Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1924-1925
ตอนที่ 1924 รอคอยสายลมฤดูใบไม้ผลิ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินก้าวออกไป ศิษย์สำนักปฐพีทุกคนระหว่างเขาและชายคนนั้นถูกผลักออกไปทั้งหมดด้วยพลังที่มองไม่เห็น หวังหลินก้าวทะยานปรากฏเบื้องหน้าชายแซ่ฉิง
“ผู้อาวุโส…” ชายแซ่ฉิงตกตะลึงพลางมองหวังหลิน ใบหน้าสตรีด้านข้างก็ตื่นตระหนก หวังหลินมาพร้อมกับบรรพชนและจ้าวสำนัก ดังนั้นจะต้องเป็นคนที่ทรงพลัง!
เจิ้งเทียนหลินเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึง ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาแต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดคำตอบไม่ออก จึงไม่ได้ลงมืออย่างวู่วาม
ด้านจ้าวสำนักที่เห็นเหตุการณ์ แววตาเกิดความเย็นเยียบ เขาถูกกลิ่นอายของหวังหลินข่มเอาไว้และไม่กล้าพูดออกมา ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของหวังหลินและเห็นเพียงด้านหลัง อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าได้เจอโอกาสแก้ไขสถานการณ์ ดังนั้นจึงชี้ใส่ชายแซ่ฉิงและร้องคำราม
“เจ้าสองคนกล้านัก ผู้อาวุโสไม่ต้องทำอะไรเลย ข้าจะไล่เจ้าสองคนออกไปจากสำนัก!” เพียงเท่านั้นเขาก็เคลื่อนไหวเพื่อหาโอกาสโดดเด่น
“เจ้าโง่!!” พอเจิ้งเทียนหลินได้ยินแบบนี้สีหน้าจึงเปลี่ยนไป เขาสะบัดแขนและกำลังจะไปหยุดจ้าวสำนักปฐพี
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร หวังหลินหันกลับมา สายตาอ่อนโยนเปลี่ยนกลายเป็นเย็นเยียบ
“ไปซะ!”
คำพูดเขาดุจสายฟ้าระเบิดขึ้นกลางสำนัก กลายเป็นเสียงดังกึกก้องและเป็นคลื่นกระแทกทรงพลัง ทั้งหมดนี้กระแทกเข้าใส่จ้าวสำนักจนร่างกายสั่นสะท้าน กระอักโลหิตและกระเด็นออกไปไกล
เพียงคำเดียว เสียงเดียวก็สามารถทำให้จ้าวสำนักขั้นวิบากดับสูญระดับปลายได้รับบาดเจ็บสาหัส เจิ้งเทียนหลินหรี่ตาแคบและคำนับฝ่ามือให้หวังหลินทันที
“ผู้อาวุโสได้โปรดอย่าโกรธเกรี้ยว ลูกหลานของผู้น้อยคนนี้ไม่ได้บ่มเพาะมายาวนาน แม้จะมีพรสวรรค์แต่ก็วู่วามเกินไปและถูกผู้น้อยทำเสียนิสัย ผู้น้อยจะถอนตำแหน่งจ้าวสำนักและให้ผู้อาวุโสจัดการเขา ผู้น้อยจะหาคนใหม่มารับตำแหน่ง!”
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้ศิษย์อันดับห้าเกือบพันคนต้องตกตะลึง พวกเขามองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวเกินอธิบายได้
ชายแซ่ฉิงสั่นเทา สตรีด้านข้างกุมมือ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นทั่วฝ่ามือ
“เจ้า…ตอนนี้เจ้าชื่ออะไร?” หวังหลินมองชายแซ่ฉิง ภายในภวังค์เขาเห็นคนที่เผาไหม้ร่างกายตัวเองเพื่อปกป้องร่างศพสตรี เป็นคนที่หัวเราะพลางมอบผลึกเทวะให้แก่หวังหลินและเผาไหม้วิญญาณของตัวเองต่อสู้กับศัตรู!
วินาทีนั้นหวังหลินเห็นชายผู้กลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่และมองดูฉิงชวงตื่นขึ้นมาเสียความทรงจำ เขารออย่างเจ็บปวดและอยู่กับความเงียบไปตลอดกาล เขาไม่เคยยอมแพ้ แม้แต่ตอนตายและตอนที่นางลืมเขา
ความรู้สึกของเขาทำให้สวรรค์สั่นสะเทือน ความรู้สึกของเขาทำให้ผืนปฐพีสั่นไหว!
วิชาเกิดใหม่ไม่สามารถซ่อนความหลงไหลของท่านนับพันปีได้…
“ข้าชื่อฉิง…” เขาเอ่ยขึ้นพลางมองหวังหลิน แม้จะเผชิญหน้าแต่ก็ยังมีสัมผัสความเย็นเยียบออกมาจากร่างกาย
“ฉิง…คำเดียว…” พอหวังหลินได้ยินแบบนี้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนอะไรแทงหัวใจ ความรู้สึกนี้มาจากความเข้าใจของเขาต่อชายตรงหน้าและพยานรักในชีวิตอันรันทด
ชายแซ่ฉิงขบคิดชั่วขณะและเอ่ยขึ้น “ใช่ ข้าเป็นเด็กกำพร้า ข้าให้ตัวเองชื่อ ‘ฉิง’ ” สตรีด้านข้างกุมมือเขาแน่นขึ้น
‘ความรู้สึกมิอาจลืมเลือนแม้จะผ่านการเกิดใหม่…เขาหลงใหลและคุ้มครองร่างศพนับพันปี พอนางตื่นขึ้นมากลับเป็นคนแปลกหน้า รอคอย…รอคอยหลายปีเพื่อให้นางจำเขาได้…ในชีวิตนี้เขาจึงชื่อฉิง…เป็นชื่อนั้นได้อย่างไร? นี่มันชื่อของสตรีที่เขาหลงใหลชัดๆ มาจากฉิงของฉิงชวง!!’ หวังหลินมองชายที่มีท่าทีเยือกเย็นและไม่พูดอะไรสักพัก
ความเยือกเย็นนี้แตกต่างจากฉิงชุ่ย มันมาจากชีวิตก่อนหน้าที่เป็นจิตวิญญาณกระบี่ ความเยือกเย็นของกระบี่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก แม้จะผ่านการเกิดใหม่ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม
‘ข้าคาดหวังกับเขาและการเกิดใหม่ของฉิงชวง…โดยเฉพาะของฉิงชวง แม้นางจะเป็นลูกสาวของฉิงหลิน นางก็เป็นคนที่ข้าปรับเปลี่ยนมากที่สุด!’ หวังหลินถอนหายใจและมองสตรีด้านข้าง นางดูเครียดและตื่นตระหนก นางกุมมือคนรักราวกับกลัวว่าจะสูญเสียไป เบื้องหน้าหวังหลินนางดูหวาดกลัวมาก หากไม่กุมมือคนรัก นางคงทำอะไรไม่ถูก
นางกลัวหวังหลิน วินาทีที่นางเห็นหวังหลิน ร่างกายสั่นเทา ความหวาดกลัวนั้นออกมาจากวิญญาณ ราวกับแกะลักเข้าไปในวิญญาณและไม่สามารถลบเลือนออกไปได้
หวังหลินมองสตรีด้านข้างและเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
นางตัวสั่นและก้าวถอยโดยไม่รู้ตัวและซ่อนอยู่ด้านหลังคนรัก นางกุมมือและหน้าซีดเผือด
“นางชื่อโจวยี่ถิง…” คนที่ตอบหวังหลินเป็นชายที่นางกำลังกุมมืออยู่
“โจวยี่ถิง…” หลังจากหวังหลินได้ยินชื่อ เขาจึงมองนางอย่างล้ำลึก
‘ตอนนั้นโจวยี่เรียกฉิงชวงว่า ‘ถิงเอ๋อร์’… ในชีวิตนี้นางน่าจะจำชีวิตในอดีตไม่ได้…’ หวังหลินหลับตา ตอนนั้นเขาทำแค่อย่างเดียว
เขาไม่ควรทำแบบนี้ เพราะทุกคนควรมีความทรงจำของตัวเอง แต่ระหว่างที่ฉิงชวงไปเกิดใหม่ หวังหลินได้ล้างความทรงจำของนาง!!
มันไม่ใช่ผนึก เขาได้ลบล้างความทรงจำของนางอย่างสมบูรณ์!! ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงต่อวิญญาณ เป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงรู้สึกกลัวสุดขีดต่อหวังหลินแม้จะผ่านการเกิดใหม่
‘ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับโจวยี่ เจ้าเลือกที่จะเย็นชา ข้าเป็นพยานรู้เห็นชีวิตของโจวยี่ ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะลืมและไปเกิดใหม่ด้วยมือข้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำลงไปมีเจตนา ข้าจะช่วยเจ้าลบความทรงจำเอง!!’
‘ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจะไม่มีความทรงจำของชีวิตก่อนหน้า เจ้าจะมีความทรงจำในชีวิตปัจจุบันเท่านั้น!!’ นี่คือสิ่งที่หวังหลินคิดเอาไว้ตอนที่ลบล้างความทรงจำของฉิงชวง
เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทุกคน หรือก็ไม่มีใครสังเกตเห็น หวังหลินทำลงไปเพื่อช่วยโจวยี่
เพียงหวังหลินหลับตา ชายที่กำลังกุมมือจึงเกิดอาการลังเลและพูดขึ้น “ผู้อาวุโส…ท่าน…ระดับบ่มเพาะของท่านสูงมาก ท่านช่วยข้าขจัดความสับสนได้หรือไม่…”
พอเขาพูดขึ้น นางจับมือเขาแน่นราวกับจะรวมกันเป็นหนึ่ง แม้แต่ตอนตายก็ไม่อยากแยกจากกัน นางดูเคร่งเครียดและเศร้า ราวกับลืมไปว่ากลัวหวังหลิน
“ฉิง ความฝันนั่น มันเป็นแค่ความฝัน!!!”
หวังหลินลืมตาขึ้นมามองเขา
ชายผู้กำลังกุมมือคนรักได้เอ่ยพึมพำกับนางเบาๆ “ข้าแค่ต้องการรู้คำตอบ”
“ขณะที่บ่มเพาะมาถึงจุดนี้ ข้ารู้สึกเหมือนเคยมาถึงแล้วและจึงบรรลุได้อย่างรวดเร็ว…ช่วงเวลาหลายร้อยปีนี้ ข้ามักจะมีความฝันหนึ่ง ความฝันนี้เหมือนเดิม…”
“ในความฝันนั้นมีสตรีคนหนึ่ง ข้าเห็นแต่แผ่นหลังของนางและนางสวมชุดสีขาว นางให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับข้าแต่ก็ทำให้ข้ารู้สึกเศร้าและหนาวเย็นไปด้วย ข้ามักต้องการมองเห็นใบหน้านางอยู่เสมอ ต้องการรู้ว่านางเป็นใคร…”
“ข้ารู้สึกเหมือนนางเป็นภรรยาข้าในชาติที่แล้ว…หากข้ามีชีวิตในชาติก่อน…นางอาจจะเป็นภรรยาข้า…”
“ดูเหมือนเป้าหมายของข้ามีอยู่เพียงเพื่อนาง เพื่อรอยให้นางหันกลับมามองข้า…” เขากระซิบ สายตาเผยความสับสนอันลึกล้ำ
ท่าทีสับสนของเขาเหมือนเดิมแบบคนที่คุ้มกันร่างศพมานับพันปี หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์…
รอบด้านเงียบสนิทและมีเพียงเสียงของเขา เจิ้งเทียนหลินมองเขาและมองหวังหลิน จากนั้นคาดเดาบางอย่างและขบคิดเงียบๆ
หวังหลินมองชายตรงหน้าและไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน เขาสามารถลบความทรงจำของฉิงชวงได้แต่ไม่ต้องการลบความทรงจำของชายคนนี้ เพราะชายคนนี้คือสหายของเขา เป็นผู้มีพระคุณ
หวังหลินต้องการให้เขาเลือกทางเดินที่ถูกต้องในชีวิตด้วยตัวเอง
“ปีหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ข้าเดินไปใต้ต้นไม้และมองดูใบไม้ ข้าชอบมันมาก พอถึงฤดูใบไม้ร่วง ข้ากลับมาที่ต้นไม้เดิมอีกครั้ง ข้าไม่พบใบไม้สีเขียวนั่นแล้ว ข้าคิดว่าข้าไม่สามารถหามันพบ…”
“แต่ข้าไม่รู้ว่ามันยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่สีของมันเปลี่ยนไป…ตอนที่ข้ากลับมา สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน ใบไม้สีเหลืองลอยออกไป มันหมุนรอบตัวข้าและไปกับข้าตลอดทาง แต่ข้าเศร้าเพราะกำลังคิดถึงใบไม้สีเขียว ข้าไม่เคยสังเกตว่าใบไม้ที่ข้ามองหาอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา…”
“นี่คือคำตอบของเจ้า” หวังหลินพูดขึ้นด้วยสายตาคิดถึง
“หากวันใดวันหนึ่งเจ้าค้นพบว่าคำตอบของข้าถูกต้อง เจ้าจงใช้ยาเม็ดนี้ มันจะทำให้เจ้าไม่เจอความฝันนั้นอีกครั้ง” หวังหลินหันกลับมาและก้าวขึ้นหัวมังกรสมุทร เขาทิ้งเม็ดยาสีเหลืองแห้งเหี่ยวเหมือนใบไม้แห้ง มันลอยตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังสับสน
“เจิ้งเทียนหลิน ทั้งสองคนคือสหายสนิทของข้า พวกเขาในตอนนี้มาเกิดใหม่ในสำนักเจ้า นี่คือโชควาสนาครั้งใหญ่ของสำนัก ข้าจะช่วยสำนักเจ้าสามครั้ง!! หากมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสอง ข้าจะมาอีกครั้ง!” หวังหลินเอ่ยเสียงดังกึกก้องในใจเจิ้งเทียนหลิน ขณะเดียวกันหวังหลินสะบัดแขนส่งหินหยกพร้อมกับประทับลอยเข้าหาเจิ้งเทียนหลิน
“ขอบคุณ ท่านผู้สูงส่งชั้นฟ้า!!” เจิ้งเทียนหลินสั่นเทาและโค้งคำนับหวังหลิน นี่เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยม!
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านทำให้เรือนผมชายหนุ่มและหญิงสาวพริ้วไหวจนพัวพันเข้าด้วยกันเหมือนผีเสื้อสองตัวกำลังเต้นระบำ
หวังหลินไม่ได้ปลดผนึกความทรงจำแต่ให้เขาได้เลือก จากนั้นจึงถอนสายตาออกไป ยืนอยู่บนมังกรสมุทรและให้มันพาเขาออกไป
‘โจวยี่ พี่ใหญ่โจว ลืมข้าเถอะ ลืมเรื่องโลกถ้ำ ลืมชีวิตในอดีต ในชีวิตนี้จงหวงแหนคนที่อยู่ข้างกายท่าน นางเป็นคนที่ท่านรอให้หันกลับมามองทั้งชีวิต เป็นร่างที่อยู่ในความฝันของท่าน’ หวังหลินถอนหายใจ
………………………………………………………….
ตอนที่ 1925 สำนักสวรรค์
โดย
Ink Stone_Fantasy
‘เรื่องนี้ดูเหมือนไม่ยุติธรรมกับฉิงชวงและฉิงหลิน…ข้าไม่ควรทำแบบนี้…แต่ความหลงใหลของโจวยี่หลายพันปี…ช่างมันเถอะ ข้าไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์แบบได้’ หวังหลินถอนหายใจ
ขณะมังกรสมุทรด้านล่างร้องคำราม พวกเขาได้ออกไปจากสำนักปฐพี ก่อนที่หวังหลินจะมาที่นี่เขาไม่คิดว่าจะมาเจอทั้งสองคนเลย
‘ซือถูหนาน ฉิงชุ่ย ฉวี่ลี่กั๋ว หลิวจินเปียว…มีสหายข้าอีกหลายคนในอดีต สงสัยนักว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน…มองมายังท้องฟ้าเดียวกัน’ หวังหลินนั่งอยู่บนหัวมังกรสมุทร ส่งสายตามองท้องฟ้าอย่างเศร้าสร้อย
‘ข้าสงสัยนักว่าซือถูจะได้เริ่มชีวิตในฐานะราชาหรือไม่ สงสัยว่าศิษย์พี่ฉิงชุ่ยอยู่ที่ไหนกัน ฉวี่ลี่กั๋วกำลังเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยนอยู่หรือไม่ หลิวจินเปียวรู้แจ้งเต๋าแห่งการหลอกลวง เขายังคงทำความเข้าใจมันอยู่หรือไม่…’
‘และ…ลี่เฉียนเหมย’ หลังจากเจอสหายคนแรกที่มาเกิดใหม่ หวังหลินสัมผัสระลอกคลื่นดังกึกก้องในใจ ใบหน้าสดใสของแต่ละคนแล่นวาบขึ้นมา
มังกรสมุทรทะยานเข้าหาสำนักทรงพลังอีกแห่งบนแคว้นนั่นคือสำนักเมิ่งตู สำนักนี้เทียบเท่ากับสำนักปฐพี
ด้วยระดับบ่มเพาะผู้สูงส่งชั้นฟ้าของหวังหลินและมังกรสมุทรระดับผู้สูงส่งชั้นทอง การเดินทางจึงลื่นไหล สำนักเมิ่งตูได้มอบหินหยกแผนที่ให้กับหวังหลินด้วยความหวาดกลัวว่าหวังหลินจะไม่พอใจ
หวังหลินยังกระจายสัมผัสวิญญาณในแคว้นเมิ่งตูด้วย แม้โอกาสจะไม่มากนักเขาก็อยากรู้ว่าจะเจอสหายเก่าบ้างหรือไม่
แต่ก็ไม่พบสิ่งใด
หวังหลินถอนหายใจและอวยพรให้แก่โจวยี่และฉิงชวง เขานั่งอยู่บนมังกรสมุทรที่กำลังมุ่งหน้าไปยังแคว้นสวรรค์
ทั่วทั้งแผ่นดินทิศตะวันออกมีเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ในแคว้นสวรรค์มีสำนักสวรรค์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง บรรพชนของสำนักสวรรค์ลือกันว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเดียวกันลั่วหยุนไฮ่แห่งสำนักมหาวิญญาณในแคว้นกระทิงสวรรค์
อย่างไรก็ตามระดับบ่มเพาะของเขาหยุดอยู่ที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้า เขาเคยติดตามมหาชั้นฟ้าชวงจื่ออยู่ครั้งหนึ่ง แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นและเขาจากมาอย่างเงียบๆ เขากลับมาที่สำนักและไม่ออกมาเลยหลายหมื่นปี
สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดบนแคว้นสวรรค์คือสำนักสวรรค์ ท่ามกลางเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง มีเพียงสำนักสวรรค์ที่ปกครองทั่วทั้งแคว้นสวรรค์
สำนักสวรรค์แตกต่างจากสำนักอื่น แทนที่จะเป็นแค่สำนักเดียว พวกเขามีสำนักสาขาทั้งหมด 19 สำนักทั่วทั้งแคว้นและควบคุมทรัพยากรได้อย่างหมดจด
ยามนี้ในแคว้นสวรรค์ มังกรสมุทรตัวยักษ์กำลังทะยานผ่านน่านฟ้าโดยมีหวังหลินนั่งอยู่บนหัว มองมาที่พื้นดินด้านล่างอย่างสงบนิ่ง
เหตุผลที่แคว้นแห่งนี้เรียกว่าแคว้นสวรรค์เป็นเพราะก้อนเมฆทั้งหมดลงมาต่ำมาก ก้อนเมฆนั้นควรจะอยู่สูงในท้องฟ้าแต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ก้อนเมฆได้อยู่ใกล้กับพื้นดินราวกับแค่ยื่นมือออกไปก็คว้าได้แล้ว
ทำให้แคว้นสวรรค์กลายเป็นดินแดนอัศจรรย์ที่ห่อหุ้มด้วยก้อนเมฆตลอดทั้งปี
ในแคว้นสวรรค์มีภูเขาอยู่นับไม่ถ้วน ยอดเขาที่สูงที่สุดเรียกว่ายอดเขาสวรรค์ มองไกลๆ อาจมองไม่เห็นทั้งภูเขา ราวกับมันถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆจนทำให้ดูพิเศษ
วันนี้มังกรสมุทรปรากฏตัวขึ้นพร้อมระลอกคลื่นเสียงดังกึกก้อง มันลอยอยู่ในท้องฟ้าและจ้องมองภูเขาด้านล่าง ระดับบ่มเพาะผู้สูงส่งชั้นฟ้าแผ่กระจายออกมาห่อหุ้มพื้นที่อย่างสมบูรณ์
หงังหลินยืนอยู่บนหัวด้วยชุดคลุมสีขาว ช่างดูพิเศษท่ามกลางก้อนเมฆสีขาว เขาก้าวข้ามผ่านก้อนเมฆสีขาวไร้ขอบเขตเข้าหายอดภูเขา
หวังหลินยืนอยู่บนยอดเขา ยอมให้สายลมพัดเรือนผมสะบัดพริ้ว มังกรสมุทรโคจรอยู่รอบตัวและมองรอบๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น
“ข้าหวังหลิน ขอเข้าพบบรรพชนแห่งสำนักสวรรค์!” หวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปดุจสายฟ้านับล้านสายระเบิดออกมา เสียงดังกระจายไปโดยมีเขาอยู่ตรงกลางเหมือนสายฟ้าของจริงและปกคลุมพื้นที่แคว้นกว่าครึ่งส่วนในพริบตา
ในแคว้นสวรรค์ เซียนทั้งหมดในสำนักสาขาทั้งหมดและอีกหลายสำนักในใต้อำนาจสำนักสวรรค์ต่างก็เกิดการสั่นสะท้านตอนที่รู้สึกสัมผัสวิญญาณทรงพลังกวาดเข้ามา
แม้แต่ก้อนเมฆเหนือแคว้นสวรรค์ดูเหมือนจะพังทลาย พอสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกมา ก้อนเมฆจึงหลีกเลี่ยงจนทุกอย่างภายในระยะหลายล้านลี้รอบหวังหลินกลับมากระจ่างชัด!
ณ แคว้นสวรรค์ ในสำนักสวรรค์สาขาหลัก เพียงสัมผัสวิญญาณของหวังหลินดังกึกก้องไปทั่วภูเขานับไม่ถ้วนและระเบิดกลิ่นอายตกตะลึงออกมาจนทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน ชายชราผมขาวผู้หนึ่งก้าวเดินเข้าสู่ท้องฟ้า ก้อนเมฆแยกออกเป็นทาง
เขาทอดสายตามองไปยังตำแหน่งของยอดเขาสวรรค์ ดวงตาทอประกาย สะบัดแขนเสื้อและเลือนหายไป
เขาปรากฏตัวอีกครั้งบนยอดเขาสวรรค์ ก้าวออกมาพร้อมระลอกคลื่นเสียงดังสนั่น สายตาจ้องมองตรงไปที่หวังหลินโดยไม่สนมังกรสมุทรรอบภูเขา
ระหว่างทั้งสองคนห่างกันหมื่นฟุต ขณะที่ชายชรามองเข้ามา หวังหลินก็มองกลับไปและดวงตาทอประกาย สายตาทั้งสองสบตากันเป็นครั้งแรก
ทั้งหมดเงียบกริบแต่เกิดเสียงดังกึกก้องในใจหวังหลิน สายตาของชายชราดุจเข็มนับแสนเข้าสู่สายตาหวังหลิน ราวกับพวกมันกำลังแทงทะลุร่างกาย
หวังหลินร่างกายสั่นเทา แสงสีทองในดวงตาเปล่งประกายรุนแรงยิ่งขึ้น
ทั่วทั้งร่างของชายชราถึงกับสั่นสะท้าน เขารู้สึกเหมือนสายตาหวังหลินมีกระบี่สีทอง กระบี่เล่มนี้เปล่งพลังปราณสวรรค์ทรงพลังยิ่ง มันแหลมคมและมีแรงกดดันรุนแรง
พอมันเข้ามาในจิตใจ ราวกับกระบี่ทองแทงเข้าใส่ร่างเขา
“ทำไมเจ้าถึงเรียกข้ามาที่นี่?” ชายชราถอนสายตา มองหวังหลินด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ข้าเพิ่งบรรลุขั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าและอยากขอให้สหายเซียนชี้แนะ ไม่มีสิ่งใดอื่น” หวังหลินไม่มีความบาดหมางกับสำนักสวรรค์ เขาพูดด้วยความสุภาพและคำนับฝ่ามือให้ชายชรา
ชายชราหัวเราะขึ้นทันที แววตาผุดเจตนาต่อสู้ ระหว่างผู้สูงส่งชั้นฟ้าไม่ค่อยมีการต่อสู้เป็นตายนัก แต่การแลกเปลี่ยนกันนับว่าเกิดขึ้นเป็นปกติ เพราะมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าน้อยเกินไป การจะมีโอกาสได้ต่อสู้กันจึงยากมาก
การแลกเปลี่ยนกันแบบนี้เป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสอง
“ดี!” ชายชราก้าวไปข้างหน้าและยกแขนขึ้นมา โบกสะบัดใส่หวังหลินที่อยู่บนยอดเขา หิมะทั้งหมดบนยอดเขาเกิดการสั่นไหว กลายเป็นพายุหิมะและพุ่งเข้าหาหวังหลินจากทุกทิศทาง
พายุหิมะมีถึงเก้าวิชา มันส่งเสียงหวีดหวิวและกระหน่ำทิ่มแทงหวังหลินจากข้างใน
หวังหลินหัวเราะพลางยกแขนขวาขึ้นมาโยนกำปั้นใส่!
กำปั้นนี้มีถึงเก้าวิชาด้วยเช่นกันและทั้งเก้าล้วนเป็นประทับวิญญาณสงคราม!
เสียงดังสนั่นกึกก้องและสั่นสะเทือนทั่วบริเวณ พายุหิมะสั่นไหวและระเบิดเป็นหิมะปกคลุมไปทั่ว
เสียงดังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงหัวเราะสะเทือนฟ้าดิน
หลายชั่วโมงต่อมา หวังหลินถอยร่างออกมาจากหิมะและประคองตัวเองห่างออกไปหลายหมื่นฟุต
“ระดับบ่มเพาะของสหายเซียนช่างยอดเยี่ยม การต่อสู้ครั้งนี้เป็นประโยชน์กับข้าอย่างมาก ขอบคุณท่านมาก!”
ขณะเดียวกันชายชราก็ถอยกลับไปหลายหมื่นฟุตในทิศตรงข้ามก่อนจะประคองตัวเองด้วยเช่นกัน
“เจ้าเพิ่งบรรลุขั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าและสามารถผสานเก้าวิชาเข้าไปในการเคลื่อนไหวได้ ทั้งยังดูไม่แก่เลย ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่ง!”
ทั้งสองคนอยู่ห่างจากกันหลายหมื่นฟุต ต่างคำนับฝ่ามือให้กันและยิ้มออกมา
“อีกครั้ง?”
“อีกครั้ง!”
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว การปะทะกันของทั้งคู่ทำให้จิตใจเจ้ามังกรสมุทรสั่นไหวและต้องล่าถอย มันมองร่างที่น่ากลัวทั้งสองและกะพริบตาก่อนจะล่าถอยอีกครั้ง
การต่อสู้นี้กินเวลาเจ็ดวัน หวังหลินและชายชราต่อสู้กันถึง 23 ครั้ง! ทุกครั้งจะแบ่งส่วนหนึ่งฟื้นฟูระดับบ่มเพาะและคิดถึงการต่อสู้ก่อนหน้านั้น พวกเขายังพูดคุยกันอีก
การต่อสู้ระหว่างผู้สูงส่งชั้นฟ้าแบบนี้ไม่มีความเกลียดชังเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
“สหายเซียนหวัง ข้าเห็นว่าท่านยังรั้งมีฝีมืออยู่เล็กน้อย ความแข็งแกร่งของเราคล้ายกัน เช่นนั้นทำไมไม่ทุ่มออกมาทั้งหมด?” พอจบการต่อสู้ครั้งที่ 23 ชายชราจึงหัวเราะออกมาไกล
“ก็ได้!” หวังหลินยืนขึ้น ร่างแก่นแท้ห้าธาตุปรากฏตัว!
เพียงร่างแก่นแท้เดียว ระดับพลังต่อสู้ของหวังหลินเพิ่มขึ้นจนสามารถต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผสานวิชา 18 วิชาได้แล้ว!
‘ร่างแก่นแท้! และไม่ใช่ร่างแก่นแท้ธรรมดา เป็นร่างแก่นแท้ที่ผสานเข้ากับแก่นแท้หลายชนิด!’ ชายชราหรี่ตาแคบลงพลางมองร่างแก่นแท้ของหวังหลิน
ทั้งสองโจมตีพร้อมกัน ชายชราไม่ออมมืออีกต่อไป เขาระเบิดพลังเพื่อผสาน 17 วิชาเข้าด้วยกัน
เกิดเสียงดังกึกก้องไปสามวัน หวังหลินยิ้มพลางก้าวขึ้นบนหลังมังกรสมุทรและทะยานจากไป
“สหายเซียนมู่หรง ขอบคุณมาก!”
ชายชราผมขาวก้าวออกมาจากหิมะและมองทิศทางที่หวังหลินไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม
‘เขาไม่ได้ใช้พลังเต็มที่…ด้วยระดับบ่มเพาะนี้ ข้าสงสัยว่าเขาจะผ่านบททดสอบชั้นฟ้าได้ไกลแค่ไหน’ ชายชราผมขาวรอจนหวังหลินเลือนหายไปจึงออกไปจากที่นี่
‘มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนใหม่ในเผ่าเทพ เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานต่อมหาชั้นฟ้า’ การต่อสู้ในสิบวันนี้ทำให้เขาเกิดความเข้าใจขึ้นอย่างมาก
…………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น