Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2010-2011

 ตอนที่ 2010 อาจารย์ก็เหมือนพ่อ!

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากพูดขึ้น ทุกคนเงียบลงและรวมสายตามาที่หวังหลิน ตามที่ชายชราพูดเอาไว้ ในอาณาเขตเต๋า นอกจากมหาชั้นฟ้าแล้วทุกคนที่เห็นจักรพรรดิเต๋าจะต้องคุกเข่า!


นี่คือสัญลักษณ์ของสายเลือดราชวงศ์ หากมีคนไม่เชื่อฟังนั่นถือว่าเป็นการไม่เคารพต่อสายเลือดราชวงศ์!


และในเผ่าโบราณ เรื่องการไม่เคารพนี้เคร่งเครียดยิ่งกว่าการทำความผิดเรื่องอื่นเสียอีก!


แม้แต่ซวนลั่วก็ตกตะลึงที่ได้ยินคำพูดนี้ ถึงเขาจะเป็นมหาชั้นฟ้าก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตเต๋า ก่อนที่เขาจะได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้ายังต้องคุกเข่าต่อจักรพรรดิเพื่อแสดงความเคารพ


จักพรรรดิเต๋ายิ้มแย้มและมองมาที่หวังหลินแต่ก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ เขามาวันนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าคนที่ทำให้เตาธูปผิดปกติเป็นคนที่เขาคาดเดาเอาไว้จริงหรือไม่


หากไม่เป็น เขาก็จะชักชวนคนผู้นั้นเป็นพวก


แต่หากเป็นคนที่เขาคาเดา เขาต้องการเห็นว่าคนผู้นี้มีอะไรพิเศษ!


‘เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้กลายเป็นศิษย์ของซวนลั่วแต่ข้ากลับถูกปฏิเสธ? ทำไมข้าถึงมีโลหิตหกหยด ส่วนเจ้า…เจ้ามีสิบหยด!! และหยุดสุดท้ายยังเป็นโลหิตวิญญาณ!!’


‘เรื่องนี้ซวนลั่วปิดเอาไว้ ดังนั้นอาณาเขตเต๋าจึงไม่รู้ ซวนลั่วถึงกับพูดว่าหากใครแพร่เรื่องนี้ออกไปเขายอมละเมิดกฎสังหารคนผู้นั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!!’


‘มหาชั้นฟ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าข้าควรอยู่หรือตาย เหตุผลที่เขาพูดเมื่อตอนนั้นเป็นเพราะคิดว่าศิษย์ของตัวเองจะได้รับการยอมรับจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว!’


‘แต่เขาไม่ได้เป็นลูกหลานของสายเลือดราชวงศ์ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะได้รับการยอมรับจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว!!’ จักรพรรดิเต๋ายังคงยิ้มอ่อนโยน แต่เบื้องหลังคือความอิจฉานับร้อยปี!


ความอิจฉานี้มีมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่หวังหลินได้รับโลหิตวิญญาณ กระทั่งตอนนี้ที่ได้เห็นว่าหวังหลินเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวจริงๆ อันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้า ความอิจฉาจึงปะทุขึ้นในฉับพลันแต่ก็ระงับเอาไว้


หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่ง สายตากวาดผ่านจักรพรรดิไปยังชายชราที่ร้องคำรามใส่ ดวงตาเปล่งประกายสีทอง


หวังหลินพูดขึ้น “เจ้าพูดอะไรนะ? ทวนอีกครั้ง”


ชายชรามีระดับบ่มเพาะผู้สูงส่งชั้นเทวะ แต่กระนั้นภายใต้สายตาหวังหลิน สีหน้าท่าทางเขาจึงเปลี่ยนไป


เขาหน้าซีดทันที พลังโบราณปั่นป่วนอยู่ในร่าง รับรู้ถึงแรงกดดันที่ออกมาจากร่างหวังหลินและไม่สามารถยืนได้ยอย่างมั่นคง


สิ่งสำคัญไปกว่านั้นภายใต้สายตาของหวังหลิน เขารู้สึกสั่นสะท้านออกมาจากสายโลหิต ราวกับหวังหลินมีสายโลหิตบริสุทธิ์เหนือจินตนาการจนทำให้โลหิตของชายชราถึงกับสั่นสะเทือน


“พอแล้ว เจ้ามาที่นี่เพื่อทำให้ศิษย์ข้าคุกเข่าหรือ? เขาคือองครักษ์ในอนาคตของอาณาเขตเต๋าที่ข้าเลือกมาแล้ว” ซวนลั่วเผยใบหน้าไม่เป็นสุข


จักรพรรดิเต๋ายิ้มและหันกลับไปมองชายชราด้วยสายตาเย็นเยียบ


“ศิษย์ของซวนลั่วมีสถานะเดียวกันกับข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด!”


ชายชรารีบพยักหน้า ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่รู้ว่ามาจากเสียงคำรามของจักรพรรดิหรือกลัวต่อสายตาหวังหลิน


“หวังหลิน ใช่แล้ว ข้าได้ยินชื่อเจ้ามานักต่อนัก โดยเฉพาะผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวผู้สั่นคลอนเผ่าเทพ! ตอนแรกที่ข้าได้ยินชื่อเจ้า ข้ารู้สึกเสียใจว่าอัจฉริยะแบบนี้ทำไมไม่เกิดขึ้นในเผ่าโบราณ!”


“แต่ตอนนี้ข้ามีความสุขมาก!”


“เซียนทรงพลังผู้นี้ อันดับหนึ่งใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า เป็นคนของอาณาเขตเต๋า! ช่างเป็นเรื่องน่ายินดี!” จักรพรรดิเต๋ายิ้มออกมาราวกับมีความสุขมาก


“ฉางฉี!” เพียงจักรพรรดิเต๋ายิ้มออกมา ชายชราอีกคนด้านหลังจึงโค้งคำนับทันที


“ผู้ต่ำต้อยอยู่นี่แล้ว!”


“แจ้งเผ่าบัญชาโบราณว่าหวังหลินคือองครักษ์ในอนาคตของอาณาเขตเต๋าและมีสถานะเท่ากับข้า นอกจากพิธียิ่งใหญ่ของทั้งเผ่าพันธุ์ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า! หากใครกล้าขัดคำสั่ง ทั้งตระกูลจะต้องถูกสังหาร!”


ชายชราพูดอย่างเคารพ “ตามที่ท่านสั่ง!”


“หวังหลิน ข้าเสนอเรื่องนี้ให้กับเจ้า เพียงเท่านี้เจ้าก็สามารถเข้าและออกราชวังได้ตามที่ต้องการ ข้ามีลูกชายอยู่หลายคน ข้าต้องการให้เจ้าไปเจอและเลือกรัชทายาทมาให้ข้าด้วยตัวเอง!” จักรพรรดิยิ้มและสะบัดแขน หินหยกสีม่วงปรากฏขึ้นมาและลอยตรงหน้าหวังหลิน รอให้เขารับไว้ด้วยสองมือ


หวังหลินขบคิดเงียบๆ จักรพรรดิเต๋าไม่ได้เร่งรีบและรอคอยต่อไป


ซวนลั่วยืนเงียบอยู่ด้านข้าง เขารู้ว่าหากหวังหลินต้องการอยู่ที่นี่ คงต้องรวมเข้ากับอาณาเขตเต๋าและยอมรับพลังอำนาจของราชวงศ์


ความจริงแล้วตั้งแต่แรกเริ่มซวนลั่วไม่กังวลนักเพราะหวังหลินอ่อนแอมาก และหลังจากออกมาจากโลกถ้ำ การรับหวังหลินเป็นพลังอำนาจของทางราชวงศ์เป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง


แต่การเติบโตของหวังหลินเหนือล้ำเกินกว่าการคาดการณ์ของซวนลั่ว แม้เขาจะยินดีในการเปลี่ยนแปลงของหวังหลินแต่ก็รู้สึกเสียใจด้วย เพราะด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน การจะให้เขายอมรับพลังอำนาจแห่งราชวงศ์ยังต้องใช้เวลา


‘นี่คือคำสัญญาของข้า…ข้าสามารถอดทนได้!’ หวังหลินถอนหายใจ เขามองเห็นความหมายที่จักรพรรดิสื่อได้เป็นอย่างดี แต่หวังหลินไม่ต้องการพูดมาก หลังจากถอนหายใจจึงก้าวไปข้างหน้าและรับหินหยก จากนั้นคำนับฝ่ามือให้กับจักรพรรดิ


“ขอบคุณ…จักรพรรดิ” หวังหลินถือหินหยกโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาถอยออกมาและยืนข้างซวนลั่ว


จักรพรรดิเต๋าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขามองซวนลั่วและคำนับฝ่ามือ


“ข้าจะไปแล้ว ข้ามีความสุขมากที่เจอเจ้าวันนี้ หวังหลิน การเลือกของท่านซวนลั่วก็เพื่ออนาคตของอาณาเขตเต๋า!” หลังจากเห็นซวนลั่วพยักหน้า จักรพรรดิจึงผายมือพลางหันตัวกลับและจากไปโดยไม่ได้มองหวังหลิน องครักษ์ของเขาโค้งคำนับให้แก่ซวนลั่วและรีบจากไป


ไม่นานนักหมอกสีม่วงในท้องฟ้าก็หายไปและกลับคืนสู่ปกติ


ภายในวังของเมืองลอยฟ้า จักรพรรดิปรากฏตัวในตำหนักแห่งโปรด ใบหน้าผุดรอยยิ้มและเริ่มหัวเราะ


‘เป็นศิษย์ของซวนลั่วแล้วอย่างไร? มีหยดโลหิตของบรรพชนโบราณแล้วอย่างไร? กระทั่งมีโลหิตวิญญาณแล้วอย่างไร?! หวังหลิน เบื้องหน้าข้า เจ้าก็ยังต้องคุกเข่า!’


‘และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้ง! เจ้าจะไม่กล้าทำร้ายข้าเพราะข้ามีมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวปกป้อง เมื่อซวนลั่วเข้าไปวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าหากข้าต้องการสังหารเจ้า มันก็ง่ายดายเพียงแค่ยกฝ่ามือ!’


ด้านนอกอารามเต๋า ซวนลั่วมองหวังหลินด้วยสีหน้าซับซ้อนและขบคิดเงียบๆ


ตรงข้ามกันหลังจากจักรพรรดิเต๋าจากไป หวังหลินยิ้มและพูดเบาๆ กับซวนลั่ว


“อาจารย์ ข้ารอของขวัญที่ท่านสัญญาว่าจะให้มาสามวันแล้ว” รอยยิ้มของหวังหลินทำให้สีหน้าซวนลั่วยิ่งซับซ้อนมากขึ้น


“เจ้ามาจากโลกถ้ำและตำแหน่งของเจ้าก็สูงมาก ในเผ่าเทพเจ้าเป็นถึงผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว อันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้า! แต่ในเผ่าโบราณ เพียงเพราะอำนาจสูงสุดของพลังสายโลหิตราชวงศ์ เจ้าถึงกับต้องก้มศีรษะ…”


“อาจารย์คาดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าได้ทำผิดกับเจ้า…” ซวนลั่วมองศิษย์ของตัวเอง


‘อาจารย์ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอันตรายอันใด ในเมื่อศิษย์ตัดสินใจจะมาที่นี่ ศิษย์ก็สามารถเมินเฉยเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้อยู่แล้ว’


‘ในเมื่อพลังสายโลหิตราชวงศ์คือจุดสูงสุดในเผ่าโบราณและจักรพรรดิต้องการข่มเหงข้า เช่นนั้นศิษย์จะคุกเข่าระหว่างในพิธี หากเขาสามารถอดทนได้ ศิษย์ก็จะคุกเข่า’


‘ในโลกถ้ำ ศิษย์ได้สัญญากับอาจารย์ว่าจะปกป้องอาณาเขตเต๋า แค่เรื่องนี้…ศิษย์จะยอมทำตาม’ หวังหลินพูดด้วยรอยยิ้ม


ซวนลั่วขบคิด ผ่านไปสักพักจึงตัดสินใจ


“เจ้าคือศิษย์คนเดียวของอาจารย์ หากเจ้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะสมกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องรักษาสัญญาในอดีตอีกต่อไป เจ้าสามารถไปได้ทุกเมื่อ!”


“ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหน ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไหน ข้าซวนลั่ว คืออาจารย์ของเจ้า!”


คำพูดของซวนลั่วมีความซื่อตรงและทำให้หวังหลินเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจ ความอบอุ่นนี้เหมือนชาที่ดื่มเมื่อสามวันก่อนและทำให้หวังหลินรู้สึกอุ่นใจอีกครั้ง


เขาพยักหน้า


“เอาละ อย่าพูดเรื่องนี้เลย อาจารย์จะพาเจ้าไปยังที่ที่จะช่วยเรื่องแก่นแท้ของเจ้าได้อย่างมหาศาล!” ซวนลั่วยิ้มและสะบัดแขน เขาพาหวังหลินและหายไปตัวไป!


อาณาเขตเต๋า แคว้นผิงเทียน!


แคว้นแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบและไร้ภูเขา! พื้นที่ราบปกคลุมด้วยใบหญ้า เพียงสายลมพัดผ่าน เกิดเป็นเสียงกรอบแกรบเริ่มดังขึ้นและเป็นที่น่าพอใจ


ทางทิศเหนือของพื้นที่ราบแห่งนี้มีบ่อน้ำลึกส่งกลิ่นเหม็นเน่า แตกต่างจากส่วนที่เหลือของพื้นที่อย่างสิ้นเชิงและมันไม่ควรมีอยู่


“ที่นี่ถูกพบจากมหาชั้นฟ้ารุ่นก่อนของอาณาเขตเต๋าและถูกปิดผนึกเพื่อรักษามันเอาไว้ หลังจากข้าผ่านมา จึงตั้งใจจะใช้มันหลอมเป็นสมบัติแห่งศรัทธาในอนาคต แต่หลังจากรับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าพบว่าที่นี่คงจะช่วยเจ้าได้อย่างมาก ดังนั้นข้าจะมอบมันให้!”


“บ่อน้ำแห่งนี้มีมานานมาก ข้าศึกษามันรอบเดียวและตัดสินว่ามันเป็นเหมือนสนามรบโบราณ บ่อน้ำแห่งนี้มีจิตสังหารทรงพลังและน่าจะช่วยแก่นแท้สังหารของเจ้าให้แข็งแกร่งได้!”


“มีสถานที่ลักษณะนี้อีกหลายแห่งที่มีแก่นแท้แตกต่างกันออกไปและข้าจะพาเจ้าไปทีละแห่ง อีกหลายแห่งอยู่ในอีกสองอาณาเขต แต่ข้ามีข้อตกลงกับอีกสองมหาชั้นฟ้าเมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้วว่าจะให้เจ้าไปหลอมและดูดซับพวกมัน” ซวนลั่วยิ้มให้กับหวังหลินอยู่ข้างบ่อน้ำ


เขาไม่ได้บอกหวังหลินว่าต้องจ่ายอะไรถึงทำให้มหาชั้นฟ้าอีกสองคนยอมตกลง แต่ราคาคงไม่ใช่น้อยๆ!


“สุดท้าย ข้าจะพาเจ้าไปเจอบรรพชนของเผ่าโบราณ มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว! เพราะมีเขาอยู่จึงทำให้เผ่าเทพไม่กล้าล่วงเกิน!”


“มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวปิดด่านบ่มเพาะตลอดทั้งปี ข้ารายงานสถานะของเจ้าให้เขาเมื่อคราวก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อข้าพาเจ้าไป เขาน่าจะยอมพบเจ้า”


“บางทีนี่อาจจะเป็นโชควาสนามหาศาลสำหรับเจ้า!” ซวนลั่วมองหวังหลินอย่างเมตตา เขาปูทางให้หวังหลินในช่วงหลายร้อยปีที่เหลืออยู่!


………………………………………………………


ตอนที่ 2011 เสียงกระดิ่งบนยอดเขากุ้ยต้าว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ณ แผ่นดินของอาณาเขตเต๋า หุบเขาเขตอาคมที่ซ่อนอยู่ในภูเขา บ่อน้ำบนพื้นที่ราบและสุสานใต้ดินขนาดใหญ่ ทั้งสามแห่งเป็นพื้นที่ที่มีโชควาสนาอันมากมาย ซวนลั่วเตรียมสถานที่ทั้งสามแห่งให้แก่ศิษย์ของตนเอง…หวังหลิน


ภายในภูเขามีหวังหลินและซวนลั่วยืนอยู่ รวมถึงปรากฏร่างอยู่ด้านนอกบ่อน้ำและภายในสุสานด้วยเช่นกัน


บ่อน้ำบนพื้นที่ราบนี้มีจิตสังหารอันทรงพลัง และหวังหลินก็เพ่งสมาธิอยู่ภายในนี้ถึงสามเดือน!


ซวนลั่วรออยู่ด้านนอกบ่อน้ำตลอดเวลา ขณะที่ปกป้องหวังหลินก็มองศิษย์ตัวเองอย่างเงียบๆ ไปด้วย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเมตตา


หน้าผาบนหุบเขาถูกแกะสลักด้วยอักขระรูน แต่ละชิ้นมีเขตอาคมแฝงเอาไว้ พอเวลาผ่านไปหลายปี หุบเขาแห่งนี้จึงค่อยๆ กลายเป็นสถานที่โด่งดังในอาณาเขตเต๋า เรียกกันว่า หุบเขาเขตอาคมอันทรงเกียรติ!


คนธรรมดาไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้เนื่องจากถูกซวนลั่วปิดผนึกไว้หลายร้อยปีก่อน มันกลายเป็นที่ที่เขาเตรียมไว้ให้ศิษย์คนพิเศษเพื่อมารู้แจ้งแก่นแท้เขตอาคม


หวังหลินทำความเข้าใจอยู่ภายในหุบเขาเขตอาคมถึงสามเดือน


มีสถานที่ลึกลับมากอีกแห่งในอาณาเขตเต๋า มันคือสุสานใต้ดิน ไม่มีร่างศพใครถูกฝังไว้ที่นี่แต่เป็นสมบัติที่ถูกทิ้งไว้จำนวนมากมาย มีคนฝังพวกมันไว้ที่นี่เหมือนเป็นเครื่องสังเวย พวกมันไร้ประโยชน์และไร้ค่า


เนื่องจากตัวตนของเหล่าสมบัตินี้ พื้นที่จึงห่อหุ้มไปด้วยพลังงานของธาตุทั้งห้า กลิ่นอายจึงรุนแรงหนาแน่นจนเกิดเป็นกลิ่นอายของแก่นแท้ขึ้นมา


หวังหลินนั่งอยู่ในสุสานแห่งนี้เป็นเวลาสามเดือนเช่นกัน จากนั้นถึงไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็หยุดการดูดซับแก่นแท้ห้าธาตุและจากไปกับซวนลั่ว


ในอาณาเขตฉี หวังหลินได้เจอกับมหาชั้นฟ้าของที่นี่ เขาไปยังสถานที่สามแห่งเพื่อฝึกฝนและทำความเข้าใจ หวังหลินกับซวนลั่วอยู่อาณาเขตนี้เป็นเวลาห้าเดือน


ในอาณาเขตจวี่ หวังหลินไม่ได้เจอมหาชั้นฟ้าแต่ไปทำความเข้าใจยังพื้นที่หลายแห่งทั่วสิบสองแคว้น ใช้เวลาเกือบครึ่งปี


พริบตาเดียวนับเวลาตั้งแต่ที่หวังหลินและซวนลั่วออกไปจากเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ผ่านมาได้หนึ่งปีครึ่ง


ช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่งนี้หวังหลินไม่เจออันตรายอันใดและไม่ต้องดิ้นรนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เขาเพียงแค่ต้องดูดซับแก่นแท้และเพิ่มระดับบ่มเพาะ


หวังหลินไม่ต้องคิดอะไรมาก ทุกอย่างถูกอาจารย์ดูแลไว้หมดแล้ว อาจารย์ซวนลั่ว!


หวังหลินสัมผัสได้ว่าซวนลั่วดูแลเอาใจใส่เขา เหมือนศิษย์จริงๆ ที่ไม่มีแผนการอะไรแอบแฝง สายตาอบอุ่นที่ซวนลั่วมอบให้เขาทำให้หวังหลินฝึกฝนเหมือนอยู่ที่บ้าน


หวังหลินไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้ในชีวิตมากนัก แต่ยิ่งหายากเท่าไร เขายิ่งหวงแหนมากเท่านั้น หวังหลินหวงแหนช่วงเวลานี้ หวงแหนซวนลั่วและทะนุถนอมช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตที่หาได้ยากแบบนี้


ในใจหวังหลินต้องการให้เวลาเช่นนี้คงอยู่ไปตลอดกาล หวังหลินกระทั่งไม่ใส่ใจแรงกดดันจากจักรพรรดิเต๋าได้


‘อาจารย์ดูแลข้าดีแบบนี้…ข้าต้องปกป้องอาณาเขตเต๋า…’ หวังหลินพูดขึ้นในใจอีกครั้ง


เขาห่วงใยเรื่องความสัมพันธ์อย่างมาก ซวนลั่วช่วยหวังหลินในโลกถ้ำและกลายเป็นอาจารย์ เขาเห็นทุกอย่างและจำไว้ให้ขึ้นใจ


หวังหลินไม่ต้องการทำให้ซวนลั่วผิดหวัง


การเดินทางหนึ่งปีครึ่งจบลงเช่นนี้ จากนั้นทั้งสองก็ได้ผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของเผ่าโบราณ หวังหลินและซวนลั่วมาถึงที่ภูเขากุ้ยต้าว!


ภูเขากุ้ยต้าวอยู่ตรงจุดตัดของสามเผ่าโบราณและเป็นที่ที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวพักอาศัย!


ภูเขาแห่งนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเป็นเพราะมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว


เบื้องล่างภูเขากุ้ยต้าว แม้แต่ซวนลั่วยังแสดงท่าทีเคารพ เขาไม่ได้เหาะเหินหรือเคลื่อนที่พริบตาแต่เป็นก้าวเดินขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เหมือนคนธรรมดาและเดินไปคู่กับหวังหลิน


ทางเดินแห่งนี้คล้ายกับนำทางขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ แค่มองด้วยสายตาก็ไม่สามารถเห็นจุดสิ้นสุดได้แล้ว


ณ ด้านล่างภูเขา ซวนลั่วเดินอยู่ด้านหน้าและมองหวังกลินกลับมาอย่างเมตตา “หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้เห็นเจ้า จำไว้ว่าต้องเคารพนับถือเอาไว้ มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นผู้อาวุโส แม้แต่อาจารย์ยังต้องโค้งคำนับ”


“อาจารย์สบายใจได้ ศิษย์เข้าใจดี” หวังหลินมีสีหน้าเคร่งขรึมและรู้สึกจิตใจอบอุ่น ระหว่างทางซวนลั่วตักเตือนเขาไว้มากเหมือนชายชราที่ห่วงใยว่าลูกหลานจะทำอะไรผิดพลาด แม้ซวนลั่วจะมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มและไม่ได้ดูแก่กว่าหวังหลินก็ตาม


“มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นคนรุ่นเดียวกับยุคที่มีบรรพชนโบราณและเป็นองครักษ์ของเผ่าโบราณ หากเขาไม่อยู่ ข้ากลัวว่าเผ่าโบราณคงจะถูกเผ่าเทพกลืนกินและไม่สามารถดำรงอยู่อีกต่อไป” ซวนลั่วมองขึ้นไปที่ภูเขากุ้ยต้าวด้วยความเคารพจากหัวใจ


“ตอนที่ศิษย์อยู่ในเผ่าเทพ ศิษย์เห็นรายละเอียดบางส่วนของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวในหนังสือ พวกเขาพูดว่าระดับบ่มเพาะของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวสูงยิ่งกว่ามหาชั้นฟ้าคนอื่นและเป็นคนเดียวที่สามารถสังหารมหาชั้นฟ้าหลายคนได้ ศิษย์เคารพคนทรงพลังเช่นนี้” หวังหลินก้าวเดินขึ้นไปแต่ละก้าวและมองไปบนยอดเขา


“แม้แต่อาจารย์ก็ไม่รู้ว่ามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวมีระดับบ่มเพาะแท้จริงอยู่ขั้นไหน แต่เบื้องหน้าเขา อาจารย์รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนธรรมดา…” ซวนลั่วส่ายศีรษะและถอนหายใจ


“นอกจากมหาชั้นฟ้าแล้ว ผู้อาวุโสกุ้ยต้าวจะไม่เรียกใครง่ายๆ มีเพียงตอนที่จักรพรรดิโบราณคนใหม่ได้รับการรับเลือกเท่านั้นถึงจะถูกเชิญมาที่นี่” ซวนลั่วก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างเงียบๆ รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย


‘ข้าสงสัยจริงว่าหากผู้อาวุโสกุ้ยต้าวจะเจอหวังหลินได้ ข้าต้องรายงานผู้อาวุโสว่าหวังหลินได้รับโลหิตบรรพชนถึงสิบหยดและหยดที่สิบคือโลหิตวิญญาณ ผู้อาวุโสน่าจะได้พบเจอศิษย์ข้า’ ซวนลั่วเดินขึ้นไปพลางขบคิด ยิ่งเข้าไปใกล้บนยอดเขายิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ


‘หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเรียกหวังหลินเข้าพบ เช่นนั้นเรื่องที่หวังหลินจะเป็นองครักษ์ของอาณาเขตเต๋าจะไหลลื่น ด้วยการยอมรับจากกุ้ยต้าว สถานะของหวังหลินในอาณาเขตเต๋าจะพุ่งสูงขึ้น ไม่ว่าเย่ต้าวจะเกลียดหวังหลินแค่ไหน เขาก็คงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก’


‘แต่หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไม่เรียกเข้าพบ…’ ซวนลั่วถอนหายใจ ความจริงเขาพาหวังหลินมาที่นี่ก็เสี่ยงทำให้กุ้ยต้าวโกรธได้แล้ว เพราะพามาโดยไม่ได้ถูกเรียกตัว


ซวนลั่วทำทั้งหมดก็เพื่ออาณาเขตเต๋าและเพื่อให้ศิษย์ได้ปกป้องอาณาเขตเต๋าโดยไม่ต้องเจอกับความอับอาย


ด้านหนึ่งคือเผ่าพันธุ์ที่เขาปกป้องทั้งชีวิต อีกด้านคือศิษย์ที่เขาถูกใจยิ่งและดูแลเหมือนดั่งลูกของตัวเอง ซวนลั่วต้องการรักษาทั้งสองฝั่งให้เท่ากัน


หวังหลินเดินตามซวนลั่วและมองมาที่แผ่นหลังของซวนลั่ว แผ่นหลังนี้ไม่ได้สูงใหญ่แต่ทำให้หวังหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นอันหาได้ยาก ความอบอุ่นนี้อยู่กับเขามาถึงปีครึ่ง


‘ข้ารู้สึกไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าโบราณ ข้ามาที่นี่เพื่ออาจารย์ซวนลั่วและจะปกป้องอาณาเขตเต๋าเพื่ออาจารย์ซวนลั่ว…’ หวังหลินก้าวเดินอย่างเงียบๆ


แต่ละก้าวเงียบงันราวกับผสานความเงียบไปกับภูเขา พอพวกเขาเข้าใกล้ยอดภูเขา หวังหลินจึงเห็นหอคอยแห่งหนึ่ง!


หอคอยแห่งนี้มีเก้าชั้นและมีเสาขนาดใหญ่สี่แห่งผูกเข้ากับโซ่ตรวน บนโซ่ตรวนมีกระดิ่งแขวนไว้จำนวนมาก พอหวังหลินและซวนลั่วเข้าไปใกล้ กระดิ่งจึงส่งเสียงสดใส


เสียงน่าฟังยิ่งและเมื่อเข้าไปในจิตใจจะทำให้จิตใจแจ่มใส กระทั่งทำให้พลังโบราณในร่างหมุนเวียนได้เร็วขึ้น


พอยืนอยู่ที่นี่ หวังหลินหน้าซีดเล็กน้อย เขารู้สึกว่าระดับบ่มเพาะกำลังโดนกดทับ แต่ไม่ใช่แค่นั้นยังรวมถึงพลังโบราณและพลังชีวิตด้วย


การกดทับระดับบ่มเพาะและแก่นแท้ทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนกำลังแบกภูเขาหลายลูกไว้บนบ่า ทำให้รู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อยแต่ก็กัดฟันแน่นและยืนอยู่ด้านหลังซวนลั่ว


สี่เสายักษ์แต่ละแห่งมีคนนั่งอยู่หนึ่งคน ทั้งสี่อยู่ในวัยกลางคน ร่างกายผอมบางและสวมเสื้อสีเทา ชุดคลุมพริ้วสะบัดไปกับสายลมแต่หลับตานิ่งสนิท


แม้ซวนลั่วจะมาถึงก็ไม่ทำให้ทั้งสี่คนลืมตาขึ้นมาได้


หวังหลินหน้าซีดและกวาดสายตาผ่านสี่คนนั้นไป เขาตกตะลึงเล็กน้อย ทั้งสี่คนดูเหมือนคนธรรมดาที่ไม่มีพลังโบราณอยู่ในร่างกายเลย


“ผู้น้อยซวนลั่วขอเข้าพบมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว” ซวนลั่วคำนับฝ่ามือและโค้งให้แก่หอคอย


หวังหลินคำนับฝ่ามือเช่นกันและโค้งตัวอยู่ด้านหลังซวนลั่ว


รอบด้านเงียบสนิท มีเพียงสายลมและกระดิ่งที่ยังคงดังกึกก้อง พวกมันไม่หยุดและเสียงยังเปล่งพลังประหลาด แก่นแท้และระดับบ่มเพาะของหวังหลินถูกกดทับมากขึ้นจนผุดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก


ผ่านไปสักพักประตูชั้นแรกได้เปิดออกอย่างเงียบๆ และมีคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา เขาเป็นชายหนุ่มหัวล้านสวมชุดคลุมสีเทา หลังจากก้าวเดินออกมาจึงโค้งคำนับให้แก่ซวนลั่ว


“ท่านกุ้ยต้าวยังอยู่ระหว่างการเดินทางแห่งจิตใจ มหาชั้นฟ้าซวนลั่วโปรดรอสักครู่” ชายหนุ่มมีท่าทีเคารพ


“ไม่มีปัญหา ข้าจะรอที่นี่” ซวนลั่วไม่คิดมากพลางยิ้มและพยักหน้า


ชายหนุ่มมองหวังหลิน หลังจากถอนสายตาจึงโค้งคำนับซวนลั่วอีกครั้ง เขาหันตัวกลับเข้าไปในหอคอยและประตูค่อยๆ ปิดลง


เวลาสามวันผ่านในพริบตา ช่วงเวลานี้ซวนลั่วยืนอยู่โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้าและมีท่าทีเคารพตั้งแต่เริ่ม หวังหลินยืนด้านหลังซวนลั่ว สามวันที่ผ่านมาเหมือนสามร้อยปี!


เพราะเสียงกระดิ่งดังกึกก้องในใจหวังหลินอย่างต่อเนื่องราวกับพวกมันต้องการละลายระดับบ่มเพาะเทพและแก่นแท้ทั้งหมด


พวกมันคล้ายกับมีพลังในการสลายแก่นแท้และระดับบ่มเพาะเพื่อให้เหลือแต่พลังโบราณอยู่ในร่างกาย เพื่อให้โลหิตวิญญาณในร่างแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง


……………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)