Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1926-1927

ตอนที่ 1926 ห้าสิบปี!

โดย

Ink Stone_Fantasy

พริบตาเดียวผ่านไปห้าสิบปี!


ห้าสิบปีถือเป็นครึ่งชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง แต่สำหรับเหล่าเซียนมันเป็นแค่ช่วงปิดด่านบ่มเพาะสั้นๆเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่ว่านี้กลับมีตำนานบทหนึ่งกำเนิดขึ้นบนแผ่นดินเซียนดารา


ตำนานได้แผ่ออกไประหว่างแผ่นดินทิศใต้และทิศตะวันออก กล่าวขานถึงเซียนขั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าสวมชุดขาว เรือนผมสีขาวและมีมังกรสมุทรขั้นผู้สูงส่งชั้นทองเป็นพาหนะ


ท่องทะยานไปมากกว่าสามสิบแคว้นทั่วแผ่นดินทิศตะวัออกและทิศใต้เพื่อหาผู้สูงส่งชั้นฟ้ามาประลอง!


ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเกือบร้อยคนรวมถึงคนที่ไม่ได้เข้าร่วมใต้อำนาจมหาชั้นฟ้า ต่างก็ปิดด่านบ่มเพาะตลอดทั้งปี โดยเฉพาะแผ่นดินทิศใต้ที่มีผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากกว่าแผ่นดินทิศตะวันออก


เดิมทีแผ่นดินทิศตะวันออกอยู่อันดับที่สองในห้าแผ่นดินหลัก แต่หลังจากวิญญาณของมหาชั้นฟ้าชวงจื่อถูกแบ่งออกเป็นสองดวงในช่วงการเกิดใหม่ครั้งล่าสุด ทำให้อันดับตกลงมาและกลายเป็นแผ่นดินที่มีจำนวนผู้สูงส่งชั้นฟ้าน้อยที่สุด


ตำนานผู้สูงส่งชั้นฟ้าชุดขาวผู้นี้ได้ท้าประลองผู้สูงส่งชั้นฟ้าระดับเดียวกัน การต่อสู้และเสียงดังสนั่นกึกก้อง แทบทุกคนในทั้งสองแผ่นดินต่างก็รู้จักเขา


ในแคว้นนั่วหยุน เขาต่อสู้กับบรรพชนผู้สูงส่งชั้นฟ้าของสำนักนั่วหยุน!


ในแคว้นไฮ่หลัว เขาต่อสู้กับบรรพชนผู้สูงส่งชั้นฟ้าของสำนักคุณธรรม!


ในแคว้นเก้ามาร เขาต่อสู้กับบรรพชนผู้สูงส่งชั้นฟ้าของสำนักมารสวรรค์!


ในแคว้นจิตวิญญาณมังกร เขาต่อสู้กับฮางเท่า ซึ่งอยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าต้าวยี่!


ในแคว้นจิตวิญญาณขุนเขา เขาต่อสู้กับฉีเฟิง ซึ่งอยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง!


ต่อสู้ไปทีละคน สั่นสะเทือนไปทีละแห่ง บรรลุความสำเร็จไปอีกระดับจนกลายเป็นตำนาน!


ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว! มีคนไม่มากที่รู้จักชื่อของหวังหลินและยิ่งข่าวลือกระจายกันออกไปยิ่งเป็นไปไม่ได้ขึ้นไปใหญ่ กลายเป็นผู้คนรู้จักหวังหลินในนามผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว!


ลือกันว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวพ่ายแพ้เพียงแค่ยี่สิบครั้งจากร้อยครั้งการประลอง อย่างไรก็ตามข่าวเรื่องการชนะยิ่งน่าตกตะลึงขึ้นไปอีก ชื่อเสียงจึงแผ่กระจายไปยังแผ่นดินทิศเหนือ ตะวันตกและแม้กระทั่งแคว้นกลาง


เซียนผู้สูงส่งชั้นฟ้าแทบทั้งหมดในเผ่าเทพได้รับรู้ว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวคนนั้นมีความสามารถในการต่อสู้อันทรงพลัง!


ลือกันว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในแคว้นทะเลขุนเขากับผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ เขาพ่ายแพ้การต่อสู้! หลังจากนั้นก็หายไปหลายปี


ในแคว้นทะเลขุนเขามีเมืองแห่งหนึ่งสร้างขึ้นไว้ให้เหล่าเซียนแลกเปลี่ยนกัน ในร้านอาหารแห่งหนึ่งมีชายชรากำลังดื่มสุราพร้อมขันขานเรื่องราวอย่างช้าๆ


“การต่อสู้ของผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อเกิดขึ้นเหนือท้องทะเล ท้องทะเลพังทลายและยุบลงไปราวกับโลกกำลังบุบสลาย ข้าอยู่ขอบทะเลในตอนนั้นและเกิดคลื่นรุนแรงซัดเข้าฝั่ง ข้าเห็นร่างของผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวอย่างเลือนลาง!”


มีเซียนสี่หรือห้าคนรอบตัวเขาเริ่มขยับมาฟังใกล้ๆ


“น่าเสียดาย ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวพ่ายแพ้ในการต่อสู้” ชายชราถอนหายใจราวกับคุ้นเคยกับอีกฝ่ายและรู้สึกเสียใจแทน


“ลือกันว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อใกล้ขึ้นระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะอย่างมาก แม้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวจะทรงพลัง ก็ไม่ทรงพลังไปมากกว่าไฮ่จื่อ!” เซียนผู้เยาว์คนหนึ่งเยาะเย้ย


“ทุกคนรู้กันว่าแผ่นดินทิศใต้ของเรามีผู้สูงส่งชั้นฟ้าจำนวนมาก มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ไม่เคยบังคับผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนใดให้อยู่ใต้อำนาจ แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนใดก็ตามในแผ่นดินทิศใต้สามารถมาฟังเทศนาเต๋าในรอบร้อยปีได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าจากแผ่นดินทิศตะวันออกมาที่แผ่นดินทิศใต้ของเรา”


ชายวัยกลางคนในกลุ่มถือพัดขึ้นและยิ้มออกมา “ข้าคิดว่าที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวทำการท้าประลองผู้สูงส่งชั้นฟ้าหลายคนตลอดหลายสิบปีนี้ก็เพื่อทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่สนใจ”


ชายชุดดำที่ไม่เคยพูดขึ้นมาเลยมองมาที่ฝูงชนและเอ่ยปาก “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามหาชั้นฟ้าได้พยายามชวนผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวคนนี้แล้ว? ข้าได้ยินมาว่ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่ชวนเขาเข้าร่วมเมื่อห้าสิบปีก่อนแต่ถูกปฏิเสธ”


“โอ้? เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วยหรือ?”


เหลาอาหารไม่ได้ใหญ่นักและตระเตรียมไว้ให้เหล่าเซียน มันไม่ได้ขายอาหารแต่ขายสุรากลิ่นหอมที่มีชื่อเสียง แต่ละวันขายจำกัดจำนวนและเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เซียน


ขณะที่เหล่าเซียนพูดคุยกัน ชายหนุ่มผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่ในมุมร้าน เขามองท้องฟ้าด้านนอกและดื่มสุราในมือ


เขามีเรือนผมสีขาวแต่ไม่ได้แค่เขาคนเดียวที่ผมขาวในร้าน มีเซียนผมขาวอีกสามถึงห้าคนอยู่รอบๆ ราวกับว่ายิ่งผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวมีชื่อเสียงมากขึ้น ยิ่งมีเซียนผมขาวเผยตัวออกมามากกว่าเดิม


ประโยคแต่ละประโยคดังถึงหูเขา หวังหลินวางจอกสุราลงและขมวดคิ้ว มองท้องฟ้าเบื้องบนพลางขบคิดเงียบๆ ช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมาเขาท้าประลองผู้สูงส่งชั้นฟ้าไปจำนวนหนึ่ง ขณะที่เริ่มมีชื่อเสียง เขาก็เริ่มทำความคุ้นเคยกับวิธีการต่อสู้ของผู้สูงส่งชั้นฟ้าและแข็งแกร่งขึ้น


สามสิบปีก่อนเขาไปที่แคว้นขุนเขาทะเลและต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นั่น ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ หวังหลินพ่ายแพ้การต่อสู้! แม้เขาจะใช้ร่างอวตารทั้งหมดแต่ก็ยังพ่ายแพ้


‘ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อสามารถผสานเจ็ดสิบวิชาเข้าไปในดัชนี ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยเว้นแต่จะสวมเกราะวิญญาณ…แต่หากข้าสวมเกราะวิญญาณ ก็คงไม่ทำให้ข้าได้ประสบการณ์อะไรนัก’ หวังหลินหยิบจอกสุราขึ้นมาจิบ


‘ผ่านไปห้าสิบปี ด้วยร่างแก่นแท้ทั้งสองของข้าจึงสามารถบีบอัดเก้าวิชาได้มากที่สุดสามเท่า! ทำให้ข้ามีพลังคล้ายกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผสาน 36 วิชา’


‘เพื่อการต่อสู้ในอนาคต ข้ายังต้องค้นหาธาตุไม้และโลหะ เมื่อข้าได้สองแก่นแท้ครบและสร้างร่างแก่นแท้ของมันขึ้นมาได้ ร่างแก่นแท้ห้าธาตุของข้าก็สมบูรณ์ จากนั้นข้าก็สามารถผสาน 18 วิชาเข้าไปในกำปั้น ด้วยความเข้าใจนี้แล้วข้าจะเทียบชั้นกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผสาน 72 วิชา! ข้าจะสามารถต่อสู้กับไฮ่จื่อได้อีกครั้ง!’


‘ผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิงพูดเอาไว้ว่าใต้ทะเลขุนเขามีต้นไม้อยู่ ทั่วทั้งทะเลถูกค้ำจุนด้วยต้นไม้นี้และทั้งแคว้นทะเลขุนเขากำลังผนึกวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขา!’


‘ต้นไม้ที่ว่านั้นทรงพลังยิ่ง แม้แต่ตอนที่บรรพชนเทพผนึกมันก็ยังต้องบาดเจ็บกลับมา แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนานแล้ว วิญญาณต้นไม้ได้กลายเป็นวิญญาณมรณะจนเหลือเพียงกิ่งก้าน หากข้าได้มาคงมีธาตุไม้ข้างในมากพอ ธาตุไม้ของข้าจะสมบูรณ์และสามารถสร้างร่างแก่นแท้ขึ้นมาได้!’ หวังหลินคิดพลางดื่มสุราไปอีก


‘หลังจากข้าต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ ข้าเริ่มสังเกตแคว้นทะเลขุนเขา สิ่งที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิงพูดน่าจะเป็นจริง! ดังนั้นข้าสามารถใช้เกราะวิญญาณเพื่อชนะผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อที่เป็นคนคุ้มกันได้ จากนั้นเข้าไปในต้นไม้และดูดซับแก่นแท้!’ หวังหลินเผยสายตามุ่งมั่น วางจอกสุราลงและทิ้งหินต้นกำเนิดเล็กๆ เอาไว้ก่อนจะเดินออกจากร้าน


เมืองแห่งนี้มีเซียนจำนวนมาก นอกจากร้านค้าแล้วยังมีแผงขายสมบัติส่วนตัวที่พวกเขาได้มาอีก


หวังหลินเดินลอดผ่านในเมืองและหายตัวไปในพริบตา เขาปรากฏตัวในท้องฟ้าไกล ขณะที่กำลังจะจากไปพลันหันกลับมาด้านหลัง


อากาศด้านหลังหวังหลินเกิดการบิดเบือนและมีร่างสูงโปร่งปรากฏขึ้นมา ร่างนี้สูงมากกว่าร้อยฟุต สวมชุดคลุมสีม่วงปกคลุมตลอดทั้งร่าง ใบหน้าสวมหน้ากากสีทองเปล่งแรงกดดันรุนแรงจนเกิดเป็นระลอกคลื่นแตกกระจาย


หากมองจากด้านบน อาณาเขตรอบตัวหวังหลินและร่างสวมหน้ากากดูเหมือนทะเลสาบที่มีระลอกคลื่นโหมกระหน่ำ


หวังหลินเอ่ย “เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิง ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงนี่เอง!”


“สหายเซียนหวัง เราไม่เจอกันหลายปี ข้าสงสัยว่าท่านพิจารณา…” เซียนหน้ากากทองมองหวังหลินราวกับกำลังยิ้ม


หวังหลินต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิงมาก่อนหน้านี้ ทั้งสองมีความแข็งแกร่งเท่ากันตอนที่หวังหลินไม่ได้สวมเกราะวิญญาณ หลังจากนั้นเขาก็เจอหวังหลินและถ่ายทอดข้อความของมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง


ว่าต้องการเชิญชวนหวังหลิน!


นี่ถือเป็นมหาชั้นฟ้าคนที่สองต่อจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ที่ต้องการเชิญชวนหวังหลิน หวังหลินเรียนรู้มาว่ามหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงคนนี้เคยเป็นบรรพชนสำนักเต๋ามาร เขาเมินเฉยและไม่ค่อยให้คุณค่าแก่ผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากนัก มีเพียงเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะที่เขาให้ความสนใจ


แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าอยู่ใต้อำนาจเขาเลย เพียงแต่พวกคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่มีพรสวรรค์เช่นผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิง หวังหลินรู้สึกได้ว่าการประลองก่อนหน้านี้ฉีเฟิงออมมือให้เหมือนกับเขา


‘ตอนนั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิงได้ถ่ายทอดข้อความจากมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง เขาไม่ได้มาเองหรือไม่ได้ปรากฏตัวด้วยสัมผัสวิญญาณ เขาเชื่อว่าด้วยพลังการต่อสู้ของข้านั้นคู่ควรแค่ฝากข้อความมาเท่านั้น…เทียบกับมหาชั้นฟ้าต้าวยี่แล้ว ห่างชั้นกันจริงๆ’


‘แต่เป็นเพราะมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ได้เห็นพลังของข้าหลังจากสวมเกราะวิญญาณ นั่นพออธิบายได้’ หวังหลินขบคิดและคำนับฝ่ามือให้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิง


“สหายเซียนฉีเฟิง ข้ายังต้องพิจารณาเรื่องนี้และไม่ได้ตัดสินใจ”


ผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิงไม่ประหลาดใจที่หวังหลินถ่วงเวลา เขาเพียงแค่เผยอาการเสียดายพลางมองหวังหลินและยิ้มอย่างขมขื่น


“สหายเซียนหวัง เราเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ามีสถานะสูงส่งในเผ่าเทพ แม้แต่มหาชั้นฟ้าที่ต้องการคนอยู่ใต้อาณัติก็ควรมาเชิญด้วยตัวเอง ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงบอกว่าหากท่านสามารถทะลวงบททดสอบชั้นฟ้าผ่านระดับเก้าได้ เขาจะมาด้วยตัวเองและไม่ใช่แค่ใช้สัมผัสวิญญาณ!”


“สหายเซียนหวัง หากพอมีเวลา โปรดมุ่งหน้าไปที่บททดสอบชั้นฟ้า หากสามารถผ่านระดับเก้าไปได้ ข้าเชื่อว่ามหาชั้นฟ้าทั้งห้าคนคงต้องการดึงตัวท่านแน่นอน” หลังจากผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉีเฟิงกล่าวจบ เขาคำนับฝ่ามือให้หวังหลินและร่างกายค่อยๆ หายไป


หวังหลินขบคิดเงียบๆ ในท้องฟ้า ทอดสายตาออกไปไกล


‘ผู้สูงส่งชั้นฟ้า…มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ก็บอกว่าหากข้าผ่านระดับเก้าไปได้ เขาจะมาเจออีกครั้ง มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงก็พูดเหมือนกัน หรือระดับเก้าจะมีอะไรพิเศษ?’


หวังหลินพิสูจน์วิธีการเข้าบททดสอบชั้นฟ้าหลายครั้งในช่วงห้าสิบปี แต่เขาไม่เคยเข้าไป ตอนนี้ขบคิดเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกาย


‘ข้าควรไปลองดูหน่อย!’


………………………………………………………….



ตอนที่ 1927 บททดสอบชั้นฟ้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ในแคว้นทะเลขุนเขาแห่งแผ่นดินทิศใต้ มีทะเลภายในแห่งหนึ่งเรียกกันว่าทะเลขุนเขา ทะเลแห่งนี้กว้างใหญ่ บางครั้งอาจได้เห็นนกนางนวลจำนวนมากบินเหาะเหินอยู่ในท้องฟ้าสีคราม คลื่นทะเลดังกระทบฝั่ง สายลมพัดหวิวเข้าสู่ชายฝั่ง


ทะเลขุนเขานั้นกินพื้นที่แคว้นทะเลขุนเขาไปกว่าเจ็ดในสิบส่วน ที่เหลืออีกสามส่วนคือแผ่นดินที่ล้อมรอบทะเล


เวลานี้ทางเหนือของทะเลขุนเขา หวังหลินยืนอยู่บนยอดเขา มองลงไปยังทะเลเบื้องล่างอย่างสงบนิ่ง


ตรงจุดนี้คือพื้นที่ที่ใกล้กับต้นไม้ทะเลขุนเขามากที่สุดแต่หวังหลินไม่ได้เข้าไปทันที ร่างกายวูบวาบและหายตัวไปจากยอดเขา ปรากฏตัวขึ้นในถ้ำที่สร้างเอาไว้


หวังหลินอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้มาสามปีและวางเขตอาคมจำนวนมากไว้รอบๆ ที่นี่สามารถปกป้องเขาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง


ในถ้ำมีหมอกสีฟ้าหม่น ซ่อนมังกรสมุทรไว้ข้างใน ซึ่งมันหดขนาดลงไปหลายเท่า


พอนั่งอยู่ในถ้ำ หวังหลินค่อยๆ หลับตาลง สองมือสร้างผนึกอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผนึกพิเศษยิ่งและหวังหลินศึกษามาหลังจากพิสูจน์แล้วหลายครั้ง


‘ก่อนที่ข้าจะไปหาต้นทะเลขุนเขา ข้าจะไปดูก่อนว่าบททดสอบชั้นฟ้านั้นลึกลับแค่ไหน!’ หวังหลินกำลังจะใช้วิธีที่เขาศึกษามาห้าสิบปี ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าสู่ศีรษะและยืดขึ้นไปกลายเป็นแสงเจิดจ้า


แสงนี้คือแสงของสัมผัสวิญญาณ หลังจากรวมอยู่บนศีรษะหวังหลินไปชั่วขณะ มันได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ


มันแทงทะลุถ้ำและภูเขาขึ้นไปในท้องฟ้า คนนอกไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ ผนึกที่หวังหลินใช้นั้นซ่อนความผันผวนจากสัมผัสวิญญาณได้ทั้งหมดและปกป้องผู้สูงส่งชั้นฟ้าตอนที่เข้าบททดสอบ


กล่าวได้ว่ามันเป็นผนึกที่ถูกส่งต่อมาจากบรรพชนเทพ!


สัมผัสวิญญาณของหวังหลินพุ่งทะยานขึ้นต่อไปและทะลวงสู่ความว่างเปล่า ราวกับกระบี่ฟาดฟันจนเปิดท้องฟ้าเหนือแผ่นดินเซียนดารา!


วินาทีที่สัมผัสวิญญาณมาถึงจุดสูงสุด เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้นในใจหวังหลิน สัมผัสวิญญาณของเขารู้สึกราวกับท้องฟ้าได้เปลี่ยนกลายเป็นวังวนยักษ์ดูดสัมผัสวิญญาณเข้าไป


ทัศนวิสัยพร่าเลือน พอมองเห็นชัดเจนอีกครั้งจึงมองรอบๆ และเกิดอาการตกตะลึง


เขาอยู่บนแผ่นดินที่มีความกว้างราวหมื่นลี้ แผ่นดินแห่งนี้เล็กมากและลอยอยู่ในท้องฟ้า สายลมหวนดังอยู่รอบแผ่นดินและมีเส้นสายสีดำอยู่ในสายลม เส้นสีดำเหล่านี้มีพลังอำนาจอันน่าตกตะลึง เพียงแค่สัมผัสก็สามารถทำลายคนผู้นั้นได้แล้ว


ใจกลางแผ่นดินมีตำหนักขนาดยักษ์ตั้งตระหง่าน ตำหนักแห่งนี้เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ มันมีสีดำสนิทและมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ คนที่เห็นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวในจิตใจ


พอหวังหลินมาถึงที่นี่และเริ่มตรวจสอบ สัมผัสวิญญาณหลายแห่งได้โผล่ออกมาจากด้านข้างตำหนักและกวาดมาหาหวังหลิน


ทุกสัมผัสวิญญาณมีแรงกดดันของผู้สูงส่งชั้นฟ้าและมีเกือบสองร้อยคน


“หวังหลิน?”


“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว!”


“นั่นเขา!” ท่ามกลางสัมผัสวิญญาณเหล่านี้ มีสัมผัสวิญญาณที่ได้ต่อสู้กับหวังหลินในช่วงห้าสิบปี พอเห็นหวังหลินจึงจดจำได้ทันที


สีหน้าหวังหลินยังคงเหมือนเดิม ขณะที่มองไปรอบๆ เขาค้นพบว่าตัวเองอยู่ใกล้กับค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ค่ายกลนี้ซับซ้อนมาก เพียงแค่ชำเลืองมองก็ทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนสัมผัสวิญญาณกำลังถูกดูดออกไป


หลังจากผ่านไปสักพัก หวังหลินได้ถอนสายตาและเดินออกไปจากค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาตรวจสอบร่างกายของตัวเองอย่างละเอียดราวกับรู้สึกว่าอยู่ในร่างกายหยาบ ถ้าไม่รู้ว่าเขามาด้วยวิญญาณดั้งเดิมก็คงแยกความแตกต่างได้ยาก


‘บททดสอบชั้นฟ้าถูกสร้างขึ้นจากบรรพชนเทพ ช่างน่าลึกลับยิ่ง!’ หวังหลินทะยานเข้าหาตำหนักที่มีสัมผัสวิญญาณทั้งหมดโผล่ออกมา


ยิ่งหวังหลินเข้าไปใกล้ ยิ่งเกิดความตกตะลึงมากกว่าเดิม ตำหนักโบราณหากมองไกลๆ จะดูกว้างใหญ่ แต่หลังจากเข้าไปใกล้ยิ่งน่าตกตะลึงมากกว่าเดิม สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือหวังหลินพบว่ามันมีตำหนักขนาดใหญ่หลายแห่งอยู่เหนือตำหนักแห่งนี้


ทั้งหมดสิบเก้าตำหนัก ลอยอยู่ในอากาศและเชื่อมกันเหมือนมังกรยาวเหยียด ตำหนักด้านบนยืดยาวขึ้นสู่ท้องฟ้าและมองเห็นเพียงแต่เค้าโครงเลือนลาง


‘จากความเข้าใจของข้าห้าสิบปี ลือกันว่าบททดสอบชั้นฟ้าความจริงเป็นสมบัติทรงพลังที่สุดของบรรพชนเทพ มันอยู่ในความว่างเปล่าและปกป้องเผ่าเทพตั้งแต่อดีต’ หวังหลินมองตำหนักขนาดใหญ่ในท้องฟ้า บางแห่งก็อยู่ไกลเกินไปจนเห็นแค่เงา แต่เขาก็ยังสัมผัสแรงกดดันได้ชัดเจน


พอเข้าไปใกล้หวังหลินจึงเห็นเซียนเกือบสองร้อยคนรอบตำหนักโบราณแห่งแรก ทั้งหมดอยู่ห่างกันราวกับไม่ยอมเข้ามาใกล้


หลังจากหวังหลินมาถึง หลายคนมองเข้ามา บางคนรู้จักหวังหลินจึงยิ้มขึ้นและคำนับฝ่ามือให้


หวังหลินคำนับฝ่ามือตอบกลับ ยืนอยู่นอกตำหนักและมองดูความยิ่งใหญ่ตรงหน้า เขารู้สึกว่าตัวเองเล็กไปถนัดตา


‘บททดสอบชั้นฟ้าเป็นสถานที่ประหลาดมาก ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็สามารถมาที่นี่ได้ด้วยวิญญาณดั้งเดิม ที่นี่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าเพราะถึงอีกฝ่ายจะอยู่ไกลกันก็สามารถมาเจอกันที่นี่ได้’


‘และด้วยลักษณะเช่นนี้ บททดสอบชั้นฟ้าจึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าจะมาเจอกัน’ ข้อมูลที่หวังหลินรวบรวมในช่วงห้าสิบปีปรากฏขึ้นในใจ


ขณะที่หวังหลินกำลังขบคิด แสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากตำหนักที่เจ็ดบนท้องฟ้า แสงสีทองห่อหุ้มบริเวณและทำให้เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดมองขึ้นมาทันที


หวังหลินมองขึ้นไปเห็นร่างสีดำคนหนึ่งทะยานออกมาจากตำหนักแห่งที่เจ็ด ร่างนี้เป็นชายวัยกลางคน ผมยาวพริ้วไหว เปล่งกลิ่นอายทรงพลังพุ่งทะยานจากตำหนักที่เจ็ดสู่ตำหนักที่แปด


“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลิน เขาทะลวงผ่านระดับเจ็ดแล้ว!”


“การสามารถทะลวงผ่านระดับเจ็ดได้หมายความว่าเขาผสานวิชาได้อย่างน้อย 63 วิชา ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ได้ขนาดนี้!”


“เขาติดตามมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ถึงพันปี ได้อะไรมามากมาย…”


“ระดับแปดไม่มีอะไรเลย แต่ระดับเก้าสำคัญที่สุด หากมีใครทะลวงผ่านระดับเก้าได้ มหาชั้นฟ้าทุกคนจะให้ความสนใจแน่”


“ระดับเก้า…ยากเกินไป! คนที่ทะลวงระดับเก้าได้คงใกล้เคียงกับผู้สูงส่งชั้นเทวะไปแล้ว คงอีกขั้นเดียวก็จะกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 ของเผ่าเทพ!”


“แม้ผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด หมิงต้าว ก็ยังหยุดที่ระดับสิบหกและไม่สามารถไปต่อได้”


“ลือกันว่าหากมีใครสามารถทะลวงผ่านระดับสิบเก้าได้ หมายความว่าเขาจะทรงพลังมากพอจนแม้แต่มหาชั้นฟ้ายังต้องระมัดระวัง!”


ขณะที่แสงสีทองเปล่งประกาย เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ากว่าสองร้อยคนต่างก็ส่งข้อความสัมผัสวิญญาณให้กัน


พวกเขาพูดคุยเรื่องผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลิน เสียงคำรามดังออกมาจาตำหนักที่แปด จากนั้นมีคนกระเด็นออกมาตกลงบนพื้นดินรอบตำหนักแห่งแรก


พอเขาร่อนลงมา ข้อความสัมผัสวิญญาณทั้งหมดจึงหายไป สายตาแต่ละคนมารวมกันเป็นจุดเดียว


ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินมีท่าทีมืดมน เขาไม่ได้มองไปรอบๆ และเดินผ่านหวังหลินไป หาที่แห่งหนึ่งและนั่งลง


จากนั้นหวังหลินได้เห็นแสงสีทองโผล่ออกมาจากหลายแห่ง ผู้คนค่อยๆ โดนดีดออกมาอย่างต่อเนื่อง ตำหนักที่สูงที่สุดที่ถูกดีดออกมาคือตำหนักที่แปดเหมือนผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลิน ส่วนที่น้อยที่สุดคือระดับสองถึงสาม


หวังหลินไม่ได้รีบเข้าไป เขานั่งลงเพื่อสังเกตการณ์ไปสามวัน เซียนหลายคนเข้ามาและจากไป แต่ส่วนใหญ่เลือกจะอยู่ต่อและไม่ได้จากไปไหน


ผ่านมาสามวัน ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินพยายามเข้าสู่ระดับแปดอีกครั้งแต่ก็ยังล้มเหลว


ในวันที่สี่ หวังหลินดวงตาเปล่งประกายและยืนขึ้นเดินเข้าหาตำหนักแรก การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้คนสนใจมากนัก อีกทั้งตำหนักแรกก็ง่ายเกินไปสำหรับเซียนที่นี่


มีเพียงเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่เคยต่อสู้กับหวังหลินเท่านั้นไ้ดมองเข้ามาเห็นเขาเข้าสู่ตำหนักแรก


“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวเข้าสู่ตำหนักแรกแล้ว คงเป็นครั้งแรกของเขา ข้าสงสัยเสียจริงว่าเขาจะทะลวงไปได้ถึงระดับไหน”


“เขาช่างน่าประหลาดมาก ระดับบ่มเพาะธรรมดาแต่พลังต่อสู้ช่างน่าตกตะลึง ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ข้าเองก็สงสัยว่าเขาจะผ่านไปได้กี่ระดับ”


“หวังหลิน…หลายสิบปีมานี้เขามีชื่อเสียงขึ้นมากในแผ่นดินทิศใต้ เล่ากันว่ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่ได้เชิญชวนเขาแต่ก็ถูกปฏิเสธ” สายตาหลายคู่มองตามหวังหลินจนเห็นเขาหายไปในตำหนัก


วินาทีที่เข้าไปในตำหนักแรก เขารู้สึกเหมือนโลกเบื้องหน้าเปลี่ยนไป เขาเห็นว่าในตำหนักคือดาราจักรดวงดาวหนึ่งแห่ง!


ดาราจักรแห่งนี้กว้างใหญ่และมีดวงดาวอยู่นับไม่ถ้วน ดาวแต่ละดวงเปล่งประกายเจิดจ้าและเขายืนอยู่ในดาราจักรแห่งนี้


เสียงหอนประหลาดดังออกมาจากในดาราจักร หวังหลินหันมองขึ้นไปทันที แววตากะพริบเย็นเยียบ


…………………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)