชื่อหวานเอ๋อร์…บางทีเมื่อวิญญาณแยกขาดจากกันอย่างสมบูรณ์ นั่นจะถึงคราวการตายของข้า…แต่การได้เห็นบ้านเกิด ได้เห็นป้าจาง น้องตง นั่นก็ดีมากแล้ว’ ซ่งจื่อรู้สึกขมขื่นในใจและขบคิดเงียบๆ
นางหวาดกลัวแต่ก็ไร้กำลัง
หวังหลินมองเห็นทุกอย่างแต่ไม่ได้อธิบายอะไร ทั้งสองเข้าใกล้เมืองศิลาดำขึ้นเรื่อยๆ
อีกหลายเดือนผ่านไป
ดวงอาทิตย์ตกบนภูเขารกร้างแห่งหนึ่ง ซ่งจื่อทอดสายตามองออกไปและถามชายหนุ่มด้านข้าง “เราจะถึงเมืองศิลาดำพรุ่งนี้หรือไม่”
หวังหลินได้บอกนางว่าพวกเขาจะถึงเมืองศิลาดำที่เป็นบ้านเกิดของนางในวันพรุ่งนี้
หวังหลินพยักหน้า
ซ่งจื่อเงียบลงไปชั่วครู่ จากนั้นมองหวังหลินด้วยรอยยิ้ม นางมองคนที่อยู่กับนางมาปีกว่า นางมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาที่เปล่งกลิ่นอายโบราณ
“หวานเอ๋อร์ช่างโชคดีมาก…ข้าหวังว่าท่านและนางจะมีความสุขด้วยกันไปตลอดกาล”
ยามบ่ายของวันถัดไป เมืองศิลาดำมองเห็นในระยะสายตา ทำให้ซ่งจื่อรู้สึกคิดถึง
หวังหลินหยุดลงห่างจากเมืองไม่ถึงห้าร้อยเมตร ซ่งจื่อมองหวังหลินและพูดขึ้นเสียงแผ่วเบา “ขอข้าสัมผัสใบหน้าท่านได้หรือไม่…”
หวังหลินมองนาง ผ่านไปสักพักจึงค่อยๆ พยักหน้า
ซ่งจื่อยิ้มและใบหน้าแดงก่ำ นางลูบใบหน้าที่ดูธรรมดาของหวังหลิน จากนั้นวางศีรษะไว้แนบอกของเขา นางได้ยินเสียงหัวใจเต้น
เสียงหัวใจเต้นของเขาทำให้นางถึงกับหลับตาลง
หวังหลินก้มหน้าและลูบเรือนผม กลิ่นหอมจากตัวนางเข้าไปในจมูกหวังหลิน ทั้งสองนิ่งอยู่แบบนี้ไปสักพัก
พอดวงอาทิตย์ที่กำลังตกเริ่มมีสีแดงเบาบางและหมองลง ซ่งจื่อเงยหน้าออกมาจากหน้าอกหวังหลิน
“หากข้าตาย ได้โปรด…”
“เจ้าจะไม่ตาย” หวังหลินมองนางอย่างสงบนิ่ง ชี้นิ้วไปที่จุดกลางหน้าผากของนาง ทัศนวิสัยของซ่งจื่อพร่าเลือนและฟุบลงไปราวกับกำลังหลับ
ครึ่งชั่วโมงต่อมานางตื่นขึ้นด้วยสายตาสับสน นางขมวดคิ้วพลางหันมองไปรอบด้าน ผ่านไปสักพักจึงคล้ายกับจำอะไรบางอย่างได้
ตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มที่แล้วและกำลังจะหายไป ซ่งจื่อยืนขึ้นมองบนลำคอจนเจอกับสร้อยหยกเปล่งความอบอุ่น
นางรู้สึกว่าเศษวิญญาณของหวานเอ๋อร์ได้หายไปแล้ว นางไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกต่อไป แต่รู้สึกจิตใจสั่นไหว แววตามีอารมณ์ความรู้สึกเจือปน ผ่านไปสักพักนางได้หันตัวกลับและเดินเข้าหาเมืองศิลาดำซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล
ที่นี่คือบ้านของนาง
…………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น