Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1898-1901
ตอนที่ 1898
ลมหายใจสุดท้าย!!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่ด้านนอกเตาหลอม องครักษ์ทั้งสองได้คายแกนพลังดั้งเดิมของตัวเองออกมาสิบปี วิญญาณดั้งเดิมจึงอ่อนแอมากและไม่สามารถทนอยู่ได้นานกว่านี้
หลายวันต่อมา หนึ่งในสองวิญญาณดั้งเดิมขององครักษ์ได้พ่นแกนพลังดั้งเดิมสุดท้ายออกมา วิญญาณเขาได้แตกสลายไป ร่างกายฟุบลงและตายทันที
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูปไหม้หลังจากที่เขาตาย วิญญาณดั้งเดิมขององครักษ์อีกคนก็ตายตามกันไปติดๆ
การตายของทั้งสองคนที่อยู่กับชายชรามานานกลับไม่ได้ทำให้เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปเลย ชายชราเปล่งกลิ่นอายแห่งความตายและอยู่ในสภาวะกึ่งตาย ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจตจำนงอันทรงพลังค้ำจุนเอาไว้ เขาคงตายไปแล้ว
ดวงตาแดงก่ำและความตื่นเต้นนั้นยังอยู่มาถึงสิบปีโดยไม่ลดน้อยลงเลย ความตื่นเต้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นจนแทบระเบิด
ร่างกายอันอ่อนแอเปลี่ยนจากนั่งเป็นคุกเข่า แหงนหน้ามองขึ้นไปด้วยความตื่นเต้นพลางเอ่ยเสียงแหบพร่าดังๆ
“ด้วยตำแหน่งข้าในฐานะจวี่ซื่อแห่งแมงป่องมารเขียว ข้าขอปลุกท่านมารเขียวให้ตื่นขึ้นและจุติลงมา…ข้ารับให้ผู้นี้ได้เตรียมร่างให้ท่านครอบครองไว้แล้ว!!” ชายชราเริ่มพูดเป็นภาษามนตราโบราณ ไม่นานเสียงของเขาจึงดังไปทั่วบริเวณ
อารามแมงป่องเริ่มสั่นสะเทือนอย่างช้าๆ ฝุ่นผงลอยขึ้นสู่อากาศ กลิ่นอายวิญญาณทรงพลังดูเหมือนจะตื่นขึ้นและแผ่กระจายออกไป
ชายชรามองดูด้วยความตื่นเต้น ขณะที่อารามสั่นสะเทือนไปเรื่อยๆ ควันสีเขียวเก้าสายรวมตัวเข้ามาจากเก้าทิศ มันรวมอยู่เหนือเตาหลอมและก่อเกิดเป็นร่างเงาขนาดยักษ์!
ร่างเงานี้มีขนาดหลายหมื่นฟุต เป็นรูปแมงป่องเขียว!!
แมงป่องเต็มไปด้วยรอยแผลและกลิ่นอายอ่อนแอ ทว่ามันกลับมีแรงกดดันรั่วไหลออกมา ภายใต้แรงกดดันนี้กลับทำให้ทั้งแคว้นมารเขียวต้องสั่นสะท้าน!
ร่างเงานี้คือส่วนหนึ่งของวิญญาณหลักที่ถูกผนึก วิญญาณหลักไม่สามารถออกมาได้และทำได้แค่สร้างก้อนวิญญาณนี้ขึ้นมาเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อก้อนวิญญาณได้รับร่างกาย มันจะสามารถคิดหาวิธีการดูดซับวิญญาณหลักได้และชุบชีวิตขึ้นมาได้จริงๆ!
วิญญาณแมงป่องยักษ์ค่อยๆ ลืมตาที่หลับไหลอย่างยาวนานขึ้นมา ดวงตาของมันเย็นเยียบและโหดเหี้ยม เปล่งกลิ่นอายเหนือชั้นกว่าผู้ใด มองทุกอย่างต่ำต้อยไปหมด
“เจ้าใช่หรือไม่ที่เรียกข้า…” น้ำเสียงเย็นเยียบดังกึกก้องราวกับกฎที่สั่นคลอนโลกได้ทันที
กระนั้นเจ้าแมงป่องก็ไม่สามารถซ่อนความอ่อนแอไปได้ มันอ่อนแอถึงขนาดที่แตกดับได้เพียงแค่สายลมเบาๆ พัดผ่าน!
ชายชราร่างสั่นเทาและโค้งคำนับต่อดวงวิญญาณ
“ข้าทาสขอคารวะท่านมารเขียว! ข้าเได้เตรียมร่างอันสมบูรณ์แบบไว้ให้ท่านครอบครองแล้ว ไม่มีสัมผัสวิญญาณหรือวิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่เลย ดังนั้นมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการครอบงำของท่านแน่นอน!” ชายชราชุดเขียวตื่นเต้นมาก
เขารู้ว่าแมงป่องมารเขียวอ่อนแอแค่ไหนหลังจากโดนผนึกไป และจึงมาที่นี่ได้เพียงแค่ก้อนวิญญาณ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทดสอบอยู่หลายครั้งเพราะหากมีวิญญาณดั้งเดิมอยู่ในร่าง คงจะเกิดปัญหาหลายอย่าง!
ปัญหาที่ว่าอาจทำให้ทุกอย่างไร้ค่าและทำให้แมงป่องมารเขียวที่อ่อนแออยู่แล้วเกิดอาการบาดเจ็บสาหัส!
หลังจากชายชราพูดออกมา ร่างใหญ่ยักษ์ของแมงป่องมารเขียวจึงหันมาเล็กน้อย มองมาที่เตาหลอมสีเขียว ส่งสายตาเข้าไปจนเห็นร่างหวังหลินข้างในเตาหลอม
มันกวาดสายตามองร่างหวังหลินถึงเก้ารอบแต่ไม่สามารถตรวจจับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเจอได้ อย่าว่าแต่วิญญาณหวังหลินที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในเลย
หลังจากนั้นสักพัก วิญญาณแมงป่องจึงถอนสายตาออกมา
ชายชราคุกเข่าลงและพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านมารเขียว ข้าได้เปลี่ยนแปลงร่างนี้ตามที่ท่านต้องการไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยวิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่เลย!”
“เจ้า…ทำได้ดีมาก…หลังจากข้าฟื้นคืนชีพ เจ้าจะได้รับรางวัลตอบแทน…” วิญญาณแมงป่องยักษ์ส่งระลอกคลื่นออกมาและเคลื่อนไหว พริบตาเดียวมันพุ่งทะลุเข้าไปในเตาหลอมและเข้าใกล้หวังหลิน
หวังหลินซ่อนวิญญาณดั้งเดิมไว้ในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า จังหวะนี้ก็ยังไม่เคลื่อนไหว!
ผ่านไปสิบปีเขายังคงรอคอย ไม่เพียงแต่รอคอยโชควาสนาเพื่อปรับปรุงร่างกาย เขายังใจกล้าบ้าบิ่นอีกด้วย ชายชราชุดเขียวระมัดระวังอย่างมากและทดสอบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นี่แสดงให้เห็นว่าหากวิญญาณดั้งเดิมยังเหลืออยู่ในร่าง อาจทำให้การครอบงำเกิดความล้มเหลว ซึ่งจะทำให้แมงป่องมารเขียวไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงจะเดิมพันจวบจนวินาทีสุดท้าย รอคอยให้แมงป่องมารเขียมาถึง ในเมื่อมันต้องการกลืนกินเขา เขาก็จะกลืนกินมันแทน!
วิญญาณแมงป่องดูทรงพลังมากแต่ความจริงมันบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วและยังโดนผนึกอยู่ อีกทั้งมันก็แค่แบ่งก้อนวิญญาณมาที่นี่ วิญญาณแมงป่องไม่ได้เข้าร่างหวังหลินในทันทีแต่แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปหลายครั้ง หลังจากมันผ่อนคลายเล็กน้อยจึงพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลิน!
พริบตาเดียวแมงป่องเขียวค่อยๆ เข้าสู่ร่างหวังหลิน มันไม่ได้เข้าไปครอบครองร่างในทันทีแต่เลือกที่จะดูดซึมอย่างระมัดระวัง
พริบตาเดียวเวลาได้ผ่านไปสามวัน หลังจากสังเกตการณ์มาแล้วมันจึงเข้าสู่ร่างหวังหลินลึกยิ่งขึ้น การที่มันแสดงท่าทีระมัดระวังเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นจะหนีได้ทันที
มันไม่สามารถมองเห็นวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้แต่หวังหลินมองเห็นมันได้ เขาเฝ้าดูวิญญาณแมงป่องเข้ามาในร่างกายและแผ่กระจายอย่างช้าๆ แต่มันไม่ได้เริ่มการครอบงำในทันที ความระมัดระวังของเจ้าแมงป่องมีสูงล้ำมาก
บ่งบอกว่ามันอ่อนแอแค่ไหน
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินไม่ได้ขยับเยื้อนเลย เขายังคงรอคอยอยู่ หากโจมตีออกไปตอนนี้มันคงรีบหนีออกไปเพราะยังไม่ได้เริ่มการครอบงำ เมื่อมันเริ่มกระบวนการแล้วคงไม่สามารถหนีไปได้ง่ายๆ และนั่นจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับหวังหลิน
หวังหลินเผยแววตาเย็นเยียบออกมา เขาไม่รู้ว่าหลังจากกลืนกินวิญญาณแมงป่องไปแล้วจะมีระดับบ่มเพาะอะไร แต่รู้สึกได้ว่ามันเป็นโชควาสนาอันมหาศาล!!
เขาต้องอดทนมากพอเพื่อที่จะใช้ร่างตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ได้โชควาสนานี้มาครอง!
ด้านนอกเตาหลอม ชายชราชุดเขียวกำลังรอคอยอย่างตื่นเต้น เขารอคอยให้แมงป่องเขียวครอบครองร่างได้สำเร็จ หากได้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ เขาก็ยิ้มอยู่ในนรกได้แล้ว
หลังจากผ่านมาเจ็ดวันเจ้าวิญญาณแมงป่องเขียวดูเหมือนจะหมดความอดทน ร่างส่วนหนึ่งของมันเข้าไปในร่างหวังหลินและครอบครองพื้นที่มากกว่าเจ็ดในสิบส่วน
มันดูเหมือนจะผ่อนคลายลงและเริ่มการครอบงำ วิญญาณของมันข้างในร่างหวังหลินได้แผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่งและเคลื่อนเข้าหาจิตใจหวังหลิน พอมันเข้ามาในจิตใจหวังหลิน มันพบว่าไม่มีร่องรอยของวิญญาณดั้งเดิมอยู่เลย มันตื่นเต้นขึ้นในทันที
มันรอคอยมาหลายปีเพื่อโอกาสอันเหมาะสมนี้ ในที่สุดก็ได้เริ่มการครอบงำ! ต้องกล่าวว่าถึงแม้ร่างกายของเซียนในแผ่นดินเซียนดาราจะไม่มีวิญญาณดั้งเดิม แมงป่องเขียวก็ไม่สามารถครอบงำได้เพราะพวกเขาเกิดขึ้นที่นี่ มันสามารถครอบงำร่างของเซียนที่ไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่เท่านั้น เหมือนกับตัวมันเอง
ตอนนี้มันไม่รั้งอะไรไว้แล้วและทุ่มสุดตัวเข้าหาหวังหลิน ร่างของแมงป่องค่อยๆ เข้าไปก่อตัวในจิตใจหวังหลิน เมื่อมันก่อร่างได้อย่างสมบูรณ์ การครอบงำก็จะเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตามขณะที่ร่างเงาสร้างขึ้นมาได้เพียงครึ่งส่วน วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินพลันปะทุออกมาจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
จังหวะนั้นเขาได้พุ่งเข้าสู่ส่วนศีรษะซึ่งมีร่างเงาแมงป่องกำลังก่อตัว พอเข้าไปใกล้จึงเริ่มกลืนกินมัน
ไม่เกี่ยวกับวิชาหรือพลังอำนาจใด เป็นแค่พลังการกลืนกินเท่านั้น วิญญาณเจ้าแมงป่องส่งเสียงกรีดร้อง มันไม่คิดว่ายังมีวิญญาณดั้งเดิมอยู่ในร่างนี้ พอมันลดความระมัดระวังลง หวังหลินก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
แม้มันจะอ่อนแอแต่ก็เผยท่าทีดุร้ายขึ้นมาตอนที่หวังหลินเริ่มกลืนกิน มันเริ่มทำการต่อต้านและเกิดการต่อสู้ขึ้นในร่างหวังหลิน
แต่เจ้าแมงป่องไม่ได้เตรียมการมาเลย ขณะที่หวังหลินนั้นเตรียมการมามากกว่าร้อยปี หวังหลินทำการกลืนกินอย่างโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น การต่อสู้ระหว่างหวังหลินและวิญญาณแมงป่องก็มาถึงจุดอันตรายที่สุด วิญญาณแมงป่องกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง มันอ่อนแอมากและมาที่นี่ด้วยวิญญาณส่วนหนึ่งเท่านั้น พอต่อสู้กับหวังหลิน มันจึงกำลังจะพ่ายแพ้
คนด้านนอกไม่สามารถสัมผัสการต่อสู้อันตรายข้างในร่างหวังหลินได้ ชายชรามองดูเตาหลอมอย่างตื่นเต้น วิญญาณแมงป่องเข้าไปในเตาได้เกือบหมดแล้ว ทว่าจังหวะนั้นวิญญาณแมงป่องเกิดการสั่นเทา ชายชราถึงกับตกตะลึง
‘นี่มัน…’ เขาจินตนาการไม่ออกว่าทำไมท่านมารเขียวถึงได้สั่นเทาขนาดนั้นระหว่างการครอบครอง ราวกับมีบางอย่างผิดปกติ แต่ในไม่นานชายชราก็รู้สึกโล่งอก
‘ต้องเป็นเพราะท่านไม่พอใจกับร่างนี้และกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างในระหว่างการครอบงำ’ ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งสัมผัสได้และยิ้มออกมา การที่ท่านมารเขียวทำการเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเองแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของร่างนี้
เขายิ้มกว้างขึ้นพลางมองวิญญาณแมงป่องที่กำลังสั่นเทาอยู่บนเตาหลอม
ภายในร่างหวังหลินนั้น หวังหลินและวิญญาณแมงป่องกลืนกินกันเองไม่น้อยกว่าหมื่นครั้ง เขายิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ หวังหลินรอคอยและเตรียมการมามากกว่าร้อยปี เขาจะปล่อยให้วิญญาณแมงป่องมากลืนกินเขาได้อย่างไร?
ความบ้าคลั่งของหวังหลินทำให้วิญญาณแมงป่องรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด มันอ่อนแอมากอยู่แล้ว หลังจากพยายามกลืนกินไปเรื่อยๆ มันจึงแสดงอาการล่าถอย เนื่องจากใช้เวลานานหลายปีกว่าจะควบแน่นก้อนวิญญาณขึ้นมาได้ เมื่อก้อนวิญญาณนี้แตกสลายไป มันคงไม่มีโอกาสตื่นขึ้นอีก
ตอนนี้มันเกลียดตระกูลของจวี่ซื่อเข้ากระดูก จากมุมมองของมัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าจวี่ซื่อคนนั้น!
ตอนที่มันตัดสินใจล่าถอย วิญญาณแมงป่องร้องคำรามอย่างเงียบงันและรีบถอย ทว่าหวังหลินไล่ตามและกลืนกินต่อไปอย่างบ้าคลั่งจนทำให้วิญญาณแมงป่องยิ่งตกใจกลัว
มันรีบถอยจนในที่สุดก็ออกมาจากศีรษะหวังหลินได้ ขณะที่กำลังจะออกไปจากร่างหวังหลิน หวังหลินกลืนกินเข้าไปคำใหญ่จนมันต้องส่งเสียงร้อง มันรีบลอยออกมาจากร่างหวังหลิน แต่ร่างของมันหดลงไปแล้วกว่าครึ่งส่วน พออยู่ข้างนอกจึงหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตื่นตระหนก
ชายชราชุดเขียวเห็นเช่นนี้จึงตกตะลึง ดวงตาเผยความงุนงง
หลังจากวิญญาณแมงป่องจากไปแล้ว หวังหลินจึงใช้วิญญาณดั้งเดิมห่อหุ้มทั่วร่างกาย นั่งอยู่ในเตาหลอมและลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี!
วินาทีที่เขาลืมตา โลกจึงส่งเสียงดังสนั่น เตาหลอมรอบตัวเขาพังทลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย หวังหลินกระโจนขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเตาหลอมที่แตกกระจาย
“ร่างแก่นแท้เพลิง!” หวังหลินร้องคำราม ทะเลเพลิงปรากฏขึ้นในดวงตาข้างซ้าย ร่างแก่นแท้เพลิงที่ดูเหมือนเขาพลันปรากฏขึ้นด้านหลัง!!
“ร่างแก่นแท้สายฟ้า!” หวังหลินคำราม ดวงตาขวาแล่นวาบเป็นสายฟ้า ร่างแก่นแท้ที่จ้าวสำนักเต๋ามารผสานกับเจตจำนงของหวังหลินพลันปรากฏขึ้นด้านหลัง
“ร่างแก่นแท้ปฐพี!” หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า แสงสีเหลืองเข้มลอยออกมาจากรูขุมขนทั้ง 108,000 แห่ง และกลายเป็นร่างแก่นแท้ที่สามด้านหลังเขา!!
“ร่างแก่นแท้วารี!” ร่างแก่นแท้วารีได้ผสานเข้ากับโลหิต นาทีนี้โลหิตของหวังหลินบวมเป่งและมีร่างเงาปรากฏขึ้นด้านหลัง มันก่อเกิดเป็นร่างแก่นแท้ที่สี่ของหวังหลิน!!
หลังจากร่างแก่นแท้ที่สี่ปรากฏขึ้นมา กลิ่นอายหวังหลินพุ่งทะยานจนน่าตกใจ ระดับบ่มเพาะยังคงเหมือนเดิมแต่เพียงแค่คิดก็ทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมหาศาลได้แล้ว
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสงบจิตใจ หลังจากร่างแก่นแท้สี่ร่างปรากฏขึ้นมา ดวงตาหวังหลินระเบิดเป็นแสงสีทองที่มีพลังกดขี่ข่มเหงและมองไปยังวิญญาณแมงป่องที่กำลังหนี!
วิญญาณแมงป่องส่งเสียงกรีดร้อง มันรู้สึกถึงกลิ่นอายกระบี่เทพจากบรรพชนเทพ! ดวงวิญญาณจึงสั่นเทาและเริ่มตะลึงกับสายตาคู่นี้
เวลาเป็นสิ่งสำคัญ หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโดยไม่ลังเล ดาบหยินขนาดเก้านิ้วโผล่ออกมาจากแขนขวาพร้อมกับความเจ็บปวดเสียดแทงกระดูก ร่างแก่นแท้แต่ละร่างมีคมดาบออกมาด้วย ทั้งหมดฟาดฟันเข้าใส่วิญญาณแมงป่อง!!
ขณะที่ชายชราชุดเขียวมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเปิดเผย เขากระอักโลหิต ดวงตาเบิกกว้างและเสียชีวิต!! เขาโกรธตัวเองจนตาย!!
ตอนที่ 1899
ข้อเสนอ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ข้าเกลียด!!!” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนชายชราได้สิ้นลมหายใจ ด้วยสติปัญญาของเขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้เห็นหวังหลินใช้ดวงตาข่มอำนาจและดาบหยินที่เขามอบให้แทงใส่แมงป่องเขียว
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวจนหัวใจวาย เนื่องจากไม่มีอายุขัยเหลือมากแล้วจึงได้กระอักโลหิตและเสียชีวิต!
เขาให้ร่างอันยืดหยุ่นกับหวังหลิน ดวงตาข่มอำนาจ เส้นชีพจรที่สร้างจากเส้นผมของบรรพชนเทพ ดาบหยินและแก่นแท้ปฐพี นอกเหนือจากนั้นเขายังช่วยให้หวังหลินสร้างร่างแก่นแท้อีกสองร่าง!
ทั้งหมดนี้เขามอบให้ทั้งหมด…
ดวงตาจึงเบิกกว้างด้วยความโกรธและเกลียดชังรุนแรง แม้แต่ตอนตายยังเหลือความเกลียดชัง ราวกับความเกลียดกำลังจะกลายเป็นภูติผี
หวังหลินไม่มีเวลาให้ความสนใจต่อชายชรา เขากระโจนไปข้างหน้า ยกดาบขึ้นมา ร่างแก่นแท้อีกสี่ร่างทำท่าเหมือนกัน เขาฟาดฟันลงไปใส่วิญญาณแมงป่องมารเขียวที่กำลังหนีอย่างโหดเหี้ยม!
วิญญาณแมงป่องมารเขียวก็มีความเกลียดชังมหาศาล มันเกลียดชายชราที่ทำให้มันต้องมาจบอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ชายชราได้ตายไปแล้วมันจึงไม่มีที่ให้ระบายความโกรธ อีกทั้งยังระบายความโกรธไม่ได้ตอนนี้ มันทำได้แค่หนีเท่านั้น
มองไกลๆ ช่างเป็นฉากที่น่าตกตะลึง เตาหลอมยังคงพังทลายและมีเศษเสี้ยวกระจัดกระจาย วิญญาณแมงป่องเขียวบินหนีและกรีดร้องไปด้วย ด้านหลังมีหวังหลินผมขาวไล่ล่าด้วยกลิ่นอายทรงพลัง เขายกดาบในมือขึ้นมาด้วยแรงเหวี่ยงดุจทำลายฟ้าดิน ฟาดฟันพร้อมกับร่างแก่นแท้อีกสี่ร่าง!
จังหวะนี้เองเป็นตอนที่ระลอกคลื่นดังกึกก้องและมีลำแสงอีกสามสายเข้ามาใกล้ ทว่าเมื่อพวกเขาเผยร่างออกมา ทั้งสามกลับตัวสั่นเพราะไม่เชื่อสิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเอง!
คนทั้งสามที่มาถึงคือเจ้าของเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ คือหยุนยี่เฟิง ถังเจียและขอบเมฆา!
หลังจากผ่านมาร้อยปีทั้งสามจึงได้มาที่อารามแมงป่องเขียวด้วยเหตุผลบางอย่าง การเดินทางมาที่อารามนับว่ายากยิ่ง แต่หลังจากมาถึงแล้วกลับไหลลื่นไม่มีอุปสรรค พวกเขาไม่เจออะไรเลยและมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือคมมีดเฉือนวิญญาณเล่มนี้!
“หวังหลิน!! เขาอยู่ที่นี่จริงๆ” หยุนยี่เฟิงและถังเจียตกตะลึงกันทั้งคู่
“เขาไม่ได้ตายไปแล้วหรือ?” ขอบเมฆาหรี่สายตาและเต็มไปด้วยอาการตกใจ
คมดาบฟาดฟันลงไปและกะพริบวาบ วิญญาณแมงป่องส่งเสียงกรีดร้องถึงขีดสุด มันสั่นเทาและต้องการต่อต้านแต่ต้องเผชิญหน้ากับคมมีดของหวังหลิน ยังมีคมมีดของร่างแก่นแท้อีกสี่ร่างที่กำลังพุ่งเข้าหาด้วย!
เมื่อคมดาบแรกใกล้เข้ามา วิญญาณแมงป่องเกิดการบิดเบี้ยวและพยายามหลบหลีก คมมีดเล่มที่สองและสามก็มาถึงแต่วิญญาณแมงป่องไม่สามารถหลบหลีกได้เลย มันหันกลับมาและพ่นหมอกสีเขียวจำนวนมากใส่คมมีดเล่มที่สี่และห้า
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ เจ้าวิญญาณแมงป่องส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและถูกคมมีดห้าเล่มผ่าเป็นหกส่วน
มีสี่ส่วนถูกหวังหลินดูดซับไป กลายเป็นควันหลายเส้นรอบตัวหวังหลินทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นเทพเซียน
ส่วนที่เหลืออีกสองส่วนส่งเสียงกรีดร้องพลางหลบหนีออกไปไกล พวกมันหายวับเข้าไปในอารามแมงป่องและหายไปที่ไหนไม่มีใครรู้
รอบด้านค่อยๆ สงบลง มีเพียงกลุ่มของหยุนยี่เฟิงที่กำลังหายใจและเห็นทุกอย่างชัดเจนในอารามแมงป่อง
หวังหลินลอยอยู่ตรงที่เดิม สายหมอกรอบด้านควบแน่นกลายเป็นพลังวิญญาณเจ็ดสายไหลเข้าสู่ร่างกาย แขนขวายังคงเป็นมีดและมีร่างแก่นแท้ทั้งสี่ยืนอยู่อย่างเย็นเยียบ สายตาเขากวาดไปทางกลุ่มของหยุนยี่เฟิง
“ไปซะ!” เขาไม่ได้พูดอะไรมากนักและเอ่ยเพียงแค่ประโยคเดียว ทว่ากลับระเบิดกลิ่นอายน่าตกตะลึงออกมาจากร่ายกาย พอสายตาสบกับพวกเขา หยุนยี่เฟิงรู้สึกจิตใจสั่นเทาราวกับหวังหลินมองทะลุความลับทั้งหมดได้อย่างปรุโปร่ง แม้แต่ภาพมายาก็ยังถูกกดทับ
โชคดีที่ความรู้สึกนี้หายไปทันทีที่ผุดขึ้นมา ไม่เช่นนั้นเขาคงแค่ตัวสั่นจนพูดไม่ออก
ความรู้สึกเดียวกันนี้เต็มไปทั่วจิตใจถังเจีย นางจ้องมองหวังหลินและหน้าซีดขาว นางไม่เชื่อว่าสายตาของหวังหลินนั่นจะทำให้หวาดกลัวขนาดนี้หลังจากผ่านไปแค่ร้อยปี!
สายตาอันคมกริบจนสามารถผ่าโลกออกเป็นสองส่วน มีพลังกดขี่ข่มเหงสามารถทำให้ทุกที่โดนสายตานี้กวาดผ่านไปต้องแตกสลาย!
หากเทียบกับสองคนนี้แล้ว เมฆาสูญสิ้นรู้สึกรุนแรงยิ่งกว่า เขาต่อสู้กับหวังหลินมาก่อนและหวังหลินไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ ตอนที่เมฆาสูญสิ้นโดนสายตาคู่นี้กวาดผ่านเข้ามา เขารู้สึกจิตใจสั่นสะท้านและก้าวถอยหลังไปสามก้าว ใบหน้าซีดเผือด หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ ในหูส่งเสียงดังกึกก้องและรู้สึกเหมือนถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง เขาอยู่ตัวคนเดียวและโดนสวรรค์กดดัน
เขากระทั่งรู้สึกว่าสรวงสวรรค์กำลังข่มเหงเขาด้วยสายตาหวังหลิน เหมือนสายตาหวังหลินมีกระบี่ที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาทั้งเล่ม หากมันปรากฏขึ้นมาจริงๆ เขาคงโดนกระบี่เล่มนั้นฟาดฟันใส่!!
ความรู้สึกนี้รุนแรงจนเขาแทบบ้าคลั่ง ขณะที่กำลังจะแตกสลาย หวังหลินเอ่ยคำพูดขึ้นมาเสียงดังกึกก้อง ขอบเมฆาล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง หลังจากห่างไปได้หลายพันลี้จึงรู้สึกปลอดภัย ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อและเหลือแต่เพียงความรู้สึกเย็นวูบ
หยุนยี่เฟิงและถังเจียก็ล่าถอยเช่นกัน ทั้งสองคนไม่ได้โดนหวังหลินข่มดังนั้นจึงไม่ได้ถอยเนื่องจากอับอายเหมือนขอบเมฆา ทว่าหยุนยี่เฟิงนั้นขมขื่นยิ่ง เขาไม่คิดว่าจะมาเจอหวังหลินที่นี่หลังจากผ่านไปร้อยปีและได้เจอภาพเหตุการณ์แบบนี้
ทั้งสามขบคิดและล่าถอยอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่ได้ออกไปจากอารามแมงป่องแต่หยุดอยู่ห่างจากหวังหลิน พวกเขายังต้องทำภารกิจให้สำเร็จ อารามแมงป่องไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
แต่การมีหวังหลินอยู่ทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรวู่วาม ถังเจียมองออกไปไกลและยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางขบคิดเงียบๆ จิตใจกำลังปั่นป่วน
หวังหลินลอยตัวอยู่ในอากาศและมองไปยังชายชราชุดเขียวที่เสียชีวิต หวังหลินสงบนิ่งมาก คนผู้นี้ช่วยเขาไว้อย่างมหาศาล หากไม่นับว่าทั้งหมดนั้นมีเจตนาจะสังหารหวังหลิน!
หากโชควาสนาที่คนตรงหน้ามอบให้เขาไม่ได้มากมาย หวังหลินคงไม่รู้สึกขอบคุณอะไร ขณะที่กำลังถอนสายตาออกมาจึงอุทานเบาๆ และมองอีกครั้ง
เขาเห็นควันสีดำออกมาจากร่างชายชราและควบแน่นอยู่ในศีรษะ ก่อตัวเป็นหมอกขนาดเท่าฝ่ามือ หมอกนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและเย็นเยียบจนทำให้พื้นที่บริเวณนี้หนาวเย็นขึ้นในทันที
‘นี่มัน…’ จิตใจหวังหลินเอนเอียงและส่งสัมผัสวิญญาณกระจายไปหาหมอกสีดำ วินาทีที่สัมผัสวิญญาณเข้าแตะต้อง เสียงแหบพร่าดังขึ้นในใจเขา
“ข้าเกลียด!!!!”
“ข้าเกลียด!!!!”
เสียงอำมหิตจนจิตใจหวังหลินถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า
‘วิญญาณผี!! หลังจากตายยังได้กลายเป็นวิญญาณผีทรงพลังขนาดนี้!!’ วิญญาณผีดวงนี้ทรงพลังยิ่งกว่าของเซียนขั้นวิบากดับสูญจากทุ่งยอดนภาอยู่หลายเท่า!! มันมากกว่าระดับสูงจนใกล้เคียงระดับสมบูรณ์!!
แววตาหวังหลินเป็นประกายและสะบัดแขนเสื้อโดยไม่ลังเล วิญญาณผีของชายชราจึงทะยานเข้าหาหวังหลินและถูกเก็บเอาไว้!
ด้วยวิญญาณผีดวงนี้และวิญญาณผีจากทุ่งยอดนภา หวังหลินมั่นใจว่าจะสามารถสร้างใบเรือหน้าผีระดับเกือบสมบูรณ์ได้!
ด้วยใบเรือหน้าผีนี้และใบเรือหน้าผีระดับสูงที่หวังหลินมี เขาจะสามารถสร้างวิชามายาระดับใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบได้ทีเดียว!
ชายชราไม่เพียงแต่จะมอบโชควาสนาหลายอย่างแก่หวังหลิน เขายังมอบชีวิตตัวเองให้หวังหลินอีก…แบบนี้จะไม่ให้ขอบคุณได้อย่างไร!
หลังจากเก็บวิญญาณไปแล้ว หวังหลินมีท่าทีแปลกประหลาด เขามองชายชราชุดเขียวด้วยท่าทีซับซ้อนบอกไม่ถูก ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจ
โบกสะบัดเพื่อสลายร่างชายชราให้เป็นเถ้าถ่าน เหลือทิ้งไว้แต่เพียงชุดคลุมสีเขียว
หวังหลินคว้าชุดคลุมเอาไว้ ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบ ของชิ้นนี้ประหลาดมาก สัมผัสวิญญาณไม่สามารถมองทะลุหรือเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน หลังจากขบคิดเพียงเล็กน้อยจึงเก็บชุดสีเขียวที่ชายชราเหลือทิ้งไว้ให้
เพียงเท่านี้เขาจึงสามารถบอกได้ว่าชายชราได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างแก่หวังหลินจริงๆ…
แววตาหวังหลินเป็นประกาย ระดับบ่มเพาะของเขาแสดงสัญญาณว่ากำลังเพิ่มขึ้น เขาสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
‘คราวนี้มาดูกันว่าระดับบ่มเพาะของข้าจะไปได้ไกลแค่ไหน!! ก่อนหน้านี้มันต่ำเกินไป ข้าหวังว่าจะสามารถมีที่ยืนได้ในแผ่นดินเซียนดารานับจากนี้!!’
‘สำนักเต๋ามาร ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยลืมคำสาบาน!!’ หวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร พอหลับตาเขาจึงมองเห็นศีรษะมนุษย์ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา ทั้งหมดเป็นคนที่เขารู้จักจากทุ่งยอดนภา
ตอนที่ 1900
เพิ่มพูนระดับบ่มเพาะ!!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลินนั่งลงโดยมีร่างแก่นแท้ทั้งสี่คุ้มกัน ด้วยร่างแก่นแท้นี้หวังหลินจึงสามารถเพิ่มระดับบ่มเพาะอยู่ในอารามแมงป่องได้อย่างสงบ!
เขาบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุดด้วยแปดแก่นแท้มาก่อนหน้านี้ หนึ่งในนั้นถึงกับกลายเป็นร่างแก่นแท้ไปแล้ว! วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม หวังหลินมีร่างแก่นแท้เพิ่มมาอีกสามและยังมีแก่นแท้ที่เก้าอีกด้วย!!
แก่นแท้ที่เก้านี้สำคัญมาก มันเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับการบ่มเพาะของหวังหลิน!!
ตอนนี้เขามีเก้าแก่นแท้นั่นคือ แก่นแท้แห่งชีวิตและความตาย แก่นแท้เวรกรรม แก่นแท้จริงเท็จ แก่นแท้เขตอาคม แก่นแท้สังหาร แก่นแท้สายฟ้า เพลิง วารีและปฐพี!
‘มุ่งสู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญ!!’ แววตาหวังหลินเป็นประกายและสูดหายใจลึก ร่างแก่นแท้รอบตัวเขาปลดปล่อยกลิ่นอายแก่นแท้เข้าสู่ร่างหวังหลิน เก้าแก่นแท้ภายในหมุนอย่างรวดเร็วและพุ่งทะยานเข้าสู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญ!
ขั้นวิญญาณดับสูญและแก่นแท้ดับสูญแบ่งกันเพียงแค่คำเดียวแต่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว! การบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญจำเป็นต้องเข้าใจสวรรค์และครอบครองแก่นแท้แบบนามธรรมได้อย่างน้อยหนึ่งอย่าง
เมื่อบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญได้แล้ว เขาจะถือว่าได้ก้าวเข้าสู่การเป็นเซียนทรงพลัง นอกจากเหล่าเก้าสำนักสิบสามแคว้นแล้ว เซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญยังถือว่าทรงพลังมากบนแผ่นดินเซียนดารา สิ่งสำคัญที่สุดคือหลังจากการบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญ จะสามารถใช้วิชาลึกลับได้บางอย่าง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อหวังหลินมากนัก แต่การก้าวเข้าสู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญก็ยังเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ด้านการบ่มเพาะ!
เก้าแก่นแท้ในร่างกายโคจรอย่างต่อเนื่อง ระดับบ่มเพาะขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลายเพิ่มขึ้นในทันที ความเร็วของการเพิ่มครั้งนี้นับว่าน่ากลัว พริบตาเดียวปรากฏภาพมายาขึ้นเหนือศีรษะของหวังหลิน
มันเป็นก้อนเมฆที่หมุนจนเกิดเป็นวังวน มันหมุนจังหวะเดียวกับแก่นแท้ของหวังหลินซึ่งถือว่าเร็วมาก วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้เปลี่ยนแปลงไปและเขาได้ปลดปล่อยแสงพร่ามัวออกมาผ่านผิวหนัง
ตอนนี้หวังหลินเหมือนกำลังโปร่งใสและเต็มไปด้วยสัมผัสสูงส่งเกินอธิบายออกมาได้ เขาทะลวงผ่านขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุดและบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้น!!
วินาทีที่เข้าสู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้น หลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้เปลี่ยนไปสำหรับหวังหลิน สิ่งที่เขาสับสนกำลังชัดเจนขึ้น
หวังหลินลืมตามองไปรอบตัว สายตาเผยประกายแห่งปัญญา
“ขั้นแก่นแท้ดับสูญสำหรับข้าเป็นแค่ทางผ่าน เป้าหมายจริงๆคือก้าวเข้าสู่ขั้นวิบากดับสูญ!!” หวังหลินพึมพำ
อย่างที่เขาพูดไว้ ขั้นแก่นแท้ดับสูญเป็นแค่ขั้นสำหรับการเปลี่ยนผ่าน เขาได้รับโชควาสนาอันยิ่งใหญ่โดยเฉพาะพลังแห่งโลกนี้ได้รวมเข้ามาในตัวเขาผ่านเตาหลอม เมื่อวิญญาณดั้งเดิมดูดซับไป ระดับบ่มเพาะจึงจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างมหาศาล
สิ่งสำคัญที่สุดคือหวังหลินมีเก้าแก่นแท้ เขาแค่ต้องผสานเก้าแก่นแท้ให้เป็นหนึ่ง!! หากทำได้ก็จะสามารถเผชิญหน้ากับด่านวิบากแก่นแท้ทั้งเก้าได้!!
เมื่อผ่านด่านวิบากแก่นแท้ไปได้ หวังหลินก็จะกลายเป็นเซียนขั้นวิบากดับสูญ
สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขารอคอยโชควาสนาแบบนี้มานานและจะไม่ยอมปล่อยหลุดมือไป หวังหลินสูดหายใจลึก ฝ่ามือสร้างผนึกชี้ไปข้างหน้า
“เก้าแก่นแท้ คืนเป็นหนึ่ง!” หวังหลินชี้ออกไป ร่างแก่นแท้เพลิง ร่างแก่นแท้ปฐพีและร่างแก่นแท้วารีเกิดอาการสั่นเทา พลังแก่นแท้จำนวนมากแผ่ออกมาจากหน้าผากแต่ละร่าง
กลิ่นอายของสามแก่นแท้หมุนวนอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน มีธาตุเพลิง ปฐพีและวารีไหลเวียนอยู่ข้างในวังวน
‘สามธาตุนี้เป็นส่วนหนึ่งของห้าธาตุ เมื่อทั้งสามผสานเป็นหนึ่ง มันจะช่วยข้าบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับกลาง! ทั้งหมดมีร่างแก่นแท้ ดังนั้นหลังจากผสานกันไปแล้ว ร่างแก่นแท้จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก!’ หวังหลินเผยแววตาเป็นประกาย ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้น สามแก่นแท้เบื้องหน้าหมุนเร็วกว่าเดิม เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ สายน้ำหลั่งไหล พื้นปฐพีสั่นสะเทือน
สามแก่นแท้นี้หมุนเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องจนเกิดเสียงดังกึกก้อง แต่ทั้งสามไม่ได้ผสาน พวกมันแตกกระจายกันทันที
หวังหลินกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมา ใช้โลหิตราวกับเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและเริ่มควบคุมให้สามแก่นแท้ผสานกันอีกครั้ง!!
‘ธาตุน้ำกับเพลิงคือขั้วตรงข้าม แต่ข้าจะใช้ปฐพีเป็นตัวกลาง ปฐพีสามารถเก็บน้ำและยึดเพลิงได้ ด้วยโลหิตแก่นแท้ของข้าที่มีเจตจำนงอยู่ด้วย ข้าไม่เชื่อว่าสามแก่นแท้จะไม่สามารถผสานด้วยกันได้!!’ หวังหลินร้องคำราม ฝ่ามือรีบสร้างผนึก
สามแก่นแท้ส่งเสียงดังสนั่นอยู่ในวังวนเบื้องหน้า ภาพข้างในวังวนเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็เป็นน้ำไหลหลากจนน่าหวาดกลัว บางครั้งก็เป็นทะเลเพลิง แต่ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือเปลวเพลิง ทั้งสองต่างก็ถูกพายุทรายเข้าห่อหุ้ม
ขณะที่เวลาดำเนินผ่านไป ภาพข้างในวังวนกะพริบรวดเร็วยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลายเดือนต่อมาหวังหลินกระอักโลหิตถึงเจ็ดครั้ง แต่แก่นแท้กำลังเผยสัญญาณการผสานตัว หวังหลินยิ่งควบคุมสามแก่นแท้เข้าปะทะกันหลายแสนครั้งและให้ระมัดระวังมากขึ้น!
อีกเจ็ดวันผ่านไป เกิดเสียงดังกึกก้องพร้อมกับสามแก่นแท้เริ่มผสานตัว ภาพกะพริบไปมาระหว่างทราย น้ำไหลและเปลวเพลิงจนพวกมันทับซ้อนกันกลายเป็นภาพสมบูรณ์แบบ!!
ภาพนี้มีพื้นดินอยู่ตรงกลาง ทะเลเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ด้านบนและสายน้ำไหลแรงอยู่ด้านล่าง วินาทีที่ภาพนี้สมบูรณ์ ร่างแก่นแท้ทั้งสามจึงเริ่มผสานกันหลังจากกลิ่นอายได้ผสานกันไปแล้ว!
นี่คือการผสานของร่างแก่นแท้ เป็นร่างแก่นแท้ใหม่ที่มีธาตุวารี เพลิงและปฐพี ร่างแก่นแท้นี้เป็นตัวตนที่ไม่แยกจากกันและไม่ถือว่าเป็นร่างแก่นแท้แล้ว มันใกล้เคียงกับคำว่าร่างอวตารห้าธาตุ!
วินาทีที่ร่างนี้ปรากฏขึ้นมา วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้เริ่มดูดซับพลังจากการรวมกันในร่าง ระดับบ่มเพาะที่อยู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นจึงเริ่มเพิ่มขึ้นทันที!!
มันเพิ่มขึ้นเข้าสู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับกลางอย่างบ้าคลั่ง กระบวนการนี้กินเวลาหนึ่งเดือนและหวังหลินส่งเสียงหัวเราะในเวลาต่อมา ระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้อยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นอีกต่อไป แต่เป็นระดับกลาง!
นับตั้งแต่ยุคโบราณกาล ไม่มีใครสามารถผ่านขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นไปสู่ระดับกลางได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน หากเรื่องนี้รั่วไหลออกมาหวังหลินคงกลายเป็นคนที่ทุกคนให้ความสนใจ!
แต่ทั้งหมดนี้เพียงแค่เริ่มต้น ยังห่างจากจุดจบอีกไกล!
“แก่นแท้สังหารและแก่นแท้เขตอาคมเป็นแก่นแท้พิเศษและผสานกันได้ยากมาก แต่ข้าสามารถใช้แก่นแท้สายฟ้าเป็นสายใยชั่วคราวเพื่อผสานสองแก่นแท้พิเศษนี้เข้าด้วยกันและทำให้ระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มไปถึงแก่นแท้ดับสูญระดับปลาย!!”
“นี่พอเป็นไปได้ เพราะแก่นแท้สายฟ้ามีร่างแก่นแท้ซึ่งแข็งแกร่งมากกว่าแก่นแท้พิเศษอีกสองอย่าง!” ขณะหวังหลินพึมพำ ดวงตาส่องสว่างและมีเส้นโลหิตนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาก่อเกิดเป็นแก่นแท้เขตอาคมเบื้องหน้า ขณะเดียวกันจิตสังหารมหึมารวมตัวกันด้วยและกลายเป็นแก่นแท้สังหาร
สองแก่นแท้อันพิเศษนี้หมุนวนเบื้องหน้าเขา หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ร่างแก่นแท้สายฟ้า
ร่างแก่นแท้สายฟ้าลืมตาขึ้น มันเปลี่ยนตัวเองเป็นสายฟ้าหนึ่งสายและเคลื่อนเข้าอยู่ตรงกลางระหว่างแก่นแท้สังหารและแก่นแท้เขตอาคา มันกลายเป็นเส้นใยยึดโยงแก่นแท้พิเศษทั้งสองและผสานเข้าหาอย่างรวดเร็ว!
การผสานครั้งนี้ยากยิ่งกว่าแก่นแท้ห้าธาตุอยู่หลายระดับ ผ่านไปหนึ่งเดือนหวังหลินยังคงทำไม่สำเร็จ แก่นแท้สังหารคือแรงกดดันมหาศาลและแก่นแท้เขตอาคมก็ตอบโต้กับแก่นแท้สายฟ้าโดยธรรมชาติ การที่ทั้งสองจะผสานกันนับว่าเป็นเรื่องยากยิ่ง
แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยเส้นโลหิต เขามองดูสามแก่นแท้ตรงหน้าและขมวดคิ้ว เมื่อเจอโอกาส การผสานแก่นแท้จะทำได้อย่างรวดเร็วแต่หากไม่มีโอกาสนั้น ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไร้ค่า
‘น่าเสียดาย ข้ามีแก่นแท้พิเศษแค่สองเท่านั้น หากข้ามีแก่นแท้พิเศษอย่างที่สาม มันอาจจะง่ายยิ่งกว่านี้…แต่ข้าไม่สามารถรอได้อีกแล้ว ในเมื่อทำวิธีนี้ไม่ได้ ข้าก็แค่ต้องลองวิธีอื่น ควบแน่นใส่ร่างแก่นแท้สายฟ้าไปเลย!’ หวังหลินเปลี่ยนวิธี เขาไม่ใช้แก่นแท้สายฟ้าเป็นส่วนเริ่มแต่ใช้เป็นร่างหลักเพื่อดูดซับแก่นแท้พิเศษทั้งสองแทน!
หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึก กระอักแก่นโลหิตเข้าห่อหุ้มร่างแก่นแท้สายฟ้าอีกหลายครั้ง หลังจากร่างแก่นแท้ดูดซับโลหิตเข้าไปจึงทำให้มีเจตจำนงของเขาอยู่ ร่างแก่นแท้ยืดแขนออกมาและยื่นเข้าหาแก่นแท้สังหารและแก่นแท้เขตอาคม!
ใช้ร่างสายฟ้าเพื่อผสานกับแก่นแท้สังหาร!
ใช้ร่างสายฟ้าเพื่อผสานกับแก่นแท้เขตอาคม!
เมื่อมันสำเร็จ ร่างแก่นแท้สายฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไปและมีสามแก่นแท้ แม้สายฟ้าจะเปลี่ยนแปลงได้แต่เรื่องแบบนี้หาได้ยากยิ่ง หวังหลินไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่เขาต้องทำ!
พริบตาเดียวผ่านไปอีกหลายเดือน วันหนึ่งร่างแก่นแท้สายฟ้าได้ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าตกตะลึงออกมา มันผสานเข้ากับแก่นแท้สังหารและแก่นแท้เขตอาคมได้สำเร็จจนส่งเสียงดังปัง หวังหลินเริ่มตกตะลึง!
ตอนที่ 1901
สายฟ้า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
พลังสายฟ้า พลังอันยิ่งใหญ่ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!
สายฟ้าคืออำนาจแห่งสวรรค์และอยู่เหนือโลกทั้งปวง ยามใดที่ตกลงมาด้านล่าง เสียงดังสนั่นราวกับสวรรค์กำลังพิโรธ!
แก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินถือกำเนิดมาจากครึ่งส่วนของมังกรสายฟ้าโบราณ มังกรสายฟ้าโบราณถูกสร้างขึ้นจากการแบกรับพลังแห่งสายฟ้าและเป็นศูนย์รวมสายฟ้า
ด้วยมังกรสายฟ้าโบราณครึ่งส่วนนี้ หวังหลินจึงมีเมล็ดพันธุ์แห่งแก่นแท้มาด้วย จากนั้นพอดูดซับสายฟ้าจากเผ่าสายฟ้ากระจาย แก่นแท้ของเขาจึงอยู่ห่างจากขั้นสมบูรณ์เพียงแค่ก้าวเดียว!
ก้าวนี้ไม่ได้ข้ามได้ง่ายๆ แต่หวังหลินก็ได้สร้างเส้นทางใหม่ด้วยการสร้างสายฟ้าเสริมขึ้นมา ใช้วิญญาณคางคกสายฟ้าและขอบเขตจวี่เพื่อทำให้สายฟ้าใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบที่สุด!
จากนั้นบนแผ่นดินเซียนดาราเมื่อร้อยปีก่อน จ้าวสำนักเต๋ามารซึ่งมีแก่นแท้สายฟ้าที่แตกต่างกันได้ส่งแก่นแท้สายฟ้าเข้ามาหาหวังหลิน ทั้งยังได้กลืนกินลูกปัดสายฟ้าจักรพรรดิและเปลี่ยนพลังงานนั้นมาสู่หวังหลิน!
ทั้งหมดนี้ได้ทำให้แก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่และควบแน่นเป็นร่างแก่นแท้ขึ้นมา!
ร่างแก่นแท้นี้มีเจตจำนงของตัวเอง แต่เจตจำนงส่วนใหญ่เป็นของหวังหลิน
แม้แต่หวังหลินก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างแก่นแท้สายฟ้าโดยบังเอิญ!!
แก่นแท้สังหารคือแก่นแท้แบบพิเศษ พลังของมันไม่อาจหยั่งถึง มันถูกสร้างขึ้นจากการสังหารจำนวนมากมาย ซึ่งการเข่นฆ่าเหล่านี้ไม่ได้ทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าแต่เป็นการเข่นฆ่าโดยมีเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มันเป็นแก่นแท้พิเศษ
แก่นแท้สังหารมีจิตสังหารเกินจินตนาการจนสามารเปลี่ยนแปลงวิธีของโลกได้ มันทรงพลังยิ่งกว่าแก่นแท้ธรรมดาหลายเท่าตัว
ตอนนั้นแก่นแท้สังหารของฉิงชุ่ยได้ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าได้ นี่แสดงให้เห็นว่าแก่นแท้สังหารทรงพลังแค่ไหน
หวังหลินไม่ได้ใช้แก่นแท้สังหารมากนัก ส่วนใหญ่เขาใช้เพื่อสร้างกลิ่นอายมหึมาให้ตัวเอง แต่เมื่อมันผสานกับแก่นแท้สายฟ้า มันจึงเปลี่ยนแปลงไป
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่สิ่งที่หวังหลินจะจินตนาการออก การเปลี่ยนแปลงรูปแบบนี้หาได้ยากยิ่ง การผสานสายฟ้าและการสังหารได้ก่อเกิดเป็นนักฆ่าผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง ทำลายได้ทุกชีวิต!
สิ่งสำคัญที่สุดคือนักฆ่าผู้นี้มีเป้าหมาย เป้าหมายเริ่มขึ้นเมื่อมันปรากฏและจบลงเมื่อมันหายไป!
ตำนานโบราณได้กล่าวไว้ว่ายามที่สวรรค์โกรธเกรี้ยว จะใช้สายฟ้าเข้าทำลายโลก สายฟ้าในยุคต้นมีไว้เพื่อลงโทษสิ่งมีชีวิต ช่วงระหว่างการทำลายล้างโลกนี้ได้ทำให้สายฟ้าสังหารปรากฏขึ้นมา
หลังจากร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินผสานเข้ากับแก่นแท้สังหารที่จำเป็นต้องมีเจตจำนงของตัวเอง สายฟ้าจึงเปลี่ยนแปลงไป มันได้ให้กำเนิดสิ่งที่ไม่ควรสร้างขึ้นหรืออาจจะเป็นสิ่งที่เหล่าเซียนไม่สามารถควบคุมได้ มันคือความพิโรธของสายฟ้าสวรรค์สังหาร!
หวังหลินจ้องมองร่างแก่นแท้สายฟ้าตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เขาไม่อาจมองเห็นร่องรอยสายฟ้าบนร่างแก่นแท้นี้ได้ด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสวิญญาณของเขาสามารถสัมผัสได้ว่ามีสายฟ้าอันน่ากลัวกำลังแล่นผ่านร่างนี้
ประกายสายฟ้ามีพลังที่ทำให้หวังหลินถึงกับหนังศีรษะด้านชา เมื่อสายฟ้านี้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างแก่นแท้ มันจะทำให้เกิดพลังทำลายล้างอันน่าตกตะลึง!
หวังหลินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาคาดเดาได้เลือนลางว่านี่เป็นการสร้างสายฟ้าอันน่ากลัวขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อสายฟ้าถูกปลดปล่อย แม้แต่ร่างของตนเองคงถูกทำลาย! ความรู้สึกนี้แข็งแกร่งยิ่งจนเขาเกิดความรู้สึกต้องหยุดการผสานนี้ทันที
เขารู้สึกว่าสายฟ้านี้ไม่ควรเกิดขึ้นบนโลกนี้!! หรือไม่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่ควรจะปรากฏตัว!
สายฟ้าไหลเวียนอยู่รอบร่างแก่นแท้อย่างช้าๆ และปลดปล่อยเสียงแตกร้าวดังชัดเจนในความเงียบ หวังหลินสังเกตได้ว่าสายฟ้ากำลังเผยสัญญาณไม่เสถียร
มันเปล่งกลิ่นอายเล็ดลอดออกไปจากอารามแมงป่องและรั่วไหลออกไปทั่วทั้งแคว้นมารเขียวทันที สิ่งมีชีวิตทุกตัวถึงกับสั่นเทาและรู้สึกมีภาพเลือนลางว่าพวกมันกำลังโดนทำลาย
แต่ทันทีที่เศษเสี้ยวกลิ่นอายนี้ปรากฏขึ้นมา มันก็หายไปทันที ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาและไม่ได้ทำให้มหาชั้นฟ้าคนใดเกิดความสนใจ!
‘เมื่อสายฟ้านี้ระเบิด แคว้นมารเขียวคงจะ…’ มีไม่บ่อยนักที่หวังหลินจะรู้สึกกลัว แต่คราวนี้เขากลัวสายฟ้าที่ตนเองสร้างขึ้นมา!
ขณะที่สายฟ้าสังหารเริ่มไม่มั่นคง ร่างแก่นแท้สายฟ้าได้เริ่มผสานกับแก่นแท้เขตอาคม แก่นแท้เขตอาคมคือกฎและการบังคับ มันสร้างตาข่ายขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างแก่นแท้เอาไว้
สายฟ้ามีกฎและข้อบังคับ แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นจากสวรรค์ ทว่าร่างแก่นแท้ของหวังหลินมีเจตจำนงอยู่ด้วยและมีแก่นแท้เขตอาคม สายฟ้าจึงไม่ได้ถูกสวรรค์ควบคุมและเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงนี้คือสายฟ้าที่มีกฎและเป็นของหวังหลิน สายฟ้าสังหารอยู่ภายในร่างแก่นแท้อย่างสมบูรณ์และสัญญาณการไม่เสถียรค่อยๆ หายไป
เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ แค่นี้ หน้าผากหวังหลินเต็มไปด้วยเหงื่อ เขามองร่างแก่นแท้ตรงหน้าและรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
รูปลักษณ์ของร่างอวตารไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ มันสงบนิ่งอยู่ที่เดิมแต่จากมุมมองของหวังหลินมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
คนอื่นอาจไม่เห็นร่องรอยสายฟ้าอันใดบนร่างแก่นแท้นี้ ภายในและภายนอกถูกปกคลุมด้วยเขตอาคมที่ห่อหุ้มรอบสายฟ้าสังหารเอาไว้!
‘บางที…มันคงไม่ทำลายแคว้นหรอกนะ…’ หวังหลินจ้องมองร่างแก่นแท้และขบคิดอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้นระดับบ่มเพาะขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับกลางได้ปะทุขึ้นมา พลังของเขาก่อเกิดเป็นพายุและหมุนติ้วกลายเป็นวังวน
ทุกการหมุนแต่ละครั้งจะทำให้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่จะดูดซับพลังจากโลกนี้ ยังมีพลังที่กำลังรวมกันอยู่ในร่างเขานั่นคือพลังของแมงป่องมารเขียว
ด้วยการมีพลังงานนี้เป็นเชื้อเพลิง เส้นผมสีขาวของหวังหลินพัดพริ้วราวกับมีลมพายุรุนแรง ดวงตาเปล่งประกาย พลังในร่างเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด จากนั้นระเบิดเสียงดังสนั่น
หวังหลินพุ่งทะยานข้ามผ่านระดับแก่นแท้ดับสูญระดับกลางและเข้าสู่ระดับปลาย!
แก่นแท้ดับสูญระดับปลาย!!
แววตาสงสัยของหวังหลินหายไปและถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น!
สายฟ้าสังหารนี้เหนือความคาดหมาย เขารู้สึกใจเต้นรุนแรงตอนที่สายฟ้าสังหารปรากฏขึ้นมา ส่วนหนึ่งตกใจเพราะสายฟ้าและการเปลี่ยนแปลงจากสายฟ้านี้ทำให้เขาตกตะลึงไปจริงๆ
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสัมผัสได้ แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ตามที มีเพียงหวังหลินเท่านั้นที่สัมผัสได้เพราะเขาสร้างขึ้นมาทั้งยังมีเจตจำนงอยู่ในแก่นแท้!
หวังหลินไม่คิดเรื่องนี้อีก พอบรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลาย จึงมองไปที่แก่นแท้นามธรรมที่เหลือทั้งสาม!
ชีวิตและความตาย เวรกรรม จริงเท็จ!
เมื่อสามแก่นแท้นามธรรมหลอมรวมเป็นหนึ่ง เก้าแก่นแท้ของเขาจะกลายเป็นสามแก่นแท้และจะบรรลุไปถึงขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับสูงสุด! จากนั้นเขาก็จะสามารถผ่านด่านเก้าวิบากแก่นแท้ไปได้!
เมื่อทะลวงผ่านเก้าวิบากแก่นแท้ไปได้ เขาจะก้าวเข้าสู่ดินแดนของเซียนขั้นวิบากดับสูญ!!
ด้วยความสามารถทางการต่อสู้ หากบรรลุขั้นวิบากดับสูญระดับต้น เขาจะสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับสูงสุดได้และเป็นรองเพียงมหาชั้นฟ้าเท่านั้น!!!
อีกความหมายหนึ่ง เขาได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าไปแล้วครึ่งตัว!!
พลังอำนาจขนาดนี้จะไม่มีที่ไหนที่เขาจะไปไม่ได้ และไม่มีใครคนใดหลอกลวงหรือเข้ามาล่วงเกินเขาได้!
เพราะเขาคือหวังหลิน ผู้ที่จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดคนที่สิบ บนแผ่นดินเซียนดารา!!
ยามที่หวังหลินกำลังผสานแก่นแท้ สายตาจ้องมองแก่นแท้นามธรรมที่เหลืออีกสาม
ณ ด้านนอกแคว้นมารเขียว ด้านนอกแคว้นทิศตะวันออก ด้านนอกแผ่นดินของเผ่าเทพ…ด้านนอกแผ่นดินเซียนดารา…
หากแผ่นดินเซียนดาราคือโลกหนึ่งใบ เช่นนั้นก็คงมีพื้นที่ว่างเปล่าคล้ายอวกาศอยู่ด้านนอกโลกแห่งนี้
ณ สถานที่อันห่างไกลที่สุดจากแผ่นดินเซียนดารา มีแผ่นดินอีกหนึ่งแห่ง แผ่นดินเห่งนี้ไม่สามารถเทียบกับแผ่นดินเซียนดาราได้ เพราะมันมีขนาดน้อยกว่าหนึ่งในสิบและไม่มีร่องรอยแห่งชีวิตอาศัยอยู่
บนแผ่นดินแห่งนี้มองเห็นแต่เพียงซากปรักหักพัง ราวกับเคยมีหลายชีวิตอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมาก แต่ทั้งหมดตายไปในภัยพิบัติ
ใจกลางแผ่นดินมีเมืองเก่าทรุดโทรมซึ่งมีรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลาง รูปปั้นนี้เป็นหญิงสาวแต่พังทลายไปมากและเหลือร่างเพียงแค่ครึ่งส่วน บนรูปปั้นมีชายวัยกลางคนผู่หนึ่งกำลังนั่งอยู่
ชายคนนี้ดูธรรมดาแต่มีเรือนผมยาวเกือบพันฟุตและพาดบนรูปปั้นที่พังทลายไปเกือบหมด
ขณะที่ร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินได้ผสานกับแก่นแท้สังหารจนถือกำเนิดสายฟ้าสังหารขึ้นมา ชายวัยกลางคนดูเหมือนตื่นจากการหลับไหลและลืมตาขึ้นทันที
ดวงตาสีดำสนิทและเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตาย
เขาทอดมองออกไปไกล แววตาทอประกายวูบวาบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น