Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2036-2039

 ตอนที่ 2036 ราชครูอาณาเขตเต๋า

โดย

Ink Stone_Fantasy

จังหวะที่สัมผัสกับสายหมอก คล้ายกับมันเริ่มเดือดและแผ่กระจายออกมาด้านนอก เสียงอสูรคำรามดังลั่นออกมาจากข้างใน


เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์และแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ เมื่ออักขระเต๋าทั้งหกขั้วของหวังหลินเข้าไปในหมอก ราวกับมันกำลังโดนสายหมอกกลืนกิน


หวังหลินแววตาเป็นประกายและไม่ลงมือวู่วาม หากราชครูข้างในเป็นคนที่เขาคิดจริงๆ เมื่อนั้นหมอกนี้คงไม่ใช่ของธรรมดาและคงไม่ยอมให้เขาเข้าไปข้างในได้ง่ายๆ


‘เขาอยู่ที่นี่มานานและถึงกับสร้างค่ายกลขนาดยักษ์เชื่อมต่อกับวังหลวงได้ การวางค่ายกลประหลาดนี้ไว้ในเผ่าโบราณ เป้าหมายของเขาต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่!’


‘ในเมื่อไม่ออกมาและยังห่อหุ้มด้วยหมอกสิบสี นั่นแปลว่าเขาอยู่ในขั้นตอนสำคัญของการใช้วิชา’ หวังหลินจ้องไปในสายหมอก พลางขบคิดและมีเสียงดังสนั่นออกมาจากข้างใน


สายหมอกปั่นป่วนอย่างรวดเร็วและมีสิ่งลี้ลับขนาดยักษ์พุ่งออกมา ร่างกายใหญ่ของมันเปล่งควันสีดำพร้อมกับแรงกดดันทรงพลัง


เพียงเจ้าอสูรตัวนี้ปรากฏ อักขระเต๋าทั้งหกขั้วของหวังหลินจึงเข้าสู่เจ้าอสูร มันส่งเสียงขู่ร้องและพุ่งเข้าหาอักขระจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว


“เจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง หากเป็นเต๋าสุดขั้วทั้งแปดที่สมบูรณ์ของบรรพชนเทพ เจ้าอาจจะทะลวงเข้ามาในหมอกสิบสีของข้าได้จริงๆ แต่เพียงแค่หกขั้ว เจ้าต้องพยายามให้มากกว่านี้” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากข้างใน ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำเสียงช่างเด่นชัด


หวังหลินมีท่าทีเช่นเดิม เขาสะบัดแขนเสื้อปรากฏร่างแก่นแท้ห้าธาตุทับซ้อนขึ้นมา มันมีหน้าตาเหมือนกับเขา แววตาเย็นเยียบและจากนั้นพุ่งทะยานเข้าหาหมอกสิบสี เขาเข้าไปใกล้อสูรตัวยักษ์และสะบัดแขน ปรากฏธาตุโลหะ ไม้ วารี เพลิงและปฐพีขึ้น


กระบี่สีทองขนาดเล็กนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นพายุกระบี่ กลายเป็นแก่นแท้โลหะอันทรงพลังพุ่งเข้าหาอสูรยักษ์ เจ้าอสูรกำลังต่อต้านแต่เมื่อพลังของแก่นแท้ปฐพีกระแทกใส่ ทั้งพายุกระบี่มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันมันจึงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน


หมอกสิบสีปั่นป่วนอย่างรุนแรงและมีร่างขนาดใหญ่จำนวนสี่ร่างปรากฏขึ้นมา ตัวแรกเป็นอสรพิษยักษ์ ร่างกายใหญ่โตมโหฬารแต่กลับส่งเสียงคล้ายทารก มันอ้าปากและพ่นกลิ่นอายสีแดงจำนวนมากออกมาล้อมรอบร่างแก่นแท้ห้าธาตุ


อสูรยักษ์ตัวที่สองคือกิ้งก่ายักษ์ เจ้ากิ้งก่าลำตัวสีขาวคล้ายหยกขาว มันโจมตีด้วยลิ้น พ่นไอเย็นเยียบเข้าหาร่างแก่นแท้ห้าธาตุ


ส่วนอีกตัวเป็นอสูรตั๊กแตนที่มีหกปีก เป้าหมายของมันไม่ใช่หวังหลินแต่เป็นอักขระเต๋าสุดขั้วทั้งหกแบบที่อยู่ด้านบน


ตัวสุดท้ายเป็นอสูรคล้ายหนอนดูน่าเกลียด ร่างกายปลดปล่อยของเหลวเหนียวหยดลงมา ใกล้ศีรษะมีหนวดอยู่สองข้าง ตรงปลายหนวดเป็นศีรษะของหญิงสาว!


พอเจ้าอสูรตัวนี้ปรากฏ หญิงสาวทั้งสองบนหนวดของมันจึงส่งเสียงกรีดร้องแหลมและมองดูหวังหลิน สายตาของพวกนางเป็นประกายดุร้ายก่อนจะพุ่งออกมาจากหมอกเข้าสู่หวังหลิน


หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งอยู่ตลอด พอเจ้าหนอนประหลาดมาถึงจึงยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏร่างเงาบัญชาโบราณขนาดยักษ์ด้านหลัง จากนั้นปรากฏดาวทั้งหมด 27 ดวงพร้อมกับหวังหลินส่งกำปั้นออกไป


ร่างเงาบัญชาโบราณส่งกำปั้นออกไปด้วยเช่นกัน


เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว อสูรที่มีศีรษะหญิงสาวเป็นหนวดถึงกับกระเด็นถอยกลับเข้าไปในหมอก ทว่าเพียงพริบตาเดียวมันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและไม่บาดเจ็บเลย


หวังหลินขมวดคิ้ว อสูรสองตัวที่กำลังโจมตีร่างแก่นแท้ห้าธาตุพลันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ฝ่ามือยักษ์คล้ายต้นไม้ปรากฏขึ้นเหนืออสูรทั้งสองตัว ฝ่ามือกระแทกลงเข้าใส่และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นกองเนื้อสาดกระจาย


ส่วนกิ้งก่าสีขาวได้ถูกแก่นแท้เพลิงโอบล้อมด้วยทะเลเพลิง เจ้ากิ้งก่ากรีดร้องและล่าถอยเข้าไปในหมอก


ด้านเจ้าตั๊กแตนหกปีกนั้นทะยานเข้าหาอักขระเต๋าหกแบบ แต่อักขระพลันระเบิดกลายเป็นฝ่ามือยักษ์ คว้าเจ้าตั๊กแตนและบีบอย่างอำมหิตจนมันแตกสลาย


อย่างไรก็ตามเรื่องน่าประหลาดคือมีอสูรตั๊กแตนหกปีกอีกตัวทะยานออกมาจากสายหมอก!


ทว่าตอนที่เจ้าอสูรออกมา มีหยดน้ำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นรอบตัวมันและแทงทะลุเข้าไปในร่างราวกับกระบี่อันแหลมคม


ขณะเดียวกันเจ้าหนอนยักษ์ซึ่งกระเด็นถอยไปจากกำปั้นหวังหลิน มันกำลังจะพุ่งออกมาอีกครั้งแต่มีก้อนเม็ดทรายปรากฏ นี่คือร่างแก่นแท้ปฐพีของหวังหลิน มันพุ่งเข้าหาเจ้าหนอนในพริบตา จากนั้นหนอนยักษ์ก็กลายเป็นรูปปั้นดิน!


เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รูปปั้นดินแตกสลายเป็นเศษละออง


ด้วยร่างแก่นแท้ห้าธาตุและเต๋าสุดขั้วหกแบบ แค่นี้ก็มากพอที่จะรับมืออสูรทั้งห้าตัวได้แล้ว หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย ยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ท้องฟ้า ปรากฏร่างเงาบัญชาโบราณขึ้นมา ร่างเงาก่อเกิดเป็นรูปร่างคล้ายกับคนจริงๆ มันก้าวเดินเข้าหาสายหมอก กำหมัดแน่นและโยนกำปั้นเข้าใส่ใจกลางสายหมอก!


แต่กลับมีสิ่งบางอย่างขวางกั้น อสูรทะเลยักษ์ที่มีแปดหนวดได้โผล่ออกมาจากสายหมอก หนวดทั้งแปดของมันห่อหุ้มรอบแขนร่างเงาบัญชาโบราณและส่งเสียงคำรามแหลม


จากนั้นไม่นานมีอสูรอีกสามตัวปรากฏขึ้นมาจากภาพเงาทีละตัว ตัวหนึ่งเป็นก้อนหิน มันสยายปีกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า อีกตัวเป็นนกเพลิงสีม่วงขนาดยักษ์ เมื่อมันปรากฏตัวพลันกระจายแสงสีม่วงออกไปและส่งเสียงร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ


อสูรตัวสุดท้ายเป็นรูปร่างมนุษย์ มันมีสองหัว เอาแขนทุบหน้าอกตัวเองพลางอ้าปากและพุ่งทะยานเข้าหาหวังหลิน


อสูรทั้งสิ้นเก้าตัวที่ปรากฏตัวออกมาจากสายหมอกมีหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้หวังหลินเข้าไป!


‘น่าจะยังมีอสูรตัวที่สิบ!’ หวังหลินเยาะเย้ยพลางยกแขนซ้ายขึ้นมาชี้ใส่เจ้าหินที่อยู่ในท้องฟ้า อากาศรอบตัวมันคล้ายแยกออกไปอีกมิติ จากนั้นบีบเข้าหากันในทันที ปลายนิ้วหวังหลินมีแสงกะพริบวาบ นั่นคือวิชาดัชนีบรรพชนโบราณ!


ขณะเดียวกันมีร่างเงาหนึ่งทับซ้อนร่างหวังหลินอีกครั้ง ร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารก้าวเดินออกมา เรือนผมของร่างแก่นแท้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำและเปล่งจิตสังหารรุนแรงพร้อมกับรอยยิ้มอำมหิต ดวงตาเย็นเยียบและไร้ปราณี เขาก้าวออกมาและเปลี่ยนกลายเป็นเส้นด้ายสีดำนับไม่ถ้วนแทงทะลุเจ้านกเพลิงสีม่วง เจ้านกเพลิงพลันส่งเสียงกรีดร้องและระเบิดในทันที จากนั้นร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารก้าวออกมา เลียริมฝีปากและพุ่งเข้าหาอสูรอีกตัว


ส่วนเจ้าอสูรตัวที่เก้านั้นอยู่ห่างจากหวังหลินไม่เพียงไม่กี่ร้อยฟุต มันพ่นกลิ่นเหม็นและพุ่งเข้าหาอย่างดุดัน


“รนหาที่ตาย!” หวังหลินมีแววตาเป็นประกายจิตสังหาร แม้ว่าร่างแก่นแท้ห้าธาตุและร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารจะอยู่ห่างออกไป เขาเหลือเพียงแก่นแท้นามธรรมเท่านั้นและไม่ใช่คนที่เจ้าอสูรตัวนี้จะมาก่อกวนได้


หวังหลินยังมีวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าโบราณที่เขาไม่เคยใช้ออกมา ในเผ่าโบราณมันถือว่าเป็นวิชาช่วยชีวิตที่ทรงพลังที่สุดจนน่าตกตะลึง!


เมื่อเจ้าอสูรยักษ์สองหัวเข้าใกล้ หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ร่างกายส่งเสียงปะทุและขยายออกไปจากคนธรรมดาสู่ขนาดสูงหลายพันฟุต!


ร่างบัญชาโบราณ!


นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินเผยร่างบัญชาโบราณ ร่างกายอันทรงพลังของเขาเปล่งกลิ่นอายโบราณ ทั้งยังมีลวดลายสีดำปกคลุมร่างกาย เปล่งความรู้สึกอันลี้ลับ


“ไปซะ!” ในเผ่าโบราณ ผู้คนจะไม่เผยร่างบัญชาโบราณของตัวเองออกมาง่ายๆ เพราะหากร่างนี้ได้รับความเสียหายขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อระดับบ่มเพาะมากเกินไปและยังไม่ค่อยสะดวกอีกด้วย เว้นแต่จะอยู่บนสนามรบ


ภายในวังหลวง เหล่าผู้คนอาณาเขตเต๋าและจักรพรรดิไม่ได้มีเวลามากพอที่จะใช้ร่างบัญชาโบราณของตัวเองและถูกหวังหลินทำลายล้างไปเสียก่อน


ร่างขนาดหลายพันฟุตไม่ใช่ขีดจำกัดของหวังหลิน เขาก้าวออกมาและโยนกำปั้นไป เจ้ายักษ์สองหัวเผยความหวาดกลัวและส่งเสียงพลางโยนกำปั้นของมันออกมาเช่นกัน ทว่าเมื่อทั้งสองกำปั้นเข้าปะทะกัน ร่างเจ้ายักษ์กลับเกิดการระเบิดแทน


ไม่อาจมีอะไรต่อต้านได้เลย หวังหลินก้าวเท้าเหยียบเข้าไปในหมอก ร่างกายขยายออกไปอีกครั้งจากเจ็ดพันฟุตไปถึงแปดพันฟุต แต่นั่นยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา!


กำปั้นขนาดยักษ์ของหวังหลินกระแทกลงใส่สายหมอก ขณะนั้นเองเสียงกระหึ่มดังออกมาจากข้างในหมอก แผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง เจ้าอสูรที่กำลังต่อสู้กับร่างแก่นแท้ห้าธาตุและร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารเกิดการระเบิดในทันที พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นหมอกและคืนกลับไป


สายหมอกปั่นป่วนและรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เมื่อกำปั้นหวังหลินร่อนลงไป อสูรยักษ์ตัวหนึ่งที่มีขนาดสูงประมาณเจ็ดถึงแปดพันฟุตได้พุ่งออกมาจากสายหมอกด้วยเช่นกัน!


ปีกขนาดใหญ่ของมันเปิดกว้างและมีดวงตาสองดวง มันคือแมลงวันตัวยักษ์!! พุ่งทะแทกเข้าสู่กำปั้นของหวังหลิน


ปัง!


ร่างหวังหลินสั่นเทา พอเขาก้มศีรษะลงมา แววตาเผยประกายแสงประหลาด ตอนที่เจ้าแมลงวันกระเด็นกลับไป เขาเห็นหมอกแยกออกจากกันเล็กน้อยและเห็นชายชราผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ตรงกลาง!


เขารู้จักชายชราคนนี้!


“เทียนหยุน!! ใช่เจ้าจริงๆ!!”


…………………………………………………….


ตอนที่ 2037 ทะลวง!

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภูเขารกร้างที่เปลี่ยนกลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ได้เผยตัวตนออกมาเพียงแค่สายหมอกเลือนหายไป ใจกลางของค่ายกลสิบสีมีร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงกลาง หวังหลินมองเห็นรูปร่างของร่างนี้ได้ชัดเจน


เป็นชายชรา และดูคล้ายกับเทียนหยุนอย่างมาก!


ทว่าพอหวังหลินมองดูใกล้ๆ ไม่เพียงแต่จะคล้ายกับเทียนหยุนเท่านั้นแต่ยังคล้ายกับอีกคนด้วย!


“หวังหลิน เราได้เจอกันอีกแล้ว” ชายชรายิ้มมองหวังหลินอย่างสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง รอยยิ้มของเขายากจะเข้าใจและดูเหมือนมีความโลภและความทรงจำบางอย่าง แต่ลึกเข้าไปภายในแววตา มีความหวาดกลัวแฝงเอาไว้


หวังหลินที่มีขนาดร่างกายสูงเจ็ดถึงแปดพันฟุตกำลังจ้องมองชายชรา เขาเอ่ยขึ้น “ข้าควรเรียกเจ้าว่า ‘เทียนหยุน’ หรือ ‘ราชันย์เทพสีรุ้ง’ ? ”


รูปร่างของคนผู้นี้ทับซ้อนกับเทียนหยุนและราชันย์เทพสีรุ้ง


“ข้ามีหลายชื่อ แต่ตอนนี้ข้าชอบถูกเรียกว่า ‘เทียนหยุน’ ซะมากกว่า” ชายชรายิ้มและประทับมือขวาไปบนค่ายกล


ค่ายกลขนาดยักษ์เปิดใช้งานอีกครั้งเปล่งแสงอันแปลกประหลาด แสงนี้ห่อหุ้มบริเวณและดึงดูดพลังงานของโลกเข้ามา ก่อเกิดเป็นคลื่นกระแทกจนแม้แต่ร่างหวังหลินยังต้องถอยไปหลายก้าว


‘เคลื่อนย้าย!!’ หวังหลินมีดวงตาเป็นประกาย ด้วยความเข้าใจด้านเขตอาคม เขาจึงบอกได้ทันทีว่าค่ายกลด้านล่างเทียนหยุนคือค่ายกลเคลื่อนย้าย!


“น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้สังหารมากพอ…” ชายชราถอนหายใจ


หวังหลินไม่ได้พูดอะไร เขามีความสงสัยหลายอย่างแต่ไม่ได้พูดออกมา จากนั้นยกแขนขวาขึ้นมากระแทกลงใส่ค่ายกล ร่างกายอันทรงพลังและกำปั้นอันแข็งแกร่งของหวังหลินกระแทกเข้าไปแต่เขากลับถูกพลังสะท้อนกลับอย่างรุนแรงทันที


ร่างกายส่งเสียงดังปะทุขึ้นและแขนขวากระเด็นกลับ หวังหลินมองเข้าไปแต่กลับพบว่าค่ายกลนั้นไม่ได้รับความเสียหายเลย


“เจ้าไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้…เจ้าไม่สามารถหยุดยั้งแผนการของข้าได้ ข้ารอวันนี้มานานเกินไป…” ชายชราส่ายศีรษะและมองดูหวังหลิน แววตาเผยความแปลกประหลาด แฝงทั้งอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน ความโลภและความหวาดกลัว


หวังหลินเคยเห็นสายตาแบบนี้จากเทียนหยุนมาก่อน แต่ไม่เคยชัดเจนเท่าวันนี้ ซึ่งนี่เกี่ยวข้องกับระดับบ่มเพาะของเขาที่มาถึงขั้นมหาชั้นฟ้า


“เทียนหยุนตายไปแล้วและราชันย์เทพสีรุ้งก็ตายไปเช่นกัน เจ้าเป็นใคร!?” หวังหลินคำราม ร่างกายขยายขนาดออกไปอีกครั้งจนสูงมากกว่าหมื่นฟุต ส่งเสียงคำรามคล้ายพายุพัดรุนแรง เท้าขวาเหยียบเข้าใส่ค่ายกลด้านล่าง


เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องแต่เท้าหวังหลินกลับสั่นเทาและได้รับพลังตีกลับมาอีกครั้ง


“ข้าเป็นใคร…” ชายชราขบคิดชั่วขณะและหัวเราะ


“ข้าเป็นใคร? นอกจากตัวข้าเอง มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ และเจ้าจะรู้ในอีกไม่นาน!” ค่ายกลรอบชายชราส่องประกายอย่างรุนแรงและเริ่มส่งเสียงอื้อ ขณะที่ค่ายกลเปิดใช้งาน พื้นดินจึงเริ่มสั่นสะเทือนไปด้วย


‘ค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบไหนกันถึงทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนได้เช่นนี้?’ แววตาหวังหลินเป็นประกายเย็นเยียบ ไม่ว่าคนผู้นี้คือเทียนหยุนหรือราชันย์เทพสีรุ้ง เขาก็คือราชครูที่ได้ดึงเศษวิญญาณของหวานเอ๋อร์มา เขาเป็นคนที่หวังหลินต้องสังหาร!


พอเห็นค่ายกลรุนแรงยิ่งขึ้น หวังหลินสูดหายใจลึก เสียงดังสนั่นออกมาจากร่างกาย เส้นโลหิตสีฟ้าบนร่างและบนใบหน้ากำลังบวมเป่ง ทำให้เขาดูน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง


หวังหลินร้องคำราม ร่างกายขยายขนาดอีกครั้ง จากไม่กี่หมื่นฟุตจนเกือบถึงแสนฟุต


ร่างใหญ่ยักษ์เช่นนี้ถึงกับทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน ค่ายกลด้านล่างเทียบกับเขาแล้วคล้ายกับมดแมลง หวังหลินมีแววตาสีเงินเจิดจ้าพลางโยนกำปั้นเข้าใส่ค่ายกลอีกครั้ง


เพียงกำปั้นตกลงมา พลังงานภายในระยะห้าลี้ ห้าสิบลี้ ห้าร้อยลี้ ห้าหมื่นลี้และแม้แต่หลายแสนลี้ถูกดึงเข้ามาข้างใน ราวกับกำปั้นของหวังหลินกลายเป็นหลุมดำและดูดกลืนพลังทั้งหมดลงมากระแทกใส่โลกตรงจุดนั้น


ชายชราที่อยู่ในค่ายกลมองขึ้นไปด้วยสีหน้าประหลาดใจแต่ไม่ตื่นตระหนกเลย พอกำปั้นปะทะเข้าใส่ แสงจากค่ายกลกะพริบรุนแรงและแตกสลายทันที จากนั้นกำปั้นเข้ามาใกล้ชายชราในฉับพลัน


พริบตาเดียวก็เข้าแตะร่างของชายชราแต่มันทะลุร่างไป ทะลุค่ายกลและร่อนลงใส่พื้นดิน พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงและเกิดคลื่นแผ่กระจายออกไปทั่วสารทิศ ภูเขาระเบิดกลายเป็นหลุมยักษ์


ทว่าหวังหลินมีสีหน้ามืดมนเพราะชายชราและค่ายกลยังอยู่โดยไม่ได้รับความเสียหาย!


ราวกับชายชราและค่ายกลไม่ได้อยู่ที่นี่และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่ภาพมายา ชายชราและค่ายกลคล้ายกับอยู่คนละมิติที่แตกต่างจากหวังหลินอย่างสิ้นเชิง!


“เสียพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์…” ชายชรายิ้มพลางส่ายศีรษะและถอนหายใจ


หวังหลินขบคิดและพูดขึ้นมา “หลังจากนี้อีกสักพัก เจ้าก็ยังไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไป นี่ไม่ใช่แค่ค่ายกลเคลื่อนย้าย” พอสิ่งที่หวังหลินพูดดังเข้าหูของชายชรา ชายชราจึงมีแววตาส่องสว่าง


หวังหลินหลับตา ร่างกายหดลงและร่างขนาดยักษ์หายวับทันที กลายเป็นหวังหลินชุดขาวขนาดปกติขึ้นมาแทน


เพราะเขาหดตัวรวดเร็วเกินไป ร่างขนาดยักษ์จึงหายไปคล้ายกับเป็นภาพมายา


หลังจากกลับคืนสู่ขนาดปกติ หวังหลินก้าวเข้ามาเบื้องหน้าค่ายกล มองเข้าไปดูชายชราที่ดูคล้ายคลึงกับเทียนหยุนและราชันย์เทพสีรุ้ง เขาสะบัดแขนให้ร่างแก่นแท้ทั้งสองกลับคืนสู่ร่างกาย


ชายชราเอ่ยขึ้นช้าๆ “ค่ายกลนี้ไม่ใช่แค่ค่ายกลเคลื่อนย้ายจริงๆ…ผลลัพธ์จริงๆ คือการเปิดประตูโบราณ…น่าเสียดายที่การสังหารของเจ้าไม่ได้ทรงพลังมากพอ…”


“เจ้าไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้และไม่สามารถหยุดมันได้ นั่งลงและพูดคุยกับข้าในช่วงเวลาอันแสนสั้นนี้เสียดีกว่า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าขจัดข้อสงสัยให้ได้บางส่วน” ชายชรามองหวังหลินด้วยรอยยิ้ม


หวังหลินขบคิดและส่ายศีรษะ เขาก้าวเข้าไปข้างหน้า ปรากฏดวงตะวันขนาดยักษ์ขึ้นด้านหลัง ดวงตะวันเปล่งประกายแสงสีขาวและดำ คล้ายกับเป็นสิ่งแปลกประหลาดในโลกนี้


“ข้าไม่ค่อยชินกับการพูดคุยกับคนผ่านค่ายกล” หวังหลินพูดขึ้นอย่างสงบนิ่งและเดินเข้าหาตรงสุดขอบของค่ายกล หวังหลินก้าวเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับระลอกคลื่นดังสนั่นกึกก้อง


แม้จะเดินทะลุผ่านค่ายกลมาได้ ราวกับเขาได้ยืนอยู่คนละมิติ


ชายชรามองหวังหลินที่อยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยฟุต เผยท่าทีสงสาร แต่ลมหายใจต่อมากลับหรี่สายตาแคบลง


ขณะที่หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น ระดับบ่มเพาะกลับเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าด้านหลังเปล่งประกายเจิดจ้าและขยายขนาดเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่าจากก่อนหน้านี้เพียงแค่ชั่วพริบตา!


ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าขนาดยักษ์เปล่งแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้นแต่ไม่หยุดการขยายขนาด มองไกลๆ ราวกับก้อนทรงกลมกำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


“เจ้ากำลังทำอะไร!?” ชายชราจ้องมองดวงตะวันมหาชั้นฟ้าด้วยสีหน้ามืดมน เขายกแขนขวาขึ้นมาอย่างไม่ลังเล เจ้าแมลงวันตัวยักษ์หมุนรอบตัวเขาเริ่มส่งเสียงร้องดัง มันเผยสายตาดุดันและพุ่งทะยานเข้าหาหวังหลิน


แต่พอเจ้าแมลงวันเข้ามาใกล้หวังหลินในระยะสิบฟุต มันกลับไม่สามารถเข้าใกล้ได้มากกว่านี้ ราวกับมีม่านที่มองไม่เห็นกำลังหยุดมันเอาไว้


เสียงดังสนั่นกึกก้องดังออกมาจากเจ้าแมลงวันที่กำลังกระแทกใส่ม่านที่มองไม่เห็นด้วยความโกรธเกรี้ยว หวังหลินยื่นมืออกไปเบื้องหน้าและปรากฏวิญญาณดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณของจักรพรรดิเทพ!


หวังหลินถือวิญญาณดวงนี้เอาไว้ หลับตาลงและระดับบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง! เขาเทพลังทั้งหมดเข้าไปในวิญญาณทำให้วิญญาณจักรพรรดิเทพลืมตาขึ้นมาปลดปล่อยแสงสีทองแพรวพราว ทว่าดวงตาคู่นี้กลับไม่มีสติและเต็มไปด้วยความสับสน หวังหลินสะบัดแขนและส่งวิญญาณเข้าไปในดวงตะวันมหาชั้นฟ้าด้านหลังทันที


ภายในดวงตะวันมหาชั้นฟ้ามีศีรษะอันเลือนลางซ่อนอยู่ นั่นคือศีรษะของบรรพชนเทพที่หวังหลินหยิบกลับมาจากในวังหลวง จากนั้นเก็บใส่เข้าไปในตะวันมหาชั้นฟ้าของตัวเอง


พอวิญญาณของจักรพรรดิเทพเข้าไปในตะวันมหาชั้นฟ้า ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าจึงขยายขนาดขึ้นอีกร้อยเท่าจากขนาดดั้งเดิม!


ร่างกายหวังหลินสั่นเทาและส่งเสียงคำรามออกมา ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าขยายขึ้นไปอีกหลายเท่าก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นทันที


“จุดชนวน ตะวันมหาชั้นฟ้า!” ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าเริ่มเผาไหม้ มองไกลๆ ราวกับก้อนเปลวเพลิงสีขาวและดำ มีทะเลเพลิงพรั่งพรูไปทั่วฟ้า!


ชายชรามีสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นมองขึ้นและร้องคำราม “เจ้าไม่ต้องการชุบชีวิตลี่มู่หวานให้ได้จริงๆ ?”


…………………………………………………


ตอนที่ 2038 แดนเทพบรรพกาล!

โดย

Ink Stone_Fantasy

หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย แต่ไม่ได้พูดหรือหยุดการโจมตี เขาได้ผสานวิญญาณของจักรพรรดิเทพและศีรษะบรรพชนเทพเข้าไปเพื่อให้มันหลอมเข้ากับเขาได้เร็วขึ้นและยืมพลังของดวงตะวันมหาชั้นฟ้าให้กลายเป็นการโจมตีที่รุนแรงยิ่ง


นาทีนี้ขณะที่ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าเผาไหม้ ดวงตะวันขนาดใหญ่หดลงเล็กลงอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันพลังอันมหาศาลได้เข้าไปในร่างหวังหลินด้วยวิธีอันแปลกประหลาด และเท้าขวาได้เหยียบย่ำลงไป


หวังหลินร้องคำราม ส่งเสียงดังกึกก้องทั่วร่างกาย!


หากค่ายกลแห่งนี้ตั้งอยู่ในมิติที่แตกต่างจากแผ่นดินเซียนดารา การโจมก่อนหน้านี้ทั้งหมดของหวังหลินคงไร้ประโยชน์ ซึ่งถ้าค่ายกลไม่มีตัวตน หวังหลินคงทำได้แค่มองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้


ค่ายกลที่นี่กลับดูดซับกลิ่นอายจากวังหลวงได้ นั่นแปลว่าถึงแม้จะอยู่คนละมิติ แต่มิติเหล่านั้นได้ทับซ้อนกับที่นี่


หวังหลินเคยเห็นวิชาแบบนี้มาก่อน ตอนที่อยู่ในวังหลวงเขาก็เจออะไรที่คล้ายกัน


ตอนนี้หวังหลินกำลังเผาไหม้ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของตัวเองเพื่อแลกเป็นพลังในการทะลวงเปิดมิติว่าง เขากำลังจะใช้ร่างกายและระดับบ่มเพาะอันทรงพลังเพื่อเปิดม่านกั้นเข้าไปในมิติแห่งนั้น


วิชานี้คล้ายกับการก้าวออกมาจากโลกถ้ำและตรงเข้าสู่แผ่นดินเซียนดารา ราวกับการข้ามเขตแดนระหว่างโลกซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเหล่ามหาชั้นฟ้า เว้นแต่จะเป็นเหมือนวังหลวงของเผ่าเทพ ที่ซึ่งสร้างทางเข้าขึ้นมา แต่หวังหลินกำลังพยายามลองด้วยวิธีของตัวเองและมันเป็นเรื่องยากยิ่ง


ราชครูอาณาเขตเต๋ามีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเพราะการกระทำอันบ้าระห่ำของหวังหลิน!


เท้าหวังหลินเหยียบย่ำลงไปเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ค่ายกลกะพริบรุนแรงและคล้ายกับมีตาข่ายที่มองไม่เห็นปรากฏตัวขึ้นมา ตาข่ายโค้งงอและหากหวังหลินสามารถทำลายมันได้ เขาก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้!


ตาข่ายที่กำลังกะพริบวาบมองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างเลือนลาง พอหวังหลินเพิ่มแรงส่งเข้าไปอีก คล้ายกับตาข่ายรับแรงถึงขีดจำกัด ร่างหวังหลินเองก็สั่นเทาและมีเม็ดเหงื่อไหลบนหน้าผาก แม้เขาจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมหาศาล มันก็เป็นเรื่องยากที่สุดอยู่ดี


เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา ราชครูยืนขึ้นและสร้างผนึก แสงสิบสีพุ่งเข้าหาตาข่ายที่อยู่ใต้เท้าของหวังหลิน ทำให้ตาข่ายแข็งแกร่งขึ้นและต้านทานได้ดีขึ้น ตอนนี้ตาข่ายคล้ายกับมีพลังเหนียวแน่นยกเท้าหวังหลินออกไป


เจ้าแมลงวันตัวยักษ์เบื้องหน้าหวังหลินคล้ายกับบ้าคลั่งไปแล้วและกระแทกเข้าใส่ม่านพลังอย่างต่อเนื่อง มันต้องการเปิดม่านพลังและพุ่งเข้าใส่หวังหลิน


หลังจากกำลังเติมพลังให้ตาข่าย ราชครูกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ทว่าโลหิตไม่ได้ตกลงใส่ตาข่าย กลับพุ่งผ่านค่ายกลเข้าไปที่ไหนไม่ทราบ


แต่จังหวะนี้เองแรงกระตุ้นของค่ายกลได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า ส่งเสียงอื้ออึงเพิ่มขึ้นราวกับมีคนกำลังพูดอยู่ข้างๆ แต่ไม่สามารถได้ยินอะไรได้ชัดเจน


“ใช้โลหิตข้าเพื่อนำทางวิญญาณแห่งสวรรค์ เปิดใช้งาน!” ชายชราร้องคำราม เหล่าวิญญาณนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในค่ายกล พอหวังหลินเห็นเหล่าวิญญาณเหล่านี้ ร่างกายจึงสั่นเทา


เหล่าดวงวิญญาณเป็นของคนที่ตายด้วยน้ำมือหวังหลินในโลกถ้ำ!!


ดวงวิญญาณเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำและพุ่งออกมาจากค่ายกล ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและก่อเกิดเป็นวังวนขนาดยักษ์ จากนั้นปรากฏภาพลวงตาขึ้นในค่ายกล!


ภาพลวงตาคล้ายกับภาพวาดและแสดงเป็นสะท้อนภาพภายในเผ่าเทพออกมา!!


ณ แผ่นดินเซียนดารา บนแคว้นทะเลขุนเขา เหล่าเซียนที่กระจายกันออกไปต่างก็จ้องมองทะเลด้วยความตกตะลึง ระดับน้ำทะเลลดลง จากนั้นมีเสาสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากใต้ก้นทะเล ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป


หวังหลินเห็นฉากเหตุการณ์ที่อยู่ในวังวน เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรแต่รู้สึกเส้นผมตั้งขึ้นคล้ายกับเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราปรากฏขึ้นมา!


หวังหลินสูดหายใจลึกและพยายามเหยียบลงไปเพื่อทำลายม่านพลังอย่างไม่ลังเล ทว่าตาข่ายนั้นกลับเหมือนได้รับการเติมพลังงานและมีพลังอันไร้ที่สิ้นสุด ป้องกันไม่ให้หวังหลินทะลวงเข้าไปได้ จึงทำให้เสียงที่หวังหลินเหยียบตาข่ายดังกึกก้องไปทั่ว


ราชครูกระอักโลหิตออกมาสามครั้งและดึงดูดวิญญาณออกมามากขึ้น เหล่าวิญญาณเหล่านี้คือทุกคนที่หวังหลินได้สังหารไป พวกเขาเผยสีหน้าเจ็บปวดพลางร้องคำรามและเปลี่ยนกลายเป็นควันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า


พวกเขาเปลี่ยนกลายเป็นวังวนยักษ์สามแห่งเรียงกันกับวงวนแห่งอื่น แต่ละวังวนปรากฏภาพที่ไม่เหมือนกันขึ้นมา


ณ แคว้นคลื่นเมฆา บนแคว้นแห่งนี้มีมหาสมุทรขนาดยักษ์ ปกติไม่ได้มีคลื่นมากมายอะไรนัก บนมหาสมุทรมีเกาะเล็กๆ อยู่จำนวนมากและมีเหล่าเซียนอยู่ด้วย มหาสมุทรอันสงบเงียบพลันเกิดเสียงดังสนั่น เกาะนับไม่ถ้วนเกิดน้ำท่วมจนเหล่าเซียนจำนวนมากตกตะลึงและทะยานออกมา ระดับน้ำมหาสมุทรกำลังลดลงและจากนั้นเกิดเสายักษ์ต้นหนึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป


สถานที่อีกสองแห่งที่เป็นมหาสมุทรในเผ่าเทพ ได้มีเสาขนาดยักษ์ทะยานออกมาและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สถานที่สุดท้ายอาจไม่เรียกว่ามหาสมุทรได้นักเพราะมันถูกแช่แข็งและเป็นที่ที่มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงอาศัยอยู่ น้ำแข็งพลันปริแตก เผยมหาสมุทรแช่แข็งด้านล่าง เสาขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านน้ำแข็งขึ้นมาและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า


หวู่เฟิงยืนอยู่ห่างๆ และมองเข้าไป เสาแห่งนี้เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับอยู่มานานหลายปี แรงกดดันมหาศาลแผ่กระจายออกมาสั่นคลอนไปทั่วบริเวณ


“มัน…มันมาก่อนเวลา!!!” หวู่เฟิงพึมพำ แต่ไม่นานดวงตาก็เปล่งประกายเจิดจ้า


หวังหลินเห็นทุกอย่างที่อยู่ในวังวนได้ชัดเจน พอเห็นว่าราชครูกำลังจะกระอักโลหิตครั้งที่ห้า หวังหลินอัญเชิญร่างอวตารในมิติว่างโดยไม่ลังเล สายหมอกพร่าเลือนปรากฏขึ้นรอบร่างกายและระเบิดพลังปะทุขึ้นทันที เท้าขวาบรรจุพลังเต็มเปี่ยมเหยียบย่ำลงใส่ม่านพลังตาข่าย


ร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นทับซ้อนกับร่างดั้งเดิมราวกับมีอีกร่างอยู่ตรงนั้น นี่คือร่างอวตารที่อยู่ในมิติว่าง!


เพียงเหยียบครั้งนี้ ม่านพลังส่วนหนึ่งได้พังทลายกลายเป็นหลุม หวังหลินจึงได้ก้าวเข้าไปในมิติที่มีค่ายกลอยู่!


ร่างกายเขายังอยู่ที่นี่แต่เท้าขวาเยียบเข้าไปในมิติแห่งนั้น!


นี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว หวังหลินไม่สามารถทำให้ทั้งร่างเข้าไปในมิติแห่งนั้นได้ ทว่าขณะที่เท้าขวาถึงเป้าหมาย กลับมีแสงสีดำกะพริบวาบอยู่บนเท้าและเขาจึงถอนออกมา ควันสีดำจำนวนมากทะลวงเข้าไปในหลุมที่มีตาข่ายฟื้นฟูอยู่


ภายในมิติที่มีค่ายกลอยู่ ควันสีดำรวมกันตรงสุดขอบของค่ายกลก่อเกิดเป็นหวังหลินผมดำ สายตาเย็นเยียบไม่แยแสและไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง นี่คือร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารของหวังหลิน ชื่อของมันคือ…


“มือสังหาร!!” คนที่พูดชื่อของร่างนี้ขึ้นมาคือราชครู!


ชายชราจ้องมองร่างหวังหลินผมดำ แววตาเป็นประกายความหวาดกลัว


“ข้าไม่ชินกับการพูดกับคนอื่นที่อยู่คนละมิติ ข้าชอบคุยซึ่งหน้าแบบนี้มากกว่า” ร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารผมดำพูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ


ที่นี่เป็นมิติที่แปลกประหลาดมาก มันคล้ายกับมีขนาดไร้ขอบเขต ทำให้ผู้คนเกิดภาพมายาแปลกๆ มีเสียงพึมพำดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องราวกับมีคนจำนวนมากพูดคุยกันแต่ไม่สามารถได้ยินชัดว่าพูดอะไรอยู่


ร่างมือสังหารถอนสายตาและก้าวเข้าหาราชครู


ด้านนอกค่ายกล ร่างดั้งเดิมของหวังหลินนั่งหลับตาลง เพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ร่างมือสังหารในอีกมิติ


“เจ้าดูเหมือนหวาดกลัวข้าอย่างมาก และเจ้าก็รู้ชื่อของร่างนี้ด้วย…” ร่างมือสังหารมองไปที่ชายชราและค่ายกลอย่างเย็นเยียบ เขาสะบัดแขนปรากฏควันสีดำนับไม่ถ้วนเข้าทำลายค่ายกลแห่งนี้


“หากเจ้าทำลายค่ายกลนี้ จะไม่มีโอกาสปลุกลี่มู่หวานขึ้นมาได้! เศษวิญญาณนั่นเป็นแค่เศษวิญญาณ แม้เจ้าจะเก็บนางไว้ในโลงศพเลี่ยงสวรรค์ก็ไม่สามารถปลุกชีวิตนางขึ้นมาได้ หนทางเพียงในการชุบชีวิตนางจากความตายขึ้นมาคือการพึ่งพาค่ายกลนี้เท่านั้น!”


“หากเจ้าพึ่งพาเพียงแต่พลังของโลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณเพื่อปลุกนางขึ้นชั่วคราว นางก็ยังไม่สามารถหนีพ้นวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ไปได้ อีกหลายปีต่อมานางจะกลับเป็นร่างศพ หากเจ้าต้องการให้นางหนีพ้นวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ เจ้าต้องพึ่งพาค่ายกลนี้” ราชครูพูดขึ้นทันที


ร่างมือสังหารชะงักมือขวาเอาไว้ หวังหลินลืมตาขึ้นมาด้านนอกค่ายกล


“ค่ายกลแห่งนี้กำลังเปิดไปที่ใด?”


ราชครูขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “แดนเทพบรรพกาล!”


“หากเจ้าต้องการให้ลี่มู่หวานทะลวงออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้และไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด เจ้าต้องเข้าไปในแผ่นดินเทพบรรพกาล ที่นั่นเจ้าสามารถซ่อนตัวจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้และสามารถใช้เต๋าแห่งการเกิดใหม่ของเจ้าเพื่อทำลายม่านแห่งความฝันของลี่มู่หวาน ค้นหาตัวตนที่แท้จริงของนางด้วยตัวเองและก้าวข้ามการเกิดใหม่”


“แดนเทพบรรพกาลในอดีตเปิดออกเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่ด้วยวิธีของข้า ข้าสามารถเปิดมันออกได้อย่างสมบูรณ์!”


อย่างไรก็ตามแววตาของมือสังหารมีประกายจิตสังหาร หลังจากหยุดชะงักไปจึงเคลื่อนไหวอีกครั้งราวกับเขากำลังทำลายค่ายกล


…………………………………………………….


ตอนที่ 2039 การตัดสินใจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ราชครูส่งเสียงคำราม “หากค่ายกลนี้ถูกทำลาย เจ้าจะไม่มีวันรู้ความจริงของโลกถ้ำและแผ่นดินเซียนดารา!!”


“เจ้าจะยังต้องเฝ้าดูวิญญาณของลี่มู่หวานตายและกลับคืนสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เจ้าจะไม่ได้ทำให้นางอยู่กับเจ้าไปตลอดกาล!”


ร่างมือสังหารมีแววตาเปล่งประกายและหยุดมือขวาไว้ ควันสีดำยังคงเคลื่อนไหวไปตามแขน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่ง


“เจ้ามีโลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณ และมันมีพลังของผู้สร้าง แต่ถึงแม้เจ้าได้ผสานหยดโลหิตเข้าไปในร่างของลี่มู่หวาน ก็ไม่ได้ทำให้นางเข้าสู่ดินแดนเทพบรรพกาลได้อย่างปลอดภัย”


“ดินแดนเทพบรรพกาลเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุดของแผ่นดินเซียนดารา เซียนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะต้องมีระดับบ่มเพาะทรงพลังหรือร่างกายที่แข็งแกร่งเท่านั้น”


“ครั้งนี้ดินแดนเทพบรรพกาลได้เปิดออกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแตกต่างจากที่มันเปิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากเจ้าต้องการเข้าไปพร้อมกับลี่มู่หวาน เจ้าต้องทำให้ร่างของนางไร้เทียมทานจนไม่สามารถทลายได้เพื่อให้พาเข้าไปที่นั่น จากนั้นใช้พลังอำนาจแห่งการเกิดใหม่เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของนาง แยกนางออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่เพื่อกลายเป็นอมตะ!” เทียนหยุนพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะกระอักโลหิตอีกสองครั้ง


โลหิตคล้ายกับสายหมอกและแทงทะลุค่ายกลไป ก้อนวิญญาณของผู้คนที่หวังหลินสังหารไปอีกสองก้อนได้ทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า


ภายในท้องฟ้า พวกมันได้เรียงตัวเข้ากับวังวนทั้งสี่ก่อนหน้านี้ คล้ายกับกำลังทำเป็นรูปวงกลม


ก้อนควันสีดำสองก้อนเผยภาพที่แตกต่างกัน


มันไม่ใช่ในเผ่าเทพอีกแล้วแต่ครั้งนี้เป็นเผ่าโบราณ!


แห่งหนึ่งแสดงถึงพื้นที่บริเวณอาณาเขตจวี่ซึ่งมีทะเลอันกว้างใหญ่ ทะเลแห่งนี้สีดำและเปล่งกลิ่นเน่าเหม็น ซึ่งเป็นทะเลแห่งความตายอันโด่งดังของอาณาเขตจวี่


ปกติแล้วที่นี่เหมาะสำหรับให้ผู้คนของอาณาเขตจวี่เข้ามาฝึกฝน แรงกดดันจากทะเลจะหล่อหลอมผู้ฝึกฝน ซึ่งหากสามารถต้านทานได้จะช่วยกระตุ้นสภาพของผู้ฝึกฝนให้อยู่ในสภาวะเต็มกำลัง


อย่างไรก็ตามตอนนี้ในทะเลแห่งความตายกลับมีคลื่นรุนแรงโผล่ขึ้นมาแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณและส่งเสียงดังสนั่น เสาขนาดใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป ระดับน้ำทะเลหายไปเกือบครึ่ง


ขณะที่เสาต้นนี้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสาอีกแห่งทะยานออกมาจากตรงชายแดนทะเลของอาณาเขตเต๋าและอาณาเขตฉี ระลอกคลื่นจำนวนมากแผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ดึงดูดสายตาผู้คนที่มองเห็น ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น


“คำตอบที่เจ้าต้องการทั้งหมดอยู่ในแดนเทพบรรพกาล เมื่อเจ้าไปที่นั่น เจ้าจะรู้คำตอบ!” ราชครูปาดโลหิตจากมุมปากอยู่ในค่ายกล


ร่างมือสังหารผมดำส่งสายตาไปที่ราชครู


“มิติที่เจ้าอยู่ยังแตกต่างจากมิติที่มีค่ายกล…” เพียงแค่เขาพูดขึ้น พลันชี้ไปที่ราชครู ก้อนควันสีดำจำนวนมากออกมาจากปลายนิ้วและทะยานเข้าหา


ราชครูไม่หลบหลีกเลยและยอมให้ควันสีดำทะลุผ่านร่างกายไป ทว่าร่างเขาคล้ายกับไม่มีตัวตนและไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย เสมือนเป็นเพียงแค่ภาพฉายและไม่ได้อยู่ที่นี่


ราชครูหรี่สายตาพลางมองร่างมือสังหาร แววตาผุดความหวาดหวั่นขึ้นมา


“ข้ายังไม่เชื่อคำพูดของเจ้า!” หวังหลินที่นั่งอยู่ด้านนอกค่ายกลกำลังมองทุกอย่างข้างใน เขาไม่ได้ตกตะลึงกับคำพูดของราชครู


ราชครูกัดฟันและพูดขึ้นทันที “เจ้าได้ครอบครองเส้นผมสีขาวและกะโหลกขนาดเท่ากำปั้นหรือไม่?”


พอร่างมือสังหารได้ยินเช่นนี้ แววตาเผยความเย็นเยียบ ร่างหวังหลินที่อยู่นอกค่ายกลพลันมองขึ้นไป


“เจ้ามีพวกมันอยู่จริงๆ!” พอราชครูเห็นเช่นนี้จึงมีความยินดีขึ้นมา


ราชครูเห็นร่างมือสังหารเคลื่อนไหวจึงรีบพูด “หลังจากเข้าไปในแดนเทพบรรพกาลแล้ว จงใช้เส้นผมเป็นเครื่องนี้ชี้ทางและใช้กะโหลกเป็นแสงสว่างส่องทางให้เจ้า เจ้าจะค้นพบความจริง! หากเจ้าทำลายค่ายกลนี้ แผนของข้าจะล้มเหลว แต่เจ้าก็จะไม่รู้ความจริงไปด้วย วันหนึ่ง เจ้าจะต้องเสียใจ!!”


เรื่องในวันนี้มันเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด เขาคิดว่าหวังหลินไม่สามารถเข้ามาในมิติแห่งนี้ได้ ไม่คิดว่าหวังหลินจะมีพลังอำนาจถึงกับข้ามผ่านขอบเขตเหล่านี้มาได้!


การที่ชายชราเผชิญกับร่างแก่นแท้สังหาร จึงรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งจิตใจและวิญญาณอย่างอธิบายออกมาไม่ได้


‘มันไม่ควรเป็นแบบนี้!! หรือจะมีบางอย่างผิดพลาดไป!?!’ ราชครูร่ำร้องอยู่ในใจแต่ไม่เผยอะไรออกมาบนใบหน้า อย่างไรก็ตามหวังหลินสามารถทำลายค่ายกลได้ทุกเมื่อและทำลายแผนการที่เขาวางเอาไว้นานหลายปี ดังนั้นเขาจึงต้องเผยความลับจำนวนมากออกมา


ร่างมือสังหารพูดขึ้น “น่าสนใจ ข้าจะปล่อยค่ายกลนี้ไปก็ได้ แต่เจ้าต้องบอกข้ามาว่าทำไมค่ายกลนี้จึงต้องใช้วิญญาณผู้คนที่ร่างดั้งเดิมข้าสังหารถึงเปิดใช้งานได้!”


ราชครูมีสีหน้าเปลี่ยนไปและคล้ายกับลังเล แต่เขาได้เห็นหวังหลินยกมือขึ้นจะทำลายค่ายกลในจังหวะนั้น


“เพราะแดนเทพบรรกาลมี…” ชายชรากัดฟัน ขณะที่กำลังจะพูดคำเหล่านั้น ร่างกายเกิดอาการสั่นเทา ส่งเสียงร้องโหยหวนและเผยสัญญาณการสูญสลาย


“นี่…นี่คือกฎของดินแดน!! ข้าพูดไม่ได้! หากข้าพูดไป ข้าคงต้องตาย!” ราชครูหน้าซีดทันที


ร่างมือสังหารก้าวเข้ามาและเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “โอ้? เจ้าไม่ต้องบอกข้าเรื่องนั้นหรอก แต่เจ้าต้องบอกข้าว่าเจ้าเป็นใคร!”


“สีรุ้งคือข้า เทียนหยุนคือข้า และราชครูอาณาเขตเต๋าก็คือข้าเช่นกัน แม้กระทั่ง…” ขณะที่พูดขึ้นมา ร่างกายสั่นเทาอีกครั้งและส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด


ราชครูมีท่าทีลำบากและเอ่ยตอบ “ข้าพูดมันไม่ได้!! หวังหลิน ค่ายกลนี้สำคัญสำหรับข้าแต่มันก็สำคัญสำหรับเจ้าด้วย หากเจ้าตั้งใจทำลายค่ายกลนี้ ข้าจะไม่หยุดเจ้าอีกแล้ว!!”


ทุกอย่างในวันนี้ผิดไปเสียหมดเพราะเขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินจะทะลวงผ่านขอบเขตมาได้และส่งร่างมือสังหารเข้ามาข้างใน ไม่เช่นนั้นเขาคงกุมความได้เปรียบอยู่จนถึงตอนนี้


ร่างมือสังหารขบคิดอย่างเงียบงัน ร่างหวังหลินด้านนอกค่ายกลเผยสีหน้าซับซ้อน ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจ หลังจากเห็นปฏิกิริยาของราชครูแล้วหวังหลินพอจะคาดเดาบางอย่างได้ในใจ แต่การคาดเดานี้ช่างพิสดารจนเขาไม่กล้าเชื่อ!


อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลี่มู่หวาน หวังหลินรู้ว่าราชครูไม่ได้พูดผิดไป โลหิตวิญญาณสามารถปลุกนางได้เพียงชั่วคราวแต่ไม่สามารถทำให้นางทลายออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้และสักวันหนึ่งยังต้องตายอยู่ดี


หากเขาต้องการข้ามผ่านการเกิดใหม่ไป บางทีหวังหลินต้องมุ่งหน้าไปที่แดนเทพบรรพกาลจริงๆ


พอจ้องมองชายชราแล้ว หวังหลินจึงหลับตา จังหวะนั้นมือสังหารถอนมือออกมา ควันสีดำรอบตัวเขาควบแน่นกลับไปและไม่แผ่กระจายอีก


มือสังหารพูดอย่างเย็นเยียบ “ดำเนินค่ายกลต่อไป!”


ราชครูไม่ประหลาดใจ เขามองร่างดั้งเดิมของหวังหลินที่อยู่นอกค่ายกลอย่างสื่อความหมายก่อนจะกระอักโลหิตอีกสองครั้ง


สองโลหิตเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มควันสีดำสองก้อนเต็มไปด้วยวิญญาณแห่งความตาย พวกมันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมกับวังวนทั้งหกแห่งก่อนหน้านี้จึงกลายเป็นวงกลมอันสมบูรณ์


ขณะเดียวกันอีกสองแห่งในเผ่าโบราณ เสาขนาดยักษ์ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พื้นดินสั่นไหวและเสาทั้งสองเลือนหายไป


วังวนสีดำทั้งแปดหมุนวนอยู่ในท้องฟ้าจนกระทั่งหนึ่งในนั้นระเบิดเป็นแสงสีดำคล้ายน้ำหมึกและแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ พริบตาเดียวทั่วท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ!


ไม่ใช่เพียงแค่ท้องฟ้าบริเวณนี้แต่ท้องฟ้าของเผ่าโบราณได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำ แม้กระทั่งท้องฟ้าในทะเลอันห่างไกล รวมถึง 72 แคว้นของเผ่าเทพก็เปลี่ยนกลายเป็นกลางคืน!


ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราถูกห่อหุ้มด้วยความมืด!


ผ่านไปเก้าลมหายใจ ความมืดที่ปกคลุมทั้งแผ่นดินเซียนดาราก็หายไป หวังหลินมองไปบนท้องฟ้าจนพบว่าหนึ่งในแปดวังวนได้หายไปแล้ว ขณะเดียวกันเขารู้สึกแปลกประหลาดขึ้นในใจ เนื่องจากเห็นเสาขนาดยักษ์อันเลือนลางได้ปรากฏขึ้นบนทะเลอันกว้างใหญ่ที่อยู่ระหว่างเผ่าเทพและเผ่าโบราณ


จังหวะนั้นเอง วังวนที่เหลืออยู่เจ็ดแห่งในท้องฟ้าได้ระเบิดขึ้นหนึ่งแห่งด้วยแสงสีดำแบบเดียวกัน


ท้องฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นสีดำอีกครั้ง เก้าลมหายใจต่อมาความมืดก็หายไป เหลือวงวนเพียงแค่หก แต่ปรากฏเสาแห่งที่สองขึ้นในทะเลอันกว้างใหญ่


ขณะที่โลกทั้งใบสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างสีขาวและดำ ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราเริ่มสั่นเทา ในทะเลอันกว้างใหญ่ก่อเกิดคลื่นยักษ์กระทบฝั่งสั่นสะเทือนสวรรค์


หวังหลินสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นบนอันทะเลอันกว้างใหญ่ได้อย่างเลือนลาง บางสิ่งที่ส่งผลกระทบได้ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราคงเป็นเพราะแดนเทพบรรพกาลใจตำนานนั้นที่สามารถทำให้คนกลายเป็นมหาชั้นฟ้ากำลังปรากฏตัวขึ้น!!


“แดนเทพบรรพกาล…” หวังหลินพึมพำ เขาได้ยินเรื่องสถานที่แห่งนี้มานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นพยานรู้เห็นการเปิดตัวของมัน


ท้องฟ้าสลับเป็นสีดำในครั้งที่ห้า จากนั้นผ่านไปเก้าลมหายใจจึงได้กลับคืนเป็นกลางวันอีกครั้ง หวังหลินมองขึ้นไปเห็นวังวนเหลือเพียงสามแห่งเท่านั้น!


เทียนหยุนมองดูอย่างตื่นเต้นอยู่ในค่ายกล เขาดูเหมือนรอคอยเวลานี้มานาน สายตามองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนทะเลอันกว้างใหญ่ ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความบ้าคลั่ง


…………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)