War sovereign Soaring The Heavens 3274-3275

 WSSTH ตอนที่ 3,274 : การประมือของเหล่าจักพรรดิอมตะสมญานาม!


 


 


วังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 คน


 


จักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคนของวังเทียนฉือนั้น ไม่ว่าใครล้วนมีอำนาจลิขิตความเป็นตายของผู้อื่น…


 


ต้วนหลิงเทียน ถึงจะเป็นศิษย์ในประตูของ ฉือหล่าง จักรพรรดิอมตะทุ่งขจี อย่างไรก็ตามเขายังเป็นแค่ศิษย์ใหม่เท่านั้น ในสายตาของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง ต้วนหลิงเทียนอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายสำหรับฉือหล่าง เช่นนั้นมันจะล้างแค้นให้หลิวเจี้ยนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร


 


“ฝีมือไม่สู้ผู้อื่น?”


 


ท่ามกลางสายตาทุกคู่ กู้ฉางเจียงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวคำด้วยน้ำเสียงชืดชาอย่างยิ่ง


 


ขณะเดียวกันมันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันก็แค่ศิษย์ใหม่ของฉือหล่าง ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าทิ้งสักคน มันก็ไม่สนใจจะหาความจากข้าหรอก”


 


“ตอนนี้ข้ามี 2 ทางให้เจ้าเลือกเดิน…หนึ่งถูกข้าฆ่าทิ้งมันตรงนี้ ส่วนทางที่สองคือออกจากด่านของฉือหล่างแล้วมาอยู่กับข้าเสีย!”


 


“หากเจ้าเข้ามาแทนที่หลิวเจี้ยน ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ข้ายังจะจัดหาทรัพยากรบ่มเพาะให้เจ้ามากกว่าที่หลิวเจี้ยนเคยได้รับในอดีต!”


 


ผิวเผินนั้น เจตนาฆ่าฟันของกู้ฉางเจี้ยนช่างน่าเกรงขามนัก แต่ขณะเดียวกันมันก็ลอบส่งเสียงผ่านพลังหมายขุดกำแพงฉือหล่าง ดึงตัวต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมกับมันแทน


 


ได้ยินคำของกู้ฉางเจียง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


 


“เจ้าหัวเราะอะไร!?”


 


สีหน้ากู้ฉางเจียงมืดลงทันที


 


“จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้อย่างไร…หากข้าละทิ้งด่านของครูฉือหล่างไปอยู่กับท่าน…ผู้ใดจะไปรู้ว่าท่านจะฆ่าข้าก่อนที่จะได้เข้าร่วมด่านของท่านหรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าตาย แต่เกรงว่าครูฉือหล่างก็คงไม่คิดปกป้องข้าด้วยซ้ำ”


 


“ไม่ว่าข้าจะเลือกให้ท่านฆ่าข้าลงตรงนี้ หรือออกจากด่านครูฉือหล่างไปเข้ากับท่าน ก็มีแต่ตายกับตาย…ท่านนับว่าดีดลูกคิดรางแก้วมาดีจริงๆ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


“เหอะ! ข้ากู้ฉางเจียงพูดคำไหนย่อมเป็นคำนั้น! ในเมื่อข้าบอกว่าหากเจ้าเปลี่ยนมาเข้าด่านข้าแล้วจะไว้ชีวิตเจ้า ข้าก็จะไม่ฆ่า…บัดซบ! ไอ้หนู…เจ้ากล้าเล่นไม้นี้กับข้า!!”


 


กู้ฉางเจี้ยงที่กล่าวไปได้ไม่กี่คำก็ตระหนักว่าหลงกลต้วนหลิงเทียนเข้าแล้ว สีหน้ามันเปลี่ยนไปใหญ่หลวงโพล่งคำออกมาด้วยน้ำโห เพราะนอกจากคำ ‘จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้อย่างไร’ ที่ต้วนหลิงเทียนพูดด้วยการส่งเสียงผ่านพลังแล้ว ประโยคถัดมาเขากลับพูดออกเสียงตามปกติ!


 


กู้ฉางเจียงจึงถูกต้วนหลิงเทียนทำให้คล้อยตามจนพูดออกเสียงตามปกติโดยไม่รู้ตัว! เสมือนท่านจ้องหน้ามองตาผู้อื่นอยู่ หากผู้อื่นหันไปมองทางหนึ่ง ท่านก็จะเผลอหันไปมองทางนั้นตาม!!


 


และในขณะที่หน้ากู้ฉางเจียงเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง สายตาที่เหล่าศิษย์วังเทียนฉือโดยรอบไม่เว้นผู้อาวุโสตำหนักลองกระบี่ใช้มองกู้ฉางเจียน ก็กลายเป็นแปลกๆทันที


 


จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง หลังจากที่ศิษย์ของมันถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในการประลองเป็นตายตามกฏ กลับนำความตายมาข่มขู่ต้วนหลิงเทียน! หมายบีบคั้นให้ทรยศครูบาอาจารย์คนก่อน มาเข้าร่วมกับตัวเองแทน?!


 


“สารเลวน้อย! เจ้ามันแส่หาที่ตาย!!”


 


กู้ฉางเจียงย่อมรู้ดี ว่าหากเรื่องราววันนี้แพร่งพรายออกไป มันต้องถูกทั้งวังเทียนฉือสาดเสียเทเสียแน่นอน อารามโมโห จึงคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งทันที!


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันของกู้ฉางเจียง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงเล็กน้อย ลอบครุ่นคิดในใจอย่างนิ่งสงบ ‘ตอนนี้…ครูฉือหล่างสมควรมาใกล้ถึงแล้วกระมัง’


 


เพราะตั้งแต่ที่เขาสัมผัสได้ถึงการมาของกู้ฉางเจียง  ต้วนหลิงเทียนก็เร่งส่งข้อความไปหาฉือหล่างแต่แรก ยังเร็วกว่าหงเฟยเสียอีก!


 


และฉือหล่างก็ตอบกลับมาว่าจะรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด


 


ฟั่ฟฟฟฟ!


 


แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดเสร็จ กู้ฉางเจียงที่กำลังจะลงมือ ก็ปรากฏเสียงกระบี่แหวกฟ้าหนึ่งดังก้องมาแต่ไกลเสียก่อน!


 


ทันใดนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน ปรากฏแสงกระบี่สีฟ้าแหวกอากาศมาด้วยความเร็วอัศจรรย์ ในที่สุดก็มาหยุดลงไม่ห่างต้วนหลิงเทียน แสงพลังจางหายเผยให้เห็นเป็นร่างๆหนึ่ง


 


ไม่ใชใครที่ไหน ครูของต้วนหลิงเทียน จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง!


 


“กู้ฉางเจียง คิดร้ายกับศิษย์ข้าเช่นนี้ หรือเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้วจริงๆ?”


 


หลังจากที่ฉือหล่างปรากฏตัว สองตาเฉยเมยก็มองถามกู้ฉางเจียงเสียงเย็น


 


ฟังจากน้ำเสียงเย็นยะเยือก ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกเสมือนตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง ก็บอกให้รู้ว่าฉือหล่างกำลังมีโมโหขนาดไหน!


 


ทันใดนั้นเอง ทั่วร่างฉือหล่างก็เริ่มปรากฏกลิ่นอายพลังแหลมคมปานกระบี่น่ากลัวแผ่ซ่านออกมากดดันในบรรยากาศ ราวกับขอแค่กู้ฉางเจียงตอบไม่เข้าหูสักคำ มันก็พร้อมชักกระบี่ออกมาสนทนาแทนทันที


 


เรียกว่าบรรยากาศระหว่างจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 คลุ้งกลิ่นดินปืนขึ้นมาทันตาเห็น!


 


ฉากเรื่องราวดังกล่าว ย่อมทำให้เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูอยู่โดยรอบตาลุกวาวทันที จากนั้นก็เร่งส่งข้อความติดต่อไปหาสหายให้เร่งรุดมาเร็วไว เผื่อจะทันได้ชมดูความหนุกหนาน!


 


“ฉือหล่าง ศิษย์ของเจ้าผู้นี้…พบเห็นข้าแล้วแต่กลับถือดี ไร้ซึ่งสัมมาคารวะ! ข้าจึงอยากสั่งสอนบทเรียนให้มันรู้ ว่าวันหลังหากพบเจอผู้หลักผู้ใหญ่ต้องทำเช่นไร…”


 


เห็นฉือหล่างปรากฏตัวแบบนี้ กู้ฉางเจียงก็รู้ดีว่าไม่อาจลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้อีก


 


เพราะตอนนี้ต่อให้มันยังคิดจะลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียน แต่น่ากลัวจะยังไม่ทันได้แตะชายเสื้อต้วนหลิงเทียน มันก็อาจจะโดนฉือหล่างเล่นงานเสียก่อน! เพราะไม่อาจปฏิเสธได้เลย…ว่าพลังฝีมือของฉือหล่างเหนือกว่ามันหลายส่วน!!


 


ฟุ่บบบ!!


 


ทันใดนั้นเองเสีงแหวกอากาศฉับไวพลันดังขึ้นอีกสำเนียง เป็นสตรีชรานางหนึ่งที่วูบร่างมาด้วยความเร็วสูงล้ำ จ้าวตำหนักลองกระบี่ จักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง!


 


“กู้ฉางเจียง เดี๋ยวนี้เจ้าเก่งกล้าสามารถมากนักหรือ…กระทั่งกล้าลงมือทำร้ายคนของตำหนักลองกระบี่ข้ามหัวข้าแล้ว!?”


 


หลังจากเหลยอิงปรากฏกาย นางก็มองงจ้องกู้ฉางเจียงตาเขม็ง จี้ถามออกมาเสียงต่ำ


 


“ท่านจ้าวตำหนักเหลยอิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว”


 


เมื่อเห็นเหลยอิงมาถึงก็เข้าข้างฉือหล่างและมองจ้องมาที่มันตาขวาง สีหน้ากู้ฉางเจียงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง รีบคลี่ยิ้มแหยๆกล่าวแก้ตัวออกมาทันที


 


ตอนนี้มันงุนงใหญ่แล้ว ว่าไฉนสองคนนี้ถึงมารวมหัวกันได้!


 


หากมีแค่คนใดคนหนึ่ง ต่อให้พลังฝีมืออีกฝ่ายจะล้วนเหนือกว่ามันทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้กลัวอะไรมากมาย อย่างดีก็แค่หวั่นๆ


 


แต่เมื่อทั้งสองรวมหัวกัน มันไม่อาจไม่กลัว!


 


“เข้าใจผิด? เช่นนั้นอาวุโสตำหนนักลองกระบี่คนนี้ของข้าว่างจนทำร้ายตัวเองหรือไร? ยังเข้าใจผิดบัดซบอะไรอีก!?”


 


สายตาเหลยยิ่งมายิ่งเย็นชาลงทุกขณะ


 


และในขณะเดียวกับที่กู้ฉางเจียงสัมผัสได้ถึงโทสะของเหลยอิง ด้านฉือหล่างก็ลอบส่งเสียงผ่านพลังไปหาเหลยอิงทันที “เหลยอิง วันนี้พวกเรามาร่วมมือกัน ทุบตีตัวบัดซบกู้ฉางเจียงให้หน้ายับสักคราดีหรือไม่? จักได้ลดทอนความกร่างของมันลงบ้าง!”


 


“ประเสริฐ!”


 


เหลยอิงเห็นด้วยทันที


 


ทันใดนั้น ประหนึ่งนัดกันมาตั้งแต่เมื่อวาน ร่างทั้ง 2 ระเบิดพลังกล้าแข็ง! คนโจนทะยานออกไปปานลำแสง 2 สายแยกย้ายกันไปหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ขนาบกู้ฉางเจียงในพริบตา!!


 


“จ้าวสวรรค์ช่วย…”


 


“นี่ใต้เท้าเหลยอิงกับใต้เท้าฉือหล่าง คิดลงมือกับใต้เท้ากู้ฉางเจียงพร้อมๆกันเลยหรือ?!”


 


“มารดาเราช่วย!  3 จักรพรรดิอมตะสมญานามกำลังจะปะทะกันเรอะ!?”


 



 


เมื่อเห็นฉือหล่างกับเหลยอิงโจนทะยานแยกซ้ายขวาไปขนาบกู้ฉางเจียง จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดรวมถึงพลังความลึกซึ้งอันน่าพรั่นพรึงของทั้งคู่ เหล่าศิษย์วังเทียนฉือรู้ได้ทันทีว่าฉือหล่างกับเหลยอิงคิดเล่นงานกู้ฉางเจียงแล้ว!


 


ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ของวังเทียนฉือ ได้มารวมตัวกันที่นี่ถึง 3 คน


 


และ 2 คนในนั้นกำลังจะกลุ้มรุมอีกคน!


 


ยิ่งไปกว่านั้นนบรรดา 2 คนที่กำลังจะกลุ้มรุมอีกคน ไม่ว่าใครก็ล้วนแข็งแกร่งว่าอีกคนทั้งนั้น…เช่นนั้นผลการกลุ้มรุมเป็นเช่นไรก็พอจะคาดเดากันได้ออก!


 


“เฮ่พวกเจ้า! สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง!?”


 


“หืม? ดูนั่นเร็ว! นั่นมิใช่จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจของวังเทียนฉือเรารึไร? นอกจากนั้นอีกคนนั่นคือ…จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊!?”


 



 


ศิษย์ของวังเทียนฉือที่พึ่งมาถึงหลายคน พอเห็นจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 กำลังขนาบจักรพรรดิอมตะอีกคนอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจนัก


 


“เหอะๆ…พวกเจ้าช่างมาได้จังหวะเหมาะเจาะจริง! อย่างที่เห็น…ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 กำลังจะกลุ้มรุมใต้เท้าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊! ข้าเองก็กำลังรอชมดูอยู่ว่าใต้เท้าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊จะทนได้อีกกี่ท่า!!”


 


ศิษย์วังเทียนฉือที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก กล่าวกับผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน


 


ทันใดนั้นสองตาของเหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่พึ่งมาถึง ก็เปล่งประกายวิบวับทันที


 


เรื่องราวที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ไม่วาจะต้วนหลิงเทียนก็ดี อาวุโสตำหนักลองกระบี่ก็ดี ล้วนอึ้งไปอยู่บ้าง เพราะคิดไม่ถึงจริงๆว่าฉือหล่างกับเหลยอิงจะคิดลงมือกลุ้มรุมกู้ฉางเจียง! โดยเฉพาะอาวุโสตำหนักลองกระบี่ สายตาที่มองเหลยอิงยังฉายชัดถึงความเคารพที่เพิ่มพูนขึ้นหลายส่วน!!


 


“ฉือหล่าง เหลยอิง! นี่พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?”


 


เมื่อเห็นว่าฉือหล่างกับเหลยอิงดูเหมือนจะร่วมมือกันเล่นงานมัน สีหน้ากู้ฉางเจียงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เพราะสถานการณ์ของมันตอนนี้ ประหนึ่ง ‘ไล่เป็ดขึ้นคอน’ แท้ๆ แต่ต่อให้มันไม่เต็มใจแค่ไหน ก็จำต้องสู้ป้องกันตัว!


(ไล่เป็ดขึ้นคอน = ถูกบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ความสามารถไม่ถึง/ ให้เป็ดตีปีกพั่บๆ บินขึ้นไปบนคอนเหมือนไก่มันทำไม่ไหว)


 


ซู่มมม!!


 


ทันใดนั้นทั่วร่างของเหลยอิงพลันปรากฏพลังพวยพุ่งออกมาดั่งน้ำหลาก ทว่าไอพลังของนางกลับมิใช่ปรากฏในรูปลักษณ์เพลิงไฟตามปกติ แต่เกาะกลุ่มวนเวียนรอบกายนางประหนึ่งมังกรตัวเขื่อง!


 


และมังกรพลังของนางยังเต็มไปด้วยประกายอัสนีสีม่วงแลบลั่นแปลบปลาบ! เสียงพลังยังดังจิ๊กๆๆๆ ไม่หยุดประหนึ่งปักษานับพันร่ำร้อง…เป็นพลังสายฟ้าที่มีพลานุภาพสะท้านฟ้าดินนัก!!


 


เพียงดูก็รู้ว่าเหลยอิงเชี่ยวชาญกฏสายฟ้า


 


‘กฏสายฟ้านี่มัน…’


 


เมื่อเห็นการปลดปล่อยพลังของเหลยอิง ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน เพราะเขาสัมผัสได้จากกลิ่นอายพลังของเหลยอิงว่า นางได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมดแล้ว!


 


และที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือการควบคุมพลังของเหลยอิงนั่น แม้แลแล้วไม่ได้ยากเย็นอะไรจนผิวเผินคล้ายสร้างลักษณ์พลังทั่วไป แต่เขามองออกว่ามังกรพลังสายฟ้านั่นของนางได้ซุกซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้!!


 


‘ความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าแต่ละประการนั่นที่นางใช้ออกมา ดูเหมือนจะผสานหลอมรวมเข้ากันโดยสมบูรณ์! ผลลัพธ์เช่นนี้ หาได้ง่ายดายดั่งเช่นหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองไม่!!’


 


ต้วนหลิงเทียนได้ตระหนักถึงความไม่ธรรมดาดังกล่าวของลักษณ์พลังมังกรสายฟ้านั่นของเหลยอิงทันที


 


นับว่าการลงมือของจักรพรรดิอมตะนั้น ไม่ธรรมดานัก!


 


วู้ม! แก่ก! แก่ก! แก่ก! เปรี๊ยะ!!


 



 


ต่างจากความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดของเหลยอิง เมื่อฉือหล่างปลดปล่อยพลังออกมา พริบตารอบกายก็ปรากฏแสงกระบี่ขึ้นนับร้อยพันห้อมล้อม จากนั้นพอฉือหล่างเอื้อมมือออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน อยู่ๆแสงกระบี่นับร้อยพันโดยรอบก็ระเบิดไอเย็นยะเยือกออกมา! พาลให้ศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบรู้สึกเหนน็บหนาวจนร่างสะท้านอยู่บ้าง!!


 


ฉือหล่างนั้นเชี่ยวชาญกฏน้ำแข็ง ยามลงมืออาณาบริเวณนับพันลี้จะถูกปกคลุมไปด้วยแสงกระบี่เยือกแข็งทันที!!


 


“ฉือหล่าง เหลยอิง อย่าให้มันมากเกินไปนัก!!”


 


เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 สีหน้าท่าทีกู้ฉางเจียงเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันเร่งตะโกนออกมาเสียงหลง ปลดปล่อยพลังของตัวออกมาหมายต้านทานพลังสภาวะของทั้งคู่ทันที


 


“มากเกินไป?”


 


ฉือหลางแค่นยิ้มเย้ยหยัน


 


ครู่ต่อมา ฉือหล่างพลันโจมตีออกไปส่งๆคราหนึ่ง กระบี่เยือกแข็งนับร้อยเล่มพุ่งทะยานแหวกฟ้าฉับไว ทิ้งอากาศที่จับตัวแข็งไว้เบื้องหลังเป็นทาง แช่แข็งพลังที่กู้ฉางเจียงปลดปล่อยยออกมาได้ชะงัด!


 


เรียกว่าพลังที่กู้ฉางเจี้ยงปลดปล่อยออกมาหมายเร่งเร้าพลังสภาวะต้านทานไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ ได้ถูกฉือหล่างทำลายจนหมดสิ้น กระทั่งไอพลังของมัน ยังถูกกระบี่เยือกแข็งของฉือหล่างแช่แข็งได้!!


 


เรียกว่าแค่การเผชิญหน้ากันเล็กน้อย ก็บอกให้รู้ว่าพลังของฉือหล่างนั้นแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าพลังของกู้ฉางเจียงเพียงใด เรียกว่าครอบงำโดยสมบูรณ์! หากฉือหล่างไม่เลิกราวันนี้มันอย่าหวังจะได้เร่งเร้าพลังต้านทานอะไรได้!!


 


ทว่าการลงมือเมื่อครู่ของฉือหล่างก็แค่การลงมือส่งๆไม่จริงจัง ดั่งอาหารเรียกน้ำย่อย งมือเสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรสืบต่อ


 


ทว่าในขณะที่ฉือหล่างยังไม่ได้ลงมือสืบต่อ เหลยอิงพลันลงมือซ้ำออกมาเสียอย่งนั้น เป็นมังกรสายฟ้าที่ม้วนวนรอบกายนาง อยู่ๆก็โจนทะยานจี้ตรงเข้าใส่กู้ฉางเจียงที่พึ่งถูกฉือหล่างสลายพลังสภาวะ!


 


ทันใดนั้นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเหลยอิงงแปรเปลี่ยนไปในบัดดล ความว่างเปล่าคล้ายจะอุดมไปด้วยสายฟ้า มังกรสายฟ้าของเหลยอิงพุ่งผ่านไปที่ใด ปรากฏอัสนีสีม่วงฟาดผ่าเปรี๊ยงปร๊างระรัว ประหนึ่งความพิโรธของเทพสายฟ้า!!


 


เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าวสีหน้ากู้ฉางเจียงเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มันรีบเร่งเร้าพลังออกมาห้วงเร็วไว จากนั้นก็ควบรวมใช้พลังทั้งหมดสร้างม่านพลังคลุมกายไว้ก่อนใดอื่น!


 


ขณะเดียวกันยังปรากฏเร่างขุดเกราะผุดโผล่ออกมาคลุมกายของมันอีกด้วย


 


เรียกว่าตอนนี้เสมือนกู้ฉางเจียงเป็นเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง หมายอาศัยกระดองแกร่งต้านทานมรสุมด้านนอก!!


 


เปรี๊ยงงง!!


 


เปรี๊ยงงงง! ตูมม!!!


 



 


อย่างไรก็ตามมังกรสายฟ้าของเหลยอิงเพียงพุ่งเข้าใส่มันโต้งๆ จากนั้นห่าอัสนีก็ระเบิดฟาดผ่าระรัว กระหน่ำทำลายม่านพลังกู้ฉางเจียงปานมรสุมสายฟ้าคลั่ง! จนสุดท้ายเมื่อมังกรสายฟ้าพร่องพลังไปราวๆ 5-6 ส่วน ปราการป้องกันทั้งหมดของกู้ฉางเจียงก็พังทลายลง!!


 


ปงงงง!!


 


หลังฝ่าปราการป้องกันของกูฉางเจียงมาแล้ว มังกรสายฟ้าก็พุ่งซัดเข้าร่างมันอย่างจัง! จนคนปลิวละลิ่วไปปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!!


 


จนเมื่อกู้ฉางเจียงหยุดร่างลงกลางหาวได้อีกครั้ง เนื้อตัวมันก็แลดูยักแย่ยักยันเต็มที เสื้อผ้าไหม้เกรียมชุ่มโชกไปด้วยเลือด! กล่าวได้ว่าแม้จะไม่มีบาดแผลใดร้ายแรง แต่ทั้งร่างมันก็ไม่มีตรงไหนไม่บาดเจ็บ!!


WSSTH ตอนที่ 3,275 : ฝานฉี


 


 


พลังที่กู้ฉางเจียงเร้งเร้าขึ้นมาเตรียมลงมือ ถูกฉือหล่างใช้แสงกระบี่เยือกแข็งทำลายสลายสิ้น


 


จากนั้นเหลยอิงก็ลงมือตามติด ทำให้กู้ฉางเจียงรีบเร่งเร้าพลังห้วงใหม่สร้างปราการป้องกันเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่วายถูกทำลายลง ทั้งโดนซัดจนปลิวไปสภาพอนาถ!


 


เรื่องราวทั้งหมดที่ว่ามา มันเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเดียว


 


กว่าที่ศิษย์วังเทียนฉือจะได้ตอบสนองเรื่องราวอะไร กู้ฉางเจียงก็ตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมแล้ว ไม่เพียงเลือดไหลย้อยเต็มมุมปาก เนื้อตัวยังเต็มไปด้วยบาดแผลยิบย่อย ชุดขาดวิ่นปานขอทานลุยผ่านสมรภูมิรบ…


 


“ใต้เท้ากู้บาดเจ็บมิน้อยเชียว!”


 


“ให้ตายเถอะ แค่การลงมือเปิดฉากคนละครั้ง กลับทำให้ใต้เท้ากู้ตกอยู่ในสภาพนั้นได้ ใต้เท้าฉือกับใต้เท้าเหลยจะร้ายกาจเกินไปแล้ว!”


 


“อันที่จริงผลจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลก ทุกคนรู้แต่แรกว่าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียงคนนี้ ให้สู้กันตัวต่อตัวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง หรือจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างเลย…ยังจะนับประสาอะไรกับถูกทั้ง 2 กลุ้มรุม?”


 


“ยังเป็นเพราะทั้งสองไว้ไมตรีแล้วด้วย…หาไม่แล้วด้วยพลังฝีมือทั้งคู่ เกรงว่าคงฆ่าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ได้ง่ายๆ”


 


“ไม่ยั้งมือได้หรือไร…สุดท้ายจะอย่างไรจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ก็เป็นคนของวังเทียนฉือดุจเดียวกัน เข่นฆ่ากันเองใยมิใช่ลดทอนความเข้มแข็งตัว? ผู้ใดจะกล้าลงมือเกินเลย…”


 



 


ในขณะที่ศิษย์วังเทียนฉือหลายคนได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน หลายคนก็เริ่มหันไปกล่าวพาดพิงถึงต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “พูดถึงเรื่องลงมือเกินเลย…ก็แค่การประลองท้าชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะไม่ใช่หรือไร? ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ลงมือเกินเลยถึงขั้นเข่นฆ่าศิษย์ของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ด้วยเล่า! จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ไม่โมโหได้หรือ?”


 


“นี่เจ้า…คงพึ่งมาถึงกระมัง?”


 


“ก็ใช่ แต่เจ้ารู้ได้ไง?”


 


“ถ้าเจ้าไม่ได้พึ่งมา ก็ไม่พ้นต้องงได้เห็นการประลองระหว่างหลิวเจี้ยนกับต้วนหลิงเทียนแล้วน่ะสิ! จากนั้นเจ้าก็คงรู้ว่าเป็นหลิวเจี้ยนที่บังเกิดจิตคิดฆ่าคนก่อน ต้วนหลิงเทียนก็เพียงตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น! ถ้าหากเป็นเจ้าจะทำอย่างไร เล่า…มีคนคิดฆ่าเจ้าแต่เจ้าจะยิ้มน่าระรื่นไม่คิดฆ่ามันกลับหรือ?”


 


“จริงๆ พูดได้ว่าที่หลิวเจี้ยนตกตาย มันได้แต่โทษตัวเองคนเดียว…และข้าคิดว่ากระทั่งจวบจนตายตก มันก็คงคิดไม่ถึงว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฆ่ามันได้”


 



 


พอได้รับทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้ว เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่พึ่งมาทีหลัง ก็ได้แต่ชมมองจักรพรรดิอมตะมังกรบูณด้วยสายตาระอา…


 


ที่แท้เป็นศิษย์จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊อยากเข่นฆ่าผู้อื่นเขาก่อน สุดท้ายเลยโดนต้วนหลิงเทียนฆ่าแทน!


 


ครั้งนี้ หลิวเจี้ยน ศิษย์จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ถือว่าผิดเต็มประตู!


 


แต่กู้ฉางเจียงยังคิดมาล้างแค้นให้หลิวเจี้ยน?


 


“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเรา จะมีคนเช่นนี้อยู่ด้วย…นี่มันจะไม่หน้าด้านทั้งไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือไร?”


 


“เหอะๆ ในเมื่อมันหน้าด้านทั้งไร้ยางอายเช่นนี้ จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจจะร่วมมือกันทุบตีสั่งสอนมันก็ไม่นับว่าแปลก! หากไม่ทำตัวไม่เห็นหัวผู้อื่นเขาก่อน ไหนเลยผู้อื่นจะร่วมมือกันทุบตี?”


 


“น่าขายหน้านัก! ข้าฟังแล้วยังรู้สึกขายขี้หน้าแทน! หากเรื่องในวันนี้แพร่ไปด้านนอก วังเทียนฉือเราไม่ขายขี้หน้าผู้คนทั้งอู๋หยาเทียนแล้วหรือไร?”


 


“ธรรมดา ถึงตอนนั้นไม่พ้นผู้คนในขุมกำลังระดับสวรรค์อื่นๆ คงต้องเอาไปพูดกันสนุกปาก ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเรา เป็นพวกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้ท้ายคนผิดคิดร้ายคนถูก!”


 



 


ถึงแม้เสียงซุบซิบคุยกันของเหล่าศิษย์วังเทียนฉือจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่จะรอดพ้นโสตประสาทรับฟังของกู้ฉางเจียงไปได้อย่างไร?


 


จังหวะนี้สีหน้ากู้ฉางเจียงจึงเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก!


 


ถึงขั้นมีโมโหจนแทบกระอักเลือด!


 


“ฉือหล่าง เหลยอิง ข้ากู้ฉางเจียงจักจำเรื่องในวันนี้ไว้ไม่มีลืม!!”


 


หลังมองจ้องฉือหล่างกับเหลยอิงตาขวางกล่าวทิ้งท้ายรอบหนึ่ง กู้ฉางเจียงก็จากไปทันที คนทั้งคนหายไปในอากาศธาตุ


 


แน่นอนว่าไม่ได้หายไปในอากาศธาตุจริงๆ ก็แค่ความเร็วที่มันใช้สูงเกินกว่าที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายจะมองตามได้ทัน


 


เห็นฉากนี้ด้านฉือหล่างกับเหยอิงก็ไม่ได้ไล่ตามอะไร เพราะสำหรับทั้งคู่ เพียงเท่านี้ก็มากพอจะสั่งสอนกู้ฉางเจียงให้ได้รับบทเรียนดีงามแล้ว เรื่องคิดจะเล่นงานกู้ฉางเจียงถึงตาย ทั้งคู่ไม่อาจกระทำ


 


ท้ายที่สุดแล้วกู้ฉางเจียงก็เป็น 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ถือว่าเป็นเสาหลักคนหนึ่ง


 



 


และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็แพร่กระจายไปทั่ววังเทียนฉือเร็วไวไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง!


 


อีกทั้งหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ หลายคนในวังเทียนฉือก็ตระหนักได้ว่า จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างนั้น…ดูแลศิษย์ภายใต้ปีกของตัวอย่างดี! กระทั่งไม่ลังเลจะทุบตีทำร้ายจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่น!!


 


สำหรับจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงนั้น มีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งพูดกันว่าที่เหลยอิงลงมือเพราะเห็นแก่ผู้อาวุโสตำหนักลองกระบี่ที่ถูกทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม แต่อีกฝ่ายบอกว่านางทำเพื่อศิษย์คนใหม่ของนาง


 


ทุกคนจึงได้รู้อีกว่าแม้ศิษย์คนใหม่ของจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง จะไม่ได้ถูกจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง ทำร้ายแต่อย่างใด ทว่าผู้ที่ถูกทำร้ายคือชายคนรักของศิษย์คนใหม่ที่ว่า!


 


แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร คราวนี้ฮ่วนเอ๋อ กับต้วนหลิงเทียนก็นับว่ามีชื่อเสียงขึ้นมาทันที


 


โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียน


 


อายุไม่ถึง 300 ปี แต่กลับเอาชนะศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 600-700 ปีได้ ถึงแม้ศิษย์อัจฉริยะที่ว่าจะมีอันดับท้ายๆ แต่สิ่งนี้ก็มากพอจะทำให้หลายๆคนตกอกตกใจกันแล้ว


 


เพราะสุดท้าย อายุของทั้งคู่ก็ห่างกันมากกว่า 300 ปี!


 


“ศิษย์น้องเล็กอ่า…เจ้าพึ่งเข้าร่วมวังเทียนฉือเราไม่ทันไร แต่ชื่อเสียงของเจ้าแทบไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองแล้ว!”


 


หงเฟยนั้น ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าอริเก่าอย่างหลิวเจี้ยนไป มันก็ขยันมาหาต้วนหลิงเทียนไม่ขาด


 


แน่นอนว่าที่มันมาหาได้ สืบเนื่องมาจาก มันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะอะไร


 


เพราะก่อนที่มันจะมา มันได้ส่งข้อความมาถามต้วนหลิงเทียนแล้วว่าสะดวกหรือไม่


 


สาเหตุที่ไฉนช่วงนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปิดด่านฝึกฝน ก็เพราะเขายังไม่ได้ลืมวัตถุประสงค์ในการมาวังเทียนฉือ มองหาเบาะแสบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อ!


 


อย่างไรก็ตาม หลังจากลองไปสืบหามาตลอดเดือน เขากลับไม่ได้เบาะแสอะไรเลย


 


“ชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองแล้วอย่างไร…พลังฝีมือข้านังห่างไกลจากทั้งคู่อีกไกล”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเฉยๆพลางส่ายหัวไปมา


 


ในบรรดาศิษย์สาวกของฉือหล่างนั้น ศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองนับว่ามีพลังฝีมือสูงสูดเป็นอันดับ 1 และ 2 สำหรับคนอื่นๆนั้น เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นหูเหมยศิษย์พี่หญิง 3 หากเขาใช้พลังของธาตุทั้ง 5 ก็น่าจะเอาชนะนางได้


 


“โอยศิษย์น้องเล็ก…เจ้านี่มันสัตว์ประหลาดตัวจริง! นี่เจ้าถึงกับกล้าเอาตัวไปเทียบกับศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองเชียวหรือ เจ้าจะไม่ดุดันเกินไปหน่อยรึไร! หรือเจ้าไม่ดูบ้างว่าตัวเจ้าพึ่งจะอายุเท่าไหร่เชียว?”


 


หงเฟยส่ายหัวไปมา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หงเฟยกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นยืนทันที


 


“หือ? มีอะไรหรือ?”


 


พอเห็นอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ลุกพรวดขึ้นมา หงเฟยก็ลุกตามขึ้นมาพลางถามออกไปด้วสงสัยทันที


 


อยู่ๆศิษย์น้องเล็กของมันก็ลุกขึ้นยืน เห็นได้ชัดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่


 


“ข้าพึ่งจะได้รับข้อความจากตำหนักลองกระบี่น่ะ…ศิษย์อัจอัจริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปีได้กำหนดเวลามาแล้ว”


 


“มันให้ข้าไปสู้กับมันที่สังเวียนอัจฉริยะ บ่ายวันนี้เลย”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


“บ่ายวันนี้เหรอ?”


 


ได้ยินดังนั้น หงเฟยก็แหงนหน้าขึ้นไปมองฟ้าก่อนใดอื่น “เอ่อ นี่มันก็จะเที่ยงแล้วนี่นา…แบบนี้เจ้าไปรอที่สังเวียนเลยก็ดี”


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ข้าจะไปบอกฮ่วนเอ๋อก่อน ศิษย์พี่ 6 ท่านจะกลับไปก่อน…หรือจะรอไปสังเวียนพร้อมข้ากับฮ่วนเอ๋อ?”


 


“เดี๋ยวข้าตามไปทีหลังดีกว่า”


 


หลังจากนั้นหงเฟยก็จากไปทันที และหลังจากมันจากไปไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับข้อความจากหงเฟย


 


“ฝานฉี…จอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบ แต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้วถึง 7 ประการ…นอกจากนั้นมันยังไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นพฤกษาอมตะจำแลงกายมา…หากกลับคืนร่างเดิมก็จะมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้น”


 


ทั้งหมดคือ เนื้อหาในข้อความที่หงเฟยส่งมาให้


 


จากข้อความนั้น เป็นข้อมูลของคู่ต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะประลองด้วยตอนบ่าย


 


“ไม่ใช่มนุษย์?”


 


หลังได้รับทราบข้อมูลที่หงเฟยส่งมาให้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็แค่ประหลาดใจแค่เรื่องเดียวเท่านั้น


 


เทียบกับเรื่องที่คู่ต่อสู้เขาเป็นต้นไม้อมตะจำแลงกายมาแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากกว่าก็คืออีกฝ่ายสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมบรรลุขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ถึง 7 ประการแล้วต่างหาก! เพราะนี่ไม่ใช่อะไรที่คนอายุ 200 กว่าปีจะทำได้ง่ายๆ!!


 


“ฮ่วนเอ๋อ”


 


ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฮ่วนเอ๋อก็ไม่ได้บ่มเพาะพลังอะไรเช่นกัน แต่นางเลือกจะนอนหลับเพื่อใช้ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อทำความเข้าใจกฏมิติแทน


 


ความเข้าใจในกฏมิติของฮ่วนเอ๋อนั้น เทียบต้วนหลิงเทียนไม่ได้เลย เพราะนางยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด


 


กลับกันต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งหมดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่มา 10 กว่าปีแล้ว


 


ถึงตอนนี้แม้เขาจะใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด เพื่อทำความเข้าใจกฏต่อ แต่เขารู้สึกว่าผลลัพธ์มันกลับผิดจากที่คาดหวัง เพราะมันมีความคืบหน้าช้ามาก


 


ความลึกซึ้งของกฏนั้น หลังจากที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว ก้าวต่อไปก็คือ การผสานหลอมรวมความลึกซึ้งเข้าด้วยกัน


 


ตัวอย่างก็เช่นจักรพรรดิอมตะที่เป็นชนชั้นยอดฝีมือนั้น กว่าครึ่งล้วนแล้วแต่สามารถหลอมรวมความลึกซึ้งของกฏที่ตัวเองเข้าใจได้บางประการ และหากระดับพลังฝึกปรือทัดเทียมกัน สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างก็คือจำนวนความลึกซึ้งที่ผสานรวมได้


 


ก็เหมือนเดือนที่แล้ว ตอนที่เหลยอิงกับฉือหล่างลงมือ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักดีว่าทั้งคู่ได้ลงมือจู่โจมด้วยความลึกซึ้งที่ผสานรวมกันแล้ว


 


และการผสานรวมความลึกซึ้งเข้าด้วยกันนั้น ผลลัพธ์มันไม่ใช่แค่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง แต่พลังอานุภาพของมันจะเหนือกว่านั้น!


 


หลังต้วนหลิงเทียนปลุกฮ่วนเอ๋อแล้ว เขาก็เดินทางออกจากที่พักทันที


 


ด้านนอกตำหนักลองกระบี่ ก็มีศิษย์วังเทียนฉือหลายคนที่ได้เห็นข้อความที่ตำหนักลองกระบี่พึ่งนำมาติดประกาศแล้วเช่นกัน


 


ต้วนหลิงเทียนจะประลองกับ ฝานฉี ที่สังเวียนอัจฉริยะบ่ายวันนี้!


 


หากถามว่าต้วนหลิงเทียนคือใคร…ตอนนี้ในวังเทียนฉือแทบไม่มีใครไม่รู้จัก! คนที่ไม่รู้จริงๆก็คือผู้ที่ปิดด้านบ่มเพาะมานานกว่าหนึ่งเดือนหรือไปธุระนอกวังแล้วไม่ได้ติดต่อกับใครเป็นเดือน…


 


สำหรับฝานฉีนั้น เว้นเสียแต่จะเป็นผู้ที่ปิดด่านบ่มเพาะอย่างสันโดษมานานกว่า 300 ปีแล้ว ปกติแล้วหากเป็นคนวังเทียนฉือจะรู้จักกันดี


 


ฝานฉีนั้นเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปีของวังเทียนฉือ พลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นเอาชนะศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 700-800 ปีได้!


 


แน่นอนว่าศิษย์อัจฉริยะที่ว่า ก็มีอันดับท้ายๆในช่วงอายุดังกล่าวเท่านั้น


 


แต่ถึงกระนั้น มันก็มากพอให้ทั่วทั้งวังเทียนฉือตกตะลึงแล้ว


 


จุดนี้ดูจากเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยนได้แล้วมีชื่อเสียงขึ้นมาเร็วแค่ไหน ก็พอจะจินตนาการได้ออกว่าตอนฝานฉีลงมือมันสะท้านสะเทือนวังเทียนฉือเพียงใด


 


“เดือนก่อนต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยน ศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 600-700 ปี พลังฝีมือร้ายกาจเพียงใดผู้คนก็รู้กันแล้ว…หากเป็นคนอื่นที่มีวัยดียวกัน ข้าเองก็คงมั่นใจว่ามันเอาชนะได้แน่ แต่น่าเสียดายที่คราวนี้คู่ต่อสู้ของมันก็คือฝานฉีคนนั้น”


 


“นั่นสิเมื่อเกือบๆ 30 ปีที่แล้ว ข้ายังจำได้เลย ว่าฝานฉีเอาชนะศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 700-800 ปีได้อย่างไร แม้เจ้านั่นจะเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับที่ 10 ของช่วงอายุนั่นก็ตาม แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของฝานฉี!”


 


“เหอะๆ ทั้งสองจะประลองกันเองแบบนี้…ข้าล่ะไม่รู้จริงๆว่าใครจะชนะกันแน่”


 


“ข้าว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนน่าจะเหนือกว่านะ… ตอนนั้นฝานฉีทำได้แค่เอาชนะศิษย์อัจฉริยะผู้นั้นเฉยๆ มิอาจฆ่าได้! แต่ต้วนหลิงเทียนสามารถระเบิดพลังสังหารหลิวเจี้ยนได้ในชั่วพริบตา สุดที่หลิวเจี้ยนจะกล่าวยอมแพ้ได้ทัน!! พวกเจ้าเองก็น่าจะทราบว่า ‘ชนะ’ กับ ‘ฆ่าในพริบตา’ สองเรื่องนี้มันต่างกันขนาดไหน!!”


 


“มันก็ไม่แน่นักหรอก เรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยนได้ พวกเราไม่อาจแลเห็นสถานการรืได้ชัดเจน ผู้ใดจะไปรู้ว่าใช่เพราะหลิวเจี้ยนเลินเล่อหรือไม่? ที่สำคัญเจ้าอย่าได้ลืมไป…ว่าตอนนี้เวลามันผ่านไปได้ 20 กว่าปี จนใกล้จะครบรอบ 30 ปีที่ศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 700-800 ปีนั่นแพ้พ่ายฝานฉีแล้ว! พวกเจ้าว่าฝานฉีมันจะไม่ก้าวหน้าเลยหรือ? ป่านนี้พลังฝีมือมันไม่รู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!!”


 



 


หลังศิษย์วังเทียนฉือกลุ่มแรกรับทราบเรื่องราวการประลอง แต่ละคนก็ควักยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาเป็นตั้ง เรียกว่าบดขยี้กันระรัวแจ้งให้สหายทราบเร็วไว ทำให้เรื่องราวมันแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก!


 


และข่าวพึ่งจะแพร่กระจายไปยังไม่ทันถึงเที่ยงวันดี ผู้คนไปรวมตัวกันที่สังเวียนอัจฉริยะหนาตาแล้ว…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)