War sovereign Soaring The Heavens 3190-3193
WSSTH ตอนที่ 3,190 : 30 ปีต่อมา
ดุจชั่วพริบตา ห้วงเวลา 30 ปีก็ได้ล่วงเลยผ่านพ้นไปแล้ว…
เวลา 30 ปีนั้นสำหรับมนุษย์ปุถุชนแล้วอาจเป็นวันเวลากว่า 1 ใน 3 ของชั่วชีวิต ทว่าสำหรับเหล่าเซียนอมตะบนระนาบเทวโลกที่มีชีวิตไร้ขีดจำกัดแล้ว มันไม่อาจนับเป็นอะไรได้ และสำหรับเซียนอมตะที่ด่านพลังฝึกปรือสูงๆที่มักปิดด่านบ่มเพาะกันเป็นเวลานับสิบนับร้อยปีหรือนานกว่านั้น ก็ไม่อาจนับเป็นอะไรได้จริงๆ…
ณ วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย คฤหาสน์เฉวียนโยว
“ผู้อาวุโส”
30 ปีต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็มีอายุเกิน 100 ปีแล้ว กลิ่นอายเลือดเนื้อสดใหม่อ่อนวัย ของคนอายุไม่ถึงร้อย ก็ได้เลือนหายไปในที่สุด
“หืม?”
สำหรับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย วันเวลา 30 ปีสำหรับมันช่างแสนสั้นนัก เรียกว่าดุจห้วงเวลาชั่วพริบตาก็ว่าได้ เพราะมันอยู่มานานกว่า 30,000 ปีแล้ว
สำหรับมันที่อยู่มาเกิน 30,000 ปี เรียกว่าได้ผ่านวันเวลา 30 ปีมาแล้วกว่าพันครั้ง…
มันชินชาเสียแล้ว
“ตอนนั้นท่านบอกว่าข้าไม่ต้องรีบร้อนไปตระกูลซู แต่สามารถเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้ใช่หรือไม่? และข้ายังจำได้อีกว่า แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั้น ขอแค่ด่านพลังไม่ถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าไปได้ใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปตรง
“ก็ใช่”
ชายชราพยักหน้าก่อน ค่อยเอ่ยเสริม “ไม่ถึงจอมราชันอมตะ ใครก็เข้าไปได้จริงๆ…”
“แล้วถ้าหากจะเข้าไปต้องทำอย่างไรบ้าง?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกครั้ง
“ก็แค่มีจานค่ายกลเฉพาะ สำหรับเคลื่อนย้ายไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเท่านั้น”
ชายชราเอ่ยตอบอีกรอบ
“ผู้อาวุโส…แล้วท่านมีจานค่ายกลเฉพาะที่ว่าหรือไม่?”
ได้ยินคำตอบของชายชรา สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที มองไปคล้ายดวงดาราระยับกลางฟ้ามืดยามคืนค่ำอยู่บ้าง
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”
ชายชราขมวดคิ้ว “เจ้า…นี่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเข้าไปหรอกนะ?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ข้าอยากลองเข้าไปดู เผื่อจะได้พบโชควาสนาอะไรบ้าง…เพราะอย่างไรเสีย ข้าได้ยินมาว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็เป็นสถานที่ๆจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้พยายามลงแรงอย่างมาก”
“แล้วที่เจ้าจะเข้าไปนี่…ด่านพลังฝึกปรือของเจ้าบรรลุถึงขั้นใดแล้ว?”
ยิ่งมาคิ้วชายชรายิ่งขดย่นเป็นปม มันแค่เอ่ยถามออกไปอย่างนั้น แต่ไม่ได้คิดเลยว่าต้วนหลิวเทียนจะเข้าไปจริงๆ!
ตอนนี้มันก็พึ่งผ่านไป 30 ปีเท่านั้น หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด
ถึงแม้จะมีทรัพยากรบ่มเพาะมากมายที่คฤหาสน์เฉวียนโยวมอบให้ แต่ในสายตามัน อย่างดีตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็สมควรเป็นแค่ราชาอมตะ 2 ยศเท่านั้น
เผลอๆยังไม่อาจทะลวงถึงด้วยซ้ำ!
“ราชาอมตะ 3 ศักดิ์”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเฉย
อย่างไรก็ตามคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้ร่างชายชรากลัวแล้วจริงๆ “เจ้า…นี่เจ้าทะลวงถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์แล้วงั้นหรือ!?”
พอเห็นว่าชายชราคล้ายสงสัยคลางแคลงไม่เชื่อ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้พูดอะไร อาศัยหนึ่งห้วงคิดก็แผ่พลังวิญญาณออกมา
โดยปกติแล้ว ดวงจิตของเขาจะถูกพลังของทองเทพสุดลี้ลับปกคลุมเอาไว้ ทำให้พลังวิญญาณของเขาไม่รั่วไหลออกมาหากไม่จงใจแผ่ออกมาด้วยตัวเอง และยังไม่มีใครสามารถแผ่พลังเข้าไปตรวจสอบได้ ทำให้ชายชราไม่อาจล่วงรู้พลังฝึกปรือของเขาได้เลย
“แต่ถึงเจ้าจะทะลวงผ่านมาถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์แล้ว ทว่าการเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงด้วยพลังเพียงเท่านี้ ก็ไม่ต่างอะไรจาก 9 ตาย 1 รอด! เว้นแต่การตระหนักรู้ความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติเจ้าจะ…”
ชายชรายังกล่าวไม่ทันจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสำแดงพลังจากความลึกซึ้งของกฏมิติออกมาให้ชายชราดูชม จนทำให้ชายชราอ้าปากค้างไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
“เจ้าหนู…เจ้ามันสัตว์ประหลาด…”
หลังจากกล่าวออกมาอย่างยากลำบากแล้ว ชายชราก็ไม่เอ่ยใดสวืบต่อ เพียงสะบัดมือเรียกจานค่ายกลออกมา “นี่คือจนค่ายกลที่มีไว้สำหรับเคลื่อนย้ายส่งตัวผู้ใช้ไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงโดยเฉพาะ”
“ตั้งแต่วันนี้ไปข้าจักทำการติดตั้งจานค่ายกลเอาไว้ที่นี่ หากเจ้าคิดจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็สามารถมาใช้งานมันได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าหากตอนเจ้าคิดจะกลับออกมา เจ้าต้องไปยังจุดเคลื่อนย้ายที่อยู่ด้านใน ซึ่งเจ้าก็จะเห็นมันทันทีที่เข้าไป”
ชายชราสะบัดมืออีกครั้ง จานค่ายกลก็ลอยไปตั้งบนพื้น
จานค่ายกลดังกล่าวมองไปไม่ต่างอะไรจากแผ่นหินทรงกลมที่ใหญ่กว่าจานข้าวเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีช่องหลุมหลายช่อง เห็นได้ชัดว่าสมควรมีไว้ใส่ผลึกอมตะ
พอชายชราสะบัดมืออีกครา ก็ปรากฏผลึกอมตะจำนวนมากลอยล่องเหนือบริเวณช่องหลุมของจานค่ายกล ต้องแสงอัสดงส่องประกายระยิบระยับ
ดูจากการกระทำของชายชรา เห็นได้ชัดว่าไม่มีความคิดจะห้ามให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกต่อไป…
“ว่าแต่นี่เจ้าจะเข้าไปเพียงผู้เดียว…หรือจะพายาโถวน้อยนั่นไปเที่ยวเล่นด้วย?”
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่าน ฮ่วนเอ๋อก็ชอบมายังสวนด้านหลังพร้อมกับต้วนหลิงเทียน เพื่อแข่งตกปลากับชายชรา และความไร้เดียงสาของฮ่วนเอ๋อ ก็ทำให้ชายชรารู้สึกมีชีวิตชีวาทั้งอบอุ่นไม่น้อย
หลังอยู่กันมา 30 ปี ชายชราก็เห็นฮ่วนเอ๋อไม่ต่างอะไรจากหลานสาวแท้ๆคนหนึ่ง กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกได้ว่า ในสายตาชายชรา…ฐานะผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของเขา ตอนนี้มันไม่ได้สำคัญเท่าฮ่วนเอ๋ออีกแล้ว!
“ข้าจะพาฮ่วนเอ๋อไปด้วย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“แล้วยาโถวน้อยนั่น…พลังฝึกปรือเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
ชายชราเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“บรรลุถึง ราชาอมตะ 6 ผสานเรียบร้อย”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา เพราะกระทั่งเขาเองยังรู้สึกตกใจกับความก้าวหน้าอันรวดเร็วจนเกินจริงของฮ่วนเอ๋ออยู่บ้าง!
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทรัพยากรที่เขากับฮ่วนเอ๋อได้รับก็แบ่งกัน ไม่มีใครได้มากกว่า
ทว่าสุดท้าย ด่านพลังฝึกปรือของเขากลับด้อยกว่าฮ่วนเอ๋อถึง 3 ขั้น!
ที่ยังพอปลอบใจเขาได้ ก็คือการตระหนักรู้ในกฏมิติของเขายังเหนือกว่าฮ่วนเอ๋อ…
ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะใช้ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดได้เหมือนกัน แต่ไม่ทราบเพราะฮ่วนเอ๋อไม่ใช่มนุษย์แท้ หรือความเข้าใจของนางสู้เขาไม่ได้กันแน่ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับได้รับผลประโยชน์จากผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดมากกว่าฮ่วนเอ๋ออย่างเห็นได้ชัด
“อะไร!? ราชาอมตะ 6 ผสาน!?”
ชายชราตกใจไม่น้อย
เวลาแค่ 30 ปี ทว่านางกลับทะลวงขั้นพลังจากราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด จนบรรลุถึงราชาอมตะ 6 ผสาน…เรื่องนี้จะให้พูดอย่างไรดี?
เพราะต่อให้มันจะมีชีวิตอยู่มา 30,000 ปี แต่มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในแดนสวรรค์ใต้มีใครที่สามารถก้าวหน้าได้อย่างน่าเหลือเชื่อขนาดนี้ดำรงอยู่!
กระทั่งต่อให้เป็นใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน ตัวตนที่ก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นฮ่วนเอ๋อ และสามารถทะลวงจากราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปราชาอมตะ 6 ผสนาได้ในเวลา 30 ปี มันยากจะพบพานไม่ต่างอะไรจากเขามังกรขนหงส์!
และตัวตนเช่นนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดอัจฉริยะท้าทายสวรรค์!
‘ดูเหมือนว่า…ยาโถวน้อยจักเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่เผ่าจิ้งจอกมายาเผ่าหลักบน 7 ภูมิภาคเบื้องบนนตามล่าหาตัวอยู่จริงๆ’
จังหวะนี้ชายชราสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ในอดีตมันยังไม่กล้ายืนยันเรื่องนี้
แต่พอมาทราบว่า ฮ่วนเอ๋อสามารถทะลวงจากราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปราชาอมตะ 6 ผสานได้ในเวลาแค่ 30 ปี กอปรกับเรื่องที่เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้กำลังตามหาตัวฮ่วนเอ๋ออยู่ มันก็เลยยืนยันตัวตนของฮ่วนเอ๋อได้ชัดเจน
หากไม่ใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาในตำนาน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีตัวตนท้าทายสวรรค์เช่นนี้ดำรงอยู่!
และจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ก็ทำให้เผ่าจิ้งจอกมายาของแดนสวรรค์ใต้กระจายกำลังกันออกตามหาฮ่วนเอ๋อกันให้ควั่ก เพราะตราบใดที่พวกมันจับตัวฮ่วนเอ๋อได้ เผ่าหลักจะตกรางวัลให้พวกมันอย่างงาม!
ของรางวัลที่จะได้ ยังเหนือกว่าที่ออกประกาศภารกิจในตลาดมืดเสียอีก!
ทว่าลำพังแค่ของรางวัลที่ออกประกาศภารกิจในตลาดมืด ก็ทำให้ตัวมันที่เป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยบังเกิดความหวั่นไหวแล้ว
เช่นนั้นรางวัลที่เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาย่อยจะได้รับ น่ากลัวว่าจะมหาศาลสุดที่มันจะจินตนาการได้ออก!
“แล้วยาโถวน้อยนั่นตระหนักรู้กฏมิติได้มากน้อยเพียงใด”
ชายชรามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย
เมื่อครู่ตอนมันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ไหน ก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าตอนรับรู้ด่านพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อเลย
หลังจากนั้นพอฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนบอก ชายชราก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “สุดท้ายก็ไม่ได้น่ากลัวเกินไป…ถึงแม้นางจะนับว่าโดดเด่นไม่ธรรมดา แต่เรื่องนี้ให้เทียบกับเจ้าแล้วยังขาดอีกไม่น้อย”
“อย่างไรก็ตาม หากมองพลังฝีมือโดยรวมของยาวโถวน้อยแล้ว นางก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเจ้าสักเท่าไหร่”
ชายชรากล่าว
หากไม่มีต้วนหลิงเทียนให้เปรียบเทียบ ความเข้าใจในกฏมิติของฮ่วนเอ๋อ ก็มากพอทำชายชราตกใจยกใหญ่เช่นกัน
แต่เพราะได้รับทราบความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนก่อน เช่นนั้นแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรอีกต่อไป
“ผู้อาวุโส รบกวนท่านช่วยบอกรายละเอียดในแดนสวรรค์ใต้ระดับสูงให้ข้ารู้ที”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามชายชราด้วยความสนใจ ในเมื่อมีผู้รู้อยู่เบื้องหน้าให้ถาม เขาก็คร้านไปหาเองให้เหนื่อย
“แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายชราก็ค่อยๆกล่าวอธิบายรายละเอียดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงให้ต้วนหลิงเทียนฟังอย่างอดทน
แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั้น มันต่างจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางและแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำโดยสิ้นเชิง เพราะมันมีไว้สำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในแดนสวรรค์ใต้
กล่าวได้ว่าใครก็ตามที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้ ขอเพียงมีจานค่ายกลเฉพาะสำหรับเคลื่อนย้ายเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็สามารถเข้าไปแข่งขันช่วงชิงได้ทุกเวลา
แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็มีตารางจัดอันดับเช่นกัน
ทว่าตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไม่ได้สรุปผลคะแนนและล้างใหม่ทุกเดือน แต่จะทำการสรุปคะแนนและล้างใหม่ทุกปี
“หลังจากเจ้าเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ตัวเจ้าจะไปปรากฏตัวในเขตปลอดภัยเสมอ…และในเขตปลอดภัยนั้นห้ามมิให้ผู้ใดสู้กันโดยเด็ดขาด หากผู้ใดหาญกล้าลงมือ จะถูกค่ายกลสังหารในเขตปลอดภัยพิฆาตทันที”
“และไม่ว่าจะเป็นราชาอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดพ้นความตายต่อหน้าพลังของค่ายกลสังหารในเขตปลอดภัย…”
“เพราะนั่นคือค่ายกลสังหารที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งด้วยตัวเอง”
ได้ยินคำพูดของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็ใจสั่นอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าใครก็คงจินตนาการได้ออก ว่าพลังของค่ายกลสังหารที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งด้วยตัวเองมันจะร้ายกาจขนาดไหน
“ในเขตปลอดภัย เจ้าสามารถหยิบป้ายหยกสะสมคะแนนที่มีแจกในนั้นได้ด้วยตัวเอง…จากนั้นพอหยิบป้ายหยกมาแล้วเจ้าก็ทำการสลักชื่อลงไปเสีย หลังหยดเลือดลงไปมันก็จะทำการจดจำเจ้าของทันที และจะยึดถือเจ้าเป็นเจ้าของจนถึงสิ้นปี หลังจากนั้นคะแนนสะสมในป้ายก็จะถูกนำไปและสรุปผลอันดับอย่างเป็นทางการ”
“เมื่อสรุปผลอันดับได้แล้ว ก่อนที่จะทำการล้างอันดับใหม่ ผู้ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก จะได้รับโอกาสเข้าสู่แดนแดนลับสมบัติระดับ 1 ที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้สร้างไว้”
“ในแดนลับที่ว่า มีสมบัติที่เจ้าต้องการซุกซ่อนเอาไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชัน หรือแม้แต่ชุดเกราะอมตะจอมราชัน นอกจากนั้นยังมีผลไม้อมตะและโอสถอมตะ ที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็ไม่อาจหามาให้เจ้าได้อีกด้วย”
ชายชรากล่าวเสริม “แน่นอนว่านั่นคือของรางวัลที่ 10 อันดับแรกมี ‘โอกาส’ จะได้รับเท่านั้น ส่วนจะได้หรือไม่ได้ต้องพึ่งโชควาสนาและความสามารถอีกที สำหรับอันดับที่ 11 จนถึงอันดับที่ 30 ก็จะได้รับโอกาสในการเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 2”
“จากนั้นตั้งแต่อันดับที่ 31 จนถึงอันดับที่ 100 ก็จะได้รับโอกาสในการเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3…”
“ของรางวัลที่ซุกซ่อนอยู่ในแดนลับสมบัติระดับ 2 กับแดนลับสมบัติระดับ 3 ก็ไม่ใช่ว่าจะด้อยกว่าของรางวัลที่ซุกซ่อนอยู่ในแดนลับสมบัติระดับ 1 เสมอไป…ก็แค่มันมีอันตรายมากกว่าเท่านั้น”
“โดยเฉพาะแดนลับสมบัติระดับ 3 ที่มีผู้คนเข้าไปได้ถึง 70 คน…บางครั้งเพื่อจะให้ได้มาซึ่งสมบัติที่เป็นของรางวัลสักชิ้น ยังต้องอาศัยการร่วมมือกันถึง 30 คนกว่าจะได้มา”
“ส่วนแดนลับสมบัติระดับ 1 นั้น ถึงแม้จะไปคนเดียว ตราบใดที่มีพลังฝีมือสูงพอ ก็สามารถข้ามผ่านอุปสรรคมากมายในนั้นได้”
“เป็นธรรมดาว่าหากมีแต่ผู้ที่ติด 100 อันดับแรกจะได้รับของรางวัล ก็คงไม่มากพอจะกระตุ้นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะทั้งแดนสวรรค์ใต้ให้กระตือรือร้นเรื่องเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…เพราะแค่การเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็มีโอกาสพบพานสมบัติล้ำค่าแล้ว…”
“สมบัติที่ว่าจะถูกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแบบสุ่ม บางครั้งหากเจ้าไปพบเจอสถานที่ซุกซ่อนสมบัติเพียงคนเดียวก็โชคดีไป…แต่ถ้าดันไปพบเห็นพร้อมกันกับคนอื่นและตกลงกันไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องเข่นฆ่าแย่งชิงกันเท่านั้น”
ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ ก็หยุดลงพักหนึ่งเพื่อให้ต้วนหลิงเทียนย่อยข้อมูล ก่อนที่จะเล่าสืบต่อ
“นอกจากนี้แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ยังมีจุดที่เหมือนกันกับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกอย่าง…หากเจ้าไม่อยากถูกผู้อื่นฆ่าตาย ยังสามารถเร่งทุบทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนเพื่อหลบหนีออกมาได้อีกด้วย”
“สถานที่ๆเจ้าจะถูกส่งตัวออกมา ก็คือสถานที่ๆเจ้าเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง”
“หากเจ้าอยากออกมาพักแต่ไม่อยากทุบทำลายป้ายหยกเพื่อสละสิทธิ์ในปีนั้น ก็สามารถเดินทางย้อนกลับไปยังเขตปลอดภัย แล้วใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นั่นส่งตัวออกมา แน่นอนว่าจะถูกส่งออกมายังจุดเดียวกับที่เจ้าเข้าไปเช่นกัน”
ชายชราพยายามกล่าวแนะนำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มันจะแนะนำได้ให้ต้วนหลิงเทียนฟังทั้งหมด
ตอนที่ 3,191 : แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง
30 ปี ทะลวงผ่านจากราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปยังราชาอมตะ 3 ศักดิ์ ในสายตาของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนับว่ารวดเร็วมากแล้ว…
อย่างไรก็ตาม ในสายตาต้วนหลิงเทียน มันเชื่องช้าเหลือเกิน…
‘ข้ามีทรัพยากรบ่มเพาะมากมายที่ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวจัดหามาให้ แต่ 30 ปีข้ากลับบรรลุถึงแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์…’
‘หากด่านพลังข้าก้าวหน้าในอัตรานี้…ไม่ใช่กว่าข้าจะทะลวงถึงราชาอมตะ 9 ตำหนัก ไม่พ้นต้องกินเวลาไปอย่างน้อย 200 ปีรึไง?’
‘แถมนี่ยังเป็นแค่ขอบเขตราชาอมตะเท่านั้น’
‘พอทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะแล้ว กว่าจะยกระดับพลังได้สักขั้นต้องยากเย็นกว่านี้แน่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงด่านพลังจักรพรรดิอมตะเลย…’
‘และต่อให้บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ กระทั่งให้เป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ ก็ไม่ใช่ว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ ทว่าต่อหน้าคนของระนาบเทพ จักรพรรดิสววรรค์ยังไม่อาจนับเป็นตัวอะไร พลังระดับนั้นคงไม่พอจะช่วยทุกคนได้แน่นอน…’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนสองบ่าหนักอึ้ง แรงกดดันมหาศาลโถมถันกดทับจนเขาหายใจแทบไม่ออก
หากเขามีเวลาอีก 10,000 ปี เขาคงไม่รู้สึกหนักหนาอะไร แต่ทว่าตอนนี้เขาเหลือเวลาอีกแค่ 900 ปีเท่านั้น
เวลา 900 ปีมันน้อยเกินไป
เพราะเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงคิดจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง เพราะในนั้นมีโอกาสที่จะทำให้เขาก้าวหน้าเร็วขึ้น!
‘ในแดนสวรรค์ใต้ยังมีโอกาสและโชควาสนา ที่ข้าสามารถฉกฉวยได้อยู่…’
หลายปีก่อน ต้วนหลิงเทียนก็เคยได้ยินจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยกล่าวถึงเรื่องนี้มาแล้ว ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมีทรัพยากรที่กระทั่งคฤหาสน์เฉวียนโยวยังหามามอบให้เขาไม่ได้
เพราะเหตุนี้เอง ถึงด่านพลังเขาจะไม่ถึงกำหนดที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยจะให้ไปเข้าร่วมตระกูลซูหนึ่งใน 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลัก แต่เขาก็คิดจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก่อน…
และถึงตอนนี้ด่านพลังของเขาจะยังพึ่งบรรลุถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์ ทว่าเขากลับสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ คิดจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็ถือว่ามีพลังมากพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้จะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงตัวคนเดียว…
…
“อยู่ด้านในเจ้าต้องระวังให้มาก…หากเห็นท่าไม่ดีก็ให้รีบบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนแล้วหนีออกมาเสีย”
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็กล่าวเตือนพวกเขาเสียงเข้มอีกรอบ
“ทราบแล้วผู้อาวุโส”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ จากนั้นก็พาฮ่วนเอ๋อเดินเข้าวงอาคมของจานค่ายกลทันที เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง
เนื่องจากจานค่ายกลเฉพาะสำหรับเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณ ถูกใช้ในสวนด้านหลังของวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย เช่นนั้นไม่ว่าจะใช้ค่ายกลในเขตปลอดภัยเพื่อกลับมา หรือทำลายป้ายหยกประจำตัวเพื่อหลบหนี ก็จะถูกส่งออกมาที่นี่…
เมื่อเดินเข้ามาในวงอาคม ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนเบื้องหน้ากลายเป็นมืดดำครู่หนึ่ง จากนั้นพอเห็นอีกทีต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเขากับฮ่วนเอ๋อมาปรากฏตัวบนแท่นศิลาแท่นหนึ่ง
และรอบๆก็มีแท่นศิลาเหมือนที่เขายืนอยู่มากมาย
“ช่างเป็นสตรีที่งดงามนัก!”
และต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อปรากฏตัวขึ้นได้ไม่ทันไร ก็มีราชาอมตะหลายคนที่พึ่งเคลื่อนย้ายเข้ามา มองจ้องไปที่ฮ่วนเอ๋อด้วยตาเป็นประกาย
รูปโฉมฮ่วนเอ๋อนับว่างามล้ำถึงขั้นไร้คู่เปรียบ เรียกว่าใต้หลายากพบพานสตรีเช่นนางเป็นคนที่ 2 เช่นนั้นสำหรับบุรุษทุกคนแล้ว นับว่าปลุกความสนใจได้เป็นอย่างดี
“แม่นางแสนงาม ข้านายน้อยคือ ‘หงม่านฉิว’ แห่งตระกูลหง 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่แห่งแดนสวรรค์ใต้…มีคำกล่าวที่ว่า นกดีเลือกไม้งามทำรัง มิทราบแม่นางสนใจสลัดไอ้หนุ่มหน้าขาวนั่น แล้วมาเสพย์สุขกับข้านายน้อยหรือไม่?”
ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ก้าวอาดๆออกมามองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อไม่ได้สนใจอะไรมันเลย
สายตาของฮ่วนเอ่ออยู่ที่ต้วนหลิงเทียนตลอด และยามนางมองต้วนหลิงเทียน แก้มงามก็คลี่ยิ้มสดใสปานบุปผาเบ่งบาน ดูงดงามยากหาใดเปรียบ
รอยยิ้มของนางยิ่งทำให้บุรุษโดยรอบใจลอยกันยกใหญ่
หลังจากนั้นก็มีผู้ที่มั่นใจในหน้าตาและฐานะตัวเอง ก้าวเข้ามาทักทายหมายทำความรู้จักฮ่วนเอ๋อมากมาย ทว่าฮ่วนเอ๋อก็ไม่สนใจใยดีใครเลย ไม่แม้แต่จะเหลือบมองด้วยซ้ำ…
ทำให้หลายๆคนเริ่มหันไปมองเขม่นต้วนหลิงเทียนแทน
“ไอ้หนูหน้าขาว เจ้าเป็นผู้ใดมาจากไหนกันหา? แล้วคนงามข้างกายเจ้าเป็นผู้ใด ไฉนนางถึงมาอยู่กับเจ้าได้?!”
“ไอ้หนู คนเราต้องครอบครองสิ่งที่เหมาะสมกับตัว ข้าคือศิษย์หลักของนิกายอมตะวิถีวายุอัสนี 1 ใน 5นิกายหลักแห่งแดนสวรรค์ใต้ ไม่ทราบเจ้าเป็นผู้ใด!?”
…
หลายคนเริ่มมองต้วนหลิงเทียน ทั้งกล่าวถามออกมาว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใครกันยกใหญ่ หลายคนยังชักสีหน้าเขม่นต้วนหลิงเทียน ทำราวกับเขาไปฆ่าบิดาฉุดภรรยาของพวกมันมา
เป็นธรรมดาว่าพวกมันไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนมาก่อน และต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้จักพวกมันสักคน
เหตุไฉนที่พวกมันถึงเข้ามาทัก ทั้งมองเขม่นต้วนหลิงเทียนแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างกายเขาทั้งสิ้น
“พวกปัญญาอ่อน!”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองผู้คนรอบๆที่มาตอแยเขาเพราะฮ่วนเอ๋อด้วยสายตารำคาญ มุมปากยกยิ้มแสยะรังเกียจ กล่าวคำออกมา 4 พยางค์อย่างไม่รีบไม่ร้อน
และวาจา 4 พยางค์ดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากแหย่รังแตนแม้แต่น้อย เรียกว่าสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้คนถ้วนหน้า!
“ปัญญาอ่อนเจ้าว่าผู้ใด!? ไอ้หนูเจ้าปากดีเช่นนี้ แน่จริงตอนเจ้าออกจากเขตปลอดภัย ก็อย่าได้เปิดใช้อาคมล่องหนที่ใช้ได้ครั้งเดียวในป้ายประจำตัวเล่า!!”
ชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนีเมื่อครู่ ถลึงตามองพลางตะคอกคำใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง
ในเขตปลอดภัยย่อมไม่มีใครหาญกล้าลงมือทำอะไรทั้งสิ้น เพราะทันทีที่ลงมือ จะถูกพลังของค่ายกลสังหารที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งเอาไว้พิฆาตในชั่วพริบตา
ดังนั้นต่อให้จะมีใครหลายๆคนหัวเสียที่ถูกต้วนหลิงเทียนว่ากระทบ ก็ไม่มีใครกล้าลงมือลงไม้ทำอะไร
ทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม ทันทีที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเป็นครั้งแรก เมื่อไปรับป้ายหยกประจำตัวมา และหลังจากสลักชื่อทั้งหยดเลือดแล้วไม่เพียงแต่ป้ายนั่นจะทำหน้าที่เป็นป้ายหยกสะสมคะแนนกับไว้ทุบทำลายเพื่อหลบหนีเท่านั้น มันยังสามารถใช้อาคมล่องหนที่แฝงอยู่ในป้ายได้ครั้งหนึ่ง
หากกระตุ้นใช้อาคมล่องหนที่อยู่ในป้าย ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ได้เลย และส่วนใหญ่ผู้คนก็เลือกจะใช้มัน ตอนเดินทางออกจากเขตปลอดภัย
เนื่องเพราะอาคมล่องหนที่ว่า สามารถเปิดใช้ได้ในเขตปลอดภัยเท่านั้น ไม่อาจเปิดใช้นอกเขตปลอดภัยได้
ด้วยเหตุนี้ยามต่อสู้ช่วงชิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง หากคิดจะหลบหนีเอาชีวิตรอดก็มีแต่ต้องทำลายป้ายประจำตัวทิ้ง หรือไม่ก็ใช้กำลังบุกฝ่าเข้ามายังจุดปลอดภัยเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเท่านั้น
และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถบุกฝ่ากลับมาใช้ค่ายยกลเคลื่อนย้ายได้
เพราะบริเวณใกล้ๆเขตปลอดภัยทุกจุด จะมีผู้คนที่ซุ่มดักรอคนที่คิดจะกลับออกไปจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเสมอ…
และหลังจากศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนีกล่าวท้าต้วนหลิงเทียน ก็มีบุรุษอีกหลายคนที่หมายปองฮ่วนเอ๋อและหมั่นไส้ต้วนหลิงเทียน ก้าวออกมากล่าวท้าต้วนหลิงเทียนกันใหญ่
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใส่ใจพวกมันแม้แต่น้อย ก้าวอาดๆพาฮ่วนเอ๋อไปยังชั้นศิลาที่ตั้งอยู่ไม่ไกล และหยิบป้ายหยกที่มีแจกไว้ขึ้นมา 2 ป้าย
ป้ายหยกดังกล่าวสามารถสลักชื่อลงไปได้ตามใจ เรียกว่าจะใช้ชื่อแซ่ที่แท้จริงหรือชื่อปลอม กระทั่งนามแฝงก็ได้ทั้งนั้น
“ต้วนหลิงเทียน”
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะใช้นามแฝงอะไร เลือกจะใช้ปลายนิ้วสลักชื่อตัวเองลงไปบนป้ายหยก
ฮ่วนเอ๋อที่รับบ้ายไป ก็สลักชื่อฮ่วนเอ๋อลงไปเช่นกัน
และถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะไม่มีผู้ใดสอนให้เขียนอ่าน แต่นางก็ได้รับความทรงจำที่สืบทอดจากมรดกความทรงงจำของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ทำให้นางรู้เรื่องราวพื้นฐานพวกนี้ดี โดยไม่ต้องให้ใครสอน
ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ทำการหยดเลือดลงบนตัวป้าย เพื่อให้มันจดจำเจ้าของ จากนั้นทั้งคู่ก็สัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างป้ายกับตัวเอง
“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักฮ่วนเอ๋อ ก่อนที่จะเหินร่างหมายออกนอกเขตปลอดภัย
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้มีเขตปลอดภัยกี่แห่งกันแน่ ที่สำคัญทุกครั้งที่เข้ามา ก็ไม่แน่ว่าจะปรากฏตัวในเขตปลอดภัยที่เดิมเสมอไป
อย่างไรก็ตาม หากท่านคิดจะออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงล่ะก็ ท่านจำต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของเขตปลอดภัยที่ท่านปรากฏตัวตอนเข้ามา
เช่นเดียวกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อ หากอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจนเบื่อหรือมีธุระต้องออกไปด้านนอก จึงอยากใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อกลับไปยังวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยล่ะก็ จำต้องย้อนกลับมาที่เขตปลอดภัยแห่งนี้
หาไม่แล้วก็มีแต่ต้องทำลายป้ายหยกประจำตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อทำลายป้ายหยกประจำตัวไปแล้ว คะแนนสะสมในป้ายก็จะหายไปหมดสิ้น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนพึ่งเข้ามาใหม่เลย…
“หืม?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเหินร่างออกจากเขตปลอดภัย ทั้งคู่ก็ไม่ได้ใช้อาคมล่องหนที่ใช้ได้ครั้งเดียวในป้าย กลับเหินร่างออกไปตรงๆต่อหน้าต่อตาทุกคน
เห็นฉากดังกล่าว ก็ทำให้ผู้คนในเขตปลอดภัยยอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอยู่บ้าง
“เจ้าสองคนหน้าใหม่นั่น…มันหาญกล้าขนาดนี้เชียว?”
“ปกติแล้วในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ผู้ที่จะออกจากเขตปลอดภัยโต้งๆเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นราชาอมตะชนชั้นยอดฝีมือมิใช่หรือไร?”
“หรือพวกมันทั้งคู่ ก็เป็นยอดฝีมือด้วย?”
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมีสตรีที่งดงามเช่นนั้นนอยู่ด้วย…อาศัยรูปโฉมนั่นของนาง หากนางบอกว่าตัวเองเป็นที่ 2 ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครในแดนสวรรค์ใต้กล้าพูดว่าเป็นที่ 1! และจากลักษณะแล้ว นางมิใช่ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายอมตะร้อยบุปผา โอวหยางอวี่เวย ที่ลือกันว่าเป็นโฉมงามอันดับ 1 แห่งแดนสวรรค์ใต้คนนั้นแน่”
“พี่ชายท่านนี้กล่าวถูกแล้ว นางมิใช่แม่นางโอวหยางอวี่เวยจริงๆ เพราะข้าเคยเห็นแม่นางโอวหางอวี่เวยมาครั้งหนึ่ง…และข้าขอกล่าวไว้ตรงนี้เลย ว่าแม่นางผู้นี้งดงามยิ่งกว่าแม่นางโอวหยางอวี่เวยเสียอีก! ตอนยังไม่เห็นนาง ข้าก็คิดว่าแม่นางโอวหยางอวี่เวยงดงามเลิศภพจบแดน แต่มาวันนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวข้ายังเห็นโลกไม่พอ…”
“คนแปลกหน้า 2 คน…กล้าออกจากเขตปลอดภัยแบบโจ่งแจ้ง นี่พวกมันไม่กลัวถูกจัดการเอาง่ายๆหรือไร?”
“เฮ่อ คนที่มั่นใจในตัวเองก็เช่นนี้ล่ะ หากเจ้าพลังฝีมือสูงถึงขั้น ไหนเลยต้องหวาดกลัวอันใดด้วย”
“ที่สำคัญเคล็ดวิชาปกปิดพลังของทั้งคู่ก็เลิศล้ำนัก ข้ามิอาจตรวจสอบพลังฝึกปรือของพวกมันได้เลย…”
…
ท่ามกลางสายตาที่มองจ้องมาด้วยความประหลาดใจหลายต่อหลายคู่ในเขตปลอดภัย ในที่สุดต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เหินร่างตัวปลิวออกจากเขตปลอดภัยไปเรียบร้อย
เขตปลอดภัยที่ว่า ก็เหมือนเกาะลอยขนาดมหึมาที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า
และสภาพแวดล้อมโดยรอบๆ ก็ค่อนข้างมืดมนทั้งอึมครึมนัก
เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็พบเห็นแต่แผ่นฟ้าอันมืดมน และผืนดินสีแดงฉานปานจะถูกชะย้อมไปด้วยโลหิต
‘แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…เอาแค่สภาพแวดล้อมก็ไม่ใช่อะไรที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะเทียบได้แล้ว แถมเห็นว่าขนาดยังกว้างใหญ่ไพศาลกว่ากันหลายร้อยเท่า ไม่รู้จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ใช้เวลาสร้างนานเท่าไหร่กันแน่ ที่รู้ๆคือมันต้องลงทุนลงแรงไปไม่น้อย…’
ถึงแม้ฉากในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะเสมือนทำมาให้ผู้คนเข่นฆ่ากันโดยเฉพาะ แต่เรียกว่ายังด้อยกว่าที่นี่มาก!
ในนี้แค่อยู่เฉยๆไม่ได้ไปไหนหรือทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันในบรรยากาศประการหนึ่ง
แรงกดดันที่ว่าเป็นกลิ่นอายบางงประการที่เสมือนจะปลุกเร้าอารมณ์ผู้คนให้ลุกฮือออกไปเข่นฆ่า ทำให้ผู้คนรู้สึกเสมือนตัวเองอยู่ในสนามรบโบราณทำนองนั้น
ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็พาฮ่วนเอ๋อเหินร่างออกห่างเขตปลอดภัยมาได้สักพัก เรียกว่าหากคิดจะย้อนกลับไปตอนนี้ ก็ต้องมีหลายสิบลมหายใจ
“ฮ่วนเอ๋อ ดูเหมือนพวกเราจะถูกล้อมแล้วล่ะ…”
อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่เริ่มเหินร่างพ้นเขตปลอดภัยออกมา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะมากมายที่แผ่มาเพ่งเล็งบนร่างเขา
ในบรรดาสำนึกเทวะเหล่านั้น มีทั้งที่มาจากคนในเขตปลอดภัยเอง รวมถึงคนที่ซุ่มซ่อนอยู่นอกเขตปลอดภัยแต่แรก
แต่จนบัดนี้พวกมันก็ยังไม่ลงมือ เห็นได้ชัดว่าจะในเขตปลอดภัยก็ดี หรือคนที่ซุ่มซ่อนนอกเขตปลอดภัยก็ดี ล้วนเฝ้ารอให้เหยื่อออกห่างจากเขตปลอดภัยก่อนถึงจะลงมือ
อีกอย่างก็เป็นเพราะไม่มีใครสามารถตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อได้เลย
“หืม? สตรีนางนั้น…ดูเหมือนจะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!”
ท่ามกลางความมืดมิดนอกเขตปลอดภัย ร่าง 3 ร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เป็นชายหนุ่มหนึ่งในนั้นที่กำลังมองจ้องฮ่วนเอ๋อไม่วางตา กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ “แถมสตรีนางนั้น…เป็นสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาชั่วชีวิตจริงๆ”
“นางอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ…”
“ให้ตายเถอะ ยังเยาว์ถึงเพียงนี้…”
และพออีก 2 คนได้ยินเสียงพึมพำของชายหนุ่มดังกล่าว พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและเร่งตรวจสอบทันที
“หึ!”
ทันใดนั้นเอง พร้อมๆกับที่เสียงพ่นลมสบถเยียบเย็นดังขึ้น พลันปรากฏร่างหนึ่งวูบมาขวางหน้าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเอาไว้!
“เจ้านั่น…ศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี จวินวั่งเฉิน”
หลายคนที่ซ่อนตัวในความมืด มองไปปราดเดียวก็สามารถจดจำร่างที่โผล่มาขวางต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อได้ทันที…
WSSTH ตอนที่ 3,192 : ฮ่วนเอ๋อลงมือ!
นิกายวิถีวายุอัสนี เป็น 1 ใน 5 นิกายหลักของแดนสวรรค์ใต้ และจัดเป็นขุมกำลังระดับ 5 ของระนาบเทวโลก
ศิษย์หลักของนิกายหลักทั้ง 5 ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นอัจฉริยะทั้งสิ้น ปกติแล้วพวกมันจะเป็นราชาอมตะที่มีอายุไม่ถึง 2,000 ปี
จวินวั่งเฉิน ศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนีคนนี้ ก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศที่พึ่งจะมีอายุแค่พันกว่าปีเท่านั้น และมันก็สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองได้ครบทั้ง 9 ประการแล้ว
ถึงแม้ว่าความลึกซึ้งที่มันเข้าใจ จะล้วนเป็นขั้นตอนเบื้องต้นทั้งหมด ไม่มีความลึกซึ้งประการใดที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอยู่เลย แต่พลังฝีมือของมันก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะมองข้ามได้ง่ายๆ
อย่างน้อยๆในบรรดาผู้คนที่ซ่อนตัวรอลงมือกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อทั้งหลาย ก็มีไม่น้อยที่อ่อนด้อยกว่าจวินวั่งเฉิน และไม่กล้าออกไปสอดแทรกอะไร
“ไอ้หนู ข้าล่ะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะหาญกล้าถึงขั้นไม่เปิดใช้อาคมล่องหนในป้ายหยกประจำตัวจริงๆ!”
จวินวั่งเฉินที่ปรากฏตัวออกมาขวางทางต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ มุมปากยังยกยิ้มแสยะเยียบเย็น
อันที่จริง มันจะไม่เปิดใช้อาคมล่องหนออกจากเขตปลอดภัยก็ได้
แต่มันกลัวถูกต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อพบเจอและอีกฝ่ายเลือกจะย้อนกลับเข้ามาในเขตปลอดภัย มันจึงเปิดใช้อาคมล่องหนตั้งแต่ตอนอยู่ในเขตปลอดภัย และเหินร่างติดตามต้วนหลิงเทียนมาถึงที่นี่
และในระหว่างที่ใช้อาคมล่องหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือจู่โจมใส่ผู้อื่น เพราะขณะเปิดใช้อาคมล่องหน รอบกายผู้ใช้จะปรากฏม่านพลังที่ทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นและไม่อาจตรวจสอบใดๆได้ แต่นั่นก็จะจำกัดไม่ให้ผู้ใช้อาคมล่องหนลอบโจมตีคนอื่นหรือถูกโจมตีได้ด้วย
อีกทั้งต่อให้จะผู้ใช้จะยกเลิกอาคมล่องหน ก็ไม่ใช่ว่าจะลงมือจู่โจมได้ทันที เพราะม่านพลังดังกล่าวจะคงอยู่ต่ออีก 3 ลมหายใจ
ในห้วงเวลา 3 ลมหายใจดังกล่าว ตัวตนของผู้ใช้จะถูกเปิดเผยออกมา แต่ทว่าม่านพลังที่ปิดกั้นการโจมตียังคงอยู่ ทำให้ไม่อาจฉวยโอกาสจู่โจมอัศจรรย์ทั้งโดนใครเล่นงานได้ทั้งสิ้น
ม่านพลังปิดกั้นดังกล่าว ถือเป็นม่านพลังที่ทรงพลังมาก
หากเป็นป้ายหยกธรรมดาๆ ย่อมไม่มีทางบรรจุอาคมที่ทรงพลังขนาดนี้ไว้ได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามป้ายหยกประจำตัวที่ทุกคนได้รับแจกนั้น จะเชื่อมโยงกับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงในระดับหนึ่ง จึงทำให้ใช้อาคมอันทรงพลังระดับนั้นได้
“แล้วทำไมข้าถึงจะไม่กล้าล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย เขายังจดจำได้ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นหนึ่งในคนที่กล่าววาจาท้าทายเขา ตอนที่ยังอยู่ในเขตปลอดภัยก่อนหน้านี้
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะประกาศตัวว่าเป็นศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี และชื่อจวินๆอะไรสักอย่าง…
“ไอ้หนู จดจำไว้ให้ดี…คนที่ฆ่าเจ้าก็คือ จวินวั่งเฉิน ศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนี! และวันนี้ข้าจักให้แม่นางแสนงามข้างกายเจ้าได้รับรู้ ว่าคนอ่อนแอเช่นเจ้าไม่คู่ควรกับนาง!!”
ในขณะที่จวินวั่งเฉินเร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาผสานรวมกับพลังธาตุทอง พร้อมประกาศคำอย่างถือดีใส่ต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่วายเหลือบไปมองฮ่วนเอ๋อข้างกายต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามมันพบว่าแต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อไม่แม้แต่จะแยแสมันเลย!
จังหวะนี้มันรู้สึกหัวร้อนนัก!
จากนั้นมันจึงเลือกจะเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่ต้วนหลิงเทียน แววตาที่ใช้มองจ้องต้วนหลิงเทียน จึงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต!
“ไอ้หนูหน้าขาว! ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางบัดเดี๋ยวนี้!!”
สิ้นคำกล่าว จวินวั่งเฉินก็ลงมือฉับไว กระบี่เล่มหนึ่งผุดโผล่จากความว่าง พลางรับมาถ่ายทอดพลังวาบหนึ่งจนตัวกระบี่เปล่งแสงทองสว่างจ้า จากนั้นมันก็ตวัดฟันซัดคลื่นสะบั้นสีทองเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต!!
“กระบี่จอมราชันรึ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่ที่เปล่งแสงทองสว่างจ้าในมือจวินวั่งเฉิน ต้วนหลิงเทียนก็ยักคิ้วข้างหนึ่ง เพราะเขาตระหนักได้ว่ากระบี่ในมืออีกฝ่ายเป็นกระบี่อมตะระดับจอมราชัน
“ไอ้หนุ่มชุดม่วงนั่นตายแน่!”
“ถึงจวินวั่งเฉินจะนับเป็นศิษย์หลักที่ค่อนข้างอ่อนด้อยของนิกายวิถีวายุอัสนี แต่พลังฝีมือของมันก็ไม่นับว่าต่ำทรามในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้!”
“จริง ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…มีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ ที่สามารถเอาชนะจวินวั่งเฉินได้ มันจะถือดีทำราวกับผู้อื่นเป็นสัดใส่ข้าวใช้การไม่ได้กันหมดเช่นนี้ก็นับว่าไม่แปลกอะไร”
“เฮ่อ จวินวั่งเฉินนั่นอย่างไรมันก็ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกทุกปี…พลังฝีมือมันมีเท่าไหร่ ร้ายกาจแค่ไหนทุกคนก็รู้ดี”
…
เมื่อจวินวั่งเฉินป้อนกระบวนท่าหมายฆ่าต้วนหลิงเทียน คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ดี ผู้ที่ใช้อาคมล่องหนอยู่ก็ดี ล้วนคิดว่าสิบในสิบต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกจวินวั่งเฉินฆ่าทิ้งแน่นอน!
เพราะในสายตาพวกมัน ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่หน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก!
“กล้าคิดร้ายกับพี่หลิงเทียน…ตาย!!”
ในขณะที่คลื่นกระบี่สีทองของจวินวั่งเฉินพุ่งตัดระยะเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนได้เกือบครึ่งทาง เสียงเย็นชาทว่ารื่นหูหนึ่ง พลันดังขึ้นกึกก้อง!
เป็นฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างๆกายต้วนหลิงเทียนที่โพล่งคำออกมาอย่างดุดัน!
และหากใครจับตามองนางอยู่แต่แรกจะพบว่า สายตาอ่อนโยนของฮ่วนเอ๋อที่ใช้มองจ้องต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า บัดนี้พอหันกลับมามองจ้องจวินวั่งเฉินที่กำลังเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน มันช่างเย็นชาเหลือเกิน…ราวกับแค่มองก็จะแช่แข็งผู้คนได้!!
พริบตาต่อมา
วูบ!
ร่างฮ่วนเอ๋อวูบไปปรากฏระหว่างคลื่นกระบี่สีทองกับต้วนหลิงเทียนทันที! จากนั้นพลังเซียนอมตะอันผสานกับพลังธาตุมิติของนางก็ระเบิดกลิ่นอายออกมา!!
“ราชาอมตะ 6 ผสาน!?”
“อันใดกัน! โฉมงามไร้คู่เปรียบนางนี้….เป็นราชาอมตะ 6 ผสานงั้นรึ!?”
“บ้าน่า…ต้องทราบด้วยว่านาง…นางยังอายุไม่ถึงร้อยปี! โอทวยเทพ! ราชาอมตะ 6 ผสานอายุไม่ถึงร้อย!? อัจฉริยะปีศาจเช่นนางมาจากที่ใดกัน!?”
“ให้ตายเถอะ…นางยังอายุไม่ถึงร้อยจริงๆ!!”
…
วินาทีแรกที่ฮ่วนเอ๋อลงมือจนกลิ่นอายพลังปะทุออกมา ก็ทำให้ทุกคนตระหนักได้ทันทีว่าระดับพลังบ่มเพาะของนางงคือราชาอมตะ 6 ผสาน ซึ่งไม่น่าจะสู้กับจวินวั่งเฉินได้แน่นอน
ทว่าครู่ต่อมา เมื่อพวกมันบางคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดเนื้อของฮ่วนเอ๋อ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกตะลึงกันยกใหญ่
“แถมกฏที่นางเข้าใจ…คือกฏมิติ!”
นอกจากนั้นก็มีหลายคนที่ค้นพบเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของฮ่วนเอ๋อก็ได้ผสานรวมกับพลังธาตุมิติชัดเจน ยังเห็นนางใช้เคลื่อนมิติต่อหน้าต่อตาอีกด้วย
“ราชาอมตะ 6 ผสาน?”
ตอนที่จวินวั่งเฉินเห็นว่าฮ่วนเอ๋อวูร่างมาบังขวางให้ต้วนหลิงเทียน คิ้วมันก็ขดย่นเป็นปม แต่พอพบว่าฮ่วนเอ๋อมีระดับพลังฝึกปรือขั้นไหน มันก็แสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง!
ราชาอมตะ 6 ผสาน ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับมัน!
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังจะหยอกล้ออะไรกับอีกฝ่ายก็ได้!
ทว่าในขณะที่มันกำลังคิดว่าฮ่วนเอ๋อเป็นดั่งพลับสุกนั้น ดวงตาที่มันใช้มองฮ่วนเอ๋อก็หดเล็กลงทันใด
เพราะจวินวั่งเฉินพลันพบว่า ความว่างเปล่ารอบๆกายมัน อยู่ๆก็คล้ายถูกแช่แข็ง ราวกับห้วงมิติถูกผนึก!!
“ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติงั้นรึ? แล้วจะอย่างไร…ด้วยพลังของข้า กับอีแค่ทำลายกรงมิติของราชาอมตะ 6 ผสานมันจะไปยากอะไร!!”
เพียงห้วงคิด คลื่นกระบี่สีทองที่จวินวั่งเฉินตวัดฟันออกไป ก็ทอแสงจ้ามากกว่าเดิม มันจ่ายพลังไปหนุนเนืองหมายจะฟันผ่าห้วงมิติกักกันในคราวเดียว!
ครืนนน!!
อย่างไรก็ตามในขณะที่จวินวั่งเฉินเร่งเร้าพลังคลื่นกระบี่ มันก็พบว่าห้วงมิติโดยรอบคล้ายแฝงพลังเคี่ยวกรำทำลายเข้ามาทุกทิศทาง! เป็นพลังจากความลึกซึ้งบิดเบือนที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้น และคิดจะทำลายคลื่นกระบี่ของมัน!!
ทว่าสุดท้ายแล้วพลังจากความลึกซึ้งบิดเบือนก็ทำได้แค่บันทอนพลังทำลายในคลื่นกระบี่มันไปเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น!
ปงงงง!!
เมื่อคลื่นกระบี่ปะทะเข้ากับห้วงมิติกักกัน เสียงพลังก็ระเบิดขึ้นดังงสนั่น ห้วงมิติเริ่มสั่นไหวสะท้าน หากทว่ามันสามารถต้านทานคลื่นกระบี่สีทองเอาไว้ได้ ไม่ถูกทะลวงฝ่าออกไป!
“เป็นไปได้ยังไง!?”
ลูกตาจวินวั่งเฉินหยีลงแทบปิด สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ‘อาศัยแค่พลังจากราชาอมตะ 6 ผสาน ความลึกซึ้งกักกันนั่น ย่อมไม่มีทางหยุดยั้งคลื่นกระบี่ของข้าได้…’
‘เว้นเสียแต่…’
‘ความลึกซึ้งกักกันของงนาง บรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว!!’
ขณะที่จวินวั่งเฉินฉุกคิดถึงเรื่องนี้ได้ออก ทางด้านเหล่าผู้ที่มุงชมเรื่องราวกันอยู่ก็ฉุกคิดได้เช่นกัน และนั่นทำให้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัวเฮือกหนึ่ง! มองฮ่วนเอ๋อใหม่อีกครั้ง ในแววตาของพวกมันเริ่มฉายความหวั่นหวาดให้เห็น…
ลำพังแค่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานได้ทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 100 ปีก็ทำให้พวกมันหวาดกลัวแล้ว
มาตอนนี้ราชาอมตะ 6 ผสานอายุไม่ถึงร้อย ยังสามารถเข้าใจความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีก!?
วู้มมม!!
ทันทีที่จวินวั่งเฉินตระหนักได้ว่าความลึกซึ้งกักกันที่ฮ่วนเอ๋อใช้ออกบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย สีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที จากนั้นมันก็เริ่มเร่งเร้าพลังถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่เต็มกำลัง ก่อนจะตวัดฟันออกไปอีกครา!
และคราวนี้กรงมิติอันมองไม่เห็นที่ผนึกกัก ก็ถูกคลื่นกระบี่ผ่าทำลายได้สำเร็จ!
จะอย่างไรด่านพลังของมันก็คือราชาอมตะ 10 ทิศ เหนือกว่าพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อถึง 4 ขั้น!
อย่างไรก็ตามคลื่นกระบี่ของมันพึ่งจะทำลายฝ่ากรงมิติได้ไม่ทันไร ถึงขั้นไม่มีเวลาให้มันดีใจอะไรด้วยซ้ำ ร่างบางก็วูบมาปรากฏเบื้องหน้าของมันแล้ว!!
ร่างบางดังกล่าวก็คือฮ่วนเอ๋อนั่นเอง!!
ด้วยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ จึงไม่แปลกอะไรที่ฮ่วนเอ๋อจะวูบร่างมาปรากฏเบื้องหน้าจวินวั่งเฉินได้ในฉับพลัน และพอวูบร่ามาถึง นางก็สะบัดมือออกไปทางจวินวั่งเฉินอย่างไม่รอช้า!
พริบตาต่อมา!
เปรียะ!
เปรียะ! เปรียะ!
ท่ามกลางความว่างเปล่ารอบกายจวินวั่งเฉิน พลันปรากฏรอยแยกมิติ 3 รอย ตำแหน่งปานจุดยอด 3 เหลี่ยม ล้อมกักร่างจวินวั่งเฉินเอาไว้ตรงกลาง
และไม่ทันที่จวินวั่งเฉินจะได้ตอบสนองเรื่องราว ก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทาพุ่งเข่นฆ่าสังหารออกมาจากรอยแยกมิติทั้ง 3 ฉับไว!!
คมมีดมิติแต่ละเล่ม เปี่ยมล้นไปด้วยพลังสังหารอันน่าพรั่นพรึงนัก! กลุ้มรุมสังหารเข้าใสจวินวั่งเฉินอย่างอำมหิต!!
ปกติแล้วจวินวั่งเฉินสมควรเร่งเร้าพลังทำลายคมมีดมิติทั้ง 3 ได้ไม่ยากเย็น ไม่มีทางตกอยูในสภาวะอื้ออึงแบบนี้ แต่เพราะมันพึ่งจะเร่งเร้าพลังทั้งหมดถ่ายทอดลงกระบี่ตวัดฟันซัดคลื่นกระบี่ออกไปเมื่อครู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะรวมรั้งพลังห้วงใหม่ได้มากพอจะทำลายคมมีดมิติทั้ง 3 ได้ทันกาล!!
จังหวะนี้มันทำได้แค่เลือกจะต้านทานเท่านั้น!!
เช่นนั้นมันจึงพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมดที่ก่อเกิดมาใช้ทักษะป้องกันทั้งหมดที่มี ทั่วร่างพลันเปล่งแสงทองสว่างเจิดจ้า จนคนคล้ายกลับกลายเป็นรูปปั้นทองคำ! ยังมีไอพลังสีทองม้วนวนปานพายุคลุมกายเอาไว้อีกชั้น ราวกับจะป้องกันได้ทุกสิ่ง!!
‘บัดซบ! ความลึกซึ้งผ่ามิติของนาง ก็เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วงั้นเหรอ!?’
ถึงแม้จะสามารถเร่งเร้าพลังใชออกด้วยกระบวนท่าป้องกันได้ทันท่วงที แต่จวินวั่งเฉินก็หาได้รู้สึกปลอดภัยไม่ กระทั่งสีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
‘หากคมมีดมิติของนางสามารถฝ่าม่านพลังรอบนอกมาได้ง่ายๆ…ข้าจะทำลายป้ายหยกประจำตัวเพื่อหนีไปทันที’
จวินวั่งเฉินเพ่งสำนึกเทวะไปยังคมมีดมิติทั้ง 3 เขม็ง เฝ้าจับตาดูความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ให้คลาดสายตา สีหน้าของมันตอนนี้เคร่งงขรึมจริงจังยิ่งกว่าครั้งใด
“สะ…สามคมมีดมิติ! ความลึกซึ้งผ่ามิติของแม่นางเลอโฉมผู้นั้น กลับบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเช่นกัน!?”
จังหวะนี้ผู้ที่รับชมเรื่องราวอยู่ รู้สึกเสมือนหัวใจจะหลุดกระดอนออกไปนอกอกให้ได้! พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าสตรีที่งดงามไร้คู่เปรียบนางนี้จะนำพาความตื่นตระหนกตกใจมาให้พวกมันครั้งใหญ่!
ที่แท้นางเป็นใครกันแน่!?
“ฮ่วนเอ๋อ ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน…”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปชี้แนะฮ่วนเอ๋อทันที เพราะแค่เขาเห็นว่าในแววตาจวินวั่งเฉินมันไร้ความกลัว เขาก็ล่วงรู้ได้ทันทีว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำลายป้ายหยกเพื่อหลบหนี!
ทว่าเขาไม่อยากให้มันหนี!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงผ่านพลังกล่าวแนะของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ฮ่วนเอ๋อที่เชื่อฟังต้วนหลิงเทียนเป็นที่สุดอาศัยหนึ่งห้วงคิด คมมีดมิติทั้ง 3 ก็ประหนึ่งวูบผ่านห้วงมิติ ไปผุดโผล่หลังม่านพลังสีทองหน้าตาเฉย และอยู่ห่างร่างจวินวั่งเฉินไม่ถึงก้าว!!
“ไม่–!!”
จังหวะนี้จวินวั่งเฉินไม่มีแม้แต่เวลาจะเรียกป้ายหยกออกมาทำลาย ทำได้แค่หวีดร้องโหยหวนด้วยความแตกตื่นเสียขวัญเท่านั้น! ก่อนที่คมมีดมิติอันถูกความลึกซึ้งส่งผ่านม่านพลังป้องกันเข้ามาจะตกกระทบร่างสีทองของมัน!!
นอกจากนั้นเงาร่างชุดเกราะที่ปรากฏขึ้นมาปานภูตผี ก็ไม่อาจต้านทานคมมีดมิติได้เลย ถูกผ่าเข้ามาได้อย่างง่ายดายปานขวานแกร่งสับลงใบไม้แห้งกรอบ!!
ซูว! ซูว! ซูว!
คมมีดมิติทั้ง 3 หลังพุ่งผ่านร่างจวินวั่งเฉินจนร่งคนขาดเป็นเสี่ยง จากนั้นก็พุ่งหายไปในความว่างเปล่าอย่างเงียบงัน ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมากอน…
ท่ามกลางสายตามากมายของผู้คนที่ซ่อนตัวชมมองเรื่องราว จวินวั่งเฉินก็ตกตายลงแต่เพียงเท่านี้…
ครู่ต่อมา หลังจากดึงสติกลับมาอยู่กับตัวได้สำเร็จ ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ “ระ…ร้ายกาจนัก! นะ…นางเป็นแค่ราชาอมตะ 6 ผสานจริงๆหรือ!?”
WSSTH ตอนที่ 3,193 : 100 อันดับแรก
จวินวั่งเฉิน จะอย่างไรก็เป็นถึงศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี ทั้งยังบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว แถมยังมีกระบี่อมตะระดับจอมราชัน รวมถึงชุดเกราะอมตะระดับจอมราชัน
อนิจจา มันกลับตกตายลงด้วยน้ำมือของโฉมสะคราญอายุไม่ถึงร้อยปีนางหนึ่ง และแต่ต้นจนจบเวลาก็พึ่งจะล่วงเลยไปไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น…
“เมื่อครู่นางสมควรใช้ความลึกซึ้งส่งผ่านของกฏมิติ เคลื่อนย้ายคมมีดมิติทั้ง 3 ผ่านห้วงมิติไปผุดโผล่ด้านหลังม่านพลังป้องกันจวินวั่งเฉิน สุดท้ายก็ทำให้จวินวั่งเฉินที่ไม่ทันตั้งตัวถูกฆ่าตาย!”
“อยู่ๆเจอแบบนี้ จวินวั่งเฉินนั่น ไหนเลยจะมีเวลาหยิบป้ายหยกออกมาบดขยี้เพื่อหลบหนีออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้ทัน…”
“จะให้โทษผู้ใดได้ เป็นมันประมาทผู้อื่นเขาเอง หากมันเลือกจะทุบทำลายป้ายหยกทิ้งตั้งแต่ตอนที่เห็นคมมีดมิติ 3 สายของแม่นางน้อยผู้นั้น มันก็รอดแล้ว!”
“ความประมาท เป็นหนทางสู่ความตายโดยแท้…”
…
เหล่าผู้คนที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในความมืด ไม่เว้นผู้ที่ใช้อาคมล่องหนอยู่ พอเห็นจวินวั่งเฉินตกตายลงอย่างโง่งม ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เพราะทุกคนรู้ดีว่าที่จวินวั่งเฉินตาย เป็นเพราะมันประมาทผู้อื่นเขาล้วนๆ…
และพอหันกลับไปมองร่างบางในชุดขาวที่ลอยล่องกลางหาวอีกครั้ง แววตาทั้งท่าทีของทุกคนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึงขัง
ถึงสตรีนางนี้จะเป็นแค่ราชาอมตะ 6 ผสาน แต่นางกลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติจนบรรลุความสำเร็จขั้นตอนเล็กน้อยได้ 2 ประการแล้ว…
ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกมันจะสังเกตเห็นได้ ว่าความลึกซึ้งผ่ามิมิตที่โฉมสะคราญเบื้องหน้าใช้จบชีวิตจวินวั่งเฉินนั้น นางเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว…
“พี่หลิงเทียน”
หลังจากที่จวินวั่งเฉินตกตาย ฮ่วนเอ๋อก็ไม่ลืมใช้พลังดูดรั้งแหวนพื้นที่ กระบี่ รวมถึงชุดเกราะอมตะของอีกฝ่ายมา จากนั้นนางก็วูบร่างกลับมาหาต้วนหลิงเทียน พลางยื่นแหวนพื้นที่ให้ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
เป็นธรรมดา กระบี่อมตะระดับจอมราชันรวมถึงชุดเกราะอมตะระดับจอมราชันนางก็มอบมาให้ต้วนหลิงเทียนด้วย
หลังรับกระบี่กับเกราะมาเก็บแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หยดเลือดผูกพันธะครองแหวนทันที
พอส่องภายในดูของในแหวน เขาก็พบภูเขาผลึกอมตะระดับสูง ยันต์อมตะทั้งโอสถอมตะมากมาย และก็มีวัตถุดิบแปลกตากองอยู่อีกมุม
‘หืม?!’
‘นี่มัน…ยันต์อมตะหลบหนี…ยันต์เงาวายุนี่?’
ในกองยันต์อมตะของแหวนพื้นที่จวินวั่งเฉิน ต้วนหลิงเทียนก็พบเจอยันต์เงาวายุ 2 แผ่น ซึ่งเป็นยันต์อมตะหลบหนีชนิดเดียวกับที่ซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่มอบให้เขาตอนนั้น
ที่สำคัญ ยันต์เงาวายุในแหวน จากกลิ่นอายพลังของมัน ก็บอกให้รู้ว่ามีระดับพอๆกับยันต์เงาวายุที่ซุนเหลียงเผิงให้เขามาใช้วันนั้น! แถมดูเหมือนจะเหนือกว่าเสียอีก!!
‘จวินวั่งเฉินผู้นี้ หากมันใช้ยันต์เงาวายุ ฮ่วนเอ๋อก็คงไล่มันไม่ทัน…แต่ก็นะ ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแบบนี้ ใครจะมาใช้ยันต์หลบหนีพวกนี้ให้เปลือง เพราะแค่ทำลายป้ายหยกก็หลบหนีไปได้ทุกเมื่อ’
‘ทั้งหมดเพราะมันประมาทเอง’
สาเหตุที่ทำให้จวินวั่งเฉินตกตาย ต้วนหลิงเทียนเห็นได้ชัดเจน
เมื่อครู่ แค่ดูจากแววตาของจวินวั่งเฉินนั่น เขาก็รู้แล้วว่ามันแบ่งรับแบ่งสู้ หมายดูก่อนว่าม่านพลังของมันจะป้องกันคมมีดมิติทั้ง 3 ของฮ่วนเอ๋อได้ไหม ถ้าม่านพลังของมันส่อแววว่าจะพังทลายลงในเวลาอันสั้น ไม่พ้นมันต้องทำลายป้ายหยกเพื่อหลบหนีไปแน่นอน
เช่นนั้นเขาจึงกล่าวแนะให้ฮ่วนเอ๋อใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน เพื่อให้คมมีดมิติเพิกเฉยม่านพลังป้องกันของจวินวั่งเฉินไปเล่นงานมันโดยตรง ฆ่ามันก่อนที่มันจะทำลายป้ายหยกหลบหนีได้ทัน หาไม่แล้วจวินวั่งเฉินนั่นสุดท้ายก็คงหนีรอดไปได้…
“ครึ่งปีมานี้จวินวั่งเฉินมันติด 100 อันดับแรกแล้วได้แล้ว…หากข้าจำไม่ผิด ดูเหมือนก่อนตามันจะอยู่ในอันดับที่ 92 ด้วยคะแนนสะสม59 แต้ม”
“ใช่ ตอนนี้แม่นางน้อยผู้นั้นฆ่ามันได้ ถึงนางจะพึ่งเข้ามาแต่ก็สมควรติดอยู่ใน 100 อันดับแรกทันที”
“ข้าเห็นแล้ว! พวกเจ้าดูอันดับที่ 92 เร็ว เป็นชื่อใหม่ที่พึ่งปรากฏ…ฮ่วนเอ๋อ? แม่นางน้อยผู้นี้เรียกว่าฮ่วนเอ๋อ!”
“อายุไม่ถึงร้อยปี รูปโฉมงดงามสุดที่ผู้ใดจะเทียบเทียม กิริยาท่าทางไม่ธรรมดา บรรลุราชาอมตะ 6 ผสาน เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการถึงขั้นตอนเล็กน้อย! ที่แท้นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่? ต่อให้เป็น 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักก็ไม่มีอัจฉริยะที่ร้ายกาจเช่นนางมิใช่หรือ?!”
“นางช่างร้ายกาจนัก…ข้าไม่เคยเห็นราชาอมตะ 6 ผสานที่ไหนร้ายกาจเท่านางมาก่อนเลย!”
…
ในขณะที่กลุ่มคนที่ซ่อนตัวกำลังตื่นตระหนกกับความสามารถของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็องถ่ายสำนึกเทวะลงป้ายหยกประจำตัว จึงพบเห็นตารางจัดอันดับ และอันดับในปัจจุบันของฮ่วนเอ๋อ นับว่าป้ายหยกประจำตัวของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง มีความเอนกประสงค์ สุดที่ป้ายหยกสะสมคะแนนของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะเทียบได้จริงๆ!
หลังฆ่าจวินวั่งเฉินศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนีได้แล้ว ฮ่วนเอ๋อที่ได้คะแนนของมันมาก็มีชื่อปรากฏในตารางจัดอันดับทันที ติด 100 อันดับแรกเรียบร้อย!
ตอนนี้คะแนนสะสมของฮ่วนเอ๋อก็มีทั้งสิ้น 60 แต้ม นอกจาก 1 แต้มที่นางมีติดตัว หมายความว่านางได้คะแนนสะสมจากจวินวั่งเฉินมาทั้งสิ้น 59 แต้ม!
“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าเห็นอันดับในป้ายรึยัง? อ่าจริงสิ…เจ้าลองแผ่สำนึกเทวะลงไปในป้ายดู”
ต้วนหลิงเทียนที่ถอนสำนึกเทวะออกจากป้ายก็หันไปกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฮว่นเอ๋ออาจไม่รู้ จึงแนะนำให้ฮ่วนเอ๋อลองถ่ายสำนึกเทวะลงป้ายเพื่อดูคะแนนและอันดับของตัวเอง
และอันดับรวมถึงคะแนนของผู้ที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั้น คนนอกไม่มีทางล่วงรู้เลย ต่อให้จะนำป้ายหยกประจำตัวออกไปด้านนอกก็ตาม
เพราะหากป้ายหยกประจำตัวถูกนำออกไปนอกแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง แม้คะแนนสะสมจะคงอยู่ หากแต่จะไม่อาจตรวจสอบคะแนนอันดับอะไรได้อีก
หากคนนอกอยากจะรับรู้สถานการณ์ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ว่าใครได้อันดับเท่าไหร่ มีคะแนนเท่าใด ก็มีแค่วิธีเดียวเท่านั้น…
นั่นคือล่วงรู้จากปากของผู้ที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…ให้ผู้ที่อยู่ด้านในรายงานเรื่องราวออกมา!
เนื่องเพราะในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั้น ไม่เพียงแต่อุปกรณ์อมตะจะสามารถใช้งานได้ จะโอสถอมตะหรือยันต์อมตะอันใดก็สามารถใช้การได้ทั้งหมด เรียกว่าท่านสามารถใช้ได้ทุกสิ่งเพื่อเข่นฆ่ากันได้ไม่ต่างอะไรจากโลกภายนอก!
ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ดี หรืออยู่ด้านนอกก็ดี สามารถสนทนาพูดคุยกันได้ผ่านยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณตลอดเวลา
และจวินวั่งเฉินผู้นี้ จะอย่างไรมันก็เป็นถึงศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนี พอมันถูกฮ่วนเอ๋อฆ่าตาย เรื่องราวก็ถูกเซียนอมตะมุงทั้งหลายแพร่งพรายออกไปเร็วไว
แม้ในบรรดาคนที่ซุ่มดูเรื่องราวอยู่จะไม่มีคนของนิกายวิถีวายุอัสนี แต่ก็มีบางคนที่รู้จักสหายในนิกายวิถีวายุอัสนี
“เฮ่พวก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าพึ่งเห็นอะไรมา…ศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนีเจ้าพึ่งถูกฆ่าตายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงต่อหน้าต่อตาข้าเลย…ไม่ต้องเดาว่าใคร เป็นจวินวั่งเฉินที่วางท่าคนนั้นนั่นล่ะ!!”
“พี่เถียน จวินวั่งเฉินศิษย์หลักของนิกายท่าน พึ่งถูกสตรีอายุไม่ถึงร้อยนางหนึ่งฆ่าตาย! สตรีนางนั้นเรียกว่าฮ่วนเอ๋อ!!”
“น้องฉิน จวินวั่งเฉินศิษย์น้องเจ้าที่ปากดีๆหน่อย มันตกตายเพราะสตรีนนางหนึ่งแล้ว…”
…
เรียกว่าเหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ติดต่อสหายในนิกายวิถีวายุอัสนีได้ไม่ทันไร เรื่องราวการตายของจวินวั่งเฉิน ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างดั่งไฟลามทุ่ง
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
แต่เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะรู้ เขาก็คงไม่สนใจอะไร
เมื่อท่านเลือกจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพื่อช่วงชิงโอกาสแล้ว หมายความว่าท่านพร้อมยอมรับความตายเช่นกัน การที่จวินวั่งเฉินตกตาย ก็เพราะทักษะอ่อนด้อยกว่าผู้อื่นเขา ยังจะโทษใครได้?
หรือคนของนิกายวิถีวายุอัสนีแพ้ไม่เป็น จมไม่ลง ถึงขั้นต้องบุกมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวและบีบคฤหาสน์เฉวียนโยวให้ส่งตัวเขาออกไป?
อย่างไรนิกายวิถีวายุอัสนีก็เป็นถึง 1 ใน 5 นิกายหลักของแดนสวรรค์ใต้ พวกมันย่อมห่วงภาพลักษณ์เป็นที่สุด ไม่มีวันทำอะไรให้เป็นที่เสื่อมเสีย จนตกเป็นขี้ปากผู้คนแบบนั้นแน่นอน!
ทั้งหมดที่พวกมันทำได้ก็คือ ส่งยอดฝีมือเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพื่อล้างแค้นให้จวินวั่งเฉิน ไม่อาจเล่นนอกเกมหรือลงมือล้างแค้นเขาด้านนอกได้!
“พี่หลิงเทียน อันดับมันได้ง่ายเกินไปหรือไม่…แค่ทุบตีตัวโง่งมตายไปคนเดียวก็ติด 100 อันดับแรกแล้วหรือ?”
หลังตรวจสอบคะแนนและอันดับในป้ายหยกประจำตัวแล้ว ฮ่วนเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมามองถามต้วนหลิงเทียนตาปริบๆ
ฟังจากคำพูดของนาง คล้ายการติดอยู่ใน 100 อันดับแรกเป็นเรื่องงราวอันง่ายดายนัก
“ฮ่วนเอ๋อ…ที่เจ้าติด 100 อันดับแรกทันทีแบบนี้ เพราะที่เจ้าพึ่งฆ่าไปคือผีดวงกุดที่มีคะแนนสะสม 59 แต้ม…”
(ผีดวงกุด ,ผีอับโชค = คนที่ตายเพราะความโชคร้าย)
“จะอย่างไรตอนนี้มันก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วหลังจากการล้างอันดับครั้งสุดท้าย…กล่าวได้ว่าผลงานที่เจ้าผีดวงกุดนั่นมันลำบากทำมาตลอดระยะเวลาครึ่งปี ได้ตกเป็นของเจ้าทั้งหมดอย่างไรเล่า…”
ต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่าฮ่วนเอ๋อยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงสักเท่าไหร่ จึงค่อยๆบอกให้นางรับรู้
หลังได้ยินสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนบอก ฮ่วนเอ๋อก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที “แบบนี้นี่เอง…หมายความว่าหากพวกเราพบเจอคนอย่างเจ้าผีดวงกุดบ่อยๆ พวกเราก็จะได้คะแนนสะสมเยอะๆมาง่ายๆ?”
“จะว่าไปมันก็เป็นแบบนั้นนั่นล่ะ…แต่คนที่มีแต้มมากกว่ามันตอนนี้ ทั้งแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็มีไม่ถึง 100 คนแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราจะหาเจอกันได้ง่ายๆ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางส่ายหัวไปมา
“ไปกันต่อเถอะฮ่วนเอ๋อ…ลองดูว่าพวกเราจะได้อะไรดีๆติดไม้ติดมือกลับไปอย่างที่หวังไว้หรือไม่”
หลังจากกล่าวชักชวนฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็สุ่มเหินร่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งทันที
เมื่อพวกเขาจากไปได้สักพัก เหล่าคนที่ซ่อนตัวดูชมเรื่องราวอยู่แต่แรก ก็พอได้ระบายลมหายยใจออกมาอย่างโล่งอก หลายคนถึงกับลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพวกมันไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เพราะสุดท้ายพวกต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีทางหาพวกมันที่ใช้อาคมล่องหนเจออยู่ดี
ก็แค่รู้สึกโล่งอกที่เห็นพวกต้วนหลิงเทียนจากไปเท่านั้น
“เฮ่ พวกเจ้ามีผู้ใดรู้จักสตรีคนเมื่อครู่บ้าง?”
หลายคนเริ่มหันไปเอ่ยถามสหายข้างกาย
ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ราชาอมตะที่พลังฝีมือไม่ค่อยสูงนัก ก็มักจะรวมกลุ่มเดินทางกันหลายๆคน
และเป็นธรรมดาว่าผู้ที่จะรวมกลุ่มกัน ก็คือสหายที่สนิทสนมคุ้นเคยกันในระดับหนึ่ง
หาไม่แล้วอาจมีคนแทงข้างหลังท่านได้
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนางมาก่อนเลย…ฮ่วนเอ๋อ ชื่อนี้สมควรปรากฏขึ้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งแรกเลยกระมัง?”
“สมควรเป็นอย่างนั้น เพราะข้าเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนางมาก่อนเหมือนกัน”
“หากนางเคยเข้ามา เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะไม่มีใครไม่รู้จักนาง…ไม่ต้องพูดถึงพลังฝีมือของนางด้วยซ้ำ เอาแค่รูปโฉมของนาง ก็มากพอจะทำให้แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ไม่สิ กระทั่งทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้ปั่นป่วนแล้ว!”
“จริง…ข้าว่านางพึ่งจะเคยเข้ามาเป็นครั้งแรก!”
…
เรียกว่าตอนนี้ในใจของพวกมันได้สลักนาม ฮ่วนเอ๋อ พร้อมจดจำรูปโฉมอันงดงามไร้คู่เปรียบเอาไว้ อย่างยากจะลบเลือน
และหลายๆคนก็เริ่มบังเกิดความอิจฉาชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ข้างๆสตรีชุดขาวขึ้นมาตงิดๆ
ในเมื่อล้วนเป็นบุรุษเหมือนกัน แล้วไฉนเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นมันถึงได้ครอบครองสตรีงามพิลาศล้ำอยู่คนเดียวเล่า?
ไฉนจึงโชคดีนัก?
‘พลังฝีมือร้ายกาจ รูปโฉมงดงาม อายุไม่ถึงร้อย ใส่ชุดขาว…แถมให้ความรู้สึกคลุมเครือราวกับนางเป็นคนเผ่าเดียวกันกับข้า…’
‘นอกจากนี้เจ้าหนุ่มชุดม่วงที่ติดตามอยู่ข้างกายนั่น…สองคนนี้จะใช่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ที่ท่านพ่อกล่าวถึงหรือไม่? สตรีชุดขาวนั่น คือคนที่ทางเผ่าสงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายางั้นหรือ?’
ท่ามกลางผู้ชมที่ซุ่มซ่อนอยู่ มีชายหนุ่มในชุดสีเทาแลดูถ่อมตนคนหนึ่งกำลังหยีตามองตามทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อหายตัวไป ด้วยสายตาเป็นประกายวูบวาบ จากนั้นมันก็เร่งบดขยี้ยันต์อมตะส่งข้อความออกไปทันที
ไม่นานนัก มันก็ได้รับข้อความติดต่อกลับมา เป็นการถามไถ่ว่า “ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นมีลักษณะอย่างไร?”
ชายหนุ่มชุดเทาก็ค่อยๆบรรยายลักษณะรูปร่างหน้าตาทั้งชุดสวมใส่ออกไปอย่างละเอียด
ครู่ต่อมามันก็รับข้อความติดต่อกลับมา “ไม่ผิดคนแน่ เจ้านั่นสมควรเป็นต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…ตอนไปเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยวกับท่านหัวหน้าเผ่า ข้าเคยเจอมัน!”
“สำหรับสตรีงามหมดจดชุดขาวที่อยู่ข้างๆกายมัน ไม่พ้นเป็นสตรีที่ปิดหน้าปิดตาที่คนของพวกเราลอบสะกดรอยตามไป ก่อนจะตกตายใกล้คฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นแน่…นางคือคนที่พวกเราสงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!”
“นอกจากนั้นเมื่อรวมกับข้อมูลที่พวกเราส่งคนไปสืบหามาจากพื้นที่ชายแดนรอบนอก…เรื่องที่ข้างกายต้วนหลิงเทียนมักมีสตรีนามฮ่วนเอ๋อติดตามไม่ห่าง ทั้งหมดก็บ่งชี้ชัดเจน เป็นพวกมัน 2 คนจริงๆ!”
ผู้ที่กำลังส่งข้อความติดต่อกับชายหนุ่มในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนั้น เป็นชายชราคนหนึ่งที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเช่นกัน
และหากต้วนหลิงเทียนได้เห็นชายชราคนนี้ เขาย่อมจดจำมันได้ทันที เพราะมันก็คือ 1 ใน 2 ชายชราที่ติดตามหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาที่มาสืบความถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อ 30 ปีก่อน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น