War sovereign Soaring The Heavens 3194-3201
ตอนที่ 3194
จางอวิ๋นถิง ตัวมันนอกจากจะเป็นราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว กระทั่งบุตรชายของมันก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าถึงลูกชายของมันจะมีด่านพลังราชาอมตะ 10 ทิศดุจเดียวกับมัน หากทว่าพลังฝีมือของลูกชายของมันยังด้อยกว่ามันอยู่มาก เพราะลูกชายของมันพึ่งจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้แค่ 8 ประการเท่านั้น
พอมันได้รับข้อความจากลูกชาย มันก็ไม่รอช้าเร่งติดต่อกลับไปยังเผ่าทันที สุดท้ายเรื่องราวก็ถูกรายงานต่อไปถึงหูหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา จางตงหนาน
“หืม? ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่น มันพาสตรีที่พวกเราสงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเช่นนั้นรึ!?”
หลังได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว สองตาจางตงหนานก็หรี่ลงทันที
อันที่จริงหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่า สตรีชุดขาวปกปิดหน้าตาที่คนของเผ่าจิ้งจอกมายาลอบติดตามไปด้วยความสงสัยก่อนจะถูกฆ่าตายทั้งคู่ กับต้วนหลิงเทียนแห่งคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนั้นเคยรู้จักกันมาก่อน ตัวมันก็อยากไปเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อตรวจสอบเรื่องราวอีกรอบ จะได้รู้กันไปว่านางใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาหรือไม่…
ถึงตอนนั้นต่อให้มันไม่อาจชิงคนจากอ้อมกอดคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ แต่มันก็สามารถนำเรื่องนี้ไปรายงานให้เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน และรอให้เผ่าหลักส่งยอดฝีมือลงมาจัดการเรื่องราว
ขอแค่เผ่าหลักส่งจอมราชันอมตะสมญานามลงมาสักคน ก็มากพอจะชิงตัวสตรีชุดขาวออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้อย่างง่ายดาย
อนิจจาเพราะตอนนี้มันไม่อาจยืนยันเรื่องราวได้ชัดเจน มันก็เลยไม่กล้ารายงานเรื่องราวกลับไปยังเผ่าหลัก เพราะสุดท้ายหากเป็นการเข้าใจผิดอะไรขึ้นมา อีกฝ่ายไม่ใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาอย่างที่คิด เผ่าหลักต้องคาดโทษมันแน่!
จอมราชันอมตะสมญานามที่ว่า ก็คือตัวตนที่มีระดับเดียวกันกับจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ จ้าวผู้ปกครองแดนสวรรค์ใต้!
โทสะของจอมราชันอมตะสมญานาม ไม่ใช่อะไรที่ตัวมันจะแบกรับได้ไหว!
“นอกจากนั้น นางมิใช่ขุนนางอมตะ 10 ทิศอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นราชาอมตะ 6 ผสานไปแล้วหรือ ที่สำคัญนางยังตระหนักรู้กฏมิติไม่เบา ถึงขั้นเข้าใจความลึกซึ้ง กักกัน และ ผ่ามิติ ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว?”
ต้องกล่าวเลยว่าหลังได้รับทราบเรื่องราว จางตงหนานอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ตัวมันจะเป็นถึงหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ แต่มันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใต้หล้ามีสุดยอดอัจฉริยะที่มีความสามารถอันน่ากลัวถึงขนาดนี้ดำรงอยู่ด้วย!
“กระทั่งจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาคนสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์เผ่าจิ้งจอกมายา…ยังไม่มีอัจฉริยะภาพร้ายกาจเช่นนี้เลยมิใช่หรือ?”
“ภายในเวลาแค่ 30 ปี ด้านพลังก้าวกระโดดจากขุนนางอมตะ 10 ทิศไปราชาอมตะ 6 ผสาน…แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีก…”
สีหน้าท่าทีจางตงหนานเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
“ในเมื่อตอนนี้นางทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว…หากนางเลือกจะปกปิดกลิ่นอายพลัง เช่นนั้นต่อให้ข้าไปอยู่ต่อหน้านาง ก็เกรงว่าคงไม่อาจระบุได้ว่านางจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา”
คิดถึงจุดนี้สองตาจางตงหนานก็ฉายแววลังเล “หรือว่า…ต้องรายงานกลับไปยังเผ่าหลักทั้งๆที่ไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดจริงๆ?”
“ช่างเถอะ รอก่อนแล้วกัน…ไม่แน่อาจมีจุดเปลี่ยนอันใด”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางตงหนานก็บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณเพื่อส่งข้อความถึงจางอวิ๋นถิงทันที “ผู้เฒ่าอวิ๋นถิง…หากสบโอกาส ท่านก็ลองไปหยั่งเชิงสตรีนางนั้นดูหน่อยเถอะ”
“ทราบแล้วหัวหน้าเผ่า”
จางอวิ๋นถิงตอบกลับ ก่อนที่จะส่งข้อความไปถามบุตรชายอีกครั้ง ว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมุ่งหน้าไปทางไหน จากนั้นมันก็เร่งรุดมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที
ตอนนี้สภาพแวดล้อมรวมถึงตำแหน่งเขตปลอดภัยของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ถูกระบุได้หมดแล้ว เพราะมันต่างจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่มักจะเปลี่ยนแปลงทุกๆเดือน
ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง สิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงไปก็คือตำแหน่งที่สมบัติรวมถึงแดนลับย่อยต่างๆ จะปรากฏ
ด้วยเหตุนี้หลังได้รับทราบตำแหน่งคร่าวๆจากบุตรชาย จางอวิ๋นถิงจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆคาดว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อน่าจะไปทันที
…
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่เดินทางท่องไปเรื่อง ก็ได้พบเจอคู่ต่อสู้ไม่น้อยและจัดการผู้คนไปมากมาย แต่กลับไม่มีใครอยู่ใน 100 อันดับแรกเลย
คนที่พบเจอเหล่านี้ไม่แม้แต่จะรับหนึ่งกระบวนท่าของเขาได้
แน่นอนว่าในเมื่อเขาไม่มีความคับข้องใจกับคนเหล่านี้ หากตอนพบเจอกันอีกฝ่ายไม่มีจิตสังหาร เขาก็ไม่คิดพรากหนึ่งชีวิตของอีกฝ่าย
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าผู้ที่ถูกเขาจัดการออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไป ได้นำเรื่องราวไปกล่าวบอกคนรู้จัก จนทำให้ผู้คนเริ่มล่วงรู้กันว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงปรากฏชายหนุ่มชุดม่วงที่แม้จะมีพลังฝึกปรือแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ทว่ากลับมีพลังต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาอมตะ 10 ทิศ!
ในบรรดาคนที่ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ ผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดก็คือราชาอมตะ 7 ดารา และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือราชาอมตะ 9 ตำหนัก
อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะส่งผู้คนออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไปนับสิบ แต่คะแนนสะสมของเขาก็มีแค่ 30 แต้มเท่านั้น ยังห่างจากการติด 100 ไม่น้อย
“ไม่รู้ว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้มันกว้างใหญ่ขนาดไหนกัน…”
ต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่รู้ทิศทางในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ขณะหันมองดูที่ทางรอบๆ
สำหรับฮ่วนเอ๋อนั้นนางไม่สนใจอะไรมากนัก เพียงกุมมือต้วนหลิงเทียนไว้ข้างหนึ่งและติดตามอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนดั่งเงาตามตัว
“จึกๆๆๆๆ…ช่างเป็นคู่หนุ่มสาวที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกโดยแท้! เจ้าหนุ่มก็หล่อแม่หนูก็สวยเหลือเกิน”
ทันใดนั้นเองสุดขอบฟ้าไกลตาปรากฏร่างเงาเลือนลางวูบมาด้วยความเร็วสูงปานภูตผี เสียงชราแหบบแห้งเองก็ดังใกล้เข้ามาทุกขณะ
ไม่นานนัก ร่างในชุดคลุมลมดำเก่าๆขาดๆหนึ่งก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ
เป็นชายชราคนหนึ่ง ไม่ทราบยากจนหรืออย่างไร แต่ชุดคลุมลมดำของมันช่างเก่าและซอมซ่อเหลือเกิน รูปร่างยังผ่ายผอมหนังติดกระดูก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แลดูแก่หง่อมชวนสยองพิกล
‘ชายชราคนนี้..ราชาอมตะ 10 ทิศ…’
เมื่อเห็นความเร็วในการลัดฟ้าเข้ามาของอีกฝ่าย รวมถึงกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ต้วนหลิงเทียนย่อมตัดสินได้ทันทีว่าร่างชราเบื้องหน้าเป็นราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่เขาก็เคยถือครองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมาแล้ว 2 ครั้งในช่วงเวลาสั้นๆจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง เช่นนั้นเขาจึงอ่อนไหวกับกลิ่นอายพลังขอบเขตราชาอมตะไม่น้อย
“อัยยะ…ยาโถวน้อยนี่ยังมีอายุไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำ! ต้องกล่าวเลยว่ายาโถวน้อยเจ้าช่างงดงามจริงๆ หากเราผู้เฒ่าอายุน้อยกว่านี้สักหลายหมื่นปี ไม่พ้นต้องสนใจเจ้าแน่”
ชายชรามองฮ่วนเอ๋อพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเห็นฟัน
อย่างไรก็ตามมันแย้มยิ้มได้ไม่นานก็หันมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงแววตาเฉยเมย “พวกเจ้าทั้งคู่ทุบทำลายป้ายหยกกลับออกไปเสีย…หรือหากจะให้เราผู้เฒ่าช่วยส่งก็ย่อมได้”
“แต่เราผู้เฒ่าขอเตือนพวกเด็กน้อยเจ้าไว้สักคำ…หากลำบากให้เราผู้เฒ่า เฮยชา ผู้นี้ลงมือ ไม่แน่ว่าอาจยั้งมือไม่ทัน ถ้าไม่เจ็บตัวหน่อยๆ ก็อาจเผลอทุบตีเจ้าตาย!”
กล่าวถึงจุดชายชราก็มองเตือนต้วนหลิงเทียนด้วยสายตา
“ขอบคุณผู้เฒ่าที่กล่าวเตือน”
ได้ยินว่าอีกฝ่ายอยู่มาเป็นหมื่นๆปี ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเซียนอมตะทุกคน หากไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร ก็สามารถมีชีวิตยืนยาวเท่าฟ้าดิน…
ในระนาบเทวโลกผู้ที่มีอายุเกินหมื่นปี มองไปทางไหนก็พบเจอ…
ดุจเดียวกับเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ซึ่งมีชีวิตอยู่มา 30,000 กว่าปีแล้ว
“เพียงแต่หากผู้เฒ่าคิดกำจัดพวกเราสองคน…ก็ต้องดูว่าผู้เฒ่าแข็งแกร่งมากพอจะ ‘เกลี้ยกล่อม’ ให้พวกเราออกไปได้หรือไม่”
ได้ยินคำเตือนจากชายชรา ต้วนหลิงเทียนพอขอบคุณ ก็กล่าวแย้งกลับไปอย่างสุภาพพลางยิ้ม
“อันใดกันเจ้าหนุ่ม…นี่เจ้าสงสัยในพลังฝีมือของเราผู้เฒ่างั้นรึ?!”
ชายชราอึ้งไปอยู่บ้าง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วกล่าว “ไม่กระมัง…นี่เจ้าหนู หรือเจ้าไม่เคยได้ยินนาม เฮยชา ของเราผู้เฒ่า?”
พอได้ยินวาจากล่าวเตือนประโยคนี้ของชายชรา สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายวาบหนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตอนชมดูตารางจัดอันดับครั้งล่าสุด เหมือนจะเคยเห็นชื่อเฮยชาผ่านตา!
เพื่อเป็นการยืนยัน ต้วนหลิงเทียนก็แผ่สำนึกเทวะลงไปในป้ายอีกครั้ง
‘ใช่จริงๆด้วย เฮยชา อันดับที่ 69…มีคะแนนสะสม 186 แต้ม’
พอเห็นข้อมูลดังกล่าว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด มองไปยังชายชรานามเฮยชาเบื้องหน้าอีกครั้ง สายตาประหนึ่งหมาป่าหิวโหยพบพานเหยื่ออันโอชะ!
“ที่แท้ผู้เฒ่าอยู่ในอันดับที่ 69 นี่เอง เป็นผู้หลานเสียมารยาทแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ไมเป็นไร เอ่าละในเมื่อเจ้ารู้แล้ว…เช่นนั้นก็สมควรออกไปกันได้แล้วกระมัง”
ชายชรานามเฮยชาโบกมือส่งๆ ราวไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ “ในอดีตเราผู้เฒ่าเข่นฆ่าคนมามาก ยามแก่ตัวลพองเห็นคนหนุ่มสาวเช่นพวกเจ้า ก็ไม่ต่างอะไรจากเห็นลูกเห็นหลาน หากไม่จำเป็นเราผู้เฒ่าก็ไม่คิดจบชีวิตสดใสวัยรุ่นของพวกเจ้าหรอก”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินวาจาของอีกฝ่าย ทั้งรู้สึกว่าชายชรานามเฮยชาผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
“รบกวนผู้เฒ่าชี้แนะด้วย”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
“หืม? ชี้แนะ…เจ้าหนุ่มนี่เจ้า…คิดประมือกับเราผู้เฒ่าเฮยชาหรือ!?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ชายชรานามฮยชาก็เลิกคิ้วขึ้น ดววงตากลายเป็นแหลมคม ท่าทางแลดูขึงขังทั้งน่าเกรงขามขึ้นหลายส่วน
ตัวมันอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว เป็นธรรมที่มันจะรู้ดี…ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ เมื่อมีคนได้ยินชื่อมันแล้วแต่ยังกล้าประมือกับมันอีก ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีพลังฝีมือสูงถึงขั้นจริงๆ!
และชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าก็มีประกายตาแจ่มใสไม่คล้ายตัวโง่งม ดังนั้นมันจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายสมควรมีพลังฝีมือกล้าแข็งจริงๆ!
สำหรับเรื่องที่จะเหนือกว่ามันนั้น ตัวมันไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ มันเคยพบเจอผู้ที่มีพลังฝีมือเหนือกว่ามันมาครบทุกคนแล้ว
มันบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศตั้งแต่เมื่อหมื่นกว่าปีก่อน แม้ศักยภาพรวมถึงพรสวรรค์ไม่เว้นสติปัญญามันจะมีขีดจำกัด แต่มันก็ไม่ลดละความพยามและเคี่ยวกรำตัวเองมาตลอด แม้ฟ้าจะไม่มอบหนทางก้าวหน้าให้มัน แต่มันก็มองหาหนทางด้วยตัวเองอยู่เสมอ
เรียกว่าตลอดหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีปีไหนที่มันไม่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพื่อแสวงหาโชควาสนา หวังว่าจะพบเจอผลไม้อมตะหรือโอสถอมตะสักขนานที่ทำให้มันประสบความก้าวหน้าได้ เช่นนั้นเรียกว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงสำหรับมัน ก็ไม่ต่างใดจากสวนหลังบ้าน ยังรู้จักยอดฝีมือที่เก่งกาจเหนือมันทุกคน
และในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่มันเคยพบเจอ ไม่มีชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้รวมอยู่ด้วย
“ผู้เฒ่าโปรดชี้แนะด้วย”
รอยยิ้มยังคงคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ห่างหาย
“ย่อมได้! ในเมื่อเจ้าหนุ่มเจ้าอยากประมือกับเราผู้เฒ่า เช่นนั้นเราผู้เฒ่าจักลงมือเต็มที่เพื่อมิให้เจ้าผิดหวัง!”
ทันทีที่เสียงของชายชรานามเฮยชาดังจบคำ ทั่วร่างของมันก็ปรากฏเพลิงพลังปะทุลุกโชนขึ้นมา เปลวเพลิงยังพวยพุ่งสูงปานจะแผดเผาฟากฟ้า แผ่ซ่านกลิ่นอายร้อนลวกออกมาสะท้านบรรยากาศ!
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าเฮยชาคนนี้ เชี่ยวชาญกฏแห่งไฟ!
ขวับ!
และในขณะที่เพลิงพลังทั่วร่างถูกเร่งเร้าจนลุกโชนเร่าๆ ดาบใหญ่ใบกว้างหนึ่งพลันผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนจะถูกกระชับเข้ามือเป็นมั่นเหมาะ!
เมื่อเพลิงพลังหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวดาบ ใบดาบก็ปรากฏแสงพลังสว่างจ้า แผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมไม่ใช่ชั่วออกมาเสียดสะท้านไปทั่ว
‘ผู้เฒ่าเฮยชาคนนี้ พลังฝีมือเหนือกว่าจวินวั่งเฉินศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนีหลายขุมจริงๆ…’
ถึงแม้จะยังไม่ได้ลงมืออะไร อาศัยแค่กลิ่นอายพลังกอปรทั้งท่วงท่าสภาวะของชายชราเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ประเมินพลังฝีมือของชายชราคนนี้ได้ทันที ว่าอีกฝ่ายสมควรแข็งแกร่งกว่าจวินวั่งเฉินศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี!
แค่เขายังไม่ทราบ…ว่าชายชราเบื้องหน้าเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยบ้างแล้วหรือไม่!
วูบ!
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอให้อีกฝ่ายเปิดฉากจู่โจม กลับชิงลงมือก่อน! ร่างอันตรธานหายไปจากจุดเดิม ก่อนจะไปปรากฏตัวอีกครั้งเหนือศีรษะชายชรา!!
“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!!”
ชายชราแม้จะตกใจ หากแต่ด้วยสำนึกเทวะที่แผ่ออกไปโดยรอบ ย่อมตระหนักได้ทันทีว่าร่างต้วนหลิงเทียนวูบมาปรากฏด้านบน แม้ในแววตาจะเผยความแปลกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แตกตื่นอันใด เพราะถึงแม้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะมีผู้เชี่ยวชาญกฏมิติไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่มี
“เจ้าหนุ่ม ชักศาสตราอมตะของเจ้าออกมาเสีย!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาด้วยมือเปล่า ชายชราก็เร่งกล่าวเตือนออกไป ด้วยไม่อยากเอาชนะในสภาพมีเปรียบ
“เชิญผู้อาวุโสลงมือเลยเถอะ…หากข้าเห็นควรว่าต้องใช้อาวุธ ข้าย่อมใช้มันเป็นธรรมดา!”
ตอนนี้เรียกว่าต้วนหลิงเทียนรู้สึกชมชอบนิสัยของชายชราเบื้องหน้าไม่น้อย เพราะไม่ใชทุกคนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะมัวมาห่วงอะไรกับคู่ต่อสู้แบบนี้
“เพ่ย! เจ้าหนุ่มนี่เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาดูถูกเราผู้เฒ่าเฮยชา…เช่นนั้นวันนี้เราผู้เฒ่าจักสั่งสอนเจ้าให้รู้สัมมาคารวะ!!
ทันใดนั้นเพลิงพลังทั่วร่างของผู้เฒ่าเฮยชาก็พวยพุ่งลุกโชนขึ้นน่ากลัว ดาบใหญ่ใบกว้างจี้ไปทางต้วนหลิงเทียน ก่อนคนจะปะทุพลังเกรี้ยวกราดเปล่งกลิ่นอายพลังร้อนลวกสุดไพศาล พุ่งทะลวงแทงขึ้นฟ้าไปฉับไวปานจุดระเบิด!
ตอนที่ 3195
เผชิญหน้ากับเฮยชาที่เสือกดาบพุ่งทะยานขึ้นฟ้ามา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันปะทุระเบิดออกมาปานเพลิงไฟ ผสานเข้ากับพลังธาตุมิติในพริบตา กลับกลายเป็นเพลิงพลังสีเทาฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นอายพลังลี้ลับ!
“หืม!?”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปะทุพลังออกมาพร้อมรบ อยู่ๆเฮยชาที่โจนทะยานขึ้นฟ้ามาด้วยสภาวะพลังเกรี้ยวกราด ก็ชะงักร่างหยุดลงกลางทางดื้อๆ เมื่อพบว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน…เป็นแค่กลิ่นอายพลังขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์!!
เฮยชาที่โจนทะยานร่างตัดระยะขึ้นมากว่าครึ่ง ขมวดคิ้วมองถามต้วนหลิงเทียน “เจ้าหนุ่ม…นี่เจ้าเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์เท่านั้นรึ?”
“ราชาอมตะ 3 ศักดิ์เช่นเจ้า ยังกล้าเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีก?! นี่เจ้าสะกดคำว่าตายไม่เป็นหรือไร!?”
ตอนนี้น้ำเสียงที่เฮยชาใช้กล่าวกับต้วนหลิงเทียน ฟังราวกับผู้อาวุโสกำลังอบรมสั่งสอนบุตรหลานอย่างไรอย่างนั้น
เพราะในสายตาของมัน ตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ไม่สมควรเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเด็ดขาด! เพราะสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากนำชีวิตตัวเองมาทิ้งให้เป็นแต้มผู้อื่นเขา!
“ผู้เฒ่า…นี่ท่านหยุดมือเพราะระดับพลังบ่มเพาะของข้างั้นเหรอ?”
เห็นเฮยชาอยู่ดีๆก็หยุดลงกลางหาว ต้วนหลิงเทียนเองก็งุนงไม่น้อย พลังที่เร่งเร้าขึ้นมาเตรียมจะลงมือก็หดหายไปทันที
และพอมาได้ยินคำพูดของเฮยชา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ นี่เขาพบตาแก่ปากร้ายใจดีหรือ?
เฮยชาคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลว แถมยังปฏิบัติกับเขาราวผู้อาวุโสกับรุ่นเยาว์ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง จะลงมือหักหน้าอีกฝ่ายเลยก็กระไรๆอยู่
“เจ้าหนุ่ม ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง…เจ้ารีบออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไปเถอะ! หาไม่แล้วไม่ต้องให้ข้าลงมืออะไร เจ้าที่เป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ เกิดเผลอไปพบเจอผู้ใดเข้าก็มีแต่สิบตายไร้ทางรอด!”
เฮยชากล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง น้ำเสียงไม่ขาดการขู่เตือน
“ผู้เฒ่า…ข้าเคยเจอราชาอมตะ 7 ดารา ราชาอมตะ 8 ชะตาและราชาอมตะ 9 ตำหนักมาแล้ว ทุกคนก็ไม่ต่างอะไรจากท่าน ที่คิดว่าสมควรจัดการข้าได้ง่ายๆ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “แล้วท่านรู้ไหม…ว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน?”
“ทำไม? หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าจัดการพวกมันได้หมด?”
เฮยชากล่าวย้อนถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ใจตัดสินไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคุยโวโอ้อวด
“ถูก”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“เพ่ย! เจ้าหนุ่มหน้าด้านผู้นี้! คุยโวโอ้อวดไม่ว่า ยังกล้าตีเนียนหน้าไม่อาย! อาศัยราชาอมตะ 3 ศักดิ์เช่นเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรราชาอมตะ 9 ตำหนักได้?”
เฮยชายิ้มเยาะ
“ในเมื่อผู้เฒ่าไม่เชื่อผู้เยาว์ เช่นนั้นผู้เยาว์ก็ได้แต่ลงมือพิสูจน์…เห็นแก่ที่ผู้เฒ่าเมตตาข้าหลายต่อหลายครั้ง ข้าย่อมไม่คิดรังแกผู้เฒ่า เพียงหวังว่าผู้เฒ่าจะช่วยลงมือจริงจังใช้ออกด้วยทุกสิ่ง อย่าได้ดูเบาผู้เยาว์ต่อ…”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เขาไม่รอเฮยชาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ทั่วร่างปะทุพลังวูบวาบ ลงมือออกไปทันที!
‘กักกัน’
เพียงหนึ่งความคิด ความว่างเปล่ารอบกายเฮยชาก็ถูกผนึก เสมือนมีคุกล่องหนกักขังเฮยชาเอาไว้!
และในเวลาเดียวกัน เมื่อเฮยชาถูกผนึกกักเอาไว้ในคุกมิติแล้ว ก็อุบัติพลังเกรี้ยวกราดอันเกิดจากการบิดเบือนของห้วงมิติ เคี่ยวกรำเข้าใส่ร่างเฮยชาจากรอบทิศทาง!
วูบ!
พริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างมาปรากฏกายไม่ห่างจากเฮยชาสักเท่าไหร่ เรียกว่าห่างไม่ถึง 100 หมี่! และทันใดนั้นเองเขตแดนมิติก็ก่อเกิดเร็วไว ครอบคลุมไปถึงร่างเฮยชาเช่นกัน!!
ในอดีตนั้น รัศมีเขตแดนมิติของต้วนหลิงเทียนมีเพียง 10 หมี่เท่านั้น
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเข้าใจความลึกซึ้งเขตแดนมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว รัศมีของมันก็เลยขยายขึ้นมาเป็น 100 หมี่!
“ความลึกซึ้งเขตแดนมิติขั้นตอนเล็กน้อย!”
สีหน้าเฮยชาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด และวินาทีต่อมาสีหน้าจริงจังของมันก็เริ่มซีดลงทันตาเห็น เพราะมันสัมผัสได้ว่า แรงสั่นสะเทือนทั้งฉีกกระชากทำลายของห้วงมิติที่อยู่ในกรงรอบกายมัน ยิ่งมายิ่งรุนแรงสุดจะทานทนรับไหวแล้ว!!
มันยังสัมผัสได้ถึงอันตราย จากพลังอำนาจอีกขุมที่พยายามจะบิดร่างป่นทำลายมันเช่นกัน
“อะไรกัน!? กระทั่งความลึกซึ้งบิดเบือน…มันก็เข้าใจถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว!?”
จังหวะนี้สีหน้าเฮยชาได้เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ เพลิงพลังทั่วร่างยังลุกโชนขึ้นเร่าๆ ดาบใหญ่ในมือก็เริ่มกู่ร้องดังเวิงเวิง เห็นชัดว่าตอนนี้มันพยายามเร่งเร้าพลังต้านทานพลังเคี่ยวกรำของห้วงมิติสุดตัว ยังคิดร้วมรั้งพลังลงดาบหมายทะลวงฝ่ากรงมิติออกไป!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
จังหวะนี้เฮยชาไม่กล้าดูเบาต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป ปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่กล้าจะกักเก็บ หมายหลบหนีออกไปจากกรงมิติให้ได้เร็วที่สุด!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ถึงแม้คู่ต่อสู้ของมันจะเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่หากอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งบิดเบือนและเขตแดนมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยแบบนี้ พลังอานุภาพของห้วงมิติที่จะป่นทำลายร่างมัน ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการลงมือเต็มกำลังของราชาอมตะ 10 ทิศด้วยซ้ำ!
ที่สำคัญมันยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช่มีความสามารถเพียงเท่านี้หรือไม่ เช่นนั้นเป็นการดีที่สุดที่จะหลบหนีไปให้พ้นระยะลงมือของอีกฝ่าย รวมถึงหลบไปจากกรงมิติที่กักขัง เพื่อทวงคืนอิสรภาพกลับคืนมาให้ได้เสียก่อน!
หาไม่แล้ว สุดท้ายมันก็ได้แต่ตกเป็นรองอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป ถึงตอนนั้นต่อให้มันยังแข็งแกร่งว่าอีกฝ่ายก็จริง แต่เกรงว่าคงยากจะพลิกฟื้นสถานการณ์ใดๆได้อีก
ดาบใหญ่อันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังกว่าสิบส่วน ถูกเฮยชาฟาดผ่าออกมาอย่างดุร้าย คลื่นดาบเพลิงมหึมาพุ่งผ่าห้วงมิติบิดเบือนและพลังอำนาจของห้วงมิติแปรปรวนจากเขตแดนมิติออกไปอย่างดุดัน!
ถึงแม้ระหว่างทางพลังอำนาจของคลื่นดาบเพลิงจะถูกบั่นทอนไปไม่น้อย แต่เฮยชามั่นใจว่าพลังที่เหลือสมควรทลายฝ่ากรงมิติได้แน่นอน!
นอกเสียจาก…
ความลึกซึ้งกักกันของอีกฝ่าย ก็บรรลุถึงขั้นตอนเล็กน้อยเช่นกัน!
แต่เรื่องพรรค์นั้นจะเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
“ไม่จริงหน่า!!”
เดิมทีเฮยชาก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ กระทั่งยังรีบโคจรพลังห้วงใหม่เตรียมพร้อมพุ่งร่างออกจากกรงมิติที่พังทลายทันที!
อนิจจาพอเห็นว่าคลื่นดาบเพลิงอันเกรี้ยวกราดของมัน เพียงปะทะหักหาญกับความว่างเปล่าเบื้องหน้าอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็มอดดับไปอย่างไร้เรื่องราว ร่างชราก็สะดุ้งโหยง สองตาเบิกกว้างแทบถลนออกเบ้า โพล่งร้องออกมาอย่างเสียขวัญ
‘มารดามันเถอะ! ไอ้หนูนี่มันดันเข้าใจความลึกซึ้งกักกันถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยด้วย!!’
เขตแดนมิติ บิดเบือน แล้วยังมีกักกัน…3 ความลึกซึ้งอันน่าปวดหัวของกฏมิติ เจ้าหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าล้วนเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยหมดแล้ว!!
ความสำเร็จอันน่าตื่นตระหนกดังกล่าว ดันมาปรากฏอยู่ในตัวตนที่มีด่านพลังแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์! ย่อมทำให้สีหน้าเฮยชาเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตาที่เบิกโพลงก่อนหน้า พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งยังหดเล็กลงราวเห็นผี!
“ท่านผู้เฒ่า…ยังไหวรึเปล่า?”
ในขณะที่สีหน้าเฮยชาเปลี่ยนไปไม่หยุดหย่อน และบัดนี้พลังของห้วงมิติก็เริ่มส่งผลจนพลังคลุมกายเริ่มมอดดับแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม พลางโบกมือส่งๆ ยังผลให้รอบกรงมิติที่กักร่างชราปรากฏรอยแยกของมิติ 3 รอยขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง!
ครู่ต่อมาจากในรอยแยกมิติทั้ง 3 ก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทาพุ่งออกมาฉับไว้ปานสายฟ้าฟาด พุ่งผ่านกรงมิติเข้าไปด้านใน พลางดูดซับพลังจากห้วงมิติบิดเบือนและเขตแดนมิติมาหนุนเสริมจนมีพลังอานุภาพเต็มพิกัด สุดท้ายก็หยุดลงอยู่ห่างร่างชราไม่กี่ก้าว
“คะ…ความลึกซึ้งผ่ามิติขั้นตอนเล็กน้อย!!”
เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว เฮยชาก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยังอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาอย่างเตลิด “นรกเถอะ! ข้าต้องอัปโชคเพียงใด ถึงมาเจอสัตว์ประหลาดน้อยเจ้าได้!!”
กฏมิติแม้จะเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด แต่ก็เหมือนกับกฏอื่นๆ ซึ่งมีความลึกซึ้งทั้งสิ้น 9 ประการ และมีความลึกซึ้ง 8 ประการที่สามารถยกระดับความเข้าใจให้ถึงขั้นตอนคววามสำเร็จเล็กน้อยได้
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า กลับเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยไปแล้ว 4 ประการ จึงกล่าวได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้แล้วครึ่งหนึ่ง!!
ความสำเร็จระดับนี้ มันที่วนเวียนอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมานานนับหมื่นปี กลับไม่เคยพบเจอ ทั้งไม่แม้แต่จะเคยได้ยินมาก่อน!
มันยังรู้จักราชาอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ดี และนั่นก็คือสุดยอดอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของนิกายฟ้าหมื่นศึกที่ได้อันดับ 1 ในตารางจัดอันดับติดต่อกันมาหลายปี เข้าใจถึงความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้แล้วถึง 3 ประการ…
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าผู้นี้ ทั้งๆที่เป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่กลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้แล้วถึง 4 ประการ!!
และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…
กฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญ ยังเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด กฏมิติ!!
ฟืด!
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮยชาที่เห็นว่ารอบกายไม่มีพลังดุร้ายเคี่ยวกรำแล้ว ก็ถอนรั้งพลังคืนกลับ รวมถึงสะบัดมือเก็บดาบใหญ่กลับไปทันที
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเรียกว่าอะไร?”
เฮยชาพยายามสงบอารมณ์ปั่นป่วนในใจ ก่อนจะมองถามชื่อชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าออกไปด้วยรอยยิ้มแหยๆ “นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าผู้เฒ่าเฮยชาเลยก็ว่าได้ ที่ได้พบพานกับสัตว์ประหลาดเช่นเจ้า…”
“เราผู้เฒ่าไม่อาจทราบได้จริงๆ ว่าชีวิตเจ้าผ่านการผจญภัยอันใดมาบ้าง ถึงสามารถประสบความสำเร็จเลิศล้ำถึงขนาดนี้ได้…”
“หรือที่แท้เจ้า…จะมาจากขุมกำลังใดใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน?”
กล่าวถึงจุดนี้เฮยชาก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
ตอนนี้มันไม่กล้าดูเบาและไม่กล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว เพราะมันรู้ดีว่าถึงลงมือไปก็รังแต่จะหาเรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ
อีกฝ่ายกระทั่งยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะสักชิ้น ก็มีพลังจะเข่นฆ่ามันให้ตายได้ง่ายๆ…
แม้พลังฝึกปรือของอีกฝ่ายจะพึ่งอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ก็ตามที
“ผู้เฒ่า ข้าเรียกว่าต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ต้วนหลิงเทียนรึ? ไฉนข้ารู้สึกคุ้นหูแปลกๆ?”
พอได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าเฮยชาก็เอียงคอย่นคิ้ว เพราะมันรู้สึกว่าชื่อต้วนหลิงเทียนคุ้นหูพิกล หลังจากนั้นไม่นานคิ้วที่ขดย่นก็โค้งขึ้น “จริงสิ! เมื่อ 30 ปีก่อน ข้าจำได้ว่ามีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่ง ที่แม้จะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่กลับกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง! หากข้าจำไม่ผิดศิษย์อัจฉริยะนั่นเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน เช่นกัน!”
ถึงแม้เฮยชาจะพึมพำออกมาแบบนี้ แต่มันกลับไม่คิดจะเชื่อมโยงต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่มันเคยได้ยินในอดีตเข้าด้วยกันเลย
เพราะถึงทั้งคู่จะเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เหมือนกัน แต่พลังฝีมือของทั้งสองคนมันแตกต่างกันเกินไป
“ไม่สิ! ดูเหมือนไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนคนไหน…ก็ล้วนแล้วแต่เข้าใจกฏมิติเหมือนกัน…”
พอเฮยชาฉุกคิดได้ถึงจุดนี้ มันก็เริ่มตระหนักว่าเรื่องราวไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป จึงหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออีกหนึ่ง เอ่ยถามออกมาอย่างยากลำบากว่า “เจ้าหนุ่ม…เจ้า…เจ้าคงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังไปทั่วแดนสวรรค์ใต้ระดับกลางเมื่อ 30 ปีก่อนหรอกนะ ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น?”
“หากที่ผู้เฒ่ากำลังพูดถึงอยู่คือ ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็สมควรเป็นข้าเอง”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
ตั้งแต่ตอนที่ชายชรากล่าวพึมพำกับตัว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเคยได้ยินเรื่องราวของเขา
“จริงรึ!?”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้ายืนยัน รูม่านตาชายชราก็หดแคบลงเร็วไว จากนั้นมันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มากล้นไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถยิ่งนัก เป็นคลื่นลูกใหม่แทนที่คลื่นลูกเก่าโดยแท้…”
“จากนี้ไป ใต้หล้าล้วนเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาวเช่นเจ้าแล้ว…”
เฮยชาส่ายหัวไปมาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อน จากนั้นมันก็สะบัดมือเรียกป้ายหยกประจำตัวออกมา มองต้วนหลิงเทียนแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม…ข้าหวังว่าเจ้าที่สามารถเหยียบข้าต่างหินรองเท้า จักก้าวขึ้นสู่ 10 อันดับแรกได้สำเร็จ”
“หลังจากออกไป ข้าจะเอาใจช่วยเจ้า…”
พอกล่าวจบคำ ชายชราก็บดขยี้ป้ายหยกประจำตัวทันที ก่อนที่ร่างชราจะถูกส่งตัวออกไป และคะแนนสะสมของมันก็กลับกลายเป็นของต้วนหลิงเทียน
“ผู้เฒ่าเฮยชาคนนี้น่าสนใจจริงๆ”
มองส่งร่างชราที่หายไปอีกพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างกลับมาอยู่ข้างๆฮ่วนเอ๋อ จากนั้นก็หยิบป้ายประจำตัวออกมา
“223 แต้ม!”
และในป้ายหยกของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็มีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 223 แต้ม และอันดับในปัจจุบันของเขาก็คืออันดับที่ 65 ยังเหนือกว่าอันดับที่ 69 ของผู้เฒ่าเฮยชาก่อนหน้า 4 อันดับ!
ด้านฮ่วนเอ๋อ ตอนนี้นางก็ตกมาอยู่ในอันดับที่ 93 แล้ว เพราะนางยังมี 60 คะแนนเท่าเดิมไม่ได้เก็บเพิ่มเลย
“ฮ่วนเอ๋อ ต่อไปเจอผู้ใดเจ้าก็ลงมือได้เลย พวกเราควรเลี้ยงคะแนนและอันดับให้ใกล้เคียงกันให้ได้มากที่สุด”
ต้วนหลิงเทียนที่กุมมือฮ่วนเอ๋อกล่าวออกเสียงเบา
ฮ่วนเอ๋อก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ฮ่วนเอ๋อเชื่อฟังพี่หลิงเทียน”
จากนั้นไม่ว่าผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ขอเพียงตรวจสอบคะแนนและอันดับในป้ายหยก ก็จะพบว่าอันดับภายในป้ายประจำตัวของพวกมัน บังเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย…
ตอนที่ 3196
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นใครกัน อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นในอันดับที่ 65 และดูเหมือนจะเป็นคนกำจัดเฮยชาได้อีก?”
ไม่ว่าใครก็ตามในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงที่พึ่งตรวจสอบป้ายหยกประจำตัวดู ต่างอดไม่ได้ที่จะแปลกใจสงสัย
เพราะอยู่ๆก็มีชื่อแปลกตาหนึ่งปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับ แถมยังอยู่ติดอยู่ใน 70 อันดับแรกทันที!
ที่สำคัญหากดูจากคะแนนสะสมของเฮยชาที่พึ่งถูกจัดการไป คนผู้นี้สมควรมีคะแนนสะสมอยู่กับตัวก่อนแล้ว 30 แต้ม จึงทำให้คะแนนสะสมเกิน 200 แต้มในคราวเดียว
“เดิมที เฮชานั่นอยู่ในอันดับที่ 69…แต่เจ้านี่หลังจัดการเฮยชา มันก็ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 65 ทันที”
“คนที่จัดการเฮยชาได้ ย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามไร้ชื่อเสียง…ด้วยพลังฝีมือของมัน ไม่ควรไม่เป็นที่รู้จักในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง แต่ไฉนข้ากลับไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลย?”
“ช้าก่อน ต้วนหลิงเทียนหรือ? ไฉนชื่อนี้คุ้นหูข้านักนะ…”
“ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน…ข้าจำได้ว่าเมื่อ 30 ปีก่อน มีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่งที่โด่งดังขึ้นมาในเวลาสั้นๆนามว่าต้วนหลิงเทียนเหมือนกันใช่ไหม?”
“ใช่ ข้าจำได้แล้ว…หรือพวกมันจะเป็นคนๆเดียวกัน?”
“เพ่ย! พวกเจ้าเหลวไหลใหญ่แล้ว นั่นจะเป็นไปได้ยังไง! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พลังฝีมือทั้งสองคนต่างกันราวนรกสวรรค์เลย…เจ้าคิดว่าคนที่ยังอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเมื่อ 30 ปีก่อน มันจะใช้เวลาฝึกฝนแค่ 30 ปีก็สามารถเอาชนะเฮยชาได้แล้วรึ? น่าขัน!!”
“จริง เฮยชานั่นจะอย่างไรก็เป็นดั่งทหารเฒ่าผ่านศึกมามาก มันวนเวียนอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพราะอยากได้ผลไม้อมตะเพื่อทะลวงผ่านขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมาเป็นพันๆปีแล้ว ต่อให้มันจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยสักประการ…แต่หากไม่ใช่ราชาอมตะ 10 ทิศและเข้าใจความลึกซึ้งประการใดถึงขั้นตอนเล็กน้อย! ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมัน!!”
…
ตอนนี้ในเขตปลอดภัยต่างๆของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนับว่าคึกคักกันมาก
ทั้งหมดเพราะอยู่ๆก็มีชื่อแปลกๆ ปรากฏขึ้นในอันดับที่ 65 ของตารางจัดอันดับ
“ต้วนหลิงเทียน?”
คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงทั้งหลายก็ถึงกับผงะไปทันที เมื่อเห็นชื่อดังกล่าวในอันดับที่ 65 ของตารางอันดับ
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่กล้านำต้วนหลิงเทียนในรายชื่อ ไปเชื่อมโยงกับต้วนหลิงเทียนที่เป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกมัน
ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวพวกมันจะกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย และมีสถานะเหนือกว่าศิษย์หลักไปแล้ว…
แต่ในเวลาเพียงแค่ 30 ปี ขุนนางอมตะ 10 ทิศคนหนึ่งก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง?
นี่คือสามัญสำนึกของคนคฤหาสน์เฉวียนโยว
“ต้วนหลิงเทียน!”
จางอวิ๋นถิง ราชาอมตะ 10 ทิศของเผ่าจิ้งจอกมายา เดิมกำลังมุ่งหน้าไปตามทางที่คาดว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อน่าจะไป ระหว่างทางมันที่ลองตรวจสอบอันดับในป้ายดู ก็พบชื่อต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
“ไม่คิดเลยว่าสตรีที่พวกเราสงสัยยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานางนั้นจะร้ายกาจถึงขนาดนี้…กระทั่งเฮยชานั่นยังเสียท่านาง!”
จางอวิ๋นถิงกล่าวพึมพำออกมาพลางถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าจางอวิ๋นถึงไม่คิดว่าเฮยชาจะถูกต้วนหลิงเทียนกำจัด แต่สมควรเป็นฮ่วนเอ๋อที่ลงมือกำจัด และปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนได้คะแนนมากกว่า
ที่ไฉนจางอวิ๋นถิงถึงคิดไปทำนองดังกล่าว เพราะเมื่อ 30 ปีก่อนมันก็ได้พบเจอต้วนหลิงเทียน และล่วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด
เวลาพึ่งจะผ่านมา 30 ปี ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีศักยภาพและพรสวรรค์สูงล้ำถึงขนาดไหน เต็มที่ก็คงทะลวงถึงแค่ราชาอมตะ 2 ยศเท่านั้น และไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเอาชนะด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังต่อกรกับเฮยชาได้!!
เพราะกระทั่งตัวมันเอง เมื่อหลายพันปีก่อนตอนที่ยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย อย่างดีมันก็ทำได้แค่สูสีกับเฮยชาเท่านั้น
“สตรีนางนั้นยามเอาชนะจวินวั่งเฉินศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี ก็ไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะ…มาตอนนี้ยังสามารถเอาชนะเฮยชาได้อีก ดูเหมือนว่าต่อให้เป็นข้า ก็ไม่น่าจะเอาชนะนางได้”
สีหน้าจางอวิ๋นถิงเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง
มันไม่คิดว่าฮ่วนเอ๋อจะไร้อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน ด้วยตำแหน่งของต้วนหลิงเทียนในคฤหาสน์เฉวียนโยว ไม่ยากเลยที่จะหาอุปกรณ์อมตะจอมราชันให้ฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างกาย
“อย่างไรก็ตาม ต่อให้ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง แต่ก็คงประมือกับนางได้อยู่…หากท่าไม่ดีจริงๆ ก็สมควรมีเวลาให้ข้าทุบทำลายป้ายหยกเพื่อหลบหนีได้ทัน”
คิดถึงจุดนี้ จางอวิ๋นถิงก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หากเป็นเมื่อก่อน ถ้ามีใครมาบอกมันว่ามีราชาอมตะ 6 ผสานที่ร้ายกาจพอจะสู้กับมันได้ มันคงหัวเราะขบขันและไม่มีวันเชื่อแน่…
แต่วันนี้มันไม่อาจไม่เชื่อ!
…
ด้านต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็ยังคงเดินทางด้วยการมุ่งหน้าตรงแด่ว เพราะต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้จะไปทางไหน จึงได้แต่เลือกมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆจนสุดทางก่อน ค่อยว่ากัน
ตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้เลยว่ามีคนของเผ่าจิ้งจอกมายากำลังเร่งุรดไล่ตามมา จนใกล้ถึงแล้ว
และหลังจากที่จัดการกับเฮยชาจนติดอันดับ 65 ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ลงมืออีก แต่ปล่อยให้ฮ่วนเอ๋อสู้เก็บคะแนนทั้งหมด
ทุกคนที่พบเจอตามทาง ก็ถูกฮ่วนเอ๋อทุบตีจัดการทั้งหมด
และเมื่ออันดับของฮ่วนเอ๋อค่อยๆไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งมาชื่อเสียงของนางในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ยิ่งโด่งดังขึ้นทุกขณะ
“หืม?”
และในขณะที่ฮ่วนเอ๋อกำลังจะเหินร่างกลับมาหาต้วนหลิงเทียน หลังจัดการคู่ต่อสู้ได้แล้วเสร็จอีกคน ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ลูกตาเขาหดเล็กลง
ฮ่วนเอ๋อเองก็หันไปมองตามสายตาต้วนหลิงเทียนทันที
“ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยต้วน…พวกเราพบกันอีกแล้ว”
จากด้านหลังไกลๆ ปรากฏร่างในชุดสีเทาหนึ่งเหินมาฉับไว ก่อนจะมาหยุดลงไม่ใกล้ไม่ไกล มองกล่าวทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยต้วน อย่างไรพวกเราก็มิได้พบกันมา 30 ปีแล้ว มิทราบท่านลืมชายชราผู้นี้ไปแล้วหรือยัง?”
ชายชรายิ้มถาม
“เจ้า…เป็นคนที่มากับ จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาในตอนนั้น?”
มองสำรวจชายชราปราดเดียว ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ว่าอีกฝ่ายคือ 1 ใน 2 ชายชราที่ยืนประกบด้านหลังจางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ ที่เขาเคยเจอเมื่อ 30 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอชาชราอีกครั้งที่นี่
“คราวก่อนเพราะท่านหัวหน้าเผ่าอยู่ด้วย ข้าจึงไม่อาจกล่าววาจาใด…เช่นนั้นวันนี้ข้าขอแนะนำตัวเองให้ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยต้วนทราบก่อน ข้าเรียกว่า จางอวิ๋นถิง เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกมายา”
ชายชรากล่าว
“จางอวิ๋นถิง?”
ได้ยินคำแนะนำตัวของชายชรา สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที ยังประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้าคือ จางอวิ๋นถิง ที่รั้งอยู่ในอันดับที่ 52 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงน่ะรึ?”
เมื่อราวๆ 2 ชั่วยามก่อนเขาพึ่งจะตรวจสอบอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง และเห็นชื่อ จางอวิ๋นถิง ติดอยู่ในอันดับที่ 52
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเขาไม่ทันคิด
ว่าจางอวิ๋นถิง จะเป็น 1 ใน 2 ชายชราที่ติดตามจางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาที่เขาเคยเจอมาก่อน
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียยก็สังเกตเห็นว่าสายตาของจางอวิ๋นถิงจับจ้องมายังฮ่วนเอ๋อข้างๆกายเขาไม่วางตา สีหน้าท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
ลึกลงไปในแววตา พลันปรากฏจิตสังหารเรืองขึ้นวาบหนึ่ง!
ถึงแม้จางอวิ๋นถิงไม่น่าจะมองออกว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา แต่อีกฝ่ายไม่พ้นต้องระแคะระคายสงสัยเหมือน 2 คนที่ลอบติดตามฮ่วนเอ๋อก่อนหน้าแน่นอน
นับว่าโชคดีอยู้บ้าง ที่ด่านพลังของฮ่วนเอ๋อทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว
เพราะสุดท้ายจางอวิ๋นถิงก็เป็นเพียงราชาอมตะ 10 ทิศ ซึ่งอยู่ในขอบเขตราชาอมตะดุจเดียวกัน แม้สำนึกเทวะจะมีความต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แตกต่างมากมายอะไร
“แม่นางน้อยท่านนี้สมควรเป็นคนสังหารศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนี จวินวั่งเฉิน และจัดการเฮยชาได้ใช่หรือไม่?”
จางอวิ๋นถิงที่มองฮ่วนเอ๋ออยู่ กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามฮ่วนเอ๋อไม่ได้ตอบอะไรมัน กระทั่งไม่ได้สนใจมันเลย เพราะในหูนางปรากฏเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนส่งมาถึง และเป็นการบอกให้รู้ว่าชายชราที่อยู่เบื้องหน้า ก็คือคนของเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นภัยต่อนาง
เห็นฮ่วนเอ๋อเมินใส่ ชายชราก็ไม่ได้ใส่ใจ “แม่นางน้อย ตอนนี้ข้าเองก็อยู่ในอันดับที่ 52…พวกเรามาประลองกันหน่อยเป็นไร?”
“หากท่านเอาชนะข้าได้ เช่นนั้นท่านก็จะได้คะแนนสะสมของข้า จนพุ่งขึ้นไปติด 50 อันดับแรกได้ทันที”
จางอวิ๋นถิง เริ่มท้าฮ่วนเอ๋อสู้
ในสายตามัน ต่อให้จะไม่อาจยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้ชัดเจน ว่าใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงหรือไม่ แต่หากมันทำให้อีกฝ่ายลงมือเต็มกำลังได้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจเปิดเผยความสามารถเฉพาะตัวอะไรออกมา
แต่ให้จะไม่เปิดเผยความสามารถเฉพาะตัว แต่อย่างน้อยๆกลิ่นอายพลังก็ต้องแผ่ซ่านออกมาจากร่างนางแน่นอน
ถึงตอนนั้นมันก็อาจะยืนยันได้แน่ชัด ว่าที่แท้นางใช่หรือไม่ใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายากันแน่!
ด้วยวิธีนี้ หน้าที่ที่มันได้รับมอบหมายมาก็จะลุล่วงไปด้วยดี
ถึงตอนนั้นต่อให้มันจะถูกกำจัดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ถือว่าคุ้ม!
‘ขอเพียงข้าสามารถยืนยันได้ว่านางคือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา หลังออกไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านหัวหน้าเผ่าจนท่านนำไปรายงานเบื้องบนอีกที สุดท้ายทางเผ่าหลักต้องส่งยอดฝีมือลงมาชิงตัวนางจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้แน่!’
จางอวิ๋นถิงลอบกล่าวในใจ
และพอคิดถึงเรื่องที่เผ่าของมันกำลังจะได้รับการตกรางวัลอย่างงามจากเผ่าหลัก เพราะสามารถแจ้งเบาะแสสำคัญอันนำไปสู่การจับกุมตัวจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาได้ ใจอันร้อนรุ่มของจางอวิ๋นถิงก็เต้นระรัวปานกลองศึก
แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าของรางวัลที่จะได้รับนั้น เนื้อไม่พ้นต้องถูกหัวหน้าเผ่ารับประทาน อย่างดีมันก็ได้แค่ดื่มกินน้ำแกงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขอแค่มันได้ปันน้ำแกงสักถ้วย มันก็พอใจแล้ว
เพราะของรางวัลนั่นมันล่อใจเกินไป!
“ฮ่วนเอ๋อในเมื่อมันท้าประลองกับเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็สู้กับมัน…อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าประมือกับมันอย่าได้ใช้วิชาใดๆของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเด็ดขาด รวมถึงไม่ต้องใช้วิชาของเผ่าจิ้งจอกมายาธรรมดาด้วย จงใช้แต่ความลึกซึ้งของกฏมิติที่เจ้าเข้าใจเสีย และหากไม่อาจจัดการมันได้ด้วยกฏมิติ ก็ใช้แหวนอมตะคู่นั้นได้เลย”
ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าพลังฝีมือของจางอวิ๋นถิงนั้นเป็นอย่างไร แต่หากประเมินจากอันดับที่ 52 ของอีกฝ่าย ก็พอจะคาดเดาได้ ว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามแน่แท้
อย่างน้อยๆก็ต้องเหนือกว่าเฮยชา
เผลอๆอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งประการใดประการหนึ่งของกฏ ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว…
“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าพบว่าพลังฝีมือของมันอ่อนด้อยกว่าเจ้า ก็อย่าได้เร่งรีบจัดการมัน…ทางที่ดีให้เจ้ายั้งมือและรบเร้าพัวพันกับมันไปสักพัก ให้มันหลงคิดไปว่าพลังฝีมือเจ้าพอๆกับมัน”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังสืบต่อ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงบอกให้นางทำแบบนี้ แต่ฮ่วนเอ๋อก็ไม่คลางแคลงสงสัยในคำพูดพี่หลิงเทียนของนางเลย เพราะนางเชื่อว่าที่พี่หลิงเทียนของนางบอกให้ทำแบบนี้ ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่นอน
ส่วนจะเป็นอะไร นางไม่จำเป็นต้องรู้
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! วูบ!!
…
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังจบ พลังเซียนยอมตะต้นกำเนิดอันผสานหลอมรวมกับพลังธาตุมิติของฮ่วนเอ๋อก็เริ่มพรั่งพรูออกมา จากนั้นคนก็ใช้เคลื่อนมิติวูบร่างหายไปปรากฏห่างจากจางอวิ๋นถิง 100 หมี่ จับจ้องมองไปยังจางอวิ๋นถิงด้วยสายตาเฉยเมย
“ในเมื่อเจ้าท้าข้า เช่นนั้นก็ทิ้งคะแนนของเจ้าไว้เถอะ”
เสียงไพเราะน่าฟังของฮ่วนเอ๋อดังขึ้น แฝงความเย็นชาเอาไว้ไม่น้อย
“หากแม่นางน้อยต้องการคะแนนข้า เช่นนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน”
จาอวิ๋นถิงกล่าวเสียงเรียบ
และพอกล่าวจบคำ จางอวิ๋นถิงก็ลงมือทันที พลังลุกโชนขึ้นมาท่วมร่างดั่งเปลวเพลิง ดุจเดียวกับเฮยชาที่ประมือกับต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า มันก็ใช้กฏแห่งไฟเช่นกัน!
อย่างไรก็ตามพลังของจางอวิ๋นถิงนั้น เหนือกว่าเฮยชาอย่างเห็นได้ชัด
‘ความลึกซึ้งแผดเผาขั้นตอนเล็กน้อย?’
หลังชมดูจางอวิ๋นถิงประมือกับฮ่วนเอ๋อไปสักพัก และเห็นชัดว่ามันสมควรใช้พลังเต็มที่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้วนหลิงเทียนจะมองออกว่ามันเข้าใจความลึกซึ้งแผดเผาของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย
ตอนที่ 3197
หลังประมือกันไปหลายสิบลมหายใจ จางอวิ๋นถิงที่ลงมือเต็มกำลังแล้ว กลับพบว่ามันไม่อาจบีบให้สตรีชุดขาวเบื้องหน้าใช้อุปกรณ์อมตะได้ด้วยซ้ำ…
ที่สำคัญแต่ต้นจนจบ มันไม่เห็นว่าสตรีชุดขาวเองหน้าจะใช้วิชาใดๆของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาหรือแม้แต่วิชาลวงตาของเผ่าจิ้งจอกมายาเลย
‘ดูเหมือนข้ามีแต่ต้องลองใช้วิชาลวงตาใส่นางเท่านั้น หากนางเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาในตำนานจริง วิชาลวงตาใดๆที่ข้าใช้ ย่อมไม่ส่งผลกระทบกับนาง’
‘ตราบใดที่นางดูเหมือนจะไม่ตกอยู่ในภาพลวงตาของข้า เช่นนั้นข้าก็มั่นใจได้ทันที…ว่านางคือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา! ถึงตอนนั้นข้าจะรีบออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงและไปแจ้งท่านหัวหน้าเผ่าทันที!!’
คิดถึงจุดนี้ลูกตาจางอวิ๋นถิงก็หดแคบลง จากนั้นดวงตามันก็ทอแสงสีเงินเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง ด้านหลังจางอวิ๋นถิงพลันปรากฏเงาร่างปีศาจจิ้งจอกขาวขนาดมหึมา ราวขุนเขาสูงตระหง่านปกคลุมไปครึ่งค่อนฟ้า!
และทันทีที่จางอวิ๋นถิงใช้พลังสายเลือดจนปรากฏเงาร่างจิ้งจอกขาว มันก็ใช้วิชาลวงตาอันเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของเผ่าจิ้งจอกมายาทันที!
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาจริงๆ…”
ทว่าอยู่ดีๆกลับมีเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้นด้านหลังจางอวิ๋นถิง และนั่นทำให้สีหน้ามันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
เพราะมันจดจำได้ว่าเสียงดังกล่าวเป็น เสียงของต้วนหลิงเทียน!
ทว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวด้านหลังมันตั้งแต่เมื่อไหร่ มันกลับไม่รู้เลย!!
ในขณะที่สีหน้าจางอวิ๋นถิงเปลี่ยนไปใหญ่หลวง คนเร่งรุดหันหลังกลับไปหมายรับมือต้วนหลิงเทียน มันก็พบว่ารอบกายของมันพลันอุบัติรอยแยกมิติขึ้น 3 รอย!
พร้อมกันนั้น คมมีดมิติสีเทาก็พุ่งเข่นฆ่าสังหารออกมาจากรอยแยกฉับไว! ทั้งคมมีดมิติดังกล่าวยังฉาบไว้ด้วยเพลิงพลังสีทองแปลกประหลาด!!
นอกจากคมมีดมิติอันมีเพลิงทองประหลาดฉาบเคลือบแล้ว มันยังสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจป่นทำลายทั้งฉีกกระชากที่เคี่ยวกรำมาทั่วสารทิศอีกด้วย พลังดังกล่าวยังทำลายม่านพลังคลุมกายของมันลงได้ในพริบตา!!
วู้มมม! ซู่ม!!
และในห้วงเวลาเดียวกันนั้นเอง จางอวิ๋นถิงก็พบว่าสตรีชุดขาวที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะใดๆมาตั้งแต่แรก บัดนี้กลับเรียกแหวนออกมาสองวงและรวมผสานเข้าด้วยกันฉับไว ปลดปล่อยลำแสงเข้าใส่มันในชั่วพริบตา!!
กลิ่นอายพลังอันน่ากลัวที่ปกคลุมเข้ามาทั่วสารทิศ ทำให้สติมันเตลิดจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ไม่—!!”
ในเมื่อข้างหน้าก็หมาป่าด้านหลังก็เสือ อย่าว่าแต่จะบดขยี้ป้ายหยกเพื่อรักษาชีวิตใดๆ กระทั่งเวลาจะสะบัดมือเรียกป้ายหยกออกมา จางอวิ๋นถิงยังไม่มีด้วยซ้ำ!
ซูว! ซูว! ซูว! สึบ!!
…
ทันใดนั้นร่างจางอวิ๋นถิงก็ถูกคมมีดมิติสีทอง 3 สายสับหั่นเป็นท่อนๆ หว่างคิ้วยังถูกลำแสงพลังเจาะทะลวง สุดท้ายร่างที่ถูกหั่นเป็นท่อนของมันก็ถูกพลังจากห้วงมิติป่นปี้ทำลายจนสลายหายไปในอากาศ…
แหวนทั้ง 2 วงที่ฮ่วนเอ๋อเรียกออกมาผสานรวมและปลดปล่อยลำแสงพลังสังหารออกมานั้น ก็คือแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ กับแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับนั่นเอง
ทั้งคู่ล้วนเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน ยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ที่หาได้ยาก!
ยามหลอมรวมกัน พลังอำนาจของมันเรียกว่าเหนือล้ำกว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันไปไกล ถึงขั้นไล่ตามพลังของอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไปติดๆ
วูบ!
ในชั่วพริบตาที่จางอวิ๋นถิงตกตาย ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปในฉับพลัน ปล่อยให้ฮ่วนเอ๋อได้รับคะแนนสะสมของจางอวิ๋นถิง
และเป็นดั่งที่จางอวิ๋นถิงกล่าวไว้ก่อนหน้า
หลังจากที่ฮ่วนเอ๋อได้รับคะแนนสะสมของมัน แต้มของนางก็พุ่งกระฉูดจนทำให้ชื่อของนางทะยานขึ้นไปติดอยู่ใน 50 อันดับแรกทันที และรั้งอยู่ในอันดับที่ 47 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง!
ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อมีคะแนนสะสมเกือบ 500 แต้มแล้ว!
“จางอวิ๋นถิงนั่นมันมีคะแนนสะสมเยอะขนาดนี้เชียว?”
ต้วนหลิงเทียนที่ถ่ายสำนึกเทวะลงป้าย ก็อดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้น จากนั้นก็เก็บป้ายหยกประจำตัวไปพลางถอนหายใจ
การเปลี่ยนแปลงของอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็เกิดขึ้นทันทีเช่นกัน
การที่ชื่อของจางอวิ๋นถิงถูกกำจัดหายไปจากตาราง และชื่อของฮ่วนเอ๋อพุ่งขึ้นไปติดอยู่ใน 50 อันดับแรกโดยตรงแบบนี้ ไม่ว่าใครก็บอกได้ทันทีว่าฮ่วนเอ๋อเป็นคนจัดการจางอวิ๋นถิง!
“ให้ตายเถอะ…สตรีนางนั้น ถึงกับจัดการจางอวิ๋นถิงได้เชียวหรือ?!”
“ไม่เพียงจัดการศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนีอย่างจวินวั่งเฉินได้ นางยังจัดการได้กระทั่งจางอวิ๋นถิงงั้นหรือ พลังฝีมือของนางที่แท้ร้ายกาจถึงขนาดนี้เชียว?”
“ข้าได้ยินมาว่านางยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีเลยไม่ใช่รึไง?”
“พลังฝีมือของจางอวิ๋นถิงนั่นเหนือกว่าจวินวั่งเฉินคนละเรื่อง…ข้าไม่คิดเลยว่านางจะสามารถจัดการได้กระทั่งจางอวิ๋นถิง!!”
…
หลายคนที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตารางจัดอันดับ อดไม่ได้ที่จะตกใจกันยกใหญ่ เพราะสิ่งนี้บ่งบอกว่าฮ่วนเอ๋อเป็นคนจัดการจางอวิ๋นถิง!!
สำหรับบุตรชายของจางอวิ๋นถิง หลังจากที่ล่วงรู้ว่าบิดาของมันถูกกำจัดออกจากตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง มันก็ส่องภายในแหวนพื้นที่โดยไม่รู้ตัว จากนั้นลูกตาของมันก็เบิกโพลงจนแทบถลนออกเบ้า!
“ท่านพ่อ!!”
เนื่องเพราะ…มันพบว่าลูกแก้ววิญญาณของบิดาที่มันเก็บเอาไว้ในแหวน แหลกลงเป็นเสี่ยงเสียแล้ว
สิ่งนี้บอกให้รู้ว่าบิดาของมันตกตาย ยังตกตายด้วยน้ำมือของฮ่วนเอ๋อ!
ขณะเดียวกัน จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา ก็ได้รับแจ้งข่าวเรื่องราวการตายของจางอวิ๋นถิงทันที
“ผู้เฒ่าอวิ๋นถิง…ถูกนางฆ่าจริงๆงั้นหรือ มิใช่นางเป็นราชาอมตะ 6 ผสานหรือไร ไฉนถึงฆ่าผู้เฒ่าอวิ๋นถิงได้?”
“ตอนนางฆ่าจวินวั่งเฉิน ที่แท้นางยังซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้อยู่มาก!”
สีหน้าจางตงหนานแลดูบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
จางอวิ๋นถิงกับจางเจิ้งไห่ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นดั่งมือซ้ายมือขวาของมัน!
แต่บัดนี้จางอวิ๋นถิงกลับตกตายเสียแล้ว แถมยังตกตายลงด้วยน้ำมือของสตรีนางหนึ่งที่พวกมันสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นจิ้งจอกกน้ำแข็งพันมายา!
“ตอนนี้ในเผ่า…คนที่สามารถเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง และมีพลังฝีมือสูงสุดก็คือผู้เฒ่าเจิ้งไห่ แต่ในเมื่อผู้เฒ่าอวิ๋นถิงยังไม่อาจรอดพ้นความตายใต้เงื้อมมือนาง เช่นนั้นต่อให้ผู้เฒ่าเจิ่งไห่ลงมือ ก็ไม่พ้นเข้าไปตายเปล่า…”
หว่างคิ้วจางตงหนานขดย่นเป็นปม มันรู้สึกว่าเรื่องราวค่อนข้างยุ่งยากตึงมือไม่น้อย
“จริงสิ!”
“ไม่จำเป็นต้องยืนยัน! ข้าแค่รายงานเรื่องนี้ไปให้เผ่าหลักใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนรับทราบก็พอ! หากเผ่าหลักคิดยืนยันข้อเท็จจริง…อย่างน้อยๆก็ต้องส่งคนเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพื่อตรวจสอบนางกระมัง?”
“ราชาอมตะ 10 ทิศจากเผ่าหลัก ไม่ใช่อะไรที่ราชาอมตะ 10 ทิศในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะเทียบได้…กระทั่งต่อให้เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านของนิกายฟ้าหมื่นศึกนั่น ก็ยังด้อยกว่าราชาอมตะ 10 ทิศของเผ่าหลักหลายขุม!”
พอคิดถึงจุดนี้จางตงหนานก็ตัดสินใจได้ ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือเรียกยันต์อมตะสีทองออกมา จากนั้นก็ทำการบันทึกข้อความลงในยันต์ จากนั้นก็ปรากฏแสงอาคมสีทองพุ่งออกไปเร็วไว
ยันต์อมตะสีทองที่ว่าก็เป็นยันต์อมตะสื่อสาร หากแต่มันต่างจากยันต์อมตะสื่อสารทั่วไป
เพราะยันต์อมตะสื่อสารสีทองนั้น มันสามารถส่งข้อความข้ามทะเลดาราโกลาหลที่คั่นระหว่างดินแดนต่างๆในระนาบเทวโลกได้ ในขณะที่ยันต์อมตะสื่อสารทั่วไปไม่อาจข้ามผ่านทะเลดาราโกลาหล จึงใช้งานได้แต่ในแดนสวรรค์ใต้เท่านั้น
…
7 ภูมิภาคเบื้องบน อันที่จริงมันก็คือชื่อเรียกขานด้วยความเคารพของ 7 อาณาเขต
7 อาณาเขตที่ว่า แต่ละอาณาเขตก็เป็นดั่งดินแดนๆหนึ่ง ที่เหนือกว่าดินแดนธรรมดาๆอย่างแดนสวรรค์ใต้หลายขุม และผู้ที่ปกครอง 7 ภูมิภาคเบื้องบนนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะทั้งสิ้น!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม!
ในระนาบหลิงหลัวเทียนแห่งนี้ มีดินแดนธรรมดาๆอย่างแดนสวรรค์ใต้ดำรงอยู่มากมาย…หากแต่มีดินแดนเฉกเช่น 7 ภูมิภาคเบื้องบนแค่ 7 ดินแดนเท่านั้น!
และเผ่าหลักของจิ้งจอกมายา ก็ตั้งอยู่ใน แดนฟ้าสิ้นสุด ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน!
ในแดนฟ้าสิ้นสุด เผ่าจิ้งจอกมายานับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใหญ่เผ่าพันธุ์หนึ่ง และเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งแดนฟ้าสิ้นสุด ถึงแม้ในเผ่าจะไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ก็มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะอยู่ไม่น้อย
เผ่าจิ้งจอกมายายังจัดเป็นขุมกำลังระดับ 1 ของระนาบเทวโลก ไม่เพียงแต่จะมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอยู่หลายคน แต่ยังครอบครองสายแร่ผลึกอมตะระดับราชามากมายหลายแห่งด้วย
และสถานะของเผ่าจิ้งจอกมายาในแดนฟ้าสิ้นสุดนั้น ก็เรียกว่ายิ่งใหญ่เทียบได้กับ 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักในแดนสวรรค์ใต้เลยทีเดียว
และตอนนี้ภายในตระกูลจาง ซึ่งเป็น 1 ในตระกูลหลักของเผ่าจิ้งจอกมายา ก็ได้รับข้อความจากเผ่าจิ้งจอกมาสาขาแดนสวรรค์ใต้
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ส่งข้อความดังกล่าวมาก็คือ จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าสาขาแดนสวรรค์ใต้
“ในแดนสวรรค์ใต้ ปรากฏผู้ต้องสงสัยว่าจักเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา? แต่ไม่อาจยืนยันได้แน่ชัด?”
ผู้ที่ได้รับข้อความ ซึ่งเป็นอาวุโสคนหนึ่งของตระกูลจางในเผ่าหลัก อดขมวดคิ้วไม่ได้หลังรับทราบข้อความช่วงแรก “แล้วจางตงหนานมันจะส่งข้อความมาทำบ้าอะไร? ไฉนไม่ไปยืนยันให้แน่ชัดเสียก่อน?”
อย่างไรก็ตามแม้ปากจะบ่น แต่สุดท้ายมันก็เริ่มอ่านข้อความที่จางตงหนานส่งมาสืบต่อ
“เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง และสามารถสังหารผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในบรรดาผู้อาวุโสขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ? และผู้อาวุโสที่ว่าก็เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว 1 ประการ?”
“ยิ่งไปกว่านั้นสตรีที่เป็นผู้ต้องสงสัย ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี…แต่กลับบรรลุถึงราชาอมตะ 6 ผสานแล้ว?”
“ราชาอมตะ 6 ผสานอายุไม่ถึงร้อยปี แต่สามารถฆ่าอาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศของเผ่าได้…ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนจางตงหนานนั่น มันถึงสงสัยว่านางอาจจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา”
อาวุโสของตระกูลจางในเผ่าหลัก เมื่ออ่านข้อความจากจางตงหนานจบแล้ว ก็ไปหาผู้อาวุโสที่มีระดับสูงกว่ามันเพื่อหารือทันที
“กระทั่งจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ปรากฏตัวล่าสุด ยังไม่ใช่อัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์ถึงขนาดนี้…ในเวลาแค่ 30 ปีกลับสามารถทะลวงจากขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศไปถึงราชาอมตะ 6 ผสาน แถมความเข้าใจในกฏยังไม่ใช่ชั่ว…”
หลังได้รับทราบเรื่องราวจากผู้อาวุโสที่เร่งรุดมา ผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลจาง ก็รู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของจางตงหนานมีเหตุผล
“เช่นนั้น…ข้าจักส่ง จางจินอี้ ลงไปแดนสวรรค์ใต้ เพื่อเข้าไปตรวจสอบสตรีนางนั้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงดู…”
“หากยืนยันได้แล้วว่านางเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริง ข้าจักส่งจอมราชันอมตะสมญานามไปพาตัวนางมา!”
ผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลจางเอ่ยตอบ
“ขอรับ”
ผู้อาวุโสตระกูลจางที่ได้รับข้อความจากจางตงหนานประสานมือรับคำ จากนั้นก็ล่าถอยกลับไปอย่างเรียบๆร้อยๆ อย่างไรก็ตามในใจของมันปั่นป่วนดั่งมีมรสุมเข้า
เพราะมันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าผู้อาวุโสสูงคนนี้จะถึงกับส่ง จางจินอี้ ผู้นั้นลงไปแดนสวรรค์ใต้!
จางจินอี้ ผู้นั้น…ในบรรดาราชาอมตะ 10 ทิศของตระกูลจาง พลังฝีมือของมันติดอยู่ใน 3 อันดับแรก! เป็นรองแค่ 2 คนเท่านั้น!!
จางจินอี้ผู้นี้ นอกจากจะเป็นราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว มันยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย 4 ประการ!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ จางจินอี้ เป็นทายาทสายหลักของตระกูลจาง ทำให้ความสามารถในการใช้ภาพมายาของมัน ร้ายกาจสุดที่ทายาทสายรองของเผ่าจิ้งจอกมายาจะเทียบได้
ที่สำคัญที่สุด ในฐานะที่มันเป็นถึงทายาทสายหลักของตระกูลจาง มันยังเชี่ยวชาญทักษะอันเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดอีกอย่าง ที่จะปรากฏขึ้นก็แต่ในบรรดาผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าจิ้งจอกมายาอีกด้วย! ซึ่งทักษะดังกล่าวมีพลังมากกว่าทักษะมายาที่เป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดทั่วไปในเผ่าจิ้งจอกมายา!!
เรียกว่าตัวตนเช่นนี้ หากไปอยู่ในแดนสวรรค์ใต้ ก็ถือเป็นตัวตนไร้พ่ายใต้ขอบเขตจอมราชันอมตะ!!
…
“ผู้อาวุโสสูง…ขอให้ข้าลงไปแดนสวรรค์ใต้และเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง เพื่อทดสอบสตรีนางหนึ่งที่สงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายางั้นรึ?”
จางจินอี้ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเคร่งขรึมในชุดคลุมสีน้ำเงิน พอได้ยินข้อความจากอาวุโสสูงของตระกูลจาง มันก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้านิ่ว
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายมันก็ได้แต่เหินร่างไปยังตำหนักเคลื่อนย้าย และใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อไปยังเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ทันที
ด้วยระดับพลังฝึกปรือของมัน ย่อมไม่อาจฝ่าทะเลดาราโกลาหลด้วยตัวเองเป็นธรรมดา
และด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก เพียงพริบตาเดียว ร่างมันก็มาปรากฏตัวในแดนสวรรค์ใต้แล้ว…
“ขอให้สตรีนางนั้นเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงๆเถอะ…หาไม่แล้วข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆแน่ ที่รายงงานเรื่องเหลวไหลมา จนทำให้ข้าต้องถ่อลงมาถึงที่นี่อย่างเสียเปล่า!”
หลังจางจินอี้มาปรากฏตัวในค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวแห่งหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้แล้ว ลูกตามันก็ทอประกายดุร้ายกระหายเลือดออกมา ปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน…WSSTH ตอนที่ 3,198 : จางจินอี้
ณ เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้
“ข้าน้อย จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ ยินดีต้อนรับท่านทูต!”
จางตงหนานพร้อมด้วยเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าจิ้งจอกมายา ออกมาต้อนรับทูตจากตระกูลจางในเผ่าหลักที่เดินทางมาจาก แดนฟ้าสิ้นสุด 1 ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนด้วยท่าทีนอบน้อม
“อืม”
ถึงแม้จางจินอี้จะเป็นแค่ราชาอมตะ 10 ทิศ แต่มันคือทายาทสายตรงของตระกูล จาง แห่งเผ่าจิ้งจอกมายา เช่นนั้นไม่ทราบว่าสายเลือดของมันบริสุทธิ์มากกว่าจางตงหนานและคนอื่นๆเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่! เช่นนั้นแม้จะอยู่ต่อหน้าจอมราชันอมตะอย่างจางตงหนาน มันก็เพียงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง ท่าทางช่างแลดูหยิ่งผยองไม่เห็นหัวใครจริงๆ!!
“เชิญท่านทูต ด้านนี้…”
หลังจากนั้น จางตงหนานก็นำทางจางจินอี้ไปยังห้องโถงหลักของเผ่าจิ้งจอกมายาด้วยตัวเอง
แลมีแค่จางเจิ้งไห่เท่านั้น ที่ติดตามจางตงหนานมา
ส่วนผู้อาวุโสคนอื่นๆของเผ่าจิ้งจอกมายาไม่ได้ติดตามไปด้วย
“เจ้าทูตของตระกูลหลักผู้นั้น มันจะหยิ่งผยองไปหน่อยไหม? เป็นแค่ราชาอมตะ 10 ทิศแท้ๆ แต่กลับกล้าวางท่าต่อหัวหน้าเผ่าเรา!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกมายากล่าวด้วยน้ำเสียงสีหน้าไม่พอใจ
แม้มันเองก็ล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของเผ่าหลัก แต่คนที่มันนับถือมากที่สุดก็คือหัวหน้าเผ่าของมัน!
เพราะหัวหน้าเผ่าเคยช่วยชีวิตมันเอาไว้!
ตอนนี้พอเห็นคนที่เผ่าหลักส่งมาตรวจสอบข้อเท็จจริง วางท่าโอหังใส่หัวหน้าเผ่าที่มันเคารพรัก เช่นนั้นแม้เมื่อครู่มันจะไม่เผยทีท่าอะไรต่อหน้าทูต แต่ลับหลังยังอดไม่ได้ที่จะโมโหแทนหัวหน้าเผ่าของมัน
“ชู่ว! เจ้าเงียบเสีย! อย่างไรนั่นก็เป็นทูตจากเผ่าหลัก ต่อให้มันจะฆ่าเจ้าทิ้ง ท่านหัวหน้าเผ่าก็หาความให้เจ้าไม่ได้!”
อาวุโสเผ่าจิ้งจอกมายาอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ รีบห้ามปรามสหายร่วมเผ่าทันที สีหน้ายังแลดูหวาดกลัววว่าทั้ง 3 ที่จากไปเมื่อครู่จะได้ยินวาจาของสหายมัน
“ข้าไม่ทราบว่าพลังฝีมือของมันที่แท้จักร้ายกาจสักเพียงใด มันจะสยบสตรีที่พวกเราสงสัยว่าเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั่นได้จริงๆหรือ?”
“ในเมื่อเผ่าหลักเลือกจะส่งมันมา เช่นนั้นมันก็ต้องมีดีสักท่า 2 ท่าล่ะ…”
“แต่หากมันแพ้ผู้อื่นเขาขึ้นมา ก็นับว่าสร้างความขบขันให้ผู้คนจริงๆ ถึงตอนนั้นไม่ทราบทางเผ่าหลักจะทำอย่างไรต่อไป”
“เรื่องแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้นหรอก…”
…
ในขณะที่อาวุโสเผ่าจิ้งจอกมายากำลัสนทนาเรื่องนี้กันลับหลัง ด้านจางจินอี้ที่มาจากตระกูลจางของเผ่าหลัก ก็ถูกจางตงหนานพามาถึงห้องโถงหลักเรียบร้อย และมันก็ก้าวอาดๆขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สูงสุดทันที
“ไม่ทราบท่านทูตมีนามว่าอะไร?”
ภายในห้องโถงหลัก จางตงหนานเอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ายังไม่คู่ควรรู้ชื่อข้า”
จางจินอี้เอ่ยออกเสียงเบา วางท่าหัวสูงเป็นที่สุด
“บังอาจ!!”
ได้ยินคำพูดโอหังของจางจินอี้ หน้าจางตงหนานพลันชะงักค้างรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ ทว่าด้านจางเจิ้งไห่ที่อยู่ด้านหลัง กลับโพล่งออกมาอย่างอดไม่ไหว!
“บังอาจ?”
จางจินอี้เหลือบไปมองจางเจิ้งไห่ด้วยสายตาเฉยเมย จากนั้นลูกตามันก็ฉายประกายเยียบเย็นวาบขึ้น “เจ้าเป็นแค่ชนชั้นลิ่วล้อคนหนึ่งของเผ่าสาขา แต่หาญกล้าตะโกนใส่ข้าผู้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลักงั้นรึ?”
“ทายาทสายตรงของตระกูลหลัก?”
ลูกตาจางตงหนานหดเล็กลงทันใด มองไปยังจางจินอี้อีกครั้ง ในแววตายังฉายชัดถึงความแตกตื่น!
ถึงแม้มันจะรู้ว่าทางตระกูลจางในเผ่าหลักสมควรส่งราชาอมตะ 10 ทิศมากฝีมือมา แตมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจะถึงกับส่งทายาทสายตรงของตระกูลจางมาแบบนี้!
“หึ!”
จางตงหนานที่กำลังเหม่อลอย พอได้ยินเสียงพ่นลมสบทเยียบเย็นก็ฟื้นคืนสติเร็วไว จากนั้นก็พุ่งร่างไปบังขวางไว้เบื้องหน้าจางเจิ้งไห่ เพราะจางจินอี้กำลังเร่งเร้าพลังขึ้นมาพร้อมลงมือ!
“ขอท่านทูตโปรดเมตตาด้วย!”
หลังมาหยุดขวางจางจินอี้ จางตงหนานก็ยกมือขึ้นประสานโค้งคารวะ ร้องขอความเมตตาต่อจางจินอี้ทันที แผ่นหลังของมันบัดนี้เรียกว่าชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นแล้ว!!
“ทายาทสายตรงของตระกูลหลัก?”
กระทั่งตัวจางเจิ้งไห่ที่อยู่ด้านหลังจางตงหนานเอง ก็หน้าเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง หลังได้ยินจางจินอี้เปิดเผยฐานะออกมา และเป็นถึงทายาทสายตรงของตระกูลจางสาขาหลัก!
มันย่อมรู้ดีว่าทายาทสายตรงของตระกูลหลักมีความหมายว่าอย่างไร!
นั่นบ่งบอกว่า ในแง่ความบริสุทธิ์ของสายเลือดแล้ว อีกฝ่ายเป็นรองแค่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาในตำนานเท่านั้น! เป็นตัวตนที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในเผ่าจิ้งจอกมายา!!
“อะไร? เจ้าคิดห้ามข้ารึ?”
จางจินอี้เหลือบมองจางตงหนานด้วยสายตาเย็นชา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “เจ้ารู้หรือไม่ คิดจะหยุดข้าเจ้าต้องจ่ายราคาอันใด?”
“ท่านทูต ผู้เฒ่าเจิ้งไห่เลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่แบเบาะ ให้ข้านิ่งดูดายผู้เฒ่าตกตาไปต่อหน้า ข้าทำไม่ได้…”
จางตงหนานเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่ยอมถอย “ขอท่านทูตโปรดเมตตาละเว้นด้วย…”
“เห็นแก่ที่มันเองก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง ข้าจักให้โอกาสมัน…ตราบใดที่มันสามารถทนรับมือข้าได้ 2 ลมหายใจ ข้าจะไม่เอาชีวิตมันอีก…”
หลังจากที่จางจินอี้พบว่าจางเจิ้งไห่ก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศเหมือนกัน ลูกตามันก็หดเล็กลงเร็วไว เผยประกายเย็นชาวูบวาบ มุมปากยกยิ้มแสยะเย้ยหยันขึ้นมา
“2 ลมหายใจ?”
จางตงหนานอึ้ง ด้วยไม่คิดว่าจางจินอี้จะกล่าววาจาถือดีออกมาแบบนี้
ด้วยพลังฝีมือของผู้เฒ่าเจิ้งไห่ กระทั่งอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านของนิกายฟ้าหมื่นศึก ที่ถูกขนานนามว่าไร้เทียมทานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ยังไม่กล้าพูดกระมังว่าจะสามารถฆ่าจางเจิ้งไห่ได้ในเวลาแค่ 2 ลมหายใจ?
แล้วไฉนทูตจากเผ่าหลักถึงได้โอหังลำพองขนาดนี้?
‘หรือว่า…ทูตยะโสผู้นี้ ก็แค่กล่าวไปเพื่อหาทางลง ไม่ให้เสียหน้าที่ฟังคำข้า?’
ครู่ต่อมา จางตงหนานอดไม่ได้ที่จะคิดไปในทำนองดังกล่าว
เพราะเวลาเพียงแค่ 2 ลมหายใจมันสั้นเกินไป ต่อให้พลังฝีมือของทูตจากเผ่าหลักคนนี้จะร้ายกาจเหนืออัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของนิกายฟ้าหมื่นศึกแค่ไหน แต่มันก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปัญญาฆ่าจางเจิ้งไห่ได้ในเวลาแค่ 2 ลมหายใจ
“2 ลมหายใจ?”
จางเจิ้งไห่ก็เริ่มยิ้มออก ดุจเดียวกับจางตงหนาน มันคิดว่าทูตจากเผ่าหลักสมควรกล่าวเสนอวิธีนี้เพื่อหาทางลงให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
“เชิญท่านทูตป้อนกระบวนท่า”
จางเจิ้งไห่ไม่คิดรอช้า ร่างเหินขึ้นไปบนน่านฟ้าพลางกล่าวกับจางจินอี้ หมายให้อีกฝ่ายลงมือได้เลย
จางตงหนานก็เหินร่างตามไปทันที
ครู่ต่อมาคนของเผ่าจิ้งจอกมายา โดยเฉพาะเหล่าอาวุโสทั้งหลายก็แลเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าว จึงอดไม่ได้ที่จะงุนงง “นั่นมิใช่ท่านหัวหน้าเผ่าหรือไร?”
“ใช่ นั่นก็ผู้เฒ่าเจิ้งไห่…”
“ว่าแต่คนที่พึ่งลอยร่างขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าเจิ้งไห่นั่น…มิใช่ทูตจากเผ่าหลักที่พวกเราไปต้อนรับมาเมื่อครู่หรือไร?”
“ผู้เฒ่าเจิ้งไห่กำลังจะประมือกับทูตจากเผ่าหลักรึ?”
…
เหล่าอาวุโสที่เห็นเรื่องราวความเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็อดไม่ได้ที่จะสนทนาถามไถ่กันด้วยความสงสัย
“ข้าจะให้เวลาเจ้าเตรียมตัว 1 เค่อ…หลังผ่านไป 1 เค่อแล้ว ตอนข้าจะลงมือข้าจะเตือนเจ้าอีกครั้ง”
จางจินอี้เหลือบมองจางเจิ้งไห่ด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้แยแส “ถึงตอนนั้น หากเจ้าสามารถรับมือข้าได้ถึง 2 ลมหายใจ เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็รอดตัวไป”
“กลับกัน หากเจ้าทนได้ไม่ถึง 2 ลมหายใจ ไม่ว่าใครก็ช่วยเจ้าให้พ้นความตายไม่ได้!”
สองตาจางจินอี้นั้นฉายชัดถึงความดูแคลนเป็นที่สุด
และพอจางจินอี้กล่าววาจาทั้งหมดออกมา บรรยากาศโดยรอบก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืนทันที ใบหน้าของคนเผ่าจิ้งจอกมายายังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอึ้งค้างกันไปตามๆกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
“ฟังจากวาจาของทูตผู้นั้น…ดูเหมือนจะคิดฆ่าผู้เฒ่าเจิ้งไห่เช่นนั้นหรือ?”
“หากผู้เฒ่าเจิ้งไห่ทนได้ 2 ลมหายใจ? มิใช่ว่าทูตผู้นั้นก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศเหมือนกันหรือไร ต่อให้เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านคนนั้นของนิกาฟ้าหมื่นศึก ก็ไม่กล้ากล่าววาจาโอหังเช่นนี้มิใช่หรือ?”
“ข้าจำได้ว่าตอนผู้เฒ่าเจิ้งไห่ประมือกับอัจฉริยะของนิกายฟ้าหมื่นศึกผู้นั้น ผู้เฒ่าเจิ้งไห่ยังต้านทานได้ 6-7 ลมหายใจ จึงค่อยยอมรับความพ่ายแพ้…”
“มิใช่ว่าทูตที่ทางเผ่าหลักส่งมาคราวนี้ก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศหรือไร ไฉนมันพูดราวกับมั่นใจนักเล่า?”
…
เหล่าอาวุโสของเผ่าจิ้งจอกมายาถามไถ่กันด้วยความงุนงง จากนั้นก็เริ่มดึงดูดความสนใจของคนเผ่าจิ้งจอกมายาในละแวกใกล้เคียง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เรื่องราวเป็นเช่นไร?”
…
จากนั้นเหล่าอาวุโสที่มาทีหลังก็งุนงงไม่ต่าง ด้วยไม่เข้าใจว่าแค่ในเวลาสั้นๆ ด้านบนไปทะเลาะเบาะแว้งกันอีท่าไหน ไฉนทูตจากเผ่าหลักถึงต้องคิดเข่นฆ่าผู้เฒ่าเจิ้งไห่ด้วย
สุดท้ายก็เป็นจางตงหนานที่เห็นว่าเหล่าอาวุโสร่วมมารวมตัวกันหนาตา จึงส่งเสียงผ่านพลังอธิบายลงไปเพื่อคุมสถานการณ์ ทุกคนจึงตระหนักเรื่องราวได้ทันที
ที่แท้เป็นผู้เฒ่าเจิ้งไห่ไปกล่าววาจาล่วงเกินทูตจากเผ่าหลักก่อน
และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…
ทูตจากเผ่าหลักคนนี้…กลับเป็นถึงทายาทสายตรงของตระกูลหลัก!
นั่นคือจิ้งจอกมายาของตระกูลจางสาขาหลักของพวกมัน ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในเผ่ามายา!
“2 ลมหายใจงั้นหรือ…พวกเจ้าว่าใช่ทูตจากเผ่าหลักคนนี้คิดหาทางลงให้ตัวเองหรือไม่?”
“สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะฆ่าผู้เฒ่าเจิ้งไห่ได้ในเวลาไม่ถึง 2 ลมหายใจ”
“จริง เว้นเสียแต่มันจะเป็นจอมราชันอมตะ หาไม่แล้วมันไม่มีทางทำได้แน่!”
…
ไม่นานนักอาวุโสของเผ่าจิ้งจอกมายาก็เริ่มเห็นพ้องต้องกัน
จางจินอี้ไม่มีทางฆ่าจางเจิ้งไห่ภายในเวลา 2 ลมหายใจได้แน่นอน!
อย่างไรก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปครบ 1 เค่อ จางจินอี้พอกล่าวเตือนจางเจิ้งไห่จบคำ มันก็ระเบิดพลังสังหารจางเจิ้งไห่ได้ในชั่วพริบตา ทำให้ทุกคนที่ชมดูเรื่องราวพลันตระหนักได้ว่า…ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกมันไม่ต่างอะไรจากกบน้อยที่แหงนมองท้องฟ้าจากก้นบ่อเลย!
และสูงขึ้นไปบบนฟ้า จางจินอี้ก็ยังคงลอยร่างอยู่ตรงนั้น ท่วงท่ายังคงค้างอยู่ในกระบวนท่าสังหารไม่เปลี่ยน
เมื่อครู่ พอจางจินอี้กล่าวเตือนจบ ร่างจางจินอี้ก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูล้ำสุดที่จางเจิ้งไห่จะตอบสนองใดๆได้ทัน จากนั้นก็ถูกหนึ่งฝ่ามือตบฟาด จนร่างระเบิดเป็นละอองโลหิต…
“ยังเป็นข้าประเมินเจ้าสูงไป…ฆ่าเจ้ายังใช้ไม่ถึงครึ่งลมหายใจด้วยซ้ำ”
จางจินอี้เหลือบมองละอองโลหิตของจางเจิ้งไห่ด้วยสายตาเฉยเมยย เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงหยันหยาม
จังหวะนี้ ผู้ชมทั้งหมดล้วนเงียบสงบไร้กระทั่งเสียงลมหายใจ
ด้านจางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา ตอนนี้มันรู้สึกเสมือนมีอะไรจุกค้างอยู่ในลำคอ พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
‘นี่น่ะหรือ…ความแข็งแกร่งของราชาอมตะ 10 ทิศ ของทายาทสายตรงตระกูลหลัก?’
ใจจางตงหนานสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ ตัวมันที่เป็นจอมราชันอมตะ ย่อมมองเห็นว่าเมื่อครู่จางจินอี้ลงมืออย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังใช้ทักษะเฉพาะ ที่มีแต่จิ้งจอกมายาสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ออกมา
‘ให้ตายเถอะ ต่อให้เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านคนนั้นของนิกายฟ้าหมื่นศึก เกรงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าจางจินอี้ผู้นี้ น่ากลัวจะทนได้ไม่ถึง 10 ลมหายใจกระมัง?’
ผ่านไปสักพัก จางตงหนานที่ฟื้นคืนสติคนแรก ก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
จางตงหนานแน่นอนว่าย่อมเศร้าโศกกับการตายของจางเจิ้งไห่ และอยากล้างแค้นให้จางเจิ้งไห่เป็นธรรมดา…อนิจจามันรู้ตัวดีว่ามันไม่อาจล้างแค้นให้จางเจิ้งไห่ได้
เว้นเสียแต่มันจะอยากตาย…
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
ขณะเดียวกัน ด้านผู้อาวุโสขอเผ่าจิ้งจอกมายาหทั้งหลาย ก็เริ่มหวนกลับมาครองสติอีกครั้ง พากันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!
และพอทุกคนมองไปยยยยังจางจินอี้อีกรอบ สายตายังทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ!!
“ท่านทูต…”
สุดท้ายจางตงหนานก็เป็นคนปริปากกล่าวคำออกมาคนแรก เพื่อสลายบรรยากาศอันน่าอึดอัด “ด้วยพลังฝีมือของท่าน สมควรไร้เทียมทานใต้ขอบเขตจอมราชันอมตะในเผ่าหลักแล้วใช่หรือไม่?”
“ไร้เทียมทานใต้จอมราชันอมตะในเผ่าหลัก?”
จางจินอี้เหลือบมองจางตงหนานด้วยสายตาค่อนแคะ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ “กบก้นบ่อ! พลังฝีมือของข้านับประสาอะไรกับในเผ่าหลัก เอาแค่ในบรรดาราชาอมตะ 10 ทิศของตระกูลจาง ข้ายังเป็นแค่อันดับ 3 เท่านั้น!”
พอจางจินอี้กล่าวประโยคนี้ออกมา ผู้คนก็จมจ่อมอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ลูกตาจางตงหนานยังหดเล็กลงเร็วไว ใบหน้าฉายชัดถึงความตื่นตกใจที่ไม่อาจบรรยายให้เห็น
ราชาอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจเยี่ยยจางจินอี้ ยังไม่ใช่ราชาอมตะ 10 ทิศที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลจางด้วยซ้ำงั้นหรือ?
เอาแค่ในตระกูลจาง ยังมีอีก 2 คนที่พลังฝีมือสูงกว่านี้?
นี่…
เป็นครั้งแรกเลย ที่จางตงหนานรู้สึกเสมือนตัวเองเป็นกบก้นบ่อจริงๆ…
WSSTH ตอนที่ 3,199 : อัจฉริยะไร้ผู้ต้านคนใหม่
5 เดือนต่อมา…
ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง
อยู่ๆหัวตารางจัดอันดับพลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น และความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็ทำให้ทุกคนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงในเขตปลอดภัยก็ดี หรือที่บังเอิญลองตรวจอันดับในป้ายดูก็ดี ล้วนตื่นตระหนกตกตะลึง อารมณ์พุ่งพล่านกันยกใหญ่!
“จ้าวสวรรค์ช่วย! ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับ ‘เหยียนหรูอวี้’ คนนั้น กำจัด ‘ถังผิงซาน’ ของนิกายฟ้าหมื่นศึกได้งั้นเหรอ!?”
“ถังผิงซานนั่น ตั้งแต่ที่ได้รับอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งแรก หลังจากนั้นมันก็ไม่เคยแพ้พ่ายหรือถูกผู้ใดจัดการได้เลยใช่ไหม?”
“ให้ตายเถอะ อัจฉริยะไร้เทียมทาน ถังผิงซาน ของนิกายฟ้าหมื่นศึกที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้ถึง 3 ประการผู้นั้น พ่ายแพ้แล้วจริงๆหรือ!?”
“เป็นเหยียนหรูอวี้ก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หรือที่แท้ในอดีตมันซุกซ่อนพลังฝีมือไว้กันแน่? ไฉนปีนี้กลับสยบถังผิงซานได้!?”
“ไม่รู้ล่ะ ข้ารู้แค่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ตำนานไร้พ่ายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงของ ถังผิงซาน ผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านของนิกายฟ้าหมื่นศึกคนนั้นได้ถูกทำลายลงแล้ว!”
…
ถังผิงซาน ศิษย์นิกายฟ้าหมื่นศึก ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้าน พลังฝีมือกล้าแข็งสุดที่ผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะทาบติด ตลอดหลายสิบปีที่ผ่าน…
วันนี้ได้ถูกกำจัดแล้ว!
ถูกกำจัดโดย เหยียนหรูอวี้ แห่งนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับ!
และเหยียนหรูอวี้ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผู้ที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณณะดับสูงแม้แต่น้อย เพราะเหยียนหรูอวี้เองก็มักจะติด 1 ใน 10 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอยู่เสมอ และเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ เหยียนหรูอวี้ยังเยาว์นัก อ่อนกว่าถังผิงซานหลายร้อยปี แต่วันนี้กลับเอาชนะถังผิงซานและก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 แทนที่อีกฝ่ายได้สำเร็จ
หลังจากที่มันได้สยบถังผิงซานไป ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมิแคล้วต้องปรากฏตำนานบทใหม่ขึ้น!
ที่ไหนสักแห่งในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…
ปรากฏร่างชายหนุ่มเหินลอยกลางอากาศ คนมาในชุดคลุมสีขาว ในมือถือไว้ด้วยพัดเล่มหนึ่งกำลังโบกพัดเบาๆ ชายหนุ่มผู้นี้ยังมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ลักษณะท่าทางแลดูสง่างามเป็นที่สุด
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย ในที่สุดเจ้าก็เอาชนะเจ้าถังผิงซานนั่นได้เสียที…ตลอดชั่วชีวิตข้าเฉินหลี เรื่องที่ข้ารู้สึกว่าโชคดีที่สุดก็คือมีเพื่อนเช่นเจ้า!”
หลังได้รับทราบข้อความที่ส่งมา ชายหนุ่มในชุดขาวก็คลี่ยิ้มอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นก็หยิบยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณ ส่งข้อความตอบกลับ “ขอบใจเจ้ามากเฉินหลี ว่าแต่เจ้าสืบไปถึงไหนแล้ว ที่แท้ต้วนหลิงเทียนที่ติดอยู่ในอันดับ 13 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณณะดับสูงตอนนี้ ใช่ต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนใหม่ของคฤหาสน์เฉวียนโยว ที่พวกเจ้าทำได้แค่ยกเลิกภารกิจสังหารไปเมื่อ 30 ปีก่อนรึเปล่า?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมขาวที่แลดูหล่อเหลาสง่างามคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น มันก็คือเหยียนหรูอวี้ ที่พึ่งจะเอาชนะถังผิงซาน ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายฟ้าหมื่นศึกมาได้นั่นเอง…
เหยียนหรูอวี้ยังเป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของเฉินหลี ลูกชายเฉินหยวนซาน 1 ใน 3 รองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ที่สนิทสนมกับเฉินหลีเป็นอย่างมาก
หากจะถามว่าในโลกนี้ เหยียนหรูอวี้ใส่ใจใครมากที่สุด…ก็คือเฉินหลี เพื่อนเล่นเพียงหนึ่งเดียวในวัยเด็กของมัน!
“สืบได้แล้ว…คนของเราไปเลียบๆเคียงถามเฮยชามาจนได้ และพบว่าต้วนหลิงเทียนที่เอาชนะมันได้นั้น ก็เป็นคนๆเดียวกับต้วนหลิงเทียนที่เป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว”
“ที่คิดไม่ถึงก็คือ ไม่เพียงแต่มันจะทะลวงด่านพลังมาถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์ได้ในเวลาอันสั้น แต่พลังฝีมือของมันกลับร้ายกาจถึงขั้นจัดการเฮยชาได้! และฟังจากที่เฮยชาบอกมา ต้วนหลิงเทียน นั่นแม้มันจะเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่มันกลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้หลายประการ…”
เฉินหลีส่งข้อความตอบกลับเสียงเข้ม
“แล้วสตรีนามฮ่วนเอ๋อเล่า เจ้าสืบเจอแล้วรึยังว่านางเป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่? หากข้าเดาไม่ผิด ส่วนหนึ่งเลยที่มันสามารถติดอยู่ใน 20 อันดับแรกได้ ไม่พ้นต้องได้สตรีนางนั้นคอยช่วยเหลือแน่นอน หาไม่แล้วราชาอมตะ 3 ศักดิ์เช่นมัน ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่สามารถประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง”
เหยียนหรูอวี้ ส่งข้อความถามเพิ่ม
“สตรีข้างกายมันก็มีความเป็นมาลึกลับมาก…นางพึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อ 30 ปีก่อนเท่านั้น ก่อนหน้านั้นนางเคยอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนในพื้นที่ชายแดน…แต่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับพักใหญ่”
“และในอดีต นางยังแข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียนเสียอีก”
เฉินหลีกล่าว
“พวกมันทั้งคู่นับเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ…หากไม่ใช่ว่าเจ้าไปยืนยันมาด้วยตัวเอง ข้าคงสงสัยแน่…ว่าใช่หน่วยข่าวกรองขององค์กรกะโหลกเลือดเจ้ามีปัญหารึเปล่า”
เหยียนหรูอวี้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีมันก็คิดว่าพรสวรรค์ของมันน่าทึ่งมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียนและสตรีนามว่าฮ่วนเอ๋อนั่น พรสวรรค์ของมันดูเหมือนจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรเลย….
ต้วนหลิงเทียนอายุพึ่งจะครบร้อยปี ก็บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แถมเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้หลายประการจนเอาชนะเฮยชาได้ด้วยมือเปล่า…
ฮ่วนเอ๋อ อายุไม่ถึงร้อยปีแต่กลับบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสาน นอกจากนั้นยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติบางประการถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
“ถึงแม้ตอนนี้ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนจะถูกยกเลิกไปแล้ว…แต่หากเจ้าบังเอิญเจอมัน ข้าหวังว่าเจ้าจะฆ่ามันให้ตาย!”
เฉินหลีกล่าว “หากมันไม่ตาย ใจข้าไม่อาจสงบลงได้!”
“เจ้าวางใจเถอะ”
เหยียนหรูอวี้รับปาก “หากข้าเจอมันเมื่อไหร่ มันก็ถึงที่ตายเมื่อนั้น”
“ว่าแต่ข้าได้ยินมาว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงปรากฏยอดฝีมือหน้าใหม่ ที่ราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากอากาศธาตุคนหนึ่ง และไม่ทันไรก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแล้ว เป็นเรื่องจริงรึ?”
เฉินหลีเปลี่ยนเรื่องโดยการถามเปิดประเด็นใหม่
“ใช่ มีคนแบบนั้นจริงๆ”
เหยียนหรูอวี้ตอบ “เจ้านั่นเรียกว่า จางจินอี้ และข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครมาจากไหนกันแน่…อีกทั้งไม่ว่าใครก็ตามที่พบเจอกับมัน สมควรตกตายหมดสิ้น จึงกล่าวได้ว่านอกจากชื่อแล้ว ไม่มีใครล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับมันอีกเลย…”
“ช่างเป็นคนลึกลับเสียจริง”
เฉินหลีพอได้ยินคำตอบของสหาย ก็อดไม่ได้ที่จะส่งข้อความตอบกลับไปด้วยความประหลาดใจ
“อืม ไม่เพียงแต่ลึกลับเท่านั้น พลังฝีมือของมันยังร้ายกาจมาก…กระทั่งศิษย์ที่แท้จริงของนิกายโพธิญาณอย่าง ทั่วขู่ ที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ยังถูกมันฆ่าตาย!”
ขณะพูดข้อความดังกล่าว สีหน้าแววตาของเหยียนหรูอวี้ก็เผยให้เห็นความหวาดกลัวไม่น้อย
“อะไร? ทั่วขู่? ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายโพธิญาณคนนั้น ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินถึงขั้นตอนเล็กน้อย จนได้ชื่อว่ามีพลังป้องกันสูงสุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั่นน่ะนะ?”
เฉินหลีอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ส่งข้อความต่อว่า “ข้าได้ยินมาว่ากระทั่งถังผิงซาน ยามพบเจอกับทั่วขู่ หากทั่วขู่ต้องการจะหลบหนีด้วยการทุบทำลายป้ายหยก ถังผิงซานก็ไม่มีทางหยุดมันได้เลย”
“แล้วคนที่ชื่อจางจินอี้ผู้นี้มันมาจากไหนกันแน่?”
ถึงแม้เฉินหลีจะเคยได้ยินเรื่องทั่วขู่มาบ้าง แต่ก็ไม่ละเอียดเท่าเหยียนหรูอวี้ที่รู้จักทั่วขู่ดี
“ข้าไม่รู้ ที่รู้คือข้ายังมั่นใจว่าหากต้องปะทะแตกหักกันจริงๆ ข้าน่าจะจัดการมันได้…อย่างไรก็ตาม หากมันคิดจากไป ข้าเกรงว่าคงไม่อาจหยุดมันได้เช่นกัน”
เหยียนหรูอวี้กล่าว
“เจ้าพูดแบบนี้…ไม่ได้หมายความว่า พลังของจางจินอี้ผู้นั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเจ้ามากเท่าไหร่ กระทั่งอาจจะทัดเทียมกับเจ้าหรือไร?”
เฉินหลีอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
“เรื่องนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…แต่ยังมีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่ง นั่นก็คือเพราะทั่วขู่ไม่รู้จักมันจึงประมาท ทำให้มันฉวยโอกาสเข่นฆ่าทั่วขู่ที่ไม่ทันตั้งตัว…”
เหยียนหรูอวี้เอ่ยคาดเดา “หากเป็นกรณีนี้ พลังฝีมือของมันก็ไม่แน่ว่าจะทัดเทียมกับข้า”
“จะอย่างไรก็แล้วแต่ ในเมื่อมันสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ ก็บ่งบอกว่าพลังฝีมือของมันก็มิใช่ชั่ว!”
เหยียนหรูอวี้กล่าวสืบต่อ
…
ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว
วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย
“ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าไต่ไปถึงอันดับที่ 13 กับ 15 แล้วนี่ ไฉนพวกเจ้าไม่ลงมือต่อเล่าจะได้เข้าสู่ 10 อันดับแรก อย่างไรเสียเวลาก็เหลืออีกตั้งหนึ่งเดือนกว่าๆ เหลือโอกาสให้พวกเจ้าอีกตั้งมากมาย?”
จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมองถามต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ที่เลือกจะออกจากแดนสวรรค์ใต้ราณระดับสูงมาก่อนจะครบกำหนดเวลาด้วยความงุนงง
“มีบางอย่างผิดปกติ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา ทีท่ายังเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย
“มีอันใดผิดปกติรึ?”
ชายชราเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เมื่อ 4 เดือน ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอยู่ๆก็ปรากฏคนนาม จางจินอี้ ขึ้นมาคนหนึ่ง คนผู้นี้ราวกับปรากฏตัวขึ้นจากอากาศธาตุ ข้าลองถามทุกคนที่พบเจอก็ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จักมันเลยสักคน กระทั่งคนในเขตปลอดภัยหลายจุดก็ไม่มีใครรู้จักตัวมัน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยยออกเสียงขรึม “หลังจากฆ่าคนชื่อ ทั่วขู่ ที่ทุกคนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่ามีพลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง มันก็ไต่ขึ้นมาถึอันดับ 4 แล้ว…”
“จริงอยู่ที่ทั่วขู่อาจจะตกตายเพราะความประมาท…แต่สิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะก่อนหน้าจางจินอี้ผู้นั้นก็ไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 9 แต่แรก…”
กล่าวถึงประโยคท้ายน้ำเสียงต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย
“แล้ว?”
ชายชราเอ่ยถามอีกครั้ง
“ข้าสงสัยว่า…มันอาจจะมาจากตระกูลจาง ของเผ่าจิ้งจอกมายา”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา
“ตระกูลจางของเผ่าจิ้งจอกมายา?”
ชาชราย่นคิ้วก่อนจะส่ายหัวไปมา “ตระกูลจางของเผ่าจิ้งจอกมายา ไม่มีใครร้ายกาจขนาดนั้นหรอก…ถ้ามีก็ไม่มีทางที่ข้าจะไม่รู้!”
“ก็แล้วถ้ามันไม่ใช่เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้เล่า? หากมันมาจากเผ่าจิ้งจอกมายาที่อยู่ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนล่ะ? หรือหากมันเป็นเผ่าจิ้งจอกมายาที่ไม่ได้ตั้งรกรากในหลิงหลัวเทียนล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยเสริม “ระนาบเทวโลกมีค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่แทบทุกแห่งหน จะไปไหนมาไหนก็นับว่าสะดวกสบายเป็นที่สุด ต่อให้เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลัก คิดจะมาแดนสวรรค์ใต้ยังยากอะไร”
“เผ่าหลักของจิ้งจอกมายา…นี่เจ้าคิดว่า มันมาจากแดนฟ้าสิ้นสุด 1 ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนงั้นหรือ?”
รูม่านตาชาชราหดแคบลงโดยพลัน
“ถึงข้าเองก็ยังไม่อาจชี้ชัด แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง…หาไม่แล้วใต้หล้าไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้?”
“อยู่ๆก็มีคนลึกลับปรากฏขึ้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง แถมแซ่จาง…”
ที่ต้วนหลิงเทียนเอะใจสงสัย ไม่เพียงแต่เห็นว่าคนลึกลับมีแซ่จางเท่านั้น ต่อให้เป็นชื่ออื่นแต่ไต่อันดับขึ้นมาด้วยความเร็วโดยที่ไม่มีใครรู้จักแบบนี้เขาก็เลือกจะสงสัยไว้ก่อน!
เมื่อดูจากคะแนนสะสมที่อีกฝ่ายหาได้รวดเร็วกว่าเขาและฮ่วนเอ๋อรวมกันแบบนี้ เขาจึงสงสัยว่ามันอาจจะเป็นคนตระกูลจาง 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ของเผ่าหลักจิ้งจอกมายาที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งจริงๆ ก็เลยเลือกจะออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงทันทีเพื่อความปลอดภัย
และเขากับฮ่วนเอ๋อก็ไม่คิดจะไต่ขึ้นไปให้ถึง 10 อันดับแรกเลย
เพราะหลังจากที่อันดับปีนี้ถูกยืนยันแล้ว เขากับฮ่วนเอ๋อจะได้เข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 2 ด้วยกัน
ถึงแม้จางจินอี้นั่นจะมาจากเผ่าจิ้งจอกมายาหลัก แต่เนื่องจากมันติดอยู่ใน 10 อันดับแรก เช่นนั้นมันก็จะเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 1 ซึ่งเป็นคนละที่กับเขาและฮ่วนเอ๋อ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะต้องปะทะกับอีกฝ่าย
ถึงแม้ตอนนี้เขากับฮ่วนเอ๋อจะไม่ใช่ชนชั้นอ่อนด้อยแล้ว แต่กล่าวไปเรื่องจะให้ติด 10 อันดับแรก ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายดายถึงขนาดนั้น
และเมื่อพิจารณาจากผลงานของจางจินอี้นั่น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักว่าต่อให้เขากับฮ่วนเอ๋อร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะสู้อีกฝ่ายได้
“พอเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้จริงๆ และนับว่าเจ้าระวังตัวดียิ่ง…ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทันสังเกตเรื่องพวกนี้ด้วย นับว่าไหวพริบเจ้าไม่ใช่ชั่วจริงๆ”
ได้ยินข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียน จาววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็คล้อยตามทันที
…
ณ สถานที่ตั้งเผ่าจิ้งจอกมายา สาขาแดนสวรรค์ใต้
“ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อนั่นมันย้อนกลับไปยังเขตปลอดภัย และใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไปแล้ว?”
จางจินอี้ที่พึ่งได้รับข้อความติดต่อ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้านิ่ว
เป็นลูกชายของจางอวิ๋นถิง ที่ไม่ได้ไปไหนและเอาแต่ซ่อนตัวเฝ้าเขตปลอดภัยที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก ก็ได้เห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อตอนย้อนกลับมาใช้ค่ายกลออกไปถนัดตา
และมันก็รีบส่งข้อความไปรายงานจางตงหนานทันที
‘จางจินอี้ผู้นี้…ข้าก็บอกแต่แรกแล้วว่าให้ใช้นามแฝงๆ แต่ยังดื้อรั้นโง่ๆ ตอนนี้อย่างไรเล่า…สิบในสิบไม่พ้นต้วนหลิงเทียนนั่นต้องระแคะระคายอันใดแล้วเป็นแน่!’
สีหน้าของจางตงหนานบิดเบี้ยวดูไม่ได้นัก ขณะเดียวกันมันก็ได้แต่ส่งข้อความไปบอกเรื่องราวแก่จางจินอี้ “ท่านทูต มิพ้นพวกมันต้องสงสัยในความเป็นมาของท่านแล้ว…”
WSSTH ตอนที่ 3,200 : หลบเลี่ยงจางจินอี้!
ที่จางจินอี้เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ทั้งหมดก็เพื่อหาตัวต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ จะได้ทดสอบว่าฮ่วนเอ๋อใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาในตำนานของเผ่าจิ้งจอกมายาจริงหรือไม่
ก่อนเข้ามา จางตงหนานก็มีแนะนำให้มันเปลี่ยนชื่อไปใช้นามแฝงแล้ว แต่จางจินอี้กลับไม่สนใจ
ตอนนี้หลังได้รับข้อความจากจางตงหนาน จางจินอี้ก็หน้าม้านไม่น้อย และไม่คิดจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางสืบไป เลือกจะย้อนกลับมาเขตปลอดภัยแล้วใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับออกมาทันที
“ในเมื่อพวกมันออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ไปหาพวกมันที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเสีย!”
จางจินอี้เอ่ยออกด้วยน้ำเสียลำพอง “หรืออาศัยแค่ขุมกำลังระดับ 6 ยังหาญกล้าขวางข้า?”
ได้ยินวาจาหยิ่งผยองของจางจินอี้ จางตงหนานก็รู้สึกว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวคงไม่กล้าขัดใจจางจินอี้จริงๆ และมันเองก็ไม่อาจแย้งจางจินอี้เรื่องจะไปคฤหาสน์เฉวียนโยวได้
สุดท้ายทั้งคู่จึงเดินทางไปคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยกัน
หลังได้รับทราบตัวตนของจางจินอี้ ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พาทั้งคู่ไปถึงวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามในวังผู้พิทักษ์คฤหาส์น้อย จากสำนึกเทวะแล้ว พบว่ามีชายชรานั่งตกปลาอยู่ริมทะเลสาบในสวนด้านหลังแค่คนเดียวเท่านั้น ในวังไม่มีผู้ใดอื่นอีก กระทั่งศิษย์รับใช้สักคนก็ไม่มี…
“ผู้อาวุโส แล้วต้วนหลิงเทียนกับสตรีข้างกายไปไหนแล้วเล่า?”
จางตงหนานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
อย่างไรเสียจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็คือตัวตนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่า ผู้นำ 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลัก เช่นนั้นต่อหน้าอีกฝ่ายมันก็ไม่กล้าไม่เกรงใจ
“ทั้งคู่ได้จากไปตั้งแต่ 10 ปีก่อนแล้ว…”
ชายชราหันมาเหลือบมองจางตงหนานปราดหนึ่ง พลางกล่าวตอบเสียงเรียบ
“จากไปแล้ว?”
จางตงหนานหยีตา แต่มันไม่เชื่อ และคิดว่าเป็นชายชราได้แจ้งข่าวเรื่องการมาของมันกับจางจินอี้ให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบ ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อรีบกลับเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้ง เรื่องจากไปก็แต่ข้ออ้าง!
ด้วยเหตุนี้มันจึงลอบบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณ ส่งข้อความไปถามลูกชายของจางอวิ๋นถิงทันที ว่าพวกต้วนหลิงเทียนทั้งคู่ ได้ย้อนกลับเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแล้วหรือไม่?
อย่างไรก็ตามลูกชายของจางอวิ๋นถิง กลับส่งข้อความตอบกลับมาว่าไม่พบเจอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อถูกเคลื่อน้ายเข้ามาเลย แถมอันดับทั้งคู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หมายความว่าไม่ได้ปลอมแปลงชื่อและโอนย้ายคะแนนไปแต่อย่างไร
แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั้น แตกต่างจากระดับกลางอยู่มาก
เพราะถึงแม้จะบดขยี้ทำลายป้ายของตัวเองจนถูกส่งตัวออกไป แต่ก็สามารถกลับเข้ามาได้ใหม่ทันที ก็แค่ต้องรับป้ายหใหม่ เริ่มเก็บแต้มใหม่เท่านั้น
พอได้ยินคำตอบของลูกชายจางอวิ๋นถิง สีหน้าจางตงหนานก็มืดลงทันที
ด้วยวิธีนี้ก็เหลือความเป็นไปได้ไม่กี่ประการ
หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ่อไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆ และเลือกจะไปใช้จานค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณจากจุดอื่น
แน่นอนว่ามันรู้สึกว่าความเป็นไปได้อีกอย่างนั้นสมควรมีความเป็นไปได้มากกว่า
นั่นคือก่อนที่มันกับจางจินอี้จะมาถึง ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อนั่น ก็ได้ไปซ่อนตัวนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของสำนึกเทวะมัน
หรือไม่อีกฝ่ายก็ซ่อนตัวอยู่ในโลกใบเล็กของชายชราเบื้องหน้า!!
และถ้าเป็นประการหลัง พวกมันก็จนปัญญาจะทำอะไรได้
“ท่านทูต ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วจริงๆ…”
จางตงหนานก็ได้แต่หันไปมองกล่าวกับจางจินอี้ด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“ตาแก่รวมถึงเจ้าด้วย หากมีข่าวของสองคนนั่นให้รีบติดต่อหาข้าทันที…หากให้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าพบพวกมันแล้ว แต่กล้าไม่รายงานข้า อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ!”
จางจินอี้เหลือบมองไปยังชายชราอันเป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย กับผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว พลางกล่าวทำนองออกคำสั่งพร้อมโยนลูกแก้ววิญญาณไปให้ทั้งคู่คนละลูก
“ข้าอยากรู้นัก…อาศัยราชาอมตะ 10 ทิศเช่นเจ้า ไฉนถึงได้หาญกล้าไม่เห็นหัวข้า!”
ชายชราที่ตกปลาอยู่ เจอปฏิบัติใส่แบบนี้ก็ถึงกับโยนเบ็ดตกปลาในมือทิ้ง คนถึงกับต้องลุกขึ้นยืน หันมาจับจ้องมองจางจินอี้ด้วยยสายตาเย็นชา “ข้าจะไม่รังแกเจ้า…ข้าจะระงับด่านพลังฝึกปรือให้อยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศแล้วประมือกับเจ้า!”
พอกล่าววจบคำ ชายชราก็ไม่รั้งรอ เลือกจะเปิดฉากลงมือทันที!
และชายชราก็ทำตามคำพูด ได้ลดระดับพลังฝึกปรือให้อยยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจนั้น เหนือกว่าจางจินอี้!
ทว่าจางจินอี้เอง ก็ได้ใช้วิชาของเผ่าจิ้งจอกมายา รวมถึงทักษะพิเศษในฐานะทายาทสายโลหิตหลักของตระกูลจางแห่งเผ่ามายาออกไปต้านทานรับมือได้อย่างไม่เพลี้ยงพล้ำ
“ตาแก่ พลังฝีมือเจ้านับว่าไม่ใช่ชั่วเลยนี่…อาศัยพลังฝีมือของเจ้าต่อให้เป็นขุมกำลังระดับ 5 ทั่วๆไป ก็สมควรเป็นชนชั้นผู้อาวุโส ข้าไม่ทราบจริงๆว่าไฉนเจ้าต้องมานั่งตกปลาในขุมกำลังระดับ 6 โง่ๆนี่ด้วย”
จางจินอี้ที่ไม่อาจเอาชนะชายชราได้ รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายลดระดับพลังฝึกปรือลงมาแล้ว แต่กลับสามารถประมือกับมันได้อย่างไม่แพ้พ่าย
“เจ้าเองก็มิใช่คนของแดนสวรรค์ใต้กระมัง…ในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏราชาอมตะ 10 ทิศเช่นเจ้าได้!”
ชายชรามองจ้องจางจินอี้ด้วยสายตาจริงจังเอ่ยถามเสียงเข้ม
“เฮอะ นั่นมันแน่อยู่แล้วตาแก่! ข้ามาจากแดนฟ้าสิ้นสุด!!”
จางจินอี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“อย่างไรก็ช่าง จงจำคำข้าเอาไว้ให้ดี หากมีข่าวอันใดเกี่ยวกับสตรีนางนั้นให้รีบแจ้งข้าทันที…หากให้ข้ารู้ภายหลังว่าพวกเจ้ากล้าปกปิดข้า ถึงแม้พลังของข้าคนเดียวจะไม่อาจทำอะไรคฤหาสน์โง่ๆแห่งนี้ได้ แต่แค่ข้ากล่าวบอกอาๆของข้าสักคำ เรื่องจะย่ำคฤหาสน์เฉวียนโยวพวกเจ้าให้แหลก ก็ลำบากเพียงยกเท้า!”
ก่อนจางจินอี้จะจากไป ยังไม่วายกล่าวคำขู่ข่มเอาไว้อย่างดุดัน!
“และจดจำชื่อข้าเอาไว้ให้ดี ข้าจางจินอี้ นอกจากนั้นข้ายังเป็นทายาทสายตรงของตระกูลจางแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักในแดนฟ้าสิ้นสุด!”
“อาๆของข้า ที่อ่อนแอที่สุด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นจอมราชันอมตะสมญานาม!”
กล่าวจบประโยคนี้จางจินอี้ก็เหินร่างจากไปทันที จางตงหนานเองก็เหาะตามไปติดๆ
หลังจากที่จางจินอี้กับจางตงหนานจากไปเกินระยะสัมผัสของสำนึกเทวะแล้ว ชายชราก็ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “ข้าไม่นึกเลยว่าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักในแดนฟ้าสิ้นสุด กลับมีราชาอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจเช่นนี้อยู่…”
“พลังฝีมือของมันไม่ใช่อะไรที่เจ้าหนุ่มกับนังหนูในตอนนี้จะสู้ได้…แม้จะร่วมมือกันแต่ก็ยังห่างไกลจากเจ้านั่น”
การประมือหยั่งเชิงพลังอีกฝ่ายครั้งนี้ นับว่าสร้างความแปลกใจให้กับชายชราแล้วจริงๆ
“ท่านบรรพจารย์แล้วตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่ใดหรือ?”
ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเอ่ยถาม
“ซ่อนอยู่ในโลกใบเล็กของข้า”
พอชายชรากล่าวจบคำ อาศัยหนึ่งความคิด ร่าง 2 ร่างก็ผุดโผล่จากความว่างเปล่ามายืนอยู่ในริมทะเลสาบของสวนด้านหลังวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที เป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเอง
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกใบเล็กของชายชรา
การเข้าไปอยู่ในโลกใบเล็กของชายชราแบบนี้ เว้นเสียแต่จะเป็นผู้ที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าชายชรา หาไม่แล้วไม่มีทางตรวจพบต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในนั้นได้เลย
“เมื่อครู่…พวกเจ้าทั้งคู่คงเห็นหมดแล้วกระมัง?”
ชายชราเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ”
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนชักหน้าเคร่ง “ไม่คิดเลยว่าราชาอมตะ 10 ทิศของเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลัก จะร้ายกาจขนาดนี้”
“พลังฝีมือระดับมัน ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นถังผิงซาน อดีตอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านของนิกายฟ้าหมื่นศึก ก็คงรับมือมันได้ไม่ถึง 10 กระบวนท่า…”
“และต่อให้เป็นเหยียนหรูอวี้ของนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับที่มาแทนที่ถังผิงซานนั่น สิบในสิบก็ไม่ใช่คู่มือมัน!”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เมื่อครู่ตอนที่ชายชราระงับด่านพลังฝึกปรือประมือกับจางจินอี้ เขาเห็นเรื่องราวชัดเจน
ทั้งคู่สมควรใช้ออกด้วยพลังฝีมือส่วนใหญ่ออกมาแล้ว
ชายชราก็ได้ใช้ความลึกซึ้งที่เข้าใจออกมาทั้งหมด แต่กระนั้นก็ยังเอาชนะจางจินอี้ไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม พลัง 2 ขุมที่มันใช้ออกภายหลังนั่น…ไม่ใชพลังจากกฏ แต่สมควรเป็นพลังบางอย่างของจิ้งจอกมายา”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หันไปถามฮ่วนเอ๋อทันที “ฮ่วนเอ๋อ เมื่อครู่เจ้ามองออกใช่ไหม”
“อื้อ”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า “พี่หลิงเทียน ตอนแรกเจ้านั่นมันเริ่มใช้วิชามายาที่คนเผ่าจิ้งจอกมายาใช้ได้ทั่วไปออกมาก่อน จากนั้นมันก็ใช้พลังสายเลือด ที่มีแต่ทายาทที่มีสายเลือดบริสุทธิ์มากพอเท่านั้น ถึงจะใช้ออกมาได้”
“อย่างไรก็ตาม ทักษะทั้ง 2 อย่างนั่นไม่มีผลอะไรกับข้าเลย”
ฮ่วนเอ๋อกล่าว “ข้าในฐานะจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ที่เป็นสายเลือดสูงสุดของเผ่าจิ้งจอกมายา เช่นนั้นต่อหน้าข้าทักษะแต่กำเนิดใดๆของเผ่าจิ้งจอกมายาล้วนไร้ผลกับข้า…”
พอฮ่วนเอ๋อกล่าวจบคำ พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็ตะลึง
“มาตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทำไมพวกมันถึงร้อนใจหมายกำจัดเจ้าให้พ้นทางนัก…เพราะหากเจ้าเติบโตขึ้นเมื่อไหร่ ก็ไม่ต่างอะไรจากหายนะสำหรับพวกมันเลย”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“หากเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าเอาชนะข้าที่ระงับพลังมาเหลือราชาอมตะ 10 ทิศได้เมื่อไหร่ ก็สมควรเอาชนะมันได้ไม่ยาก…”
ชายชรากล่าว
“ก็นะ แต่ต่อให้พวกเราจะสามารถเพิกเฉยทักษะของมันได้ก็จริง แต่ตอนนี้ให้พวกเราร่วมมือกันก็เอาชนะมันไม่ได้อยู่ดี”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขม
จางจินอี้เมื่อครู่ต่อให้ไม่สนทักษะวิชาแต่กำเนิดของมัน เอาแค่ความลึกซึ้งของกฏทอง อีกฝ่ายก็มีพลังไม่ใช่ชั่วแล้ว
ความลึกซึ้งของกฏแห่งทองมันเข้าใจครบทุกประการ และเข้าใจถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้ 4 ประการแล้ว
ทำให้ตอนนี้ต่อให้เขากับฮ่วนเอ๋อร่วมมือกัน ก็ยังเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้
เว้นเสียแต่เขาจะใช้อุปกรณ์เทพ…
แต่ใครจะกล้าพูด ว่าจางจิ้นอี้ก็ไม่ได้ซุกซ่อนอุปกรณ์เทพเอาไว้เป็นไพ่ตายเหมือนกัน?
ที่สำคัญพลังของอุปกรณ์เทพอย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของเขา ก็ยังมีพลังแค่พอๆกับอุปกรณ์อมตะ ระดับจักรพรรดิเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้จางจินอี้จะไม่มีอุปกรณ์เทพ ไม่มีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ แม้เขาจะใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน แต่อาศัยพลังฝีมือของฮ่วนเอ๋อในปัจจุบัน ก็เสี่ยงเกินไปที่จะให้นางเผชิญหน้ากับมัน เพราะหากเกิดผิดพลาดอะไรแค่เล็กน้อยก็จบกัน
เช่นนั้นจนกว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาสามารถจัดการจางจินอี้ได้ด้วยพลังของตัวเองเพียงลำพัง เขาไม่คิดจะให้ตัวเองกับฮ่วนเอ๋อต้องปะทะกับมัน เช่นนั้นก็ได้แต่หลีกเลี่ยงมันไปก่อนเท่านั้น
“ก็จริง”
ชายชราพยักหน้า ก่อนจะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน “เจ้าหนุ่ม ที่เจ้ากล่าวไว้ก่อนหน้าล้วนถูกต้องทุกอย่าง”
“เจ้าบอกว่าหลังพวกเจ้าออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง พวกมันอาจจะเร่งรุดมาหาถึงที่นี่ทันที…มิคาดว่าพวกมันกลับมาปรากฏตัวขึ้นจริงๆ ข้าเองยังไม่คิดว่าพวกมันจะมาจริงๆด้วยซ้ำ”
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนคาดไว้แล้ว ว่าจางจินอี้กับจางตงหนานต้องมาแน่ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็พิสูจน์ว่าเขาพูดถูก
“ก็นะ…หากเป็นข้า ข้าก็คงจะทำแบบเดียวกัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“อย่างที่บอก ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดอ่านถี่ถ้วนเหมือนเจ้า”
ชายชราถอนหายยใจออกมาอีกครั้ง “ตอนนี้ข้าเริ่มเชื่อมั่นในตัวเจ้ามากขึ้นแล้ว…บางทีเจ้าอาจล้างแค้นให้อดีตผู้พิทักษ์รุ่นก่อนของคฤหาสน์เฉวียนโยวพวกเราได้จริงๆ”
“อะไรกันผู้อาวุโส ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าก่อนหน้าท่านไม่เชื่อข้างั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มขบขัน
…
หลังจากที่จางตงหนานกับจางจินอี้กลับไป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะพาฮ่วนเอ๋อกลับเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงทันที เพียงรอให้เวลาผ่านไปเกือบเดือนก่อนที่จะเข้าไปอีกครั้ง
และวันที่เขากับฮ่วนเอ๋อเข้ามา ก็เป็นวันสุดท้ายก่อนที่อันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะถูกล้างใหม่
‘ตอนนี้อันดับของข้ากับฮ่วนเอ๋ออยู่ในช่วงอันดับที่ 11 ถึง 30…สามารถเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 2 ได้’
ที่ต้วนหลิงเทียนพาฮ่วนเอ๋อเข้ามาวันนี้ ก็เพื่อจะเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 2 โดยเฉพาะ
แดนลับสมบัติระดับ 1 นั้น มีแต่ผู้ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้
สำหรับคนที่อยู่ในอันดับที่ 31 ถึง 100 ก็จะเข้าได้แต่แดนลับสมบัติระดับ 3 เท่านั้น
แดนลับสมบัติระดับต่างๆ แม้จะมีสมบัติที่มีมูลค่าพอๆกัน หากแต่ความยากง่ายในการได้มานั้นจะแตกต่างกัน
แดนลับสมบัติระดับ 1 นั้นบททดสอบจะง่ายที่สุด
ยากขึ้นมาอีกขั้นก็จะเป็นแดนลับสมบัติระดับ 2
ส่วนแดนลับสมบัติระดับ 3 นับว่ามีบททดสอบยากเย็นที่สุด!
WSSTH ตอนที่ 3,201 : 10 อันดับแรก
“อาวุโส ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อกลับเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะกลับมาเพื่อรอเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 2 โดยเฉพาะ”
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อพึ่งเคลื่อนย้ายเข้ามายังเขตปลอดภัยของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไม่ทันไร ลูกชายของจางอวิ๋นถิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อฆ่าตาย ก็สังเกตเห็นทั้งคู่ และเร่งรายงานกลับไปที่เผ่าจิ้งจอกมายาทันที
“ท่านทูต”
ภายในเผ่าจิ้งจอกมายา จางตงหนานที่ได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว ก็เร่งส่งข้อความถึงจางจินอี้ที่พักอยู่ในเผ่าจิ้งจอกมายาทันที โดยบอกว่าพวกต้วนหลิงเทียนกลับเข้ามาแล้ว
“แดนลับสมบัติระดับ 2?”
สำหรับจางจินอี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงของมัน จึงไม่รู้เรื่องผลประโยชน์อะไรจากอันดับทั้งสิ้น
“ท่านทูต แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะทำการล้างอันดัใหม่ทุกรอบปี…และหลังจากทำการล้างอันดับแล้ว ผู้ที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรก จะถูกส่งไปยังแดนลับสมบัติที่แตกต่างกันถึง 3 แห่ง เรียกว่าแดนลับสมบัติระดับ 1 ระดับ 2 และ ระดับ 3 ”
จางตงหนานกล่าวอธิบาย “หากท่านทูตเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงตอนนี้ พอตารางอันดับถูกล้างใหม่ในวันพรุ่งนี้ ตัวท่านจะถูกอาคมในแดนสวรรรค์ใต้โบราณระดับสูง เคลื่อนย้ายไปยังแดนลับสมบัติระดับ 1 ทันที เพื่อให้ท่านกับอีก 9 คน มีโอกาสไปแสวงโชคในแดนลับสมบัติ”
จางจินอี้ก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเช่นกัน เช่นนั้นมันย่อมได้โอกาสเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 1
“แล้วหากข้าเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 1 ที่ว่า ข้าจะได้เจอสตรีที่สงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั่นหรือไม่?”
จางจินอี้เอ่ยถาม
“ไม่อาจพบเจอ”
จางตงหนานกล่าว “แดนลับสมบัติระดับต่างๆจะแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์…สตรีนางนั้นกับต้วนหลิงเทียนจะถูกส่ตัวไปยังแดนลับสมบัติระดับ 2 ไม่มีทางที่ท่านจะพบเจอพวกมันได้”
“ถ้างั้นข้าก็คร้านจะเข้าไป…รอให้แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเปิดรอบใหม่ คราวนี้ข้าจะใช้นามแฝงเข้าไป และพยายามรักษาอันดับให้สามารถเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับเดียวกับพวกมัน”
จางจินอี้ไม่มีความสนใจใดๆในแดนลับสมบัติทั้งสิ้น อย่าว่าแต่สิ่งของในแดนลับสมบัติที่ว่าเลย…ต่อให้เป็นคลังสมบัติของวังจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ของแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ มันก็ไม่เหลียวแหล
เพราะสำหรับมันแล้ว แดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากดินแดนชนบทอันล้าหลัง สิ่งของที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าที่นี่ สำหรับมันก็คือของทั่วไปที่มันได้มาตั้งแต่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะด้วยซ้ำ
อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันทั่วไป?
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่มันสามารถทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะได้ ทางเผ่าก็มอบเป็นของรางวัลให้มัน…
เกราะอมตะจอมราชัน?
มันได้เป็นของขวัญตอนทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ
สำหรับโอสถอมตะใดๆ ไม่เว้นยันต์อมตะสำหรับใช้งาน มันมีเหลือๆ ไม่เคยขาด
ในมือของมันยังมีกระทั่งยันต์อมตะหลบหนีที่จักรพรรดิอมตะสมญานามเป็นผู้สร้างด้วยซ้ำ
“ท่านทูต ข้ามีความคิดบางอย่าง…นั่นคือหลังจากอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงถูกล้างใหม่แล้ว พวกเราไปหาผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่ติดอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงสักคน และฆ่ามันเสีย!”
จางตงหนานเอ่ยความเห็น “จากนั้นเมื่อเริ่มต้นแข่งขันกันรอบใหม่ ท่านก็ใช้นามมันเสีย และพยายามรักษาอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับของพวกต้วนหลิงเทียน พอครบปีท่านก็จะได้เข้าสู่แดนลับสมบัติระดับเดียวกับพวกมัน”
“เพราะท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้ท่านใช้นามแฝง แต่เมื่อปรากฏชื่อไม่คุ้นไต่อันดับขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ก็จักเผยพิรุธอยู่ดี…เช่นนั้นมิสู้สวมรอยใช้นามผู้อื่น สิ่งนี้ย่อมลดทอนความสงสัยของผู้คน และทำให้ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ทันเอะใจสงสัยแน่!”
จางตงหนานเอ่ยข้อเสนอจนจบ
“อืม เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้”
บางทีอาจเป็นเพราะความผิดพลาดครั้งก่อน ครั้งนี้จางจินอี้เห็นด้วยทันที “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่รู้จักผู้ฝึกตนอิสระพวกนั้น…”
“ขอท่านทูตโปรดวางใจ เพียงท่านตกลงเห็นด้วย ที่เหลือข้าน้อยจักจัดการให้ท่านเอง”
พอเห็นว่าจางจินอี้ยอมตกลงทำตามคำชี้แนะ จางตงหนานก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ มันกลัวใจเหลือเกิน…ว่าอีกฝ่ายจะดื้อรั้นและเอาแต่หยิ่งผยองโง่ๆ จนเสียเรื่องอีก!
โชคดีที่คราวนี้มันสามารถเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้สำเร็จ
…
ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง
เสมือนพริบตาเดียวหากแต่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ได้มายืนรออยู่เกือบครบวันแล้ว และอันดับก็กำลังจะถูกล้างใหม่ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
และต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออยู่ในเขตปลอดภัยแบบนี้ เป็นธรรมดาว่าไม่มีใครหาญกล้าเข้ามาหาเรื่อง
ที่สำคัญตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็อยู่ในอันดับที่ 13 กับ 15…
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…
ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังฝีมือสูงกว่าทั้งคู่
‘เจ้านั่น…’
สายตาต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังมุมหนึ่งของเขตปลอดภัย ตกลงบนร่างของคนที่ลอบมองเขากับฮ่วนเอ๋ออยู่บ่อยครั้ง
คนผู้นี้เขาจดจำมันได้
เพราะนี่นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาเห็นมัน แถมทุกครั้งก็พบเจออีกฝ่ายในเขตปลอดภัยทั้งสิ้น
“ฮ่วนเอ๋อ…เจ้าเห็นคนผู้นั้นไหม เจ้าลองตรวจสอบดูหน่อย ว่าเจ้านั่นมันใช่คนของเผ่าจิ้งจอกมายารึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามผ่านพลัง
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบเอง แต่เขาก็สัมผัสได้แค่ว่าอีกฝ่ายแค่มีกลิ่นอายคล้ายๆจางอวิ๋นถิงของเผ่าจิ้งจอกมายาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจชี้ชัดได้
ทว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา หากอีกฝ่ายเป็นจิ้งจอกมายา ฮ่วนเอ๋อก็น่าจะตรวจสอบได้ทันที
พอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็มองตามสายตาต้วนหลิงเทียนจนตกลงบนร่างที่ต้วนหลิงเทียนมองอยู่ทันที และอีกฝ่ายก็คล้ายจะพบว่านางมองไป จึงเร่งงรุดหลบสายตาเป็นการใหญ่ อย่างไรก็ตามสำนึกเทวะของฮ่วนเอ๋อได้กวาดผ่านร่างมันไปเรียบร้อย
“พี่หลิงเทียน มันเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาแน่นอน”
ฮ่วนเอ๋อสามารถยืนยันได้ทันที
“ใช่จริงๆสินะ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ข้าก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าไฉนจางตงหนานนั่นถึงได้นกรู้นัก…ที่แท้มันวางหูตาไว้ที่นี่แต่แรก”
เป็นธรรมดาว่าถึงต้วนหลิงเทียนจะรู้ว่าชายผู้นั้นเป็นหูเป็นตาของเผ่าจิ้งจอกมายา แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่าย
นอกจากนั้นที่นี่ก็คือเขตปลอดภัย ที่ห้ามใครลงมืออีกด้วย
เวลาครึ่งชั่วยาม ไม่นานก็ล่วงเลยผ่านไป
ตอนนี้เองตารางอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็หยุดเปลี่ยนแปลง และหลังจากหยุดนิ่งไปราวๆ 1 เค่อ รายชื่อทั้งหมดก็อันตรธานหายไปทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ที่อยู่ในเขตปลอดภัยเท่านั้น แม้แต่นอกเขตปลอดภัย ขอเพียงท่านมีรายชื่อติดอยู่ใน 100 อันดับแรกก่อนที่จะถูกล้างใหม่เมื่อครู่ ท่านก็จะถูกพลังอาคมเคลื่อนย้ายขุมหนึ่งนำตัวไปยังแดนลับสมบัติตามความเหมาะสมทันที
ทุกคนที่ถูกเคลื่อนย้าย ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แยกกันปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ๆแตกต่างกัน 3 แห่ง
1 ใน 3 กลุ่มมีคนทั้งสิ้น 9 คน และหันมองไปมาแต่ละคนก็คุ้นเคยหน้าตากันดี
“ไฉนคราวนี้มีแค่พวกเรา 9 คนเล่า? อีกคนไปไหน?”
ทั้ง 9 มองสำรวจหน้าตากันและกันปราดเดียวก็บอกได้ทันที…ว่าหน้าเดิมๆ ไม่มีคนใหม่!
“ดูเหมือนคนที่ไม่ได้เข้ามาจะเป็น จางจินอี้…”
ไม่นานก็มีคนระบุเรื่องนี้ได้
“จางจินอี้ผู้นั้น มิทราบมันเป็นใครมาจากไหนกันแน่…ไม่คิดเลยว่ากระทั่งทั่วขู่ยังพลาดท่าเสียทีมันจนตาย”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
“ทั่วเหย่ ทั่วขู่จะอย่างไรก็เป็นศิษย์น้องของเจ้า…ก่อนที่มันจะถูกจางจินอี้ฆ่าตาย ได้มีติดต่อส่งข้อความอะไรกลับมาถึงนิกายโพธิญาณ บ้างรึเปล่า?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว มือถือไว้ด้วยพัด หน้าตาหล่อเหล่า ลักษณะสง่ามากราศี หันไปมองถามหลวงจีนหนุ่มในชุดขาวจีวรดำที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มในชุดคลุมขาวหน้าตาหล่อเหลาถือพัดคนนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ เหยียนหรูอวี้ ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับนั่นเอง
ยังเป็นอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงคนใหม่…
เป็นผู้ปิดตำนานไร้พ่ายของถังผิงซาน อัยฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านของนิกาฟ้าหมื่นศึก! กลับกลายเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านคนใหม่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงชั่วคราว…
และถ้าหากมันรักษาอันดับ 1 และไม่พ่ายแพ้ใครได้อีกครั้ง มันก็จะกลายเป็นตำนานบทใหม่…
“ก่อนตกตาย ศิษย์น้องทั่วขู่มิมีแม้แต่โอกาสสั่งเสียอันใดเลย…”
หลวงจีนหนุ่มที่ถูกเรียกหาว่า ทั่วเหย่ ส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มแหยๆ “หากศิษย์น้องทั่วขู่มีเวลาสั่งเสีย ไฉนไม่ใช้ทุบทำลายป้ายหยกประจำตัวเพื่อหลบหนีเล่า…”
“ก็นะ อย่างน้อยๆก็ยืนยันได้แล้ว ว่าทั่วขู่สมควรถูกฆ่าอย่างไม่คาดคิดจริงๆ”
พอทั่วเหย่กล่าวตอบ เหยียนหรูอวี้ก็สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
“หรูอวี้ ตอนนี้เจ้าสมควรเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเรา…หากจางจินอี้นั่นปรากฏตัว เจ้าคิดว่าเจ้าจะจัดการมันได้รึเปล่า?”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตรคนหนึ่ง หันมามองถามเหยียนหรูอวี้ด้วยรอยยิ้ม
และฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย คล้ายจะสนิทสนมกับเหยียนหรูอวี้ไม่น้อย
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ ก็คือบุตรชายของประมุขนิกายนิกายร้อยบุปผา โอวหยางอวี้ฮ่าว และเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของนิกายร้อยบุปผา และที่ต้องกล่าวถึงเลยก็คือ มันเป็น 1 ใน ศิษย์บุรุษที่มีแทบนับนิ้วได้ของนิกายร้อยบุปผา!!
ข้างกายมันก็ปรากฏสตรียืนคล้องแขนของมันเอาไว้อย่างสนิทสนม สตรีที่ว่ารูปโฉมงดงามมากล้นไปด้วยเสน่ห์ ยามมายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นนี้ ประหนึ่งเป็นหงส์ที่หลงมาอยู่กลางฝูงไก่โดยแท้…
และนางก็คือ โฉมงามอันดับ 1 แห่งแดนสวรรค์ใต้ โอวหยางอวี่เวย ศิษย์ที่แท้จริงอีกคนของนิกายร้อยยบุปผา!
นางกับโอวหยางอี้หัวเป็นฝาแฝดกัน และนางเป็นนแฝดผู้น้อง ส่วนโอวหยางอวี้ฮ่าวเป็นแฝดผู้พี่
อย่างไรก็ตามทั้งคู่แลดูไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไหร่ โอวหยางอวี่เวยแลดูอ่อนแอบอบบาง ส่วนโอวหยางอวี้ฮ่าวแม้จะหล่อเหลาแต่ก็แลดูเข้มแข็งสมชายชาตรี
“ข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
เหยียนหรูอวี้ตบเก็บพัดดัง ‘ปับ’ ก่อนจะส่ายหัวไปมา “แต่อย่างน้อยๆหากข้าต้องปะทะกับทั่วขู่ ถึงแม้ข้าจะเอาชนะทั่วขู่ได้ แต่เรื่องจะให้ข้าฆ่าทั่วขู่นั้น บอกตรงๆข้าทำไม่ได้แน่นอน…”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
คำตอบของเหยียนหรูอวี้ก็ทำให้หลายๆคนเห็นด้วย “การป้องกันของทั่วขู่เรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจริงๆ…พวกเราในที่นี้จริงอยู่ที่อาจเอาชนะทั่วขู่ได้ แต่จะให้เอาชีวิตทั่วขู่นั้น ทำกันไม่ได้แน่ๆ”
“ข้าไม่ทราบจริงๆว่าที่แท้จางจินอี้ผู้นั้นมันเป็นใครมาจากไหนกันแน่…ไฉนถึงได้ร้ายกาจนักนะ”
หลายคนอดไมได้ที่จะสงสัยในเรื่องนี้
หลังสนทนาเรื่องจางจินอี้ต่อไปอีกสักพัก ในที่สุดทุกคนก็ค่อยๆเปลี่ยนเรื่อง
และเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แลดูขึงขังดุดัน ใบหน้าเหลี่ยมใหญ่ คิ้วเข้มปากหนา คล้ายกอริลล่าเถื่อนผู้หนึ่ง หันไปมองถามโอวหยางอวี่เวยด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวอวี่เวย ข้าได้ยินมาว่าฮ่วนเอ๋อที่พึ่งโด่งดังขึ้นมานั้น ใครต่อใครก็ว่ากันว่างดงามกว่าเจ้าเสียอีก…”
“ยิ่งไปกว่านั้นพลังฝีมือของนางมิใช่ชั่วเลย เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งแรกก็ไต่มาถึงอันดับที่ 15…อีกทั้งข้ายังได้ยินมาอีกว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายนางอันเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน นั้น แม้จะอยู่ในอันดับที่ 13 แต่อันที่จริงไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงฆ่าไก่ และทั้งหมดสมควรเป็นนางที่ลงมือจัดการผู้คน และคอยมอบคะแนนให้มัน!”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปานกอริลล่าภูเขาคนนี้ เรียกว่า โฮ่วตงเฉียน เป็นศิษย์ที่แท้จริงของนิกายวิถีวายุอัสนี
“ก็มิรู้สินะ หากมีโอกาสข้าเองก็อยากพบเจอนางเช่นกัน…”
สองตากลมใสงามกระจ่างล้ำกว่ามณีใดของโอวหยางอวี่เวยหรี่ลงเล็กน้อย ปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มอ่อนๆ “หากนางเป็นดั่งที่ผู้คนร่ำลือ เช่นนั้นนางก็นับเป็นโฉมงามพิลาศไร้คู่เปรียบจริงๆ”
“โฮ่วตงเฉียน เจ้าประเมินต้วนหลิงเทียนผู้นั้นต่ำไปแล้ว…ทุกอย่างที่เจ้าได้ยินมาล้วนผิดหมด เจ้านั่นน่ะ…มันไม่ใช่ธรรมดาๆ!”
ตอนนี้เองเหยียนหรูอวี้พลันหันไปมองกล่าวกับโฮ่วตงเฉียยนพลางส่ายหน้าไปมา “เมื่อ 30 ปีก่อนมันยังเป็นแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่วิ่งเต้นไปทั่วแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง…แต่ 30 ปีต่อมาด่านพลังของมันกลับทะลวงถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์ กระทั่งยังได้อันดับที่ 13 ทั้งที่พึ่งเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งแรก”
“เจ้าคิดว่ามันจะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงฆ่าไก่จริงๆหรือ?”
ในที่นี้คงไม่มีใครรู้เรื่องของต้วนหลิงเทียนดีไปกว่าเหยียนหรูอวี้อีกแล้ว
เพราะก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะไปคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็ได้รู้จักต้วนหลิงเทียนในฐานะยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งของนิกายอมตะเป้าผู่ เป็นแค่ศิษย์ตัวเล็กๆ ของ 3 นิกาย 2 ตระกูล ใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนโยวอีกที
เป็นธรรมดาว่าในเวลานั้น มันไม่ได้ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นจริงจังอะไรเลย
ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่หัวข้อสนทนายิบย่อย ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคุยกันเป็นครั้งคราว ตอนที่มันกับสหายอย่างเฉินหลีมาพบปะกันก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น