War sovereign Soaring The Heavens 3226-3233

 ตอนที่ 3226

 

พลังฝีมือของอวิ๋นเซียวอาจจะดี


 


แต่ยังดีไม่พอ หากจะเทียบกับต้วนหลิงเทียนหรือฮ่วนเอ๋อ


 


ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าสิ่งที่ฮ่วนเอ๋อใช้เมื่อครู่ก็คือ…พรสวรรค์แต่กำเนิดที่มีแต่เผ่าจิ้งจอกมายาสายเลือดบริสุทธิ์ถึงจะใช้ได้ออกมา! สะกดประสาทสัมผัส!!


 


เช่นนั้นกว่าที่อวิ๋นเซียวจะทันได้ล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮ่วนเอ๋อก็สะบัดมือซัดพลังฆ่ามันตายไปแล้ว


 


กระทั่งจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต อวิ๋นเซียวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโดนอะไรตาย


 


“สองคนนี้จักไม่ขวัญกล้าไปหน่อยหรือไร ฆ่าอวิ๋นเซียวไปแล้วแท้ๆแต่ยังแลดูเฉยๆ คล้ายไม่ได้สนใจอะไรเลย…”


 


ไม่นานเหล่าผู้ที่แลเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็อดรู้สึกมึนงงไม่ได้ เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่พึ่งก่อเรื่องนั้น ยังคงก้าวอาดๆไปทางพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏ ราวกับจะไปทดสอบเหมือนคนอื่นๆหน้าตาเฉย


 


“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าเข้าไปลองดูสิ”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ “ข้าได้ยินมาว่าหากเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้ สถานที่ทดสอบฟ้าดินแห่งกฏก็จะมอบของรางวัลให้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นของรางวัลอะไร”


 


“อื้อ”


 


ฮ่วนเอ๋อพยักหน้าและเดินตรงไปยังพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏ ส่วนที่เต็มไปด้วยกฏแห่งมิติทันที และบริเวณพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏส่วนของกฏมิตินั้น…ไม่มีคนเลย !


 


และก่อนหน้าก็ดูเหมือนจะไม่มีคนเคยใช้มาก่อนด้วย


 


อย่างไรก็ตามฟ้าดินแห่งกฏพื้นที่อื่น โดยเฉพาะส่วนของกฏแห่งธาตุทั้ง 5 นับว่าคึกคักมีชีวิตชีวามากที่สุด…รองลงมาก็จะเป็นกฏแห่งลม กฏสายฟ้า และกฏน้ำแข็ง


 


สำหรับพื้นที่ของกฏสูงสุดทั้ง 4 นั้น นอกจากพื้นที่กฏแห่งมิติที่มีเขากับฮ่วนเอ๋อแล้ว พื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏของอีก 3 กฏสูงสุดที่เหลือ รวมไปถึงกฏแห่งแสง กฏทำลายล้างกลับไม่มีคนเลย


 


ส่วนกฏแห่งความมืดนั้น ในพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏตรงนั้น ปรากฏร่างคนกำลังประมือกับจิตวิญญาณค่ายกลอยู่ การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด คู่คี่สูสีจนยากจะออกว่าผู้ใดจะชนะ


 


แต่ที่ไฉนคนผู้นั้นสามารถประมือกับจิตวิญญาณค่ายกลได้อย่าสูสีนั้น ไม่ใช่ประสบการณ์การต่อสู้ของมันเทียบกับจิตวิญญาณค่ายกลได้ แต่เป็นเพราะมันมีฝีมือย่อยอย่างอื่น


 


จิตวิญญาณค่ายกลมีแค่ระดับพลังบ่มเพาะกับระดับความเข้าใจในกฏที่ทัดเทียมกับมันเท่านั้น แต้ด้านประสบการณ์ต่อสู้แลดูยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ


 


แต่หากมันใช้ฝีมือย่อยอื่น จิตวิญญาณค่ายกลก็ไม่อาจเลียนแบบได้


 


ดุจเดียวกับฮ่วนเอ๋อ


 


จิตวิญญาณค่ายกลสามารถลอกเลียนระดับพลังบ่มเพะของนาง กับความเข้าใจในกฏได้ แต่ไม่อาจลอกเลียนฝีมือย่อยอื่นๆของฮ่วนเอ๋อได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทักษะจากสายเลือดเผ่าจิ้งจอกมายา หรือกระทั่งทักษะจากสายเลือดจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา…


 


‘ดูเหมือนฮ่วนเอ๋อคิดจะอาศัยประสบการณ์ของตัวเองสู้อย่างเดียวก่อน’


 


ต้วนหลิงเทียนมองไปก็พบว่าฮ่วนเอ๋อไม้ได้ใช้ทักษะใดๆของเผ่าจิ้งจอกมายา หรือทักษะอันน่ากลัวของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเลย แต่เลือกที่จะใช้พลังฝึกปรือกับความเข้าใจในกฏมิติต่อสู้


 


เมื่อปะทะกันไปนานเข้า ฮ่วนเอ๋อก็เริ่มตกเป็นรอง


 


‘จิตวิญญาณค่ายกลร้ายกาจจริงๆ’


 


ฮ่วนเอ๋ออดบ่นในใจไม่ได้ และในขณะที่นางเข้าสู่พื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏของกฏมิตินั้น พอคู่ต่อสู้ของนางที่เป็นจิตวิญญาณค่ายกลปรากฏตัวขึ้น ก็มีม่านพลังขุมหนึ่งปกคลุมฟื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏส่วนนี้เอาไว้ดั่งจะกั้นเป็นโลกส่วนตัวทันที


 


เรียกว่าในขณะที่ฮ่วนเอ๋อสู้อยู่กับจิตวิญญาณค่ายกล ฮ่วนเอ๋อก็จะได้รับความคุ้มครองโดยพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏ ไม่มีใครสามารถเข้ามาทำอันตรายนางได้


 


แน่นอนว่าคนอื่นๆก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน


 


ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าสู่พื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏเพื่อทำการทดสอบ จะถูกม่านพลังจากค่ายกลปกป้อง


 


ในเวลาเดียวกัน


 


เหล่าผู้ที่เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็เริ่มบอกเล่าปากต่อปากให้กับสหายฟัง ไม่นานเรื่องที่อวิ๋นเซียวลูกชายคนเดียวของประมุขนิกายปีศาจพันกรถูกฮ่วนเอ๋อฆ่าก็แพร่กระจายออกไป


 


“อวิ๋นเซียวตายแล้ว…คนที่ฆ่ามันเรียกว่าฮ่วนเอ๋อ เป็นสตรีนางหนึ่ง!”


 


“ฮ่วนเอ๋อ? อัจฉริยะรากหญ้ารึ ไฉนถึงได้หาญกล้าฆ่าอวิ๋นเซียวได้เล่า หรือนางคิดว่าจะหนีรอดเงื้อมมือนิกายยปีศาจพันกรได้?”


 


“นั่นสิ เพราะอาศัยพลังที่นางเผยออกก่อนหน้านี้ ยังไม่พอให้ตระกูลไป๋หลี่ เผ่าหงส์ฟ้า หรือแม้แต่นิกายกระบี่หมื่นหายนะออกหน้าปกป้อง”


 



 


ถึงแม้แดนลับอัจฉริยะจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ข่าวสารเรื่องราวก็แพร่ไปไวไม่ใช่เล่นๆ


 


เอี้ยอวี่เฉินที่ก่อนหน้าได้เข้าไปทักทายและมอบคำเชิญให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมนิกายปีศาจพันกร อดไม่ได้ที่จะยิ้มเฝื่อนๆ เมื่อรับทราบเรื่องที่อวิ๋นเซียวถูกฮ่วนเอ๋อฆ่า “ดูเหมือนฟ้าจักลิขิตไว้แล้วว่านิกายปีศาจพันกรเราไร้วาสนากับทั้งคู่…”


 


เอี้ยอวี่เฉินเสียดายไม่น้อยที่ไม่มีทางได้ตัวอัจฉริยะสองคนมาเข้าร่วมนิกาย สำหรับการตายของอวิ๋นเซียวนั้น มันไม่ได้แยแสอะไรเลย


 


เห็นได้ชัดว่ามันกับเอี้ยอวี่เฉินไม่ได้สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ แม้อีกฝ่ายจะเป็นลูกชายคนเดียวของอาจารย์มันก็ตามที…


 


“อวิ๋นเซียวตายแล้วรึ?”


 


ขณะเดียวกันเหล่าอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลาย ก็ได้รับทราบเรื่องการการตายของอวิ๋นเซียวเช่นกัน “แล้วอัจฉริยะรากหญ้านั่นเป็นนผู้ใดกันแน่ ไฉนนางถึงกล้าฆ่าอวิ๋นเซียวได้ นางไม่กลัวถูกตามฆ่าล้างแค้นรึ?”


 


“อวิ๋นเซียวแม้จะไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยๆมันก็เป็นนายน้อยนิกายปีศาจพันกร…กระทั่งพวกเรายังไม่อยากจะมีปัญหากับมัน ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายมันจะตายเพราะอัจฉริยะรากหญ้าคนหนึ่ง”


 


“เห็นว่าเจ้าอวิ๋นเซียวนั่นเข้าไปหาเรื่องผู้อื่นเขาก่อนด้วย…แต่สุดท้ายมันเตะโดนตอเหล็กไม่ว่า ยังถูกฆ่าตายไปอีก…”


 



 


หลังจากนั้นสักพักคนส่วนใหญ่ในแดนลับอัจฉริยะก็เริ่มพูดถึงการตายของอวิ๋นเซียว


 


ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องความตายของอวิ๋นเซียวอย่างสนุกสนาน ด้านฮ่วนเอ๋อที่ประมือกับจิตวิญญาณค่ายกลในที่สุดก็กำลังจะพ่ายแพ้แล้ว


 


“ข้าหลงคิดว่านางจะเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้เสียอีก…แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะคิดมากไปเอง”


 


“หากกระทั่งจิตวิญญาณค่ายกลยังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นนางจะทำให้เผาหงส์ฟ้าโบราณ ตระกูลไป๋หลี่และนิกายกระบี่หมื่นหายนะคิดออกหน้าเพื่อนางได้อย่างไร…”


 


“อีกไม่เกิน 30 ลมหายใจนางต้องแพ้แน่”


 



 


หลายคนเฝ้าจับตาดูการปะทะระหว่างฮ่วนเอ๋อกับจิตวิญญาณค่ายกลไม่วางตา และทั้งหมดก็เป็นคนที่เห็นฮ่วนเอ๋อฆ่าอวิ๋นเซียวก่อนหน้า


 


มาตอนนี้เมื่อเห็นว่าฮ่วนเอ๋อกำลังจะพลาดท่าเสียทีให้กับจิตวิญญาณค่ายกล หลายคนก็อดส่ายหน้าออกมาไม่ได้


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกๆคนกำลังคิดว่าฮ่วนเอ๋อต้องพ้ายแพ้แน่นอนแล้วนั้นเอง พลังวิญญาณขุมหนึ่งของฮ่วนเอ๋อก็กำจายออกมาฉับไว และมันเป็นพลังที่ต่างจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังแห่งกฏชัดเจน!


 


ชั่วพริบตาที่ถูกพลังวิญญาณของฮ่วนเอ๋อปกคลุม จิตวิญญาณค่ายกลก็ชะงักค้าง จากนั้นฮ่วนเอ๋อก็ระเบิดพลังจู่โจม ทำลายจิตวิญญาณค่ายกลทิ้งในกระบวนเดียว!


 


ก่อนหน้านี้จิตวิญญาณค่ายกลกำลังจะเอาชนะฮ่วนเอ๋อได้อยู่แล้ว…


 


แต่พริบตาต่อมากลับถูกฮ่วนเอ๋อทำลายทิ้งหน้าตาเฉย!


 


“เฮ่ย…!”


 


“นาง….เอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้?!”


 


“ให้ตายเถอะ! ผู้ใดบอกข้าได้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!? ไฉนนางที่กำลังจะแพ้ดันพลิกกลับมาเอาชนะได้ในพริบตาเล่า?!”


 



 


หลายคนที่ชมดูอยู่อดตะลึงไม่ได้


 


แน่นอนว่ามีบางคนที่สายตาแหลมคม หยีตามองฮ่วนเอ๋อด้วยความประหลาดใจ “ที่แท้นางมีวิชาลับด้วย…คิดไม่ถึงเลยจริงๆ”


 


“ดูเหมือนทั้งหมดที่ผ่านมา นางแค่ขัดเกลาประสบการณ์ต่อสู้ขอตัวเองเท่านั้น หลังอาศัยด่านพลังฝึกปรือกับความเข้าใจในกฏสู้ไม่ได้ นางจึงใช้วิชาก้นหีบจัดการในคราเดียว?”


 


“ข้ารู้สึกว่าฉากเมื่อครู่มันเหมือนๆตอนนางฆ่าอวิ๋นเซียนอย่างไรก็ไม่รู้”


 



 


มีหลายคนที่ประหลาดใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว


 


และทันใดนั้นเอง สุรเสียงอันน่าเกรงขามหนึ่งก็ดังกึกก้องไปทั่วแดนลับทันที “ขอแสดงความยินดีกับ ฮ่วนเอ๋อ ในบททดสอบฟ้าดินแห่งกฏ สามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของกฏมิติได้สำเร็จ”


 


การเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลในบททดสอบฟ้าดินแห่งกฏนั้น จะมีประกาศไปทั่วแดนลับอัจฉริยะ


 


และบัดนี้ ในแดนลับอัจฉริยะก็ไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อฮ่วนเอ๋อ


 


หลายคนเพียงรับทราบชื่อฮ่วนเอ๋อจากสหายกับอันดับในยอดเขาแรงโน้มถ่วงเท่านั้น จึงไม่รู้ว่านางร้ายกาจอย่างไร บัดนี้จึงรับทราบพลังฝีมือของนางมากขึ้น


 


คนที่ไม่รู้จักฮ่วนเอ๋อมาก่อน มาตอนนี้ก็ถามไถ่กันจนทราบว่า นางคืออัจฉริยะรากหญ้าที่พึ่งปรากฏตัวสู่สาธารณะชนครั้งแรกในแดนลับอัจฉริยะ


 


“ขอแสดงความยินดีกับ ต้วนหลิงเทียน ในบททดสอบฟ้าดินแห่งกฏ สามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของกฏมิติได้สำเร็จ”


 


เสียงประกาศความสำเร็จของฮ่วนเอ๋อดังก้องไปทั่วแดนลับอัจฉริยะได้ไม่ทันไร อยู่ๆก็มีเสียงประกาศอีกเสียงดังขึ้นไปทั่วแดนลับอัจฉริยะทำนองเดียวกัน!


 


“ต้วนหลิงเทียน!?”


 


ในพื้นที่ทดสอบฟ้าดินแห่งกฏ ทุกคนที่เคยให้ความสนใจฮ่วนเอ๋อก่อนหน้า เห็นชัดว่ากำลังมองชมต้วนหลิงเทียนด้วยความตกตะลึง


 


เพราะพวกมันพึ่งเห็นฉากต้วนหลิงเทียนเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลมาได้ง่ายๆ!


 


ถึงแม้จิตวิญญาณค่ายกลจะสามารถลอกด่านพลังฝึกปรือและความเข้าใจในกฏ แต่ไม่อาจลอกเลียนพลังของทองเทพสุดลี้ลั้บ เพลิงเทพโกลาหล และปฐฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินได้


 


พอลองใช้พลังที่ได้จากเทพเบญจธาตุดู ต้วนหลิงเทียนจึงเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้อย่างง่ายดาย


 


เป็นธรรมดาว่าในพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏนั้น ไม่อาจใช้พลังภายนอกใดๆได้เลย เรียกว่าเป็นกฏเกณฑ์และข้อจำกัดเดียวกันกับแดนสวรรค์ใต้โบราณที่เขาเคยเข้าไปในใอดีต


 


วู้ม! วู้ม!


 


และเมื่อฮ่วนเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของฟ้าดินแห่งกฏได้แล้ว หลังเสียงประกาศดังจบคำไปสักพัก ก็อุบัติสิ่งของ 2 อย่างปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าเองหน้าทั้งคู่ตามลำดับ


 


ช่างน่าประหลาดใจนัก เป็นผลไม้อมตะผลหนึ่ง กับอุปกรณ์อมตะ


 


อุปกรณ์อมตะที่ต้วนหลิงเทียนได้เป็นแค่ชุดเกราะอมตะระดับจอมราชัน ซึ่งไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนสนใจมันเลย


 


กลับกัน ผลไม้อมตะนั่น กลับเป็นผลไม้อมตะที่ตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะสามารถใช้ได้ และยังเพิ่มพูนพลังฝึกปรือให้สูงขึ้นไม่น้อย นับว่าเป็นกำไรที่ฮ่วนเอ๋อได้มาอย่างไม่คาดฝัน


 


“ฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียน…อัจฉริยะรากหญ้า 2 คนนั่น ถึงกับสามารถเอาชนะจิตวิตญญาณของบททดสอบฟ้าดินแห่งกฏได้จริงๆ!?”


 


เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าที่อยู่กระจัดกระจายไปทั่วแดนลับอัจฉริยะ อดไม่ได้ที่จะอึ้งกับความสำเร็จขอต้วนหลิงเทียนฮ่วนเอ๋อ


 


“จนถึงบัดนี้ มีแค่อัจฉริยะรากหญ้า 2 คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้ แต่กลับไม่มีอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 คนใดสามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้เลย!”


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั่วแดนลับอัจฉริยะกำลังกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความฮึกเหิม ด้วยวาจาทำนองดังกล่าว รอยยิ้มย่ามใจของพวกมันก็มีอันต้องค้างเติ่ง


 


“ขอแสดงความยินดีกับ อวี่เทียนสิง ในบททดสอบฟ้าดินแห่งกฏ สามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของกฏมิติได้สำเร็จ”


 


อวี่เทียนสิง!


 


หนึ่งในอัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์อายุไม่ถึงพันปีของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และยังเป็นหลานชายของ อวี่เจี้ยนเฉิน ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะคนปัจจุบัน!


 


อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ชีวิตนี้อวี่เจี้ยนเฉินเอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง และมุ่งมั่นในมรรคากระบี่มันจึงไม่ได้แต่งงานมีลูกอะไร ด้วยเหตุนี้มันก็เลยดีกับหลานชายคนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ


 


“นั่นไง! อวี่เทียนสิงลงมือแล้ว! ในที่สุดก็มีอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 อย่างพวกเรา สามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏได้สำเร็จ!”


 


“ให้มันได้ยังงี้สิ! พี่อวี่ยังยอดเยี่ยมเช่นเคย!!”


 



 


หลังอวี่เทียนสิงเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลได้สำเร็จ เสมือนจุดชนวนอะไรบางอย่าง ต่อมาก็ปรากฏเสียงประกาศรายชื่ออัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 ที่เอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของพื้นที่ฟ้าดินแห่งกฏได้ ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ


 


เรียกว่าในเวลาไม่ถึงวันก็มีผู้ที่สามารถเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของบททดสอบฟ้าดินแห่งกฏได้หลายสิบคน


 


อย่างไรก็ตาม ในบรรดาอัจฉริยะที่ถูกประกาศชื่อ อัจฉริยะรากหญ้าก็ยังมีแค่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเท่านั้น


 


“หากเป็นเมื่อก่อน ลองต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อทำผลงานได้แบบนี้…ถึงแม้นิกายกระบี่หมื่นหายนะอาจจะยังนิ่งอยู่ แต่ด้านคนของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณกับตระกูลไป๋หลี่ ป่านนี้ไม่พ้นพวกมันต้องพยายามเข้าหาทั้งคู่ เพื่อกล่าวชวนให้เข้าร่วมขุมกำลังแล้วแน่นอน…ทว่าพวกมันดันฆ่าอวิ๋นเซียนลูกชายของประมุขนิกายปีศาจพันกรไป หากผลงานยังมีเพียงแค่นี้ ตระกูลไป๋หลี่กับเผ่าหงส์ฟ้าโบราณเองก็คงไม่คิดออกหน้าให้…”


 


“มิผิด เพราะการออกหน้าตอนนี้ ก็หมายความว่าเลือกที่จะต่อต้านการลงมือเข่นฆ่าล้างแค้นของนิกายปีศาจพันกร…ถึงแม้เผ่าหงส์ฟ้าโบราณกับตระกูลไป๋หลี่ จะไม่ได้กลัวนิกายปีศาจพันกร แต่สุดท้ายก็ล้วนเป็นขุมกำลังระดับ 1 เหมือนกัน ไม่ว่าจะอย่างไรพวกมันก็ต้องไว้หน้านิกายปีศาจพันกรอยู่บ้าง…”


 


“จริง เว้นเสียแต่ทั้งคู่จักสร้างผลงานอันใดเผยให้เห็นคุณค่าอีก…หาไม่แล้วคงยากที่จะหาร่มโพธิ์ร่มไทรพักพิง”


 



 


ในขณะที่เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายในแนดลับัจฉริยะกำลังคิดไปในทำนองดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ชวนฮ่วนเอ๋อไปหาสถานที่ปิดด่านบ่มเพาะพลัง


 


กล่าวให้ชัดคือเขาคิดใช้ผลึกสำนึกเทวะผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเข้าใจกฏมิติ!


 


สำหรับฮ่วนเอ๋อนั้น นางก็ดูดซับผลไม้อมตะที่นางได้รับเป็นของรางวัลก่อนหน้า เพื่อเพิ่มพูนพลังฝึกปรือ


 


หลังจากค้นพบสถานที่เหมาะๆแล้ว ก่อนจะเข้านอน ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองฮ่วนเอ๋อที่พึ่งกินผลไม้อมตะและกำลังนั่งหลับตาดูดซับมันพลางกล่าวในใจ ‘ด้วยระดับพลังของฮ่วนเอ๋อตอนนี้ หลังดูดซับพลังของผไม้อมตะลูกนั้นได้หมด ด่านพลังของนางสมควรทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 4 รูปได้ในเวลาอันสั้น’

 

 

 


ตอนที่ 3227

 

ในแดนลับอัจฉริยะนั้น นอกจากยอดเขาแรงโน้มถ่วง ฟ้าดินแห่งกฏ ก็ยังมีสถานที่ทดสอบอีกมากมายหลายอย่าง เพื่อให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายประชันขันแข่งกัน


 


และเหล่าอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ก็สามารถทำผลงานได้ดีแทบทุกสถานที่ทดสอบ


 


สำหรับด้านอัจฉริยะรากหญ้านั้น พอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเงียบหายไป ก็ไม่มีใครทำผลงานดีๆได้เลย


 


“จนถึงตอนนี้…ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็มิได้ปรากฏตัวออกมา 6 ปีแล้วใช่หรือไม่?”


 


“นั่นสิ…ไม่ทราบทั้งคู่ไปอยู่ที่ใดแล้ว?”


 


“คงมิใช่ว่า…โดนอัจฉริยะของนิกายปีศาจพันกรฆ่าไปแล้วหรอกนะ?”


 


“เหอะๆ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย! จากพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นคนที่แกร่งที่สุดในนิกายปีศาจพันกร ยังสู้ตัวๆกับต้วนหลิงเทียนหรือฮ่วนเอ๋อไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะเอาชนะทั้งคู่ได้”


 



 


ไม่ทันไร ดุจชั่วพริบตาเดียว แดนลับอัจฉริยะก็ได้เปิดมานานกว่า 6 ปีแล้ว…


 


อย่างไรก็ตาม หลังจากต้วนหลิงเทียบกับฮ่วนเอ๋อเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของพื้นที่ทดสอบฟ้าดินแห่งกฏวันนั้น ทั้งคู่ที่วูบร่างหายไปต่อหน้าต่อตาคนอื่น ก็ได้เงียบหายไปเลย ราวกับได้ออกจากแดนับอัจฉริยะไปแล้ว!


 


ณ ยอดเขาสูงชันแห่งหนึ่งของแดนลับอัจฉริยะ มองไปเห็นร่างชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีดำสนิท ใบหน้าจริงจังกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่


 


ทั่วร่างชายหนุ่มปรากฏกลิ่นอายฆ่าฟันไร้สภาพออกมาไม่หยุด พอสองตาลืมขึ้นมา ก็ปรากฏแสงเย็นเยือกแล่นวาบ!  แววตาของผู้คนแท้ๆแต่กลับแหลมคมปานกระบี่!!


 


ทั่วร่างยังปรากฏไอพลังสีดำ พวยพุ่งวูบวาบอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหดหายกลับเข้าร่างไป


 


‘ในที่สุดก็ทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้เสียที…’


 


‘อีกทั้งความลึกซึ้ง ทำลายล้าง ของกฏแห่งความมืดก็บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่!’


 


บริเวณมุมปากของชายหนุ่มใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างหาดูได้ยาก


 


‘ตั้งแต่เข้ามาในนี้ นี่ก็สมควรผ่านไป 6 ปีแล้ว…ตั้งแต่เข้ามา ก็ยังไม่ได้ทดสอบอะไรสักอย่าง เพราะจุดรอคอยด่านพลังกับความลึกซึ้งทำลายล้างดันมากรุยออกพร้อมกันซะได้…’


 


ชายหนุ่มชุดดำสนิทค่อยๆลุกขึ้นยืน สองตาทอประกายวาบลั่นปานอัสนนี ‘ไม่รู้…ป่านนี้อี้เทียนสิงของสายท่ายอาเป็นอย่างไรแล้วบ้าง’


 


สายท่ายอานั้น เป็น 1 ใน 10 สายหลัก ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ


 


และตอนนี้อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็เป็นศิษย์ในสายท่ายอา อวี่เทียนสิง! หลานชายของ อวี่เจี้ยนเฉิง ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะคนปัจจุบัน


(แก้จากตอนก่อน อวี่เจี้ยนเฉิน เป็นอวี่เจี้ยนเฉิงครับ พิมพ์ๆชื่อไปชอบหลงลืม ไม่ก็เพี้ยนทุกทีหากมันมีตัวละครที่ชื่อคล้ายๆกันโผล่มา แรกสุดที่ปรากฏยังอี่เจี้ยนเฉิงด้วย 555+ …)


 


ในขณะเดียวกัน อวี่เจี้ยนเฉิงก็เป็น ผู้นำของสายท่ายอาอีกด้วย


 


นิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น มีทั้งสิ้น 10 สาย


 


อันได้แก่…


 


1.ซวนหยวน (กระบี่เทพสวรรค์ปราบมาร)


 


2.จ้านลู่ (กระบี่แห่งความเมตตา)


 


3.ซื่อเซียว (กระบี่แห่งจักรพรรดิ)


 


4.ท่ายอา (กระบี่แห่งอำนาจ)


 


5.ชีซิงหลงยวน (เหวลึกมังกร 7 ดาว)


 


6.ก้านเจี้ยง (กระบี่คู่รัก, กระบี่รักนิรันดร์ ฝ่ายชาย)


 


7.ม่อเหยีย (กระบี่คู่รัก, กระบี่รักนิรันดร์ ฝ่ายหญิง)


 


8.อวี๋ฉาง (ไส้ปลา)


 


9.ฉุนจวิน (สุริยัน)


 


10.เฉิงหยิ่ง (สืบสานเงาไร้ลักษณ์)


 


ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่านิกายกระบี่หมื่นหายนะมีชื่อเรียก 10 สายหลักว่าอะไร หาไม่แล้วเขาคงต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก!


 


เพียงเพราะชื่อสายหลักทั้ง 10 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น มันก็คือนามของ 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานของประเทศบ้านเกิดเขาที่โลกมนุษย์!


(ลองเซิจในยูทูปดูว่า 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานจีน ฟังเรื่องราวไปเพลินๆ)


 


ด้วยมีชื่อของ 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานของบ้านเกิดเขาเป็นชื่อสายหลักทั้ง 10 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะแบบนี้ หากมีใครมาบอกต้วนหลิงเทียนว่า นิกายกระบี่หมื่นหายนะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโลกมนุษย์เลย ต้วนหลิงเทียนไม่มีทางเชื่อแน่นอน


 


“ลองไปยอดเขาแรงโน้มถ่วงดูก่อนแล้วกัน”


 


“ไม่ทราบ…ว่าข้าในตอนนี้ยังห่างจากอวี่เจี้ยนเฉิงในตอนนั้นมากขนาดไหน”


 


ณ ยอดเขาสูงชัน ร่างชายหนุ่มในชุดดำเอ่ยพึมพำกับตัวเสียงขรึมเบาๆ จากนั้นร่างคนก็ไหววูบคราหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่สีเลือดที่ไม่ทราบผุดโผล่ออกมาตั้งแต่ตอนไหน จากนั้นคนก็ท่องกระบี่พุ่งลัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!


 


ไม่นานนัก ร่างมันก็บรรลุถึงยอดเขาแรงโน้มถ่วงแห่งหนึ่ง


 


และตอนนี้บริเวณตีนเขาก็มีผู้คนเหลือไม่มากนัก นับได้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น


 


“เจ้านั่นเป็นผู้ใดกัน…กลิ่นอายพลังของมันแข็งกร้าวจริงๆ”


 


ทันทีที่ชายหนุ่มชุดดำคนนี้ปรากฏตัวบริเวณตีนเขา ก็ดึงดูดความสนใจของคนไม่กี่คนที่ไม่ได้ปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงทันที พอคนเหล่านั้นหันไปเห็นชายหนุ่มชุดดำ พวกมันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเยียบเย็นทั้งรุนแรงที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างชายหนุ่มชุดดำชัดเจน


 


เพียงชายหนุ่มชุดดำยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ สภาวะร่างกลับคล้ายกระบี่ไร้เทียมทาน ชวนให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้มันง่ายๆ!


 


“มันมาที่นี่เพื่อไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงรึ?”


 


ครู่ต่อมาหลายคนที่เห็นชายหนุ่มชุดดำค่อยๆก้าวไปทางยอดเขาแรงโน้มถ่วงทีละก้าวๆ ทั้งหมดก็อดอยากรู้ไม่ได้


 


ว่าท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มผู้นี้จะขึ้นบันไดไปได้กี่ขั้น


 


“อวี่เทียนสิง…อันดับแรกรึ?”


 


ท่ามกลางสายตาของคนไม่กี่คน ชายหนุ่มชุดดำที่ว่าก็หันไปมองศิลาอันเขื่องที่มีรายนามอันดับบอกไว้


 


อวี่เทียนสิง 3,537 ขั้น


 


หลังจากนั้นชายหนุ่มชุดดำก็กวาดตาไล่มองรายชื่ออันดับต่ำลงมาเรื่อยๆ “เฟิ่งชีชี ไป๋หลี่หงเฟย…”


 


“ต้วนหลิงเทียน?”


 


พอไล่ลงมาจนเห็นชื่อนี้ ลูกตาชายหนุ่มชุดดำพลันหดเล็กลงเร็วไว


 


ขณะเดียวกันใบหน้าที่มักเคร่งขรึมจริงจังของมัน ก็แลดูเสียอาการไปทันที อวสานความนิ่งก็ว่า


 


ลมหายใจของมันยิ่งมายังยิ่งถี่รัวแล้ว!


 


หน้าอกของมันเรียกวว่างกระเพื่อมขึ้นลง ยุบๆพองๆปานกล่องสูบลม!


 


“หรือจะเป็นเจ้านั่นจริงๆ?”


 


ชายหนุ่มชุดดำที่เสียอาการไป กล่าวพึมพำด้วยสายตาเลื่อนลอยพักหนึ่ง ค่อยดึงสติกลับมาได้ “ช่างเถอะ จะคิดไปให้เหนื่อยทำไม…หากเป็นเจ้านั่นจริงๆ ย่อมมีโอกาสได้พบกันแน่”


 


กล่าวพึมพำถึงจุดนี้ ใบหน้าชายหนุ่มชุดดำก็เริ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ


 


เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดดำคลี่ยิ้ม คนที่จับตาดูอยู่ไกลๆก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าตกใจราวเห็นผี “มัน…มันยิ้มเป็นด้วยรึ!?”


 


“อั้ย ข้านึกว่ามันทำเป็นแต่หน้าผีดิบนั่นซะอีก…”


 


“ชู่ว์! พวกบัดซบเจ้าหุบปากไปเลย! ปากแบบนี้เดี๋ยวก็ตายไม่รู้ตัวหรอกเจ้าโง่!!”


 



 


ถึงแม้พวกมันจะยังไม่เคยเห็นชายหนุ่มชุดดำลงมือ แต่ลำพังแค่กลิ่นอายพลังแข็งกร้าวที่แผ่ออกมาตามธรรมชาตินั่น ก็บอกให้พวกมันรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาสามัญ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่คนที่พวกมันจะไปตอแยล่วงเกกินด้วยได้!


 


ฟุ่บ!


 


ต่อมา ท้งหลายพลันเห็นว่า ร่างชายหนุ่มชุดดำเพียงวูบไหวคราหนึ่ง คนก็ย่ำเหยียบกระบี่สีเลือด พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูง!


 


เรียกว่าในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาเดียว ชายหนุ่มชุดดำก็ท่องกระบี่เหินทะยานขึ้นมาถึงบันไดขั้นที่ 1,000 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง!


 


และหลังจากผ่านไป 3 ลมหายใจ คนกระบี่ก็บรรลุถึงบันไดขั้นที่ 2,000 แล้ว


 


“เร็วยิ่ง!”


 


“ความเร็วของมัน…จะไม่สูงล้ำเกินจริงไปหน่อยรึไง?!”


 



 


จังหวะนี้ไม่ว่าจะคนที่ชมดูเรื่องราวที่ตีนเขาก็ดี หรือคนที่กำลังไต่อันดับที่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงลูกนี้ก็ดี ต่างตกตะลึงกับความเร็วของชายหนุ่มชุดดำมาก


 


“เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่?”


 


“ตัวตนที่แลดูน่ากลัวแบบนี้ นอกจากจะเป็นยอดฝีมือในบรรดาอัจฉริยะระดับรากหญ้าแล้ว หากเป็นคนของขุมกำลังระดับ 1 ก็ต้องไม่ใช่ผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่นอน!”


 


“มันพุ่งขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 2,000 แล้วนี่ จะอย่างไรก็ต้องทิ้งชื่อไว้!”


 



 


ผู้คนนับโหลที่อยู่บริเวณตีนเขาของยอดเขาแรงโน้มถ่วงลูกนี้ ไม่เว้นกระทั่งคนที่กำลังไต่ยยอดเขาแรงโน้มถ่วงอยู่ก็ถึงกับหยุดมองชายหนุ่มชุดดำที่พุ่งขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 2,000 เป็นสายตาเดียวกัน


 


ด้านชายหนุ่มชุดดำก็เอื้อมมือไปคว้าเงาพู่กันที่ผุดโผล่กลางอากาศ ก่อนจะตวัดข้อมือเขียนตัวอักษรลงกลางหาว 2 ตัวฉับไว


 


ทันใดนั้นเองเหล่าผู้คนด้านล่างนับโหลก็หันกลับมามองยังท้ายตารางจัดอันดับทันที


 


และพริบตานั้นเอง พลันปรากฏชื่อใหม่ขึ้นมาท้ายตาราง


 


ซูหลี่!


 


“มัน…มันคือซูหลี่งั้นเรอะ!?”


 


“อัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะสายเฉิงหยิ่ง? ที่ร่ำลือกันว่าอัจฉริยะภาพของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าอวี่เทียนสิงแม้แต่น้อย!?”


 


“ข้ายังได้ยินมาว่าอัจฉริยะของนิกายหมื่นกระบี่หายนะสายเฉิงหยิ่ง ซูหลี่ ผู้นี้มาจากระนาบโลกียะ…และมันได้รับสืบทอดมรดกของอดีตผู้นำสายเฉิงหยิ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะตั้งแต่ตอนอยู่ในระนาบโลกียะ สุดท้ายผู้นำสายเฉิงหยิ่งคนปัจจุบันถึงกับไปรับมันมาอวี้หวเทียนด้วยตัวเอง!”


 


“หา! ผู้นำสายเฉิงหยิ่งคนปัจจุบันถึงกับไปรับมันจากระนาบโลกียะด้วยตัวเองเลยงั้นเรอะ…เช่นนั้นพรสวรรค์ของมันต้องสูงส่งถึงขั้นไหนกัน!?”


 


“ยังไม่สูงส่งได้หรือ ว่ากันว่าตอนนี้มันยังอายุไม่ทันถึง 300 ปีด้วยซ้ำ…และอวี่เทียนสิงนั่น ก็อายุมากกว่า 800 ปีแล้ว”


 


“อะไร!? ซูหลี่ผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีงั้นเรอะ?”


 



 


ในขณะที่ด้านล่างกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ชายหนุ่มชุดดำนาม ซูหลี่ ก็ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงต่อแล้ว


 


หลังผ่านไป 5 ลมหายใจ คนก็บรรลุถึงบันไดขั้นที่ 3,000


 


“ให้ตายเถอะ…มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือไร!?”


 


“ซูหลี่คนนี้สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะของสายเฉิงหยิ่งแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้เพียง 5 ลมหายใจก็บรรลุถึงบันไดขั้นที่ 3,000 แล้ว…”


 


“กระทั่งความเร็วของอวี่เทียนสิงยังด้อยกว่ามันไม่ใช่รึไง?”


 


“จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! เจ้านี่มันผิดปกติเกินไป! ไม่ใช่ว่าด่านพลังของซูหลี่ผู้นี้ยังพึ่งเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดรึไง? ต่อให้จะทะลวงผ่านไปได้ อย่างดีตอนนี้ก็เป็นแค่จอมราชันอมตะ 2 ยศเท่านั้นนี่!?”


 


“แต่เจ้าอย่าได้ลืมเลือนไป…ว่าตอนมันอยู่ในขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด มันก็ได้ถูกกล่าวขานว่าสามารถทัดเทียมกับอวี่เทียนสิงที่เป็นจอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบได้ หากมันสามารถทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้จริง เช่นนั้นเรื่องจะเหนือกว่าอวี่เทียนสิงก็ไม่แปลก”


 


“ก็ไม่แน่หรอก…ข้าได้ยินคนวงในพูดมาว่าที่จริงทั้งคู่ได้ประมือกันแล้ว และอวี่เทียนสิงยังเหนือกว่ามาก เช่นนั้นต่อให้มันจะทะลวงผ่าน ก็ไม่แน่ว่าจะต้องเอาชนะอวี่เทียนสิงได้…”


 


“มิผิด ถึงให้มันก้าวหน้า หรืออวี่เทียนสิงจะย่ำอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้าด้วย?”


 



 


ตอนนี้ใครที่อยู่บริเวณตีนเขาของยอดเขาแรงโน้มถ่วง ล้วนถูกชื่อหนึ่งที่กำลังไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วดึงดูดความสนใจกันไปจนหมด เพราะหลังจากถึงขั้นที่ 3,000 แล้วแต่ชื่อนี้ยังคงปีนบันไดขึ้นไปด้วยความเร็วสูง


 


ซูหลี่


 


ศิษย์นิกายกระบี่หมื่นหายนะ สายเฉิงหยิ่ง


 


ร่ำลือกันว่าซูหลี่คนนี้มาจากระนาบเหยียนหวง และระนาบเหยียนหวงที่ว่าก็เป็นระนาบบ้านเกิดของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียนคนปัจจุบัน


 


“ในอวี้หวงเทียนเรา มีตัวตนอันทรงพลังมากมายที่มาจากระนาบเหยียนหวง…ถึงแม้อัจฉริยะภาพของซูหลี่จะไม่ใช่ชั่ว แต่ยังอีกห่างไกลนักหากจะเทียบชั้นกับระดับตำนานขึ้นหิ้งเหล่านั้นได้…”


 


“เหอะๆ อีกห่างไกลจะเทียบได้แล้วอย่างไร? ตอนที่มีอายุเท่ากับซูหลี่ ตำนานขึ้นหิ้งเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเท่าซูหลี่เสียหน่อย!”


 


“เรื่องนี้ก็พูดยาก…เพราะเหตุผลที่ซูหลี่สามารถประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ในปัจจุบัน ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการรับสืบทอดมรดกของอดีตผู้นำสายเฉิงหยิ่งในระนาบโลกียะอย่างแยกไม่ออก…”


 


“หากเจ้าพูดแบบนั้น แล้วมิใช่ว่าอดีตผู้นำของสายอื่นๆในนิกายหมื่นกระบี่หายนะก็มีทิ้งมรดกไว้ในระนาบโลกียะด้วยหรือไร? แถมผู้ที่ได้รับสืบทอดไปก็ไม่ใช่น้อยๆ ไฉนพวกมันไม่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังในอวี้หวงเทียนเหมือนซูหลี่เล่า?”


 


“จริง ซูหลี่คนนี้มีชาติกำเนิดที่ระนาบโลกียะ การที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ด้วยวัยดังกล่าว นับว่าเข้าขั้นปาฏิหาริย์แล้ว”


 



 


ตอนนี้หลายแห่งในแดนลับอัจฉริยะเริ่มพูดถึงชื่อซูหลี่


 


“ซูหลี่?”


 


ในทะเลสาบแห่งหนึ่งของแดนลับอัจฉริยะ ร่างชายหนุ่มชุดขาวที่กำลังย่ำเท้าเดินบนทะเลสาบอย่างไม่รีบไม่ร้อนราวเดินเล่นในสวน พอได้รับข้อความที่ส่งมาถึง สองตามันก็ทอประกายแหลมคมวาบขึ้นทันที


 


พริบตาต่อมาร่างมันก็ไหววูบ จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นแสงกระบี่ พุ่งทะยานไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วสูงล้ำ


 


“เอ๊า! ศิษย์พี่เทียนสิง! รอข้าด้วย!!”


 


ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามที่เดินทอดน่องติดตามชายหนุ่มชุดขาวมาอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยกุลีกุจอเร่งเหินร่างทะยานติดตามอีกฝ่ายไปทันที


 


จากนั้นพอทั้งคู่หยุดลงเผยร่างอีกครั้ง คนก็มาปรากฏตัวบริเวณยอดเขาแรงโน้มถ่วงแห่งหนึ่งแล้ว และแต่ละคนก็มองจ้องไปยังตารางอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงไกลๆ


 


ตอนนี้อันดับที่ 2 ในรายชื่ออันดับไม่ใช่เฟิ่งชีชีอีกต่อไปแต่เป็นคนใหม่


 


ซูหลี่ 3,522 ขั้น


 


“เจ้าว่า…เจ้านั่นมันจะแซงข้าได้รึเปล่า?”


 


ชายหนุ่มชุดขาวหันไปเอ่ยถามชายหนุ่มชุดครามด้านข้าง


 


“เจ้าซูหลี่ผู้นี้สามารถไต่เขาขึ้นมาได้สูงถึงขนาดนี้เชียว…ให้ตายเถอะมันตามศิษย์พี่เทียนสิงอยู่แค่ 15 ขั้นแล้ว?”


 


ชายหนุ่มชุดครามเมื่อเห็นตารางอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

 

 


ตอนที่ 3228

 

“มันยังปีนขึ้นไปได้อีก!”


 


เมื่อเห็นว่าซูหลี่สามารถปีนขึ้นไปบนบันไดขั้นที่ 3,523 ได้ แม้สีหน้าอวี่เทียนสิงผิวเผินจะแลดูสงบ หากแต่รูม่านตามันหดแคบลงเล็กน้อย


 


หากซูหลี่ไม่ปรากฏตัว มันก็คืออัจฉริยะที่โดดเด่นและเฉิดฉายที่สุดของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ


 


อย่างไรก็ตามพอซูหลี่ปรากฏตัวขึ้นมา แรกปรากฏก็เสมือนอีกฝ่ายกลบรัศมีของมันจนหมดสิ้น แย่งแสงที่ควรสาดส่องมาที่มันไปในพริบตา แม้กระทั่งประมุขนิกายกระบี่หายนะคนปัจจุบัน ผู้เป็นลุงของมันก็ยังตั้งความหวังทั้งเห็นคุณค่าในตัวซูหลี่อย่างมาก


 


ดั่งเด็กน้อยคนหนึ่งที่ปกติมักมีผู้คนมาห้อมล้อม ทว่าอยู่ๆกลับมีเด็กน้อยอีกคนปรากฏตัวขึ้นมา และผู้คนที่เคยห้อมล้อมรอบตัวมัน ก็ย้ายไปห้อมล้อมเด็กน้อยคนใหม่แทน…


 


ความแตกต่างขนาดนี้ ต่อให้จะเป็นอวี่เทียนสิงที่อยู่มา 800 กว่าปี มันก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ง่ายๆ!


 


“ตอนนี้มันช้าลงมากแล้ว…ดูท่ามันไม่น่าจะเอาชนะศิษย์พี่เทียนสิงได้แน่!!”


 


ถึงแม้ชายหนุ่มข้างๆอวี่เทียนสิงจะกล่าวออกมาแบบนั้น หากแต่สีหน้าของมันกลับแลดูเคร่งขรึมจริงจังไม่น้อย สองตามองจ้องอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงไม่วางตา


 


“ศิษย์พี่เทียนสิง เจ้าซูหลี่ผู้นี้ใช่มันทะลวงด่านพลังสำเร็จแล้วหรือไม่…หากอิงจากระดับพลังของมันก่อนจะเข้ามา มันไม่น่าจะทำได้ถึงขนาดนี้เลยนี่นา?”


 


ชายหนุ่มชุดครามเอ่ยถามอวี่เทียนสิง


 


ชายหนุ่มชุดครามคนนี้มีชื่อว่า เหอจ้าน มันเองก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และเป็นอัจฉริยะที่มีอายุน้อยกว่าพันปีของสาย จ้านลู่ พลังฝีมือของมันนั้นหากนำไปวางไว้ในนิกายปีศาจพันกร ก็มากพอจะเทียบได้กับอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกร


 


อย่างไรก็ตามให้เทียบกับอวี่เทียนสิงและซูหลี่แล้ว มันยังอ่อนด้อยกว่ามาก


 


แต่เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเป็นเพราะอายุของเหอจ้านผู้นี้ยังน้อยกว่าอวี่เทียนสิงถึง 200 ปี เช่นนั้นก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าพรสวรรค์รวมถึงสติปัญญาของมันด้อยกว่าอวี่เทียนสิง


 


“ทะลวงผ่านแล้วแน่นอน”


 


อวี่เทียนสิงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจเป็นที่สุด “ด่านพลังฝึกปรือของมันก่อนหน้าก็จวนเจียนจะทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศอยู่แล้ว มันจะเข้ามาทะลวงผ่านในนี้ก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร”


 


“ข้าแค่ไม่รู้ว่ากฏแห่งความมืดของมันมีการตระหนักรู้อันใดเพิ่มขึ้นหรือไม่…หากมีความก้าวหน้าจริง มิแน่ว่ามันอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งประการใดของกฏแห่งความมืดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว”


 


อวี่เทียนสิงกลับไปมองจ้องชื่อซูหลี่นตารางจัดอันดับอีกครั้ง และมันก็เห็นตัวเลขขั้นบันไดหลังชื่อซูหลี่เพิ่มขึ้นอีกขั้น…


 


ตอนนี้หากซูหลี่สามารถไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้สูงกว่ามันล่ะก็ เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะสามารถเอาชนะซูหลี่กลับ เพราะตอนนั้นมันพยายามอย่างสุดกำลังที่มีแล้ว


 


เว้ยเสียแต่พลังความแข็งแกร่งของมันจะบังเกิดความก้าวหน้า หาไม่แล้วก็ไม่มีทางทำได้ดีกว่าครั้งก่อน


 


เฟิ่งชีชีกับไป๋หลี่หงเฟยนั้นมีพลังฝีมือพอๆกัน แต่รวมๆแล้วเฟิ่งชีชียังเหนือกว่าเล็กน้อย


 


ทั้งหมดเป็นเพราะไป๋หลี่หงเฟยนั้นตั้งให้เฟิ่งชีชีเป็นเป้าหมาย จึงบังเกิดแรงฮึดและทุ่มสุดตัวจนเอาชนะเฟิ่งชีชีมาได้…


 


อย่างไรก็ตาม ต่อมาเฟิ่งชีชีกลับไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง จนทวงชัยชนะกลับคืนจากไป๋หลี่หงเฟยได้สำเร็จ


 


ทว่าตัวมันแตกต่างจากไป๋หลี่หงเฟย


 


หากเป้าหมายของไป๋หลี่หงเฟยคือเฟิ่งชีชี…เป้าหมายของมันก็คือลุงของมันเอง ผู้นำสายท่ายอาและประมุขนิกายกรี่หมื่นหายนะคนปัจจุบัน  อวี่เจี้ยนเฉิง


 


อวี่เจี้ยนเฉิงได้สร้างสถิติที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้เอาไว้ในยอดเขาแรงโน้มถ่วงของแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้ ด้วยจำนวนบันได 3,787 ขั้น


 


อย่างน้อยๆก็ไม่มีใครทำลายมันได้มาตลอด 20,000 ปี


 


“ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกมั้งศิษย์พี่…กฏแห่งความมืดของมัน หากจะก้าวหน้าอะไรอีก ไม่ใช่ว่ามันต้องเข้าใจความลึกซึ้งประการใดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่เลยรึไง?”


 


เหอจ้านส่ายหน้าไปมา พลางกล่าว


 


“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”


 


อวี่เทียนสิงเอ่ยคำเฉยเมย “ก่อนที่มันจะปรากฏตัวขึ้นมา เจ้ากล้าเชื่อลงคอหรือไม่…ว่าวันหนึ่งจะมีคนที่ขึ้นมาจากระนาบโลกียะ และสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ในนิกายเรา?”


 


เหอจ้านพอได้ฟัง ก็คลี่ยิ้มแห้งๆออกมาทันที


 


เพราะการผงาดขึ้นมาของซูหลี่ ก็เป็นอะไรที่ค้านสามัญสำนึกของมันเช่นกัน “เฮ่อ ข้าไม่รู้จริงๆว่าสายเฉิงหยิ่งไฉนอยู่ๆมีโชคขนาดนี้ ถึงกับมีดาวอัจฉริยะเช่นมันปรากฏตัวขึ้นได้…”


 


สายเฉิงหยิ่ง ในบรรดา 10 สายหลักของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น เรียกว่าจืดจางเสียจนผู้คนแทบหลงลืมไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรากฏตัวของซูหลี่ ทำให้สายเฉิงหยิ่งกลับมาเป็นสายที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกครั้ง กระทั่งยังกลายเป็นเฟื่องฟูขึ้นมากที่สุดในบรรดา 10 สายของนิกายหมื่นหายนะอีกด้วย


 


“เจ้าอย่าได้ลืมไป…ว่าในอดีตเคยมีตัวตนอันน่าทึ่งปรากฏขึ้นในสายเฉิงหยิ่ง และข้าสงสัยว่าซูหลี่จะได้รับสืบทอดมรดกของคนผู้นั้น!”


 


อวี่เทียนสิงกล่าวออกเสียงขรึม


 


“ศิษย์พี่เทียนสิง คนที่ท่านพูดถึงนั่น…ใช่คนที่ในอดีตออกจากนิกายหมื่นกระบี่หายนะ แล้วไปท้าท้ายจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียนหรือไม่?”


 


เหอจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ว่ากันว่าหลังจากที่คนผู้นั้นประสบความพ่ายแพ้หลังท้าทายจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับเป็นทุกข์ลาภ สุดท้ายจึงทะลวงถึงขอบเขตเทพได้สำเร็จ?”


 


“แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้ยินข่าวคราวของคนผู้นั้นอีกเลย…หลายคนบอกว่าคนผู้นั้นได้เดินทางไปยังระนาบเทพแล้ว…”


 


เหอจ้านเองก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับยอดฝีมืออันน่าทึ่งสายเฉิงหยิ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอดีตมาก่อน


 


มันยังรู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตนิกายกระบี่หมื่นหายนะไม่ใช่แค่ขุมกำลังระดับ 1 อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้…เพราะในอดีตนั้นนิกายกระบี่หมื่นหายนะ จัดว่าเป็นขุมกำลังระดับสวรรค์ เป็นรองก็แค่ขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์!


 


ในระนาบเทวโลกทั้งหลาย หากไม่นับวิหารเฟิงฮ่าวแล้ว ขุมกำลังที่ทรงพลังอำนาจที่สุดของระนาบเทวโลกใดๆก็คือขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ที่ปกครองระนาบเทวโลกนั้นๆหรือที่เรียกกันว่า ‘พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์’


 


พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ จะมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่มากมาย ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะเรียกว่ามีพอๆกับขนของวัว และจ้าวเหนือหัวแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก็คือจักรพรรดิสวรรค์ที่ปกครองทั่วทั้งระนาบเทวโลกแห่งนั้น


 


ขุมกำลังที่รองลงมาจากขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ ก็คือขุมกำลังระดับสวรรค์ และขุมกำลังระดับนี้ ก็เป็นดั่งยักษ์ใหญ่ในระนาบเทวโลกเช่นกัน


 


ขุมกำลังระดับสวรรค์เองก็มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะมากมาย กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามก็มีมากกว่าหนึ่ง คน และขุมกำลังระดับสวรรค์บางขุมกำลัง ก็มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามไม่ได้ด้อยไปกว่าขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์เลย


 


อย่างไรก็ตาม สุดท้ายผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้ ก็คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเทวโลกนั้นๆ และจักรพรรดิสวรรค์เพียงคนเดียว ก็มีพลังมากพอจะสยบจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลาย!


 


รองลงมาจากขุมกำลังระดับสวรรค์ ก็คือขุมกำลังระดับ 1


 


อย่างไรก็ตามหากเป็นขุมกำลังระดับ 1 ที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่ แม้จะแค่คนเดียว ก็จะถูกจัดให้เป็นขุมกำลังระดับ 1 ขั้นสูง!


 


ขุมกำลังระดับ 1 ใดๆ หากไร้จักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่ ต่อให้มีจักรพรรดิอมตะมากมายแค่ไหน ก็ถือว่าเป็นแค่ขุมกำลังระดับ 1 เท่านั้น ไม่ใช่ขุมกำลังระดับ 1 ขั้นสูง!


 


ในปัจจุบัน นิกายกระบี่หมื่นหายนะ ถือว่าเป็นขุมกำลังระดับ 1 เท่านั้น


 


อย่างไรก็ตาม ในอดีตครั้งยังรุ่งโรจน์ นิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น เคยเป็นถึงขุมกำลังระดับสวรรค์ ในนิกายมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามมากมายหลายคน อนิจจาสุดท้ายก็ล้มหายตายจากจนนิกายตกต่ำลง


 


“นั่นเป็นเพียงข่าวลือสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ความจริง…”


 


ขณะที่อวี่เทียนสิงปริปากกล่าวออกมาคราวนี้ ในแววตาของมันฉายให้เห็นถึงความเคารพนับถือจับใจ เรียกว่าเป็นความเคารพนับถือในตัวยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอดีตผู้นั้น “อันที่จริงแล้วยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งในอดีตผู้นั้น หลังจากพ่ายแพ้จักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นดั่งตะเกียงสิ้นน้ำมันแล้ว ถึงแม้จะทะลวงถึงขอบเขตได้สำเร็จแต่ก็เท่านั้น…อาการบาดเจ็บสะสมหนักหนาเกินไป”


 


“สุดท้ายจึงไม่ได้ไปยังระนาบเทพอันใด…ยังว่ากันว่าก่อนที่จะตายตก ยอดฝีมือผู้นั้นได้ออกจากระนาบเทวโลกและหวนกลับคืนสู่บ้านเกิดในระนาบโลกียะ และนั่นก็คือระนาบโลกียะเดียวกันกับ ระนาบโลกียะที่ซูหลี่ได้รับสืบทอดมรดกมา ก่อนที่จะถูกรับตัวมายังอวี้หวงเทียนในที่สุด”


 


“ระนาบโลกียะแห่งนั้นเรียกว่าระนาบเหยียนหวง…กระทั่งตัวจักรพรรดิสวรรค์เองก็มาจากที่นั่น นอกจากนั้นยังมีตัวตนทรงพลังระดับตำนานของอวี้หวงเทียนมากมายที่มาจากที่นั่น”


 


พออวี้เทียนสิงกล่าวถึงจุดนี้ มันก็มองจ้องไปที่เหอจ้าน “ในปีนั้น เมื่อยอดฝีมือของสายเฉิงหยิ่งพ่ายแพ้และจากไป ก็มีขุมกำลังระดับสวรรค์มากมายฉวยโอกาสปล้นชิงยามไฟไหม้ ด้วยคิดประจบประแจงจักรพรรดิสวรรค์ จึงระดมกำลังกันบุกมากำราบนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราเพื่อสร้างความดีความชอบ…”


 


“ในตอนนั้นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพวกเราแทบทั้งหมดถูกจับไปประหารตัดหัว…”


 


“หลังจากนั้นนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราก็ถูกบีบให้ออกจากศูนย์กลางอำนาจ ระหกระเหินออกมาจากดินแดนอวี้หวง และมาลงหลักปักฐานยังดินแดนทักษินยุทธ์แห่งนี้”


 


กล่าวถึงประโยคท้าย อวี่เทียนสิงก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน


 


“เช่นนั้นมิใช่กล่าวได้ว่า…ยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งผู้นั้นเป็นคนบาปของนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเรารึไร? เพราะความพ่ายแพ้ของมัน กลับชักนำหายนะเภทภัยมาสู่นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราจนตกต่ำ?”


 


ลูกตาเหอจ้านหดหยีลง


 


“คนบาป?”


 


อวี่เทียนสิงหันกลับไปมองเหอจ้านตาขวางทันที แววตายังเฉยชาเยือกเย็นนัก “วันหลังเจ้าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลเช่นนี้อีกเสียประเสริฐกว่า! หากท่านลุงของข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่ เกรงว่าคงไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่!!”


 


“เพราะตลอดชั่วชีวิตของท่านลุงข้า คนที่ท่านนับถือทั้งเลื่อมไสมากที่สุดก็คือยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งผู้นั้น!”


 


“อีกทั้ง เป็นเพราะท่านลุงสันนิษฐานว่าซูหลี่อาจได้รับสืบทอดมรดกของยอดฝีมือผู้นั้นมา ท่านลุงจึงดูแลซูหลี่อย่างดี…และเพราะเรื่องนี้ ท่านลุงกระทั่งเรียกข้าเข้าพบเป็นการส่วนตัว เพื่อกำชับข้าว่าห้ามมิให้กระตุกขาหลังหรือเล่นไม่ซื่ออะไรกับซูหลี่เด็ดขาด! หากข้าคิดจะกำราบซูหลี่ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น…คือต้องประมือเอาชนะมันอย่างตรงไปตรงมา! หาไม่แล้วท่านลุงจะไม่มีวันอภัยให้ข้า!!”


 


พออวี่เทียนสิงกล่าวถึงจุดนี้ มุมปากมันก็ยกยิ้มขื่นขมขึ้นมา


 


มันนับถือลุงคนนี้ไม่ต่างอะไรจากบิดาแท้ๆเลย และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่เชื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย


 


“ช้าก่อนศิษย์พี่เทียนสิง…จากลำดับเหตุการณ์ที่เท่าเล่ามา ถ้าซูหลี่มันได้รับสืบทอดมรดกจากยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งผู้นั้นมาจริงๆ…มิใช่หมายความว่ามันได้รับสืบทอดมรดกของทวยเทพคนหนึ่งมาหรอกหรือ!?”


 


เหอจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะเดียวกันสองตามันก็ฉายชัดถึงความอิจฉาทั้งริษยา ยังเผยให้เห็นความเกลียดชังล้นปรี่


 


“หาไม่แล้ว เจ้าคิดว่าไฉนมันถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ทั้งที่มีอายุไม่ถึง 300 ได้เล่า? อีกทั้งอย่าได้ลืมไปว่ามันก็แค่คนที่เกิดในระนาบโลกียะคนหนึ่ง…”


 


อวี่เทียนสิงกล่าว


 


“ศิษย์พี่เทียนสิง…ท่านว่า นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเรา ไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามหลงเหลืออยู่แล้วจริงๆหรือ?”


 


อยู่ๆเหอจ้านก็เอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา


 


“จักรพรรดิอมตะสมญานาม?”


 


อวี่เทียนสิงคลี่ยิ้มบางๆ “จักรพรรดิอมตะที่มีพลังฝีมือสูงส่งถึงระดับหนึ่ง หลังจากผ่านการทดสอบของวิหารเฟิงฮ่าวก็จะได้รับสมญานาม กลับกลายเป็นจักรรพรรดิอมตะสมญานาม”


 


“อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่าในระนาบเทวโลกทั้งหลาย มันขาดจักรพรรดิอมตะที่มีพลังฝีมือสูงส่ง แต่ทว่ายังไม่ได้ไปวิหารเฟิงฮ่าวหรือไร?”


 


เอ่ยถึงจุดนี้อวี่เทียนสิงก็มองจ้องเหอจ้านเขม็ง


 


“ก็จริงของท่าน”


 


เหอจ้านพยักหน้า


 


“อันที่จริงไม่ใช่แค่นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเรา…ไม่ว่าจะเผ่าหงส์ฟ้าโบราณก็ดี ตระกูลไป๋หลี่ก็ดี ล้วนมียอดฝีมือที่มีพลังทัดเทียมจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ไม่ได้ไปวิหารเฟิงฮ่าวเพื่อรับสมญานามทั้งนั้น”


 


พออวี่เทียนสิงกล่าวจบคำ มันก็หันกลับไปมองตารางอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงอย่างไม่รู้ตัว


 


ทว่ามองไปปราดเดียว ลูกตามันก็หดเล็กลงทันที


 


เหอจ้านเองก็หันไปมองตามสายตาของอวี่เทียนสิงเช่นกัน และเมื่อเห็นตารางจัดอันดับ ลูกตามันก็หดเล็กไม่ต่าง


 


ชื่อของซูหลี่นั้น ยังอยู่ในอันดับที่ 2


 


อย่างไรก็ตามจำนวนขั้นบันไดที่อยู่ด้านหลังซูหลี่…พอดูอีกทีก็เพิ่มขึ้นมาถึง 3,536 แล้ว!


 


เรียกว่าขั้นบันไดที่ซูหลี่ปีนขึ้นมาได้ มันห่างจากจำนวนขั้นบันไดที่อวี่เทียนสิงปีนได้แค่ขั้นเดียวเท่านั้น!!


 


“ให้ตายเถอะ…ซูหลี่ผู้นี้อยู่ๆกลับขึ้นมาถึงขั้นที่ 3,536 ได้แล้ว”


 


เหอจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองกล่าวกับอวี่เทียนสิงด้วยสีหน้าอื้ออึงอยู่บ้าง “ศิษย์พี่เทียนสิง ดูเหมือนเจ้าซูหลี่นั่น หลังเข้ามาแล้ว….มันท่าทางจะเข้าใจความลึกซึ้งบางประการของกฏแห่งความมืดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้จริงๆ…”


 


“เรื่องนี้ ชัดเจนแล้วล่ะ…”


 


อวี่เทียนสิงพยักหน้าขานรับด้วยใจหนักอึ้ง ตอนนี้มันรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก


 


ในเวลาเดียวกัน


 


ผู้คนมากกว่า 9 ส่วนของแดนลับอัจฉริยะ ก็เร่งรุดเดินทางมายังบริเวณตีนเขาของยอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้งหลาย


 


แน่นอนว่าที่พวกมันเร่งงรุดมากันไม่ใช่ว่าคิดจะไต่เขาทำสถิติอะไร พวกมันได้พยายามสุดกำลังสำหรับไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงไปแล้ว มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่พวกมันมาที่นี่…


 


มาเป็นประจักษ์พยาน!


 


“ให้ตายเถอะ อีกแค่ขั้นเดียวซูหลี่ก็จะไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้เท่าอวี่เทียนสิงแล้ว!”


 


“ให้ตายเถอะ ดูเหมือน 2 ยอดอัจฉริยะแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ! จักมาตัดสินกันว่าผู้ใดสูงผู้ใดต่ำด้วยยอดเขาแรงโน้มถ่วงนี่แล้ว!!”

 

 

 


ตอนที่ 3229

 

ในแดนลับอัจฉริยะตอนนี้ บริเวณด้านล่างของยอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้ง 99 ลูก ปรากฏผู้คนมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวานัก


 


ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว…


 


ซูหลี่!


 


ศิษย์อัจฉริยะนิกายกระบี่หมื่นหายนะสายเฉิงหยิ่ง!


 


ตอนนี้บริเวณตีนเขาลูกเดียวกับที่ซูหลี่กำลังปีนบันไดไต่ขึ้นไปนั้น ทุกสายตาล้วนจับจ้องมองไปยังร่างซูหลี่ ที่บัดนี้ได้หยุดอยู่บนบันไดขั้นที่ 3,536 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วงอย่างลุ้นระทึก!


 


“ซูหลี่…จะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้น และทัดเทียมกับอวี่เทียนสิงได้หรือไม่?”


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำคำถามดังกล่าวออกมา


 


“ข้าว่ามันทำได้แน่…ดูจากท่าทางของซูหลี่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดเลิกราง่ายๆ เพราะหากมันรู้ว่าไปต่อไม่ไหว ไฉนยังเลือกยืนรับแรงกดดันไม่ไปไหนให้เหน็ดเหนื่อยทั้งเสียเวลาเปล่า? มิสู้รีบล่าถอยออกมาแต่แรก?”


 


“ข้าก็คิดเหมือนกัน…ซูหลี่คนนี้ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าพลังฝีมือของมันมันพอๆกับอวี่เทียนสิงผู้นั้น คราวนี้จะได้รู้กันไปว่าที่แท้ผู้ใดคืออัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายหมื่นกระบี่หายนะกันแน่!”


 


“ในอดีตทุกคนล้วนคิดว่า อวี่เทียนสิงจะต้องก้าวขึ้นรับตำแหน่งประมุขคนต่อไปของนิกายกระบี่หมื่นหายนะแน่นอน…อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซูหลี่ปรากฏตัวขึ้นมา อวี่เทียนสิงก็ไม่แน่ว่าจะได้เป็นประมุขรุ่นต่อไปของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ…”


 


“ที่เจ้าว่ามามันก็ไม่แน่หรอก…เจ้าอย่าลืมไป หากซูหลี่มีพรสวรรค์เหนือกว่าอวี่เทียนสิงจริงๆ วันหน้ามันเผลอๆจะไปยังแดนอวี้หวง เพื่อเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับแนวหน้าของอวี้หวงเทียน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะยึดติดกับตำแหน่งประมุขนิกาย…”


 


“จริง ในระนาบเทวโลกมีหลายคนที่ไม่เต็มใจถูกผัดมัดไว้กับขุมกำลัง หมายดิ้นรนต่อสู้แสวงหาจุดสูงสุด”


 



 


ใต้ยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่กำลังปีนอยู่ ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยกลุ่มอัจฉริยะรากหญ้า แต่อัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายยังมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น


 


“ไป๋หลี่หงเฟย เจ้าว่าซูหลี่มันจะก้าวขึ้นไปขั้นต่อไปได้หรือไม่?”


 


ทันใดนั้นเอง พอมีเสียงชายคนหนึ่งเอ่ยถามชายอีกคนที่ยืนแยกตัวอยู่คนเดียวด้านหลังดังขึ้น หลายคนในละแวกนั้นก็หันกลับไปมองตามต้นเสียงเป็นสายตาเดียวกัน จากนั้นก็มองไปตามสายตาอีกฝ่าย และหยุดอยู่บนร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนแยกตัวอยู่คนเดียวด้านหลัง


 


ไป๋หลี่หงเฟย?


 


อัจฉริยะอันดับ 1 ของตระกูลไป๋หลี่น่ะหรือ?!


 


ผู้ที่อยู่ในอันดับที่ 4 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง?


 


“เอี้ยอู๋เต้า อย่าถามแต่ข้าเลย แล้วเจ้าคิดอย่างไรเล่า?”


 


ชายหนุ่มที่ถูกเรียกหาว่าไป๋หลี่หงเฟยนั้น มาในชุดคลุมสีเทาแกมขาว มันไม่ได้ตอบอะไร เพียงเลือกที่จะย้อนถามกลับไปยังชายหนุ่มที่เอ่ยถามมันแทน


 


“เอี้ยอู๋เต้า? อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำ อันดับ 5 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง!?”


 


“จำนวนขั้นบันไดที่เอี้ยอู๋เต้าปีนขึ้นไปได้น้อยกว่าไป๋หลี่หงเฟยแค่ 3 ขั้นเท่านั้น…พลังฝีมือของมันให้เทียบกับไป๋หลี่หงเฟยเกรงวว่าคงพอฟัดพอเหวี่ยงกัน”


 


“แต่เห็นว่าเอี้ยอู๋เต้าผู้นี้ ผ่านความเป็นตายมามากมายนัก มันพลิกกลับมาเอาชนะและเข่นฆ่าผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันได้หลายครั้งอย่างอัศจรรย์ ข้าว่าหากต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง ไป๋หลี่หงเฟยก็ไม่แน่ว่าจะสู้มันได้”


 


“ชู่ว! ปากเจ้าหรือน่ะ! ไป๋หลี่หงเฟยก็อยู่ยืนหัวโด่อยู่นั่นมิเห็นหรือไร! ภรรยาชราที่บ้านทำให้เจ้าเบื่อชีวิตนักเรอะ?”


 



 


สายตาหลายคนหันกลับไปมองเอี้ยอู๋เต้า จากนั้นเสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นเซ็งแซ่


 


“ข้าว่ามันขึ้นไปได้”


 


เอี้ยอู๋เต้าหยีตาเล็กน้อยค่อยยิ้มกล่าวตอบ


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เอี้ยอู๋เต้ากล่าวจบคำ ร่างซูหลี่ที่ยืนนิ่งอยู่บนบันไดขั้นที่ 3,536 ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง


 


ซู่มมม!!!


 


ซูหลี่งอเข่าเล็กน้อยก่อนจะถีบเท้ากระโดดขึ้นไป และทันใดนั้นเองทั่วร่างพลันปรากฏพลังสีดำปะทุขึ้นมาปานจุดระเบิด หนุนเสริมให้ร่างคนพุ่งทะยานขึ้นไปรวดเร็ว!


 


และในที่สุดซูหลี่ก็โดดขึ้นมายืนอยู่บันไดขั้นบนได้สำเร็จ!


 


ขั้นที่ 3,537!


 


ตอนนี้ขั้นบันไดที่ซูหลี่ปีนได้ มันก็เทียบเท่ากับอวี่เทียนสิงแล้ว


 


อย่างไรก็ตามเนื่องจากซูหลี่ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงภายหลัง จึงยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 2…


 


แต่กระนั้น สิ่งนี้ก็สร้างความโกลาหลและแตกตื่นให้กับแดนลับอัจฉริยะไม่น้อย!


 


“ขึ้นไปแล้ว!!”


 


“ดูเหมือนว่าพลังที่แท้จริงของซูหลี่จักมิได้ด้อยไปกว่าอวี่เทียนสิง!!”


 


“แต่ข้ามองว่าอวี่เทียนสิงไม่ต่างอะไรจากถูกซูหลี่โค่นลงอย่างราบคาบ! เพราะอายุของอวี่เทียนสิงเกือบจะเป็น 3 เท่าของซูหลี่ด้วยซ้ำ!!”


 


“ให้ตายเถอะ ซูหลี่ผู้นี้ แน่ใจนะว่ามันมาจากระนาบโลกียะจริงๆ!?”


 



 


เมื่อซูหลี่สามารถปีนขึ้นไปบนบันไดขั้นที่ 3,537 ได้ เรียกว่าเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็พากันตื่นตะลึงไปเป็นแถบ!


 


“หืม? มันยังไม่ลงมา…หรือคิดจะไปต่ออีก?”


 


“อะไรกัน หรือซูหลี่คิดจะขึ้นไปอีกขั้น? หมายเอาชนะอวี่เทียนสิงให้ชัดเจนหรือ?”


 



 


หลายคนที่อยู่ตีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่ปีนอยู่ ย่อมสังเกตเห็นเรื่องนี้ได้ไม่ยาก


 


และบางคนก็เร่งบดขยี้ยันอมตะสื่อสารทางวิญญาณบอกสหายทันที ทำให้หลายคนที่ได้รับทราบข่าว ทนคันปากไม่ไหว เร่งโพล่งดังออกมาให้ทุกคนรับรู้ “เฮ้! พอดีสหายข้าที่อยู่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงเดียวกับซูหลี่แจ้งมา เห็นว่าซูหลี่ยังไม่คิดเลิกล้ม มันทำท่าเหมือนจะปีนขึ้นไปต่อ!!”


 


“จริงหรือหลอก?”


 


“ศิษย์พี่ท่านนี้ เป็นเรื่องจริงหรือ…เมื่อครู่กว่าซูหลี่จะก้าวขึ้นไปก็ใช้เวลาหลายสิบลมหายใจ…เห็นได้ชัดว่ามันฝืนตัวเองไม่น้อย ตอนนี้มันยังคิดจะปีนขึ้นไปอีกเหรอ?”


 


“เจ้าว่ามันจะปีนขึ้นไปได้รึเปล่า?”


 



หลายคนไม่ค่อยมองซูหลี่ในแง่ดีสักเท่าไหร่ เพราะกว่าซูหลี่จะขึ้นบันไดขั้นเมื่อครู่ได้ก็ใช้เวลารวมพลังอยู่นานสองนาน เช่นนั้นกับขั้นบันไดที่แรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม คงยากที่จะฝืนขึ้นไปได้ไหวแล้ว


 


เมื่อไปถึงบันไดขั้นสูงๆอย่างขั้นซูหลี่ยืนนอยู่ตอนนี้ แรงโน้มถ่วงที่กดทับลงมา มันจะเพิ่มมากกว่าก่อนหน้ามหาศาล!


 


“ระดับพลังฝึกปรือของซูหลี่…ดูเหมือนจะเป็นแค่จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดไม่ใช่รึไง?”


 


“ต่อให้จะทะลวงผ่านไปแล้วก็ยังแค่จอมราชันอมตะ 2 ยศเท่านั้น…ด้วยระดับพลังฝึกปรือเพียงเท่านั้น กลับก้าวมาถึงบันไดขั้นนี้ได้ ข้าว่าต่อให้เป็นอวี่เจี้ยนเฉิง ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอดีตก็เกรงว่าจะทำไม่ได้กระมัง?”


 


“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า…สุดท้ายตอนที่อวี่เจี้ยนเฉิงทำสถิติที่ไม่อาจทำลายได้ ด่านพลังก็บรรลุถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสานเข้าไปแล้ว”


 


“ข้าได้ยินมาว่าซูหลี่คนนี้ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ…หากแดนลับอัจฉริยะเปิดช้าไปกว่านี้สักร้อยปี เกรงว่าซูหลี่ที่สมควรมีด่านพลังฝึกปรือก้าวหน้าไปมากกว่านี้ ต้องทำลายสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงได้ง่ายๆแน่!”


 


“จริง แดนลับอัจฉริยะจะเปิดออกทุกๆ 1,000 ปี กำหนดเวลาตายตัวไม่แปรเปลี่ยน ทุกครั้งที่เปิดก็มีแต่ผู้ที่บรรลุด่านพลังจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดขึ้นไป และมีอายุไม่ถึงพันปีเท่านั้นที่จะเข้าไปได้…กล่าวได้ว่า ทุกคนไม่ว่าใคร ตลอดชั่วชีวิต ล้วนมีโอกาสในการเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะเพียงแค่ครั้งเดียว! การที่ซูหลี่จำต้องเข้ามาตั้งแต่อายุไม่ถึง 300 ปี ข้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง…”


 


“เจ้าผิดแล้ว ไม่มีคำว่ายุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมอันใดทั้งนั้น…เพียงกล่าวได้ว่า เป็นชะตาชีวิตของแต่ละคน”


 



 


สุดท้ายผู้ที่มารวมตัวกันที่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้ง 99 แห่งก็ไม่มีใครคิดจากไปไหน สำหรับอัจฉริยะที่อยู่ยอดเขาเดียวกับซูหลี่ก็แหงนคอมองจ้องซูหลี่ไม่วางตา สำหรับอีก 98 ยอดเขาที่เหลือก็มองจ้องตารางอันดับตาเขม็ง


 


ชื่อของซูหลี่ยังคงปรากฏแสงเรืองรอง


 


กล่าวอีกอย่างได้ว่า คนยังไม่ล้มเลิกแต่อย่างใด ยังยืนอยู่บนบันไดขั้นนั้น!!


 


มีเพียงแค่ผละออกจากขั้นบันไดและออกนอกระยะที่กำหนดของยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้วเท่านั้น ชื่อในตารางจัดอันดับจึงจะหยุดส่องแสง


 


ตอนนี้เหล่าคนที่อยู่บริเวณยอดเขาแรงโน้มถ่วงใกล้ๆกับยอดเขาที่ซูหลี่อยู่ ก็ตัดสินใจปะทุพลังชั่วชีวิตพุ่งร่างมุ่งหน้าไปยังยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่อยู่ทันที ทั้งหมดคิดไปชมดูเรื่องราวน่าตื่นเต้นด้วยสองตาตัวเอง!


 


การดูผู้คนตัวเป็นๆ มันย่อมเร้าใจกว่าชมมองการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขอยู่แล้ว!


 


“ศิษย์พี่เทียนสิง! ศิษย์พี่เหอจ้าน!”


 


ในขณะที่ซูหลี่คิดจะปีนขึ้นไปบันไดขั้นต่อไป อวี่เทียนสิงกับเหอจ้าน ก็มาปรากฏตัวใกล้ๆยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่อยู่ และมีสตรีนางหนึ่งเหินร่างเข้ามาประสานมือคารวะพลางโค้งเล็กน้อยเป็นการทักทายทันที


 


“ศิษย์น้องหญิงอวิ๋น หากไม่ใช่เพราะแจ้งมา ข้ากับศิษย์ที่เทียนสิงคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูหลี่กำลังไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงอยู่ เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว”


 


เหอจ้านคลี่ยิ้มพลางกล่าวขอบคุณสตรีเบื้องหน้า


 


สตรีที่ลอยร่างเบื้องหน้าอย่างนอบน้อมนางนี้ ก็เป็นอัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะคนหนึ่ง มีนามว่า อวิ๋นยี และก็ไม่ใช่คนที่อยู่สายเดียวกันกับเหอจ้าน อวี้เทียนสิง รวมถึงซูหลี่


 


นางมาจากสาย อวี๋ฉาง ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และยังเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของสายอวี๋ฉางอีกด้วย


 


แต่พลังฝีมือของนางก็ไม่ได้สูงส่งนัก ยังเทียบเหอจ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับอวี่เทียนสิงและซูหลี่


 


“ศิษย์พี่เหอจ้านมิต้องขอบคุณข้าหรอก ก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”


 


ขณะกล่าวคำ อวิ๋นยีก็มองไปยังอวี่เทียนสิงที่อยร่างข้างๆเหอจ้านด้วยสายตาชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา


 


ในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ มีผู้คนมากมายที่ชื่นชมอวี่เทียนสิง สตรีน้อยใหญ่ก็ชมชอบอวี่เทียนสิงกันไม่น้อย น่าเสียดายที่อวี่เทียนสิงล้วนทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างเดียว จึงไม่คิดจะคบหาดูใจหรือหาคู่ร่วมทางชีวิตใดๆทั้งสิ้น


 


อวิ๋นยีเองก็เป็นหนึ่งในสตรีที่ชมชอบอวี่เทียนสิง


 


“ศิษย์พี่เทียนสิง ซูหลี่ดูเหมือนจักใช้พลังทั้งหมดเพื่อก้าวขึ้นมาอยู่บนบันไดขั้นเดียวกับท่านแล้ว มันมิน่าจะขึ้นไปได้ไหวแล้วล่ะ”


 


อวิ๋นยีกล่าวกับอวี่เทียนสิงด้วยรอยยิ้มสดใส


 


“ศิษย์น้องอวิ๋นยี…อย่าได้ดูเบาซูหลี่ไป เจ้าต้องทราบด้วยว่าเวลาที่ซูหลี่ใช้ก้าวขึ้นมายังบันไดขั้นที่ 3,537 จากขั้นที่ 3,536 นั้น…ยังสั้นกว่าข้าเสียอีก…”


 


ได้ยินคำของอวิ๋นยี อวี่เทียนสิงก็ส่ายหน้าไปมา “ดังนั้นมิใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่มันจะ…”


 


ในขณะที่อวี่เทียนสิงกำลังจะพูดว่า ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่ซูหลี่จะขึ้นบันไดขั้นต่อไปได้สำเร็จ ทว่ามันไม่ทันได้กล่าวจบคำ ลูกตาก็จำต้องหดเล็กลงเสียก่อน


 


เพียงเพราะมันเห็นว่า ซูหลี่ที่ยืนอยู่บนบันไดขั้น 3,537 นั้น เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!


 


“ซูหลี่ขยับแล้ว!!”


 


ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้องมองไปเขม็ง ซูหลี่พลันย่อตัวทั้งกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง และคราวนี้ปรากฏมวลพลังปะทุออกมาปานเขื่อนแตก จากนั้นมวลพลังสีดำดังกล่าวก็ควบรวมปกคลุมร่างกาย ก่อลักษณ์เป็นกระบี่สีดำเล่มเขื่องขึ้น!


 


รอบๆกระบี่สีดำเล่มเขื่อง ยังปรากฏไอพลังดั่งหมอกโลหิตรวมถึงหมอกทมิฬห้อมล้อมเวียนวน ประหนึ่งมีมังกรดำกับมังกรโลหิตกำลังหยอกเย้าเล่นไล่จับ!


 


วู้มมมม!!


 


ทันใดนั้นเองเสียงกระบี่กู่ร้องพันดังขึ้นกึกก้องสะท้านเขาทั้งลูก พาลให้ผู้คนแก้วหูสะเทือนแทบหนวก!


 


ครู่ต่อมา ทุกสายตาพลันเห็นว่ าร่างซูหลี่ที่ปกคลุมไปด้วยกระบี่เล่มเขื่อง ได้โจนทะยานขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 3,538! ที่สำคัญยังไม่หยุดลงเพียงเท่านั้น คนยังพุ่งทะยานขึ้นไปต่อ!!


 


1 ขั้น 2 ขั้น 3 ขั้น…


 


ร่างซูหลี่โจนทะยานขึ้นไปเร็วไวขั้นแล้วขั้นเล่า ไม่หยุดลงจนกระทั่งบรรลุถึงขั้นที่ 3,552  ก่อนจะหยุดลง! จากนั้นก็โดดออกจากบันไดขั้นดังกล่าวทันที


 


เมื่อออกนอกระยะแรงโน้มถ่วง ไอพลังที่ปกคลุมทั่วร่างก็สลายหายไป ส่วนใต้เท้าพลันมีกระบี่สีเลือดเล่มหนึ่งปราฏขึ้นจากอากาศธาตุ พอเท้าย่ำเหยียบลง คนก็ท่องกระบี่พุ่งไปดั่งลำแสงผ่าฟ้า หายลับไปจากสายตาผู้คนในพริบตา…


 


คงเหลือไว้เพียงเงาหลังสีดำไวๆ ให้ทั้งหลายชะเง้อมองตาม…


 


“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม…ซูหลี่…มันพุ่งขึ้นไปรวดเดียวถึงบันไดขั้นที่ 3,552?”


 


“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มิใช่ก่อนหน้า ซูหลี่ก็แลดูเต็มกลืนแล้วไม่ใช่รึไงกว่าจะโดดขึ้นไปอยู่ขั้นเดียวกับอวี่เทียนสิงได้…แล้วไฉนอยู่ๆมันถึงพุ่งทะยานขึ้นไปรวดเดียวเช่นนั้นเลยเล่า!?”


 


“มารดามันเถอะ! อวี่เทียนสิงเพียงปีนขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,537 เท่านั้น….แต่ซูหลี่กลับแซงมันไปรวดเดียว 15 ขั้น!!”


 


“ซูหลี่ผู้นี้ร้ายกาจเกิน!!”


 


“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้า ดูจากอาการมันสมควรใช้พลังทั้งหมดแล้วมิใช่รึไง? เช่นนั้นมันไปเค้นเรี่ยวแรงมาจากที่ใดอีก?”


 



 


การที่อยู่ซูหลี่ก็พุ่งทะยานขึ้นไปรวดเดียว 15 ขั้นบันไดเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หรือชมมองตารางจัดอันดับ ล้วนตกตะลึงอึ้งไปเป็นแถบ ทั้งหมดงุนงงทั้งไม่เข้าใจ ว่าที่แท้ซูหลี่ทำได้อย่างไรกันแน่


 


“ซูหลี่…”


 


อวี่เทียนสิงหันไปจับจ้องมองขอบฟ้าทิศทางที่ซูหลี่ท่องกระบี่จากไป สีหน้าท่าทีของมันแลดูเขร่งขรึมจริงจังถึงขีดสุด “ดูเหมือนการเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ มันจะพบพานกับความก้าวหน้าครั้งใหญ่…”


 


“เอ่อ..”


 


ด้านเหอจ้านกับอวิ๋นยีนั้น สติหลุดลอยไปจนกลับร่าไม่ถูกแล้ว จนตอนนี้พวกมันยังหันไปมองจ้องตารางจัดอันดับด้วยความงุนงง


 


ซูหลี่ 3,552 ขั้น


 


“อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย ข้าว่าอันดับของซูหลี่ในยอดเขาแรงโน้มถ่วง…คงไม่มีอัจฉริยะคนใดในแดนลับอัจฉริยะตอนนี้สามารถทำลายมันได้แล้วล่ะ”


 


“ข้าก็ว่างั้น”


 


“ตอนแรกข้าก็คิดว่าคงไม่มีผู้ใดทำลายสถิติของอวี่เทียนสิงได้แล้วแน่ๆ…แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายซูหลี่กลับทำลายมันลงได้”


 



 


เหล่าอัจฉริยะในแดนลับอัจฉริยะทั้งหลาย ตอนนี้รู้สึกเสมือนเลือดทั่วร่างเดือดพล่านเพราะการแสดงของซูหลี่…


WSSTH ตอนที่ 3,230 : สถิติใหม่ หอคอยวิญญาณ!


 


 


2 ปีต่อมา สถานที่ทดสอบต่างๆในแดนลับอัจฉริยะที่มีการจัดอันดับ คล้ายๆกับยอดเขาแรงโน้มถ่วง หลายต่อหลายแห่งก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย


 


เนื่องเพราะชื่อคนที่ได้อันดับ 1 มันเปลี่ยนไป


 


และชื่อคนที่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 1 ของสถานที่ทดสอบต่างๆแทนคนเก่าก็คือ ซูหลี่!


 


“ต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกหรือ?”


 


ภายในป่าอันมืดมิดแห่งหนึ่ง ซูหลี่ที่นั่งขัดสมาธิบนกิ่งไม้ใหญ่ กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ พลางยื่นมือออกไปเบื้องหน้า


 


ทันใดนั้นเองประหนึ่งเส้นสายอัสนีฟาดผ่า ใบไม้แต่ละใบที่กำลังร่วงตกลงมา ถูกพลังกระบี่ไร้สภาพอันเยือกเย็นขุมหนึ่ง วูบวาบออกไปสับจนแหลกเป็นพันๆเสี่ยงอย่างเท่าเทียมกันทุกใบ


 


ฟุ่บ!


 


เสียงร่างแหวกฝ่าสายลมดังขึ้น เป็นซูหลี่ดีดตัวออกจากกิ่งไม้ โจนทะยานร่างขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นใต้ฝ่าเท้าพลันปรากฏกระบี่สีเลือดเล่มหนึ่งผุดจากความว่างเปล่า พอเท้าย่ำเหยียบลงไป คนก็ท่องกระบี่พุ่งทะยานละลิ่ว ก่อเกิดลำแสงลากยาวตัดฟ้าสายหนึ่ง


 


ในเวลาเดียวกันนั้นเอง


 


บริเวณปากถ้ำที่ขุดขึ้นริมขอบผาในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง ปรากฏร่าง 2 ร่างค่อยๆก้าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง


 


บุรุษช่างหล่อเหลา สตรีก็งดงามไม่แพ้กัน


 


“ฮ่วนเอ๋อ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราเข้ามาแดนลับอัจฉริยะแป๊บๆ ก็ผ่านไป 8 ปีแล้ว…”


 


ชายหนุ่มในชุดสีม่วงหันมองทิวทัศน์รอบๆ พลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


“พี่หลิงเทียน ทั้งหมดเป็นเพราะฮ่วนเอ๋อ ท่านก็เลยไม่ได้ไปไหนเลย…หากไม่ใช่เพราะฮ่วนเอ๋อพี่หลิงเทียนจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม”


 


สตรีชุดขาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด


 


ชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ที่เข้ามาในแดนลับอัจฉริยะได้ 8 ปีแล้ว


 


“เด็กโง่ พี่หลิงเทียนเสียเวลาที่ไหนเล่า…ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เพราะมีเวลาตระหนักรู้กฏมิติ จึงเรียกว่าก้าวหน้าครั้งใหญ่เลยต่างหาก ยังมากกว่าฮ่วนเอ๋อซะอีก”


 


ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มสดใสพลางกล่าวปลอบ


 


“จะว่าไปอาศัยพลังของพวกเราตอนนี้ ในแดนลับอัจฉริยะคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว…พวกเราออกไปตระเวนดูรอบๆกันเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือเพิ่ม”


 


“อีกทั้งพวกเราต้องไปสถานที่ทดสอบทั้งหลายด้วย อย่างน้อยๆก็ต้องทำผลงานให้พวกขุมกำลังระดับ 1 มาทาบทามพวกเราให้ได้”


 


พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างนำฮ่วนเอ๋อออกจากหุบเขาทันที


 


หลังจากเหินร่างออกจากหุบเขาได้ไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นหอคอยสูงใหญ่ กินอาณาบริเวณกว้างขวางตั้งตระหง่านราวยักษ์ปักหลั่นอยู่ไกลตา นับด้วยสายตาแล้วสมควรสูงราวๆ 30 ชั้นเห็นจะได้


 


“นั่นมัน…หรือจะเป็นหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล?”


 


เมื่อเห็นหอคอยมหึมาที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้า สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันที


 


ก่อนหน้าที่เขาจะปิดด่านบ่มเพาะ ระหว่างเดินทางหาที่เก็บตัว เขาก็เคยได้ยินอัจฉริยะที่เหินผ่านไปมา กล่าวถึงหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลอยู่บ้าง ว่ามันเป็นสถานที่ๆใช้สำหรับวัดพลังฝีมือโดยรวมของอัจฉริยะที่เข้ามาในแดนลับอัจฉริยะได้ดีทีเดียว


 


ผู้ที่เข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลนั้น ไม่อาจใช้พลังภายนอกใดๆได้ในขณะทดสอบได้ ดุจเดียวกับฟ้าดินแห่งกฏ


 


‘หากจำไม่ผิดสถิติสูงสุดของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ก็สมควรเป็นผลงานของอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะเช่นกัน…หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทั้ง 30 ชั้น มันใช้เวลาเพียงแค่ 132 ลมหายใจ ก็เข่นฆ่าจิตวิญญาณแห่งค่ายกลได้ทั้งหมด’


 


ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องนี้มาจากอัจฉริยะรากหญ้าคนอื่นๆ


 


‘ข้ากับฮ่วนเอ๋อปิดด่านบ่มเพาะไป 8 ปีแล้ว ตอนนี้ในแดนลับอัจฉริยะก็เหลือเวลาไม่ถึง 2 ปี…ไม่ทราบในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่าน มีสถิติใดถูกทำลายไปบ้าง แล้วอัจฉริยะจากขุมกำลังใดทำผลงานได้ดีที่สุด’


 


ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้วนหลิงเทียนจึงพาฮ่วนเอ๋อเหินร่างมุ่งตรงไปยังหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทันที และด้านหน้าใกล้ๆทางเข้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล มีแท่นศิลาตั้งอยู่ เพียงแผ่สำนึกเทวะลงไป ก็จะสามารถตรวจสอบอันดับ และเวลาที่ผู้ทดสอบใช้ผ่านหอคอยได้


 


‘หืม? อันดับแรก…ซูหลี่?’


 


พอเห็นว่าผู้ที่ได้อันดับ 1 ของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลในตอนนี้ชื่อ ซูหลี่ ในใจต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏร่างชายหนุ่มที่ไม่ได้พบเจอกันนานมากๆแล้วคนหนึ่งขึ้นมาทันที


 


เขามีสหายเก่านามซูหลี่อยู่คนนึง


 


อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากระนาบเหยียนหวง ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกตอนนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอซูหลี่อีกเลย กระทั่งข่าวคราวก็ไม่มี


 


พอลองนับนิ้วดูแล้ว เขากับซูหลี่ก็ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 200 ปีแล้ว


 


‘ชื่อนี้ ช่างทำให้ข้าอดคิดถึงสหายเก่าไม่ได้จริงๆ…’


 


ถึงแม้ชื่อนี้จะทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกคิดถึงในใจ แต่เขาก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นสหายเก่าของเขาไปได้


 


สหายเก่าของเขาผู้นั้น ถึงโชควาสนาจะดี แต่เรื่องจะทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดในช่วงเวลาแค่สั้นๆแบบนี้ เขาแลไม่เห็นทางเลย เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะถูกขุมกำลังระดับสูงๆรับไปชุบเลี้ยง…


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดว่าเจ้าของชื่อนี้ จะเป็นสหายของเขาไปได้


 


‘อันดับที่ 2 อวี่เทียนสิง…อวี่เทียนสิง หากจำไม่ผิด สมควรเป็นชื่อของอัจฉริยะอันดับ 1 จากนิกายกระบี่หมื่นหายนะใช่ไหม?’


 


ถึงแม้ในวันที่ปีนขึ้นยอดเขาแรงโน้มถ่วง ต้วนหลิงเทียนจะไม่เห็นชื่ออวี่เทียนสิงในตารางจัดอันดับ แต่เขาก็ได้ยินคนอื่นกล่าวขานถึงมันไม่น้อย จึงรู้ว่าอีกฝ่ายก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ แข็งแกร่งกว่าเฟิ่งชีชีของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ และไป๋หลี่หงเฟยแห่งตระกูลไป๋หลี่อยู่หลายส่วน


 


จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไล่ดูรายชื่อถัดมา


 


‘อันดับ 3 เอี้ยอู๋เต้า? ใครหว่า…ไม่เคยได้ยินคนพูดถึงมันเลย แต่ท่าทางจะร้ายกาจไม่เบา’


 


ชื่อนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คุ้นหูจึงไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่อีก 2 ชื่อถัดมาต้วนหลิงเทียนคุ้นดี เนื่องจากได้ยินมาแล้วบ่อยครั้ง


 


เฟิ่งชีชี ไป๋หลี่หงเฟย


 


‘หืม? อันดับ 10 โหวจื่อหลง คนๆนี้ดูเหมือนจะเป็นอัจฉริยะรากหญ้าสินะ สามารถติดอยู่ในอันดับ 10 ของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้ พลังฝีมือนับว่าไม่ใช่ชั่วจริงๆ’


 


ต้วนหลิงเทียนจดจำชื่อโหวจื่อหลงได้เช่นกัน เพราะในตอนที่เขาลองไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงดู ชื่อของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงเช่นกัน


 


‘จนถึงตอนนี้ คนที่ทำเวลาในการผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลเร็วที่สุดก็คือคนที่ชื่อ ซูหลี่ ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 141 ลมหายใจ’


 


หลังเห็นเวลาที่ซูหลี่ใช้ผ่านหอคอยวิญญาณสองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาวาบหนึ่ง


 


“ให้ตายเถอะ พวกเจ้ามองไป 11 นาฬิกาเร็วเข้า แม่นางผู้นั้นช่างงดงามยิ่งนัก!”


 


“จึกๆๆ! ข้าเข้าใจนิยามของคำว่างดงามใหม่แล้วสหาย…ว่าแต่สวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนี้หรือว่านางจะเป็นฮ่วนเอ๋อที่คนเขาร่ำลือกันเมื่อหลายปีก่อน?”


 


“มีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะผู้คนให้นิยามแม่นางฮ่วนเอ๋อว่า โฉมงามไร้คู่เปรียบ…เช่นนั้นเจ้าหนุ่มชุดม่วงข้างๆ ก็คือต้วนหลิงเทียนสินะ?”


 


“จริงสิ ไม่ใช่ว่าอวิ๋นเซียวลูกชายคนเดียวของประมุขนิกายปีศาจพันกรถูกพวกมันฆ่าตายรึไง?”


 


“ใช่ เจ้านั่นมันไปหาเรื่องผู้อื่นเขาก่อนสุดท้ายก็โดนดีเข้าให้! จะว่าไปเหมือนจะเพราะเรื่องนี้รึเปล่าที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ปรากฏตัวออกมา 8 ปี? เดิมทีข้าคิดว่าทั้งคู่อาจจะถูกคนของนิกายปีศาจพันกรรุมเก็บไปแล้วซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะยังอยู่ดีกันแบบนี้”


 



 


บริเวณหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็มีผู้คนไม่น้อย การมาถึงของต้วนหลิงเทียนก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนทันที แน่นอนว่าเป้าสายตาจริงๆ ก็คือฮ่วนเอ๋อข้างกายเขา


 


ด้วยความที่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อได้ปิดด่านบ่มเพาไม่ได้ออกไปไหน จะเงียบหายไปเลยก็ไม่แปลก เช่นนั้นพอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงทำให้ผู้คนรู้สึกสนใจไม่น้อย


 


“นั่นน่ะเหรอ สตรีที่ฆ่าอวิ๋นเซียว?”


 


ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งที่ยืนไม่ไกลจากหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลมากนัก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดมือบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อไปหาใครบางคนทันที “เฮ่ อวิ๋นเอี้ย สตรีที่ฆ่าศิษย์น้องของเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่หน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ที่เจ้าเหินร่างผ่านไปวันก่อน”


 


ในแดนลับอัจฉริยะ มีหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทั้งสิ้น 9 หลัง ซึ่งมีจำนวนเท่ากันกับ ฟ้าดินแห่งกฏ


 


อย่างไรก็ตามมันมีความแตกต่างจากฟ้าดินแห่งกฏอยู่บ้างนั่นเพราะหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลสามารถเข้าไปพร้อมๆกันได้หลายคน


 


เมื่อเข้าไปแล้ว ทุกคนจะถูกส่งไปยังพื้นที่แยกย่อยของแต่ละชั้นภายในหอคอย และมีเพียงเข่นฆ่าจิตวิญญาณค่ายกลของชั้นนั้นๆให้หมดเสียก่อน ถึงจะขึ้นสู่ชั้นต่อไปได้


 


และวินาทีที่จิตวิญญาณค่ายกลบนหอคอยชั้นที่ 30 ตกตายหมดสิ้น ก็จะถือว่าผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล


 


อัจฉริยะที่สามารถเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะได้ พอเพียงพลังฝีมือไม่อ่อนด้อยเกินไป การที่จะผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เรื่องที่จะผ่านมันให้ได้ในเวลาสั้นๆต่างหาก ถือได้ว่าเป็นจุดที่ยากเย็นที่สุด


 


“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราเข้าไปเล่นดูหน่อยเถอะ”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจผู้คนที่มองมารอบๆแม้แต่น้อย หลังชวนฮ่วนเอ๋อแล้ว ก็เหินร่างนำนางเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทันที


 


เมื่อเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างกายเขาหายไป แต่เขาไม่ได้กังวลอะไร เพราะรู้ดีว่านี่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น


 


และตอนนี้เขาก็ได้เข้ามายังพื้นที่แยกย่อยภายในหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลเรียบร้อยแล้ว


 


‘เวลาที่ใช้ในหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลจะถูกนับตั้งแต่ที่จิตวิญญาณค่ายกลของชั้นแรกปรากฏตัวขึ้นมา…ตอนนี้ก็แค่รอให้มันโผล่ออกมา’


 


ถึงแม้จิตวิญญาณค่ายกลจะยังไม่ปรากฏตัวออกมา แต่เส้นประสาททั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันขึงตึงทันที พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดถูกโคจรเร่งเร้าเตรียมพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ


 



 


ด้านนอกหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม โรยตัวลงมาจากฟากฟ้า


 


“พวกมันอยู่ที่ใด?”


 


ชายหนุ่มคนนี้ใบหน้าแลดูเย็นชานัก สองตามันเฉยชาอยู่ตลอดเวลา ทำราวกับคนทั้งโลกติดหนี้มัน ทั่วร่างยังแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นประการหนึ่ง ชวนให้ผู้คนรู้สึกขยาด ไม่อยากอยู่ใกล้มันมากนัก


 


ทันทีที่มันปรากฏตัว มันก็ยิงคำถามใส่ชายหนุ่มชุดฟ้าทันที เสียงเย็นชาของมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเบาเลย


 


“เอ๋? นั่นมิใช่อวิ๋นเอี้ย อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกรหรอกรึ?”


 


และพอมันเอ่ยทักชายหนุ่มชุดฟ้าเสียงเย็น หลายคนก็หันไปชมมอง จึงจดจำมันได้ทันที


 


อวิ๋นเอี้ยนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกร


 


“พวกมันเข้าไปข้างในแล้ว”


 


ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ถูกอวิ๋นเอี้ยถามยักไหลคราหนึ่ง ค่อยพยักหน้าไปทางหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลพลางกล่าว


 


“ดี! ดียิ่ง!!”


 


อวิ๋นเอี้ยพยักหน้ารับ สองตาฉายแววอำมหิตเย็นชา “เช่นนั้นข้าจะรอพวกมันที่นี่!”


 


“อวิ๋นเอี้ย ข้าว่า…เจ้าเรียกคนมาเพิ่มหน่อยไม่ดีหรือ? พวกมันเองก็ร้ายกาจเอาเรื่อง หากพวกมันผนึกกำลังกันลงมือ ข้าเกรงว่าลำพังเจ้ากับข้าสองคนจะเอาพวกมันไม่อยู่…”


 


ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ติดต่อไปหาอวิ๋นเอี้ยกล่าวแนะนำ


 


“ไม่ต้องห่วง ข้าส่งข้อความไปเรียกคนของนิกายปีศาจพันกรมาทั้งหมดแล้ว”


 


ตั้งแต่ที่รู้ว่าพลังฝีมือของฮ่วนเอ๋อไม่ใช่ชั่ว เพราะสามารถฆ่าอวิ๋นเซียวได้ในพริบตา ไหนจะยังมีต้วนหลิงเทียนนั่นอีกคน อวิ๋นเอี้ยไหนเลยจะกล้าดูเบาทั้งคู่ จึงเร่งติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังคนของนิกายปีศาจพันกรทั้งหมดแต่แรก


 


มีเพียงอัจฉริยะที่อยู่ห่างไกลจากตรงนี้มากเท่านั้น ที่ไม่อาจมาถึงได้ในเวลาสั้นๆ


 


“อวิ๋นเอี้ย หรือว่า…พวกเราดูก่อนว่าพวกมันใช้เวลานานแค่ไหน? หากพวกมันใช้เวลาพอๆกับเจ้า พวกเราก็ไม่ต้องรีบร้อนลงมือดีไหม?”


 


ชยหนุ่มชุดฟ้ายังคงกล่าวแนะนำออกมาเสริม


 


“อืม”


 


อวิ๋นเอี้ยพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยถามไปว่า “แล้วนี่พวกมันเข้าไปนานเท่าไหร่แล้ว?”


 


“ตั้งแต่ที่พวกมันเข้าไป ก็ผ่านไป 30 ลมหายใจได้…ปกติหลังจากที่เข้าไปก็จะมีเวลาเตรียมตัว 20 ลมหายใจ หมายความว่าตอนนี้พวกมันสมควรใช้เวลาสู้ไป 10 ลมหายใจแล้ว”


 


ชายหนุ่มชุดฟ้ากล่าว


 


“หึ! ข้าจะคอยดูว่าพวกมันทำเวลาได้เร็วแค่ไหน”


 


อวิ๋นเอี้ยหันไปมองจ้องหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลด้วยสายตาดุร้าย


 


คนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อพึ่งเข้าไปในหอคอยได้ไม่ทันไร อวิ๋นเอี้ยก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทั้งหมดย่อมคาดเดาได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด ไม่พ้นต้องมาล้างแค้นแน่นอน


 


“ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะเอาชนะอวิ๋นเอี้ยได้หรือไม่”


 



 


เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน


 


วู้ม!


 


และเมื่อร่างในชุดสีม่วงมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน สองตาผู้คนโดยยรอบก็หดเล็กลงแทบปิด ไม่เว้นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างอวิ๋นเอี้ยด้วย!


 


“ไฉนมันถึงได้ออกมาไวนักเล่า!?”


 


กล่าวได้เลยว่าชายหนุ่มชุดฟ้าข้างๆอวิ๋นเอี้ยตกใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ สีหน้ามันฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ


 


“1…127 ลมหายใจ!!”


 


“บ้าไปแล้ว! สถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงที่ไม่มีผู้ใดทำลายลงได้ตลอด 20,000 ปีที่ผ่านมา ถูกทำลายลงแล้วงั้นเรอะ!?!”


 


“ให้ตายเถอะข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์! การเดินทางเข้ามาครั้งนี้ช่างคุ้มค่ายิ่ง! คุ้มค่ามารดามันจริงๆ!!”


 



 


เมื่อเห็นร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้น ห่าสำนึกเทวะสายแล้วสายเล่าก็แผ่พุ่งเข้าไปยังแท่นศิลาอันเขื่องด้านหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทันที สุดท้ายจึงพบว่าบัดนี้ชื่ออันดับ 1 บนหัวตารางจัดอันดับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ไม่ใช่ซูหลี่ อัจฉริยะแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะอีกต่อไป


 


ต้วนหลิงเทียน 127 ลมหายใจ!


 


สถิติที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายได้ตลอดระยะเวลา 20,000 ปีที่ผ่านมาของ ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะ อวี่เจี้ยนเฉิง ก็คือ 132 ลมหายใจ


 


กล่าวอีกอย่างได้ว่า


 


ต้วนหลิงเทียนใช้เวลาในการผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล เร็วกว่าอวี่เจี้ยนเฉิงในปีนั้นถึง 5 ลมหายใจ!


 


ต้องทราบด้วยว่าการฝ่าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลเน้นเรื่องการทำเวลา เช่นนั้นโดยปกติแล้ว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เข้าทดสอบจะไม่ลงมือเต็มที่


 


เช่นนั้นกล่าวได้ว่า การจะบีบเวลาให้สั้นลงสักหนึ่งลมหายใจ มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมาก


 


เวลา 5 ลมหายใจ นับว่าแตกต่างกันใหญ่หลวง!


 


“อึก…”


 


อวิ๋นเอี้ยถอนรั้งสำนึกเทวะออกมาจากแท่นศิลา ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สองตามองจ้องชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ไม่ไกล พึมพำออกมาเสียงสั่น “มัน…มันคือชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนหรือ?”


ตอนที่ 3,231 : คำเชิญจากทุกขุมกำลัง


 


“ใช่…”


 


ชายหนุ่มชุดฟ้าที่เป็นคนแจ้งข่าวให้อวิ๋นเอี้ย พอดึงสติกลับมาจากแผ่นศิลาหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้แล้ว ก็กล่าวตอบออกไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ


 


เมื่อครู่หลังยืนยันแล้วว่าต้วนหลิงเทียนได้ทำลายสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะลงแล้วจริงๆ มันยังอดเดาะลิ้นไม่ได้


 


ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ?


 


ราวชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยไปอีก 10 กว่าลมหายใจโดยที่ไม่มีใครทันรู้ตัว และร่างสตรีในชุดขาวหนึ่งก็ผุดโผล่ขึ้นมาต่อหน้าต่อตาทุกคน


 


“พี่หลิงเทียน ท่านออกมาเร็วจัง?”


 


หลังฮ่วนเอ๋อออกมา นางก็พบว่าต้วนหลิงเทียนได้ออกมาก่อนนางแล้ว จึงอดแปลกใจไม่ได้ “พี่หลิงเทียน ท่านใช้เวลาไปนานเท่าใดหรือ?”


 


“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าทำเวลาได้ไม่เลวเลย…เจ้าใช้ไป 143ลมหายใจก็ออกมาได้แล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งแผ่สำนึกเทวะเข้าสู่แท่นศิลาหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ก็พบอันดับและเวลาของฮ่วนเอ๋อ


 


ฮ่วนเอ๋ออยู่ในอันดับที่ 3 ต่อจากซูหลี่ และอยู่หน้าอวี่เทียนสิง


 


ซูหลี่นั้นทำเวลาได้ 141 ลมหายใจ ขณะที่อวี่เทียนสิงใช้เวลาไป 144 ลมหายใจ ซึ่งมากกว่าฮ่วนเอ๋อแค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น


 


แต่กระนั้นมันก็ถือว่าด้อยกว่าฮ่วนเอ๋อ


 


พริบตาเดียว มันก็ร่วงตกจากอันดับ 2 ไปอยู่อันดับที่ 4


 


“นาง…คือฮ่วนเอ๋อที่ฆ่า อวิ๋นเซียว ศิษย์น้องข้างั้นหรือ?”


 


อวิ๋นเอี้ยหันไปถามชายหนุมชุดฟ้าข้างๆอีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ชัด​


 


และพอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า อวิ๋นเอี้ยก็ปะทุพลังชั่วชีวิตพุ่งร่างออกไปดั่งลำแสง เร่งรุดหลบหนีจากไปทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ!


 


ชายหนุ่มชุดฟ้าก็ตัดสินใจเหินร่างหลบหนีตามไปเช่นกัน


 


หลายคนที่เห็นการจากไปของอวิ๋นเอี้ยก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะหากต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อสังเกตเห็นมันแล้วสืบถาม คงพบได้ไม่ยากว่ามันคือคนของนิกายปีศาจพันกร


 


ทั้งคู่ย่อมหวาดกลัวมาก ไม่กล้ารอช้าแม้แต่น้อย เพราะหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พวกมันก็มีแต่ตายกับตายแล้ว


 


“ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าพลังฝีมือของทั้งคู่จะร้ายกาจขนาดนี้…แดนลับอัจฉริยะเปิดมาได้ 8 ปีแล้วแท้ๆ แต่ไม่คิดว่าพอปรากฏตัวอีกคร าหนึ่งในนั้นจะได้อันดับ 1 และอีกคนได้อันดับที่ 3”


 


ตอนนี้คนที่จะสามารถทิ้งชื่อไว้ในสถานที่ทดสอบต่างๆของแดนลับอัจฉริยะ ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้นทั้งสิ้น


 


เรียกว่าหลังผ่านการขับเคี่ยวมานานจนได้อันดับอย่างที่เห็น ก็ยากนักที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก เพราะคนที่มีฝีมือส่วนใหญ่ ได้เข้าทดสอบกันไปหมดแล้ว


 


“เห็นว่า…หากมีผู้ใดทำลายสถิติเดิมได้ แดนลับอัจฉริยะจะมอบอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิให้เป็นรางวัลใช่ไหม?”


 


ไม่นานนักสายตามากกมายหลายคู่ก็รุมจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน บ้างก็ฉายแววอิจฉา บ้างริษยา บ้างเกลียดชัง และบ้างชื่นชม


 


ต้วนหลิงเทียนที่คิดจะจากไปพร้อมกับฮ่วนเอ๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปทันที หลังได้ยินคำพูดดังกล่าว


 


ใช่! ดูเหมือนจะมีเรื่องแบบนั้นจริงๆ


 


ในแดนลับอัจฉริยะ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถทำลายสถิติสูงสุดที่ถูกบันทึกไว้ในแดนลับอัจฉริยะได้ ก็จะได้รับของรางวัลเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ


 


และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนนึกขึ้นได้


 


วิ้งงงง!!


 


ดวงแสงหนึ่งพลันระเบิดแสงจ้ากลางฟ้า ก่อนจะลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาหยุดลงตรงหน้าต้วนหลิงเทียน เป็นกระบี่สีเขียวปานหยกยาว 3 ฉื่อเล่มหนึ่ง!


 


“เป็นกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิจริงๆ”


 


มองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันที ว่ากระบี่เสียวเขียวเบื้องหน้าเป็นกระบี่อมตะระดับจักพรรดิ! เพราะกลิ่นอายที่มันแผ่ออกมานั้น พอๆกับกระบี่นิลสวรรค์ที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่เขาเคยใช้มาก่อนไม่มีผิดเพี้ยน


 


กระบี่สีเขียวเล่มนี้ ประหนึ่งสร้างขึ้นจากหยกจักรพรรดิก็ไม่ปาน  มีขนาดความยาวมาตรฐาน 3ฉื่อ แม้จะไม่ได้ถ่ายเทพลังลงไป แต่ตัวกระบี่ก็เปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าออกมาทุกขณะ พาลให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความแหลมคมเพียงแค่มอง


 


ต้วนหลิงเทียนโบกมือคราหนึ่ง กระบี่อมตะระดับจักรพรรดิดังกล่าวก็ลอยมาอยู่ในมือ


 


และวินาทีที่เขาจับด้ามกระบี่ ก็ปรากฏเสียงประกาศดังกึกก้องไปทั่วทั้งแดนลับอัจฉริยะ…


 


“ขอแสดงความยินดีกับ ต้วนหลิงเทียน ด้วย ที่สามารถผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล โดยใช้เวลาไปเพียง 127 ลมหายใจ ทำลายสถิติสูงสุดของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้สำเร็จ”


 


เสียงประกาศบอกแบบนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่การเอาชนะจิตวิญญาณค่ายนกลในฟ้าดินแห่งกฏเท่านั้น การทำลายสถิติเก่าใดๆได้ในแดนลับอัจฉริยะก็จะมีประกาศบอกเช่นกัน


 


ยิ่งไปกว่านั้นอย่างแรกรางวัลไม่ได้ดีเด่อะไร แต่อย่างหลังนั้นจะให้ของรางวัลระดับอุปกรณ์อมตะจักรพรรดิ!


 


“ต้วนหลิงเทียน?!”


 


“มันปรากฏตัวแล้วหรือ!?”


 


“ให้ตายเถอะ! มันถึงกับทำลายสถิติสูงสุดของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลลงได้เชียวหรือ? หากข้าจำไม่ผิดไม่ใช่สถิติที่ว่าจะถูกอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายยกระบี่หมื่นหายนะสร้างไว้เมื่อ 20,000 กว่าปีก่อนรึไง?”


 


“ใช่ อวี่เจี้ยนเฉิงทีว่าแน่ ตอนนั้นยังต้องใช้เวลา 132ลมหายใจเพื่อผ่านหอคอยจิตวิญญาณ…แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับน่ากลัวยิ่งกว่า ใช้เวลาไปแค่ 127ลมหายใจเท่านั้น น้อยกว่าอวี่เจี้ยนเฉิงถึง 5 ลมหายใจเต็มๆ”



 


ทั่วทุกที่ในแดนลับอัจฉริยะ ไม่ว่าใครที่ได้ยินประกาศดังกล่าวก็อดตกใจไม่ได้


 


พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าการเข้ามาแดนลับอัจฉริยะของพวกมัน จะมีคนที่ทำลายสถิติสูงสุดได้ปรากฏตัวขึ้นมา


 


ต้องทราบด้วยว่าสถิติดังกล่าวมันไม่มีผู้ใดทำลายได้กว่า 20,000 ปีแล้ว


 


“เมื่อ 8 ปีก่อน ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่ว่ายังไม่อาจปีนถึงบันไดขั้นที่ 3,000 ในยอดเขาแรงโน้มถ่วงเลยรึไง…ไฉนผ่านไป 8 ปีมันกลับทำลายสถิติของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้ซะเล่า?”


 


“จริง หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลนั้นยังวัดพลังฝีมือผู้คนได้ครอบคลุมกว่ายอดเขาแรงโน้มถ่วงเสียอีก…หมายความว่าพลังฝีมือโดยรวมของมันร้ายกาจมาก!”


 


“ไฉนข้ารู้สึกว่า เสมือนพวกมันเป็นคนละคนกันเลย?คนที่เคยปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงนั่น เสมือนอ่อนด้อยกว่าคนที่ทำลายสถิติหอคอยจิตวิญญาณของอวี่เจี้ยนเฉิงมาก!”


 


“นั่นสิ ข้าก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะตามหลักแล้วคนที่สามารถทำผลงานในหอคอยจิตวิญญาณได้ดีขนาดนี้ ก็สมควรทำลายสถิติของยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ด้วยเช่นกัน…นี่จึงเป็นเหตุผลที่อวี่เจี้ยนเฉิงทำสถิติไว้ทั้ง 2 แห่ง”


 



 


หลายคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนที่ปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงเมื่อ 8 ปีก่อน เป็นคนละคนกับต้วนหลิงเทียนที่ทำลายสถิติหอคอยจิตวิญญาณในวันนี้


 


“ต้วนหลิงเทียน? มัน…ทำลายสถิติของท่านลุงได้?”


 


ในหุบเขาแห่งหนึ่ง อวี่เทียนสิงที่แต่เดิมนั่งสงบจิตอยู่ ถึงกับเบิกตาโพล่ง ร่างทะลึ่งลุกขึ้นยืนพรวด!


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ข้าต้องเชิญมาเข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะให้ได้!!”


 


อวี่เทียนสิงที่ลุกขึ้นยืนไม่รอช้า เร่งติดต่อไปหาศิษย์นิกายกระบี่หมื่นหายนะทุกคนในแดนลับอัจฉริยะและแจ้งไปว่าเมื่อพเจอต้วนหลิงเทียนให้เข้าหาอย่างสุภาพและพยายามเชิญอีกฝ่ายเข้าร่วมนิกายให้ได้


 


เพราะก่อนที่จะเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะ ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะ หรือก็คือลุงของอวี่เทียนสิงได้กำชับเอาไว้ว่า…


 


หากปรากฏผู้ใดที่สามารถทายสถิติที่ตัวมันเคยสร้างไว้ในอดีตได้ล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นสถิติใดๆก็ได้ ให้พยายามเชื้อเชิญมาเข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะให้ได้


 


ด้วยเหตุนี้หลังได้ยินเสียงประกาศบอกว่ามีคนทำลายสถิติของลุงมันได้จริง อวี่เทียนสิงถึงได้แตกตื่นจนเสียอาการอย่างที่เห็น


 


จังหวะนี้มันกระทั่งส่งข้อความไปแจ้งซูหลี่ด้วย


 


ถึงแม้จะอยู่กันคนละสาย และเห็นเป็นคู่แข่ง แต่ก็เป็นสหายร่วมนิกายเดียวกัน อวี่เทียนสิงย่อมแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับซูหลี่เอาไว้ด้วย


 


“ต้วนหลิงเทียน?”


 


ซูหลี่ที่ได้รับข้อความของอวี่เทียนสิง ก็ยังตกใจกับประกาศเมื่อครู่ไม่หาย “127 ลมหายใจงั้นเหรอ?”


 


ตัวมันได้พยามทำสถิติในหอคอยจิตวิญญาณแล้ว แต่ไม่ว่าจะเข้าไปกี่ครั้ง แต่เวลาที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็คือ 141 ลมหายใจ…


 


ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาหลายสิบครั้งที่เข้าไป มันยังทำเวลานี้ได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น


 


ด้วยเหตุนี้ซูหลี่จึงรู้ซึ้งดี ว่าการจะลดเวลาให้เร็วขึ้นสัก 1 ลมหายใจ มันยากเย็นแค่ไหน ยากราวกับจะขึ้นถึงฟ้าให้ได้ในหนึ่งก้าวสำหรับมันเลยทีเดียว…เรียกว่าไม่มีทางทำได้เลย หากพลังฝีมือของมันยังไม่ประสบความก้าวหน้า!


 


“ต้วนหลิงเทียนคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ…ให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมเหมือนสหายเก่าข้าไม่มีผิด…”


 


ในนดวงตาคู่นั้นของซวูหลี่ พลันฉายแววแห่งความคิดถึงวูบวาบ


 


ในขณะเดียวกัน


 


เหนือทะเลสาบแห่งหนึ่ง ร่างที่นั่งขัดสมาธิเหนือผิวน้ำในชุดคลุมสีม่วงแดง แลแล้วจัดว่าเป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงามนางหนึ่ง อยู่ๆสองตาดั่งสารทนั่นก็ลืมตื่นขึ้นมาทันที


 


“ต้วนหลิงเทียน? อัจฉริยะรากหญ้า?”


 


“มันทำลายสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงได้จริงๆ?”


 


หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว สตรีดังกล่าวก็เร่งส่งข้อความออกไปชุดหนึ่ง “พี่น้องเผ่าหงส์ฟ้าโบราณทุกคน…ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องตามหาต้วนหลิงเทียนผู้นี้ให้เจอ และพยายามเชิญเข้าร่วมเผ่าหงส์ฟ้าโบราณของพวกเราให้ได้”


 


สตรีนางนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น เฟิ่งชีชี อัจฉริยะอันดับ 1 ในบรรดาผู้ที่มีอายุไม่ถึงพันปีของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ


 


และในขณะที่เฟิ่งชีชีเร่งส่งข้อความออกไป


 


ไป๋หลี่หงเฟยก็มือไวทุบทำลายยันต์อมตะสื่อสารทางวิญาณเป็นกองส่งข้อความออกไปแจ้งอัจฉริยะจากตระกูลไป๋หลี่ทุกคนในแดนลับอัจฉริยะ ให้พยายามเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนมาให้ได้


 


สำหรับขุมกำลังระดับ 1 อื่นๆ แม้จะรู้ตัวดีว่าโอกาสได้ตัวคนน้อยมาก แต่พวกมันก็พยายามอย่างเต็มที่


 


ดุจเดียวกับเอี้ยอู๋เต้า อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำ ก็เร่งส่งข้อความไปกำชับอัจฉริยะในนิกายที่เข้ามาในแดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ ว่าให้พยายามใช้ความสุภาพจริงใจเชิญต้วนหลิงเทียนมาให้ได้


 


หากถามว่าคนของขุมกำลังใดที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ก็เห็นจะเป็นคนของนิกายปีศาจพันกร!


 


เนื่องเพราะสตรีที่อยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นนคนฆ่า อวิ๋นเซียว ลูกชายคนเดียวของประมุขพวกมัน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือร้ายกาจแค่ไหน พวกมันก็ไม่อาจยอมรับได้


 


หากจะเชิญต้วนหลิงเทียน ก็มีแต่ ‘เชิญท่านลงโอ่ง’เพื่อให้ฆ่าได้ถนัดๆเท่านั้น


 


และต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่โง่เขลาถึงขั้นนั้น ไม่มีทางส่งตัวเองไปเป็นปลาบนเขียงให้นิกายปีศาจพันกรแล่สับตามใจเด็ดขาด


 



 


“ฮ่วนเอ๋อ กระบี่เล่มนี้เจ้าเอาไปใช้สิ”


 


ด้านหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ท่ามกลางสายตาลุกวาวที่มองจ้องมาเขม็ง ต้วนหลิงเทียนก็โยนกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิไปให้ฮ่วนเอ๋อ ด้วยท่าทางทำราวกับมันเป็นขยะชิ้นหนึ่ง…


 


“ขอบคุณพี่หลิงเทียน”


 


ฮ่วนเอ๋อก็ไม่เกรงใจพุ่งมือไปคว้ากระบี่มาแกว่งไกวเล่นทันที เพราะนางรู้ว่าพี่หลิงเทียนของนางมีอาวุธที่ทรงพลังกว่ากระบี่เล่มนี้อยู่แล้ว


 


ไม่งั้นนางไม่มีทางรับไว้หรอก


 


“นั่นมันกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิเชียวนะ…มันมอบให้ผู้อื่นง่ายๆแบบนั้นเลยหรือ?”


 


“ข้าล่ะไม่แปลกใจเลย ว่าไฉนโฉมงามถึงได้อยู่กับมัน…มันใจกว้างซะขนาดนี้!”


 


“แต่อย่างไรเสียตั้งแต่ต้นนจนจบ ข้าไม่เห็นมันจะแลดูตื่นเต้นที่ได้รับกระบี่อมตะจักรพรรดิเลย…มันเป็นใครกันแน่? อัจฉริยะรากหญ้าคนไหนจะนิ่งได้เท่ามัน?”


 



 


หลายคนตกใจไม่น้อยที่เห็นต้วนหลิงเทียนโยนกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิให้ฮ่วนเอ๋อง่ายๆ กระทั่งหลายคนยังสังเกตเห็นความเฉยเมย กระทั่งราวกับจะดูเบากระบี่อมตะระดับจักรพรรดิเล่มนั้นอย่างไรไม่ทราบ ทำให้เริ่มคาดเดาไปว่า ต้วนหลิงเทียนคนนี้หรือจะมีความเป็นมายิ่งใหญ่อันใด…


 


“ต้วนหลิงเทียน!”


 


ตอนนี้เองท่ามกลางฝูงชนปรากฏคนผู้หนึ่งก้าวอาดๆออกมา พางยกมือขึ้นป้องประสานคารวะทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นคนของตระกูลไป๋หลี่ เรียกว่า ไป๋หลี่คง มาในนามตระกูลไป๋หลี่เพื่อเชิญท่านเข้าร่วมกับตระกูลไป๋หลี่ของเรา”


 


“ด้วยพลังฝีมือและความสามารถของท่าน ทางตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราย่อมดูแลท่านอย่างดี ไม่ให้มีขาดตกบกพร่องอันใดแน่ พวกเราจักมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้ท่านมากเท่าที่จะทำได้!”


 


ชายหนุ่มที่ออกตัวชวนต้วนหลิงเทียนก่อนใครผู้นี้ เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งจากตระกูลไป๋หลี่


 


“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือศิษย์ของนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำ หลิงเจี๋ย ข้าในนามนิกามรรคาฟ้าลึกล้ำยินดีต้อนรับท่านเข้าร่วมนิกายของพวกเราเช่นกัน…หากท่านเข้าร่วมกับนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำเรา พวกเราจะมอบการดูแลสนับสนุนที่ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลไป๋หลี่ เผ่าหงส์ฟ้าโบราณ และนิกายหมื่นกระบี่หายนะให้ท่าน”


 


ศิษย์ของนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำคนหนึ่ง ก็รีบก้าวออกมากล่าวคำเชิญชวนต้วนหลิงเทียนเช่นกัน


WSSTH ตอนที่ 3,232 : ยอดเขาแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง


 


 


“ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำเชิญ แต่พอดีข้ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับขุมกำลังใด…ตอนนี้ข้าเองก็กำลังพิจารณาดูอยู่”


 


ได้ยินคำเชิญของตัวแทนขุมกำลังต่างๆไม่ว่าจะตระกูลไป๋หลี่ หรือนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มบางๆเป็นการบอกปัด ก่อนที่จะพาฮ่วนเอ๋อเหินร่างจากไป


 


หลังมองส่งแผ่นหลังทั้งคู่จนลับหายไปจากสายตาแล้ว ผู้คนโดยรอบค่อยกลับมารู้สึกตัวกันอีกครั้ง


 


“ดูเหมือนในแดนทักษินยุทธ์เราจะปรากฏยอดอัจฉริยะอันร้ายกาจขึ้นมาอีกคนแล้ว”


 


ชายวยกลางคนกล่าวพึมพำ


 


“อัจฉริยะรากหญ้าคนหนึ่ง กลับทำลายสถิตีที่ดำรงอยู่มากว่า 20,000 ปีของ อวี่เจี้ยนเฉิง ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะได้…เรื่องนี้ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ!”


 


“อัจฉริยะที่ร้ายกาจอย่างมัน ต่อให้เป็นนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็ไม่มีทางพลาดหรอก!”


 



 


ในขณะที่ใครหลายๆคนกำลังประหลาดใจกับการทำลายสถิติ ต่างก็รู้สึกกันไปโดยอัตโนมัติ ว่าคราวนี้ต่อให้นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะนิ่งและมีมาตรฐานสูงขนาดไหน ก็ไม่พ้นต้องกระตือรือร้นที่จะชักชวนต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะแน่!


 


และพวกมันก็เดาได้ถูกเผง!


 


เพราะตอนนี้เหล่าอัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะทุกคน ล้วนได้รับคำสั่งจากอวี่เทียนสิง จนบินหาต้วนหลิงเทียนกันให้ว่อน หมายสร้างความดีความชอบด้วยการชักชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะ


 


อีกด้าน


 


หลังต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อออกจากหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลแล้ว ทั้งคู่ก็สุ่มมุ่งตรงไปทิศทางหนึ่ง และไม่นานนักยอดเขาที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตา


 


ภูเขาเบื้องหน้านั้นมันสูงตระหง่านจนปลายยอดทิ่มแทงทะลุก้อนเมฆบนฟ้า ที่ไฉนกล่าวว่าคุ้นเคยนั้น เพราะลักษณะของมันไม่ต่างอะไรจากยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่เขาเคยเห็นมาก่อนทุกประการ


 


ส่วนที่ไม่คุ้นเคย เนื่องเพราะสถานที่ตั้งยอดเขาแห่งนี้มันผิดจากกาลก่อน


 


ยอดเขาลูกนี้กลับตั้งอยู่กลางป่ารก ผิดกับยอดเขาลูกก่อนหน้าที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่ม


 


“ยอดเขาแรงโน้มถ่วง!”


 


มันก็คือยอดเขาแรงโน้มถ่วงนั่นเอง แม้จะตั้งอยู่ในป่ารก แต่ขอเพียงเหินบินเหนือแนวป่า ก็สามารถสังเกตเห็นยอดเขาแสนเตะตาลูกนี้ได้ง่ายๆ


 


ต้นไม้ในป่ารกจะสูงแค่ไหน ก็ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงต่อหน้าความสูงของยอดเขาแรงโร้มถ่วง


 


ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพื้นที่ว่างที่ตีนเขาเป็นจุดสังเกตอีกอย่าง


 


ครั้งก่อนตอนต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาถึงยอดเขาแรงโน้มถ่วงนั้น มีผู้คนอยู่หลายสิบ แต่ทว่าตอนนี้พอมาถึงกลับมีแค่ 3 คนเท่านั้น


 


2 คนอยู่ที่ตีนเขา ส่วนอีกคนกำลังปีนเขาอยู่


 


“ครั้งนี้ไม่ทราบพี่ 3 จะปีนบันไดขึ้นไปได้กี่ขั้น…แต่หากยังขึ้นไปไม่ถึงบันไดขั้นที่ 2,000 ก็ไม่อาจทิ้งชื่อไว้บนยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้อยู่ดี”


 


ชายวัยกลางคนที่รออยู่บริเวณตีนเขาส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ


 


“พี่ 3 ก็ดันทุรังเกินไป…ผงานที่ดีที่สุดก้อนหน้าก็ขึ้นไปได้แค่บันไดขั้นที่ 1,965 เท่านั้น…หากยังคิดจะข้ามอีก 35 ขั้นไปให้ได้ อย่างน้อยๆพลังฝีมือก็ต้องสูงกว่านี้สักหน่อย”


 


ชายหนุ่มก็ส่ายหัวกล่าวออกมาอย่างทอดถอน


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


ทว่าทันใดนั้นเอง ปรากฏร่าง 2 ร่างขึ้นบริเวณตีนเขาแรงโน้มถ่วง คนยังทำราวกับผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า ดึงความสนใจของทั้งคู่ไปทันที


 


และพวกมันทั้งคู่ก็ถูกความงดงามของฮ่วนเอ๋อทำให้ชมมองจนตาลอยไปพักหนึ่ง


 


“สองคนนี้…จักเป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อหรือไม่?”


 


“ในแดนลับอัจฉริยะ หากพบเจอสตรีที่งดงามไร้คู่เปรียบ ยังจะมีผู้ใดได้อีกหากไม่ใช่ฮ่วนเอ๋อ”


 


หลังจากทั้งคู่หันมาคุยกันครู่หนึ่ง ก็คาดเดาตัวตนต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อออกได้ เพราะรูปโฉมของฮ่วนเอ๋อเสมือนสัญลักษณ์เฉพาะ


 


ในแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้ ทุกคนยังไม่เคยเห็นสตรีนางใดงดงามเทียบเท่าฮ่วนเอ๋อมาก่อน นับประสาอะไรกับคนที่งดงามกว่าฮ่วนเอ๋อ


 


“ว่าแต่ เจ้าว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้จะใช่คนเดียวกับที่ทำลายสถิติของหอคอยจิตวิญญาณหรือไม่?”


 


ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงเบา


 


“ไม่น่าจะเป็นคนเดียวกันไปได้…ต้วนหลิงเทียนที่อยู่กับฮ่วนเอ๋อ มิใช่ว่ายังปีนบันไดยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ไม่ถึง 3,000 ขั้นหรือไร? ในเวลาแค่ 8 ปีพลังฝีมือมันจะเพิ่มพูนขึ้นไปได้เท่าไหร่เชียว?”


 


ชายวัยกลางคนส่ายหัว


 


ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ได้เข้าสู่เขตยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้ว


 


“ฮ่วนเอ๋อ เรามาแข่งกันหน่อยไหม?”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม


 


“มาๆ!”


 


และแทบจะทันทีที่เสียงขานคำด้วยความคึกคักของฮ่วนนเอ๋อดังขึ้น ชาย 2 คนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ไม่ไกล ก็พบว่าร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ได้หายวับไปต่อหน้าต่อตาของมัน!


 


‘เคลื่อนย้ายข้ามมิติรึ?!’


 


ใจพวกมันได้แต่เดาไปทำนองนี้


 


ยอดเขาแรงโน้มถ่วง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเพื่อเคลื่อนย้ายร่างขึ้นไปมาก่อน แต่ไม่มีใครคิดจะทำกัน เพราะหากท่านเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปผุดโผล่ยังระดับความสูงมากๆทันที ก็ไม่ต่างอะไรกับจะพบเจอแรงกดดันมหาศาลโถมเข้าใส่ในฉับพลัน


 


การขึ้นไปทีละขั้นๆ จะทำให้บาดเจ็บน้อยกว่า


 


“พวกมัน…”


 


เมื่อชื่อของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อส่องสว่างขึ้นบนแท่นศิลาจัดอันับยอดเขาแรงโน้มถ่วง สองคนที่ตีนเขาก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนด้วยความตกใจ ลูกตาหดหยีลงแทบปิด


 


เพราะพวกมันพบว่า…


 


ร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออันตรธานที่หายไปนั้น ได้ไปผุดโผล่ยังบันไดขั้นที่ 3,000 เรียบร้อยแล้ว!!


 


เรียกว่าทั้งคู่เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปกว่า 30,000 หมี่ในชั่วพริบตา!


 


และอันดับของต้วนหลิงเทียนก็มาโผ่ลที่หัวตารางในพริบตา


 


สำหรับฮ่วนเอ๋อนั้น เนื่องจากครั้งสุดท้ายนางปีนขึ้นไปได้ 3,003 ขั้น อันดับของนางจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร


 


แต่กระนั้น สิ่งนี้ก็ทำให้ทั้ง 2 คนหวาดกลัวจนขนหัวลุกแล้ว!


 


“มารดาเราช่วย…ทั้งคู่กลับ…กลับเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่บนบันไดขั้นที่ 3,000 ในคราเดียว!!”


 


“แม่นางฮ่วนเอ๋อนั่นยังพอว่า เพราะครั้งก่อนนางก็สามารถขึ้นไปถึงจุดนั้นได้…แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มิใช่ 8 ปีก่อนยังไปไม่ถึงบันไดขั้นที่ 3,000 เลยรึไง? ไฉนรอบนี้เคลื่อนมิติวูบเดียวไปนู่นได้เล่า!?”


 


“พี่ 4 ท่านเห็นหรือไม่ เมื่อครู่ตอนร่างฮ่วนเอ๋อปรากฏออกมา เหมือนร่างนางจะสะท้านไปเล็กน้อย…แต่เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันนิ่งมาก คล้ายไม่รู้สึกรู้สาอะไร ราวแรงกดดันบนเขาไม่มีผลกับมันเลย”


 



 


ทั้ง 2 คนที่ยืนอยู่บริเวณตีนเขาอดไม่ได้ที่จะทึ่งหลังเห็นสภาพของต้วนหลิงเทียนกับฮ่ววนเอ๋อในปัจจุบัน


 


ขณะเดียวกันผู้คนที่อยู่บริเวณตีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงอีก 98 แห่งที่เหลือ ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอันดับยอดเขาแรงโน้มถ่วงทันที


 


“ต้วนหลิงเทียน? ขั้นที่ 3,000?”


 


“หรือสองคนที่หายไปเมื่อ 8 ปีก่อน หลังหลบไปบ่มเพาะอยู่นาน จึงหวนกลับมาท้าทายยอดเขาแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง?”


 


“ว่าแต่ 8 ปีก่อนต้วนหลิงเทียนขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 3,000 ด้วยรึไง หรือนี่จะไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่อยู่กับฮ่วนเอ๋อ แต่เป็นต้วนหลิงเทียนที่ทำลายสถิติหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล?”


 



 


เมื่อหลายๆคนสังเกตเห็นชื่อต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้น ยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่เงียบเหงาแต่ละแห่งก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยดังขึ้นมาบ้าง


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


และเหล่าอัจฉริยะหลายคนก็เร่งแจ้งข่าวให้สหายรับทราบ จึงปรากฏอัจฉริยะมากมายเร่งรุดไปยอดเขาแรงโน้มถ่วงต่างๆ ด้วยความอยากรู้


 


“ซูหลี่ยังเป็นที่ 1 อยู่”


 


ตัดกลับมาทางด้านต้วนหลิงเทียน หลังใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างขึ้นมา 30,000 หมี่ ต้วนหลิงเทียนก็เผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลที่โถมถันเข้ามาในคราเดียว หากแต่พลังงานสีเทาที่ปกคลุมรอบกาย กลับสามารถต้านทานแรงกดดันดังกล่าวได้ชะงัด


 


ก่อนที่จะขึ้นมาเมื่อครู่ เขาก็ได้ดูอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงเรียบร้อยแล้ว จึงรู้ว่าผู้ที่ครองอันดับ 1 ในปัจจุบันก็คือซูหลี่


 


ซูหลี่ได้อันดับ 1 ด้วยการปีนบันไดยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ถึง 3,552 ขั้น!


 


‘พลังฝีมือของซูหลี่คนนี้ไม่ใช่เล่นๆจริงๆ…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นอัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ หลงเข้าใจว่าเป็นอัจฉระรากหญ้าเสียอีก’


 


ก่อนหน้าตอนที่อยู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกล เขาก็ได้ยินคนพูดถึงซูหลี่มาบ้าง


 


จึงได้รู้ว่าที่แท้ซูหลี่เป็นคนของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และในปัจจุบันพลังฝีมือก็ได้ก้าวข้ามอวี่เทียนสิง อดีตอัจฉริยะอันดับ 1 ที่อายุไม่ถึงพันปีของนิกายกระบี่หมื่นหายนะไปแล้ว


 


ห่างออกไปไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อที่วูบร่างมาปรากฏตัวพร้อมเขา จากที่ร่างนางสั่นไหวไปเล็กน้อย ตอนนี้ก็คล้ายจะไม่เป็นอะไรแล้ว


 


“ฮ่วนเอ๋อ  ไปกันต่อเถอะ”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยทักฮ่วนเอ๋อครั้งหนึ่ง ก็รีบพุ่งร่างโดดขึ้นบันไดขั้นบนไปด้วยความเร็วสูง พาลให้ 2 คนเบื้องล่างที่ชมดูอยู่ตกใจไม่น้อย


 


“บ้าไปแล้ว นั่นมันบันไดขั้นที่ 3,000 กว่านะ มันยังโดดโหยงๆขึ้นไปได้เร็วขนาดนั้นเชียว!?”


 


ทั้งสองคนอดตื่นตระหนกไม่ได้ เพราะต้วนหลิงงเทียนนั้นโดดขึ้นบันไดขั้นต่อขั้นไปด้วยความเร็วปานภูตผีแล้วจริงๆ แม้ยิ่งขึ้นไปขั้นสูงความเร็วจะลดลงอยู่บ้าง แต่ก็เล็กน้อยเท่านั้น


 


จนเมื่อโดดขึ้นไปถึงบันได้ขั้นที่ 3,500 แล้ว ความเร็วของต้วนหลิงเทียนจึงเริ่มช้าลง


 


ขณะเดียวกันฮ่วนเอ๋อที่โดดตามมาด้านหลัง ก็พึ่งจะถึงบันไดขั้นที่ 3,300 เท่านั้น และตอนนี้ความเร็วของนางก็เริ่มตกลงแล้ว


 


“นรก! อย่าบอกนะว่าเมื่อ 8 ปีก่อน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันปกปิดพลังฝีมือเอาไว้!?”


 


“เหอะๆ นี่ยังไม่ชัดเจนหรือไร? ต้วนหลิงเทียนไต่ไปถึงอันดับต้นๆได้ง่ายดายยิ่ง เห็นชัดว่า 8 ปีก่อนมันจงใจปกปิดความสามารถเอาไว้!”


 



 


เมื่อเห็นชื่อต้วนหลิงเทียนในอันดับยอดเขาแรงโน้มถ่วงพุ่งขึ้นมาพรวดพรวด กระทั่งเหนือกว่าอี้เทียนสิงไปแล้ว ทุกคนที่พบว่าชื่อต้วนหลิงเทียนที่ทำสถิติไว้ครั้งก่อนได้หายไป พวกมันก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด…


 


ต้วนหลิงเทียนที่ท้าทายยอดเขาแรงโน้มถ่วงเมื่อ 8 ปีก่อน ก็คือต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะทำลายสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงสร้างไว้ที่หอคอยจิตวิญญาณเมื่อไม่นานมานี้!


 


“ฮ่วนเอ๋อคนนี้ ไม่ทราบว่าพลังฝีมือพุ่งจะมาก้าวหน้าเอาในช่วง 8 ปีที่หายไป หรือเป็นนางเลือกจะปกปิดพลังฝีมือเอาไว้แต่แรกกันแน่ ไม่ทันไรก็ปีนถึงบันไดขั้นที่ 3,400 แล้ว”


 


ขณะเดียวกันหลายคนก็พบว่าอันดับของฮ่วนเอ๋อก็เพิ่มขึ้นผิดหูผิดตา จำนวนขั้นยังเพิ่มขึ้นรวดเร็วนัก


 


“เหนือกว่าแล้ว!!”


 


ต่อมาท่ามกลางสายตามองชมของผู้คน อันดับของต้วนหลิงเทียนบนตารางจัดอันดับยอดเขาแรงโน้มถ่วง ก็แซงขึ้นไปเป็นที่ 1 แทนที่ซูหลี่ได้ในที่สุด


 


สถิติของซูหลี่ก็คือ บันได 3,552 ขั้น


 


และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,553 แล้ว


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังคงปีนขึ้นไปไม่หยุดยั้ง


 


ขั้นแล้วขั้นเล่า…


 


“หรือว่า…ต้วนหลิงเทียนคิดจะทำลายสถิติของ อวี่เจี้ยนเฉิง ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะอีกครั้ง?”


 


เห็นฉากตัวเลยขั้นบันไดยังไหลไปต่อไม่หยุด หลายคนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็รู้สึกเสมือนหนังศีรษะด้านชา จากนั้นทั้งหมดก็จับจองมองชมตัวเลขขั้นบันไดกันตาลุกวาว


 


“มันจักสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งหรือไม่?”


 


“ข้าคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง…ท้ายที่สุดแล้วกระทั่งสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงที่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็ถูกมันถล่มมาแหม็บๆ การทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงของอวี่เจี้ยนเฉิง ก็คงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงกระมัง?”


 


“ข้าก็ว่างั้น…ไม่ว่าจะหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็ดี ยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็ดี ล้วนต้องอาศัยพลังแข็งกร้าวลุยฝ่า นี่ยังเป็นเหตุผลให้อวี่เจี้ยนเฉิงสร้างสถิติของทั้ง 2 ไว้สูงลิบ”


 


“วันนี้หากต้วนหลิงเทียนสามารถทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงของอวี่เจี้ยนเฉิงได้…มันก็ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของแดนทักษินยุทธ์แล้วล่ะ!”


 



 


จังหวะนี้หลายคนเริ่มคาดหวังกันว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถทำลายสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงได้อีกครั้ง


 


“จึกๆๆ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก!”


 


อวี่เทียนสิงกับเหอจ้านมาปรากฏตัวบนฟ้าใกล้ๆกับยอดเขาแรงโน้มถ่วงแห่งหนึ่ง เป็นเหอจ้านที่อดเดาะลิ้นกล่าวชมออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นชื่อที่อยู่บนสุดของตารางจัดอันดับ


 


“ศิษย์พี่เทียนสิง ท่านว่าต้วนหลิงเทียนนั่น มันจะทำลายสถิติสูงสุดที่ท่านประมุขนิกายสร้างไว้บนยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ไหม?”


 


เหอจ้านหันไปเอ่ยถามอวี่เทียนสิง


WSSTH ตอนที่ 3,233 : วงกตสรรพสิ่ง


 


 


“ตอนที่มันทำลายสถิติหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลของท่านลุงลงได้ หากมันทำเวลาได้น้อยกว่าท่านลุงแค่ลมหายใจเดียว ข้าคงไม่กล้าพูดว่ามันจะสามารถทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถว่งของท่านลุงได้…”


 


ได้ยินคำถามของเหอจ้าน อวี่เทียนสิงก็มองไปยังชื่อบนสุดของตารางอันดับ พลางกล่าวตอบ “อย่างไรก็ตาม มันกลับทำเวลาผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้น้อยกว่าท่านลุงถึง 5 ลมหายใจ”


 


“สิ่งนี้บ่งชี้ว่าพลังฝีมือของมันเหนือกว่าท่านลุงในตอนนั้นมาก”


 


“ด้วยพลังฝีมือของมัน หากคิดจะทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงของท่านลุง ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”


 


และราวกับจะยืนยันคำตอบของอวี่เทียนสิง ความเร็วของต้วนหลิงเทียนแม้จะเริ่มชะลอตัวลงเมื่อถึงบันไดขั้นที่ 3,500 แต่ในที่สุดก็สามารถข้ามผ่านขั้นที่ 3,600 และขั้นที่ 3,700 ได้สำเร็จ


 


เมื่อไปถึงบันไดขั้นที่ 3,700 ความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มช้าลงอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังสามารถข้ามผ่านชั้นที่ 3,788 ไปได้ไม่ยากเย็น ซึ่งเป็นการทำลายสถิติในปีนั้นของอวี่เจี้ยนเฉินลงไปแล้ว…


 


“อา! สถิติถูกมันทำลายลงแล้ว!!”


 


“จึกๆๆ สถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ดำรงอยู่มากว่า 20,000 ปี แต่ในที่สุดวันนี้ก็ถูกทำลายลงจนได้…นอกจากนี้สถิติที่สร้างไว้ทั้ง 2 แห่ง ก็ล้วนถูกต้วนหลิงเทียนทำลายยหมดสิ้น!”


 


“ตั้งแต่วันนี้ไป ต้วนหลิงเทียนก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของแดนทักษินยุทธ์อย่างไร้ข้อกังขาแล้ว”


 


“อวี่เทียนสิง ซูหลี่ พอเทียบกับมันแล้ว…เสมือนอยู่กันคนละระดับเลย”


 


“เจ้าจะนับรวมซูหลี่ไปด้วยได้อย่างไร? อย่าลืมว่าซูหลี่ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่แน่ว่าจะเหมือนอวี่เทียนสิงและมีอายุใกล้ครบพันปีแล้วก็เป็นได้!”


 


“นั่นก็จริง ในแง่ศักยภาพ ไม่ใช่ว่าซูหลี่ต้องด้อยกว่ามันเสียเมื่อไหร่!”


 



 


เมื่อต้วนหลิงเทียนทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้ว ทางแดนลับอัจฉริยะก็มีเสียงประกาศดังขึ้นอีกรอบ ทำให้เหล่าอัจฉริยะที่อยู่ในบททดสอบอื่นๆ หรือออกเสาะแสวงหาสมบัติอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นพุ่งพล่านกันขึ้นมาอีกครั้ง


 


แน่นอนว่าหลายคนนั้นแม้จะฮือฮากันขึ้นมาเมื่อต้วนหลิงเทียนทำลายสถิติของยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ แต่พวกมันก็ไม่ได้แปลกประหลาดใจอะไรมากมาย


 


เพราะสุดท้ายแล้วยอดเขาแรงโน้มถ่วง ก็มีความคล้ายกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลหลายส่วน…อาศัยพลังฝีมืออันกล้าแข็งในการบุกฝ่าเท่านั้น ขอเพียงมีพลังสูงมากพอก็สามารถทำลายสถิติได้


 


ดุจเดียวกับอวี่เจี้ยนเฉิงในปีนั้น


 


อย่างไรก็ตาม ดูจากผลงานของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ยังน่ากลัวเหนือกว่าอวี่เจี้ยนเฉิงในอดีตซะอีก!


 


“หืม? เลขยังไม่หยุดนี่นา มันยังคิดจะไต่บันไดขึ้นไปอีกรึ?”


 


เมื่อเห็นว่าชื่อต้วนหลิงเทียนยังเรืองแสงสว่างอยู่ หลายคนที่อยู่ใกล้ๆยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็อดแปลกใจไม่ได้


 


“เฮ่ พวกเจ้าดูนั่นเร็ว ฮ่วนเอ๋อก็ขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 3,539 แล้ว! มากกว่าอวี่เทียนสิง 2 ขั้น!”


 


ขณะเดียวกันหลายๆคนยังพบว่าฮ่วนเอ๋อได้ล้มเลิกการปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงไปแล้ว แต่อย่างไรเสียผลงานของนางก็ยังเหนือกว่าอวี่เทียนสิงแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และรั้งอยู่ในอันดับ 3 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง


 


“อวี่เทียนสิงช่างโชคร้ายจริงๆ…หอคอยจิตวิญญาณก็ถูกฮ่วนเอ๋อบีบให้ตกอันดับเพราะเวลาต่างกัน 1 ลมหายใจ มาตอนนี้จำนวนขั้นบันไดยังแพ้นาง 2 ขั้นอีก”


 


หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ด้วยรู้สึกว่าอวี่เทียนสิงโชคร้ายเหลือเกิน


 


อย่างไรก็ตามคำพูดขอพวกมันก็โดนหลายคนเห็นต่างทันที “โชคร้ายอะไรของเจ้ากันเล่า…นี่ล้วนเป็นเพราะความแข็งแกร่ง! คิดจะย่นเวลาผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลให้น้อยลงสักลมหายใจ ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆที่ไหน”


 


“จริง ยอดเขาแรงโน้มถ่วงเองก็เสมือนตัวบ่งชี้ขีดจำกัด ทุกคนล้วนมีขีดจำกัดของตัวเอง…เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถปีนขึ้นไปให้สูงกว่าขีดจำกัดของตัวเองได้ง่ายๆสักขั้น?”


 


ไม่ว่าจะอย่างไร ความแข็งแกร่งของฮ่วนเอ๋อนั้นก็เหนือกว่าอวี่เทียนสิงเล็กน้อย สิ่งนี้หลายคนไม่สงสัยอีกต่อไป


 


ทว่าความแข็งแกร่งในที่นี้ก็คือพลังฝีมือส่วนตัวเท่านั้น ไม่รวมถึงพลังภายนอกใดอื่น


 


ท้ายที่สุดแล้วจะยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็ดี หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็ดี ไม่อาจใช้พลังภายนอกอื่นใดได้เลย ไม่ว่าจะอาวุธอมตะ ยันต์อมตะ โอสถต้องห้าม หรืออุปกรณ์อมตะสิ้นเปลือง


 


ได้แต่พึ่งพลังส่วนตัวถ่ายเดียว


 


หากไม่ใช่พูดกันถึงในแง่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล คงไม่มีใครกล้าพูดว่าฮ่วนเอ๋อจะต้องมีพลังฝีมือเหนือกว่าอวี่เทียนสิงแน่ๆ ท้ายที่สุดแล้วอวี่เทียนสิงก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะมานานหลายร้อยปี พลังต่อสู้จริงของมันย่อมน่ากลัวกว่าที่ด่านทดสอบทั้ง 2 จะวัดได้


 


ต่อให้เป็นซูหลี่เอง หากต้องประมือกับมันด้านนอก เผลอๆให้พยายามทุ่มสุดตัวก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะอวี่เทียนสิงได้


 


ทุกคนก็รู้จุดนี้กระจ่างชัด


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…พลังเหลือร้ายจริงๆ ไม่ทราบมันจะปีนขึ้นไปได้อีกกี่ขั้นกันแน่?”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนปีนบั้นไดขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,800 แล้ว ผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวที่ตีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว พวกมันไม่ต้องไปเผชิญกับแรงกดดันด้วยตัวเอง แค่คิดก็กลัวจนขนลุกแล้ว!


 


ราวๆครึ่งชั่วยามต่อมาในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง และไม่อาจปีนบันไดขั้นต่อไปได้อีก


 


และตอนนี้เขาก็หยุดอยู่บนบันไดขั้นที่ 3,922 หรืออยู่ในระดับบความสูง 39,220 หมี่!


 


เรียกว่าสถิติที่เขาสร้างนี้ มันเหนือกว่าสถิติที่อวี่เจี้ยนเฉิงสร้างไว้เมื่อ 20,000 กว่าปีก่อนนับร้อยขั้น เรียกว่าท้าทายสวรรค์!


 


“ข้าได้ยินมาว่าหากใครสามารถทำลายสถิติสูงสุดของยอดเขาแรงโน้มถ่วงในแดนลับอัจฉริยะได้ ก็จะได้รับเกราะอมตะระดับจักรพรรดิ 1 ชิ้นใช่ไหม?”


 


หลายคนพอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สองตาก็แดงฉานไปด้วยความโลภ


 


ในบรรดาอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดินั้น หากเป็นอาวุธ ก็ทำให้ผู้คนอิจฉาตาร้อนมากแล้ว


 


ยิ่งมาเป็นชุดเกราะที่ถือว่ามีค่ากว่าอาวุธอีกเป็นเท่าตัว ในบรรดาอัจฉริยะที่เข้าสู่แดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ บางคนอาจมีอาวุธคู่กายระดับจักรพรรดิ แต่เกราะอมตะระดับจักรพรรดินั้นเกรง่วาคงไม่มีใครมี! เช่นนั้นมันทำให้ผู้คนอยากได้มากแค่ไหนก็คงไม่ต้องพูดถึง!!


 


พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะได้ครอบครองชุดเกราะอมตะระดับจักรพรรดิ ยังจะมีผู้ใดไม่อิจฉา?


 


ขณะเดียวกัน เมื่อต้วนหลิงเทียนออกมาสมทบกับฮ่วนเอ๋อที่ตีนเขาแรงโน้มถ่วง เขาก็พบมีดวงแสงผุดจากความว่างเปล่าและลอยลงมาหยุดตรหน้าเขาอีกครั้ง เป็นเกราะอมตะระดับจักรพรรดิตัวหนึ่ง!


 


“เกราะอมตะระดับจักรพรรดิจริงๆด้วย”


 


หลังตรวจสอบดูแล้วว่าของรางวัลที่ได้มันเป็นเกราะอมตะระดับจักรพรรดิจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไมได้ที่จะหัวเราะชอบใจ จากนั้นก็ยื่นส่งไปให้ฮ่วนเอ๋อ


 


ทว่าคราวนี้ฮ่วนเอ๋อไม่รับ “พี่หลิงเทียน เกราะอมตะระดับจักรพรรดิท่านเองก็ยังไม่มีใช้เลย ท่านเก็บไว้ใช้เองเถอะ”


 


ครั้งสุดท้ายที่ไฉนฮ่วนเอ๋อถึงรับกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิที่ต้วนหลิงเทียนส่งให้อย่างไม่เกรงใจ เพราะนางรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอยู่ในมือ


 


อย่างไรก็ตาม เกราะอมตะระดับจักรพรรดิตัวนี้นางไม่อาจรับเอาไว้ได้


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจฝืนใจฮ่วนเอ๋อได้ เขาจึงเก็บเกราะอมตะระดับจักรพรรดิเอาไว้ใช้เอง และคิดว่าครั้งต่อไปหากได้เกราะอมตะระดับจักรพรรดิมาค่อยมอบให้นางแทน


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน แล้วพวกเราจะไปไหนต่อกันดี?”


 


ฮ่วนเอ๋อเอ่ยถามต้วนหลิงเทียน


 


ต้วนหลิงเทียนที่กำลังยินดีมีสุขกับของรางวัล ก็หันไปมองผู้คนที่ตีนเขาแรงโน้มถ่วงรอบๆ พลางเอ่ยถามออกมาเสียงดัง “สหายทั้งหลาย…ไม่ทราบว่ามีที่ใดอีกบ้างที่พวกเราสามารถไปทำลายสถิติได้?”


 


หลังทำลายสถิติในแดนลับอัจฉริยะไป 2 อย่างติดๆ จนได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิมาถึง 2 ชิ้น ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนได้ลิ้มมธุรสหวานล้ำ จึงอยากได้อีกสักหลายๆคำ


 


ตอนนี้เขาก็เลยสนใจว่ามีที่ไหนที่สามารถทำลายสถิติได้อีกบ้าง


 


เพราะหากทำลายสถิติได้เพิ่ม ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิเพิ่มรึไง?


 


และตอนนี้บริเวณตีนเขาแรงโน้มถ่วงก็ไม่ได้มีคนอยู่แค่ 2 คนอีกต่อไป เรียกว่ามีผู้คนมาเพิ่มเป็นสิบๆแล้ว


 


“สหายหลิงเทียน สถานที่ๆสามารถทำลายสถิติได้ยังมีอีกมากมาย…แต่ว่าสถิติที่เหลือนั้น มันไม่อาจจะทำลายได้ด้วยอาศัยพลังฝีมือเชิงบู๊ย่างเดียว”


 


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวออกมากล่าวตอบต้วนหลิงเทียน


 


“มิผิดสหายหลิงเทียน”


 


อีกคนกล่าวเสริม “กระทั่งอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายยกระบี่หมื่นหายนะในปีนั้น ก็เลือกที่จะทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลแค่ 2 ที่เท่านั้น”


 


“สำหรับด่านทดสอบอื่นๆ แม้จะลองไปดูแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำลายสถิติของคนรุ่นก่อนได้”


 


“แต่สถิติในด่านทดสอบอื่นๆไม่ใช่ว่ายากจะทำลาย แต่มันต้องอาศัยความสามารถเฉพาะในศาสตร์อื่นๆ ว่าแต่สหายต้วนท่านหลอมอุปกรณ์อมตะเก่งไหมเล่า? พอดีไม่ไกลจากที่นี่ก็มีสถานที่ทดสอบเรียกว่าบ่อหลอมอมตะ ไว้สำหรับแข่งหลอมอุปกรณ์อมตะโดยเฉพาะ”


 



 


เสียงผู้คนเริ่มผลัดกันตอบดังขึ้นระงม ต้วนหลิงเทียนได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน เพราะเขาทราบแล้วว่าสถานที่ทดสอบอย่างอื่น หลายแห่งต้องอาศัยความสามารถเฉพาะทางเป็นสำคัญ


 


“แล้วสถานที่ทดสอบที่ไม่ต้องพึ่งศาสตร์แขนงอื่นเล่า มีอีกหรือไม่ แล้วมีผู้ใดบอกทางไปได้รึเปล่า?”


 


หลังจากฟังสิ่งที่ผู้คนกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจล้มเลิกเรื่องไปสถานที่ทดสอบเฉพาะทาง แล้วเอ่ยถามหาสถานที่ทดสอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสตร์แขนงอื่นแทน


 


“พี่ชายต้วน…สถานที่ทดสอบที่ไม่ต้องพึ่งฝีมือย่อย แต่อาศัยความสามารถส่วนตัวยังพอมีอีกแห่ง เรียกว่า วงกตสรรพสิ่ง…ที่นั่นท่านสามารถลองทำลายสถิติได้เช่นกัน”


 


ชายหนุ่มคนหนึ่ง หลังฉุกคิดอะไรได้ก็กล่าวเสนอออกมา


 


“วงกตสรรพสิ่ง!”


 


ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยเสนอออกมา หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจดังเฮือก “ด่านทดสอบในแดนลับอัจฉริยะที่เรียกว่า ‘วงกตสรรพสิ่ง’ นั่น ขอแค่สามารถรอดออกมาในเวลาที่กำหนดได้ ก็สามารถติดอันดับแล้ว…แค่นี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันยากเย็นเพียงใด…”


 


“ข้าเองก็ไปลองวงกตสรรพสิ่งมาเมื่อปีก่อน แต่ไม่ว่าข้าจะหาทางอย่างไรก็ไม่อาจหาทางออกได้พบเจอ…สุดท้ายข้าก็ได้แต่รอให้หมดเวลาและให้อาคมของวงกตสรรพสิ่งส่งตัวข้าออกมาเอง”


 


“สถิติของวงกตสรรพสิ่ง หากข้าจำไม่ผิดดูเหมือนมันจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ราวๆ 100,000 ปีก่อนใช่ไหม? และผู้ที่สร้างสถิติที่ไร้ผู้ใดทำลายได้นับแสนปี ก็เห็นว่าเป็นอัจฉริยะของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์”


 


“มิผิด เผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์นั้นเก่งกาจในเรื่องการใช้ภาพมายาและวิชาลวงตายิ่ง และอัจฉริยะของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ผู้นั้น ก็เสมือนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งจินตภาพ”


 


“ข้าจำได้ว่าในรอบ 100,000 ปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำเวลาได้ใกล้เคียงกับสถิติของอัจฉริยะเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์นั่นได้ และเป็นอัจฉริยะของเผ่าจิ้งจอกมายาที่เก่งในศาสตร์ลวงตาเช่นกัน…และหากจำไม่ผิดอัจฉริยะผู้นั้นยังเป็นทายาทสายตรงของเผ่าจิ้งจอกมายาอีกด้วย เรียกว่า ตู้เสวียน”


 


“ใช่ๆ ข้าก็จำได้เหมือนกัน…ตูเสวียนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นสตรี”


 



 


หลายคนเริ่มพูถึงเรื่องนี้กันอย่างออกรส อย่างไรก็ตามลูกตาต้วนหลิงเทียนดเล็กลงเร็วไว ยังหันไปมองฮ่วนเอ๋อข้างๆโดยไม่รู้ตัว


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองมา สองตากลมใสของฮ่วนเอ๋อก็เริ่มพร่ามัวราวมีหมอกสลัวขึ้นมาแล้ว “ท่านแม่…”


 


มารดาของฮ่วนเอ๋อมีชื่อว่า ตู้เสวียน


 


ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้รับทราบเรื่องนี้จากตู้เฟย ในตอนที่เขาเข้าไปแดนลับแห่งหนึ่งในพื้นที่ชายแดนตอนอยู่แดนสวรรค์ใต้ พอได้ยินคนเอ่ยชื่อตู้เสวียนขึ้นมาเขาก็นึกถึงมารดาของฮ่วนเอ๋อทันที


 


“ฮ่วนเอ๋อ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องได้เจอท่านแม่ของเจ้าแน่…ไม่ต้องห่วง พี่หลิงเทียนจะช่วยเอง”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวปลอบ “นอกจากนั้นผู้นำตระกูลตู้ของเผ่าจิ้งจอกมายาเองก็อยู่ที่อวี้หวงเทียนเช่นกัน ไว้รอให้ฮ่วนนเอ๋อทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเมื่อไหร่ พี่หลิงเทียนจะไปหาผู้นำตระกูลตู้กับฮ่วนเอ๋อ เพื่อดูว่าท่านแม่ของฮ่วนเอ๋อใช่อยู่ที่นั่นไหมดีหรือไม่?”


 


“อื้อ”


 


หลังได้รับการปลอบจากต้วนหลิงเทียน ไม่นนานฮ่วนเอ๋อก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อน “พี่หลิงเทียยนฮ่วนเอ๋ออยากลองไปวงกตสรรพสิ่งที่ว่าดู”


 


“ได้สิ”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ขณะเดียวกันสีหน้าเขาก็เผความสนุกสนานเล็กน้อย ‘ดูท่าสถิติของวงกตสรรพสิ่งอะไรนั่น ได้โดนฮ่วนเอ๋อถล่มเละแน่…’


 


ถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งเคยได้ยินเรื่องวงกตสรรพสิ่งเป็นครั้งแรก


 


อย่างไรก็ตาม ฟังจากบทสนทนาและเสียงโอดครวญถึงความยากของมันจากผู้คนโดยรอบ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันสมควรเป็นการทดสอบเกี่ยวกับกันหาทางออกจากเขาวงกตที่เต็มไปด้วยภาพมายาอะไรสักอย่าง…


 


ฮ่วนเอ๋อในฐานะที่เป็นถึงจิ้งจอกน้ำแข็วพันมายาที่จะอุบัติขึ้นในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา พอดีมีภูมิคุ้มกันต่อภาพมายาทั้งมวล!


 


ในสายตาของต้วนหลิงเทียน….วงกตสรรสิ่งนั่น แทบไม่มีราคาอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่วนเอ๋อ!


 


“สหายท่านนี้ มิทราบวงกตสรรพสิ่งที่ท่านว่ามันไปทางไหนหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามชายหนุ่มที่เอ่ยถึงวงกตสรรพสิ่งออกมาเป็นคนแรก


 


ชายหนุ่มพอได้รับการถามไถ่อย่างสุภาพของต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ตบอกไม่กี่ครั้งแล้วอาสานำไปทันที


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเหินร่างตามชายหนุ่มที่เหาะนำไป หลายคนที่อยู่ตีนเขาแรงโน้มถ่วงก็หันหน้ามองกันอย่างคึกคักคราหนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างไล่ตามไปชมดูความสนุกสนานด้วยกันทั้งหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)