War sovereign Soaring The Heavens 3330-3333

 ตอนที่ 3,330 : นักโทษแหกคุก!


 


“แย่แล้ว”


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ค่ายกลและข่าอาคมพันธนาการของชั้น 3 พังทลายลง อาวุโสเซียที่นั่งขัดสมาธิข้างต้วนหลิงเทียน ก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง


 


จากนั้นเมื่อเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า สองตามันก็ฉายแววหวาดผวาพรั่นกลัว


 


“ดะได้อย่างไร พวกมันจักออกมาได้อย่างไร!?”


 


เนื่องเพราะมันแลเห็นว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่ถูกขังอยู่ในชั้น 3 ของเรือนจําหลัง นี้ ได้พังทลายพันธนาการทั้งปวง และก้าวออกมาจากพื้นที่กักกันเดินมาจนห่างมันไม่ไกลแล้ว


 


ผู้ที่นำมายังเป็นชายหนุ่มในชุดขาวกระจ่างไร้รอยเปื้อนใดๆ


 


จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋


มันไม่เพียงแต่จะรู้จักเผยหยวนจี๋เท่านั้น แต่ยังจดจําชายคนนี้ได้แม่นยํา เพราะในบรรดานักโทษทั้งหมดที่ถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้ อีกฝ่ายเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถูกวังเทียนฉือของพวกมันจับด้วยตัวเอง แต่ต้องรบกวนจักรพรรดิสววรรค์แห่งอู๋หยาเทียนให้มาช่วยจับ!


 


กล่าวได้ว่า ที่จักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหน้าถูกจับ..ก็เพราะจักรพรรดิสวรรค์ลงมือ!


 


“มัน มันก็หลุดออกมาได้?”


 


สีหน้าชายชราตอนนี้มืดดําปานถ่านไหม้ มันไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเผยหยวนจี๋จะทําลายพันธนาการได้ ต้องทราบด้วยว่าเผยหยวนจี๋ผู้นี้ กระทั่งจ้าววังเทียนฉือของมันยังเอาไม่อยู่ถึงขั้นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์!


 


กระทั่งดูจากสถานการณ์วันนั้น เกรงว่าหาจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนไม่มา จ้าววังเทียนฉือของมันไม่พ้นต้องถูกเผยหยวนจี๋ผู้นี้ทุบตีจนเปลี้ย!


 


และจังหวะนี้ เมื่อมันต้องมาเผชิญหน้ากับเผยหยวนจี๋ที่เดินนําจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนมา ชายชราแซ่เซี่ยก็ได้แต่ตัวแข็งค้าง ไม่เหลือความคิดต่อต้านใดๆ สีหน้าเริ่มซีดลงราวกระดาษหาสีเลือดไม่เจอ


 


จังหวะนี้ แม้มันจะไม่อยากตายแค่ไหน แต่มันรู้ดีว่าต้องตายแน่!


 


“ไปกันเถอะ”


 


อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายชราแซ่เซี่ยคิดไม่ถึงก็คือ เผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆไม่ได้คิดทําร้ายมัน เพียงมองทักทายคนข้างๆมันด้วยรอยยิ้มบางๆเท่านั้น


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


 


สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปเป็นงุนงง จากนั้นก็หันมองไปข้างกายโดยไม่รู้ตัว จึงพบว่าศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง ยังเป็นศิษย์น้องเล็กของ 1 ใน 3 พัสดีในคุกหมื่นพันธนาการอย่างพัสดีคือ หลังจากที่ได้ยินคําชวนของเผยหยวนจี๋ก็พยักหน้าตอบรับออกมาหน้าตาเฉย “เอาล่ะ”


 


“เป็นฝีมือมัน?”


 


ลูกตาของชายชราแช่เซี่ยหดหยีลงเร็วไว หากตอนนี้มันยังไม่รู้ว่าที่ทั้งหมดสามารถทําลายพันธนาการและค่ายกลในชั้น 3 ได้เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้ เกรงว่าชีวิตที่มันอยู่มาเนิ่นนานคงไร้ค่ากว่าชีวิตสุนัขแล้วจริงๆ


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาซับซ้อนที่มองมาของอาวุโสเซี่ย ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มพูดกับอีกฝ่ายเป็นเชิงแนะนํา “อาวุโสเซี่ย หลังจากนี้ท่านอยู่ที่นี่จะดีกว่า…”


 


“ข้างนอกมันตรายเกินไป…”


 


พอกล่าวจบต้วนหลิงเทียนและเผยหยวนจี๋ก็ก้าวอาดๆลงจากชั้น 3 ของเรือนจําหลังนี้ทันที จักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนก็ก้าวตามไปติดๆ


 


ถึงแม้ทั้ง 5 จะล้วนเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีชื่อเสียงพอตัว แต่บัดนี้ทุกคนกลับเดินตามหลังเผยหยวนจี๋ต้อยๆ แลดูเชื่องปานลูกเจี๊ยบติดตามแม่ไก่..


 


“บิ๊กๆๆ แซ่เซี่ย…เจ้าต้องขอบคุณเจ้าหนูหลิงเทียนผู้นั้น หากไม่ใช่เพราะเจ้าหนูหลิงเทียนบอก ให้พวกเราไว้ชีวิตเจ้าล่ะก็ป่านนี้เจ้าตายไปนานแล้ว!”


 


ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีบาต ยามเดินผ่านอาวุโสเซี่ยมันก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่อาวุโสเซี่ยเบาๆ พอกล่าวด้วยรอยยิ้มลี้ลับจบคํา มันก็เดินตามทุกคนไปทันที


 


พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับทุกคนลงบันไดหายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว อาวุโสเซียก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา “ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนผู้นั้นกลับมีความสามารถถึงขนาดนี้”


 


จังหวะนี้ชายชราไม่เพียงไม่โกรธที่ถูกหลอก ยังรู้สึกชื่นชมในความสามารถและรู้สึกขอบคุณอีกด้วย


 


มันรู้ดีว่าจักรพรรดิอมตะอัสนีบาตไม่จําเป็นต้องโกหกมันแม้แต่น้อย ไม่พ้นต้องเป็นเพ ราะต้วนหลิงเทียนเอ่ยปาก มันถึงยังรอดชีวิตอยู่ได้


 


สําหรับเรื่องนี้ มันก็ได้แต่รู้สึกขอบคุณต้วนหลิงเทียนในใจเท่านั้น


 


สําหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยทุกคนออกไป มันจะอยู่หรือไม่อยู่ที่นี่ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกัน


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่ได้หลอกใช้อะไรมันเลย


 


“นักโทษแหกคุกแบบนี้ ดูเหมือนว่าคุกหมื่นพันธนาการต้องปั่นป่วนครั้งใหญ่แน่แล้วเพื่อค วามปลอดภัย ข้าอยู่ที่นี่ให้เรื่องซาลงก่อนดีกว่า ค่อยออกไป…”


 


พอนึกถึงคําเตือนของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ชายชราแซ่เซี่ยก็เลือกจะนั่งขัดสมาธิและหลับตาบ่มเพาะพลังสืบต่อ ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


แต่อันที่จริงแล้ว ตอนนี้มันเลิ่กลั่กจนไม่รู้จะทําอย่างไรแล้วจริงๆ


 


ใช้เวลาอยู่นานกว่ามันจะสงบสติอารมณ์ลงได้


 


ส่วนอีกด้าน


 


หลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋เดินนําลงมาจากชั้น 3 ไม่นานทุกคนก็มาถึงชั้น 2 ของเรือนจํา ที่มีตู้เสวียนกับเหลียนชิวถูกจับขังอยู่ และทั้งคู่ยังเป็นวัตถุประสงค์การกระทําทั้งหมดของเขา


 


“ต้วนหลิงเทียน!?”


 


“ท่านลงมาทําอะไรที่นี่เล่า?”


 


“แล้วชายผู้นี้เป็นใคร?”


 


ศิษย์อัจฉริยะทั้ง 2 คนที่รับหน้าที่ลาดตระเวนชั้น 2 ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงอยู่บ้างเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋


 


ถึงแม้ว่าเผยหยวนจี๋จะเป็นนักโทษที่ถูกขังบนชั้น 3 ของเรือนจํา และพวกมันก็เคยไปลาดตระเวนชั้น 3 มาแล้วในปีก่อนๆ แต่เนื่องจากเผยหยวนจี๋ไม่ค่อยออกจากกระต๊อบ พวกมันจึงไม่รู้จักเผยหยวนจี๋


 


อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่แลเห็นร่างอีก 5 คนที่ติดตามอยู่ด้านหลัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที คนยังสมือนตัวแข็ง ยืนนิ่งขาตาย


 


เผยหยวนจี๋ไม่ค่อยออกมา พวกมันจึงไม่รู้จัก


 


อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนมักออกจากกระต๊อบมาอยู่ด้านนอก พวกมันจึงจดจําได้ทันที


 


“พะ..พวกมันไฉนออกมาได้เล่า!?”


 


“ค่ายกลกับข่ายอาคมพันธนาการบนชั้น 3 พังพินาศแล้วหรือ!?”


 


“เช่นนั้น…ชายหนุ่มชุดคลุมขาวที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน..หรือจะเป็นจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ที่เป็นดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่คิดจะออกจากกระต๊อบมาพบเจอผู้ ใดนั้น?”


 


“หะ..6 จักรพรรดิอมตะสมญานาม หลุดออกมาหมดแล้ว?”


 


สีหน้าศิษย์อัจฉริยะทั้ง 2 ซีดเป็นไก่ต้มทันที ตอนนี้ขาพวกมันสั่นระริก ตัวแข็งนิ่งค้างไม่อาจขยับไปไหนได้


 


ฟุบ!


 


ต้วนหลิงเทียนพลันลงมือออกทันที ร่างไหววูบดั่งเงาเลือนไปโผล่เบื้องหน้าทั้งคู่ก่อนจะหวดเตะออกไป 2 ที ทําให้ทั้งคู่ที่หวาดกลัวจนตัวแข็งถูกเตะปลิวกระเด็นออกไป แน่นอนว่าพวกมันก็ถือโอกาสนี้แกล้งสลบไปเลย


 


ครูต่อมาต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ก็มาถึงห้องขังเหลียนชิว


 


“หืม?”


 


เหลียนชิวที่ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงความเคลื่อนไหวผิดปกติจากการลงมือของต้วนหลิงเทียน ก็ลืมตาขึ้นโดยไม่ต้องให้ใครเรียก จากนั้นจึงพบว่าด้านนอกห้องขังของมันกลับมีร่าง 7 ร่าง ยืนอยู่เรียบร้อยแล้ว


 


และมันยังเห็นหนึ่งในคนคุ้นตา ชายหนุ่มที่ลูกสาวของมันชมชอบ


 


“พี่ใหญ่เผย”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักเผยหยวนจี๋ จากนั้นเผยหยวนจี๋ก็ใช้วิธีการที่ต้วนหลิงเทียนสอนเพื่อทําลายข่ายยอาคมพันธนาการในคุกของเหลียนชิวทันที ยังทําลายลูกกรงไปพร้อมๆกัน


 


“ขอบคุณใต้เท้า”


 


ในขณะที่เผยหยวนจี๋ลงมือ เหลียนชิวก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม มันก็รีบลุกขึ้นมาประสานมือกล่าวขอบคุณเผยหยวนจี๋ด้วยความเคารพทันที


 


“ผู้ชายที่ไม่แม้แต่จะปกป้องผู้หญิงของตัวเองได้ นับว่าไม่ใช่ตัวดีอันใด…”


 


หลังมองเขม่นเหลียนชิวตาขวาง เผยหยวนจี๋ก็เลิกสนใจหันไปทําลายห้องขังของตู้เสวียนทันที


 


ด้านเหลียนชิวที่ได้ยินเสียงตําหนิของเผยหยวนจี๋ก็ยืนเหวอไปด้วยความงุนงง จากนั้นเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นในหูมันอย่างประจวบเหมาะ “อาวุโสเหลียนชิว พี่ใหญ่เผยผู้นี้ กับตู้เฟยที่เป็นป้าของอาวุโสตู้เสวียน เป็นคนรักกัน…ท่านกับผู้อาวุโสตู้เสวียนวันหลัง เรียกพี่ใหญ่ เผยว่าลุงก็ได้”


 


“ที่พี่ใหญ่เผยมาถูกจับขังไว้ที่นี่ ก็เพราะคิดจะบุกมาช่วยอาวุโสตู้เสวียน…”


 


พอเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนดังจบคํา ลูกตาเหียนชิงก็หดเล็กลงเร็วไว “ชายคนนี้คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนจับตัวมาขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการหรือ?”


 


ในอดีตแม้เหลียนชิวจะเคยได้ยินเรื่องเผยหยวนจี๋มาบ้าง แต่ก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น


 


เมื่อ 200 กว่าปีก่อน มันได้ยินผู้คุมคุยกันอย่างออกรส ว่ามีตัวตนอันร้ายกาจคนหนึ่งถูกจับมาขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการ


 


และตัวตนอันร้ายกาจที่ว่าก็คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋


“ใต้เท้าเผยหยวนจี๋ถูกจับขังเพราะคิดช่วยเสวียนเอ้อ? ใต้เท้านับเป็นลุงของเสวียนเอ้องั้นหรือ?


 


เหลียนชิวกลัวจนโง่งมแล้วจริงๆ


 


“เจ้ายังจะยืนโง่หาสวรรค์วิมานอันใดอยู่อีก? ไม่คิดช่วยสตรีของเจ้าแล้วหรือไร?”


 


จนเมื่อเสียงตําหนิดุๆของเผยหยวนจี๋ดังขึ้นอีกครั้ง เหลียนชิวจึงได้สติ และรีบแจ้นไปช่วยหญิงชราที่ถูกเผยหวนจีบอกให้ช่วยประคองจิ้งจอกมายาโชกเลือดออกมาทันที


 


หลังได้อุ้มจิ้งจอกมายาเอาไว้ดีแล้ว แววตาของเหลียนชิวก็เผยความตื่นเต้นยินดีออกมา


 


“คราวหน้าหากเจ้าต้องปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกล่ะก็ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”


 


เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับตู้เฟย เผยหยวนจี๋จึงรู้สึกผิดในใจนัก ตอนนี้หลานสาวของตู้เฟยยังมาตกอยู่ในสถานการณ์เพราะชายตรงหน้าคนเดียว สีหน้าเผยหยวนจี๋จึงไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่


 


“ขออาวุโสอย่าได้กังวล”


 


เหลียนชิวตอบรับพลางมองร่างจิ้งจอกมายาในอ้อมอก ก่าวด้วยน้ำเสียยงแน่วแน่ว่า “วันนี้ข้าจะปกป้องเสวียนเอ้อด้วยชีวิต…เว้นแต่ข้าตาย จะไม่มีใครแตะต้องนางได้อีก!”


 


“ทุกคนฟัง”


 


ตอนนี้เองเผยหยวนจี๋ก็หันไปกล่าวผสานพลังกับนักโทษทั้งหมดที่ถูกขังในชั้น 2 “ตอนนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าทุกคนออกมา พอพวกเจ้าทุกคนออกมาแล้ว…”


 


“หลังออกไปพ้นเขตคุกหมื่นพันธนาการ พวกเจ้าจะทําอะไรหรือจะไปไหนก็ไป แต่ก่อนจะออกจากคุกหมื่นพันธนาการให้ตามข้ามาดีๆ อย่าได้สร้างปัญหา!”


 


“ใครกล้าสร้างปัญหาข้าจะฆ่ามันให้ตาย!”


 


พอเสียงเผยหวนจ์ดังจบคํา ก็อุบัติแสงพลังสีเหลืองส่งอสว่างขึ้นเรืองรองใต้เท้า จากนั้นพลังดังกล่าวก็แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง ควบรวมเป็นเส้นสายนับหมื่นพันพุ่งไปทําลายพันธนาการคุมขัง ปลดปล่อยนักโทษทั้งหมดในเรือนจําชั้น 2 ทันที!


 


“ขอบคุณใต้เท้า”


 


ท่ามกลางเสียงขอบคุณจากนักโทษมากมาย ต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ก็เดินลงไปยังชั้นที่ 1 ของเรือนจําทันที


 


เนื่องเพราะแต่ละชั้นมีค่ายกลปิดกั้นเสียงเอาไว้ ถึงแม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชั้นที่ 2 จะไม่ใช่เล็กน้อย แต่ผู้คุมที่อยู่ในชั้น 1 ก็ไม่อาจรับรู้อะไรได้เลย


 


ครูต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบเจอเหลยจวิ้น และผู้อาวุโสคุกหมื่นพันธนาการแซ่หงอีกครั้ง


 


“ต้วนหลิงเทียน?”


 


เห็นต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่ชั้นหนึ่ง เหลยจวิ้นก็ขมวดคิ้วทันที


 


ส่วนชายยชราข้างเหลยจวิ้น พอสังเกตเห็นเผยหยวนจี๋ สีหน้าท่าทีมันก็อดเปลี่ยนไป ใหญ่หลวงไม่ได้ “ท่านไฉนท่าน…ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”


 


ศิษย์อัจฉริยะทั้งคู่บนชั้น 2 อาจไม่เคยพบเจอเผยหยวนจี๋้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาวุโสของคุกหมื่นพันธนาการจะไม่รู้จักเผยหยวนจี๋ไปด้วย


 


ดุจเดียวกับอาวุโสเซียบนชั้น 3 อีกฝ่ายจําเผยหยวนจี๋ได้ตั้งแต่แรกเห็น!


 


“ผู้อาวุโส มันเป็นผู้ใดหรือ?”


 


เหลยจวิ้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


“จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋!”


 


ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นขม


 


“อะไร!?”


 


“จะจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี!?”


 


หลังได้ยินเสียงชายชรา หน้าเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง


 


มันได้ยินเรื่องราวจากปากจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง มารดาของมันมามากกว่าหนึ่งครั้งว่าจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋เป็นใคร! จึงรู้ว่าอีกฝ่ายคือจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ร้ายกาจถึงขั้น โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือของพวกมันยังไม่ไหวจะสู้!!


ตอนที่ 3,331 : เหลยจวิ้นร่ําร้องขอชีวิต


 


เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว การปะทะกันระหว่างจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ กับ โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือนั้น นับว่าทําให้วังเทียนฉือต้องสั่นสะเทือนไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามการต่อสู้ในวันนั้น มีคนในวังเทียนฉือไม่มากที่อยู่ในเหตุการณ์ และคน ที่เห็นเรื่องราวก็มีแค่ 7 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเท่านั้น


 


และแม่ของเหลยจวิ้น จักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็พอดีอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน


 


ด้วยเหตุนี้เหลยจวิ้นจึงได้รับทราบเรื่องราวการต่อสู้ทั้งหมดจากปาก เหลยอิง มารดาของมัน มันก็เลยรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ดี


 


จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี…ไฉนมาอยู่ที่นี่ได้


 


“แล้วทําไมถึงไปอยู่กับต้วนหลิงเทียนอีก?”


 


จังหวะนี้ในใจเหลยจวิ้นย่อมเต็มไปด้วยความสับสนปั่นป่วน เพราะในสามัญสํานึกของมัน ไม่มีทางที่ต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาปลดปล่อยจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ จากพื้นที่กักกันได้เลย


 


เพราะตัวนหลิงเทียนไม่มีทางมีความสามารถดังกล่าว!


 


เนื่องจากหนึ่งในผู้ถูกคุมขังก็คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจี ที่แม้แต่จ้าววังเทียนฉือยังเอาไม่อยู่ ดังนั้นมาตรการป้องกันคุกหมื่นพันธนาการโดยเฉพาะชั้น 3 จึงได้รับการเสริมแกร่งถึงขีดสุด ไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง ต่อให้เป็นอาวุโสในคุกหมื่นพันธนาการเองก็ไม่มีปัญญาปล่อยผู้คนออกมาได้ เพราะค่ายกลมันสลับซับซ้อนและทรงพลังเกินไป


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลกับข่ายอาคมพันธนาการที่กักขังนักโทษบบนชั้น 3 เรียกว่าไม่มีทางใช้กําลังฝ่าทําลายได้แน่ๆ จะมีก็แต่พัสดีทั้ง 3 เท่านั้นที่รู้รูปแบบและวิธีการปิดข่ายอาคมกับค่ายกล


 


“จริงสิ!”


 


“ฉือหย่าชีนั้นเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของต้วนหลิงเทียน…หรือฉือหย่าชื่นั่นจะสอนวิธีเปิดปิ ดค่ายกลให้ด้วนหลิงเทียน!?”


 


ในขณะที่เหลยจวิ้นกําลังครุ่นคิดไปเร็วรี่


 


ด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ ก็ปรากฏรางจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่เดิน ตามลงมาจากชั้น 2 จังหวะนี้สีหน้าชายชราข้างกายเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนอีกรอบ


 


“จบแล้ว…จบสิ้นกันแล้ว ทั้งหมดแหกคุกออกมาได้หมด!”


 


ในเมื่อชายชราสามารถจดจําได้กระทั่งเผยหยวนจี๋ที่ไม่ค่อยยปรากฏตัวออกมาดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง เช่นนั้นกับอีก 5 คนเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้จัก


และหลังจากเหลยจวิ้นได้เห็นร่างคนทั้ง 5 กอปรกับได้ทราบจากชายชราว่านั่นคือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่ถูกขังบนชั้น 3 สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงเช่นกัน


 


“ตัวนต้วนหลิงเทียน! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ร่วมมือกับฉือหยวนชีปล่อยจักรพรรดิอมตะ สมญานามเหล่านี้! เจ้าทราบหรือไม่ว่านี่คืออาชญากรรมร้ายแรง! วังเทียนฉือของเราไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”


 


เหลยจวิ้นมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม


 


“ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”


 


พอได้ยินเหลยจวิ้นเอ่ยชื่อศิษย์พี่หญิงใหญ่ของตัวเองออกมา ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยตอบสนองเรื่องราว ด้วยรู้ว่าไม่พ้นเหลยจวิ้นต้องกําลังเข้าใจผิด คิดว่าฉือหย่าชีเป็นคนเสี้ยมให้เข้าปล่อยนักโทษทั้ง 6 ไม่เว้นสอนวิธีเปิดปิดค่ายกลและข่ายอาคมให้เขา…


 


“เหลยจวิ้น สมองเจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?”


 


ตัวนหลิงเทียนกล่าวอย่างประชดประชันว่า “หากศิษย์พี่หญิงของข้าคิดปล่อยคน นางยังต้องยืมมือข้าทําอะไร ไม่สู้หาโอกาสเหมาะทําด้วยตัวเอง จะได้ราบรื่นกว่านี้หรือไร?”


 


“เฮอะ! หากไม่ใช่เพราฉือหย่าชีสอนเจ้า อาศัยเจ้าไหนเลยจะมีปัญญาทําลายค่ายกลและขายอาคมทั้งหมดได้!?”


 


เหลยจวิ้นไม่เชื่อ


 


“ข้าทําลาย?”


 


ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นคนทําลายค่ายกลกับข่ายอาคม? ค่ายกลกับข่ายอาคมนั่นพวกพี่ใหญ่เผยลงมือทําลายเองต่างหาก!”


 


“เป็นไปไม่ได้!”


 


ทันที่ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา เสียงชายชราข้างเหลยจวิ้นก็โพล่งดังขึ้นมาทันที ยังส่ายหน้าไปมาไม่หยุด “ค่ายกลกับข่ายอาคมเหล่านั้นพิเศษมาก หากพวกมันทําลายได้เองไฉนไม่ทําลายแล้วหลบหนีออกไปแต่แรก ไยต้องรอจนถึงตอนนี้?”


 


“เป็นธรรมดาว่า วิธีทําลายค่ายยกลกับข่ายอาคมทั้งหมด ข้าเป็นคนสอนทุกคนเอง…”


 


ตัวนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ


 


“เจ้า!?”


 


ลูกตาชายชราหดเล็กลง จากนั้นก็กล่าวออกด้วยสีหน้ามืดมน “ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้หรือไม่ เรื่องที่เจ้าทําวันนี้ ต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดจะหนีไปได้ แต่วังเทียนฉือต้องไล่ล่าเจ้าแน่!”


 


“อีกทั้งเบื้องหลังวังเทียนฉือเรายังมีจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนเผยหวนจี๋ผู้นั้น กระทั่งใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังเป็นคนจับมันขังด้วยตัวเอง การที่เจ้าปล่อยมันออกมาเช่นนี้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่พิโรธได้รึ? ถึงตอนนั้นเจ้าได้ตายแน่!”


 


ชายชรากล่าวขู่!


 


“หนวกหู!!”


 


ทว่าชายชรากล่าวไม่ทันจบคําดี ชายหนุ่มอันมีใบหน้าเย็นชาที่ตามมาด้านหลังต้วนหลิง เทียนกับเผยหยวนจี๋ จักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬ เฉวียนปิง ก็ทนไม่ไหว ตะคอกคําเสียงเย็นออกมาคําหนึ่ง


 


และเสียงตะคอกเย็นชาของมัน ก็เสมือนนําพาฤดูหนาวมาเยือนทั่วทั้งชั้น 1 ของเรือนจําทันที!


 


พริบตานั้นเอง ใต้ฝ่าเท้าของชายชราแซ่หงข้างเหลยจวิ้น ก็อุบัติหนามน้ําแข็งพุ่งทะลวงออกมาจากพื้นฉับไว เสือกแทกทะลุร่างมันจากทวารทะลุกลางกระหม่อมในชั่วพริบตา จากนั้นคนก็กลับกลายเป็นประติมากรรมน้ําแข็งในบัดดล


 


“สลาย!”


 


เสียงเย็นชาของเฉวียนปิงดังขึ้นอีกครั้ง และร่างชายชราที่กลายเป็นประติมากรรมน้ําแข็งไปแล้วก็แหลกเป็นเสี่ยงในพริบตา กลับกลายเป็นละอองน้ําแข็งระยิบระยับร่วงตกลงมาก่อนจะสาบสูญไปในสวรรค์และโลก ราวไม่เคยดํารงอยู่มาก่อน


 


อย่างไรก็ตามหากสังเกตโดยละเอียด จะพบว่าบริเวณพื้นยังคงเหลือชิ้นส่วนเลือดเนื้อเท่าละอองคลี่กระจายไปทั่วพื้นประปราย


 


วูบ


 


จนเมื่ออาวุโสคุกหมื่นพันธนาการตกตายหายไปแล้ว เหลยจวิ้นค่อยได้สติกลับมารู้สึกตัว สีหน้าของมันเปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้ทันที!


 


“พวกเจ้า…พวกเจ้า…ท่านแม่ของข้าคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง แห่งวังเทียนฉือ พวกเจ้าอย่าฆ่าข้าพวกเจ้าไม่อาจฆ่าข้าได้!”


 


เมื่อเห็นอาวุโสที่แข็งแกร่งกว่ามันตกตายลงในเสี้ยวพริบตาโดยที่มันไม่ทันรู้เรื่องราวอะไร เหลยจวิ้นก็หวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมอง ร่างมันสั่นระริกเร่ง ยกอ้างมารดาออกมาเสียงสั่น


 


ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย ถึงแม้ปกติเหลยจวิ้นจะแลดูหยิ่งยโสไม่เห็นหัวผู้ใด แต่บัดนี้ เรียกว่ามันเตลิดเปิดเปิงโดยสมบูรณ์ คล้ายกลับกลายเป็นเด็กน้อยขี้กลัวไร้พลังฝึกปรือ


 


“เหลยจวิ้น”


 


ต้วนหลิงเทียนมองเหลยจวิ้นที่ตัวสั่น พลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าไฉนข้าถึงปล่อยทุกคนออกมา?”


 


เหลยจวิ้นที่มองเผยหยวนจี๋และคนอื่นๆ ด้วยสายตาหวาดกลัว พอได้ยินคําถามก็หันมองไปยัง ต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว แม้มันจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในแววตาก็ฉายชัดถึงความสับสน


 


“ข้าทําเพื่อช่วยพ่อแม่ของฮ่วนเอ๋อ…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ เหลยชิวที่อุ้มร่างตู้เสวียนที่สลบไสลไม่ได้สติ ก็พึ่งลงมาถึงชั้น 2 พอดี และนั่นก็ดึงความสนใจจากเหลยจวิ้นเช่นกัน


 


“พวกมัน?”


 


เหลยจวิ้นเอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ


 


“กล่าวอีกอย่างได้ว่า…เหตุผลที่ข้ากับฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมวงเทียนฉือ ก็เพื่อช่วยทั้งคู่โดยเฉพาะ”


 


ตัวนหลิงเทียนกล่าว


 


“เจ้า…เจ้าที่แท้เข้าวังเทียนฉือมาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงเช่นนี้!?”


 


สีหน้าท่าทีเหลยจวิ้นเปลี่ยนไป มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าศิษย์น้องหญิง 3 กับชายหนุ่มเบื้องหน้า ที่แท้จะเข้าวังเทียนฉือมาด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว!


 


นั่นมัน…หรือจะเป็นจิ้งจอกมายา!?”


 


หากนั่นเป็นจิ้งจอกมายาเช่นนั้นคนผู้นั้นก็สมควรเป็นเหลียนชิวจากขุนเขากระบีฬาแห่งจี้เมี่ยเทียน ที่ล้มเลิกสัญญาวิวาห์กับบุตรีของท่านจ้าววัง?”


 


เมื่อเห็นจิ้งจอกมายาสีขาวในอ้อมแขนเหลียนชิว ถึงแม้เหลยจวิ้นจะไม่รู้จักเหลียนชิวมาก่อน แต่มันที่ได้ฟังเรื่องราวของเหลียนชิวมามากก็คาดเดาทุกอย่างได้ทันที


 


“ศิษย์น้องหญิงส่วนเอ๋อ…เป็นลูกสาวของทั้งคู่!?”


 


เหลยจวิ้นหัวตื้อไปหมด มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้


 


“พี่ใหญ่เผย อาวุโสทั้งหลายๆ”


 


ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับเผยหยวนจี๋รวมถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน “พอดีข้ามีเรื่องคับข้องใจกับเหลยจจิ้นผู้นี้เช่นนั้นให้ข้าสะสางความแค้นกับมันก่อนแล้วค่อยไปได้หรือไม่? หรือพวกท่านจะล่วงหน้าไปทําลายค่ายกลที่จัตุรัสสิ้นสุดก่อนก็ได้”


 


“ไม่รีบ”


 


เผยหยวนจี๋คลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องราวใดๆในนี้ล้วนถูกค่ายกลปิดกั้นหมดสิ้น โลกภายนอกมิอาจรู้อันใดได้…เจ้าค่อยๆสะสางเรื่องราวของเจ้า แล้วพวกเราค่อยไปก็ได้”


 


ค่ายกลในคุกหมื่นพันธนาการนั้นปิดกั้นทุกสิ่งอย่างภายในคุก ทําให้ไม่อาจติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้เลย ไม่ว่าจะทางใด


 


ดังนั้นต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้านใน หากไม่มีใครแจ้นไปนอกคุกแล้วส่งข่าว ก็ไม่มีทางที่โลกภายนอกจะล่วงรู้เรื่องราวภายในคุกได้


 


“เจ้าหนูตัวนหลิงเทียน จักว่าไปข้าเองก็อยากเห็นเจ้าลงมือสักครา…ตอนนี้ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็จัดไปให้พวกเราสมใจทีเถอะ!”


 


ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาทหม่าถือกล่าวพล่าวหัวเราะสนุกสนาน


 


สําหรับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆไม่เว้นเหลียนชิวเอง ก็พากันจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจเช่นกัน มองจากแววตาอยากรู้อยากเห็นของพวกมัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันก็สงสัยในความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


ด้านเหลยจวิ้น พอได้ยินคําพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนมันก็หน้าเสียไปทันที


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้าเข้าใจผิดอะไรอยู่หรือไม่? พวกเราเคยไปมีความแค้นกันที่ใด!?”


 


ไม่ต้องกล่าวถึงว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมีจักรพรรดิอมตะสมญานามถึง 6 คน เอาแค่พลังฝีมือส่วนตัวของต้วนหลิงเทียนเอง เหลยจวิ้นก็ไม่มีปัญญาจะสู้ด้วยแล้ว!


 


ปีก่อน กระทั่งหานอวิ๋นจิ้นที่แข็งแกร่งกว่ามันมาก สุดท้ายยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียนบน สังเวียนอัจฉริยะ มันย่อมไม่มีหนทางรอดชีวิตต่อหน้าต้วนหลิวเทียนได้เลย!


 


“ไม่มีความแค้น?”


 


ต้วนหลิงเทียนยกยิ้ม ยังเป็นรอยยิ้มสดใสนัก “ที่เจ้าพูดมานี่ไม่อายปากบ้างหรือ?”


 


“ตอนแรกคนที่จ้างตึกเหววินกับตุ๊กหรูให้มาฆ่าข้า ไม่ใช่เจ้ากับหานอนจิ้นที่หุ้นกันจ่ายค่าจ้างมหาศาลหรือไร…แถมให้ข้าเดาเจ้าสมควรเป็นคนต้นคิดด้วยซ้ํากระมัง?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนค่อยๆกลายเป็นเย็นชา


 


“ต้วนหลิงเทียนนี้เจ้ากําลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ตุ๊กเหวินกับตูกหวี่อันใด…พวกมันเป็นใครกัน เจ้าพูดเรื่องงอะไรอยู่ ข้าไม่เข้าใจ?!”


 


เหลยจวิ้นชักสีหน้าว่างเปล่า มันพยายามตีเนียนหน้ามันทําเป็นไม่รู้อย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ดวงตามันสั่นไหวไปไม่น้อย


 


“แถมเมื่อสองสามเดือนก่อน ระหว่างทางกลับวังเทียนฉือ ข้าก็เจอตู๋กูหวู่ดักอยู่…หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนที่แจ้งมันไปแต่แรกว่าข้าออกนอกวังเทียนฉือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มถามด้วยน้ําเสียงหยอกล้อ หากแต่สองตาช่างเยียบเย็นนัก!


“ย่อมไม่ใช่ข้าแน่!”


 


เหลยจวิ้นส่ายหัวเป็นพัลวัน “ตัวนหลิงเทียนข้ากับเจ้าพวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ไฉนข้าต้องคิดร้ายกับเจ้าด้วย?”


 


“ต่อให้ข้าจะคิดร้ายกับเจ้า ข้าก็ต้องมีเหตุผลที่ทําเช่นนั้น…หาไม่แล้วไฉนข้าต้องไปเสียเวลา ทั้งสิ้นเปลืองสมบัติ ทําอะไรอย่างที่เจ้าว่าด้วยเล่า หรือไม่จริง?”


 


เหลยจวิ้นยังคงยืนกรานตีมันไม่เลิก


 


“ไม่มีเรื่องบาดหมาง ไฉนต้องคิดร้าย?”


 


“เหตุผล?”


 


ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้ม “ถึงขนาดนี้เจ้ายังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่มีเรื่องบาดหมางไม่คิดร้าย เพื่อเอาตัวรอดนี้เจ้าถึงกับยอมทําตัวเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้เชียว กล้าทําแต่ไม่กล้ารับ? สําหรับเหตุผลหรือเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ?”


 


“ฮ่วนเอ๋อ!”


 


ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวชื่อส่วนเอ๋อออกมา


 


“นอกจากนั้น หลังจากที่ข้าฆ่าตู๋กูเหวินแล้ว ข้ายังพบลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่ของมัน และส่วนเอ๋อก็เป็นคนยืนยันเองว่านั่นคือลูกแก้ววิญญาณของเจ้า”


 


สายตาต้วนหลิงเทียนตอนนี้เย็นชาเหลือเกิน


 


และทั่วร่างแต่เดิมที่เคยสงบ บัดนี้ได้ปรากฎพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดปะทุขึ้นมาจนอากาศรอบกายสั่นไหวว เห็นชัดว่าพร้อมลงมือแล้ว


 


จังหวะนี้หน้าเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนสีไปไม่เหลือสีเลือด มันไม่อาจตีหน้ามึนสืบต่อได้อีก เร่งคุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะดังนึกๆจนหัวแตกเลือดโชก “ต้วนหลิงเทียนข้าผิดไปแล้ว!!”


 


“ข้าไม่ควรคิดไม่ซื้อกับศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ! เจ้ายกโทษให้ข้าเถอะ ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ!”


 


“ขอเพียงเจ้าไม่ฆ่าข้า เจ้ายังสามารถใช้ข้าเป็นตัวประกันได้! ตอนเจ้าหลบหนีออกจากคุกหมื่น พันธนาการ ด้วยมีข้าอยู่ท่านแม่ต้องไม่กล้าลงมือกับเจ้าแน่!”


 


“อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้าเลย!”


 


จังหวะนี้เพื่อความอยู่รอดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเหลยจวิ้นยินดีทําทุกอย่าง กระทั่งออกความคิดให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆจับมันเป็นตัวประกันอีกด้วย


 


“แม่เจ้า? จักรพรรดิอมตะเหลยอิง?”


 


อย่างไรก็ตาม ได้ยินวาจาดังกล่าวของเหลยจวิ้น ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ทุกอย่างข้าตระเตรียมไว้หมดแล้ว แม่เจ้าจะลงมือหรือไม่ลงมือผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”


 


“พวกเรายังต้องเอาเจ้าไปขู่แม่เจ้าทําอะไร?”


 


“เดิมที่ข้าก็คิดจะหาวิธีกลับมาฆ่าเจ้าภายหลัง…แต่ไม่คิดว่าสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าดันทุรังมุดมา ถึงกับเข้าคุกหมื่นพันธนาการมาด้วยตัวเอง เรียกว่าเจ้าเอาหัวใส่พานมาถวายข้าถึงหน้าประตูบ้านแท้ๆ”


 


กล่าวจบคํา ต้วนหลิงเทียนที่คร้านจะฆ่าสวะเช่นมันให้เปื้อนมือตัวเอง ก็ปล่อยมังกรชั่วร้ายทั้งสองในโลกใบเล็กออกมาทันที


 


“กรร~~”


 


“กรร~~”


 


มังกรชั่วร้ายคล้ายเตรียมพร้อมไว้แต่แรก พอปรากฏตัวออกมาก็พ้นลมหายใจมังกร ปลดปล่อยลําแสงทําลายล้างที่ทรงพลังน่าพรั่นพรึงเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหลยจวิ้นทันที!


ตอนที่ 3,332 : จ้าววังเทียนฉือ


 


“ไม่–!!”


 


เผชิญหน้ากับลําแสงทําลายล้างของมังกรชั่วร้ายทั้งสอง เหลยจวิ้นที่ไม่ได้มีใจจะสู้แต่แรก แม้วินาทีสุดท้ายมันจะพยายามเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตมาต้านทาน แต่มันก็ไม่อาจพลิกฟ้าอันใด ถูกลําแสงทําลายล้างกลืนหายไปทันที


 


จากนั้นเหลยจวิ้นก็ตกตาย ร่างอันตรธานหายไปจากโลกหล้าโดยสิ้นเชิง ยังหมดจดยิ่งกว่าอาวุโสคุกหมื่นพันธนาการเมื่อครู่เสียอีก


 


“หืม? นั่นมันมังกรชั่ววร้ายไม่ใช้รีไร!?”


 


“เจ้าหนูหลิงเทียนผู้นี้ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง ถึงกับมีลูกเล่นอะไรเช่นนี้ด้วย! การผสานพลังจู่โจมของมังกรชั่วร้ายเมื่อครู่นั่น พลังทําลายมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการลงมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไปเลยเชียว!”


 


จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ รวมถึงจักรพรรดิอมตะผกาทอง ที่เห็นต้วนหลิงเทียนเรียกมังกรชั่วร้ายออกมาลงมือเข่นฆ่าสังหารเหลยจนในชั่วพริบตา ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง


 


แน่นอนว่าพวกมันประหลาดใจที่ต้วนหลิงเทียนสามารถควบคุมมังกรชั่วร้ายได้ถึงระดับนี้ ต้องทราบด้วยว่าตามสามัญสํานึกของพวกมัน มังกรชั่วร้ายนั้นเป็นสัตว์อมตะไร้สติปัญญา! กระทั่งชั่วชีวิตยังไม่แม้แต่จะเคยได้ยินว่าใต้หล้ามีใครสามารถทําให้มังกรชั่วร้ายอมรับเป็นนายได้ เพราะเท่าที่ทราบมาเคยมีคนหลายคนลองแล้ว แต่สุดท้ายมังกรชั่วร้ายก็ยอมตายมากกว่ายอมจํานน


 


“หากเจ้าไม่แส่หาที่ตาย ไหนเลยต้องตาย…”


 


สําหรับความตายของเหลยจวิ้น แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนเพียงมองเรื่องราวด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส ตัวเขาไม่เคยคิดจะสนใจอะไรเหลยจวิ้นสักกะผีก แต่ในเมื่อเหลยจวิ้นอยากให้เขาตายนัก เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดให้มันมีลมหายใจสืบไปเป็นธรรมดา


 


เดิมที เขายังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าหลังหลบหนีไปจากวังเทียนฉือวันนี้ จะได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งเมื่อไหร่ นับประสาอะไรกับมาจัดการคนอย่างเหลยจวิ้น


 


อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจริงๆว่าเหลยจวิ้นมันจะอยู่ดีไม่ว่าดี ดันทะลึ่งสมัครมาทําหน้าที่เป็นผู้คุมคุกหมื่นพันธนาการเสียอย่างนั้น ทําให้เขามีโอกาสงามๆในการฆ่ามันแบบนี้


 


หากเหลยจชิ้นไม่มอบโอกาสประเสริฐให้เขาด้วยตัวเอง เขาก็บอกไม่ได้ว่าจะได้ฆ่าเหลยจวิ้นเมื่อไหร่


 


“อาวุโสทั้งหลาย ตอนนี้พวกเราหลบหนีไปให้พ้นที่นี่ก่อนเถอะ มีเรื่องใดไว้สนทนากันภายหลัง”


 


หลังต้วนหลิงเทียนเก็บมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 เข้าโลกใบเล็กแล้ววเสร็จ เขาก็หันไปมองกล่าวกับจักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหลังที่กําลังมองมาที่เขาตาปริบๆด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้มีคนตายไปแล้ว 2 คน ถึงแม้การสื่อสารใดๆจะไม่อาจส่งตรงไปถึงเบื้องนอก แต่ค่ายกลที่นี่สมควรไม่ได้ปิดกั้นการเชื่อมโยงชีวิตของพวกมันกับลูกแก้ววิญญาณด้านนอก…คนที่มีลูกแก้ววิญญาณของพวกมันสมควรรู้เรื่องแล้วเป็นแน่”


 


“แถมเหลยจวิ้นที่ข้าพึ่งฆ่าไปก็มีมารดาเป็นจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ…พอรับทราบการตายของลูกชายคนเดียว นางไม่พ้นต้องเร่งรุดมาตรวจสอบเรื่องราวที่นี่แน่”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


“และเมื่อนางมาถึงที่นี่ พอพบว่าพวกเราหลบหนีออกไปแล้ว ไม่พ้นนางต้องเร่งติดต่อจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆของวังเทียนฉือทันที”


 


“ดังนั้นพวกเรารีบไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า หากหนีไปได้พ้นก่อนที่นางจะมาพบเจอได้จะดีที่สุด เพราะถ้าเลือกได้ ข้าก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมารวดเดียวจบ


 


และคําพูดของเขาก็เป็นที่เห็นพ้องต้องกันของจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆ เพราะไม่มีใครอยากอยู่จนปะทะกับจักรพรรดิอมตะสมญานามสักเท่าไหร่


 


“แน่นอนว่า ข้างนอกยังมีคนที่ข้าหามา รอรับมือจ้าววังเทียนฉืออยู่”


 


“อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นทําได้แค่ถ่วงรั้งจ้าววังเทียนฉือแค่คนเดียวเท่านั้น”


 


“หากจ้าววังเทียนฉือค้นพบเรื่องที่พี่ใหญ่เผยกับทุกท่านแหกคุกออกมาแล้ว ไม่พ้นมันต้องรีบแจ้งให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนทราบเรื่องราวแน่…หากรอจนจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนมาถึง เรื่องราวก็ยากคลี่คลาย ไม่แน่พวกท่านอาจถูกจับขังอีกครั้ง”


 


ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคน


 


ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่ารู้ดีแก่ใจ หากจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมาถึง ถึงแม้มันจะไม่อาจฆ่าเผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆได้ แต่ก็สามารถเลือกจะประวิงเวลารอกําลังเสริม ถึงตอนนั้นหากถูกกลุ้มรุมมากเข้า ทุกคนก็ยากจะรอดพ้นความตาย


 


บิดามารดาของฮ่วนเอ๋อก็ถูกลิขิตให้กลับไปถูกจองจําอีกครั้ง


 


“ไปเถอะ”


 


พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบเผยหยวนจี๋ก็กล่าวชวนก่อนจะพุ่งร่างนําออกไปเร็วไว และไม่ว่าค่ายกลหรือข่ายอาคมใดๆ ก็ได้วิธีที่ต้วนหลิงเทียนสอนมาทําลายลงได้อย่างง่ายดาย


 


สําหรับผู้ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจําชั้น 1 เดิมที่คนอื่นๆก็คิดจะปล่อย แต่ต้วนหลิงเทียนไม่อยากให้มีใครดอดออกไปแจ้งข่าวเพื่อหวังทําดีไถ่โทษ เช่นนั้นจึงตัดสินใจบอกทุกคนว่าไม่ต้องปล่อยคน


 


“ออกมาได้แล้ว!”


 


หลังจากออกจากเรือนจําที่มีไว้คุมขังนักโทษ ทุกคนก็ผ่านช่องทางแคบๆสั้นๆ ไม่นานก็มาถึงหน้าหอเกิดดับ แน่นอนว่าที่เวทีศิลากลางหาวหลังหอเกิดดับก็มีคนกําลังทําความเข้าใจกฏแห่งความตายอยู่ไม่น้อย


 


ทําให้ยามต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆที่พึงปรากฏตัวออกมา และกําลังมุ่งหน้าเพื่อไปยังช่องทางสู่หน้าหอชําระบาป ก็มีคนที่เห็นความเคลื่อนไหวเร่งเห็นร่างออกมาไล่ตาม


 


“หยุด!!”


 


“พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน!?”


 


อาวุโสหลายคนในหอเกิดดับที่สังเกตเห็นความวุ่นวาย ไม่ว่าจะชราหนุ่มสาว ล้วนเห็นร่างโจนทะยานออกมาจากหอเกิดดับ ไล่หลังพวกต้วนหลิงเทียนไปทันที ปากยังตะโกนห้ามเสียงดังโวยวาย


 


อย่างไรเสีย ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับพวกก็ไม่ได้มีกันแค่ 9 คน แต่ด้านหลังยังมีนักโทษของชั้นสองอีกเป็นร้อย คนมากขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีออกไปเงียบๆ


 


“หากไม่อยากตายก็ถอยไปเสีย!”


 


อย่างไรก็ตามพวกมันไล่ตามมาได้ไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างหนึ่งหยุดลงและหันมาขวางทางพวกมันเอาไว้ เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชา มองเหล่าอาวุโสของหอเกิดดับด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส ตะคอกคําดุร้ายเสียงเย็น


 


“มารดามันเถอะ! นนจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ!!”


 


และอาวุโสของหอเกิดดับบางคนที่ถูกเวียนให้ไปทําหน้าที่เป็นผู้คุมในเรือนจําชั้น 3 เพราะขาดศิษย์อัจฉริยะมาสมัครทําหน้าที่ ก็จดจําชายหนุ่มหน้าเย็นได้ทันที ว่าอีกฝ่ายก็คือ 1 ใน 6 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้บนเรือนจําชั้น 3 จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ!!


 


“ภายใน 10 ลมหายใจ หากพวกเจ้ายังอยู่ให้ข้าผู้เฒ่าเห็นหน้าอีกก็อย่าได้โทษข้าผู้เฒ่าว่าโหดร้าย!!”


 


หลังจากชายหนุ่มหน้าเย็นเห็นร่างมาหยุดขวางเหล่าอาวุโสหอเกิดดับเอาไว้ ชายชราที่เส้นผมขนคิ้วขาวโพลนก็เห็นร่างตามออกมาเช่นกัน ยังกล่าวคํากับเหล่าอาวุโสหอเกิดดับไกลๆด้วยรอยยิ้มลี้ลับ


 


“จักรพรรดิอมตะกวางขาว!!”


 


หากบอกว่าตอนที่เหล่าอาวุโสของหอเกิดดับเห็นจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ ก็กลัวจนไม่กล้าคิดไล่ตามแล้ว คราวนี้พอมาเห็นจักรพรรดิอมตะกวางขาวอีกคน พวกมันก็อื้ออึงจนเริ่มสงสัยว่านี่ใช่พวกมันกําลังฝันอยู่รึเปล่า


 


ไฉนจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ถึงได้หลุดออกมาจากเรือนจําชั้น 3 ได้เล่า!?


 


จักรพรรดิอมตะสมญานามที่เป็นชายชรานั่น พวกมันก็จดจําได้ดีว่าคือจักรพรรดิอมตะกวางขาว! เคอไป๋ลู่!!


 


“ไปกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลากับพวกมัน”


 


เผยหยวนจี๋ที่นําหน้าเอ่ยออกเสียงเบา


 


ถึงแม้เผยหยวนจี๋จะไม่ได้หันหน้ากลับมา แต่ร่างสูงสมส่วนในชุดขาวกระจ่างแลดูเสมือนมีรัศมีขาวเรืองรองโดดเด่นกว่าใคร ที่ทําให้อาวุโสของหอเกิดดับรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาทันทีแม้จะเห็นแค่แผ่นหลังก็ตาม.


 


พอมารวมกับวาจาที่กล่าวราวกับสั่งการ 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามได้แบบนี้ ตําแหน่งที่นําหน้าสุด ทั้งยังใส่ชุดขาวกระจ่างไร้รอยเปื้อนใดๆที่เป็นเอกลักษณ์ พวกมันก็ตระหนักได้ลางๆว่าคนผู้นี้เป็นใคร


 


จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋!!


 


จังหวะนี้มีอาวุโสหอเกิดดับหลายคนที่หน้าซีดจนแทบไร้สีเลือด พวกมันเร่งหันหน้ามองสบตากันจ้าละหวั่น ก่อนจะปะทุพลังชั่วชีวิตมุดกลับหอเกิดดับเร็วไว ยังว่องไวกว่าขามาเสียอีก ราวกับกําลังหนีเทพเจ้าแห่งโรคห่าอย่างไรอย่างนั้น หลายคนยังร่ำร้องออกมาอย่างเสียขวัญไม่หยุด “มารดามันฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว! คุกหมื่นพันธนาการฉิบหายแล้ว!”


 


“จักรพรรดิอมตะไร้ธุลีหลบหนี จักรพรรดิอมตะกวางขาวกับจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬก็หลบหนีออกมาได้เช่นนั้นพวกตัวร้ายที่เหลืออีก 3 ก็ไม่พ้นออกมาได้เช่นกัน!!”


 


“นรกเถอะ! 6 จักรพรรดิอมตะสมญานามตัวอันตรายฆ่าไม่ตายนั้น ไฉนพวกมันแหกคุกออกมาได้หมดเลยเล่า…ตลอดประวัติศาสตร์คุกหมื่นพันธนาการเรา เรื่องฉิบหายพรรค์นี้เคยเกิดขึ้นด้วยหรือ!?”


 


“มารดามันเถอะ พวกมันหนีออกมาได้อย่างไรกัน!?”


 


“แล้วพวกมันจะฝ่าจัตุรัสสิ้นสุดออกไปได้หรือไม่!?”


 


“ค่ายกลสังหารและข่ายอาคมปิดกั้นที่จัตุรัสสิ้นสุด กล่าวไปก็ไม่ได้สลับซับซ้อนและทรงพลังมากไปกว่าค่ายกลและข่ายอาคมบนเรือนจําชั้น 3…ในเมื่อพวกมันถล่มมารดาค่ายกลของเรือนจําชั้น 3 ออกมาได้ แล้วจัตุรัสสิ้นสุดจะไปเหลือบ่ากว่าแรงพวกมันได้อย่างไร!?”


 


ตอนนี้หอเกิดดับอลหม่านกันยกใหญ่


 


กระทั่งอาวุโสของวังเทียนฉือรวมถึงศิษย์อัจฉริยะที่กําลังทําความเข้าใจกฏแห่งความตายอยู่ที่แตกตื่นไม่แพ้กัน


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกคนทําเป็นหูทวนลมสองตาฝ้าฟางคล้ายไม่เห็นเรื่องราวใด นั่งหยั่งรากอยู่บนเวทีศิลากลางหาวไม่ไหวติง ไม่คิดจะโดดลงน้ำบ่อนี้แม้แต่น้อย


 


ล้อกันเล่นหรือไร!?


 


กลุ่มนักโทษหลบหนีนั้น มันจักรพรรดิอมตะสมญานามตัวเป้งทั้งนั้น! เกิดพวกมันเสนอหน้าไปให้อีกฝ่ายรําคาญใจขึ้นมา พวกหลังมือมาสักเปรี้ยงพวกมันไม่เป็นปุ๋ยคาหอเกิดดับแล้วรึ?


 


ถึงเวลานั้นต่อให้มีอภินิหารอันใดทําให้พวกมันรอดตายมาได้ แต่ก็ต้องมีหนังลอกกันบ้าง!!


 


ส่วนอีกด้าน


 


ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆหลังผ่านหน้าหอเกิดดับ เข้าสู่ช่องทางแคบๆสายหนึ่งมาไม่ทันไรในที่สุดก็มาถึงสถานที่เปิดโล่งอีกครั้ง และด้านซ้ายมีก็มีลานกว้างใหญ่ รวมถึงหอชําระบาปตั้งตระหง่านอยู่ ยังแลเห็นขบวนนักโทษและคนของหอเกิดดับที่ลําเลียงผู้คนเข้าไปทรมาน กับลําเลียงคนกลับออกมาหนาตา


 


เรียกว่าบริเวณหน้าหอชําระบาป มีผู้คนเนืองแน่นกว่าบริเวณหน้าหอเกิดดับหลายสิบเท่า


 


การมาของพวกต้วนหลิงเทียน ไม่เว้นนักโทษจากชั้น 2 อีกกว่าร้อยที่เรียงแถวมาเป็นขบวนแบบนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นธรรมชาติ


 


อย่างไรก็ตามพวกถ้วนหลิงเทียนและนักโทษไม่มีใครสนใจสายตาชมมองด้วยความแตกตื่นงุนงงของพวกมัน ทั้งหมดเร่งก้าวอาดๆหมายเข้าสู่ช่องแคบเบื้องหน้าไกลๆ เพื่อออกไปยังจัตุรัสสิ้นสุดถ่ายเดียว


 


หลังจากผ่านช่องทางแคบเบื้องหน้า รวมถึงผ่านจัตุรัสสิ้นสุดออกไปได้แล้ว ก็จะสามารถออกจากคุกหมื่นพันธนาการได้อย่างราบรื่น


 


ถึงตอนนั้นก็เสมือน ทะเลกว้างแล้วแต่ปลาจะแหวกว่าย ฟ้าไพศาลสุดแล้วแต่วิหกจะเหินบิน!


 


“เดิมทีข้ากังวลว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่ช่วยออกมา หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการได้อย่างงราบรื่นแล้วจะแยกย้ายกันไปโดยไม่สนใจใยดีข้ากับอาวุโสเหลียนชิวและอาวุโสตู้เสวียน…จนอาจเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรจนหนีไปไม่ได้”


 


“แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ข้าไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นแล้ว”


 


“จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นอาจไม่สนใจความเป็นตายของข้ากับอาวุโสเหลียนชิวและอาวุโสตู้เสวียน…แต่พี่ใหญ่เผยต้องใส่ใจแน่นอน”


 


ด้วยมีพี่ใหญ่เผยช่วยเหลือ เว้นเสียแต่จะเจอเรื่องราวสุดที่พี่ใหญ่เผยจะรับมือหรือเอาตัวรอดได้เช่นนั้นปกติแล้วพวกเราไม่สมควรเกิดเรื่องอะไรแน่”


 


คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็พอจะสรุปสถานการณ์ได้


 


ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ยังคงเป็นไปตามที่เขาบอกเหลยจวิ้นทุกประการ ทุกอย่างยังคงอยู่ในการคํานวณของเขา และในเมื่อจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีถือหล่าง กับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าถูกคนที่เขาจัดเตรียมมาล่อออกไปห่างวังเทียนฉือ คราวนี้อย่างดีก็มีแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามแค่ 7 คนเท่านั้นที่จะมาขวางทาง


 


และในบรรดา 7 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ สําหรับโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือที่ร้ายกาจที่สุด เขาก็ได้เตรียมเมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกกุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ขี้เมียเทียนมารับมืออีกฝ่ายไว้แล้ว


 


สําหรับคนที่เหลือนั้นไม่เกินมือพี่ใหญ่เผยแน่นอน!


 


เพราะตราบใดที่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่เขาช่วยมาจากคุก มีพี่ใหญ่เผยนํากลุ่มลงมือบุกฝ่า จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ของวังเทียนฉือก็ไม่มีหนทางสกัดขัดขวางได้เลย!


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังคิดไปพลางๆ และทุกคนกําลังจะวิ่งผ่านช่องทางแคบๆบังจัตุรัสสิ้นสุดนั้นเอง


 


ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!


 


เบื้องหน้าจากช่องทางแคบ บังเกิดเสียงแหวกฝ่าสายลมรุนแรงหอนดังแต่ไกล จากนั้นก็ปรากฏร่างนับสิบๆเหินตัดอากาศมาด้วยความเร็วสูง ร่างนับสิบที่ว่านามาโดยชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดําสนิทใบหน้าเคร่งขรึมผู้หนึ่ง!


 


“พวกเจ้าเป็นผู้ใด!?”


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดําที่นาหน้า พอพาทุกคนมาหยุดลอยหน้ากลุ่มพวกต้วนหลิงเทียน มันก็กวาดตามองพวกถ้วนหลิงเทียนทั้งหมดผ่านๆรอบหนึ่ง พลางเอ่ยถามออกมาเสียงเย็น


 


และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็หยุดลงโดยไม่รู้ตัว


 


“เจ้านั่นคือ 1 ใน 3 พัสดีของคุกหมื่นพันธนาการ จ้าวหอชําระบาป ฟางฉี่หาน!”


 


ในกลุ่มต้วนหลิงเทียน มีนักโทษจากชั้น 2 หลายคนที่จดจําผู้มาใหม่ได้ จึงโพล่งออกมาเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนรับทราบตัวตนของผู้มาขวางทาง


 


และคนที่โพล่งออกมา ก็ล้วนแล้ววแต่เป็นนักโทษที่เคยถูกคุมตัวไปรับทัณฑ์ทรมานที่หอชําระบาปทั้งสิ้น


 


ฟางฉี่หาน จ้าวหอชําระบาปนั้น ได้สั่งให้คนจับพวกมันไปทรมานต่างๆนาๆ มีสหายนักโทษของพวกมันหลายคนตกตายคาห้องทรมานในหอชําระบาป แต่ยังดีที่พวกมันสามารถเก็บกู้ชีวิต อดทนจนรอดมาได้


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงมีความแค้นฝังลึกกับฟางฉี่หานผู้นี้นัก


 


“จ้าวหอชําระบาป?”


 


ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้ว ก่อนสองตาจะจับจองมองไปยังชายวัยกลางคนในชุดคลุมดําด้วยความสนใจ เจ้านี่ไม่ใช่ 1 ใน 3 พัสดีที่ชอบเขม่นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาหรือไร?


ตอนที่ 3,333 : มาถึงจัตุรัสสิ้นสุด


 


“จ้าวหอชําระบาป?”


 


เผยหยวนจี๋ที่เดินนําหน้าด้วนหลิงเทียนหยุดลง ก่อนจะแหงนมองขึ้นไปในอากาศ หยีตากล่าวเสียงเบา “ช่างเป็นเกียรตินัก!”


 


ถึงแม้ว่าเสียงของเผยหยวนจี๋จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่คล้ายมีอํานาจเวทมนตร์พิเศษ ทําให้ลูกตาของฟางหานหดเล็กลงแทบปิด ยังเร่งลดสายตามามองยังร่างเผยหยวนจี๋ทันที


 


และพอเห็นหน้าค่าตาของเผยหยวนจี๋ชัดเจน สีหน้าของฟางหานก็เปลี่ยนไปครั้งใหญ่!


 


ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้มิใช่ว่าคือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ที่เมื่อ 200 กว่าปีก่อน ได้ไล่ต้อนจ้าววังเทียนฉือของพวกมัน จนต้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนให้ช่วยกันล้อมจับหรือไร?


 


ยิ่งไปกว่านั้นกระทั่งจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนเองก็หมดปัญญาจะฆ่าอีกฝ่าย ถึงทําได้แค่ควบคุมตัวมากักขังเอาไว้ในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือเท่านั้น!


 


มันย่อมจดจําได้ชัดเจน


 


เพราะวันนั้น จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนเป็นคนที่นาชายคนนี้ขึ้นไปกักขังไว้บนเรือนจําชั้นที่ 3 ของคุกหมื่นพันธนาการด้วยตัวเอง!


 


“หึ”


 


เผยหยวนจี๋เพียงแค่นคําเบาๆคราหนึ่ง ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบกายฟางหาน จ้าวหอชําระบาปก็เริ่มสั่นไหว จากนั้นก็อุบัติละอองพลังสีกากีขึ้น!


 


เมื่อละอองพลังสีกากีอุบัติขึ้นเบื้องหน้า ฟางฉี่หานกับคนอีก 10 กว่าคนด้านหลังพลันได้สติ จากนั้นละอองพลังสีกากีก็คล้ายกลับกลายเป็นคลื่นสมุทรสุดคุ้มคลั่งโถมกันเข้าใส่ฟางฉี่หานกับพวกจากทุกทิศทาง!


 


ซู่มมม!!


 


ครืนนนน!!


 


ละอองพลังจากทุกทิศทางนั้น ถาโถมเข้ามาด้วยสภาวะพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหลือเกิน แถมมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยสีกากี พาลให้ทุกคนอยู่ในสภาพไร้หนทางดั่งตะพาบในไห!


 


“แย่แล้ว!!”


 


“เป็นพลังที่กล้าแข็งอะไรเช่นนี้!”


 


“หนีเร็ว!!”


 


เมื่อละอองพลังสีกากีดั่งธุลีดินโถมกันมาดั่งคลื่นสมุทรสุดเกรี้ยวกราดเช่นนี้ ไม่ว่าจะฟางฉี่หานหรืออาวุโสหอชําระบาปนับสิบด้านหลังก็หน้าเปลี่ยนสีไปเป็นแถบ ขณะเดียวกันแต่ละคนก็เร่งเร้าพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่กล้ารอช้า!


 


ฟูมม!!


 


บรึมม!!


 


ครืนน!!


 


จากนั้นอาวุโสกว่าโหลของหอชําระบาปประหนึ่งปลาหลีพบพานประตูมังกร แต่ละคนโจนทะยานออกไปเร็วรี่ดั่งเซียนอมตะข้ามทะเล ทุกคนล้วนใช้ไม้ตายก้นหีบปะทุความลึกซึ้งแห่งกฏออกมาไม่คิดออมรั้ง มีกระทั่งพลังของกฏแห่งความตาย


 


อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกที่คิดบุกฝ่าก็ดี คิดชัดพลังต้านทานก็ดี ทั้งหมดพบว่าการกระทําของตัวเองไม่ต่างอะไรจากหนึ่งหินคิดถมทะเลใหญ่ กระทั่งสร้างละลอกคลื่นสักวงยังไม่ได้


 


ด้านฟางฉี่หานจ้าวหอชําระบาปเอง แต่ต้นจนจบกลับไม่ได้ลงมือต่อต้านหรือคิดหลบหนีเพียงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าน้ำเสียงวิงวอนขอชีวิต “ขอใต้เท้าเผยโปรดเมตตาด้วย!!”


 


“ข้าจักพาคนของข้ากลับหอชําระบาปทันที มิคิดยุ่งเกี่ยวกับบกิจการใดๆของท่านสืบไป!!”


 


“ขอใต้เท้าเผยโปรดยั้งมือด้วย!”


 


จ้าวหอชําระบาป 1 ใน 3 พัสดีแห่งคุกหมื่นพันธนาการ บัดนี้ไม่เหลือมาดโอหังยิ่งใหญ่อันใด เพียงร่ำร้องออกมาราวสุนัขป่วยหิวโหยหมายได้รับเศษเสี้ยวความเมตตาจากมนุษย์


 


อย่างไรก็ตามไม่ว่า ฟางฉี่หาน จะร่ําร้องขอความเมตตาอย่างไร แต่ละอองพลังสีกากีดั่งห่าธุลีดินก็หาได้ลดทอนสภาวะพลังสุดไพศาลไม่ พวกมันยังคงโถมกันกระหนาบเข้ามาจากทั่วสารทิศ!


 


“ไม่–!!”


 


เมื่อละอองพลังสีกากีจากทั่วสารทิศมาบรรจบกัน ณ จุดกึ่งกลาง สรรพสิ่งใดๆในนั้นก็ถูกบีบอัดจนแหลกสลายหายไปในบัดดล คงเหลือไว้เพียงเสียงกรีดร้องโหยหวนสิบกว่าสําเนียงที่ดังขึ้นอย่างสิ้นหวังแว่วมาในอากาศ


 


ปงงง!!


 


ซัว ลา ลา…


 


ละอองพลังสีกากีดั่งห่าธุลีดินที่อัดแน่นไปด้วยความลึกซึ้งของกฎแห่งดินอันน่าสะพรึง เมื่อมาบรรจบกัน ณ กึ่งกลาง ก็ทําให้ความว่างเปล่าโดยรอบสะเทือนเลือนลั่น ราวกับพร้อมจะแตกสลายลงทุกเมื่อ


 


อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกําลังตื่นตระหนกตกตะลึงกับพลังอํานาจมหาศาล ละอองพลังสีกากีดังกล่าวก็อันตรธานหายไปในบัดดล ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน


 


หากไม่ใช่เพราะละอองโลหิตพร้อมกลิ่นคาวคลุ้งในบรรากาศ กับแหวนพื้นที่เป็นโหลที่ร่วงตกลงมาจากกลางหาว บางที่ทุกคนในที่นี้คงคิดว่าเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาที่แต่ละคนหลอนไปเองเท่านั้น


 


ช่างเป็นการควบคุมพลังที่ละเอียดอ่อนจริงๆ”


 


เห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้ มองไปยังพี่ใหญ่เผยเบื้องหน้าอีกครั้งในแววตาแฝงความนับถือขึ้นอีกหลายส่วน


 


ก่อนหน้าเขารู้เพียงว่าพี่ใหญ่เผยที่แท้ร้ายกาจมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ในเวลาชั่วพริบตา จักรพรรดิอมตะนับโหลที่มาพร้อมฟางหาน จ้าวหอชําระบาป กลับตกตายอย่างไร้ซึ่งหนทางต้านทานใดๆ


 


ฟางฉี่หานนั้น ต้องทราบด้วยว่าความแข็งแกร่งของมันที่ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว


 


“อึก…”


 


จังหวะนี้กระทั่งเหลียนชิวที่กําลังอุ้มร่างจิ้งจอกมายาสีขาวในวงแขน ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลําบาก สายตาที่ใช้มองเผยหยวนจี๋อีกครั้ง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอึ้งทั้ง


 


มันย่อมรู้ถึงพลังฝีมือของฟางฉี่หานดี เพราะเคยโดนอีกฝ่ายมาท้าประลองในคุก


 


อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่ทําให้มันรู้สึกตึงมือถึงที่สุด ต่อหน้าชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้ากลับตกตายง่ายดายราวไก่สุนัขไร้เรี่ยวแรง!


 


“ไปกันเถอะ”


 


ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างยําเกรงของทุกคน เผยหยวนจี๋ก็เอ่ยออกเสียงเบา จากนั้นก็เดินนาทุกคนเข้าสู่ช่องทางแคบๆเบื้องหน้าทันที


 


กลุ่มคนที่แห่กันติดตามไปอย่างไม่รอช้า


 


“ติดตามใต้เท้าเผยไปเร็ว!”


 


และเหล่านักโทษที่พึ่งผ่านการทรมานของหอชําระบาปมา ก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างฮึกเหิม จากนั้นแต่ละคนก็เริ่มแข็งข้อต่อต้าน ทําลายตรวนพันธนาการ ก่อนจะไล่ตามเผยหยวนจี๋และคนอื่นๆไป


 


เหล่าอาวุโสของชําระบาปทั้งหลายเห็นฉากดังกล่าวก็ได้แต่ยืนนิ่งไหวติง ไม่กล้าหยุดยั้งหรือเคลื่อนไหวใดๆ เพียงชมมองนักโทษทั้งหลายวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้น


 


เพราะพวกมันไม่แน่ใจ ว่าหากขัดขวางการหลบหนีของนักโทษกลุ่มนี้ ใช่จะไปกระตุ้นโทสะเผยหยวนจี๋หรือไม่? เกิดอีกฝ่ายไม่พอใจอะไรแล้วหันกลับมาลงมือส่งๆสักครา…เกรงว่าพวกมันคงได้ตายกลายเป็นผีหน้าหอชําระบาปแล้ว!


 


จ้าวหอชําระบาปที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก เมื่อครูไม่ใช่ดับอนาถเยี่ยงสุนัขป่วยตัวหนึ่งหรือไร?


 


พวกมันยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน ที่ไม่ได้บ้าจี้วิ่งไปหยุดยั้งคนกลุ่มนี้ หรือไปเสริมกําลังฟางฉ่หานเมื่อครู่ ไม่งั้นพวกมันคงได้กอดคอพวกฟางฉี่หานลงนรกแล้ว


 


“ผู้อาวุโสเหลียนชิว หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการพวกเราจะไปกับพี่ใหญ่เผย”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังนัดแนะกับเหลียนชิว


 


“ได้”


 


เหลียนชิวก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังตอบต้วนหลิงเทียนทันที ในสายตานอกจากแฝงความสํานึกขอบคุณอย่างล้นพ้น ยังเต็มไปด้วยความชื่นชมหลายส่วน


 


“ว่าแต่ตอนนี้ลูกสาวข้านางสบายดีหรือไม่?”


 


จากนั้นคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ เหลียนชิวก็เอ่ยถามออกไป


 


“นางสบายดี”


 


ได้ยินเหลียนชิวถามถึงส่วนเอ้อ ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มอ่อน กล่าวผ่านพลังตอบกลับ “นางคิดจะมากับข้าด้วย…แต่ข้าคิดว่ามันอันตรายเกินไป เช่นนั้นข้าเลยขอให้นางรอข้าอยู่ที่ระนาบโลกียะบ้านเกิด


 


“วันนี้หลังหลบหนีออกจากวังเทียนฉือ กระทั่งออกจากอู๋หยาเทียนได้แล้ว ข้าจะพาท่านกับอาวุโสตู้เสวียนไปพบนางที่ระนาบโลกียะบ้านเกิดข้า เพื่อให้พวกท่านพ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง”


 


ขณะที่กล่าวถึงส่วนเอ๋อ แววตาต้วนหลิงเทียนก็แฝงความอ่อนโยนหลายส่วน


 


“ดี!”


 


เหลียนชิวพยักหน้า ในแววตายังฉายถึงความตื่นเต้นไม่น้อย จากนั้นก็ก้มลงไปมองจิ้งจอกมายาสีขาวที่สลบไสลในอ้อมแขน กล่าวพึมพําในใจว่า “เสวียนเอ้อ อีกไม่นานพวกเราจะได้กลับไปเจอลูกสาวตัวน้อยแล้ว


 


“พอเจ้าตื่นขึ้น ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้เจอลูกสาวตัวน้อยของเรา แต่เจ้ายังจะได้พบเจอลูกเขยประเสริฐของพวกเราด้วยเจ้าหนุ่มผู้นี้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ข้าถูกชะตาทั้งพอใจมาก เจ้าเองพอได้เห็นแล้วก็ต้องถูกใจแน่นอน”


 


ถึงแม้เหลียนชิวจะพึ่งได้พบเจอต้วนหลิงเทียนมาไม่กี่ครั้ง แถมเป็นเวลาสั้นๆ แต่เหลียนชิวก็ถูกใจต้วนหลิงเทียนมาก


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องใดอื่นให้มากความ เอาแค่เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะจัดแจงให้ลูกสาวของมันอยู่รอคอยในที่ปลอดภัย และเสี่ยงอันตรายบุกมาช่วยชีวิตพวกมันทั้งคู่เพียงลําพังเพราะเห็นแก่ลูกสาวมัน ก็มากพอจะทําให้มันรู้ว่านี่เป็นชายหนุ่มที่มีความรับผิดชอบมากคนหนึ่ง


 


“ไม่ทราบ…ยังจะมีพวกมีตาแต่ไร้แววโผล่ออกมาแบบเมื่อครู่อีกหรือไม่?”


 


ในขณะที่กําลังจะเดินออกจากช่องทางแคบๆ จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็ยิ้มกล่าวออกมากับคนรอบข้าง “เฉวียนปิง พี่ใหญ่เผย รอบหน้าหากมีพวกมีตาแต่ไร้แววห้าวไม่ดูรุ่นโผล่มาอีก พวกท่านมิต้องเหนื่อยแรงแล้วข้าเองหลังจากถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการมาเนิ่นนาน ก็ชักคันไม้คันมือไม่น้อย”


 


“เจ้าคันมือหรือ?”


 


จักรพรรดิอมตะกวางขาว ไป๋ลู่ ก็มองค้อนกล่าวด้วน้ำเสียงไม่ยอม “หรือข้าไม่คันมือ ปู่ผู้นี้ถูกจับมาขังก่อนเจ้าหลายพันปีเชียว!!”


 


“อั้ยหยาพี่ไป๋อย่าโมโหไป..เดี๋ยวพวกเราลุยพร้อมกันก็ได้ แค่บอกไว้ก่อน ข้ากลัวพี่ใหญ่เผยกับเฉวียนปิงจักเก็บพวกมันเหี้ยนในพริบตา จนข้าไม่ทันได้ทําอะไร…”


 


หม่าฉือกล่าวอย่างคึกคัก


 


ถึงแม้ตอนนี้บรรยากาศแลดูจะผ่อนคลายสบายๆกันมาก


 


อย่างไรก็ตามทุกคน ไม่เว้นหม่าฉือกับไป๋ลู่ที่กล่าวติดตลกล้วนรู้ดีแก่ใจ ว่าพวกมันสามารถผ่อนคลายได้แค่ในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้เท่านั้น เพราะในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้ ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามสักคน


 


พอออกไปนอกคุกหมื่นพันธนาการ เรื่องราวจะแปรเปลี่ยนกลับกลายแล้ว!


 


หลังจากนั้นไม่ทันไร ทุกคนก็โผล่ออกจากช่องทางแคบๆ จนแลเห็นลานกว้างของโถงกิจการภายใน และเป็นธรรมดาว่าการมาของกลุ่มคนเป็นร้อยแบบนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของอาวุโสในโถงกิจการภายในเช่นกัน


 


“นรกเถิด! นั่นเผยหยวนจี๋ มันมันไฉนแหกคุกออกมาได้เล่า!?”


 


เมื่อได้เห็นชายชุดขาวที่ห้อเหยียดนําขบวนนักโทษหลบหนี อาวุโสของโถงกิจการภายในที่จดจําอีกฝ่ายได้ว่าเป็นใครก็เร่งโพล่งออกมาอย่างหวาดกลัว ตอนนี้ต่อให้พวกมันมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกหมื่นเท่า พวกมันก็ไม่กล้าโผล่หัวไปขวางให้ตายเปล่า!


 


เผยหยวนจี๋คนนี้ กระทั่งจ้าววังเทียนฉือของพวกมันยังรับมือไม่ไหวด้วยซ้ำ แล้วพวกมันจะไปมีปัญญาทําอะไรได้?


 


“หืม!? เจ้าหนุ่มนั่นมิใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไร? ศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ทั้งยังเป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะคนใหม่ของวังเทียนฉือเราไฉนมันไปอยู่กับเผยหยวนจี๋ได้เล่า กระทั่งดูจากท่าทีแล้วไม่คล้ายถูกเผยหยวนจี๋จับเป็นตัวประกันหรือโดนข่มขู่อันใด แลดูยังคล้ายสหายที่รู้จักเผยหยวนจี๋มานานปีอีก!!”


 


“อย่าบอกนะว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันมาที่นี่เพื่อช่วยเผยหยวนจี๋!?”


 


“จักเป็นไปได้อยย่างไร ต่อให้มันคิดมาช่วยคน แต่มันก็ต้องมีความสามารถช่วยคนก่อน…”


 


“แล้วเจ้าจักอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าเจ้าอย่างไร? หากไม่ใช่มันมาช่วยเผยหยวนจี๋ ไฉนถึงแจ้นตามหลังเผยหยวนจไปติดๆเช่นนั้นเล่า! แล้วเจ้าเห็นหรือไม่…ด้านหลังมันยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เหลือบนชั้น 3 อีก 5 คนนั่นด้วย!”


 


“โอทวยเทพ.นี่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้บนชั้น 3 พวกมันแหกคุกออกมาได้หมดเลยหรือ!?”


 


“กําลังจักเกิดเรื่องใหญ่แล้ว คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วจริงๆ!!”


 


“แล้วพวกเราไม่ต้องออกไปรายงานเรื่องราวหรือ?”


 


“รายงาน? เจ้ากล้าออกจากห้องโถงกิจการภายในนี้ไปไหม? ข้าแทงร้อยเอาหนึ่งเลยว่าเจ้าต้องตายก่อนได้เหยียบจัตุรัสสิ้นสุด…เจ้าลองดูหรือไม่ หากเจ้าเป็นอะไรข้าจักดูแลเมียเจ้าอย่างดีให้เหมือนเมียข้าเลย?”


 


“หุบปากไปเสีย!”


 


วันนี้อาวุโสที่ทําหน้าที่อยู่ในโองกิจการภายในก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แน่นอนว่าต่อให้มีคนมากกว่านี้ พวกมันก็ไม่คิดออกไปหาเรื่องตายแน่นอน


 


“อันใด พวกมันอยู่เป็นขนาดนี้เชียว”


 


พอเห็นว่าขบวนนักโทษวิ่งมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดแล้ว แต่กลับไม่มีอาวุโสของโถงกิจการภายในออกมาสกัดขัดขวางแม้แต่คนเดียว จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง “ไฉนผู้คนในโถงกิจการภายในมันรู้มากนักเล่า ไม่หาญกล้าเหมือนคนของหอชําระบาปหน่อยหรือ? น่าเบี่อจริง…”


 


“นับว่าคนของโถงกิจการภายในนี้ฉลาดกว่าพวกโง่งมนั้นเยอะ”


 


จักรพรรดิอมตะกวางขาว ไป๋ลู่กล่าว


 


“พวกเจ้าหยุดเล่นกันได้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม….ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะยังระรื่นอยู่ได้ รอให้ฝ่าจัตุรัสสิ้นสุดแล้วออกจากคุกหมื่นพันธนาการก่อนเถอะ หากเจอจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ขอให้พวกเจ้าคึกคักได้เหมือนตอนนี้แล้วกัน”


 


จักรพรรดิอมตะผกาทอง เชี่ยจินฮัวกล่าวเตือนเสียงขรึม “ภายในคุกหมื่นพันธนาการ เพราะถูกตัดจากโลกภายนอก เช่นนั้นเว้นเสียแต่จะมีผู้ใดออกไปรายงาน หาไม่แล้วภายนอกก็มิอาจล่วงรู้สถานการณ์ภายในได้”


 


“อย่างดีที่สุด จากการแตกของลูกแก้ววิญญาณของเจ้าพวกนั้น ก็ทําให้ด้านนอกรู้ว่าที่นี่มีคนตายติดๆกันหลายสิบคนเท่านั้น แต่มิทราบเป็นเรื่องราวใด”


 


“รอให้พวกเราออกไปนอกคุกหมื่นพันธนาการเมื่อไหร่..พวกหน่วยลาดตระเวนกับคนเฝ้าด้านนอกย่อมต้องเร่งรุดส่งข่าวออกไปแน่ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าเตรียมตัวรอรับการมาของจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือได้เลย!”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)