War sovereign Soaring The Heavens 3320-3325
ตอนที่ 3,320 : มุ่งหน้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจีเมี่ยเทียน
“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
หลังพาฮ่วนเอ๋อไปทิ้งไว้ที่ระนาบเซียนอันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดของเขาในชีวิตนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังอู๋หยาเทียนโดยใช้จานค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่เขาไม่ได้ ย้อนกลับไปยังวังเทียนฉือแต่อย่างไร เพียงไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในเมืองอุ่นยา เพื่อไปจี้เมียเทียนทันที
กล่าวให้ชัดคือไปยังแดนทําลายล้างของจี้เมี่ยเทียน และยังเป็นดินแดนศูนย์กลางของเมี่ยเทียน อันมีพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่
เขามาที่นี้ก็เพื่อจะเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนโดยเฉพาะ
“ผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจะทิ้งมรดกไว้ในบ้านเกิดที่ระนาบเซียน จนกระทั่งข้าได้รับสืบทอดมา…แต่อย่างไรเสียตอนนี้ท่านก็เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง”
“ไม่พ้นหลังได้รับตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แล้ว หากท่านคิดจะหาศิษย์ ก็ต้องมีเปิดรับสมัครอย่างเข้มงวด สุดยอดอัจฉริยะแห่แหนกันมาจากทุกทั่วสารทิศ ไม่เว้นท่านอาจจะมีไปสร้างมรดกสืบทอดไว้ในอีกหลายๆแห่ง…บางทีในสายตาของท่าน ข้าอาจจะเป็นแค่ผู้สืบทอดไร้สําคัญอะไร
“ประเด็นสําคัญก็คือ…เพราะมีข้าเป็นต้นเหตุจึงชักนเภทภัยมาสู่ตัวท่าน ทําให้โดนศัตรูที่ไม่รู้จักไล่ล่าสังหาร จนต้องหลบหนีเข้าไปในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามอันตรายของระนาบเทวโลก ไม่ทราบจะใช่เกลียดแค้นข้าเพราะเรื่องนี้รึเปล่า”
หลังจากเดินทางมาถึงแดนกลางของจี้เมียเทียนแล้ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนักอึ้งนัก
หากไม่ใช่เพราะบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงมือเขาคงไม่คิดจะบากหน้า มาหาอาวุโสฟงชิงหยางแต่ครั้งนี้เขาได้แต่บากหน้ามายังจี้เมี่ยเทียนเพื่อเสี่ยงโชคดูว่าอาวุโสฟงชิงหยางยินดีออกหน้าช่วยเหลือหรือไม่
หากมีใจช่วยจริง เช่นนั้นแค่วาจาเพียงไม่กี่คําก็อาจคลี่คลายยสถานการณ์ของบิดามารดาฮ่วนเอ๋อได้
เพราะด้วยพลังความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอาวุโสฟงชิงหยาง อย่าว่าแต่จ้าววังเทียนฉือเลยต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนมาเอง ก็ต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน
‘เพื่อฮ่วนเอ๋อ..รวมถึงเพื่อตัวข้าเอง ก็มีแต่ต้องลองบากหน้าไปพบผู้อาวุโสฟงชิงหยางสักครั้ง’
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่า ขณะถามทางไปพระราชวังจักรพรรคสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน กล่าวไปหากเรื่องราวมันไม่ตึงมือเขาขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีจังหวะมาตามหาผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงจี้เมี่ยเทียน
พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน เป็นขุมกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมียเทียน ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ล่วงรู้ที่ตั้ง แต่ก็มีผู้รู้ไม่น้อย
หากทว่าคนที่ล่วงรู้ หากไม่ใช่พลังฝึกปรือสูงพอตัวก็ต้องมีฐานะความเป็นมาไม่ธรรมดา เช่นนั้นคนทั่วไปในเมืองที่ต้วนหลิงเทียนไปถามจะไปรู้ได้อย่างไร
‘จริงสิ!’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังหันรีหันขวางในเมืองใหญ่ของแดนทําลายล้าง เพื่อหาเป้าหมายในการถามทางคนใหม่ เพราะคนล่าสุดก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาก็ฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้ ‘ไฉน ถึงลืมไปได้ว่ายังมีเจ้านั่นอยู่ด้วย?’
เรียกว่าในหัวตัวนหลิงเทียนปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมา
และคนๆนั้นยังเป็นศิษย์น้องของบิดาฮ่วนเอ๋อ ศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้าเมิ่งห่าวชวน!
วันนั้นก่อนจะแยกกับเมิ่งห่าวชวน เขาก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับอีกฝ่ายเอาไว้
“ต้วนหลิงเทียน?”
ด้านเมิ่งห่าวซวนอยู่ๆได้รับการติดต่อมาของต้วนหลิงเทียนมันก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง จึงวางทุกสิ่งที่กําลังทําอยู่และให้ความสําคัญกับการส่งข้อความตอบต้วนหลิงเทียนทันที
สุดท้ายหลังผ่านไป 3 วัน เขาจึงได้พบเจอกับเมิ่งห่าวชวนอีกครั้ง จนได้ไปเยือนสถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายในขุนเขากระบี่ฟ้า
“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าท่านจะว่างมาเยือนจี้เมียเทียนเร็วขนาดนี้…ว่าแต่อยู่ๆท่านมาจี้เมียเทียนได้ ใช่มีธุระอันใดหรือไม่?”
พอได้พบเจอต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เมิ่งห่าวชวนก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น เพราะมันเองก็ชื่นชมศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือคนนี้ไม่น้อย
นอกจากนั้นกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว ที่มันยังมีลมหายใจถึงทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะความเมตตาของชายหนุ่มเบื้องหน้า
“พอดีข้าอยากไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมียเทียนนะ”
ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผาเอ่ยไปตรงๆ “ไม่ทราบที่เพิ่งรู้ตําแหน่งที่ตั้งพระ ราชวังจักรพรรดิสวรรค์รีเปล่า?”
“รู้สิ”
เมิ่งห่าวชวนพยักหน้าตอบรับ ค่อยมองถามตัวนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้ “ว่าแต่น้องต้วน ท่านคิดไปทําอะไรที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หรือ? ปกติพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ๆใครคิดจะเข้าไปก็เข้าไปได้ง่ายๆ…”
“พอดีข้าอยากเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงแจ้งวัตถุประสงค์การมาออกไปตรงๆ
“เอ๋? อยากเข้าพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ?”
เมิ่งห่าวชวนผงะไปทันใด จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียน ไม่ใช่ใต้เท้าฟงชิงหยางหรือจักรพรรดิอมตะหมอกพิรุณรําลึกหรือไร?
ต้วนหลิงเทียนกําลังตามหาตัวตนระดับนี้?
“น้องต้วน ท่านเองก็คงทราบกระมัง…ว่าตัวตนระดับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มิใช่ผู้ใดมาขอเข้าพบก็จักได้พบง่ายๆ…”
เมิ่งชวนส่ายหัวไปมา เอ่ยถามสืบต่อ “แล้วไฉนท่านถึงได้อยากพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เล่า?”
“ข้าอยากรบกวนให้อาวุโสจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยเหลือคน 2 คนให้ข้านะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ที่สําคัญ 1 ใน 2 คนที่ข้าอยากให้อาวุโสออกหน้าช่วยเหลือ พี่เพิ่งเองก็รู้จักดีศิษย์พี่ใหญ่ของท่าน เหลียนชิว”
“ศิษย์พี่ใหญ่รึ?!”
ตอนแรกพอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดว่าจะมาขอให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนออกหน้า ช่วยคนสองคน เมิ่งห่าวชวนก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ไหน เลยจะสนใจเรื่องเช่นนี้?
แล้วราคาที่ต้องจ่ายเพื่อร้องขอให้ตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ช่วยออกหน้าคืออะไร? หรือจะเป็นการถวายตัวรับใช้?
ขออภัย…ถึงแม้พรสวรรค์และไหวพริบปฏิภาณของต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำแค่ไหน แต่ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะออกจากวังเทียนฉือและย้ายมาอยู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เพราะเหตุนี้ เกรงว่าไม่พ้นต้องถูกดูหมิ่นเป็นแน่! เพราะนี่แทบไม่ต่างอะไรจากการทรยศต่อขุมกําลังตัวเอง!
ผู้ที่สามารถทรยศวังเทียนฉือในวันนี้ได้ ใครจะกล้าบอกว่าพรุ่งนี้จะไม่ทรยศพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียน?
ดังนั้นมันจึงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะทําได้สําเร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินถ้วนหลิงเทียนบอกว่า ต้องการให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าช่วยคน 2 คน แถมหนึ่งในนั้น ก็คือเหลียนชิวศิษย์พี่ใหญ่ของมัน เมิ่งห่าวซวนจึงอดตะลึงไปไม่ ได้ “เอ่อ…น้องต้วน ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“ท่าน….คิดมาขอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้าเพื่อช่วยศิษย์พี่ใหญ่ของข้า?”
เมิ่งห่าวชวนจับต้นชนปลายไม่ถูก
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนปริปากเล่าเรื่องราวต้นสายปลายเหตุออกมา เมิ่งห่าวชวนจึงเข้าใจได้ “ให้ตายเถอะ ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง…ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าท่านจะอยู่กับลูกสาวคนเดียวของศิษย์พี่ใหญ่!”
“แถมท่านมาถึงจี้เมียเทียน ก็เพื่อคิดช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้อีก…”
หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากถ้วนหลิงเทียน เมิ่งห่าวชวนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
มันไม่คิดไม่ฝันว่าใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้อยู่จริง ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือที่มัน พบเจอในสถานที่ทดสอบจอมราชันอมตะสมญานามของวิหารเมิ่งฮ่าว กลับมีความสัมพันธ์กับศิษย์พี่ใหญ่ของมันในลักษณะดังกล่าว!
นอกจากนั้น จะว่าไปแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากลูกเขยศิษย์พี่ใหญ่ของมันเลย!
“น้องต้วนขาเข้าใจความรู้สึกของท่านดี..แต่หากท่านคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย หากท่านเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจร และเลือกที่จะเข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนเราแต่แรก แสดงความสามารถจนได้รับความสนใจจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ถึงตอนนั้นไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจเห็นแก่คุณค่าของท่าน จนยอมออกหน้าสักครา”
เมิ่งห่าวชวนคลี่ยิ้มแหยๆ สีหน้าแลดูบอกบุญไม่รับ “แต่ในเมื่อท่านเป็นคนของวังเทียนฉือ ทั้งยังเป็นศิษย์อัจฉริยะของที่นั่น ต่อให้พรสวรรค์และความเข้าใจของท่านจะท้าทายสวรรค์แค่ไหน แต่การกระทําของท่านก็ไม่ต่างอะไรจากการทรยศวังเทียนฉือ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่มีทางให้ความสําคัญท่านแน่”
“เพราะไม่มีผู้ใดชมชอบคนทรยศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม”
เมิ่งห่าวชวนส่ายหัวไปมา
“ช้าก่อนพี่เพิ่ง…นี่ท่านคิดว่าข้าวางแผนจะออกจากวังเทียนฉือมาเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่วาเมิ่งห่าวชวนผู้นี้ เขาจึงกล่าวไปหนึ่งแต่อีกฝ่ายมโนไปถึงสิบ จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา
“อ่าว ไม่ใช่เช่นนั้นรึ?”
เมิ่งห่าวชวนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง หากคิดจะให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกหน้า ถ้าไม่ใช่คิดถวายตัวรับใช้เป็นการตอบแทน แล้วจะทําอย่างไรได้อีก?
“ไม่ใช่เลย”
ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ถึงแม้ข้าจะมีวัตุประสงค์แอบแฝงในการเข้าวังเทียนฉืออย่างคิดช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อแต่แรก ทว่าหลังจากที่ข้าเข้าร่วมวงเทียนฉือ จนได้กลาย ไปเป็นศิษย์ในด่านถือหล่าง จวบจนได้รับการดูแลมากมาย…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใด เอาแค่เพีย งเพราะเห็นแก่ถือหล่างและศิษย์พี่ทั้งหลาย ข้าก็ไม่คิดจะทรยศวังเทียนฉือง่ายๆ…”
“น้องต้วนแต่นอกเหนือจากวิธีนั้น ข้ายังคิดไม่ออกจริงๆว่าท่านจะอาศัยอะไร ถึงทําให้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยินดีออกหน้าเพื่อท่านได้”
เมิ่งห่าวซวนส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวต่อว่า “นอกเสียจากท่านจะมีสายสัมพันธ์กับใต้เท้า จักรพรรดิสวรรค์…หรือไม่ก็เป็นผู้อาวุโสของท่านมีสายสัมพันธ์รู้จักมักคุ้นกับใต้เท้าจักรพรรสวรรค์ ไม่แน่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจจะเห็นแก่หน้าอาวุโสท่าน จนออกหน้าช่วยเหลือ
“เพราะต่อให้ด้วยพลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ตอนนี้ เพียงวาจาหนึ่งคําก็สามารถคลี่คลาย เรื่องราวได้ แต่วาจาหนึ่งคําที่ว่าก็ไม่ใช่จะเอ่ยออกไปเพื่อช่วยใครสุ่มสี่สุ่มห้า”
เมิ่งห่าวชวนกล่าวออกมารวดเดียวจบ ค่อยมองสบตาต้วนหลิงเทียนอีกรอบ
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนของท่านกับข้า พวกเรามาจากระนาบโลกียะเดียวกัน อีกทั้งในราบโลกียะดังกล่าว ข้ายังได้รับสืบทอดมรดกจากท่านผู้อาวุโส ถึงแม้ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสจะยังไม่รู้ตัว แต่ข้าก็ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดมรดกของอาวุโสมา”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เมิ่งห่าวซวนตระหักได้ทันทีว่าที่แท้ในน้ําเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใด แต่ก็ยังไม่ได้ดูดีกับไฟ ใบนี้ของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ “น้องต้วน…ข้าขอบังอาจแนะนําท่านว่า อย่าพึ่งคิดฝันมากเกินไป เพราะหากจะว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ให้ความสําคัญกับผู้สืบทอดอย่าง ท่านจริง ก่อนที่ท่านจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก บางที่ใต้เท้าอาจจับตาดูท่าน กระทั่งส่งคนไปรับท่านขึ้นมายังระนาบเทวโลกแต่แรกแล้ว”
“ว่าแต่…จนถึงบัดนี้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เคยมีการติดต่อไปหาท่านบ้างหรือไม่?”
เมิ่งห่าวชวนกล่าวแจกแจง ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคําถามหนึ่ง
ตัวนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
“เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะ…ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่เพียงจะไม่รู้จักผู้สืบทอดเช่นท่าน กระทั่งเผลอๆจะยังไม่ได้สนใจผู้สืบทอดมรดกเช่นท่านเลย”
เมิ่งห่าวซวนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ แม้วาจาอาจจะทําลายความหวังของต้วนหลิงเทียน แต่มันเชื่อว่ายัง ดีกว่าปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจมกับมายาฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง สุดท้ายอาจรู่วามทําอะไร จนเป็นเหตุให้จักรพรรดิสวรรค์มีโทสะขึ้นมาได้
“ข้ามักคิดว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางมักให้ความสําคัญกับกองกําลังที่ข้าอยู่มาก ไม่ใช่ท่านเองก็บอกข้าเองหรือว่าสมญานามของอาวุโสฟงชิงหยางงเรียกว่า หมอกพิรุณรําลึก?”
สองตาต้วนหลิงเทียนยังคงทอประกายยไปด้วยความหวัง ไม่คิดถอดใจ “และข้าก็เป็นผู้สืบทอ ดนามหมอกพิรุณของท่านในกองกําลังดังกล่าวในระนาบโลกียะ”
“บางที่นั่นอาจเป็นแค่ การหวนคิดถึงความหลังของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นได้…”
เมิ่งห่าวชวนไม่ได้ให้น้ําหนักกับข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องลองพยามดูก่อน อย่างน้อยก็มีโอกาสสําเร็จ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีแม้แต่โอกาส”
สายตาของต้วนหลิงเทียนเผยความแน่วแน่
“เอาล่ะๆ ในเมื่อท่านยืนกรานจะไป ข้าก็จะพาท่านไปเอง…พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ตั้งอยู่ในสถานที่เร้นลับ หากไม่ใช่คนที่เคยไปมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตําแหน่งคร่าวๆ ก็ยังยากจะพบเจอ… และพอดีข้าก็เคยมีวาสนาได้ไปเยือนที่นั่นกับท่านอาจารย์ครั้งหนึ่ง”
เมิ่งห่าวซวนกล่าว
และพอมันกล่าวจบก็เดินออกจากโถงรับแขกจวบจนออกจากบ้าน ก่อนจะเห็นร่างนำทางไปทันที ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างตามไปติดๆ
“ว่าแต่ตัวนหลิงเทียน ไม่ทราบศิษย์พี่ใหญ่ของข้าเป็นเช่นไรบ้างหรือ?”
เนื่องเพราะได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ที่ถูกคุมขังในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือ เมิ่งห่าวชวนเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดเป็นห่วงขึ้นมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านยังดีอยู่ไม่ได้เป็นอะไร กระทั่งพลังฝีมือยังก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ตอนนี้แทบจะทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
พอได้ยินดังนั้น สองตาเมิ่งห่าวซวนก็ทอประกายจ้า “หากท่านอาจารย์ล่วงรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่สามารถประสบความสําเร็จได้ถึงขนาดนี้แล้ว ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ! น่าเสียดายที่วังเทียนฉือไม่เคยบอกว่าจะคุมตัวศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้จนถึงเมื่อไหร่…”
“หากเป็นสถานการณ์ปกติ น่ากลัววังเทียนฉือคงไม่คิดจะปล่อยคนออกมาหรอก”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง หากวังเทียนฉือมีใจคิดจะปล่อยเหลียนชิว ในสักวันจริงๆ คงไม่จับตัวตู้เสวียน มารดาของส่วนเอื้อมากักขังในห้องขังฝั่งตรงข้ามกับห้องขังเหลี ยนชิว เพื่อทรมานนางต่อหน้า ให้เหลียนชิวเจ็บปวดใจอย่างทุกวันนี้
ดูจากเรื่องนี้ก็บอกได้ไม่ยาก ว่าจ้าววังเทียนฉือกับลูกสาวที่ถูกล้มเลิกงานวิวาห์ ต้องเกลียดชังเหลียนชิวเข้ากระดูกดําแล้ว!
ตอนที่ 3,321 : จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง
ในฐานะที่เป็นขุมกําลังของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ได้ลอยล่องอยู่บนเวิ่งฟ้าอันลี้ลับแห่งหนึ่ง หากเป็นคนที่ไม่เคยมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ปกติแล้วย่อมไม่อาจหาสถานที่ตั้งของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ได้พบ
อย่างไรก็ตาม เมอ่งห่าวซวนในฐานะที่เป็นศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้า แม้ตอนติดตามอาจาย์มามันจะไม่ได้เข้าไปในตัวพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ แต่อย่างน้อยๆก็ได้มายืนเฝ้ารอด้านหน้า
“มีคนมากมายที่เป็นเหมือนข้า ได้แค่หยุดมองพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไกลๆ…อย่าไรก็ตามแค่ได้มองพวกเราก็รู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่แล้ว”
เมื่อใกล้จะถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เมิ่งห่าวชวนก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียน ในแววตาเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นชัดเจน
เพราะในสายตาของมือกระบี่ทั้งหลายของจี้เมี่ยเทียน พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์นั้นไม่ต่างอะไรจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย
เนื่องเพราะนี่คือสถานที่ๆ จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดพำนักอยู่!
“อ่า”
ได้ยินคําพูดของเมิ่งห่าวชวนต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับทราบ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในวังเทียนฉือ เขาก็ได้รับทราบแล้วว่าอาวุโสฟงชิงหยางไม่เพียงแต่จะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังเป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาของเหล่ามือกระบี่ทั้งหลายอีกด้วย
ปกติแล้วตัวตนที่ทําให้เหล่าเซียนยอมตะทั้งหลายศรัทธาได้ก็มีแต่ตัวตนระดับเทพเท่านั้น
แต่ฟงชิงหยางนับเป็นตัวตนที่หาได้ยากนัก เพราะก่อนที่จะบรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็ทําให้ผู้คนกว่าครึ่งของระนาบจี้เมี่ยเทียนศรัทธาได้แล้ว
มีจักรพรรดิสวรรค์น้อยคนนักในระนาบเทวโลกทั้งมวลที่สามารถเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชากรในระนาบเทวโลกของตัวเองกว่าครึ่งได้
ทว่าฟงชิงหยางเป็นหนึ่งในน้อยคนดังกล่าว
“น้องต้วน ก่อนจะไปถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ข้าอยากจะเตือนอะไรท่านสักคํา..ท่านไม่แน่ว่าจะได้เข้าไปในวังจักรพรรดิสวรรค์ด้วยซ้ำ”
ก่อนจะเดินทางถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เมิ่งห่าวชวนก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสีงท่าทางจริงจัง “เจ้ากับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อาจถือว่ามีสายสัมพันธ์กันก็จริง”
“อย่างไรก็ตามพื้นฐานของสายสัมพันธ์ที่ว่ามันอยู่ในระนาบโลกียะ…แม้ระนาบโลกียะจะเป็นดั่งรากฐานหลักที่ทําให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่เพราะเรื่อง ราวที่เกิดขึ้นในระนาบโลกียะมันห่างไกลเกินไปราวกับห่างกันคนละโลก…”
“นอกจากนี้ฟังจากที่ท่านพูดแล้ว สิ่งที่ท่านได้รับก็เป็นแค่มรดกที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เหลือทิ้งไว้สมัยยังอยู่ในระนาบโลกียะเท่านั้น”
“มรดกที่เหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะ…บัดนี้มันไม่อาจนับเป็นอะไรได้แล้ว”
ระหว่างเดินทางเมิ่งห่าวชวนก็ได้รับทราบเรื่องราวเพิ่มเติมจากปากต้วนหลิงเทียน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันอย่างไร ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ได้หวังอะไรไว้มากมาย
ทว่าต้วนหลิงเทียนยังยืนกรานว่าจะลองมันก็ได้แต่พาต้วนหลิงเทียนมาลองดูเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ทั้งหมดดีแก่ใจ”
ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้ไม่ยากว่าเมิ่งห่าวชวนกําลังกังวลเรื่องอะไร และรู้ว่าอีกฝ่ายก็แค่หวังดี เขาจึงได้แต่ตอบคํากลับไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
เป็นธรรมดาว่าลึกลงไปในแววตาเขาก็ฉายชัดถึงความกังวลให้เห็นเช่นกัน
ถึงแม้การมาพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนคราวนี้ เขาจะหวังไว้ว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางยินดีออกหน้าช่วยเขาสักครั้ง อย่างไรก็ตามเขาได้เตรียมใจรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว
เมื่อไม่อาจได้รับความช่วยเหลือจากอาวุโสฟงชิงหยาง เช่นนั้นเขาก็ทําได้แค่พี่งพาตัวเองเรื่องช่วยบิดามารดาของส่วนเอ๋อเท่านั้น
แน่นอนว่าก่อนจะลงมือเขาก็ยยังต้องไปตระเตรียมอะไรอีกหลายอย่าง
…….
“ด้านหน้าก็คือพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แล้ว”
พอเสียงของเมิ่งห่าวซวนดังขึ้นอีกครั้ง ก็ดึงสติต้วนหลิงเทียนที่เหม่อคิดกลับคืน พอเขามองตามสายตาของเติ้งห่าวชวนไป ก็แลเห็นเกาะที่มีลักษณ์ดังขุนเขามหึมาลอยล่องกลางหาว ตัวเกาะยังแลคล้ายปลายกระบี่คว่ําลง
และรอบเกาะสูงตระหง่านคล้ายปลายกระบี่ปักลงนั้น ก็มีเกาะลอยเล็กๆลอยล่องอยู่โดยรอบ มากมายปานดาวล้อมเดือน
“ลือกันว่า สถานที่พักบ่มเพาะของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้อยู่บนเกาะหลัก แต่เป็นหนึ่งในเกาะลอยเล็กๆที่อยู่รอบเกาะหลักเช่นกัน…”
เมิ่งห่าวชวนมองจ้องไปยังเกาะลอยเบื้องหน้าด้วยสายตาร้อนแรงราวมีเปลวเพลิงลุกโชน ใบหน้าฉายชัดถึงความคลั่งไคล้ แม้มันจะเคยมาที่นี่แล้วแต่อารมณ์ของมันก็ยังคงฮึกเหิมราวกับมาครั้งแรก
และตอนนี้ในอากาศก็มีร่างคนหลายร่างลอยอยู่โดยรอบเว้นระยะห่างมากพอสมควร
คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ทําอะไร เพียงหยุดร่างลงกลางหาวมองพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จากที่ไกลๆเท่านั้น
“กลิ่นอายนี่มัน…คุ้นนัก”
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างข้างเมิ่งห่าวซวน และมองจองไปยังเกาะที่ลอยตระหวาานปานกระบี่ก็สัมผัสได้ถึงปราณกระบี่สายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหาเขา
และปราณกระบี่สายนี้กลับทําให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกจนพอนึกๆอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจว่าไฉนมันถึงคุ้นเคยนัก
“กลิ่นอายปราณกระบี่นี่มัน…กับกลิ่นอายยอดใจกระบี่ที่ผู้อาวุโสฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้เป็นมรดก กลับคล้ายกันมาก…แค่กลิ่นอายของปราณกระบี่ที่นี่มันทั้งรุนแรงคมกล้าและบริสุทธิ์มากกว่า”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยให้เห็นถึงสีสันอันร้อนแรงเล็กน้อย
“ไปที่ประตูหน้ากันเถอะ”
เมิ่งห่าวซวนกล่าวชวนต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนเห็นร่างไปยังประตูหน้าของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
ต้องทราบด้วยว่าในอดีตตอนเมิ่งห่าวชวนมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ยังไม่เค ยมาถึงประตูหน้าแค่ชมดูจากไกลๆเท่านั้น
วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่มันมาถึงหน้าประตูพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งห่าวชวนเหินร่างเข้าใกล้ก็ปรากฏร่างผู้คนมากมายขึ้นในอากาศปานภูตผีบังขวางเอาไว้
“ที่นี่คือพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้า!”
เป็นหน่วยองครักษ์สวรรค์หน่วยหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่แถวๆนี้ พอเห็นทั้งคู่เดินเข้าใกล้จึงเข้ามาขวางทางเอาไว้
สมแล้วที่เป็นพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์..แม้แต่หน่วยลาดตระเวนก็เป็นถึงจักรพรรดิอมตะ
ต้วนหลิงเทียนลอบถอนหายใจ
ก่อนที่จะมาถึงนี้ เขาก็ได้รับทราบจากเมิ่งห่าวซวนแล้วว่าในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ นอกจากจักรพรรดิอมตะสมญานามกับศิษย์ที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ภายในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จะไม่มีศิษย์สาวกธรรมดาๆเหมือนกับขุมกําลังอื่น นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ก็จะเป็นองครักษ์สวรรค์เท่านั้น
องครักษ์สวรรค์ ก็เป็นชื่อย่อมาจากองครักษ์พิทักษ์จักรพรรดิสวรรค์
องครักษ์สวรรค์เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ด้วยความสมัครใจและขอเพียงผ่านการทดสอบที่เหมาะสม ก็สามารถกลายเป็นองครักษ์สวรรค์ได้
และเมื่อได้เป็นองครักษ์สวรรค์ของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ก็ต้องทํางานรับใช้จักรพรรดิสวรรค์เป็นเวลานานอย่างน้อยๆก็ต้อง 1,000 ปี!
บางคนที่ต้องการหลบหนีภัยพิบัติและศัตรูร้ายโดยการเป็นองครักษ์สวรรค์ ก็เต็มใจลงนามในสัญญารับใช้ว่าจะอยู่ที่นี้เป็นเวลาอย่างน้อยหมื่นปี!
เพาะหากไปร่อนเร่อยู่ด้านนอก ก็อาจหนีความตายไม่พ้น
แต่หากเข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสววรรค์ จนกลายเป็นหนึ่งในองครักษ์สวรรค์แล้วล่ะก็จะได้รับการคุ้มครองจากองครักษ์สวรรค์ด้วยกัน รวมถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย ไม่ต้องหวาดกลัวและกังวลว่าจะมีอันตรายถึงตายใดๆอีก
หากอยากได้บางสิ่งที่ต้องจ่ายราคาบางอย่าง
นี่เป็นสัจธรรมที่ดํารงอยู่มาตั้งแต่โบราณ
“ท่านองครักษ์สวรรค์ พวกเรามีเรื่องขอเข้าพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
เมิ่งห่าวชวนคลี่ยิ้มกล่าวคํากับองครักษ์สวรรค์ที่ทําหน้าที่ลาดตระเวนเบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงสุภาพ ถึงแม้องครักษ์สวรรค์เหล่านี้จะไม่มีใครเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ก็ไม่ใช่จักรพรรดอมตะที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อย
จักรพรรดิอมตะทั่วไป จะกล้าสร้างปัญหาใหญ่หลวงได้อย่างไร สุดท้ายยังต้องหลบหนีเภทภัยมาพึ่งบารมีของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แบบนี้?
“มาขอพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
องค์รักสวรรค์ในหน่วยลาดตระเวนหลายคนก็ตกใจอยู่บ้างเมื่อได้ยินเรื่องราว จากนั้นพวกมันก็เริ่มมองสํารวจต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งห่าวชวนสักพัก ก่อนองครักษ์สวรรค์คนแรกที่เข้ามาทักจะมองกล่าวกับทั้งสองว่า “พวกเจ้าติดตามข้าไปประตูหน้าพระราชวัง
พอกล่าวจบองครักษ์สวรรค์คนดังกล่าวก็เห็นร่างนําไปทันที ส่วนองครักษ์สวรรค์ที่ทําหน้าที่ลาดตระเวนคนอื่นๆ ก็ไปเห็นร่างเพื่อลาดตระเวนตรวจตราสืบต่อ
ระหว่างที่เห็นร่างนำทางองครักษ์สวรรค์ที่นาทางไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว พอพา พวกต้วนหลิงเทียนมาส่งถึงด้านหน้าประตูพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แล้ว มันก็เห็นร่างจากไปทันที
แต่ก่อนจะจากไป มันก็มีหันไปกล่าวคํากับองครักษ์สวรรค์ทั้ง 4 คนที่ทําหน้าที่เฝ้าประตูว่า “ทั้งคู่บอกว่าจะมาขอเข้าพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์….พวกเจ้ารับช่วงต่อเถอะ”
หลังองครักษ์สวรรค์ในหน่วยลาดตระเวนเหินร่างจากไป สายตาองครักษ์สวรรค์ทั้ง 4 ที่ทําหน้าที่เฝ้าประตูก็หันมาจับจ้องมองสํารวจตัวนหลิงเทียนกับเมิ่งห่าวซวนทันที
จังหวะนี้ด้านตัวนหลิงเทียนก็มองสํารวจประตูหน้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เบื้องหน้าด้วย มันช่างยิ่งใหญ่ตระการตาเหนือกว่าประตูหน้าของนิกายกระบี่หมื่นหายนะที่เขาเคยเห็น ยังน่าเกรงขามยิ่งกว่าประตูหน้าของวังเทียนฉือหลายขุม!
“พวกเจ้ามาขอพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือ?”
หนึ่งในองครักษ์สวรรค์ที่เฝ้าประตูเอ่ยยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสีหน้าจริงจัง ในเมื่อเป็นคนที่มาขอพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกมันได้ เช่นนั้นก็ต้องไม่ธรรมดาพอตัวอาศัยมันย่อมไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่าย
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ไม่ทราบพวกเจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เช่นนั้นหรือ?”
องครักษ์สวรรค์คนเดิมเอ่ยถาม
เมิ่งห่าวชวนหันไปมองต้วนหลิงเทียน ส่วนต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมากับองครักษ์สวรรค์ตรงๆ “อาวุโสฟงชิงหยางเคยทิ้งมรดกไว้ในบ้านเกิด และข้าคือผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกดังกล่าวมา”
“โอ้?”
ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียนองครักษ์สวรรค์ดังกล่าวก็หดเล็กลง เพราะเท่าที่มันทราบนั้น ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันยังไม่มีลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ เคยมีก็แต่ศิษย์ในนามเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น แต่ทั้งคู่ก็เลิกล้มออกไปกลางคัน
นอกจากนั้นแล้ว มันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันไปสร้าง มรดกตกทอดไว้ที่ไหนอีก
“คุณชาย ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?”
องครักษ์สวรรค์เอ่ยถามออกมา น้ำเสียงท่าทางยังสุภาพนอบน้อมขึ้นหลายส่วน เพราะหากอีกฝ่ายได้รับสืบทอดมรดกจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกมันจริงๆ ต่อให้จะเป็นมรกจากระนาบโลกียะมันก็ไม่กล้าดูเบาละเลยอีกฝ่าย
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“แล้วมิทราบคุณชายต้วน มาขอพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ด้วยกิจอันใดหรือ?”
องครักษ์สวรรค์เอ่ยยถามอีกครั้ง
“เรื่องมันยาว..รบกวนท่านแจ้งไปยังอาวุโสฟงชิงหยางว่าข้ามาขอพบก็พอหากกอาวุโสฟงชิงหยางยินดีพบข้า ข้าค่อยบอกกล่าวกับอาวุโสทีเดียว แต่หากอาวุโสไม่อยากพบข้า เช่นนั้นข้าพูดไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
และหลังจากพูดออกไปแล้ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเต็มไปด้วยความกังวล
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่แน่ใจเลยว่าอาวุโสฟงชิงหยางจะเต็มใจออกหน้าช่วยเหลือเขาหรือไม่ต่อให้อีกฝ่ายจะยอมพบเจอแต่กับเรื่องนี้เขาก็ไม่แน่ใจจริงๆ
ด้วยสถานะของอีกฝ่ายในปัจจุบัน กับผู้สืบทอดมรดกที่เหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะอย่างเขายังจะสลักสําคัญมากพอให้อีกฝ่ายสนใจหรือไม่?
“ก็ได้ ข้าจะไปแจ้งเรื่องราวให้ท่าน”
องครักษ์สวรรค์พยักหน้า จากนั้นมันก็เดินเข้าประตูใหญ่ หายไปจากสายตาของต้วนหลิงเทียนและเมิ่งห่าวซวน
ต้วนหลิงเทียนกับเมิ่งห่าวชวนก็ได้แต่รอเงียบๆ
ราวๆ 1 เค่อต่อมา ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ร่างองครักษ์สวรรค์คนดังกล่าวก็กลับมาพร้อมชายคนหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียว รูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดา
กล่าวได้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ หากมองผ่านๆก็ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วๆไป
อย่างไรก็ตามหากดูจากท่าที่เคารพนอบน้อมขององครักษ์สวรรค์ที่เดินตามหลังต้อยๆแล้ว ก็ไม่ยากที่จะบอกได้ว่าฐานะของอีกฝ่ายในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งนี้ต้องไม่ใช่ชั่วแน่!
“ท่านผู้นี้คือ จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง ของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เรา”
องครักษ์สวรรค์คนเดิมที่ยืนอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคน ก็กล่าวแนะนําชายวัยกลางคนให้ด้วนหลิงเทียนรู้จัก “ท่านเป็น 1 ในจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่สามารถติดต่อกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้โดยตรง”
“เจ้าหนุ่ม เจ้าบอกว่าเจ้าคือผู้ได้รับสืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบโลกียะรึ?”
ชายวัยกลางคนที่องครักษ์สววรรค์เรียกหาว่า จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง มองต้วนหลิงเทียนด้วย สายตาราวมีสายฟ้าฟาด และคนแต่เดิมที่ให้ความรู้สึกเหมือนชายวัยกลางคนธรรมดาๆ อยู่ๆทั่วร่างก็แผ่กลิ่นอายอันไม่ธรรมดาออกมา!
ตอนที่ 3322 : ตุ๊กหวี่ ปรากฏตัว!
“ใช่”
ถึงแม้ชายวัยกลางคนจะยังมีหน้าตาแลดูธรรมดา หากทว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของมันตอนนี้ ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอยู่บ้าง!
อย่างน้อยๆพลังของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าที่เหนือกว่า ตกเหวิน จักรพรรดิอมตะสมญานามที่รับงานมาฆ่าเขา ก่อนจะเป็นฝ่ายตายด้วยน้ํามือของเขาแทนในกาลก่อน!
“พลังของคนผู้นี้สมควรเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับของวังเทียนฉือเหนือกว่าครูอยู่บ้าง”
ตัวนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ครูที่เขาเอ่ยในใจก็คือ จักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ลือหล่าง แห่งวังเทียนฉือ
อีกทั้งเขายังตระหนักได้ว่า จักรพรรดิอมตะหยกกุ้งเบื้องหน้า ยังอ่อนด้อยกว่าโหยวเฟิงอวจ้าวังเทียนฉืออยู่เล็กน้อย
“ข้าคือผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน”
ชายวัยกลางคนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงดังฟังชัด “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พึ่งจะออกไปทําธุระเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการพบใต้เท้าด้วยเหตุอันใด?”
“ออกไปทําธุระ?”
ตัวนหลิงเทียนตกใจ ก่อนจะเล่าความประสงค์ของตัวเองออกไปทันที “ที่ข้ามาหาอาวุโสฟงชิงหยางครั้งนี้เพราะข้าอยากขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส”
“เจ้ามีเรื่องที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือ?”
คิ้วเมิ่งชวนเลิกขึ้น กล่าวออกเสียงเรียบว่า “ข้าสามารถติดต่อใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้…แต่ก่อนที่ข้าจะติดต่อไป คงต้องขอให้เจ้ายืนยันตัวตนก่อน”
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าได้รับสืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มา เช่นนั้นเจ้าก็สมควรพิสูจน์ได้กระมัง?”
กล่าวจบคําเมิ่งชวนก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขมึง ความนัยวาจาไม่มีอะไรมากไปกว่าขอให้ตัวนหลิงเทียนพิสูจน์ว่าได้รับสืบทอดมรดกของฟงชิงหยางมาจริงๆ
ไม่มีปัญหา
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นเพียงหนึ่งห้วงคิด เขาก็โคจรพลังใช้ออกด้วยเคล็ดวิชายอดใจกระบี่ ที่เขาไม่ได้ใช้มันมาเนิ่นนาน ทั่วร่างพลันเปล่งเจตจํานงกระบี่อันรุนแรงออกมาทันทีเจตจํานงกระบีดังกล่าวยังแผ่กลิ่นอายสังหารสะท้านไปในบรรยากาศ!
“ยอดใจกระบี่!!”
สองตาเมิ่งชวนทอประกายสว่างจาขึ้นมาโดยพลัน ถึงแม้ยอดใจกระบี่ที่ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าบรรลุจะด้อยกว่ายอดใจกระบีของฟงชิงหยาง แต่ก็มีรากเหง้าเดียวกันไม่ผิดแน่!
“ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นทายาทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จากระนาบโลกียะจริงๆ”
เมิ่งชวนพยักหน้า “ท่านว่ามาเถอะ ที่แท้คิดมาหาใต้เท้าจักกรพรรดิสวรรค์ของพวกเรา เพื่อให้ใต้เท้าช่วยเหลือเรื่องใดกันแน่?”
จังหวะนี้คําพูดคําจาของเมิ่งชวนที่มีต่อต้วนหลิงเทียน ยังกลายเป็นสุภาพมากขึ้นหลายส่วน!
เพราะจากลักษณะนิสัยของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่มันรู้จัก หากคนเบื้องหน้าเป็นทายาทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ เช่นนั้นใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันต้องไม่ละเลยชายหนุ่มเบี้ องหน้าแน่นอน กระทั่งความสําคัญของอีกฝ่ายยังต้องไม่ธรรมดาอีกด้วย!
เพราะเท่าที่มันทราบมา ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อน!
“ที่ข้ามาหาผู้อาวุโสฟงชิงหยางครั้งนี้ เพราะคิดขอความช่วยเหลือจากอาวุโสเรื่อง…”
ถึงแม้ฟงชิงหยางจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เนื่องจากชายวัยกลางคนเบื้องหน้าสามารถติดต่อฟงชิงหยางได้โดยตรง ต้วนหลิงเทียนจึงไม่ปิดบังอะไร เพียงเล่าวัตถุประสงค์การมาของตัวเองครั้งนี้ออกไป
“ช่วยคนสองคน? วังเทียนฉือ?”
หลังได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนเล่าออกมา เมิ่งชวนก็พยักหน้า “ถึงแม้จ้าววังเทียนฉือจะมีสัมพันธ์ชิดใกล้กับจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียน แต่ต่อให้เป็นตัวจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนเอง บัดนี้หากต้องมาอยู่ต่อหน้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกเรา มันก็ต้องแสดงความเคารพนอบน้อมอยู่หลายส่วน!”
ครูต่อมา เมิ่งชวนก็ทําการส่งข้อความไปทันที “ข้าส่งข้อความไปให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แล้ว..ท่านรอสักครู่เถอะ”
อย่างไรก็ตามผ่านไป 1 เค่อก็แล้ว ครึ่งชั่วยามก็แล้ว แต่เมิ่งชวนยังไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด
สุดท้ายมันก็ได้แต่ส่งข้อความไปหาพี่ชายของมัน เมิ่งหลัว!
เมิ่งหลัว จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือจักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บังคับบัญชา ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน และยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่ สุดอีกด้วย!
เรียกว่าพลังฝีมือของเมิ่งหลัว ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นาขุมกําลังระดับสวรรค์ทั้งหลายเลย!
เหตุไฉนที่เมิ่งชวนส่งข้อความไปหาเมิ่งหลัวพี่ชายของตัวเอาตอนนี้ ก็เพราะมันทราบว่าการออกไปทําธุระข้างนอกครั้งนี้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ได้พาพี่ชายของมันออกไปด้วย
อย่างไรก็ตามหลังส่งข้อความติดต่อไปถึงเมิ่งหลัวก็แล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับใดๆทั้งสิ้น
“ทั้งใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์และพี่ใหญ่ของข้าไม่ตอบกลับข้อความของข้าเลย ดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งคู่มีเรื่องสําคัญต้องทํา
“หรือไม่ บางที่ทั้งคู่ก็อยู่ในจุดที่ข้อความทางวิญญาณไม่อาจส่งไปได้ถึง
คิดถึงจุดนี้เมิ่งชวนก็หันไปส่ายหัวให้ต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือพี่ใหญ่ข้าที่ติดตามใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ออกไปด้วยกัน ก็ไม่มีผู้ใดตอบข้อความ ของข้าสักคน”
“สิบในสิบไม่พ้นทั้งคู่ต้องอยู่ในสถานที่ๆไม่อาจรับข้อความของข้าได้แน่หรือไม่ก็คงไม่มีเวลามาตอบข้อความของข้า”
กล่าวถึงจุดนี้เมิ่งชวนก็ยิ้มและเสนอกับต้วนหลิงเทียนว่า “เช่นนั้นให้ข้าติดตามท่าน ไปวังเทียนฉือดูเป็นไร?”
ด้านต้วนหลิงเทียนเดิมทีหลังได้ยินเมิ่งชวนบอกว่า ทั้งคู่ไม่ส่งข้อความตอบกลับเขาก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย
แต่ตอนนี้พอมาได้ยินข้อเสนอของเมิ่งชวน สองตาเขาก็ทอประกายจ้าขึ้นมาเร็วไว “ผู้อาวุโสเมิ่งชวน…ท่านจะไปกับข้าจริงๆ?”
“ข้า จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน ผู้นี้ พูดเล่นคืออะไรข้าไม่รู้จัก!”
เมิ่งชวนคลี่ยิ้มบางๆ “ในเมื่อท่านเป็นผู้สืบทอดของงใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ อย่างน้อยๆก็พูดได้ว่าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
“ในเมื่อใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไม่อยู่ และข้าเองก็ไม่รู้ว่าใต้เท้าจะกลับมาเมื่อใด…ท่านที่มาขอความช่วยเหลือเช่นนี้ ข้าเดาว่าเรื่องราวไม่พ้นต้องเร่งด่วนอยู่บ้าง เช่นนั้นข้าจะไปกับท่านเอง”
เมิ่งชวนกล่าว
“ขอบคุณอาวุโสเมิ่งชวน”
ตัวนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณเมิ่งชวนออกไปเร็วไว ด้านเมิ่งห่าวซวนที่พอเห็นเมิ่งชวนยินดีช่วยสองตามันก็ลุกวาวฉายแสงขึ้นมาเช่นกัน!
เพราะสุดท้ายแล้ว ที่ต้วนหลิงเทียนมาขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยเหลือศิษย์พี่ใหญ่ของมัน!!
ตอนเดินทางมายังงี้เมียเทียนถ้วนหลิงเทียนมาคนเดียว แต่ตอนเดินทางกลับมายังหยาเทียนเขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป แต่มีอีกคนเห็นร่างติดตามอยู่ข้างกายเขา
จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เมิ่งชวน!
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”
ระหว่างเดินทาง ตัวนหลิงเทียนที่ฉุกคิดอะไรขึ้นได้ ก็หันไปกล่าวคํากับเมิ่งชวนว่า “หากเป็นไปได้รบกวนตอนท่านไปหารือกับจ้าววังเทียนฉือเรื่องปล่อยคน อย่าได้ เอ่ยถึงข้าออกไปจะได้หรือไม่?”
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็คิดจะไปพบจ้าววังเทียนฉือพร้อมเมิ่งชวน
อย่างไรก็ตามพอคิดๆดูแล้วว่าหากเมิ่งชวนออกหน้าขอให้ปล่อยคนในนามพระราชวังสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน จะมีเขาอยู่ด้วยหรือไม่อยู่มันก็ค่าเท่ากัน
และหากมีเขาอยู่หรืออีกฝ่ายเอ่ยถึงเขา สิ่งนี้ยอมทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉือหล่างและศิษย์พี่คนอื่นๆมีอันต้องระหองระแหงทันทีแน่
แต่ถ้าไม่เอ่ยถึงเขา ทุกอย่างก็จะยังเหมือนเดิม หลังจากนี้ต่อให้เขาออกจากวังเทียนฉือไปความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉือหล่างและคนอื่นๆ ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ไม่มีปัญหา”
เมิ่งชวนก็ตอบรับง่ายๆ ไม่ได้สนใจว่าทําไมต้วนหลิงเทียนต้องการให้ทําแบบนี้
ตอนนี้มันรู้แค่ว่า
ชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่กับมันตอนนี้ ไม่พ้นเป็นทายาทของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่ครั้งหนึ่งที่ชายเผลอหลุดปากบอกกับมันออกมา!
แน่นอนว่ามันเคยได้ยินพี่ชายกล่าวถึงเรื่องนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่กระนั้นการมาช่วยอีกฝ่ายสักครั้งก็ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับมันเลย
ต่อให้ชายหนุ่มคนนี้จะไม่ใช่ทายาทที่ว่า แต่อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็บรรลุเคล็ดบําเพ็ญจิตเด็กระปีสูงสุดอย่าง ยอดใจกระบี่ อันเป็นเคล็ดวิชาหลักของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มัน!!
ต้องทราบด้วยว่า ยอดใจกระบี่นี้ กระทั่งศิษย์ในนามทั้ง 2 ที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ขอ งมันเคยรับก็ยังไม่ถ่ายทอดให้!
เมื่อเดินทางมาใกล้ถึงวังเทียนฉือแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับเมิ่งชวนและเตรียมตัวแยกกลับวังเทียนฉือไปก่อน
“ตัวนหลิงเทียน!”
ทว่าทันใดนั้นเอง กลางอากาศห่างออกไปไกลตา อยู่ๆพลันมีร่างคนๆหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมากะทันหันปานภูตผี มองดูให้ดีก็พบว่าเป็นชายชราผู้หนึ่ง!
“ตู๋กูหวู่?”
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ร่างปริศนาปรากฏตัวขึ้น มองไปปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็จดจําได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็คือ ตู๋กูหวู่ จักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ!
มันคือ 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่คิดฆ่าเขา!
จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยนน้องชายของอีกฝ่าย ได้ตกตายคามือของเขาไปแล้ว คงเหลือก็แต่มัน!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้างที่พบเจออีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ได้
“เห็นได้ชัดว่าตู๋กูหวู่สมควรรู้ว่าข้าออกไปด้านนอก ก็เลยมาดักรอข้าตอนกลับแบบนี้ได้ แต่มันจะรู้ได้ยังไงว่าข้าออกจากวังเทียนฉือเมื่อไหร่?”
ในขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ อยู่ๆสองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลง ทอประกายเยียบเย็นแหลมคมวูบวาบ ด้วยเดาได้ไม่ยากว่าไฉนอีกฝ่ายถึงล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของเขาได้!
“เหลยจวิ้น!
นอกจากเหลยจวิ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงคนที่จะจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาไม่ออก แล้วจริงๆ
และถ้าไม่ใช่เหลยจวิ้นที่ล่วงรู้ว่าเขาออกจากวังเทียนฉือ หากเป็นคนอื่นที่รู้เห็น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตู๋กูหวู่!
“อาวุโสเมิ่งชวน”
ทันทีที่เห็นตู๋กูหวู่ปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงเมิ่งชวน แจ้งเรื่อง ราวออกไปทันทีว่า “ชายชราผู้นี้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่ง รู้จักกันในนามจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ เป็นมือสังหารลือชื่อคนหนึ่งในอู๋หยาเทียน”
“และมันมาเพื่อฆ่าข้า”
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
ได้ยินคําพูดผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน สองตาเมิ่งชวนก็ฉายแสงจ้าขึ้น คนอากาศออกไปเบื้องหน้าหยุดลอยขวางร่างต้วนหลิงเทียน มือยังคว้าออกไปยังความว่างเปล่าข้างตัวก่อนจะ ปรากฎกระบี่เล่มหนึ่งควบแน่นขึ้นจากกระแสพลังกระชับถือไว้
และพริบตานั้นเอง ทั่วร่างของเมิ่งชวนก็แผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมไร้สภาพอันกล้าแข็งออกมาขุมหนึ่ง มวลอากาศรอบกายเริ่มสะท้านสะเทือน ปราณกระบี่เริ่มฟุ้งตลบไปทั่วร่าง!
“กลิ่นอายนี่มัน…”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็พบได้ทันที ว่ายามที่เมิ่งชวนถือกระบี่นั้น คนได้แปรเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเลยทีเดียว!
ขณะเดียวกันเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่กําจายออกมาทั่วร่างอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนจึงได้รู้เขาประเมินเมิ่งชวนต่ําไป!
ความแข็งแกร่งของเมิ่งชวน น่ากลัวว่าจะอยู่เหนือจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับแห่งวังเทียนฉือต่อให้ยังไม่น่าจะสู้กับจ้าววังเทียนฉืออย่างโหยวเชิงอได้ แต่ก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากันมากเท่าไหร่
“เจ้าเป็นใคร?”
พอเห็นเมิ่งชวนชักกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิมายืนขวางหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งทั่วร่างยังแผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมอันตรายออกมา สองตากหรู่ก็หรีลงเร็วไว
“คนที่ขวางเจ้าไม่ให้ฆ่าคน”
เมิ่งชวนเอ่ยออกเสียงเรียบ
ได้ยินวาจาไร้แยแสของเมิ่งชวน สีหน้าตึกหวี่ก็เปลี่ยนไปทันที สองตาเผยประกายเยียบเย็นดุร้าย “สหายท่าน…น้ําบ่อนี้ขอท่านอย่าโดดลงมาเสียประเสริฐกว่า”
“ต้วนหลิงเทียนนั้นมันฆ่าน้องชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่ามันเพื่อล้างแค้นให้พี่น้องข้า!!”
ตู๋กูหวู่กล่าวออกเสียงเหี้ยม
“เช่นนั้นขอสหายโปรดชี้แนะ”
พอเมิ่งชวนกล่าวจบคํา ไอพลังสีน้ําเงินก็หมุนวนอยู่รอบกาย เห็นได้ชัดวว่ามันเข้าใจกฏแห่งน้ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อปราณกระบี่อันรุนแรงผสานหลอมรวมเข้ากับไอพลังสีน้ําเงินดังกล่าวยามรัศมีพลังใหม่สาดส่องออกมาต้องสะท้อนแสงตะวัน มันก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวครามทันที!
และแสงกระบี่ที่ส่องสาดออกมาทั่วสารทิศเรืองรอง มองไปกราวกับสายรุ้งสีหยกพาดผ่านฟ้า!
จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจึงได้ทราบ ว่าไฉนสมญานามของเมิ่งชวนก็คือหยกกุ้ง
ก่อนหน้าตอนได้ยินสมญานามของเมิ่งชวน เขายังคิดอยู่เลยว่า หยกกุ้ง มันเป็นสมญานามที่เหมาะกับสตรีมากกว่าแต่พอมาเห็นเรื่องราวเบื้องหน้า เขาก็ต้องรีบเปลี่ยนความคิดทันใด ยังรู้สึกว่าสมญานามนี้ช่างเหมาะกับเมิ่งชวนจริงๆ!
ตอนที่ 3323 : กระบี่ฮั่นหยวน
“สหายท่านนี้ดูเหมือนท่านตั้งใจจะปกป้องมันให้ได้สินะ”
เมื่อเห็นสภาวะร่างเมิ่งชวนเตรียมพร้อมต่อสู้ สีหน้าตู๋กูหวู่ก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
ในเมื่ออีกฝ่ายมากับต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จากต้วนหลิงเทียนว่าตัวมันเป็นใคร..การที่อีกฝ่ายยังกล้าสอดมือแบบนี้ สิบในสิบไม่พ้นต้องเป็นจักรพรรดิอมตะสมญา นามเหมือนกัน!
และตัวนหลิงเทียนเองก็มีพลังสามารถไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานาม หาไม่แล้วคงไม่อาจฆ่าน้องชายมันอย่างตู๋กูเหวินได้
ตกเหวิน น้องชายมันให้มองในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายของอู่หยาเทียนพลังฝีมือก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ําทราม แต่ยังถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าได้!
ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะใช้วิธีการอะไรก็แล้วแต่ สามารถรู้ได้อย่างหนึ่งด้วนหลิงเทียนไม่ธรรมดาแน่!
“หึ!”
คําตอบบที่เพิ่งชวนมีให้ตู๋กูหวู่ก็คือเสียงพ่นลมสบถเย็นๆคําหนึ่ง จากนั้นทั่วร่าง เพิ่งชวนก็อุบัติกระบีพลังไร้สภาพสีหยกนับพัน เข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ตู๋กูหวู่
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
กระบีพลังไร้สภาพนับพันพุ่งไปดั่งลําแสง ระหว่างทางก็มีหลายเล่มเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นแสงกระบี่เล่มใหญ่ พลังสภาวะทั้งกลิ่นอายแหลมคมที่ระเบิดออกมายังทรงพลังอํานาจมากขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน!!
หากบอกว่าตอนแรกกหวี่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหน้ามีพลังฝีมือสูงต่ํา อย่างไร
มาตอนนี้พอได้เห็นการลงมือของอีกฝ่าย ตู๋กูหวู่ก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันเลย!
กระบวนท่าจู่โจมด้วยห่าริ้วกระบี่พลังนี้ แม้แลดูง่ายดาย แต่มันก็สัมผัสได้ว่าริ้วกระบี่ ที่รวมเป็นแสงกระบี่เล่มเขื่องแต่ละเล่มที่เข่นฆ่าเข้ามา ไม่เพียงผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ํา 3 ประการได้อย่างแยบคาย แต่ยังมีพลังของความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ํา 2 ประการที่เสริมมาด้วย!
นอกจากนั้น ยังมกฏแห่งน้ําอีก 3 ประการที่อีกฝ่ายยังไม่ได้สําแดงออกมา!
ถึงแม้กฏแห่งนอีก 3 ประการที่เหลืออีกฝ่ายจะไม่อาจผสานรวมได้ ทว่าขอแค่ใช้ออกมา โดดๆให้เทียบกับมันแล้วความเข้าใจในกฎของอีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันแม้แต่นิดเดียว เพ ราะมันเองก็สําเร็จการผสานรวมความลึกซึ้งในลักษณะนี้เช่นกัน!
“สหายท่านนี้ ขอเพียงท่านไม่ยุ่งเรื่องราวความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับต้วนหลิงเทียน! ข้าตู๋กูหวู่ขอให้คําสัตย์ต่อท่านว่าข้ายินดีติดค้างท่านคราหนึ่ง! ต่อไปไม่ว่าท่านมีเรื่องใดขอเพียงอยู่ในวิสัยที่ขากระทําได้ ย่อมไม่ขัดข้อง!!”
หลังได้เห็นพลังที่เพิ่งชวนเผยออก ใจตู๋กูหวู่ก็เสมือนดิ่งจมลงหุบเหวไร้ก้นบึง
ที่แท้จักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหน้าที่มันหลงคิดว่าอาจจะไม่แข็งแกร่งหรืออย่างดีก็แค่พอๆกับน้องชายมัน ตูกเหวิน ที่ตกตายด้วยน้ํามือต้วนหลิงเทียนไปแล้ว..
มาบัดนี้มันพบว่า มันดูเบาอีกฝ่ายมากเกินไป!
พลังฝีมือของอีกฝ่ายหาได้เป็นรองมันไม่!
มันรู้ดีว่าลงอีหรือบนี้ มันจะไม่เหลือโอกาสฆ่าตัวนหลิงเทียนได้อีกต่อไป จึงหวังเพียงว่าอีกฝ่ายจะเห็นแก่ข้อเสนอที่มันยื่นมอบ ยอมลดมือลงไม่ยุ่งเกี่ยวความแค้นส่วนตัวระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียน! มิฉะนั้นวันนี้มันจะหนีไปได้หรือไม่ ก็ยังคงเป็นคําถาม!!
วูบ!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ตกหรู่เอ่ยข้อเสนอจบคํา ร่างด้วนหลิงเทียนพลันปะทุพลังกล้าแข็งคนอันตรธานหายไปในบัดดล ผุดโผล่อีกครั้งก็ไปอยู่เบื้องหลังตู๋กูหวู่แล้ว! ขณะเดียวกันยังปลดปล่อยมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ให้ออกมาจากโลกใบเล็กพร้อมๆกัน!
“กรร~~
“กรร~~
มังกรชั่วร้ายที่ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวเตือนวารีเทพชําระโลกาให้เตรียมพร้อมไว้แต่แรก พอร่า งปรากฏขึ้นในอากาศว่างเปล่า พวกมันก็ปลดปล่อยลมหายใจมังกรออกมาอย่างพร้อมเพรียง!
ซุ่มมม!!
ลําแสงทําลายล้างสองผสานพุ่งทะลวงตัดฟ้ามาเร็วไว เข่นฆ่าสังหารเข้าใส่แผ่นหลังตู๋กูหวู่ด้วยอํามหิต!
มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ผสานพลังมือจู่โจมออกมาเช่นนี้ พลานุภาพของลําแสงทําลายล้างที่ยิงพุ่งออกย่อมไม่ด้อยไปกว่าการลงมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามแม้แต่น้อย!!
และวินาทีที่สัมผัสได้ถึงลําแสงสังหารที่อัดแน่นไปด้วยพลังผลาญทําลายไม่ใช่ชั่ว พร้อมๆกับกระบวนท่ากระบี่ของเมิงชวน ลูกตาของตึกหวี่ก็หดหยีเร็วไว ร่างชราสะท้านเบาๆ จากนั้นคนก็กลับกลายเป็นไผ่สวรรค์แกร่งต้นเรื่องตระหง่านกลางหาว มองไปประหนึ่งเสาค้ําสวรรค์!
ตึงงง!!!
เสียงหนักหน่วงดังขึ้นถนัดถนี้ มิคาดไผ่สวรรค์แกร่งต้นนี้จะใหญ่ยาวถึงขั้นปักลงไปหยั่งรากถึงผืนดินเบื้องล่างได้ พาลให้ปฐพีกู่ก้องร้องคํารามออกมาโดยพลัน!
ทันใดนั้นผืนดินเบื้องล่างทั้ง 3 ก็สั่นสะเทือนราวกับอุบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่!
แน่นอนว่าเมื่อผืนดินสะเทือนเลือนลั่นเช่นนี้ ละอองธุลี ผงคลีต่างๆก็ปลิดปลิววุ่นวายเต็มไปหมด!
“หม? นี่นะหรือไผ่สวรรค์แกร่ง!”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น ด้วยเดาได้ทันทีว่านี่สมควรเป็นร่างที่แท้จริงของตู๋กูหวู่ ที่เขาเคยได้ยินมาก่อน..ไผ่สวรรค์แกร่ง!
“ไผ่สวรรค์แกร่ง?”
ในขณะที่ตัวนหลิงเทียนคาดเดาได้ออกว่าเป็นเรื่องราวใด ด้านเมิ่งชวนที่เห็นความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้าก็เอ่ยออกมาด้วยน้ําเสียงไร้แยแสว่า “ข้าได้ยินมานานแล้ว ว่าไผ่สวรรค์แกร่งไม่เพียงมีความแข็งแกร่งอันยากทําลาย ยังมีความอ่อนหยุ่นเป็นที่สุด เมื่อแข็งอ่อนสอดประสานส่งเสริม ยังผลให้ยากทําลายยิ่งกว่าสิ่งใด…”
เห็นได้ชัดว่าเพิ่งชวนเองก็มองออกทันที ว่าร่างที่แท้จริงของตู๋กูหวู่คืออะไร
และพอเสียงกล่าวของเมิ่งชวนดังจบคํา ร่างคนก็พร่ามัวไปดั่งระลอกน้ํา กระบี่ในมือสั่นไหวระรัว ก่อนจะปลดปล่อยริ้วกระบี่ ราวกลีบบุปผาสีฟ้าสดใสออกมานับไม่ถ้วน ทั้งหมดหมุนวนก่อเกิดค่ายกลพิสดารกลางหาวคราหนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข่นฆ่าไล่หลังแสงกระบีตามไปติดๆ!
ปงงง!!
เปรี้ยงงงงง!!
ทันใดนั้นเอง ไม่ว่าจะลําแสงทําลายล้างสองผสานของคู่มังกรชั่วร้าย หรือห่าแสงกระบี่จากกระบวนท่าแรกของเมิ่งชวน ก็ถล่มเข้าใส่ไผ่สวรรค์แกร่งต้นเขื่องที่ตระหง่านท่ามกลางฟ้าดินเข้าอย่างจัง!
โดนพลังทําลายอันน่าสะพรึงสองขุมซัดถล่มเข้ามาจังๆ ร่างไผ่สวรรค์แกร่งที่ปลดปล่อยแสงพลังออกมาต้านทานก็เริ่มสั่นไหวรุนแรง จากนั้นจึงเห็นว่าม่านพลังป้องกันของมันแตกสลาย ปานแก้วกระจก อย่างไรก็ตามด้วยแสงพลังสีเขียวที่ฉาบเคลือบเอาไว้ทําให้ม่านกกลังของมันฟื้น คืนสภาพในชั่วพริบตา!
ครู่ต่อมาการโจมตีระลอกที่ 2 ของเมิ่งชวนก็ถล่มซ้ําตามติด ค่ายกลริ้วกระบี่ปานกลีบบุปผาพิสดาร ถล่มลงมาดั่งห่าพิรุณ พลังสภาวะราวกับจะถล่มกวาดทําลายได้ทุกสิ่ง!
จนเมื่อฝุ่นควันและคลื่นกระแทกอันน่าพรั่นพรึงซาลง ก็เปิดเผยเรื่องราวให้รู้ว่า…พลัง 3 ขุมที่ประดังเข่นฆ่าเข้ามาติดๆกัน กลับไม่อาจทําได้แม้แต่สร้างรอยขีดข่วนให้ไผ่สวรรค์แกร่ง! ลําไผ่ ยังตระหง่านเชื่อมฟ้าดินในสภาพสมบูรณ์ ราวกับไม่เป็นอะไรเลย!
“ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเจ้าจักไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า ทําให้ข้าไม่อาจทําอะไรเจ้าได้ แต่เจ้าก็ไม่มีวันทําอะไรข้าได้เช่นกัน…ร่างที่แท้จริงของข้าคือไผ่สวรรค์แกร่ง! ต่อให้จะมีต้วนหลิงเทียนจะร่วมมือกับเจ้า แต่วันนี้อาศัยพวกเจ้าสองคนคิดฆ่าข้า ยังทําไม่ได้!”
เสียงชราหนึ่งดังออกมาจากไผ่สวรรค์แกร่งลําเขื่องเบื้องหน้า ฟังดูก็บอกได้โดยพลันว่านั่นเป็นเสียงตู๋กูหวู่่ และเห็นได้ชัดว่ามันกําลังกล่าวคํากับเมิงชวน น้ําเสียงฟังแล้วยังเปี่ยมล้นไปด้วยความ มั่นใจเป็นที่สุด ไม่ได้กังวลเรื่องที่ตัวจะถูกเข่นฆ่าแม้แต่น้อย
ได้ยินคําพูดของตู้กูหรู สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที
ผลการปะทะเบื้องหน้าก็ทําให้เขาหวั่นใจเช่นกัน เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า ไผ่สวรรค์แกร่ง ร่างที่แท้จริงของตู๋กูหวู่่จะยุ่งยากขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันตั้งสมญานามให้ตัวเองวว่าไม่ดับ สูญ ตู๋กูหวู่ผู้นี้ในแง่พลังป้องกันแล้ว นับว่ามันถูกจนน่าทึ่งจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังไผ่สวรรค์แกร่งลําเรื่องเบื้องหน้าด้วยประกายตาเยียบเย็น หากวันนี้เขาไม่ฆ่าตู๋กูหวู่ทิ้ง เกรงว่าวันหน้าคงหาโอกาสดีงามเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว
เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าหากเพิ่งชวนปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังอานุภาพเยี่ยงเมื่อครู่ออกมาอีกครั้ง เขาสามารถลงมือสอดผสาน จนเข่นฆ่าตูกหรูให้ตายได้!
อย่างไรก็ตาม การจะทําอะไรแบบนั้น เรื่องเทพเบญจธาตุก็คงต้องเปิดเผยอย่าไม่อาจหลีกเลี่ยง
ถึงแม้เมิงชวนจะเป็นคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียน และเป็นผู้ ใต้บังคับบัญชาของผู้อาวุโสฟงชิงหยาง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะมีความละโมบในเทพเบญจธาตุของเขาหรือไม่?
เขาไม่กล้าเสี่ยง
“ข้าไม่อาจฆ่าเจ้าได้รึ?”
ทว่าทันใดนั้นเอง เมิ่งชวนที่ลอยร่างอยู่กลางหาวไกลๆ ชุดคลุมของมันก็เริ่มโบกสะบัดแม้ไร้ลมสองตามองจ้องไปยังไผ่สวรรค์แกร่งไกลตาอย่างเฉยเมย มุมปากเริ่มยกยิ้มปริศนาขึ้นบางๆ “เช่นนั้น เจ้าลองรับกระบีนี้ของข้าดู!”
พริบตาต่อมา ในขณะที่ร่างเมิ่งชวนพลันสั่นไหว มวลพลังสีน้ําเงินแผ่กลิ่นอายพลังสุดไพศาลก็ทะลักล้นออกมา ก่อร่างมหึมาราวยักษาปกคลุมคนทั้งคนเอาไว้
พร้อมกันนั้นเองเพิ่งชวนก็จับกระบี่ด้วยมือทั้ง 2 ข้างก่อจะยกกระบี่ขึ้นมาชูไว้เหนือศีรษะบังเกิดแสงกระบี่สีน้ําเงินแผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมพวยพุ่งออกมาจากกระบื่อมตะระดับจักรพรรดิในมือแทงทะลวงขึ้นไปบนฟ้า!
เงาร่างยักษาตัวเขื่องที่ปกคลุมอยู่ก็ทําท่าตามเมิ่งชวนเช่นกัน จากนั้นในมือเงาร่างยักษาที่ว่าก็ปรากฏแสงพลังลักษณ์กระบี่เล่มเขื่องขึ้นเช่นกัน สร้างแสงพลังสีน้ําเงินพวยพุ่งขึ้นไปยังฟ้าสูงไม่ต่าง!!
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เคยชี้แนะวิธีการผสานรวมความลึกซึ้งย่อมๆเข้ากับกระบี่ให้ข้า และขนานนามวิธีนี้ว่า กระบี่ฮั่นหยวน…วันนี้ให้ข้าชมดูว่าร่างที่แท้จริงของเจ้าอย่างไผ่สวรรค์แกร่ง หรือกระบวนท่ากระบี่ฮั่นหยวนที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ชี้แนะให้ข้า อะไรมันจะแน่กว่ากัน!”
สิ้นวาจาน้ําเสียงเฉยเมยของเมิ่งชวน สองมือที่กุบกุมกระบี่ไว้เหนือหัวก็สั่นไหว ก่อนจะตวัดฟาดกระบี่จากบนลงล่างฟันเข้าใส่ความว่างเปล่าเบื้องหน้า!!
ฟั่ฟฟ!!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เงาร่างยักษาตัวเขื่องก็ตวัดฟันแสงกระบี่สีน้ําเงินมหึมาที่สูงชะลูดแทง ฟ้าลงมาพร้อมๆกัน!!
“กระบี่ฮั่นหยวน?!”
ได้ยินวาจานี้ของเมิ่งชวน สีหน้าตูกเหวินเปลี่ยนไปใหญ่หลวง โพล่งอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ท่าน….ท่านมาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนงั้นหรือ!!”
กระบี่อุ่นหยวน เป็นเคล็ดกระบี่ที่จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน ฟังชิงหยาง สร้างขึ้น! ประยุกต์ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งแห่งกฎเข้าไว้ด้วยเคล็ดวิชาแยบคายประการหนึ่ง ทําให้ถึงแม้การผสานอย่างง่ายนี้จะยังอยู่ในลักษณะหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง แต่กลับสอดแทรกพลังกระบี่อันน่ากลัวทําให้มีพลานุภาพสุดขีด เพิกเฉยการป้องกันได้ในระดับหนึ่ง!
ในการต่อสู้กับผู้ที่ทรงพลังเหนือกว่า เคล็ดวิชากระบี่ฮั่นหยวนคงไม่อาจนับเป็นอันใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลังต่อสู้เท่าเทียม โดยศัตรูเก่งฉกาจในแง่การป้องกัน เช่นนั้นผู้ที่สําเร็จเคล็ดวิชากระบี่ฮั่นหยวน ก็สามารถผ่าทําลายปราการป้องกันที่ว่าได้อย่างง่ายดาย!
และสถานการณ์ที่อุบัติขึ้น ก็เผยให้เห็นความจริงเรื่องนี้กระจ่างชัด!!
ซู่มมมม!!
แสงกระปยักษ์เล่มเขื่องฟันฟาดลงมาด้วยสภาวะประหนึ่งจะเบิกฟ้าผ่านภาลัย ราวกับแสงกระบี่นี้ที่แท้เป็นแสงพลัทําลายล้างไร้ผู้ต้านถล่มลงจากฟากฟ้า!
พริบตานี้เอง ไผ่สวรรค์แกร่งที่ยืนหยัดตระหง่านท้าทายสวรรค์พลันสั่นไหวเร็วรี่ คล้ายคิดจะหลบหลีก อนิจจาเพียงแค่บังเกิดความคิดหลบหนี แสงกระบี่ก็บรรลุถึงเสียก่อน!
ฉัวะ!!
เสียงตัดผ่าละมุนดังขึ้นถนัดถนี่ เป็นแสงกระบี่ยักษ์สีน้ําเงินผ่าไผ่สวรรค์แกร่งจากบนลงล่างทันใด คล้ายผ่าพื้นไม้ท่อนหนึ่ง!
ตูมมมม!!
ครืนนนนนน!!!
ในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาที่ไผ่สวรรค์แกร่งถูกผ่าแยกเป็นสองเสี่ยงจากบนลงล่าง คลื่นกระบี่ที่ไล่หลังมายังพุ่งเข่นฆ่าออกไปอย่างเกรี้ยวกราด อุบัติรอยแยกอันน่าพรั่นพรึงชวนให้ผู้คนขนลุกซู่!!
เรียกว่าหนึ่งกระบี่มหึมาที่สับลงครานี้ มันแยกผ่าสรรพสิ่งเบื้องหน้าไปเป็นทาง แผ่นฟ้าเสมือน ถูกแยกผืนดินเบื้องล่างปรากฎหุบเหวลึกไม่เห็นก้นลากยาวไปเป็นทาง! คําเบิกฟ้าผ่าปฐพี่หาได้เกินเลยไม่!!
“คิดจะรักษาตัวเอง!?”
และในวินาทีที่ไผ่สวรรค์แกร่งถูกผ่าแยกเป็นสองเสี่ยยงจากบนลงล่าง เมิ่งชวนก็แสยะยิ้มเย้ยหยันด้วยความดูแคลน
พริบตาต่อมาจากปลายยอดไผ่สวรรค์แกร่งที่ถูกผ่าแยกเป็นสองเสี่ยง ก็อุบัติพลังสีน้ําเงินเกรี้ยวกราดถล่มลงมาดังทัณฑ์สวรรค์ บดขยี้ทําลายไผ่สวรรค์แกร่งจนแหลกเป็นผุยผง!!
ไม่
เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความสิ้นหวังของตึกหวี่ดังขึ้น พร้อมๆกันกับเศษซากไผ่ สวรรค์แกร่งที่ถูกทําลายจนปนี้ก็สลายหายไปท่ามกลางฟ้าดิน
ความเร็วเสียงย่อมเชื่องช้ากว่าความเร็วแสง นับประสาอะไรกับหนึ่งกระบี่ที่ไวกว่าแสง!
อันที่จริงตุ๊กเหวินได้กรีดร้องออกมาตั้งแต่ก่อนที่ร่างไผ่สวรรค์ของมันจะถูกผ่าแยกเป็นสองเสี่ยงแล้ว…
“ไผ่สวรรค์แกร่ง มันก็เท่านั้น”
เพิ่งชวนสะบัดมือ กระบีในมือก็สลายเป็นแสงหายเข้าไปในร่างกาย ขณะเดียวกันเงาร่างยักษาตัวเขื่องที่ปกคลุมร่างกายอยู่ก็สลายหายไปพร้อมๆกัน ราวกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
ร้ายกาจมาก!”
เดิมที่ต้วนหลิงเทียนคิดว่า เพื่อฆ่าตูกหรูให้ตาย คงต้องให้มังกรชั่วร้ายลงมือผสานจู่โจมรวมถึงต้องหาทางใช้พลังของเทพเบญจธาตุอย่างแยบคาย..
ไม่คิดเลยว่าพริบตาต่อมา เมิ่งชวนกลับจบชีวิตตู๋กูหวู่ได้แล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่สุดท้ายนั้น ดูเหมือนจะมีพลังงสะกดข่มร่างไผ่สวรรค์แกร่งอย่างไรชอบกล!
กระบี่สุดท้ายที่ว่าหากเทียบกับการลงมือก่อนหน้าของเมิ่งชวน เหมือนจะไม่ได้ทรงพ ลังไปกว่ากันเลย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีการใช้พลังอย่างแยบคายพิสดารประการ ที่ทําให้เพิกเฉยพลังป้องกันของตู๋กูหวู่ได้
“กระบี่ฮั่นหยวน?
ใจต้วนหลิงเทียนสะท้าน สองตายังเป็นประกายสว่างโรจน์ “นี่คือเพลงกระบี่ที่จักรพร รดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนอาวุโสฟงชิงหยางสร้างขึ้นรึ?”
ตอนที่ 3,324 : รอไม่ไหว
‘ถึงแม้จะเป็นนักโทษบนชั้น 3 ของคุกหมื่นพันธนาการที่ล้วนเก่งกาจในเรื่องป้องกัน จนทําให้วังเทียนฉือหมดปัญญาจะฆ่า…แต่อาศัยกระบีฮุ่นหยวนเมื่อครู่ของจักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง ก็สามารถฆ่าพวกมันได้!
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“เจ้าสามารถควบคุมมังกรชั่วร้ายได้งั้นหรือ?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเก็บมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 เข้าโลกใบเล็ก สีหน้าเมิ่งชวนก็เผยความประหลาดใจอยู่บ้าง เดิมที่ตอนต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนมิติวูบร่างไปโผล่ด้านหลังตึกหรู เมิ่งชวนถึงงุนงงว่าต้วนหลิงเทียนทําไปเพื่ออะไร เพราะต่อให้จะลงมือ แต่อาศัยระดับพลังเท่านั้นจะไปทําอะไรตู๋กูหวู่ได้?
มันไม่รู้ว่าตัวเองดูเบาต้วนหลิงเทียนมากเกินไป จนกระทั่งเห็นต้วนหลิงเทียนนํามังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมา จากนั้นก็สั่งให้พวกมันโจมตีด้ววยพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าการล งมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไปเลย!
“ดูเหมือนว่าผู้สืบบทอดของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่ระนาบโลกียะจักมิใช่ชั่วเลยจริง”
เมิ่งชวนลอบกล่าวในใจอย่างยิ่งๆ สมแล้วที่เป็นผู้โดดเด่นจนได้รับสืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบโลกียะได้”
ที่สําคัญเจ้ามังกรชั่วร้ายทั้งคู่นั่น กลับสามารถผสานพลังกันได้อย่างอัศจรรย์..
สายตาที่เมิ่งชวนใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เต็มไปด้วความประหาดใจมากขึ้นทุกที
“แต่จะว่าไป…เจ้านี้ที่มีร่างที่แท้จริงเป็นไผ่สวรรค์แกร่งนับว่าร้ายกาจไม่เบาเลยทีเดียว…หากไม่ใช่เพราะข้าสําเร็จเคล็ดกระบี่ฮุ่นหยวนที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ชี้แนะเอาไว้ ต่อให้เจ้าจะใช้มังกรชั่วร้ายคู่นั้นร่วมมือกันเล่นงานมันกับข้า แต่เกรงว่าคงยากจะฆ่ามันได้”
เมิ่งชวนหันไปมองต้วนหลิงเทียน กล่าวออกมาด้วยยสองตาเป็นประกาย “สหายน้อยต้วน แล้วมิทราบท่านไปมีเรื่องบาดหมางกับจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า? เท่าที่ข้าดู…เจ้านั่นต่อให้เป็นอู๋หยาเทียนแห่งนี้ แต่พลังฝีมือของมันเกรงว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปพอตัวเลยทีเดียว ระดับของมันอยู่ในช่วงกลางค่อนไปทางสูง”
ในระนาบเทวโลก เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามก็มีแบ่งแยกสูงต่ำเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นเมิ่งชวนนั้น จัดว่าเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือระดับกลางๆค่อนไปทางสูงเหมือนกัน สําหรับจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว พี่ชายของมันนั้น ถือว่าเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับสูง เรียกว่าเบียดตัวไปยืนอยู่ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับแนวหน้าได้
“เจ้านั่นมันเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่รับจ้างฆ่าคนนะ…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “เดิมที่ข้ากับมันก็ไม่มีเรื่องมีราวอะไรกันหรอก…แต่ในวังเทียนฉือมีคนที่คิดฆ่าข้าให้พ้นทาง”
“พวกมันก็เลยรวมหัวกันจ้างพี่น้องมือสังหาร คนที่ท่านพึ่งฆ่าไปก็คือมือสังหารคนพี่…ส่วนเจ้าคนน้องนั้นถูกข้าฆ่าตายไปแล้ว”
“มันน่าจะได้รับแจ้งจากคนที่คิดเล่นงานข้าว่าข้าได้ออกจากวังเทียนฉือมา เช่นนั้นมันก็เลยมาดักรอข้าขากลับ”
“ยังรอจนได้เจอข้าที่พึ่งกลับมาวันนี้อีกด้วย”
กล่าวจบคํา สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเย็นชาวูบวาบ
เหลยจวิ้น!
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เรื่องที่สําคัญที่สุดก็คือช่วยบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อออกจากคุกล่ะก็เขาก็แทบรอไปคิดบัญชีเหลยจวิ้นถึงหน้าประตูไม่ไหวแล้ว!
“คนเช่นนี้หากฆ่าได้ก็รีบๆฆ่าไปให้เร็วที่สุด”
เมิ่งชวนกล่าว “ผู้ที่เล่นงานเจ้าอย่างเปิดเผยไม่ได้น่ากลัวอะไร…แต่กับผู้คนที่ซุ่มซ่อนตัวราวอสรพิษและสามารถลอบกัดเจ้าได้ทุกเวลาเช่นนี้ นับว่าน่ากลัวที่สุด”
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า สองตาเย็นลงราวจะแช่แข็งผู้คน “มันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน ถ้าอย่างไรข้าขอตัวกลับก่อน…รบกวนท่านทําตามขั้นตอนปกติ และ ไปพบจ้าววังเทียนฉือเพื่อหารือเรื่องปล่อยคนดู”
หลังจากกล่าวลาเมิ่งชวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับวังเทียนฉือด้วยตัวเอง ไม่ นานก็กลับถึงเขตที่พักในด่านของฉือหล่าง
หลังกลับมาถึงที่พักแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เพราะเท่าที่ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ต้องเหนื่อยแรงลงมืออะไรต่อก็เป็นได้ “จ้าววังเทียนฉือไม่ว่าจะอาฆาตแค้นเพียงไร อย่างน้อยๆก็น่าจะไว้หน้าอาวุโสเมิ่งชวนกระมัง?
“พลังฝีมือของอาวุโสเมิ่งชวนก็ไม่ใช่เล่นๆเลย แถมยังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเทียน….และในปัจจุบัน 9 ใน 10 ส่วนผู้อาวุโสฟงชิงหยางก็สมควรมีพลังสูงส่งสุดที่จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนจะกล้าตอแย”
ต่อให้จ้าววังเทียนฉือจะมีสัมพันธ์กับจักรพรดริสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน แต่ก็คงไม่กล้าไม่ไว้หน้าอาวุโสเมิ่งชวนส่งเดช
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนก็คาดหวังว่าเรื่องราวจะเป็นไปได้ด้วยดี
เพราะหากเรื่องมันจบลงง่ายๆเพียงเท่านี้ เขาก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับฉือหล่างและศิษย์พี่คนอื่นๆในฐานะคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวังเทียนฉือ เพราะเขาเห็นทุกคนเป็นดั่งครอบครัวแล้วจริงๆ
“คิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ก็ได้แต่รอข่าวจากอาวุโสเมิ่งชวน
ต้วนหลิงเทียนเดิมทีก็คิดจะบ่มเพาะพลังฆ่าเวลาไปพลางๆ แต่เขากลับไม่อาจสงบใจลงได้ เช่นนั้นจึงเลือกที่จะรอเฉยๆ
ราวๆ 1 ชั่วยามต่อมา
ในที่สุดเมิ่งชวนก็ส่งข้อความติดต่อมาถึงเขา “ข้าได้คุยกับจ้าววังเทียนฉือแล้ว กระทั่งใช้ท่าที่แข็งกร้าวยืนกรานจะให้มันปล่อยคน…แต่เจ้าบ้านั้นมันเลือกที่จะปฏิเสธเสียงแข็งไม่ได้ไว้หน้าข้าเลย!”
“มันยังบอกข้าอีกว่า เรื่องนี้เว้นเสียแต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จะมาด้วยตัวเอง หาไม่แล้วต่อให้เป็นพี่ชายของข้าเมิ่งหลัวมาเอง มันก็ไม่คิดจะปล่อยคน”
ข้อความที่เมิ่งชวนส่งมานั้น เพียงฟังดูต้วนหลิงเทียนก็สมผัสได้ถึงความไม่สบอารมณ์และความโกรธชัดเจน
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนบอกเมิ่งชวนไว้ว่าอย่าได้พูดถึงเขา เมิ่งชวนก็ไม่ได้พูดถึงเขาออกมา
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันก็เป็นแค่ผู้สืบทอดมรดกที่ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะเท่านั้น ยังไม่ได้รับการยอมรับจากฟงชิงหยางเลยด้วยซ้ำ จึงไม่ถือว่าเป็นศิษย์ของฟงชิงหยาง
เช่นนั้นต่อให้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็ไม่มีประโยชน์
อย่างน้อยๆก็ไม่มีประโยชน์เท่าเมิ่งชวนออกหน้า
แต่บัดนี้กระทั่งเมิ่งชวนออกหน้าที่แล้ว แต่ยังโดนปฏิเสธกลับมา
“ต้วนหลิงเทียน…ดูจากสถานการณ์ตอนนี้เท่าที่ห่วง ข้าว่าท่านทําได้แค่รอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ติดต่อกลับมาเท่านั้น จากนั้นท่านก็แค่ไปขอพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ และขอให้ใต้เท้าออกหน้าสักครั้ง”
เมิ่งชวนส่งข้อความให้ต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เป็นการเสนอความคิด
ในสายตาของมัน ด้วยลักษณะนิสัยของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เนื่องจากต้วนหลิงเทียนได้รับสืบทอดมรดกที่เหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะ แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่ผู้สืบทอดที่อีกฝ่ายห่วงใย แต่กับอีแค่เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ย่อมเต็มใจช่วยเหลือแน่นอน
เนื่องจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันให้ค่ากับคําว่า “โชคชะตา” มากที่สุด และเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนเป็นเพราะโชคชะตานําพา
“รออาวุโสฟงชิงหยางงั้นหรือ…”
ได้ยินข้อเสนอของเมิ่งชวน ใจต้วนหลิงเทียนก็จมลงทันที
คราวนี้ได้เมิ่งชวนมาออกหน้าช่วยเหลือ ก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกยินดีอย่างเหนือคาด แต่กับอาวุโสฟงชิงหยางที่เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ไปขอความช่วยเหลือเช่นนี้ อีกฝ่ายจะเต็มใจมาจริงๆหรือ?
เรื่องของเรื่องก็คือตอนนี้อาวุโสฟงชิงหยางไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ กระทั่งเมิ่งชวนยังไม่อาจติดต่อได้
แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะปรากฏตัว สิบวัน ร้อยเดือน หรือพันปี?
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวนท่านว่าเมื่อไหรถึงจะมีข่าวจากอาวุโสฟงชิงหยางหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
“เรื่องนี้ข้าเองก็ตอบยาก…”
เมิ่งชวนกล่าว “อาจเป็นไม่กี่ปี ไม่แน่ก็อาจจะ 20-30 ปี หรือหลายร้อยปี…กระทั่งพันปีก็อาจเป็นได้”
การออกไปของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ครั้งนี้โดยมีพี่ชายของมันติดตามไปด้วย หากว่ามันเดาไม่ผิด ทั้งคู่สมควรไปยังนรกอสุราซึ่งเป็น 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก
และในนรกอสุรานั้น ไม่มีหนทางติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกเลย กระทั่งไม่ใช่สถานที่ๆบุคคลภายนอกคิดจะเข้าไปส่งข่าวก็เข้าไปส่งข่าวกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเข้าไปแล้วะจะไปหาตัวคนที่ไหนด้วยซ้ำ!
“มันนานเกินไป..ข้ารอถึงตอนนั้นไม่ไหว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก
“ท่านอาวุโสเมิ่ง”
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะฉุกคิดอะไรบางอย่าง สองตายังเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “หากข้าคิดใช้วิธีเอากําลังเข้าว่า ช่วยคนแล้วบุกฝ่าออกมาอย่างอุกอาจ…ท่านพอจะสกัดจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือให้ข้าได้สักคนไหม?”
“เพราะทางข้านั้น จะมีจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 6 คนที่เก่งกาจในเรื่องการป้องกันเพราะเข้าใจกฎแห่งดิน สามารถรบเร้าพัวพันกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนของวังเทียนฉือได้”
“และในวังเทียนฉือก็มีจักรพรรดิอมตะสมญานามแค่ 9 คนเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ส่วนอีกด้าน เมิ่งชวนพอได้ยินข้อความดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง ค่อยส่งข้อความตอบกลับตอบว่า “จ้าววังเทียนฉือโหยวเฟิงอวี้นั้นถึงมันจะร้ายกาจกว่าข้า ข้าก็ยังพอจะรับมือมันได้อยู่ แต่ข้าทําได้แค่หยุดมันเอาไว้สักระยะเท่านั้น”
“สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 8 คนที่เหลือ…ทางเจ้าที่มีแค่ 6 คน ไม่น่าจะเอาอยู่กระมัง?”
เมิ่งชวนกล่าว
“และถึงข้าจะมีสหายที่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หลายคน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันเสี่ยงไม่น้อย ข้าเองก็ไม่อาจไปร้องขอให้พวกมันเอาชีวิตมาเสี่ยงได้”
เมิ่งชวนยังกล่าวสืบต่อว่า “เดิมที่อาศัยพลังฝีมือระดับข้า ต่อให้ข้าเป็นคนของพระ ราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน กังไม่ได้สลักสําคัญมากพอให้จ้าววังเทียนฉือไม่กล้าฆ่าข้าหรอก…”
“แต่ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ชายของข้าคือเมิ่งหลัว ที่เป็นดั่งแขนขวาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเรา…เจ้าโหยวเฟิงอวี้นั่น มันก็เลยไม่กล้าฆ่าข้าแน่นอน”
ฟังจากข้อความนี้ของเมิ่งชวนแล้ว ยังบอกต้วนหลิงเทียนเป็นนัยว่า….
มันสามารถช่วยเหลือตัวนหลิงเทียนรับมือคนของวังเทียนฉือได้ เพราะมันรู้ดีว่าโหยวเฟิงอวี้ ไม่กล้าเล่นงานมันถึงชีวิตแน่นอน และด้วยพลังฝีมือของมันอย่างดีก็ทําได้แค่ถ่วงรั้งโหยวเฟิงอวี้เอาไว้
สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 8 คนของวังเทียนฉือ ตัวมันก็จนปัญญา
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้มันจะสามารถติดต่อพวกพ้องที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนมาช่วยได้ แต่คนพวกนั้นไหนเลยจะยอมมา? เพราะสิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเอาชีวิตมาเสี่ยงกับโทสะของจ้าวเทียนฉือเลย….
ที่สําคัญที่สุดก็คือ คนอื่นๆอย่างไรก็ต้องกริ่งเกรงบารมีของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนที่อยู่เบื้องหลังวังเทียนฉือ
เจ้าวังเทียนฉือกับจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนนั้น เป็นหลานชายกับตา เรียกว่าเป็ญาติ แท้ๆกัน
ด้วยเพราะเมิ่งชวนมีพี่ชายประเสริฐ เช่นนั้นก็เสมือนพกยันต์กันตายยี่ห้อจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน! เพราะถ้าหากมันถูกฆ่าตายขึ้นมาด้วยเห็นแก่เมิ่งหลัว จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนก็สามารถหันคมดาบใส่จ้าววังเทียนฉือได้ทันที!
ทําให้เมิ่งชวนนั้นกล้าที่จะลุยไถสักครา แต่คนอื่นๆไหนเลยจะกล้าลุยไถไปกับมัน?
“หากเจ้ายืนยันจะใช้กําลังช่วยคนจริงๆ อย่างน้อยๆก็ต้องหาจักรพรรดิอมตะสมญานาม มาเพิ่มอีกสักคนสองคน…นอกจากนั้นแล้ว เว้นเสียแต่เจ้าจะยืนยันได้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ไม่ได้อยู่ในวังเทียนฉือกันครบทั้ง 9 คน”
เมิ่งชวนกล่าว
ถึงแม้เมิ่งชวนจะสามารถหาคนมาช่วยได้ แต่ก็คงมีแค่ไม่กี่คนที่เต็มใจจะมา
อย่างไรก็ตาม คนที่มันจะขอแรงให้มาช่วยล้วนแล้วแต่เป็นสหายสนิทของมันทั้งสิ้น ทุกคนอาจมาเพราะเห็นแก่หน้าของมัน ทว่าหากคนที่มันชวนมาเกิดพลาดท่าตกตายเล่า? ถึงตอนนั้นจะยังฟ้องร้องกับใครได้ จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนก็คงไม่ออกหน้าล้างแค้นให้สหายของมันแน่นอน
“ประเด็นสําคัญก็คือ….ตอนนี้ไม่อาจยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นทายาทที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กําลังตามหาตัวหลังออกมาจากนรกอสุราคนนั้นจริงๆ”
เมิ่งชวนลอบกล่าวในใจ หากข้าสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ล่ะก็ แค่ข้าบอกพรรคพวกไปโดยตรงรับรองว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนต้องยกขโยงกันมาเอาหน้าหมดแน่!”
ถึงตอนนั้นต่อให้รู้ว่าต้องไปฉะกับจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนสักคราก็คงไม่มีใครขัดข้อง!”
ทั้งหมดเป็นแค่ความคิดของเมิ่งชวนเท่านั้น
เนื่องเพราะตอนนี้มันไม่อาจยืนยันได้เลย ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นอะไรในสายตาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มัน และฐานะในใจสําคัญมากพอหรือไม่ เช่นนั้นมันย่อมไม่กล้าเสียงทุ่มทุนอะไรมากนัก
“หาจักรพรรดิอมตะสมญานามมาช่วยเพิ่มสักคนสองคน?”
หลังได้รับข้อความของเมิ่งชวน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้านิ่ว
จักรพรรดิอมตะสมญานามคนสองคนที่ว่า…เอาแค่รู้จักต้วนหลิงเทียนยังไม่รู้จักใครเลยเขาจะไปขุดมาจากไหนได้?
“จูเก่อฟง กับจูเก่ออวิ๋นล่ะ?”
“ไม่! ไม่อาจรบกวนทั้ง 2 คนนั้นได้! ถึงพลังฝีมือของทั้งคู่จะดี แต่คิดจะฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามยังต้องอาศัยการร่วมมือกัน และเผลอๆต่อให้ร่วมมือกันยังจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิอมตะสมญานามวังเทียนฉือด้วยซ้ำ
พอคิดถึงผู้นําสายก้านเจี้ยงกับม่อเหยีย ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวทันที และล้มเลิกความคิดจะขอความช่วยเหลือจากทั้งคู่
“ด้วยอาศัยมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ผสานกําลังกัน รวมถึงร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว หากเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับล่างๆของวังเทียนฉือ ข้าเองก็พอต้านรับพวกมันได้อยู่
“ส่วนครู หากไม่ลงมือกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่จะแหกคุกหมื่นพันธนาการ และมาเผชิญหน้ากับข้า…ไม่แน่ด้วยเห็นแก่ความรู้สึกที่ผ่านมาก็อาจจะปล่อยข้าไป แต่ก็ไม่อาจหวังอะไรขนาดนั้นได้
สุดท้ายแล้ว การที่ข้าปล่อยนักโทษทั้ง 6 ของวังเทียนฉือออกมาก็เสมือนตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังเทียนฉือชัดเจน
ตอนที่ 3,325 : ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกร
“ไม่ทราบว่าอีกนานเท่าไหร่ ผู้อาวุโสฟงชิงหยางจึงจะรับรู้ถึงข้อความที่อาวุโสเมิ่งชวนติดต่อไป…”
“แต่ถึงท่านจะรับรู้เกรงว่าท่านคงจะไม่ใส่ใจอะไรข้า”
“ด้านมารดาส่วนเอ๋อดูสภาพแล้วก็มักจะถูกทรมานบ่อยครั้ง กระทั่งบิดาฮ่วนเอ๋อเองก็ไม่พ้นต้องทรมานใจอย่างสาหัส”
“ส่วนเอ๋อเองที่รออยู่ในระนาบเซียนก็เช่นกัน”
“ถึงแม้นางจะบอกไว้แล้วว่าหากข้าไม่มั่นใจก็อย่าเสี่ยง ดูท่าหากข้าเกิดเรื่องอะไร….นาง ก็คงต้องเสียสติแล้วบุกมาตายไปกับข้าแน่ แต่จะให้ข้ากลับไปหานางมือเปล่าได้อย่างไร?
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่ครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียยกส่องแสงจ้า ราวแสงตะวันลอดผ่านช่องเล็กๆในห้องหับ
ครู่ต่อมาประกายในแววตาต้วนหลิงเทียนยิ่งมากยิ่งแหลมคม เขาเริ่มคิดหาวิธีแล้ว
ราวๆ 1 เค่อต่อมา สองตาต้วนหลิงเทียนก็สว่างวาบอีกครั้ง “ดูเหมือนมีแต่ต้องทําแบบนี้เท่านั้น…”
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความติดต่อไปหาเมิ่งชวนทันที “หลังจากนี้สักระยะข้ารบกวนให้ท่านช่วยอยู่ใกล้ๆวังเทียนฉือ…และราวๆครึ่งปีให้หลัง ข้าหวังว่าท่านจะช่วยถ่วงรั้งโหวเพิ่งอวจ้าวตําหนักเทียนฉือผู้นั้น”
“เจ้าโหยวเชิงอวี้นั่นให้ข้าสู้พัวพันรั้งมันไว้ไม่มีปัญหา…แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะหาคนมาช่วยเจ้าได้?”
เมิ่งชวนถาม
“หากข้าไม่มั่นใจในระดับหนึ่ง ข้าก็คงไม่คิดรบกวนอาวุโสเมิ่งชวน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะอยู่อู๋หยาเทียนไม่ไปไหน ยังจะรอหน้าวังเทียนฉือสักครึ่งปีตามเจ้าว่าเถอะ”
เมิ่งชวนกล่าวตกลง
เหตุผลที่ไฉนเมิ่งชวนตอบรับง่ายนัก เพราะมันเห็นแก่หน้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ มันเองก็รู้ดีว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันไม่ใช่คนที่ไปทิ้งมรดกเรี่ยราด!
เนื่องจากชายหนุ่มนาม ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ได้รับมรดกจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ วันหน้าไม่พ้นต้องได้กลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แน่!
เป็นธรรมดาว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่
ต้วนหลิงเทียนคนนี้ก็คือทายาทลึกลับ ที่พี่ชายของมันเผลอหลุดปากออกมาว่า ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กําลังลอบหาตัวเป็นการลับ
หากต้วนหลิงเทียนเป็นคนผู้นั้นจริงๆ และถ้าต้วนหลิงเทียนใจกว้างสกหน่อย มันก็เสมือนได้ลาภก้อนใหญ่กําไรบานเบอะ!
เป็นธรรมดาว่าเรื่องของเรื่องก็คือ เมิ่งชวนนั้นรู้ดีว่าถึงมันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางฆ่ามันแน่นอน!
กระทั่งต่อให้จักพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมาเอง ก็ไม่กล้าฆ่ามันด้วยซ้ำ
….
ณ ว่านโชาวเทียน
ว่านโช่วเทียน ก็มีขุมกําลังระดับสวรรค์มากมาย และเนื่องจากสิ่งมีชีวิตกว่า 99 ใน ร้อยส่วนของว่านโชาวเทียนเป็นสัตว์อมตะ เช่นนั้นขุมกําลังเหล่านี้ก็คือขุมกําลังของเหล่าสัตว์อมตะนั่นเอง
เผ่ามังกร รวมถึงเผ่ามังกรโลหิตก็จัดเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ของว่านโช่วเทียน
หุบจันทร์โลหิตเองก็จัดเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ของว่านโช่วเทียนเช่นกัน สถานที่ตั้งของหุบเขาแห่งนี้ อยู่ในสถานที่อันเงียบสงบวังเวงแห่งหนึ่งของว่านโช่วเทียน มีหมอกสีเลือดลอยต่ำปกคลุมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน หากแหงนมองจันทราบนฟ้า ในหุบจันทร์โลหิตก็จะเห็นเป็นจันทราสีเลือด
นาม หุบจันทร์โลหิต ก็ได้มาเพราะเหตุนี้
“อาวุโส 9 ท่านแน่ใจรึเปล่า ว่าข่าวที่ท่านได้มาเป็นความจริง ไม่มั่วนิ่ม?”
สตรีในชุดคลุมสีทองแลดูสวยงาม หากทว่านางกลับแลดูเสมือนเด็กซนขี้เล่น เท้าสะเอวหยี ตามองถามชายชราในชุดคลุมสีเทาหลวมๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจ และนี่เป็นการถามครั้งที่ 3 ของนางแล้ว
“ฮัยยา เสี่ยวจินอา…ไฉนเจ้าถึงได้สงสัยคําพูดของข้าผู้เฒ่านักเล่า? มิรู้หรือไรว่าตาเฒ่าผู้นี้ คือหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของหุบจันทร์โลหิตเรา! ทุกคนรับทราบดีว่าหากบ้านใดมีชู้ไม่พ้นหูข้าผู้เฒ่า! เช่นนั้นข่าวที่ข้าผู้เฒ่าได้มามันจะไปเป็นข่าวปลอมได้อย่างไร?”
ชายชราส่ายหัวไปมาอย่างระอา ค่อยกล่าวเสริมว่า “ข่าวนี้เป็นความจริงแน่นอน ตอนนี้ คนของข้าที่อวี้หวงเทียนกว่าครึ่ง เรียกว่าไม่มีใครไม่รู้จักต้วนหลิงเทียนแล้ว กระทั่งหน้าของเจ้าหนุ่มนั้นทุกคนยังเก็บเอาไปฝันด้วยซ้ำ!”
“ต้วนหลิงเทียนที่ว่าก็คือชายหนุ่มชุดม่วงหน้าตาหล่อเหลา…เอ้า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เจ้าชมดูเองแล้วกันว่านี่ใช่คนที่เจ้าตามหาหรือเปล่า”
พอชายชรากล่าวจบคํา มันก็ยกมือขึ้นโบกเบาๆก่อนจะปรากฏม้วนภาพหนึ่งเข้ามือ หลังจากที่ม้วนภาพถูกคลี่กาง ภาพวาดคนๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาสตรีในชุดคลุมทอง
ในภาพวาดนั้น เป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดคลุมสีม่วง….ท่วงท่าลักษณะไม่ธรรมดาถึงแม้ภาพวาดนี้แลแล้วจะเร่งวาดขึ้นมาอย่างหยาบๆ แต่ก็ทําให้สตรีชุดคลุมทองตะลึงค้างไปพักหนึ่ง
“ใช่! ใช่จริงๆด้วย..เป็นพี่ใหญ่หลิงเทียน! เป็นพี่ใหญ่หลิงเทียนจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆๆๆ! ในที่สุดข้าก็หาพี่ใหญ่หลิงเทียนเจอแล้ว!!”
“ฮึๆๆ ยังไงล่ะเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋! เรื่องที่พวกเจ้าพี่น้องทําไม่ได้ แต่สุดท้ายข้าเสี่ยวจินผู้นี้ก็ทําได้สําเร็จ ข้าหาพี่ใหญ่หลิงเทียนเจอแล้ว!!”
หลังจากจับจ้องมองภารวาดในมืออยู่พักหนึ่ง หญิงสาวในชุดคลุมทองก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างโผงผาง หาความเป็นกุลสตรีไม่เจอทําให้ชายชราที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาไม่หยุด
มันคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจริงๆ
ว่าไฉนท่านผู้อาวุโสใหญ่ถึงได้ชอบยาโถวน้อยบ้าบอผู้นี้นัก
ยิ่งไปกว่านั้นตอนรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับป่าวประกาศไปทั่ว
หรือทั้งหมดเป็นเพราะผู้อาวุโสใหญ่ถูกชะตากับนางที่เป็นสัตว์อมตะเผ่าพันธุ์หนูเช่นกัน?
“เสี่ยวเฮย! เสี่ยวไป๋!”
หลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่พักหนึ่ง สตรีในชุดคลุมทองก็สูดลมหายใจเข้าฮวบๆ พอได้สติกลับมาแล้ว ก็เร่งส่งข้อความไปหาสหายทั้งสองในเผ่ามังกรทันที “ข้ามีข่าวพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้ว! พวกเจ้ามาคารวะแล้วเรียกข้าว่าพี่สาวเสี่ยวจินผู้ยิ่งใหญ่ที่หุบจันทร์โลหิตเร็วๆ!!”
ชายหนุ่มในชุดดําสนิทกับสตรีชุดขาวที่กําลังฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในเผ่ามังกร อยู่ๆได้รับข้อความ ด้วยน้ำเสียงคุ้นหูด้วยถ้อยคําดังกล่าว ทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหยุดฝึกก่อนจะพุ่งออกจากสถานที่บ่มเพาะมาเจอกันทันที
“เสี่ยวจินบอกข้าว่านางได้ข่าวพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้ว ให้ข้าไปเจอนางที่หุบจันทร์โลหิต!”
สตรีชุดขาวกล่าว
“อืม ข้าก็ได้ข้อความจากนางเช่นกัน”
ชายหนุ่มชุดดําแต่เดิมนั้นมักทําหน้าเย็นชานิ่งๆอยู่ตลอดเวลา แต่พอมองกล่าวกับสตรีชุดขาวสีหน้าแววตาก็กลายเป็นอ่อนโยนทั้งเอ็นดู
“เสี่ยวไป๋เข้าไปบอกเรื่องนี้กับผู้อาวุโส 4 เถอะ”
ชายหนุ่มชุดดําเอ่ยกับหญิงสาวในชุดขาว “ท่านอาวุโส 4 รู้อยู่แล้วว่าพวกเรามีความสัมพัน ธ์กับพี่ใหญ่หลิงเทียนอย่างไร นางเข้าใจพวกเราดี”
“อื้อ”
หญิงสาวชุดขาวพยักหน้ารับคํา ก่อนจะเร่งรุดเหินร่างออกไปเร็วไว ทิศทางที่มุ่งหน้าไปก็คือสถานที่พักอาศัยของเหล่าอาวุโสของเผ่ามังกร
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายหนุ่มชุดดําคาดไม่ถึงก็คือ ตอนหญิงสาวชุดขาวกลับมา ข้างกายนางยังมีร่างๆหนึ่งติดตามมาด้วย
ร่างที่ว่าก็คือ จี้หนิงอวิ๋น อาวุโส 4 ของเผ่ามังกร นางเป็นสตรีสะสวยมาในชุดสีขาวแลดูสง่างามทั้งหรูหรา ท่วงท่าลักษณะประหนึ่งสตรีชนชั้นสูงที่แลดูสูงศักดิ์เลอค่า
“อาวุโส 4”
เมื่อเห็นสตรีชุดขาวดังกล่าว ชายหนุ่มชุดดําก็เร่งประสานมือคารวะทักทายทันที
“เสี่ยวเฮย ข้าได้ยินจากเสี่ยวไป๋น้องสาวเจ้าว่าพวกเจ้าได้ข่าวพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้วหรือสหายของพวกเจ้าตามหาชายคนนั้นพบแล้ว?”
จี้หนิงอวิ๋นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่”
เสี่ยวเฮยพยักหน้า
“ช่วงนี้ข้าไม่ได้มีธุระอะไร…เช่นนั้นข้าจะไปพร้อมเจ้ากับเสี่ยวไป๋ แล้วชมดูพี่ใหญ่ชาวมนุษย์ที่ทําให้พวกเจ้าเฝ้าคิดถึงทั้งตามหามาตลอดระยะเวลาหายปีที่ผ่านสักครา”
จี้หนิงอวิ๋นยิ้มกล่าว “ถือเสียว่าพวกเราไปเที่ยวพักผ่อน”
“เสี่ยวเฮย ด้วยมีป้าอวิ๋นไปกับพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกลัวเจอพวกโจรละโมบที่จะมาวุ่นวายพวกเรากับเสี่ยวจินตอนไปหาพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้ว”
หญิงสาวชุดขาวนาม เสี่ยวไป๋ ก็เร่งกล่าวเสริมเร็วไว
นางกับเสี่ยวเฮยอย่างไรก็เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ หากโดนยอดฝีมือพบเจอพวกมันไม่พ้นต้องคิดเช่นฆ่าและเอาร่างพวกนางพี่น้องไปด้วยความโลภแน่นอน
ร่างมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ เรียกว่าเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า
ถึงแม้เสี่ยวไป๋จะเป็นลูกศิษย์ของจี้หนิงอวิ๋น แต่จี้หนิงอวิ๋นไม่ได้ให้นางเรียกหาว่าอาจารย์อะไร แต่ให้เรียกว่าป้าอขึ้นแทนซึ่งทําให้แลดูสนิทสนมกันมากขึ้น
“อา”
เสี่ยวเฮยพยักหน้า เพราะมันก็รู้ดีว่าปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะเห็นได้ชัดว่าอาวุโส 4 นั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของมันกับน้องสาว
“ตาแก่นั่นก็ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมานานแล้ว ครั้งนี้พาตาแก่ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยก็ดีเหมือนกัน”
จี้หนิงอวิ๋นยิ้ม
ได้ยินคําพูดประโยคนี้ของจี้หนิงอวิ๋น ไม่ว่าจะเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็อดตกตะลึงไม่ได้
ทั้งคู่รู้ดีว่า “ตาแก่” ที่จี้หนิงอวิ๋นเรียกหาคือใคร เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรผู้นั้น 1 ใน 3 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 16 จักรพรรดิอมตะสมญานามของเผ่ามังกร!
หลังจากเสียงกล่าวของหนิงอลิ้นดังจบคําได้ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนร่างกํายําหนึ่งก็วูบมาปรากฏตัวข้างกายจี้หนิงอวิ่นปานภูตผี
ชายวัยกลางคนผู้นี้ร่างกายกํายําปีกปืน ใบหน้ารูปเหลี่ยมของมันแลดูคมเข้มน่าเกรงขาม แม้ไม่มีโทสะแต่กลับทําให้ผู้คนยําเกรง
อย่างไรก็ตามยามมันหันไปมองจี้หนิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าอันน่าเกรงขามขอมมันก็ฝืนยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก “หนิงอวิ๋น เจ้าเรียกหาข้าหรือ?”
“พอดีเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋กําลังจะไปเยือนอวี้หวงเทียนพร้อมกับเจ้าหนูน้อยของหุบจันทร์โลหิต ข้าเองก็เลยคิดจะไปเดินเล่นกับพวกเด็กๆ ท่านเองก็บ่นว่าเบื่อๆเพราะไม่มีอะไรทําไม่ใช่รี มิสู้มากับพวกเราเถอะ”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าว
“ไปเที่ยว ประเสริฐ!”
ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมแลดูน่าเกรงขามผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกร จื้อวี่เหนียน และเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในว่านโช่วเทียน
“อาวุโสใหญ่”
“อาวุโสใหญ่”
ขณะเดียวกันทางด้านเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายจื้อวี่เหนียนเร็วไว เพราะฐานะของชายวัยกลางคนผู้นี้ในเผ่ามังกร ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นําเผ่าพันธุ์มังกรเลย!
“ไปกันเถอะ”
จื้อวี่เหนียนพยักหน้าให้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ จากนั้นฝ่ามือใหญ่ปานไม้พายของมันก็ยกขึ้นโบกสะบัดคราหนึ่ง ต่อมาไม่เพียงแต่มันไม่ว่าจะจี้หนิงอวิ๋นที่อยู่ข้างกายกระทั่งเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็อันตรธานหายไปทันที
สิ่งที่จื้อวี่เหนียนกําลังใช้อยู่ก็คือการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ เพราะกฏที่มันเชี่ยวชาญก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุดกฏมิติ!
ณ หุบเขาจันทร์โลหิต เมื่อหญิงสาวในชุดคลุมทองแลเห็นการมาของจื้อวี่เหนียนก็ตกอกตกใจไม่น้อย ท่าที่ซุกซนกลายเป็นเรียบร้อยๆขึ้นมาทันที ยังเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ทันที “เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ พวกเจ้าร้ายกาจแท้เล่า…กระทั่งจะไปไหนมาไหนเดี๋ยวนี้ถึงกับมีผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรพาไปเลยหรือ นับถือๆ”
“เสี่ยวจิน เป็นป้าอวิ๋นชวนผู้อาวุโสใหญ่ให้มาเที่ยวด้วยกันน่ะ”
เสี่ยวไป๋ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ
สําหรับเสี่ยวเฮย เพียงทําหน้านิ่งแลดูไม่สนใจเสี่ยวจิน
“ฮ่าๆๆเช่นนี้ก็ดี เพราะตาแก่นั่นก็เอาแต่ห่วงข้าว่าจะไม่ให้ออกไปไหน ตอนนี้มีผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรไปด้วย ตาแก่ก็คงสบายใจได้เสียที
เสี่ยวจินลอบหัวเราะร่าในใจอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็พาทุกคนไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของหุบจันทร์โลหิต จากนั้นก็ใช้มันเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังแดนทักษินยุทธ์ของอวี้หวงเทียนโดยตรง
และเมื่อมาถึงแดนทักษินยุทธ์แล้ว ทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปนิกายกระบี่หมื่นหายนะอย่างไม่รอช้า
“จากข่าวที่ข้าสืบได้มา พี่ใหญ่หลิงเทียนได้เข้าร่วมกับนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และกลายเป็นศิษย์ของผู้นําสายก้านเจี้ยงของนิกายกระบีหมื่นหายนะ”
เมื่อมาถึงสถานที่ตั้งนิกายกระบี่มหนหายนะ เสี่ยวจินก็บอกเรื่องที่สืบได้ออกมา
ถิ่นที่อยู่ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้นมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แม้จะเป็นจื้อวี่เหนียนอาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกรมาด้วยตัวเอง ก็ไม่กล้าบุกฝ่าเขาไปอย่างอุกอาจ เพียงกล่าวแจ้งการมากับหน่วยลาดตระเวนของนิกายกระบหมื่นหายนะโดยตรง
“นิกายกระบี่หมื่นหายนะทั้งๆที่เป็นขุมกําลังระดับ 1 แท้ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าค่ายกลที่ปกป้องอาณาเขตนิกายจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้”
เสี่ยวไป๋ถอนหายใจเบาๆ
“เสี่ยวไป๋ ถึงแม้ตอนนี้นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะเป็นเพียงขุมกําลังระดับ 1 แต่ก็ที่พื้น เพจากขุมกําลังระดับสวรรค์….เพราะในอดีต นิกายกระบหมื่นหายนะเองก็เป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งขุมหนึ่งของอวี้หวงเทียน”
จี้หนิงอวิ๋น อาวุโส 4 ของเผ่ามังกรยิ้มกล่าว “เช่นนั้นค่ายกลพิทักษ์ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าค่ายกลพิทักษ์เผ่ามังกรของพวกเราสักเท่าไหร่”
“แต่ก่อนเคยเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์หรือ? ไม่น่าแปลกใจเลย”
เสี่ยวไป๋ก็เข้าใจได้ทันที
“นอกจากนั้น ถึงตอนนี้นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะเป็นเพียงขุมกําลังระดับ 1 แต่กล่าวกันว่า ในนิกายยังมีจักรพรรดิอมตะที่มีพลังทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่ อีกทั้งผู้นําสายก้านเลี้ยงกับสายม่อเหยีย หากร่วมมือกันก็สามารถเข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปได้ไม่ยาก..”
ฟังจากคําพูดของจี้หนิงอวิ๋นแล้ว เห็นได้ชัดว่านางก็รู้จักนิกายกระบี่หมื่นหายนะมากพอสมควร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น