Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1982-1983
ตอนที่ 1982 ความเงียบของไฮ่จื่อ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?!” ไฮ่จื่อหน้าซีด แววตางดงามเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเกินอธิบาย ร่างกายถอยหลังโดยไม่รู้ตัวทันทีที่หวังหลินเดินเข้ามา
“หวังหลิน? ข้าไม่ได้ชื่อหวังหลิน ชื่อข้า…ควรจะเป็น…มือสังหาร!” หวังหลินผมดำก้าวเข้าหาไฮ่จื่ออย่างช้าๆ สีหน้าท่าทางเย็นเยียบไร้อารมณ์ความรู้สึกและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ร่างแก่นแท้ห้าธาตุของหวังหลินมีท่าทีเคร่งเครียด เขาอยู่ข้างไฮ่จื่อ สายตาจ้องมองหวังหลินผมดำ รอบตัวมีแก่นแท้สายฟ้า แก่นแท้จุดเริ่มต้นแท้จริงและแก่นแท้นามธรรมทั้งสามที่ส่องสว่างราวกับกำลังร่วมกันต่อต้านหวังหลินผมดำ
“มือสังหารจุติลงมาบนโลกนี้และแทนที่แสงไฟให้กลายเป็นการทำลายล้าง…ทุกชีวิตจะต้องทนทุกข์ทรมานไม่รู้จบ…” ไฮ่จื่อถอยหลังด้วยความกลัว จังหวะนั้นร่างแก่นแท้ห้าธาตุของหวังหลินก้าวเดินออกมา เขาเป็นตัวแทนของแก่นแท้เข้าเผชิญหน้ากับหวังหลินผมดำ
“เจ้าเป็นแค่ร่างแก่นแท้ห้าธาตุและเหล่าแก่นแท้ เจ้าต้องการหยุดข้า?” หวังหลินผมดำมองร่างแก่นแท้ห้าธาตุ
“ในเมื่อข้าปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ข้าจะไม่กลับไปจนกว่าการเข่นฆ่าและทำลายล้างจะจบสิ้น! เจ้า…หายไปซะ!” หวังหลินผมดำมีแววตาไร้แสงไฟพลางสะบัดแขนเข้าใส่ร่างแก่นแท้ห้าธาตุ
เพียงเท่านั้นร่างแก่นแท้ห้าธาตุเผยอาการดิ้นรนแต่ก็แตกสลายไปทันที ร่างแก่นแท้นั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นแก่นแท้ทั้งห้าลอยกลับเข้าสู่แขนขวาหวังหลินผมดำก่อนจะเลือนหายไป
“ตอนนี้จงบอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใคร!” หวังหลินผมดำหยุดอยู่เบื้องหน้าไฮ่จื่อและมองมาที่นาง น้ำเสียงเย็นเยียบและแฝงจิตสังหาร
ไฮ่จื่อหน้าซีดและอ้าปากเตรียมจะพูด ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดสิ่งใด
“จิ่วตี้ไม่ได้เชิญชวนข้าไปที่ภูเขาจักรพรรดิ ใช่หรือไม่?”
“กับดักนี้ใช้เจ้าเป็นเหยื่อเพื่อล่อข้าออกมา ใช่หรือไม่?”
“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ ตัวตนของเจ้า นอกจากการเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าไฮ่จื่อ เจ้าก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักของราชครูด้วย ใช่หรือไม่?”
“ตอนที่อยู่ในทะเลขุนเขา ฝ่ามือแตกไม่ได้บ้าคลั่ง มันเลือกโจมตีเจ้าเพราะเจ้าก็เหมือนกับข้า เราต่างก็ไม่ได้เป็นคนของแผ่นดินเซียนดารา ข้ามาจากโลกถ้ำ ส่วนเจ้า…มาจากนอกแผ่นดินเซียนดารา…”
“ที่จะพูดคือ สำนักของราชครูมาจากภายนอกแผ่นดินเซียนดารา…” หวังหลินผมดำพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง ทุกคำทำให้ใบหน้าไฮ่จื่อซีดมากขึ้น นางกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบไปนานก่อนจะมองหวังหลิน
“ร่างดั้งเดิมของข้ายังอ่อนโยนเกินไปหน่อย…เจ้าน่าจะมองออก แต่เขาเลือกที่จะไม่เชื่อมัน” หวังหลินผมดำส่ายศีรษะ ยกแขนขวาขึ้นมาด้วยสายตาไร้ความรู้สึก กระแทกลงใส่ไฮ่จื่อ
เขากำลังจะสังหารนาง!
ฝ่ามือนี้มากพอที่จะทำลายทั้งร่างและวิญญาณดั้งเดิมของนาง!
ไฮ่จื่อไม่หลบ นางหลับตาและมีหยาดน้ำตาไหลลงสองแก้ม นางไม่อธิบายอะไรเลย
ฝ่ามือเข้าใกล้ไฮ่จื่อ พออยู่ห่างไม่ถึงสามนิ้วและนางดูเหมือนกำลังแตกสลาย วินาทีนั้นพลังแหลมคมที่สามารถทะลวงโลกได้ปรากฏขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่าด้านหลังไฮ่จื่อ พลังนี้เปลี่ยนกลายเป้นร่างหลังค่อมเล็กน้อยและดูเหมือนชายชรา แขนซ้ายดึงไฮ่จื่อกลับมา ขณะเดียวกันก็ยกแขนขึ้นมาชนกับฝ่ามือหวังหลิน
ร่างหวังหลินผมดำสั่นเทาและกระเด็นกลับไป เสียงปะทุดังขึ้นทั่วร่างราวกับกำลังระเบิด หลังจากถอยไปเจ็ดก้าว ร่างกายก็แตกสลายเป็นควันสีดำแต่ก็ฟื้นคืนได้ในทันที
หวังหลินผมดำหยุดลงในก้าวที่เก้า ใบหน้าท่าทางเป็นปกติและไม่ประหลาดใจเลย สายตามองชายชราที่ออกมาช่วยไฮ่จื่อเอาไว้
“จิ่วตี้!”
ชายชราคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ สีหน้าท่าทางดูเคร่งขรึม หลังจากช่วยไฮ่จื่อเอาไว้เขาก็มองมาที่หวังหลินเช่นกัน
หวังหลินผมดำพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ในกับดักนี้ นอกจากพลังของราชครูแล้ว ก็มีพลังของท่านอยู่ด้วย”
“ทำลายล้างและสังหาร…ข้าสงสัยอยู่แล้วว่าเจ้าใช้อะไรถึงผ่านตำหนักระดับสิบเจ็ดได้ ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้า แค่เพราะวิญญาณคงไม่มากพอที่จะผ่านระดับนั้นไปได้…”
“แสดงว่าเจ้ามีพลังที่เป็นตัวแทนของการสังหารและการทำลายล้าง!” จิ่วตี้หรี่ตาลงเล็กน้อย ฝ่ามือนั้นมีพลังของมหาชั้นฟ้า แต่มันกลับบังคับให้หวังหลินกลับไปได้เพียงเก้าก้าวเท่านั้น!
“นี่คือเหตุผลที่ท่านเข้าร่วมในกับดักนี้ด้วยใช่หรือไม่…หรือท่านแค่สังเกตได้และฉวยโอกาสเพื่อขจัดข้อสงสัยในใจ?” แววตาหวังหลินสงบนิ่งจนเย็นเยียบ หลังจากเอ่ยขึ้นมาจึงพุ่งทะยานเข้าหาจิ่วตี้จริงๆ!
เป็นครั้งแรกที่เขาโจมตีมหาชั้นฟ้า!
แต่การโจมตีนี้ไม่ได้ทำให้จิ่วตี้รู้สึกดูถูก มันทำให้เขายิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีก เขายกแขนขวาขึ้นมา โลกพลันเปลี่ยนสีสัน สายลมหิมะควบแน่นกลายเป็นกระบี่หิมะกวาดเข้าหาหวังหลิน
“ข้าเป็นตัวแทนของการทำลายล้างและควบคุมการสังหาร…” หวังหลินผมดำยกแขนขึ้นมาชกกำปั้นเข้าใส่กระบี่หิมะ!
กำปั้นปะทะกับกระบี่จนเกิดเสียงดังสนั่น กระบี่หิมะแตกสลายแต่ร่างหวังหลินก็แตกสลายไปเป็นควันสีดำนับไม่ถ้วนเช่นกัน เขาเปลี่ยนทิศทางในทันทีและพุ่งเข้าหาจิ่วตี้ต่อไป
จิ่วตี้ขมวดคิ้ว ขณะที่ควันสีดำจำนวนมากเข้าใกล้ จึงยกแขนขึ้นมาสร้างเป็นวงกลมเบื้องหน้า พริบตานั้นเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้าคล้ายกับปรากฏดวงอาทิตย์ขึ้น แสงนี้สร้างผนึกและแผ่กระจายออกจากมืออย่างรวดเร็ว
แสงกระจายและเข้าปะทะกับควันสีดำ ราวกับเป็นการเผชิญหน้ากับความมืดและแสงสว่าง จากนั้นแสงก็หายไป จิ่วตี้ไม่เคลื่อนไหวเลยทว่าสายตาเผยแสงลุกโชน!
ควันสีดำเบื้องหน้าเขาปกคลุมแสงไฟและก่อตัวเป็นหวังหลินผมดำเบื้องหน้าจิ่วตี้
“เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้!” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้มองดูหวังหลิน ใบหน้าแก่ชราย้อนวัยกลับเป็นวัยกลางคน ดวงตาเปล่งประกาย
หวังหลินผมดำพูดขึ้น “เจ้าไม่สามารถซ่อนงำความคิดสังหารและการทำลายล้างได้”
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว…ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมดำ…หวังหลิน ข้าประเมินเจ้าต่ำไป! ครั้งนี้ไฮ่จื่อไร้เดียงสา ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้าและเรื่องราวในวันนี้ถือว่าจบกัน!” จิ่วตี้ยื่นมือออกไปและมีแสงสีทองกะพริบวาบ เศษวัตถุสีทองขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นมา
“ข้าสังเกตร่างเจ้าและค้นพบร่องรอยของกระบี่ เศษชิ้นนี้สามารถช่วยให้แก่นแท้โลหะของเจ้าสมบูรณ์ขึ้นมาได้!” จิ่วตี้สะบัดแขนส่งเศษวัตถุสีทองเข้าหาหวังหลิน มันลอยอยู่ตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย
หลังจากมอบเศษกระบี่ไปแล้ว จิ่วตี้มองหวังหลินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันตัวกลับและจากไปพร้อมไฮ่จื่อที่กำลังขบคิดเงียบๆ
เพียงเขาหายตัวไป ผนึกรอบถนนก็เลือนหายแต่ซากปรักหักพังยังคงอยู่ชั่วกาลนาน
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นสลายความมืดและทอแสงลงสู่พื้นดิน
หวังหลินผมดำยืนอยู่ตรงนั้นและมองไปยังท้องฟ้า ขบคิดเงียบๆ อยู่นาน
เพียงเวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นไปในท้องฟ้า แสงสาดกระจายดุจระลอกคลื่น แผ่ไปทั่วเมืองรองทิศตะวันออก
เมื่อระลอกคลื่นที่เป็นตัวแทนของแสงเข้ามาถึงถนน หวังหลินก็ยังไม่เคลื่อนไหว เขามองแสงที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันผ่านร่างเขาไป
เรือนผมหวังหลินค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำไปเป็นสีขาว แววตาเย็นเยียบและความไม่แยแสได้เปลี่ยนกลายเป็นความอ่อนล้าและมืดมัว
หวังหลินไม่ได้ใช้วิธีอะไรในการระงับมือสังหารที่ครอบงำร่างดั้งเดิม เพราะเขาเข้าใจดีว่าเมื่อมือสังหารลงมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
‘ตั้งแต่นี้ต่อไป ใต้ดวงตะวัน ข้าเป็นหวังหลินผมขาว…ในความมืด ข้าเป็นมือสังหารผมดำ…เหมือนตะวันขึ้นและตะวันตก ยากนักที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง โชคดีที่ข้ามีพลังจากร่างอวตารในมิติว่างเพื่อระงับมันได้เล็กน้อยและยังประคองสติได้’
สีดำและสีขาวคงอยู่บนร่างหวังหลินไปตลอดกาล
หวังหลินถอนหายใจ เขาไม่ได้ตั้งใจไล่ตามไฮ่จื่อ สะบัดแขนขวารับเศษกระบี่และหยิบเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ก่อนจะก้าวเดินออกไปไกล
‘ถึงเวลาจากไปแล้ว…ทุกสิ่งทุกอย่างในเผ่าเทพ ไม่ว่าจะเป็นความลับหรือต้นกำเนิด ข้าไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแล้ว’
ร่างหวังหลินเลือนหายออกไปไกล ตอนนี้เป็นยามรุ่งเช้า หิมะตกลงอย่างต่อเนื่อง
หิมะคราวนี้ตกอยู่พักใหญ่ สองวันต่อมามันจึงปกคลุมพื้นดินเหมือนผ้าคลุมชั้นหนา
หวังหลิน หลิวจินเปียวและมังกรสมุทรยืนอยู่นอกประตูทิศตะวันออก เขามองด้านหลังไปหาเมืองหลวงและรอคอยอย่างสงบนิ่ง
ไม่นานหลังจากนั้นหลิวจินเปียวที่กำลังรออย่างตื่นเต้น จึงเห็นร่างสองคนปรากฏขึ้นมาไกลๆ หนึ่งในนั้นสวมเสื้อสีแดงตัวใหญ่ เขาคือฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วมีใบหน้าสับสน หลายวันที่ผ่านมาเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังเรียกหา ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกจึงพาตัวเองมาที่ประตูทิศตะวันออก
ด้านข้างมีเหลียนต้าวเฟยเดินเชิดหน้ามาด้วย เขาเองก็มาที่นี่เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังเรียกหาเช่นเดียวกับฉวี่ลี่กั๋ว มันทำให้เขารำคาญจึงต้องตัดสินใจมาดู
“เอ๋? นั่นเจ้า! บัดซบ เจ้ายังปรากฏตัวเบื้องหน้าราชาผู้นี้อีกหรือ!?” พอเหลียนต้าวเฟยเห็นหวังหลิน ดวงตาจึงเบิกกว้าง ม้วนแขนเสื้อขึ้นและกำลังจะพุ่งออกไป
พอฉวี่ลี่กั๋วเห็นหวังหลิน เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
หวังหลินถอนหายใจพลางมองเหลียนต้าวเฟยที่พุ่งเข้ามา สายตามองฉวี่ลี่กั๋วและพูดขึ้นเบาๆ “ฉวี่ลี่กั๋ว ข้าจะไปแล้ว เจ้าจะอยู่ที่นี่หรือไปกับข้า?”
พอคำพูดหวังหลินเข้าถึงจิตใจฉวี่ลี่กั๋ว ความคิดเขาก็สั่นสะท้าน ผนึกคลายออกและความทรงจำหลายอย่างในปรากฏขึ้นในใจ
…………………………………………
ตอนที่ 1983 มีเสืออยู่บนภูเขา!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นสะท้านพลางจ้องหวังหลินอย่างตกตะลึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในใจทำให้น้ำตาไหลบนสองแก้ม
เขาจำหวังหลินได้และจำได้ว่าถูกหวังหลินหลอมไปเป็นปิศาจได้อย่างไร
เขาจำได้ว่าติดตามหวังหลินมาหลายพันปี จำทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคำพูดจากอสูรร้ายผู้เป็นเจ้านาย
เขาจำได้ว่าเขาตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์หลังจากออกมาจากโลกถ้ำ
“นะ…นายท่าน!!” ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นเทา ดวงตาเบิกกว้าง รีบก้าวเท้าเข้ามาและเดินมาอยู่ข้างหวังหลิน ทั้งยังผลักหลิวจินเปียวที่กำลังทักทายออกไปด้วย
หลังจากผลักหลิวจินเปียวที่กำลังตกตะลึง ฉวี่ลี่กั๋วยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่หลิวจินเปียวยืนอยู่ ส่ายหน้าไปมาจนกลายเป็นใบหน้าประจบประแจงที่เคยใช้มาตลอด
“นายท่าน ในที่สุดฉวี่น้อยก็ได้เจอท่านอีกครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉวี่น้อยฝันถึงนายท่านทุกคืน ข้าแทบรอไม่ไหว”
“นายท่าน ความภักดีของฉวี่น้อยไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาหรอก แม้ชีวิตจะแตกต่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง ชาตินี้ท่านเป็นนายข้า และชาติหน้า ชาติหน้าหน้า ชาติหน้าหน้าหน้าก็ยังเป็นต่อไป”
“นายท่านอย่างทิ้งข้าเลย ให้ข้าติดตามท่านเถิด แม้ข้าจะต้องตะลุยภูเขาแห่งคมดาบหรือลงไปในทะเลเพลิง ข้าฉวี่ลี่กั๋วก็ไม่ปริปากบ่น!”
“นายท่าน ถึงแม้ข้าจะเจอท่านสายเกินไป ข้าติดตามท่านนานที่สุด แม้อาจจะมีคนโชคดีได้พบท่านไปก่อน แต่จะเทียบกับความภักดีของข้าได้อย่างไร? นายท่าน ในที่สุดข้าก็เจอ!!” ฉวี่ลี่กั๋วพูดพลางบีบน้ำตา ส่วนหลิวจินเปียวจ้องมองจากด้านข้างด้วยความตกตะลึง
ขณะที่ฉวี่ลี่กั๋วกำลังร้องตะโกนทั้งยินดีและตื่นเต้น เขายังไม่ลืมจ้องมองหลิวจินเปียวอย่างดุร้ายราวกับกำลังบอกหลิวจินเปียวว่าตัวเขาเองคือทาสรับใช้หมายเลขหนึ่งของนายท่าน!
‘ฮึ่มฮึ่ม ไม่มีใครรู้จักอสูรร้ายตัวนี้ดีไปกว่าข้าหรอก ตอนที่ปู่ฉวี่เจ้าติดตามอสูรตัวนี้ จินเปียวน้อยยังไปไล่หลอกหลวงผู้คนอยู่ไหนไม่รู้ เจ้ากล้าขโมยความดีความชอบของนายท่านไปจากข้าได้อย่างไร? บัดซบ หลิวจินเปียวต้องคิดข่มข้าแน่ๆ!’
‘ฮึ่ม ข้าต้องสั่งสอนมันว่าปู่ฉวี่ไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นได้!’
พอโดนฉวี่ลี่กั๋วจ้องมอง หลิวจินเปียวรู้สึกจิตใจสั่นเทาในทันที ฉวี่ลี่กั๋วทิ้งภาพน่ากลัวสำหรับเขาเอาไว้ เขาจึงลังเลและกำลังจะเอ่ยขึ้นมาแต่มีเสียงคำรามดังจากด้านข้าง
มังกรสมุทรที่หดเหลือเพียงเท่านิ้วก้อยและกำลังนอนบนไหล่หลิวจินเปียวอย่างขี้เกียจพลันมองขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อ “ฉวี่ลี่กั๋ว” มันจ้องฉวี่ลี่กั๋วอย่างดุร้ายและร้องคำราม
หลิวจินเปียวเผยท่าทีภูมิใจ ถ้าหวังหลินไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาคงหัวเราะไปแล้ว
‘ฮ่าฮ่า โชคดีที่ข้าเตรียมการล่วงหน้าไว้และมีมังกรสมุทรตัวนี้ ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าตอนนี้ฉวี่ลี่กั๋วจะโอหังได้อย่างไร!’ หลิวจินเปียวเอามือตบหลังมังกรสมุทร เขามองฉวี่ลี่กั๋วอย่างเหน็บแนม
หวังหลินไม่สนใจการปะทะสายตาของทั้งสองและมองดูเหลียนต้าวเฟยที่ตกตะลึงกับคำพูดของฉวี่ลี่กั๋ว
ตอนนี้เหลียนต้าวเฟยลืมเรื่องสร้างปัญหากับหวังหลินไปแล้ว เขามองฉวี่ลี่กั๋วแทนและกำลังจะร้องไห้
“น้องแดง…น้องแดง เจ้า…เจ้าว่าอะไรนะ? หา? ข้าไม่ใช่เจ้านายเจ้า? เขากลายมาเป็นเจ้านายเจ้าได้อย่างไร? ข้าหรือเขาที่เป็นนายเจ้า? ใครเป็นเจ้านายของเจ้า…” เหลียนต้าวเฟยเริ่มกระวนกระวายและคว้าฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วเพิ่งจำได้ว่ามีคนหนึ่งมาด้วยกันและมองกลับไปที่เหลียนต้าวเฟย หลังจากความทรงจำฟื้นคืนมาได้ สายตาจึงมองเหลียนต้าวเฟยแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ คล้ายกับว่าเขาได้ร่วมมือกับหลิวจินเปียวเพื่อขโมยโลหิตของเหลียนต้าวเฟยมา
“ปล่อยมือเจ้าซะ นายท่านผู้ทรงเกียรติของปู่ฉวี่คนนี้ก็คือ อ…อภิมหาเจ้านายที่มีไหวพริบและเปล่งจิตสังหารได้ทรงพลัง!!” เขารีบมองมาที่หวังหลิน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาอยู่ห่างจากอสูรร้ายนี้นานเกินไปและเกือบพูดเรื่องไม่เข้าหู
“ออกห่างไปจากข้านะ! อย่ามารบกวนปู่ฉวี่!” ฉวี่ลี่กั๋วรีบออกมาเป็นอิสระและถอยมาหลายก้าว เชิดอกขึ้นมาเป็นสัญญาณแห่งความภักดี
เหลียนต้าวเฟยเต็มไปด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ดวงตาพลันเป็นสีแดง เขาเริ่มร้องคำรามใส่หวังหลิน
“เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำร้ายปู่ของน้องดอกไม้และตอนนี้ก็ยังมาขโมยน้องแดงไปอีก น้องแดง อาาาา น้องแดงงงงง น้องแดงงงง….” เหลียนต้าวเฟยพุ่งออกไปพยายามบีบคอหวังหลิน
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยที่ส่งเสียงดังเบื้องหน้าด้วยท่าทีซับซ้อนและถอนหายใจ
“เหลียนต้าวเฟย…ข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อมาดูเจ้า…ในเมื่อเจ้าจำข้าไม่ได้ ก็ถือว่าเรื่องในโลกถ้ำเป็นความฝันแล้วกัน เหลียนต้าวเฟย…ข้าจะไปแล้ว” หวังหลินหลับตาและยอมให้เหลียนต้าวเฟยมาบีบคอ ชั่วจังหวะนั้นมีพลังเบาบางสายหนึ่งผลักดันเหลียนต้าวเฟยออกไปหลายสิบฟุต
หวังหลินลืมตาและก้าวเดินไปยังป่าด้านนอกเมือง
ฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวรีบติดตามไปและไม่สนใจเหลียนต้าวเฟย ทว่าเมื่อเทียบกับความโอหังของหลิวจินเปียวแล้ว ฉวี่ลี่กั๋วค่อนข้างโกรธเกรี้ยวและเจ้ามังกรสมุทรบนไหล่หลิวจินเปียวก็จ้องมองเขาอย่างดุร้ายเช่นกัน
‘บัดซบ นี่ไม่ดีแล้ว ปู่ฉวี่มีตาคู่เดียว แต่เจ้าบัดซบหลิวจินเปียวนั่นกับเจ้าอสรพิษน่าเหลียดมีดวงตาถึงสองคู่…ข้าต้องคิดหาทาง…ไม่เช่นนั้นข้าไม่สามารถประคองตำแหน่งไว้ได้’ ฉวี่ลี่กั๋วพึมพำในใจ
ขณะที่ทั้งสามคนเดินออกไป เหลียนต้าวเฟยยืนอยู่ตรงประตู สายตาทอดมองกลุ่มหวังหลินและพึมพำต่อไป
“น้องแดง…น้องแดง…ทำไมเจ้าถึงจากไปแบบนี้…บัดซบ เจ้ากล้าขโมยน้องแดงของราชาผู้นี้ได้อย่างไร ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่ ไม่สิ ข้าจะไปบอกอาจารย์!”
“ฮึ่มฮึ่ม อาจารย์ข้าทรงพลังมาก เขา…เขา…” เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงพลางมองร่างชุดขาวที่กำลังเดินออกไป
“หวังหลิน…หวังหลิน…” เหลียนต้าวเฟยร่างสั่นเทาราวกับผนึกบางส่วนในความทรงจำคลายออก เขาดูคล้ายจะจำอะไรบางอย่างได้
“โลกถ้ำ หวังหลิน…ตื่นขึ้น…” เหลียนต้าวเฟยตัวสั่นอีกครั้งและมีภาพหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจ
ในภาพนั้นเขาได้ช่วยคนตรงหน้าเอาไว้และจมดิ่งไปในความฝัน ในความฝันเขามักจะมองร่องรอยอักขระบนแขนตัวเอง
เขายกแขนขึ้นมามองโดยไม่รู้ตัว เห็นรอยประทับฝ่ามือค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนแขนที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้า
ประทับฝ่ามือนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นเพราะมีคนกุมแขนเขาเอาไว้นานโดยไม่ปล่อยไปเลย
หยาดน้ำตาไหลรินลงมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว มันไหลลงแก้มและหยดลงพื้น เขาค่อยๆ จำได้เลือนลาง!
เขาจำได้ว่าในโลกถ้ำ เขาเจอกับร่างศพ เขาใช้โลหิตของตัวเองเพื่อฟื้นคืนชีพร่างศพนั้น…
เขาจำได้ว่าร่างศพนั้นชื่อหวังหลิน หลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมา หวังหลินก็ดีกับเขามาก…
เขาจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเต๋าแห่งความฝันได้…
ทั้งยังจำได้อีกว่าเขาตื่นขึ้นอีกครั้งและเห็นพี่ชายตัวเอง จากนั้นทุกอย่างก็เลือนลางไปหมดราวกับความทรงจำถูกผนึก พี่ใหญ่คล้ายกับร่ายวิชาบางอย่างใส่เขา!
เขาจำได้อย่างเดียวว่ามีสายตาโหดเหี้ยมออกมาจากพี่ใหญ่ สายตานั้นทำให้เขารู้สึกกลัวและอยากขอให้หวังหลินช่วย
เขาจำได้แล้ว!!
เหลียนต้าวเฟยตัวสั่นและร้องตะโกน “หวังหลิน…หวังหลิน…หวังหลิน!!!!! อาจารย์!!!”
เมื่อเสียงเขาดังออกไป ทำให้ร่างหวังหลินสั่นเทา ความหมายภายในคำพูดนั้นทำให้หัวใจหวังหลินสั่นสะท้านและหันกลับมาทันที
สายตาพลันหดเล็กลงและเห็นวังวนสีทองปรากฏขึ้นด้านหลังเหลียนต้าวเฟย มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา!
คนผู้นี้สวมชุดอันสูงศักดิ์และมีมงกุฎ เขาคือจักรพรรดิเทพ ถึงจะมีสายตาอ่อนโยนแต่แขนขวาร่อนลงบนไหล่ของเหลียนต้าวเฟย
เหลียนต้าวเฟยมีสายตาสับสนอีกครั้ง ประทับฝ่ามือบนแขนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หวังหลิน ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะไปแล้ว ข้าจะไม่ไปส่งแล้วกัน ความทรงจำของต้าวเฟยดูเหมือนกำลังฟื้นคืน ดังนั้นข้าจะพาเขาไปจุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพที่อยู่ใต้วัง บางทีเขาจะสามารถฟื้นคืนได้เต็มที่” จักรพรรดิเทพยิ้มให้กับหวังหลิน จากนั้นก้าวถอยกลับเข้าไปในวังวนพร้อมกับเหลียนต้าวเฟย ทั้งคู่เลือนหายไป
สายลมหิมะพัดต่อไป ทุกอย่างราวกับภาพมายาจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้นเป็นพยานรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากขบคิดไปชั่วขณะ ดวงตาเผยแสงสีทองมหึมา!
‘จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพอีกแล้ว!! คำพูดของเขายังบอกว่ามันอยู่ใต้วัง! เขาต้องการให้ข้าไปจริงๆ!’ หวังหลินมีสีหน้ามืดมนพลางจ้องมองเมืองหลวง
“เสียงเรียกของเหลียนต้าวเฟยก่อนหน้านี้บ่งบอกชัดเจนว่าความทรงจำกำลังตื่น…บางทีทั้งหมดนี้เป็นเพราะแผนของจักรพรรดิเทพ เขาใช้เหลียนต้าวเฟยเพื่อล่อให้ข้าไม่ออกไปไหน บังคับให้ข้าไปในวัง…”
‘อันดับแรกข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในวังช่วงระหว่างพิธีแต่งตั้ง จากนั้นก็เป็นกับดักบนถนน จักรพรรดิเทพต้องเกี่ยวข้องแน่นอน เขาต้องการจับข้าเพื่อพาเข้าไปในวังแต่ก็ล้มเหลว ส่งผลให้ข้าต่อสู้กับจิ่วตี้…’
‘เขาไม่อยากลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงใช้เหลียนต้าวเฟยล่อข้าให้ไปในวัง!’
‘จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ วังหลวง…มีความลับอะไรซ่อนอยู่ในนั้นถึงทำให้จักรพรรดิเทพพยายามพาข้าเข้าไป? ข้าควรไปหรือไม่?’ หวังหลินขบคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!
บางครั้ง แม้จะรู้ว่ามีอันตราย ก็ยังต้องเดินไปเส้นทางนั้นต่อไป!
หวังหลินสูดหายใจลึกและสะบัดแขนเก็บฉวี่ลี่กั๋ว หลิวจินเปียวและมังกรสมุทรกลับเข้าไปในมิติเก็บของ หิมะยามเช้ากำลังตกลงมา ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือวังหลวง!!
…………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น