Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1928-1935
ตอนที่ 1928 พุ่งทะลวง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ดาวเคราะห์เก้าดวงคล้ายกับถูกพลังลึกลับเปลี่ยนวิถีการโคจรและทะยานเข้ามาหาหวังหลิน
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้บังคับให้หวังหลินต้องขยับออกจากตำแหน่งปัจจุบัน ทว่าดาวเคราะห์ทั้งเก้าเปลี่ยนทิศทางและทะยานเข้าหาต่อ
‘หรือจะเป็นบททดสอบชั้นฟ้าระดับแรก?’ หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายและไม่หลบอีกต่อไป เขาก้าวทะยานเข้าหาดาวเคราะห์ที่กำลังใกล้เข้ามา ยกแขนขวาและโยนกำปั้นใส่!
“เรียกขานสายลม!” กำปั้นนี้มีวิชาเรียกขานสายลมถึงเก้าครั้ง กลายเป็นพายุคล้ายมังกรดำของจริงเข้าปะทะกับดาวเคราะห์แรก
ดาวเคราะห์พังทลายเสียงดังกึกก้อง หลังจากนั้นหวังหลินหันตัวกลับเตะเข้าใส่ดาวเคราะห์ดวงที่สอง
เกิดเป็นเสียงดังอึกทึก หวังหลินเคลื่อนร่างเกิดเป็นภาพติดตาเบื้องหน้าดาวเคราะห์ที่เหลือ แล้วโยนกำปั้นออกไปหลายชุด
ทั่วดาราจักรเกิดเสียงดังกึกก้อง ดาวเคราะห์ทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็แตกกระจายแต่มีพลังรุนแรงโผล่ออกมา ตรงเข้ามาผลักหวังหลินออกไปจากดาราจักรแห่งนี้
หวังหลินทัศนวิสัยพร่าเลือน พอรู้สึกตัวอีกครั้งเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายและถูกผลักออกมาจากตำหนักแรก ตกลงใส่พื้นและถอยไปหลายพันฟุตก่อนจะประคองตัวเองได้อย่างมั่นคง
‘ล้มเหลว?’ หวังหลินพลันมองขึ้นไปและขบคิด
ตำหนักไม่ได้ปลดปล่อยแสงสีทอง ซึ่งหมายความว่าหวังหลินล้มเหลวในบททดสอบแรก!
เซียนรอบด้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ประหลาดใจ เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ได้ต่อสู้กับหวังหลินต่างก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ผ่านไม่ได้แม้แต่ระดับแรก…เขา…”
“หายากนักที่จะมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าไม่สามารถผ่านระดับแรกได้ วันนี้ข้าได้เจอแล้วคนหนึ่ง”
“เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น พลังต่อสู้ของหวังหลินแข็งแกร่งมาก เขาจะล้มเหลวในระดับแรกได้อย่างไร?”
ตอนนี้หวังหลินกำลังโดนคนรอบด้านจ้องมอง มีทั้งความประหลาดใจ ดูถูกและสายตาที่ไม่สนใจ
ทุกคนที่นี่สามารถผ่านระดับแรกได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพอเห็นหวังหลินล้มเหลวจึงเกิดความดูถูกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ได้เผยออกมาแต่ก็มีอยู่ภายในใจ
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินมองหวังหลิน จากนั้นก็หลับตา
หวังหลินขบคิดพลางมองตำหนักสีดำเบื้องหน้า จากนั้นแววตากะพริบเย็นเยียบ เขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเกือบทั้งหมดมองเห็นการกระทำของหวังหลินและส่วนใหญ่ส่ายศีรษะ
“หลังจากล้มเหลว ยากที่จะสำเร็จในครั้งที่สอง แทนที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ ออกไปฝึกฝนให้หนักจะดีกว่า”
“ดูเหมือนเขายังพึ่งพาโชควาสนา ฮ่าฮ่า ก็ดีนะ บางทีระดับแรกอาจผ่านได้ด้วยโชควาสนา”
หวังหลินพุ่งเข้าสู่ตำหนักอย่างรวดเร็วมาก ทัศนวิสัยพร่าเลือนและปรากฏตัวในดาราจักรดวงดาว
เขาสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านกับความล้มเหลวเลยแม้แต่น้อย หวังหลินยืนจ้องมองออกไปด้วยสายตาเปล่งประกาย เสียงดังสนั่นกึกก้อง ดาวเคราะห์ทั้งเก้าพลันเปลี่ยนวิถีการโคจรราวกับถูกฝ่ามือที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้ พวกมันพุ่งตรงเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินไม่ได้ขยับและส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปบริเวณรอบด้าน พอดาวทั้งเก้าเข้ามาในระยะพันฟุต แรงกดดันตรงเข้าใส่ร่างเขา หวังหลินยกแขนขึ้นทันที ผสานเรียกขานสายลมทั้งเก้าเข้าใส่กำปั้นและชกเข้าใส่ความว่างเปล่า
กำปั้นถึงกับทำให้ดาราจักรสั่นเทา แม้แต่ดาวเคราะห์ทั้งเก้าก็ยังสั่นไหว มองไกลๆ ราวกับร่างหวังหลินได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยมังกรดำเก้าหัว มันพุ่งตรงเข้าใส่ดาวเคราะห์ทันที
เกิดเป็นเสียงดังครั้งเดียวแต่กึกก้องไม่มีที่สิ้นสุด ดาวเคราะห์ทั้งเก้าพลันแตกสลายในเวลาเดียวกัน
เมื่อดาวทั้งเก้าพังทลาย แสงสีทองมากมายแผ่กระจายเต็มไปทั่วดวงดาวและกระจายออกมาจากตำหนักแรก
เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่นั่งอยู่ด้านนอกเกิดความสนใจกับแสงสีทองและเกิดสายตาแปลกประหลาด เขาเห็นเซียนผมขาวพุ่งออกมาจากยอดตำหนักและตรงเข้าสู่ตำหนักที่สองด้านบนด้วยความเร็วสูง!
“เขาสำเร็จจริงหรือ?”
“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวช่างน่าสนใจ!”
“ครั้งแรกล้มเหลว ครั้งที่สองน่าจะเป็นโชควาสนา แต่โชคคงไม่ช่วยอะไรได้ในระดับสอง มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น!”
ผู้สูงส่งชั้นฟ้ารอบด้านได้สนใจเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อแสงสีทองส่องสว่างออกมาจากตำหนักระดับสอง!!
แสงสีทองจากตำหนักแรกยังไม่หายไปดีก็มีแสงสีทองออกมาจากตำหนักระดับสองแล้ว แสงสีทองผสานกันจากสองตำหนักแทบทำให้ทั้งแผ่นดินสองสว่างขึ้นมา!
เหตุการณ์ฉับพลันนี้ทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่มีความเยือกเย็นและสุขุมต่างก็ตกตะลึง
“เอ๋?”
“เขาจบระดับสองได้เร็วขนาดนั้น?!”
“เขาใช้เวลานานแค่ไหน? เพิ่งล้มเหลวในระดับแรกแต่กลับผ่านสองระดับในครั้งเดียว!”
ร่างหวังหลินพุ่งทะยานจากตำหนักระดับสองพร้อมกับแสงสีทองเปล่งประกายเจิดจ้า หวังหลินได้พุ่งทะยานเข้าหาตำหนักระดับสามโดยไม่ลังเล
การกระทำของเขาทำให้เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าให้ความสนใจมากขึ้น ส่วนใหญ่พวกเขาอยูที่ตำหนักระดับสามและเพราะหวังหลินล้มเหลวในระดับแรก พวกเขาจึงไม่มั่นใจว่าหวังหลินจะผ่านไปได้หรือไม่
“ในตำหนักระดับสาม นอกจากการผสานวิชา 27 วิชาเข้าไปในร่างกายแล้ว ดาวเคราะห์สีทองข้างในคือกุญแจสำคัญ!”
“ข้าสามารถผสาน 30 วิชาเข้าไปในร่างกายได้แต่ก็ยังล้มเหลวเพราะดาวเคราะห์สีทอง มันเทียบได้กับดาวเคราะห์ทั้งหมดรวมกัน!”
“คงยากนักที่เขาจะผ่านระดับสามไปได้!”
ผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากกว่าครึ่งได้มองเข้าไป ขณะที่คาดเดาผลลัพธ์ เสียงร้องตกตะลึงดังออกมาจากเซียนจำนวนหนึ่ง
ทุกคนเห็นตำหนักที่สามเปล่งประกายเจิดจ้าหลังจากหวังหลินเข้าไปในชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น!!
เวลานี้แสงสีทองจากตำหนักแรกและตำหนักสองยังไม่สลายไปดี แสงสีทองจากตำหนักที่สามเปล่งประกายและสอดประสานกัน ราวกับมังกรค่อยๆ เติบโตยาวขึ้นไป
แสงสีทองเพิ่มมากขึ้นอย่างมหึมา พอล้อมรอบบริเวณจึงทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่างมีสายตาเปล่งประกาย
“ผ่าน!”
“เขาผ่านสามระดับในครั้งเดียว! ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาไปล้มเหลวในระดับแรกได้อย่างไร?”
“เร็วอะไรขนาดนั้น! การผ่านสามระดับแรกด้วยความเร็วเท่านี้นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งมาก!”
“ทำให้ตำหนักสองสว่างอย่างต่อเนื่อง ช่างน่าคิดจริงๆ ว่าเขาจะทำให้ส่องสว่างได้กี่แห่ง!”
หวังหลินพุ่งทะยานออกจากตำหนักที่สามและมองยังตำหนักระดับสี่ พุ่งทะยานเข้าหาโดยไม่ลังเล
“บททดสอบชั้นฟ้านี้จะต้องทำลายดาวเคราะห์ทั้งหมดในครั้งเดียว หากข้าทำลายพวกมันทีละดวงเท่ากับเกิดความล้มเหลว!” หวังหลินสงบนิ่ง สามระดับแรกไม่ท้าทายเขามากนัก
พริบตาเดียวเขาก็หายเข้าไปในตำหนักระดับสี่
แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินยังลืมตาและมองไปยังตำหนักระดับสี่ ไม่ใช่เพียงแค่เขาแต่แทบทุกคนได้มองเข้าไป
ตำหนักระดับสี่คือคอขวดในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า มีคนไม่ถึงสองร้อยคนที่สามารถผ่านระดับสี่ไปได้ ส่วนใหญ่มักจะหยุดอยู่ระดับนี้!
ดังนั้นการกระทำของหวังหลินจึงกระตุ้นความสนใจของแต่ละคน การที่สามารถผ่านระดับสี่ไปได้เท่ากับว่าแข็งแกร่งมากในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า!
เวลาผ่านไป หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ…
แสงสีทองจากตำหนักแรกดูเหมือนหมองหม่นลงและเผยสัญญาณแตกกระจาย
เวลาที่หวังหลินใช้ในตำหนักระดับสี่มีมากกว่าตำหนักที่สาม
แต่ขณะที่แสงจากตำหนักแรกกำลังจะหายไป เหล่าเซียนหลายสิบคนรอบด้านพลันยืนขึ้นและมองไปยังท้องฟ้า ตำหนักระดับสี่ปลดปล่อยแสงสีทองรุนแรงกว่าแสงจากสามตำหนักแรกเสียอีก!!
พอแสงสีทองโผล่ขึ้นมา ทำให้แสงจากสี่ตำหนักเชื่อมประสานกันอย่างสมบูรณ์ ราวกับเป็นหางมังกรส่วนเล็กๆ แต่ทำให้กลายเป็นภาพอันน่าตกตะลึง!
“เขาทะลวงผ่านระดับสี่ได้!!”
“เขาผ่านระดับสี่ได้จริงๆ! ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งท่ามกลางผู้สูงส่งชั้นฟ้า!”
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินหรี่ตาพลางจ้องมองร่างที่ก้าวออกมาจากตำหนักระดับสี่ เขารู้สึกว่าร่างนั้นเป็นภัยคุกคาม
หวังหลินยืนอยู่ในแสงสีทองรอบตำหนักระดับสี่และมองไปที่ตำหนักระดับห้า ดวงตาเปล่งประกาย
‘ระดับสี่มีดาวเคราะห์ 36 ดวงและมีดาวเคราะห์ทองสองดวง ข้าผสานร่างอวตารทั้งหมด ระดับสี่ถือเป็นขีดจำกัดของข้าแล้วโดยไม่ใช้เกราะวิญญาณ’
‘แต่หากข้าสวมเกราะวิญญาณ…ช่างน่าสงสัยจริงว่าข้าจะทะลวงผ่านได้ถึงระดับไหน! น่าเสียดายที่ข้าต้องมุ่งหน้าไปยังทะเลขุนเขาเพื่อไปเอาต้นไม้ การแสดงความแข็งแกร่งของข้าที่นี่คงไม่สะดวกนัก หลังจากข้าได้ต้นไม้ทะเลขุนเขา ข้าจะกลับมาลองอีกครั้ง!’
……………………………………………………..
ตอนที่ 1929 ไฮ่จื่อ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินไม่ได้เข้าไปลองตำหนักที่เหลือแม้จะเป็นหนทางที่เร็วที่สุดในการได้รับความสนใจจากเหล่ามหาชั้นฟ้าก็ตาม
แต่ตอนนี้เขายังมีเรื่องอื่นต้องทำ หลังจากขบคิดเพียงชั่วครู่ แสงจากสี่ตำหนักยังคงเต็มทั่วบริเวณ หวังหลินตัดสินใจลงมาพื้นด้านล่างเบื้องหน้าสายตาของเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า
สายตาแทบทุกคนจับจ้องมาที่หวังหลินเหมือนผู้สูงส่งชั้นจูหลินก่อนหน้านี้ แม้แต่จูหลินยังจ้องหวังหลินตาไม่กะพริบ
จากมุมมองของเขา หวังหลินแตกต่างจากเซียนทั่วไป คนอื่นคงอยากลองตำหนักถัดไปแม้จะรู้ว่าไม่มีทางเลือก จากนั้นก็จะรู้ได้ว่ามันยากแค่ไหนและรู้ได้ว่าตัวเองบกพร่องด้านการบ่มเพาะ
แต่หลังจากหวังหลินทะลวงผ่านสี่ตำหนัก เขาไม่ได้เข้าสู่ตำหนักระดับห้า คนอื่นอาจจะไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้แต่จูหลินสังเกตได้ เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวหวังหลินขึ้นมาบ้างแล้ว
‘เขารู้ว่าไม่มีทางผ่านระดับห้าได้ หรือไม่ก็รู้ว่าสามารถผ่านระดับห้าได้โดยไม่ต้องทำอะไรมากนัก…ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง…ข้าหวังว่ามันจะเป็นอย่างหลัง!’ ผู้สูงส่งจูหลินขบคิดเงียบๆ และดวงตาเป็นประกาย
พอหวังหลินมาถึงพื้นดิน เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ารอบด้านยิ้มให้กับเขาเพื่อแสดงความยินดี ส่วนใหญ่เป็นคนที่หวังหลินท้าประลองด้วยในช่วงห้าสิบปี ดังนั้นจึงรู้จักกัน
มีส่วนน้อยที่ไม่เคยเจอแต่ก็อยากต้องการพบปะหวังหลิน
หวังหลินยิ้มเบาๆ และคำนับฝ่ามือให้กับพวกเขาทีละคน
“เหล่าสหายเซียน ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ดังนั้นข้าขอตัวลาก่อน หากอนาคตข้ามีเวลา จะกลับมาอีกครั้ง!” หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นลำแสง พุ่งทะยานเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เขาปรากฏตัวออกมา ร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นหมอกและเลือนหายไป
พอเขาจากไป เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าจึงถอนสายตา พวกที่รู้จักกันก็เริ่มพูดคุย
“เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้ลองไปให้สุด การได้เห็นเขาผ่านสี่ชั้นแรกไปได้ง่ายๆ ข้าพนันว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวคนนี้อย่างน้อยก็ทะลวงไปได้ถึงระดับเจ็ด!”
“ไม่น่าเป็นแบบนั้น ข้าประลองกับเขาเมื่อสามสิบปีก่อน สี่ระดับน่าจะเป็นขีดจำกัดแล้ว!”
“พูดยาก แม้สามสิบปีจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่โชควาสนาเล็กน้อยก็มีโอกาสให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าแบบเราก้าวหน้าได้ รอดูเถอะ เขาน่าจะมาบททดสอบชั้นฟ้าเป็นครั้งที่สอง”
ด้านในถ้ำข้างทะเลขุนเขา หวังหลินพลันลืมตาเป็นประกายส่องสว่าง
วินาทีนั้นเจ้ามังกรสมุทรที่คุ้มกันเขาได้เผยความยินดี มันหมุนวนรอบหวังหลินและส่งเสียงร้องอย่างสนิทสนม
หวังหลินยกแขนขึ้นมาลูบหัวของมัน เขามองเขตอาคมรอบด้าน ทั้งยังจงใจทิ้งเขตอาคมกาลเวลาเอาไว้เพื่อเอาไว้ดูว่าเขาหายไปนานแค่ไหน
‘เวลาเดียวกับที่ใช้ไปในบททดสอบชั้นฟ้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง’ หวังหลินลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้า เจ้ามังกรสมุทรตามมาทันที
หนึ่งคนหนึ่งมังกรปรากฏตัวด้านนอกถ้ำ ยามนี้ดวงจันทรากำลังแขวนตระหง่านกลางท้องฟ้าและส่องแสงกระทบบนผิวทะเล ระลอกคลื่นม้วนตัวเปล่งละอองแสงระยิบระยับ
เสียงคลื่นดังเข้าถึงหูหวังหลินและลมทะเลกระทบบนร่างกาย เรือนผมสีขาวพริ้วไสวในสายลมและเปล่งประกายอยู่ใต้แสงจันทรา
หวังหลินจ้องมองทะเลขุนเขา ขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงก้าวไปบนหลังมังกรสมุทร มันร้องคำรามและมุ่งหน้าเข้าสู่ทะเล
เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าเป็นรองเพียงมหาชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้ง 48 คนเท่านั้น พวกเขาสามารถไปที่ไหนก็ได้และสำนักจำนวนมากต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพราะพวกเขาคือยอดเซียนของเผ่าเทพ!
แม้แต่วิญญาณโบราณยังโดนผนึกได้! ตอนนี้หวังหลินกำลังเข้าไปหาต้นไม้ทะเลขุนเขาที่ผนึกอยู่ที่นี่ ก่อนที่เขาจะมีพลังแบบผู้สูงส่งชั้นฟ้า การจะทำเรื่องนี้นับว่าเป็นไปไม่ได้เลย
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อสามารถผสาน 70 วิชาเข้าไปในดัชนีก็อาศัยอยู่ที่นี่
มังกรสมุทรระดับผู้สูงส่งชั้นทองนั้นรวดเร็วมาก เมื่อเข้าสู่ทะเลขุนเขาจึงมุ่งหน้าเข้าไปในทะเล เดิมทีมันเป็นมังกรสมุทร ดังนั้นตอนนี้จึงเหมือนมัจฉาที่แหวกว่ายในน้ำและยิ่งรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
มันปลดปล่อยเสียงร้องแหลมดังกึกก้องในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด
‘เกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ไม่สามารถใช้ได้นานนัก แม้แต่ตอนนี้ก็สามารถใช้ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยเกราะวิญญาณและเคล็ดเร่งความเร็วของข้า นางเอาชนะข้าไม่ได้แน่!’
‘แต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้!’ แววตาหวังหลินเป็นประกาย มังกรสมุทรทะยานเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลอย่างรวดเร็ว
ความปั่นป่วนได้ทำให้เกิดวังวนยักษ์ขึ้นมาในทะเล เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง เหล่าอสูรนับไม่ถ้วนถูกอำนาจของมังกรสมุทรจนเกิดความสั่นไหวและถอยหนี ไม่มีตัวไหนกล้าเข้ามาใกล้
ใช้เวลาไม่นานหวังหลินก็เข้าใกล้ใจกลางทะเลขุนเขา คลื่นรุนแรงพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกำแพงน้ำที่ป้องกันไม่ให้มังกรสมุทรไปได้ต่อ
มังกรสมุทรเผยท่าทีดุดันและใช้ศีรษะกระแทกใส่กำแพงน้ำ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นพร้อมกับกำแพงพังทลายจนมังกรสมุทรพุ่งทะยานไปได้ต่อ น้ำที่ระเบิดราวกับกำลังเดือด
บนพื้นน้ำมีหนวดขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยของเหลวเหนียวกำลังพุ่งขึ้นมา หนวดพวกนั้นตัดขวางกันและกันและกลายเป็นพื้นดินโผล่ออกมาจากทะเล
มันดูเหมือนเป็นเกาะ แต่หากมองใกล้ๆ จะเห็นชัดว่าเป็นอสูรปลาหมึกยักษ์ กลิ่นอายระดับผู้สูงส่งชั้นทองระเบิดออกมาจากเจ้าปลาหมึกตัวนี้
จากนั้นมีสตรีงดงามผู้หนึ่งเผยตัวเองออกมาบนศีรษะเจ้าปลาหมึก นางสวมชุดราตรีสีเขียว แม้ร่างกายจะปกคลุมอยู่ในชุดราตรีแต่นางกลับสามารถทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว นางถือขลุ่ยสีเขียวในมือ ผมยาวทัดขึ้นด้านหลังศีรษะ ดวงตาเป็นประกายงดงามจนลืมหายใจ
บนหน้าผากมีปลาดาวห้าสีประดับเอาไว้ เป็นจุดที่ทำให้ความงดงามของนางเบ่งบานยิ่งขึ้นไปอีก
“หวังหลิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีก? แม้จิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขาจะไร้ประโยชน์สำหรับข้า ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าเอามันไป!” นางขมวดคิ้วจ้องมองหวังหลินที่กำลังยืนอยู่บนหลังมังกรสมุทรและผ่านกำแพงน้ำเข้ามา
มังกรสมุทรร้องคำราม มันไม่ได้ตรงเข้าหาหญิงสาวแต่ตรงเข้าหาปลาหมึกด้านล่าง เจ้าปลาหมึกจ้องมองมังกรสมุทรด้วยสายตามืดมนเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าสมุทรทั้งสองได้เจอกัน พวกมันเคยสู้กันมาก่อน
หวังหลินยืนอยู่บนหลังมังกรสมุทรและมองสตรีงดงามด้านหน้า “จิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขามีประโยชน์สำหรับข้า ข้าต้องการแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการทั้งหมด มันไร้ประโยชน์สำหรับท่านและจะไม่ส่งผลกระทบต่อทะเลขุนเขา ทำไมท่านต้องทำให้ข้าลำบากใจ?”
“อีกทั้ง มันไม่ได้เป็นของท่าน ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ มันถูกบรรพชนเทพผนึกเอาไว้ แต่เพราะถ้ำของท่านอยู่ที่นี่ ท่านคิดว่าจะครอบครองของพิเศษนี้เป็นของตัวเองเชียวหรือ!”
หวังหลินได้เห็นความงดงามของนางเมื่อสามปีก่อน ความงามของนางกล่าวได้ว่าไร้ที่ติ ในชีวิตหวังหลินการจะได้เจอหญิงสาวที่สามารถเทียบความงดงามกับมู่ปิงเหมยนับว่าหายากนัก นางงดามแบบนั้น!
และนางเป็นถึงผู้สูงส่งชั้นฟ้า ดังนั้นจึงมีความรู้สึกอันพิเศษ
นางเชิดคางขึ้นมาจ้องมองหวังหลินอย่างเยือกเย็นและชี้ไปให้ “ข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นทุกอย่างในทะเลขุนเขาเป็นของข้า! หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ เจ้าก็เอามันไป แต่เจ้าทำได้หรือไม่? เจ้าเพิ่งมาที่นี่เมื่อสามปีก่อนและเจ้าก็ไม่สามารถรับข้าได้แม้แต่สามกระบวนท่า ตอนนี้ผ่านมาสามปียังจะลองอีกครั้งหรือ? ไร้สาระ!”
เพียงเท่านี้โลกก็เปลี่ยนสีสัน ท้องทะเลร้องคำรามพลางปรากฏวังวนขึ้นระหว่างนางและหวังหลินถึง 70 แห่ง แต่ละวังวนมีวิชาหนึ่งของนางอยู่ในนั้น
นางเริ่มด้วยกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าต้องการบังคับหวังหลินให้ออกไปด้วยกระบวนท่าเดียว!
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง วินาทีที่นางยกดัชนีขึ้นมา บนใบหน้าหวังหลินมีแสงกะพริบเบาบาง รอยสักกระทิงสวรรค์ที่ปิดซ่อนไว้นานพลันปรากฏตัวและปกคลุมทั่วร่าง
เกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้งในรอบห้าสิบปี!
พอหวังหลินนำเกราะวิญญาณออกมา กลิ่นอายระดับบ่มเพาะจึงเพิ่มพูนขึ้น เขากระโจนออกจากมังกรสมุทรและมองผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อที่ตกตะลึงกับเกราะวิญญาณ
“ผู้ส่งสาส์นวิญญาณ!” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อหรี่สายตา นางบอกได้ว่าในการต่อสู้ครั้งก่อนหวังหลินได้ออมมือไว้ แต่นางไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ส่งสาส์นวิญญาณที่มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะเสียอีก!
“เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าแต่ก็เป็นผู้ส่งสาส์นวิญญาณด้วย…แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้ในชั่วเวลาสั้นๆ เกราะวิญญาณทั้งหมดมีขีดจำกัด ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน!” นางคว้าจับอากาศและโบกสะบัดใส่ท้องฟ้า
……………………………………………………….
ตอนที่ 1930 วิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ข้าไม่จำเป็นต้องชนะท่าน ข้าแค่ต้องให้ท่านอยู่ที่เดิม!” หวังหลินเคลื่อนร่างและโคจรเส้นชีพจรเซียนทั้งห้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นปรากฏหวังหลินขึ้น 97 ร่าง!
รวมกับร่างดั้งเดิมจึงมีทั้งหมด 98 ร่าง!
ภาพติดตาทุกร่างเหมือนกับร่างดั้งเดิมและสมจริงอย่างยิ่ง
“หยุด!”
“หยุด!!”
“หยุด!!!”
ทุกร่างใช้วิชาเดียวกัน นั่นคือวิชายับยั้ง!!
เมื่อวิชานี้ปรากฏขึ้นมา โลกได้เปลี่ยนสีสันอีกครั้ง หวังหลินทั้ง 98 ร่างยืดแขนออกไปชี้ใส่สตรีงดงามด้านล่าง!
ทั้ง 97 ร่างผสานกับหวังหลินและปรากฏร่างเงายักษ์ขึ้นมา ร่างเงานี้คือดัชนีดูราวกับสามารถค้ำจุนฟ้าดินได้ทั้งหมด!!
ดัชนีปรากฏและชี้ใส่ผู้สูงส่งไฮ่จื่อ!!
ห้าสิบปีก่อนหวังหลินสวมเกราะวิญญาณและโจมตีด้วย 98 วิชาในครั้งเดียว เขาบดขยี้บรรพชนของสำนักเต๋ามารและบังคับให้ต้องใช้ชุดคลุมเต๋าช่วยชีวิตที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มอบให้
แม้แต่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยังต้องใช้สัมผัสวิญญาณออกมาลบล้างกระบวนท่าสะเทือนสวรรค์ของหวังหลิน!
วันนี้หวังหลินประลองกับผู้คนมาตลอดห้าสิบปีและควบคุมพลังของตัวเองได้ แม้จะไม่มีเกราะวิญญาณเขาก็สามารถชนะผู้สูงส่งชั้นฟ้าได้หลายคน ถึงจะเป็นบรรพชนสำนักเต๋ามาร หวังหลินก็สามารถชนะได้โดยไม่ต้องพึ่งเกราะวิญญาณ
หวังหลินแข็งแกร่งอยู่แล้วและแตกต่างจากห้าสิบปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้พอสวมเกราะวิญญาณและใช้เคล็ดเร่งความเร็วเพื่อผสานวิชา 98 อย่างในครั้งเดียว พลังของเขาจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อมีท่าทีเปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยใบหน้าไม่เชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวังหลินใช้พลังเต็มที่ วิชาทั้ง 98 อย่างนั้นได้ทำให้นางจิตใจสั่นเทา!
เพียงชี้นิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกคล้ายกับโดนหยุด สายลมทะเลหยุดเคลื่อนไหว คลื่นสงบนิ่ง การเคลื่อนไหวของโลกหยุดชะงัก
พลังที่สามารถทำให้ทุกอย่างหยุดลงได้ตกลงใส่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ พอส่งถึงนาง แม้แต่แขนขวายังหยุดเคลื่อนไหว วิญญาณดั้งเดิมไม่ตอบสนอง!!
วิชายับยั้ง 98 ครั้ง!
หวังหลินหน้าซีด วิชานี้มีพลังเต็มที่ของเขา หลังจากใช้ออกไปแล้วมันเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่หวังหลินไม่สามารถอธิบายได้ ช่างคุ้นๆ กับตอนที่โลกถูกแช่แข็งตอนที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ปรากฏตัว
“ระหว่างเราไม่มีความเกลียดชังอะไรกัน ข้าไม่ต้องการสังหารท่าน!” หวังหลินมองไฮ่จื่อและจึงหายวับเข้าไปในทะเล
ตอนนั้นวิชาของเขาทั้ง 98 ครั้งไม่สามารถผสานกันเป็นหนึ่งได้เหมือนเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า ท้ายที่สุดมันจึงเหมือนกองทหารเท่านั้นแต่ไม่ใช่เหล่าขุนพล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมหาชั้นฟ้าถึงสามารถทำลายได้เพียงแค่กำปั้นเดียว
ทว่าตอนนี้หากไม่มีร่างอวตารก็จะสามารถผสานเก้าวิชาเข้าไปในร่าง จากนั้นด้วยพลังบีบอัดอันลึกลับของร่างอวตาร เขาสามารถผสานวิชาได้ถึง 36 วิชา ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!
ก่อนหน้านี้มันเป็นกองทหารแตกกระเจิง แต่ตอนนี้มันเป็นกองทัพขุนพล แม้ขุนพลจะไม่ทรงพลัง แต่พลังของวิชาได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
หลังจากหยุดผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อไว้ได้ หวังหลินรู้ว่าคงไม่มีเวลานานนักจึงท่องทะยานไปสู่ส่วนลึกในท้องทะเลให้รวดเร็ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ถึงสี่ลมหายใจ หวังหลินมาถึงส่วนที่ลึกที่สุด แรงกดดันที่นี่มากพอจะบดขยี้ร่างกายของเซียนทั่วไปแต่ไม่เป็นปัญหากับหวังหลินที่มีร่างบัญชาโบราณ
หวังหลินส่งกำปั้นเข้าใส่พื้นทะเลจนเกิดเป็นวังวน 98 แห่งเบื้องหน้าและเขาพุ่งเข้าสู่พื้นทะเล
พื้นทะเลพังทลายและเกิดหลุมยักษ ์ น้ำจำนวนมากพุ่งเข้าไปข้างในจนเหมือนหลุมดำ
หวังหลินได้ค้นหาอยู่ในทะเลขุนเขาในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขารู้ว่าวิธีการค้นหาต้นไม้ขุนเขาทะเล!
หวังหลินพุ่งเข้าไปในหลุมดำและหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เวลานี้เป็นเวลาหกลมหายใจ! เจ้าปลาหมึกเองก็อยู่ในระยะของวิชายับยั้งด้วย ดังนั้นมันจึงไม่เคลื่อนไหว ส่วนสตรีงดงามยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวเหมือนก่อนหน้านี้ แม้แต่เปลือกตาก็ปิดลงไม่ได้
มังกรสมุทรอยู่ด้านข้างด้วยสายตาภูมิใจ มันร้องคำรามใส่ปลาหมึกด้วยภาษาที่มีแต่อสูรทะเลเท่านั้นที่เข้าใจ
พอเวลาผ่านไปถึงลมหายใจที่แปด หวังหลินปรากฏตัวขึ้นด้านใต้ของทะเลขุนเขา โลกข้างในหลุมดำแห่งนี้มีต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์!
ต้นไม้นี้คือครึ่งหนึ่งของทะเลขุนเขา กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตอไม้แห้งเหี่ยวแต่กิ่งก้านโผล่ออกมาค้ำจุนทะเลขุนเขา
ตรงกันข้ามหวังหลินกลับตัวเล็กจนมองไม่เห็น ต้นไม้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายและมีผนึกหลายชั้น นอกจากนี้ยังมีจิตสังหารทรงพลังราวกับต้นไม้ได้สังหารสิ่งมีชีวิตไปนับไม่ถ้วน!
ด้านนอกตอไม้แห้งเหี่ยวมีแสงแพรวพราวอยู่รอบต้นไม้ทั้งหมดเจ็ดแห่ง แต่ละแห่งมีขนาดเท่ากำปั้นและดูไม่สมกับต้นไม้ยักษ์เลย
แสงสีเขียวเหล่านี้คือสิ่งที่หวังหลินต้องการ พวกมันคือจิตวิญญาณต้นไม้ขุนเขาทะเลที่กำเนิดขึ้นหลังจากต้นไม้หลักได้ตายไป จิตวิญญาณเหล่านี้สามารถช่วยให้เซียนได้รับแก่นแท้ธาตุไม้
เดิมทีต้นไม้มีจิตวิญญาณอยู่จำนวนมาก หลังจากมันตายจึงมีหลายดวงถูกเอาไป ตอนนี้เหลือเพียงแค่เจ็ดเท่านั้น!
จิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขาไม่ได้อยู่ในผนึกแต่ลอยอยู่ด้านนอกด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนผนึกไม่ส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณ
เวลานี้ผ่านมาแล้วสิบลมหายใจ
หวังหลินเคลื่อนร่างเข้าใกล้ต้นไม้ทะเลขุนเขาและสะบัดแขน จิตวิญญาณจำนวนหกในเจ็ดดวงถูกเขาเอาไปและจากนั้นหันตัวกลับ
ขณะที่หันกลับมา หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดในดวงตา แสงสีทองในตาเปล่งประกายอย่างไร้การควบคุม การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หวังหลินต้องหยุดชะงัก
ความเจ็บปวดในตามีสัมผัสการเรียกหา ราวกับมีบางอย่างในต้นไม้ทะเลขุนเขากำลังเรียกดวงตาของหวังหลิน!
ดวงตาหวังหลินมีเศษกระบี่ของบรรพชนเทพ ทำให้เขามีพลังสะกดข่มผู้คน
เพียงแค่หันกลับมา เขาเห็นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาหา
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา พอหวังหลินสังเกตแสงสีทองนี้ได้ก็รับรู้ว่ามันเป็นเศษชิ้นส่วนสีทองในต้นไม้ที่มีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ!
‘เศษกระบี่ของบรรพชนเทพ!’ หวังหลินหรี่ตา
เศษสีทองขนาดเท่าฝ่ามือลอยเข้าหาหวังหลิน แทนที่มันจะเรียกหาหวังหลิน ราวกับหวังหลินกำลังเรียกหามัน
อย่างไรก็ตามผนึกรอบต้นไม้กลับเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับต่อต้านเศษชิ้นส่วนที่พยายามออกมา เสียงดังสนั่นกึกก้องจนท้ายที่สุดมีเศษชิ้นส่วนกว่าครึ่งแตกออกจากผนึก ส่วนที่เหลือยังอยู่ในผนึกและไม่สามารถลอยออกมาได้
วินาทีที่เศษกว่าครึ่งอยู่ด้านนอก สายตาหวังหลินเป็นประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น ราวกับเศษชิ้นส่วนที่คุ้นเคยในตาเขากำลังพุ่งออกมา
“ต้นไม้ทะเลขุนเขามีเศษชิ้นส่วนกระบี่ของบรรพชนเทพได้อย่างไร?!” ในห้าสิบปีที่ผ่านมา หวังหลินตั้งใจค้นหาของที่ชายชราจากอารามแมงป่องเขียวเติมเข้าสู่ร่างกายเขา นอกจากนี้เขายังต้องการเชี่ยวชาญร่างของตัวเองเพื่อเข้าใจต้นกำเนิดสิ่งของเหล่านี้
ลือกันว่ากระบี่ของบรรพชนเทพแตกสลายไปในการต่อสู้กับแมงป่องมารเขียว แต่หวังหลินได้ยินว่าตำนานแบบนี้มีไม่ถึงสิบแห่ง!
แทบทุกแคว้นจะมีตำนานที่เริ่มต้นว่าวิญญาณที่ผนึกข้างในแคว้นได้ทำให้กระบี่แตกสลาย หวังหลินไม่มีทางบอกได้ว่าแห่งไหนจริงหรือแห่งไหนเท็จ
แม้จะมีตำนานบอกว่ากระบี่แตกสลายไปเองหลังจากบรรพชนเทพหายตัวไป เศษส่วนเหล่านั้นได้กระจัดกระจายไปหลายแคว้น
ความคิดหลายอย่างเหล่านี้แล่นในหัวหวังหลินและเกิดความลังเล
‘ผนึกนี้บรรพชนเทพวางเอาไว้ การเอาเศษชิ้นส่วนนี้ไป…ก็เหมือนไปกระตุ้นพลังของผนึก!’
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปสิบห้าลมหายใจ หวังหลินตัดสินใจถอยกลับมาและไม่ได้ขยับร่างดั้งเดิม เขาใช้ร่างแก่นแท้สายฟ้าทะยานเข้าหาเศษกระบี่ พุ่งตรงไปคว้าจับมัน!
‘อารามแมงป่องเขียวก็มีผนึก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อย่างไรก็ตามผนึกนี้กลับแตกต่าง…ยิ่งพบว่ามันอันตราย ข้ายิ่งไม่ยอมจากไปแบบนี้!’ ร่างแก่นแท้สายฟ้าพุ่งออกไปคว้าเศษกระบี่
วินาทีนั้นพลังผนึกจากต้นไม้ทะเลขุนเขาได้ระเบิดออกมา!!
ตรงเศษกระบี่ได้เกิดเป็นระลอกคลื่น ก่อตัวเป็นใบหน้าใหญ่ยักษ์เต็มไปด้วยบารมีและมีพลังข่มเหงเข้าใกล้ร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลิน
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาจากใต้ท้องทะเล
‘มีปัญหาจริงๆ!’ หวังหลินแววตาเป็นประกาย
………………………………………………………..
ตอนที่ 1931 ใบหน้า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!” น้ำเสียงโบราณพลันดังกึกก้องในใจหวังหลิน ราวกับอยู่มาตั้งแต่อดีตกาลและดังสะท้อนกึกก้องระหว่างผนึก
หวังหลินขยับร่างดั้งเดิมก้าวถอยหลังโดยไม่ลังเล ร่างแก่นแท้ห้าธาตุพุ่งเข้าหาร่างแก่นแท้สายฟ้า ขณะเดียวกันใบหน้าขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาจากผนึกเพื่อพยายามกลืนกินร่างแก่นแท้สายฟ้า
นาทีที่ใบหน้าปรากฏขึ้นมา พลังดึงดูดทรงพลังได้โผล่รอบเศษกระบี่สีทองราวกับป้องกันไม่ให้เศษกระบี่จากไปไหน
ตอนนี้หากร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินปล่อยไปและล่าถอย เขาก็จะสามารถหลบหนีได้ แต่หากไม่ปล่อยก็จะตกอยู่ในอันตราย!
แววตาหวังหลินเกิดความเย็นเยียบ ร่างแก่นแท้สายฟ้ามีสายฟ้ากระจายออกมาเสียงดังสนั่น ทั้งนี้สายฟ้ายังเป็นสายฟ้าสังหาร!!
สายฟ้ากระจายและเกิดเสียงดังกึกก้องใต้ท้องทะเล สายฟ้าควบแน่นกลายเป็นแขนสายฟ้าขนาดยักษ์กดทับลงใส่ใบหน้าที่กำลังกลืนกิน!
ใบหน้านี้เลือนลางเกินไปจนไม่เห็นรายละเอียดอันใด ฝ่ามือสายฟ้าสังหารกดลงใส่ใบหน้าและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง
ใบหน้านั้นเผยท่าทีเจ็บปวด ด้วยการชะงักนี้ร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินจึงดึงเศษกระบี่ แต่ก็ต้องต้านทานกับพลังดึงดูดอันทรงพลัง เศษกระบี่ที่ติดอยู่ในใบหน้ากำลังโดนดึงออกมาหนึ่งนิ้ว!
อย่างไรก็ตามหนึ่งนิ้วดูเหมือนจะเป็นขีดจำกัดแล้ว ขณะที่ร่างแก่นแท้สายฟ้าดึงออกมา ร่างแก่นแท้ห้าธาตุได้พุ่งเข้าไปหาและดึงร่างแก่นแท้สายฟ้า
ร่างแก่นแท้สายฟ้าราวกับเป็นสะพานระหว่างพลังรุนแรงจากร่างแก่นแท้ห้าธาตุ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวและเศษกระบี่ดึงออกมาได้อีกหนึ่งนิ้ว!!
ตอนนี้เศษกระบี่ส่วนใหญ่ถูกดึงออกมาและยังติดอยู่ในผนึกแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้น!
หวังหลินนำร่างดั้งเดิมเข้าไปใกล้และโยนกำปั้นใส่ใบหน้าอีกฝ่าย ร่างเงาบัญชาโบราณปรากฎและโยนกำปั้นออกไปด้วยเช่นเดียวกัน
ท้องทะเลรอบด้านเกิดความปั่นป่วน น้ำทะเลหนุนสูงจนกลายเป็นวังวนทรงพลัง กำปั้นผสานกับฝ่ามือสายฟ้าเพื่อกระแทกใส่ใบหน้า หวังหลินคว้าจับร่างแก่นแท้ห้าธาตุและดึงออกมา!
พลังของร่างดั้งเดิมเข้าไปในร่างแก่นแท้ห้าธาตุ พอผสานเข้าด้วยกันจึงส่งพลังเข้าไปในร่างแก่นแท้สายฟ้า ร่างแก่นแท้สายฟ้าจึงดึงเศษกระบี่ออกมาจากใบหน้าเป็นเสียงดังปัง!!
หลังจากเศษกระบี่ถูกดึงออกมา พลังรุนแรงกระแทกเข้าสู่ร่างแก่นแท้ทั้งสอง จากนั้นสองร่างกระแทกใส่หวังหลินตามมาติดๆ จนเขากระเด็นกลับไป
อย่างไรก็ตามพลังรุนแรงไม่ได้สูญสลายไป มันเข้าไปในร่างหวังหลินจนเขาตัวสั่นและมีโลหิตไหลออกมาจากมุมปาก ด้วยระดับบ่มเพาะของผู้สูงส่งชั้นฟ้าและร่างบัญชาโบราณ เขายังบาดเจ็บได้ แสดงให้เห็นว่าทะเลแห่งนี้ทรงพลังแค่ไหน!
แต่นี่ยังไม่จบ ขณะที่หวังหลินบาดเจ็บและถูกดันออกไป ฝ่ามือสายฟ้าที่ต้านกับใบหน้าพลันแตกสลาย สายฟ้าแตกกระจาย
ฝ่ามือนี้ไม่ได้มีสายฟ้าสังหารมากนักเพราะถ้าร่างอวตารของหวังหลินใช้มากเกินไปจะทำให้ตัวเองแตกสลายไปก่อน นอกจากนี้สายฟ้าสังหารยังมีพลังอำนาจที่แม้แต่หวังหลินยังหวาดกลัว
ตอนนี้ถึงฝ่ามือจะพังทลายแต่สายฟ้าสังหารแค่กระจายเท่านั้นและไม่ได้รับความเสียหายเลย มันกลับคืนสู่ร่างหวังหลินทันที
เมื่อไม่มีฝ่ามือรั้งเอาไว้ ใบหน้านั้นจึงร้องคำรามและพุ่งทะยานมาหาหวังหลิน มันดูเหมือนไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้กลืนกินหวังหลินซึ่งไม่ใช่เซียนจากแผ่นดินเซียนดารา!
พริบตาเดียวมันอยู่ห่างจากหวังหลินไม่ถึงร้อยฟุต ไม่ว่าเขาจะถอยไปมากแค่ไหน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยผนึกเขตอาคมก็ยังไล่ตามเขาอย่างกระชั้นชิด!!
หากมองจากอีกมุมหนึ่งคงจะเห็นได้ว่าขณะที่หวังหลินถอยหนี ราวกับมีส่วนลำคอยืดยาวออกมาจากต้นไม้ทะเลขุนเขา ลำคอนี้เชื่อมต่อกับใบหน้าและผนึก มันยืดยาวออกมากกว่าพันฟุตตามใบหน้าที่กำลังไล่ตามหวังหลิน
หากมองไกลๆ ใบหน้าและลำคอดูราวกับอสรพิษยักษ์!!
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!” เสียงโบราณดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับเต็มไปด้วยเจตจำนงและภารกิจอันใหญ่หลวง ทั้งยังมีความแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
หวังหลินดวงตาแดงก่ำ ตั้งแต่ได้พลังต่อสู้ระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้ามา เขาไม่เคยเจออันตรายขนาดนี้ในรอบห้าสิบปี แต่หวังหลินไม่มีเวลามากนัก ตั้งแต่ตัดสินใจน้อมรับอันตรายนี้ เขาไม่มีวันเสียใจ!
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมากำหมัด ปรากฏภาพติดตารอบตัว 97 ร่าง!
ทั้งหมดสร้างผนึกและส่งฝ่ามือขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ขบวนทัพเทพสะท้าน!”
“วิชาปิศาจ ขุนเขาสายลมและเปลวเพลิง!”
“เต๋ามาร หวนคืนชีวิตและความตาย!”
“เทพ มาร ปิศาจ บัญชาโบราณไร้เหล่าเทพ!” ทุกร่างเงาพูดประโยคทั้งสี่และโยนกำปั้นออกไป ภาพติดตาทั้ง 97 ร่างกลับคืนสู่หวังหลิน ระลอกคลื่นสีเทาแผ่กระจายเข้าหาใบหน้าที่กำลังตามมา
นับว่าเป็นพลังทั้งหมดที่หวังหลินใช้ร่วมกับเกราะวิญญาณและไม่สงวนพลังเอาไว้เลย! หลังจากท้าทายผู้คนมามากกว่าห้าสิบปี เขาไม่เคยใช้พลังแบบนี้เลยสักครั้งเดียว แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับผนึก หวังหลินจึงต้องปลดปล่อยการโจมตี!
ระลอกคลื่นสีเทาปะทะกับใบหน้ายักษ์ เกิดเป็นเสียงแตกร้าวดังสนั่น ใบหน้าเริ่มกลายเป็นหินอยู่ห่างจากหวังหลินสามสิบฟุต ไม่เพียงแต่ใบหน้ายังมีสิ่งที่คล้ายลำคอซึ่งเชื่อมต่อกับผนึกก็ได้เริ่มกลายเป็นหิน
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ก่อนที่จะกลายเป็นหินได้อย่างสมบูรณ์และยังมีสีเทากระจายออกไป ใบหน้าส่วนหนึ่งที่กลายเป็นหินไปก่อนก็พลันกลับมามีสี เผยสัญญาณฟื้นคืน!
‘แม้แต่บัญชาโบราณไร้เหล่าเทพก็ไม่สามารถทำลายมันได้อย่างสมบูรณ์ ใบหน้าปิดผนึกยังฟื้นตัวได้เร็ว อีกไม่กี่ลมหายใจมันก็ฟื้นคืนได้หมดแล้ว!’ หวังหลินหรี่ตาแคบ หากเขาถอยในตอนนี้ มั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่าจะหนีลอดผ่านหลุมและกลับคืนสู่ทะเลขุนเขาได้และตรงออกไปนอกทะเล!
แต่หวังหลินไม่ยอมจากไปแบบนี้! แววตาฉายแววเย็นเยียบ ผนึกได้ทำร้ายเขาไปแล้ว แม้การหนีจะมั่นใจถึงแปดในสิบส่วนแต่ก็ยังมีอีกสองส่วนที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเป็นแบบนี้ขึ้นมาและเรื่องที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อกำลังฟื้นคืน เขาอาจเสียเปรียบยิ่งขึ้นไปอีกจากการโดนโจมตีจากสองฝั่ง!
หวังหลินคงไม่เดิมพันกับเรื่องแบบนี้ เขาอยากจะกุมชะตาชีวิตของตัวเอง!
‘ข้าถอยไม่ได้!’ ดวงตาหวังหลินเป็นประกาย แทนที่จะล่าถอยกลับก้าวไปข้างหน้าและปรากฏตัวเบื้องหน้า ชั้นหินบนใบหน้าได้แตกสลายและกำลังเป็นอิสระ ลำคอของใบหน้าเกิดการบิดเบี้ยวและกำลังกลืนกินหวังหลิน
อย่างไรก็ตามลำคอส่วนใหญ่กลายเป็นหิน แม้กำลังฟื้นฟูอยู่ก็ยังใช้เวลาอีกหลายลมหายใจเพื่อมาถึงศีรษะ
หวังหลินร้องคำราม ขณะที่ศีรษะนั้นกำลังหันกลับมา เขายกแขนขวาขึ้น สัมผัสความเจ็บปวดพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกับดาบหยินขนาดสามสิบฟุตยืดออกมาจากแขนขวา!
วินาทีนั้นน้ำในทะเลรอบด้านถูกแช่แข็ง!
“ตาย!!” หวังหลินยืมพลังของเกราะวิญญาณ ร้องคำรามและให้ภาพติดตา 97 ร่างปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทั้งหมดดวงตาแดงฉานและยกดาบหยินของตัวเองขึ้น
วินาทีที่ดาบฟาดฟันลงไป ร่างทั้ง 97 ร่างได้สร้างกระบวนท่ากระบี่ 97 ครั้งผสานกลับเข้าสู่หวังหลิน! มองไกลๆราวกับดาบทั้ง 98 เล่มเชื่อมประสานต่อกันกลายเป็นรูปทรงใบพัดฟาดฟันลงใส่ลำคอที่เชื่อมกับใบหน้า
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทะเลขุนเขา ลำคอที่เชื่อมต่อกับใบหน้าเผยสัญญาณพังทลาย ดาบที่เหลือตามกันไปและเกิดเสียงดังสนั่น!
ลำคอถูกดาบผ่าครึ่งออกไป!
เสียงสั่นเทารุนแรงดังออกมาจากด้านล่าง ทำให้ทั่วทั้งทะเลสั่นไหวและกลายเป็นวังวน เจ้ามังกรสมุทรม้วนตัวทำเป็นท่าทางยั่วโมโหและร้องคำรามใส่เจ้าปลาหมึกด้วยภาษาที่มีแต่พวกมันเข้าใจ
ไม่รู้ว่าเจ้าปลาหมึกได้ยินหรือไม่ แต่ดวงตาของมันเกิดความโกรธเกรี้ยวและบ้าคลั่ง ราวกับได้ยินทุกอย่าง
ทว่าแรงสั่นสะเทือนจากก้นทะเลทำให้มังกรสมุทรตกตะลึงไปชั่วจังหวะ มันรู้สึกถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวงและรีบหนีโดยไม่ลังเล
หลังจากมันไป ร่างของผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อก็สั่นเทา แววตาเผยความเย็นเยียบ!
“หวังหลิน!!!” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อฟื้นคืนแล้ว!
…………………………………………………………
ตอนที่ 1932 ฝ่ามือที่แตกหัก!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วินาทีที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อฟื้นคืนกลับมาได้ หวังหลินได้ตัดลำคอที่เชื่อมกับใบหน้าภายในผนึกที่อยู่ส่วนลึกของทะเลขุนเขา
นาทีนั้นใบหน้าส่งเสียงคำรามและหันกลับมา แต่มันก็พังทลายไปทีละชิ้นต่อหน้าหวังหลิน มันเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงและหายเข้าไปในทะเล
หยดโลหิตไหลจากปลายดาบจนถึงแขนขวา ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่กระจายออกไปพร้อมกับคมดาบหายกลับเข้าไปแขน
หวังหลินระเบิดพลังเต็มด้วยการใช้ดาบ ดาบหยินในแขนขวารู้สึกคล้ายกับกำลังแตกสลายจากพลังสะท้อน
“ต้องการผนึกข้าหรือ?” หวังหลินหายใจหอบ ระดับบ่มเพาะของเขาสูงมากดังนั้นจึงยังหายใจได้เป็นปกติแม้จะอยู่ในน้ำ ขณะที่สูดเข้าไป ฟองน้ำพุ่งขึ้นมาแต่ไม่มีน้ำอยู่ข้างใน ลมอากาศข้างในน้ำถูกสูดเข้าไปในปาก
หวังหลินหันกลับมามองผนึกแต่ละชั้นของต้นไม้ทะเลขุนเขา ผนึกบนต้นไม้ไม่ได้ถูกดาบทำลาย เสียงระลอกคลื่นดังสนั่นและกลับคืนสู่ปกติ
หวังหลินแววตาเป็นประกาย เขาไม่ได้จากไปในทันทีแต่ตรวจสอบอาการบาดเจ็บและเวลาที่เหลืออยู่บนเกราะวิญญาณ เนื่องจากหวังหลินได้แสดงพลังออกไปเต็มที่ เวลาที่เหลือจึงลดลงไปอย่างมากจนอยู่ได้เพียงครึ่งก้านธูปไหม้เท่านั้น
‘แค่นั้นก็พอ!’ หวังหลินหายใจเป็นปกติและพุ่งทะยานขึ้นไป เขาปรากฏตัวขึ้นถัดจากหลุมดำอย่างรวดเร็ว ออกมาจากส่วนลึกและเข้าสู่ทะเลขุนเขา
ขณะที่ออกมา เจ้ามังกรสมุทรได้เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว มันส่งเสียงคำรามและมีแววตาเปี่ยมสุข หวังหลินพยักหน้าและทั้งสองทะยานขึ้ไปด้วยกัน
เขาสังเกตได้แล้วว่าวิชายับยั้งที่มีผลกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อได้หมดประสิทธิภาพไปแล้ว
เสียงโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากบนทะเล
“หวังหลิน!!!” ทะเลสีครามเปลี่ยนกลายเป็นสีดำ น้ำทะเลด้านหน้าหวังหลินกลายเป็นสีดำดุจน้ำหมึก สาหร่ายขนาดใหญ่ปัดป่ายจนเกิดเป็นวังวนพุ่งหาหวังหลิน
“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกแล้ว ระหว่างเราไม่มีความเกลียดชังอะไรกันและจิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขาก็ไม่ได้เป็นของท่าน หากท่านยังทำแบบนี้อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม!” หวังหลินนิ่งเฉยและควบคุมมังกรสมุทรให้หลีกเลี่ยงน้ำทะเลสีดำ
“ทั่วทั้งทะเลขุนเขาคือถ้ำของข้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าเข้าออกได้ตามต้องการได้อย่างไร?! ค่ายกลทะเลขุนเขา!” ชื่อของผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อคือยี่ถิง แต่เพราะนางอาศัยอยู่ในทะเลตลอดทั้งปีและกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่นี่ นางจึงถูกเรียกว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อเหมือนที่หวังหลินถูกเรียกว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว!
หลังจากนางเอ่ยปาก น้ำทะเลรอบด้านจึงเปลี่ยนเป็นสีดำ ชั้นน้ำหมึกก่อตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ
ชั้นน้ำหมึกนี้แข็งแกร่งมากและผนึกได้แทบทุกส่วนของทะเลขุนเขา หากมองจากด้านบนคงเห็นได้ว่าทะเลขุนเขากลายเป็นพื้นปฐพีสีดำ!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อปรากฏตัวขึ้นในทะเล เจ้าปลาหมึกพุ่งเข้าหามังกรสมุทรพร้อมกับเสียงคำราม
มันเกลียดเจ้ามังกรสมุทรลึกถึงกระดูก ขณะที่พุ่งออกมาจึงเกิดระลอกคลื่นดังกึกก้องไปทั่ว เจ้ามังกรสมุทรเผยสายตาดุร้ายและร้องคำรามเข่นกัน มันพุ่งออกไปและเริ่มต่อสู้กับเจ้าปลาหมึก
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองสัตว์ทะเลได้ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วและเกิดคลื่นรุนแรงแผ่กระจายออกไปไกล
ขณะเดียวกันไฮ่จื่อก็มองเห็นหวังหลินก้าวเดินไปข้างหน้า นางไม่ได้เกลียดหวังหลินจริงๆ ตรงกันข้ามเมื่อสามปีก่อนนางเกิดความประทับใจหวังหลินเล็กน้อยเท่านั้น ในใจไม่มีความปั่นป่วนราวกับนางบังเอิญเจอคนแปลกหน้า
หลังจากหวังหลินพ่ายแพ้การต่อสู้ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อก็ลืมเขา แต่ตอนนี้แตกต่างกัน หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งสามปีถัดมาและหยุดนางได้มากกว่าสิบลมหายใจเพียงกระบวนท่าเดียว!!
นี่เป็นสิ่งที่นางยอมรับไม่ได้และนางโกรธกริ้วมากที่สุด! ต้องบอกว่าถึงแม้นางจะเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้า นางก็เป็นเซียนสตรีด้วยเช่นกัน ในฐานะหญิงสาว การถูกหยุดโดยไม่สามารถต้านทานอะไรได้นั่นหมายถึงความอับอายและโกรธเกรี้ยว!
แม้ต้นไม้ทะเลขุนเขาจะสามารถกลั่นแก่นแท้ไม้ออกมาได้ มันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับนาง ในแผนเดิมแล้วหากหวังหลินถ่อมตัวมากกว่านี้และขอนาง นางอาจจะยอมยกให้หวังหลินอยู่บ้างในฐานะสหายผู้สูงส่งชั้นฟ้า
แต่ไม่ว่าจะเป็นสามปีก่อนหรือสามปีถัดมา หวังหลินก็ยังคงเฉยเมย เรื่องแบบนี้ทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อถึงกับโกรธจนนางตั้งใจจะทำให้หวังหลินลำบาก
นางมีระดับบ่มเพาะทรงพลังและมีสถานะอันน่าเคารพ ดังนั้นนอกจากผู้สูงส่งชั้นเทวะไม่กี่คนแล้ว พวกเซียนทั่วไปไม่คู่ควรให้นางเสียเวลาให้ เพราะสถานะอันสูงส่งนี้จึงทำให้นางสามารถครอบครองได้ทั้งทะเลขุนเขาและไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้นาง
แต่นางไม่คิดว่าจะถูกหยุดไว้ถึงสิบลมหายใจ!
หวังหลินเผชิญการมาถึงของไฮ่จื่อจนต้องขมวดคิ้ว เกราะวิญญาณของเขามีเวลาจำกัดและไม่ต้องการเสียเวลากับนาง แต่หากนางยังดื้อดึงเขาจะทำให้นางบาดเจ็บสาหัสให้เร็วที่สุดโดยไม่คิดให้มากความ!
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น ขณะที่ไฮ่จื่อเข้าใกล้ หวังหลินก้าวไปข้างหน้า ปรากฏภาพติดตา 97 ร่างและพุ่งเข้าหาไฮ่จื่อทันที
พลันยกแขนขวาและโบกสะบัดใส่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ!
ตอนที่เขายกฝ่ามือ ภาพติดตาทั้ง 97 ร่างก็ยกแขนขวาขึ้นเช่นกัน ประทับวิญญาณสงครามทั้ง 98 ครั้งผสานรวมกันเป็นหนึ่งและทะยานเข้าหาไฮ่จื่อ
ไฮ่จื่อกัดฟันแน่นและสะบัดแขน แสงสีฟ้าเปล่งประกายปรากฏกระดิ่งยักษ์และปล่อยเสียงแหลมเสียดแก้วหู วิหคสีฟ้าปรากฏขึ้นภายในกระดิ่งและมันกระพือปีกถึงเจ็ดสิบครั้ง เจ็ดสิบวิชาพลันปรากฏขึ้นมาพร้อมทะยานเข้าหาประทับวิญญาณสงครามของหวังหลิน
ไฮ่จื่อยกแขนและชี้ออกไป
“เต๋าแรก ชีวิตติดตามโชคชะตา!” ไฮ่จื่อชี้และปรากฏผนึกรูปทรงรีขึ้นเบื้องหน้า มันสร้างขึ้นจากการวาดถึงเจ็ดสิบครั้งและมีวิชาของนางเจ็ดสิบวิชา!
“เต๋าที่สอง ไม่อาจท้าทายสวรรค์!” ไฮ่จื่อกัดฟัน ใบหน้างดงามของนางซีดเผือด โลหิตไหลออกจากมุมปาก ราวกับนางใช้วิชานี้ออกมาได้ยากมาก!
ผนึกวงรีที่มีเจ็ดสิบวิชาเกิดการพองตัว เปลี่ยนจากวิชา 70 วิชากลายเป็นเส้นวาด 96 สาย!
เส้นวาดทั้ง 96 สายนี้เหมือนกับ 96 วิชาที่ผสานเข้าด้วยกัน ผนึกวงรีพุ่งหาหวังหลินด้วยกลิ่นอายอันน่าตกตะลึง
ประทับวิญญาณสงครามของหวังหลินปะทะเข้ากับวิหคสีคราม เกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้องและวิหคได้พังทลายเปลี่ยนกลับเป็นกระดิ่ง ประทับวิญญาณสงครามที่เหลือทะยานไปข้างหน้าแต่พอสัมผัสกับผนึกมันก็หายไปอย่างเงียบงัน!
‘นี่มันวิชาแบบไหนกัน?!’ ผนึกทรงรีทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายรุนแรง หวังหลินยกแขนขึ้นมาที่ศีรษะและงอร่างไปด้านหลัง ภาพติดตา 97 ร่างปรากฏขึ้นมาราวกับกำลังจะขวิด!
“กระทิงขวิด!!”
วิชาของกระทิงสวรรค์ที่ทำให้บรรพชนเต๋ามารหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หวังหลินทั้ง 97 ร่างขยับไปด้วยกันและมีร่างเงากระทิงสวรรค์ขนาดใหญ่ปรากฏ มันมีวิชาถึง 98 วิชา พุ่งเข้าหาผนึกทรงรี
หวังหลินและไฮ่จื่อต่อสู้กันด้านบน ลึกเข้าไปใต้ทะเลมีหลุมดำที่หวังหลินเปิดออกมาและนั่นคือจุดที่ต้นไม้ทะเลขุนเขาตั้งอยู่
ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงประหลาดได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้านข้างต้นไม้ทะเลขุนเขา ตรงชั้นด้านนอกผนึกมีแสงน่ากลัวปรากฏขึ้นตรงจุดที่หวังหลินทำลายใบหน้า แสงเหล่านี้มีความดุร้ายและหิวกระหาย พวกมันยังมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัวอีกด้วย
แต่กลิ่นอายนี้ประหลาดมากและไม่กระจายออกไปแม้แต่น้อย มันไม่ได้ถูกหวังหลินและไฮ่จื่อที่กำลังต่อสู้ด้านนอกสังเกตได้เลย
ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ละอองแสงน่ากลัวเพิ่มมากขึ้นและมีไม่น้อยกว่าแสนจุด พวกมันผสานเข้าด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆ
มันไม่ได้ก่อเกิดใบหน้าเหมือนก่อน แต่เป็นฝ่ามือที่แตกหัก!!
เป็นฝ่ามือที่ไร้แขน ดังนั้นจึงเรียกว่าฝ่ามือเท่านั้น!
ฝ่ามือนี้เดิมทีขนาดใหญ่มากและสูงหลายพันฟุต แต่หลังจากปรากฏขึ้นมามันก็หดตัวลงจนเหลือขนาดเท่าฝ่ามือของคนธรรมดา สีสันของมันแทบโปร่งแสง ซึ่งหากไม่มองอย่างละเอียดก็สังเกตได้ยากมาก
ใจกลางฝ่ามือคล้ายกับมีอักขระพร่าเลือนอยู่
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!!” น้ำเสียงเลือนลางดังออกมาจากฝ่ามือ มันทะยานตรงขึ้นไปพร้อมกับทะเลส่งเสียงดังสนั่น
ตอนนี้หวังหลินที่กำลังต่อสู้กับไฮ่จื่อ กลับไม่ทันได้สังเกตว่าฝ่ามือปรากฏขึ้นและมาถึงแล้ว!
…………………………………………………..
ตอนที่ 1933 เปลี่ยนแปลง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผิวน้ำส่วนใหญ่ของทะเลขุนเขาถูกน้ำหมึกสีดำปิดผนึก น้ำหมึกนี้แข็งแกร่งมากและถูกสร้างขึ้นจากค่ายกล มันจึงไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ
ด้านในทะเล หวังหลินและไฮ่จื่อกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
ไฮ่จื่อใช้วิชาประหลาดกระอักโลหิตเพื่อสร้างผนึกที่มีวิชา 96 วิชา ส่งผนึกทรงรีเข้าไปหาหวังหลิน
แม้หวังหลินจะตกตะลึงเขาก็ต้านทานด้วยกระทิงขวิด ร่างเงากระทิงสวรรค์เข้าปะทะกับผนึกทรงรี
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันราวกับทะเลกำลังแยกออกเป็นสองส่วน
ไฮ่จื่อหน้าซีดและกระเด็นกลับมา นี่เป็นวิชาที่อาจารย์ของนางสอนให้และทรงพลังมาก แม้นางจะยังไม่สามารถควบคุมรูปแบบที่สองได้ แต่ก็มีน้อยคนมากในระดับต่ำกว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะจะเทียบเคียงนางได้!
กระนั้นตอนนี้นางได้มาเจอหวังหลิน!!
หวังหลินล่าถอยไปเช่นกัน ลมหายใจถี่รัว พอกระทิงสวรรค์พังทลาย เกราะวิญญาณบนร่างกายเผยอาการแตกสลายไปด้วย
หวังหลินดวงตาเป็นประกาย เขายกแขนขวาขึ้นมาปรากฏภาพติดตา 97 ร่าง ชี้ใส่ไฮ่จื่อที่กำลังถอย!!
“หยุด!”
“หยุด!!”
“หยุด!!!” หวังหลินใช้วิชายับยั้งเป็นครั้งที่สองเบื้องหน้าไฮ่จื่อ ภาพติดตา 97 ร่างผสานกันอีกครั้งเป็นดัชนีที่นางรู้สึกกลัว โกรธเกรี้ยวและอับอาย!!
“หวังหลิน เจ้า…” ไฮ่จื่อไม่ได้พูดจนจบ เพราะว่านางบาดเจ็บจึงถูกหยุดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง เนื่องเพราะวิญญาณดั้งเดิมโดนหยุดเอาไว้และนางไม่มีเจ้าปลาหมึกแบกรับ นางจึงเริ่มตกลงไปอยู่ใต้ทะเล
กระนั้นในเมื่อนางกล้าหยุดหวังหลิน นางก็เตรียมตัวมาแล้ว แม้การเตรียมตัวจะรีบไปเล็กน้อยและลดความระมัดระวังจนหวังหลินใช้จังหวะโจมตีอันยอดเยี่ยม มีเพียงวิญญาณดั้งเดิมของนางที่หยุดลง ดวงตาและความคิดยังคงทำงานเหมือนปกติ
นางจ้องมองหวังหลินที่ห่างออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกละอายและโกรธเกรี้ยว ถ้าไม่ใช่เพราะปากนางขยับไม่ได้ นางคงกัดฟันไปแล้ว
หวังหลินไม่ได้ใช้วิชายับยั้งในทันทีมีอยู่สองเหตุผล หนึ่งเป็นเพราะในเมื่อนางกล้าลองดีมาหยุดเขา นางก็ต้องเตรียมการมาบ้างและมั่นใจว่าสามารถต่อต้านวิชายับยั้งของเขาได้!
ดังนั้นแล้วหวังหลินจึงไม่ใช้มันในทันทีและรอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสม!
เหตุผลที่สอง ถึงแม้หวังหลินจะถูกไฮ่จื่อหยุดเอาไว้ นางก็คงจะไล่ตามเขาเมื่อเป็นอิสระมาได้ เว้นแต่นางจะบาดเจ็บสาหัสและหลบหนีไป
ตรงกันข้าม แทนที่จะหยุดนางและทำให้นางบาดเจ็บสาหัส กลับเป็นทำให้นางบาดเจ็บสาหัสแล้วค่อยหยุดนางเสียจะดีกว่า จากนั้นนางคงไม่กล้าตามมา!
หลังจากหยุดไฮ่จื่อได้ หวังหลินกำลังจะเตะเจ้าปลาหมึกออกไปให้ห่างและพามังกรสมุทรไป สัมผัสวิญญาณของเขากวาดผ่านไฮ่จื่อที่กำลังจมลงไปในน้ำโดยไม่รู้ตัว
ทว่าเขากลับต้องตกตะลึง
สถานที่ที่เขาต่อสู้กับไฮ่จื่ออยู่ไม่ไกลจากพื้นทะเล นางที่กำลังจมลงไปก็อยู่ห่างจากหลุมดำไม่ไกลนัก
หวังหลินกวาดสัมผัสวิญญาณจนเห็นระลอกคลื่นเลือนลางและมีบางอย่างพุ่งออกมาจากหลุมดำเข้าหาไฮ่จื่อที่สูญเสียพลังในการต่อต้าน!
ราวกับมีบางอย่างแปลกประหลาดอยู่ในระลอกคลื่น แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!” สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายผ่านน้ำทะเลเข้าสู่จิตใจหวังหลินและทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล!!
‘มันไม่ตาย!!’
หวังหลินรู้สึกหนังศีรษะด้านชา เขาอยู่ไกลเกินกว่าจะรู้ได้ว่าใบหน้านั้นทรงพลังแค่ไหน หวังหลินกำลังจะจากไปแต่ก็ถูกหยุดอีกครั้ง
วิญญาณดั้งเดิมของไฮ่จื่อถูกหยุดแต่ดวงตาและความคิดยังคงเคลื่อนไหว นางเห็นความผันผวนในน้ำทะเลและมีร่างเงาเลือนลางกำลังเข้ามาใกล้นาง
ในใจเกิดความรู้สึกอันตรายไม่อาจอธิบายได้ ความอันตรายนี้รุนแรงยิ่งกว่าการต่อสู้กับหวังหลิน ความจริงแล้วนางไม่เคยเจออะไรที่ทำให้รู้สึกอันตรายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!
ดวงตาของนางเบิกกว้าง นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และไม่มีพลังในการต่อต้าน นางทำได้แค่เพียงมองดูร่างเงากำลังโผล่ออกมาจากระลอกคลื่นและพุ่งเข้าหานางจากด้านขวา!
ไฮ่จื่อผู้แข็งแกร่งจึงเผยความหวาดกลัวและอ่อนแออย่างไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ร่างกายของนางสั่นเทาและพยายามเป็นอิสระจากวิชายับยั้ง!
ความรู้สึกความเป็นความตายนี้เองทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าแต่เป็นหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง การเผชิญหน้ากับสิ่งน่าหวาดกลัวเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกสิ้นหวัง!
ระลอกคลื่นในน้ำทะเลคือฝ่ามือที่ยื่นออกมาจากหลุมดำ มันดูเหมือนบ้าคลั่งไปแล้วและไม่สนว่าเจอกับใคร มันบอกแต่ว่า “ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!”
ตอนนี้หากหวังหลินต้องการจากไปตอนนี้ก็สามารถทำเมินเฉยไฮ่จื่อได้เลย หากเขาหนีได้เร็วพอก็สามารถหนีได้โดยใช้ไฮ่จื่อเป็นเหยื่อล่อ
แต่หลังจากสองจิตสองใจ เขาหันกลับมาและพุ่งไปหาไฮ่จื่อด้านล่าง!
‘ในชีวิตข้า ข้าไม่ใช่คนเลวหรือสุภาพบุรุษ ข้ามักจะถามเสมอว่าข้าสามารถใช้ชีวิตตามการตัดสินใจของข้าได้หรือไม่ ข้าไม่มีความเกลียดชังระหว่างไฮ่จื่อ นี่คือถ้ำของนางและเป็นธรรมดาที่นางจะคุ้มกัน!’ หวังหลินเคลื่อนร่างหมื่นฟุตอย่างรวดเร็ว
‘ผนึกทะเลขุนเขาโผล่ขึ้นมาก็เพราะข้า และตอนนี้นางถูกข้าหยุดเอาไว้ หากข้าหนีตอนนี้และละทิ้งนาง นั่นแปลว่าข้าตัดสินใจแล้วว่ามันไม่คุ้มค่าต่อจิตใจของข้า!’
‘หากข้าไม่สามารถยึดมั่นในหนทางของตัวเอง ข้าต้องทำสิ่งใดถึงจะฝืนลิขิตสวรรค์และชุบชีวิตหวานเอ๋อร์ได้? ต้องศรัทธาสิ่งใดถึงจะทำให้ข้าก้าวไปบนจุดสูงสุด!? บางทีคนอื่นอาจทำได้ แต่ข้าหวังหลินทำไม่ได้!’ หวังหลินเผยสายตามุ่งมั่น พุ่งทะยานเข้าหาไฮ่จื่อ
การกระทำของเขานั้นไฮ่จื่อมองเห็นอยู่เช่นกัน นางตกอยู่ในความสิ้นหวังและตกตะลึง
หวังหลินเคลื่อนที่มาเร็วมากและเข้ามาภายในระยะสี่ร้อยฟุต ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหนก็ไม่เร็วไปกว่าฝ่ามือนั้นซึ่งอยู่ห่างไฮ่จื่อไม่ถึงสามร้อยฟุต!
ฝ่ามือมีความโหดเหี้ยม กระหายโลหิตและสัมผัสความบ้าคลั่งที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ มันเปิดนิ้วทั้งห้าพุ่งเข้าหาไฮ่จื่อ
หวังหลินสามารถใช้วิชายับยั้งได้แต่ไม่สามารถสลายมันได้เว้นแต่ระดับบ่มเพาะของเป้าหมายจะอยู่ต่ำกว่า ไฮ่จื่อเป็นถึงระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้า ดังนั้นระดับบ่มเพาะของนางจึงสูงมากกว่าหวังหลิน เขาจึงไม่สามารถทำลายมันได้ในชั่วเวลาสั้นๆ
ทะเลขุนเขาถูกนางผนึกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายพริบตาออกไปได้ ฝ่ามือกำลังจะกลืนกินไฮ่จื่อเข้าไปแล้ว นางเต็มไปด้วยแววตาสิ้นหวัง ด้านหวังหลินร้องคำรามและระเบิดเส้นชีพจรเซียนทั้งห้าออกมา มันโคจรอย่างบ้าคลั่งทำให้หวังหลินเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าที่เคยทำได้มาก่อน!!
ความเร็วนี้เกิดจากเคล็ดเร่งความเร็วที่ใช้พลังอย่างเต็มที่ หวังหลินเคลื่อนไหวปรากฏภาพติดตา 97 ร่าง ตามมาด้วยร่างที่ 98!
รวมกับร่างดั้งเดิมแล้วจึงรวมเป็น 99 ร่าง!
ใช้พลังที่เพิ่มขึ้นจากเคล็ดเร่งความเร็วนี้ทำให้ความเร็วของหวังหลินเพิ่มพูน เมื่อฝ่ามือนั้นอยู่ห่างจากไฮ่จื่อไม่ถึงสามนิ้วและมีกลิ่นอายดุร้ายเข้าใกล้นาง พลังอันรุนแรงได้กระแทกเข้าใจตรงกลางระหว่างฝ่ามือและไฮ่จื่อทำให้นางกระเด็นออกไปอย่างรวดเร้ว
ไฮ่จื่อเห็นร่างหวังหลินตอนที่นางกระเด็นออกไป
ร่างกายของนางสั่นเทา ตอนนี้นางกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้ว
หวังหลินเปลี่ยนแขนขวาเป็นดาบหยินและฟันลงใส่ฝ่ามือแตกหัก
ฝ่ามือนั้นไม่สนใจไฮ่จื่อแล้วและเปลี่ยนเป้าหมายมาที่หวังหลิน
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!” สัมผัสวิญญาณดังกึกก้องในใจหวังหลินพร้อมกับปะทะเข้ากับดาบหยิน
หวังหลินกระเด็นออกไป โลหิตไหลจากมุมปากทว่ามีร่างนุ่มนวลได้จับเขาเอาไว้ และนั่นคือไฮ่จื่อ นางกัดริมฝีปากและรีบดึงหวังหลินออกไปยังผิวน้ำ
ฝ่ามือแตกหักนั้นถูกดาบหยินผ่าเป็นสองส่วนแต่ไม่ได้สูญสลายไป มันฟื้นคืนกลับมาดั้งเดิมและไล่ตามทั้งสองคน
ฝ่ามือเริ่มเคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า มันไล่ตามมาทันในทันทีทำให้หวังหลินและไฮ่จื่อไม่มีเวลาหลบหลีกได้เลย หวังหลินยกแขนซ้ายและส่งกำปั้นออกไป
ตอนที่เขาชก ภาพติดตา 98 ร่างปรากฏขึ้นรอบตัวและควบแน่นเป็นกำปั้นเดียวพุ่งทะยานเข้าหาฝ่ามือราวกับประกายสายฟ้า
ขณะเดียวกันไฮ่จื่อสะบัดแขนและใช้ผนึกวงรี บังคับให้มีวิชา 90 วิชาผสานเข้าด้วยกัน พุ่งทะยานเข้าหาฝ่ามือตามหลังกำปั้นของหวังหลิน
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องจนทะเลปั่นป่วน ฝ่ามือเกิดการพังทลายแต่มันเปลี่ยนกลายเป็นละอองแสงน่ากลัวนับไม่ถ้วนและเข้าสู่แขนซ้ายของหวังหลิน!
ฝ่ามือนี้ได้กลายเป็นเป็นฝ่ามือซ้ายของเขาไปด้วย!
ละอองแสงน่ากลัวนับไม่ถ้วนเข้าสู่แขนซ้ายหวังหลิน คลื่นความเจ็บปวดรุนแรงปะทุขึ้นมาจนหวังหลินต้องหน้าซีด ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลจนร่างหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรง ละอองแสงจำนวนมากรวมตัวกันราวกับเป็นถุงมือสีดำปรากฏขึ้นปกคลุมแขนซ้าย!!
แขนซ้ายกลายเป็นสีดำสนิท ถุงมือเริ่มลุกลามแผ่กระจายไปยังแขน
เหตุการณ์นี้ทำให้ไฮ่จื่อตกตะลึง หวังหลินหน้าซีดและเผยสายตามุ่งมั่น แขนซ้ายเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสูญเสียสัมผัสไปหมดแล้วราวกับมันไม่ได้เป็นอวัยวะของเขา หวังหลินรู้สึกว่าหากลุกลามไปกว่านี้ ร่างกายเขาคงไม่เป็นของตัวเองอีกต่อไป!
ความรู้สึกสะอิดสะเอียนผุดขึ้นในใจ ราวกับน้ำและไฟไม่อาจผสานด้วยกันได้ เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนยิ่ง!!
หวังหลินผุดแววตาเป็นประกายเย็นเยียบและยกดาบหยินขึ้นมาในแขนขวา ฟันลงไปตัดแขนซ้าย เลือดเนื้อและแขนซ้ายได้หลอมรวมกันจนเหลือแต่ผิวหนัง ซึ่งมันผสานกับทะเลและพุ่งเข้าหาหวังหลินอีกครั้ง
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!”
การกระทำอันมุ่งมั่นของหวังหลินทำให้ไฮ่จื่อมีเวลาพอ นางยกแขนขึ้นมาหยิบหินหยกและบดขยี้เกิดเป็นแสงสีฟ้าเข้มขึ้นมาหนึ่งชั้นห่อหุ้มรอบตัวนางและหวังหลิน มันแผ่กระจายออกไปแสนฟุตและปกป้องมังกรสมุทรกับเจ้าปลาหมึกที่ได้ถอยหนี จากนั้นม่านแสงหดกลับเข้าไปในทะเลพร้อมกับหวังหลิน ไฮ่จื่อ มังกรสมุทรและเจ้าปลาหมึก
ไม่นานนักม่านแสงก็ร่อนลงสู่ก้นทะเล ผิวน้ำด้านนอกเป็นสีดำเนื่องจากน้ำหมึกจนมองไม่เห็นสิ่งใด มีเพียงเสียงดังตึงตังให้ได้ยินแต่ม่านแสงก็แค่สั่นเทาและไม่แตกสลาย
ฝ่ามือทำการโจมตีม่านแสงต่อไปแต่ก็ไม่สามารถทำลายได้ในชั่วเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามเสียงตึงตังยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม
ม่านแสงก่อตัวบนพื้นทะเลเป็นรูปครึ่งวงกลม นอกจากเสียงตึงตังแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นเลย!
หวังหลินหลับตานั่งอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีมืดมน มังกรสมุทรหมุนวนรอบหวังหลินและจ้องมองเจ้าปลาหมึกห่างออกไปไม่ไกล สายตาของมันไม่เป็นมิตรแต่ก็มองไปที่ม่านแสงด้วยความหวาดกลัว
เจ้าปลาหมึกก็จ้องมองมังกรสมุทรอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับสองสัตว์ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
ไฮ่จื่ออยู่ห่างจากหวังหลินหนึ่งพันฟุต ใบหน้างดงามของนางในตอนนี้กำลังซีดเผือด ผมเผ้ากระจัดกระจาย นางมองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อนและเหตุการณ์ที่หวังหลินเข้ามาขัดขวางฝ่ามือให้นางพลันปรากฏขึ้นในใจ
“เจ้า…เป็นไรหรือไม่…ข้าบดขยี้หินหยกช่วยชีวิตที่อาจารย์มอบให้แล้ว อาจารย์น่าจะรับรู้และน่าจะมาถึงเร็วๆ นี้ ข้ายังมีขวดยาอยู่ที่นี่ ฝ…ฝ่ามือเจ้า…” ไฮ่จื่อพูดขึ้น สะบัดแขนปรากฏขวดหยกขึ้นมา มีอักษรโบราณคำว่า “ตี้” บนขวดซึ่งเปล่งคลื่นความกดดัน
ไฮ่จื่อถือขวดหยกเดินเข้าไปหาหวังหลิน นางบดขยี้เม็ดยาและกำลังจะทาใส่แขนซ้ายของหวังหลิน จังหวะนั้นหวังหลินลืมตาในทันที
“ไม่จำเป็น!” หวังหลินพูดอย่างเย็นเยียบจากนั้นถอยออกไปพันฟุต แสงโลหิตระเบิดออกมาจากแขนซ้ายที่เขาสูญเสียฝ่ามือไป แขนซ้ายเริ่มเติบโตขึ้นเนื่องจากเป็นพลังการฟื้นฟูอันทรงพลังของร่างกาย!
ไฮ่จื่อตกตะลึงไปชั่วขณะและกำลังจะพูดขึ้นมา ทันใดนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป นางมองไปที่ม่านแสงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง หวังหลินจ้องมองม่านแสงด้วยเช่นกัน
เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น!
………………………………………………………
ตอนที่ 1934 หนึ่งชายหนึ่งหญิง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ด้านนอกม่านแสง ฝ่ามือที่กำลังโจมตีพลันติดเข้าไปในม่านแสง มองไกลๆ ราวกับเป็นปลาดาวที่มีหัวยื่นออกมา
การเข้าประชิดม่านแสงทำให้อักขระประหลาดตรงกลางฝ่ามือแสดงให้หวังหลินและไฮ่จื่อเห็นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามนี่ไม่มากพอให้สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป สิ่งที่พวกเขาตกตะลึงคือฝ่ามือนั้นยืดยาวออกทันที เพียงพริบตาเดียวมันยืดจากพันฟุตมาถึงหมื่นฟุต!!
ฝ่ามือขยายเติบโตอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตามันก็ยาวถึงแสนฟุตและห่อหุ้มม่านแสงครึ่งวงกลมแห่งนี้!
ม่านแสงเกิดการสั่นอย่างรุนแรง แผ่กระจายระลอกคลื่นเสียงดังสนั่นและทำให้ม่านแสงกลายเป็นสีดำสนิท
กระนั้นแล้วตราบใดที่หวังหลินและไฮ่จื่อรวบรวมระดับบ่มเพาะไปที่ดวงตาก็จะสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน หวังหลินขบคิดอย่างเงียบงันและสังเกตได้ว่าเรือนผมของตัวเองกำลังลอยตามสายลมอย่างช้าๆ
ไฮ่จื่อแววตาเป็นประกายและเอ่ยขึ้น “มันกลืนกินม่านแสงป้องกันของข้าแล้วและกำลังเคลื่อนไหว!”
“มันเป็นอะไรกันแน่?” ไฮ่จื่อมองหวังหลิน
หวังหลินอยู่ห่างออกไปพันฟุต จดจ้องแขนซ้ายของตัวเองที่กำลังฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยออกมา
“ผนึกของต้นไม้ทะเลขุนเขา!”
ไฮ่จื่อหน้าซีดและยิ้มอย่างขมขื่น แต่นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งลงและมองรอบด้านอันมืดมน ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ไม่นานนักเกราะวิญญาณของหวังหลินก็หายไป สัมผัสความเหนื่อยล้าเข้าถาโถมจิตใจหวังหลิน
หวังหลินถอนหายใจพลางมองขึ้นไปและเอ่ยกล่าว “ข้ากลัวว่าอาจารย์เจ้าจะไม่สามารถหาที่นี่พบในเวลาอันสั้นได้ ฝ่ามือนั่นกลืนกินม่านแสงและน่าจะป้องกันการเชื่อมต่อภายนอกทั้งหมดเหมือนกับผนึก”
“เจ้าควรเอาไปแค่จิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขา ทำไมไปยุ่งอะไรกับผนึกต้นไม้นั่น? ผนึกนี่บรรพชนเทพวางเอาไว้ เจ้ามัน…” ผ่านไปสักพักไฮ่จื่อจึงมองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อน
หวังหลินมองไฮ่จื่อและเอ่ยขึ้น “หากข้าไม่ต้องช่วยเจ้า ข้าก็คงออกไปจากทะเลขุนเขาได้แล้ว”
ไฮ่จื่อขบคิดเงียบๆ ทันที
เวลาผ่านไปด้วยความเงียบ พริบตาเดียวผ่านไปถึงสามวัน
ทั้งสองยังคงไม่พูดคุยกัน ไฮ่จื่อมองไปที่ม่านแสง แววตาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ส่วนหวังหลินนั้นหลับตาบ่มเพาะ เขามองจิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขาและเริ่มดูดซับมัน
ไฮ่จื่อเงียบไปสามวัน หลังจากเห็นหวังหลินดูดซับจิตวิญญาณต้นไม้ นางอดไม่ได้พี่จะถาม “ระดับบ่มเพาะของเจ้าประหลาดมาก เจ้าอยู่ในขั้นวิบากดับสูญระดับต้นชัดๆ แต่กลับมีพลังเท่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า แม้จิตวิญญาณต้นไม้ขุนเขาทะเลจะช่วยเซียนสร้างแก่นแท้ไม้ขึ้นมาได้ แต่ในระดับวิบากดับสูญ แม้จะเป็นแก่นแท้อีกเล็กน้อยก็ไม่ช่วยให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น เจ้าต้องการอะไร?”
หวังหลินไม่ได้อธิบายมากนัก เขาลืมตาและชำเลืองไปที่ไฮ่จื่อพลางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ข้าไม่เหมือนกับเจ้า”
“เจ้าดูเหมือนไม่กังวลหรือเร่งรีบนี่นา” ไฮ่จื่อขมวดคิ้วอย่างน่ารัก
หวังหลินพลางหลับตาเงียบๆ และดูดซับจิตวิญญาณต้นไม้ที่อยู่ในร่างกาย
พอไฮ่จื่อเห็นหวังหลินหลับตาและเมินเฉย นางก็บุ้ยปากแต่ก็พูดต่อไป “ม่านแสงป้องกันของข้าถูกกลืนกิน หากเป็นตามที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ ข้ากลัวว่าอาจารย์จะหาเราเจอได้ยากมากในชั่วเวลาสั้นๆ แม้จะมาที่ทะเลขุนเขาได้ หากต้องผลักฝ่ามือไปทางอื่นยังต้องใช้เวลามากกว่านี้”
“เราสูญเสียการติดต่อกับโลกภายนอก เจ้าไม่กังวลเลยหรือ?”
พอเห็นว่าหวังหลินยังไม่ยอมพูด ไฮ่จื่อก็เริ่มจ้องมอง ผ่านไปสักพักนางเริ่มโกรธเกรี้ยวและเผยท่าทีหดหู่
“มีเราแค่สองคนที่นี่ เจ้าทำเหมือนเป็นต้นไม้และไม่ยอมพูด เจ้าแค่ดูข้าพูดกับตัวเอง มันน่าสนใจนักหรือ!”
หวังหลินลืมตา เขามองไฮ่จื่อด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“หากเจ้าหยุดขัดขวางข้า ข้าคิดว่าสภาพแวดล้อมนี้เหมาะสมต่อการบ่มเพาะยิ่ง”
“เจ้า!!” ไฮ่จื่อยืนขึ้นและพ่นลมหายใจทันที นางหันร่างกลับและเดินออกไป นางอยู่ห่างหวังหลินมากกว่าหมื่นฟุตและเมินเฉยต่อกัน
พอเห็นไฮ่จื่อออกไปแล้ว หวังหลินจึงหลับตาและตั้งสมาธิกับการดูดซับจิตวิญญาณต้นไม้ อย่างไรก็ตามเขายังทิ้งสัมผัสวิญญาณเอาไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ส่วนเจ้ามังกรสมุทร มันขดตัวอยู่รอบหวังหลินและจ้องมองเจ้าปลาหมึกอย่างดุร้าย พวกมันไม่ได้ร้องคำรามแต่ส่งสายตาคล้ายกับโยนคำพูดมากมายเข้าใส่กัน ดุจการประชันกันทางสายตา
เวลาผ่านไปในลักษณะนี้ สิบวัน ยี่สิบวัน หนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน…
ผ่านไปสี่เดือนในพริบตา
เวลาสี่เดือนนี้หวังหลินไม่พูดอะไรออกมาเลยและเพ่งสมาธิพูดซับจิตวิญญาณต้นไม้อย่างเดียว
เจ้ามังกรสมุทรที่ได้ประลองสายตากับเจ้าปลาหมึกมาสี่เดือน มันไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยและมุ่งมั่นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้าม เจ้าปลาหมึกดูเหมือนเหนื่อยเล็กน้อยแต่ไม่ยอมแพ้ ทั้งสองจ้องมองกันไปตลอดสี่เดือน
“หวัง…หวังหลิน มีบางอย่างผิดปกติ…” หลังจากผ่านมาสี่เดือน ไฮ่จื่อดูกังวล นางเดินเข้ามาและนั่งอยู่ห่างจากหวังหลินสองร้อยฟุต
หวังหลินลืมตามองไฮ่จื่อ เขาไม่ได้พูดกับนางตลอดสี่เดือน ใบหน้างดงามของอีกฝ่ายดูอ่อนล้าเล็กน้อย แต่ความงดงามยังประทับตราตรึงเหมือนก่อน
“เป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์จะไม่เจอเราเลยในเวลาสี่เดือน…ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าข้าตกอยู่ในอันตราย แม้จะมีฝ่ามืออยู่ที่ทะเลขุนเขา อาจารย์ก็คงสามารถทำนายได้ว่าอยู่ไหน การที่เขาจะไม่เจอข้าเลยในสี่เดือนถือว่าเป็นไปไม่ได้” ไฮ่จื่อเผยความกังวล ขณะที่ถูกขังอยู่ที่นี่สี่เดือน นางไม่สามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้และรู้สึกแย่อยู่ตลอด
หวังหลินเอ่ยขึ้น “มีความเป็นไปได้สามแบบ”
“ความเป็นไปได้แรก ฝ่ามือนี้ออกไปยังที่ที่ไม่มีใครตรวจจับได้ แม้แต่การพยากรณ์ก็ไม่สามารถหาพบ!”
“ความเป็นไปได้ที่สอง อาจารย์เจ้าไม่ได้ออกมาช่วยเจ้าในทันทีเหมือนที่เจ้าคิด”
“เป็นไปไม่ได้! หากอาจารย์รู้ว่าข้าตกอยู่ในอันตราย เขาจะออกมาทันที! ส่วนเรื่องความเป็นไปได้แรกมันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ด้วยระดับบ่มเพาะของอาจารย์ ไม่มีที่ไหนในแผ่นดินเทพที่เขาไม่สามารถทำนายได้!” ไฮ่จื่อรีบพูด จากนั้นมองหวังหลินและลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“เจ้าควรจะเดาได้ อาจารย์ข้าคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้!”
หวังหลินมีท่าทีเหมือนเดิมและไม่ประหลาดใจ ตอนนั้นนางนำขวดยาที่มีคำว่า “ตี้” ออกมา ซึ่งเขาก็พอคาดเดาได้ ที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเป็นศิษย์ใครสักคนจึงมั่นใจว่าอาจารย์ของนางต้องมีพลังแข็งแกร่งเป็นแน่
พอรวมทั้งสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันทำให้เดาว่าอาจารย์ของนางคือมหาชั้นฟ้า รวมกับคำว่า “ตี้” เข้าไปแล้วนอกจากจักรพรรดิเทพก็มีอีกคนที่พอเข้าเงื่อนไขคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ซึ่งอยู่ในแคว้นกลาง
“ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่สาม หลังจากฝ่ามือกลืนกินม่านแสงเข้าไปแล้ว เวลาจึงไหลแตกต่างจากโลกด้านนอก บางทีร้อยปีที่นี่เพียงแค่โลกด้านนอกวันเดียว” หวังหลินพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง
ไฮ่จื่อหน้าซีดทันที นางเป็นคนฉลาดและคิดเรื่องนี้ขึ้นเช่นกัน แต่พอได้ยินว่าหวังหลินมีความคิดแบบเดียวกันจึงมั่นใจประมาณหกถึงเจ็ดส่วน
“แม้อาจารย์จะมอบม่านแสงนี้ให้ข้า มันก็คงอยู่ไม่ได้ถึงร้อยปี…เมื่อมันแตกขึ้นมา…” ฝ่ามืออันน่ากลัวปรากฏขึ้นในสายตาของนาง
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ม่านแสงพลันส่งเสียงดังและสั่นเทา มันหดตัวลงจากแสนฟุตไปเหลือเก้าหมื่นฟุต!
ร่างเลือนลางหนึ่งปรากฏขึ้นในความมืดมิดด้านนอกม่านแสง ร่างนั้นลอยเคว้งคว้างและมองหวังหลินกับไฮ่จื่อ เปล่งกลิ่นอายอำมหิต
“ค้นพบวิญญาณนอกแผ่นดินเซียนดารา ผนึก!” ร่างเลือนลางพึมพำกับตัวเอง
ขณะที่ม่านแสงหดตัวลง ไฮ่จื่อมองขึ้นไปเห็นร่างสีดำด้านนอก
หวังหลินเองก็เห็นร่างนั้นด้วยเช่นกัน แววตาพลันกะพริบเย็นเยียบและเอ่ยกล่าว “ลดม่านแสงลงให้เหลือพันฟุตเพื่อให้มันต้านทานได้นานกว่านี้”
ขณะที่เขาพูดขึ้น หวังหลินสะบัดแขนใส่มังกรสมุทร เจ้ามังกรเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีฟ้าและถูกหวังหลินเก็บกลับไป ไฮ่จื่อลังเลเล็กน้อยและเก็บเจ้าปลาหมึกไปด้วย นางสร้างผนึกและโบกสะบัดใส่ม่านแสงให้หดตัวลงจากหมื่นฟุตไปเหลือพันฟุต
ขณะเดียวกันหวังหลินและไฮ่จื่อจึงกลายเป็นคนสองคนที่อยู่ในม่านแสง
ไฮ่จื่อถอนหายใจ นางนั่งอยู่มุมหนึ่งและหลับตาบ่มเพาะ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เดือนที่สี่ เดือนที่หก…ไม่นานนักเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งปี
หนึ่งปีเป็นเวลาที่ไม่ยาวนานนัก แต่หนึ่งชายหนึ่งหญิงถูกขังอยู่ในพื้นที่ระยะพันฟุตดูเหมือนจะเป็นเวลาที่ยาวนานไปเล็กน้อย
หวังหลินขมขื่นเล็กน้อยเนื่องจากเคยชินกับความโดดเดี่ยว เขาใช้เวลานี้เพื่อผสานจิตวิญญาณสองดวงของต้นไม้ ทำให้แก่นแท้ไม้แตกหน่อออกมาในร่างห้าธาตุและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทว่าหลังจากเงียบงันมาแปดเดือน ไฮ่จื่อได้ลืมตางดงามของนางและมองมาที่หวังหลิน ชายหนุ่มก่อนหน้านี้ทำให้นางรู้สึกเกลียดชังแต่ก็ทำให้รู้สึกซับซ้อนขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
ไฮ่จื่อเอ่ยกล่าวเบาๆ “นับตั้งแต่ที่ข้าเริ่มบ่มเพาะ ข้าไม่เคยอาศัยอยู่กับคนแปลกหน้าเป็นเวลาหนึ่งปี เจ้า…ข้ารู้แต่เจ้าชื่อหวังหลิน ซึ่งนั่นเจ้าเป็นคนบอกข้าเอง แล้วเจ้ามาจากสำนักไหน?”
…………………………………………………
ตอนที่ 1935 ฝ่ามือของใคร!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“สำนัก…” หวังหลินตื่นจากการบ่มเพาะและรำลึกความหลัง
ผ่านไปสักพักจึงพูดออกมา “ข้ามาจากสำนักเจ็ดเต๋า”
“สำนักเจ็ดเต๋า?” ไฮ่จื่อคิดเพียงชั่วครู่ นางนึกถึงสำนักทรงพลังทั้งหมด ดูเหมือนจะไม่มีชื่อสำนักเจ็ดเต๋า
“แผ่นดินทิศตะวันออก สำนักเจ็ดเต๋า เป็นสำนักเล็กมาก…” หวังหลินถอนหายใจ ตอนนี้พอมีคนถามเขาเรื่องสำนัก จึงรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาบ้างแล้ว
ไฮ่จื่อพูดขึ้น “ข้าไม่มีสำนัก ข้าติดตามอาจารย์ตั้งแต่เด็ก ข้าเติบโตบนภูเขาจักรพรรดิ”
“ภูเขาจักรพรรดินั้นงดงามมาก ช่วงเข้าฤดูมันจะเต็มไปด้วยใบไม้สีแดงราวกับเปลวเพลิง…หากเจ้ามีโอกาส เจ้าควรไปเห็นภูเขาจักรพรรดินะ”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน บรรยากาศพิเศษแผ่กระจายอยู่ภายในพื้นที่ระยะพันฟุต
“ด้วยพลังต่อสู้ระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้าของเจ้า ข้าเดาว่ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่แห่งทิศใต้คงเชิญชวนเจ้าบ้างแล้ว…เจ้าได้ตกลงหรือไม่?” ไฮ่จื่อส่งสายตาน่ารักไปที่หวังหลิน
“ไม่” หวังหลินส่ายศีรษะ
หลังจากได้ยินคำพูดเขา ไฮ่จื่อก็ยิ้มและกระซิบ “อาจารย์ข้าเป็นคนดีมาก…ทำไมเจ้าไม่ติดตามเขา…”
“ตอนนี้ข้ายังตัดสินใจไม่ได้” หวังหลินไม่ได้ปฏิเสธตรงๆ แต่ถ่วงเวลา
“เจ้าบ่มเพาะมานานแค่ไหนแล้ว?” ไฮ่จื่อถามขึ้น
“บางทีอาจไม่ได้นานเท่ากับเจ้า” หวังหลินขมวดคิ้ว
พอไฮ่จื่อได้ยินแบบนี้ นางก็ป้องปากและหัวเราะ เป็นครั้งแรกที่นางเกิดอาการแบบนี้
“ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าแต่กลับมีพลังผู้สูงส่งชั้นฟ้าแบบนี้ เจ้ากลับไม่รีบที่จะจากไป นั่นหมายความว่าเจ้าไม่มีคู่บ่มเพาะ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่เจ้าจะไม่กังวลเลย” นางเอ่ยพลางหัวเราะไปด้วย
หวังหลินขมวดคิ้วอีกครั้งและมองสตรีคนสวยเบื้องหน้า เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างประหลาดเกี่ยวกับนาง บางอย่างที่แตกต่างจากที่เขารู้สึกมาก่อน
“พอเห็นว่าเราทั้งคู่ถูกขังไว้ที่นี่และเจ้าไม่ทิ้งข้าไว้คนเดียว ให้พี่สาวแนะนำเจ้าให้คนอื่นดูไหม?” ไฮ่จื่อดูสนใจหัวข้อนี้มากพลางอธิบายให้หวังหลิน
“รูปลักษณ์ธรรมดาแต่มีบรรยากาศพิเศษ ไม่เลวดี”
“ระดับบ่มเพาะธรรมดาแต่มีพลังต่อสู้ระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้า นี่ก็ยอดเยี่ยม”
“โดยรวมยังดูดี เอาแบบนี้ไหม เมื่อเราออกไปได้ พี่สาวจะช่วยเจ้าหาคู่ฝึกฝนให้” ไฮ่จื่อแววตาเป็นประกาย นางมองหวังหลินและเม้มปากอย่างมีเสน่ห์
หวังหลินแววตาเป็นประกายและเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “เก็บวิชาเสน่ห์ของเจ้ากลับไปซะ!”
ไฮ่จื่อขมวดคิ้วและพอนางกำลังจะพูด แววตาหวังหลินปลดปล่อยแสงสีทองดูมีอำนาจบารมีและยังมีพลังสะกดข่มออกมาจากดวงตา ไฮ่จื่อพูดไม่ออกไปสักพัก
“หากเจ้าอยากพูดกับใครสักคนหลังจากโดนขังไว้ที่นี่นานเกินไป เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าหาคนมาพูดด้วย!” เพียงหวังหลินเอ่ยขึ้น ร่างเงาหนึ่งปรากฏกลายเป็นร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารเดินออกมาและนั่งคั่นกลางระหว่างเขากับไฮ่จื่อ
“คุยกับร่างอวตาร อย่าขัดขวางการฝึกฝนของข้า!” หวังหลินลุกขึ้นและเดินออกไปมุมไกลที่สุดจากไฮ่จื่อ เขานั่งลงหลับตาอีกครั้งเพื่อหลอมจิตวิญญาณต้นไม้
ไฮ่จื่อตกตะลึง นางไม่คิดว่าหวังหลินจะใช้วิธีนี้ นางขมวดคิ้วและมองร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารที่เปล่งกลิ่นอายเยือกเย็นออกมาจ้องนาง นางพ่นลมหายใจและเริ่มบ่มเพาะไปด้วย
‘ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อมีบางอย่างแปลกประหลาด!’ พอร่างดั้งเดิมของหวังหลินนั่งลงบ่มเพาะ เขามองไฮ่จื่อและหรี่ตาลงแทบตรวจจับไม่ได้
‘เดิมทีข้าคิดว่าฝ่ามือนั่นมีบางอย่างเปลี่ยนไป จนตอนที่มันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันไม่ได้เข้ามาหาข้าแต่โจมตีนางก่อน…’
‘พอมองดูตอนนี้ ดูเหมือนมีความลับบางอย่าง…’ การเปลี่ยนแปลงต่อไฮ่จื่อนั้นประหลาดมากแต่หวังหลินไม่สังเกตความผิดปกติอันใดราวกับนางมีวิญญาณสองดวงในร่างกาย ถึงเขาจะใช้ดาบของบรรพชนเทพในดวงตาแต่ก็ไม่พบอะไรเช่นกัน
‘อันดับแรก ไฮ่จื่อทำให้ข้ารู้สึกว่านางปกติ แต่ดูเหมือนนางจะดื้อด้านเล็กน้อย’ หวังหลินขมวดคิ้วไปชั่วครู่ จากนั้นไม่สนใจเรื่องนี้และตั้งสมาธิดูดซับจิตวิญญาณต้นไม้ต่อไป
พริบตาเดียวผ่านไปสามปี
ช่วงเวลาสามปีหวังหลินไม่สนไฮ่จื่อเลย เขาดูดซับจิตวิญญาณต้นไม้ไปเรื่อยๆ ทำให้แก่นแท้ไม้ในร่างกายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาสามปีเขาดูดซับไปแล้วถึงสี่ดวงและทำให้แก่นแท้ไม้สำเร็จมาหนึ่งระดับ
บนผิวกายหวังหลินปรากฏลวดลายสีเขียว ราวกับเป็นเส้นชีพจรของต้นไม้ ทำให้หวังหลินดูแปลกตาขึ้นไปอีก
ช่วงเวลาสามปี ไฮ่จื่อไม่พูดออกมาเลยสักคำและบ่มเพาะเหมือนกับหวังหลิน บางครั้งท่าทีของนางก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่านางกำลังบ่มเพาะวิชาอะไร
ช่วงเวลาสามปีเกิดเสียงดังกึกก้องจากด้านนอกนานๆ ครั้ง ราวกับมีพลังรุนแรงตีเข้าใส่ม่านแสง ยิ่งเวลาผ่านไปมันยิ่งกลายเป็นเรื่องปกติ
ม่านแสงขนาดพันฟุตเผยสัญญาณหดตัวลงตลอดสามปีที่ผ่านมา
พอถึงเดือนที่สี่ต่อจากสามปี เสียงดังมากขึ้นกว่าเดิมจนขัดขวางการบ่มเพาะของหวังหลินและทำให้เขามองขึ้นไป
หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไปและก้าวไปข้างหน้า พอเขาก้าวเดิน ม่านแสงก็หดลงในทันที!
มันหดลงไปครึ่งทางจนเหลือห้าร้อยฟุต! ไฮ่จื่อเองก็ตื่นขึ้นและก้าวออกมาเช่นกัน
เสียงดังกึกก้องอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยๆ หายไปจนม่านแสงหดลงเหลือเพียงห้าร้อยฟุต! ระยะห้าร้อยฟุตทำให้หวังหลินและไฮ่จื่อใกล้กันมากจนมองเห็นกันได้
“ดูเหมือนม่านแสงนี้จะอยู่ได้ไม่ถึงสิบปี…มันหดลงต้านทานกับฝ่ามือ แต่แค่เพียงสามปีก็หดลงเหลือห้าร้อยฟุตแล้ว…”
“หากมันยังขนาดแสนฟุตเหมือนก่อนหน้านี้ มันอาจจะพังทลายไปแล้ว” ลักษณะท่าทางและการพูดของไฮ่จื่อแตกต่างจากหลายปีก่อน ดูเหมือนนางกลับมาเป็นปกติแล้ว
“ข้ากลัวว่าอีกไม่นานระยะห้าร้อยฟุตนี้จะหดลงจนม่านแสงพังทลายไป…” ไฮ่จื่อขมวดคิ้วและเผยท่าทีทำอะไรไม่ได้
หวังหลินมองไปที่ม่านแสงและเห็นร่างเลือนลางซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด ร่างนั้นดูเหมือนกำลังมองกลับมาที่เขาด้วย
วินาทีที่สองสายตาประสานกัน จิตใจหวังหลินสั่นสะท้าน ราวกับสายตาจากร่างในความมืดมีพลังประหลาดที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้ ร่างกายเต็มไปด้วยความร้อนรน
หวังหลินเปล่งสายตาเป็นประกายเจิดจ้าและกลับมามีสติในทันที
“มันยังจ้องมาที่เรา…เฝ้าดูเราทุกการเคลื่อนไหว มันทำแบบนี้มาตลอดสามปี” ไฮ่จื่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาหวาดกลัว
หวังหลินพูด “มันคือฝ่ามือนั่น!”
“แต่มันเป็นฝ่ามือของใคร?” หวังหลินเป็นประกาย ไฮ่จื่อตกตะลึงเมื่อเห็นหวังหลินลอยทะยานขึ้นไป
การเคลื่อนไหวของหวังหลินทำให้ไฮ่จื่อเกิดความกังวลและกำลังจะตามไป
“ไม่ต้องขึ้นมา ถ้าเจ้าคิดว่าข้ามีบางอย่างผิดปกติ ปลุกข้าให้ตื่นด้วย!” หวังหลินไม่ได้หันกลับไปแต่เสียงของเขาดังกึกก้องในใจไฮ่จื่อ
ไฮ่จื่อหยุดชะงักและเฝ้าดูแผ่นหลังของหวังหลินกำลังทะยานขึ้น นางนึกถึงตอนที่เขาเข้าไปขวางฝ่ามือให้เมื่อหลายปีก่อน
หวังหลินเข้าไปใกล้ขอบม่านแสงจนกระทั่งอยู่ห่างไม่ถึงสามฟุต พอเขาเข้าไปใกล้ ร่างนั้นก็เลื่อนเข้ามาหา
ร่างนั้นหยุดลงห่างจากม่านแสงสามฟุตเช่นกัน ระยะห่างทั้งสองคือหกฟุต!
มันเป็นใบหน้าที่ไร้ผิวหนัง เป็นก้อนโลหิตล้วนและดูน่ากลัวถึงขีดสุด ทว่ามันกลับมีสัมผัสแห่งบารมีที่ไม่อาจเอ่ยอออกมาได้ แต่โดยรวมทั้งหมดนั้นพล่าเลือน มีเพียงแขนซ้ายที่เป็นรูปร่างดูสมจริงเพราะมันมีผิวหนัง!
หลังจากเห็นใบหน้าของมัน หวังหลินหรี่ดวงตาและแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ราวกับมีสายฟ้านับล้านเส้นระเบิดอยู่ในจิตใจจนร่างกายสั่นเทา!
ดวงตาของใบหน้าไร้ผิวหนังของอีกฝ่ายกำลังเผยแสงประหลาดคล้ายกับทะลวงเข้าไปในตาหวังหลิน
จิตใจหวังหลินดังสนั่นและหมดสติ ในใจเขามีสายตาหนึ่งคู่อยู่ด้านนอก มีสัมผัสแปลกประหลาดบอกไม่ถูกได้เปลี่ยนกลายเป็นเสียงดังกึกก้อง
“เข้ามา…เข้ามา…เข้ามา…”
ขณะที่เสียงดังสนั่น เสียงหัวใจหวังหลินเต้นดังรัวดุจสายฟ้าเข้าต่อต้านเสียงนั้น หวังหลินตื่นขึ้นทันทีและได้ยินเสียงที่วิตกกังวลของไฮ่จื่อ กลิ่นหอมพัดเข้าหาเขาเนื่องจากนางเข้ามาใกล้หวังหลินแล้ว
“ข้าสบายดี” หวังหลินพูดขึ้น เขาอยู่ห่างจากม่านแสงเพียงหนึ่งฟุตเท่านั้น อีกแค่ก้าวเดียวก็เดินออกไปจากม่านแสงไปแล้ว
พอหวังหลินตื่นขึ้น ร่างพร่าเลือนจึงส่งเสียงคำรามและทุบใส่ม่านแสงจนกะพริบรุนแรงแต่ไม่พังทลาย
“บรรพชนเทพ…” สายตาหวังหลินมองทะลุผ่านม่านแสงลงไปจับจ้องร่างอีกฝ่าย
……………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น