Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1984-1985

 ตอนที่ 1984 มาถึงแล้ว!

โดย

Ink Stone_Fantasy

ยามเช้าในเมืองหลวงหิมะปิดบังทัศนวิสัยจนมองเห็นได้ไม่ไกล หิมะนั้นทำให้เกิดความเลือนลางทั้งยังเผยความเย็นเยียบเสียดแทงหัวใจ


หวังหลินหันหลับมาและเดินต้านสายลมหิมะกลับเข้าสู่เมืองหลวง


ในมือมีหินหยกหนึ่งก้อน มันคือไพ่ตายในการกลับเมืองหลวงครั้งนี้ ซึ่งคือข้อตกลงของเขากับมหาชั้นฟ้าชวงจื่อและผู้สูงส่งชั้นฟ้ากุ้ยหยา


เมื่อใดที่หวังหลินต้องการนาง มหาชั้นฟ้าชวงจื่อจะต้องมาช่วย มันคือคำสัญญาที่มีให้แก่หวังหลิน!


อีกทั้งเพราะหินหยกชิ้นนี้หวังหลินจึงกลับเข้ามาแม้จะรู้ว่าเขาอาจกลายเป็นศัตรูกับจักรพรรดิเทพ!


สายลมหิมะแทบขีดขวางกำแพงเมืองไปเกือบหมด หวังหลินยืนอยู่ในเงาของประตูเมือง มองหินหยกในมือและบีบให้แตก!


วินาทีนั้นแสงสีแดงและสีม่วงกะพริบวูบวาบ กลายเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายประหลาดเบื้องหน้า มันดูเก่าแก่และซับซ้อนมาก!


เพียงแสงจากค่ายกลกะพริบขึ้นมา มีร่างสาวน้อยสองคนปรากฏตัว ดวงตาแต่ละคู่ค่อยๆ ลืมขึ้นมาราวกับโดนอัญเชิญช่วงที่กำลังหลับ หนึ่งในนั้นกำลังกอดตุ๊กตา


“ง่วงจัง เอ๋ นี่มันที่ไหน?”


“หวังหลินน้อย!! นั่นเจ้า!”


สาวน้อยทั้งสองมองไปรอบตัว สายตาจับจ้องมาที่หวังหลิน ทันใดนั้นจึงเผยอาการคล้ายกับมีความสุขและประหลาดใจ


“หวังหลินขอคารวะมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ!” หวังหลินคำนับฝ่ามือและโค้งคำนับ


“ไม่จำเป็นต้องโค้ง ไม่จำเป็นต้องโค้ง หลังจากเจ้าจากไปเราก็คิดถึงเจ้ามาก เราไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วๆนี้ เปียวจื่ออยู่ไหน? รีบเรียกเขาออกมาเร็ว”


“ใช่แล้ว ข้าคิดถึงเปียวจื่อน้อย” สองสาวน้อยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น


หวังหลินเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ที่นี่คือเมืองหลวงของเผ่าเทพ ท่านมหาชั้นฟ้าชวงจื่อจำข้อตกลงของเราได้หรือไม่?”


“ข้อตกลง? อาา ข้าจำได้สิ เจ้าบอกว่าเมื่อใดที่เจ้าต้องการ เราจะต้องช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง เจ้าต้องการให้ช่วยตอนนี้หรือ?”


“ใครล่วงเกินเจ้า? ฮึ่มฮึ่ม ถึงกับกล้ามาตอแยหวังหลินน้อยของตระกูลเรา เราจะสะสางให้เจ้าเอง!” สองสาวน้อยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น


หวังหลินมองสาวน้อยทั้งสองและพูดเบาๆ “ข้าอยากขอให้มหาชั้นฟ้าชวงจื่อช่วยข้ารั้งจักรพรรดิเทพไว้สักพัก ข้าต้องการเดินทางเข้าไปในวัง!”


“จักรพรรดิเทพ? ไม่มีปัญหา!” สองสาวน้อยขยับสายตาขึ้นลงและมีสายตาจริงจังด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ทั้งสองก็ไม่ถามอะไรมาก จากนั้นถอนสายตาและทะยานเข้าสู่วัง


วินาทีนั้นพื้นดินสั่นสะเทือนเบาๆ คล้ายกับมีเสียงคำรามดังออกมาจากวัง


หวังหลินสัมผัสแรงสั่นสะเทือนได้จากใต้ประตูและหลับตาลง


“ปล่อยมือสังหารจุติลงมาที่นี่ ใช้การทำลายล้างเข้าบดบังแสงสว่าง…ข้าหวังหลิน ขอจมดิ่งเข้าไปในการทำลายล้าง…” หวังหลินพึมพำ เรือนผมยาวสีขาวเปลี่ยนกลายเป็นสีดำตั้งแต่โคนราก เพียงเท่านั้นหิมะที่กำลังตกลงมาจากท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปด้วย


หิมะกลายเป็นสีดำ จากนั้นกลายเป็นพายุพัดขึ้นด้านบน เมื่อเส้นผมของหวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์ หิมะล้วนกลายเป็นสีดำทั้งหมด!


หิมะสีดำตกลงมาปกคลุมท้องฟ้ายามเช้า ทำให้เมืองทิศตะวันออกกลายเป็นสีดำสนิท!


หวังหลินลืมตาขึ้นมาเต็มไปด้วยสัมผัสเย็นเยียบอันโหดเหี้ยม หวังหลินผมดำควรจะปรากฏขึ้นมาในตอนมืด แต่ตอนนี้เขาได้ใช้วิชาเปลี่ยนหิมะไปเป็นสีดำและเปลี่ยนแสงสว่างไปเป็นความมืด!


หากมองเมืองหลวงในตอนนี้ไกลๆ ช่างเป็นภาพที่แปลกประหลาดยิ่ง เมืองหลวงฝั่งตะวันออกอยู่ในเวลากลางคืนส่วนที่เหลือเป็นเวลากลางวัน เหล่าเซียนทุกคนในเมืองฝั่งตะวันออกพุ่งออกมาจากห้องตัวเองและมองไปบนท้องฟ้า ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดหวั่น


แต่ไม่นานพวกเขาพลันรู้สึกถึงพลังทำลายล้างอันโหดเหี้ยมโผล่ออกมาจากเมืองตะวันออก กลิ่นอายนี้ไม่ใช่การข่มเหงหรือสดใส แต่วินาทีที่พวกเขาสัมผัสได้ จึงคิดว่าเป็นการทำลายล้างและจุดจบ!


หวังหลินก้าวเดินออกมา ควันสีดำหลายเส้นห่อหุ้มรอบเสื้อผ้าสีขาว มันรวมกันมากยิ่งขึ้นจนคนภายนอกไม่สามารถมองเห็นร่างข้างในได้ เห็นแต่เพียงก้อนควันสีดำเท่านั้น!


เพียงหวังหลินมุ่งหน้า หิมะสีดำจึงเข้าแทรกซึมแสงสว่าง ทุกครั้งที่เขาก้าวเท้า ความมืดก็จะแผ่กระจายออกไปหนึ่งขั้น!


‘เดิมทีข้าเก็บมือสังหารกลับไปแล้ว ข้าพร้อมที่จะออกไป…แต่จักรพรรดิเทพ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าไปหา เช่นนั้นวันนี้ก็ต้องรับจุดเริ่มต้นของการทำลายล้าง!’ หวังหลินก้าวทะยาน ควันสีดำพุ่งออกไปดุจเปลวเพลิงเผาผลาญโลกแห่งนี้!


เซียนคนใดที่เห็นเขาจะรู้สึกหวาดกลัวจับใจลึกไปถึงวิญญาณ ราวกับควันสีดำคือศัตรูทางธรรมชาติและทำลายชีวิตตัวเองได้


ไม่ว่าหวังหลินจะเดินไปทางไหน หิมะสีดำก็จะหลอมละลาย เปลี่ยนพื้นดินให้กลายเป็นเศษซาก ไม่แน่ใจว่านี่เกิดจากจิตสังหารเข้ากัดกร่อนหรือมาจากหิมะสีดำที่หลอมละลาย


เพียงแค่หวังหลินเดินผ่าน สิ่งก่อสร้างทั้งหมดรอบด้านคล้ายกับเวลาผ่านไปนานหลายปี พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงและสลายไป


หวังหลินก้าวทีละก้าวเข้าหาใจกลางเมือง ระยะทางดูจะห่างไกลเกินไปแต่นาทีนั้นมีระลอกคลื่นสีดำผุดขึ้นมาทุกก้าวที่เขาเหยียบย่ำ คล้ายกับหวังหลินได้ผสานเข้ากับความมืดมิด แม้จะดูเชื่องช้าแต่เขารวดเร็วยิ่งและเห็นแต่เพียงฝุ่นผงที่กำลังลอยไป


ความมืดกลืนกินแสงสว่างในท้องฟ้าและปกคลุมเมืองทิศตะวันออก มุ่งหน้าเข้าหาวังหลวง


มีเซียนน้อยมากที่กล้าขัดขวางหวังหลินตอนนี้ พวกเขาเฝ้าดูความมืดมิดที่กำลังลงมากลืนกินแสงสว่างด้วยความหวาดกลัว


เศษซากความทรุดโทรมกำลังเดินทางจากเมืองทิศตะวันออกไปสู่วังหลวง ด้านหลังหวังหลินไม่ใช่เมืองอีกแล้วแต่เป็นเศษฝุ่นของกาลเวลา


ภายนอกวังหลวง เหล่าทหารเกราะดำนับหมื่นคนตั้งแถวจ้องมองหวังหลิน ด้านหลังมีร่างอีกหลายคนทะยานออกมาจากทุกมุมของวัง


บนท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี มีดวงอาทิตย์สองดวง หนึ่งเป็นสีม่วงและหนึ่งเป็นสีทอง! ข้างในดวงอาทิตย์สีม่วงคือมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ ส่วนข้างในดวงอาทิตย์สีทองคือจักรพรรดิเทพ!


การต่อสู้ของสองมหาชั้นฟ้าได้ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง โลกกลายเป็นภาพพร่าเลือน ระลอกคลื่นกระแทกออกไปทั่วทุกสารทิศ


“มหาชั้นฟ้าชวงจื่อ หวังหลินกำลังบุกรุกวังหลวงและไม่เคารพต่อบรรพชนเทพ นี่เป็นพฤติกรรมของคนทรยศ!! เจ้าทั้งสองจะดันทุรังต่อไปอีกหรือ?” เสียงของจักรพรรดิเทพดังกึกก้องในท้องฟ้าพร้อมกับมีวิชาหลายอย่างกระหน่ำเข้าใส่


หวังหลินยืนอยู่นอกวังหลวงและมองขึ้นไป ควันสีดำทั้งหมดรวมกันรอบตัวเขากลายเป็นชุดคลุมสีดำ เส้นผมสีดำยาวขึ้นเล็กน้อย เขามองดูดวงอาทิตย์สีทองในท้องฟ้า สายตานิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึก


ความมืดมิดในท้องฟ้าแผ่กระจายออกมาดุจน้ำหมึก ท้องฟ้าด้านนอกวังหลวงถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน หนึ่งเป็นสีดำ หนึ่งเป็นสีทองและตรงกลางเป็นสีม่วง!


“เดิมทีข้าไม่ต้องการไล่ตามกับดักบนถนนและแค่ต้องการจากไป…ข้าไม่ได้ต้องการให้มือสังหารลงมาอีก แต่เจ้า…บังคับให้ข้าต้องมาที่นี่โดยใช้เหลียนต้าวเฟยต่อรอง…ตอนนี้ข้าจะไปหา!” สายตาหวังหลินยิ่งไม่สนใจและไม่มีอารมณ์ความรู้สึก เขามองทหารเกราะดำนับหมื่นคนที่กำลังทะยานออกมาจากวัง


หวังหลินยกเท้าและก้าวเข้าไป ร่างกายพลันขยายกลายเป็นก้อนเมฆสีดำเคลื่อนตัวไปข้างหน้า


เหล่าทหารนับหมื่นต่างก็มองดูก้อนเมฆที่หวังหลินสร้างขึ้นมาด้วยท่าทีเคร่งเครียด พวกเขาร้องคำราม แสงสีดำโผล่ออกมาจากชุดเกราะแต่ละคน เปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นอายทรงพลัง และรวมเข้าด้วยกันจากคนนับหมื่น!


กลุ่มก้อนจิตสังหารมหึมาส่งเสียงคำรามและเปลี่ยนกลายเป็นเต่ามังกรตัวยักษ์! อสูรตัวนี้มีหัวและหางเป็นมังกรแต่มีร่างกายเป็นเต่า บนกระดองยังมีรอยสักภูติผีอยู่นับไม่ถ้วน


อสูรตัวนี้ไม่ใช่เต่าดำ ในเผ่าเทพมันมีชื่อเรียกพิเศษ ซึ่งถูกเรียกกันว่า มังกรผี!!


เต่า(กุย 龟) และผี (กุย 鬼) ทั้งคู่ออกเสียงเดียวกัน!


มังกรผีเกิดจากจิตสังหารของทหารเกราะดำที่รวบรวมกันมานานหลายปี มันร้องคำรามและพุ่งเข้าหาเมฆดำที่หวังหลินสร้างขึ้น


พริบตาเดียวมันก็เข้าปะทะ แต่พอสัมผัสกับก้อนเมฆดำ ร่างกายก็สั่นเทาและส่งเสียงคำรามโหยหวน!


ไม่ว่าจะมีจิตสังหารทรงพลังแค่ไหน มันก็สูญสลายไปเบื้องหน้ามือสังหาร!


ก้อนเมฆสีดำเดินหน้าโดยไม่หยุดชะงัก มังกรผีพังทลายและเหล่าทหารนับหมื่นล้วนกระอักโลหิต ร่างกายถูกพลังแข็งแกร่งโจมตีใส่และกระเด็นถอยหลัง


หวังหลินผ่านประตูวังเข้าไป ประตูวังหลวงคล้ายกับมีเวลาผ่านไปนานหลายปีในพริบตาและพังทลาย พื้นดินของวังหลวงได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำ ทั้งประตูเหลือเพียงแต่เถ้าธุลี!


เหล่าทหารเกราะดำนับหมื่นต่างก็หวาดกลัว เพียงก้อนเมฆสีดำพัดเข้ามา เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่ว เมื่อก้อนเมฆผ่านพวกเขาไป เหล่าทหารเกราะดำทุกคนเปลี่ยนกลายเป็นซากศพ จากนั้นก้อนเมฆก็กลับคืนเป็นหวังหลินผมดำ


เพียงแค่สายลมพัดผ่าน ซากศพก็กลายเป็นฝุ่นผงและแตกสลายไป!


………………………………


ตอนที่ 1985 ราชครู!

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหล่าเซียนที่กำลังเข้ามาจากทั่วสารทิศพลันหยุดลงเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ ใบหน้าแต่ละคนซีดเผือดและเต็มไปด้วยความกลัว สายตาทุกคนรวมมาที่หวังหลิน


“หิมะดำอาจไม่เคยได้ตกลงสู่วังหลวง” หวังหลินผมดำพูดขึ้นพลางสะบัดแขนขวา ความมืดบนท้องฟ้าปกคลุมวังหลวง หิมะตกลงทั้งด้านในและด้านนอกวัง


หิมะตกคล้ายเกิดเสียงเพลงแห่งกาลเวลา วังหลวงขนาดใหญ่เริ่มทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว


ทว่าในวินาทีนั้นแสงสีทองจากรูปปั้นบรรพชนเทพโผล่ออกมา แสงสีทองเกิดระลอกคลื่นและห่อหุ้มวังหลวงเอาไว้


มันคือค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดของวังหลวง มันไม่ยอมให้วังแห่งนี้ถูกทำลาย!


ภายในแสงสีทองคล้ายกับมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรูปปั้นบรรพชนเทพ เขาสวมชุดสีขาวและมองหวังหลินไกลๆ


“หวังหลิน!” คนชุดขาวนั้นคือราชครู เขาเผยรอยยิ้มพลางยืนขึ้นและก้าวเข้าหาหวังหลิน


เพียงก้าวออกมา ทั่วทั้งวังหลวงคล้ายกับทับซ้อนกับอีกมิติหนึ่ง ทำให้ราชครูโผล่มาถึงยอดอารามห่างจากหวังหลินหมื่นฟุต เพียงแค่เขายืนตรงนั้น สายลมก็พัดเสื้อผ้าจนปลิวไสว


“ข้ารอเจ้ามานานมาก…ในที่สุดเจ้าก็มา!”


หวังหลินมองราชครูที่อยู่บนอาราม บนท้องฟ้ามีการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิเทพและมหาชั้นฟ้าชวงจื่อที่กำลังปั่นป่วน ยากนักที่จะตัดสินผู้ชนะได้ในตอนนี้ แต่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อสามารถทำให้จักรพรรดิเทพยุ่งยากจนไม่สามารถลงมือกับหวังหลินได้!


นอกจากจักรพรรดิเทพแล้ว วังหลวงมีแค่ราชครูเท่านั้นที่มีระดับบ่มเพาะแปลกประหลาด!


หวังหลินขบคิดเงียบๆ และกระทืบเท้า เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง เหล่าเซียนรอบด้านทุกคนเลือกที่จะถอยหนี พวกเขาไม่เหมือนกับเผ่าโบราณที่ไม่มีสำนัก มีเพียงสามแคว้นและอารามเผ่าโบราณเท่านั้น เผ่าโบราณเกือบทั้งหมดต่างก็จงรักภักดีต่อราชวงศ์ แต่ในเผ่าเทพ ราชวงศ์เป็นแค่เพียงสัญลักษณ์!


พลังที่แท้จริงคือมหาชั้นฟ้าและสำนักหลายแห่ง!


เวลานี้พอพวกเขาเผชิญหน้ากับหวังหลินที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน แต่ละคนจึงถอยหนีโดยไม่ลังเล!


เท้าหวังหลินย่ำลงไป พื้นดินพังทลาย รอยแตกร้าวกระจายออกไปโดยมีหวังหลินอยู่ตรงกลาง มันพุ่งเข้าหาอารามที่ราชครูยืนอยู่


รอยแตกร้าวกระจายออกไปดุจมังกร เมื่อเข้าไปใกล้ ราชครูเพียงแค่ยิ้มและสะบัดแขน


“ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตัวตนสามารถกลายเป็นความว่างเปล่า…” เพียงเท่านั้นรอยแตกร้าวบนพื้นก็ฟื้นฟูราวกับบาดแผลที่หายดีและเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย


หวังหลินมองราชครูและพูดขึ้น “คนที่ข้าสังหารบนถนนไม่ใช่เจ้า!”


“คนที่เจ้าสังหารคือข้าแต่ก็ไม่ใช่ข้าเช่นกัน!” ราชครูยิ้มออกมา เขาหุบแขนขวาและเปิดอีกครั้ง แสงสว่างสีขาวเป็นรูปคนตัวเล็กปรากฏขึ้นมาและโขกคำนับไปทางราขครู


“เจ้าเข้าไปสำนักมหาวิญญาณและเรียนรู้วิชาของเขา เต๋าเนตรวิญญาณและวิญญาณเนตรเต๋าดูเหมือนกัน แต่มันก็แตกต่าง…” ราชครูสะบัดแขน คนตัวเล็กลอยออกไปและขยายขนาดเท่าคนปกติ พุ่งทะยานเข้าหาหวังหลิน


ร่างนี้เคลื่อนไหวเร็วมากและผสานกับโลก ทว่าพอมันเข้าไปใกล้หวังหลิน หวังหลินพลันยกแขนขึ้นมาเหมือนตอนอยู่บนถนน เขาจับร่างสีขาวและบดขยี้มัน!


“ทำไม?” หวังหลินหลับตาและลืมตาอีกครั้งในเวลาไม่กี่ลมหายใจ


“เจ้าเป็นคนแรกที่ออกมาจากโลกถ้ำ…โลกถ้ำ…โลกถ้ำ…ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทพหรือเผ่าโบราณ ต่างก็มีโลกถ้ำอยู่นับไม่ถ้วน!”


“ยุคแรกเริ่มไม่มีใครที่มีวิชาเพื่อสร้างโลกถ้ำของตัวเองบนแผ่นดินเซียนดารา รวมไปถึงบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ…วิชาที่ใช้สร้างโลกของตัวเองคือวิชาพิเศษของเผ่าข้า!”


“หลังจากเผ่าข้าติดตามบรรพชนเทพ เราจึงกระจายวิชานี้ไปเพื่อให้สำนักที่มีคุณสมบัติสามารถสร้างโลกถ้ำของตัวเองขึ้นมาได้!”


“ผ่านไปนานหลายปีจึงเกิดโลกถ้ำขึ้นมานับไม่ถ้วน…สร้างเพลิงนรกานต์ให้เผ่าข้าจำนวนมากมาย เพลิงนรกานต์ถูกคนอื่นใช้ประโยชน์ แต่เผ่าข้าใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ตราบใดที่มีคนดูดซับเพลิงนรกานต์ของเผ่าข้า พวกเขาก็จะกลายเป็นคนของเผ่าข้า และหากมีเพลิงนรกานต์มากขึ้นก็จะตาย!”


“เพลิงนรกานต์เป็นทั้งพิษร้ายและเป็นทั้งประโยชน์! นี่ไม่ใช่ความลับใหญ่โตอะไร บางทีเจ้าก็น่าจะรู้”


“แต่เจ้ากลับเข้ามิติว่างมาโดยไม่ผ่านการเกิดใหม่ เพียงแต่ใช้ร่างกายของเจ้าเดินออกมาจากโลกถ้ำ…”


“นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของเผ่าข้า!” ราชครูจ้องมองหวังหลินอย่างตื่นเต้น


“กล่าวได้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนของแผ่นดินเซียนดารา…กล่าวได้ว่าเจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากเผ่าของข้าบนแผ่นดินเซียนดารา…” เพียงที่ราชครูเอ่ยขึ้นมา แขนขวาสร้างผนึกและโบกสะบัด วังหลวงบิดเบี้ยวราวกับมิติกำลังเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้าและพื้นดินหายไป แม้แต่วังหลวงก็ยังหายไปในทันที


หวังหลินสังเกตได้ชัดเจนว่าตำแหน่งของเขาไม่เปลี่ยนแต่เป็นมิติที่เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่ามีคนใช้วิชาทรงพลังเพื่อเปิดมิติคล้ายกันขึ้นมา พวกนั้นอยู่ในวังหลวงแต่จริงๆเป็นมิติอีกแห่ง!


ที่แห่งนี้คืออารามขนาดใหญ่ที่มีเสายักษ์ค้ำจุน แต่ละเสามีก้อนเปลวเพลิงจำนวนเก้าก้อนอยู่ล้อมรอบ ส่องแสงขึ้นในอาราม


มีเสาและก้อนเปลวเพลิงอยู่นับไม่ถ้วน ก้อนเปลวเพลิงแต่ละก้อนมีใบหน้าคนหลับตาทั้งปรากฏและหายไป


ห่างออกไปไกลมีแท่นพิธีรูปทรงคล้ายภูเขา ที่นั่นคือตำแหน่งของราชครู เขาไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายราวกับอยู่คนละมิติ


เบื้องหน้าแท่นพิธีมีบ่อน้ำสีแดงสดขนาดใหญ่ ข้างในมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาคือผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว! ดวงตาหลับสนิทและใบหน้าดุดันราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรง เส้นโลหิตบวมเป่งและใบหน้าก็ดูมีอายุมากขึ้น


รอบบ่อน้ำแห่งนี้มีเสาอยู่เก้าต้น เชื่อมต่อกันด้วยโซ่ตรวนสีน้ำตาลลอยอยู่เหนือแท่นพิธี!


ใจกลางโซ่ตรวนทั้งเก้ามีคนผู้หนึ่งถูกล่ามโซ่เอาไว้ เขาคือชายหนุ่มเสื้อลายดอกไม้ กำลังตกอยู่ในอาการย่ำแย่และมีโซ่ทั้งเก้าล่ามไปทั่ว


เขาคือเหลียนต้าวเฟย!


“ตอนที่เผ่าเทพเชิญตระกูลข้าไปจัดระเบียบวังหลวง พวกเขาเปิดที่นี่ขึ้นมา ทุกอย่างที่นี่เชื่อมต่อกับวังหลวง” ราชครูยิ้มให้หวังหลิน


หวังหลินส่งสายตาไปมองเหลียนต้าวเฟย ขบคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น


“เจ้าและจักรพรรดิเทพใช้วิธีหลายอย่างเพื่อบังคับข้ามาที่นี่ เพื่ออะไร!?”


“เจ้าต้องการพลังอำนาจของบรรพชนเทพหรือไม่?” ราชครูมองหวังหลิน สายตาเผยแสงอันแปลกประหลาด


“บรรพชนเทพมีพลังไร้ขีดจำกัด หากเจ้าสัญญากับข้าหนึ่งอย่าง ข้าสามารถช่วยเจ้าสืบทอดพลังของบรรพชนเทพได้ เจ้าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา!”


หวังหลินยังมีท่าทีเย็นชาและไม่เคลื่อนไหวเลย เขาจ้องมองราชครูอย่างเยือกเย็นเท่านั้น


“จักรพรรดิเทพได้เตรียมการมาหลายปีเพื่อให้วิชาคืนสู่ต้นกำเนิดบรรพชนได้เกิดความสมบูรณ์ เมื่อมันสำเร็จ มันจะทำให้คนผู้นั้นมีระดับบ่มเพาะของบรรพชนเทพและกลายเป็นบรรพชนเทพคนที่สอง!”


“ข้าสามารถช่วยเจ้าให้ได้ระดับบ่มเพาะนี้โดยไม่ให้จักรพรรดิเทพรับรู้!” ราชครูเลียริมฝีปากและมองหวังหลิน


“เจ้ามีคุณสมบัติ เจ้ามาจากโลกถ้ำที่มีเพลิงนรกานต์ของเผ่าข้า เจ้า…”


“เจ้าไม่สามารถออกไปจากเมืองหลวงได้! กล่าวให้ถูกคือ เจ้าไม่สามารถออกไปจากวังได้!” หวังหลินขัดคำพูดของราชครู หลังจากพูดขึ้นมาสีหน้าราชครูก็เปลี่ยนไปและหยุดพูด สายตาเริ่มจ้องหวังหลินอย่างเย็นชา


หวังหลินสบสายตาเขาด้วยสีหน้าเช่นเดิม ผ่านไปสักพักราชครูก็เริ่มหัวเราะ


“ถูกต้องแล้ว บรรพชนเทพแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก เผ่าข้าโดนบังคับให้รับใช้เขาและเพลิงนรกานต์มหาศาลที่ถูกหลอมด้วยร่างของเผ่าพันธุ์ข้ากลับมอบให้แก่บรรพชนเทพ!”


“เขาได้ทิ้งผนึกเอาไว้ซึ่งสืบทอดไปในเผ่าข้าหลายต่อหลายรุ่น ไม่เพียงแต่คนของเผ่าจะไม่สามารถออกไปจากเมืองหลวงได้ เรายังต้องระมัดระวังคำพูดของตัวเอง จักรพรรดิเทพทุกรุ่นสามารถควบคุมชีวิตและความตายของเผ่าพันธุ์ข้าได้! เมื่อมีคนเสี่ยงชีวิตหนีไป ก็จะตาย! บรรพชนของสำนักมหาวิญญาณเป็นอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์ข้า แต่หลังจากเขาออกไป ก็ยังพบว่าไม่สามารถหนีรอดความตายพ้น!”


“ดังนั้น เผ่าพันธุ์ข้าต้องจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเทพทุกรุ่น! ข้าต้องการเปลี่ยนแปลงและตอนนี้ข้าก็มีโอกาสทำเช่นนั้นแล้ว!”


“ตอนที่ข้ารู้ครั้งแรกว่าเจ้ามาจากโลกถ้ำ จักรพรรดิเทพต้องการสังหารเจ้า แต่ข้าเข้าใจเหลียนต้าวเจินดี เขามักจะสงสัยคนอื่นเสมอและมีท่าทีเย็นเยียบ ดังนั้นข้าจึงตั้งใจพูดว่าเจ้าจะเป็นปัญหาใหญ่และต้องถูกสังหาร!”


“แน่นอนว่าตอนที่ข้าพูดขึ้นมา เขาก็เกิดความสงสัย ดังนั้นพอเจ้ามาถึงเผ่าเทพ เขาจึงไม่ลงมืออะไร แต่เจ้ากลับเติบโตรวดเร็วเกินไปจนเหนือล้ำเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ กระนั้นเขาก็มีแผนการอื่น เขาต้องการใช้พลังของเจ้าเอาชนะเมิ่งต้าว!”


“คนที่เขาเลือกใช้วิชาคืนสู่ต้นกำเนิดบรรพชนคือเมิ่งต้าว และคนที่ข้าเลือกคือเจ้า หวังหลิน!! จิ่วตี้เป็นภัยคุกคามใหญ่สำหรับจักรพรรดิเทพ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากลงมือด้วยตัวเองและทำให้จิ่วตี้สงสัย จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงชักชวนเจ้าในช่วงพิธีแต่งตั้งและวางกับดักบนถนน แต่ตอนที่มือสังหารเจ้าเข้าควบคุม มันทำให้เขาตกตะลึง จากนั้นเขาจึงพึ่งพาความทรงจำของต้าวเฟยจนในที่สุดก็ล่อลวงเจ้ามาที่นี่ได้สำเร็จ!”


“เหตุผลที่ข้าต้องการให้เจ้ามาที่นี่เป็นพิเศษเป็นเพราะเมื่อมีมหาชั้นฟ้าอีกคนกำลังต่อสู้กับเขา ข้าจะสามารถพูดสิ่งเหล่านี้โดยไม่ให้เขารับรู้ได้!” ราชครูผมขาวมีดวงตาเป็นประกายพลางพูดกับหวังหลิน


…………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)