War sovereign Soaring The Heavens 3334-3341
ตอนที่ 3,334 : จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9
ในวังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งสิ้น 9 คน
ถึงแม้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนจะถูกดึงไปตามแผนของต้วนหลิงเทียน แต่อย่างไรก็ยังเหลือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คน…แต่แน่นอนว่าหากเกิดการปะทะกันจริงๆ เสมือนกําลังรบของอีกฝ่ายก็จะเหลือแค่จักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนเท่านั้น
ทั้งหมดเป็นเพราะด้านนอก ต้วนหลิงเทียนได้เตรียมจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งที่จะถ่วงรั้งโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือเอาไว้แล้ว
นอกจากนี้โลกใบเล็กภายในร่างของต้วนหลิวเทียนยังมีมังกรชั่วร้ายอีก 2 ตัว ที่สามารถผสานพลังจู่โจมได้ทัดเทียมการลงมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางๆ เช่นนั้นขอเพียงแค่ระวังให้มาก ไม่ทําอะไรบ่มบ่าม เรื่องหลบหนีออกไปจากที่นี่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“จัตุรัสสิ้นสุด”
หลังมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดอีกครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
กล่าวไป นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เขามาเหยียบจัตุรัสสิ้นสุด
ครั้งแรกก็คือการมาคุกหมื่นพันธนาการรอบแรกสุด ส่วนครั้งที่ 2 ก็คือขากลับออกจากคุกหมื่นพันธนาการรอบแรก ครั้งที่ 3 ก็คือการกลับมายยังคุกพันธนาการอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน
ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 4 แล้ว
จัตุรัสสิ้นสุดเป็นดั่งปราการสุดท้ายก่อนจะออกจากคุกหมื่นพันธนาการ และที่นี่ยังมีมาตรการป้องกันที่แน่นหนาที่สุด
ถึงแม้ในแง่ของระดับค่ายกลกับข่ายอาคมที่นี่ จะพอๆกับค่ายกลและข่ายอาคมบนเรือนจําชั้นที่ 3
อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้มีแค่ข่ายยอาคมกักกันเท่านั้น ยังมีค่ายกลและข่ายอาคมสังหารที่จัดตั้งไว้แน่นหนา ที่สําคัญคือจํานวนมั่นมากมายมหาศาลเหนือกว่าในเรือนจําชั้น 3 หลายเท่าตัว และแต่ละอาคมสังหารก็ทรงพลังมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ไม่น้อย!
หากคนที่อยู่ใต้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามคิดบุกฝ่าออกไปถึงไม่ตายก็ต้องร่อแร่เจียนตายแน่นอน!!
“พี่ใหญ่เผย ขายอาคมกับค่ายกลสังหารที่นี่ ท่านไม่อาจลงมือคนเดียวได้ จําต้องพึ่งพลังของจักรพรรดิอมตะอีก 5 คนที่เหลือ…หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเผยหยวนจี๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ก่อนจะมาถึงที่นี้ เขาได้แจ้งพี่ใหญ่เผยกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคนเอาไว้แล้ว กระทั่งยังสอนวิธีจัดการค่ายกลสังหารพวกนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้จึงไม่ต้องเสียเวลากล่าวย้ำอะไรเรื่องนี้นั้นอีก
“อืม”
เผยหยวนจี๋พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองพยักหน้าเป็นการให้สัญญานกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน
เมื่อทั้ง 6 คนยืนเรียงตัวในลักษณะค่ายกลมนุษย์ประการหนึ่ง สองตาของเผยหยวนจี๋ก็หดหยีเผยประกายเยียบเย็น “ลงมือ!!”
สิ้นเสียงสั่งการของเผยหยวนจี๋ นอกเหนือจากพลังเย็นยะเย็กที่แผ่ซ่านกําจายออกมาจากร่างของจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ เฉวียนปิง แล้ว อีก 5 คนรวมถึงเผยหยวนจี๋ ก็ระเบิดพลังสีกากีออกมาอย่างดุดัน!
จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬนั้นเชี่ยวชาญกฏน้ำแข็งกับกฏแห่งดิน แต่ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือกฏน้ำแข็ง แม้กฏแห่งดินของมันจะมีพลังไม่ใช่ชั่ว แต่ในสถานการณ์ที่จําต้องใช้พลังผลาญทําลาย ใช้กฎน้ำแข็งย่อมดีกว่ากันมาก
สําหรับอีก 5 คนที่เหลือไม่เว้นเผยหยวนจี๋ นอกจากกฎแห่งดินแล้ว พวกมันไม่ได้เชี่ยวชาญกฏอื่นๆมากนัก
ดังนั้นถึงแม้จะต้องใช้การโจมตีหักฝาค่ายกลกับข่ายอาคมทั้งหลาย ต่อให้กฏแห่งดินมีพลังโจมตีอ่อนด้อยที่สุดในกฏทั้งหลาย พวกมันก็มีแต่ต้องใช้กฏแห่งดินเท่านั้น….
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ หากใครกล้าเคลื่อนไหวตามอําเภอใจ อย่าได้โทษข้าว่าอํามหิต!”
ขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 6 ลงมือลุยฝาจัตุรัสสิ้นสุด ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติขึ้นไปลอยล่องด้านหน้าสุด หันหน้ามาหาทุกคน จากนั้นก็สะบัดมือเรียยกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมา พลังมิติยังปะทุออกมาแผ่แรงกดดันไปในบรรยากาศ ราวกับขอเพียงมีใครกล้าเคลื่อนไหวตามอําเภอใจ เขาจะลงมือสังหารในบัดดล
ถึงแม้คนเหล่านี้สมควรเชื่อฟังและรู้สถานการณ์ดี แต่หมื่นไม่กลัวๆหนึ่งในหมื่น หากมีใครคิดก่อการวุ่นวายจนเป็นการรบกวนพี่ใหญ่เผยกับคนอื่นๆขึ้นมา ย่อมมีโอกาสเกิดเรื่องขึ้นได้
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
จากนั้นก็มีร่างหนึ่งวูบมาอยู่ใกล้ๆต้วนหลิงเทียน รอบกายร่างดังกล่าวยังปรากฏแถบริ้วกระบี่แผ่กลิ่นอายแหลมคมเยียบเย็นหมุนวนเร่งเร้าสภาวะพลังเตรียมพร้อม เป็นเหลียนชิวที่ไม่ทราบเก็บร่างตู้เสวียนไว้ในโลกใบเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดมาสนับสนุนต้วนหลิงเทียนอีกแรง
สองตามันยังฉายแววแหมคมถึงขีดสุด จับจ้องมองไปยังกลุ่มคนนับพันด้านหลังไม่วางตา
“ขอคุณชายทั้ง 2 โปรดวางใจ พวกเราไม่มีใครกล้าคิดทําอะไรอันเป็นการสร้างปัญหาให้ใต้เท้าเผยกับใต้เท้าทั้ง 5 ที่ทําลายค่ายกลอยู่เป็นแน่! พวกเราถูกทรมานจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายปีดีดัก เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนหวังจะออกไปจากที่นี่เหนือสิ่งใด”
ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแรงแต่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลยิ้มกล่าว
“ใช่”
และคําพูดของมันก็มีร่างผู้คนที่ชุดเสื้อผ้าขาดวินเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลสยดสยองหลายคนเห็นด้วยมากมาย “หากมีใครกล้าสร้างปัญหา ไม่ต้องถึงมือพวกท่านหรอก ข้าจักแลกชีวิตกับมันผู้นั้นเอง ต่อให้ข้าตาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครไปสร้างปัญหาให้ใต้เท้าทั้ง 6 แน่!”
“ผู้ใดเบื้อชีวิตก็ลองดู!”
ด้วยประการฉะนี้ คนกลุ่มใหญ่จึงยืนนิ่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครคิดทําอะไรโง่ๆแม้แต่น้อย
“เรียบร้อย”
ราวๆ 1 เค่อต่อมา ก็บังเกิดสายลมรุนแรงโหมกระหน่ำไปทั่วจัตุรัสสิ้นสุด จนชุดเสื้อผ้าทั้งผมเผ้าผู้คนนับพันโบกสะบัดวุ่นวายกันไปหมด ขณะเดียวกัน เสียงไร้แยแสของเผยหยวนจี๋ก็แว่วมาตามลมแรงดังกล่าว
เมื่อครู่เพราะถูกแรงกดดันของต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว กอปรกับอยู่ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ทําให้บรรยากาศนั้นเงียบสงัดมาก
ตอนนี้ถึงเผยหยวนจี๋จะไม่ได้กล่าวคําเสียงดังมากมาย แต่ทุกคนที่ยืนรอชายขอบจัตุรัสสิ้นสิ้นสุดก็ได้ยินกันชัดถนัดหู
“หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว พวกเจ้าก็แยกย้ายกันหลบหนีไปเสียไม่ว่าพวกเจ้าจะหนีรอดไปหรือไม่ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้า”
หลังข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุดไปได้แล้ว เผยหยวนจี๋ก็หันกลับมามองกล่าวกับนักโทษแหกคุกนับพันด้านหลังเสียงเบา เหตุผลในการช่วยคนกลุ่มนี้หลบหนีออกมา ไม่มีอะไรมากกว่าสร้างความวุ่นวาย หมายให้พวกมันคอยดึงดูดความสนใจของคนวังเทียนฉือ
ถึงแม้ภายในคุกหมื่นพันธนาการจะไม่ตกอยู่ในอํานาจของค่ายกลเฝ้าระวังของวังเทียนฉือเพราะที่นี่มีค่ายกลและข่ายอาคมพิเศษเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้านนอกนั้นมีอาคมเฝ้าระวังและตรวจจับอยู่
ทันทีที่มีคนหลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการ ผู้หลบหนีจะถูกพบตัวทันที และข่าวเรื่องราวจะถูกส่งตรงถึงหูโหยวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ และจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกในพริบตา
และขอเพียงโหยวเชิงอวี้รู้ข่าว จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของวังเทียนฉือก็จะล่วงรู้เช่นกัน
“ไป!”
ต่อมาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็ข้ามผ่านจัตุรัสสิ้นสุด และมาถึงบริเวณทางออกคุกหมื่นพันธนาการ แน่นอนว่าต้องพบเจอกับผู้อาวุโสที่ทําหน้าที่เฝ้าระวังทางออกทันที และทั้งหมดก็ถูกจักรพรรดิอมตะกัมปนาท หม่าฉือ รวมถึงจักรพรรดิอมตะกวางขาว เคอไป๋ลู่ เข่นฆ่าในพริบตา
ภายใต้การลงมือที่คล้ายเก็บกดและอัดอั้นมานานของทั้งคู่ อาวุโสที่เฝ้าทางออกคุกหมื่นพันธนาการย่อมไม่มีแม้แต่โอกาสตอบโต้
“ออกไปกัน!”
หลังจากทุกคมารวมตัวกันหน้าทางออกแล้ว เผยหยวนจี๋ให้สัญญาณคําหนึ่ง ก็ประหนึ่งม้าถูกปล่อยออกจากคอก ต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋เองก็เหินพุ่งออกจากคุกหมื่นพันธนาการไปอย่างไม่รอช้า
ด้านนอกประตู ผู้อาวุโสที่ทําหน้าที่เฝ้าคุกหมื่นพันธนาการหลายคน ก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในเลย เมื่อเห็นคนกรูกันออกมาราวคุกแตก พวกมันก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งไปในที่สุด
“ข้าหนีออกมาได้แล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ..นี่หรือคือกลิ่นของอิสระภาพ ช่างหอมหวานยิ่งนัก!”
“วังเทียนฉือ สักวันข้าจะกลับมาทําลายล้างพวกเจ้าให้ฉิบหาย!”
“รีบไปกันเร็ว!!”
หลังเหล่านักโทษที่ถูกกักขังในคุกหมื่นพันธนาการมานาได้ออกมาเห็นแสงตะวันอีกครั้งพวกมันก็ร่ำร้องกันออกมาอย่างอดไม่ไหว แน่นอนว่าหลังจากตะโกนวาจาปลอดโปร่งทั้งอาฆาตใดๆแล้ว แต่ละคนก็รู้ว่าไม่ควรอยู่นาน จึงแยกย้ายกันหลบหนีไปทั่วสารทิศปานผึ้งแตกรัง
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนและคนในกลุ่มก็เร่งรุดออกจากหน้าประตูคุกวังเทียนฉือเช่นกัน
“หืม?”
หลังจากเห็นร่างห่างออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่างหญิงชราหนึ่งเหาะลัดฟ้ามาแต่ไกล มุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการด้วยสีหน้ามีดดํา พอมองดูให้ชัดก็พบว่านางคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง
“ดูเหมือนจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็จะรับทราบการตายของลูกชายแล้ว
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“พี่ใหญ่เผย อาวุโสเหลียนชิวและทุกท่าน พวกเราไปทางนั้นกัน”
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนให้เผยหยวนจี๋นัดแนะกับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆเอาไว้แล้วก่อนที่จะออกมา เช่นนั้นตอนนี้กลุ่มเขาจึงวางแผนจะหลบหนีไปด้วยกันก่อน เพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายตามเก็บทีละคน
และทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้ไป ก็คือทิศทางที่เขานัดหมายกับ เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเอาไว้แต่แรก
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังเร่งรุดไปยังงทิศทางดังกล่าวพร้อมกับพี่ใหญ่เผยและคนอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งติดต่อไปหาเฟิงชวนทันที “ตอนนี้ข้าหลบหนีออกมาจากคุกหมื่นพันธนาการแล้ว! นอกจากข้ายังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามของคุกหมื่นพันธนาการอีก 6 คนตามมาด้วย”
“เมื่อท่านมาสมทบกับพวกเรา เรื่องคิดจะหนีไปให้พันการตามล่าของวังเทียยนฉือ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแล้ว!”
และเมื่อได้รับการติดต่อมาจากต้วนหลิงเทียน เมิ่งชวน ก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆ ที่จุดนัดพบ แต่เลือกจะเห็นร่างมุ่งหน้าไปยังคุกหมื่นพันธนาการ หมายไปสมทบกับพวกต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุด
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งชวนเข้าใกล้กันทุกขณะ จักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงเองก็ได้แลเห็นสถานการณ์วุ่นวายของคุกหมื่นพันธนาการ และเห็นฉากนักโทษมากมายแยกย้ายกันหลบหนีเรียบร้อย
ยังผลให้แม้ต้วนหลิงเทียนจะปะปนอยู่ในกลุ่มคนหลบหนีด้วย นางก็ไม่ทันสังเกตเห็น
อย่างไรก็ตาม แม้นางจะไม่ทันเห็นต้วนหลิงเทียน แต่นางก็จดจําจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 ใน 6 ที่เห็นร่างไปพร้อมๆกับต้วนหลิงเทียนได้ เพราะเหลยอิงเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มคนที่กําราบทั้ง 2 นั่นด้วย
“จ้าววัง! ตอนนี้นักโทษในคุกหมื่นพันธนาการกําหลังหลบหนีออกมาเป็นจํานวนมาก ในบรรดาผู้ที่หลบหนีข้ายังเห็นจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆากับจักรพรรดิอมตะผกาทอง! แถมในบรรดาคกลุ่มเดียวกับมันยังมีชายหนุ่มชุดขาวที่คาดว่าน่าจักเป็นเผยหยวนจี๋รวมอยู่ด้วย!!”
“นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่ข้าเห็นเพียงหลังไวๆ แต่หากเดาไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นนักโทษอีก 3 คนที่อยู่ในเรือนจําชั้นที่ 3 จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ จักรพรรดิอมตะกวางขาว และจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท!”
เหลยอิงรีบร้อนส่งข้อความแจ้งไปถึงจ้าววังเทียนฉือเป็นการด่วน น้ำเสียงของนางฟังดูร้อนรนไม่น้อย
ขณะเดียวกันเหลยอิงก็ไม่รอช้าเร่งส่งข้อความทํานองเดียวกันไปถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คนที่เหลือทันที และขอให้ทุกคนรับมาตามมาคุมสถานการณ์ที่คุกหมื่นพันธนาการโดยเร็วที่สุด ส่วนนางก็เร่งรุดเห็นร่างติดตามกลุ่มจักกรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ไปห่างๆ
แน่นอนว่าในระหว่างทางนางยังจัดการนักโทษที่หลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการด้วยและทั้งหมดเป็นการฆ่าไม่ละเว้น!
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนโชคร้ายที่ดันเลือกจะหลบหนีไปในทิศทางเดียวกับพวกต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าความเร็วของพวกมันช้ากว่ามาก เมื่อเจอเข้ากับจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงที่เข่นฆ่าไล่หลังมา จึงทําได้แค่ตกตายอย่างไร้หนทางต่อต้าน
“เมื่อครู่ข้าพึ่งได้รับแจ้งจากสัญญาณเตือนค่ายกลตรวจจับรวมถึงอาวุโสหน่วยลาดตระเวนหลายคนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวนอกคุกหมื่นพันธนาการแล้ว”
จ้าววังเทียนฉือส่งข้อความตอบกลับถึงเหลยอิงเร็วไว แม้น้ำเสียงจะฟังดูสงบ แต่เหลยอิงย่อมสัมผัสได้ถึงโทสะอารมณ์ที่คุกรุ่นปานภูเขาไฟระอุใกล้ปะทุเต็มที
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีร่าง 8 ร่างเร่งรุดเหินมาจากทุกทิศทาง ติดตามมาสมทบกับเหลยอิง
ผู้ที่มาถึงก่อนใครก็คือจ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้ !
แน่นอนว่าในบรรดาคนทั้ง 8 ก็มีจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างมาด้วย
นอกจากฉือหล่าง ก็มีจักรพรรดิอมตะมังกรบกู้ฉางเจียง จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกก็มาด้วย
นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีอีก 3 คน
เป็นสตรี 2 ชายหนึ่ง
สตรีหนึ่งในนั้นมาในชุดสีดํา เส้นผมดําขลับทอดยาวไปยังด้านหลังปานม่านน้ำตก ใบหน้าแลดูอ่อนวัยราวดรุณีน้อยแรกรุ่นของนาง ยามนี้เต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาก็ทอประกายดุร้ายนัก!
นางก็คือจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกแห่งวังเทียนฉือ ชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เรียกว่าเป็น 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจ้าววังเทียนฉือ!
จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกคนนี้ยังเป็นอาจารย์ของ หลิวไป๋เฟิ่ง 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉืออีกด้วย
สตรีอีกคนนั้นมาในชุดคุมยาวสีเขียวอ่อน ในอ้อมแขนกอดฉันเอาไว้ รูปร่างหน้าตาไม่เว้นท์วงท่า แลดูสง่างามทุกอิริยาบถ แม้ยามเร่งรุดเห็นร่างแหวกฝ่าสายลม ก็ยังแลดูสูงส่งเลอค่าชวนมองราวสตรีสูงศักดิ์
และนางก็คือจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ อวี๋ชิวหราน
ส่วนชายคนสุดท้ายมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียว หน้าตาแลดูธรรมดา หากแต่ดวงตาของมันกลับทอประกายดุร้ายคล้ายหมาป่าตลอดเวลา
จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียน!
ตอนที่ 3,335 : ความจริงเปิดเผย
“เหลยอิง พวกมันมุ่งหน้าไปทางใด?”
จ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้ ที่เห็นร่างนํามาถึงก็เอ่ยถามเหลยอิงด้วยน้ำเสียงใจเย็น
โหยวเฟิงอวี้มาในชุดคลุมสีขาวขลิบทอง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา หว่างคิ้วให้ความรู้สึกราวกับผู้ยิ่งใหญ่ไร้แยแสโลกหล้า ถึงแม้เสียงที่เอ่ยถามจะฟังดูสงบ แต่ในแววตากลับฉายชัดถึงสีสันดุร้ายน่าพรั่นพรึง ให้ความรู้สึกกระหายประการหนึ่ง ราวมันพร้อมจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนทั้งเป็น!
“ไปทางนั้น”
เหลยอิงขานรับพลางชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“เจ้าแน่ใจว่าพวกมันทั้ง 6 เดินทางไปด้วยกัน?”
โหยวเฟิงอวี้เอ่ยถามอีกรอบ
“ข้ามั่นใจ”
เหลยอิงพยักหน้ารับอีกรอบ
“ไล่พวกมันให้ทันก่อนค่อยว่ากัน”
ทันใดนั้นทั่วร่างโหยวเฟิงอวี้ก็ปลดปล่อยแสงพลังสีเขียวครามออกมา จากนั้นก็อุบัติสายลมแรงกําจายผ่านฟ้ากวาดหมู่เมฆเบื้องบนจนปลิวหาย พริบตาต่อมาร่างคนทั้ง 9 รวมถึงโหยวเฟิงอวี้ ก็ถูกพลังขุมหนึ่งห่อหุ้ม จากนั้นทั้ง 9 ก็เหาะตัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!
โหยวเฟิงอวี้นั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งลม
หากจะวัดกันในแง่ความเร็วแล้ว ผู้ที่มีความเข้าใจในกฎระดับเดียวกับมันแต่เป็นกฏอื่น เกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเทียบความเร็วของมันได้!
และตอนนี้มันอาศัยพลังของตัวเองเพียงลําพังหอบหิ้วจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉืออีก 8 คน แต่ความเร็วในการเหาะเหินกลับเหนือกว่าให้จักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 8 คน แยกกันเดินทางด้วยพลังของตัวเองเสียอีก
ซู่มมม!!
จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ของวังเทียนฉือ บัดนี้ทะยานข้ามฟ้าไปด้วยความเร็วสุดที่กลุ่มต้วนหลิงเทียนจะเทียบได้ ทําให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มค่อยๆหดกระชั้นขึ้นทุกขณะ
“เหลยอิง ว่าแต่พวกมันมีกันแค่ 6 คนเท่านั้นรึ?”
จักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง หันไปมองเหลยอิงพลางถาม
“ไม่ มี 8”
เหลยอิงตอบสั้นๆ
“8 คนรึ?”
และคําตอบของงเหลยอิง ไม่เพียงทําให้ฉือหล่างเท่านั้นที่ตกใจ กระทั่งโหยวเฟิงอวี้ และคนอื่นๆเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามนางด้วยความสงสัยเพิ่มเติม “แล้วอีก 2 คนเป็นผู้ใด?”
“ข้าเห็นเพียงแผ่นหลังไวๆของอีก 2 คนนั่นเท่านั้น…หนึ่งในนั้นให้ความรู้สึกคุ้นๆ แค่ข้ายังนึกไม่ออกว่ามันเป็นแผ่นหลังของผู้ใด”
เหลยยอิงขมวดคิ้ววเบาๆ
ว่ากันตามตรง กลุ่มเผยหยวนจี๋เมื่อครู่นั้น นางเห็นหน้าชัดๆเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และมันก็คือ 2 ใน 6 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังอยู่ในเรือนจําชั้น 3 ของคุกหมื่นพันธนาการ จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาทเถิงฉงป้า กับจักรพรรดิอมตะผกาทอง เซี่ยจินฮัว
สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 4 คนไม่เว้ยเผยหยวนจี๋ นางเพียงสรุปเอาจากความทรงจําเลือนรางกับการคาดเดาส่วนตัวเท่านั้น
แน่นอนว่านอกจากจักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนนั่นแล้ว ยังมีอีก 2 คนที่เพิ่มขึ้นมา
ในบรรดา 2 คนนั่น หนึ่งในนั้นนางแปลกตามากเหมือนจะไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนแผ่นหลังของชายหนุ่มชุดม่วง ทําให้นางบังเกิดความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาราวกับเคยเห็นที่ไหนสักแห่งแต่ปุบปับกลับนึกไม่ออก
“สมควรเป็นนักโทษของคุกหมื่นพันธนาการที่ติดสอยห้อยตามพวกมันไปด้วย…”
จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกกล่าว “อย่างไรก็ตาม พวกมันสามารถร่วมเดินทางไปกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 นั่นได้จะมากจะน้อยก็สมควรรู้จักกัน ไม่แน่ก็อาจมีสัมพันธ์กับ 1 ใน 6 จักรพรรดิอมตะสมญานามนั้น หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 จะนําพาตัวถ่วงไปด้วย”
ข้อสันนิษฐานของจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก ก็เป็นทํานองเดียวกับความคิดของทุกคน
“2 คนนั่นจักเป็นผู้ใด เดี๋ยวตามพวกมันทันก็รู้เอง”
โหยวเฟิงอวี้เอ่ยออกเสียงเรียบ แต่ก็ไม่ยากที่จะสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่แฝงในวาจา
“จ้าววัง ว่าแต่คราวนี้มีคนหลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการได้กี่คนหรือ มีแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 นั่นกับอีก 2 คนแปลกหน้าเท่านั้นรึ?”
จักรพรรดิอมตะมังกรกู้ฉางเจียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ยกเว้นนักโทษที่เป็นศิษย์ของวังเทียนฉือเราในเรือนจําชั้น 1…ที่เหลือล้วนหลบหนีออกมาได้ทั้งหมด!”
คราววนี้ในวาจาของโหยวเฟิงอวี้เสมือนมีคลื่นลมก่อตัวแล้ว ไม่อาจสงบได้อย่างเคย
“อะไร?!”
“หลบหนีออกมาได้ทั้งหมด…”
สิ้นคํากล่าวโหยวเฟิงอวี้รอบนี้ ไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะมังกรบกู้ฉางเจียง จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง รวมถึงคนอื่นๆที่ยังไม่ทราบเรื่องราวก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
“คราวนี้พวกเรามุ่งเน้นจับแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 นั่นให้ได้ก็พอ…ส่วนอีก 2 คนนั่นฆ่าพวกมันทิ้งได้ทันที!”
โหยวเฟิงอวี้เอ่ยออกเสียงเข้ม
และคําพูดของโหยวเฟิงอวี้ ไม่เพียงเผยให้เห็นโทสะอันเดือดดาล แต่ทําให้ทุกคนแทบจะเห็นรังสีฆ่าฟันยิ่งพุ่งออกจากลูกตาแล้ว!
“จ้าววัง ท่านสอบถามเรื่องราวจากคนในคุกหมื่นพันธนาการได้หรือไม่ ข้าอยากทราบนักว่าเหลยจวิ้นลูกชายของข้าตกตายได้อย่างไร มีผู้ใดรู้เรื่องนี้บ้าง?”
เหลยอิงหันไปมองจ้องโหยวเฟิงอวี้ พลางถามเสียงหนัก
“เหลยอิง…เจ้าหนูเหลยจวิ้นตายแล้วหรือ?”
ได้ยินคําพูดของเหลยอิง ฉือหล่างกับคนอื่นๆก็แปลกใจอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดเองก็พึ่งรู้เรื่องที่ เหลยจวิ้น ลูกชายคนเดียวของเหลยอิงตายตก
“วันนี้เหตุผลเดียวที่ข้าไปถึงคุกหมื่นพันธนาการคนแรก ทั้งหมดเป็นเพราะข้าพบว่าลูกแก้ววิญญาณของลูกชายข้าแตก…ข้าไปสืบดูก็พบว่าลูกชายของข้าไปคุกหมื่นพันธนาการตั้งแต่ไม่กี่วันก่อนเพื่อเป็นผู้คุม แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าอยู่ๆไฉนลูกข้าถึงต้องไปทําอะไรเช่นนั้น”
เหลยอิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดมนนัก
“ ข้าพึ่งติดต่อไปสอบถามอาวุโสที่คอยประสานกับคนในคุกหมื่นพันธนาการมา…”
ตอนนี้เอง โหยวเฟิงอวี้ พลันกล่าวออกมาอยย่างประจวบเหมาะ “ข้าถามพวกมันไปว่ารู้หรือไม่ว่าเหลยจวิ้นตายได้อย่างไร…พวกมันบอกว่าไม่รู้ พวกมันรู้แค่ว่าเหลยจวิ้นถูกฆ่าตายที่เรือนจําชั้น
“ผู้คุมที่ทําหน้าที่ลาดตระเวนในเรือนจําทั้ง 6 ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มผู้ที่ทําหน้าที่เป็นผู้คุมในเรือนจําชั้น 2 เป็นศิษย์อัจฉริยะทั้งคู่ ส่วนบนเรือนจําชั้น 3 เป็นศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งอาวุโสของคุกคนหนึ่งทั้ง 4 ไม่มีผู้ใดตาย”
“ตอนนี้ทั้ง 3 ใน 4 คนนั่นยังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการ”
“ที่ไม่อยู่ก็มีแค่ศิษย์อัจฉริยะที่ทําหน้าที่ในชั้น 3 เท่านั้น”
กล่าวถึงจุดนี้ สองตาโหยวเฟิงอวี้ก็เย็นชาจนเสมือนไร้ความรู้สึกใดๆ หากแต่ต่อมาก็เผยประกายเยียบเย็นอย่างน่ากลัว หันไปมองถามจักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง ว่า “ฉือหล่าง เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์อัจฉริยะที่ทําหน้าที่ผู้คุมบนชั้น 3 เป็นผู้ใด?”
“ผู้ใด?”
ฉือหล่างได้แต่ย้อนถามออกไปด้วยยสายตาว่างเปล่าโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง ว่าไฉนอยู่จ้าววังเทียนฉือถึงถามเรื่องนี้กับมัน
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้เรื่อง”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าและการตอบสนองของฉือหล่างเป็นธรรมชาติ และสายตาก็แลดูว่างเปล่าไม่รู้เรื่องอะไร โหยวเฟิงอวี้ก็พยักหน้าเบาๆ
“ท่านจ้าววังที่แท้ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
คิ้วฉือหล่างยนเป็นปม ด้วยไม่ทราบว่าจ้าววังเทียนฉือจะสื่ออะไร
“ศิษย์อัจฉริยะนั้นเป็นศิษย์คนที่ 7 ของเจ้า ต้วนหลิงเทียน
โหยวเฟิงอวี้มองจ้องฉือหล่างเขม็ง “แล้วเจ้าคิดว่าเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ขวับ ขวับ ขวับ ขวับ
พอเสียงกล่าวของโหยวเฟิงอวี้ดังจบคํา สายตาของจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 7 คนของวังเทียนฉือรวมถึงเหลยอิง ก็หันขวับมาจับจ้องฉือหล่างอย่างพร้อมเพรียง และแววตาหลายคนก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง แน่นอนว่ายังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามบางคนที่แววตาเริ่มทอประกายเยียบเย็นออกมา
อย่างหลังนั้นล้วนเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ไม่ค่อยลงรอยกับฉือหล่างสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็ไม่ถูกชะตากับต้วนหลิงเทียนศิษย์คนที่ 7 ของฉือหล่างอย่างเช่น จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียง จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก รวมถึงจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เรียกว่าสายตาที่ทั้ง 3 ใช้มองฉือหล่างตอนนี้มันเยือกเย็นไม่น้อย
“เป็นไปไม่ได้!”
ได้ยินคําพูดของโหยวเฟิงอวี้ ฉือหล่าง ก็อื้ออึงไปแล้วจริงๆ และเมื่อมันสังเกตเห็นสายตาสงสัยทั้งเยียบเย็นของอีก 7 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่เหลือ มันก็ส่ายหัวออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก! ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!!”
ถึงแม้โหยวเฟิงอวี้วจะกล่าวออกมาไม่ชัดเจน
แต่มันก็พอจะตระหนักได้อย่างคลุมเครือว่า
ศิษย์อัจฉริยะที่ทําหน้าที่เป็นผู้คุมบนเรือนจําชั้น 3…ประจวบเหมาะกับเกิดเรื่องราวอย่างนักโทษแหกคุกขึ้นมา สิบในสิบไม่พ้นต้องมีส่วนกับการปล่อยนักโทษแน่!
อย่างไรก็ตาม โหยวเฟิงอวี้กลับบอกว่าศิษย์อัจฉริยะที่ทําหน้าที่บนเรือนจําชั้น 3 เป็นศิษย์คนที่ 7 ของมัน ไหนเลยมันจะเชื่อได้ลงคอ!
เพราะมันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะทําอะไรโง่ๆแบบนั้น
การกระทําเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการทรยศมัน แต่ยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังเทียนฉือชัดเจนที่สําคัญก็คือในบรรดานักโทษที่หลบหนีออกมาได้ ก็มีจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ผู้นั้น!
เผยหยวนจี๋ที่ถูกขังในเรือนจําชั้น 3 ของคุกหมื่นพันธนาการเป็นใครน่ะหรือ?
ไม่ใช่คนที่วังเทียนฉือของพวกมันจับกุม แต่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมาจับกุมด้วยตัวเอง!!
เช่นนั้นหากไม่ได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน คนที่กล้าปล่อยเผยหยวนจี๋ออกมา ยังจะต่างอะไรกับคิดต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนโดยตรง! เช่นนั้นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนต้องไม่ปล่อยไปแน่!!
ในสายตามัน
ศิษย์คนที่ 7 ของมันเป็นคนฉลาด ย่อมไม่กระทําเรื่องราวโง่เขลาเช่นนั้นแน่นอน
“ผิดพลาด?”
โหยวเฟิงอวี้วส่ายหัวไปมา “ฉือหล่าง ครั้งนี้เกรงว่าเจ้าผิดแล้ว…ศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าหาได้ง่ายดายไม่ เมื่อครู่ข้าพึ่งได้รับรายงานมาเพิ่มว่ามีคนของโถงกิจการภายในหลายคนเห็นศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าอยู่กับเผยหยวนจี๋ ในขณะที่เผยหยวนจี๋นำทุกคนแหกคุกออกมา กระทั่งยังเดินตีคู่กันไปหน้าสุด แลดูสนิทสนมกันดี”
“กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน ยังติดตามอยู่ด้านหลังมั่นกับเผยหยวนจี๋”
กล่าวถึงประโยคท้าย โหยวเฟิงอวี้ก็มองจ้องฉือหล่างตาเขม็ง “เท่าที่ข้าทราบมา ศิษย์คนที่ 7 ของเจ้ายังพึ่งเข้าร่วมกับพวกเราไม่นาน…พื้นเพความเป็นมาของมัน เจ้ารู้หรือไม่? เท่าที่ข้าดูมันไม่พ้นมาที่นี่เพื่อช่วยเผยหยวนจี๋โดยเฉพาะ! แฝงตัวเข้าวังเทียนฉือเรามาช่วยคน!!”
“หากไม่ใช่มั่นเตรียมการมาแต่แรก ไฉนมันถึงช่วยให้เผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆทําลายค่ายกลและข่ายอาคมจนหลุดออกมาได้?”
“ถึงแม้ตอนนี้ค่ายกลในเรือนจําจะพังทลายไปแล้ว แต่ค่ายกลสอดส่องเฝ้าระวังด้านในยังทํางานอยู่ ถึงจะไม่อาจส่งเรื่องที่บันทึกไว้ด้านในออกมายังโลกภายนอกได้โดยตรง แต่บัดนี้มีอาวุโสในคุกหมื่นพันธนาการที่ได้ดูเรื่องราวที่บันทึกไว้จากค่ายกลสอดแนมด้านในออกมานอกคุกแล้ว”
โหยวเฟิงอวี้กล่าวถึงจุดนี้ เสียงก็กลายเป็นเย็นลงปานจะแช่แข็งผู้คน “ข้าได้รับแจ้งว่าฉากเรื่องราวในบันทึกที่ว่า เป็นศิษย์คนที่ 7 ตัวดีของเจ้า หลังจากขึ้นไปชั้น 3 ได้ 5 วัน อยู่ดีๆเผยหยวนจี๋กับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนก็สามารถทําลายค่ายกลออกมา ก่อนลงมาจากชั้น 3 พร้อมศิษย์เจ้า พวกมันยังหยุดสนทนากันด้วยซ้ำ”
“และในระหว่างที่มันออกจากเรือนจํา ชั้น 2 ก็เป็นศิษย์ตัวดีของเจ้าเตะศิษย์อัจฉริยะจนปลิวด้านผู้อาวุโสหงที่อยู่ชั้น 1 ก็โดนจักรพรดริอมตะน้ำแข็งทมิฬ เฉวียนปิง ฆ่าทิ้งในพริบตา!”
“สําหรับเหลยจวิ้น…”
กล่าวถึงจุดนี้ โหยวเฟิงอวี้ ก็หันไปมองเหลยอิง และท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะแค้นของเหลยอิง มันก็กล่าวออกเสียงเรียบว่า “ลูกเจ้าถูกมังกรชั่วร้าย 2 ตัวที่ต้วนหลิงเทียนนั่นเรียกออกมาสังหารทิ้ง มังกรทั้งสองยังผสานพลังจู่โจม จนเหลยจวิ้นไม่อาจต้านทานอันใดได้เลย”
“เท่าที่อาวุโสในคุกแจ้งมา จากการประเมินคร่าวๆ มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 นั่นยามผสานพลังกันยังรุนแรงไม่ต่างอะไรจากการโจมตีของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางๆด้วยซ้ำ”
“ฉือหล่าง..ศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าผู้นี้ นับว่าซ่อนตัวได้ลึกยิ่งนัก!
โหยวเฟิงอวี้หันกลับมามองฉือหล่างด้วยสายตามีนัยยะ จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงถากถาง
สีหน้าท่าทีของฉือหล่างก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อได้ยินโหยวเฟิงอวี้กล่าวถึงมังกรชั่วร้าย 2 ตัว จึงตระหนักได้ว่าจ้าววังเทียนฉือไม่ได้ผิดพลาด! ศิษย์คนที่ 7 ของมันสมควรเข้าคุกหมื่นพันธนาการไปเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆโดยเฉพาะ!
ตอนที่ 3,336 : ถูกล้อม
“ข้าจําได้แล้ว!”
หลังได้ยินคําพูดของโหยวเฟิงอวี้ สีหน้าเหลยอิงกลายเป็นมืดมนทันที จากนั้นสองตาก็ทอประกายคล้ายนึกอะไรได้ โพล่งกล่าวออกมาเสียงดัง “เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง!”
“ข้าก็ว่าแล้วว่าแผ่นหลังชายชุดม่วงไฉนถึงได้คุ้นตาข้านัก….ที่แท้เป็นแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนนั่น!”
กล่าวถึงท้ายประโยค เหลยอิงก็หันไปมองฉือหล่างตาขวาง ในแววตายังคล้ายมีสายฟ้าแลบลั่น กล่าวออกเสียงเย็นว่า “ฉือหล่าง ศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าประเสริฐนักไม่เพียงแต่จะกล้าปล่อยเผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆ แต่ยังกล้าฆ่าเหลยจวิ้นลูกชายคนเดียวของข้าอีกด้วย!”
“ก่อนหน้านี้ มิใช่ข้าก็ไปกับเจ้าเพื่อเชิญจ้าววังไปยังสังเวียนอัจฉริยะ เพื่อห้ามปรามจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับหรือไร…นี่ใยมิใช่ข้าเลี้ยงหมาป่าให้มาแว้งกัด?”
น้ำเสียงของเหลยอิงตอนนี้ ฟังแล้วชวนให้บังเกิดความเหน็บหนาวนัก
เป็นธรรมดาว่าหลังจากฉือหล่างได้ยินคําแขวะของเหลยอิง สิ่งแรกที่ฉือหล่างคิดก็คือ ไม่ใช่เหลยอิงคิดช่วยต้วนหลิงเทียนเพื่อเอาใจฮ่วนเอ๋อข้างต้วนหลิงเทียนเองหรือไร? ไฉนวันนี้มาโทษมัน…
ฮ่วนเอ๋อนั้นเป็นศิษย์อัจฉริยะที่สุดของเหลยอิง และมีคุณค่ามากกว่าใคร
ประการที่สอง ถึงแม้เหลยอิงจะไม่ได้ช่วยต้วนหลิงเทียนเพื่อฮ่วนเอ๋อ แต่ก็ไม่ใช่เพราะนางต้องการช่วยต้วนหลิงเทียนจากใจแน่ ก็แค่ช่วยเพราะเห็นแก่หน้ามันเท่านั้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ฉือหล่างก็ได้แต่คิดในใจเท่านั้น ภายนอกก็ได้แต่ยิ้มแหยๆตอบคําเหลยอิงไปว่า “เหลยอิงข้าไม่รู้มาก่อนว่าต้วนหลิงเทียนจะทําอะไรแบบนี้”
“หาไม่แล้ว ข้าต้องหยุดมันแต่แรก”
ฉือหล่าง ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เหอะๆเช่นนั้นกล่าวได้ว่าหานอวิ๋นจิ่นศิษย์ข้า ที่แท้ก็ตกตายเพราะน้ำมือคนนอกที่แฝงตัวเข้ามาสินะ…ประเสริฐแท้”
ชายชราผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยปานเด็กทารกที่เงียบไม่พูดจามาแต่แรก จักรพรดริอมตะฟ้าลี้ลับ ผู้ที่มีพลังฝีมือเป็นรองก็แต่จ้าววังเทียนฉือ เอ่ยประชดออกมาด้วยน้ำเสียงจิกกัด
และพอมันกล่าวจบค่ำ ก็มองจ้องมายังฉือหล่างเขม็ง ดวงตาฉายแววเย็นชาเอาเรื่องนัก
หลังจากนั้นมันก็เหลือบไปมองเหลยอิงด้วยสีหน้าสะใจ “เหลยอิง หากเจ้ารู้แต่แรกว่าวันหนึ่งลูกชายคนเดียวของเจ้าจะต้องมาตายเพราะต้วนหลิงเทียนนั่น วันนั้นเจ้ายังจะช่วยมันอยู่หรือไม่เล่า?”
และวาจานี้ของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ก็ทําให้สีหน้าเหลยอิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ถึงขีดสุด!
“รอให้ตามพวกมันทันก่อนเถอะ! ข้าเหลยอิงจักฆ่าสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นด้วยมือข้าเอง!”
เสียงเหลยอิงเย็นลงถึงขีดสุด “ไม่มีผู้ใดแย่งมันไปจากข้าได้!!”
ถึงแม้นางมักจะเข้มงวดกับเหลยจวิ้นเสมอ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการเคี่ยวกรําเพราะหวังให้บุตรชายเป็นดั่งมังกรในมวลมนุษย์ ในสายตาคนอื่น อาจคิดว่าสถานะของเหลยจวิ้นในใจนาง เทียบกับศิษย์คนโตของนางไม่ได้ กระทั่งยังสู้ศิษย์หญิงคนที่ 3 คนใหม่ไม่ได้
แต่อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะศิษย์คนโต หรือศิษย์หญิงคนที่ 3 หรือกระทั่งให้มัดรวมศิษย์อีก 2 คนที่เหลือรวมกัน ก็ยังเทียบไม่ได้กับความสําคัญของเหลยจวิ้นในใจนางเลย
สุดท้ายแล้วนั้นก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของนาง!
“เหลยอิงเจ้าอย่าได้กังวล…ต้วนหลิงเทียนนั่น ในเมื่อมันฆ่าเหลยจวิ้นลูกชายเจ้า เช่นนั้นพวกเราจักปล่อยให้เจ้าเล่นกับมันคนเดียวจนสาแก่ใจ”
จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียงกล่าวถึงจุดนี้ก็แสยะยิ้ม ก่อนจะหันไปมองฉือหล่างพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “เว้นเสียแต่…ฉือหล่างคิดจัดการเรื่องราวในด่านด้วยตัวเอง”
ด้านฉือหล่าง เมื่อเห็นเหลยอิงหันมามองจ้องอีกครั้ง มันก็เงียบไม่พูดจา แต่สีหน้านั้นแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่
เพราะจนถึงตอนนี้ มันยังไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าศิษย์คนที่ 7 ของมันจะทรยศวังเทียนฉือรวมถึงมันกับศิษย์ทั้งหลายของมันได้ลงคอจริงๆ!
“ตอนนี้นั่งหนูหย่าชีไม่พ้นต้องทราบเรื่องราวหมดแล้ว…”
ฉือหย่าชี ลูกสาวของฉือหล่างที่เป็น 1 ใน 3 พัสดีของคุกหมื่นพันธนาการ ป่านนี้ไม่พ้นต้องได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากอาวุโสของหอเกิดดับ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉือหย่าชีก็ไม่ได้เป็นแค่ 1 ใน 3 พัสดีของคุกหมื่นพันธนาการเท่านั้น แต่นางยังเป็นจ้าวหอเกิดดับของคุกหมื่นพันธนาการอีกด้วย!
คิดถึงจุดนี้ ฉือหล่างก็เร่งส่งข้อความไปถามลูกสาวของตัวเองทันที
“ข้ารู้เรื่องแล้ว”
และคําตอบที่ลูกสาวของมันส่งกลับมา ก็ทําให้ฉือหล่างยืนยันได้แน่ชัด ว่าลูกสาวของมันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วจริงๆ
ต้วนหลิงเทียนเอง ก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ว่าไม่นานฉือหล่างต้องรู้เรื่องที่เขาช่วยเผยหยวนจี๋แน่
อย่างไรก็ตาม ในแผนที่ต้วนหลิงเทียนวางเอาไว้ แม้ฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าจะรู้เรื่องนี้จากวังเทียนฉือ แต่อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลา 5-6 วันกว่าจะกลับมาถึง
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
ว่าทั้งฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าจะไม่ได้ออกไปจากวังเทียนฉือ
คนที่เขาอุตส่าห์ไปหามาอย่างยากลําบาก ไม่คิดเลยว่ามันจะยังไม่ทันได้ทําตามคําสั่งของเขากลับโดนโจทย์เก่าตามเจอ จนถูกฆ่าตายไปเสียฉิบ!
“อาวุโสเมิ่งชวน”
ต้วนหลิงเทียนและเผยหวนจี๋รวมถึงคนอื่นๆ หลังมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้นํา ในที่สุดก็ได้พบเจอกับ เมิ่งช่วน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนที่เห็นร่างสวนมา
“โอ้ ดูเหมือนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีสินะ”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 8 เมิ่งชวนก็กล่าวทักออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ท่านคือเมิ่งชวน? จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนงั้นรึ!?”
หญิงชรา ที่เห็นร่างติดตามอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ พอเห็นเมิ่งชวน นางก็เอ่ยทักขึ้นมาสองตาเป็นประกาย “ชื่อของท่านกับพี่ชายท่านเมิ่งหลัว หญิงชราผู้นี้ได้ยินคําร่ำลือมานานแล้ว”
“ท่านคือ?”
เมิ่งชวน หันไปมองถามหญิงชรา
“จักรพรรดิอมตะผกาทอง เซี่ยจินฮัว…แต่ใต้เท้าเมิ่งชวนคงมิเคยได้ยินนามต้อยต่ำของหญิงชราผู้นี้หรอก”
หญิงชราคนนี้ก็คือจักรพรรดิอมตะผกาทอง เซี่ยจินฮัว ที่บอกต้วนหลิงเทียนว่านางมีพื้นเพมาจากจี้เมี่ยเทียน
“จักรพรรดิอมตะผกาทอง?!”
ลูกตาเมิ่งชวนหดเล็กลงเร็วไว “เป็นท่าน…ที่แม้สามีจักชรามากแล้ว แต่ยังชมชอบออกไปเด็ดดมดอกไม้ริมทาง สุดท้ายท่านก็คุ้มคลั่งบุกไปเข่นฆ่าสามีทั้งสตรีชู้คาเตียง แถมเอาร่างทั้งคู่ไปเสียบประจารหญิง อะแฮ่ม สตรีนางนั้น?”
“จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง ไม่ต้องเกรงใจหรอก มิผิดเป็นข้าเอง หญิงบ้า นางนั้นนั่นล่ะ…ที่ข้าคิดไม่ถึงก็คือท่านกลับเคยได้ยินเรื่องของข้าด้วย”
เซี่ยจินฮัวหัวเราะร่า ไม่ได้ถือสาอะไรหากใครจะเรียกนางว่า หญิงบ้า แม้แต่น้อย
“เหอะๆ เรื่องนั้นขอเพียงเป็นคนจี้เมี่ยเทียน ข้าเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่จะไม่รู้กระมัง?”
เมิ่งชวนส่ายหัว “ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าท่านหรือสามีก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามด้วยกันทั้งคู่…กล่าวได้ว่าท่านก็เป็นที่รู้จักในแวดวงจักรพรรดิอมตะสมญานามของเมี่ยเทียนเราไม่น้อย”
“ ที่แท้เป็นเช่นนี้”
เซี่ยจินฮัวพยักหน้า
ได้ยินคําพูดของเมิ่งชวน ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนที่อึ้งกับการกระทําในอดีตของเซี่ยจินฮัว กระทั่งเผยหยวนจี๋กับจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆ ก็หันไปมองเซี่ยจินฮัวด้วยความตื่นตาตื่นใจอยู่บ้าง
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็พึ่งได้รับทราบ ว่าที่แท้เซี่ยจินฮัวกลับมีอดีตอะไรแบบนี้
“ฮูหยินเซี่ย ท่านไม่ดุร้ายไปหน่อยหรือ…กระทั่งสามีท่านยังฆ่าได้ลงคอ”
จักรพรรดิอมตะกวางขาวว เคอไป๋ลู่ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลําบาก เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวไม่น้อย “อย่างไรก็เป็นสามีที่อยู่กินกับท่านมานานปีไม่ใช่หรือไร ไฉนต้องถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยเล่า ปล่อยๆไปสักครั้งมิได้หรือ?”
“ฮึ! ไอ้แก่นั่นมันชั่วเกินไป ข้าไม่อาจปล่อยให้มันมีลมหายใจอยู่ได้!!”
เซี่ยจินฮัวแค่นคํากล่าวเย้ยเยาะ “มันจักไปเด็ดดอกไม้ริมทางหรือมั่วอีตัวสูงส่งที่ใดลับหลังข้าๆไม่ว่า…แต่ยิ่งมายิ่งเหิมเกริมถึงขั้นพาโสเภณีสําส่อนมาเล่นในบ้านข้า! หากข้าเซี่ยจินฮัวไม่ฆ่ามั่น ไหนเลยจะหายโมโหได้!”
“ทุกท่านพวกเรารีบไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยเถิด…หากชักช้าไม่รีบไป เดี๋ยวคนของเทียนฉือตามมาทันก็หนักหนาแล้ว!”
ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ กล่าวแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทุกคนเสียเวลามากแล้ว
“ พวกมันตามมาทันแล้วล่ะ”
ทว่าเสียงกล่าวของหม่าฉือพึ่งจะดังจบคําได้ไม่ทันไร อยู่ๆเผยหยวนจี๋ก็หันกลับไปมองด้านหลังอย่างกะทันหัน สายตาของมันพุ่งข้ามแผ่นฟ้าไปราวประกายอัสนีวาบลั่น พริบตาก็จดจ้องไปยังสุดขอบฟ้าว่างเปล่าไกลๆ
ด้านต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ พอได้ยินวาจาดังกล่าวของเผยหยวนจี๋ก็ตกตะลึงกันไม่น้อย ใจยังดิ่งวูบลงโดยพลัน!
ซู่มมม!!
ฟุบบบ!!
ทันใดนั้นเองบังเกิดเสียงของสายลมคํารามดังขึ้นก้องหู พริบตาต่อมาเงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆราวภูตผี
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
เสียงลมแผ่ววเบาดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเงาร่างกลุ่มคนที่พึ่งปรากฏเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ เมื่อครู่ ได้แยกย้ายกันออกไปล้อมกรอบต้วนหลิงเทียนกับพวกเอาไว้!
มีทั้งสิ้น 9 คน!
เป็น 9 คนที่นําโดยโหยวเฟิงอวี้ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ จ้าววังเทียนฉือ!
“ครู?”
เมื่อเห็นร่างคนทั้ง 9 ที่มาปิดล้อม รวมถึงครูของเขาอย่างฉือหล่าง สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และตระหนักได้ทันทีว่าแผนที่เขาวางไว้ผิดพลาดแล้ว…
มิฉะนั้นฉือหล่างไม่มีทางมาปรากฏตัวที่นี้ได้
“เจ้าหนูหลิงเทียน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน…เจ้ามิได้บอกหรอกรีว่าจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้ามิได้อยู่ในวังเทียนฉือ แล้วไฉนพวกมันทั้งคู่มาโผล่ที่นี่ได้เล่า?”
เสียงผ่านพลังของจักรพรรดิอมตะผกาทองดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
“ข้าก็ไม่รู้ สมควรเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับคนที่ข้าเตรียมไว้แน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตอบออกไปอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่คิดว่าคนที่เขาไปหาอย่างยากลําบากจะทรยศหักหลังเขา และไม่ส่งข้อความไปหาฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าโดยเจตนา เพราะเขาเป็นคนคัดมันมาเอง ย่อมหมายความว่าสมควรเชื่อถือได้
เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นก่อนที่จะทันได้ส่งข้อความหาฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้า! และสมควรเป็นเหตุสุดวิสัย!!
ในขณะที่เซี่ยจินฮัวส่งเสียงผ่านพลังไปถามต้วนหลิงเทียน นอกจากเผยหยวนจี๋แล้ว จักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 4 คนที่พึ่งแหกคุกออกมาแต่ละคน ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังมาถามต้วนหลิงเทียนไม่หยุด
“สมควรเกิดอุบัติเหตุกับคนที่ข้าเตรียมไว้”
ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเหยเก
“เมิ่งชวน?”
หลังจากจ้าววังเทียนฉือโหยวเฟิงอวี้ ปรากฏตัวขึ้น มันก็เหลือบมองไปยังเผยหยวนจี๋กับต้วนหลิงเทียนก่อนจากนั้นก็หันไปมองจักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง เมิ่งชวน พลางเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก “เพียงเพื่อช่วยเหลียนชิว…ท่านถึงกับร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ ?”
หลายเดือนก่อนเมิ่งชวนได้มาหาโหยวเฟิงอวี้ และหวังให้โหยวเฟิงอวี้ ปล่อยตัวเหลียนชิวกับบภรรยา แต่โหยวเฟิงอวี้ได้ปฏิเสธเมิ่งชวนไป
ด้วยเหตุนี้พอเห็นเมิ่งชวนมาสุมหัวกับพวกต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกว่าเมิ่งชวนที่คิดจะช่วยเหลียนชิวจึงมาผสมโรงกับพวกต้วนหลิงเทียนด้วย
“ข้าไม่รู้จักเหลียชิว”
ได้ยินคําถามของโหยวเฟิงอวี้ เมิ่งชวนก็เอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ “ที่ข้ามาที่นี่เพราะเห็นแก่หน้าต้วนหลิงเทียนคนเดียว”
และวาจาดังกล่าวก็ทําให้โหยวเฟิงอวี้รู้สึกเหนือความคาดหมายแล้วจริงๆ ด้วยไม่คิดว่าเหตุผลที่เพิ่งชิวมาปรากฏตัวที่นี่จะเป็นเพราะเห็นแก่ต้วนหลิงเทียน
เช่นนั้นหมายความว่าครั้งก่อนที่เพิ่งชิวมาหามัน เห็นได้ชัดว่ามาเพราะต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
จังหวะนี้พอโหยวเฟิงอวี้ หันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาจึงเผยให้เห็นความแปลกใจอยู่บ้าง
“เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งเจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับวังเทียนฉือของพวกเราจริงๆ?”
พอหันกลับบมามองเมิ่งชวนอีกครั้ง สีหน้าโหยวเฟิงอวี้ ก็แลดูมืดลงเล็กน้อย “แต่ข้าไม่ทราบว่าเจ้ามาในนามของตัวเอง หรือที่แท้เป็นตัวแทนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนกันแน่?”
“เจ้าจะเข้าใจอย่างไหนก็แล้วแต่เลย เอาที่เจ้าสบายใจ”
เมิ่งชวนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น
หากมันมาที่นี่คนเดียว ย่อมไม่อาจพูดว่าเป็นตัวแทนของทั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนได้
อย่างไรก็ตาม หากวันนี้มีจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว มาด้วยอีกคน เรื่องราวก็จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ต้วนหลิงเทียน”
และตอนนี้เอง เหลยอิงก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนตาขวาง เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “เหลยจวิ้น ลูกชายของข้าไปทําให้เจ้าขุ่นเคืองตรงที่ใด ไฉนเจ้าต้องถึงฆ่าลูกข้าด้วย?”
ตอนที่ 3,337 : สงครามจักรพรรดิอมตะสมญานาม
เหลยอิงได้รับทราบเรื่องราวและการกระทําทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนในคุกหมื่นพันธนาการวันนี้แล้ว
กระทั่งเรื่องอาวุโสเซี่ยที่ทําหน้าที่ผู้คุมคู่กับต้วนหลิงเทียนที่เรือนจําชั้น 3 ไฉนไม่โดนฆ่า ก็เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนบอกให้จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นปล่อยไป
หาไม่แล้วด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดจากการถูกจับขังมานานปี มีหรือจักรพรรดิอมตะสมญานามที่พึ่งหลุดออกมา จะปล่อยให้อาวุโสเซี่ยมีชีวิตอยู่ได้?
นอกจากนั้นศิษย์อัจฉริยะทั้ง 2 ก็ไม่มีใครตายอีก
จนมาถึงเรือนจําชั้นแรก ที่มีเหลยจวิ้นลูกชายนางกับอาวุโสหงประจําการอยู่ ทั้งคู่กลับถูกฆ่าทิ้งทีละคน..คนหลังตายด้วยน้ำมือจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ ส่วนเหลยจวิ้น บุตรชายนาง ถูกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย
“เพราะอะไร!?”
เหลยอิงถามเป็นครั้งที่ 2 เสียงยังต่ำนัก
ถึงแม้สถานการณ์เบื้องหน้าจะเป็นเรื่องที่ผิดแผนสําหรับต้วนหลิงเทียน แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นสิ้นหวังท้อแท้อะไร เพราะหากจําเป็นจริงๆ เขาก็พร้อมใช้พลังของเทพเบญจธาตุเข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเพื่อหลบหนี
เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ดีว่าหากเทพเบญจธาตุถูกเปิดเผย เขาก็จะตกอยู่ในอันตรายถึงตาย
แต่เพื่อช่วยบิดามารดาฮ่วนเอ๋อ และเอาตัวรอดก็มีแต่ต้องทําเท่านั้น
เมื่อครู่โหยวเฟิงอวี้มันมองมาที่เขาด้วยสายตาราวกับมองดูคนตาย สิ่งนี้บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดปล่อยเขาไปแม้แต่น้อย
แทนที่จะนั่งรอความตาย ไม่สู้ลุยฝ่าฆ่าให้ตายกันไปข้าง
“ในเมื่อมันพยายามฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทําไมข้าจะฆ่ามันไม่ได้?”
ได้ยินคําถามย้ำสองรอบของเหลยอิง ต้วนหลิงเทียนก็มองนางด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน “มิฉะนั้นข้าจะไปฆ่ามันที่เป็นศิษย์พี่รองของฮ่วนเอ๋อทําอะไร?”
คําตอบของต้วนหลิงเทียนทําให้เหลยอิงรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง เพราะนางไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอะไรแบบนี้ออกมา
อย่างไรก็ตาม คําพูดของต้วนหลิงเทียนก็ทําให้นางไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร เพราะกระทั่งศิษย์อัจฉริยะที่ไม่คุ้นหน้า 2 คนนั่น ต้วนหลิงเทียนก็ยังยั้งมือไว้ไมตรีไม่ทําอะไร หากเหลยจวิ้นไร้ซึ่งความขัดแย้งกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ แล้วจะลงมือทําไม?
“จะอย่างไรก็แล้วแต่ ในเมื่อเจ้ากล้าฆ่าลูกชายข้า วันนี้เจ้าต้องตาย!”
เป็นธรรมดาว่าอาศัยเรื่องเท่านี้เหลยอิงย่อมไม่คิดปราณีละเว้นต้วนหลิงเทียน สายตาเย็นชาทั้งแหลมคมปานมีดดาบของนางมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง แลดูอาฆาตดุร้ายปานจะสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น
พอเหลยอิงกล่าวจบคํา สายฟ้าราวอสรพิษสีม่วงก็แล่นวาบแปลบปลาบขึ้นรอบกาย
“คนที่คิดจะเอาชีวิตข้าไม่ได้มีแค่เจ้าเหลยอิงคนเดียว”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ ในเมื่อเขาเลือกที่จะเข่นฆ่าเปิดทางด้วยทุกสิ่งหากจําเป็นเช่นนั้นสีหน้าท่าทีก็แลดูมั่นใจนัก ไม่ได้เผยอาการหวั่นเกรงอะไรแม้แต่น้อย
เหลยอิงเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามจะไม่เคยตายด้วยมือเขาเสียหน่อย!
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของ ตู๋กู่เหวิน จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยน จะอ่อนด้อยกว่าจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ ตู๋กู่หวู่ ที่ตายภายใต้เงื้อมมือเมิ่งชวน แต่หากให้เทียบกับเหลยอิงแล้วก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากันเลย
ในเมื่อเขาฆ่าตกเหวินตายคามือมาแล้ว ยังต้องกลัวเหลยอิงทําอะไร?
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าแฝงตัวเข้าวังเทียนฉือเราเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋เช่นนั้นรึ?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเหลยอิงกําลังจะปะทะกัน ฉือหล่างก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อนพลางส่งเสียงผ่านพลังเอ่ยถามออกมา
“ครู ข้าขออภัยท่านด้วย…”
สําหรับฉือหล่างแล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงจะไม่มีความคิดเป็นศัตรูอะไร แต่ยังรู้สึกผิดอีกด้วย เนื่องเพราะอีกฝ่ายดูแลเขาดีมาโดยตลอด คราวนี้การทรยศวังเทียนฉือของเขา ย่อมเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้ฉือหล่างในระดับหนึ่ง
เขารู้เรื่องนี้ดี
“ข้ากับฮ่วนเอ๋อ ที่มาวิ่งเทียนฉือก็เพราะมีจุดประสงค์จะช่วยชีวิตคนจริงๆ…แต่พวกข้าไม่ได้มุ่งเป้าจะช่วยพี่ใหญ่เผยแต่แรก ถึงแม้ข้าจะรู้จักพี่ใหญ่เผยมานานแล้ว แต่ก่อนหน้า ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพี่ใหญ่เผยถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังตอบกลับ
“เจ้าไม่ได้มาเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋ อย่าบอกนะว่าเจ้ามาเพื่อช่วยเหลียนชิวนั่น?”
เสือหล่าง ยังจดจําศิษย์อัจฉริยะของขุนเขากระบี่ฟ้าได้อยู่
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคํา “ที่ข้ากับฮ่วนเอ๋อมายังวังเทียนฉือ ไม่ใช่แค่คิดจะช่วยอาวุโสเหลียนชิวคนเดียวเท่านั้น แต่ยังคิดช่วยอาวุโสตู้เสวียนด้วยผู้อาวุโสตู้เสวียนก็คือภรรยาของอาวุโสเหลียนชิว”
“ขณะเดียวกัน อาวุโสตู้เสวียนก็เป็นมารดาแท้ๆของฮ่วนเอ๋อ”
สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูด ก็นับว่าเปิดเผยวัตถุประสงค์การมานั่งเทียนฉือของเขากับฮ่วนเอ๋อหมดสิ้นไม่ได้ปกปิดอะไรฉือหล่างเพราะไม่จําเป็น
“ครู ข้ายอมรับว่าการมาวิ่งเทียนฉือของข้ามีวัตถุประสงค์แอบแฝงแต่แรก แต่หลังไปอยู่กับพวกท่าน ข้ารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านจริงๆ…ความรู้สึกนี้ตั้งแต่ที่ข้าขึ้นสวรรค์มา 200 กว่าปี นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจ “เพียงแต่ข้าไม่อาจลืมเลือนความตั้งใจเดิมได้ จําต้องช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อออกไปจากที่นี่”
“เช่นนั้นข้าก็ทําได้แค่ออกจากวังเทียนฉือในลักษณะนี้เท่านั้น…ข้าหวังแค่ว่าการทรยศของข้าจะไม่สร้างปัญหาให้กับครูและศิษย์พี่ทุกคน”
เสียงผ่านพลังตอบคําของต้วนหลิงเทียนทั้งหมด มาจากใจไร้คําเท็จ
ฉือหล่างเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยถอนหายใจออกมาดังเฮือก “เจ้าหนู เจ้าโง่งมนัก เจ้าสมควรบอกข้าแต่แรก…เพราะหากมีศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเจ้าคอยช่วย เรื่องราวมันจะง่ายกว่าเดิมมาก”
“การคุมขังเหลียนชิวกับภรรยานั่น ถึงแม้ข้าจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าคัดค้าน แต่ข้าก็ไม่ได้เห็นดีด้วย…หากเจ้าคิดจะช่วยทั้งคู่ออกไปจริงๆ ไม่ว่าข้าหรือศิษย์พี่หญิงใหญ่เจ้าก็พร้อมจะช่วยเสมอ”
“แต่ผู้ใดจะไปคิดกัน ว่าเพื่อช่วยทั้งคู่เจ้าจะกล้าก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ถึงกับปล่อยจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 นั่นออกมาโดยเฉพาะเผยหยวนจี๋!”
“กับคนอื่นๆยังไม่นับเป็นอะไร แต่กับจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ผู้นั้น เจ้าต้องทราบด้วยว่ามันเป็นคนถูกใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จับตัวมาขังไว้กับมือ เจ้าปล่อยมันออกมาแบบนี้ ยังไม่ใช่ล่วงเกินใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือไร?”
“ตอนนี้เรื่องราวบานปลายจนเกินแก้ไขแล้วข้าไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้ เพราะข้าเองก็ต้องเห็นแก่ศิษย์พี่คนอื่นของเจ้าเช่นกัน”
ฉือหล่างกล่าวผ่านพลังรวดเดียวจบ ยังถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“ครู…”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง เขาเองก็เตรียมเผชิญกับการแตกหักกับฉือหล่างเอาไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าถึงขั้นนี้แล้วแต่ฉือหล่างยังมีใจคิดจะช่วยเขาอยู่
และเรื่องนี้ก็ยิ่งทําให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น
“ครู วันนี้ท่านไม่ต้องยั้งมือ เพียงทําสิ่งที่ท่านต้องทําเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปอีกครั้ง
“เจ้าไม่มีโอกาสชนะเลย…”
ฉือหล่างกล่าว
“ไม่มีโอกาส?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ไม่ได้สนใจอะไร “มีหรือไม่มีโอกาสชนะ ก็ต้องลองดูถึงจะรู้ชัด”
คําพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทําให้ฉือหล่างอึ้งไปอยู่บ้าง หรือศิษย์คนที่ 7 ของมันยังมีไพ่ตายอะไรซุกซ่อนไว้อีก? ไฉนยังแลดูมั่นใจอยู่ได้?
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเคยฆ่าตกเหวินที่พลังฝีมือไม่ด้อยกว่ามันมาได้ แต่ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนบอกเองหรือว่าทั้งหมดเป็นเพราะอีกฝ่ายประมาท?
แต่ไฉนวันนี้ ศิษย์คนที่ 7 ของมันกลับทําเหมือนไม่เห็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ของวังเทียนฉือรวมถึงมันอยู่ในสายตาเลยเล่า?
“ต้วนหลิงเทียนหากข้ารู้แต่แรกว่าเจ้าแฝงตัวเข้ามาเช่นนี้วันนั้นที่สังเวียนอัจฉริยะ ข้าน่าจักฆ่าเจ้าทิ้งแต่แรก!”
จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ที่มีใบหน้าอ่อนวัยปานทารก มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา
วันนั้น ตอนศิษย์คนโตของมันกับต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนอัจฉริยะรู้ผลแล้ว มันที่คิดช่วยคนแต่สุดท้ายกลับทําได้แค่มองหานอวิ๋นจิ่นตายไปต่อหน้าต่อตา ยังเป็นเรื่องที่ทําให้มันรู้สึกเสียใจมาตลอด
วันนี้พอได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียน ที่แท้ก็แฝงตัวเข้าวังเทียนฉือมาเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋ มันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ ที่วันนั้นไม่ได้ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนและช่วยหานอวิ๋นจิ่นแต่แรก
“ฆ่าข้า?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องนั้น เจ้าก็ต้องมีปัญญาสามารถเสียก่อน”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับจะอยู่มาหลายปีแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวร้อนขึ้นมา หันไปมองกล่าวกับเหลยอิงทันที “ข้าจักช่วยเจ้าฆ่าต้วนหลิงเทียนให้เอง!!”
“ไม่! ข้าจักฆ่ามันให้ตายกับมือ!!”
ทว่าเหลยอิงก็ปฏิเสธจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับกลับไปโดยไม่ต้องคิด น้ำเสียงยังยืนกรานเด็ดขาดนัก
“เช่นนั้นก็มาดูว่าผู้ใดเร็วกว่ากัน!”
ตอนนี้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับมิโมโหเพราะต้วนหลิงเทียนแล้วจริงๆ ไม่งั้นมันก็คงไม่คิดจะแย่งฆ่าคนกับเหลยอิงหรอก
“หลี่เฉวียนเทียน เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก!”
เหลยอิงกล่าวออกเสียงหนัก
สมญานามของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ก็ตั้งเอาจากชื่อของตัว
แน่นอนว่าในวังเทียนฉือ ก็มีจักรพรรดิอมตะสมญานามกับผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้น ที่รู้จักมันตั้งแต่ยังเยาว์จึงรู้ชื่อจริงของมัน
“พอได้แล้ว”
ตอนนี้เองโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือพลันลั่นวาจาออกมา “เหลยอิง ต้วนหลิงเทียนนั่นเจ้าลงมือฆ่ามันเสีย หลังจากนั้นก็ไปช่วยเฉวียนเทียนจัดการกับเผยหยวนจี๋”
“เฉวียนเทียน เผยหยวนจี๋นั่นข้าจักปล่อยให้เจ้ารับมือกับมัน”
“เพราะจักรพรรดิอมตะหยกรุ้งเมิ่งชวน ไม่พ้นต้องมาพัวพันข้าแน่”
“โยวหาน เฉวียนปิงนั่นมอบให้เจ้า”
ในฐานะจ้าววังเทียนฉือ ที่เป็นผู้นําเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 7 สติของมันยังกระจ่างแจ่มใส ไม่มีความสับสนแม้แต่น้อย พอพูดออกมา ก็กําหนดเป้าหมายให้จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 8 ของวังเทียนฉือเรียบร้อย
และตัวมันเองก็เลือกจะรับมือกับ เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง
“ลงมือ!”
หลังจัดแจงเรื่องราวแล้วเสร็จ สองตาโหยวเฟิงอวี้ ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา กล่าวสั่งออกมาเสียงดัง
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!ฟุบ!
สิ้นคําสั่งของโหยวเฟิงอวี้ จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 8 ของวังเทียนฉือ นอกจากตัวมันเองที่เอาแต่มองจองเมิ่งชวนแล้ว ที่เหลืออีก 8 คนก็พุ่งร่างออกไปจัดการเป้าหมายทันที
เช่นเดียวกับเหลยอิง ร่างของนางพุ่งวาบไปราวสายฟ้า อีกทั้งรอบกายนางยังมีสายฟ้าสีม่วงเส้นเขื่องพันรอบกาปานอสรพิษ เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย “ต้วนหลิงเทียน วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายชดใช้ชีวิตลูกชายข้า!!”
“จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ข้าเฉวียนเทียนจะจัดการเจ้าเอง!”
เป้าหมายของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับก็คือเผยหยวนจี๋
ส่วนเป้าหมายของจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก ก็คือเฉวียนปิง ที่มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 2 ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่แหกคุกหมื่นพันธนาการออกมา
เรียกว่าโหยวเฟิงอวี้ ได้สั่งให้จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากมันทั้ง 2 รับมือ กับจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือร้ายกาจ 2 อันดับแรกขออีกฝ่าย
สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 4 คนที่เหลือนอกจากเมิ่งชวน โหยวเฟิงอวี้ก็ได้กําหนดคู่ต่อสู้ให้คนของตัวเองด้วย “ฉือหล่าง จักรพรรดิอมตะกวางขาวนั่นให้เจ้าจัดการ”
“กู้ฉางเจียง เจ้าไปจัดการจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา”
“คลื่นหมอก จักรพรรดิอมตะผกาทองเป็นของเจ้า”
“เมฆดุริยะ เจ้าไปรับมือจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท”
“เซี่ยวเทียน เจ้าคอยคุมเชิงวงนอกและหาโอกาสสนับสนุนพวกเราได้ทุกเวลา พยายามจัดการพวกมันให้ได้สักคนโดยเร็วที่สุด! และหากเหลียนชิวของขุนเขากระบี่ฟ้านั่นมันกล้าสอดมือหรือหลบหนี ก็ฆ่าไม่ต้องปราณี!”
ตอนที่ 3.338 : ต้นกําเนิด ไซอิ๋ว?
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
สิ้นคําสั่งจ้าววังเทียนฉือโหยวเฟิงอวี้ เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือแต่ละคน ก็โจนร่างทะยานออกไปยังเป้าหมายที่โหยวเฟิงอวี้กําหนดให้พวกมันทันที
ด้านกลุ่มต้วนหลิงเทียนนั้น นอกจากต้วนหลิงเทียน เผยหยวนจี๋ และเหลียนชิวที่ลอยร่างรวมกัน คนอื่นๆก็แยกย้ายออกไปรับมือคู่ต่อสู้ของตัวเองเช่นกัน
ทางจักรพรรดิอมตะไว้ใจ เหลยอิง กับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ หลี่เฉวียนเทียน ก็พากั นมุ่งหน้ามาทางต้วนหลิงเทียน
แน่นอนว่าเป้าหมายของเหลยอิงก็คือต้วนหลิงเทียน ส่วนเป้าหมายของหลี่เฉวียนเทียนก็คือเผยหยวนจี๋ เพียงแค่ทั้งคู่ลอยร่างอยู่รวมกัน พวกมันจึงวิ่งตรงเข้ามาแบบนี้
“มาได้ดี!”
และดูเหมือนเผยหยวนจี๋เองก็รู้ว่าเป้าหมายของเหลยอิงคือต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นทันทีที่ลงมือ ก็อุบัติเสาศิลาสีกากีหลายสิบเสาขึ้นจากความว่างเปล่า พุ่งไปก่อตัวเป็นกรงขังล้อมกักเหลยอิงเอาไว้ในฉับพลัน!
จากนั้น ก็ซัดพลังอีกขุมเข้าใส่จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับที่เปิดฉากเข่นฆ่าสังหารเข้ามาเร็วไว แต่ต้นจนจบคนไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
“เผยหยวนจี๋ ลําพังตัวเจ้าเองวันนี้ยังเอาตัวไม่รอด ยังคิดจะช่วยต้วนหลิงเทียนอยู่อีกหรือ!?”
เหลยอิงกล่าวเย้ยเยาะ จากนั้นมวลสายฟ้าที่หมุนวนรอบกายก็พุ่งออกไปราวมังกรทะยานโผล่พ้นลําน้ํา ปลดปล่อยกระแสอัสนี้แปลบปลาบพุ่งทําลายไปยังกรงขังที่เผยหยวนจี๋ใช้กักร่างเอาไว้อย่างดุดัน!
อย่างไรก็ตามกรุงศิลาที่เผยหยวนจี๋ใช้ออก ใช่อะไรที่นางคิดทําลายก็ทําลายได้ง่ายๆหรือ?
สุดท้ายแล้วพลังของเผยหยวนจี๋ยังนับว่าเหนือกว่าจ้าววังเทียนฉือโหยวเฟิงอวี้เสียอีก แม้เผยหยวนที่จะต้านทานรับมือจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ แต่ก็สามารถเจียดพลังมากักขังร่างจักรพรรดิอมตะไว้ใจเหลยอิงเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น!
ดังนั้นต่อให้เหลยอิงคิดทลายลูกกรงศิลาของเผยหยวนจี๋ที่กักขังร่างนางเอาไว้มากแค่ไหน แต่มังกรอัสนี้ของนางก็ทําได้แค่สร้างรอยขีดข่วนแก่ลูกกรุงศิลาแค่เล็กน้อยเท่านั้น
บางที หากนางซัดพลังทําลายต่อไปไม่หยุด ในที่สุดก็คงทําลายกรงขังนี้ได้
แต่นั่นมันก็ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง
“หึ!”
หลังตระหนักเรื่องราว สีหน้าเหลยอิงก็กลายเป็นอัปลักษณ์อย่างไรก็ตามนางยังคงถ่าทอด พลังลงสู่ศาสตราอมตะคู่กาย ป้อนกระบวนท่าหมายทําลายลูกกรงไม่หยุด
ป่ง!!
เปรี้ยงงงง!!
…
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นลั่นขึ้นถี่ยิบ ประกายแสงสีม่วงก็สว่างวาบราวไฟกระพริบ กระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่าถูกกระหน่ําซัดใส่ลูกกรงของเผยหยวนไม่หยุดยั้ง!
เห็นได้ชัดว่าเหลยอิงเองก็รีบร้อนจะทําลายกรงขังนี้ให้ได้ในเวลาที่สั้นที่สุด
ลูกกรงที่พี่ใหญ่เผยสร้างขึ้นมานั่นไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการถึง 2 ชุด!”
หลังได้เห็นการลงมือส่งๆของเผยหยวนจี๋แต่กลับสามารถขังร่างเหลยอิงไว้ได้ง่ายๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง ตอนนี้เขาไม่แปลกใจเลยที่ไฉนพี่ใหญ่เผยถึงเหนือกว่าโหยวเฟิงอวี้
เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏได้ถึงระดับนี้ ให้กวาดตามองทั่วระนาบเทวโลก ก็นับว่าร้ายกาจอยู่ในระดับต้นๆของจักรพรรดิอมตะสมญานามส่วนใหญ่แล้ว!
กระทั่งระดับความเข้าใจยังไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดิสวรรค์เลย! เพียงแค่จักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้ใช้กฏแห่งดินก็เท่านั้น
เพียงแค่มีระดับความเข้าใจในกฎพอๆกัน แต่เป็นคนละกฏกัน เรื่องราวมันก็เลยแตกต่างกันคนละเรื่อง
ก็อย่างเช่นเผยหยวนจี๋ตอนนี้ ที่ใช้กฏแห่งดิน
สามารถเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งดินได้ถึงระดับนี้ ในแง่ของการป้องกันแล้ว ให้กล่าวว่าอยู่ยงคงกระพันก็ไม่เกินเลย เพียงแค่จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือความเร็วกับพลังทําลาย
หากกฏที่เผยหยวนจี๋เลือกใช้เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดล่ะก็ อาศัยความเข้าใจระดับนี้ก็มากพอจะทําให้เผยหยวนจี๋มีพลังรบเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ส่วนใหญ่แล้ว!
และต่อให้จะแทนที่ด้วยกฏอื่น ไม่ว่าจะเป็นกฏที่โดดเด่นในแง่พลังทําลายก็ดี หรือในแง่ความเร็วก็ดี เผยหยวนจี๋ก็จะไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิสวรรค์ทั่วไป!
กระทั่งต่อให้เข้าใจกฏที่ค่อนข้างมีพลังสมดุลอย่างกฎแห่งน้ําหรือกฏแห่งไม้ ก็มากพอจะยกระดับพลังรบโดยรวมของเผยหยวนให้สูงไปกว่านี้อีกขั้น
ในแง่พลังรบโดยรวม กฏแห่งดินถือว่าอ่อนด้อยที่สุด…
ตูม! ตูม ตูม ตูม! ตูม ตูม!
จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ หลี่เฉวียนเทียน ในฐานะที่มันได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากจ้าววังเทียนฉือ ก็ย่อมมีพลังฝีมือพอตัวทีเดียว
และกฏที่มันเข้าใจก็คือกฏทําลายล้าง ยามลงมือปลดปล่อยพลังเซียนอมตะที่ผสานกับพลังธาตุทําลายล้าง ทั่วร่างจึงแผ่กลิ่นอายผลาญทําลายแรงกล้า ทุกกระบวนท่าที่ใช้ออกเรียกว่ารุกไม่มีรับ มุ่งเน้นการจู่โจมล้างผลาญถ่ายเดียว!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
อย่างไรก็ตามแม้พลังจู่โจมของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับจะรุนแรงดุดัน เพราะใช้กฏทําลายล้างที่จัดว่าเป็นกฏที่มุ่งเน้นในแง่การโจมตี แต่กระนั้นการป้องกันของเผยหยวนจี๋ที่กระทั่งจักรพรสวรรค์ยังจนปัญญา มีหรือมันจะบุกฝ่าทําลายได้ง่ายๆ?
เรียกว่าต่อให้เผยหยวนจี๋เจียดพลังไปกักขังเหลยอิง ทั้งแบ่งความสนใจไปจับตาดูความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน มันยังต้านทานรับมือจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับได้อย่างง่ายดาย
และในขณะที่มันต้านทานรับมือจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ พอสัมผัสได้ว่าลูกกรงที่กักขังเหลยอิงไว้ ถูกเหลยอิงทําลายได้กว่า 3 ส่วนแล้ว คนก็สะบัดมืออย่างไร้เรื่องราว จ่ายพลังหนุนเนืองส่งเสริม ฟื้นฟลูกกรงที่แตกร้าวให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ราวของใหม่แกะกล่อง!!
“เผยหยวนจี๋”
เห็นฉากดังกล่าว จักรพรรดิอมตะไว้ใจเหลยอิงก็แทบกระอักเลือดด้วยโทสะ เพราะสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากนางต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เร่งเร้าพลังเพื่อฝาทําลายกรงขังของเผยหยวนจี๋อีกรอบ
ให้ตายเถอะ ดูเหมือนข้ายังประเมินพลังของพี่ใหญ่เผยต่ําเกินไป
เมื่อเห็นเผยหยวนจี๋รับมือจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับได้ไม่ยากเย็น แถมยังเจียดสมาธิไปกักขัง เหลยอิงได้ชะงัด ที่สําคัญจากสายตานั่นเห็นชัดว่ายังกวาดตามองชมการปะทะของจักรพรรดิอม ตะสมญานามคู่อื่นๆ ไม่เว้นจับตาดูจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าที่คุมเชิงอยู่วงนอกหมายฉกฉวยโอกาส ไม่วางตา ก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนจําต้องเดาะลิ้นด้วยความที่งอีกรอบ
ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแม้ฟังดูเนิ่นนาน แต่อันที่จริงมันปะทุขึ้นยังไม่ถึงสิบลมหายใจด้วย
เรียกว่าต้วนหลิงเทียนที่ชมดูการลงมือของพี่ใหญ่เผยเพลินๆ พอรู้สึกตัวอีกที่ดานจักรพรรดิ อมตะสมญานามคนอื่นก็สู้กันดุเดือดแล้ว ส่วนเพิ่งชวนกับจ้าววังเทียนฉือ ก็เพียงลอยร่างกลางหาว มองจ้องตากันไม่เปลี่ยน
ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง!
…
จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกเป็น 1 ใน 3 สตรีท่ามกลาง 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ และยังเป็นสตรีที่แข็งแกร่งที่สุด
นางมาในชุดคลุมสีดําสนิท เส้นผมดําขลับทอดยาวลงมามาปานน้ําตก ใบหน้าอ่อนวัยของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา ทว่าสองตาแหลมคมปานมีดดาบยามลงมือ พลังที่กําจายออกมาจากร่างบาง ก็เสมือนจะกลบสีสันทั้งมวลในโลกหล้า!
“นั่นมัน…”
เห็นพลังทั่วร่างของจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็อดหรี่ลงไม่ได้ “เป็น…กฏแห่งความมืดนั้นหรือ?”
กฏนั้น นอกจากกฏสูงสุด 4 ประการ กับกฏแห่งธาตุทั้ง 5 แล้ว ก็ยังมีกฏที่ไม่เกี่ยวข้องกับกฏสูงสุดรวมถึงกฎแห่งธาตุอีกไม่กี่ประการ
และกฏแห่งความมืดก็เป็นหนึ่งในนั้น
นอกจากกฏแห่งความมืดแล้ว ก็ยังมีกฏแห่งแสงกับกฏทําลายล้าง
สําหรับกฏที่จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกใช้อยู่ก็คือกฏแห่งความมืด ยามซัดพลังจู่โจมแหวกฟ้าเข้าใส่จักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬ ก็เสมือนนางกําลังจะแผ่ความมืดมิดให้ปกคลุมโลกหล้าอย่างไรอย่างนั้น
อย่างน้อยๆสําหรับจักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬแล้ว ก็รู้สึกเสมือนความมืดกําลังปกคลุมโลกหล้าจริงๆ
และในสายตาของคนนอก จุดที่จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกกับจักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬปะทะกัน ก็เสมือนถูกปกคลุมไปด้วยม่านแห่งความมืด
“ข้าได้ยินคําร่ําลือมานานแล้วว่าจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกแห่งวังเทียนฉือนั้นใช้กฏแห่งความมืดได้ชของกว่าใครในอู่หยาเทียน ทั้งยังสามารถผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งความมืดได้ หลายชุดวันนี้ได้เห็นกับตานับว่าสมคมคําร่ําลือจริงๆ”
ท่ามกลางความมืดมิด ได้ยินเสียงจักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬดังขึ้น
จากนั้นก็เริ่มบังเกิดไอเย็นยะเยือกกําจายออกมาจากความมืด พร้อมกันกับเสียงปะทะของพลังดังลั่นออกมาไม่หยุด!
บ่งงง!!
ฟูมมมม!!
…
คลื่นกระแทกหอบไอหนาวพัดกวาดออกมาทั่วสารทิศ พาลให้อุณหภูมิในสภาพแวดล้อมโดยรอบลดต่ําลงทุกขณะ
“คืนร่างที่แท้จริงเถอะ!”
เสียงเย็นชาจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกดังขึ้น “หาไม่แล้ว เจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
“ตามที่ขอ!”
เสียงจักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬดังขึ้นตามติด
ในขณะที่จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกกับจักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬเริ่มปะทะกันรุนแรงมากเข้า ด้านจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆก็ฉะกันดุเดือด หมู่เมฆบนฟ้าสลายหายไปหมดเพราะพลังสะท้อน คลื่นกระแทกวงแล้ววงเล่ากวาดมาปะทะส่งเสียงดังครืนๆไม่หยุด
ครูของต้วนหลิงเทียน จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีถือหล่างที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะกวางขาวเคอไป๋ลู่ ก็ลงมือได้ดุดันไม่ใช่ชั่ว
ช่วงแรกทั้งคู่ก็แลดูสูสีกัน
อย่างไรก็ตามยิ่งสู้ไปนานเข้าถือหล่างก็เริ่มเป็นฝ่ายมีเปรียบ กลายเป็นรุกไล่อยู่ฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตามแม้ซื้อหล่างจะมีเปรียบ แต่ด้านเคอไป๋ลู่ที่รู้ตัวว่าแลกกระบวนท่าด้วยไม่ไหว ก็ล้มเลิกการโจมตีและหันมาป้องกันตัวถ่ายเดียว และด้วยอาศัยกฏแห่งดินที่เชี่ยวชาญ มันก็ต้านทานรับทุกกระบวนท่าของฉือหล่างได้อย่างง่ายดาย
เหตุไฉนที่จักรพรรดิอมตะกวางขาว เคอไป๋ลู่ ถูกจับมาขังคุกหมื่นพันธนาการ ก็เป็นเพราะต่อให้เป็นจ้าววังเทียนฉือเองก็ไม่มีปัญญาทําลายการป้องกันและฆ่ามันได้นั่นเอง
“เฮ้อ–”
เมื่อเห็นว่าถือหล่างกับเคอไป๋ลู่ ตกอยู่ในสถานการณ์ท่านรุกข้ารับโดยที่ไม่มีใครทําอะไรใครได้ ต้วนหลิงเทียนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็หันมองไปยังการปะทะของจักรพรรดิอมตะสมญานามคู่อื่น และพบว่าจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท เถิงฉงป้า เองก็แลกหมัดกับจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียงอย่างไม่มีใครยอมใคร กระทั่งดูเหมือนเถิงฉงป้าจะเริ่มมีเปรียบทีละนิด สองตาเขาก็ลุกวาวขึ้นมาอยู่บ้าง
ส่วนด้านจักรพรรดิอมตะกาทองกับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกนั้นค่อนข้างสูสี ทําอะไรกันไม่ได้มากนัก
ฟุ่บ!
แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันมองการประมือของจักรพรรดิอมตะผกาทองกับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกนั้นเอง ประกายแสงหนึ่งก็แล่นวาบผ่านตาเขา พอหันไปมองดูก็พบร่างคนในกลุ่มก้อนเปลวเพลิงลูกเขื่อง กําลังพุ่งทะยานข้ามฟ้าไปปานดาวตก เข้าแทรกแซงการประมือระหว่างจักรพรรดิอมตะมังกรกู้ฉางเจียงกับจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาทหน้าตาเฉย!
เมื่อมีมือที่ 3 เข้ามาแทรก เถิงฉงป้าก็ได้แต่เปลี่ยนจากไล่ต้อนกู้ฉางเจียงมาสร้างปราการป้องกันถ่ายเดียว สามารถต้านทานรับการลงมือของจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ได้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเพลี่ยงพล้ํา!
“จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า…หยางเชี่ยวเทียน?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าแห่งวังเทียนฉือมาก่อน แต่ตัดคนที่พบเจอไปหมดแล้ว และดูจากการลงมืออันเนเอกลักษณ์ของคนอื่นๆ เขาก็คาดเดาได้ทันที
ว่าร่างที่พึ่งสอดมือเบื้องหน้าที่แท้เป็นใคร
“ออกมา”
เพียงหนึ่งห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนก็เรียกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมาจากโลกใบเล็กออกมาช่วยเหลือจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาททันที
กระทั่งตัวเขาเองก็ยังชักกระบวูบร่างเข้าไปหนุนเสริมตามติด!
คงเหลือแต่เหลียนชิวเท่านั้นที่ลอยร่างอยู่ไม่ห่างเผยหยวนจี๋ด้วยรอยยิ้มขื่นขม เพราะถึงความแข็งแกร่งของมันใกล้จะทัดเทียมจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว แต่ถ้าจะให้มันสอดมือเข้าไปยุ่งการปะทะกันจักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหน้า มันยังไม่มีปัญญาสามารถพอ
“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินจากเจ้าหนูชุนชิงมาว่าเจ้าเองก็เป็นคนที่ขึ้นสวรรค์มาจากระนาบเหยียนหวง กระทั่งเจ้ายังมีพื้นเพมาจากดาวเหยียนหวงอีกด้วยรึ?”
เมื่อต้วนหลิงเทียนเรียกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 มาช่วยคลี่คลาสถานการณ์ของจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท จนทําให้อีกฝ่ายเริ่มลงมือตอบโต้ได้อีกครั้ง เสียงผ่านพลังหนึ่งก็ส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็พบว่าการลงมือของจักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียนเริ่มช้าลง สุดท้ายก็ผละออกไปไม่ทําอะไร เขาจึงหยุดมือลงเช่นกัน และหันไปมองต้นเสียงทันที
หลังส่งเสียงตอบกลับไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องหยางเซี่ยวเทียนด้วยความสนใจ “ผู้อาวุโสเซียวเทียน…ท่านรู้จักสุดยอดวรรณกรรมจีนอย่าง ไซอิ๋วรึเปล่า?”
“หืม? ไซอิ๋ว!?”
ได้ยินคําถามผ่านพลังดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หยางเซียวเทียนก็อึ้งไปพักหนึ่ง ค่อยยิ้มกล่าวสืบต่อ “ข้าได้ยินซุนชิงบอกว่าเจ้าเกิดที่ดาวเหยียนหวงหลังจากมันราวๆ 500 กว่าปี..หรือเรื่อง ไซอิ๋วยังสืบสานมาถึงยุคสมัยของเจ้าด้วย?”
“ท่านผู้อาวุโส…นี่ท่านรู้จักเรื่องไซอิ๋วจริงๆรึ?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปไม่น้อย เดิมทีที่เขาเปิดคําถามนี้ออกมา ก็หมายให้อีกฝ่ายสงสัยและถามต่อ เขาจะได้เล่าเรื่องราวให้ฟังรวมถึงบอกว่าในนั้นมีท่านอยู่ด้วย แต่ไม่คิดว่าหยางเซียวเทียนดันรู้
จักจริงๆ
“ข้าย่อมรู้เป็นธรรมดา..เพราะไอ้เรื่องไซอิ๋วที่เจ้าว่าน่ะ กล่าวไปก็มีต้นกําเนิดมาจากข้านี่ล่ะ!”
สองตาหยางเซี่ยวเทียนทอประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มฉายแววหวนรําลึกให้เห็น “ที่เรื่องไซอิ๋วเกิดขึ้นได้ทั้งหมดเป็นเพราะบันทึกเรื่องราวส่วนหนึ่ง ที่ข้าเหลือทิ้งไว้ในมรดกสถานที่ข้าสร้างไว้ให้ชนรุ่นหลัง”
“ มรดกสถานทั้ง แห่ง”
ตอนที่ 3,339 : แขกไม่ได้รับเชิญ
ตอนนี้ไม่ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามคนไหนของวังเทียนฉือก็กําลังลงมือสู้เต็มกําลัง จึงไม่อาจปันสมาธิมาสนใจเรื่องราวใดๆได้ ทําให้พวกมันไม่ได้รู้เลยว่า
หยางเซียวเทียน จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า 1 ใน 9 จักรพรรดิสมญานามของวังเทียนฉือ พวกมันกลับหยุดร่างลงคุยกับต้วนหลิงเทียนเรื่องต้นกําเนิดไซอิ๋ว อย่างออกรส
“จากที่อาวุโสกล่าว ที่แท้เรื่องราวมากมายที่ปรากฏขึ้นในไซอิ่วล้วนมาจากบันทึกเรื่องราวของท่านที่เก็บไว้ในมรดกสถานงั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกระพริบตาปริบๆ ส่งเสียงผ่านพลังเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว”
หยางเซียวเทียนพยักหน้า ก่อนจะกล่าวผ่านพลังต่อด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ “เพียงแต่ข้าไม่คิดเลยว่าสหายของซุนชิว อู๋เฉิงเอิง ผู้นั้นจะปั้นแต่งให้ลิงนั้นโดดเด่นกว่าผู้อื่นเขา”
“อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่แท้จริงของเจ้าลิงนั่นกล่าวไปยังเหนือกว่าที่อยู่ในเรื่องไซอิ๋วเสียอีก”
“เหอะๆเจ้าลิงนั่นน่ะ มันถล่มพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์กระเจิงมาแล้วรอบหนึ่งจริงๆ”
ขณะที่กล่าวผ่านพลังถึงจุดนี้ ในแววตาของหยางเซียวเทียนก็เผยความเคารพนับถือออกมาไม่น้อย เห็นได้ชัดว่านับถือเห้งเจียที่เป็นตัวละครเอกในไซอิ๋ว
เรียกว่าวันนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบต้นกําเนิดที่แท้จริงของไซอิ๋วเข้าแล้ว!
ชาติที่แล้วในโลกเก่า ผู้ประพันธ์ไซอิ๋วอู๋เอิงเฉิง ก็เป็นคนที่เกิดในยุคราชวงศ์หมิงช่วงปี ค.ศ. 1500..พอดีกับที่ศิษย์พี่ซุนชิงก็เกิดในยุคนั้นพอดี
“เวลาใช่ แถมคนก็ใช่ ดูเหมือนต้นกําเนิดไซอิ๋ว…จะมีต้นตอจากชายคนนี้จริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“ต้วนหลิงเทียน ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องใหญ่โตเกินไปจริงๆ…หาไม่แล้วเจ้าที่เป็นคนบ้านเดียวกับข้า ข้าย่อมช่วยเจ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทําได้แน่ แต่วันนี้ข้าเองก็ไม่มีปัญญาจะออกหน้าช่วยเจ้าได้จริงๆ”
หยางเซียวเทียนส่งเสียงผ่านพลังมาอย่างทอดถอน ท่าทางแลดูจปัญญาไม่ต่างอะไรจากฉือหล่างเลย
ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งกับวาจาดังกล่าวของหยางเซียวเทียน ด้วยไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าเบื้องหน้าจะอัธยาศัยดี และพูดง่ายขนาดนี้
“ตอนนี้ข้าทําได้แค่ แสร้งรบติดพันไม่ลงมือกับเจ้า…เจ้าเองก็รีบหาโอกาสหลบหนีไปเลยเถอะ”
หยางเซียวเทียนส่งเสียงผ่านพลังมาอีกครั้ง
และพอมันพูดจบคํา ทั่วร่างก็ปะทุเพลิงไฟออกมาอย่างรุนแรงปานจะแผดเผาแผ่นฟ้า ร่างโจนทะยานเข้าไปช่วยเหลือกู้ฉางเจียงที่ถูกจักรพรดรอมมตะขยี้เมฆา เถิงฉงป้าพลิกกลับมาไล่ต้อนได้อีกครั้ง และเมื่อมีมันเข้ามาแทรก เถิงฉงป้าที่กลับเป็นฝ่ามีเปรียบอีกครั้งก็ได้แต่ละทิ้งการจู่โจม แล้วเปลี่ยนกลับมาตั้งรับเต็มกําลังเหมือนเดิม..
ในขณะเดียวกัน
เสียงเมิ่งชวนก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ
“จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้ วันนี้ข้าเมิ่งชวนคิดขอคําชี้แนะสักครา!”
พอเสียงเมิ่งชวนดังจบคํา ทั่วร่างมันก็ปลดปล่อยพลังสีฟ้าออกมา จากนั้นไอพลังสีฟ้าก็ควบรวมก่อเกิดกระบี่เล่มเรื่องหนึ่ง พุ่งทะลวงผ่านฟ้า จี้เข้าใส่โหยวเฟิงอวี้อย่างดุดัน!
“นามของจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว โด่งดังปานฟ้าร้องเจ้าในฐานะน้องชายของเมิ่งหลัว หวังว่าจักไม่ทําให้ข้าผิดหวัง!”
โหยวเฟิงอวี้ปริปากกล่าวคําเสียงเบา จากนั้นทั่วร่างก็ปรากฏพลังเขียวครามม้วนวนดังพายุ ก่อนจะควบรวมผสานเป็นกลุ่มก้อนสายลมหอบหนึ่งพุ่งไปดั่งมังกรวายุ เผชิญหน้ากับกระบี่สีฟ้าเล่มเขื่อง น่าเกรงขามอย่างไม่หวั่นหวาด!
พริบตา ทั้งคู่ก็ปะทะกันอย่างดุเดือด
แรกๆพวกมันก็แลดูจะสูสีคู่คี่
อย่างไรก็ตามพอเวลาผ่านไปสักพัก พลังของเมิ่งชวนก็เริ่มด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามเนื่องเพราะกฏที่เมิ่งชวนใช้คือกฏแห่งน้ําขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนหยุ่นเป็นที่สุด ก็มากพอจะพัวพันโหยวเฟิงอวี้ให้รําคาญใจอยู่บ้าง เพราะเว้นเสียแต่โหยวเฟิงอวี้จะตัดสินใจเข่นฆ่าเด็ดขาด หาไม่แล้วก็ทําได้แค่โดนเมิ่งชวนพัวพันไม่เลิกรา
“เมิ่งชวน! ดูเหมือนเจ้าวางแผนจักซื้อเวลาให้พวกมันหลบหนี้สินะ!!”
ไม่นานโหยวเฟิงอวี้ก็ตระหนักได้ถึงปัญหาข้อนี้ แม้สีหน้ามันจะแลดูเย็นชา แต่ในแววตากลับฉายชัดถึงความอับจนหนทางประการหนึ่ง
เพราะถึงมันจะมองเจตนาที่แท้จริงของเพิ่งชวนออกแล้ว แต่มันก็ทําอะไรไม่ได้จริงๆ
ถึงสําหรับมันแล้ว การฆ่าเมิ่งชวนจะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับว่ามันอยากจะลงมือหรือไม่
ทว่าหากมันฆ่าเพิ่งชวนไป เกรงว่าจะไม่อาจแบกรับผลที่ตามมาได้ไหว เพราะสิ่งที่จะตามมาหลังฆ่าเพิ่งชวนคือจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว ที่จะมาเยือนวังเทียนฉือพร้อมโทสะอันเกรี้ยวกราด และมันนึกภาพออกได้ไม่ยากว่าถึงตอนนั้นวังเทียนฉือจะถูกพลิกฟ้าคว่ําดินอย่างไร…
ในอดีตก็เคยเกิดเรื่องราวอันเป็นกรณีศึกษามาแล้ว
ย้อนกลับไปตอน เมิ่งชวน ผู้ที่กําลังสู้กับมันยังไม่ได้เป็นจักรพรรดิอมตะ อีกฝ่ายเกือบจะโดนจักรพรรดิอมตะสมญานามของขุมกําลังระดับสวรรค์แห่งหนึ่งสังหารพอจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์เมิ่งหลัวทราบเรื่องราว มันก็บุกไปยังขุมกําลังระดับสวรรค์ที่ว่าเพียงลําพังพร้อมโทสะ! ทําให้จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของขุมกําลังระดับสวรรค์แห่งนั้นบาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้า และจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ทําร้ายเมิงชวนก็ถูกฆ่าตายอย่างอุกอาจ!
หลังการบุกไปถล่มขุมกําลังระดับสวรรค์เพียงลําพังครั้งนั้น ชื่อของจักรพรรดิอมตะ กร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว มือขวาจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนก็แพร่กระจายออกไปราวไฟป่า!
ดังนั้นหากเลือกได้ โหยวเฟิงอวี้ไม่อยากตอแยกับตัวอันตรายเช่นนี้จริงๆ
จริงอยู่ถึงแม้ว่ามันอาจจะสู้เมิ่งหลัวไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้หวาดกลัวเมิ่งหลัวแต่อย่างใด เพราะเบื้องหลังมันก็มีตาที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนอยู่
แต่ปัญหาก็คือ…
หากถึงจุดที่การต่อสู้ระหว่างมั่นกับเมิ่งหลัว จําต้องเดือดร้อนไปถึงตาของมันที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนขึ้นมา แล้วตอนนั้นจักรพรรดิสวรรค์แห่งขี้เมียเทียนจะนิ่งดูดายปล่อยให้มือขวาโดนรังแกหรือไม่?
ก่อนหน้านี้ หากตาของมันที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนลองถามตัวเองดู ว่าใช่คู่มือฟงชิงหยางก่อนเข้าสู่นรกอสุราหรือไม่ ก็คงตอบได้ทันทีว่าไม่
หลังจากที่ฟงชิงหยางกลับออกมาจากนรกอสุราแล้ว พลังฝีมือก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และฟังจากที่ตามันกล่าว มันก็ตระหนักว่าตอนนี้ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนสมควรบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ารีบหนีไปเร็วเข้า!”
ตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของเมิ่งชวนก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างกะทันหัน และบอกให้ต้วนหลิงเทียนหนีไป
ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองเผยหยวนจี๋กับจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆพลางขมวดคิ้ว
กับจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่น เขาอาจหักใจละทิ้งได้ เต็มที่ก็แค่ย้อนกลับมาช่วยภายหลังเมื่อเขาพร้อม
แต่กับเผยหยวนจี๋ เขาไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายรับศึกแทนเขาได้แบบนี้จริงๆ
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขากับเผยหยวนจี๋นับว่าสนิทกัน อาศัยแค่ความสัมพันธ์ระหว่างเผยหยวนจี๋กับตู้เฟยที่เป็นกป๋อของฮ่วนเอ๋อ ก็ยากที่เขาจะหักใจละทิ้งเผยหยวนจี๋ไว้ที่นี้อย่างเห็นแก่ตัว
“เดิมที่ตามแผนของข้า หากครูกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าไม่มา ป่านนี้พวกเราคงหนีไปได้ง่ายๆแล้ว…แต่ตอนนี้กลับทําได้แค่ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนบิดเบี้ยวอยู่บ้าง เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามันผิดจากแผนที่เขาวางไว้อย่างสิ้นเชิง และเขาเองก็ตกที่นั่งลําบากพอสมควร
“ต้วนหลิงเทียน พาเหลียนชิวหนีไปเสีย!”
ตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของเผยหวนพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “เจ้ากับเหลียนชิวไปแล้ว พวกมันก็ไม่มีปัญญาทําอะไรพวกเราได้อยู่ดี..เต็มที่ก็ได้แต่จับพวกเราทั้ง 6 กลับไปขังไว้อีกครั้ง”
“สําหรับเมิ่งชวน จ้าววังเทียนฉือไม่กล้าแตะต้องมันแน่!”
“ขอแค่เจ้าหนีไปได้ ข้าก็วางใจ”
“วันหน้ารอให้เจ้ามีความสามารถมากพอ ค่อยย้อนกลับมาช่วยพวกเราเถอะ!”
“ข้าเชื่อใจเจ้า!”
ฟังที่เผยหยวนจี๋กล่าว ความหมายก็ชัดเจนนัก มันอยากให้ต้วนหลิงเทียนพาเหลียนชิวหนีไปก่อน ด้วยวิธีนี้ถือว่าการลงมือครั้งนี้ไม่ได้ล้มเหลวอะไร
สําหรับพวกมันแล้ว เต็มที่ก็แค่โดนจับไปขังอีกรอบเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งได้ยินคําพูดของเผยหยวนจี๋ ไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใด เขาก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของคนอื่นส่งตรงถึงหูระรัว!
“วนหลิงเทียน ฟังที่อาวุโสเผยกล่าว เจ้ารีบหนีไปก่อนเถอะ!”
“เจ้าหนูหลิงเทียน หนีไป!”
“พวกเราจักรอเจ้ากลับมาช่วยวันหน้า!!”
เสียงผ่านพลังรอบนี้ถูกส่งมาจากจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่แหกคุกหมื่นพันธนาการออกมา นอกจากเผยหยวนจี๋แล้ว ไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะผกาทอง จักรพรรดิอมตะกวางขาว จักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬ จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท ไม่เว้นจักรพรรดิอมตะขยเมฆา ก็กล่าวมาทํานองเดียวกัน!
ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะเดาได้ว่า ที่อยู่ๆจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 5 ส่งเสียงผ่านพลังมาพร้อมเพรียง ทั้งหมดเพราะได้รับคําชี้แนะจากเผยหยวนจี๋!
“ผู้อาวุโสเหลียนชิว พวกเราไปกันก่อนเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยหันไปมองกล่าวกับเหลียนชิวด้วยสีหน้าจริงจัง
เพราะตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่พอทําได้
หาไม่แล้วหากยังรั้งอยู่สืบไป เกรงว่าคิดจะหนีก็หนี้ไม่ได้แล้ว!
สําหรับเรื่องที่จะใช้พลังของเทพเบจธาตุเปิดฉากสังหารจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้ล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปแล้ว เพราะเท่าที่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามองว่าไม่จําเป็นต้องทําถึงขนาดนั้น กระทั่งวารีเทพชําระโลกาก็คิดว่า ไม่ต้องทําถึงขนาดนั้นเหมือนกัน
“แล้วทุกคนเล่า?”
เหลียนชิวย่อมไม่ทราบว่าคนอื่นๆได้ส่งเสียงผ่านพลังมาคุยกับต้วนหลิงเทียนหมดแล้ว พอเห็นต้วนหลิงเทียนชวนให้มันหนีไปกันก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน มันก็ลอยร่างขาตาย ด้วยไม่คิดจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวนนั้น ไม่มีทางเป็นอะไรแน่ เพราะจ้าววังเทียนฉือไม่กล้าแตะต้องส่วนพวกพี่ใหญ่เผยกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ผลลัพธ์ที่แล้วร้ายที่สุดก็คือทั้ง 6 ถูกจับกลับไปยังอีกครั้ง และวันหน้าข้าจะย้อนกลับมาช่วยทุกคนอีกรอบ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ในปัจจุบัน คนที่กําลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากที่สุดก็คือพวกเรา!”
“อีกทั้งต่อให้พวกเรารั้งอยู่ที่นี่สืบไป พี่ใหญ่เผยเองก็ลงมือได้ไม่เต็มที่ ต้องคอยพะว้าพะวงห่วงพวกเรา”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวผ่านพลังแจ้งเหลียนชิวรวดเดียวจบ
“เข้าใจแล้ว”
หลังได้ยินคําอธิบายของต้วนหลิงเทียน เหลียนชิวก็พลันเข้าใจสถานการณ์ และมันยังตระหนักอีกว่าทางออกที่ดีที่สุดในปัจจุบันมีแต่ต้องทําแบบนี้เท่านั้น
“ไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิวพร้อมจะจากไป
“หอนฟ้า ฆ่าพวกมันเสีย!!”
แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังจะจากไป จ้าววังเทียนถือก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาทันที จึงเร่งตะโกนสั่งจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าเสียงดังสนั่น
ด้านหยางเซียวเทียนพอได้ยินคําสั่งดังกล่าว มันก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ จากนั้นก็ผละออกจากจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา เถิงฉงป้า ร่างที่เต็มไปด้วยเพลิงไฟระอุ พุ่งแหวกอากาศไปฉับไว ทิ้งไว้เพียงเส้นทางเปลวเพลิงสายหนึ่ง จี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว
ซึ่ง!!
“โอยยย”
…
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิอมตะหอนฟ้าที่เห็นทะยานข้ามฟ้าไปด้วยความเร็วสูงนั้น อยู่ดีๆเบื้องหน้าของมันก็ปรากฏกําแพงศิลาสีกากีหนึ่งขึ้นในฉับพลัน ทําให้คนชนเข้ากับกําแพงดังกล่าวอย่างจังจนหน้าหงาย กลับกลายเป็นงุนงงเห็นดาวระยิบระยับเต็มไปหมด สองมือยกขึ้นกุมหัวร่ําร้องโอดโอย สภาพแลดูน่าสงสารไม่น้อย
ในห้วงเวลาสําคัญ กลับเป็นเผยหยวนจี๋ที่ลงมือได้รวดเร็วฉับไวอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม มองจากสีหน้าเผยหยวนจี๋ที่กลายเป็นตึงเครียด ก็เห็นได้ชัดว่าการใช้พลังครั้งนี้ไม่ใช่ง่ายดายเหมือนที่ผ่านๆมา!
เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเผยหยวนจี๋แยกใจ 3 ทาง หยุดจักรพรรดิอมตะ สมญานามพร้อมๆกันถึง 3 คน!
“ไป!!”
เผยหยวนจีคํารามใส่ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิวดังลั่น และร่างทั้ง 2 คนไหววูบก่อนจะพุ่งจากไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่จึงจะเห็นร่างหนีไปได้ไม่ทันไร ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ใช้เคลื่อนมิติพาเหลียนชิววูบร่างตัดระยะ 20 ลี้ เขาก็ถูกพลังไร้สภาพจากร่างหนึ่งที่ผุดโผล่ออกมาปานภูตผีเบื้องหน้าผลักให้ล่าถอยไปหลายก้าวใหญ่!
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างผู้มาใหม่ที่พึ่งใช้พลังไร้สภาพบีบให้เขาล่าถอยด้วยความเคร่งเครียด พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนในชุดคลุมลมสีเทาหลวมโครก สวมงอบฟางบดบังใบหน้าครึ่งบน สภาวะพลังทั่วร่างสงบนิ่งแต่แผ่กลิ่นอายน่ากลัวแถมชวนให้รู้สึกอึมครึมหดหูนัก
กลิ่นอายพลังดังกล่าวทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าละม้ายคล้ายกลิ่นอายที่หอเกิดดับกักไว้บนเวทีศิลากลางหาวอยู่บ้าง…กลิ่นอายแห่งความตาย!
ด้านเหลียนชิวที่ถูกพลังกดดันให้ล่าถอย ก็ได้แต่มองผู้มาใหม่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าก็คือศิษย์น้องเล็กหรือ?”
ทันใดนั้นเองเสียงนุ่มไร้อารมณ์หนึ่งพลันดังขึ้น จากนั้นชายเสื้อชุดคลุมลมเทาก็ค่อยๆยกขึ้น เผยให้เห็นมือขาวเนียนราวกับหยกหนึ่งเอื้อมไปจับงอบฟางบนศีรษะ ก่อนจะถอดมันออก
ครู่ต่อมา รูปโฉมอันงดงามไร้เทียมทานแต่เต็มไปด้วยความเย็นชาก็ค่อยๆเผยสู่สายต้วนหลิงเทียน และดวงตาคู่งามดังสารทฤดูนั่นก็กําลังจับจ้องมองมาที่เขาเขม็ง
ตอนที่ 3,340 : ฉือหย่าชี
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”
พอได้ยินคําที่อีกฝ่ายเอ่ยทักมา ต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาตัวตนของสตรีเบื้องหน้าได้ทันที
ฉือหย่าชี!
ลูกสาวของ ฉือหล่าง ครูเขา นอกจากนั้นนางยังเป็นศิษย์คนโตในด่านฉือหล่างอีกด้วย
ที่สําคัญนางยังเป็น 1 ใน 3 พัสดีแห่งคุกหมื่นพันธนาการ และจ้าวหอเกิดดับ!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เขาเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นตัวกลับต้องมาพบเจอกันที่นี้ในสถานการณ์แบบนี้
“ต้วนหลิงเทียน ยินดีที่ได้พบศิษย์พี่หญิงใหญ่”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยทักสตรีเบื้องหน้าด้วรอยยิ้มเหยเก ในน้ำเสียงเผยให้เห็นถึงความลําบากใจประการหนึ่ง
“พัสดีคือ เจ้านับว่ามาได้ทันเวลาพอดี!”
เมื่อเห็นฉือหย่าชีปรากฏตัวขึ้นมาได้ประจวบเหมาะ สองตาจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ หลี่เฉวียนเทียน ก็ส่องแสงจ้า กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงอํามหิตว่า “รีบฆ่าพวกมันทั้งคู่เสีย!”
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ยินเสียงอํามหิตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ แต่ฉือหย่าชีกลับลอยร่างแน่นิ่งกลางหาว เพิกเฉยคําพูดมันโดยสมบูรณ์ สองตาเพียงมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน มุมปากปรากฏรอยยิ้มขี้เล่นหนึ่ง “ศิษย์น้องเล็ก เจ้านับว่าร้ายกาจโดยแท้…ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่าน ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านเข้าออกคุกหมื่นพันธนาการได้ง่ายดายปานเดินเล่นในสวนหลังบ้านเช่นเจ้ามาก่อนเลย”
“ค่ายกลกับขายอาคมทั้งหลายในคุกหมื่นพันธนาการ แม้แต่จ้าววังเทียนฉือยังไม่มีปัญญาจะใช้กําลังบุกฝ่าออกมาได้ด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับพาทุกคนบุกฝ่ามาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
วาจาของฉือหย่าชี คล้ายคุยเล่นมากกว่าจะถามคาดคั้นอะไร
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ข้าแค่ใช้ลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มโง่งม ตอบกลับ
ศิษย์พี่หญิงใหญ่เบื้องหน้าอย่างไรก็เป็น 1 ใน 3 พัสดีคุกหมื่นพันธนาการ โดยไม่ต้องคํานึงถึงความสัมพันธ์หรือหน้าที่ จะอย่างไรวันนี้ ศิษย์พี่หญิงใหญ่เบื้องหน้าก็ไม่อาจปล่อยเขาไปท่ามกลางสายตาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ได้
หากทว่าจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ใช้พลังไร้สภาพหยุดขวางเขาเอาไว้ นางกลับไม่ได้เผยท่าที่จะลงมือลงไม้ใดๆ ต่อเขาเลย
“ลูกเล่นเล็กๆน้อยๆของเจ้าปรมาจารย์ค่ายกลกว่า 9 ส่วนของอู๋หยาเทียน ไม่มีปัญญาทําได้ด้วยซ้ำ”
ฉือหย่าชีกล่าว
“พัสดีคือเจ้ายังมัวเสวนาอันใดอยู่อีก นี่ใช่คิดใช้อํานาจโดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือไม่?
พอเห็นว่าฉือหย่าชีไม่เพียงแต่จะไม่ลงมือใดๆต่อต้วนหลิงเทียน ยังจะไปคุยเล่นกับต้วนหลิงเทียนหน้าระรื่น จักรพรรดิอมตะมังกรกู้ฉางเจียง ที่ผละร่างถอยออกมาจากจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆาหลังเสียเปรียบหนัก ก็หันไปตะคอกใส่ฉือหย่าชีเสียงดัง!
อย่างไรก็ตามฉือหย่าชี ทําราวกับเสียงตะโกนของกู้ฉางเจียง เป็นแค่เสียงนกเสียงกาหาได้นําพาไม่ นางเพียงมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตายังเริ่มฉายแววเย็นชา เอ่ยออกเสียงเข้มว่า “ศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะให้ทางเลือกเจ้า 2 ทาง
“ทางเลือกแรกคือนําตัวเหลียนชิวผู้นี้กลับไปคุกหมื่นพันธนาการพร้อมศิษย์พี่หญิงใหญ่หลังจากนั้นเจ้าก็จะยังเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า และข้ารับประกันได้ว่าในวังเทียนฉือจะไม่มีผู้ใดหาญกล้าแตะต้องเจ้าอีก”
กล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าแววตาทั้งสภาวะทั่วร่างของฉือหย่าชีก็เปล่งความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม หนักแน่นมั่นคงปานภูผา ห้าวหาญไม่แพ้บุรุษคนไหน
“ทางเลือกที่ 2 คือเจ้ากับข้ารวมถึงศิษย์พี่คนอื่นๆตัดขาดกัน ต่อไปพวกเราจักเป็นคนแปลกหน้า”
ฉือหย่าชีกล่าวสืบต่อ “แน่นอนว่าหากเจ้าเลือกทางที่ 2 วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป..แต่หลังจากนี้ต่อไป ข้าจะเห็นเจ้าเป็นศัตรู”
“นอกจากนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปแค่ 3 วันเท่านั้น หลังผ่านไปครบ 3 วันข้าจะไปตามล่าหาตัวเจ้า และจับเจ้ากลับมา!”
ขณะกล่าวประโยคท้าย น้ำเสียงของฉือหย่าชีก็กลายเป็นเยียบเย็นนัก
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขึ้นขม “วันนี้จะอย่างไรข้าก็ต้องพาอาวุโสเหลียนชิวจากไป…สําหรับทางเลือกที่ 2 ข้าก็ไม่อาจเลือกได้
“เป็นครูสอนสั่งหนึ่งวันก็เป็นดั่งบุพการีไปชั่วชีวิต”
“ทั้งในสายตาข้าศิษย์พี่กับศิษย์พี่หญิงทุกคนก็เป็นดั่งครอบครัวแล้ว ถึงแม้วันนี้ข้าจะพึ่งได้พบเจอศิษย์พี่หญิงใหญ่เป็นครั้งแรก แต่ข้าก็ไม่เห็นท่านเป็นคนนอก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เช่นนั้น…สรุปคือเจ้าจะพาคนไปให้ได้?”
ฉือหย่าชีเหลือบไปมองเหลียนชิว ค่อยวกกลับมาถามต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าแน่วแน่
“เช่นนั้นแต่นี้ต่อไป เจ้าไม่ใช่ศิษย์น้องเล็กของข้าอีก”
จากนั้นร่างฉือหย่าชีก็ไหววูบ ก่อนจะหลบออกเปิดทางให้ด้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น
“ไม่ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่จะเห็นข้าเป็นศิษย์น้องเล็กก็ดี ไม่เห็นข้าเป็นศิษย์น้องเล็กก็ดี..แต่ข้าจะยึดถือท่านเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของข้าเสมอ รวมถึงครูและศิษย์พี่คนอื่นๆด้วยเหมือนกัน”
ต้วนหลิงเทียนมองฉือหย่าชีด้วยสายตาซาบซึ้ง จากนั้นก็เตรียมตัวพาเหลียนชิวจากไป
ปงงงง!!
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดสนั่นลั่นฟ้าพลั่นดังขึ้น เป็นจ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้ ที่จู่ๆ ก็ฉกฉวยโอกาสตอนเมิ่งชิวพลั้งเผลอ หันไปรวมรั้งพลังสายหนึ่งทุ่งยิงทําลายลูกกรงที่เผยหยวนจี๋ ใช้กักขังเหลยอิงเอาไว้
“เหลยอิง ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
และในขณะเดียวกับที่ลูกกรงของเผยหวนที่กักขังเหลยอิงไว้ถูกพลังของโหยวเฟิงอวี้เจาะทะลวง เสียงโหยวเชิงอ ก็ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ เป็นวาจาอํามหิตกล่าวคําพิพากษาโทษตายให้ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว จากนั้นยังหันไปตะโกนกล่าววกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าที่พึ่งจะหายจากอาการมึนหัว “หอนฟ้า เจ้าไปช่วยฟ้าลี้ลับถ่วงรั้งเผยหยวนจี๋เอาไว้”-
“ทราบแล้วจ้าววัง!”
ในขณะที่จักรพรรดิอมตะหอนฟ้าระเบิดพลังพุ่งร่างเข้าใส่เผยหยวนจี๋ที่ประมือกกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เหลยอิงเองก็เร่งพุ่งร่างทะยานออกไปปานสายฟ้าฟาด เข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิวอย่างไม่รอช้า!
เมื่อสัมผัสได้ถึงเหลยอิงที่ห้อเหยียดมาพร้อมจิตฆ่าฟัน สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป และพร้อมจะใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อปกปิดกลิ่นอายยามใช้พลังของเทพเบญจธาตุ ซัดทําร้ายให้เหลยอิงล่าถอย
ฟุบ!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหนือความคาดหมายก็คือ ฉือหย่าชี ที่เห็นร่างหลบออกข้างเปิดทางให้เขากับเหลียนชิว อยู่ๆก็วูบร่างดั่งเงาพราย มาหยุดขวางระหว่างเขากับเหลยอิงเอาไว้
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่…”
ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงไม่น้อย เพราะในสายตาเขา วันนี้การที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่ขวางให้เขาจากไปก็ดีมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่านางยังจะช่วยอะไรเขาอีก
เรียกว่าการออกหน้าช่วยเหลือของศิษย์พี่หญิงใหญ่ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายเขาจริงๆ
“ฉือหย่าชี เจ้าทําเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เหลยอิงที่พุ่งมาด้วยสภาวะอํามหิต พลันหยุดร่างมองจ้องไปยังฉือหย่าชีตาเย็น เอ่ยถามออกด้วยน้ำเสียงเข้มต่ำ “เจ้าที่เห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เลือกจะปล่อยต้วนหลิงเทียนไปก็นับว่าผิดมหันต์แล้ว แต่นี่เจ้ายังกล้าขวางข้าที่ได้รับคําสั่งตรงจากท่านจ้าววังอีกหรือ?”
“ หรือเจ้าไม่เห็นท่านจ้าววังอยู่ในสายตาแล้วจริงๆ?”
เหลยอิงเอ่ยออกเสียงเย็น
“ข้าบอกไปแล้วว่าหลังจากนี้อีก 3 วันข้าจะไปจับตัวคนกลับมาเอง”
ฉือหย่าชีกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“ฉือหย่าชี!!”
ตอนนี้เองจ้าววังเทียนฉือที่ไม่ได้พูดอะไรกับฉือหย่าชีมาก่อน ในที่สุดก็เหลือบไปมองกล่าวกับนางเสียงเย็น
“เจ้าคิดปล่อยคนข้ายังพอรับได้ แต่ตอนนี้เจ้าถึงกับกล้าขวางเหลยอิง ข้าเกรงว่านี่มันจะมากเกินไปหน่อยกระมัง?”
กล่าวถึงท้ายประโยคเสียงจ้าววังเทียนฉือก็เย็นลงปานจะแช่ร่างผู้คนให้เป็นน้ำแข็ง
“จ้าววังมิใช่ข้าบอกไปแล้วหรือ ว่าหลังจากนี้อีก 3 วันข้าจะไปตามจับคนกลับมาเอง”
เสียงของฉือหย่าชียังสงบมั่นคง ไม่สั่นคลอนใดๆ แม้จะโดนจ้าววังเทียนฉืออย่างโหวเฟิงอวี้คาดคั้น
“ฉือหล่าง ดูลูกสาวคนดีของเจ้าเถอะ! ยังไม่รีบจัดการนางอีก!!”
จังหวะนี้ โหยวเชิงอรื้อดไม่ได้ที่จะหันไปตะคอกใส่ฉือหล่างเสียงหนัก
“ท่านจ้าววัง…ท่านคิดว่าหากข้าจัดการนางได้ นางจะยังเป็นเหมือนทุกวันนี้อยู่หรือไม่?”
ฉือหล่างได้แต่ยิ้มแห้งๆ กล่าวคําเสียงสลด
โหยวเฟิงอวี้พ่นลมสบถเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปกล่าวกับเหลยอิงว่า “เหลยอิง ในเมื่อนางกล้าหยุดเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้ยั้งมือ!!”
“ทราบ จ้าววัง!”
เหลยอิงราวกับรอวาจาไฟเขียวประโยคนี้ของโหยวเฟิงอวี้อยู่ก็ไม่ปาน หลังขานรับโหยวเฟิงอวี้แล้ว นางก็หันไปมองกล่าววกับฉือหย่าชีด้วยใบหน้าเย้ยเยาะทันที “ฉือหย่าชี ข้าได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้าไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานาม..เช่นนั้นวันนี้ให้ข้า เหลยอิงตรวจสอบสักคราเถอะ!”
“ให้ขาดู ว่าเจ้ายังอ่อนกว่าพ่อเจ้าฉือหล่างขนาดไหน!”
สิ้นคําดุร้ายของเหลยยิ่ง ทั่วร่างนางปะทุอัสนีพลังออกมาอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นเทพเจ้าสายฟ้า เข่นฆ่าไปทางฉือหย่าชีด้วยอํามหิต แววตาเห็นชัดว่าต่อให้ไม่ฆ่าก็ต้องมีถลกหนัง!
“จักรพรรดิอมตะไว้ใจ ขาเองก็อยากชมดูเช่นกันว่าเจ้าอาศัยอะไร ถึงได้มีชื่อเสียงทัดเทียมกับพ่อข้าในวังเทียนฉือ”
เผชิญหน้ากับการจู่โจมเข้ามาด้วยอํามหิตของเหลยอิง ฉือหย่างชีเพียงกล่าวคําด้วยน้ำเสียงไม่แยแส จากนั้นทั่วร่างพลันระเบิดไอพลังมืดดําออกมาขุมหนึ่ง และอยู่ดีๆก็อุบัติร่างๆหนึ่งที่ราวกับจะพุ่งออกมาจากร่างกายนาง!!
ร่างดังกล่าว มีรูปร่างหน้าตาเหมือกันกับฉือหย่าชีไม่ผิดเพี้ยน
เพียงแค่เป็นฉือหย่าชีที่มีสองตาแดงฉานปานก้อนโลหิต และไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆให้เห็น สิ่งนี้เพียงดูก็บอกได้ทันทีว่ามันคือร่างแยกแห่งความตาย ของกฏแห่งความตาย!
และทันทีที่ฉือหย่าชีสองตาแดงปานก้อนเลือดปราฏออกมา หนึ่งเท้าก็เหยียบอากาศแตกระเบิดเป็นวงคลื่น ส่งร่างให้พุ่งทะยานเข้าใส่เหลยอิงปานจุดระเบิด!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
ร่างแยกแห่งความตายของฉือหย่าชีห้อตะบึงออกไปไม่ทันไร ไอพลังมืดดําก็แทบจะปกคลุมจนไม่เห็นร่างคน จากนั้นท่ามกลางไอพลังมืดดําก็ก่อเกิดกระบี่สีดําสนิทเล่มหนึ่ง อันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแหลมคมชั่วร้าย พุ่งทะยานเข้าใส่เหลยอิงอย่างดุดัน!
ด้านเหลยอิงที่เห็นกระบีทมิฬเปี่ยมล้นไปด้วยสภาวะพลังดุดันพุ่งเข้ามา สองมือเหี่ยวย่นก็สะบัดตบออกไปเบื้องหน้าฉับไว อัสนี้สีม่วงรอบกายก็ควบรวมก่อเกิดมังกรสายฟ้าตัวใหญ่ เปล่งเสียงคํารามอย่างผยอง โถมตะครุบเข้าใส่กระบีทมิฬมืด
“ต้วนหลิงเทียน รีบไป!!”
ตอนนี้เอง เผยหยวนจี๋ก็ตะโกนออกมาเสียงดังอีกครั้ง หมายกระตุ้นให้ต้วนหลิงเทียนฉกฉวยโอกาสหลบหนีจากไป เพราะนี่นับเป็นโอกาสดีที่หาได้ยากยิ่ง
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่”
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เร่งรุดจากไปแต่แรก เพราะกลัวว่าฉือหย่าชีจะต้องเจ็บตัวสาหัสจากการต่อต้านเหลยอิงเพื่อช่วยเขา จึงเตรียมลงมือคลี่คลายสถานการณ์ แต่พอได้ยินเสียงตะโกนของเผยหยวนจี๋้เขาก็ดึงสติกลับมาได้ทันที
“จากระดับพลังที่เผยออก พลังของศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเหลยอิงแม้แต่นิดเดียว…นอกจากนั้นต่อให้นางจะเทียบเหลยอิงไม่ได้ แต่เหลยอิงก็ไม่มีทางลงมือถึงขั้นฆ่านางได้ลงคอ
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เหลยอิงก็ไม่อาจไม่เห็นแก่หน้าครู
ความแข็งแกร่งของฉือหล่างไม่ได้ด้อยยไปกว่าเหลยอิงแม้แต่น้อย
หากเหลยอิงกล้าสังหารมื้อหย่าชี ฉือหล่างย่อมไม่มีวันเลิกราแน่ และถึงแม้จ้าววังเทียนฉือจะสั่งห้ามไม่ให้ฉือหล่างล้างแค้นเหลยอิง แต่ฉือหล่างไหนเลยจะยอมฟัง สุดท้ายไม่พันก็ต้องแตกหักกันไปข้าง และหาทางล้างแค้นให้ลูกสาวให้จงได้!
ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงสรุปได้ในพริบตา ว่าจะอย่างไรเหลยอิงก็ไม่มีทางฆ่าฉือหย่าชีได้ลง
“ผู้อาวุโสเหลียนชิว ข้าจะใช้เคลื่อนมิติพาท่านไป”
ขณะกล่าวร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปวางมือบนไหล่เหลี่ยนชิว พลังมิติทั่วร่างพวยพุ่งฉับไวพาเหลียนชิววูบร่างข้ามมิติไปก่อนที่เหลียนชิวจะทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วเหลียนชีววูบร่างข้ามห้วงมิตินั้น หลังมาปรากฏตัวห่างออกไป 20 หว่างคิ้วก็ผ่นยู่เป็นปม เพราะเขาสัมผัสได้ว่าหัวงมิติรอบกายเขา เหมือนจะถูกพลังกล้าแข็งขุมหนึ่งสะกดกักเอาไว้
“ผู้ใด!?”
ทันใดนั้นสีหน้าท่าที่ต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเร็วไว หลังหันมองซ้ายขวาครู่หนึ่ง เขาก็ตะโกนถามออกมาเสียงเข้ม
ในวังเทียนฉือไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานามคนไหนเชียวชาญกฏมิติ แต่ผู้ที่ใช้พลังสะกดห้วงมิติโดยรอบเอาไว้ในลักษณะนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญกฏมิติ!
เพียงแค่ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเลือกจะใช้พลังกักหัวงมิติรอบกายเขาไม่ให้ใช้เคลื่อนมิติหลบหนี เห็นชัดว่าที่ดีไม่มา ที่มาไม่ดี!
วูบ! วูบ!
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงตะโกนต้วนหลิงเทียนดังจบคํา เบื้องหน้าสายตาต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดขึ้นจากอากาศธาตุ
เป็นชายชรามาในชุดคลุมสีเทาอ่อน เส้นผมหยักศกถูกปล่อยให้ยาวสยายไปด้านหลัง หน้าตาไม่คุ้นแม้แต่น้อย
และตอนนี้อีกฝ่ายก็มองตดระทางไกลห่างมาจดจ้องที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย้ยเยาะ กล่าวคําปรามาสออกมาอย่างขบขัน “ไอ้หนู ในพื้นที่กักกันของเราผู้เฒ่า ไม่งายเลยที่เจ้าจักใช้เคลื่อนมิติหลบหนีไปที่ใดได้”
“เจ้าเป็นใคร”
ต้วนหลิงเทียนมองจองไปยังชายชราเบื้องหน้าด้วยสองตาเคร่งเครียด เอ่ยถามออกไปเสียงเข้ม
“จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามชายชราคลุมเทาผู้มาใหม่ เสียงอุทานของจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็ดังขึ้นพอดี
“จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน เขาเคยได้ยินศิษย์พี่ 6 หงเฟยในด่านฉือหล่างเล่าให้ฟังครั้งหนึ่ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีชื่อเสียงในอู๋หยาเทียนพอตัว!
ตอนที่ 3,341 : 3 จักรพรรดิอมตะสมญานาม ใต้บังคับบัญชาจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน
“ดูเหมือนจะเสียเวลามากเกินไป…กระทั่งกําลังเสริมจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่โหยวเฟิงอวี้เรียกมาก็มาถึงแล้ว
เมื่อเห็นการมาของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงปัญหาดังกล่าว
วูบ!
อย่างไรก็ตามขณะที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นตึงเครียด หลังเห็นจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าปรากฏตัวต่อหน้า ร่างปานภูตผีหนึ่งก็วูบมาปรากฏตัวลอยขวางเบื้องหน้าเขาเอาไว้
พอเห็นแผ่นหลังเบื้องหน้าชัดตา เขาก็อดอุทานออกไปไม่ได้ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมงุนงงอยู่บ้าง ด้วยไม่เข้าใจว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่สมควรประมือกับเหลยอิงอยู่ ไฉนมาผุดโผล่เบื้องหน้าเขา เพื่อเตรียมรับมือจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าได้?
อย่างไรก็ตาม ครูต่อมาเขาก็ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปงงง!!
“อั๊ค-!!”
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นจากด้านหลัง จากนั้นยังมีเสียงคนกระอักเลือดแผ่วเบาให้ได้ยิน
เป็นจักรพรรดิอมตะไว้ใจเหลยอิง ที่อยู่ๆก็โดนร่างแยกแห่งความตายของฉือหย่าชีปะทุพลังกล้าแข็งขึ้นจากเดิมหลายส่วน ซัดจนปลิดปลิวละลิ่วข้ามฟ้า พลังอัสนีทั่วร่างยังถูกพลังแห่งความตายกลืนกินทําลาย เลือดกระอักออกเป็นสาย เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย
“เจ้า…ตอนแรกเป็นเจ้าซุกซ่อนพลังเอาไว้!?”
เหลยอิงที่ถูกซัดละลิวปลิวข้ามฟ้า สีหน้าเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มองไปยังร่างฉือหย่าชีอีกครั้ง สองตานางยังเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวทั้งอิจฉาออกมาอย่างยากจะปกปิด
ร่างจริงของฉือหย่าชียังไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไรแท้ๆ แต่อาศัยร่างแยกของกฏแห่งความตายก็เอาชนะนางได้แล้ว
หากร่างแยกแห่งความตายกับร่างจริงรวมเป็นหนึ่ง ความแข็งแกร่งของฉือหย่าชีก็ต้องยกกระดับเพิ่มขึ้นอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้กฎแห่งความตายทุกคน
“ไปเถอะ”
ร่างจริงฉือหย่าชีที่หยุดขวางเบื้องหน้าจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเอ่ยขึ้นลอยๆเสียงเย็น
คําพูดของนาง แน่นอนว่ากล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“คิดไป?”
มุมปากจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่ายกยิ้มแสยะดูเบา และแทบจะทันทีที่สิ้นคํากล่าวเยย้เยาะของมัน ก็ปรากฏเสียงหวีดหวิวฝ่าสายลมดังขึ้นสองครั้งติด
ฟุบ! ฟุบ!
พริบตาต่อมา ข้างกายจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าก็ปรากฏร่างคนขึ้น 2 คน เป็นชายวัยกลางคนที่ทั่วร่างมีเปลวเพลิงลุกโชนคนหนึ่ง กับหญิงชราร่างกายผ่ายผอมในชุดดําที่ถือไม้เท้าในมือ
ชายวัยกลางคนร่างหนาคนนี้ เพียงดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญกฏแห่งไฟ ส่วนหญิงชราร่างผอมชุดดํานั่น ผิวเผินไม่ต่างอะไรกับยายเฒ่าไร้แรงเดิน แต่หากมองสบตานาง จะพบว่าในแววตานางกลับเสมือนห้วงลึกอันไร้กันบึง!
“จักรพรรดิอมตะผลาญเผา จักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี”
เมื่อเห็นร่าง 2 ที่ทยอยกันปรากฏตัวออกมา ฉือหย่าชีก็กล่าวพึมพําออกมาเบาๆ สองตาดั่งสารทฤดูหดเล็กลงทันที
ฟุบ!
ต่อมาจักรพรรดิอมตะเหลยอิงที่พึ่งรับประทานโอสถอมตะและเดินพลังรักษาตัวไปรอบหนึ่งก็เห็นร่างมาหยุดขวางเบื้องหน้าฉืออย่าชีอีกคน ยังมองถามฉืออย่าชีด้วยสีหน้าถือไพ่เหนือกว่า “ฉือหย่าชี อย่าได้พยายามให้เปล่าประโยชน์เลย…หรือเจ้าคิดว่าอาศัยเจ้าเพียงลําพังจักรับมือพวกเรา 4 คนได้จริงๆ?”
ทั้ง 3 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่พึ่งปรากฏตัวออกมา ไม่ว่าใครพลังฝีมือก็ไม่ได้ด้อยกว่าเหลยอิงทั้งนั้น
และจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 ก็เป็นคนของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน!
“เจ้าน่ะหรือคือฉือหย่าชี? อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์วังเทียนฉือ อายุได้พันปีก็กลายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?”
ชายวัยกลางคนร่างหนา จักรพรรดิอมตะผลาญเผา มองถามฉือหย่าชีเสียงดังโผงผางพลางยิ้ม “น่าเสียดาย แต่หากพวกเรา 3 คนร่วมมือกัน อย่าว่าแต่เจ้า…ต่อให้เป็นจ้าววังเทียนฉือของเจ้าก็มีใช่คู่มือของพวกเรา”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจ้าววังจะขอความช่วยเหลือจากพวกเจ้า”
สองตาฉืออย่าชีทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง พอกล่าวออกอีกครั้งน้ำเสียงก็ฟังดูจริงจังนัก สีหน้าไม่อาจเฉยเมยไร้แยแสเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าคนเดียวอีกต่อไป
ก่อนหน้านั้น ตอนเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ฉือหย่าชีเสมือนไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา สีหน้าท่าที่ยังเฉยๆสบายๆ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีความยําเกรงใดๆต่อตัวจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่ได้กลัวจักรพรรดิอมตะทองวว่างเปล่าจะร่วมมือกับเหลยอิงด้วยซ้ำ
“เช่นนั้นก็ให้ข้าชมดูหน่อยเถอะ ว่าอาวุโสทั้ง 3 ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในอู๋หยาเทียนมานานปีที่แท้จะร้ายกาจขนาดไหน”
พอเสียงฉือหย่าชีดังจบคํา ร่างแยกแห่งความตายที่ซัดเหลยอิงจนปลิวก่อนหน้า ก็วูบหายเข้าไปในร่างนางปานภูตผี ขณะเดียวกัน กลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างนาง ก็ทวีความเข้มแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไอพลังแห่งความตายที่พวยพุ่งออกมาจากร่างนางยามนี้ ประหนึ่งเงาร่างภูตผีตัวเขื่องที่ปกคลุมร่างนางเอาไว้ก็ไม่ปาน
และฟังจากวาจาของฉือหย่าชี ดูเหมือนว่านางคิดจะต้านทานรับมือจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 เพียงลําพังจริงๆ!
“สาวน้อย เจ้าจักไม่ยโสเกินไปหน่อยหรือ?”
หญิงชราร่างผอมชุดดําที่ถือไม้เท้า จักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี พอได้ยินวาจาดังกล่าวของฉือหย่าชี สีหน้าของนางก็มืดลงไม่น้อย จากนั้นทั่วร่างผ่ายผอมราวยายเฒ่าไร้เรี่ยวแรง ก็ปรากฏไอพลังสีฟ้าสาดแสงสดใสนวลตา
เห็นได้ชัดว่าจักกรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี เชี่ยวชาญกฏแห่งน้ำ
“หึ!”
ในเวลาเดียวกันไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า หรือจักรพรรดิอมตะผลาญเผาเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์วาจาผยองของฉือหย่าชีเมื่อครู่อยู่บ้าง แต่ละคนพ่นลมขึ้นจมูกเสียงเย็นสีหน้ากลายเป็นดุร้ายเอาเรื่อง
ซูมมม!!
วู้มมม!!
ทันใดนั้นเอง เป็นจักรพรรดิอมตะผลาญเผาปะทุพลังลงมือก่อนใคร เพลิงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่าง เสมือนคนกลายเป็นเทพสงครามอัคคี ในมือไม่ทราบปรากฏหอกยาวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เพลิงพลังโดยรอบรวมรั้งลงสู่ตัวหอก เสือกแทงเข้าใส่ฉืออย่าชีดื้อๆ
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเองก็ไม่อยู่เฉย คนใช้เคลื่อนมิติวูบร่างไปหยุดในมุมอับสายตาฉือหย่าชี จากนั้นทิศทางตรงข้ามกลับปรากฏรอยแยกมิติ 9 รอยกลางหาว อุบัติคมมีดมิตาสีเทาพวยพุ่งออกมาฉับไว! เป็นการส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิมที่น่าดูขมนัก!!
เวิงงง!!
ครืนนนน!!
ด้านจักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี หมุนควงไม้เท้าไม่กี่รอบ ทันใดนั้นอากาศธาตุเบื้องหน้านาง ก็อุบัติมวลน้ำมหาศาล ก่อนจะโถมถันเข้าใส่ฉืออย่าชีดั่งคลื่นสมุทรระลอกแล้วระลอกเล่า
ในเวลาเสี้ยวพริบตา จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 ก็ลงมือออกมาแล้ว กระบวนพลัง 3 สายซัดถล่มเข้าใส่ฉืออย่าชีอย่างพร้อมเพรียง!
ฟุบบ!
เผชิญหน้ากับการจู่โจมจากจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 พร้อมกัน ฉือหย่าชีย่อมไม่ลําพองคิดต้านรับอย่างโง่งม พลังสีมีดระเบิดขึ้นทั่วร่าง คนพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วปานภูตผีหลีกหลบกระบวนท่าของ 3 จักรพรรดิอมตะสมญานาม!
ทว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 จากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนไหนเลยจะง่ายดาย? ทันทีที่ฉือหย่าชีเลือกจะวูบร่างหลบหนีขึ้นฟ้า กระบวนท่าที่แต่ละคนชัดมา คล้ายมีดวงตางอกเงย ต่างพากันหักเหเปลี่ยนทิศทาง พุ่งขึ้นฟ้าติดตาฉือหย่าชีไปดั่งเงาตามตัว
วูบ!
ฉือหย่าชีเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ ทั่วร่างปะทุพลังแห่งความตายขุมหนึ่ง ก่อนร่างแยกแห่งความตายจะปรากฏขึ้น จากนั้นก็แยกห่างจากร่างจริงฉือหย่าชี ล่อพลัง 3 สายที่ถล่มเข้าใส่ไปอีกทาง
อย่างไรก็ตามในขณะที่ร่างแยกล่อพลัง 3 สา ร่างจริงฉือหย่าชีก็ไม่ได้อยู่เฉย คนพุ่งข้ามฟ้ามาฉับไว เหลือไว้แค่ภาพติดตาในอากาศ!
จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าที่เชี่ยวชาญกฏมิติ พอเห็นฉืออย่าชีปะทุพลังวูบร่างเข้าใส่ตัวมันด้วยความเร็วสูง สีหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง เร่งใช้พลังของกภูมิติเต็มกําลัง สร้างหัวงมิติกักกันฉืออย่าชีเอาไว้ในพริบตา
“พัง!”
อย่างไรก็ตาม ในมือฉืออย่าชีพลันปรากฎกระบี่สีเขียว 3 ฉือที่เรืองรองไปด้วยแสงพลังสีดําเล่มหนึ่ง เพียงนางจ้วงกระบีแทงออกไปเบื้องหน้า กรงมิติของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าก็เสมือนฟองอากาศเปราะบาง แตกสลายลงในพริบตา!
“นั่นมัน…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นว่ากระบี่สีเขียว 3 ผื่อที่ฉือหย่าชีที่ใช้อยู่ ปรากฏเงาร่างสิ่งมีชีวิตสีดําบางอย่างคล้ายอสรพิษเลื้อยลดบริเวนด้ามกระบี่ รัดพันมือฉือหย่าชีเอาไว้
“วิญญาณสถิตย์ศาสตรางั้นรึ?”
ในฐานะผู้ที่เคยครอบครองเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และมีจิตวิญญาณสถิตย์ศาสตราอย่างผู้เฒ่าหัว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่านั่นเป็นจิตวิญญาณสถิตย์ศาสตราของกระบีในมือฉืออย่าชี
เห็นได้ชัดว่ากระบี่อมตะระดับจักรพรรดิเล่มนี้ เป็นยอดกระบีในบรรดายอดกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิด้วยกัน การที่มันมีจิตวิญญาณสถิตย์ศาสตราเช่นนี้ ทําให้พลังอานุภาพของมันไล่ๆกับอุปกรณ์เทพระดับต่ำเลย!
“เจ้าจะมัวยืนโง่ทําอันใด? ยังไม่รีบหนีไปอีก!?”
ทันใดนั้นเองเสียงผ่านพลังของฉือหย่าชีก็ส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียงดังลั่น กระตุ้นเตือนให้เร่งรุดหลบหนี
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่”
เห็นสตรีร่างบางไกลตาที่ยืนหยัดรับมือต้านทานจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 เพียงลําพังแต่ยังมิวายหันมากล่าวเตือนตัวเองให้หลบหนีจากไป ใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความซาบซึ้งนักพอดึงสติกลับมาได้ ร่างสะท้านไปเบาๆพลังมิติพุ่งพล่าน เตรียมเคลื่อนร่างหลบหนีทันที
ถึงแม้ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะแลดูหาญกล้าไม่หวั่นไหว
แต่ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะบอกไม่ได้ว่าหากนางต้องปะทะหักหาญกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 จริงๆ นางไหนเลยจะเป็นคู่มือของทั้ง 3
“คิดไปงั้นรึ?”
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเผยท่าที่จะจากไปพร้อมเหลียนชิว เหลยอิงที่ชมดูเรื่องราวอยู่แต่แรก ก็ปะทุพลังที่พึ่งพื้นออกมาใช้เกือบหมด คนคล้ายอัสนีวาบฟ้าสายหนึ่ง จี้เข้ามาหมายขัดขวางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอัศจรรย์!
“อาวุโสเหลียนชิว อาการบาดเจ็บของนางยังเหลือไม่น้อย ท่านกับข้าพวกเรามาร่วมมือกันเล่นงานนางเถอะ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวชวนเหลียนชิว จากนั้นก็เร่งเร้าพลังใช้ออกด้วยร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว จากนั้นก็พุ่งส่วนเข้าใส่เหลยอิงอย่างไม่หวั่นเกรง
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียน ด้านเหลียนชิวก็ควบแน่นพลังสร้างกระพลังชุดหนึ่งขึ้นมาม้วนวนรอบกายเร่งเร้าสภาพวะก่อน จะจี้มือควบคุมกระบีพลังให้พุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหลยอิงทันที!
กระบี่พลังชุดนี้เดิมทีก็เรียงรายกันเข่นฆ่าเข้าใส่เหลยอิง แต่พอลุถึงกลางทาง กระบี่พลังแต่ละเล่มก็พร่ามัวดั่งเงาเลือน ก่อนจะแตกตัวออกฉับไว กลับกลาเป็นห่าพิรุณกระบี่พลังห่าหนึ่ง ถล่มเข้าใส่เหลยอิงอย่างดุร้าย!
ด้านต้วนหลิงเทียนที่ควบสร้างร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว และโจนทะยานสววนเข้าใส่เหลยอิงนั้น ก็ได้ลอบใช้พลังของเทพเบญจธาตุอย่างแยบคาย ถักทอกิ่งสนหลิวนับร้อยเป็นหนึ่งกิ่งมหึมา พุ่งสวนเข้าใส่เหลยอิงอย่างดุดัน!
“ตกแตนคิดหยุดรถม้า!!”
เหลยอิงแคนคําเย้ยหยันเสียงเย็น จากนั้นอัสนีพลังทั่วร่างก็ควบสร้างเป็นมังกรสายฟ้าสีม่วงตัวเขื่องพุ่งถล่มเข้าใส่กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวมหึมาของต้วนหลิงเทียนอย่างอุกอาจ! ดูท่าคิดจู่โจมทําลายกิ่งใหญ่ และถล่มใส่ต้วนหลิงเทียนให้สิ้นชื่อรวดเดียว!!
“อาวุโสเหลียนชิว จู่โจมนางต่อไป ไม่ต้องหยุด!”
ต้วนหลิงเทียนที่ราวกับจะอ่านใจเหลียนชิวได้ออก ว่าเหลียนชิวกําลังคิดจะรวมรั้งห่ากระบี่พลังมาช่วยเขาต้านทานมังกรสายฟ้า ก็เร่งแผดคําดังลั่น บอกให้เหลียนชิวจู่โจมใสเหลยอิงสืบต่อ!
เหลียนชิวที่คิดจะควบคุมห่ากระบี่ไปต้านรับมังกรสายฟ้า ก็ล้มเลิกความคิดในบัดดล เลือกที่จะเชื่อใจต้วนหลิงเทียนแล้วควบคุมห่าพิรุณกระบีถล่มใส่เหลยอิงเหมือนเดิม!
อย่างไรก็ตาม ห่าพิรณกระบี่ที่เหลยชิวสร้างขึ้น พลังอานภาพยังถือว่าอ่อนด้อยนัก แคปะทะเข้ากับรัศมีพลังคลุมกายทั่วไปของเหลยอิง มันก็ถูกทําลายได้ง่ายๆแล้ว เกรงว่าสุดท้ายคงเหลือกระบี่พลังไม่กี่เล่มที่จะถึงตัวเหลยอิง แถมคงสิ้นพลังอานุภาพจนทําได้แค่เกาแก้คันให้นาง!
อย่างไรก็ตาม พอตะโกนออกไปอย่างย่ามใจได้ไม่ทันไร เหลยอิงก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สีหน้านางเปลี่ยนสีไปในฉับพลัน
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวที่ต้วนหลิงเทียนควบรวมสร้างขึ้นเป็นกิ่งเขื่อง เดิมทีก็ส่อแววพังทลายหลังปะทะกับมังกรสายฟ้าสีม่วงของเหลยอิง นอกจากนั้นเหลยอิงยังรู้ว่ามังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังคงช่วยจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา เถิงฉงป้า รับมือจักรพรรดิอมตะมังกรฉางเจียงอยู่ ทําให้เหลยอิงไม่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามนางไม่คิดไม่ฝันเลย ว่ากิ่งต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียน ที่เดิมที่ส่อแววจะพังทลายใต้พลังอํานาจของมังกรสายฟ้านาง อยู่ๆคล้ายถูกฉีดเลือดไก่ ปลดปล่อยพลังอํานาจที่เหนือชั้นและทรงพลังสุดที่นางจะคิดคาดออกมาหน้าตาเฉย!
เรียกว่ากิ่งต้นไม้เทพสนหลิวอันเขื่องยามนี้ มันทรงพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางค่อนไปทางสูงแม้แต่น้อย!
“เป็นไปไม่ได้!!”
เหลยอิงย่อมไม่รู้ ว่าต้วนหลิงเทียนได้ลอบใช้พลังของเทพเบญจธาตุอย่างแยบคาย หนุนเสริมพลังให้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแต่แรก! แถมตอนแรกปะทะเขาก็เลือกปกปิดพลังเอาไว้ให้นางตายใจ พอถึงจังหวะสําคัญค่อยปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวอันเขื่องที่ปะทะต้านทานกับมังงกรสายฟ้าสีม่วงตัวใหญ่ คล้ายได้รับพลังอํานาจหนุนเสริมจากทวยเทพ สามารถโต้กลับมังกรสายฟ้าของเหลยอิง ที่เร่งรุดจ่ายพลังเข้าไปหนุนเสริมตาลีตาเหลือกได้ง่ายดาย!
ตูมมมม!
เสียงปะทะระเบิดดังขึ้นถนัดถนี่ ยังดังสนั่นจนฟ้าสะท้านดินสะเทือน! ต่อมาก็เห็นร่างหนึ่งปลิดปลิวกระเด็นละลิ่วออกจากจุดปะทะ ร่างดังกล่าวกระอักโลหิตออกเป็นสายสร้างถนนสีเลือดตัดฟ้า กลิ่นอายพลังทั่วร่างอ่อนโทรมลงถึงขีดสุด! แลดูประหนึ่งสุนัขป่วยจึงคลานออกมาจากดงตีน!!
เป็นจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น