Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1966-1967

 ตอนที่ 1966 การชักชวนของมหาชั้นฟ้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

แผ่นดินทิศตะวันออก แคว้นมหาปราชญ์


หวังหลินยืนอยู่บนยอดภูเขาที่ดูธรรมดา เขาเอามือไพล่หลังมองดูท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆสีขาว เพียงสายลมพัดผ่านถึงกับทำให้ชายเสื้อผ้าพริ้วสะบัดแต่กลับไม่สามารถทำให้เรือนผมสีขาวขยับได้แม้แต่น้อย


ดวงตาเป็นประกายดวงดาวและเปล่งสัมผัสอันลึกซึ้ง เขายืนมั่นคงดุจต้นสนอันเชียวชอุ่มตลอดทั้งปี


ภูเขาแห่งนี้ไม่สูงและเต็มไปด้วยต้นไม้ สายลมพัดพริ้วทำให้ใบไม้ส่งเสียงบรรเลงไพเราะเสนาะหู


หวังหลินดูสงบนิ่ง เขาไม่รู้สึกภูมิใจเรื่องการผ่านระดับสิบเจ็ดหรือรู้สึกโอหังที่เหล่ามหาชั้นฟ้าอยากจะเข้ามาชักชวนเขา เขาแค่ยืนมองท้องฟ้าด้วยความสงบนิ่งเหมือนในโลกถ้ำ


หลังจากผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน พอตะวันกำลังตกดิน หวังหลินมองเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนไป ก้อนเมฆสีขาวถูกความมืดปกคลุมอีกครั้ง แต่ดวงอาทิตย์กลับปรากฏในท้องฟ้าอันมืดมิด!


ดวงอาทิตย์นี้ปรากฏในอากาศเบาบางและเปล่งแสงพร่าเลือนจนทำให้พื้นดินดูเหมือนกลางวัน คลื่นความร้อนแผ่กระจายออกมาจากดวงอาทิตย์ ราวกับหวังหลินอยู่ใกล้มันมากเกินไป ทันใดนั้นมีร่างผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากดวงอาทิตย์


สวมชุดคลุมเต๋าและมีเรือนผมสีดำ เขาดูเหมือนชายหนุ่มที่หน้าตาค่อนข้างดี มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินเป็นคนแรก!


พอต้าวยี่ปรากฏตัว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแช่แข็ง สายลมหยุดเคลื่อนไหว ต้นไม้หยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักแม้แต่เสื้อผ้าของหวังหลินยังดูเหมือนถูกหยุดเวลา


ราวกับโลกแห่งนี้ถูกแช่แข็งด้วยพลังที่มองไม่เห็น!


สิ่งเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้อยู่คือมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ที่ก้าวออกมาจากดวงอาทิตย์ เขาลอยอยู่ในอากาศห่างหวังหลินไปร้อยฟุตและมองลงมาหาเขา


ขณะที่เขามองหวังหลิน อากาศรอบตัวหวังหลินถึงกับแตกร้าว เสียงแตกดังขึ้นมาทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มีแววตาเป็นประกาย


รอบหวังหลินมีรอยแตกร้าวขึ้นนับไม่ถ้วน ราวกับเขาถูกแช่แข็งและน้ำแข็งกำลังแตกสลาย


ครู่ต่อมาเสื้อผ้าหวังหลินก็เริ่มเคลื่อนไหวแม้ไม่มีสายลม หวังหลินเงยหน้าขึ้นมามองมหาชั้นฟ้าต้าวยี่!


ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มีแววตากะพริบแสงสีทอง เขาไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะฟื้นคืนจากแรงกดดันแช่แข็งได้รวดเร็วขนาดนี้


ต้องกล่าวว่าเขามาที่นี่ด้วยร่างที่แท้จริง ไม่ใช่สัมผัสวิญญาณหรือร่างอวตาร แต่เป็นร่างดั้งเดิม!


“คู่ควรที่เป็นอันดับหนึ่งในผู้สูงส่งชั้นเทวะที่ผ่านระดับสิบเจ็ดได้! การสามารถฟื้นคืนภายใต้แรงกดดันของข้าได้นับว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอในการเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า!”


“หวังหลิน ครั้งหนึ่งข้าได้สัญญากับเจ้าเมื่อก่อนว่าหากข้าไม่ตาย เจ้าจะไม่ตาย!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยิ้มออกมา ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าเคยล้มเลิกการชักชวนหวังหลินในบททดสอบชั้นฟ้า


หวังหลินครุ่นคิดเงียบๆ และคำนับฝ่ามือให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่


มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ เขามองหวังหลินและเริ่มพูด น้ำเสียงไม่ดังและไม่ก้องกังวาล แต่ละคำแฝงกฎและทำให้โลกสั่นสะท้าน


“นี่คือสมบัติที่ข้าหลอมด้วยตัวเอง!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เอ่ย จากนั้นยกแขนขวาปรากฏวงแหวนขึ้นบนนิ้วชี้ มันลอยขึ้นไปในอากาศและกลายเป็นวงแหวนขนาดสามสิบฟุต


“ข้าใช้วัตถุดิบจากแผ่นดินเทพบรรพกาลเพื่อสร้างวงแหวนนี้และข้าใช้เวลาแสนปีในการหลอม รูปร่างของมันเป็นการเลียนแบบสมบัติของบรรพชนเทพ แม้จะเป็นข้าเองยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำลาย!”


หวังหลินมองดูวงแหวนขนาดสามสิบฟุต ดวงตาเปล่งประกาย วงแหวนนี้อัศจรรย์มาก หวังหลินไม่สามารถมองทะลุได้เลย ราวกับมันเป็นภาพมายาและไม่ได้เป็นของโลกนี้ แรงกดดันของมันทำให้หวังหลินรู้สึกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับมหาชั้นฟ้า


พอมหาชั้นฟ้าต้าวยี่สังเกตแสงในตาหวังหลินได้ เขาจึงสะบัดแขนซ้าย ปรากฏเศษไม้ไผ่เขียวขึ้นในมือ สีสันของไม้ไผ่กำลังส่องสว่างและเปล่งกลิ่นหอม


“เศษไม้ไผ่นี้คือสมบัติสวรรค์ เมื่อเจ้าผสานกับร่างกาย แก่นแท้ของเจ้าจะพัฒนาการและมีเต๋าของข้าด้วย! หากเจ้าสามารถทำความเข้าใจมันได้ แม้จะไม่ได้เป็นมหาชั้นฟ้าก็ใกล้เคียง!”


วินาทีที่ไม้ไผ่เขียวปรากฏ แววตาหวังหลินถึงกับเคร่งเครียด เพียงแค่กลิ่นของมันก็ทำให้แก่นแท้ในร่างแข็งแกร่งขึ้นมา ของชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อแก่นแท้มากกว่าสิ่งอื่นใด


หากหวังหลินผสานเข้าไปด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล!


มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ให้ความสนใจหวังหลินมากและยิ้มออกมา เรื่องเหล่านี้ทำให้หวังหลินสนใจอย่างมากจนเขาต้องล่อลวงด้วยสมบัติ!


ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติทั้งสองไม่มีค่ากับเขาและหากคิดว่าแลกกับได้หวังหลินมาถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่มีค่ายิ่ง อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าหวังหลินไม่ใช่เซียนธรรมดาและเขาไม่ใช่มหาชั้นฟ้าคนเดียวที่เข้ามาชักชวนหวังหลิน หากเขาไม่นำสมบัติของจริงออกมา เขาคงถูกมหาชั้นฟ้าคนอื่นข่มเอาได้


“นอกจากสมบัติทั้งสองชิ้น ยังมีอีกหนึ่ง!” พอมหาชั้นฟ้าต้าวยี่พูดขึ้นมา แม้แต่เขายังรู้สึกเจ็บหัวใจ พอบอกว่ามันเป็นสมบัติจริงๆ แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจมันอย่างสิ้นเชิง


เพียงสะบัดแขนเสื้อปรากฏวังวนยักษ์ขึ้นเบื้องหน้าและมีกะโหลกขนาดเท่ากำปั้นลอยออกมา กะโหลกห่อหุ้มด้วยแสงหนึ่งชั้น วินาทีนั้นมันมีกลิ่นอายแห่งความตายแผ่กระจายมหาศาล


กลิ่นอายแห่งความตายกวาดออกไปทั่วและทำให้โลกที่ถูกแช่แข็งจากแรงกดดันของต้าวยี่ต้องพังทลาย พอทุกอย่างกลับมาเคลื่อนไหวได้ ก็ถูกกลิ่นอายแห่งความตายเข้ามาปะปน


กะโหลกนี้ดูไม่เหมือนของผู้ใหญ่แต่เป็นเด็กทารก!


“ของชิ้นนี้ไม่ได้มาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล แต่ในอดีตตอนที่ข้าได้ออกไปจากแผ่นดินเซียนดารา ข้าได้พบดินแดนทรุดโทรมแห่งหนึ่ง”


“พอมันถูกข้าเอาไป แผ่นดินก็เลือนหาย…ของชิ้นนี้มีพลังอำนาจที่ข้าไม่อาจเข้าใจ แต่ข้ารู้สึกว่าหากสามารถดูดซับพลังนี้ได้ บางทีข้าสามารถทะลวงขีดจำกัดของมหาชั้นฟ้าจนกลายเป็นแบบเดียวกับบรรพชนเทพ…”


“บางทีข้าแค่มีชะตากับมันแต่ไม่เข้าใจ มันอยู่ในมือข้ามานาน…หากเจ้าติดตามข้า ข้าจะยกให้เจ้า!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เผยสายตามุ่งมั่น เขายอมแลกสิ่งมีค่ามหาศาลเพื่อชักชวนหวังหลิน


หวังหลินมองกะโหลกเด็กทารก เขาไม่สามารถมองทะลุผ่านกะโหลกได้แต่มันมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนวิญญาณเขาได้ลืมไปแล้วแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน


หวังหลินพยายามดิ้นรน ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปาก


“ขอบคุณมากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ แต่ขอข้าพิจารณาเรื่องนี้ก่อน!”


มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยักคิ้วพลางมองหวังหลินและพยักหน้า


“ก็ดี ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า ต้องมีมหาชั้นฟ้าคนอื่นมาชักชวนเจ้าอยู่แล้ว การต้องคิดก่อนเป็นเรื่องธรรมดา”


ขณะที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่พูดขึ้น เสียงคำรามดังออกมาจากนอกพื้นที่และถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เสียงคำรามคล้ายสายฟ้าและกลิ่นอายแห่งความตายเริ่มจะปั่นป่วน


ระลอกคลื่นดังกึกก้องในท้องฟ้า คนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา!


เขาเป็นชายสูงโปร่งและหัวล้าน สวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่และก้าวเดินออกมา แต่ละก้าวทำให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับไม่มีพลังอะไรในโลกสามารถหยุดได้


เพียงก้าวออกมาเจ็ดก้าว โลกคล้ายกับพังทลาย ทุกอย่างล่าถอย กลิ่นอายแห่งความตายถูกดันกลับมาราวกับมันไม่กล้าขัดขวางเขา ชายหัวล้านเปล่งกลิ่นอายกดขี่ใกล้เข้ามา


หลังจากออกมาเจ็ดก้าว เขายืนอยู่ด้านข้างหวังหลินไม่เหมือนต้าวยี่ที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า ชายหัวล้านคนนี้กำลังยืนอยู่บนยอดเขาคล้ายกับหวังหลิน


“ขอคารวะมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง ขอบคุณมากที่ท่านช่วยข้าในบททดสอบชั้นฟ้า ข้าจะจำเอาไว้” หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับชายหัวล้าน


มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงหัวเราะ น้ำเสียงคล้ายกับสายฟ้าและทำให้ท้องฟ้าสั่นเทา


“ไม่มีอะไรหรอก ข้าไม่เหมือนจักรพรรดิเทพนั่นอยู่แล้วและแค่พูดสิ่งที่ข้าคิด” เรื่องนี้แตกต่างระหว่างเขากับต้าวยี่ ไม่ว่าต้าวยี่จะพูดอะไร เขามักจะอิงตัวเองกับชื่อเสียง  ไม่ว่าที่ไหนหวู่เฟิงดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม


“เจ้าต้องเดาได้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร ไม่ต้องพูดเรื่องไขหรอก ข้ามีสุราดีที่ปกติไม่ให้คนอื่นได้ลิ้มลอง เจ้าอยากดื่มหรือไม่?” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงสะบัดแขนปรากฏน้ำเต้าสีเขียวขึ้นมาพลางยิ้มให้หวังหลิน


หวังหลินยิ้มและยื่นมือออกไป น้ำเต้าทะยานเข้ามาหาและเขาก็ดื่มไปอึกใหญ่


“ดี ไม่ว่าเจ้าจะได้อยู่ใต้ข้าหรือไม่ เจ้าสามารถมาธารน้ำแข็งทิศเหนือได้ทุกเมื่อ!” หวู่เฟิงมองหวังหลินและยิ้ม ตอนนี้เขาเงยหน้าขึ้นมองต้าวยี่


“ต้าวยี่ หากมีมหาชั้นฟ้ามากกว่าหนึ่งคนที่ต้องการชักชวนผู้สูงส่งชั้นเทวะ ตามข้อตกลง เจ้าต้องมีโอกาสให้เงื่อนไข เจ้าจบแล้วหรือไม่?” ขณะที่พูดขึ้นเขามองสมบัติทั้งสามชิ้น เมินเฉยวงแหวนและไม้ไผ่เขียว สายตาจับจ้องไปที่กะโหลก


“หมดแล้วหรือ? หากเจ้านำออกมาหมดแล้ว ข้าจะเสนอของข้าบ้าง”


ขณะที่หวู่เฟิงพูดขึ้น เขามองต้าวยี่ไปด้วย


พอหวังหลินได้ยินเช่นนี้ จิตใจจึงสั่นรัว หายากนักที่จะมีมหาชั้นฟ้าหลายคนมาเชิญชวนคนเดียวกัน หวู่เฟิงที่ชี้ไปทางต้าวยี่นั่นหมายความว่าเขาก็มีเจตนาของตัวเองด้วย


‘เขากำลังมาช่วยข้าใช่หรือไม่…’ หวังหลินมองมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง


…………………………………………



ตอนที่ 1967 หวังหลินน้อย!

โดย

Ink Stone_Fantasy

มหาชั้นฟ้าต้าวยี่พ่นลมหายใจเย็น ด้วยไหวพริบของเขาจึงมองเห็นความหมายในคำพูดของหวู่เฟิงได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้แบบนี้


‘ข้ามาเร็วไป…ข้าควรจะมาหลังจากนี้สักหน่อย…ข้าจะได้พิจารณาได้ดีกว่าจากที่คนอื่นเผยเงื่อนไขตัวเอง’ เหตุผลที่ต้าวยี่มาเป็นคนแรกเพราะเขาคือคนที่ชักชวนหวังหลินก่อน เขารู้สึกว่าหวังหลินสนใจเรื่องสมบัติอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากมาเร็วๆ และให้หวังหลินตกตะลึง เวลานี้เสื้อผ้าเริ่มสะบัดพริ้วและจากนั้นก็สงบลง เขาอ้าแขนออกมีผลึกสีสันสวยงามลอยอยู่ในฝ่ามือ


แต่เขาไม่คิดว่าหวู่เฟิงจะพูดแบบนั้น


“ข้ายังไม่จบเลย ข้ายังไม่ได้นำของชิ้นสุดท้ายออกมา!” ต้าวยี่เผยสายตามุ่งมั่นและยกแขนขวา กำหมัดอย่างหนักแน่น


“หวังหลิน ของชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นจากเจตจำนงเต๋าของข้า หากเจ้าตาย ข้าก็จะบาดเจ็บและหากข้าบาดเจ็บ เจ้าก็ไม่ส่งผลกระทบด้วย ของชิ้นนี้ส่งผลกับข้าเท่านั้น”


“ด้วยสิ่งนี้ ใครที่กล้าโจมตีเจ้าจะถือเป็นศัตรูของข้าด้วย!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เจ็บปวดใจ นี่คือไม้ตายก้นหีบและเขาหวังว่าจะไม่นำมันออกมา แต่คำพูดของหวู่เฟิงบังคับให้เขาต้องนำออกมาเสียนี่!


พอมันปรากฏ หวู่เฟิงหรี่ตาลง เขามองต้าวยี่และจากนั้นก็มองหวังหลิน


“หายากนักที่มหาชั้นฟ้าจะนำผลึกเต๋าออกมา มันสามารถประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ แต่ข้าแนะนำว่าให้เจ้ารอมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้”


“หวู่เฟิง!! เจ้าหมดหวังที่จะชักชวนเขาแล้วใช่หรือไม่? เจ้าทำแบบนี้ก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขาใช่หรือไม่!?” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ร้องคำราม


“เป็นแบบนั้นแล้วอย่างไร?” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงหัวเราะ เขาคิดแบบนี้จริงๆ หากหวังหลินติดตามเขา เขาก็จะดูแลหวังหลินด้วยความจริงใจ หากหวังหลินไม่ติดตาม เช่นนั้นคำพูดของเขาก็จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ดีกับทั้งสองฝ่าย


“ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าจะนำอะไรออกมา!” ต้าวยี่ถึงกับรันทด แต่ด้วยสถานะมหาชั้นฟ้าที่เท่ากับหวู่เฟิง หากหวู่เฟิงวางตัวไว้แบบนี้ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นัก


“ข้าไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรให้เจ้านัก และโชคของข้าในแผ่นดินเทพบรรพกาลก็ไม่ได้ดีเท่าเจ้า” หวู่เฟิงพูดอย่างสงบนิ่ง เขามองในตาหวังหลินด้วยความจริงใจและชัดเจน


“หากเจ้าติดตามข้า เจ้าจะไม่ได้อยู่ใต้ข้า ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ให้อาจารย์! ถึงระดับบ่มเพาะของเราจะแตกต่าง แต่สถานะของเราเหมือนกัน!”


“นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้” หวู่เฟิงมองหวังหลิน เขาให้ความสำคัญกับคนแบบนี้ เขารู้สึกว่าหวังหลินมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นมหาชั้นฟ้า และคนแบบนี้คู่ควรให้คำมั่นเช่นนี้


คำพูดของหวู่เฟิงทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ตกตะลึงและเงียบสนิท เงื่อนไขแบบนี้ดียิ่งกว่าสมบัติที่เขาเสนอไปจริงๆ


‘หวู่เฟิงเป็นคนใจกล้า แม้เด็กคนนี้จะพิเศษ เขาก็ไม่คู่ควรได้สิ่งระดับนี้ เจตจำนงเต๋าของข้าถึงขีดสุดในฐานะมหาชั้นฟ้าแล้ว!’


‘แต่นี่ก็น่าสนใจที่เขากล้าเดิมพัน กล้าเสี่ยงเดิมพันว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นมหาชั้นฟ้า!’


‘สถานะเทียบเท่า…ให้อาจารย์รับเขาเป็นศิษย์ หากเขาเสนอให้กับหมิงต้าว เช่นนั้นหมิงต้าวก็คงเคลื่อนไหว หวังหลินอาจไม่ต้องติดตามจักรพรรดิเทพและกลายเป็นศิษย์น้องของหวู่เฟิง!’


‘หากหวังหลินตกลง เขาจะได้ประโยชน์หลายอย่าง!!’


หวังหลินสูดหายใจลึก เขาไม่คิดว่าหวู่เฟิงจะพูดแบบนี้ หวู่เฟิงยังมีท่าทีจริงใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดอย่างลวกๆ และคิดมาดีแล้ว


“สิ่งที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องโกหก ข้าสามารถสาบานด้วยสายโลหิต!” หวู่เฟิงพูดเน้นย้ำให้กับหวังหลิน


‘หวู่เฟิงนี่มันบ้าไปแล้วหรือ?’ ต้าวยี่มีสีหน้าออกอาการและมีสายตาไม่เชื่อ


หวังหลินมีท่าทีซับซ้อนเล็กน้อยพลางมองหวู่เฟิงและขบคิดเงียบๆ หากเขาตั้งใจจะอยู่เผ่าเทพไปอีกนาน คำสัญญาของหวู่เฟิงคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่า…


“ขอบคุณมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงที่ห่วงใย…ขอข้าพิจารณาก่อน” หวังหลินถอนหายใจและคำนับฝ่ามือให้หวู่เฟิง


“ไม่มีปัญหา มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้แข็งแกร่งที่สุดในพวกเรา เขาอาจจะให้เงื่อนไขที่ดีกว่า” หวู่เฟิงถอนหายใจพลางมองหวังหลินและยิ้มออกมา


“เขาอยู่ที่นี่”


ขณะที่หวู่เฟิงพูดขึ้น ระลอกแสงปรากฏในท้องฟ้าและมีสองร่างก้าวออกมา เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อและอาจารย์ของนาง


“หวังหลิน!” ไฮ่จื่อเปล่งเสียงอย่างเป็นสุข นางก้าวเข้ามาถึงข้างหวังหลิน


“เจ้าหายตัวไปนาน และพอเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาก็ไปบททดสอบชั้นฟ้า เจ้ายังผ่านระดับสิบเจ็ดได้จริงๆ!”


“ก็แค่โชคดี” ไฮ่จื่ออยู่ใกล้หวังหลิน ดังนั้นกลิ่นหอมของนางจึงลอยเข้ามาหา หวังหลินไม่ได้ก้าวถอยหลังแต่ยืนอยู่เฉยๆ เขายังจำคำพูดของนางได้ตอนที่ทุกคนต่อต้านหวังหลิน


ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อมองหวังหลินและพูดขึ้นเบาๆ “ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ เจ้าจำได้หรือไม่ตอนที่ข้าเล่าเรื่องภูเขาจักรพรรดิให้ฟัง? เราจะไปดูใบไม้ร่วงด้วยกัน ใช่หรือไม่?”


หวังหลินลังเลเล็กน้อยและถอนหายใจพลางมองดูความงดงามไร้ที่ติตรงหน้า


“ครั้งหน้าข้าจะไป”


“ไม่ใช่ตอนนี้?” ไฮ่จื่อกัดริมฝีปาก


หวังหลินขบคิด ด้วยประสบการณ์และอายุขนาดนี้ เขาจะมองไม่เห็นความหมายในคำพูดของนางได้อย่างไร? แม้นางยังไม่ได้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอะไรนัก นางก็ทำให้หวังหลินเกิดความประทับใจแล้ว


ความประทับใจอันดีบางทีอาจเปลี่ยนกลายเป็นความรู้สึกดีดีไปด้วย


แต่หวังหลินไม่ยอมให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางกลายเป็นเหมือนสตรีในโลกถ้ำที่จบลงด้วยการไม่มีความสุข


การเงียบของหวังหลินทำให้ไฮ่จื่อถอนหายใจอยู่ในใจไปด้วย แต่นางก็ยิ้ม ยกแขนขึ้นมาตบหลังหวังหลิน


“เจ้า อาาา ข้าแค่ต้องการเชิญเจ้าไปที่ภูเขาจักรพรรดิและแนะนำเจ้ากับหญิงสาวสักสองสามคน ฮึ่ม หากเจ้าไม่อยากไปก็ช่างเถอะ ข้าจะไปหาคนอื่นแทน”


หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่น


“ไฮ่จื่อ อย่าทำให้เรื่องวุ่นวาย!” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ยังมองดูเช่นเดิมแม้จะมีสีหน้าเคร่งขรึมแต่กลับไม่มีบารมีแห่งมหาชั้นฟ้าเล็ดลอดออกมาจากเขา แม้ตอนที่เขาเคร่งขรึมก็ยังดูปกติ


“หวังหลิน ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าตกลงหรือไม่?” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้เป็นคนที่มาจากยุคเดียวกันกับจักรพรรดิเทพ


“หากเจ้าตกลง ข้าสัญญาว่าเมื่อแผ่นดินเทพบรรพกาลเปิดขึ้น ข้าจะช่วยส่งเจ้าเข้าไปข้างใน! และช่วยเจ้ากลายเป็นมหาชั้นฟ้า!” นี่คือคำมั่นสัญญาที่มีเพียงมหาชั้นฟ้าเท่านั้นที่กล้าบอกเพราะมีเพียงมหาชั้นฟ้าที่รู้ว่ามันมีค่าแค่ไหน


นี่คือสิ่งที่เขาพูดกับผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว แต่ด้วยเงื่อนไขของจักรพรรดิเทพ เมิ่งต้าวกลับไม่เลือกจิ่วตี้


“ด้วยการช่วยเหลือของข้า พอแผ่นดินเทพบรรพกาลเปิดขึ้นมา เจ้าจะมีโอกาสกลายเป็นมหาชั้นฟ้าเพิ่มขึ้นสามในสิบส่วน! และหากเจ้าเป็นศิษย์ข้า แม้แต่จักรพรรดิเทพก็ไม่กล้าลงมือกับเจ้า!”


“ไม่ว่าระหว่างเจ้าสองคนมีความบาดหมางอะไรกัน เพียงมีข้าอยู่ด้วย ข้าสามารถช่วยเจ้าชำระคืนได้ทั้งหมด!”


“ท่ามกลางเหล่ามหาชั้นฟ้า นอกจากตงหลินที่ตายไปแล้ว มีเพียงชวงจื่อที่สามารถเทียบเคียงกับข้าได้ แต่หลังจากการเกิดใหม่ครั้งสุดท้ายของนาง ชวงจื่อเกิดเหตุบังเอิญและทำให้วิญญาณกลับไปอยู่ช่วงแรกเริ่ม นางอ่อนแอมากในตอนนี้”


“ข้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้เอ่ยขึ้น


หวังหลินมองต้าวยี่ หวู่เฟิงและจิ่วตี้ ทั้งสามคนให้เงื่อนไขที่ต่างกัน สมบัติของต้าวยี่ สถานะเท่าเทียมของหวู่เฟิงและคำสัญญาของจิ่วตี้


หากเขาตั้งใจจะอยู่ในเผ่าเทพอีกนาน เมื่อนั้นจิ่วตี้จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แม้แต่ตัวเลือกของหวู่เฟิงยังบอกหวังหลินว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ มีเพียงของต้าวยี่ที่หวังหลินจะไม่เลือกโดยไม่ต้องคิด เพราะเขารู้ว่าอาจารย์ซวนลั่วและต้าวยี่เคยสู้กันมาก่อน แม้แต่ราชันย์เทพสีรุ้งที่ได้ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าก็ยังอยู่ในช่วงนั้นด้วย


แต่ต้าวยี่เป็นคนที่หวังหลินสามารถเลือกได้และไม่รู้สึกแย่อะไรนัก สมบัติของเขาก็เป็นสิ่งที่หวังหลินต้องการ แต่หากจักรพรรดิเทพลงมือจริงๆ หวังหลินก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะช่วยได้


‘จิ่วตี้แข็งแกร่งที่สุดในมหาชั้นฟ้า…ข้าต้องวางตำแหน่งของเขาไว้ให้ดี…แต่เขาก็อยู่แคว้นกลางด้วย ดังนั้นคงจะช่วยข้าเดินทางไปเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี!’ หวังหลินขบคิด เขาคำนับฝ่ามือให้จิ่วตี้และกำลังจะเอ่ยปาก


ทว่าในจังหวะนั้น จิ่วตี้เงยหน้าขึ้นมา ตามมาด้วยหวู่เฟิงและต้าวยี่ที่มองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากนั้นไม่นานมีลำแสงสามเส้นทะยานเข้าใกล้


“หวังหลินน้อย อาา เป็นเจ้าจริงๆ!” เสียงหัวเราะเริงร่าดังออกมาจากฟากฟ้า ลำแสงสามสายเข้าใกล้เป็นมหาชั้นฟ้าชวงจื่อและผู้สูงส่งชั้นฟ้ากุ้ยหยา


สาวน้อยวาวาปรากฏตัวข้างหวังหลิน นางปรบมือและวนรอบหวังหลินหนึ่งรอบ


“หวังหลินน้อย เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?”


“หวังหลินน้อย เจ้าจำเขาได้หรือไม่?” สาวน้อยฮานฮานยืนข้างวาวา นางจับเซียนที่เอามือปิดบังใบหน้าและโยนมาข้างๆ


หวังหลินมองเซียนที่ถูกโยนออกมาและเลื่อนมือบังใบหน้าออก


“ทันหลาง…”


“เอ๋…สหายเซียนหวัง ไม่เจอกันนาน…” เพียงทันหลางเอ่ยปาก หยาดน้ำตาก็รื้นขึ้นมา


“เอาล่ะ หัวล้าน หนุ่มหน้าตายและเฒ่าโลงผุ พวกเจ้าไปได้แล้ว หวังหลินน้อยเป็นของเรา!” สาวน้อยวาวาเอามือเท้าสะเอว แขนขวาชี้ขึ้น นางวางท่าราวกับเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนฉลาด


“ใช่แล้ว เขาเป็นของเรา หากเจ้าคนใดกล้าทำตัวไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นฮึ่ม ฮึ่ม…ข้าจะตีเจ้า!” สาวน้อยฮานฮานยกแขนขึ้นมาราวกับกำลังจะตีใครสักคน


การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้หวังหลินตกตะลึง


ผู้สูงส่งชั้นฟ้ากุ้ยหยาถอยออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวและทำให้แค่มองบรรพชนน้อยทั้งสองจัดการเอง


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)