Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1968-1969
ตอนที่ 1968 โกหก โกหก
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอเจอกับสองสาวน้อย ต้าวยี่พลันขมวดคิ้ว หวู่เฟิงมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาเข้าใจความหมายของนาง ดูเหมือนพวกเขารู้จักหวังหลินมาสักพักและกระทั่งพาเซียนที่หวังหลินคุ้นเคยมาด้วย
จิ่วตี้ยิ้มอย่างขมขื่นพลางมองสองสาวน้อย เขาเลือกที่จะไม่สนและพูดกับหวังหลิน
“หวังหลิน บอกข้าว่าเจ้าเลือกคนใด!”
“อาา เฒ่าโลงผุ เจ้ากล้าทำตัวไม่เชื่อฟังหรือ!?”
“เฒ่าโลงผุ ข้าจำเจ้าได้ เจ้าไม่สามารถเอาชนะเราได้!” สองสาวน้อยตาโตหลังจากได้ยินมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้พูด
“ชวงจื่อ หลังจากเจ้าเกิดใหม่ก็ทำให้วิญญาณแบ่งออกเป็นสอง เจ้ายังชอบทำนิสัยแบบนี้ได้อย่างไร!? คนผู้นี้ผ่านระดับสิบเจ็ดและตอนนี้เราก็อยู่กันที่นี่ ดังนั้นเราจะต้องกล่าวเงื่อนไขกันทีละคนเพื่อให้เขาตัดสินใจ เจ้า…” จิ่วตี้ขมวดคิ้วแต่ก่อนจะได้พูดจบ สองสาวน้อยกระโจนมาข้างหน้า
“ฮานฮาน เราไปตีเขากันเถอะ!” สาวน้อยวาวาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างทั้งสองในท้องฟ้าคล้ายกับทับซ้อนกันและมีกลิ่นอายระเบิดออกมา
สองสาวน้อยยกแขนขึ้นมาพร้อมกันและทำเป็นวงกลมกับร่างกาย แสงสีทองโผล่ออกมาจากวงกลมราวกับกลายเป็นดวงอาทิตย์สีทอง!
แสงจากดวงอาทิตย์เข้ามาแทนแสงทุกอย่างในโลกและห่อหุ้มมหาชั้นฟ้าสี่คน ไม่มีใครมองเห็นข้างในได้ชัดเจน
เกิดเสียงดังกึกก้องออกมาจากแสง มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ถูกเตะออกมาคนแรก ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแต่เขาก็ไม่ได้หันกลับมา ทะยานออกไปไกลแทน
คนที่สองที่ลอยออกมาคือมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง เขาถอยร่นออกมาจากแสงสีทองด้วยรอยยิ้มขมขื่น พลางถอนหายใจและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
‘เด็กดื้อสองคนนั้นใช้พลังของเก้าตะวันบนแผ่นดินเซียนดาราจริงๆ…นี่…นี่มันจะเกิดการต่อสู้จริงๆ…อ๊าก!!’
คนที่สามที่ออกมาคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ เขาขมวดคิ้วออกมา สะบัดแขนเสื้อและทำให้แสงสีทองทั้งหมดหายไป
“หวังหลิน ข้าจะรอเจ้าตอบกลับอยู่ที่ภูเขาจักรพรรดิ!” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ค่อนข้างรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แขนขวายื่นออกไปและหายวับไปกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา มหาชั้นฟ้าทั้งสามถูกชวงจื่อบังคับให้ล่าถอยด้วยการกระทำอันบ้าคลั่ง
แสงสีทองหายไป สองสาวน้อยลอยอยู่ในท้องฟ้าด้วยความภูมิใจ
“ฮึ่ม กุ้ยหยาน้อย เห็นไหมว่าเราแข็งแกร่งแค่ไหน? สามคนนั่นหวาดกลัวการใช้พลังของเก้าตะวัน แต่เราไม่กลัว!”
“ข้ารู้ พวกเขาถึงกับไม่กล้าสู้ด้วย จนหนีป่าราบออกไปเลย!”
กุ้ยหยารีบก้าวเดินไปและเริ่มยกย่อง
“มหาชั้นฟ้าชวงจื่อทรงพลังจริงๆ กุ้ยหยาขอชื่นชม ชื่นชมจากใจ อาา!” เขาไม่ต้องพูดอะไรมากจริงๆ ในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่บรรพชนน้อยทั้งสองคิดตอนที่เขาบอกว่ากังวลเรื่องการชักชวนหวังหลิน
ตอนนี้เขารู้ว่าวิธีนั้นเหมือนกับการโยนหินให้ทุกคนหวาดกลัว
กุ้ยหยาพูดขึ้นกลางมองหวังหลินด้วยความลำบากใจและคำนับฝ่ามือ
“กุ้ยหยาขอคารวะผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว เรื่องนี้…ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ ผู้อาวุโสเป็นคนมีชื่อเสียงและมีตัวเลือกหลายอย่าง แต่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อเป็นคนใสซื่อและเมตตาเหมือนเด็ก หากผู้อาวุโสยอมติดตาม เราจะไม่เห็นแก่ตัวกับผู้อาวุโสแน่นอน”
“เราจะพยายามทำให้ผู้อาวุโสพึงพอใจด้วยความสามารถของเราอย่างดีที่สุด” กุ้ยหยาโค้งตัว
หวังหลินขบคิดและมองทันหลางที่ใบหน้าขมขื่น
“กุ้ยหยาน้อย ทำไมเจ้าพูดอะไรเยอะแยะ? หวังหลินน้อย ตอนนี้ไม่มีมหาชั้นฟ้าคนอื่นอยู่ที่นี่แล้ว เราขอถามเจ้าว่า เจ้าจะมาหรือไม่มา?” สาวน้อยฮานฮานบุ้ยปากและชำเลืองมองหวังหลิน
ท่าทีของสาวน้อยดูน่ารักมาก เพียงแค่หวังหลินมองดูเขาก็คิดถึงโจวลี่ตอนที่นางเป็นเด็ก
“หวังหลินน้อย ข้าช่วยเจ้าเอาไว้นะ! เจ้าจำได้หรือไม่? เจ้าจำได้หรือไม่? ฮึ่มฮึ่ม หากเจ้าเป็นคนอกตัญญู ข้าจะไปตีเจ้า!” อีกด้านหนึ่งวาวาเบิกตากว้างและดูเหมือนนางกำลังโกรธ
หวังหลินยิ้มขมขื่น เบื้องหน้ากุ้ยหยามีท่าทีลำบากใจ เขารู้ว่าไม่มีผู้สูงส่งชั้นเทวะคนใดอยากจะโดนเชิญชวนด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ยิ่งเป็นคนแบบหวังหลินด้วยแล้ว มหาชั้นฟ้าคนใดจะไม่เสนอผลประโยชน์มหาศาลกันเล่า?
“เรื่องนี้…ผู้อาวุโสหวัง…” กุ้ยหยากำลังจะพูดกลบเกลื่อนสถานการณ์
สาวน้อยฮานฮานพ่นลมหายใจและลอยลงมาหาหวังหลิน แต่นางตัวเล็กเกินไปจึงต้องแหงนหน้ามอง รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ นางทะยานขึ้นไปทันทีเพื่อให้ศีรษะสูงกว่าหวังหลิน นางมีแววตาใสซื่อ กะพริบตาดูภูมิใจและเริ่มคุกคามหวังหลิน
“หวังหลินน้อย หากเจ้าไม่ตกลง ข้าจะตีเจ้า ข้าจะให้พ่อข้าตีเจ้าด้วย! กุ้ยหยาพูดว่าพ่อข้าแข็งแกร่งมาก บรรพชนเทพหรือบรรพชนโบราณอะไรกัน? แค่เขียนคำว่า ‘ตาย’ ทุกคนก็ตายกันหมด”
หวังหลินตกตะลึง
“โกหก โกหก…” กุ้ยหยาร่างสั่นเทาและคิดขึ้นมา ‘อา บรรพชนน้อย ท่านจะบอกเขาแบบนี้ไม่ได้’ เขาไม่ห่วงอะไรอื่นและรีบส่งข้อความให้หวังหลิน
“เด็กน้อยสองคนนี้…ที่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อพูดถึงคือพ่อธรรมดาของนางหลังจากเกิดใหม่ พวกนางสูญเสียความทรงจำส่วนหนึ่งไปหลังจากเกิดใหม่ และข้าก็กลัวว่าจะเศร้า จึงพูดอะไรมั่วๆออกไป ผู้อาวุโสได้โปรดอย่าใส่ใจ…”
“เอ๋ กุ้ยหยาน้อย เจ้ากำลังส่งข้อความสัมผัสวิญญาณอะไรออกไป? ขอข้าฟังด้วยคน” วาวาพลันมองกุ้ยหย้าด้วยความสนใจและอยากฟัง แต่กุ้ยหยารวดเร็วมากและระมัดระวังอยู่ตลอด
“ฮึ่ม กุ้ยหยาน้อย เจ้าไม่เชื่องและไม่ให้ข้าฟังด้วยคน! พ่อข้าแข็งแกร่งมากนะ ข้าจะให้พ่อข้าตีเจ้า!” วาวาเผยท่าทีภูมิใจและตบศีรษะกุ้ยหยา
หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่นพลางมองสองสาวน้อยทั้งสองและถอนหายใจ ทันใดนั้นเขาเทียบกับมหาชั้นฟ้าคนอื่น สองสาวน้อยทั้งสองคนนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นมิตร
โดยเฉพาะ…แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมาตอนที่มองทันหลาง
‘ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้มองเห็นปัญหา! แม้จะมีพลังของอาจารย์ซวนลั่วก็ไม่สามารถนำคนออกมาจากโลกถ้ำได้ เขาทำได้แค่ปกป้องคนที่ไปเกิดใหม่เท่านั้น แม้แต่ข้าเองอาจารย์ยังต้องใช้อะไรหลายอย่างเพื่อให้ข้าออกมา’
‘แต่ระดับบ่มเพาะของทันหลางไม่ได้สูงมาก การที่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อพาออกมายังเป็นเรื่องไร้ค่าอีก’ หวังหลินสูดหายใจลึกและกวาดสายตาผ่านสองสาวน้อยตรงหน้า โดยเฉพาะฮานฮาน ท่าทีภูมิใจของนางช่างน่ารัก
‘แม้มหาชั้นฟ้าชวงจื่อเจอกับเหตุบังเอิญระหว่างการเกิดใหม่ก็ยังมีพลังขนาดนี้…หากไม่เจอเรื่องบังเอิญ…เช่นนั้นคงแข็งแกร่งที่สุดในในมหาชั้นฟ้าของเผ่าเทพ ข้าสงสัยจริงว่านางจะเทียบกับมหาชั้นฟ้าตงหลินได้หรือไม่…’
‘สิ่งสำคัญที่สุด ข้าได้ละทิ้งเรื่องมหาชั้นฟ้าชวงจื่อแห่งสำนักตะวันม่วงไป มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เชื่อมต่อกับโลกถ้ำ…’
“เฮ้ หวังหลินน้อย เจ้าอยากพูดหรือไม่ หากเจ้าไม่พูด ข้าจะไปพาพ่อมาตีเจ้าจริงๆนะ!” ฮานฮานมองหวังหลินอย่างโกรธๆ
หวังหลินยิ้มอีกครั้งและพยักหน้าทั้งที่กุ้ยหยารู้สึกละอาย
“ก็ได้ ข้าจะยอมติดตามมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ!”
หวังหลินตอบทันทีพลางคำนับฝ่ามือกับฮานฮาน นางยิ่งดูภูมิใจมากกว่าเดิม
“ใช่แล้ว เจ้าควรจะพูดแบบนั้นเร็วๆ ช่างมันเถอะ ข้าจะไม่พาพ่อมาตีเจ้าหรอก”
วาวาซึ่งอยู่ด้านข้างกำลังมีความสุขมาก ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วนางจึงดึงฮานฮานมาหาทันหลางที่เต็มไปด้วยความกลัว
“สุนัขน้อย ผลงานของเจ้าวันนี้ไม่ค่อยดี แต่ข้าจะให้ดอกไม้แดงกับเจ้าสักหน่อย! ฮานฮาน เราควรให้ดอกไม้แดงกับเขากี่ดอกกันดี?”
“ให้สักห้าดอกก็แล้วกัน เจ้าคิดว่าอย่างไรวาวา?”
“ให้ไปหกดอก ข้าคิดว่าหกดอกมันนับง่าย เจ้าไปเอามาสามและข้าก็เอามาสาม”
กุ้ยหยาไม่สนบรรพชนทั้งสองที่กำลังเหยียดหยามทันหลาง เขาจ้องมองหวังหลินและไม่เชื่อว่าหวังหลินจะตอบตกลงแบบนี้
แม้จะคิดว่าตัวเองมาสาย เขาก็จินตนาการได้ว่าต้าวยี่ หวู่เฟิงและจิ่วตี้คงเสนออะไรอันน่าอัศจรรย์และล่อลวงเซียนได้ทุกคน
“ผู้อาวุโส ท่าน…” กุ้ยหยารู้สึกเหมือนฝันไป
หวังหลินมองเด็กสาวทั้งสองที่กำลังออกไปเล่นพลางตบศีรษะทันหลางไป จากนั้นเขาหันกลับมาหากุ้ยหยา “แต่ข้ามีคำขอเรื่องหนึ่ง ข้าไม่สามารถอยู่กับมหาชั้นฟ้าชวงจื่อได้นานนัก ข้ากำลังจะเดินทางไปแคว้นกลาง…จากนั้นก็จะปิดด่านบ่มเพาะและไม่สนโลกภายนอก”
“ตอนที่ข้าจากไป เจ้าไม่สามารถรั้งข้าได้ และหากมหาชั้นฟ้าลงมือกับข้าขณะที่ข้าอยู่ในแคว้นกลาง เจ้าจะต้องช่วยข้า บางทีข้าคงเป็นคนเดียวที่อยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าชวงจื่อในรอบหลายปี…”
“หากเจ้าตกลง ข้าก็ตกลง!”
“เป็นแบบนี้เอง…” กุ้ยหยาก้มหน้าขบคิด ผ่านไปสักพักจึงเงยหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น
“ขอรับ ข้าสามารถเป็นตัวแทนมหาชั้นฟ้าชวงจื่อและให้สัญญากับท่านได้! แต่ข้าหวังว่าถึงแม้ท่านจะปิดด่านบ่มเพาะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน…” หวังหลินเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อความหมายโดยไม่รอให้พูดจบ
“ในเหล่าห้ามหาชั้นฟ้าแห่งแดนเทพ ในชีวิตข้าจะไม่ติดตามคนอื่น ในเผ่าเทพ ข้าจะติดตามเพียงมหาชั้นฟ้าชวงจื่อเท่านั้น!” หวังหลินสัญญาขึ้นกับตัวเอง
“เยี่ยม!” กุ้ยหยาสูดหายใจลึกและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในสายตาเขาเรื่องนี้มันยอดเยี่ยมมาก แม้จะมีคนติดตามเพียงคนเดียวก็ยังดีกว่าไม่ได้ใครมาเลย
นอกจากนี้คนที่ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในผู้สูงส่งชั้นเทวะก็แทบจะรั้งไว้ตลอดเวลาได้ยากมาก
“ผู้อาวุโส เรากลับสำนักตะวันม่วงกันเถอะ เมื่อผู้อาวุโสอยากออกไปไหน ท่านสามารถไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้ในสำนักตะวันม่วง รวมถึงสถานที่ปิดด่านบ่มเพาะของมหาชั้นฟ้าชวงจื่อที่เคยใช้ก่อนจะเกิดเหตุบังเอิญ!” กุ้ยหยาคำนับฝ่ามือและเคารพยิ่ง
“ไปกันเถอะ…” หวังหลินมองกลับมาทางสำนักตงหลิน ราวกับเขากำลังอำลาชายชราผู้โดดเดี่ยวคนนั้น
………………………………………
ตอนที่ 1969 แผนการของจักรพรรดิเทพ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
พริบตาเดียวผ่านไปถึงสี่ฤดู ฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปและหิมะตกลงมา เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนไม่เพียงแต่จะไม่เลือนหายไปแต่ยังแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
หนึ่งปีที่แล้ว เซียนผมขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเผ่าเทพ ในบททดสอบชั้นฟ้าเขาได้ผ่านระดับห้าไปจนถึงระดับสิบเจ็ดและกลายเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางผู้สูงส่งชั้นเทวะ!
เขาเข้ามาแทนผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวอย่างสิ้นเชิงและยืนอยู่บนจุดสูงสุดใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า!
เขามีเรือนผมสีขาวและถูกเรียกว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว ชื่อเสียงยังแผ่กระจายออกไปไกลและมีชื่อเรียกว่า หวังหลิน!
ชื่อ “หวังหลิน” แผ่กระจายออกไปดุจลมพายุตลอดทั้งปี ไม่มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนใดไม่รู้จักเขา ไม่มีผู้สูงส่งชั้นเทวะคนใดที่ไม่รู้จัก แม้แต่บรรพชนผู้สูงส่งชั้นทองยังเคยได้ยินชื่อเสียง!
นอกจากเหล่าบรรพชน แม้แต่จ้าวสำนักและผู้อาวุโสล้วนรู้จักชื่อหวังหลิน!
ผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 ปรากฏขึ้นในเผ่าเทพ ทั้งยังผ่านระดับสิบเจ็ดจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
ลือกันว่าเขาเดินทางไปทั่วเผ่าเทพ กล่าวกันอีกว่าเขามีเกราะวิญญาณและได้รับการยอมรับระดับสูงจากวิญญาณต่างแดน!
ลือกันว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสุดยอด หลังจากผ่านไปหลายตำหนักเขาก็ไม่ต้องการไปต่อ แต่ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวไปล่วงเกินและสร้างความอับอายให้ จากนั้นเขาจึงผ่านระดับสิบเจ็ดและข่มเมิ่งต้าวได้อย่างสิ้นเชิง
ลือกันว่าไฮ่จื่อยังชื่นชมเขาแต่เขาก็ปฏิเสธนางอย่างเย็นชา
มีข่าวลืออีกว่าเขามาจากสำนักเล็กๆ ในแผ่นดินตะวันออก คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของสำนักแห่งนี้
ข่าวลือแผ่กระจายในเผ่าเทพไปอย่างต่อเนื่อง
คนผู้นี้ได้รับความสนใจจากมหาชั้นฟ้าทั้งหมด แต่กลับไม่เลือกต้าวยี่ หวู่เฟิงและจิ่วตี้ เขาไปเลือกมหาชั้นฟ้าชวงจื่อที่อ่อนแอเสียแทน!
พอเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เหล่าผู้คนทั้งหมดในเผ่าเทพที่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับหวังหลินจึงเกิดอาการมึนงง ทั้งยังทีข่าวลืออีกระลอกใหญ่
ช่วงปีที่ผ่านมาหวังหลินอยู่ในสำนักตะวันม่วงและไม่จากไปไหน ผู้สูงส่งชั้นเทวะหลายคนได้เข้ามาพบเจอหวังหลินและสนทนาเต๋ษไปด้วย
ทุกคนทีเข้ามาต่างก็ชื่นชมเขาและยังรู้สึกเคารพยิ่ง แต่บางส่วนยังอยู่ในสำนักตะวันม่วง ราวกับแต่ละคนได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่ในการสนทนาเต๋ากับหวังหลิน
สำนักตะวันม่วงกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจอีกครั้งก็เพราะหวังหลิน!
ข่าวลือเรื่องหวังหลินค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่ว 36 แคว้นในเผ่าโบราณด้วยวิธีการหลายอย่างตลอดทั้งปี การปรากฏตัวของผู้สูงส่งชั้นเทวะถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเผ่าโบราณ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหวังหลินเป็นคนมาแทนเมิ่งต้าวผู้แข็งแกร่งที่สุดใต้มหาชั้นฟ้า!
ใน 36 แคว้นของเผ่าโบราณมีเผ่าพันธุ์อยู่สามเผ่าซึ่งแบ่งกันควบคุม 12 แคว้น เมื่อข่าวคราวเรื่องหวังหลินมาถึงซวนลั่ว เขาจึงลืมตาขึ้นมา
ภายในแววตามีความภาคภูมิใจและชื่นชม
เขาชื่นชมที่หวังหลินสามารถทะยานไปสูงระดับนั้นได้ในเผ่าเทพ สิ่งที่เขารู้สึกภูมิใจมากที่สุดคือเขาเป็นคนค้นพบคนผู้นี้ในโลกถ้ำและรับมาเป็นศิษย์
‘เขาน่าจะกลับมาเร็วๆ นี้…’ ซวนลั่วไม่ได้บอกใครเรื่องหวังหลิน แม้แต่จักรพรรดิเทพของเผ่าเต๋าโบราณก็ตาม
เมื่อข่าวคราวเข้าไปยังพระราชวัง จักรพรรดิยังคงเลือกพระราชินี นางถูกนำมาจากทั่วแคว้นเพื่อทดลองผสานเข้ากับดวงวิญญาณ
กระนั้นแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังล้มเหลวและทำไม่สำเร็จ ทว่าเขาไม่ได้ล้มเลิกและค้นหาหญิงสาวออกไปไกลยิ่งกว่าที่สามารถผสานกับดวงวิญญาณได้
พอจักรพรรดิรู้ข่าวเรื่องหวังหลิน เขาไม่คิดว่าจะเป็นหวังหลินคนเดียวกันที่เขาเกลียดมาก แม้จะให้ความสนใจก็ไม่คิดมากเกินไปนัก
แต่เขาก็ระวังมากพอจนส่งกองกำลังทั้งหมดไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคนผู้นี้ อีกทั้งหวังหลินอาจได้เป็นมหาชั้นฟ้าคนที่หกของเผ่าเทพ!
ความแตกต่างระหว่างเผ่าโบราณและเผ่าเทพคือช่องว่างขนาดใหญ่ของมหาชั้นฟ้า ถ้าไม่ใช่เพราะมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวที่อยู่เหนือใครและไม่ข้องเกี่ยวกับสามเผ่า เผ่าโบราณคงถูกทำลายไปแล้ว
มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวอาศัยอยู่บนภูเขาโบราณตลอดทั้งปี ระดับบ่มเพาะสูงส่งและแข็งแกร่งที่สุดในเหล่ามหาชั้นฟ้าโดยไม่มีใครปฏิเสธ!
แม้แต่มหาชั้นฟ้าตงหลินในเผ่าเทพก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้ ยิ่งมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นคนเดียวที่บันทึกในประวัติศาสตร์ว่าสามารถสังหารมหาชั้นฟ้าอีกคนได้!
ตัวตนของเขาสามารถย้อนไปถึงรุ่นบรรพชนโบราณ ตอนที่เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า จิ่วตี้เป็นเพียงแค่ผู้สูงส่งชั้นทองเท่านั้น
หลังจากบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณหายตัวไป สงครามก็อุบัติขึ้นระหว่างเผ่าเทพและเผ่าโบราณ ช่วงสงครามเผ่าเทพมีมหาชั้นฟ้าเพียงแปดคน ส่วนเผ่าโบราณมีเพียงสี่คนเท่านั้น!
แต่พอสงครามมาถึงจุดสูงสุดและเหล่าเทพก็รุกรานอาณาเขตของเผ่าโบราณมาได้ครึ่งทาง มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้ออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ เข้าเผชิญหน้ากับเหล่าเทพนับไม่ถ้วนด้วยตัวคนเดียวและต่อสู้กับมหาชั้นฟ้าของเผ่าเทพถึงสองคน ท้ายที่สุดเขาก็สังหารทั้งคู่ได้ ระหว่างทางกลับมาเขาถูกมหาชั้นฟ้าของเผ่าเทพลอบโจมตีอีกคน แต่เขาก็สังหารมหาชั้นฟ้าอีกฝ่ายได้เช่นกัน!
หลังสงครามครั้งนั้น มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้สั่นคลอนแผ่นดินเซียนดารา! การต่อสู้ครั้งนั้นบังคับให้เหล่าเทพต้องกลับถิ่นฐาน สงครามจึงจบลง
หลายปีต่อจากนั้น เพราะกุ้ยต้าวยังไม่ตายจึงกลายเป็นอุปสรรคของเผ่าเทพ แม้จะมีมหาชั้นฟ้ามากกว่าก็ยังไม่กล้าเข้าไปรุกรานเผ่าโบราณ
ยังมีข่าวลือว่ามหาชั้นฟ้าตงหลินแห่งเผ่าเทพได้ท้าประลองกุ้ยต้าวและถูกสังหาร!
ข่าวเรื่องหวังหลินค่อยๆ แผ่กระจายออกไปในเผ่าโบราณที่มีมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวปกป้องเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่ชื่อ “หวังหลิน” ถูกผู้คนมากมายจดจำ
ช่วงปีนี้ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวคล้ายกับถูกลบเลือน ทุกอย่างได้ถูกแทนที่ด้วยหวังหลิน
ด้านแผ่นดินของเผ่าเทพ พื้นที่พระราชวังของเมืองหลวง ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวกำลังนั่งอยู่ในบ่อน้ำสีดำ น้ำในบ่อเกิดฟองขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีหมอกสีดำห่อหุ้มทั่วบริเวณ
ภายในบ่อน้ำ ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวดูเหมือนกำลังเจ็บปวดแสนสาหัส ร่างกายกำลังสั่นเทาแต่ไม่เคยออกไปจากบ่อน้ำและอดทนตลอดทั้งปี
“หวังหลิน…หวังหลิน…” เมื่อใดที่ความเจ็บปวดมาถึงขีดสุด เมื่อใดที่เขาไม่สามารถอดทนได้ เขาจะร้องคำรามถึงชื่อนี้ เวลานี้ในพระราชวัง เสียงคำรามของเขาดังกึกก้องอีกครั้ง
“เจ้าชิงทุกอย่างไปจากข้า! ข้าต้องเอาทุกอย่างกลับคืนมาแน่นอน!!!”
พอเขาคำรามต่อไป น้ำสีดำก็เดือดอย่างรวดเร็ว หมอกสีดำเข้าไปในรูขุมขนและเปลี่ยนแปลงร่างกายเขาอย่างช้าๆ
“กลับสู่กฎแห่งต้นกำเนิดเทพ แม้จักรพรรดิผู้นี้จะมีสายโลหิตของบรรพชนเทพก็ไม่สำเร็จ ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะให้สายโลหิตของบรรพชนเทพตอนที่ชักชวนเจ้า…” น้ำเสียงเย็นเยียบดังกึกก้องในห้อง
จักรพรรดิเทพก้าวเดินออกมาด้านข้างบ่อน้ำ
“ในเมื่อข้าสัญญากับเจ้าไว้แล้ว ข้าจะเติมเต็มคำสัญญานั้นให้ นี่คือกุญแจสำคัญว่าทำไมสายโลหิตของบรรพชนเทพถึงได้มีมหาชั้นฟ้า การบ่มเพาะอยู่ที่นี่จะมอบสายโลหิตของบรรพชนเทพให้เจ้า เจ้าจะสามารถกลับคืนสู่เจตจำนงดั้งเดิมได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเกลียดชังและความอาฆาตในใจเจ้า”
“หากเจ้าอยู่ได้นานมากพอ ก็จะสามารถกลับคืนสู่ต้นกำเนิดได้!”
“กลับคืนต้นกำเนิด…กลับคืนค้นกำเนิด…หวังหลิน ข้าจะไปฆ่าเจ้า!” ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวมีใบหน้าบิดเบี้ยวและร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง ทว่าดวงตาหมองหม่นราวกับสติกำลังเลือนหายไป
“ฆ่ามัน…ฆ่ามัน…” ขณะที่เมิ่งต้าวร้องคำราม จักรพรรดิเทพก็เผยรอยยิ้มประหลาดอีกครั้งและหายตัวไป
‘จักรพรรดิจะทำให้บรรพชนเทพรุ่งโรจน์อีกครั้ง! สหายเฒ่าจิ่วตี้นั่นเป็นคนหัวโบราณไปแล้ว ดังนั้นข้าจะเริ่มที่เขา เมื่อข้าสำเร็จ ใครจะกล้าไม่เชื่อฟัง?’
‘ส่วนต้าวยี่ มันเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก ตอนนั้นตำแหน่งมหาชั้นฟ้าควรจะกลายเป็นของพี่ใหญ่ แต่เขารู้เรื่องพี่ใหญ่ถูกสังหารและขโมยความดีความชอบไป!’
‘ข้าชื่นชมคนแบบนั้น เขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!’
‘ส่วนหวู่เฟิงไม่เคารพสายโลหิตราชวงศ์เลย คนแบบนั้นควรถูกกำจัด! ข้าจะใช้ตำแหน่งมหาชั้นฟ้าของเขามอบให้กับต้าวเฟย! แม้ต้าวเฟยจะเป็นน้องชายข้า ข้าก็ลงทุนกับเขาไปมากและถึงเวลาต้องเก็บเกี่ยวเสียแล้ว’
‘สุดท้ายก็เป็นชวงจื่อ ตราบใดที่วิญญาณไม่ผสานกลับเป็นหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล!’
จักรพรรดิเทพยิ้มออกมาพลางหายตัวไปจากห้องใต้ดิน
ทางด้านสำนักตะวันม่วงแห่งแผ่นดินทิศตะวันออก หวังหลินผู้ทำให้ทั้งเผ่าเทพสั่นสะเทือนได้อาศัยอยู่ที่นี่ เวลานี้เป็นฤดูหิมะและมีหิมะตกเป็นชั้นบางๆ ทั่วสำนัก
นอกจากตอนที่เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะคนอื่นมาสนทนาเต๋าแล้ว เขายังใช้เวลาตลอดทั้งปีอยู่กับสถานที่แห่งหนึ่ง มันเป็นสถานที่ต้องห้ามในเผ่าตะวันม่วง
นั่นคือแดนสวนสัตว์
เขาเคยเห็นแดนสวนสัตว์อย่างเลือนลางแต่หลังจากมาที่สำนักตะวันม่วง มันได้เปลี่ยนไปมาก หวังหลินใช้เวลาเกือบทั้งปีนั่งอยู่ตรงขอบของแดนสวนสัตว์
เขาสัมผัสได้ว่ามีม่านที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหน้าและอีกฝั่งคือสถานที่ที่เขาคุ้นเคย เป็นบ้านเกิดที่เขาคิดถึง…มีผู้คนที่เขารู้จัก แผ่นดินที่เคยอาศัยและดาวเคราะห์ที่เป็นของเขา
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาคล้ายกับจะวางไว้บนม่านพลัง สายตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและคิดถึง
‘กลิ่นอายของบ้าน…’ หวังหลินถอนหายใจและหลับตา เขาอยู่ที่นี่มาหนึ่งปีและรู้ดีว่าควรจากไปแล้ว
ห่างออกไปไกลมีเสียงหัวเราะดังระเบิดออกมา เป็นเสียงสาวน้อยที่เต็มไปด้วยความสุขและทำให้จิตใจหวังหลินสงบอย่างมาก
“เปียวจื่อน้อย อย่าแกล้งสุนัขน้อยสิ ของของสุนัขน้อยถูกเจ้าโกงไปหมดแล้ว”
“เปียวจื่อน้อย เราลงไปที่ภูเขาเพื่อหลอกลวงผู้คนกันเถอะ มันน่าสนุกมาก”
“ได้โปรดบรรพชนน้อยทั้งสอง อย่าเรียกข้าว่า ‘เปี่ยวจื่อน้อย…’ จริงๆแล้ว…จริงๆแล้วมันไม่ใช่ชื่อที่ดี…” หลิวจินเปียวมีใบหน้าขมขื่น ทั้งร้องไห้และวิงวอน
……………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น