War sovereign Soaring The Heavens 3314-3315
ตอนที่ 3,314 : สตรีที่น่าสงสาร
หอเกิดดับ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินคํานี้
ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในคุกหมื่นพันธนาการ เขาก็ได้ยินมาแล้วว่าในคุกหมื่นพันธนาการมีสถานที่ช่วยให้ทําความเข้าใจกฎแห่งความตายได้ดีขึ้น และสถานที่แห่งนั้นถูกเรียกว่าหอเกิดดับ
พอชายชราเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทําให้เขาบังเกิดความสนใจอยากรู้รายละเอียดของหอเกิดดับขี้นมาทันที
“ศิษย์อัจฉริยะที่สมัครมาเป็นผู้คุมคุกหมื่นพันธนาการ ไม่มีผู้ใดแยแสผลึกอมตะที่เป็นค่าจ้างแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ ก็คือโอกาสในการทําความเข้าใจกฏแห่งความตายในหอเกิดดับมากกว่า”
ชายชรากล่าว “ผู้ที่มาทําหน้าที่เป็นผู้คุมในคุกหมื่นพันธนาการได้ครบกําหนด 1 ปี ก็จักได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปทําความเข้าใจกฎแห่งความตายในหอเกิดดับเป็นเวลา 1 ปีเช่นกัน”
“เมื่อครบกําหนดเวลาแล้ว หากคิดจะใช้หอเกิดดับต่อ ก็มีแต่ต้องมาเข้าเวรอีก 1 ปี”
“แน่นอนว่าทุกคนสามารถเลือกที่จะสะสมเวลาได้เช่นกัน อย่างทํางานเป็นผู้คุมติดต่อกันสักหลายๆปี แล้วก็นเวลาที่สะสมมาใช้ยาวๆรอบเดียวก็ไม่มีปัญหา เรียกว่าเวลาที่ใช้ทํางานกับเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้หอเกิดดับจักเท่ากัน”
กล่าวถึงจุดนี้ชายชราก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “เป็นธรรมดาว่าสําหรับเจ้ามันต่างออกไปด้วยเห็นแก่หน้าของพัศดีฉือ เจ้าสามารถเข้าใช้หอเกิดดับได้ตามอําเภอใจ…”
“อีกทั้ง เจ้ายังใช้มันได้นานตราบที่เจ้าต้องการ”
กล่าวถึงจุดนี้ สองตาชายชราก็อดไม่ได้ที่จะฉายแววอิจฉาขึ้นมาอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่ากฏที่มันเชี่ยวชาญจะไม่ใช่กฏแห่งความตาย ทําให้ไม่สนใจจะเข้าใช้หอเกิดดับ ทว่าหากมันเป็นผู้ที่ใช้กฏแห่งความตายขึ้นมา…ถ้ามันอยากจะใช้หอเกิดดับก็จําต้องทํางานตามเงื่อนไขที่กล่าวไว้ข้างต้น!
“เพราะจ้าวหอเกิดดับนั้นมิใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพัศดีฉือเอง และอาวุโสภายในหอเกิดดับก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของพัศดีฉือทั้งหมด ทางพัศดีฉือก็ได้ออกคําสั่งเอาไว้นานแล้ว ว่าหากมีศิษย์น้องคนใดของนางคิดใช้หอเกิดดับ ก็สามารถเข้าไปใช้ได้ตามใจชอบ ไม่มีข้อจํากัดและเงื่อนไขอันใด”
“ทั่วทั้งวังเทียนฉือ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ศิษย์ของใต้เท้าฉือหล่างเท่านั้น ที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”
ชายชรากล่าวต่อ
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่เพียงแต่จะเป็นพัศดีของคุกหมื่นพันธนาการ แต่ยังเป็นเจ้าหอเกิดดับ ผู้ที่มีอํานาจควบคุมเรื่องราวในหอเกิดดับ?”
ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ ว่าเรื่องราวที่เขาเคยรู้มาเกี่ยวกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่อนหน้า นับเป็นปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งจริงๆ เพราะเรื่องเมื่อครู่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลย
“แล้วในคุกหมื่นพันธนาการมีพัศดีทั้งสิ้นกี่คนหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนที่เดินตามชายชราเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเรามีพัศดีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน และแบ่งกันดูแล โกงกิจการภายใน หอเกิดดับ และหอชําระบาป”
ชายชรากล่าวตอบ
“หอชําระบาป?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง เขารู้แล้วว่าหอกิจการภายในกับหอเกิดดับมีหน้าที่ทําอะไร อย่างแรกนั้นเป็นการจัดการเรื่องราวภายในของคุกหมื่นพันธนาการ สําหรับหอเกิดดับนั้นเป็นสถานที่สําหรับประหารชีวิตนักโทษ และสั่งสมกลิ่นอายแห่งความตายรวมถึงปราณมรณะเอาไว้
“หอชําระบาปหรือที่มักเรียกกันว่าหอลงทัณฑ์นั้น มีหน้าที่กําหนดโทษทัณฑ์ของนักโทษที่ถูกคุมขัง แน่นอนว่าเว้นโทษประหารชีวิตไว้อย่างหนึ่ง เพราะหากเป็นโทษประหารจะถูกส่งเรื่องไปให้หอเกิดดับดําเนินการ
ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ มันก็หยุดลงชั่วคราว จากนั้นก็มองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวเตือนว่า “ต้วนหลิงเทียน พัศดีที่เป็นผู้ดูแลโถงกิจการภายในเรียกว่ามีสัมพันธ์อันดีกับพัศดีฉือ…ทว่าพัศดีของหอชําระบาปนั้นไม่ใช่ กระทั่งความสัมพันธ์ยังเรียกว่าไม้เบื่อไม้เมากับพัศดีฉือ หากเจ้าเจอมันก็ให้พยายามหลีกเลี่ยงมันเสีย เพราะข้าเกรงว่ามันอาจจะหาเรื่องเจ้าได้”
“เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้พัศดีฉือก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ หากยังมีพัศดีฉืออยู่ มันคงกริ่งเกรงนางจนไม่กล้าทําอะไรเจ้าอยู่บ้าง”
ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าก็แลดูจริงจังขึ้นหลายส่วน
“แล้วพัศดีคนที่ว่า มันแข็งแกร่งแค่ไหน?”
ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ พลางเอ่ยถามไปด้วยท่าทีเฉยๆ
“ใกล้เคียงจักรพรรดิอมตะสมญานาม”
ชายชรากล่าวตอบ
“ใกล้เคียงจักรพรรดิอมตะสมญานาม?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง อาศัยตัวตนเช่นนี้แต่หาญกล้าเขม่นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่เขาหรือ?
เจ้านั่นสะกดคําว่าตายไม่เป็นหรืออย่างไร?
“อาวุโสเซี่ย แล้วท่านล่วงรู้ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงใหญ่ข้าหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ดูเหมือนว่าจักใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นกันกระมัง?”
คําตอบของชายชรา ทําให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงปัญหาที่แท้ดูเหมือนคนในคุกหมื่นพันธนาการจะไม่มีใครล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของศิษย์พี่หญิงใหญ่เขา! น่าจะไม่รู้เรื่องที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่เคยฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามมาก่อนด้วย
อย่างไรก็ตาม พอคิดดูอีกทีเขาก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงใหญ่เป็นเช่นไร เขาในฐานะศิษย์น้องย่อมล่วงรู้ดีกว่าคนนอกแน่นอน
“ผู้อาวุโสเซี่ย จ้าวหอชําระบาปหรือพัศดีผู้นั้น….หากมันมาหาเรื่องข้า ถ้าข้าไม่คิดหลบหนีแต่เลือกที่จะตอบโต้ไปตามสถานการณ์เล่า จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่?
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม สองตายังทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง
“หืม?”
เห็นได้ชัดว่าชายชราเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนจะเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา มันอดตกใจไม่ได้ ยังมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ “ต้วนหลิงเทียน เจ้าเจ้าแน่ใจหรือว่าจะสู้กับพัศดีได้ไหว?”
“เจ้าทราบหรือไม่ว่าความแข็งแกร่งของมัน ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว…กระทั่งในวังเทียนฉือแห่งนี้ตัวตนที่อยู่ใต้จักรพรรดิอมตะสมญานาม ข้ามิเคยได้ยินว่ามีใครสามารถเอาชนะมันได้มาก่อน…อย่างดีก็ทําได้แค่เสมอกับมันเท่านั้น”
ชายชราเอ่ยเตือน
“อาวุโส ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง…หรือข้าทําได้แค่โดนมันรังแกฝ่ายเดียว?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาคลี่ยิ้มบางๆ
“หากมันหาเรื่องเจ้า แน่นอนว่าเจ้าสามารถตอบโต้มันได้ ทว่าต้องไม่ลืมว่าหากเจ้าสู้กับมันๆ ก็จักหาเรื่องยัดข้อหาให้เจ้าเพิ่มไปอีกถึงตอนนั้นแม้มันจะไม่อาจฆ่าเจ้าได้ แต่มันก็สามารถพาเจ้าไปหอชําระบาปเพื่อทรมานกลั่นแกล้งเจ้าได้”
ชายชราส่ายหัวพลางกล่าว
“อ้อ…แล้วถ้ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าขึ้นมาล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาถามออกไปอีกครั้ง รอบนี้แววตายังฉายแววแหลมคมออกมา
“เอ่อ…จนถึงตอนนี้ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเราก็ไม่เคยเกิดเรื่องที่เจ้าว่ามาก่อนอย่างไรก็ตาม ปกติแล้วหากมันไม่ใช่คู่มือของเจ้า มันต้องไม่กล้ามายั่วโมโหเจ้าเป็นธรรมชาติและถ้าเกิดมีเรื่องกระทบกระทั่งกันจริง ขอแค่เจ้าไม่ตีมันจนตาย ทางวังเทียนฉือก็ไม่โทษเจ้าหรอก”
ชายชรากล่าวออกมาอีกรอบ
“แค่นั่นแหละ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “อาวุโสเซี่ย ถ้างั้นท่านพาพวกเราไปดูส่วนคุมขังกับหอเกิดดับเถอะ หอชําระบาปไม่ต้องไปก็ได้”
สําหรับต้วนหลิงเทียน อันที่จริงไม่ใช่แค่หอชําระบาป กระทั่งหอเกิดดับก็ไม่สําคัญเท่ากับพื้นที่ๆใช้คุมขังนักโทษ
ไฉนเขากับฮ่วนเอ๋อถึงมาเข้าร่วมวังเทียนฉือ?
ไม่ใช่เพราะเพื่อช่วยบิดากับมารดาฮ่วนเอ๋อหรือไร?
ตอนนี้เรื่องที่เขายืนยันได้แล้วก็คือ…บิดาของฮ่วนเอ๋อถูกขังอยู่ที่คุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้แน่นอน แต่กับมารดาของฮ่วนเอ๋อนั้น เขายังไม่มั่นใจเต็มสิบส่วน
ถึงแม้ว่าฮ่วนเอ๋อจะมีลูกแก้ววิญญาณของมารดาอยู่ในมือ แต่เนื่องจากมารดาของฮ่วนเอ๋อไม่น่าจะมีลูกแก้ววิญญาณของฮ่วนเอ๋ออยู่ในมือ เช่นนั้นไม่ว่าฮ่วนเอ๋อจะส่งข้อความไปมากเท่าไหร่ มารดาของนางก็ไม่อาจตอบกลับมาได้…
แน่นอนว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่า ที่แท้มารดาของฮ่วนเอ๋อได้รับข้อความรึเปล่า!
“อาวุโสเซี่ยแล้วในพื้นที่คุมขังนักโทษของคุกหมื่นพันธนาการ นักโทษสามารถใช้การส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณได้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าไม่ได้”
ชายชราส่ายหัวไปมา “ภายในคุกหมื่นพันธนาการ มีอาคมจํากัดการส่งสัญญาณทางวิญญาณ…ไม่ต้องกล่าวถึงการติดต่อกับโลกภายนอกด้วยซ้ำ กระทั่งในพื้นที่คุกหมื่นพันธนาการเองยังไม่อาจใช้การติดต่อทางวิญญาณได้”
“การทําเช่นนี้ เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้คุมในคุกติดต่อสื่อสารกับคนนอกเพื่อวางแผนช่วยเหลือนักโทษหลบหนี”
ชายชรากล่าวออกมารวดเดียวจบ
“ฮ่วนเอ๋อ ดูเหมือนก่อนหน้านี้มารดาของเจ้าจะไม่ได้รับข้อความที่เจ้าส่งมาเลย…”
หลังได้ยินคําพูดของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังถึงฮ่วนเอ๋อทันที
ก่อนหน้านี้ตอนเขากับฮ่วนเอ๋อพาคู่แฝดจูเก่อของนิกายกระบี่หมื่นหายนะกลับไปยังหลิงหลัวเทียนและไปหาความเผ่าจิ้งจอกน้ำแข็งถึงที่ ฮ่วนเอ๋อก็ได้รับลูกแก้ววิญญาณของมารดานางมาจากผู้นําตระกูลจางของเผ่าจิ้งจอกมายา
เขาเองก็รู้ ว่าฮ่วนเอ๋อมักใช้ลูกแก้ววิญญาณนั่นส่งข้อความถึงมารดาเสมอๆ ถึงแม้มารดาของนางจะไม่เคยตอบกลับมาก็ตามที
“แต่สิ่งนี้ยังบ่งบอกได้เรื่องหนึ่งมารดาของเจ้าสมควรถูกขังอยู่ที่นี่จริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“อาวุโสเซี่ย”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองชายชราพลางถามออกมาอีกรอบว่า “ข้าเคยได้ยินศิษย์พี่คนหนึ่งบอกว่ามีคนของนิกายขุนเขากระบี่ฟ้าถูกวังเทียนฉือเราจับขังเอาไว้ด้วยหรือ? ดูเหมือนจะเป็นเพราะเรื่องการล้มงานแต่งหรืองานหมั้นอะไรสักอย่างนี้ล่ะ?”
“ที่เจ้ากําลังกล่าวถึง ไม่พ้นเป็นศิษย์อัจฉริยะของนิกายขุนเขากระบี่ฟ้ากระมังกล่าวไปแล้ว ก็น่าเสียดายแทนมันไม่น้อย”
ชายชราส่ายหัวพลางกล่าว “อัจฉริยะคนนั้นทั้งๆที่สามารถเป็นบุตรเขยจ้าววังเทียนฉือเราได้แล้วแท้ๆ เรียกว่าเสมือนหนึ่งก้าวถึงฟ้า ไม่ว่าผู้ใดก็อิจฉา! น่าเสียดายที่มันดันไปหลงรักสตรีด้านนอก สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกสตรีนางนั้นและล้มเลิกสัญญาวิวาห์กับบุตรีของท่านจ้าววังแทน….”
“ด้านขุนเขากระบี่ฟ้าถือว่ายังรู้จักรับผิดชอบ จึงจับตัวมันส่งมาให้ทางเราเสียก่อน..เห็นว่า ตอนนั้นท่านจ้าววังเองก็คิดจะไปหาความถึงจี้เมี่ยเทียนด้วยตัวเองแล้ว”
ชายชรากล่าว
“แล้วคนผู้นั้นยังถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเรารึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ยังถูกขังอยู่”
ชายชราพยักหน้า “หากเจ้าสนใจชายผู้นั้น หลังพาเจ้าไปดูที่ทางถึงพื้นที่ส่วนนั้นแล้วข้าจักให้เจ้าได้พบเจอ..อย่างไรก็ตามชายคนนั้นก็เป็นชนชั้นศิษย์อัจฉริยะของขุมกําลังระดับสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะถูกคุมขังแต่ก็ยังหมั่นบ่มเพาะฝึกฝนเสมอ พลังฝีมือยังใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม”
“ครั้งหนึ่ง จ้าวหอชําระบาปเคยมาประมือกับมันครั้งหนึ่ง แต่ชายผู้นั้นกลับไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย”
ชายชรากล่าวอย่งาทอดถอนใจ
“ไม่ธรรมดาจริงๆ! ข้าอยากเห็นนักว่าชายผู้นั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่ กระทั่งบุตรของจ้าววังเทียนฉือเรายังสามารถปฏิเสธได้ลงคอ”
สองตาของต้วนหลิงเทียนทอแสงจ้าขึ้นมา ด้านฮ่วนเอ๋อเองก็ตาลุกวาวไม่น้อย…ในที่สุดนางก็จะได้พบกับบิดาบังเกิดเกล้าแล้วหรือ?
“จริงอาวุโสเซี่ย…”
ต้วนหลิงเทียนทําท่าราวับนึกอะไรได้ออก เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย “ว่าแต่ท่านรู้จักสตรีที่ชายผู้นั้นไปติดพันด้านนอกหรือไม่…ที่แท้นางเป็นสตรีเช่นใดกันแน่ ถึงทําให้ศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของขุนเขากระบี่ฟ้าไม่เหลียวแลบุตรีของจ้าววังเราได้?”
“รู้สิ สตรีนางนั้นเองก็ถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเราเช่นกัน”
ชายชราพยักหน้า “อีกทั้งสตรีนางนั้นยังไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์อมตะ…หากข้าจําไม่ผิดเหมือนจะเป็นจิ้งจอกมายา”
“เพื่อเป็นการลงโทษทั้งคู่ ท่านจ้าววังของพวกเรายังให้ทั้งคู่ทําได้แค่มองหน้ากันผ่านลูกกรง แต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้…นอกจากนั้น ยังทรมานสตรีนางนั้นบ่อยครั้ง เป็นการทําร้ายจิตใจของศิษย์อัจฉริยะขุนเขากระบี่ฟ้า”
“ปกติแล้วสตรีนางนั้นจะสลบไสลไม่ได้สติเพราะหากนางตื่นขึ้นมาคราใด ก็ต้องพบกับการทรมานอีกครั้ง”
ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน “พูดไปสตรีนางนี้ก็ช่างน่าเวทนาสงสารยิ่ง เพราะนางมิได้ทําผิดอันใดเลย เพียงแค่นางอยู่กับบุรุษที่นางไม่สมควรอยู่แท้ๆ จึงต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้”
ได้ยินคําพูดของชายชรา สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างๆนั้น ร่างบางสั่นเทิ้มไปอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งสองตายังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“หืม?”
ท่าทีของต้วนหลิงเทียนก็ทําให้ชายชราตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นมันก็หันไป มองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนแม่นางน้อยผู้นี้จักเป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องราวความรักอาภัพ..อย่างไรเสียสตรีนางนั้นก็นับว่าชะตาอาภัพจริงๆ”
ตอนที่ 3,315 : พื้นที่คุมขังส่วนต่างๆ
“พี่หลิงเทียน…”
เสียงฮ่วนเอ๋อที่ส่งผ่านพลังมารอบนี้ มันสั่นเครือและเต็มไปด้วยความโกรธ ต้วนหลิงเทียนเองก็พอจะเข้าใจอารมณ์ของนางได้ เพราะหากเขาพบว่ามารดาตัวเองถูกกักขังและทรมานแบบนี้ก็คงเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน
“ฮ่วนเอ๋อไม่ต้องกังวล พี่หลิงเทียนจะหาวิธีช่วยบิดามารดาของเจ้าให้ได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังเสียงเข้มถึงฮ่วนเอ๋อ “ฮ่วนเอ๋อเชื่อฟังพี่หลิงเทียน ตอนนี้อย่าได้วู่วาม”
“อื๊อ”
ฮ่วนเอ๋อพยายามสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ ก่อนจะส่งเสียงผ่านพลังตอบรับต้วนหลิงเทียนอย่างว่าง่าย ไม่ปล่อยให้ชายชราข้างๆพบเห็นพิรุธอันใด
จากนั้นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ติดตามชายชราเข้าไปด้านใน
“เห็นด้านนั้นหรือไม่….นั่นคือหอชําระบาป”
ขณะเดินมาถึงสถานที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งภายในภูเขา ชายชราก็ผายมือไปยังอาคารปลูกสร้างมหึมา เป็นพระราชวังหลังใหญ่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง และที่เด่นสะดุดตาก็คือมีแท่นศิลาอันเขื่องสูงราว 10 หมีตั้งอยู่ด้านหน้าสลักอักษรเอาไว้
อักษรดังกล่าวสลักว่า หอชําระบาป!
เมื่อมาถึงที่นี่ ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่ามีการลําเลียงผู้คนมากมายเป็นแถว ผ่าน เข้าออกหอชําระบาปดังกล่าว
มองไปปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ผู้ที่ถูกพาเข้าไปนั้นยังมีสภาพดีอยู่ แต่ผู้ที่ถูกพาเดินออกมาจากหอชําระบาป สภาพแต่ละคนแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ บ้างก็เห็นได้ชัดว่าผ่านการแล่เนื้อเถือหนังมา เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเลือด
มีไม่กี่คนที่แม้สภาพจะแลดูดีเนื้อตัวไม่ได้โชกเลือดอะไรมากมาย แต่ยามถูกลากไปเห็นได้ชัดว่าสองตาของมันแทบไร้ประกาย อดไม่ได้ที่จะชวนให้ผู้ที่ชมมองรู้สึกหนาวใจ ด้วยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันกันแน่
“หอชําระบาปนั่น มีนักโทษถูกลากเข้าไปรับทัณฑ์ทรมานทุกวันไม่ว่าจะทางร่างกายหรือวิญญาณ บ้างก็ถูกทรมานจนตาย บ้างถูกเผาวิญญารจนเสียสติ กลายเป็นคนฟันเฟือนไปเลยก็มี”
อย่างไรก็ตาม ชายชราคล้ายคุ้นชินกับฉากนี้แล้ว จึงกล่าวแนะนําต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงเฉยเมย จากนั้นก็ทําตามที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกไว้ ไม่แวะเข้าไปชมดูหอชําระบาป แต่เลือกจะเดินผ่านไปถึงช่องทางเดินอีกแห่ง
และช่องทางเดินนี้ก็สั้นกว่าช่องทางเดิมก่อนหน้ามาก
ไม่นานต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่เดินติดตามชายชรา ก็มาโผล่ในสถานที่กว้างใหญ่อีกครั้ง
และมองไปปราดเดียว ก็พบว่าทางด้านขวามือมีพระราชวังหลังหนึ่งลอยล่องอยู่กลางอากาศ ส่วนด้านหลังพระราชวังหลังเขื่องที่ว่า ก็มีเวทีศิลาขนาดมหึมาถูกพลังบางอย่างตรึงไว้กลางอากาศ เห็นร่างคนกําลังนั่งฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ประปราย
รอบๆร่างกายของเหล่าคนที่ฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ มีไอพลังพลังสีดําแกมเทาขมุกขมัวฟุ้งตลบดั่งหมอกควัน เห็นได้ชัดว่านั่นคือไอพลังแห่งความตายของกฎแห่งความตาย
“พระราชวังหลังเขื่องนั่น เรียกว่าหอเกิดดับ”
เสียงชายชราดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
และรอบนี้ต่อให้ชายชราไม่กล่าวบอก ต้วนหลิงเทียนก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าวังเบื้องหน้าสมควรเป็นหอเกิดดับที่ว่า “จ้าวหอเกิดดับ คือศิษย์พี่หญิงใหญ่จริงหรือเนี่ย?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ก่อนจะมาเยือนคุกหมื่นพันธนาการแล้วว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาน่าทึ่งมาก แต่ยังอดรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่ได้ เมื่อรับทราบว่านางยังมีสถานะสูงถึงระดับนี้ในคุกหมื่นพันธนาการ
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีอารมณ์จะมาสนใจอะไรหอเกิดดับมากมายนัก เพียงหันไปมองกล่าวกับชายชราที่ชมดูเวทีศิลาขนาดใหญ่หลังพระราชวังอย่างเงียบงันว่า “อาวุโสเซี่ย พวกเรายังมีธุระที่ต้องไปจัดการหลังจากนี้ท่านพาเราไปส่วนขุมขังนักโทษให้พวกเรารู้ที่ทางต่อเลยเถอะ”
“ได้”
ชายชราละสายตากลับมาก่อนจะตอบรับ ค่อยก้าวอาดๆนําไปอีกครั้ง
หากต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงศิษย์อัจฉริยะทั่วไปในวังเทียนฉือ ชายชราแซ่เซี่ยคงไม่แลดูเชื่อฟังต้วนหลิงเทียนอะไรมากมายอย่างที่เห็น ที่ไฉนมันปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนอย่างดี ทั้งหมดเพราะศิษย์พี่หญิงของต้วนหลิงเทียนเป็นถึง 1 ใน 3 พัศดีของคุกหมื่นพันธนาการ
นอกจากนั้นนางยังเป็นพัศดีที่มีอายุน้อยที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด
‘ด้วยพรสวรรค์ของพัศดีฉือ กลับมาครานี้ไม่พ้นพลังฝีมือคงสูงส่งทัดเทียมจักรพรรดิอมตะ สมญานามแล้วแน่แท้’
ชายชราลอบกล่าวในใจ
หลังจากเดินผ่านหอเกิดดับ และผ่านช่องทางเดินที่ทอดยาวไม่น้อย ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาถึงสถานที่กว้างขวางใหญ่โตอีกครั้ง และเบื้องหน้าก็ปรากฏอาคารที่แลดูแล้วสมควรถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะบางอย่าง
อาคารโลหะเบื้องหน้า มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ด้านหน้ามีประตูบานหนึ่ง เป็นประตูผ่านเข้าออกบานเดียวที่มี
“อาวุโสเซี่ย”
พอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อถูกพาเข้ามาใกล้อาคาร ก็เห็นชายชราคนหนึ่งกับชายหนุ่มอีกคนก้าวเดินออกมาจากด้านหลังประตู ทั้งคู่คลี่ยิ้มทักทายชายชราหัวฟูที่เดินนําต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ จากนั้นก็หันมามองพวกต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อด้วยความสงสัย “ 2 คนนี้เป็นผู้ใดหรือ?”
“ทั้งคู่เป็นผู้คุมคนใหม่ของพวกเรา…นี่คือต้วนหลิงเทียน ส่วนแม่นางน้อยผู้นี้เป็นศิษย์คนที่ 3 จักรพรรดิอมตะไร้ใจ ฮ่วนเอ๋อ”
ชายชราที่นำต้วนหลิงเทียนมาคลี่ยิ้ม พลางผายมือกล่าวแนะนําต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อให้หนึ่งชราหนึ่งหนุ่มรู้จัก ก่อนจะผายมือไปทางพวกมัน ค่อยหันมากล่าวกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อว่า “ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ…ท่านนี้คือผู้อาวุโสหวัง เป็นผู้อาวุโสในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเรา สําหรับชายหนุ่มข้างๆก็เป็นศิษย์อัจฉริยะเหมือนพวกเจ้า และเป็นศิษย์คนที่ 2 ของจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก หูเอี้ย”
“ต้วนหลิงเทียน?”
พอได้ยินว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าคือต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะอาวุโสแซ่หวังหรือชายหนุ่มนามหูเอี้ย ความประหลาดใจก็ฉายชัดขึ้นมาบนหน้าทันที
เพราะชื่อ ต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ชื่อแปลกหูสําหรับพวกมันเลย
เมื่อ 3 ปีก่อนตอนหานอวิ๋นจิ่น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือรับคําท้าประลองเป็นตายรูปแบบไม่ตายไม่เลิกราของต้วนหลิงเทียน หลายคนก็รู้สึกว่าศิษย์อัจฉริยะหน้าใหม่นั้นทําอะไรเกินตัวไปแล้ว
อาวุโสหวังที่มีฐานะเป็นอาวุโสคนหนึ่งของคุกหมื่นพันธนาการ แน่นอนว่ารู้ตัวดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนที่มันจะตอแยล่วงเกินได้ เพราะศิษย์พี่หญิงใหญ่ของต้วนหลิงเทียนเป็นถึง 1 ใน 3 พัศดีของคุกหมื่นพันธนาการ จึงเงียบไม่พูดอะไร
“ต้วนหลิงเทียน สัญญาประลองเป็นตายระหว่างเจ้ากับหานอวิ๋นจิ่นสมควรใกล้ถึงกําหนดนัดหมายเร็วๆนี้แล้วมิใช่หรือ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสออกไปชมดู…พอดีข้าต้องเข้าเวรในคุกหมื่นพันธนาการ ขอให้เจ้าโชคดีเล่า”
ทว่าด้านหูเอี้ยคลี่ยิ้มบางๆกล่าวให้กําลังใจ เพียงแค่ลึกลงไปในแววตาของมันที่มองต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น กลับไม่อาจปกปิดความเย้ยเยาะเอาไว้ได้
“อย่างไรเสียข้าขอแนะนําเจ้าสักเรื่อง เป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจะไม่ขึ้นไปสู้กับหานอวิ๋นจิ่นบนสังเวียนอัจฉริยะ…เพราะต่อให้เจ้าไม่ไป ก็ไม่มีใครล้อเจ้าหรอก สุดท้ายอายุของเจ้าก็ยังไม่ถึงครึ่งอายุหานอวิ๋นจิ่นด้วยซ้ำ”
หูเอี้ยกล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของมันก็ฉายความเย้ยหยันออกมาอย่างไม่คิดจะปกปิดแล้ว
“ฮ่าๆๆ!”
ได้ยินคําพูดหูเอี้ย ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะไปเล็กน้อย ค่อยหัวเราะออกมาดังร่า
หูเอี้ยขมวดคิ้วโดยพลัน ด้วยไม่ทราบว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนหัวเราะบ้าอะไรขึ้นมา
“หูเอี้ย…”
ทันใดนั้นเอง ก็เป็นชายชราหัวฟูข้างต้วนหลิงเทียน อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าตกข่าวแล้วล่ะ…ช่วงเที่ยงวันนี้ต้วนหลิงเทียนได้ขึ้นประลองเป็นตายกับหานอวิ๋นจิ่นบนสังเวียนอัจฉริยะไปแล้ว…”
“อะไร!?”
ได้ยินคําของชายชราแซ่เซี่ย ลูกตาหูเอี้ยก็หดเล็กลงทันที “มันขึ้นสังเวียนอัจฉริยะไปสู้กับหานอวิ๋นจิ่นแล้ว? แล้วทําไม…ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีเข้ามาแทรกแซงรึ?”
ในสายตาของหูเอี้ย ต้วนหลิงเทียนที่ขึ้นไปเข่นฆ่ากับหานอวิ๋นจิ่นให้ตายกันไปข้างบนสังเวียนอัจฉริยะมาแล้ว แต่ยังมายืนหน้าสลอนแบบนี้ได้สิบในสิบไม่พ้นจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ที่เป็นอาจารย์ของอีกฝ่ายสมควรขึ้นไปแทรกแซงการประลองแน่! ทําให้หานอวิ๋นจิ่นไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนได้!!
ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะฆ่าหานอวิ๋นจิ่น ไม่เคยมีอยู่ในหัวของมันเลย
“หานอวิ๋นจิ่นตายแล้ว”
ชายชราส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ก่อนที่หานอวิ๋นจิ่นจะถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับก็ปรากฏตัวออกมาด้วยคิดหยุดต้วนหลิงเทียนไม่ให้ลงมือ”
“อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสําคัญ จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจ กลับนําพาท่านจ้าววังมาได้”
“เมื่อมีท่านจ้าววังกล่าวปรามไม่ให้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับหยุดต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นหานอวิ๋นจิ่นก็ไม่อาจรอดพ้นความตายภายใต้เงื้อมมือของต้วนหลิงเทียน”
ชายชรากล่าว “ด้านนอกปานนี้เรื่องราวคงแพร่ไปทั่วแล้ว…เจ้าออกไปเมื่อไหร่ก็คงได้รู้จากคนอื่นทันที”
สิ้นวาจาของชายชราแซ่เซี่ย ไม่เพียงแต่หูเอี้ย กระทั่งอาวุโสคุกหมื่นพันธนาการแซ่หวังข้างๆหูเอี้ย ก็ตกอกตกใจกันยกใหญ่ ต่างคนต่างอึ้งไปอยู่นานกว่าจะหาย
“อาวุโสเซี่ย พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกระตุ้นเตือน
“เอาล่ะ”
ชายชราได้ฟังก็ก้าวอาดๆเดินนําไปยังประตูอาคารเบื้องหน้า พร้อมกันนั้นมันก็เรียกป้ายที่ได้จากโถงกิจการภายในออกมา ก่อนจะเข้าไปด้านในพร้อมๆกัน 3 คน
ทันทีที่ผ่านประตูเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงเอะอะมะเพิ่งก่อนใดอื่น
เสียงเอะอะมะเพิ่งที่ว่านั้นฟังแล้วมีทั้งเสียงผู้ชายโอดครวญก่นดา ผู้หญิงกรีดร้องโวยวาย ไม่เว้นเสียงคํารามของสัตว์ร้าย..สรรพเสียงหลากสําเนียงคลุกเคล้ากันดังมาแต่ไกล พาลให้แก้วหูต้วนหลิงเทียนสะเทือนอยู่บ้าง
“เสียงร้องโอดครวญไม่เว้นเสียงคํารามนั่นดังมาจากสัตว์อมตะและผู้คนที่ไม่เต็มใจถูกจองจํา… อย่างไรเสียสัตว์อมตะและนักโทษเหล่านี้ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย”
เสียงชายชรากล่าวแนะนําดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงเข้าหน่อย ไม่มีใครร้องโอดครวญเช่นนี้หรอก”
ไม่นานชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนมาหยุดหน้าบันใดเวียนใหญ่โตแห่งหนึ่ง
บันไดเบื้องหน้ามีทั้งขึ้นไปด้านบนกับลงไปด้านล่าง
และเสียงเอะอะมะเทิ่งที่ว่าก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง
สําหรับด้านบนบันไดนั้นเงียบสงัดนัก
“ด้านล่างนั้นผู้คุมไม่จําเป็นต้องลงไปเดินลาดตระเวนแต่อย่างใด เพราะมีแต่พวกพลังอ่อนด้อย… แน่นอนว่าหากจะลงไปเดินลาดตระเวนก็ไม่มีปัญหา และหากพบเจอนักโทษกล้าตะโกนหนวกหูหรือก่นด่า ก็สามารถฆ่าทิ้งได้ทันที!”
“ที่ไฉนด้านล่างถึงได้โหวกเหวกโวยวายกันระงมแบบนี้ เพราะไม่มีผู้คุมอยู่…หากมีผู้คุมอยู่พวกมันก็ลูกแมวเชื่องๆดีๆนี่เอง”
ฟังจากคําพูดของชายชรา เห็นได้ชัดว่ามันดูแคลนนักโทษที่ถูกกักขังมาก
“ด้านบนมีทั้งสิ้น 3 ชั้น และเป็นพื้นที่สําคัญที่ต้องระวัง”
“แต่ละชั้น จะมีผู้คุมคู่หนึ่งคอยทําหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อย และกินเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน…หลังจากครบ 4 เดือนก็จะสลับไปชั้นอื่น และเมื่อครบ 4 เดือนอีกครั้งก็เปลี่ยนชั้นอีก รอบเป็นครั้งสุดท้าย”
“ตอนนี้พวกเรากําลังจะขึ้นไปยังชั้นแรก..ชั้นแรกนั้นจะกักขังศิษย์และอาวุโสของวังเทียนฉือเราเอาไว้ ทุกคนที่ถูกกักขังล้วนทําความผิดพลาดบางอย่าง”
ภายใต้การนําของชายชรา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เดินขึ้นมาถึงคุกขั้นแรกหลังขึ้นบันไดมา เป็นชั้นที่มีไว้คุมขังคนของวังเทียนฉือโดยเฉพาะ
ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออยากขึ้นไปชมดูชั้นบนใจจะขาดเพื่อพบหน้าบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้ชายชราสงสัยและพบพิรุธอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบร้อน และกล่าวถามออกไปราวกําลังมาทัศนศึกษา “อาวุโสเซี่ย ปกติแล้วนักโทษของวังเทียนฉือเราที่ถูกจับมาขังที่นี่ พวกมันทําความผิดอะไรกันมาหรือ?”
“ศิษย์และอาวุโสของวังเทียนฉือเรา หากถูกจับมายังที่นี่ ถ้าไม่เข่นฆ่าพวกเดียวกัน ก็สมคบคนนอกเพื่อขัดผลประโยชน์ของวังเทียนฉือ..อย่างแรกนั้นชัดเจนอยู่แล้ว แต่อย่างหลังนั้นมีหลายรูปแบบนัก อย่างเช่นอาวุโสตําหนักลองกระบี่บางคน ลอบรับคนเข้าวังทางประตูหลัง ยังมีอาวุโสตําหนักโอสถบางคนก็อาศัยตําแหน่งของตัวเองในการลักลอบนําโอสถอมตะไปขายราคาต่ำกว่าที่กําหนด เรื่องทํานองติดสนบนก็มีเยอะแยะมากมาย..หากไม่ถูกจับได้ก็แล้วไป แต่ถ้าถูกจับได้ก็ต้องมาลงเอยที่นี่เหมือนกันหมด”
หลังได้ยินชายชราร่ายยาวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบว่าไฉนเหล่าศิษย์และอาวุโสวังเทียนฉือเหล่านี้ถึงถูกจับขังเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งความผิดหนักหนาเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกจับขังนานขึ้น!
จุดนี้ก็คล้ายๆกับกฎหมายทั่วไปบนโลก
เพียงแค่กฏภายในวังเทียนฉือ ทางวังเทียนถือเป็นผู้กําหนด
“ตั้งแต่ชั้นที่ 2 ขึ้นไป จะมีคนนอกอยู่บ้าง แน่นอนว่าไม่มีใครที่ถูกขังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม อดีตศิษย์อัจฉริยะขุนเขากระบี่ฟ้าที่เจ้าเคยถามกับภรรยาของมันก็ถูกขังอยู่ชั้น 2 เช่นกัน”
ชายชราพาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเดินขึ้นบันไดไปต่อ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น