Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1956-1957

 ตอนที่ 1956 เจิดจรัส! (6)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“มีอยู่เจ็ดคนที่หยุดอยู่ด่านสิบสาม นอกจาก 47 คนที่ว่ามามีอีกสองคนที่ถือกันว่าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด คนแรกคือผู้สูงส่งชั้นเทวะฉายเว่ย ซึ่งหยุดอยู่ชั้นสิบสี่! ส่วนอีกคนคือผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว หยุดอยู่ชั้นสิบหก!”


“ตั้งแต่ด่านสิบเอ็ดขึ้นไป ทุกตำหนักนั้นยากมาก มันไม่ง่ายเหมือนการทำลายดาวเคราะห์ในสิบด่านแรก แต่…เป็นการต่อสู้กับ อสูรต่างแดน 72 ตัวที่บรรพชนเทพเผชิญหน้า!”


“ท่ามกลางอสูรต่างแดน 72 ตัวมีทั้งตัวที่อ่อนแอและแข็งแกร่ง แม้แต่ละตัวที่อยู่ในบททดสอบชั้นฟ้าจะเป็นแค่ภาพมายาและอ่อนแอมาก พวกมันต่างก็คืออสูรที่เคยต่อสู้กับบรรพชนเทพ!”


“หากท่านสามารถเอาชนะอสูรต่างแดน 72 ตัวได้และก้าวเดินบนเส้นทางที่บรรพชนเทพเคยเดิน เช่นนั้นเมื่อท่านผ่านตำหนักที่สิบเก้าไปได้ ท่านจะแข็งแกร่งจนแม้แต่มหาชั้นฟ้ายังต้องระมัดระวัง!”


“และตั้งแต่ด่านที่สิบเอ็ดไป มันคือโชควาสนาอย่างมหาศาล แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ไป คนที่ผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดไปแต่ไม่ได้อะไรเลยก็ยังมี”


“ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าคนนั้นจะได้วิชาจากบรรพชนเทพในตำหนักระดับสิบเอ็ด!”


“แต่มีคนเดียวที่เคยผ่านด่านสิบเก้าได้ ต่อจากนั้นก็กลายเป็นมหาชั้นฟ้า นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครได้ผ่านด่านสิบเก้าอีกเลย!”


“แม้แต่มหาชั้นฟ้าในปัจจุบันก็ผ่านไม่ได้! มหาชั้นฟ้าต้าวยี่และมหาชั้นฟ้าแปดสุดขั้วที่ตอนนั้นมีเพียงแค่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าอยู่ใต้อำนาจ คนที่ผ่านไปได้คงต้องมีโชคชะตาขีดเส้นใต้เอาไว้ให้เป็นมหาชั้นฟ้าผ่านดินแดนเทพบรรพกาล ส่วนคนอื่นได้รับการสืบทอดผ่านสายโลหิตของบรรพชนเทพ!”


“มหาชั้นฟ้าชวงจื่อและมหาชั้นฟ้าจิวตี้นั้นลือกันว่ามาจากรุ่นเดียวกันและเคยอยู่ใต้อำนาจบรรพชนเทพ ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ข้าก็ไม่รู้ มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงก็เคยเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ แต่เขาผ่านเพียงแค่ชั้นสิบสี่เท่านั้นและผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวในตอนนี้มิอาจเทียบชั้นได้เลย!”


“ข้าเลือกติดตามเขาก็เพราะเหตุนี้ อีกทั้งเราผู้สูงส่งชั้นเทวะต่างก็มีความภาคภูมิใจของตัวเอง หากกลายเป็นมหาชั้นฟ้าเพราะโชคช่วย เราก็คงไม่ยินยอมติดตามอยู่แล้ว!” พิรุณหิมะพูดกับหวังหลิน


“มหาชั้นฟ้าคนไหนที่ผ่านด่านสิบเก้าได้ตอนเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ?” หวังหลินไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและมีท่าทีเคร่งขรึม


“มหาชั้นฟ้าตงหลินแห่งสำนักตงหลิน! ก่อนที่เขาจะตายไป เขาคือมหาชั้นฟ้าอันดับหนึ่งในเผ่าเทพ แม้แต่มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ยังหวาดกลัวเขา…เขาเป็นคนเดียวที่อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองในการกลายเป็นมหาชั้นฟ้า แต่ว่า…” เห็นได้ชัดว่าพิรุณหิมะเคารพมหาชั้นฟ้าตงหลินอย่างมาก พอพูดถึงมหาชั้นฟ้าตงหลิน ท่าทีของเขาก็หดหู่ลงเล็กน้อย


หวังหลินขบคิดเงียบๆ และนึกย้อนไปถึงชายชราผู้โดดเดี่ยวในสำนักตงหลินที่เอาแต่ฝันถึงพรรคพวก ลูกหลานของมหาชั้นฟ้าตงหลิน…


หวังหลินสูดหายใจลึก คำนับฝ่ามือให้พิรุณหิมะและคนอื่น “ขอบคุณมาก!”


เขาทะยานผ่านก้อนเมฆไปและมาถึงตำหนักระดับสิบเอ็ดอย่างรวดเร็ว! หวังหลินมองดูและพุ่งเข้าไปโดยไม่ลังเลภายใต้สายตาของกลุ่มพิรุณหิมะ สายตาเซียนด้านล่างทั้งหมดและสายตาผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อย หวังหลินได้ทะยานเข้าสู่ตำหนักระดับสิบเอ็ด


ตำหนักระดับสิบเอ็ดคือเป้าหมายและความปรารถนาของผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดที่นี่ ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านมันได้หรือไม่ มันคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและพลังอำนาจ!


ตำหนักระดับสิบเอ็ดนั้นแตกต่างจากสิบตำหนักแรก มันใหญ่กว่าและมีแรงกดดันรุนแรงออกมามากกว่า ทั้งตำหนักเป็นสีดำสนิทและเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบ


‘มีคนที่ผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดเพียง 22 คนเท่านั้น! ตอนนี้ทำให้ข้ามีชื่อเสียง…แต่การผ่านตำหนักระดับสิบยังไม่มากพอ!’ หวังหลินแววตาเป็นประกายและเข้าสู่ตำหนักระดับสิบเอ็ด!


พอเขาเข้าไป ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดด้านล่างต่างก็อ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้น ท่าทางแบบนี้ปกติแล้วไม่ค่อยจะเกิดขึ้นเพราะไม่ว่าใครในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าก็สามารถทำให้โลกด้านนอกสั่นสะเทือนได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้พวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้นจากการกระทำอันบ้าคลั่งของหวังหลิน


“ข้าคิดว่าเขาจะหยุดอยู่ที่ตำหนักระดับสิบ แต่เขากำลังไปต่อ!”


“เขา…เขาจะผ่านตำหนักกี่แห่ง??”


“เขามันบ้าไปแล้ว ถ้าไม่มั่นใจมากพอก็ตาบอดไปกับเกียรติยศของการเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ! การผ่านตำหนักหลายระดับในครั้งเดียวแบบนี้หาได้ยากยิ่ง!”


กลุ่มทั้งสามของพิรุณหิมะเองก็มองเข้าไปเช่นกัน พวกเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเรื่องโอกาสของหวังหลินและยังคิดว่าหวังหลินมีโอกาสเก้าถึงสิบส่วนที่จะล้มเหลว นอกจากนี้พวกเขาเองก็ลองมาแล้วแต่ก็ล้มเหลว นี่เป็นเหตุผลว่ามีผู้สูงส่งชั้นเทวะมากกว่าครึ่งยังติดอยู่ระดับนี้!


พวกเขาไม่เชื่อว่าหวังหลินที่เพิ่งจะผ่านมาเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะจะมีความแข็งแกร่งเช่นนั้น!


‘เขาก็แค่เกิดแรงจูงใจ แต่ตำหนักระดับสิบเอ็ดไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนั้นที่ข้าผ่านระดับสิบมาได้ข้าก็ลองระดับสิบเอ็ดแต่ก็ล้มเหลวเช่นกัน…จนหลายปีต่อมาข้าจึงผ่านได้สำเร็จ’


‘ท่ามกลางผู้สูงส่งชั้นเทวะมากกว่าสี่สิบคน มีแค่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉายเว่ยและเมิ่งต้าวเท่านั้นที่ไปต่อได้ ฉายเว่ยหยุดที่ระดับสิบสองและหมิงต้าวหยุดอยู่ที่ระดับสิบสาม!’


‘ที่สองคนนั้นมีชื่อเสียงจนถึงตอนนี้ได้และถือว่าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกว้างขวางก็เพราะเหตุนี้ ส่วนหวังหลินถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!’ ผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อยดูสงบนิ่งแต่เยาะเย้ยในใจ


ตอนนี้เหล่าเซียนที่นี่ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่สังเกตการณ์ นอกจากเหล่ามหาชั้นฟ้าแล้วยังมีผู้สูงส่งชั้นเทวะอีกหลายคนที่ใช้วิธีการแตกต่างกันเพื่อสังเกตบททดสอบชั้นฟ้า พอพบว่ามีผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 ปรากฏขึ้นมาและไม่จากไปไหนแต่กลับจะไปลองตำหนักระดับสิบเอ็ดแทน!


ในสำนักต้าวยี่ มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ดูเหมือนลืมเลือนทุกอย่างและเพ่งสมาธิไปยังบ่อน้ำเบื้องหน้า เขาดูสงบนิ่งแต่มีแสงประหลาดเปล่งออกมาจากกำปั้น


‘เด็กคนนี้ ข้าต้องเชิญชวนเขามาอยู่ใต้อำนาจข้า!!’


ทางด้านมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งในแผ่นดินทิศเหนือ เขาจ้องมองธารน้ำแข็งด้วยสายตามุ่งมั่น!


ส่วนชายวัยกลางคนในสำนักตะวันม่วงที่ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนจากด้านนอกเป็นพักๆ เขากำลังตื่นเต้นมาก จ้องมองกระจกและพึมพำกับตัวเอง


‘หากเขาได้อยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ เขาจะช่วยเหลือมหาชั้นฟ้าได้อย่างมหาศาลแน่นอน!!’


แคว้นกลาง ภูเขาจักรพรรดิ มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้กำลังนั่งอยู่ใต้แสงอาทิตย์อย่างคนขี้เกียจ พอหวังหลินผ่านด่านระดับสิบไปได้เขาจึงลืมตาขึ้นมา


‘ผ่านได้? แม้จะผ่านระดับสิบได้ก็แค่มดที่ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อย…เทียบไม่ได้กับฉายเว่ยและเมิ่งต้าวเลยสักนิด อา…จักรพรรดิเทพสัญญาว่าจะเชิญชวนเมิ่งต้าวว่าอะไรกันนะ…’ ชายชราถอนหายใจและยังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เชิญชวนเมิ่งต้าวเมื่อตอนนั้น


ณ วังอันว่างเปล่าในเมืองหลวง เสียงหนึ่งพึมพำขึ้นมา


“เมิ่งต้าว เจ้าคิดว่าอย่างไร?”


ขณะที่มีเสียงดังขึ้น ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไปในวังและมีคนก้าวเดินออกมา คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มชุดดำสีหน้าเยือกเย็น ดูราวกับภาพมายาในวังอันว่างเปล่า


“ใช้เวลาแค่ลมหายใจเดียวก็สังหารเขาได้แล้ว!”


ในยามนั้นหวังหลินได้ก้าวเข้าสู่ตำหนักระดับสิบเอ็ด ภาพทัศนวิสัยพร่าเลือนและปรากฏตัวในดาราจักรดวงดาวอีกครั้ง


ทว่าดาราจักรดวงดาวแห่งนี้ไม่มีดาวเคราะห์แต่ปกคลุมไปด้วยสายหมอก สายหมอกนี้หนาแน่นและคล้ายกับไม่สามารถจำแนกแยกแยะได้ มันห่อหุ้มไปทั่วบริเวณ


“เต๋าคือสิ่งใด?” น้ำเสียงทรงอำนาจดังกึกก้องออกมาในดาราจักรดวงดาวและเกิดคลื่นเสียงสนั่นนับไม่ถ้วน เสียงนั้นยังดังอยู่ในจิตใจและสองหูของหวังหลินด้วย


“เต๋าคือสิ่งใด?”


“เต๋าคือสิ่งใด?” เสียงยังคงดังสะท้อนรุนแรงขึ้นราวกับกำลังพึมพำและร้องคำรามไปด้วยกัน มันทำให้ร่างหวังหลินสั่นสะเทือนและรู้สึกเหมือนวิญญาณเขากำลังแตกสลาย


หวังหลินหน้าซีดเล็กน้อยแต่แววตาเปล่งประกายเจิดจ้า ความเข้าใจเรื่องเต๋าของเขาได้ทำให้เกิดแก่นแท้นามธรรมทั้งสามอย่างขึ้นมา ความรู้แจ้งแห่งเต๋าของหวังหลินนั้นล้ำลึกกว่าคนส่วนใหญ่บนแผ่นดินเซียนดารา แม้แต่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะก็เทียบกับหวังหลินไม่ได้!


ความรู้แจ้งแห่งเต๋านี้เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่อาจมองเห็นได้จากภายนอก มันคือการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงกระบวนการความคิดของตัวเอง


หวังหลินพูดขึ้น “ชีวิตและความตายล้วนพันธนาการ นี่คือเต๋า!”


นาทีที่เขาเอ่ยปาก ความรู้แจ้งแห่งเต๋าชีวิตและความตายปรากฏขึ้นมารอบตัวเขา ยามนี้เสียงก็หายไปและมีโซ่ตรวนปรากฏขึ้นรอบตัว โซ่ตรวนเริ่มแผ่กระจายออกผลักดันสายหมอกออกไปให้เห็นดาราจักรดวงดาวอันส่องสว่าง มีร่างหนึ่งสวมชุดคลุมสีทองและสวมมงกุฎอยู่เบื้องหน้า


ด้านหน้าร่างเงาเป็นแมงป่องยักษ์ขนาดใหญ่หลายแสนฟุตที่กำลังเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบและร้องคำราม


ทัศนวิสัยของหวังหลินเริ่มพร่าเลือน พอเขากลับมามีสติได้จึงเหมือนตัวเองกลายเป็นร่างสีทองที่กำลังต่อสู้กับแมงป่อง!


‘แมงป่องมารเขียว!’ วินาทีนี้หวังหลินสวมเกราะวิญญาณโดยไม่ลังเล!!


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ซึ่งมันแตกต่างจากการผ่านตำหนักก่อนหน้านี้ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เวลาผ่านไปแล้วครึ่งก้านธูปไหม้ ตำหนักที่พวกเขาเฝ้ารออยู่ในท้องฟ้านั้นเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง


‘การลองตำหนักระดับสิบเอ็ดถือว่าเป็นเรื่องดี เมื่อเขาล้มเหลวก็จะได้เข้าใจว่าบททดสอบชั้นฟ้าไม่ใช่สิ่งที่จะลองได้แค่อารมณ์ชั่ววูบ’ พิรุณหิมะยังคงถอนหายใจอยู่ในใจ แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าหวังหลินจะผ่านได้


‘คิดว่าตัวเองคือฉายเว่ยหรือเมิ่งต้าวหรืออย่างไร? ข้าพยายามอย่างมากกว่าจะผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดไปได้ การต่อสู้กับวิญญาณต่างแดนเป็นเรื่องยากมาก…เขาไม่ผ่านแน่นอน!’ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทารกน้อยเพียงแค่เยาะเย้ยในใจ แต่ทันใดนั้นร่างกายเขาก็สั่นเทา ดวงตาถลนออกมาด้วยความไม่เชื่อ!


แสงสีทองระเบิดออกมาจากตำหนักระดับสิบเอ็ดที่ถูกก้อนเมฆห่อหุ้มเอาไว้!!


‘เป็นไปไม่ได้!’ ผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อยถึงกับเบิกตากว้างอีกครั้ง



ตอนที่ 1957 เจิดจรัส! (7)

โดย

Ink Stone_Fantasy

ขณะที่แสงสีทองแผ่กระจายออกมาจากตำหนักระดับสิบเอ็ดในบททดสอบชั้นฟ้า หวังหลินก้าวออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือดและนั่งลงในแสงสีทองทันที ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตำหนักระดับสิบเอ็ดกำลังฉายซ้ำอยู่ในใจ


เริ่มแรกเป็นจิตวิญญาณแมงป่องมารเขียว หลังจากนั้นก็มีวิญญาณอสูรต่างแดนปรากฏขึ้นมาโดยไม่หยุดพัก ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหลินสวมเกราะวิญญาณได้ทันเวลา การจะผ่านด่านนี้ไปถือว่าเป็นเรื่องยากมาก!


โดยเฉพาะวิญญาณดวงสุดท้าย มันเป็นช้างยักษ์ขนาดเท่าดาวเคราะห์ทั้งยังมีความแข็งแกร่งมหาศาล!


หวังหลินรู้สึกได้ว่าวิญญาณต่างแดนทั้งเก้าตัวที่เป็นภาพมายาไม่อาจเทียบกับร่างดั้งเดิมของพวกมันได้เลยแต่ยังทรงพลังยอดเยี่ยม ทุกตัวต่างก็มีระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้าระดับสูงสุดและสี่ตัวสุดท้ายแข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นเทวะได้เลยทีเดียว!


หวังหลินไม่มีเวลามากนัก หลังจากผ่านด่านที่สิบเอ็ดจึงถอดเกราะวิญญาณเพื่อยืดระยะเวลาใช้งานในทันที


ตอนที่หวังหลินก้าวออกมาจากตำหนักระดับสิบเอ็ด เสียงทรงอำนาจบารมีดังขึ้นในใจหวังหลินพร้อมกับแสงสีทองแผ่กระจายออกมา


เสียงนี้คนภายนอกไม่อาจได้ยิน มีแต่เขาที่ได้ยินเท่านั้น


“ข้าเหลียนหยุนจื่อได้ทิ้งสัมผัสวิญญาณไว้ในบททดสอบชั้นฟ้า ข้ายังทิ้งวิชาของข้าไว้ด้วย มันคือวิชาเต๋าแปดสุดขั้ว หากคนรุ่นหลังมีชะตาต้องกันก็อาจจะได้รับมันที่นี่…”


“เจ้าผ่านการทดสอบของข้า ดังนั้นจึงสามารถได้รับเต๋าเพลิงสุดขั้วของข้าได้! มันไม่ใช่วิชาแก่นแท้หรือวิชาเต๋า มันเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาหลังจากได้รับการสืบทอดจากแผ่นดินเทพบรรพกาล…”


ขณะที่เสียงดังกึกก้องในใจหวังหลิน ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิด มันเป็นฝ่ามือแต่กลับไร้พลังแห่งเปลวเพลิง มือข้างนั้นลอยขึ้นและมีควันสีเขียวปรากฏขึ้นรอบดัชนี ควันหมุนเป็นวงกลมเก้าครั้งและก่อเกิดวงแหวนควันทั้งเก้าที่ขยายออกไปและเปล่งกลิ่นอายน่าหวาดกลัว!


หวังหลินนั่งหลับตาอยู่ในแสงสีทองพร้อมกับภาพและเสียงปรากฏขึ้นในใจ เขาเคยเห็นฉากเหตุการณ์นี้มาก่อนและกระทั่งยืมร่างอวตารในมิติว่างเพื่อเอามาใช้


แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ยืมพลังจากร่างอวตารเลย หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและมีควันสีเขียวหมุนวนรอบนิ้วมือ!


ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เซียนทั้งหมดด้านล่างต้องตกตะลึง!


“เขาผ่านด่านที่สิบเอ็ดจริงๆ!”


“มีผู้สูงส่งชั้นเทวะไม่มากนักที่สามารถผ่านด่านสิบเอ็ดได้ เขาทะลุจากระดับห้าและมุ่งหน้าผ่านระดับสิบเอ็ดเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น!”


“ข้าไม่อาจคาดเดาขีดจำกัดของเขาได้อีกแล้ว…” หลังจากหวังหลินผ่านด่านที่สิบเอ็ด เขาก็แยกขาดจากกลุ่มผู้สูงส่งชั้นฟ้าอย่างสมบูรณ์ เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่างไม่สามารถมองเห็นควันสีเขียวตรงปลายนิ้วหวังหลินได้เนื่องจากมีควันหนาแน่น


แต่กลุ่มพิรุณหิมะเห็นด้วยตาอย่างชัดเจน!


ทั้งสามคนมองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อนทั้งยังตกตะลึง


“ถึงกับผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดไปได้ในการลองครั้งแรก…ควันสีเขียวนั่น ข้าเคยเห็นผู้สูงส่งชั้นเทวะฉายเว่ยใช้ออกมา มันเป็นเพลิงสุดขั้วของเต๋าแปดสุดขั้วชัดๆ!”


“เราก็คิดว่าเขาเหมือนกับเรา แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีพลังอำนาจพอในการผ่านระดับสิบเอ็ดไปได้…ท่ามกลางเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะ ช่องว่างระหว่างแต่ละระดับนั้นกว้างใหญ่เหลือเกิน!”


ทั้งสามคนขบคิดและถอนหายใจอย่างเงียบๆ ห่างออกไปไกลผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อยกำลังมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เขามองหวังหลินด้วยสายตาเกลียดชัง


‘ตำหนักระดับสิบเอ็ด…บัดซบ ตอนนั้นข้ายังต้องใช้เวลานานกว่าจะผ่านไปได้ มันยังได้วิชาของบรรพชนเทพไปอีก!!! ทำไมข้าไม่ได้บ้างหลังจากผ่านระดับนั้น…’


‘ตำหนักระดับสิบเอ็ดต้องเป็นขีดจำกัดของเขาแน่ เขาไม่สามารถผ่านระดับสิบสองได้แน่นอน ตลอดหลายหมื่นปีแม้แต่ผู้สูงส่งชั้นเทวะฉายเว่ยก็ยังหยุดอยู่ที่ระดับสิบสอง! มีเพียงเมิ่งต้าวเท่านั้นที่ผ่านไปได้!’


‘เขาผ่านไม่ได้แน่นอน!’ ขณะที่ผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อยจ้องมองหวังหลิน ในใจผุดความอิจฉาขึ้นมา


ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงลืมตามองควันวงกลมสีเขียวบนนิ้ว แววตากะพริบเย็นเยียบและจากนั้นควันสีเขียวก็หายไป สายตาหวังหลินมองขึ้นไปและไม่เคยมองลงมา แต่เหล่าเซียนทั้งหมดต่างก็รู้สึกจิตใจสั่นเทา มองไปยังตำหนักระดับสิบสองที่อยู่ด้านบนไปอีก!


‘ผู้สูงส่งชั้นเทวะพิรุณหิมะได้บอกว่าตั้งแต่ระดับสิบเอ็ดไป แต่ละตำหนักจะมีโชควาสนาของมันเอง…ใช่แน่นอน เต๋าแปดสุดขั้วนี้แตกต่างจากที่ข้าคิด ข้าคิดว่าบรรพชนเทพสร้างขึ้น แต่เขาสืบทอดมาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล!’


‘แผ่นดินเทพบรรพกาลคืออะไรกันแน่? ดูเหมือนสัญญาณทั้งหมดได้บ่งบอกว่าลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ามาจากที่นั่น และวิธีการกลายเป็นมหาชั้นฟ้าก็มาจากที่นั่นเช่นกัน…’


‘แม้กระทั่งวิชาของบรรพชนเทพก็สืบทอดมาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล…ที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนกัน?!’ หวังหลินขบคิด สายตาเปล่งประกายเจิดจ้า


‘บททดสอบชั้นฟ้าแห่งนี้ไม่ได้ทำให้มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว ยังได้รับโชควาสนาที่บรรพชนเทพทิ้งเอาไว้อีก…เหลียนหยุนจื่อ…นั่นคือชื่อจริงของบรรพชนเทพใช่หรือไม่…’ หวังหลินสูดหายใจลึก ร่างกายสั่นสะท้าน ขณะเดียวกันมีเสียงอุทานดังออกมาจากข้างล่างเนื่องจากเขาพุ่งไปต่อในตำหนักระดับสิบสอง


เขาได้ยินเสียงตื่นเต้นและเสียงร้องจากความคาดหวังที่อยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ได้สนใจเลย เขาเพ่งสมาธิไปที่เป้าหมายเดิมในการมาที่นี่!


เขามาเพื่อกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในชั่วข้ามคืน!!


หวังหลินรู้สึกว่าแค่การผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดยังไม่มากพอ! เขารู้สึกว่าแม้แต่การเอาไปเทียบกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉายเว่ยที่แข็งแกร่งอันดับสองและหยุดอยู่ตำหนักระดับสิบสองก็ยังไม่เจิดจรัสมากพอ!


หวังหลินรู้สึกว่าบางทีการข้ามผ่านเมิ่งต้าวผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด แค่นั้นนับว่าเฉิดฉายไปทั่วหล้าได้แล้ว!!


ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ตำหนักระดับสิบเอ็ดและสูงขึ้นไป มีโชควาสนารออยู่ หวังหลินสนใจในเต๋าแปดสุดขั้วที่บรรพชนเทพได้รับมาจากแผ่นดินเทพบรรพกาลอย่างยิ่ง!


“บ้า บ้าไปแล้ว เขากำลังจะลองตำหนักระดับสิบสอง!”


“ตำหนักระดับสิบสอง! ข้าไม่รู้ว่ามีผู้สูงส่งชั้นเทวะผ่านไปได้กี่คน แต่คนเหล่านี้ล้วนหาได้ยากยิ่ง!!”


“เขาจะผ่านแน่นอน ครั้งนี้ข้าไม่คิดว่าเขาจะล้มเหลว!”


การกระทำของหวังหลินได้ทำให้กลุ่มของพิรุณหิมะถึงกับจ้องมองร่างหวังหลินที่กำลังหายไปในก้อนเมฆด้วยความตกตะลึง ผ่านไปสักพักสายตาแต่ละคนจึงยิ่งซับซ้อนและเต็มไปด้วยความชื่นชม!


“มีคนบอกว่ามีคนที่รู้ว่าความทะเยอทะยานนั้นไม่มีขีดจำกัด วันนี้ข้าเข้าใจแล้ว…สิ่งที่เขาต้องการเป็นสิ่งที่เราทำได้แค่มองดูอยู่ไกลๆ เท่านั้น”


“พิรุณหิมะ เจ้าคิดว่าเขาจะผ่านตำหนักระดับสิบสองได้หรือไม่?”


“ได้สิ! แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอเขา แต่คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโดยไม่เข้าใจ ในเมื่อกล้าเข้าไปในตำหนักระดับสิบสอง เขาก็ต้องมั่นใจแล้ว!”


“มันไม่เหมือนกัน มีเพียงผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวเท่านั้นที่สามารถผ่านตำหนักระดับสิบสองได้ตอนที่เขากลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ หากเขาผ่านไปได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะก่อให้เกิดคลื่นลูกใหม่เหมือนกับผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวหรอกหรือ?”


“ตอนนั้นที่เมิ่งต้าวกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ เขาได้ผ่านตำหนักระดับสิบสองและทำให้เหล่ามหาชั้นฟ้าต้องมาดูด้วยตาตัวเอง แม้กระทั่งเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะส่วนใหญ่ก็ยังมาหา มหาชั้นฟ้าทุกคนต่างก็มอบเงื่อนไขดีดีให้ทั้งนั้นและสุดท้ายเขาก็เลือกจักรพรรดิเทพ”


ขณะที่กลุ่มทั้งสามคนของพิรุณหิมะกำลังพูดคุยกัน แสงแพรวพราวโผล่ออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณและมีหลายร่างเริ่มปรากฏให้เห็น


ร่างเหล่านี้ทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทุกคนต้องเคารพเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาไม่ตกใจเลยที่เหล่าคนซึ่งพบเจอได้ยากมาปรากฏตัวในครั้งนี้!


“ผู้สูงส่งชั้นเทวะเพลิงสวรรค์!”


“ผู้สูงส่งชั้นเทวะเฉินฟ่าน!”


“ผู้สูงส่งชั้นเทวะฝันสลาย!”


“นั่นมันผู้สูงส่งชั้นเทวะฮั่นตวน!”


ชั่วจังหวะแห่งความเงียบนั้น เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะเกือบสามสิบคนต่างก็มาที่นี่ด้วยสัมผัสวิญญาณ พอพวกเขาปรากฏต่างก็มองขึ้นไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม


หาดูได้ยากนักที่จะมีเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะและผู้สูงส่งชั้นฟ้าปรากฏตัวจำนวนมากขนาดนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีครั้งเดียวที่เกิดขึ้นคือตอนที่ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวได้กลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ!


แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นเทวะฉายเว่ยก็ไม่ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ได้ขนาดนี้


หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเปล่งประกายเจิดจ้า แสงยิ่งหนาแน่นมากขึ้น ชั่วครู่ต่อมามีร่างสูงใหญ่ก้าวเดินออกจากแสง


ร่างเงานี้หัวล้าน หลังปรากฏขึ้นทั้งบททดสอบชั้นฟ้าพลันเงียบสนิท ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าหรือผู้สูงส่งชั้นเทวะ ทุกคนล้วนโค้งตัวให้กับร่างหัวล้านคนนี้


“ขอคารวะ มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง!”


ร่างสูงใหญ่ผู้นี้คือมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง! เขาก้าวเดินออกมาและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสงบนิ่ง สายตามองแต่หวังหลินเท่านั้นในขณะที่กำลังขบคิดอยู่


“หวังหลิน ไม่สำคัญว่าเจ้าจะผ่านระดับสิบสองได้หรือไม่ หากเจ้าติดตามข้า เจ้าขออะไรมา ข้าตกลงไม่มีข้อแม้!” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงไม่ได้พูดเสียงดังมากนักแต่กึกก้องไปทั่วบททดสอบชั้นฟ้าและเข้าสู่จิตใจหวังหลิน


หวังหลินหยุดกึกด้านนอกตำหนักระดับสิบสองไปชั่วขณะ เขาโค้งตัวให้และมองลงมา


“ขอบคุณมากท่านมหาชั้นฟ้า แต่ข้ายังต้องทุ่มความสนใจทุกอย่างไปกับการทดสอบชั้นฟ้า เราไว้พูดเรื่องนี้กันทีหลังได้หรือไม่?”


“ดี!” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงไม่ใส่ใจเลย ยิ่งมองหวังหลินยิ่งทำให้เขาอยากเชิญเข้ามาร่วมมากขึ้น


เซียนทุกคนรอบด้านล้วนให้ความสนใจ แต่ละคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปและรู้สึกประหลาดใจ เหตุการณ์นี้เทียบได้กับผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวเมื่อตอนนั้น!


“สหายน้อยหวังหลิน เจ้ายังจำข้อตกลงของเราได้หรือไม่?” ชั่วขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำให้มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงขมวดคิ้ว


ค่ายกลเคลื่อนย้ายเรืองแสงสว่าง มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ก้าวเดินออกมา


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)