Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2006-2007

 ตอนที่ 2006 บดบังด้วยใบไม้

โดย

Ink Stone_Fantasy

สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านพื้นดินสีดำ เมื่อเริ่มฤดูอากาศจะหนาวแต่จากนั้นก็อบอุ่น ด้านนอกเมืองศิลาดำมีทั้งภูเขาและป่าไม้ ใบไม้เหี่ยวแห้งจึงพัดไปตามสายลม


ใบไม้สีเหลืองแห้งปลิวไปในสายลมและหล่นอยู่นอกเมืองศิลาดำ ขวางกั้นสองสายตาหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีไม่ให้สบสายตา


เพียงใบไม้กระจายไป หวังหลินจึงถอนสายตา นางเป็นหญิงสาวธรรมดามาก นางมีสายโลหิตของปิศาจโบราณแต่ไม่เปล่งกลิ่นอายปิศาจ นางกลับเปล่งกลิ่นอายของดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์แทน


ใต้ตาขวาของนางเป็นจุดไฝ ไม่เพียงแต่จุดนี้จะไม่ทำลายความบริสุทธิ์ผุดผ่อง มันกลับแต่งแต้มเพิ่มเข้าไป แม้นางจะไม่ได้สวยงามอย่างหมดจด นางก็ทำให้จิตใจคนผู้หนึ่งเต้นกระดอนได้ทีเดียว


เช่นเดียวกับชื่อของนาง ซ่งจื่อคือหญิงสาวผู้มีความละเอียดผุดผ่องดุจภาพวาด


“ซ่งจื่อขอทักทายองค์ชายและเหล่าผู้ติดตามของทูตอาณาเขตเต๋า” นางโค้งให้กับทุกคนด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย


“เจ้าแซ่ซ่ง? นางคือคนที่องค์ชายพูดถึง?” ชายชราบนมารโบราณกลับมามีสติ พอเขามองนางจึงมีสีหน้าเคร่งขรึม


“ใช่แล้ว นางแซ่ซ่ง” องค์ชายยิ้มและพูดต่อ “พูดกันแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลมหาชั้นฟ้าซ่ง แต่ตระกูลของมหาชั้นฟ้านั้นกว้างใหญ่และนางก็เป็นตระกูลย่อยที่ห่างกันมาก กระนั้นที่เมืองศิลาดำ ตระกูลของนางก็ถือว่ามีอำนาจพอตัว”


ชายชราบนศีรษะมารโบราณขบคิดชั่วขณะและคำนับฝ่ามือให้องค์ชาย “ขอบคุณองค์ชายที่ให้การช่วยเหลือ ข้าจะพานางไป หากนางไม่ได้รับเลือก เราจะส่งนางกลับมา”


“ดีมาก ซ่งจื่อ จงติดตามทูตอาณาเขตเต๋า” องค์ชายไม่สนใจเรื่องนี้เลย เขายิ้มให้พลางออกคำสั่ง จากนั้นมองหวังหลินด้วยสายตาศรัทธา


ซ่งจื่อดูเหมือนจะถอนหายใจ แต่นางมีนิสัยสุภาพมากและไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้ จึงกัดริมฝีปากและเดินเข้าหามารโบราณ


หวังหลินอยู่ตรงเส้นทางเดินของนาง พอนางเข้ามาใกล้จึงโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารเพียงเล็กน้อย จากนั้นเดินอ้อมหวังหลินเพื่อไปยังมารโบราณ


กลิ่นหอมจางๆ แตะจมูกหวังหลินและค่อยๆ หายไป


พอนางก้าวไปบนมารโบราณและอยู่ข้างชายชรา สายลมพัดเส้นผมนางจนปกคลุมใบหน้า กระนั้นเมื่อนางมองกลับมาที่บ้านเกิด กลับไม่สามารถซ่อนความโศกเศร้าและแววตาที่ไม่ยินยอมให้หายไปได้


‘ข้าหวังว่าข้าจะไม่ถูกเลือก…ข้าไม่ได้สวยงามขนาดนั้น ดังนั้นข้าควรจะ…ไม่ถูกเลือก…ลุงฉางและน้องสาวยังรอข้าอยู่…’ นางก้มหน้า เส้นผมปิดบังรอยน้ำตาเอาไว้


หลังจากทูตเต๋าโบราณรับซ่งจื่อเข้ามา ทุกคนจึงคำนับฝ่ามือให้กับองค์ชายและหวังหลินอย่างเคารพ มารโบราณหันหน้ามองไปบนท้องฟ้าและร้องคำราม มันกระโจนเข้าสู่รอยแยกที่เปิดในท้องฟ้า จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นหมอกสีดำและหายไปข้างใน


สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า แม้ด้วยความเร็วของมารโบราณยังต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะกลับไปถึง


หลังจากทูตอาณาเขตเต๋าจากไป ชายร่างกำยำเกราะทองจึงนำทุกคนกลับเข้าไปในเมือง ครู่ต่อมานอกเมืองจึงว่างเปล่า นอกจากหวังหลินแล้ว เหลืออยู่สามคนคือแต่ปิศาจโบราณที่ตัวสั่น องค์ชายและสตรีด้านหลังองค์ชาย


องค์ชายจี้ตูยิ้มและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน “ข้ายังไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอะไร ท่านบอกได้หรือไม่?”


หวังหลินมององค์ชายและพูดขึ้นเบาๆ “หวังหลิน”


“เช่นนั้นขอเรียกว่าผู้อาวุโสหวัง การพูดคุยกันที่นี่ไม่เหมาะสมนัก ผู้น้อยมีวังอยู่ในแคว้นทมิฬ หากผู้อาวุโสไม่คิดมาก เราไปที่นั่นและพูดคุยรายละเอียดเรื่องที่ผู้น้อยจะชดใช้เรื่องที่ลวงเกินก่อนหน้านี้ดีหรือไม่” องค์ชายดูจริงใจและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน


พอเห็นว่าองค์ชายในตอนนี้ดูเคารพมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น


‘พลังแห่งราชวงศ์…ยังอ่อนแอ…ที่ตระกูลราชวงศ์ทรงอำนาจได้ขนาดนี้หลักๆ แล้วมาจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว เมื่อไม่มีกุ้ยต้าว ราชวงศ์ก็จะสูญเสียอำนาจเหมือนเผ่าเทพ!’ หวังหลินขบคิดและจากนั้นพยักหน้า


องค์ชายจี้ตูมีความสุขมากและขยับออกไปข้างๆ ปล่อยให้หวังหลินได้ก้าวไปบนปิศาจโบราณเป็นคนแรก สตรีด้านข้างองค์ชายอยากจะพูดแต่ก็กลืนคำพูดลงไปเพราะมีสายตาองค์ชายห้ามเอาไว้


ปิศาจโบราณดูเชื่อฟังมากตอนที่หวังหลินก้าวขึ้นไป แม้ดวงตายังเป็นสีแดงแต่ไม่มีความบ้าคลั่งและไม่ร้องครวญครางอีกแล้ว มันกระโจนขึ้นไปในรอยแยกบนท้องฟ้าและหายตัวไป


หลังจากหายไป รอยแยกในท้องฟ้าก็หายไปด้วยและกลับคืนสู่ปกติ ราวกับทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น


ทว่าในขณะที่ปิศาจโบราณจากไป เสียงทรงอำนาจและเย็นเยียบดังเข้าหูของเหลียงหยุน กงฉีและชายหนุ่มชุดดำ


“พวกเจ้าสามคนไม่ได้รับอนุญาตให้แพร่กระจายข่าวของผู้อาวุโสหวังที่นี่และไม่อนุญาตให้คนอื่นกระจายเรื่องนี้ไป! หากมีข้อมูลรั่วไหล ตระกูลของพวกเจ้าสามคนจะถูกกวาดล้าง!”


เสียงนี้เป็นขององค์ชายจี้ตู!


ณ แคว้นทมิฬแห่งอาณาเขตฉี แคว้นแห่งนี้ปกคลุมด้วยหมอกตลอดทั้งปี


ลือกันว่าด้านล่างแคว้นทมิฬมีสิ่งมีชีวิตคล้ายหมอกอาศัยอยู่ หลังจากโดนบรรพชนโบราณจับเอาไว้จึงถูกผนึกให้กลายเป็นแคว้นแห่งนี้


ภายในหมอกมีภูเขารูปร่างเหมือนเกือกม้า ด้านบนมีวังขนาดใหญ่เปล่งบรรยากาศอันทรงพลัง


ภายในมีคนรับใช้และทหารคุ้มกันหลายคน ในวันนี้สายหมอกเหนือวังแบ่งออกเป็นสองส่วนจนเผยท้องฟ้ามืดมิด รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและมีปิศาจโบราณตัวยักษ์โผล่ออกมา!


วินาทีที่ปิศาจโบราณปรากฏ ทุกคนในวังจึงสังเกตได้ เหล่าคนรับใช้และทหารต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น


“ย้อนดีต้อนรับการกลับมาขององค์ชาย!”


น้ำเสียงเรียบร้อย ท่าทางเคารพและสีหน้าตื่นเต้นของทุกคนแสดงให้เห็นว่าองค์ชายจี้ตูมีตำแหน่งสูงส่งในสายตามากแค่ไหน


ปิศาจโบราณตัวยักษ์ร่อนลงบนลานกว้างซึ่งเตรียมไว้ให้มันร่อนลง เจ้าปิศาจโบราณคุกเข่าลงเพื่อให้ศีรษะแตะกับพื้นดิน


หวังหลินก้าวเดินลงมาอย่างสงบนิ่ง ด้านหลังคือองค์ชายและสตรีที่รู้สึกผิดปกติ


หวังหลินมองเจ้าปิศาจโบราณตัวยักษ์ที่ดูยอมแพ้ “เจ้าปิศาจโบราณตัวนี้ช่างยอดเยี่ยม”


“เป็นเกียรติของมันที่ได้รับการยกย่องจากผู้อาวุโส ท่านพ่อมอบมันให้เพื่อช่วยในการเดินทางและปกป้องข้า ปิศาจโบราณแบบนี้หายาก ก่อนหน้านี้เขาคือนักรบของอาณาเขตฉีมาก่อนแต่โชคร้ายนัก หลังจากผสานดาว 27 ดวงไปแล้วเขาไม่ได้รับการยอมรับจากบรรพชนโบราณ จึงได้ลดชั้นกลับไปเป็นปิศาจและสูญเสียจิตใจ” องค์ชายถอนหายใจ


หวังหลินพยักหน้า กวาดสายตาผ่านปิศาจโบราณอีกครั้งก่อนจะหันมามองพระราชวัง


ท่าทีของหวังหลินถูกองค์ชายจี้ตูสังเกตทุกการกระทำ หลังจากลังเลเล็กน้อยจึงกัดฟันแน่นและพูดออกไป


“หากผู้อาวุโสชอบปิศาจโบราณตัวนี้ ผู้น้อยก็จะยกมันเป็นของขวัญให้ผู้อาวุโส”


“โอ้?” หวังหลินมองจี้ตู


องค์ชายจี้ตูมองหวังหลินเช่นกัน ท่าทีจริงใจยิ่ง


หวังหลินเอ่ยถาม “นี่คือสิ่งที่เจ้าจะชดใช้หรือ?”


“ผู้อาวุโสเข้าใจผิดแล้ว แค่ปิศาจโบราณนี้จะชดใช้ผู้อาวุโสได้อย่างไร? เราไปคุยในวังกันก่อนเถอะ” องค์ชายยิ้มและนำหวังหลินไป ทั้งสามคนเข้าไปในวังที่อยู่เบื้องหน้าลานกว้าง


วังแห่งนี้ดูหรูหราแต่ก็มีกลิ่นอายกดดัน หลังจากหวังหลินก้าวเข้าไปในห้องโถง องค์ชายรีบเดินมาอยู่หน้าหวังหลิน คำนับฝ่ามือด้วยท่าทีเคร่งขรึมและโค้งตัว


“ผู้น้อยองค์ชายจี้ตูอาณาเขตฉีขอคารวะผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!” หลังจากองค์ชายพูดขึ้นมา สตรีด้านหลังส่งเสียงร้องทันที นางก้าวถอยด้วยอาการไม่เชื่อและตกตะลึงกับคำพูดขององค์ชาย


ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!!


เผ่าโบราณสอดแนมการเคลื่อนไหวของเผ่าเทพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะข่าวที่เซียนทรงพลังคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา เผ่าโบราณค่อนข้างให้ความสนใจหวังหลินอย่างมากยิ่งกว่ามหาชั้นฟ้าทั้งห้าคน เพราะมหาชั้นฟ้าทั้งห้าคนรู้รายละเอียดดีอยู่แล้ว แต่พวกเขารู้จักผู้สูงส่งชั้นเทวะอันดับหนึ่งคนนี้น้อยมาก!


หวังหลินมีแววตาประหลาดใจ สายตาที่มององค์ชายจี้ตูค่อยๆ เย็นเยียบ


“ผู้น้อยไม่ได้กำลังทดสอบผู้อาวุโส ผู้อาวุโสปรากฏตัวในเมืองศิลาหินซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลที่แบ่งแยกเราและเผ่าเทพ ผู้อาวุโสมีพลังที่ทำให้ปิศาจโบราณหวาดหวั่นเพียงแค่จ้องมองและท่านก็ไม่ได้พยายามซ่อนตัวตนแต่กลับบอกชื่อให้ข้าอีก”


“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้น้อยมีรูปภาพของเหล่าผู้คนที่ทรงพลังในเผ่าเทพ รูปภาพของผู้อาวุโสเพิ่งจะเพิ่มเติมเข้ามา แต่กระนั้นมีเพียงตระกูลราชวงศ์ทั้งสามแห่งที่มีสิทธิ์เข้าถึงรูปภาพเหล่านี้ คนภายนอกจึงไม่สามารถจดจำผู้อาวุโสได้” องค์ชายผุดเหงื่อเย็นเยียบ ทว่าเขากัดฟันแน่นและยังสงบนิ่งได้ เขานำหินหยกออกมาและยื่นส่งให้หวังหลินอย่างเคารพ


หวังหลินรับหินหยกและส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปจึงเห็นรูปภาพของห้ามหาชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้งหมด รวมถึงมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าจำนวนมาก


กระนั้นมีเพียงรูปภาพเขารูปเดียวและเหล่ามหาชั้นฟ้าทั้งห้าคนที่เรืองแสงสีทอง ส่วนรูปคนอื่นๆ ล้วนดูธรรมดา


………………………………………………..


ตอนที่ 2007 ช่วยเหลือ!

โดย

Ink Stone_Fantasy

‘องค์ชายจี้ตูช่างมีเล่ห์เหลี่ยม…ภาพในหินหยกนี้แทบเหมือนกับข้าไม่มีผิดและทำให้คนสามารถจำได้ข้า นั่นแปลว่าตอนที่เขาเห็นข้าในเมืองศิลาดำ เขาสงสัยข้าไว้อยู่แล้ว!’


‘แต่ซ่อนไว้อย่างดีจนแม้แต่ข้าก็ไม่สังเกต’ หวังหลินมองจี้ตู ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเคารพแต่ตอนนี้กลับซีดเผือดและชุ่มไปด้วยเหงื่อ


‘นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงจงใจใช้ปิศาจโบราณโจมตีเพื่อยืนยันข้อสงสัย จากนั้นพอมั่นใจแล้วจึงหงายไพ่ออกมา ท้ายที่สุดเพื่อให้ข้าอยู่ต่อ จึงขอให้ข้ามาด้วยเหตุผลว่าจะได้ชดเชยที่ทำลงไป’


‘แต่ในเมื่อเขากล้าชี้ตัวตนของข้าออกมาที่นี่และโค้งคำนับข้า นั่นหมายความว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย กระนั้นทำไมเขาถึงคิดว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะของเผ่าเทพคงไม่สังหารองค์ชายแบบเขากัน…’


‘เว้นแต่…’ หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง สายตามององค์ชายจี้ตูชั่วขณะก่อนจะถอนสายตากลับมา


หวังหลินพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้ากล้าบอกเรื่องนี้กับข้า เช่นนั้นเจ้าก็รู้ตัวตนของข้าอยู่แล้ว”


หลังองค์ชายจี้ตูได้ยินเช่นนี้จึงผ่อนคลายเล็กน้อย ท่าทางก่อนหน้าของเขาเหมือนกับเดินเข้าหาความตายแต่เขาก็มุ่งมั่น เขายอมทิ้งโอกาสหลังจากนี้เพื่อพบเจอหวังหลิน เพราะมันคือการกำหนดโชคชะตาของตัวเอง!


“ศิษย์เพียงคนเดียวของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วแห่งอาณาเขตเต๋ามีชื่อว่าหวังหลิน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ ในฐานะคนของราชวงศ์ เราพอจะรู้ได้ ตอนที่ซวนลั่วไปที่เผ่าเทพและกลับมา เขาปิดด่านบ่มเพาะทันที เราเริ่มทำการตรวจสอบและยิ่งมีมหาชั้นฟ้าซ่งเทียนช่วยเหลือ เราจึงคาดเดาเรื่องราวส่วนใหญ่ได้”


“แต่ถึงแบบนั้น ท่านพ่อและมหาชั้นฟ้าซ่งเทียนก็ไม่มั่นใจว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวหวังหลินของเผ่าเทพคือคนเดียวกับศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วหรือไม่”


“แม้กระทั่งผู้น้อยก็เพิ่งมาตระหนักเรื่องนี้ได้หลังจากเห็นผู้อาวุโสที่เมืองศิลาดำ นี่แสดงว่าผู้อาวุโสเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วจริงๆ!” จี้ตูพูดไปด้วยและหลั่งเหงื่อไปด้วย เบื้องหน้าหวังหลินเขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับพ่อตนเอง มันเทียบได้กับมหาชั้นฟ้าซ่งเทียน


สตรีด้านหลังเขาถึงกับหน้าซีดที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้ นางเต็มไปด้วยสายตาไม่เชื่อ แต่การที่นางได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ แสดงว่านางเป็นคนที่จี้ตูเชื่อใจ


หวังหลินกวาดสายตาผ่านนางไป นางหน้าตาคล้ายกับจี้ตู


“นี่คือน้องสาวข้า นางก็เหมือนแม่ข้า” จี้ตูรีบอธิบาย


หวังหลินเอ่ย “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนของข้า รู้ว่าข้าคือศิษย์ของซวนลั่วและเห็นข้าขอแผนที่อาณาเขตเต๋า เจ้ารู้ว่าข้ากำลังไปที่นั่น ทำไมเจ้าถึงโค้งคำนับข้า?”


“ผู้อาวุโส อาณาเขตเต๋าไม่ใช่ที่ที่ดี…แม้ผู้อาวุโสจะเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว ทว่าจักรพรรดิเต๋ามีจิตใจคับแคบ หากผู้อาวุโสไปคงจะโดนข่มเหงอย่างแน่นอน…” ก่อนที่องค์ชายจี้ตูจะพูดจบ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบและพ่นลมหายใจเย็น


หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและหันหน้าเตรียมตัวจะออกไปจากวัง


“ผู้อาวุโส!!” องค์ชายจี้ตูกัดฟันและคุกเข่าลงหนึ่งข้าง! ในฐานะองค์ชาย เขาคุกเข่าแค่เพียงท่านพ่อและท่านแม่เท่านั้นและไม่มีคนอื่นอีก แต่วันนี้เขายอมคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลิน


หากเป็นเผ่าเทพ เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในเผ่าโบราณซึ่งพลังอำนาจราชวงศ์ถือยศศักดิ์อันสูงสุด การกระทำขององค์ชายจี้ตูมากพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง!


น้องสาวก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อยนางก็คุกเข่าลงด้วย


“ผู้อาวุโส ผู้น้อยยอมกลายเป็นลูกบุญธรรมของท่านและยอมให้ท่านเป็นพ่อบุญธรรม เมื่อข้ากลายเป็นจักรพรรดิอาณาเขตฉี ท่านจะกลายเป็นราชบิดา!!”


“ข้าอยากขอให้ผู้อาวุโสช่วยข้า! พ่อข้ามีลูกชายเจ็ดคนและข้าเป็นคนที่ห้า หากผู้อาวุโสยอมช่วยเหลือ ข้ายอมทำตามที่ผู้อาวุโสร้องขอทุกอย่าง!” องค์ชายจี้ตูพูดเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ


หวังหลินหยุดลงและหันกลับมามององค์ชายจี้ตู สายตาค่อยๆ เผยแสงอันน่ากลัว


“ในฐานะองค์ชายของอาณาเขตฉี ผู้มีพลังอำนาจปกครองอันสูงสุด ถึงกับคุกเข่าให้กับข้าเช่นนี้…ตอบคำถามข้ามา ว่าใครเป็นบอกเจ้าให้มากับทูตอาณาเขตเต๋า?”


“ใครเป็นคนบอกว่าหากเจ้าเจอข้า เจ้ากระทั่งต้องยอมคุกเข่าให้ข้าอยู่!”


“และใครเป็นคนบอกให้เจ้ามาเจอข้าที่เมืองศิลาดำ?” หวังหลินไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นโดยไม่มีต้นเหตุ ไม่เช่นนั้นองค์ชายคงไม่คุกเข่า ใครสักคนต้องบอกเขาล่วงหน้า!


และคนผู้นี้ต้องเป็นคนที่องค์ชายเชื่อใจมากพอจนต้องยอมทำตามคำแนะนำ!


องค์ชายจี้ตูหน้าซีด แม้เขาจะเป็นคนเจ้าวางแผน แต่เบื้องหน้าหวังหลินกลับรู้สึกเหมือนโดนมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง


“เป็น…เป็นราชครู…ราชครูคือท่านลุงของข้า เป็นพี่ชายของท่านแม่…สิบปีก่อนเขาออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะและทำนายอนาคตของข้า เขาบอกข้าว่าเมื่อทูตอาณาเขตเต๋ามาข้า ข้าต้องไปกับเขา และข้าจะได้พบโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา…”


“หากข้าคว้าโอกาสนี้ไว้ โชคชะตาของข้าจะเปลี่ยนแปลงและอนาคตจะไม่มีขีดจำกัด…แต่หากข้าไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี…ส่วนรายละเอียด เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและสัมผัสแค่เลือนลาง จากนั้นเขา…เขาก็ตาย”


พอเจอกับสายตาแรงกล้าของหวังหลิน จิตใจองค์ชายจี้ตูก็สั่นไหวและไม่กล้าซ่อนงำอะไรเลย


หวังหลินขมวดคิ้ว เขาค่อนข้างกลัวต่อชื่อของคำว่าราชครู คนพวกนี้เก่งด้านการทำนายและหวังหลินก็เห็นแล้วว่าพวกนี้น่ากลัวแค่ไหนตอนที่อยู่ในเผ่าเทพ


แต่ราชครูของเผ่าโบราณเห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบกับเผ่าเทพได้และไม่สามารถมองหลายเรื่องได้ชัดเจน ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน ไม่ว่าองค์ชายเจ้าเล่ห์แค่ไหน หวังหลินสามารถบอกได้ว่าโกหกหรือไม่โกหก


“หากพ่อบุญธรรมช่วยข้า ทุกอย่างก็จะจบ! ตอนนี้ท่านพ่อมีอายุมากขึ้นและพร้อมวางมือแล้ว จักรพรรดิคนใหม่จะถูกเลือกจากลูกหลานทั้งเจ็ดคน…ท่านพ่อบุญธรรมไม่จำเป็นต้องตัดสินใจทันที แต่วันใดที่พ่อบุญธรรมตัดสินใจจะออกมาจากอาณาเขตเต๋าและไม่มีที่ไป ท่านมาหาลูกคนนี้เพื่อให้ข้าได้ตอบแทนความกตัญญูเถิด” องค์ชายจี้ตูรีบพูด


“ลูกเตรียมของขวัญให้พ่อบุญธรรมแล้ว นี่คือความกตัญญูที่มีต่อพ่อบุญธรรม โปรดรับไว้ด้วยเถอะ” องค์ชายรีบยกแขนขึ้นและมีบางอย่างปรากฏขึ้นมา


มันคือกล่องหยกและเขายื่นส่งให้หวังหลินอย่างเคารพ


หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและรับมา ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและเห็นหินหยกข้างในและทรงกระบอกหนาเท่านิ้วมือ


“หินหยกก้อนนี้เป็นสมบัติทรงพลังของอาณาเขตฉี พ่อข้ามอบให้ตอนที่ข้าเกิด มีเพียงสายเลือดราชวงศ์ของอาณาเขตฉีที่จะได้มาเท่านั้นและในชีวิตได้เพียงหนึ่งชิ้น”


“มันคือหินหยกบรรพชน มีพลังอำนาจของดัชนีบรรพชนโบราณผนึกไว้ข้างใน ของชิ้นนี้ทรงพลังมากแต่หน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือการทำความเข้าใจ หากทำความเข้าใจดัชนีนี้ได้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก”


“แต่เหล่าองค์ชายอาณาเขตฉีรุ่นก่อนทุกรุ่นและแม้แต่เหล่าจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ มันคือสมบัติทรงพลังที่สุดที่องค์ชายได้รับมา ลูกคนนี้ขอมอบมันเป็นของขวัญให้แก่พ่อบุญธรรม”


“วัตถุทรงกระบอกนี้มีของเหลวอยู่แต่ไม่สามารถสืบหาต้นกำเนิดของมันได้ บรรพชนโบราณทิ้งเอาไว้และมีแก่นแท้ไม้อันบริสุทธิ์ ลูกรู้ว่าการที่ท่านพ่อบุญธรรมมีชื่อเสียงในเผ่าเทพได้ขนาดนั้น ท่านต้องบ่มเพาะแก่นแท้ ดังนั้นจึงเตรียมการสิ่งนี้ไว้”


“ลูกคนนี้เป็นแค่องค์ชายและไม่ใช่จักรพรรดิฉี แต่หากได้กลายเป็นจักรพรรดิฉี ข้าจะเปิดคลังสมบัติของอาณาเขตฉีให้พ่อบุญธรรมเลือกสรร ข้าจะใช้ทุกอย่างของอาณาเขตฉีเพื่อตอบแทนพ่อบุญธรรมในการช่วยข้าขึ้นสู่บัลลังก์!!” คำพูดขององค์ชายเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว


หวังหลินถือกล่องหยกเอาไว้และขบคิด แต่ไม่ได้เก็บมันไป


ขณะที่หวังหลินขบคิด ทั้งราชวังต่างก็ไร้เสียง องค์ชายจี้ตูเคร่งเครียดยิ่งและเขาไม่ได้โกหก จิตใจเขากระวนกระวายอยู่จริงๆ เขาจริงใจมากแล้วและยอมเสียสิ่งมีค่าแลกไป ทั้งยังคุกเข่าลง ยอมให้หวังหลินเป็นพ่อบุญธรรมอย่างไม่ลังเลและยังมอบของขวัญเพื่อให้หวังหลินยอมรับและช่วยเหลือ


เขาเชื่อมั่นในท่านลุงที่ตายเมื่อสิบปีก่อน สิ่งที่ท่านลุงบอกเขาก่อนตายได้ประทับไว้ในใจ


‘ข้าไม่สามารถทำนายว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่หากเขายอมช่วยเหลือ เจ้าจะกลายเป็นจักรพรรดิฉี กระทั่งมีโอกาสที่สามารถรวมสามอาณาเขตให้เป็นปึกแผ่นและกลายเป็นจักรพรรดิโบราณตัวจริง!!’


‘ข้าไม่ผิดพลาด นี่คือร่องรอยอนาคตที่ข้าจะทำนายได้ด้วยเศษเสี้ยวชีวิตข้า!’


‘หากเขาไม่ช่วยท่าน เมื่อนั้น…ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงร้อยปี…’ จี้ตูคิดถึงท่านลุง สายตาโศกเศร้าของท่านลุงค่อยๆ หลับลงและปล่อยมือจี้ตู


“พ่อบุญธรรม!!” จี้ตูคุกเข่าอยู่บนพื้นและโขกคำนับให้แก่หวังหลิน


เสียงร้องอ้อนวอนดังกึกก้องอยู่ในวังและทำลายความเงียบ น้องสาวของเขาหน้าซีดเผือด นางรู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญต่อพี่ชายอย่างมาก!


ผ่านไปสักพัก ขณะที่เสียงอ้อนวอนดังกึกก้อง หวังหลินจึงเอ่ยออกไปเช่นกัน


“มอบหินหยกที่เอาไว้ให้ข้าค้นหาเจ้ามา!”


จี้ตูร่างสั่นและมีใบหน้าเปี่ยมสุข เขารีบนำหินหยกออกมาและยื่นส่งแก่หวังหลินอย่างตื่นเต้น


“หากมีวันใดวันหนึ่งตอนที่ข้าออกมาจากอาณาเขตเต๋า เจ้าค่อยเรียกข้าว่า ‘พ่อบุญธรรม!’ ” หวังหลินตัดสินใจว่าเขาไม่สามารถเอาทั้งอนาคตของตัวเองในอาณาเขตเต๋ามาเสี่ยงทำอะไรคนเดียวได้ หวังหลินจะรับโอกาสนี้ไว้และให้กลายเป็นกองหนุน!


หลังจากพูดจบ หวังหลินจึงเก็นกล่องหยกและหินหยกที่จี้ตู้มอบให้ เขาหันตัวกลับและก้าวออกไป ร่างกายหายวับไปในสายหมอก


หลังจากหวังหลินไป จี้ตูชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่เขาตื่นเต้นมากและกำหมัดแน่น


“น้องสาว ด้วยความเข้าใจของข้าเรื่องจักรพรรดิเต๋า พ่อบุญธรรมจะรู้สึกอึดอัดแน่นอน คนทรงพลังแบบเขาไม่ใช่คนที่จักรพรรดิเต๋าจะรั้งเอาไว้ได้ พ่อบุญธรรมจะมาช่วยข้าแน่นอน…เขาต้องมาแน่!”


นางยืนขึ้นและเอ่ยถามเบาๆ “มันคุ้มค่าแล้วหรือไม่…”


องค์ชายจี้ตู้หัวเราะ


“มันคุ้มแล้ว! ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องไปเจอมหาชั้นฟ้าซวนลั่วเลย นี่แสดงให้เห็นว่าพ่อบุญธรรมคนนี้ห่วงใยความสัมพันธ์แค่ไหน ในเมื่อข้าเคารพเขาและรับเขาเป็นพ่อบุญธรรม เขาจะไม่ทำอันตรายข้า!”


…………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)