Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2020-2021
ตอนที่ 2020 งานเลี้ยง
โดย
Ink Stone_Fantasy
จักรพรรดิเต๋าทุกรุ่นจะเตรียมงานเลี้ยงในคืนก่อนพิธีอันสำคัญ งานเลี้ยงจะเริ่มตั้งแต่อาทิตย์ตกและจบยามอาทิตย์รุ่ง ผู้คนที่เข้าร่วมในงานเลี้ยงก็จะเข้าร่วมในงานพิธีไปด้วย
ยามค่ำของงานเลี้ยง จักรพรรดิเต๋าจะออกมาพร้อมกับจักรพรรดินี ซึ่งนี่จะถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของจักรพรรดินี
หลังจากรับคำอวยพรของทุกคน จักรพรรดินีจะออกไป แต่จักรพรรดิจะยังอยู่กับทุกคนตลอดคืนจนกระทั่งถึงงานพิธี
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่ลานขนาดใหญ่ด้านนอกวัง ดวงอาทิตย์กำลังจะตก เหล่าคนรับใช้จำนวนมากกำลังจัดโต๊ะในลาน ซึ่งมีอยู่หลายพันโต๊ะ
โต๊ะในงานทำเป็นรูปใบพัด คล้ายกับเป็นการทำความเคารพราชวัง
เหนือวังมีแท่นขนาดเล็กลอยอยู่หลายร้อยแท่น แต่ละแท่นมีโต๊ะวางอีกหลายร้อยโต๊ะ ใช้เพื่อต้อนรับคนที่กำลังเข้ามา
เมื่อถึงเวลา เสียงจังหวะกลองเริ่มดังกึกก้องออกมาจากวังและดังคำรามไปทั่ว กลองยักษ์ขนาดหลายพันฟุตปรากฏขึ้นใจกลางวังหลวง ไม่รู้ว่าสร้างขึ้นจากหนังสัตว์แบบไหน แผ่นหนังเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่และดุร้าย
เหนือกลองมีคนชุดดำลอยอยู่จำนวนเก้าคน แต่ละคนมีระดับบ่มเพาะเทียบได้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้า เสียงกลองแต่ละครั้งเกิดขึ้นจากการที่ทั้งเก้าคนผสานพลังรวมกัน กลายเป็นฝ่ามือมายากระแทกตีกลอง
จังหวะกลองดังกึกก้องและไม่สลายไปไหนทั้งยังแผ่กระจายออกเป็นระลอกคลื่น ห่อหุ้มทั่วท้องฟ้าและแท่นที่ลอยอยู่ใกล้เคียงนับพันแห่ง
ทุกคนในอาณาเขตล้วนได้ยินเสียงนี้
เสียงดังคะนองไปสักพัก ก่อเกิดเสียงสะท้อนออกไปนับไม่ถ้วน เมื่อไรที่เสียงเริ่มเบาลง จะมีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้พื้นที่ทั่วบริเวณมีแต่เสียงกลอง
ยามที่จังหวะกลองดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม ผู้คนต่างออกมาจากวัง ชำเลืองสายตามองแล้วแทบไม่อาจนับได้หมด ทุกคนล้วนทรงพลัง แม้จะเทียบไม่ได้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าแต่ก็เทียบได้เท่ากับเซียนขั้นที่สาม
แต่ละคนเลือกโต๊ะและนั่งพูดคุยกัน ทั้งลานจึงเริ่มอื้ออึงและมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
พอเสียงกลองดังครั้งที่ห้า ลำแสงหลายเส้นทะยานผ่านท้องฟ้า เป็นผู้คนจากอาณาเขตเต๋าและคนจากอีกสองอาณาเขต บางคนเลือกนั่งอยู่ลานกว้าง บางคนเลือกนั่งในโต๊ะที่จัดไว้บนแท่นลอยฟ้า
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น พอกลองดังครั้งที่เจ็ด ลำแสงหลายพันสายลอยข้ามผ่านท้องฟ้าดุจเศษละอองดวงดาว ทุกคนต่างก็นั่งลง
จากนั้นลำแสงสว่าง 108 สายโผล่ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า ทุกคนมาถึงอย่างรวดเร็วและเผยเป็นคนอาณาเขตเต๋าสวมเกราะสีขาวจำนวน 108 คน!
ทั้งร้อยแปดคนโค้งคำนับไปทางวัง จากนั้นเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้วังและนั่งลง
“ร้อยแปดขุนพลต้องห้ามแห่งอาณาเขตเต๋า!”
“ขุนพลของอาณาเขตเต๋าแบ่งออกเป็นขุนพลต้องห้าม ศักดิ์สิทธิ์ อสูร ราชาและขุนพลอมตะ! ขุนพลต้องห้ามทั้งร้อยแปดคนปรากฏตัวแล้ว ดังนั้นกลุ่มอื่นน่าจะตามมาเร็วๆ นี้!”
“ขุนพลต้องห้าม 108 คนมีกลิ่นอายสังหารมหึมา สมควรแล้วที่ถูกเรียกว่า ‘ต้องห้าม!’ ”
บทสนทนาเบาๆ ถูกเสียงกลองกลบจนมิด แต่ก็ไม่สามารถซ่อนสายตาที่รวมเข้าไปหาได้ สายตาทั้งหลายต่างมีทั้งความอิจฉา ลอบประเมินและมืดมน
ขณะที่ทั้ง 108 คนปรากฏขึ้น พายุทอร์นาโด 72 ลูกปรากฏขึ้นห่างออกไปไกล แต่ละลูกมีคนอยู่ข้างในหนึ่งคนและกำลังพุ่งเข้ามาหาลานกว้าง
เมื่อพายุทอร์นาโดมาถึง แรงกดดันทรงพลังท่วมลงมาและห่อหุ้มบริเวณ ภายในมีทั้งหญิงและชาย ทั้งหนุ่มและมีอายุมาก ทว่าแต่ละคนมีกลิ่นอายของมหาเทพ จอมมารหรือจ้าวปิศาจโดยไม่มีปิดบัง ซึ่งเมื่อมองตรงดวงตาและหน้าผาก จะเห็นได้ว่ามีดวงดาวทั้งสิ้น 27 ดวง!!
“72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์! ขุนพลที่ทำคุณความงามความดีให้แก่อาณาเขตเต๋าไว้อย่างใหญ่หลวง!”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่า 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์มีคน 72 คนเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ ทั้ง 72 คนได้คุ้มกันอาณาเขตเต๋ามานานหลายปี”
เสียงการสนทนาดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นเสียงกลองดังครั้งที่แปด!
พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับมีมังกรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน ขณะเดียวกันลำแสงสีแดงโลหิต 36 สายได้ลงมาจากท้องฟ้า ย้อมท้องนภาให้กลายเป็นสีแดงฉาน แม้แต่ตะวันตกดินยังถูกแสงสีแดงปกคลุม
“36 ขุนพลอสูร!”
“36 ขุนพลอสูรที่มีชื่อเสียงโด่งดังของอาณาเขตเต๋า พวกเขาคือองครักษ์คุ้มกันราชวงศ์แห่งอาณาเขตเต๋า ทั้ง 36 คนถูกสร้างขึ้นจากทรัพยากรของราชวงศ์เพื่อจักรพรรดิแต่ละรุ่น!!”
“ข้าได้ยินว่าพวกเขาเหมือนทหารแห่งความตาย นาทีที่จักรพรรดิเต๋าออกคำสั่ง พวกเขาพร้อมยอมสังเวยชีวิตตัวเอง!”
ชายร่างกำยำ 36 คนก้าวเดินออกมาจากแสงสีแดง ทั้งร่างปกคลุมด้วยหมอกสีแดงจนไม่อาจมองเห็นรูปร่างได้ชัดเจน ทุกคนโค้งคำนับให้กับราชวังและนั่งเบื้องหน้า 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์
เสียงกลองดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง หลังจากทั้ง 36 คนนั่งลง เสียงดังสนั่นกึกก้องเข้าข่มเสียงกลองและกระจายเข้าสู่คนเกือบแสนคนให้มาสนใจ พวกเขาเห็นรอยแยก 18 แห่งถูกฉีกกระชากในท้องฟ้า จากนั้นกรงเล็บสีดำขาวสิบแปดคู่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า!
เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วฟ้า เมื่อสายตาทุกคนรวมกันในท้องฟ้าแล้ว มังกรสีแดงและดำ 18 ตัวโผล่ออกมาจากรอยแยกทั้ง 18 แห่ง!
เหล่ามังกรเปล่งกลิ่นอายมารอันน่าตกตะลึง พวกมันคือมังกรมารโบราณ!
ดวงตาสีเงินสิบแปดคู่เปล่งพลังมารไร้ขอบเขต ทำให้เหล่ามังกรดุร้ายถึงขีดสุด หลังจากพวกมันปรากฏตัวออกมาได้เริ่มบินเป็นวงกลมในท้องฟ้า กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์
“18 ขุนพลราชาแห่งอาณาเขตเต๋า!!”
“ถูกต้อง พวกมันเป็นมังกรมารซึ่งเป็นพาหนะของ 18 ขุนพลราชา ในเมื่อพวกมังกรปรากฏตัวแล้ว แปลว่า 18 ขุนพลราชามาถึงแล้ว!”
“พวกเขายังเป็นคนของราชวงศ์ที่อยู่ใต้อำนาจจักรพรรดิ เขาคือ 18 ขุนพลราชาแห่งอาณาเขตเต๋า ข้าได้ยินมาว่าทุกคนล้วนทรงพลังและ 12 คนในนั้นปกติจะไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวงเพราะต้องไปคุ้มกัน 12 แคว้น!”
ความวุ่นวายครั้งใหญ่ก่อตัวขึ้นมาเมื่อมังกร 18 ตัวปรากฏในท้องฟ้า ขณะนั้นในระยะทางห่างออกไปหวังหลินได้มองเข้ามา
ตอนที่มังกรมารสิบแปดตัวปรากฏ พวกมันเปลี่ยนพลังงานของโลกรอบบริเวณนั้น พายุที่พวกมันสร้างขึ้นมาได้ก่อเกิดวังวนขัดขวางสัมผัสวิญญาณได้
‘18 ขุนพลราชาแห่งอาณาเขตเต๋า…ชักสงสัยเสียแล้วว่าตอนนั้นเย่โม่เป็นหนึ่งในสิบแปดขุนพลราขาด้วยหรือไม่…บางทีข้าคงรู้ได้ในงานเลี้ยง’ หวังหลินลูบคาง เขาเพิ่งมาที่อาณาเขตเต๋าและปิดด่านบ่มเพาะตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปค้นหาลูกหลานของเย่โม่
แต่เรื่องสำคัญนี้ยังเก็บไว้ในใจ
หลังจากขบคิดอยู่นั้น เสียงกลองดังครั้งที่แปดยังคงสะท้อนไปทั่ว หวังหลินมุ่งหน้าเข้าหาวังหลวง ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ยิ่งมีความรู้สึกไม่สบายใจรุนแรงมากขึ้น
ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ไม่ได้อันตรายแต่เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขาสามารถสัมผัสเรื่องที่สำคัญยิ่งล่วงหน้าได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ไม่ว่าเขาจะครุ่นคิดแค่ไหน ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในงานเลี้ยง
หวังหลินก้าวเดินไปและขมวดคิ้ว มังกรมารสิบแปดตัวลงมาที่ลานกว้างด้านล่าง หากมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนคงเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนศีรษะมังกรแต่ละตัว!
ทั้งหมด 18 คนมีใบหน้าแตกต่างกันแต่ก็คล้ายคลึง ทุกคนก้าวเดินลงจากมังกรอย่างสมสง่า จากนั้นนั่งลงบนที่นั่งใกล้วังหลวงมากที่สุด
พอนั่งลงไป มังกรมารสิบแปดตัวส่งเสียงคำรามและกลับเข้าสู่รอยแยกในท้องฟ้า เมื่อรอยแยกหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลับสู่ปกติ
วินาทีนั้นเสียงจังหวะกลองดังครั้งที่เก้าและผสานกับเสียงกึกก้องจากแปดครั้งก่อนหน้านี้ เกิดเป็นเสียงคำรามมหึมา ซึ่งดังมากพอสั่นคลอนเหล่าเซียนให้ดับดิ้นและอาจทำให้คนของเผ่าโบราณต่อกรได้ยากขึ้นไปอีก ทว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดที่ไม่มีใครที่นี่ได้รับผลกระทบจากเสียงนี้
หวังหลินก้าวเดินและมาถึงด้านบนราชวังในเสียงจังหวะกลองครั้งที่เก้า เขาพลันมองขึ้นไปและหรี่ตาแคบเล็กน้อย
หวังหลินเห็นลำแสงสีดำเก้าสายตกลงมาจากท้องฟ้า ลำแสงสีดำราวกับเสาขนาดยักษ์ค้ำจุนแผ่นดินจนไม่อาจพังทลายได้ จากนั้นระลอกคลื่นสะท้อนออกมาเผยเป็นชายสวมเกราะสีดำตัวยักษ์จำนวนเก้าคน!
ทั้งเก้าคนเปล่งจิตสังหารรุนแรง กระทั่งมองเห็นภูติผีปิสาจนับไม่ถ้วนอยู่รอบตัว พวกเขาไม่ได้โค้งคำนับต่อวังหลวงแต่มองหน้ากันเองและเดินเข้าไปยังโต๊ะทั้งเก้าเบื้องหน้า 18 ขุนพลราชา
ด้านหน้ายังเหลือโต๊ะอีกสี่ตัว!
“ขุนพลอมตะ!”
“นั่นน่าจะเป็นเก้าขุนพลอมตะแห่งอาณาเขตเต๋า!”
‘ทั้งเก้าคนเทียบได้กับผู้สูงส่งชั้นเทวะที่ทะลวงผ่านตำหนักระดับสิบสาม! หนึ่งในนั้นกระทั่งสามารถบรรลุตำหนักระดับสิบสี่ได้ด้วยซ้ำ!’ หวังหลินถอนสายตาและก้าวเดินไปข้างหน้าขณะที่เสียงกลองที่เก้าดังกึกก้อง
รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของใครหลายคนที่นี่ในทันที!!
………………………………………………….
ตอนที่ 2021 มองกลับไปทันใด!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินคุ้นชินกับสายตาที่เพ่งเข้ามาในเหตุการณ์แบบนี้ หวังหลินมีสีหน้าดังเดิม เสื้อผ้าสีขาวสะบัดพริ้วและก้าวเดินต่ออย่างมั่นคง
“คนผู้นี้…เขาเป็นใคร?”
“เขามาคนเดียวและยังกล้ามาในจังหวะกลองดังครั้งที่เก้า หรือจะเป็นคนที่มีเบื้องหลังพิเศษ?”
“เขาไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนะ…”
เสียงซุบซิบเบาๆ เริ่มดังออกมาจากฝูงชนในขณะที่หวังหลินก้าวผ่านคนนับพัน ผ่าน 108 ขุนพลต้องห้าม 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ 36 ขุนพลอสูร…
เพียงเดินไปข้างหน้า สายตาจับจ้องหวังหลินมากขึ้นและเกิดเสียงกระซิบดังมากกกว่าเดิม
“เขาจะไปนั่งที่ไหน?!”
“เขากล้าเดินตรงไปข้างหน้า เก้าอี้สองในสี่ตัวข้างหน้านั้นเตรียมไว้ให้มหาชั้นฟ้าและราชครู อีกสองตัวถูกจองไว้ให้สองบรรพชนแห่งอาณาเขตเต๋าที่ยังมีชีวิตอยู่!!”
ท่ามกลางเก้าอี้ที่เหลืออยู่สี่ตัว มีตัวหนึ่งอยู่หน้าสุดและอีกสามตัวอยู่ด้านหลัง หวังหลินก้าวเดินผ่าน 18 ขุนพลราชา มีอยู่เจ็ดคนนั้นยืนขึ้นทันทีและคำนับฝ่ามือให้แก่หวังหลิน
เพียงเท่านั้นเหล่าผู้คนนับแสนจึงเกิดความปั่นป่วน เสียงการสนทนาดังมากยิ่งกว่าตอนที่ 18 ขุนพลราชาและเก้าขุนพลอมตะเข้ามาที่นี่เสียอีก
หวังหลินหยุดชะงักไปชั่วขณะและยิ้มให้แก่เจ็ดคนที่โค้งคำนับเขา จากนั้นหวังหลินก้าวเดินเข้าหาขุนพลอมตะทั้งเก้าคนที่มีกลิ่นอายสีดำห่อหุ้ม
แปดในเก้าคนเงียบสนิท แต่มีคนที่มีระดับเทียบเท่าผู้สูงส่งชั้นเทวะซึ่งสามารถผ่านตำหนักระดับสิบสี่ เขาได้พ่นลมหายใจและแววตาเป็นประกาย พลันยืนขึ้นราวกับต้องการป้องกันไม่ให้หวังหลินลอยข้ามผ่านไป
แต่ขณะที่เขากำลังยืนขึ้น หวังหลินส่งสายตาเย็นเยียบเข้ามาและมีแววตาจิตสังหารกะพริบวาบ ร่างหวังหลินแผ่กระจายแรงกดดันอันน่าตกตะลึงและเขาหายวับไปทันที
แม้จะเป็นเพียงชั่วพริบตา กลับทำให้คนที่กำลังยืนขึ้นต้องสั่นเทา เขาตกตะลึงจนไม่กล้ายืน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกลับไปนั่งลง
วินาทีนั้นจิตใจเขาสั่นเทา หยาดเหงื่อชะโลมทั่วร่างกาย สายตาหวังหลินทำให้เขารู้สึกราวกับตกกับดักแห่งการสังหารและถูกหวังหลินสังหารนับแสนครั้ง ราวกับเขาได้ตกอยู่ในภาพมายาที่ตัวเองถูกฆ่าอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน สายตานั้นคล้ายกับพุ่งเข้าไปในร่างเขา บดขยี้อวัยวะภายใน ขูดกระดูกและเลือดเนื้อ จากนั้นกลืนกินวิญญาณเขา หัวใจเต้นสั่นระรัวคล้ายกำลังแตกสลาย
จังหวะที่เขากลับไปนั่งลงอีกครั้ง หวังหลินร่อนลงบนพื้นและมาถึงเบื้องหน้าโต๊ะที่อยู่หน้าสุดซึ่งได้จัดที่นั่งเป็นรูปใบพัด เขามองแท่นที่กำลังลอยอยู่นับร้อยและเหล่าผู้คนนับแสนที่ลานกว้างก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและนั่งลง
วินาทีที่เขานั่งลง เกิดเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ทั่วบริเวณ
“เขาเป็นใคร? เขานั่งในตำแหน่งของมหาชั้นฟ้าแห่งอาณาเขตเต๋า นี่…นี่…”
“แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมาทรงพลังเหลือเกิน ถึงกับทำให้หัวใจข้าหยุดเต้นได้จริงๆ พลังโบราณของเขาช่างล้ำลึกและไม่ใช่คนทั่วไปแน่นอน!”
“ข้าได้ยินมาว่ามหาชั้นฟ้าแห่งอาณาเขตเต๋าประกาศตัวเองว่ารับศิษย์มาหนึ่งคน หรือเขาจะเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว!? แต่เขาช่างดูเยาว์วัย…”
“ใช่เขาจริงๆ!”
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!! ข้าไม่คิดว่าคนผู้นี้จะเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วจริงๆ!!”
“อะไรนะ? เขาคือผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว? ไม่ใช่ว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวเป็นคนของเผ่าเทพหรอกหรือ? ว่ากันว่าเขาคืออันดับหนึ่งใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า!! ทั้งยังลืออีกว่าอาจเป็นตะวันดวงที่สิบของแผ่นดินเซียนดารา!!”
พวกคนที่จำหวังหลินได้คือคนของตระกูลขุนนางเช่นเดียวกับองค์ชายจี้ตู คนของอาณาเขตเต๋านั้นรู้อยู่แล้วเพราะรู้เรื่องราวของหวังหลิน ทว่าคนของอาณาเขตอื่นได้มองหวังหลินด้วยท่าทีอันซับซ้อน สายตาซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้
ความจริงพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่รู้จักหวังหลิน ซวนลั่วนั้นพาหวังหลินไปที่อาณาเขตจวี่และอาณาเขตฉีมาแล้ว นอกจากแต่ละคนจะมามอบของขวัญยินดี พวกเขายังมาเพื่อสังเกตพลังอำนาจของอาณาเขตเต๋าไปด้วย
ท่ามกลางสายตาที่มองหวังหลิน หนึ่งในนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สายตานี้มองมาจากแท่นลอยฟ้าที่มีองค์ชายจี้ตูอยู่
องค์ชายจี้ตูมองหวังหลินปรากฏตัวจนกระทั่งได้รับความสนใจจากทุกคน เขามองท่าทีหวังหลินที่สงบนิ่งและจึงถอนหายใจยาว
‘ชื่อของพ่อบุญธรรมเป็นที่รู้จักกันในเผ่าโบราณ! แค่ชื่อก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากพอแล้ว หากพ่อบุญธรรมช่วยข้า…’ จี้ตูกำหมัด
หวังหลินไม่สนสายตาทุกคนที่มองเข้ามา เขานั่งลงและหลับตา ทว่าเขายังคงไม่สบายใจ ราวกับจิตมารข้างในกำลังออกมาและเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียการควบคุม
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ที่หวังหลินเริ่มเดินทางมาที่วัง และมันปะทุขึ้นตอนที่นั่งลงจนหวังหลินตกตะลึง
แม้จะสามารถระงับเอาไว้ได้แต่ก็ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของหวังหลิน ไม่เช่นนั้นตอนที่ขุนพลอมตะยืนขึ้น หวังหลินคงไม่ต้องแผ่ระดับบ่มเพาะออกมา
ตัวละครระดับนั้นไม่มีค่าพอให้เขาต้องทำแบบนี้ แต่ในตอนนั้นหวังหลินกระทั่งเกิดความคิดบ้าๆ ไปว่าอยากสังหารมันและทุกคนที่นี่
‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าเกิดความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ที่มาถึงวังหลวง…’ หวังหลินหลับตาและโคจรระดับบ่มเพาะ จิตใจค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ แต่หวังหลินยิ่งมืดมนมากขึ้น
‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เป็นไปได้ว่ามีเขตอาคมบางอย่างส่งผลกระทบกับข้าเช่นนั้นหรือ? แต่มองดูรอบๆแล้ว ไม่มีเขตอาคมใดเปิดใช้งาน…’ หวังหลินลืมตาและนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น
‘และความรู้สึกบ้าคลั่งนี่ก็เปลี่ยนมาจากความไม่สบายใจ ข้ารู้สึกได้เลือนลางไม่กี่วันก่อน ตอนนี้มันรุนแรงยิ่งขึ้น’
‘เป็นความรู้สึกว่ามีสิ่งสำคัญยิ่งบางอย่างกำลังจะเกิด…อาจเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิตข้า…แม้ข้าเผชิญกับสถานการณ์แห่งความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้…’ หวังหลินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
‘ข้าไม่สามารถอยู่วังหลวงได้นานเสียแล้ว…’ หวังหลินดวงตาเป็นประกายและคิดขึ้นในใจ ยามนี้เสียงกลองดังครั้งที่เก้าก็ค่อยๆ เบาลง
เมื่อเสียงกลองหายไป ทุกคนในลานและบนแท่นลอยฟ้าต่างก็เงียบลง ทุกคนหยุดพูดอย่างไม่รู้ตัวและจับสายตาไปบนโถงใหญ่!
“จักรพรรดิเสด็จแล้ว!!” เสียงโหยหวนและกรีดร้องแหลมดังออกมาจากห้องโถง ขับเคลื่อนพลังทะลุทะลวงและจากนั้นประตูก็เปิดออก
สายตาทุกคนรวมไปที่ห้องโถง มองไปตรงชายผู้กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร
เขาสวมชุดสูงศักดิ์และมีมงกุฎจักรพรรดิครอบศีรษะ เปล่งแรงกดดันทรงพลังอันยิ่งใหญ่ เขาคือจักรพรรดิเต๋า!!
“ขอคารวะท่านจักรพรรดิ!!” ทั้งลานกว้าง แท่นลอยฟ้า ทุกคนรวมไปถึงสิบแปดราชา ต่างก็โค้งคำนับให้แก่จักรพรรดิเต๋า!
หากไม่ใช่คนของอาณาเขตเต๋าจะไม่ต้องคุกเข่า แต่ประชากรที่นี่ต้องคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ทางด้านหวังหลินนั้นยืนขึ้น หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาเพียงคำนับฝ่ามือแต่ไม่คุกเข่า!
แม้สีหน้าท่าทางดูปกติ ความบ้าคลั่งที่เขารู้สึกได้เข้าท่วมจิตใจดุจน้ำป่าไหลหลาก หวังหลินแทบไม่สามารถระงับเอาไว้ได้
ความรู้สึกนี้รุนแรงยิ่งขึ้นในตอนที่จักรพรรดิเต๋าปรากฏตัว!!
“ทุกคนเอ๋ย ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับข้า เรามาเฉลิมฉลองไปกับงานเลี้ยงครั้งนี้ ทุกคนดื่ม!” จักรพรรดิเต๋ายิ้มออกมาแต่พอสายตากวาดผ่านหวังหลิน จิตใจเขากลับไม่มีความสุขและมืดมน ทว่าสีหน้ายังคงเหมือนเดิมและยิ้มให้กับหวังหลินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ข้ามีความสุขมากที่เหล่าสหายทุกคนแห่งนี้มาที่อาณาเขตเต๋า วันนี้ข้าจะไม่พูดมาก ขอดื่มหมดจอกให้แก่เหล่าสหายทุกคน!” จักรพรรดิเต๋ายกแขนขวาขึ้นมา ปรากฏเงาหนึ่งยื่นจอกสุรามาให้
ขณะเดียวกันทุกคนในลานและบนแท่นต่างก็ยกสุราบนโต๊ะของตัวเอง ทุกคนถือจอกสุราด้วยท่าทางเคารพ
หวังหลินถอนหายใจอย่างเงียบงันและหยิบจอกสุราขึ้นมา เขาตั้งใจแค่จะมอบของขวัญของอาจารย์ให้หลังจากหมดจอกนี้ จากนั้นก็จะจากไป สิ่งที่ก่อกวนในใจหวังหลินกลับทำให้ใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย
จักรพรรดิเต๋ายิ้มและดื่มไปหนึ่งจิบ จากนั้นทุกคนจึงดื่มเพื่อฉลองความยินดี หวังหลินไม่ได้ดื่มแต่วางจอกสุราลงพร้อมทุกคน จากนั้นกำลังจะพูดขึ้น
“นอกจากงานน่ายินดีนี้แล้ว ข้าเองก็อยากประกาศอีกเรื่องด้วยเช่นกัน บางคนอาจเคยได้ยินว่าศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวแห่งเผ่าเทพ จะกลายมาเป็นองครักษ์คุ้มครองอาณาเขตเต๋า!”
“หวังหลิน ขึ้นมารับฟังราชโองการ!” จักรพรรดิเต๋ายิ้ม
หวังหลินก้าวเดินขึ้นไปอย่างเงียบๆ และคำนับฝ่ามืออีกครั้ง
‘ยังไม่คุกเข่าอีก?’ จักรพรรดิเต๋ามีสีหน้าหนักแน่น เขาไม่พูดแต่มองหวังหลินท่าทีสงบนิ่ง
จากนั้นสักพักทุกคนจึงสังเกตความผิดปกตินั้นได้ สายตาทุกคนรวมมาที่หวังหลิน
ท่ามกลายเหล่าสายตานั้น มีสายตาคู่หนึ่งมองมาจากองค์ชายจี้ตู เขาระงับความตื่นเต้นในใจ รอคอยวันที่หวังหลินจะถูกผลักออกจากอาณาเขตเต๋า!
“ท่านจักรพรรดิ ข้ามาเพื่อมอบของขวัญยินดีแทนอาจารย์ ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ดังนั้นข้าขอตัวลาก่อน” หวังหลินหมดความอดทนจากความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ เขามองจักรพรรดิอย่างเย็นเยียบ ไม่รู้ว่าทำไมแต่พอมองดูอีกครั้งกลับรู้สึกถึงจิตสังหารอธิบายไม่ได้และความรู้สึกน่าขยะแขยง!
หวังหลินสะบัดแขนเสื้อนำกล่องที่ซวนลั่วมอบออกมาให้ เขาโยนออกไปและถูกเงาหนึ่งรับไว้เบื้องหน้าจักรพรรดิเต๋า เงานี้ยื่นส่งให้จักรพรรดิเต๋าอย่างเคารพ
“หวังหลิน ข้าขอประกาศว่าเจ้าเป็นองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า! ในเมื่อเจ้ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำก็ไปเถิด ข้าหวังว่าเจ้าจะมาร่วมงานพิธีในวันพรุ่งนี้” จักรพรรดิเต๋ามองหวังหลินและยิ้มออกมา คล้ายกับไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่มองหวังหลินอีก
จากนั้นจักรพรรดิเต๋าได้พูดขึ้น “ขอเชิญจักรพรรดินี!”
ความขุ่นเคืองในใจหวังหลินกำลังรุนแรงขึ้นและเขาหันตัวกลับ แต่ทันใดนั้นเสียงกระดิ่งดังขึ้นในสองหูและผสานกับความรู้สึกในใจเขา ทำให้ความขุ่นเคืองในใจได้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หวังหลินตกตะลึงและหันกลับไป เขาเห็นสตรีคนหนึ่งสวมชุดคลุมลายหงห์ก้าวเดินออกมาจากห้องโถง ก้าวเดินมาหาจักรพรรดิเต๋า
……………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น