Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1972-1977

 ตอนที่ 1972 ลูกธนู!

โดย

Ink Stone_Fantasy

บนถนนของเมืองรองทิศตะวันออก ร่างมังกรสมุทรขนาดร้อยฟุตรีบทะยานผ่านพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่มันไม่กล้าบินสูงเกินไปเพราะมีแรงกดดันน่าหวาดกลัวอยู่ที่นี่ หากลอยสูงเกินไปอาจถึงขั้นคอขาดบาดตาย


มังกรสมุทรเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น มีลูกธนูสีดำติดอยู่ตรงส่วนท้องและมีพลังที่ทำลายพลังชีวิตของมันรั่วไหลออกมา เจ้ามังกรสมุทรเต็มไปด้วยควันสีดำ


บนแผ่นหลังมีหลิวจินเปียวที่กำลังโกรธเกรี้ยว เขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ลูกธนูมันปรากฏขึ้นรวดเร็วมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมังกรสมุทรป้องกันเขา หลิวจินเปียวคงจะเสียชีวิตไปแล้ว


‘ลูกธนูนั่นทำลายล้างวิชาของมังกรสมุทรได้หมดและแทงเข้าท้องมัน ลูกธนูนี่แข็งแกร่งเกินไป!! ใครต้องการสังหารข้ากัน? ข้าหลอกลวงไปแค่เจ็ดคนเท่านั้น ต้องทำกันถึงแบบนี้เลยหรือ?!’ หลิวจินเปียวโกรธเกรี้ยวไร้ความหวาดกลัว


เขาหันกลับมาร้องคำราม “บัดซบ เจ้ากล้าล่วงเกินข้า? นายท่านของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”


มีร่างสีดำผสานกับความมืดมิดอยู่ด้านหลังมังกรสมุทร ดูไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือคนชรา คนผู้นี้รวดเร็วยิ่งกว่ามังกรสมุทร ตอนนี้เพียงเขาขยับแขนก็ปรากฏคันธนูขึ้นมา จากนั้นยิงลูกศรออกไป


เพลังปราณสวรรค์รอบด้านคล้ายกับควบแน่นเข้าไปในลูกศร


ตั้งแต่ที่หลิวจินเปียวและมังกรสมุทรเริ่มหลบหนี เพิ่งผ่านไปได้แค่สิบลมหายใจเท่านั้น คนที่กำลังไล่ตามพวกเขาได้ยิงดอกที่สองแล้ว!


ลูกศรดอกนี้แฝงจิตสังหารเย็นเยียบ ราวกับจะสังหารมังกรสมุทรและหลิวจินเปียวให้ดับดิ้นได้ในพริบตา


พอเห็นลูกศรเข้าใกล้ หลิวจินเปียวร้องคำรามและใช้พลังเต็มที่เข้าต่อต้าน มังกรสมุทรส่งเสียงขู่ฝ่อและเกิดระลอกหยดน้ำขึ้นมา


คนที่กำลังไล่ตามเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ ลูกศรของเขา ยิงเพียงหนึ่งครั้ง แค่เซียนที่มีระดับบ่มเพาะเท่ากันยังต่อต้านได้ยากแล้ว ลูกศรดอกนี้สามารถสังหารมังกรสมุทรและทำให้เซียนน้อยบนหลังมันบาดเจ็บสาหัสได้ เมื่อเซียนน้อยคนนี้ถูกจับและพากลับบ้าน จะทำให้เกิดความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง!


ทว่าในจังหวะนั้นใบหน้าเยาะเย้ยของเขาพลันหายไป รูม่านตาหรี่แคบและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


เพียงลูกศรเข้าใกล้มังกรสมุทรและหลิวจินเปียว ร่างในเสื้อคลุมมิดชิดพลันปรากฏตัว ร่างนี้โผล่ขึ้นมาทันทีราวกับล่องหนและโผล่ขึ้นตรงนั้น


หลังจากปรากฏตัว เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นเผยสายตาแพรวพราว แสงสีทองจากดวงตาร่อนลงใส่คันธนูเบื้องหน้าและทำให้มันแตกหัก


ร่างที่ซ่อนอยู่ในความมืดถึงกับรู้สึกจิตใจสั่นไหว ร่างกายถูกบังคับให้ออกจากที่ซ่อน พอเขามองสายตาอีกฝ่าย เขารู้สึกเหมือนกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังบินเข้ามาหา


เขาไม่สามารถต่อสู้ได้เลย จิตใจสั่นสะท้านพลางกระอักโลหิตและหมดสติ เขาตกลงไปบนพื้นและทำให้หิมะจำนวนมากลอยขึ้นไปในอากาศ


ก่อนที่จะตกอยู่ในอาการย่ำแย่ ร่างกายเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต มันลึกล้ำยิ่งกว่าหัวหน้าตระกูลและบรรพชน


“นายท่าน! ในที่สุดท่านก็มา มันกำลังเข้ามาสังหารข้า!! มังกรสมุทรกำลังบาดเจ็บ!!” หลิวจินเปียวตื่นเต้นที่เห็นหวังหลิน มังกรสมุทรหันกลับมาจ้องมองร่างที่ไร้สติอย่างดุร้าย


หวังหลินยกแขนขึ้นมาสัมผัสมังกรสมุทร เจ้ามังกรสมุทรตัวสั่นเทา ควันสีดำรอบตัวมันหายไปหมด ลูกศรในท้องร่วงหล่นลงมา อาการบาดเจ็บฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว


ลูกศรสีดำทะยานออกไปแต่ถูกหวังหลินคว้าเอาไว้ หลังจากมองแวบเดียวจึงบดขยี้เป็นผุยผงปะปนไปกับสายลมและหิมะ


หวังหลินเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆ “คฤหาสน์ลี่ทำเกินไปแล้ว!”


“คฤหาสน์ลี่? นายท่าน ท่านรู้ต้นกำเนิดของมันด้วยหรือ? ไม่ใช่เพราะการหลอกลวงของข้าถูกเปิดโปงใช่หรือไม่?” ความโกรธของหลิวจินเปียวเปลี่ยนกลายเป็นความข้องใจ


“ไปกันเถอะ ตามข้าไปคฤหาสน์ลี่” หวังหลินดูสงบนิ่งและไม่แม้แต่จะมองร่างที่ไร้สติ หวังหลินเดินผ่านร่างเขาไปโดยไม่ได้ทำอะไร ร่างนั้นลอยขึ้นไปในอากาศเผยใบหน้าตัวเอง เป็นชายชราที่กำลังหลับตา ใบหน้าซีดเผือดและสลบเหมือด


หวังหลินรวมสัมผัสวิญญาณไว้ที่ศีรษะอีกฝ่าย หลังจากได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วจึงสะบัดแขนเสื้อ ร่างเลือนหายไปพร้อมกับมังกรสมุทร หลิวจินเปียวและชายที่ไร้สติ เมื่อพวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งจึงอยู่นอกคฤหาสน์อันเงียบสงัด


“ไปเคาะประตูและบอกเจ้านายพวกมันให้ออกมาเจอข้า” หวังหลินมองตัวอักษรอันโดดเด่นด้านบน “คฤหาสน์ลี่”


“ขอรับ!” หลิวจินเปียวตื่นเต้น เขาชอบทำเรื่องอะไรแบบนี้พลางม้วนแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ประตู


จังหวะที่เขาเดินผ่านสิงโตหินสองตัว พวกมันนิ่งเฉยราวกับเป็นรูปปั้นธรรมดา ยอมให้หลิวจินเปียวเข้าไปใกล้ประตู


ตอนนี้เขาดูเหมือนกับสหายคนหนึ่งที่เคยมาที่นี่เมื่อปีก่อน แม้แต่สีหน้าท่าทางยังคล้ายกัน


หลิวจินเปียวยกเท้าขึ้นมาและเตะส่งประตูไปอย่างรุนแรง หลังจากทิ้งรอยเท้าหิมะเอาไว้จึงส่งเสียงคำราม


“นายท่านข้ามาแล้ว จงรีบออกมาทักทายเขา!!”


คำพูดเขาคล้ายกับกลุ่มคนที่มาที่นี่เมื่อปีก่อน หากชายหนุ่มชุดแดงรู้เรื่องนี้คงจะตกตะลึงไปตามกัน


แต่ที่ต่างกันคือฉวี่ลี่กั๋วเตะครั้งเดียว ประตูไม่เคลื่อนไหวเลย ส่วนแรงเตะของหลิวจินเปียวทำให้ประตูเกิดเสียงดังสนั่น การเตะครั้งนี้เปิดประตูออกได้จริงๆ


เหตุการณ์นี้ทำให้หลิวจินเปียวตกตะลึงและรีบถอยร่นเร็วที่สุด เขาลอบคิดถึงตัวเองว่าแรงเตะนี้ไม่น่าจะมีพลังอะไรนักและประตูก็อ่อนแอเกินไป


เพียงหวังหลินมองประตู สีหน้าท่าทางยังเป็นปกติดี หลังจากรอชั่วครู่จึงส่ายศีรษะและยิ้ม


“ในเมื่อเจ้านายไม่ออกมา ข้าจะเข้าไปโดยไม่ขอให้เชิญ” เพียงเท่านั้นหวังหลินสะบัดแขนขวาและโยนชายไร้สติเข้าไปข้างใน จากนั้นหวังหลินก็ก้าวเดินต่อไป


เพียงเขาเดินผ่านสิงโตหินทั้งสอง พวกมันลืมตาขึ้นมาและคำรามโกรธเกรี้ยวใส่หวังหลิน เสียงคำรามแผ่กระจายแทบจะทั่วเมืองตะวันออก ทำให้เสียงเพลงและเสียงพูดคุยเงียบลงทันที!


ร่างเงาขนาดยักษ์สองร่างทะยานออกมาจากสิงโตหิน พวกมันสูงหลายพันฟุตและพุ่งเข้าหาหวังหลิน


หวังหลินไม่หันไปมองขึ้นไปและยังก้าวเดินเข้าประตูไปพร้อมกับเสื้อกันหนาวที่ปิดบังศีรษะ พริบตาเดียวที่สิงโตทั้งสองเข้าไปในระยะหวังหลินแค่สิบฟุต พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนและแตกกระจายเหมือนสายหมอกที่เผชิญกับสายลมรุนแรง


สิงโตหินเกิดรอยแตกร้าวและเกิดเสียงแตกดังสนั่น จากนั้นก็แตกกระจาย


หวังหลินก้าวเดินต่อไป ด้านหลังมีหลิวจินเปียวที่กำลังอ้าปากค้าง แต่ไม่นานสายตากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยิ่งหวังหลินแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้เขาเหมือนพยัคฆ์และยิ่งไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้ง


พอเจ้ามังกรสมุทรเห็นแบบนี้ สายตาจึงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น


เพียงแค่หวังหลินก้าวเท้าขวาเข้าไปในประตูคฤหาสน์ลี่ เสียงหวีดหวิวดังกึกก้อง หลายร่างทะยานออกมาและทุกร่างมีท่าทางเดียวกัน แขนซ้ายแต่ละคนถือคันศร แขนขวารั้งสายเป็นวงพระจันทร์ก่อนจะยิงลูกศรออกไป!


ลูกศรนับร้อยยิงเข้าหาหวังหลินที่เพิ่งเข้าไปในประตู


แต่ละดอกมีพลังอันแข็งแกร่ง ลูกศรนับร้อยรวมกันเป็นสายฝนลูกธนู ยิ่งรวมกับตำแหน่งของแต่ละคนจึงกลายเป็นค่ายกล!


ค่ายกลเปล่งแสงสีแดงไร้ที่สิ้นสุดและมีจิตสังหารระเบิดออกมาพุ่งเข้ามาใกล้หวังหลิน


หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโบกสะบัดโดยไม่หยุดชะงัก นาทีนั้นประทับฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน ฝ่ามือนี้ดูสมจริงมากและมีลวดลายชัดเจน จังหวะนั้นมันก็ปะทะกับค่ายกลลูกธนู


ค่ายกลลูกธนูพังทลายและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง แต่ฝ่ามือหมองลงด้วยเช่นกัน หวังหลินก้าวเข้าไปในประตูและทะลุผ่านฝ่ามือจนฝ่ามือหายไป


‘พวกนี้ควบแน่นพลังได้เท่ากับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผ่านตำหนักระดับหก’ หวังหลินก้าวเดินเข้าคฤหาสน์ด้วยท่าทีเช่นเดิม


คนนับร้อยเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชาย แต่นาทีนี้พลันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและพวกเขามั่นใจในลูกศรดอกนั้นเพราะแม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้ายังต่อกรได้ยาก แต่คนเบื้องหน้าพวกเขากลับทำลายมันได้เพียงแค่สะบัดมือ


ขณะที่คนนับร้อยรู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ ลูกศรเก้าดอกยิงตรงออกมาจากทิศทางที่แตกต่างกันในคฤหาสน์ลี่ แต่ละดอกระเบิดออกเป็นอีกนับร้อยดอก และไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีจากคนหลายร้อยรวมกันเลย


พลังของลูกศรเก้าดอกที่ระเบิดออกมาเทียบได้กับการโจมตีทั้งเก้าครั้ง มันพุ่งลงมาดุจห่าฝน!


ราวกับฝ่ามือยักษ์ยื่นเข้าหาหวังหลินอย่างโหดเหี้ยม หากเขาถูกจับได้คงจะตายในทันที!


หวังหลินไม่หยุดชะงักแต่เงยศีรษะ ยื่นแขนออกไปและชี้ตรงหน้า


เพียงแค่ชี้นิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกก็หยุดกึก ฝนธนูหยุดเบื้องหน้าหวังหลิน แม้หวังหลินจะเดินผ่านไปแล้ว ฝนธนูก็ยังคงค้างนิ่งอยู่บนท้องฟ้า


หลิวจินเปียวถึงกับหวาดหวั่น เขาตกตะลึงไปชั่วขณะและจากนั้นรีบหลบฝนธนู เขากลัวว่าพวกมันจะเริ่มเคลื่อนไหวและเข้าทำร้าย


…………………………………


ตอนที่ 1973 ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ลูกศรเก้าดอกกลายเป็นฝนธนูนับไม่ถ้วนและกลายเป็นฝ่ามือ พลังระดับนี้แทบจะใกล้เคียงกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผ่านตำหนักระดับเจ็ด…พวกเจ้าทั้งเก้าน่าจะมีพลังของผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผ่านตำหนักระดับสี่”


“สมควรแล้วที่เป็นคฤหาสน์ลี่ รากฐานช่างล้ำลึก!” หวังหลินกล่าวพลางก้าวเดินออกมา


“ในกลุ่มพวกเจ้ามีสามคนที่เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่อยู่ตำหนักระดับสิบและมีสองคนที่อยู่ตำหนักระดับเจ็ด ด้วยพลังที่รวมกันจึงสามารถไปถึงจุดสูงสุดของตำหนักระดับสิบได้ ข้าไม่สังหารใครเลยระหว่างทาง แต่หากพวกเจ้าสามคนโจมตี ข้าจะไม่ออมมือ!” หวังหลินกวาดสายตาผ่านคนนับร้อยเบื้องหน้าและหยุดที่ตำแหน่งแตกต่างกันสามแห่ง


เพียงเขาเอ่ยดังออกมา คนทั้งสามปรากฏตัวในตำแหน่งที่ว่า ชายชราด้านขวาเบื้องหน้าหวังหลินคือผู้สูงส่งชั้นเทวะ!


เรือนผมครึ่งนึงเป็นสีดำและครึ่งนึงเป็นสีขาว เขาจ้องมองหวังหลินด้วยความตกตะลึงปนลังเล คล้ายกับคาดเดาระดับบ่มเพาะของหวังหลินเอาไว้แต่ก็ไม่มั่นใจ


“ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับคฤหาสน์ลี่ นอกจากนี้สมบัติของลี่กวงก็ช่วยข้าไว้มาก” หวังหลินพูดเรื่องที่คันศรลี่กวงช่วยเขาหลบหนีอันตรายได้หลายครั้งในโลกถ้ำ


“คนที่ยังไม่เผยตัวเอง ทำไมเจ้าไม่ออกมา?” หวังหลินเงยหน้าขึ้นทันที คนนอกไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาเขาได้ เห็นแต่เพียงแสงสีทองโผล่ออกมาจากดวงตาเท่านั้น


แสงสีทองมีแรงกดดันทรงพลัง ทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่าแรงกดดันจากเมืองหลวงเสียอีก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะหรือคนธรรมดาต่างก็รู้สึกจิตใจสั่นไหว


หลังจากแรงกดดันเพิ่มถึงขีดสุดมันก็กลายเป็นการข่มไปโดยปริยาย แสงสีทองจากดวงตาหวังหลินมีพลังสะกดข่ม เขากำลังใช้พลังกระบี่ของบรรพชนเพื่อสะกดข่มทุกสิ่งทุกอย่าง!


เพียงหวังหลินกวาดสายตาสีทองผ่านไป คันธนูในมือของผู้คนคฤหาสน์ลี่ก็แตกสลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วน


แม้แต่คันธนูที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งเก้าคนกำลังถือยังแตกเป็นเศษมากมายราวกับไม่สามารถต้านทานสายตาจากหวังหลินได้


ส่วนชายชราที่แข็งแกร่งที่สุดสามคน นอกจากผู้สูงส่งชั้นเทวะแล้ว ล้วนมีรอยแตกร้าวบนคันศรของตัวเองและแตกหักไปอีกด้วย


มีเพียงคันศรของผู้สูงส่งชั้นเทวะที่ไม่ได้แตกหัก แต่สายรั้งเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน


หวังหลินร้องคำราม สายตาเขาทำให้ไม่มีใครในคฤหาสน์ตระกูลลี่กล้าจ้องมอง ทุกคนล้วนแตกกระเจิงโดยไม่รู้ตัว เผยให้เห็นห้องหินไกลๆ


เวลานี้รอบด้านเงียบสนิท ไม่มีเสียงร้องแต่เซียนทุกคนที่คันศรของตัวเองแตกหักกำลังกลืนน้ำลาย ทุกคนหวาดกลัวต่อสายตาหวังหลินเป็นอย่างยิ่ง


โดยเฉพาะผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่คล้ายกับคาดเดาตัวตนของหวังหลินได้ แต่ละคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความหวาดกลัว


“ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว…” หลังจากนั้นสักพักน้ำเสียงขมขื่นดังออกมาจากห้องหิน ประตูห้องหินถูกผลักเปิดออกและมีชายชราผมขาวก้าวเดินออกมา


ชายชราสวมชุดคลุมสีทองและเปล่งแรงกดดันที่ไม่ใช่อารมณ์โกรธเกรี้ยว แม้สีหน้าจะขมขื่นเขาก็ไม่หลีกเลี่ยงสายตาสีทองจากหวังหลิน


หวังหลินยกแขนขึ้นมาเปิดผ้าคลุมศีรษะ เผยให้เห็นเรือนผมสีขาว เขามองชายชราอย่างสงบนิ่ง


พอหวังหลินเปิดเผ้าคลุม ผู้คนรอบด้านถึงกับอ้าปากค้าง สายตาทุกคนรวมมาที่เขา


ตลอดทั้งปีมีข่าวลือเรื่องหวังหลินไปทั่วแผ่นดินเซียนดารา ยิ่งข่าวลือเสมือนไฟลามทุ่งในเมืองหลวง ทุกคนต่างได้ยินเรื่องเขามาแล้วหลายครั้ง!


คฤหาสน์ลี่เป็นหนึ่งในสี่ราชาของเมืองหลวง แทบทั้งตระกูลต่างก็จดจำชื่อ “หวังหลิน” ไว้ขึ้นใจหลังจากได้ยินข่าวลือ


พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด อันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้า!


สิ่งที่พวกเขากังวลยิ่งก็คือพวกเขากลับพยายามสังหารคนผู้นี้ไปจริงๆ!


“ข้าขอคำอธิบาย” หวังหลินพูดขึ้นพลางมองชายชราที่ก้าวเดินออกมาจากห้องหิน ชายชราเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ หวังหลินประเมินไว้ว่าเขาผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดแล้วและอาจติดอยู่ที่ระดับสิบสาม


‘คฤหาสน์ลี่มีผู้สูงส่งชั้นเทวะสองคนและผู้สูงส่งชั้นฟ้า 11 คน…มีสามคฤหาสน์ที่เป็นแบบนี้ในเมืองหลวง’ หลังจากสังเกตคฤหาสน์ลี่ หวังหลินก็เข้าใจเหล่าราชาทั้งสี่ของเมืองหลวงแล้ว


“ก่อนหน้านี้คันศรของบรรพชนได้ส่งเสียงขึ้นมานั่นหมายความว่าคันศรอยู่ใกล้ๆ ตอนนั้นคันศรของบรรพชนได้ถูกส่งต่อให้ลี่กวงและมันก็หายไปโดยไม่ทราบข่าวเลย…หลังจากสังเกตเสียงจากชั้นวางได้ ข้าจึงส่งผู้สูงส่งชั้นทองออกไปตรวจสอบ แต่พฤติกรรมของทั้งสองค่อนข้างสุดขั้วไปหน่อย อีกทั้งคันศรของบรรพชนก็สำคัญต่อตระกูลลี่เป็นอย่างมาก…” แม้ชายชราพยายามสบตาหวังหลิน เขาก็รู้สึกถึงพลังสะกดข่มจากสายตาหวังหลินว่ามันรุนแรงเกินไป


หวังหลินยังไม่พูดและยังจ้องมองชายชรา


‘ข่าวลือทั้งหลายไม่เกินเลยจริงๆ…หวังหลินผู้นี้คู่ควรต่อการถูกเรียกว่าอันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้า ข้าไม่ได้เห็นเขาผ่านบททดสอบด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงอว่าข่าวลือเกินจริงตั้งแต่ได้ยินว่าใช้เกราะวิญญาณช่วยเหลือ…แต่ไม่คิดว่าแค่สายตาก็สร้างแรงกดดันขนาดนี้ได้แล้ว!’ บรรพชนของตระกูลลี่ขบคิดเงียบๆ พลางถูกหวังหลินจ้องมอง


“คฤหาสน์ลี่ของข้าทำอะไรวู่วามไปก่อน…ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อพิธีมอบตำแหน่งเป็นแน่ ท่านพักที่คฤหาสน์ลี่ดีหรือไม่?”


“ให้คนของคฤหาสน์ลี่คุ้มกันท่านไปยังวังหลวง…และในเมื่อผู้สูงส่งชั้นเทวะมีคันศรของบรรพชนและคันศรก็ช่วยท่าน เช่นนั้นท่านก็ถือว่าไม่ใช่คนนอก”


“คฤหาสน์ลี่ของข้ามีตำหนักลูกศร ซึ่งมีลูกศรเต๋าที่บรรพชนทิ้งเอาไว้ ท่านผู้สูงส่งชั้นเทวะสามารถเข้าไปดูได้ตามที่ต้องการ เพื่อตอบแทนที่เราทำอะไรไม่ยั้งคิด ท่านเห็นว่าอย่างไร?” ชายชราคำนับฝ่ามือและโค้งตัวให้หวังหลิน


เขาทำให้ตัวเองตกต่ำมากแต่ไม่มีใครในคฤหาสน์ลี่รู้สึกอับอายขายหน้า พวกเขายังรู้สึกว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้ เพราะกำลังเผชิญหน้ากับคนอันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้า!


คนผู้นี้มีแต่เหล่ามหาชั้นฟ้าต่อสู้กันเพื่อแย่งตัว แม้คฤหาสน์ลี่จะเป็นถึงหนึ่งในสี่ราชาของเมืองหลวงและแข็งแกร่งกว่าสำนักส่วนใหญ่ พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าจากหวังหลินได้


หากพวกเขาทำหวังหลินบาดเจ็บ มหาชั้นฟ้าจะออกมารับหน้าอย่างแน่นอน แต่หากหวังหลินสังหารพวกเขาก็ยังเป็นโอกาสดีที่มหาชั้นฟ้าจะไม่ทำอะไร…มันคือช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งและอ่อนแอบนแผ่นดินเซียนดารา ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวแทบไม่ค่อยออกมาจากวัง แต่เมื่อเขาออกมาก็ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น!


แม้แต่ราชาทั้งสี่ยังต้องทำความเคารพเมิ่งต้าวอย่างมาก เพราะเขาอาจเป็นตะวันดวงที่หกในอนาคต!


ตอนนี้หวังหลินก้าวข้ามผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว หากคฤหาสน์ลี่รู้ว่าคันศรอยู่กับหวังหลิน พวกเขาคงแกล้งทำเป็นไม่รู้และคงไม่กล้าขอมันคืน


“ตำหนักลูกศร?” หวังหลินมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขามีความคาดหวังต่อคฤหาสน์ลี่ นอกจากหวังหลินจะมองเห็นความหวาดกลัวจากสายตาชายชราได้ เขายังเห็นคันศรของบรรพชนที่อยู่มานานอีกด้วย


พวกเขาไม่สามารถเอาไปได้ ดังนั้นจึงดูแลหวังหลินด้วยความเคารพ เพื่อหวังว่าสักวันหวังหลินจะส่งคันศรกลับคืน


“คันศรนี้…” หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมา แสงรวมตัวกันปรากฏเป็นคันศรลี่กวงในมือหวังหลิน วินาทีนั้นชายชรามีประกายแววตาตื่นเต้น


เขาเคยเห็นคันศรนี้อยู่ในมือของลี่กวง แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือของคนนอก


เหล่าคนตระกูลลี่ล้วนแต่ขบคิดเงียบๆ และมองไปที่คันศร บางคนเคยเห็นและมีหลายคนไม่เคยเห็น


“ข้ายังต้องใช้คันศรนี้อยู่บ้าง เมื่อข้าเสร็จเรื่องทุกอย่างแล้ว ข้าจะคืนมันให้” หวังหลินสะบัดแขน คันศรหายกลับเข้าไปในร่าง


ชายชราจากตระกูลลี่ถอนหายใจแต่ไม่ผิดหวัง เพราะหวังหลินได้สัญญาเอาไว้และด้วยตัวตนของเขาจึงไม่จำเป็นต้องมาโกหก นั่นหมายความว่าหวังหลินมีเจตนาจะส่งมันคืน ดังนั้นเขาก็โล่งใจที่ยังคิดได้ว่าหวังหลินเพียงแค่ยืมไปเท่านั้น


สิ่งสำคัญที่สุดคือคันศรนี้หวังหลินเป็นคนพบเจอ แล้วจะคืนมันเพียงเพราะเคยเป็นของพวกเขาตั้งแต่อดีตได้อย่างไร? หากเขาวางตัวเองไว้ใต้เท้าหวังหลิน เขาก็คงกลัวว่าจะไม่ให้สัญญาแบบนั้น


หวังหลินพักอยู่ที่คฤหาสน์ลี่โดยไม่ปฏิเสธ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉวี่ลี่กั๋วอยู่ที่เมืองหลวง ดังนั้นจึงไม่รีบไปปลดผนึกความทรงจำ เขาพักอยู่คฤหาสน์ลี่เพื่อเข้าไปดูลูกศรเต๋า


หลิวจินเปียวมีความสุขอย่างยิ่ง เพียงหวังหลินเป็นเจ้านาย เขาก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี


พริบตาเดียวผ่านไปสามวัน ยามบ่ายของวันที่สาม หิมะกำลังร่วงลงมา ทันใดนั้นปรากฏระลอกคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นทั่วคฤหาสน์พร้อมกับระเบิดเป็นแรงกดดัน


แรงกดดันเข้าห่อหุ้มคฤหาสน์ลี่ทำให้ผู้คนต้องก้าวเดินออกมามองบนท้องฟ้า


มีคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาพร้อมกับแสงสีทอง เขาสวมชุดคลุมสีเขียวและดูท่าทีโอหัง ถือม้วนคัมภีร์อยู่ในมือและมองลงมายังผู้คนของคฤหาสน์ลี่


“หวังหลินอยู่ไหน? ทำไมไม่รีบเข้ามารับราชโองการ!”


“อ่านซะ!” หวังหลินเอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมาจากส่วนลึกของตำหนักลูกศร


“เจ้า…” คนชุดเขียวในท้องฟ้าตกตะลึง เขามาที่นี่เพื่ออ่านเจตจำนงของจักรพรรดิเทพซึ่งเท่ากับจักรพรรดิเทพมาด้วยตัวเอง แต่หวังหลินผู้นี้ไม่แม้แต่จะเผยใบหน้าให้เห็น


หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ ชายชุดเขียวจึงพ่นลมหายใจอยู่ในใจแต่ก็ไม่กล้าเผยความไม่พอใจ เขาเปิดราชโองการในมือและเริ่มอ่าน


หวังหลินไม่ได้ฟังอย่างละเอียดและแค่ได้ยินว่าจักรพรรดิเทพแจ้งให้เขาไปที่วังหลวงในเจ็ดวันเพื่อรับการแต่งตั้ง!


หวังหลินได้ยินจากสำนักตะวันม่วงว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนจะได้รับแต่งตั้งตำแหน่งเป็นการส่วนตัวจากจักรพรรดิเทพคนปัจจุบัน นี่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติและสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง


ช่วงการแต่งตั้งมีโอกาสที่จะถูกท้าประลอง แต่ในอดีตที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเมินเฉย เพราะเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะคือคนที่ได้รับการยอมรับจากร่างเงาของบรรพชนเทพและมีน้อยคนที่ทำตัวเหมือนน่าเบื่อ


หลังจากชายชุดเขียวอ่านจบ เขาก็ไม่เห็นหวังหลินออกมาและรู้สึกผิดหวังมากขึ้น เขาทิ้งราชโองการไว้ด้านหลังและเดินทางจากไป


‘น่าสงสัยจริงว่าเหลียนต้าวเจินจะทำอะไรในพิธีแต่งตั้ง…ข้าน่าจะได้เจอเหลียนต้าวเฟยที่นั่น…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปทั่วเมืองทิศตะวันออกแต่ก็ไม่พบเหลียนต้าวเฟย


………………………………………


ตอนที่ 1974 ปลายทาง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ณ วังหลวง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง!


ยามเช้าตรู่ ลำแสงแรกปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าและขจัดความมืดให้ออกไปจนตำหนักหลายแห่งมองชัดถนัดตา เซียนที่มีชื่อเสียงหลายคนและข้าราชการคนสำคัญต่างก็มาถึงกันทั้งหมด


แต่งตั้งตำแหน่งแก่ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว เหตุการณ์แผ่กระจายออกไปในเมืองหลวงเมื่อเจ็ดวันก่อน!


ตลอดหลายปีผู้คนต่างก็ได้ยินเรื่องผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว ฉายานี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากและเล่าขานกันไปตลอดทั้งปี


ตระกูลเซียนทั้งหมดต่างก็มาที่จตุรัสกว้างหลังจากได้รับการอนุญาตจากจักรพรรดิเทพให้มาร่วมงานแต่งตั้งในวันนี้


พอดวงอาทิตย์ลอยเด่น เซียนจำนวนมากรวมตัวกัน เพียงแค่ชำเลืองสายตามองนับได้ไม่น้อยกว่าหมื่นคน ทุกคนล้วนมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้ายังเข้าร่วมด้วย


มีผู้สูงส่งชั้นเทวะอยู่บางส่วน แม้แต่ในวังหลวงเอง คนเหล่านี้ยังได้รับการยอมรับอย่างสูงจากคนใกล้เคียง


ยามเช้าของวันนี้ที่ค่ายกลด้านนอกตำหนักกำลังถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลเคลื่อนย้ายกะพริบแสงอย่างต่อเนื่องพร้อมกับมีเซียนที่ต้องการมาร่วมงานได้เดินทางมาถึง


พวกเขาผ่านเข้าประตูและรีบเดินเข้ามาที่จตุรัสเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ


เหล่าเซียนมาถึงจตุรัสเบื้องหน้าอารามมากขึ้น พวกเขาไม่ได้กระจัดกระจายอย่างหลวมๆ แต่จัดแถวเป็นลำดับ มีอยู่สามที่ที่ยังคงว่างเอาไว้ขนาดพันฟุต


ในตรงพื้นที่ทั้งสามแห่งนั้นคือสามในสี่ราชาของเมืองหลวง!


ลานจตุรัสนอกอาราม นอกจากแขกนับหมื่นที่เข้ามาเฝ้าดูแล้ว ยังมีทหารเกราะดำตั้งแถวยาวเอาไว้สองแถว


ทหารเกราะดำเป็นของราชวงศ์และจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเท่านั้น ระดับบ่มเพาะแต่ละคนไม่ได้สูงมากแต่มีนับแสนคน ทว่าพวกเขาก็ยังเชี่ยวชาญการใช้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับการเพิ่มพลังจนน่าหวาดกลัว


ตอนนี้ทหารเกราะดำสองแถวเปล่งจิตสังหารมหึมาและเย็นเยียบ


ทั้งสองแถวคล้ายกับผ่าเปิดลานกว้างและยื่นตรงออกไปล้ำประตูทั้งเก้า!


ด้านนอกลานของอารามเต๋าเทพ มีประตูเก้าบานที่วางห่างกันแสนฟุต จริงๆ แล้วมันคือสิ่งก่อสร้างรูปประตูขนาดใหญ่ที่มีสีดำและเปล่งจิตสังหารรุนแรง ปลายสุดของประตูบานสุดท้ายมีแสงกะพริบพลางปรากฏเซียนตระกูลลี่ขึ้นมา พวกเขาผ่านประตูไปและมาถึงลานกว้าง


“เวลาหมดแล้ว ปิดผนึกเก้าประตู!” หลังจากนั้นไม่นานมีร่างชุดเขียวก้าวเดินออกมาจากอาราม เขาเป็นชายชราดูพบเจอได้ทั่วไป แต่แววตาเปล่งประกายเจิดจ้า ทอดสายตามองออกไปรอบๆ และเดินออกไปจากอาราม


เพียงเขาเอ่ยเสียงดังกึกก้อง ผู้คนหลายหมื่นที่เข้ามาเมืองหลวงได้มองไปยังประตูทั้งเก้า!


เหล่าทหารเกราะดำแสนคนส่งเสียงคำรามดังสนั่น เสียงคำรามประสานกันทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน พื้นดินสั่นสะเทือน ประตูทั้งเก้าเปล่งแสงสีดำแปลกประหลาด เมื่อแสงหนาแน่นขึ้นถึงจุดหนึ่งก็เชื่อมประสานกันกลายเป็นทางเดินเส้นตรง!


ทางเดินสร้างขึ้นจากแสงสีดำและเหล่าทหารเกราะดำนับแสนดูน่าอัศจรรย์ยิ่ง!


นาทีนี้เหล่าเซียนหลายหมื่นคนด้านข้างลานดูเหมือนลมหายใจหยุดไปชั่วขณะ พวกเขามองไปยังทางเดินและยังมองแสงเคลื่อนย้ายที่ออกมาจากประตูบานแรก


แสงกะพริบวาบ จากนั้นมีชายหนุ่มชุดขาว เรือนผมสีขาวก้าวเดินออกมา


หวังหลินเอามือไพล่หลังยืนอยู่ตรงนั้น สายลมเช้าตรู่ทำให้เสื้อผ้าและเรือนผมสะบัดพริ้วไหว


ถึงแม้ใบหน้ายังคงเป็นหนุ่ม ทว่าจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้า เพียงแค่เขาเดินมาข้างหน้า ความเก่าแก่ค่อยๆ ปรากฏ


สายตามองทะลุผ่านทางเดินสีดำไป เขาเห็นผู้คนนับหมื่นและมหาราชวังตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง


หวังหลินยังมองเห็นวังอีกนับไม่ถ้วนอยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างเลือนลาง วังเหล่านี้คือวังหลวงของจักรพรรดิเทพ!


วังนี้กว้างใหญ่เกินไปจนหวังหลินไม่เห็นจุดสิ้นสุด แต่เขารู้สึกว่ามันมีเขตอาคมเหนือจินตนาการอยู่ที่นี่ ตอนนี้มันไม่ได้เปิดใช้งาน แต่เมื่อเปิดแล้วพลังจะสั่นคลอนจนทลายสวรรค์ได้ทีเดียว!


‘นี่หรือคือวังหลวง…’ หวังหลินมองออกไปและเห็นรูปปั้นหิน แต่เพราะมันอยู่ไกลเกินไปจึงพร่าเลือน รูปปั้นนี้คล้ายกำลังมองไปยังท้องฟ้าชั่วนิรันดร์


“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว หวังหลิน!” น้ำเสียงเย็นเยียบเต็มไปด้วยอำนาจบารมีร้องคำรามดุจสายฟ้าออกมาจากอารามตรงหน้าและขัดความคิดหวังหลินไป หวังหลินถึงกับขมวดคิ้ว


คนที่พูดเป็นชายชราผมขาวที่ได้ก้าวเดินออกมาจากอาราม เขามองลอดผ่านประตูทั้งเก้าไปที่หวังหลิน


“หวังหลิน ผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนจะได้รับการแต่งตั้งอย่างสมเกียรติ แต่ก่อนจะมีการแต่งตั้งจะมีการทดสอบเสียก่อน การทดสอบคือประตูทั้งเก้าบานนี้ เมื่อเจ้าเดินผ่านประตูทั้งเก้าและยืนอยู่เบื้องหน้าข้า พิธีแต่งตั้งตำแหน่งจะเริ่มต้นขึ้น!”


“ถึงตอนนั้น ท่านจักรพรรดิจะมามอบตำแหน่งให้เจ้าด้วยตัวเองและราชครูจะทำนายอนาคตให้เจ้าด้วย! การกระทำทุกอย่างเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพจะถูกบันทึกและฉายไปทั่วทุกสำนักใน 72 แคว้น!” ชายชราพูดอย่างสงบนิ่ง พอกล่าวจบจึงหลับตาและไม่ให้ความสนใจอีก


อย่างไรก็ตามเซียนทุกคนรวมถึงราชาทั้งสี่ ต่างก็มองมาที่หวังหลิน


หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น เขาได้ยินเรื่องพิธีแต่งตั้งมาจากชายชราของตระกูลลี่แล้ว ผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนจะต้องผ่านเก้าประตูไปก่อนเข้าพิธีแต่งตั้ง


แต่นี่เป็นเพียงแค่ธรรมเทียมปฏิบัติเท่านั้น เพราะเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะได้รับการยอมรับจากบรรพชนเทพและต้องผ่านตำหนักระดับสิบไปแล้ว ประตูเป็นเพียงแค่การแสดงพลังอำนาจ ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ดังนั้นจึงสามารถเดินผ่านได้อย่างง่ายๆ


หวังหลินกวาดสายตาผ่านประตูทั้งเก้าและเห็นทหารเกราะดำตั้งแถวยาวอยู่สองแถว เหล่าทหารเผยสายตาเย็นเยียบจ้องไปที่หวังหลิน


หวังหลินไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลง เขาลงมือตามหลักการของตัวเอง หากเก้าประตูปกติดีก็คงดี แต่หากมีอันตรายซ่อนอยู่หวังหลินก็คงไม่ทำตัวสุภาพ


หวังหลินก้าวเดินเข้าหาประตูบานแรกอย่างสงบนิ่งด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว พอกำลังจะก้าวเข้าไป ทหารนับแสนส่งเสียงคำรามอีกครั้ง


จิตสังหารมหึมาแผ่ออกมาจากร่างเหล่าทหาร มันรวมกันกลายเป็นพลังเข้ากระหน่ำโจมตีใส่หวังหลิน


จิตสังหารผุดออกมาจากเหล่าคนนับแสนและยังเชื่อมต่อกับชุดเกราะของตัวเอง จิตสังหารทั้งหมดนี้ได้รวมกันทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนไม่ได้เผชิญหน้ากับประตูทั้งเก้า แต่เป็นเทพสังหาร!


หวังหลินขมวดคิ้ว!


‘การทดสอบของเก้าประตูไม่ใช่ระดับบ่มเพาะแต่เป็นจิตสังหาร…ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่สุภาพแล้ว’ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายและค่อยๆ หลับตาลง พอเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างแก่นแท้สายฟ้าปลดปล่อยพลังของสายฟ้าสังหาร!


พลังสายนี้อยู่รอบตัวหวังหลินระยะร้อยฟุต ซึ่งระยะนี้ทำให้ทางเดินถึงกับส่งเสียงดังสนั่น


ทางเดินเบื้องหน้าหวังหลินพลันถูกดันถอยไปร้อยฟุตราวกับเผชิญจิตสังหารของหวังหลิน


หวังหลินไม่หยุดลงและก้าวเดินต่อไป ทว่าทุกก้าวจะมีจิตสังหารขนาดร้อยฟุตเคลื่อนไหวไปด้วยและทำให้ทางเดินถูกดันกลับไปอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ทหารเกราะดำข้างในยังตกตะลึงและล่าถอยโดยไม่รู้ตัว ราวกับหวังหลินเกาะกุมจังหวะเอาไว้และมีจิตสังหารมากพอที่จะทำให้คนยอมแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้!


พันฟุต หมื่นฟุต แสนฟุต! หวังหลินก้าวเดินไปข้างหน้าระยะหนึ่งแสนฟุตด้วยความสงบนิ่ง ด้านหลังไม่มีแสงสีดำ มีเพียงประตูหินเท่านั้น!


เบื้องหน้าเขามีทางเดินที่ครอบคลุมประตูที่เหลืออยู่แปดบาน มันเริ่มไม่มั่นคงราวกับหวังหลินผลักไปด้านหลัง


ฮ่าาาาา!!


ทหารเกราะดำข้างในทางเดินถูกผลักดันถอยไปแสนฟุตและร้องคำรามเป็นครั้งที่สาม แสงสีดำขยายออกไปกลายเป็นพยัคฆ์ดำเบื้องหน้าอาราม พยัคฆ์ตัวนั้นกระโจนเข้าใส่หวังหลิน


“พวกเจ้า ยอมจำนนไปซะ!” แววตาหวังหลินกะพริบวาบ รอยสักกระทิงสวรรค์บนใบหน้ากะพริบแสงขึ้นมา จากนั้นเขาโยนกำปั้นขวาออกไป เกราะวิญญาณพลันหายไปจากร่างกาย


เมื่อกำปั้นร่อนลงใส่ ทั่วบริเวณเกิดเสียงดังสนั่น เงาพยัคฆ์พังทลาย ทางเดินสีดำที่เกิดจากประตูที่เหลือแปดบานถึงกับพังทลายไปพร้อมกับแสงสีดำ ทหารเกราะดำแสนคนล้วนกระอักโลหิต กระเด็นออกไปแต่ไม่มีใครตาย


หวังหลินหรี่ตาแคบลงโดยไม่อาจสังเกตเห็นพลางมองเหล่าทหารอย่างละเอียด เขาเดินผ่านประตูที่เหลือแปดบานไปอย่างสงบนิ่งและมาถึงเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ สายตาคมกริบจ้องไปที่ชายชราชุดเขียวที่กำลังถอย!


“เจ้าก็จงยอมจำนนด้วย!” หวังหลินจ้องชายชราชุดเขียวอย่างเย็นเยียบ


………………………………


ตอนที่ 1975 จักรพรรดิเทพมอบสมบัติ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชายชราชุดเขียวเต็มไปด้วยสายตาตื่นตระหนก เขาถอยหลังไปหลายก้าวเบื้องหน้าทุกคนและหน้าซีดเป็นสีเขียว เขาโกรธเกรี้ยวที่อับอายและคิดเอาว่าหวังหลินคงไม่กล้าโจมตีที่นี่ พอถอยไปสามก้าวจึงหยุดพลางเอามือชี้หน้าหวังหลินและเริ่มตะโกน


“เจ้า…”


ชายชราชุดเขียวเพิ่งจะเริ่มพูดขึ้นแต่หวังหลินก็มาถึงเบื้องหน้าแล้ว หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาจับเสื้อผ้าของอีกฝ่ายและโยนออกไปข้างๆ ชายชราร้องไห้ด้วยความรู้สึกเหมือนโดนฝ่ามือที่มองไม่เห็นตีเข้าใส่และทะยานออกไปหลายร้อยฟุต


“หวังหลินขอคารวะจักรพรรดิเทพ!” หวังหลินคำนับฝ่ามือเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นวังหลวงและอีกฝ่ายคือจักรพรรดิเทพ เขายังจำเป็นต้องแสดงความเคารพ


สายตาของเซียนทุกคนเพ่งมาที่หวังหลิน รวมถึงเหล่าทหารแสนนาย แต่ละคนขบคิดและจ้องหวังหลินอย่างเงียบงัน


ท่ามกลางราชาทั้งสี่ นอกจากคฤหาสน์ลี่แล้วมีอีกสามตระกูลได้หันไปมองหวังหลินด้วยความคิดแตกต่างกัน โดยเฉพาะสามบรรพชนที่มองหวังหลินด้วยความซับซ้อนและสายตาทำอะไรไม่ถูก


หลังจากหวังหลินคำนับฝ่ามือ รอบด้านเงียบสนิท ผ่านไปสักพักเสียงสงบนิ่งดังออกมาจากอารามเต๋าเทพ


“เจ้าโยนผู้รับผิดชอบการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของข้าออกไป ตอนนี้จะไปต่อได้อย่างไร?”


เพียงมีเสียงดังกึกก้อง ประตูทางเข้าสู่อารามเต๋าเทพก็เปิดเข้าข้างใน ภายในส่วนลึกของอารามมีบันไดยาวคล้ายกับภูเขาและมีบัลลังก์มังกรยักษ์ดูราวกับมังกรจริงๆ เศียรมังกรเชิดขึ้นมองดูหวังหลินคล้ายกับมันมีจิตวิญญาณ


ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสูงศักดิ์และสวมมงกุฎนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขาเอามือไว้ใต้คาง ร่างกายเอนเล็กน้อย เปล่งกลิ่นอายแห่งแรงกดดันที่ไม่มีความโกรธเกรี้ยว


ด้านข้างชายวัยกลางคนเป็นชายหนุ่มยืนอยู่ เขามีผิวหนังสีขาว ดวงตาบอบบาง ถือลูกปัดสีม่วงสองลูกและหมุนมันอยู่ในมือ ใบหน้าเปื้อนยิ้มและส่งสายตามองหวังหลินอย่างอ่อนโยน


แต่สายตานี้ทำให้โลหิตหวังหลินต้องแข็งค้าง เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์และเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงในชีวิต


ในใจตกอยู่ในความปั่นป่วนแต่ก็ฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว หวังหลินหรี่ตาแคบพลางส่งสายตาไปที่ชายหนุ่มเสื้อผ้าหยาบๆ คนนั้น


ชายหนุ่มแฝงไปด้วยแววตาตกตะลึง เขายิ้มและพยักหน้าให้หวังหลิน


‘ราชครูชางซวนต้าว!’ ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในใจหวังหลินตอนที่เห็นชายหนุ่ม แม้จะไม่เคยพบเจอมาก่อนแต่มีคนที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจมเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่เพียงแค่จ้องสายตา นั่นคงเป็นราชครูแน่นอน!


ส่วนจักรพรรดิเทพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขามีท่าทีเช่นเดิมเหมือนตอนที่หวังหลินเห็นในบททดสอบชั้นฟ้า แต่แรงกดดันและบารมีกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนั้น ราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้


ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกต้องคุกเข่าเบื้องหน้าสายตา


“ช่างมันเถอะ เจ้าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะอันดับหนึ่งและทาสรับใช้คนนั้นก็ไม่เคารพเจ้า ข้าจะไม่ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยาก ซวนต้าว เจ้าเป็นประธานแต่งตั้งตำแหน่ง” จักรพรรดิเทพนั่งเอ่ยอยู่บนบัลลังก์


“ขอรับ” ชายหนุ่มเสื้อผ้ายับยู่ยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าหาอาราม


‘เป็นเขาจริงๆ!’ หวังหลินขมวดสายตา


พอชายหนุ่มเดินผ่านหวังหลินไป เขายิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นมองเหล่าเซียนหลายหมื่นในลานกว้าง


“ข้าจะเป็นประธานแต่งตั้งตำแหน่ง ถัดไปคือการสังเวยโลหิตเพื่อเปิดเต๋าเทพ!” ราชครูซวนต้าวเอ่ยขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า


เพียงเท่านั้นลำแสงสีทองสายหนึ่งทะยานออกไป เสียงคำรามดังออกมาจากวัง 99 แห่งจนพื้นดินสั่นสะเทือน ราวกับเป็นเสียงกรีดร้องของอสูรก่อนตาย


วินาทีนั้นเสาโลหิต 99 ต้นพุ่งทะยานจากตำหนักขึ้นสู่ท้องฟ้า หวังหลินมองเห็นเสาโลหิต 99 ต้นได้อย่างชัดเจนว่ามีวิญญาณอสูรที่แตกต่างกันถึง 99 ชนิด!


‘สังเวยโลหิตเพื่อเทพ สังหาร 99 อสูรและใช้โลหิตเพื่อเปิดเต๋าเทพนิรันดร์…’ หวังหลินมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความสงบนิ่ง


เสาโลหิตพุ่งเข้าไปในท้องฟ้าและทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นสีโลหิต จากนั้นประตูบานหนึ่งเปิดออกมา ภายในประตูนำทางไปสู่ความโกลาหลวุ่นวายอย่างยิ่ง


วิญญาณอสูรข้างในเสาโลหิตพลางส่งเสียงคำรามและเงียบหายไปในความว่างเปล่า จากนั้นทั้งวังหลวงก็เงียบสงัด!


ตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เงียบงัน เหล่าบรรพชนในสำนักทั่วทั้งเผ่าเทพต่างก็จ้องมองท้องฟ้าเหนือวังหลวง!


การแต่งตั้งตำแหน่งในครั้งก่อน นอกจากการผ่านประตูทั้งเก้าและการท้าทายจากคนอื่นแล้ว ยังมีการเปิดเต๋าเทพ มันเป็นการสังเวยโลหิตเพื่อล่อลวงจิตวิญญาณต่างแดนมาที่นี่ จากนั้นก็จะถูกจักรพรรดิเทพสังหาร โลหิตจะสาดกระจายไปทั่ววัง วิญญาณจะถูกหลอมเป็นสมบัติมอบให้ผู้สูงส่งชั้นเทวะที่กำลังได้รับตำแหน่ง! หวังหลินรู้รายละเอียดของพิธีนี้ดังนั้นจึงมองท้องฟ้าโดยไม่ประหลาดใจ


“ข้าสงสัยจริงว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวจะได้อสูรต่างแดนแบบไหนกัน!”


“ตอนนั้นที่ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวสังเวยโลหิต มันเป็นจิตวิญญาณรูปร่างกระบี่ จักรพรรดิเทพสังหารมันและเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ทรงพลังยิ่ง!”


“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโชควาสนาด้วย ข้าสงสัยเสียแล้วว่าโชคของหวังหลินจะเป็นอย่างไร!”


เหล่าเซียนรอบด้านล้วนมองขึ้นไปและเริ่มคาดหวังอยู่ในใจ


เวลานี้ในท้องฟ้าสีโลหิต มีอสูรคล้ายสิงโตทะยานออกมาจากวังวนมืดมิด อสูรสิงโตมีดวงตาสีแดง ส่วนลำคอเปื้อนโลหิต เพียงมันร้องคำรามพลันมีโลหิตสีทองหยดลงมาหนึ่งหยด


มันดูเหมือนกำลังหลบหนีอยู่ในมิติแห่งหนึ่งแต่ถูกวังวนดูดมาและปรากฏขึ้นที่นี่


รูปร่างของมันทำให้เซียนหลายหมื่นด้านล่างถึงกับร่ำร้อง!


“อสูรสิงโตสวรรค์!”


“นี่มันอสูรสิงโตสวรรค์ที่บรรพชนเทพปิดผนึก!”


“ลือกันว่าแคว้นสิงโตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาจากจักรพรรดิสิงโตสวรรค์ อสูรตัวนี้ไม่ได้มีขนสีทอง ดังนั้นจึงไม่ใช่สายโลหิตจักรพรรดิ แต่มันน่าจะยังเป็นสิงโตตัวเต็มวัย!”


เพียงเกิดเสียงร้องดังกึกก้อง ราชครูชางซวนต้าวกลับสงบนิ่งราวกับรู้อยู่แล้วว่าสิงโตสวรรค์จะถูกล่อออกมา


“ผนึกที่บรรพชนทิ้งเอาไว้ไม่สามารถทำให้ตัวที่แข็งแกร่งเกินไปเข้ามาหา ถ้าหากสิงโตนี้ไม่บาดเจ็บ มันคงไม่ปรากฏขึ้นที่นี่…โชควาสนาของหวังหลินช่างดียิ่งนัก!” เสียงคำรามกึกก้องออกมาจากท้องฟ้า


เสียงคำรามสั่นคลอนจิตใจนี้มากพอที่จะทำให้คนธรรมดาแตกดับ แม้แต่เซียนที่อ่อนแอยังเกิดอาการสั่นสะท้านราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตามธรรมชาติ


มันคือเสียงคำรามของสิงโต อสูรสิงโตตัวนี้บาดเจ็บตรงลำคอและพุ่งออกมาจากวังวน มันสับสนกับพื้นที่ประหลาดแห่งนี้ ทว่าความสับสนกลับหายไปและถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก มันกำลังจะหนีกลับเข้าไปในวังวน


แต่วินาทีนั้นจักรพรรดิเทพเอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมาข้างหูหวังหลิน


“อสูรสิงโตสวรรค์…” ขณะเดียวกันจักรพรรดิเทพยังคงมีท่าทีเอามือเท้าคางส่วนอีกมือหนึ่งโบกสะบัด


เพียงการโบกสะบัดนี้ได้ทำให้เพลิงห้าสีปรากฏขึ้นมา มันปลดปล่อยคลื่นความร้อนพุ่งเข้าใส่สิงโตสวรรค์


พริบตาเดียวเพลิงห้าสีได้เปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงและโอบล้อมสิงโตสวรรค์ที่บาดเจ็บเอาไว้ มันส่งเสียงร้องคำรามโหยหวนตามมาด้วยโลหิตจำนวนมากคล้ายน้ำมันเดือดสาดกระจายไปทั่วฟ้าและตกลงมาด้านล่าง


เซียนรอบด้านเห็นเหตุการณ์กันทุกคน จิตใจสั่นสะเทือนและไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มคุกเข่าก่อน เพียงไม่นานเหล่าเซียนด้านนอกอารามเต๋าเทพต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น


“จักรพรรดิเทพจงเจริญ!”


“จักรพรรดิเทพจงเจริญ!!”


เสียงคนประสานกันดุจสายฟ้าและดังกึกก้องไปทั่วราชวัง พลังอำนาจของจักรพรรดิเทพเป็นที่ประจักษ์เบื้องหน้าเผ่าเทพ!


หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาก็สามารถสังหารสิงโตสวรรค์ที่บาดเจ็บได้เช่นกัน แต่ไม่ได้ง่ายดายเท่าจักรพรรดิเทพ เขาคงต้องใช้เกราะวิญญาณและอาจต้องยืมพลังจากร่างอวตาร


‘มหาชั้นฟ้า…’ หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งไม่เคยสิ่งที่คิด


ยามนี้ทะเลเพลิงได้หายไปและมีเส้นขนสีขาวหนึ่งเส้นตกลงมาจากท้องฟ้า รูปร่างของเส้นผมได้ทำให้ราชครูต้องหรี่ตาลง


ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้กระทั่งจักรพรรดิเทพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยังต้องมองขึ้นไป เขามองเส้นผมสีขาวที่กำลังร่วงหล่นและมีแววตาประหลาดใจ!


‘ผมสีขาวที่แม้แต่เต๋าเพลิงสุดขั้วของข้าก็เผาไม่ได้…สิ่งนี้…’


หวังหลินเผยแววตาประหลาดใจ ขนสีขาวนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยแต่มันแค่แวบเดียวเหมือนภาพมายา


หวังหลินพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าโดยไม่ลังเล!


จักรพรรดิเทพก็ยกแขนขึ้นไปเช่นกัน ฝ่ามือยักษ์ที่สร้างจากเพลิงห้าสีปรากฏขึ้นมายื่นเข้าหาผมสีขาว!


หวังหลินไม่สามารถเอาชนะจักรพรรดิเทพได้ ฝ่ามือเพลิงห้าสีของจักรพรรดิเทพปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเส้นผมและคว้าเอาไว้


แต่วินาทีนั้นฝ่ามือเพลิงห้าสีก็สั่นเทา เส้นผมทะลุมันลงมา ทุกคนเห็นด้วยสองตา หวังหลินปรากฏขึ้นด้านข้างโดยไม่ลังเลและคว้าเอาไว้


“ขอบคุณสำหรับสมบัติที่จักรพรรดิเทพประทานให้!” หวังหลินหันกลับมาโค้งคำนับไปทางอารามเต๋าเทพ


…………………………………………


ตอนที่ 1976 เหลียนต้าวเฟย

โดย

Ink Stone_Fantasy

เส้นผมร่วงเข้าไปในผมของหวังหลินและทำให้ความรู้สึกคุ้นเคยชัดเจนยิ่งขึ้น หวังหลินไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกว่าเส้นผมนี้เป็นส่วนหนึ่งกับร่างกายเขา


เส้นผมไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอะไรและดูเหมือนเป็นเส้นผมธรรมดา ปลายทั้งสองด้านหันลงพื้น ราวกับสายลมสามารถส่งมันปลิวไปได้อีกครั้ง


หลังจากผ่านความเงียบไปไม่กี่ลมหายใจ จักรพรรดิเทพเอ่ยดังออกมาจากอารามเต๋าเทพ


“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะให้เจ้าเป็นรางวัล แต่หากเจ้าต้องการก็เอาไป”


หวังหลินแสดงการขอบคุณถือว่าทำหน้าที่สำคัญได้ดียิ่ง เพราะนี่คือพิธีแต่งตั้งของเขาและทุกสำนักในเผ่าเทพล้วนเป็นพยานรู้เห็น


นอกจากนี้อสูรสิงโตสวรรค์ก็ถูกอัญเชิญมาในพิธีแต่งตั้ง ดังนั้นถึงแม้หวังหลินจะเอาเส้นผมสีขาวไปก็ไม่มีใครจะกล่าวอะไรได้


ราชครูชางซวนต้าวมองหวังหลินด้วยความล้ำลึกและพูดขึ้น


“สังเวยโลหิตจบแล้ว ตอนนี้ถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธีแต่งตั้ง หวังหลิน ทุกคนที่นี่มีสิทธิ์ท้าประลองเจ้า แต่มีเพียงสามครั้งเท่านั้น หลังจากจบการประลอง จักรพรรดิเทพจะมอบตำแหน่งให้เจ้า!”


ราชครูเอ่ยเสียงดังกึกก้อง สามบรรพชนจากสี่คฤหาสน์ต่างก็มองขึ้นไป ทุกคนล้วนเป็นชายชราที่มีระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะ!


คนผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า เขาคำนับฝ่ามือห่างจากหวังหลินเพียงพันฟุต


“ข้าขอท้าประลองเป็นคนแรก ขอคำชี้แนะผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวด้วย!” ชายชราเผยแววตามืดมนพลางมองหวังหลิน เขาไม่รอให้หวังหลินตอบกลับพลางนั่งอยู่ในท้องฟ้า ยกแขนขวาขึ้นมาทำให้ร่างกายบวมเป่ง ควันสีดำพวยพุ่งจากร่างกายและควบแน่นก่ลายเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่เบื้องหน้า


ร่างเงาสีดำคล้ายกับสวมเกราะดำ ใบหน้าเลือนลางและหลับตาอยู่ ทว่ารูปร่างของมันถึงกับทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน ก้อนเมฆกระจัดกระจาย


“หวังหลิน โปรดชี้แนะ!” ชายชรากัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตแผ่กระจายราวกับสายหมอกและเข้าสู่ร่างโลหิต ร่างเงานั้นคล้ายกับได้รับการกระตุ้นจากโลหิต ดวงตาจึงเป็นสีแดงฉาน


ร่างเงาส่งเสียงพึมพำพลางยกหอกสีดำยาวในมือขึ้นมาและพุ่งทะยานใส่หวังหลิน!


หวังหลินแววตาเป็นประกาย เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่จากตำแหน่งของเขาจึงบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชา!


ร่างเงาสีดำเต็มไปด้วยพลังความแข็งแกร่ง เพียงมันเข้าไปใกล้ถึงกับทำให้ท้องฟ้าแบ่งแยก หวังหลินไม่ได้ล่าถอย รอยสักกระทิงสวรรค์บนใบหน้าปกคลุมทั้งร่างพลางโยนกำปั้นออกไป


กำปั้นชกใส่หอกของร่างเงาสีดำ เกิดการปะทะดังสนั่นกึกก้อง!


หวังหลินถอนมือกลับมาอย่างช้าๆ แต่ร่างเงาสีดำแตกสลายในทันที ชายชรานั่งนิ่งด้วยใบหน้าซีดเผือดแต่กัดฟันและตีหน้าผากตัวเอง!


เขาสังเวยพลังชีวิตของตัวเองให้ควันสีดำโผล่ออกมาจากร่างกายมากขึ้น ใบหน้าเขาแก่ขึ้นอย่างมากราวกับเพิ่งปีนออกมาจากหลุมศพ


ควันสีดำทรงพลังเข้ารวมตัวกัน ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างเงาฟื้นฟูขึ้นมาเท่านั้น มันยังกลายเป็นม้าศึกอีกด้วย จากนั้นร่างเงาควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปหาหวังหลิน


หวังหลินหันหน้าไปมองร่างเงาที่พุ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีเคร่งขรึม เขาวางมือไว้บนศีรษะ เอนไปด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะเหวี่ยงกลับมา!


กระทิงสวรรค์พุ่งชน!


กระบวนท่านี้ทำให้เกิดเงากระทิงสวรรค์ขนาดยักษ์ขึ้นด้านหลังหวังหลิน กระทิงส่งเสียงคำรามและใช้สองเขาใหญ่ยักษ์เข้าปะทะกับร่างเงา


ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!


ร่างเงาและม้าศึกเกิดการพังทลายราวกับไม่สามารถต้านทานพลังได้เลย กระทิงสวรรค์พุ่งทะลวงผ่านร่างเงาและตรงเข้าหาราชครูชางซวนต้าว!


ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ขณะที่กระทิงสวรรค์พุ่งเข้ามาหา ราชครูมีท่าทีนิ่งเฉย แขนขวาเคลื่อนไหวราวกับกำลังทำนาย จากนั้นชี้ออกไปตรงหน้า


เพียงสัมผัสกระทิงสวรรค์ มันก็สั่นเทาอย่างรุนแรง


ราชครูเอ่ยขึ้นมา จากนั้นกระทิงสวรรค์ก็เลือนหายไป “ความว่างเปล่าคือยอดเต๋ารูปแบบหนึ่ง เพราะมีตัวตน เมื่อมันพ่ายแพ้จึงกลายเป็นความว่างเปล่า”


เพราะมีตัวตน เมื่อสูญสิ้นจึงกลายเป็นความว่างเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นตรงกับที่เขาพูดไว้ไม่มีผิด


หวังหลินหรี่สายตาแคบ วินาทีนั้นเขารู้สึกถึงความปั่นป่วนน่าหวาดกลัวจากราชครู นี่มันเป็นระดับความรู้แจ้งต่อเต๋าอันลึกซึ้ง


กระทิงสวรรค์หายไป ร่างเงาสีดำที่ชายชราสังเวยพลังชีวิตเองก็หายไปด้วย เขาดูเหมือนแก่ขึ้นอีกหลายปีและคำนับฝ่ามือหวังหลินด้วยรอยยิ้มขมขื่น ทะยานกลับไปยังตระกูลโดยไม่พูดจาอะไร


“คนที่สอง…” ราชครูยิ้มพลางยืนอยู่เบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ ทว่าขณะนั้นเขาพลางขมวดคิ้ว


ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น หวังหลินยังมองออกไปด้วย เซียนทุกคนด้านล่างสังเกตสายตาได้จึงมองไปทางนั้นเช่นกัน ทุกคนล้วนขมวดคิ้ว


“ฮึ่มฮึ่ม พวกเจ้าช่างกล้า มีเรื่องน่าสนุกขนาดนี้กลับไม่เชิญราชาผู้นี้ด้วย เจ้า…ข้ายังอยู่ในสายตาพวกเจ้าอยู่หรือไม่!?”


“น้องแดง น้องเขียว น้องขาว น้องฟ้า เปิดทางให้ข้า!” ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านนอกประตูเก้าบานพลันส่องสว่างและมีกลุ่มคนก้าวเดินออกมา


คนที่นำหน้าเป็นชายหนุ่มสวมเสื้อลายดอกถือพัดอยู่ในมือ ใบหน้าโกรธเกรี้ยวและโบกพัดจนเส้นผมปลิวไสว


ด้านข้างเป็นฉวี่ลี่กั๋วใบหน้าซีดเผือดราวกับการมาถึงที่นี่ทำให้เขาหน้าซีด ชายหนุ่มชุดเขียวเองก็ซีดเช่นกัน เขาจับชายหนุ่มเสื้อลายดอก จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน


“ทะ…ท่านราชา นี่มันวังหลวง!”


“วังหลวงแล้วอย่างไร? ข้าเป็นราชา!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกดูผิดหวังกับหนุ่มชุดเขียวและโยนไปข้างหน้า


“น้องแดง แสดงบารมีของเจ้าให้ข้าเห็นเหมือนตอนไปที่คฤหาสน์ลี่! ไม่เช่นนั้นราชาผู้นี้จะลงโทษเจ้า!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกก้าวเดินไปและเตะฉวี่ลี่กั๋วดับป้าบ ฉวี่ลี่กั๋วตัวสั่นเนื่องจาอถูกเหล่าเซียนหลายหมื่นจ้องมอง เขากัดฟันและก้าวออกไปราวกับทุ่มสุดตัว แต่ไม่นานก็กระอักโลหิตและกุมท้องอยู่บนพื้น บิดงออยู่สองสามครั้งและแน่นิ่งไป


“อ้าว? เขาตายแล้วหรือ?” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกมองดูตรงเท้าและตกตะลึง


หวังหลินยืนอยู่ในอากาศ มองดูชายหนุ่มเสื้อลายดอกคนนั้น รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปแต่จำได้ทันทีว่าคือเหลียนต้าวเฟย


ชายหนุ่มเสื้อลายดอกสะบัดแขนกระพือด้วยแรงทั้งหมดพลางหมุนรอบร่างที่แน่นิ่งของฉวี่ลี่กั๋ว เตะเขาอยู่สองสามครั้ง


“ฮึ่ม แกล้งทำเป็นตาย เจ้ากล้าแกล้งทำเป็นตายต่อหน้าต่อตาข้าได้อย่างไร? ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง ข้าเจอกับพวกที่แกล้งตายมานักต่อนัก…เอ๋ เขาเป็นใคร…” เขาขบคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก เขาลืมเรื่องฉวี่ลี่กั๋วและก้าวฉับฉับไปด้วยท่าทีโอหัง เหล่าเซียนที่เห็นเขาต่างก็ขมวดคิ้วอย่างขมขื่นและหลีกเลี่ยง


“ขอคารวะ ท่านราชา!”


“ขอคารวะ ท่านราชา!”


แต่ละเสียงดังกึกก้องทันที่เขาเดินผ่าน ชายหนุ่มเสื้อลายดอกดูภูมิใจมากและยังพึมพำ


ชายหนุ่มเสื้อลายดอกหยุดอยู่เบื้องหน้าชายชราที่หวังหลินโจมตี สายตาเบิกกว้างและเริ่มร้องคำรามทันที “ทำไมที่นี่ถึงมีคนมากมาย? หรือว่าพี่ชายข้ากำลังเลือกนางสนม? เฮ้ย เฒ่าลั่ว ทำไมเจ้าถึงแก่ขึ้นขนาดนี้? เจ้าดูเหมือนโดนใครตบตีมา!”


“ใครกันที่กล้ากลั่นแกล้งท่านปู่ของน้องดอกไม้? ข้าจะไปสั่งสอนมัน! เฒ่าลั่ว บอกข้ามาว่าใครตบตีเจ้า!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกม้วนเสื้อขึ้นและคำรามต่อไป


“มันใช่หรือไม่!? ต้องเป็นมันแน่นอน! ข้าไม่ชอบเขาอยู่แล้ว เขาแก่แต่ก็แกล้งเป็นหนุ่ม มันต้องเป็นเจ้า! ข้า…ข้าจะไปบีบคอเจ้า!” ชายหนุ่มเสื้อชายดอกชี้ไปยังราชครูที่กำลังขมวดคิ้วและพุ่งเข้าหาราวกับกำลังจะไปบีบคอ


พอเห็นว่าเขากำลังจะพุ่งไป ผู้เยาว์ที่ติดตามชายหนุ่มมาถึงกับคว้าจับขาเอาไว้


“ท่านราชา…เขา…เขาคือราชครู! นายท่าน ปล่อยเรากลับไปเถอะ…” ชายหนุ่มหน้าซีด ไม่ว่าชายหนุ่มเสื้อลายดอกจะสบัดขาให้เขาหลุดมากแค่ไหนก็ไม่ยอมปล่อยไป


“เขาแกล้งปู่ของน้องดอกไม้ ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?! เจ้าทาสน้อย เจ้าจะไม่ปล่อยไปใช่หรือไม่? ก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปกับข้าด้วย!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกลากอีกฝ่ายไปด้วยสีหน้าดุดัน ดูเหมือนเขากำลังจะไปบีบคอราชครูจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม


เพียงหวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยด้านล่าง เขาเผยท่าทีซับซ้อน หวังหลินมาที่เมืองหลวงแห่งนี้เพื่อดูว่าสหายเก่าจะยังจดจำเขาได้หรือไม่


หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยที่ใช้พัดลากชายหนุ่มเข้าหาราชครู ฉวี่ลี่กั๋วที่ฟุบอยู่บนพื้นพลันลืมตาขึ้นมามองชายหนุ่มเสื้อลายดอกห่างออกไปไกล แต่จากนั้นก็หลับตาโดยไม่ลังเล


“ต้าวเฟย!” ขณะที่เหลียนต้าวเฟยยกแขนขึ้นมาจะบีบคอราชครู จักรพรรดิเทพอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงดังกึกก้องออกมาจากอารามเต๋าเทพ


“พี่กำลังทำอะไร? พี่จะเลือกนางสนมแต่กลับไม่บอกข้า…พี่ทำเกินไปแล้ว!!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกหันไปมองจักรพรรดิเทพที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร


“ต้าวเฟยอย่าทำให้วุ่นวาย วันนี้เป็นพิธีแต่งตั้งของผู้มีพระคุณของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ไปทักทายเขา?” คำพูดของจักรพรรดิเทพแฝงพลังอ่อนๆ ผลักดันเหลียนต้าวเฟยออกห่างราชครูหลายร้อยฟุต


“ผู้มีพระคุณ?” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกถึงกับตกตะลึง


…………………………………………


ตอนที่ 1977 จิตสังหารที่ซ่อนอยู่ในสายลมและหิมะ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ผู้มีพระคุณ เป็นเจ้าจริงๆ! ข้าตามหาเจ้ามานาน เป็นเจ้าจริงๆ!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกมองไปยังฝูงชนรอบๆ จากนั้นก็มองหวังหลิน


“เจ้าอยู่ไหน? ท่านพี่ ผู้มีพระคุณของข้าคือคนใด?”


หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ เขาเห็นชัดเจนว่าเหลียนต้าวเฟยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขา หวังหลินถอนหายใจพลางลงมาจากท้องฟ้าและร่อนลงเบื้องหน้า


หวังหลินกระซิบ “คนบ้า…”


ชายหนุ่มเสื้อลายดอกจ้องมองหวังหลินและร้องคำราม “คนบ้า? เจ้านั่นล่ะคนบ้า เจ้ากล้าสาปแช่งข้าได้อย่างไร? ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง ข้าคือราชาที่ทรงพลัง!”


“เอ๋…หรือว่าเจ้าคือผู้มีพระคุณของข้า?” เหลียนต้าวเฟยลูบตาและหมุนรอบหวังหลินสองสามครั้ง ชายหนุ่มชุดเขียวไม่กอดขาไว้อีกแล้วและรออยู่ข้างๆ


“ก็ได้ สมมุติว่าเจ้าเป็นแล้วกัน ตอนนี้ข้าได้ทักทายผู้มีพระคุณแล้ว ขอถามเจ้าหน่อยว่าใครกันที่รังแกปู่ของน้องดอกไม้ข้า? เป็นเขาใช่หรือไม่!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกชี้ไปยังราชครูที่กำลังขมวดคิ้ว


จักรพรรดิเทพส่งเสียงโกรธเกรี้ยวออกมาจากอารามเต๋าเทพ “ต้าวเฟย หากเจ้าทำให้รอบด้านปั่นป่วน ข้าจะขังเจ้าอีกรอบ! นี่มันพิธีแต่งตั้งและลั่วกงก็ท้าประลองเขาแต่พ่ายแพ้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับราชครู ลงมาซะ!”


“หา?” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาสับสนและไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงหันกลับมาคว้าชายหนุ่มชุดเขียวจากด้านหลัง


“ช่วยข้าจัดการที ข้าสับสนนิดหน่อย…ถ้าปู่ของน้องดอกไม้ไม่ได้ถูกราชครูตบตี แล้วใครที่ทำ? เขาท้าประลองผู้มีพระคุณ? นี่มันน่าสับสน…รีบช่วยข้าวิเคราะห์สถานการณ์”


ชายหนุ่มชุดเขียวมีท่าทีขมขื่นพลางมองหวังหลินและจากนั้นเหลียนต้าวเฟยก็พูดขึ้น


“ท่านราชา เราไปกันเถอะ…อ้อ ข้าจำได้ว่าเรายังมีเตาหลอมยาที่กำลังหลอมอยู่ หากกลับไปช้า เม็ดยาจะสูญเปล่า มันเป็นเตาหลอมยาที่ท่านจะมอบเป็นของขวัญให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อไม่ใช่หรือ”


“เม็ดยา? ใช่แล้ว ข้ายังหลอมเม็ดยาอยู่!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกคล้ายกับจำอะไรบางอย่างได้และหันกลับมา แต่เขาก็หยุดชะงักและหันมาคำรามใส่ชายหนุ่มชุดเขียว


“มีบางอย่างผิดพลาด ปู่ของน้องดอกไม้ถูกตบตี ข้ายังจำได้! เจ้า…เจ้า…ฮึ่ม น้องแดง หยุดแกล้งตายได้แล้วและหาว่าใครเป็นคนกลั่นแกล้งปู่ของน้องดอกไม้ ข้าจะตบรางวัลให้เจ้า!”


ชายหนุ่มเสื้อลายดอกสะบัดพัดในมือพลางคำรามใส่ฉวี่ลี่กั๋วที่แกล้งทำเป็นตาย


ฉวี่ลี่กั๋วลืมตาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาเผยรอยยิ้มประจบประแจงและรีบวิ่งขึ้นไป สายตามองชายชราจากตระกูลลั่วที่มีรอยยิ้มขมขื่นและจากนั้นมองหวังหลิน


ทว่าพอสายตาสบกับหวังหลิน ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นเทา ความสั่นเทานี้ออกมาจากส่วนลึกของวิญญาณ เขาจ้องหวังหลินอย่างตะลึงงันคล้ายกับฝันไป ราวกับเขาเคยเจอหวังหลินมาก่อน คนผู้นี้ช่างดูคุ้นตานัก…


“อสูร…ร้าย…” ฉวี่ลี่กั๋วพึมพำออกมาจากความทรงจำบางส่วนที่กำลังจะตื่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทว่านาทีนั้นชายหนุ่มเสื้อลายดอกก็คว้าเอาไว้และเขย่า


การเขย่าทำให้ฉวี่ลี่กั๋วตื่นจากอาการสับสน ใบหน้าซีดเผือดพลางชี้หวังหลินและรีบถอย


“เขา เป็นเขา ท่านราชา เขาเป็นคนทำร้ายปู่ของน้องดอกไม้!”


“ดี เป็นเจ้าสินะ!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกร้องคำรามและหยุดโบกใบพัด เขาคว้าคอหวังหลินด้วยท่าทีดุร้าย


“ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย บีบคอเจ้าให้ตาย!”


หวังหลินหลับตาและซ่อนความเศร้าเอาไว้ เขารู้ว่าเหลียนต้าวเฟยไม่มีความทรงจำใดๆ ของโลกถ้ำ


“ต้าวเฟยไป ไปได้แล้ว!” เสียงโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากอารามเต๋าเทพและมีจักรพรรดิเทพเดินออกมา เขาสะบัดแขนพัดเหลียนต้าวเฟยที่กำลังบีบคอหวังหลินให้ปลิวออกไปเหมือนใบไม้แห้ง ชายหนุ่มชุดเขียวและฉวี่ลี่กั๋วรีบจากไปโดยไม่กล้าอยู่ที่นี่


จักรพรรดิเทพขมวดคิ้วและร้องคำราม “องครักษ์เกราะดำ ส่งเขาไปที่วังและอย่าให้เข้ามาได้!”


“เจ้ารอเดี๋ยว เจ้ากล้าทำร้ายปู่ของน้องดอกไม้ ข้าจะจำเอาไว้…” เสียงจากเหลียนต้าวเฟยค่อยๆ หายไป พอหวังหลินลืมตา เหลียนต้าวเฟยก็หายไปแล้ว เหลือเพียงแสงกะพริบจากค่ายกลเคลื่อนย้าย


“ต้าวเฟยเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่เขากลับมา บางครั้งความทรงจำก็เลือนลาง บางครั้งก็ชัดเจน บางทีเมื่อความทรงจำกลับมาคงจะจำเจ้าได้” จักรพรรดิเทพถอนหายใจ ตอนนี้เขาไม่ใช่มหาชั้นฟ้าหรือจักรพรรดิเทพ แต่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง


หวังหลินขบคิด เขามาที่เมืองหลวงเพื่อมาเจอเหลียนต้าวเฟย แม้อีกฝ่ายจะสูญเสียความทรงจำหวังหลินก็ไม่เสียใจ ตอนนี้เขาต้องการจากไปแล้ว


“ไม่จำเป็นต้องประลองต่อไปแล้ว หวังหลิน ในเมื่อเจ้าผ่านตำหนักระดับสิบเจ็ดของบททดสอบชั้นฟ้า ข้าจะขอมอบตำแหน่งผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนที่ 49 แห่งเผ่าเทพให้!”


“ในเมื่อเจ้ามีผมสีขาวและยังมีเส้นขนจากอสูรสิงโตสวรรค์ เช่นนั้นข้าจะขอมอบฉายาเจ้าว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!”


“เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนของเผ่าเทพมีโอกาสเข้าไปยังสถานที่ปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ ที่นั่นเจ้าจะได้รับโชควาสนาครั้งใหญ่และช่วยวางพื้นฐานต่อการเป็นมหาชั้นฟ้า!”


“แม้แต่ระดับบ่มเพาะก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย คนที่มีสายโลหิตราชวงศ์มีโอกาสเข้าไปที่นั่นได้เพียงแค่สามครั้งในชีวิตเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่มีสายโลหิตราชวงศ์มีโอกาสเข้าไปครั้งเดียวคือหลังจากบรรลุขั้นผู้สูงส่งชั้นเทวะ!”


“เรื่องนี้หาได้ยากยิ่ง หวังหลิน ระหว่างเราอาจมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกันและข้าก็หวังว่าเรื่องนี้จะถูกแก้ไข การบ่มเพาะจุดที่บรรพชนเทพปิดด่านบ่มเพาะถือเป็นเรื่องดี เพื่อที่เจ้าจะได้มุ่งมั่นเป็นตะวันดวงที่หกของเผ่าเทพ!”


“กลายเป็นเสาหลักของเผ่าเทพและแผ่กระจายอำนาจของเผ่าเทพต่อไป!” จักรพรรดิเทพมีสีหน้าจริงใจพลางมองหวังหลิน


“ข้ามีน้องชายคนเดียวเท่านั้น” จักรพรรดิเทพถอนหายใจ


“จงไปจุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ ข้าจะให้ต้าวเฟยไปที่นั่นด้วย บางทีเจ้าอาจสามารถฟื้นคืนความทรงจำเขาในอดีตได้ ตอนที่ข้าพบเขามีสตรีคนหนึ่งอยู่ข้างกันด้วย นางก็ตื่นขึ้นเช่นกันและกำลังทำความเข้าใจอยู่ที่จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ” จักรพรรดิเทพมองหวังหลินอย่างอ่อนโยน


“ขอบคุณมากท่านจักรพรรดิเทพ ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อพิธีแต่งตั้งเท่านั้น ตอนนี้มันก็จบลงแล้ว ข้าคงต้องจากไปก่อน หากข้ามาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ข้าจะมุ่งหน้ามาจุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชน” หวังหลินคำนับฝ่ามือและปฏิเสธรางวัลในการเข้าตำแหน่งปิดด่านบ่มเพาะ


จักรพรรดิเทพขบคิดเงียบๆ เขาพยักหน้าและไม่พยายามชักชวนหวังหลินอีก


พิธีแต่งตั้งจบลงในเวลาบ่าย ขณะที่เหล่าเซียนออกไปจากลานกว้าง หวังหลินก็จากไปเช่นกัน เขาปฏิเสธการเชิญชวนของจักรพรรดิเทพที่จะอยู่ในวังและออกไปผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย


หวังหลินหยุดอยู่คฤหาสน์ลี่เช่นกัน จากนั้นพามังกรสมุทรและหลิวจินเปียวกลับไปในโรงเตี๊ยมที่อยู่เมืองรองทิศตะวันออก


“ข้าเห็นเขา…แม้จะสูญเสียความทรงจำ ตอนนี้เขาดูมีความสุขมาก แค่นั้นก็พอ…” หวังหลินยืนอยู่ข้างหน้าต่างและทอดสายตามองออกไปในท้องฟ้ามืดมิด เขายืนไปตลอดทั้งบ่าย


‘ถึงเวลาจากไปแล้ว…ช่างมันเถอะ ข้าจะไปรับฉวี่ลี่กั๋วและออกไปจากเมืองหลวง…จากนั้นก็ไป…เผ่าโบราณ!’ หวังหลินถอนหายใจ เขาเหนื่อยมากเนื่องจากเจออะไรหลายอย่างในเผ่าเทพและตอนนี้เขาก็มีตำแหน่งและระดับบ่มเพาะขึ้นมาหลายขั้น กระนั้นก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับการสูญเสียความทรงจำของสหาย


‘บางทีข้าคงเข้าใจจักรพรรดิเทพผิดไป…’ หวังหลินนึกย้อนไปถึงพิธีการแต่งตั้ง ความจริงเขาไม่มีเหตุผลที่จะไปต่อต้านจักรพรรดิ แต่มันเป็นเพียงแค่สัญชาตญาณ


‘แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่สามารถไปที่จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพได้ ไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ ข้าไม่สามารถลดความระมัดระวังตัวเพียงแค่ได้ยินไม่กี่คำ’ หวังหลินขบคิดพร้อมกับมีหิมะเริ่มตกลงนอกหน้าต่าง หิมะลอยไปในแสงไฟ จากนั้นหายวับเข้าไปในความมืดมิด


สายลมและหิมะย่างกรายเข้ามาอย่างเงียบๆ เมื่อมันรุนแรงขึ้น เสียงเคาะเบาๆ ดังออกมาจากประตู


เสียงไม่ได้พูดช้าหรือเร็วนักและนางก็พูดเบาๆ


“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ” หวังหลินหันกลับมา ประตูถูกผลักเปิดเบาๆ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อยืนอยู่ตรงนั้น เรือนผมยาวปลิวไสวไปด้านหลัง บนเรือนผมมีเกล็ดหิมะที่ยังไม่ละลายดี ทำให้ความงดงามของนางเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง


“เจ้ามาที่เมืองหลวง ทำไมไม่มาภูเขาจักรพรรดิบ้าง…วันนี้ภูเขาจักรพรรดิไม่มีดอกไม้แดงแต่มีหิมะ หวังหลิน ข้ามาตามคำสั่งของอาจารย์เพื่อเชิญชวนเจ้าไปที่ภูเขาจักรพรรดิ”


“ในเมื่อมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้เชิญขวนช้า ข้าก็ต้องไปอยู่แล้ว” หวังหลินยิ้มบาง


แสงจันทราส่องลงมาผ่านสายลมและหิมะ หิมะกองสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่นานคนที่ผ่านก็น้อยลงด้วยเช่นกัน หวังหลินและไฮ่จื่อก้าวเดินไปบนหิมะ ทั้งสองทิ้งรอยเท้าไว้ทางยาวแต่ไม่นานก็ถูกหิมะปกคลุมอีกครั้ง


“นอกจากสถานที่พิเศษไม่กี่แห่งในเมืองหลวง เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายพริบตาได้ มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ห่างไปไม่ไกล ดังนั้นเราจะไปถึงภูเขาจักรพรรดิในเวลาไม่นาน”


“จากที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ เจ้าตั้งใจจะไปแล้ว นั่นเป็นเมื่อใด?” ไฮ่จื่อลอบถามเบาๆ พลางเดินมาข้างหวังหลิน


“หลังจากไปภูเขาจักรพรรดิ ข้าก็จะไปต่อ…” หวังหลินก้าวไปบนหิมะจนเกิดเสียงแตกร้าว


รอบด้านเงียบสงัดและเหลือเพียงเสียงหิมะ ราวกับเสียงสายลมหได้หายไป ถนนสายยาวแห่งนี้มีบ้านทั้งสองฝั่งมืดสนิทและดูสลัว ภายในหิมะคล้ายกับมีจิตสังหารซ่อนอยู่ในนั้น!


หวังหลินพลันหยุดเดินและมีแววตาเย็นเยียบ เขารู้สึกถึงอันตรายรุนแรง ไฮ่จื่อหยุดลงเช่นกันและหันไปมองรอบๆ


“มีผนึกผันผวน!”


“ไม่มีใครรู้ว่าข้ามาหาเจ้า!” ไฮ่จื่อรีบอธิบาย


หวังหลินขบคิดแต่แววตาเย็นเยียบรุนแรงยิ่งกว่า จากนั้นทอดสายตามองออกไปไกล


สายลมและหิมะกำลังรุนแรงมากยิ่งขึ้น…


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)