Xian Ni 1872-1873

 ตอนที่ 1872

 

ศีรษะ!

โดย

Ink Stone_Fantasy

น้ำเสียงเย็นเยียบดุจสายลมหนาว ส่งเป็นคลื่นยักษ์ดังกึกก้อง!


หยานหลวนหรี่ตาแคบลงและแฝงความยินดีเล็กๆ เทียบกับลิ่วเหวินหลานแล้วนางอยากให้เป็นหวังหลินมากกว่า!


ส่วนขายชราแซ่โจวมีท่าทีเปลี่ยนไปยิ่ง แววตาหวาดกลัวรุนแรง


ซิ่วตงเต๋อมองหวังหลินด้วยแววตาประหลาดใจแต่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ส่วนเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นอีกสามคนมองขึ้นมาและเริ่มให้ความสนใจ


เซียนนับพันด้านล่างล้วนตกตะลึงและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น มีคนที่ไม่ยอมรับการตัดสินใจของลิ่วเหวินหลานหลังจากปรากฏเกราะวิญญาณขึ้นมา


ต้องบอกว่าถึงแม้ลิ่วเหวินหลานจะบาดเจ็บ ระดับบ่มเพาะยังคงเท่าเดิม ระดับบ่มเพาะของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่เซียนทั่วไปจะท้าสู้ได้!


หลังจากคำพูดของหวังหลินดังกึกก้อง เขาจึงพุ่งออกไปพร้อมกับใช้บิดมิติที่เตรียมการไว้มานาน จากนั้นมาปรากฏตัวเบื้องหน้าเกราะวิญญาณและขัดขวางลิ่วเหวินหลาน!


“หวังหลิน!!” ลิ่วเหวินหลานเผยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารบ้าคลั่ง เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะอยู่ในวังใต้ดิน ตอนที่เขาทะยานเข้ามาใต้ผืนดินเขาก็เห็นหวังหลินและจงใจปิดผนึกวังใต้ดินในตอนที่เขาเข้ามาเพื่อใช้โอกาสนี้สังหารหวังหลินแบบกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน!


แต่ไม่เพียงหวังหลินจะไม่ตายเท่านั้นเขายังออกมาทำลายแผนการของลิ่วเหวินหลานอีก แววตาตอนนี้จึงไม่สามารถซ่อนจิตสังหารไปได้แล้ว!


“เจ้ากล้าหยุดข้า? เจ้ารนหาที่ตาย!” ลิ่วเหวินหลานพุ่งเข้าหาหวังหลินและยกแขนขวาขึ้นมา ระเบิดระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง!


“เจ้ากล้าทำร้ายข้าท่ามกลางสายตาของทุกคน? ข้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณ เป็นคนที่บรรพชนกระทิงสวรรค์ส่งมาคุ้มครองที่นี่ เจ้ากล้าทำร้ายข้า?”


“เจ้าไม่กลัวหรือว่าสำนักมหาวิญญาณไล่ล่า? เจ้าไม่กลัวหรือว่าบรรพชนกระทิงเขียวจะโกรธเกรี้ยว? เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะไม่มีที่ยืนให้เจ้าในแคว้นกระทิงสวรรค์เพียงเพราะเจ้าสังหารพวกพ้องในสงคราม?!” หวังหลินไม่ได้หลบเลี่ยงพลางเปล่งเสียงดังกึกก้อง


เพียงแค่เขาส่งเสียงออกมา เหล่าเซียนนับพันด้านล่างจึงจำได้ว่าผู้อาวุโสที่มาจากสำนักมหาวิญญาณไม่ใช่เพียงแค่ลิ่วเหวินหลาน หยานหลวนและซิ่วตงเต๋อ แต่มีทั้งสิ้นสี่คน!


ลิ่วเหวินหลานสีหน้าเปลี่ยนไป ร่างหยุดชะงักกึกชั่วขณะ


หวังหลินใช้โอกาสนี้ก้าวถอยหลัง แต่เมื่อเขาสัมผัสกับเกราะวิญญาณมันกลับไม่แสดงสัญญาณการผสานเข้ากับเขา นี่ทำให้หวังหลินต้องขมวดคิ้ว


ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลิน ท่ามกลางแววตาจิตสังหารกลับมีแววตาเยาะเย้ยอยู่ด้วย!


“เกราะวิญญาณยังไม่ถึงขั้นตอนสุดท้าย ดังนั้นเจ้าไม่สามารถผสานกับมันได้!”


หวังหลินจ้องมองลิ่วเหวินหลานด้วยความสงบนิ่งและเอ่ยออกมา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่สามารถผสานกับมันได้ แต่ข้าไม่ยอมให้เจ้าผสานกับมันต่างหาก!”


ตั้งแต่เขาเข้ามาที่วังเป็นครั้งแรก หวังหลินยังคงสถานะต่ำต้อยมาตลอด แม้แต่คนอื่นยังลืมว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณ ทว่าตอนนี้เขาเริ่มโอหังและไม่เก็บงำสถานะของตัวเองอีกต่อไปแล้ว


คำพูดและการกระทำของเขาดึงดูดสายตาคนด้านล่างทันที หลายคนไม่เข้าใจว่าหวังหลินกล้าต่อกรกับลิ่วเหวินหลานทั้งที่มีระดับบ่มเพาะแค่นั้นได้อย่างไร


แต่คำพูดอันรุนแรงของเขากลับทรงพลังยิ่งกว่าสมบัติอันใด ทำให้ลิ่วเหวินหลานไม่กล้าลงมือ!


เป็นตามที่หวังหลินพูดเอาไว้ หากลิ่วเหวินหลานโจมตีหวังหลินต่อหน้าทุกคนที่นี่ สำนักมหาวิญญาณไม่มีวันยอมให้อภัยเขาแน่ เว้นแต่จะสังหารทุกคนไปด้วย!


แม้ทุกคนที่นี่จะตาย บรรพชนก็ยังสามารถทำนายเหตุการณ์ครั้งใหญ่ได้อีก เขาก็จะถูกสำนักมหาวิญญาณไล่ล่า!


ถึงตอนนั้นเขาคงไม่มีที่ยืนได้ในแคว้นกระทิงสวรรค์ เพียงแค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้เขาต้องปาดเหงื่อเย็นเฉียบ เขาจะกล้าโจมตีได้อย่างไรเล่า?


ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “เป็นผู้อาวุโสหวังนี่เอง ตอนที่ท่านปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกข้าคิดว่าเป็นสายลับที่ลักลอบเข้ามาขโมยเกราะวิญญาณ ข้าจึงจะโจมตีออกไป…ตอนนี้พอรู้ว่าเป็นผู้อาวุโสหวัง จึงกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด”


หวังหลินเอ่ยตอบ “ไม่มีปัญหา ในเมื่อผู้อาวุโสลิ่วยอมรับความผิดพลาด ข้าก็ไม่ถือสาเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามเถอะผู้อาวุโสลิ่ว ข้าไม่ยอมรับที่ท่านจะเอาเกราะวิญญาณไป”


ลิ่วเหวินหลานกำหมัดแน่นอยู่ใต้ชุดคลุม แต่สีหน้าเผยรอยยิ้ม


“โอ้? แล้วใครควรจะได้ไป? ท่านเองหรือ?” ลิ่วเหวินหลานไม่ได้ถามเหตุผลแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อโจมตีหวังหลินทางอ้อม


“หากผู้อาวุโสหวังจินตนาการถึงเกราะวิญญาณและต้องการให้มันเป็นของท่านเอง ข้าพอเข้าใจการกระทำของท่านได้ว่าท่านทำลงไปตามความต้องการของตัวเอง ท่านไม่สนชีวิตของเหล่าเซียนนับพันที่นี่ ผู้อาวุโสหวัง ข้าประเมินท่านต่ำไป”


“แต่ถึงแม้ท่านจะไม่ยอม แม้ท่านต้องการเป็นของตัวเอง ท่านก็ต้องถามทุกคนที่นี่ว่าท่านมีคุณสมบัติพอหรือไม่!” ลิ่วเหวินหลานมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง ดังนั้นจึงเจ้าเล่ห์เป็นธรรมดา เพียงคำพูดไม่กี่คำก็เปลี่ยนจังหวะของหวังหลินได้อย่างสิ้นเชิงและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้


“ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสหวังหลินมีคุณสมบัติพอ!” เพียงลิ่วเหวินหลานพูดจบได้ไม่นาน หยานหลวนพลันเอ่ยปาก คำพูดของนางเบามากแต่กลับส่งเสียงดังไปทั่ววังใต้ดินและสั่นสะเทือนจิตใจทุกคน!


เพียงแค่นางเอ่ยปาก หยานหลวนจึงยิ้มให้หวังหลิน


“ผู้อาวุโสหยานหลวน ท่านต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง!” ลิ่วเหวินหลานหรี่ตาลง เขาจ้องมองหยานหลวนด้วยสายตาเยือกเย็น


หยานหลวนมองลิ่วเหวินหลานและเอ่ยขึ้นอย่างมืดมน “ข้าไม่ต้องให้ผู้อาวุโสลิ่วมาเตือนข้า ข้ารู้ตัวดี”


“ข้าก็เชื่อว่าผู้อาวุโสหวังมีคุณสมบัติพอเช่นกัน!” ซิ่วตงเต๋อพลันเอ่ยขึ้นอีกด้าน


หลังเอ่ยออกมา เหล่าเซียนนับพันด้านล่างจึงเกิดความปั่นป่วน คำพูดของเซียนขั้นวิบากดับสูญเพียงคนเดียวก็มีน้ำหนักพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีสองคนที่รับรองหวังหลินให้ แสดงว่ามีปัญหากันแล้ว


สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสองล้วนเป็นผู้อาวุโสสำนักมหาวิญญาณ!


“เยี่ยม เยี่ยม!” ลิ่วเหวินหลานผุดแววตาเย็นเยียบทั้งยังมองซิ่วตงเต๋อด้วยความประหลาดใจ ความโกรธเกรี้ยวในใจปะทุขึ้นถึงขีดสุด


ลิ่วเหวินหลานจ้องมองเซียนขั้นวิบากดับสูญอีกสามคนจากสำนักใกล้เคียงและกัดฟันพูดออกไป “พวกเจ้าสามคนคิดว่าระดับบ่มเพาะของผู้อาวุโสหวังสูงส่งพอจนสามารถใช้เกราะวิญญาณได้หรือไม่? เจ้าคิดจะฝากชีวิตของเซียนนับพันที่นี่ให้กับคนที่มีระดับบ่มเพาะแค่นั้นน่ะหรือ?!”


ทั้งสามคนเงียบเสียง พวกเขาไม่ต้องการขัดใจลิ่วเหวินหลานแต่ก็ไม่อยากบาดหมางต่อหยานหลวนและซิ่วตงเต๋อด้วย นอกจากนี้อีกฝ่ายล้วนเป็นผู้อาวุโสสำนักมหาวิญญาณ


ส่วนหวังหลินนั้น เรื่องอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขาเคร่งเครียดเกินไปนัก


ความเงียบของแต่ละคนทำให้ลิ่วเหวินหลานเยาะเย้ย สายตาจับจ้องไปที่เซียนด้านล่าง ทุกคนที่เขามองต่างก็ก้มหน้า ไม่มีใครกล้าพูดขึ้นมาในตอนนี้


“ในเมื่อคนอื่นเงียบและผู้อาวุโสหยานหลวนกับผู้อาวุโสซิ่วตงเต๋อคิดว่าข้ามีคุณสมบัติพอ ผู้อาวุโสลิ่วจะคิดสิ่งใดอีก?” หวังหลินสงบนิ่งตั้งแต่เริ่มต้นมาโดยตลอด


ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลิน ชั่วขณะต่อมาจึงหัวเราะ ความโกรธเกรี้ยวในใจพลันหายไปทันทีและกลับคืนสู่ความสงบ


“ผู้อาวุโสหวังมีคุณสมบัติจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นตัวเลือกระหว่างท่านกับข้าแล้ว ข้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ยอมให้ข้าได้เกราะวิญญาณ!”


หวังหลินเอ่ยเย็นเยียบ “ท่านไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามนี้มากพอ!”


พอลิ่วเหวินหลานได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะทันที


“ข้าไม่มีส่วนร่วมมากพอ? ข้าพาพวกเจ้าออกไปต่อสู้ถึงสองครั้งและพาทุกคนกลับมาวังใต้ดิน ในการรบครั้งแรกข้ารั้งเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางเอาไว้ การรบครั้งที่สองข้าก็ทำเหมือนกัน!”


“ถ้าไม่ใช่เพราะข้า คงไม่เหลือคนนับพันที่นี่ ทุกคนคงตายไปแล้ว!”


“ส่วนร่วมของข้าไม่มากพอ? เช่นนั้นผู้อาวุโสหวัง ข้าขอถามเถอะว่าท่านมีส่วนร่วมอะไรบ้าง?”


หวังหลินสะบัดแขนขวาโดยไม่ลังเล ศีรษะของหลิวจื่อหยวนปรากฏขึ้นมาในมือ เขายกมันขึ้นเหนือศีรษะ


“เขาคือเซียนขั้นวิบากดับสูญของแคว้นมารเขียวที่ข้าสังหารได้!”


หลังเอ่ยขึ้นมาและมีศีรษะปรากฏต่อสายตา ทั่วทั้งวังใต้ดินถึงที่เงียบมานานพลันเกิดคลื่นความปั่นป่วน ทุกคนที่นี่รู้เรื่องการตายของเซียนขั้นวิบากดับสูญของแคว้นมารเขียว พวกเขาเดาไปต่างๆนาๆว่าใครเป็นสังหารศัตรู!


คำถามที่ไร้คำตอบ แต่บัดนี้พอได้ยินคำพูดของหวังหลินและเห็นศีรษะ จิตใจแต่ละคนสั่นไหว ทั้งหวาดกลัวและไม่เชื่อสายตา


“เป็นเขานี่เอง!”


“เขาคือคนที่สังหารศัตรูในระดับเซียนขั้นวิบากดับสูญ!”


“นี่…เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญได้!!”


“การสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญในชั่วเวลาสั้นๆ…เขาต้องซ่อนระดับบ่มเพาะ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราเห็นแน่!!”


“เขายังเป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณอีก แล้วจะอ่อนแอได้อย่างไร? สำนักมหาวิญญาณต้องมีแผนของตัวเองที่ส่งเขามา การส่งเขามาตายที่นี่คงไม่ใช่อยู่แล้ว!”


“เขาทำตัวต่ำต้อยมากและไม่ได้ชิงชัยกับคนที่อาศัยในวัง แต่กลับเลือกอยู่ในถ้ำเหมือนเรา หากคนแบบนี้ได้เกราะวิญญาณไป ข้าตกลง!”


ตอนที่หยานหลวนเห็นศีรษะ นางยังคงอ้าปากค้างแม้จะคิดว่าเดาได้แล้วก็ตาม สายตาที่มองหวังหลินพลันเปลี่ยนไปมหาศาล


‘เป็นเขาจริงๆ!’


ยังมีซิ่วตงเต๋อด้านข้างนางที่หรี่ตาแคบ ในใจก่อเกิดคลื่นรุนแรงขึ้น


ส่วนผู้อาวุโสขั้นวิบากดับสูญทั้งสามจากสำนักใกล้เคียง พวกเขากระทั่งตกตะลึง สายตาที่มองหวังหลินกลับเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ


ชายชราแซ่โจวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เขาพลันคิดถึงประตูถ้ำที่เขาทำลายไปแต่ยังไม่ได้ซ่อมแซม


ด้านล่างเกิดความปั่นป่วนและดังถึงหูของลิ่วเหวินหลาน เขาจ้องมองศีรษะที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่ยินยอมในมือของหวังหลิน จิตใจเขากลับสั่นเทา


ชัดเจนแล้วว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ส่วนร่วมของหวังหลินคงคล้ายกับเขา ซึ่งเขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่


“ผู้อาวุโสหวังพูดตลกอะไรกัน ข้าเห็นผู้อาวุโสที่มีระดับบ่มเพาะอันลึกลับเข้าไปสังหารเขาและโยนร่างออกไปกับตา ข้าไม่คิดว่าท่านจะไปเอาศีรษะมาเพื่ออ้างว่าสังหารเองเช่นนี้”

 

 

 


ตอนที่ 1873

 

อับอายกลายโทสะ!

โดย

Ink Stone_Fantasy

ด้วยตัวตนของเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก แต่เพื่อประโยชน์ในการใช้เกราะวิญญาณ เขาจึงต้องใส่ร้ายหวังหลิน


เพราะขั้นสุดท้ายของการผสานเกราะวิญญาณคือความยินยอมของเหล่าเซียนทั้งหมดที่นี่ มีเพียงการได้รับการเห็นชอบจากเซียนจำนวนมากที่นี่จึงจะผสานกับเกราะวิญญาณได้


เมื่อเขาผสานเข้ากับมันแล้ว จะไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดเห็นของคนอื่นอีกต่อไป


“ผู้อาวุโสหวังหลิน ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำได้…ด้วยระดับบ่มเพาะของท่านแล้ว ท่านจะไปสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญได้อย่างไร? ท่านไม่สามารถสังหารเซียนระดับนั้นได้ก็ดีไป ท่านหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก็ดีไป แต่คนจากเส้นชีพจรแห่งที่สามกลับต้องมาตายหลายคนโดยไม่มีสิทธิ์พูด!”


“แต่ถึงแม้จะตายก็ตายด้วยเกียรติศักดิ์ศรี ข้าจะไม่มีวันลืมพวกเขา ไม่มีใครที่นี่จะลืมได้ แคว้นกระทิงสวรรค์จะไม่มีวันลืมเหล่าผู้กล้าของเรา!!”


“เก็บศีรษะนั้นกลับไปซะ ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นหากเจ้าแกล้งทำเป็นได้หน้า ข้าจะสังหารเจ้าโดยไม่ต้องขอบรรพชน!”


“เพราะการกระทำของเจ้าไม่เพียงแค่ดูถูกข้าเท่านั้น แต่ยังดูถูกวิญญาณที่ตายไปนับหมื่นคนด้วย!” ลิ่วเหวินหลานคำรามใส่หวังหลิน


ท่าทีของเขาตื่นเต้นมากราวกับกำลังโกรธเรื่องการกระทำของหวังหลิน! แต่เขายังคงควบคุมตัวเองให้เหมือนว่ากำลังเสียใจ


คำพูดของเขาทำให้ความปั่นป่วนที่หวังหลินสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ลดลงไปอย่างมาก เหล่าเซียนนับพันด้านล่างเริ่มขบคิด


มีหลายคนมองหวังหลินด้วยความดูถูกและโกรธเกรี้ยว


“คำพูดของผู้อาวุโสลิ่วค่อนข้างน่าเชื่อถือ เขาไม่สามารถทำผลงานได้ด้วยระดับบ่มเพาะเพียงนี้ เขาต้องไปเอาศีรษะมาแกล้งหลอกพวกเรา!”


“คนแบบนี้ช่างน่าละอายเกินไป!”


“ใช่แล้ว ด้วยระดับบ่มเพาะและตำแหน่งของผู้อาวุโสลิ่ว เขาจะโกหกได้อย่างไร? หากเขาเห็นคนอื่นลงมือ นั่นควรน่าเชื่อถือกว่า”


“มีบางอย่างผิดปกติ หากผู้อาวุโสลิ่วเป็นพยาน ทำไมเขาเพิ่งมาพูดถึงตอนนี้?”


ท่ามกลางความโกลาหล มีเพียงเซียนขั้นวิบากดับสูญที่ยังคงเงียบอยู่ พวกเขาตัดสินใจด้วยตัวเอง สายตามองหวังหลินและลิ่วเหวินหลานด้วยความสงบนิ่ง


พอฟังคำพูดของลิ่วเหวินหลาน หวังหลินจึงส่ายศีรษะ มองไปยังลิ่วเหวินหลานแฝงท่าทีเยาะเย้ยและเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม หวังหลินดูคล้ายไม่สนใจ


ตอนที่ลิ่วเหวินหลานเห็นท่าทีและสายตาของหวังหลิน จิตใจเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ ทว่าเขาได้ขบคิดอย่างละเอียดแล้วและไม่มีทางที่หวังหลินจะนำหลักฐานของจริงออกมาได้


เว้นแต่จะมีวิญญาณดั้งเดิม…


พอคิดเช่นนี้แล้วลิ่วเหวินหลานจึงไม่กังวลอีกต่อไป แม้เขาไม่ได้เห็นเซียนผู้นี้ตายกับตา เขาก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณดั้งเดิมของหลิวจื่หยวนได้แตกสลาย นั้นเขาจึงรู้ว่าไม่มีโอกาสที่วิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่


“ข้านำศีรษะเขาออกมาและท่านก็บอกว่าข้าโกหก เช่นนั้นก็จงดูนี่!” หวังหลินสายตาเยือกเย็นและไม่เสียเวลาโต้เถียงกับลิ่วเหวินหลานอีกต่อไป เขาสะบัดแขนนำศีรษะที่สองออกมา!


ศีรษะนี้คือฉวี่เต๋อข่าย เซียนขั้นวิบากดับสูญแห่งแคว้นมารเขียว! ศีรษะของฉวี่เต๋อข่ายตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ ดวงตาว่างเปล่านั้นเผยอาการหวาดกลัวและอาฆาตแค้น มีร่องรอยโลหิตแห้งโผล่ออกมาจากรูขุมขน!


วินาทีที่ศีรษะปรากฏออกมา ทั่ววังใต้ดินถึงกับเงียบสนิท สายตาทุกคนจับจ้องไปที่ศีรษะ แม้แต่เซียนขั้นวิบากดับสูญจากสำนักใกล้เคียงยังต้องยืนขึ้นทันที!


“นั่นเขา!!”


“ฉวี่เต๋อข่าย!! ข้าต่อสู้กับเขาในการรบครั้งแรก เขาสามารถร่ายวิชาได้รวดเร็วยิ่ง เซียนทั่วไปที่มีระดับบ่มเพาะเดียวกันไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้เขาได้!”


“ข้าสงสัยอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่แสดงตัวในการรบครั้งที่สอง นี่แสดงว่า…แสดงว่าเขาถูกผู้อาวุโสหวังฆ่า!!”


ทั้งสามคนอ้าปากค้าง พวกเขามองหน้ากันเองจนเห็นแววตาหวาดกลัวและตกตะลึง!


หยานหลวนมีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นกัน นางยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว จ้องมองศีรษะของฉวี่เต๋อข่ายและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ นางคิดว่าการที่หวังหลินสังหารไปหนึ่งคนก็บ้ามากเกินไปแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับเห็นเขาสังหารคนที่สอง!!


ด้านซิ่วตงเต่อถึงกับจิตใจสั่นเทา เป็นครั้งแรกที่เขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัวฝังลึก เขาพูดขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้เพราะรู้สึกว่าลิ่วเหวินหลานกำลังโอหังเกินไปจนทำให้เขาไม่ยินดีนัก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกต้อง!


หากหวังหลินไม่คู่ควร ก็ไม่มีใครที่นี่คู่ควรแล้ว!


ด้านชายชราแซ่โจว ใบหน้าซีดเผือดในทันที เขาจำได้ชัดเจนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับหวังหลินเท่าที่ควร พูดจากับหวังหลินโดยไม่มีมารยาท พอคิดแบบนี้แล้วเขาจึงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ


‘อสูรร้ายคนนี้!! เขามีศีรษะของเซียนขั้นวิบากดับสูญถึงสองคน เขาจะนำศีรษะทั้งสองมาหลังจากมีคนฆ่าไปคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้’


เหล่าเซียนนับพันด้านล่างเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเกิดความปั่นป่วนรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน สำหรับพวกเขาแล้วเซียนขั้นวิบากดับสูญเป็นตัวตนที่เหนือล้ำ พอเห็นว่าหวังหลินนำศีรษะทั้งสองของเซียนขั้นวิบากดับสูญออกมาจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงเหลือเกิน


“ท่านบอกว่ามีชายชราที่มีระดับบ่มเพาะลึกลับไปสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญของแคว้นมารเขียว จากนั้นข้าไปเห็นเข้าและตัดศีรษะร่างศพออกมา”


“จากนั้นชายชราลึกลับโผล่ออกมาตอนที่ข้าออกไปลาดตระเวนและสังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญคนที่สอง ข้าก็ไปเห็นอีกและตัดศีรษะร่างศพออกมาหรือ” หวังหลินมองลิ่วเหวินหลานที่กำลังมีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว


ลิ่วเหวินหลานถึงกับจิตใจปั่นป่วนดุจคลื่นยักษ์ เขามองศีรษะของฉวี่เต๋อข่ายจนรู้สึกด้านชา เขามองหวังหลินไปด้วยและไม่คิดว่าอีกฝ่ายได้สังหารเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับต้นไปถึงสองคน แม้กระทั่งเขา เหล่าเซียนขั้นวิบากดับสูญไม่ใช่เรื่องตลก!


ฉวี่เต๋อข่ายมีชื่อเสียงในแคว้นมารเขียวจนแม้แต่ลิ่วเหวินหลานยังได้ยินชื่อเสียง เขารู้ว่าฉวี่เต๋อข่ายมีการร่ายวิชารวดเร็วจนน่ากลัว


ช่วงการรบครั้งแรก ตอนที่เขาต่อสู้กับจางต้าวจง เขาจดจำฉวี่เต๋อข่ายได้!


หลังจากหวังหลินเอ่ยปาก ลิ่วเหวินหลานมีสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นช้าๆ


“ข้าไม่เห็นชายชราลึกลับ แต่ในเมื่อเขาลงมือสักครั้งแล้วก็มีโอกาสที่จะลงมือเป็นครั้งที่สอง! ส่วนที่เจ้ามีศีรษะได้ ข้าพูดได้อย่างเดียวว่าเจ้าโชคดีมาก เจ้า…” ลิ่วเหวินหลานถูกเสียงหัวเราะของหวังหลินเข้ามาขัดจังหวะ


หวังหลินยกแขนซ้ายขึ้นมาและปรากฏวิญญาณผีขึ้นมาในฝ่ามือ วิญญาณผีส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน รูปร่างหน้าตาของมันคือฉวี่เต๋อข่าย!


“ลิ่วเหวินหลาน แล้วนี่หล่ะคืออะไร!” หวังหลินจ้องมองลิ่วเหวินหลาน!


พอลิ่วเหวินหลานเห็นวิญญาณผี ใบหน้าจึงซีดเผือดและถอยไปหลายก้าว เขาอ้าปากจะพูดแต่ท้ายที่สุดก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว!


เมื่อวิญญาณผีของฉวี่เต๋อข่ายปรากฏ คำพูดทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้ว!


“สหายเซียนโจว การผสานเข้ากับชุดเกราะยังเหลืออีกกี่ขั้นตอน? อย่าเสียเวลาเลย!” หวังหลินกวาดสายตาไปหาชายชราแซ่โจว


จิตใจของชายชราแซ่โจวถึงกับสั่นเทาและรีบพยักหน้า แม้แต่ลิ่วเหวินหลานยังพูดไม่ออก ทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้แล้วเว้นแต่ลิ่วเหวินหลานจะตัดสินสังหารหวังหลินในตอนนี้!


“เหล่าสหายเซียน นี่คือขั้นสุดท้ายของการผสานวิญญาณ เพราะเกราะวิญญาณนั้นถูกอัญเชิญมาด้วยระดับบ่มเพาะและโลหิตของพวกท่าน ดังนั้นคนที่ผสานกับเกราะวิญญาณได้คือคนที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ!” ชายชราแซ่โจวเป็นผู้สร้างและไม่ได้เจาะจงว่าใครเพื่อที่จะไม่ล่วงเกินลิ่วเหวินหลานมากนัก


เมื่อเขาพูดขึ้นมาแล้วทุกคนจึงเงียบเสียง ลิ่วเหวินหลานจ้องมองหวังหลินด้วยจิตสังหารที่เพิ่มขึ้นภายใน เขาประเมินผลได้ผลเสียแต่ก็ไม่ยอมให้ลงเอยแบบนี้


“เจ้าหัวขโมย เจ้ารนหาที่ตาย!” ลิ่วเหวินหลานกัดฟันและตัดสินใจ เขาไม่ยอมให้หวังหลินได้เกราะวิญญาณไป ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งกันตอนนี้เขาคงต้องระงับเอาไว้


ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องคิดมากแล้ว ลิ่วเหวินหลานกำลังจะพุ่งออกไป!


‘หากเขาตาย เขาจะไม่สามารถแข่งขันกับข้าเรื่องเกราะวิญญาณได้ อย่างมากข้าก็ทำได้ดีที่สุดในสนามรบและได้รับความดีความชอบก่อนกลับไปยังสำนักเพื่อยอมรับการลงโทษ! ข้าเชื่อว่าบรรพชนจะไม่สังหารข้าเพื่อคนที่ตายไปแล้วหรอก!’ ลิ่วเหวินหลานร้องคำรามและพุ่งหาหวังหลิน


ด้านหวังหลินนั้นระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา จังหวะที่ลิ่วเหวินหลานพุ่งออกมา เขาจึงล่าถอยทันที เส้นชีพจรเซียนจุดแรกในร่างหวังหลินได้ทำให้เขาร่ายวิชารวดเร็วยิ่ง!


ขณะเดียวกันเกราะวิญญาณด้านหลังหวังหลินจึงเปล่งแสงน่ากลัวเกินบรรยาย เป็นเกราะชายชราแซ่โจว เหล่าเซียนด้านล่างกำลังตัดสินใจระหว่างหวังหลินและลิ่วเหวินหลาน!


ขณะที่ทุกคนกำลังเลือกกันอยู่ ชายชราคนหนึ่งในฝูงชนถึงกับดวงตาส่องสว่างและเอ่ยขึ้น “เหล่าเซียนแห่งทุ่งยอดนภา ผู้อาวุโสหวังหลินเคยช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่ง ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งหมดจะเลือกเขา!”


ด้วยตัวตนของเขาในทุ่งยอดนภา คำพูดเขาจึงทำให้หลายคนที่นี่สนใจ!


หยานหลวนกัดฟันและพุ่งไปหาลิ่วเหวินหลาน นางกำลังจะไปช่วยหวังหลินเข้าต่อต้านลิ่วเหวินหลาน! นางต้องการจะเสี่ยงดู!


ยังมีซิ่วตงเต๋ออีกด้วย เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจลงมือ ในเมื่อพูดออกมาแล้วก็ไม่กลัวว่าจะไปล่วงเกินลิ่วเหวินหลานมากไปกว่านี้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)