Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2024-2031
ตอนที่ 2024 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (3)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงคำรามของหวังหลินแผ่กระจายและห่อหุ้มพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองหลวง ทุกคนที่ได้ยินถึงกับจิตใจสั่นสะเทือน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
ตอนนี้คนส่วนใหญ่เข้าไปในงานเลี้ยง แต่ยังมีคนอีกมากที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้ พวกเขาต้องรอจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้เพื่อจะได้มองดูพิธีจากภายในเมือง
ดังนั้นจึงมีคนจากสามอาณาเขตอีกหลายคน เสียงเพลงในงานเลี้ยงดังสนั่นกึกก้อง เป็นบรรยากาศที่มีความสุขมาก ทว่าเมื่อหวังหลินส่งเสียงคำรามว่า “เย่ต้าว! ข้าจะไปฆ่าเจ้า!” ทำให้ทุกคนตกตะลึง เสียงเพลงหยุดลงทันที
บรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาพลันหายไปและถูกความเงียบสงัดมาแทนที่ มีเพียงแสงสว่างและแสงหลากสียังคงพล่าเลือนแต่มีความเย็นเยียบแทรกอยู่ในอากาศ!
“นั่นมันเสียงใคร!?!”
“เย่ต้าว…เย่ต้าว…นั่นไม่ใช่ชื่อของจักรพรรดิเต๋าหรอกหรือ!?!”
“เขา…กล้าพูดอย่างโอหังเช่นนั้นในเมืองหลวงแห่งอาณาเขตเต๋า?” หลังจากเงียบไปสักพัก พื้นที่ที่ได้ยินเสียงคำรามของหวังหลินกำลังส่งเสียงร้องอย่างตกตะลึง
ภายในอารามเต๋า ผู้คนทั้งเก้าที่อยู่ใต้อำนาจซวนลั่วนั้นอยู่ใกล้หวังหลินมากที่สุด ทุกคนลืมตาด้วยความตกตะลึงและมองไปทางที่พักของหวังหลินด้านหลังอารามเต๋า!
ณ ใจกลางอารามเต๋ามีมิติที่ถูกปิดผนึกไว้อย่างสิ้นเชิง ซวนลั่วนั่งหลับตาอย่างสงบนิ่ง เขารู้สึกได้ว่าเวลาแห่งการเกิดใหม่อยู่อีกไม่ไกลแล้ว ตอนนี้จึงต้องการหลอมสมบัติแห่งศรัทธาให้หวังหลินก่อนไปเกิด!
เบื้องหน้ามีกระบี่ห้าสีลอยอยู่ กระบี่เล่มนี้ประหลาดมาก มันมีคมสี่ด้าม ไม่ดูเหมือนกระบี่แต่เหมือนส้อมมากกว่า
ทั้งตรงขอบมีคมมีดที่ห้าซ่อนเอาไว้ดูราวกับสามารถโผล่ออกมาได้ทุกเวลา
ทุกชั่วขณะหนึ่งซวนลั่วจะพ่นควันสีเขียวออกมาหนึ่งก้อนเข้าห่อหุ้มกระบี่ห้าสี
‘ข้าหลอมกระบี่เล่มนี้มานานมาก ตอนนี้ปรากฏคมมีดขึ้นมาสี่แห่งซึ่งเป็นช่วงวิกฤติแล้ว เมื่อคมมีดที่ห้าปรากฏ มันจะเป็นสมบัติทรงพลังยิ่งสำหรับหวังหลิน’ ซวนลั่วลืมตาและเผยรอยยิ้ม ท่าทีแฝงความภูมิใจอยู่เล็กๆ
หลังจากขอให้หวังหลินไปมอบของขวัญแก่จักรพรรดิเต๋า เขาก็ปิดด่านบ่มเพาะเพื่อหลอมสมบัติแห่งศรัทธาให้ เขารู้สึกว่าหลังจากได้กลายเป็นอาจารย์ของหวังหลินก็ยังไม่ได้ให้สมบัติทรงพลังแก่ลูกศิษย์เลย เขารู้สึกเหมือนเป็นหนี้หวังหลิน จึงเลือกที่จะปิดด่านบ่มเพาะและใช้สัมผัสวิญญาณที่เหลืออยู่ห่อหุ้มกระบี่เอาไว้ ดังนั้นจึงไม่สามารถถอนสัมผัสวิญญาณออกมาได้ในชั่วเวลาสั้นๆ
ทว่าในขณะที่เขาลืมตา พลันได้ยินเสียงคำรามบ้าคลั่งที่ต้องการทำลายล้างโลกนี้ออกมาจากบ้านไม้ในหุบเขา!
เสียงคำรามเต็มไปด้วยจิตสังหารสั่นคลอนโลกทั้งใบ คำพูดที่อยู่ในเสียงคำรามนั้นทำให้ซวนลั่วตกตะลึง
เขาพลันลุกขึ้นและมองไปด้านหลัง สายตาคล้ายกับมองทะลุภูเขาและเห็นทุกอย่างในบ้านไม้ได้
‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!?’ ซวนลั่วรู้สึกจิตใจตกวูบ คล้ายกับมีเรื่องใหญ่กำลังเกิดขึ้น เขาสะบัดแขนและรีบถอนสายตาออกมา ทว่ากระบี่ตรงหน้าถึงช่วงวิกฤติของการหลอมแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปไหม้จึงจะถอนสัมผัสวิญญาณได้
ซวนลั่วรู้สึกกระวนกระวายจึงรีบส่งข้อความออกไปให้ผู้ติดตามทั้งเก้าคนในอารามเต๋า
“เข้าไปหาหวังหลินเพื่อค้นหาเหตุผล พวกเจ้าต้องประคองเขาไว้จนกว่าข้าจะออกไปได้!! อย่าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่!!”
ภายในบ้านไม้ ขณะที่หวังหลินร้องคำรามกึกก้อง ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไปรอบบริเวณ ระลอกคลื่นเหล่านี้มีเสียงคำรามบ้าคลั่งของหวังหลิน ความมุ่งมั่นที่จะสังหารจักรพรรดิเต๋า รวมถึงพลังทำลายล้างในร่างกายเขาด้วย!
เพียงเท่านั้นเตียงไม้ที่หวังหลินนั่งถึงกับกลายเป็นฝุ่นผง เก้าอี้ไม้ โต๊ะและบ้านทั้งหลังสูญสลายเป็นผุยผง ก่อเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นภายในหุบเขา
เมื่อพายุพัดผ่านออกไป ต้นไม้ ใบหญ้า โต๊ะหิน สายน้ำและทุกอย่างภายในหุบเขาแปรเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน พายุยังพัดพวกมันลอยขึ้นไปในท้องฟ้า!
หวังหลินลอยอยู่ใจกลางพายุ เรือนผมพริ้วไสว ดวงตาแดงฉาน เขากำลังเปล่งจิตสังหารมหึมา หวังหลิน…บ้าคลั่งไปแล้ว!!!
หวังหลินไม่เคยบ้าคลั่งเท่าตอนนี้มาก่อน ราวกับหัวใจกำลังถูกมีดบาด!
เบื้องหน้าเขา แก่นแท้โลหะในร่างแก่นแท้ห้าธาตุพลันแตกสลายไปจากความโกรธเกรี้ยว จากนั้นก่อเกิดร่างแก่นแท้โลหะขึ้นมาแทนที่!
ร่างแก่นแท้โลหะลอยขึ้นไปในอากาศ ส่วนร่างแก่นแท้ห้าธาตุที่เหลือลอยขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ธาตุทั้งห้าผสานกันเบื้องหน้าหวังหลินเพื่อก่อเกิดเป็นร่างแก่นแท้ห้าธาตุฉบับสมบูรณ์!
ร่างแก่นแท้ห้าธาตุปกคลุมอยู่ในแสงห้าสี ดวงตาหลับสนิทแต่พอมันลืมตาขึ้นมา ล้วนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเช่นกัน
หวังหลินกระโจนขึ้นไปในอากาศ ยื่นแขนขวาเข้าหาร่างแก่นแท้ห้าธาตุ ร่างแก่นแท้ห้าธาตุกระโจนขึ้นและผสานกับหวังหลิน นาทีนั้นหวังหลินได้ส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง
ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเริ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นจากขั้นวิบากดับสูญระดับปลายไปสู่ระดับสูงสุด! สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่หวังหลินคิดเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝนในอนาคตนับว่าเป็นความจริง!
สิ่งนี้ควรจะทำให้เขามีความสุขมาก แต่ตอนนี้หวังหลินไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับบ่มเพาะ ความคิดเดียวในหัวสมองคือการเดินทางกวาดล้างเข้าสู่วังหลวง สังหารจักรพรรดิเต๋าและชิงหวานเอ๋อร์คืนมา!!
ร่างกายห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายรุนแรง เขาสะบัดแขนใส่หุบเขา ทั่วทั้งผืนดินสั่นสะเทือนและกระเทือนไปถึงอารามเต๋า ภายในถ้ำใต้ดิน ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าและศีรษะบรรพชนเทพต่างลอยขึ้นมา ด้านบนถ้ำเกิดรอยแตกร้าวและดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินได้พาศีรษะออกมาผ่านรอยแตก!
จังหวะนั้นทั้งเก้าคนที่ซวนลั่วส่งข้อความมาให้ก็เข้ามาถึง ทั้งเก้าพุ่งทะยานเป็นลำแสงทะลุผ่านท้องฟ้าและมาถึงเหนือหุบเขา
เพียงชำเลืองมองก็บอกได้ว่าที่นี่ตกอยู่ในซากปรักหักพัง พวกเขาเห็นรอยแตกและเห็นพายุพัดผ่านที่นี่ไป ภายในพายุคือหวังหลิน เรือนผมพริ้วสะบัดและเปล่งจิตสังหารอันน่าตกตะลึง!
“ปรมาจารย์น้อย!! ท่าน…”
“เกิดอะไรขึ้น? ปรมาจารย์น้อย โปรดสงบจิตใจลงก่อน!”
“เราทั้งเก้ามาตามคำสั่งท่านซวนลั่วเพื่อสอบถามเหตุผล ปรมาจารย์น้อยได้โปรดบอกเราด้วย”
ทั้งเก้าคนตกตะลึงและคำนับฝ่ามือให้แก่หวังหลิน
หวังหลินดวงตาเย็นเยียบอยู่ในพายุ ยื่นมือขวาไปยังพื้นอีกครั้ง ส่งเสียงคำรามต่อและมีรอยแตกร้าวเปิดออกมากกว่าเดิม ลำแสงสีขาวและดำทะยานออกมาเข้าผสานหวังหลินทันที ส่วนศีรษะบรรพชนเทพลอยออกมาเป็นลำแสงสีทองและถูกหวังหลินเก็บไว้ในมิติเก็บของ
หลังจากเสร็จเรื่องแล้ว หวังหลินหันกลับมาและจ้องมองวังหลวงอาณาเขตเต๋า
“เย่ต้าว!” หวังหลินกัดฟันและไม่แม้แต่จะมองทั้งเก้าคน เขามองวังหลวงและก้าวเดินไปยังทิศทางนั้นดุจสายฟ้า
แต่จังหวะที่หวังหลินเคลื่อนไหว สีหน้าทั้งเก้าคนจึงเปลี่ยนไปและเข้ามาขวางหวังหลิน เจ็ดในเก้าคนสร้างผนึกและมีควันแผ่กระจายออกมาจาอาราม กลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่
ทั้งเก้าคนเปิดใช้งานค่ายกลของอารามเต๋าเพื่อหยุดยั้งหวังหลินอย่างไม่ลังเล!
หวังหลินหยุดชะงักชั่วขณะและมองขึ้นไป ดวงตาแดงฉานเผยจิตสังหารมหึมา!!
“เจ้ากล้าหยุดข้า!?”
ชายชราผู้มีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดในกลุ่มได้มองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัว หนังศีรษะด้านชาพลางคำนับฝ่ามือและเอ่ยออกมา “ปรมาจารย์น้อย ได้โปรดอย่าโกรธเกรี้ยว เราทำตามคำสั่งท่านซวนลั่วเพื่อให้ปรมาจารย์อยู่ที่นี่ หลังจากท่านซวนลั่วมาถึง ค่อยตัดสินใจก็ได้”
“อาจารย์ซวนลั่ว…” ในศีรษะหวังหลินรู้สึกเจ็บแปลบ เขารู้ว่าซวนลั่วคือองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า กระทั่งจักรพรรดิเต๋าคนปัจจุบันซวนลั่วก็เป็นคนเลือกมาเอง แต่ตอนนี้เขากำลังจะ…
“ไปซะ!!” หวังหลินเต็มไปด้วยสายตามุ่งมั่น เขากำลังจะไปสังหารจักรพรรดิเต๋าก่อนที่ซวนลั่วมาถึงเพื่อจะไม่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากต่ออาจารย์เขามากเกินไป!
นี่คือหนทางเดียวของหวังหลิน!
สีหน้าทั้งเก้าคนเปลี่ยนไปเมื่อตะวันมหาชั้นฟ้าปรากฏขึ้นด้านหลังหวังหลิน ดวงตะวันดวงนี้มีรูปร่างมากยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในภูเขากุ้ยต้าว พอตะวันปรากฏขึ้นมา ทั้งเก้าคนต่างก็หรี่ตาแคบ!
“มหาชั้นฟ้า!!!”
“นี่มันตะวันมหาชั้นฟ้า!!!”
“เขา…เขาเป็นมหาชั้นฟ้าจริงๆ!!” ทั้งเก้าคนมองหวังหลินยกแขนขึ้นมาสะบัดด้วยความไม่เชื่อ ค่ายกลรอบอารามเต๋าพังทลาย ทั้งเก้าคนกระอักโลหิตและกระเด็นกลับไปด้วยแรงกระแทก หวังหลินไม่ได้สังหารพวกเขา เขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและพุ่งออกไปจากหุบเขา!
ลำแสงสีแดงสายหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังวังหลวง!
………………………………………………………
ตอนที่ 2025 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (4)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมืองหลวงแห่งอาณาเขตเต๋า เมืองลอยฟ้า พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เสียงเพลงขับขานต่อไปราวกับเป็นวันสิริมงคล
เรื่องที่เกิดขึ้นรอบอารามเต๋าไม่ได้แผ่กระจายออกไปไกลเนื่องจากเมืองหลวงมีขนาดใหญ่และอารามเต๋าก็เป็นสถานที่พิเศษ
ไม่มีใครสังเกตว่าคืนก่อนพิธีอภิเษกสมรสของจักรพรรดิเต๋า มีเหตุการณ์ใหญ่ที่ไม่เพียงแค่สั่นคลอนอาณาเขตเต๋าเท่านั้น แต่มันกระทั่งสั่นคลอนทั้งเผ่าโบราณ!
ผู้คนนับไม่ถ้วนของทั้งสามอาณาเขตยังคงร้องเพลงและยกจอกเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม ทว่าพวกเขากลับได้ยินเสียงอึกทึกจนต้องขมวดคิ้ว จากนั้นจึงได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า คนที่มองไปต่างรู้สึกจิตใจสั่นไหวและลุกขึ้นทันที
เสียงเพลงหยุดลงจากเสียงอึกทึกที่ดังออกมาไกล
ในท้องฟ้ามีลำแสงคล้ายอุกกาบาตเกิดเป็นเสียงคำรามสั่นสะเทือนไปทั้งโลก เพียงแค่มันลอยผ่าน เสียงสายฟ้ากลับทำให้พื้นปฐพีสั่นสะท้านและเกิดระลอกคลื่นบนท้องฟ้า ราวกับมัจฉากำลังแหวกว่ายผ่านท้องนภาและแบ่งฟ้าให้กลายเป้นสองส่วน
จิตสังหารอันเหลือล้นเกินบรรยายท่วมลงมาจากท้องฟ้า ใครก็ตามที่ถูกจิตสังหารนี้เข้าแทรกซึมจะเกิดอาการสั่นเทา สายตาหวาดกลัวเกินซ่อนไหว!
พวกเขารู้สึกเลือนลางว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า!!
หวังหลินเห็นพระราชวังในท้องฟ้าที่มีชีวิตชีวา การมุ่งหน้าจากอารามเต๋าเข้าไปในวังแห่งนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ความเร็วนี้เทียบได้กับวิชาบิดมิติ กระนั้นพระราชวังได้มีเขตอาคมล้อมรอบเอาไว้จึงไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ตรงๆ
หวังหลินมองพระราชวัง ร่างของลี่มู่หวานปรากฏขึ้นในแววตา ร่างนี้ทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังบาดลึกและเลือดไหล เขาร้องคำรามและพุ่งเข้าหาวังหลวงราวกับคนบ้าจริงๆ
กระนั้นพออยู่ในระยะร้อยลี้ ร่างเงานับร้อยปรากฏขึ้นมาเผยตัวเองเป็นองครักษ์สวมเกราะ!
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เมฆก้อนหนึ่งพวยพุ่งขึ้นดุจกองทัพอาชาและปรากฏองครักษ์นับหมื่นคน ทั้งยังมีทิศอื่นอีกหลายพันคน กลายเป็นกรงขังป้องกันหวังหลิน!
“เป็นท่านหวังหลินนี่เอง” ร่างหนึ่งก้าวเดินออกจากท้องฟ้า และเมื่อเขาเห็นหวังหลิน ดวงตาจึงเปล่งประกาย สีหน้าท่าทางมืดมน
“ไม่ใช่ว่าท่านจากไปแล้วหรือ? ทำไมถึงทะลวงเข้ามาที่นี่ ท่านรู้หรือไม่ว่านี่เป็น…” ก่อนที่เขาจะพูดจบ หวังหลินร้องคำราม
“ไปซะ!! ใครที่ขวางทางข้าจะต้องตายให้หมด!!” หวังหลินก้าวออกไปดุจสัตว์ร้าย โยนกำปั้นออกไปทำให้พื้นที่ทั่วบริเวณสั่นสะเทือน ผู้คนนับสิบเบื้องหน้าเกิดอาการสั่นสะท้าน ร่างกายระเบิดออก!
การเข่นฆ่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว การสังหารรอบแรกเป็นแค่การโหมโรง!!
ยังมีลำแสงเก้าสายตามมาถึงด้านหลังหวังหลิน พวกเขาคือเก้าคนที่ติดตามซวนลั่ว พอเห็นหวังหลินลงมือสังหาร สีหน้าแต่ละคนจึงซีดขาว
“รีบไปบอกจักรพรรดิ หวังหลิน…เขาต้องการสังหารจักรพรรดิ!!” แม้ชายชราที่มีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดเลือกติดตามซวนลั่ว ความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ได้ทำให้เขาขัดคำสั่งของซวนลั่ว
เพียงประโยคนี้เอ่ยออกมา เหล่าองครักษ์นับหมื่นคนล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล พวกเขาตกตะลึงกับกำปั้นของหวังหลินแต่ถัดมาได้สติจากประโยคนั้น
แต่นี่สายเกินไปแล้ว เสียงดังสนั่นกึกก้องและเกิดเสียงกรีดร้องโหยหวน หวังหลินก้าวเดินต่อไป ใครที่ขวางทางเขาล้วนตายอย่างโหยหวน
ทั้งเก้าคนใต้อำนาจซวนลั่วถึงกับกัดฟันและพุ่งเข้าหาหวังหลิน พวกเขาใช้วิชาบางอย่างปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินและเลือกที่จะโจมตีทันที!
ทั้งเก้าคน หากต้องเลือกระหว่างซวนลั่วและราชวงศ์ พวกเขาเลือกราชวงศ์อย่างไม่ลังเล!!
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!” เดิมทีหวังหลินไม่ได้ต้องการฆ่าทั้งเก้าคน แต่กลับโดนขัดขวางหลายครั้ง เมื่อมาปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลิน แววตาจึงเป็นประกายจิตสังหาร หวังหลินสะบัดแขนขวาปรากฏประทับฝ่ามือยักษ์ ซึ่งคือวิชาประทับวิญญาณสงคราม!!
ชั่วจังหวะนั้นปรากฏภาพติดตาเป็นฝ่ามือขึ้นมา 99 ข้าง จากนั้นปรากฏขึ้นมาอีกรวมทั้งสิ้นได้ 121 ข้าง พวกมันผสานเข้าด้วยกันก่อเกิดนิ้วที่หก นิ้วที่เจ็ด นิ้วที่แปด นิ้วที่เก้า…จนกระทั่งนิ้วที่สิบ!!
ฝ่ามือที่มีสิบนิ้วพุ่งเข้าหาพวกเขา เหล่าทั้งเก้าคนกัดฟันและระเบิดพลังโบราณเข้าต่อต้าน เกิดเสียงดังอึกทึกเบื้องหน้าพระราชวัง
ทว่าทั้งเก้าคนต่างกรีดร้องและไม่สามารถต้านทานได้เลย นาทีที่สัมผัสกับฝ่ามือ ร่างกายแต่ละคนแตกสลายและตายทั้งหมด!
ฝ่ามือมุ่งหน้าต่อไป ใครที่ขวางทางฝ่ามือต่างก็ตกตายกันสิ้น พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทันที
หากอยู่ในเมืองหลวงของเผ่าเทพ ทุกคนที่เห็นคงแตกกระจายกันออกไปแล้ว พวกเขาคงไม่รีบไปตายถ้ารู้ว่าระดับความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากมายเช่นนี้
อย่างไรก็ตามที่นี่คือเผ่าโบราณ ซึ่งอำนาจแห่งราชวงศ์อยู่ในจุดสูงสุด เหล่าองครักษ์ที่เหลือต่างก็พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งและมอบชีวิตตัวเองเพื่อหยุดยั้งฝ่ามือนี้
พระราชวังที่ห่างออกไปร้อยลี้ยังคงมีชีวิตชีวาเช่นก่อน เหล่าคนนับไม่ถ้วนกำลังเข้ามาดื่มและยินดีกับจักรพรรดิเต๋า
จักรพรรดิเต๋ายังคงยิ้มและบางครั้งก็หัวเราะเสียงดัง ซ่งจื่อนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
ทว่าจักรพรรดิเต๋ามักจะมองซ่งจื่อด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง ตอนนี้เขามีความสุขมาก นานแล้วที่ไม่ได้มีความสุขขนาดนี้
เขามั่นใจถึงเก้าในสิบส่วนว่าหวังหลินและวิญญาณข้างในตัวนางต่างก็รู้จักกัน จากลักษณะของหวังหลินแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้ห่างเหิน ราวกับเป็นคนรักกัน
ทุกครั้งที่เขาคิดเช่นนี้ก็จะเริ่มหัวเราะและดื่มสุราไปหนึ่งจอก เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ จากนั้นเมื่อถึงเวลาเขาเล่นสนุกกับจักรพรรดินี เขาก็จะคิดถึงสีหน้าเจ็บปวดของหวังหลินไปด้วย
‘เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้โลหิตวิญญาณ ข้าเป็นลูกหลานของบรรพชนโบราณ! เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้กลายเป็นศิษย์ของซวนลั่วทั้งที่ข้าได้ขอร้องอ้อนวอนแต่ก็ยังถูกปฏิเสธ?’
‘เจ้ามีสิทธิ์อะไร!? เจ้ามันก็แค่มดปลวกจากโลกถ้ำ เป็นแค่คนเถื่อน เจ้ากล้าเทียบกับอัจฉริยะเช่นข้าได้อย่างไร!! ตอนนี้เจ้ามาที่อาณาเขตเต๋าของข้าแล้วและยังกล้าไม่คุกเข่าต่อหน้าข้าอีก? หวังหลิน เจ้าถือตัวดีนัก เจ้าไม่ถือว่าข้าสำคัญเลย ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีระดับบ่มเพาะอยู่ระดับไหน ในเผ่าเทพ เมื่อเจ้าเจอข้าจะต้องคุกเข่า!!’
‘หากเจ้าไม่คุกเข่า เช่นนั้นก็ดี หลังจากงานพิธีของวันพรุ่งนี้ ข้าจะไปเล่นสนุกกับจักรพรรดินีของข้า ดูซิว่าผู้หญิงของเจ้ามีรสชาติเช่นไร!!’
‘จากท่าทีของมัน มันกำลังค้นหาอยู่แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ค้นหาอยู่ข้างกายข้าและเป็นจักรพรรดินีของข้า!!’ เมื่อจักรพรรดิเต๋าคิดเช่นนี้ เขายกจอกขึ้นมาและเริ่มหัวเราะ
พอเห็นจักรพรรดิเต๋าหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล ผู้คนบนแท่นลอยฟ้าเองก็ยกของตัวเองขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
แต่ก่อนที่จะดื่มจอกของตัวเองและเสียงหัวเราะของจักรพรรดิเต๋ายังไม่จบดี ทุกคนต่างได้ยินเสียงอึกทึกดังออกมาจากด้านนอกวัง!!
เสียงจอแจของที่นี่พลันหยุดลง ทุกคนมองไปทางต้นตอของเสียง
ทว่าเพราะมีเขตอาคมห่อหุ้มพระราชวังเอาไว้ พวกเขาจึงได้แต่เห็นเพียงภาพเลือนลาง สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือมีกลิ่นอายบ้าคลั่งกำลังขวางกั้นสัมผัสวิญญาณที่อยู่ข้างนอกจนแม้แต่จักรพรรดิเต๋าก็มองไม่เห็นอะไรเช่นกัน
“ไม่มีอันตราย!” จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้น เขาจ่อสุราไว้ใกล้ปากและดื่มไปหนึ่งจิบ
ท่าทีสงบนิ่งของเขาทำให้คนบนลานและบนแท่นลอยฟ้าสงบลง พวกเขาไม่กังวลเนื่องจากที่นี่คือวังหลวง ใจกลางของอาณาเขตเต๋า การป้องกันของที่นี่ทรงพลัง จึงไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถทะลวงเข้ามาและมีชีวิตรอดได้
ลานกว้างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและเกิดเสียงยินดีปรีดาขึ้นอีกครา
ทว่าเมื่อเสียงจากด้านนอกยิ่งดังขึ้น ทุกคนก็กลับมาเงียบลงอีก ไม่มีใครสังเกตว่ามือของจักรพรรดิเต๋ากำลังสั่นเทาเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วและจ้องมองออกไป
จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้น “ทหารอยู่ไหน?!”
108 ทหารต้องห้ามต่างยืนขึ้นและคุกเข่าลงเบื้องหน้าจักรพรรดิเต๋า
“ออกไปสังหารผู้ที่ก่อกวน นำศีรษะมันมาให้ข้า!”
“น้อมรับคำสั่ง!” เหล่าทหารพูดอย่างพร้อมเพรียง เสียงสอดประสานกันเป็นคลื่นเสียงและปลดปล่อยจิตสังหารมหึมา
พวกเขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสง 107 สายและมุ่งหน้าออกไปนอกวัง!
“ส่งจักรพรรดินีไปพักผ่อน!” ร่างเงาสองร่างปรากฏขึ้นด้านหลังซ่งจื่อและโค้งคำนับให้นาง
ซ่งจื่อยืนขึ้นและสายตาสับสนมากกว่าเดิม นางมองออกไปยังที่ที่มีเสียงดังออกมา คำว่า “หวานเอ๋อร์” ยังคงส่งเสียงกึกก้องในใจ
“ยังไม่กลับไปอีก?” จักรพรรดิเต๋าขมวดคิ้ว มองซ่งจื่อด้วยสายตาเย็นเยียบและไร้หัวใจ
ซ่งจื่อดูหวาดกลัวมาก ร่างกายสั่นเทาและก้มศีรษะ นางกำลังจะติดตามร่างเงาทั้งสองไปแต่มีเสียงคำรามดังสนั่นอีกครั้ง มันอยู่ใกล้มากราวกับอยู่ด้านขวาของลานกว้าง!
จักรพรรดิเต๋าพลันมองเข้าไปและสีหน้าเปลี่ยนทันที!
เขาเห็นร่างของเหล่า 108 ทหารต้องห้ามกระเด็นกลับมาและกระอักโลหิต ร่างกายระเบิดอยู่ในท้องฟ้าและเหลือคนเดียวที่ไม่ตาย เขาตกลงมาบนพื้น คุกเข่าเบื้องหน้าจักรพรรดิ กระอักโลหิตพลางส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วลานกว้าง
“เป็นหวังหลิน!! เขาอยากสังหารท่านจักรพรรดิ!!!”
…………………………………………………..
ตอนที่ 2026 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (5)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงคำรามแหลมทำทุกคนบนลานกว้างและบนแท่นลอยฟ้าตกตะลึง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป พวกเขายังไม่เชื่อว่าหวังหลินซึ่งมีอารมณ์ย่ำแย่และเพิ่งจากไป ได้กลับมาในชั่วเวลาสั้นๆ เพื่อสังหารจักรพรรดิเต๋า!
แต่การตายของทหารต้องห้ามทั้ง 107 คนเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงได้แล้ว
ก่อนที่ผู้คนจะตอบสนองต่อเสียงคำราม มีเสียงคำรามทรงพลังดังกึกก้องอีกครั้ง ฝ่ามือขนาดพันฟุตได้มาถึง ฝ่ามือนี้ประหลาดมาก มันมีสิบนิ้ว ยิ่งเข้ามาใกล้จึงเกิดแสงสีเขียวรอบลานกว้างและปะทะกับฝ่ามือ
เสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั้งพระราชวัง ประทับฝ่ามือสิบนิ้วแตกสลายไปแต่ม่านแสงสีเขียวสั่นเทาอย่างรุนแรงก่อนจะแตกกลายเป็นเศษละอองนับไม่ถ้วนไปด้วย
คลื่นลมโลหิตโผล่ออกมาจากนอกลานและพัดเข้าสู่ลานกว้างอันเงียบสงัด สายตาทุกคนมองไปยังตำแหน่งที่ประทับฝ่ามือหายไป พวกเขาดูเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
จักรพรรดิเต๋าหน้าซีด เขากำหมัดพลางจ้องมองตำแหน่งนั้น สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว!
ซ่งจื่อมองไปทิศทางนั้นเช่นกัน แววตายังคงสับสน ขณะเดียวกันจิตใจสั่นเทา รู้สึกว่าความทรงจำกำลังจะตื่นขึ้นมา
เงาทั้งสองที่รับคำสั่งให้พานางไปดูราวกับลืมคำสั่งของจักรพรรดิเต๋าไปเสียสิ้น ทั้งสองหรี่ตาลง จิตใจตกต่ำพร้อมกับมองตำแหน่งที่ฝ่ามือหายไป
หมอกโลหิตหนาแน่นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น กลายเป็นภาพอันน่าตื่นตะลึง เสียงย่ำเท้าดังกึกก้องออกมาจากสายหมอกเข้าหาลานกว้างอันเงียบงัน
เมื่อเสียงก้าวเท้าดังเข้าสู่หูของทุกคนที่นี่ ราวกับมันกำลังก้าวไปบนหัวใจของแต่ละคน ทำให้รู้สึกกดดันและหวาดกลัวจากก้นบึ้งจิตใจ
ผู้คนของสามเผ่าบนแท่นลอยฟ้าต่างก็ถอยร่นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าสิ่งที่จะออกมาจากหมอกโลหิตอาจเป็นอสูรร้ายโบราณที่อาจจะกลืนกินโลกใบนี้และสังหารทุกชีวิตไม่มีเหลือ
ในความเงียบขณะนั้น จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้นในทันที “สังหารมัน!” เสียงสงบนิ่งไร้ความหวาดกลัวราวกับจักรพรรรดิยังคงสงบนิ่งมาก ทว่าหากมองจากใบหน้าคงอาจจะเป็นว่าเบื้องหลังแววตาโกรธเกรี้ยว ยังเป็นความหวาดกลัวอยู่
หลังจากจักรพรรดิเต๋าเอ่ยปาก ร่างเงาโผล่ออกมาจากวังมากกว่าสิบร่าง จากนั้นพุ่งประชิดเข้าไปหาหมอกโลหิต
แต่ในจังหวะที่เข้าไป พลันเกิดเสียงกรีดร้องดังระงมและยังมีเสียงร้องโหยหวน พวกเขาค่อยๆ หายลับไปทีละคน
แม้เสียงกรีดร้องจะหายไปแล้ว แต่ยังคงมีเสียงดังกึกก้องในใจทุกคน ทำให้จักรพรรดิเต๋ายิ่งมืดมนมากขึ้น
“ทำไมพวกเจ้าไม่พาจักรพรรดินีหนีไป!?” จักรพรรดิหันศีรษะมามองร่างเงาสองคนด้านหลังซ่งจื่อ ทั้งสองตัวสั่นและรีบพยักหน้า เคลื่อนร่างและเปลี่ยนเป็นวังวนห่อหุ้มรอบซ่งจื่อ วังวนพุ่งต่อเข้าหาพระราชวัง
แต่ในจังหวะนั้น เสียงคำรามเย็นเยียบและบ้าคลั่งดังออกมาจากหมอกโลหิต
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!?” น้ำเสียงมีพลังทะลุทะลวงและทำให้ทั้งสองคนในวังวนเกิดอาการสั่นเทา จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีดและไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้ คล้ายกับว่าหากพวกเขาก้าวไปอีกเพียงก้าวเดียวอาจทำให้เกิดหายนะใหญ่หลวงตามมา!
ทั้งสองหยุดลงและเปลี่ยนร่างกลับเป็นเงา ส่วนตรงหมอกโลหิตปรากฏร่างเลือนลาง เพียงเสียงฝีเท้าดังกึกก้อง ร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาจากหมอกโลหิต
สายตาทุกคนรวมมาที่เขาในทันที
แต่ละคนอ้าปากค้าง คนที่เคยเห็นนั้นมีเรือนผมสีขาวและชุดคลุมสีขาว ทว่าตอนนี้เสื้อคลุมสีขาวเปื้อนด้วยโลหิต แววตาบ้าคลั่งและเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต!
นั่นคือหวังหลิน!
ทุกก้าวเดินได้สังหารผู้คนระหว่างทางมาพระราชวังแห่งนี้ไปจำนวนมาก นี่ถือเป็นครั้งที่สองที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ครั้งก่อนเขามาเพื่อมอบของขวัญยินดีจากอาจารย์ แต่ตอนนี้เขามาที่นี่เพื่อพาคนคนหนึ่งกลับไป!
“หวังหลิน เจ้ากำลังจะทำอะไร?!” จักรพรรดิเต๋าจ้องมองหวังหลินผ่านลานกว้างและที่นี่มีคนจากทั้งสามอาณาเขตกว่าแสนคน
หวังหลินก้าวเดินออกจากหมอกโลหิต เขาไม่ได้มองจักรพรรดิเต๋าแต่มองซ่งจื่ออย่างอ่อนโยน นางเต็มไปด้วยสายตาสับสน
“ข้าจะพานางไป!” หวังหลินยกแขนขึ้นมาชี้ไปที่ซ่งจื่อ จากนั้นมองจักรพรรดิเต๋าอย่างเย็นเยียบ
จักรพรรดิเต๋าจิตใจสั่นเทา ใบหน้าซีดจากสายตาหวังหลิน ทว่าได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความโกรธเกรี้ยวเหนือคำบรรยาย เขาคือจักรพรรดิเต๋า เขาคืออำนาจสูงสุดในอาณาเขตเต๋า เป็นลูกหลานของบรรพชนโบราณ เป็นอัจฉริยะแห่งสรวงสวรรค์!!
เขาได้รับการยอมรับจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่าเขาจะอยู่หรือตาย เวลานี้เป็นวันก่อนพิธีอภิเษกสมรส กลับมีคนที่เขาถือว่าเป็นมดแมลงและต้องการจักรพรรดินีของเขาด้วยความอิจฉา เรื่องนี้ทำให้เขาหัวเราะด้วยความโกรธ
“หวังหลิน เจ้าเป็นศิษย์ของท่านซวนลั่วและเป็นองครักษ์ในอนาคตของอาณาเขตเต๋า ข้าดูแลเจ้าอย่างดีมาเสมอ เจ้าไม่อยากคุกเข่า เจ้าก็ไม่ต้องคุกเข่า เจ้าไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยง ข้าจึงอนุญาตให้เจ้าไปได้…”
“ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เจ้าได้สังหารคนของอาณาเขตเต๋าและทะลวงเข้ามาที่นี่ กระทั่งอยากชิงจักรพรรดินีของข้าต่อหน้าทุกคน!!!”
“หวังหลิน เจ้าทำเกินไปแล้ว! เจ้าจะปกป้องอาณาเขตเต๋าของข้าได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเจ้าต้องการทำลายอาณาเขตเต๋าของข้า!! คนชั่วเช่นนี้ ทุกคนต้องรับรู้!!”
จักรพรรดิเต๋าสะบัดแขนและร้องคำราม “เข้ามา สังหารหวังหลินและนำศีรษะมันมาให้ข้า!!” ขณะเดียวกันเขามองไปทางอารามเต๋าด้วยสีหน้ามืดมน
หวังหลินหลับตาเงียบๆ เพื่อทำให้อาจารย์ไม่รู้สึกแย่ ตอนที่เขามาถึงจึงจำเป็นต้องฝืนบังคับตัวเองให้สงบลง เขาได้ให้โอกาสจักรพรรดิเต๋าแล้ว หากจักรพรรดิเต๋ามอบซ่งจื่อมา เช่นนั้นอาจจะมีโอกาสกู้สถานการณ์คืนมาได้ระหว่างเขา อาจารย์และอาณาเขตเต๋า…
แต่ตอนนี้…
หวังหลินลืมตา ความบ้าคลั่งภายในเปล่งประกายขึ้นมา จิตสังหารมหึมาระเบิดขึ้นในทันที
“หากเจ้าไม่ตกลง…ก็จงตายซะ!!” หวังหลินคำรามและก้าวทะยาน เพียงยกเท้าขึ้น เหล่าคนที่พุ่งเข้าหาแม้จะรู้ว่าไม่อาจเทียบได้ แต่ด้วยคำสั่งของจักรพรรดิเต๋า จึงพุ่งออกไปพร้อมกับจิตสังหาร!
ภายในเผ่าโบราณ อำนาจของราชวงศ์ถือเป็นอำนาจสูงสุด คำพูดของจักรพรรดิเต๋าจึงเป็นทุกอย่าง! ในสายตาแต่ละคน หวังหลินกำลังทรยศเผ่าโบราณและต้องสังหาร!
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนบ้าคลั่งที่กำลังพุ่งเข้ามา หวังหลินก้าวเท้าและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ใครก็ตามที่ขวางทาง ไม่ว่าจะเป็นใครหรือระดับบ่มเพาะอะไร จะต้องแตกสลายเป็นกองเนื้อและโลหิตอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น
ชั่วพริบตา ผู้คนตายไปนับไม่ถ้วน แต่ยิ่งมีคนเข้ามามากขึ้น ยิ่งทำให้ผู้คนอีกสองอาณาเขตไม่ยอมพุ่งเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินอยู่ห่างจากตำแหน่งจักรพรรดิเต๋าอีกหลายแสนฟุต เขาเข้าไปใกล้วังราวกับพายุ ส่งเสียงดังสนั่นกึกก้องต่อไปเรื่อยๆ
“ใครที่ขวางทางข้าจะต้องตาย!!” หวังหลินร้องคำรามและส่งกำปั้นออกไป ผู้คนอาณาเขตเต๋านับสิบคนเบื้องหน้าตายไปหมดสิ้น
ขณะเดียวกันบนลานกว้าง ร่างเงาขนาดยักษ์ตนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังคนของอาณาเขตเต๋าแต่ละคน เป็นเหล่าเทพโบราณ มารโบราณและปิศาจโบราณนับพัน ทุกตนล้วนคำรามและพุ่งหาหวังหลิน
หวังหลินไม่หยุดชะงัก นาทีนั้นมีร่างเงาบัญชาโบราณปรากฏขึ้นด้านหลังหวังหลินเช่นกัน ร่างเงานี้สูงใหญ่ราวกับค้ำจุนโลกแห่งนี้ไว้ หลังจากร่างเงาปรากฏจึงสะบัดแขนออกไป
ร่างเงาใหญ่ยักษ์สะบัดแขนตามหวังหลิน เริ่มทำการกระหน่ำโจมตีเงาทั้งหมดที่กำลังพุ่งหาหวังหลิน
เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วราชวัง บนพื้นดินเกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วน แม้แต่ท้องฟ้าคล้ายกับกำลังฉีกขาด ร่างเงาบัญชาโบราณหลายพันร่างแตกสลาย ผู้คนระเบิดตายนับพัน
ร่างหวังหลินสั่นเทา แววตายิ่งบ้าคลั่งรุนแรง เขาก้าวเดินต่อไป พริบตาเดียวจึงอยู่ใจกลางลานกว้าง เข้าใกล้จักรพรรดิเต๋ามากยิ่งขึ้น!
“รัวกลองและเปิดใช้งานค่ายกลเมืองลอยฟ้า เชิญทุกคนเข้าวังเพื่อทำลายมัน!!” จักรพรรดิเต๋าเกิดความหวาดกลัวยิ่งขึ้น เขาถอยร่นและร้องคำราม
เพียงเท่านั้นร่างนับไม่ถ้วนทะยานออกมาจากส่วนลึกของวัง ทุกคนในวังเข้ามาใกล้ขึ้น!
จากนั้นไม่นานเกิดเสียง ปัง ปัง ปัง….เสียงกลองดังกึกก้องทั่วฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนสีและเกิดเสียงดังทั่วทั้งเมือง
สีหน้าคนในอาณาเขตเต๋าเปลี่ยนไปทุกคน เสียงกลองครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน มันมีพลังประหลาดและมีความหมายว่าวังหลวงกำลังเผชิญวิกฤติ!
ทุกคนในอาณาเขตเต๋าที่ได้ยินเสียงนี้จะต้องใช้ชีวิตตัวเองเข้าปกป้อง!
ขณะเดียวกันมีลำแสงจากค่ายกลเคลื่อนย้ายปรากฏไปทั่วสถานที่ในเมืองหลายร้อยแห่ง ทุกค่ายกลเคลื่อนย้ายได้นำพาให้ทุกคนเข้ามาในวังด้วยความเร็วสูงสุด
…………………………………………………………
ตอนที่ 2027 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (6)
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไปซะ ไปซะ ไป!!” หวังหลินชกกำปั้นออกไปอย่างต่อเนื่องราวกับเป็นบ้า มีคนน้อยมากที่จะต้านทานกำปั้นได้และต่างก็ตกตายในทันที
หวังหลินไม่อาจเห็นร่างที่กำลังพุ่งเข้าหาได้เนื่องจากถูกหลายคนล้อมรอบ ผู้คนต่างก็เคลื่อนย้ายผ่านค่ายกลมามากขึ้น ทุกคนล้วนตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะพุ่งเข้าหาหวังหลินโดยไม่ลังเล
ยามนี้หวังหลินมองเห็นแต่ร่างหวานเอ๋อร์ที่อยู่ในวังหลวงด้านหน้าได้เท่านั้น
ยิ่งมีคนเข้ามามากขึ้น ยิ่งขัดขวางทัศนวิสัยของหวังหลินไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเวลาผ่านไปหวังหลินจึงร้องคำรามและกระโดดขึ้นไปในอากาศ ที่นี่ไม่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายพริบตาหรือบิดมิติได้ พอหวังหลินกระโดดขึ้นไป เรือนผมได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำครึ่งส่วน
เค้าโครงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินปรากฏขึ้นด้านหลัง ทำให้ดวงอาทิตย์อีกดวงเกิดขึ้นในท้องฟ้า!
วินาทีนั้นสีหน้าจักรพรรดิเต๋าก็เปลี่ยนไปมหาศาล เขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ร้องอุทานลั่น
“มหาชั้นฟ้า!”
ไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่ตอนนี้มีคนนับหมื่นรอบกายหวังหลิน พอเห็นดวงตะวันสีขาวและดำเช่นนี้ จิตใจแต่ละคนสั่นไหว
“มหาชั้นฟ้า!!”
“เขา…เขาเป็นมหาชั้นฟ้าจริงๆ!!”
องค์ชายจี้ตูมองเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น เขารอคอยมาถึงวันนี้ และนาทีนั้นล่าถอยไปด้วยใบหน้าเยาะเย้ยใส่จักรพรรดิเต๋า
‘อาณาเขตเต๋า…ได้ทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ ทั้งหมดเป็นเพราะจักรพรรดิโง่เง่าคนนี้!’
องค์ชายจี้ตูตื่นเต้นกับตะวันมหาชั้นฟ้าสีขาวและดำที่กำลังขยายและปลดปล่อยแสงอันไร้ขอบเขต ขณะเดียวกันหวังหลินร้องคำราม ยกแขนขวาขึ้นมาราวกับถือดวงตะวัน เขาสะบัดเข้าใส่เหล่าคนที่เข้ามาขัดขวาง
เพียงเท่านั้นดวงตะวันมหาชั้นฟ้าลอยเข้าสู่พื้นดินราวกับอุกกาบาต เสียงกระแทกของดวงอาทิตย์เข้ามาแทนที่เสียงกลองทั้งหมด!
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องพร้อมกับคลื่นกระแทกแผ่กระจายออกมา ทุกคนที่สัมผัสเข้ากับคลื่นกระแทกนี้ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านและตายในทันที
พื้นดินพังทลายและทั่วบริเวณเกิดอาการสั่นเทา แท่นลอยฟ้ามากมายในท้องฟ้ากำลังแตกกระจาย ผู้คนหลายหมื่นของอาณาเขตเต๋าต่างก็หายไปราวกับถูกลมรุนแรงพัดเข้าใส่
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลาย ตะวันมหาชั้นฟ้าได้ทะยานเข้าสู่วัง นาทีนั้นปรากฏร่างเงาหนึ่งขึ้นมา เขาเป็นชายชราสวมชุดคลุมสูงศักดิ์เช่นกัน เปล่งแรงกดดันที่ไม่มีอารมณ์โกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นยกฝ่ามือขวาขึ้นมาเผชิญหน้ากับตะวันมหาชั้นฟ้า
ชายผู้นี้ยืนอยู่ห่างจากวังเป็นระยะทางหกหมื่นฟุต ด้านหลังเป็นคนในวังผู้ทรงพลังกว่าพันคน รวมไปถึงกลุ่ม 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ 32 ขุนพลอสูร สิบแปดราชาและเก้าขุนพลอมตะ พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ก่อนหน้านี้เพราะคุ้มครองวังหลวง!
วินาทีที่ชายชราปรากฏตัว เหล่าคนนับพันเผยความตื่นเต้นและยินดี แม้แต่จักรพรรดิเต๋ายังเกิดความเคารพ
จังหวะที่ฝ่ามือของชายชราปะทะกับตะวันมหาชั้นฟ้า สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง ร่างกายส่งเสียงปะทุ เรือนผมปลิวไปด้านหลัง เขากระอักโลหิตทั้งยังกระเด็นถอยหลัง จากนั้นร้องคำราม
“ข้าขอเปิดใช้มหาเขตอาคมแห่งเผ่าโบราณด้วยโลหิตของข้า!!”
เมื่อเขาเอ่ยปากออกมา แสงสีดำโผล่ออกมาจากโลหิตที่กระอักเมื่อครู่ มันแตกกระจายกลายเป็นม่านแสงขนาดใหญ่คล้ายกับกำแพง กีดขวางทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้
จังหวะนั้นม่านแสงก็ได้ปะทะกับตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลิน ก่อเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วทั้งเมืองหลวงและค่อยๆ เลือนหายไป
ตอนนี้ลานกว้างดูแปลกประหลาด ทุกสิ่งทุกอย่างนอกม่านแสงถูกทำลายและตกอยู่ในซากปรักหักพัง แต่ทุกอย่างด้านหลังม่านแสงยังคงเหมือนเดิม
กระนั้นตะวันมหาชั้นฟ้าจะสามารถถูกขัดขวางอย่างง่ายดายได้อย่างไร? ม่านแสงกะพริบอยู่ไม่กี่ครั้งและจึงค่อยแตกสลาย
ทางด้านชายชรากลับหน้าซีด แขนขวาแตกสลายเป็นผุยผง เขากระอักโลหิตอีกครั้งและดูห่อเหี่ยว ร่างกายถูกพลังรุนแรงตีเข้าใส่และกระเด็นไปอยู่ข้างจักรพรรดิเต๋า
“ท่านพ่อ!” จักรพรรดิเต๋าร้องตะโกนทันทีและช่วยพยุงชายชราขึ้น ทว่าชายชรากัดฟันและไม่สนแขนขวาที่เสียไป เขายกแขนซ้ายขึ้นมาตบใส่จักรพรรดิเต๋าดังฉาด
ปัง
บนใบหน้าด้านขวาของจักรพรรดิเต๋าเกิดเป็นรอยนิ้วมือห้านิ้ว
“ไปซะ!! เจ้าไปล่วงเกินศัตรูทรงพลังเช่นนี้เพียงเพื่อสตรีคนเดียว! ทำไมเจ้าไม่ไปตายเสียให้จบเรื่อง!! ข้าจะไปภูเขากุ้ยต้าวเพื่อขอให้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวคัดเลือกจักรพรรดิคนใหม่อย่างแน่นอน!” เห็นได้ชัดว่าชายชราเกรี้ยวกราดและส่งเสียงเอ็ดดังอย่างรุนแรง
จักรพรรดิเต๋ามีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบและเอามือสัมผัสใบหน้า เขาพ่นโลหิตออกมาและมองดูชายชราอย่างมืดมน
“ท่านพ่อ ท่านจัดการเรื่องตรงหน้าเราก่อน ส่วนเรื่องอื่น ท่านไม่ต้องกังวล ขอบคุณมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว ข้าไม่ควรตาย” จักรพรรดิเต๋าเอ่ยคำพูดเย็นเยียบ
“เจ้า!” ชายชราโกรธเกรี้ยวแต่หันกลับมาจ้องหวังหลินผู้กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ แววตาชายชราเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นอกจากคนเกือบพันคนตรงหน้าโถงใหญ่และคนอีกสองอาณาเขตที่กระจายตัวกันออกไป ลานกว้างตอนนี้กำลังว่างเปล่า เต็มไปด้วยโลหิตจนกลายเป็นสายธาร
หวังหลินก้าวเดินไปบนพื้นและก้าวผ่านสายโลหิต มีคนประมาณพันคนที่คั่นระหว่างเขากับวังหลวง แต่ก็เป็นคนที่ทรงพลังหลายคน
หวังหลินกวาดสายตาผ่านคนนับพันไป ชายชรา จักรพรรดิเต๋าและซ่งจื่อกำลังมองมา
ซ่งจื่อมีแววตาสับสนและแฝงความดิ้นรน
ลำแสงหลายสายลอยออกมาจากวังและเข้ามาจากทุกทิศทาง รวมๆ แล้วไม่น้อยไปกว่าหมื่นคน ขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายส่องสว่างก็ยิ่งมีคนเข้ามามากขึ้น
นี่คือเมืองหลวงของอาณาเขตเต๋า จึงมีคนรวมกันมากมายและยิ่งเป็นพิธีอภิเษกสมรส จำนวนคนจึงมีมากมายมหาศาล
ไม่ว่าหวังหลินจะทรงพลังแค่ไหน แม้เทียบได้กับมหาชั้นฟ้าคนหนึ่ง ถึงจุดหนึ่งก็ยังเหนื่อยล้าได้…
ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือวังหลวง มีค่ายกลอยู่มากมายและยังมีสมบัติที่บรรพชนโบราณทิ้งไว้ให้ เหมือนคนธรรมดากำลังเดินเข้าสู่ถ้ำเสือ แต่หวังหลินไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ความคิดเดียวในหัวคือพาหวานเอ๋อร์กลับมา!
พ่อของจักรพรรดิเต๋าก้าวเดินไปข้างซ่งจื่อและร้องคำรามใส่หวังหลิน “หยุดซะ!! หากเจ้าก้าวเข้ามาอีก ข้าจะฆ่านาง!”
ซ่งจื่อหน้าซีดแต่นางไม่เผยอาการหวาดกลัว นางมองหวังหลินด้วยแววตาที่ยังสับสน ความทรงจำคล้ายกับกำลังจะตื่นขึ้นแต่มีผนึกทำให้นางจำอะไรไม่ได้
หวังหลินหยุดลง สายตายังคงไม่มองไปที่ชายชรา เขามองซ่งจื่อด้วยสายตาอ่อนโยนแต่คำพูดเขาทำให้หัวใจของชายชราต้องสั่นเทา
“หากนางตาย ข้าจะจากไป…แต่ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อลบล้างอาณาเขตเต๋าให้สิ้นและทำให้สามอาณาเขตเผ่าโบราณเหลือเพียงสอง!”
“ข้ามีความสามารถมากพอ” หวังหลินพูดขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถทำได้อยู่แล้ว!
จิตสังหารภายในคำพูดเหล่านั้นทำให้ชายชราต้องขบฟัน แขนซ้ายสั่นเทาเล็กน้อยและเชื่อว่าหวังหลินทำได้ แววตาเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารแต่ล้มเลิกที่จะสังหารนาง นอกจากนี้เพียงมีนางอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะมีโอกาสสังหารหวังหลิน ก่อนเขาออกมาจากวังได้บดขยี้หินหยกเพื่อรายงานมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไปแล้ว นั่นแปลว่าราชวงศ์ตกอยู่ในอันตรายและต้องการให้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวปกป้อง
หลังจากหวังหลินพูดจบ เขาไม่พูดอะไรต่ออีกและก้าวเข้าหาคนนับพันเบื้องหน้า!
“ฆ่า!!” หวังหลินก้าวเข้าหา เหล่า 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์พลันร้องคำรามอย่างพร้อมเพรียง นำเหล่าคนนับพันมุ่งหน้าไปหาหวังหลิน
72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ต่างยกแขนขวาขึ้นมากระแทกใส่หวังหลิน ด้านหลังมีร่างเงาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นและกระหน่ำใส่หวังหลินไปด้วย
หวังหลินผุดแววตาบ้าคลั่ง เขาไม่ได้โจมตีแต่อ้าปากและคำรามใส่ 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์!
ร่างเงาบัญชาโบราณด้านหลังหวังหลินพลันอ้าปากออกมาและร้องคำรามเช่นเดียวกัน!
เสียงคำรามบรรจุระดับบ่มเพาะเซียนและระดับบ่มเพาะโบราณของหวังหลินเอาไว้ทั้งหมด รวมถึงพลังของโลหิตวิญญาณ คลื่นเสียงจึงกระแทกใส่ 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์
แม้ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อ่อนแอและโจมตีพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ยังแตกสลายเบื้องหน้าเสียงคำรามของหวังหลิน
วินาทีที่พวกเขาตาย หวังหลินเคลื่อนไหวดุจพายุและเข่นฆ่าผู้คนระหว่างทาง มุ่งหน้าต่อไปอย่างบ้าคลั่ง บางครั้งแขนขวาจับศีรษะและบดขยี้ให้แตก จากนั้นแขนซ้ายสะบัดออกไปสังหารได้อีกคน หลังจากนั้นเขาก็อ้าปาก ลำแสงสีแดงโลหิตพุ่งออกมา มันคือกระบี่โลหิตและสังหารผู้คนไปนับสิบคน หวังหลินพุ่งไปข้างหน้าและอยู่ห่างจากวังหลวงไม่ถึงสามหมื่นฟุตแล้ว!
ลำแสงสีแดง 36 สายทะยานเข้าหาหวังหลิน พวกเขาคือ 36 ขุนพลอสูร!
หวังหลินมีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบ แขนขวาสร้างผนึกปรากฏควันสีเขียวขึ้นมารอบนิ้วทั้งห้า และเมื่อควันแผ่กระจายออกไปจึงเป็นเปลวเพลิงมหึมา
นี่คือเพลิงสุดขั้วแห่งแปดเต๋าสุดขั้ว! แต่ก่อนที่หวังหลินจะใช้วิชานี้โจมตีใส่ เสียงถอนหายใจดังออกมาจากฟ้าดิน
เสียงถอนหายใจเต็มไปด้วยความเศร้า ผิดหวังและรู้สึกเสียใจ…
“หวังหลิน…”
ร่างหวังหลินสั่นสะท้าน
…………………………………………………………..
ตอนที่ 2028 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (7)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่หวังหลินก้าวเดินตรงเข้าสู่วัง เสียงถอนหายใจจากอาจารย์เขาดังขึ้นมา ย้อนไปช่วงไม่กี่ลมหายใจก่อนหน้านี้ ภายในภูเขาที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
ภายในภูเขากลับกลายเป็นโพรง แต่มองจากภายนอกนั้นแม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ไม่อาจสังเกตได้ ข้างในคือค่ายกลขนาดใหญ่ เพียงแค่มองดูอาจทำให้สายตาพร่าเลือนจากความซับซ้อนของมันได้แล้ว
ค่ายกลปลดปล่อยแสงสีขาวและกะพริบวาบไม่หยุด มันเปล่งความรู้สึกแปลกประหลาดออกมา ใจกลางมีร่างเลือนลางร่างหนึ่งปกคลุมด้วยแสงสีรุ้ง ร่างนั้นกำลังสร้างผนึกและวางบนค่ายกล
ขณะที่ผนึกสีรุ้งร่อนลงไป ภาพลวงตาแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในค่ายกล ภาพลวงตานี้คือวังหลวงอาณาเขตเต๋าขนาดย่อส่วน
ทั่ววังหลวงมีจุดสีขาวและดำกระจายกันไป จุดสีดำมีอยู่หลายหมื่นจุดแต่เมื่อเทียบกับสีขาวนับว่ายังคงด้อยกว่า จุดสีขาวกินพื้นที่เกือบทั่วทั้งวังและกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก
มีจุดสีขาวพันจุดและพวกนั้นเข้าห่อหุ้มจุดสีแดงเพียงจุดเดียว จุดสีแดงเข้มข้นไปด้วยกลิ่นอายโลหิตและยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“สีดำเป็นตัวแทนของวิญญาณและจุดสีขาวเป็นตัวแทนของคนที่มีชีวิต…จุดสีแดงนี้…คือหวังหลิน…หวังหลิน เราได้เจอกันอีกแล้ว!” ร่างสีรุ้งพร่าเลือนยิ้มออกมาและส่งเสียงแหบพร่า
“ตอนนั้นข้า…ดึงเศษวิญญาณของนางออกมาและมอบให้จักรพรรดิเต๋า เขาทำตามที่ข้าวางแผนเอาไว้ พบกับคนที่สามารถผสานวิญญาณได้และมอบตำแหน่งจักรพรรดินีให้…”
“และเจ้าก็มาวังหลวงอาณาเขตเต๋าตามที่ข้าคาดไว้…สังหารสิ ยิ่งเจ้าสังหาร ยิ่งมีประโยชน์สำหรับข้า!” ร่างสีรุ้งเลือนลางกำลังส่งยิ้ม แต่ตอนที่เขาพูดว่า “เศษวิญญาณ” น้ำเสียงกลับเบาลงแต่ไม่นานก็ฟื้นคืนมาได้ เขายกแขนขวาขึ้นมาส่งแสงสีขาวเปล่งประกาย แขนซ้ายยกขึ้นมีแสงสีดำห่อหุ้ม ทำให้แสงรอบตัวเขากลายเป็นแสงเก้าสี!
ขณะเดียวกันควันสีเทาสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากไหนสักแห่งและผสานเข้ากับทั้งเก้าสี ทำให้รวมเป็นสิบสี!
“ร่างเทาที่เกิดขึ้นในโลกถ้ำตอนนี้สมบูรณ์ไปแล้ว…” ร่างพร่าเลือนพึมพำ น้ำเสียงแหบพร่า
ควันสีเทานั้นคือลำแสงที่ออกมาพร้อมกับหวังหลินตอนที่ออกจากโลกถ้ำ แม้แต่มหาชั้นฟ้าซวนลั่วก็ไม่สามารถตรวจจับได้!!
“น่าเสียดาย ข้าเจอกับ…ข้อจำกัดและทำได้เพียงดูดซับกลิ่นอายแห่งความตายจากการเข่นฆ่าของหวังหลินเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากข้าลงมือด้วยตัวเอง ข้าคงสามารถรวบรวมกลิ่นอายแห่งความตายที่ข้าต้องการได้ในชั่วเวลาสั้นๆ…เพื่อที่ข้าจะ…” ร่างนั้นหยุดชะงักไปสองจังหวะ ราวกับเขาถูกอะไรบางอย่างจำกัดเอาไว้และกระทั่งหวาดกลัวเป้าหมายที่กำลังใช้กลิ่นอายแห่งความตายนี้ เขาจึงไม่ต้องการพูดมันออกมาอย่างชัดเจน
“ร่างมือสังหารของหวังหลินในโลกถ้ำทำให้ข้าพึงพอใจมาก แต่เขาออกมาสู่แผ่นดินเซียนดาราได้ครั้งเดียวและสังหารไปน้อยมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นข้าคงรวบรวมทุกอย่างได้เสร็จสิ้นแล้วและคงไม่ต้องใช้อาณาเขตเต๋าเป็นแผนสำรอง…โชคดีที่ข้าเตรียมการเอาไว้และลบเลือนเศษวิญญาณของ…นางไปก่อน” ร่างนั้นหยุดอีกครั้งตรงคำว่า “นาง” น้ำเสียงสั่นเทาก่อนจะเงียบลง
จากนั้นสักพักแววตากลับเป็นประกายเย็นเยียบ
“ในเมื่อข้าเลือกที่จะทำแล้ว ข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีก อย่างมากสติของข้าแค่ถูกลบออกไป แต่เมื่อข้าทำสำเร็จ…” ร่างเลือนลางสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
“ข้าเตรียมการมานานหลายปี ข้าไม่สามารถล้มเหลวได้! มาแยกวิญญาณที่ตายไปจากในวังก่อนดีกว่า!” ร่างเลือนลางยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ตำหนักขนาดย่อส่วนที่อยู่ในค่ายกลเบื้องหน้า
เพียงเท่านั้นจุดสีดำทั้งหมดก็สั่นเทาและเริ่มจางหาย ราวกับมันถูกค่ายกลดูดซับไป เสี้ยววินาทีนั้นพลังสายหนึ่งได้ห่อหุ้มจุดสีดำและกระเด็นกลับไป พวกมันไม่จางหายอีกแล้วและคล้ายกับปฏิเสธการดูดซับจากค่ายกล
ร่างที่ห่อหุ้มด้วยแสงสิบสีพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องอุทาน “พวกมัน…”
เมืองหลวงในตอนนี้ เมื่อเสียงถอนหายใจดังออกมาจากท้องฟ้า หวังหลินหยุดชะงักลงคล้ายกับลืมอันตรายไป 36 ขุนพลอสูรกำลังพุ่งเข้าหาเขาและจักรพรรดิเต๋าอยู่ห่างออกไปไม่กี่หมื่นฟุตแล้ว
สีแดงในแววตาหวังหลินค่อยๆ หายไป ความบ้าคลั่งและดุร้ายกำลังลดเลือน แทนที่ด้วยร่างที่ก้าวเดินเข้ามาหาอย่างขมขื่น
เขารู้ว่าอาจารย์จะต้องมาและหยุดยั้งอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อธิบายอะไรเลยและพยายามสังหารจักรพรรดิเต๋า พาลี่มู่หวานมาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หวังหลินมองความคิดและนิสัยของจักรพรรดิเต๋าออกมานานแล้วจากหินหยกที่เขาได้รับในสำนักมหาวิญญาณ หวังหลินกระทั่งได้ยินเรื่องที่จักรพรรดิเต๋าพึมพำอยู่ข้างเตียง
เหนือสิ่งอื่นใด จักรพรรดิเต๋ายังให้ซ่งจื่อมาดื่มกับหวังหลิน หลังจากเห็นสีหน้าหวังหลินในตอนนั้นจักรพรรดิเต๋าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร? เขาเพียงแค่มีความสุขไปกับการควบคุมคนอื่น
ดังนั้นเมื่อหวังหลินเข้าใจทุกอย่างแล้ว จึงส่งเสียงคำรามบอกว่าจะไปฆ่าเย่โม่ ฆ่าจักรพรรดิเต๋า!
เขาลองคิดเรื่องการซ่อนความโกรธเกรี้ยวเอาไว้แล้วและเข้าสู่วังอีกครั้งเพื่อพาซ่งจื่อไป แต่เรื่องนี้มันโดนจุดเดือดของเขา หากหวังหลินทนได้คงไม่เรียกว่าจุดเดือด!
แม้การโจมตีจักรพรรดิที่ไม่รู้ตัวจะเป็นการกระทำที่ถูกต้อง มันคงทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าตอนนี้! นั่นจะเรียกว่าการลอบสังหาร! ด้วยความแข็งแกร่งของเขา การพุ่งเข้าไปในวังด้วยความโกรธเกรี้ยวถือได้ว่าเขาเสียสติไปแล้ว
แต่หากเขาต้องลอบสังหาร นั่นหมายความว่าหวังหลินสงบนิ่งอย่างมาก หากทำแบบนั้นได้ขณะที่คิดอย่างถี่ถ้วน เช่นนั้นจะส่งผลต่อชื่อเสียงของซวนลั่วอย่างไม่อาจกู้คืนมาได้ หวังหลินเข้าใจเรื่องทั้งหมด จึงไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น
หวังหลินไม่เลือกวิธีการเช่นนั้น เขาจึงจะพาวิญญาณของหวานเอ๋อร์ไป สังหารจักรพรรดิเต๋าและทำทุกอย่างในเวลากลางวัน สิ่งเดียวที่เขาห่วงคือความรู้สึกของอาจารย์…
“อาจารย์…” หวังหลินคำนับฝ่ามือและโค้งคำนับให้แก่คนที่กำลังก้าวเดินเข้ามาหา เขาไม่ได้เงยขึ้นและโค้งต่อไปแม้เหล่า 36 ขุนพลอสูรจะใช้โอกาสนี้เข้ามาใกล้หวังหลินก็ตาม
ซวนลั่วก้าวเดินออกมาจากท้องฟ้าและมองหวังหลิน ตัวเขาคล้ายกับมีอายุขึ้นมากและสะบัดแขนลงใส่พื้นด้านล่าง
เพียงเท่านั้นเหล่า 36 ขุนพลอสูรล้วนกระอักโลหิตและล่าถอยด้วยความหวาดกลัว ทุกคนยกเว้นหวังหลินกระเด็นออกไปหมื่นฟุต เหลือเพียงหวังหลินคนเดียวที่กำลังโค้งคำนับต่อไป
จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ยขึ้นมาตอนที่เห็นซวนลั่วปรากฏตัว แววตาเปล่งประกายส่องสว่างและรีบก้าวมาข้างหน้า “ท่านซวนลั่ว หวังหลินทะลวงเข้ามาในวังและพยายามขโมยจักรพรรดินีของข้า เขาทรยศเรา ในฐานะศิษย์ของท่านซวนลั่วแล้ว ข้าหวังว่าท่าน…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซวนลั่วพลันหันมามอง
“ไปให้พ้นหน้าข้า!!”
จักรพรรดิเต๋าสั่นเทาและกระอักโลหิตพลางถอยไปหลายก้าว เขามองโลหิตที่ตัวเองกระอักออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าซวนลั่วกล้าทำร้ายเขา!
เขากำลังจะพูดขึ้นอีกครั้งแต่เมื่อเห็นจิตสังหารและความโกรธเกรี้ยวในแววตาของซวนลั่ว จึงกลืนคำพูดลงคอไป สีหน้าท่าทางมืดมนแต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“มหาชั้นฟ้าซวนลั่ว…” พ่อของจักรพรรดิเต๋า ชายชราผู้สูญเสียแขนข้างขวาไปพลันถอนหายใจและโค้งคำนับให้แก่ซวนลั่ว
“เด็กคนนี้ไม่เคารพอำนาจราชวงศ์ แต่ข้าเชื่อว่าองครักษ์แห่งอาณาเขตเต๋าผู้เคารพนับถือจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความยุติธรรม เพราะคนผู้นี้สังหารผู้คนไปหลายหมื่นคน เขาเป็นภัยต่ออาณาเขตเต๋าและเรื่องนี้ไม่อาจให้อภัยโทษได้!” ชายชรานั้นฉลาดยิ่งกว่าจักรพรรดิคนปัจจุบัน คำพูดมุ่งเน้นไปเรื่องที่หวังหลินสังหารคนไปมากมาย
ซวนลั่วขบคิด จากนั้นมองไปที่หวังหลิน สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจและโศกเศร้า ทั้งยังมีความสับสน ใบหน้ายิ่งดูแก่ชรามากขึ้น เขามองศิษย์ของตัวเองผู้ที่ยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากสั่นเทาแต่ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดออกมาได้
หลังจากนั้นสักพัก ซวนลั่วสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ทำไม…”
หวังหลินถอนหายใจ เขามองซวนลั่วด้วยสีหน้าอันซับซ้อนอธิบายไม่พูด เขาไม่อาจตอบแทนความเมตตาที่ซวนลั่วมอบให้ได้ เขาไม่ต้องการให้ซวนลั่วผิดหวังจากเบื้องลึกของจิตใจ
“อาจารย์…อย่าโกรธเกรี้ยวเลย” หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาตีใส่หน้าอกตัวเอง กระอักโลหิตก้อนใหญ่และสะบัดแขน โลหิตสาดกระจายและผสานเข้ากับโลหิตบนพื้นจนเผยแสงสีแดงมหึมา เพียงมีโลหิตเป็นเครื่องชี้ทาง ร่างทั้งหลายเริ่มก่อตัวออกมาจากอากาศ
ร่างเหล่านี้คือทุกคนที่ถูกหวังหลินสังหาร
ตอนนั้นด้วยระดับบ่มเพาะของเย่โม่ เขาสามารถใช้โลหิตเพียงไม่กี่คำก็ได้สร้างเหล่าเทพโบราณ ปิศาจโบราณและมารโบราณของโลกถ้ำได้ ตอนนี้หวังหลินมีโลหิตวิญญาณ ด้วยมรดกที่เขาได้รับมาหลังจากผสานกับโลหิตวิญญาณ หวังหลินจึงทำเรื่องเหล่านี้ได้และเขาทำได้ทรงพลังยิ่งกว่าเย่โม่หลายเท่า
ร่างเหล่านั้นปรากฏขึ้นทีละคน ผู้คนนับหมื่นไม่ขาดหายไปแม้แต่คนเดียว ร่างแต่ละคนก่อเกิดขึ้นมา โลหิตบนพื้นหายไป หวังหลินอ้าแขนออกพร้อมกับหน้าซีด เหล่าดวงวิญญาณนับหมื่นลอยออกมาและผสานเข้ากับร่างของตัวเอง
หวังหลินสังหารคนไปหลายหมื่นแต่เขาแค่ทำลายร่างกายและชิงวิญญาณออกมา กระนั้นหวังหลินก็ทรงพลังเกินไปจนไม่มีใครที่นี่มองออก
ซวนลั่วคืออาจารย์เขา แล้วเขาจะทำสิ่งที่ทำให้อาจารย์เศร้าใจได้อย่างไร?
…………………………………………………….
ตอนที่ 2029 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (8)
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอคนนับหมื่นปรากฏตัว สายตาผู้คนเกือบพันคนด้านนอกวังถึงกับเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ แม้แต่จักรพรรดิเต๋ายังมีสีหน้าเปลี่ยนไปและมืดมนยิ่งขึ้น
ทั้งพ่อเขาและชายชราเองก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่สังเกตเรื่องนี้มาก่อน พอมองดูหวังหลินในตอนนี้จึงยิ่งมีแววตาหวาดกลัวเกินบรรยาย
เพียงเหล่าวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างตัวเอง ผู้คนต่างก็ลืมตา แม้จะสับสนอยู่ชั่วขณะแต่ก็ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
เสียงร้องไห้ระเบิดดังออกมา พวกเขารู้สึกว่าน่าจะตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกชุบชีวิตขึ้นมาเหมือนฝันไป!
แต่พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับตอนก่อนตายและอ่อนแอลงไปมาก แม้วิชานี้จะลึกลับแต่ก็ไม่สามารถฟื้นคืนคนจำนวนมากกลับสู่พลังดั้งเดิมไปได้
แต่ด้วยในร่างหวังหลินมีโลหิตวิญญาณ แม้พลังจะอ่อนลงไป พวกเขาเพียงใช้เวลาไม่กี่สิบปีก็ฟื้นคืนมาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
มีเพียงคนที่มีโลหิตวิญญาณเท่านั้นถึงจะสามารถใช้วิชาได้ใกล้เคียงพลังของบรรพชนโบราณ หลังจากร้องห่มร้องไห้ พวกเขาทั้งหมดก็เงียบลงและมองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อน
ท่ามกลางพวกเขายังมีเก้าคนที่ติดตามซวนลั่ว ซึ่งต่างก็ถอนหายใจและรู้สึกว่าเพิ่งหนีพ้นหายนะครั้งใหญ่มาได้
วิญญาณแต่ละคนถูกหวังหลินเก็บวิญญาณไป ดังนั้นจึงเข้าใจดีว่าถูกฟื้นคืนชีพมาได้เพราะหวังหลิน
หวังหลินใบหน้าซีดเผือด แม้จะมีโลหิตวิญญาณแต่การใช้วิชาแบบนี้ยังส่งผลกระทบกับเขาอย่างมหาศาล เพื่อไม่ให้ซวนลั่วผิดหวัง หวังหลินจึงตัดสินใจทำเรื่องเหล่านี้ตอนที่เขาทะลวงเข้ามาในวังได้
ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว เขาก็ยังจะเก็บวิญญาณทุกคนที่สังหารมา จากนั้นฟื้นคืนชีพเมื่อซวนลั่วมาถึง
ซวนลั่วพอเจอสถานการณ์เกินคาดเช่นนี้จึงเอนเอียง ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงมองออกว่าหวังหลินสามารถทำทั้งหมดนี้ได้เป็นเพราะโลหิตวิญญาณ
‘เพียงโลหิตวิญญาณสามหยด ก็สามารถสร้างเผ่าใหม่ขึ้นได้แล้ว…’ ประโยคนี้ได้ส่งต่อกันมาหลายรุ่น ตอนนี้ซวนลั่วได้เห็นจึงเกิดความเชื่อขึ้น
หวังหลินเงยศีรษะ ใบหน้าซีดราวกับป่วยไข้ เขามองซวนลั่วและเอ่ยปาก “อาจารย์…ศิษย์ไม่ได้สังหารใครไปจริงๆ…”
“แม้เขาจะไม่ได้สังหารใคร เขาก็ทำให้ผู้คนที่ทรงพลังของอาณาเขตเต๋าเกิดความอ่อนแอและทะลวงเข้ามาในวังหลวง ไม่เคารพต่ออำนาจราชวงศ์ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปถึงอาณาเขตฉีและอาณาเขตจวี่ อาณาเขตเต๋าคงเสียหน้าครั้งใหญ่ เขายังต้องตายอยู่ดี!” จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้น สายตาที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“หวังหลิน บอกเหตุผลให้อาจารย์มา” ซวนลั่วมองหวังหลินด้วยท่าทีที่ค่อยๆ เบาลง เขาคิดว่าหวังหลินไม่สนใจความรู้สึกเขาและคงมุ่งหน้ากวาดล้างสังหารจนเกิดความเสียหายที่มิอาจแก้ไขได้ ไม่เพียงแต่เรื่องนี้จะทำให้เขาเจ็บปวดใจ มันยังทำให้เขารู้สึกผิดหวังอีก
สำหรับศิษย์ของเขาคนเดียวผู้นี้ เขาได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำในฐานะอาจารย์ไปแล้ว เขากระทั่งดูแลหวังหลินดุจลูกชายของตัวเอง เตรียมการทุกอย่างที่หวังหลินต้องการสำหรับการบ่มเพาะและกระทั่งยอมต่อต้านมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเพื่อหวังหลิน ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เขากระทั่งหลอมสมบัติให้หวังหลิน
แต่พอมาถึง เขาเห็นพื้นดินปกคลุมไปด้วยโลหิต อาณาเขตเต๋าที่เขาปกป้องเกิดความตายนับไม่ถ้วนและทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะศิษย์ของเขา สิ่งนี้ทำให้ซวนลั่วรู้สึกเจ็บราวกับมีดทิ่มแทงหัวใจและเต็มไปด้วยความผิดหวัง!
แต่ตอนนี้พอได้เห็นหวังหลินใช้โลหิตวิญญาณเพื่อฟื้นคืนผู้คนที่เขาสังหาร แม้จะทำร้ายตัวเอง จิตใจซวนลั่วก็ยังเจ็บเพราะหวังหลิน
เขาเจ็บใจเพราะรู้ว่าศิษย์ผู้นี้ยังห่วงใยเขา เพราะเขารู้ว่าหากหวังหลินไม่ได้วางแผนเอาไว้ คงไม่มีทางที่จะฟื้นคืนผู้คนได้
‘ก่อนเขาจะมา เขาได้ห่วงความรู้สึกข้าไปแล้ว…’ สายตาซวนลั่วอ่อนลง เขาเข้าใจศิษย์ของตัวเอง หากไม่ใช่เหตุผลสำคัญคงไม่ทำเรื่องนี้ อย่าว่าแต่บ้าคลั่งได้ขนาดนี้เลย
เหตุผลส่วนใหญ่อาจไปกระตุ้นต่อความเดือดดาลของหวังหลิน!
ซวนลั่วถอนหายใจและคาดเดาได้ส่วนหนึ่ง
หวังหลินเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าซีด “วิญญาณของภรรยาข้าอยู่ในร่างของซ่งจื่อ…ศิษย์กำลังจะพานางไป…จักรพรรดิเต๋ารู้เรื่องนี้และไม่ยอม ศิษย์จึงต้องการสังหารเขาด้วย!”
จักรพรรดิเต๋าสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องคำรามทันที “บัดซบ เจ้าต้องการขโมยจักรพรรดินีของข้า? ข้าจะปล่อยให้เจ้าพานางไปได้อย่างไร? เจ้าบอกว่าวิญญาณของภรรยาเจ้าอยู่ในร่างนาง ช่างน่าเหลวไหล!”
“ตอนที่เจ้ามาถึงยังไม่อธิบายเรื่องทั้งหมดเลย ทำไมข้าควรส่งจักรพรรดินีของข้าให้เจ้า!?” จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ยแต่จิตใจสั่นเทา
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็อธิบายไปแล้ว ข้าจะพานางไป” หวังหลินหันศีรษะมามองจักรพรรดิเต๋าด้วยความเย็นชา เขาถูกคนนับพันคุ้มกันเอาไว้
จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้นทันที “เหลวไหล คำอธิบายของเจ้ามันไร้เหตุผล หากข้าปล่อยให้เจ้าพานางไปได้จริงๆ ทั้งโลกไม่หัวเราะในความสามารถของข้าหรอกหรือ!? นอกจากนั้นที่เจ้าพูดมามันก็ไม่สมเหตุสมผล ข้าพูดได้ว่านางคือภรรยาคนสุดท้ายในชีวิตข้า เจ้าจะทำอะไรได้?!” น้ำเสียงไม่เผยท่าทีว่าจะถอย
เขาเชื่อว่าหวังหลินไม่สามารถทำร้ายเขาได้ หรือไม่ก็ไม่กล้าสังหาร ทั้งยังเห็นว่าหวังหลินเคารพต่อซวนลั่ว เพียงมีซวนลั่วอยู่ที่นี่ หวังหลินคงไม่แม้แต่จะโจมตี
หากไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เขาคงไม่ใช่จักรพรรดิ
นอกจากนี้ใครที่อยากสังหารเขาคงต้องไปขอมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเสียก่อน!
ในฐานะจักรพรรดิเต๋า เขาจึงไม่มีอะไรต้องกลัว แล้วจะปล่อยให้หวังหลินทำตามที่ต้องการได้อย่างไร? เขาคิดเอาไว้แล้วว่าเมื่อเรื่องราวในวันนี้จบลง เขาจะไปบิดเบือนความทรงจำของซ่งจื่อและพรากความบริสุทธิ์ของนาง ให้นางอุ้มลูกของเขาและให้หวังหลินตกอยู่ในความสิ้นหวัง!
จักรพรรดิเต๋าสะบัดแขนเสื้อและพูดอย่างเย็นเยียบ “หากเจ้าต้องการเอาจักรพรรดินีข้าไป เช่นนั้นต้องมีหลักฐาน!”
แม้หวังหลินจะขบคิดเงียบๆ จิตสังหารในร่างกายแทบไม่สามารถระงับได้และกำลังปะทุขึ้นมา เขาจะสังหารคนนับพันที่กำลังขวางทางและมุ่งหน้าเข้าพระราชวังเพื่อสังหารจักรพรรดิเต๋า!
แต่เขาไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้ บนใบหน้าซีดเผือดมีรอยสีแดงจางจากการฝืนระงับจิตสังหารที่บ้าคลั่งในร่างกาย
หวังหลินมองดูซ่งจื่อและเผยความโศกเศร้า เขามีพลังเทียบได้กับมหาชั้นฟ้าและนอกจากซวนลั่วแล้วไม่มีใครที่นี่เทียบกับหวังหลินได้ กระนั้นตอนนี้เบื้องหน้าจักรพรรดิตัวน้อย เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว เขามองเห็นวิญญาณของหวานเอ๋อร์อยู่ตรงนั้นแต่ไม่สามารถพานางไปได้
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำให้ซวนลั่วผิดหวังและตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่ต้องการทำให้อาจารย์ที่เขาเป็นหนี้อย่างมหาศาลต้องรู้สึกโศกเศร้า
หวังหลินหลับตาและเผยรอยยิ้มน่าสังเวช เมื่อลืมตาอีกครั้งจึงยื่นแขนออกไปปรากฏหินหยกหนึ่งก้อน หลังจากรวบรวมสัมผัสวิญญาณไว้บนหินหยก เขาจึงบดขยี้
นาทีที่หินหยกแตกทุกอย่างที่เขาเห็นในหินหยกจากสำนักมหาวิญญาณ รวมไปถึงคำพึมพำของจักรพรรดิเต๋าได้ถูกแสดงออกมาเบื้องหน้าทุกคนโดยไม่มีอะไรซ่อนไว้
ภาพเหตุการณ์ชัดเจนจนน่ากลัว!
“ราชครูพูดว่าเศษวิญญาณดวงนี้สามารถทำให้ข้าได้กลายเป็นจักรพรรดิโบราณที่แท้จริงของทั่วทั้งเผ่าโบราณ เช่นนั้นการทำให้นางเป็นจักรพรรดินีของข้าจะเป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับนาง”
“แม้นางไม่ได้สวยไร้ที่ติ นางมีเสน่ห์ของตัวเอง ข้าไม่รู้ว่าราชครูไปได้เศษวิญญาณนี้มาจากที่ไหน…นางอาจมีคนรักอยู่แล้วและบางทีหลังจากนางตาย เขาอาจรู้สึกเจ็บปวดทรมาน…”
“น่าเสียดาย เขาอาจจะไม่รู้เลยว่าสตรีคนนี้อยู่ในมือข้า…หากข้าเห็นว่าคนรักของนางเป็นใครและเห็นด้วยตาตัวเอง นี่คงจะน่าสนใจมาก”
“หากวันใดวันหนึ่งที่ทั้งคู่พบเจอกัน ข้าสงสัยว่าทั้งสองจะจำกันได้หรือไม่…เรื่องนี้ไม่เร่งรีบ หลังจากสิ้นงานพิธี ข้าจะต้องลิ้มรสเศษวิญญาณดวงนี้หลังจากมันผสานไปเสียหน่อย”
เสียงของจักรพรรดิเต๋าดังออกมาจากภาพในหินหยกที่แตกสลาย แม้จะเป็นครั้งที่สองที่หวังหลินได้ยิน จิตสังหารในใจพลันประทุขึ้นอีกครั้ง กระนั้นหวังหลินก็ระงับเอาไว้ได้อีกรอบ
ทุกคนที่นี่ได้ยินเสียงนี้ แม้จักรพรรดิเต๋ายังมีความสงบนิ่งแต่จิตใจเกิดคลื่นกระแทกครั้งใหญ่ เขาไม่เคยเจอวิชาประหลาดเช่นนี้ในโลก!
จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงมืดมน “ช่างเป็นภาพลวงตาที่สมจริงอะไรขนาดนี้ น่าสนใจมาก หวังหลิน เจ้าถึงกับลงทุนสร้างเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา แต่ทั้งหมดล้มเหลว ข้าไม่เคยพูดอะไรเช่นนั้น เศษวิญญาณอะไรกัน?”
หวังหลินเงียบเสียงแต่จิตสังหารพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง มันกำลังระเบิดออกมาเป็นครั้งที่สาม ดวงตาแดงก่ำขึ้นอีกครา ทว่าเขาระงับมันลงไปแต่เพราะมีการระงับความโกรธเกรี้ยวหลายครั้ง โลหิตจึงไหลออกมาจากมุมปาก
ขณะที่จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ย ซวนลั่วขมวดคิ้ว ยกแขนขวาขึ้นมายื่นหาซ่งจื่อ
ทว่ามีแสงสีม่วงกะพริบรอบซ่งจื่อเพื่อสลายการคว้าของซวนลั่ว สิ่งนี้ทำให้ซวนลั่วมีสีหน้าเปลี่ยนไป
พอชายชราซึ่งเป็นพ่อของจักรพรรดิได้เห็นเช่นนี้จึงอุทานออกมา “ตราประทับขังวิญญาณบรรพชน!!”
จักพรรรดิเต๋ายิ้มเล็กน้อยและมองซวนลั่วอย่างเย็นชา จากนั้นมองหวังหลินและส่งเสียงหัวเราะไม่มีปิดบัง
“นางคือจักรพรรดินีของข้า ไม่มีใครพานางไปได้ ข้าตีตรานี้ไว้บนร่างของนาง มันคือสมบัติของบรรพชนโบราณ หากข้าตาย นางก็ตาย เพียงแค่คิดนางก็ไม่สามารถขยับออกไปห่างจากข้าได้เกินร้อยฟุต หากไม่ทำลายตราประทับนี้ ใครจะพานางไปจากข้าได้กันเล่า?”
“นางจะอยู่หรือตาย ข้าเป็นคนควบคุม หวังหลินเจ้ากล้าสังหารข้าหรือไม่? หากข้าตาย นางก็จะตายไปด้วย!”
“หวังหลิน ทำไมเจ้าไม่คุกเข่าอีก!?” จักรพรรดิเต๋าหัวเราะพร้อมกับมองดูหวังหลิน
……………………………………………………
ตอนที่ 2030 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (9)
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ตราประทับขังวิญญาณบรรพชน…วิชานี้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวส่งต่อมาให้ทั้งสามราชวงศ์ มีเพียงจักรพรรดิคนประจุบันเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ เมื่อใช้ครั้งหนึ่งในชีวิตแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่ามหาชั้นฟ้าจะไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้อีก!”
“มีเพียงมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเท่านั้นที่สามารถลบล้างวิชานี้” ซวนลั่วพูดขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน
หวังหลินเงียบลง
ซวนลั่วมองจักรพรรดิเต๋าและพูดอย่างสงบนิ่ง “เย่ต้าว ในฐานะองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า ข้าขอให้เจ้าถอนเขตอาคมที่นี่ทันทีและปล่อยให้หวังหลินพานางคนนี้ไป! ข้าจะไปขอให้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวถอนวิชานี้ออกจากตัวนาง!”
“ลูก มันไม่คุ้มค่ากับสตรีคนเดียวนะ!” ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วไปด้วยและมองจักรพรรดิเต๋า
“ในเมื่อนางมีวิญญาณภรรยาของหวังหลิน ทำไมเจ้ายังต้องการนางอีก? ก็แค่ส่งมันคืนให้เขา คนทรงพลังเช่นนั้นเลือกที่จะอยู่ในอาณาเขตเต๋าแล้ว หากเจ้าทำเช่นนี้จะทำให้เขาไม่เห็นใจเอาได้”
“ไม่เห็นใจ? มันจะไม่เห็นใจแล้วทำไม? ท่านแก่แล้ว อย่าพูดอะไรไร้สาระ! และท่านซวนลั่ว…นี่คือเรื่องส่วนตัวของราชวงศ์ ท่านเป็นองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า ลืมข้อตกลงกับมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไปแล้วหรือ? คนผู้นี้ทะลวงเข้ามาในวังและไม่เคารพต่ออำนาจราชวงศ์ ข้าหวังว่าท่านซวนลั่วจะสังหารเขาและทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่!” จักรพรรดิเต๋าพูดอย่างเย็นชา ไม่สนคำขอของซวนลั่วแม้แต่น้อย
เขาทำตัวแบบนี้เพราะเชื่อว่าไม่มีใครกล้าสังหารเขา โดยเฉพาะหวังหลิน
ซวนลั่วยิ้มอย่างโกรธเกรี้ยวและมีสายตาเย็นชา จักรพรรดิเต๋าเป็นคนที่เขาแต่งตั้งด้วยตัวเอง แต่กลับกล้าพูดเรื่องแบบนี้ ขณะที่เขากำลังจะพูด หวังหลินก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“หากข้าคุกเข่า เจ้าจะปล่อยนางมาให้ข้าได้หรือไม่?”
“ก่อนหน้านี้เจ้าต้องการสังหารไม่ใช่หรอกหรือ? เจ้าไม่ทำตัวโอหังเช่นก่อนแล้ว? เจ้าไม่ยอมคุกเข่าเหมือนก่อนแล้ว? ตอนนี้ต้องการคุกเข่าเพื่ออะไร? เจ้ามันก็แค่มดแมลงจากโลกถ้ำและข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ มาสิ คุกเข่าต่อหน้าข้า อ้อนวอนสิ หากข้ามีความสุข ข้าอาจจะยกนางให้เจ้าได้” จักรพรรดิเต๋ายิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่มืดมนยิ่ง
“ข้าหวังหลิน สามารถคุ้มครองอาณาเขตเต๋าต่อไปจนชั่วชีวิตข้า…ข้าสามารถคุกเข่าได้และไม่สังหารเจ้า ข้าแค่ต้องการเศษวิญญาณในร่างของนาง…มอบนาง…กลับมาให้ข้า…ได้หรือไม่…” หวังหลินพึมพำ สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าสุดหยั่งถึง เป็นความเศร้าที่สั่งสมมานับพันปี
“มอบนางให้เจ้า? นั่นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า บางทีหลังจากเล่นกับนางไปสักพันปีและเจ้าเชื่อฟังตลอดเวลา ข้าอาจจะยกนางให้เจ้าได้” จักรพรรดิเต๋าหัวเราะเยาะ
หวังหลินร่างสั่นเทาและหลับตา จิตสังหารในร่างปะทุขึ้นอีกครั้งและเขาแทบสูญเสียการควบคุม ส่วนเรื่องเขตอาคมนั้นเขาสามารถสัมผัสได้จากโลหิตวิญญาณในร่างกาย หากเขามีเวลาพอก็สามารถสลายเขตอาคมได้อยู่แล้ว
เหตุผลที่ยังระงับอารมณ์อยู่เป็นเพราะซวนลั่ว…เพราะซวนลั่วไม่ยอมให้จักรพรรดิเต๋าถูกสังหาร…ซวนลั่วคือองครักษ์ของอาณาเขตเต๋าและอำนาจราชวงคืออำนาจสูงสุดที่นี่
“ข้าสามารถเสนอสิ่งอื่นเพื่อแลกกับเศษวิญญาณของภรรยาข้าได้หรือไม่…” หวังหลินลืมตาและระงับจิตสังหารอีกครั้ง แววตาแดงก่ำและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“โอ้? บอกข้ามาสิว่าเจ้าจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร” จักรพรรดิเต๋ายิ้ม
หวังหลินมองซ่งจื่อ จากนั้นยื่นแขนขวาออกไปปรากฏวิญญาณดวงหนึ่ง วิญญาณดวงนี้หลับตาลงแต่เปล่งแสงสีทอง แสงไม่บริสุทธิ์นักและดวงวิญญาณดูเหมือนตกอยู่ในความเจ็บปวด
“วิญญาณของจักรพรรดิเทพแห่งเผ่าเทพ พอหรือไม่…” หวังหลินส่งสายตามองจักรพรรดิเต๋า
จักรพรรดิเต๋าจ้องมองดวงวิญญาณด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“จักรพรรดิเทพ! นี่…นี่เป็นไปไม่ได้ เขา…เจ้า…เจ้ามีวิญญาณเขาจริงๆ!!” จักรพรรดิเต๋าอ้าปากค้าง ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่ตอนที่หวังหลินนำวิญญาณออกมา ทุกคนของอาณาเขตเต๋าต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป!
รวมถึงคนของอีกสองอาณาเขตที่อยู่ห่างออกไปไกลด้วยเช่นกัน หลายคนเคยเห็นจักรพรรดิเทพ ดังนั้นจึงรู้ได้ว่าวิญญาณดวงนี้เป็นของจริงหรือไม่
สายตาของผู้เป็นพ่อจักรพรรดิเต๋าถึงกับเบิกกว้างและร่างกายสั่นเทา
แม้แต่ซวนลั่วยังตกตะลึงที่ได้เห็นวิญญาณดวงนี้
“ไม่พอ!! แค่วิญญาณของจักรพรรดิเทพจะไปพอได้อย่างไร!?” หัวใจจักรพรรดิเต๋าสั่นเร็วดุจรัวกลอง เขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัวเป็นครั้งแรก นึกไม่ออกว่าหวังหลินไปได้วิญญาณของจักรพรรดิเทพมาได้อย่างไร ต้องบอกว่าจักรพรรดิเทพนั้นคือหนึ่งในเก้ามหาชั้นฟ้า!
หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาสะบัดแขนซ้ายใส่ท้องฟ้า ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสีขาวและดำปรากฏขึ้นด้านหลัง มีสิ่งหนึ่งค่อยๆปรากฏภายในดวงตะวัน มันคือศีรษะขนาดยักษ์ไร้ดวงตาและใบหู!
นาทีที่ศีรษะปรากฏขึ้นมา พลังปราณสวรรค์หนาแน่นและแสงสีทองดูคล้ายดวงอาทิตย์จึงแผ่กระจายออก
“หากข้าเพิ่มศีรษะนี้ไปด้วย พอหรือไม่?” ดวงตาหวังหลินยิ่งแดงฉานมากกว่าเดิม น้ำเสียงแหบพร่า
“นี่มัน…” จักรพรรดิเต๋ามองศีรษะอย่างตกตะลึง เขารู้สึกว่าศีรษะดูคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออก
“นี่…นี่มันศีรษะของบรรพชนเทพ!!! นี่…นี่เป็นศีรษะของบรรพชนเทพจริงๆ!!” พ่อของจักรพรรดิเต๋ามีอาการสั่นเทาไปทั้งร่าง ทะยานออกไปนอกวังหลวง จ้องมองศีรษะในอากาศและเผยอาการตื่นเต้นอย่างไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน
“อะไรนะ!?! ศีรษะบรรพชนเทพ!” หลังจากจักรพรรดิเต๋าฟื้นคืนสติมาได้ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
ซวนลั่วอ้าปากค้างและความคิดว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
หากพวกเขาเป็นแบบนี้คงไม่ต้องพูดถึงคนที่เหลือ พอพวกเขาได้ยินเสียงร้องของพ่อจักรพรรดิเต๋า ทุกคนมองมาที่ศีรษะ รู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าตอนที่เห็นวิญญาณของจักรพรรดิเทพเสียอีก
“เทพ…ศีรษะบรรพชนเทพ!!!”
“บรรพชนเทพ…ตายแล้ว!! เช่นนั้นบรรพชนโบราณเกิดอะไรขึ้น? บรรพชนโบราณยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…”
“หวังหลินผู้นี้มีศีรษะของบรรพชนเทพ!!” เรื่องนี้กระจายไปทั่วทั้งวังหลวงและอีกไม่นานจะแผ่ไปทั่วทั้งเผ่าโบราณ ผู้คนอีกสองอาณาเขตต่างก็จ้องมองศีรษะด้วยความไม่เชื่อ
หวังหลินมองจักรพรรดิเต๋าและพูดขึ้น “ข้าจะแลกของทั้งสองอย่างนี้เพื่อวิญญาณของภรรยาข้า เช่นนั้นพอหรือไม่?”
“พอแล้ว!! พอแล้ว!!” คนที่ตอบหวังหลินคือพ่อของจักรพรรดิเต๋า เขาหันกลับมามองลูกชายด้วยความตื่นเต้น
“เย่ต้าว เพียงแค่สองทั้งสองอย่างนี้ อาณาเขตเต๋าจะรุ่งโรจน์ ด้วยวิญญาณของจักรพรรดิเทพและศีรษะบรรพชนเทพ อาณาเขตเต๋าจะมีโอกาสได้รวมทั้งเผ่าโบราณให้เป็นปึกแผ่น!! ปล่อยนางไปซะ!!” ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นจากความตื่นเต้น
จักรพรรดิเต๋าเกิดความลังเล
“รีบปลดปล่อยเขตอาคมซะ เจ้าจะรออะไรอีก!?” ชายชราร้องคำรามอย่างกระวนกระวาย
“ไม่พอ! ศัตรูคู่อาฆาตแบบมัน ข้าไม่สบายใจ หากเราฆ่ามัน ของทั้งสองจะเป็นของอาณาเขตเต๋า!” จักรพรรดิเต๋ามีแววตาจิตสังหารเป็นประกาย
“เจ้า…” ชายชรากำลังคำรามแต่ก็หยุดพูด เขาหันกลับไปมองหวังหลิน แววตาเป็นประกาย
“เจ้าทำเกินไปแล้ว!” ซวนลั่วร้องคำรามออกมาสั่นสะท้านทุกคนที่นี่ บางคนถึงกับกระอักโลหิตและใบหน้าหวาดกลัวยิ่ง
แม้กระทั่งจักรพรรดิเต๋าก็ยังหน้าซีด เขากระอักโลหิตออกมา มองซวนลั่วด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ซวนลั่ว ท่านกล้าทำร้ายข้า? ท่านไม่กลัวมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวโกรธเกรี้ยว?!”
“เย่ต้าว สลายเขตอาคมซะ เจ้าสามารถเอาศีรษะบรรพชนเทพและวิญญาณจักรพรรดิเทพไปได้ ข้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากเจ้าไม่ทำ ข้าฆ่าเจ้าในวันนี้และต่อต้านมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเอง!” ซวนลั่วเจ็บปวดหัวใจ เขามองหวังหลินที่มีใบหน้าขอร้องและซีดเผือด ซวนลั่วไม่อาจทนได้
เขาเข้าใจหวังหลินดีว่ากำลังทำทุกอย่างเหล่านี้เพื่อเขา ศิษย์เขาไม่ต้องการทำให้เขาลำบากใจและไม่ต้องการทำให้ผิดหวัง ดังนั้นหวังหลินจึงอดทนทุกอย่างตลอดเวลา
การมีศิษย์แบบนี้ ซวนลั่วก็ภูมิใจมากแล้ว หากศิษย์เขาสามารถฆ่าจักรพรรดิเทพได้ เช่นนั้นเขาที่มีชีวิตมานานหลายปีก็สามารถสังหารจักรพรรดิเต๋าคนนี้เพื่อศิษย์ของตัวเองไ้ด้เช่นกัน และแล้วเขาก็จะกลายเป็นมหาชั้นฟ้าคนแรกที่สังหารจักรพรรดิโบราณ!
ซวนลั่วรู้ดีว่าผลที่จะตามมานั้นมีมากมายแค่ไหน แต่ตอนนี้การได้เห็นศิษย์ของตนกำลังอดทนทุกอย่าง เขาจึงต้องทุ่มสุดตัวออกไปด้วย!
“ท่านกล้าสังหารข้า? ซวนลั่ว ท่านเป็นมหาชั้นฟ้าของอาณาเขตเต๋า หากสังหารข้า ไม่เพียงแต่จะถูกมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวสังหาร แต่ท่านคงจะเป็นปฏิปักษ์กับอาณาเขตเต๋าที่ปกป้องมานานหลายปี ท่านกล้าสังหารข้าหรือไม่? ท่านคงเป็นคนทรยศของอาณาเขตเต๋า แม้ท่านตายก็ยังเป็นที่เกลียดชังของทั้งอาณาเขต!!” จักรพรรดิเต๋าร้องคำราม สีหน้าท่าทางดูรุนแรง
ซวนลั่วร่างสั่นเทา เขาหลับตาซ่อนความเศร้าและความสับสนไว้ภายใน
“ข้าคุ้มครองอาณาเขตเต๋าจนถึงวันนี้และทำอย่างไม่มีอะไรเสียใจ…ข้ามีศิษย์คนเดียว…ข้าพาเขาออกมาจากโลกถ้ำ เขามีตำแหน่งสูงสุดในเผ่าเทพแต่เขาก็ยังมาตามหาข้า…ข้ามีศิษย์คนเดียวเท่านั้น!!” ซวนลั่วลืมตาและเผยความมุ่งมั่นไม่เสียใจ
เมื่อซวนลั่วตัดสินใจแล้ว หวังหลินจึงพูดขึ้น “อาจารย์…” เขามองซวนลั่วและเผยรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มได้ตั้งแต่ที่ค้นพบเศษวิญญาณของหวานเอ๋อร์
ทว่าพอซวนลั่วเห็นรอยยิ้มนี้ หัวใจยิ่งรู้สึกเจ็บปวด รอยยิ้มแบบนี้มันอะไรกัน? เป็นการร้องไห้ชัดๆ
“อาจารย์ ท่านปกป้องอาณาเขตเต๋ามาทั้งชีวิต…ศิษย์ไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของท่าน…” หวังหลินมองซวนลั่วและคุกเข่า โขกคำนับหนึ่งครั้งให้ซวนลั่ว
ตลอดชีวิตเขา หวังหลินพูดได้ว่าไม่เคยคำนับต่อฟ้าดิน เขาเคารพครอบครัวและคุกเข่าต่อซือถูหนานเท่านั้น…แต่ตอนนี้มีอีกคนที่เขายอมคุกเข่าแล้ว
“เจ้า…” ดวงตาซวนลั่วเต็มไปด้วยความเสียใจ
……………………………………………………..
ตอนที่ 2031 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (10)
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินพูดขึ้นเบาๆ “อาจารย์…หากย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง ศิษย์ก็ยังเลือกติดตามอาจารย์มาแผ่นดินเซียนดาราโดยไม่ลังเลอยู่ดี…”
ความเศร้าในสายตาซวนลั่วยิ่งมากขึ้น เขาเข้าใจหวังหลิน
“ความเมตตาของอาจารย์มีมากล้นดั่งขุนเขา ศิษย์ไม่มีวันลืม…” หวังหลินถอนหายใจและลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้าขับไล่ฝุ่นออกไป ราวกับเป็นการปัดเป่าความรู้สึกและความอดทนก่อนหน้านี้ให้ออกไป
เพื่อไม่ให้อาจารย์ผิดหวัง หวังหลินสามารถคุกเข่า เอาสมบัติออกมา อดทนไม่สังหารจักรพรรดิเต๋าได้ เขายอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อนำวิญญาณของหวานเอ๋อร์ไปและไม่ทำให้อาจารย์ทนทุกข์กับความโศกเศร้ามากมาย เขาต้องการหาจุดสมดุลเพราะไม่ต้องการให้คนที่เมตตากับเขารู้สึกเจ็บปวด หวังหลินไม่ต้องการทำร้ายอาจารย์
แต่นี่เป็นเพียงความคิดที่เลิศหรูเท่านั้น ความฝันที่ไม่เป็นจริง
เขาอดทนอีกครั้งและอีกครั้ง ทว่าตอนนี้ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอดทนอีกต่อไป!!!
หวังหลินหัวเราะดังเข้าใส่ท้องฟ้าจนกระทั่งหยาดน้ำตาไหลลงเป็นสายต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่นี่ หยาดน้ำตาอันขมขื่น มีความมุ่งมั่นไม่ยอมท้อถอยตลอดหลายพันปี ทั้งยังมีสิ่งที่เขายอมอุทิศตนเพื่อมโนธรรมของตัวเอง รวมถึงเหล่าคนที่แสดงความเมตตามาให้
เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขาบ้าคลั่งไปแล้ว
เมื่อเสียงหัวเราะดังเข้าหูของซวนลั่ว ราวกับมีมือคู่ใหญ่จับศีรษะและดึงออกมา รู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไปจากร่างกายทำให้หน้าซีด สายตามองหวังหลินยิ่งแก่ชรามากขึ้น
“ข้าหวังหลิน เริ่มบ่มเพาะตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านการเข่นฆ่าสังหารและพบเจอความเย็นเยียบมานับครั้งไม่ถ้วน คนส่วนใหญ่ที่ข้าพบเจอมักจะเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกและเป็นคนบาป…ข้าถูกลิขิตให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว? ภรรยาข้าตาย ลูกชายข้าติดอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ไม่รู้เบาะแสของซือถู ฉิงชุ่ยก็หายไป ทุกคนที่มีเมตตากับข้าล้วนทนทุกข์ในท้ายสุด…”
“ข้าห่วงใยคนที่มีเมตตากับข้ามากมาย เพราะคนเหล่านั้นหาได้ยากและควรหวงแหน”
“ข้าห่วงใยเรื่องความรัก เพราะความรักทำให้ข้าต่อสู้…” หยาดน้ำตาไหลรินลงมา เขาหัวเราะและพูดกับตัวเอง
เสียงหัวเราะของหวังหลินดังเข้าถึงหูของจักรพรรดิเต๋าไปด้วย เสียงหัวเราะรุนแรงยิ่งนี้เขาต้องอดทนและจิตใจสั่นเทา จึงชี้ไปที่หวังหลินและร้องคำรามอย่างไม่ลังเล “สังหารมัน!!”
ภายในเผ่าโบราณ อำนาจราชวงศ์ถือเป็นอำนาจสูงสุดและคำสั่งของจักรพรรดิควรทำในทันที ทว่าตอนนี้นอกจากคนนับพันที่อยู่ใกล้วังหลวง คนอีกหลายหมื่นรอบด้าน รวมถึงคนที่หวังหลินชุบชีวิต ทุกคนล้วนสงบนิ่งเงียบงัน
พวกเขาเป็นพยานในทุกอย่างที่เกิดขึ้น เห็นต้นเหตุและผลลัพธ์ เห็นความเศร้าของซวนลั่วและเห็นคำขอร้องของหวังหลิน หลังจากเห็นทุกอย่างแล้ว จึงไม่อาจก้าวออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว…
นี่คือตัวเลือกระหว่างอำนาจราชวงศ์และมโนธรรมของแต่ละคน ผู้คนส่วนใหญ่ลังเล แต่ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับปลูกฝังมาจึงร้องคำรามพลางพุ่งไปหาหวังหลิน
“อาจารย์!!” หวังหลินหันกลับมาและไม่สนใจคนที่กำลังเข้ามาหาอย่างสิ้นเชิง เขามองซวนลั่วด้วยสายตาตัดสินใจแล้ว
“โปรดให้ศิษย์ได้เรียกท่านว่า ‘อาจารย์’ …เป็นครั้งสุดท้าย! ศิษย์ไม่อาจตอบแทนความเมตตาที่ท่านมอบให้ได้ หนทางเดียวที่จะตอบแทนท่านได้คือการตาย จากนั้นข้าหวังหลิน จะไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับอาณาเขตเต๋าอีกต่อไป!!”
“ตั้งแต่นี้ต่อไป ทุกอย่างที่ข้าหวังหลินทำลงไปจะไม่เกี่ยวข้อง…กับอาจารย์!! ทุกอย่างที่ข้าทำ ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบ!!” หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาสะบัดแขนเสื้อ คนนับพันเข้าใกล้รวมถึงซวนลั่วด้วย
หวังหลินมองดูซวนลั่ว แขนขวากระแทกลงใส่ศีรษะตัวเองอย่างรุนแรง เป็นการการโจมตีที่มีความรักต่อซวนลั่ว เป็นการระเบิดความโกรธของหวังหลินที่ไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว!
เวลาดูเหมือนเชื่องช้าลง หวังหลินกระแทกมือขวาลงใส่ศีรษะและเกิดรอยแตกร้าว กลิ่นอายทำลายล้างได้ทำลายศีรษะ ร่างกาย รวมถึงทุกอย่างของเขา
ช่วงระยะการทำลายล้างนี้ หวังหลินคล้ายกับได้เห็นซวนลั่วปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในโลกถ้ำ คล้ายกับได้กลับมาบ้านเกิดและเห็นเรื่องราวในอดีต
ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงเพียงเสี้ยวพริบตาในช่วงที่หวังหลินพุ่งทะยานออกมาจากอารามเต๋าด้วยความโกรธแค้น
ทุกคนมองดูร่างหวังหลินระเบิดกลายเป็นกองเลือดเนื้อด้วยความไม่เชื่อ หวังหลินยอมทำลายตัวเองก่อนที่ซวนลั่วจะมาถึง
ซวนลั่วมองดูร่างที่เปลี่ยนกลายเป็นก้อนเนื้อและโลหิต หยาดน้ำตากลายเป็นเลือด
“ตาย??” จักรพรรดิเต๋าตกตะลึง และมีใบหน้ามืดมน คนอื่นที่กำลังพุ่งเข้ามาพลันหยุดลงเช่นกันและมองไปด้วยความสงสัย
แต่ในจังหวะนั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาดเผยออกมา เลือดเนื้อของหวังหลินที่ระเบิดไปพลันรวมตัวกัน พริบตาเดียวก่อเกิดหวังหลินขึ้นมา!
เขากระอักโลหิตและใบหน้าซีดเซียว วันในนี้ เขาได้ใช้วิชาสามชีวิตอันล้ำค่ายิ่งไปหนึ่งครั้ง!!
หวังหลินตายไปแล้วหนึ่งครั้ง!!!
หลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมา เขาไม่ได้เป็นศิษย์ของซวนลั่วอีกต่อไป เขาไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับอาณาเขตเต๋า ไม่มีตำแหน่งอันใดและไม่ต้องฝืนตัวเองอีกแล้ว เขาจะทำตามสิ่งที่เขาต้องการและนำหวานเอ๋อร์ของเขากลับคืนมา!!
“เย่ต้าว!!” หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า เสียงคำรามระเบิดความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดที่เขาระงับเอาไว้ เป็นเสียงคำรามจากส่วนลึกในวิญญาณ!
ยามนี้จิตสังหารมหึมาระเบิดออกมาจากร่างกายโดยไม่สงวนไว้อีก จิตสังหารถึงกับทำให้โลกเปลี่ยนไปราวกับเขาเพิ่งก้าวเดินออกมาจากขุมนรก พุ่งออกไปอย่างดุร้าย และบ้าคลั่ง
จักรพรรดิเต๋ามีสีหน้าเปลี่ยนไป ถอยร่นก่อนจะร้องคำราม “ฆ่ามัน!!” คนนับพันเบื้องหน้าราชวังและหลายพันคนที่ล้อมรอบอยู่ได้พุ่งเข้าหาหวังหลิน แม้จะเป็นเพียงแค่ใช้ร่างตัวเองเป็นโล่ พวกเขาก็ต้องปกป้องอำนาจของราชวงศ์ ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดีหรือโศกเศร้า
“ใครที่ขวางทางข้าอีกคราวนี้จะตายจริงๆ!!” หวังหลินดวงตาแดงก่ำและก้าวเท้าส่งกำปั้นออกไป ผู้คนหลายสิบคนเบื้องหน้ากรีดร้องอย่างโหยหวนพลางระเบิดตาย แต่คนด้านหลังพุ่งเข้ามาแทนที่
หวังหลินก้าวเท้าต่อไปโดยมีพื้นดินเป็นคราบโลหิต เขาไม่ได้เร็วแต่ทุกก้าวครอบคลุมระยะหลายร้อยฟุต สายโลหิตหลั่งไหลออกมาตามทาง
36 ขุนพลอสูรเปลี่ยนกลายเป็นลำแสง 36 สายพุ่งทะยานเข้าหาหวังหลินราวกับมังกร 36 ตัว ทว่าหวังหลินไม่แม้แต่จะมอง ยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏควันสีเขียวที่ปลายนิ้วและแผ่กระจายออกมา
เต๋าเพลิงสุดขั้ว!
ควันสีเขียวสัมผัสกับมังกร 36 ตัวในทันที จากนั้นเกิดเสียงดังสนั่นและเสียงกรีดร้องโหยหวน มังกร 36 ตัวกลายเป็นก้อนเปลวเพลิงและถูกเผาทั้งที่มีชีวิต
หวังหลินยื่นแขนซ้ายออกไปด้านข้าง หนึ่งใน 18 ขุนพลราชาก้าวออกมาลอบโจมตี แต่สิ่งแรกที่เจอคือฝ่ามือหวังหลิน สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไปและต้องการถอย แต่ฝ่ามือคว้าจับโดนใบหน้า หวังหลินบีบมือทำให้ทัศนวิสัยของขุนพลราชากลายเป็นสีดำ รู้สึกเจ็บปวดยิ่งและศีรษะระเบิด
ซวนลั่วยืนอยู่ตรงนั้นและเฝ้าดูหวังหลินสังหารระหว่างทางเดินเข้าสู่วัง แต่เขาไม่ได้หยุดหวังหลิน ซวนลั่วผิดหวังกับอำนาจราชวงศ์แห่งอาณาเขตเต๋าไปแล้ว…
เขามองแผ่นหลังอันบ้าคลั่งของหวังหลินและนึกย้อนถึงการทำลายตัวเองของศิษย์ ขณะที่เฝ้าดู ดวงตาของซวนลั่วจึงมีหยาดน้ำตาไหลลงเป็นสาย
เขารู้เหตุผลที่หวังหลินได้ทำลายตัวเองไปหนึ่งครั้งก็เพราะต้องการสังหารได้อย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหวังหลินไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบอะไรกับซวนลั่วจึงต้องตัดขาดความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์…ซึ่งวิธีที่จะตัดขาดความสัมพันธ์นั้นคือ…ตายหนึ่งครั้ง!
ด้วยวิธีนี้ ศิษย์เขาจึงบอกทั้งอาณาเขตเต๋า ทั้งเผ่าโบราณและแม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวว่าเขาจะรับผิดชอบทุกอย่างที่นี่ในวันนี้!
หวังหลินไม่ต้องการให้ซวนลั่วทรยศต่ออาณาเขตเต๋า ไม่อยากให้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าคนแรกที่สังหารจักรพรรดิโบราณ…
แม้แต่ตอนนี้ศิษย์ของเขายังคงคิดอยู่ ยิ่งทำให้ซวนลั่วรู้สึกผิดมาก
‘สิ่งที่ข้าทำให้กับเขา…ความจริงไม่ได้มากมาย…’ ซวนลั่วมองการตายของคนในเผ่าอาณาเขตเต๋า เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกเศร้า
หวังหลินร้องคำราม กลิ่นอายสังหารรอบตัวกระจายออกไป เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งออกมาและเปิดเส้นทางนองเลือดตรงหน้า ขณะเดียวกันเขาชี้ไปบนท้องฟ้า
ทั่วทั้งราชวังเปลี่ยนกลายเป็นทะเลสีดำ และตรงสุดขอบทะเลมีดวงอาทิตย์เริ่มลอยสูงขึ้น หวังหลินกำลังใช้วิชาแยกราตรี เข้าใส่พระราชวังอย่างไม่ลังเล
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นส่องแสงเปล่งประกายเจิดจ้า เสียงพึมพำพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง ร่างกายมากมายระเบิดเป็นหมอกโลหิต คนตายไปกี่คนไม่อาจทราบได้
หลังจากภาพทะเลได้หายไป คนนับพันเบื้องหน้าราชวังล้วนตายเกือบหมด ที่เหลือถูกกวาดออกไปและมีหวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้าวังหลวง เขาก้าวเดินเข้าไปพร้อมจิตสังหารบ้าคลั่งปกคลุมผืนฟ้าด้านหลัง
…………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น