War sovereign Soaring The Heavens 3178-3189

ตอนที่ 3178

 

“ในเมื่อเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว…พลังฝีมือของเจ้าสมควรเหนือกว่าผู้ใด แล้วไฉนเดือนก่อนเจ้าต้องร่วมมือกับข้าด้วย?”


 


หว่านชิงชิงที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็เลือกจะส่งเสียงผ่านพลังไปถามต้วนหลิงเทียนตรงๆ


 


ในสายตานาง ต้วนหลิงเทียนที่เข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ต่อให้ในแง่ความเร็วจะสู้ 6 คนนั่นไม่ได้ แต่ก็สามารถใช้ความลึกซึ้งผ่ามิติเพ่งเล็งสังหารทั้ง 6 ได้อย่างง่ายดาย


 


เพราะความเร็วในการเข่นฆ่าสังหารของคมมีดมิติ จากความลึกซึ้งผ่ามิติขั้นตอนเล็กน้อยนั้น…มันเหนือล้ำ สุดที่ทั้ง 6 จะหลีกเลี่ยงได้!


 


ดุจเดียวกับกงซุนอู๋จี๋เมื่อครู่ แม้มันจะรวดเร็วถึงขั้นไหวตัวทัน และพุ่งร่างฉีกระยะออกไปทันทีเมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาดักหน้า แต่สุดท้ายเมื่อต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยผ่ามิติออกมา มันก็ไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนองสิ่งใด ร่างถูกคมมีดมิติทั้ง 3 สายสะบั้นสังหารในพริบตา


 


“เดือนที่แล้ว…ความลึกซึ้งผ่ามิติของข้ายังไม่บรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเลย”


 


ได้ยินคำถามผ่านพลังของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบออกไปตามตรง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร และไม่จำเป็นต้องปิดบัง


 


ตราบใดที่เขาไม่เปิดเผยการคงอยู่ของผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นพอ


 


อันที่จริงกระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำ ว่าในเวลาแค่ช่วงสั้นๆ ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด จะช่วยให้เขาตระหนักรู้ความลึกซึ้งผ่ามิติถึงจนบรรลุความเข้าใจขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้


 


เป็นดั่งที่เพลิงเทพโกลาหลกล่าวไว้ไม่มีผิด ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดนั้น ก็คือภูมิปัญญาและองค์ความรู้ของกฏที่ตกผลึกแล้ว เรียกว่าทุกอย่างที่เขาเห็นในฝันไม่ต่างอะไรจากแก่นแท้ของความลึกซึ้งนั้นๆ


 


ด้วยวิธีนี้ ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด จึงทำให้เขาตระหนักรู้ความลึกซึ้งได้ง่ายดาย จากที่เข้าใจแค่ขั้นตอนเบื้องต้น ก็กลายเป็นเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย


 


นอกจากความหมายแห่งมิติแล้ว ความลึกซึ้งที่เหลือนั้นระดัการเข้าใจในขั้นตอนเบื้องต้นกับเล็กน้อย เป็นดั่งคนละโลกกันเลยก็ว่าได้ เพราะพลังอำนาจของมันอยู่กันคนละระดับโดยสมบูรณ์


 


ด้วยเหตุนี้ ต้วนหลิงเทียนที่เข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว จึงมีพลังเข่นฆ่าเพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ!


 


“เจ้าหมายความว่า…ความลึกซึ้งผ่ามิติของเจ้า พึ่งจะมาตระหนักรู้จนทำให้เจ้าเข้าใจมันถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเนี่ยนะ!?”


 


ถึงแม้เรื่องราวจะฟังดูน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่หว่านชิงชิงก็เลือกที่จะเชื่อต้วนหลิงเทียน


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าส่งเสียงตอบกลับ


 


“แล้วความลึกซึ้งที่เหลือเล่า? ในเมื่อเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้ หมายความว่าความลึกซึ้งของกฏมิติประการอื่นๆที่เหลือ เจ้าก็ต้องเข้าใจพวกมันถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแต่แรกแล้วสิ?”


 


“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทั้ง 9 ประการ พลังฝีมือย่อมไม่ด้อยกว่าผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเลย ไฉนยังต้องมาขอความร่วมมือจากข้าด้วยล่ะ?”


 


หว่านชิงชิงเอ่ยถามผ่านพลังไปอีกครั้ง ทีท่าของนางยังคล้ายคนทุบหม้อจมเรือที่ต้องรู้ให้ได้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเองก็อึกอักไปพักหนึ่งด้วยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี


 


“ข้าเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร…เจ้ารู้แค่ว่า เมื่อเดือนก่อน หากข้าลงมือคนเดียว ข้าไม่มีทางจัดการพวกมันได้แน่นอน เว้นเสียแต่พวกมันจะเลือกสู้กับข้าจนถึงที่สุด”


 


“หากข้าจัดการพวกมันได้เพียงลำพัง ข้าคงไม่ร่วมมือกับเจ้าหรอก”


 


หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังจบคำ เขาก็หันไปกวาดตามองทุกคนที่มาชมดูเรื่องราวการปะทะกันระหว่างเขากับกงซุนอู๋จี๋ทันที มุมปากยังยกยิ้มอ่อนๆ


 


“ฉิบหายแล้วไง!!”


 


แน่นอนว่ารอยยิ้มอ่อนๆของเขานั้น สำหรับเหล่าศิษย์คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายที่มามุงชมเรื่องราว มันไม่ต่างอะไรจากรอยยิ้มของปีศาจแม้แต่น้อย


 


วูบ!


 


ทันใดนั้นเอง ร่างต้วนหลิงเทียนพลันอันตรธานหายไปในอากาศ ปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปขวางทางศิษย์กลุ่มหนึ่งที่มามุงชมเรื่องราว แต่กำลังจะตีเนียนจากไป


 


“พี่ท่านทั้งหลาย…หรือจะให้ข้าลงมือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับกลุ่มคนเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า


 


“อั้ย! พวกเราไหนเลยจะกล้ารบกวนศิษย์พี่ต้วนเล่า พวกเราจักจัดการเอง”


 


“ไม่รบกวนๆ”


 



 


สีหน้าของกลุ่มคนที่ถูกต้วนหลิงเทียนวูบมาหยุดขวางบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก หลังกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มฝืนๆ พวกมันก็เรียกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาทุบทำลายด้วยแววตาสลด


 


พอได้รับคะแนนสะสมของคนกลุ่มนี้แล้ว ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปดักกลุ่มคนที่คิดเคลื่อนไหวต่อทันที


 


สุดท้ายนอกจากคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคนของคฤหาสน์อู่จ้าน จะเลือกหลบหนีก็ดี หรือรอรับชะตากรรมก็ดี ต้วนหลิงเทียนไปเยือนด้วยรอยยิ้มหมด


 


สำหรับคนของคฤหาสน์ปี้ชิงนั้น ในเมื่อพวกมันอยู่ในค่ายพัก เขาก็ไม่อาจทำอะไรพวกมันได้ และก็ไม่มีใครหาญกล้าก้าวออกมานอกเขตค่ายพักแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้นหลังจัดการกงซุนอู๋จี๋แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจจัดการคนของคฤหาสน์ปี้ชิงได้อีกแม้แต่คนเดียว


 


สำหรับคนของคฤหาสน์อู่จ้าน เดิมทีก็คิดว่าต้องซวยเหมือนคนอื่นๆแน่นอนแล้ว แต่พวกมันคิดไม่ถึงว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่คิดทำอะไรพวกมัน ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


 


“ศิษย์น้องหญิงชิงชิง ดูเหมือนที่พวกเรารอดตัวมาได้ ต้องขอบคุณเจ้าแล้วล่ะ”


 


เหิงเฟิงมองกล่าวกับหว่านชิงชิงด้วยรอยยิ้มแหยๆ


 


ไม่ยากที่มันจะเดาได้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงไม่คิดเอาคะแนนของศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน


 


ทั้งหมดไม่พ้นเพราะเห็นแก่หน้าหว่านชิงชิง


 


นอกจากเรื่องนี้ มันก็คิดหาสาเหตุอื่นไม่ออกแล้ว


 



 


ด้านค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง ผู้คนก็ทยอยกันใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อกลับออกไปทีละคนๆ


 


จากนั้นข่าวการตายของกงซุนอู๋จี๋ ก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วคฤหาสน์ปี้ชิง


 


ตูมมมม!!


 


ผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิง หลังจากเรียกประชุมเหล่าอาวุโสทั้งหลายแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะฟาดโต๊ะข้างๆจนปี้ป่นด้วยโทษะ


 


“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันฆ่ากงซุนอู๋จี๋ไปแล้ว…จากนี้ต่อไปคฤหาสน์ปี้ชิงของพวกเรา เกรงว่าคงยากจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการติด 10 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกต่อไป!”


 


“บัดซบ! ทั้งหมดเป็นนเพราะสารเลวแซ่ต้วนนั่นคนเดียว!!”


 


“ถล่มมารดามัน! อย่าให้ข้าเจอมันเชียว หาไม่แล้วข้าจะบดร่างมันให้แหลกคามือ!!”


 



 


เหล่าอาวุโสของคฤหาสน์ปี้ชิงเดือดดาลไม่น้อย


 


กงซุนอู๋จี๋เป็นดั่งไพ่ตายใบสำคัญของคฤหาสน์ปี้ชิงที่จะทิ้งลงแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แต่ตอนนี้กลับถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไปแล้ว พวกมันก็ไม่เหลือไพ่อะไรให้ทิ้งอีก


 


ความสูญเสียระดับนี้ คฤหาสน์ปี้ชิงไม่เคยประสบมาก่อนเลย


 


กล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ตั้งแต่มีเรื่องกับคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วคฤหาสน์ปี้ชิงของพวกมันเสียท่าถึงขนาดนี้!


 


“จ้างวานนักฆ่ากันเถอะ…หาคนไปฆ่าสารเลวน้อยแซ่ต้วนนั่น!!”


 


รองผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งกล่าวเสนอออกมาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “ข้าพอมีเส้นสายอยู่บ้าง…สามารถติดต่อองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดได้!”


 


“รีบติดต่อเสีย”


 


หลังได้รับการอนุมัติจากผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิง รองผู้นำคนดังกล่าวก็ไม่รอข้าเรียกลูกแก้ววิญญาณทั้งยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาใช้ ติดต่อไปยังอาวุโสขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่มันรู้จักทันที


 


แต่ทว่าหลังจากติดต่อไปไม่นาน หน้าของมันก็เปลี่ยนสีไปทันใด


 


“เกิดอะไรขึ้น?”


 


“มีปัญหาอันใดรึ?”


 


“คงมิใช่ว่าต้วนหลิงเทียนนั่นมีความเป็นมาน่าทึ่ง จนองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่กล้ารับงานหรอกนะ?”


 


“องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดจัดเป็น 1 ใน 3 องค์กรมือสังหารระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้เราแล้ว…หากกระทั่งพวกมันยังไม่กล้ารับภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน ข้าเกรงว่าคงไร้องค์กรมือสังหารใดในแดนสวรรค์ใต้กล้ารับภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนอีก!”


 



 


เหล่าอาวุโสของคฤหาสน์ปี้ชิงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังเห็นว่าสีหน้าของรองผู้นำคฤหาสน์ที่ติดต่อับองค์กรกะโหลกเลือดเปลี่ยนไปเป็นไม่สู้ดี


 


“มิใช่อย่างนั้น…”


 


ไม่นานรองผู้นำคนนั้นก็ส่ายหัวไปมา พลางกล่าวเสียงอ่อน “สหายที่ข้าพึ่งติดต่อไปได้ตอบกลับมาว่า…ข้าไม่จำเป็นต้องจ้างงานอะไร”


 


“เนื่องเพราะในองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดของมัน…มีภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนอยู่แล้ว”


 


รองผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิงคนดังกล่าว พูดออกมารวดเดียวจบ


 


“อะไร? มีภารกิจสังหารไอ้เด็กแซ่ต้วนนั่นอยู่แล้ว?”


 


“ดูเหมือนว่าสารเลวน้อยแซ่ต้วนนั่นจะขวางหูขวางตาผู้อื่นไม่น้อยเช่นกัน!”


 


“หึ! เช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยๆคฤหาสน์ปี้ชิงของพวกเราก็ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างอันใด!”


 



 


แตกต่างจากทางด้านคฤหาสน์ปี้ชิงที่บรรยากาศอึมครึม


 


ทางด้านคฤหาสน์เฉวียนโยว พอได้รับทราบว่ากงซุนอู๋จี๋ ศิษย์หลักขอคฤหาสน์ปี้ชิง ถูกต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่า พวกมันก็ตกอกตกใจกันยกใหญ่


 


“สารเลวชั่วชาติกงซุนอู๋จี๋ของคฤหาสน์ปี้ชิงนั่น…มันตายแล้วจริงๆหรือ ยิ่งไปกว่านั้นยังตกตายด้วยน้ำมือศิษย์พี่ต้วน?”


 


“ฟ้ามีตาแล้วจริงๆ! ข้าไม่คิดเลยว่าเดียรัจฉานกงซุนอู๋จี๋นั่นจักมีวันตายด้วย…เปี่ยวเม่ยของข้าถูกมันย่ำยีสังหารต่อหน้าต่อตา! นับว่ามันตายได้ประเสริฐนัก! ตายได้ประเสริฐนัก!!”


 


“จ้าวสวรรค์ช่วย! ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนทำได้อย่างไรกัน ไฉนอยู่ๆจึงร้ายกาจถึงขั้นเข่นฆ่ากงซุนอู๋จี๋ผู้นั้นได้เล่า!?”


 


“เมื่อครู่สหายข้าที่พึ่งทุบทำลายป้ายหยกตัวเองเพื่อออกมาบอกข่าวดีเร็วๆบอกว่า…มันเห็นกับตาว่าศิษย์พี่ต้วนใช้ความลึกซึ้งผ่ามิติที่บรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยออกมา…พริบตาฟ้าก็ปรากฏรอยแยกมิติ 3 รอย คมมีดมิติพุ่งไปเข่นฆ่าสังหารกงวุนอู๋จี๋ฉับไว สุดที่มันจะทันได้ตอบสนองใดๆ!!”


 


“อะไร!? ความลึกซึ้งผ่ามิติขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย!? จริงหรือหลอก!? เท่าที่ข้ารู้มา ในประวัติศาสตร์แดนสวรรค์ใต้ราณระดับกลางของแดนสวรรค์ใต้เรา ดูเหมือนจะไม่มีขุนนางอมตะคนใดเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแม้แต่คนเดียว!!”


 


“บ้าไปแล้ว! ศิษย์พี่ต้วนถึงกับเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเชียวหรือ!?”


 



 


เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวล้วนตื้นเต้นยินดีกับการตายของกงซุนอู๋จี๋แห่งคฤหาสน์ปี้ชิงกันยกใหญ่ และที่ทำให้ตกใจเป็นที่สุดก็คือพลังของต้วนหลิงเทียน!


 


และตอนนี้ทุกคนก็กำลังฮือฮากับความเคลื่อนไหวในตารางจัดอันดับของต้วนหลิงเทียนนัก!


 


“ดูเร็ว! คะแนนสะสมของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนพุ่งกระฉูดทะลุพันอีกรอบแล้ว!!”


 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายทั้ง 3 เมื่อเห็นว่าคะแนนสะสมของต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณไม่ทันไรก็พุ่งทะลุเกินพันแต้ม ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งกล่าวออกมาด้วยความคึกคัก


 


“จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!!”


 


“ข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆว่าศิษย์พี่ต้วนจะร้ายกาจถึงขั้นฆ่าสารเลวบัดซบกงซุนอู๋จี๋นั่นได้…เช่นนั้นหมายความว่าต่อให้เจอใครใน 5 คนที่เหลือ ศิษย์พี่ต้วนก็เก็บได้หมด!!”


 


“ตอนนี้ทั้ง 5 คนนั่นคงได้รับแจ้งข้อมูลที่ศิษย์พี่ต้วนฆ่ากงซุนอู๋จี๋ไปแล้วแน่นอน ต่อไปหากพบเจอศิษย์พี่ต้วน พวกมันคงไม่มีความกล้าจะประมือด้วยซ้ำ!”


 


“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวเราจะมีวันที่ไร้เทียมทานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแบบนี้ด้วย…”


 


“ศิษย์พี่ต้วนร้ายกาจเกินไป…ร้ายกาจถึงขนาดนี้ข้าเกรงว่าคงไม่อยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรานานนักหรอก”


 


“จริง ศิษย์พี่ต้วนบรรลุความแข็งแกร่งระดับนี้ได้ด้วยวัยไม่ถึง 100 ปี หมายความว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวเราถูกกำหนดไว้แล้วว่ามิอาจรองรับผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานทางตระกูลซูต้องส่งคนมารับตัวศิษย์พี่ต้วนไปแน่”


 



 


คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย ล้วนมีตระกูลในบรรดา 10 ตระกูลใหญ่อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น


 


และตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังคฤหาสน์เฉวียนโยวก็คือ ตระกูล ซู


 


“ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อคะแนนสะสมเจ้าทะลุพันไปแล้ว เช่นนั้นก็ออกมาเลยเถอะ…ท่านจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเรียกเจ้าไปเข้าพบ”


 


หลังเห็นว่าคะแนนสะสมของต้วนหลิงเทียนทะลุพันอีกรอบ ฉีเทียนหมิงก็เร่งส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที


 


มันเองก็ตกใจไม่น้อยตอนได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่ากงซุนอู๋จี๋ได้


 


และสำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้มันตกตะลึงถึงขั้นพูดไม่ออก มันยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยอยู่บ้าง ว่าใช่มีคนจงใจปล่อยข่าวลือเกินจริงอะไรรึเปล่า


 


มันอยากจะเรียกต้วนหลิงเทียนให้ออกมายืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้แต่แรก


 


“หากเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วจริงๆ…เช่นนั้นท่านจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์ไม่พ้นต้องยุติการทดสอบของเจ้า และให้เจ้าขึ้นรับตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยโดยตรงแน่!”


 


หลังส่งข้อความแรกไป ฉีเทียนหมิงก็เร่งส่งข้อความที่ 2 ไปติดๆ


 


เมื่อได้รับทราบข้อความทั้ง 2 ที่ฉีเทียนหมิงส่งมา ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว และใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายออกมาทันที


 


ทุกที่ทางที่ต้วนหลิงเทียนเดินผ่าน เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ทักทายเขาด้วยความกระตือรือร้นเป็นที่สุด


 


เรียกว่าตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจาก ‘คนดัง’ ของคฤหาสน์เฉวียนโยวเลย


 


หลังกลับออกมาด้านนอก ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังที่พักฉีเทียนหมิงทันที


 


“เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปพบจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย”


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเจอฉีเทียนหมิง อีกฝ่ายก็พาเขาไปยังวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที


 


ระหว่างทางฉีเทียนหมิงที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็อดถามออกมาไม่ได้ “เจ้า…นี่เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วจริงๆหรือ?”

 

 

 


ตอนที่ 3179

 

“ใช่”


 


ได้ยินคำถามของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบ


 


เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร ตอนเขาเข่นฆ่ากงซุนอู๋จี๋ก็มีคนมากมายเห็นกับตา เขาเชื่อว่ามีหลายคนได้บันทึกลงลูกแก้วเงาลอยด้วยซ้ำ


 


“ฟืด–!!”


 


ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ฉีเทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความเหน็บหนาว เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากต้วนหลิเทียน!


 


“นี่เจ้าเข้าใจมันตั้งแต่เมื่อใด? ข้าจำได้ว่าเดือนก่อนเจ้ายังต้องร่วมมือกับหว่านชิงชิงอยู่เลย ถึงจักจัดการซีเหมินฮ่าวซวนของคฤหาสน์หงเอี้ยจนชิงอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาได้!”


 


ฉีเทียนหมิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


“ข้าพึ่งจะเข้าใจมันเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง…ระหว่างรอเวลาเข้าแดนสวรรค์ใต้เดือนนี้นี่ล่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเบา


 


ได้ยินคำตอบด้วยท่าทีเฉยๆไม่ตื่นเต้นยินดีของต้วนหลิงเทียน มุมปากฉีเทียนหมิงอดกระตุกไปไม่ได้ “แล้วความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมิติเล่า? เจ้าเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นทุกประการแล้วหรือ?”


 


“เปล่า”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ยังมีความลึกซึ้งอีก 2 ประการที่ข้ายังไม่เข้าใจเลย”


 


ตอนนี้ความลึกซึ้งของกฏมิติ นอกจากความหมายแห่งมิติแล้ว เขาก็ได้เข้าใจ เขตแดน กักกัน บิดเบือน เคลื่อนมิติ ส่งผ่าน และผ่ามิติเท่านั้น


 


กล่าวได้ว่าเขาเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้แล้ว 7 ประการ


 


ความลึกซึ้งของกฏมิติมีทั้งสิ้น 9 ประการ และเขายังไม่ได้ริเริ่มทำความเข้าใจอีก 2 ที่เหลือด้วยซ้ำ


 


และทั้ง 7 ประการนั้น หากไม่นับความหมายแห่งมิติแล้ว อีก 6 ประการที่เหลือนอกจากผ่ามิติที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ก็ยังพึ่งเข้าใจแค่ขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเท่านั้น…


 


“หืม? ยังมีความลึกซึ้งอีก 2 ประการที่ยังไม่เข้าใจเลยงั้นหรือ?”


 


วาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนทำให้ร่างฉีเทียนหมิงชะงักค้างกลางหาว มันถึงกับมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนที่หยุดร่างตามด้วยสองตากลมโต เอ่ยถามออกไปด้วสีหน้าแววตาเหลือเชื่อ “เจ้า…ที่เจ้าพูดมา…เรื่องจริงหรือ?!”


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ส่วนเรื่องที่ทำไมฉีเทียนหมิงถึงแลดูตกใจนัก เขาก็รู้แต่แรกแล้ว


 


ปกตินั้น…หากใครคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งประการใดๆของกฏให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย คนผู้นั้นจำต้องเข้าใจความลึกซึ้งุทกประการของกฏดังกล่าวให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเสียก่อน!


 


มีเพียงวิธีนี้ ถึงจะมีโอกาสเข้าใจความลึกซึ้งประการใดๆถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย


 


ในบรรดา 10,000 คน 9,999 คนจะเป็นแบบนี้


 


อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรแน่นอน


 


เพราะยังมีบางคนที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งบางอย่างได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้าใจความลึกซึ้งทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และคนประเภทนี้ก็คือผู้ที่มีความเข้าใจอยู่เหนือขีดจำกัด!


 


“เดิมทีข้าคิดว่าที่เจ้าเข้าใจกฏมิติได้ ล้วนเป็นเพราะพลังของผลเทพสังเวยสวรรค์ถ่ายเดียว…ตอนนี้ดูเหมือนว่าความเข้าใจในกฏมิติของตัวเจ้าเอง ที่แท้ก็สูงล้ำเหนือผู้อื่นเขา!!”


 


ฉีเทียนหมิงกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


กฏมิตินั้น ยากที่จะเข้าใจนัก มีน้อยคนที่สามารถทำความเข้าใจมันได้


 


และในบรรดาผู้ที่เข้าใจกฏแห่งมิติ 10,000 คน จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งบางประการของงกฏมิติได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ทั้งๆที่ยังเข้าใจความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมิติถึงขั้นตอนเบื้องต้นไม่ครบ


 


ในสายตาของมัน


 


ต้วนหลิงเทียนเป็นตัวตน 1 ใน 10,000 นั่น!


 


แน่นอนว่าที่มันพูดก็ใช่


 


ถึงแม้ที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้ จะเป็นเพราะผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด


 


อย่างไรก็ตาม ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดนั่น ก็เกิดจากผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ถ่องแท้ในกฏมิติ!


 


ให้มองดูไปทั่วฟ้าดิน เกรงว่าคงมีตัวตนแบบนี้เท่านั้น ถึงจะอาศัยกฏมิติจนบรรลุขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้


 


ภายใต้การนำพาของฉีเทียนหมิง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาเยือนวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอีกครั้ง


 


และคราวนี้ต้วนหลิงเทียนกับฉีเทียนหมิงพึ่งจะมาถึงได้ไม่ทันไร ภาพมายาอันเป็นม่านน้ำตก ก็เริ่มสลายหายไป ค่อยๆเผยให้เห็นวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที


 


“หืม?”


 


และเมื่อภาพมายาหายไปจนหมด ต้วนหลิงเทียนยังเห็นว่า มีร่างหนึ่งลอยบนอากาศเหนือวังผู้พิทักษ์น้อย และร่างที่ว่าก็กำลังมองมาทางเขากับฉีเทียนหมิงอย่างสงบ


 


กล่าวให้ชัดคืออีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่


 


เป็นชายวัยกลางคนร่างสูง หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศี สวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม


 


“ผู้นำคฤหาสน์”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคาดเดาฐานะของตัวตนเบื้องหน้า ฉีเทียนหมิงที่อยู่ข้างๆเขาก็ป้องมือประสานกล่าวคำทักทายออกไป เผยฐานะอีกฝ่ายให้เขารู้ทันที


 


‘ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นหรือ?’


 


และเมื่อได้ยินคำทักทายของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนที่ได้รับทราบฐานะอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นป้องประสานเอ่ยคำทักทายตามทันที “ผู้นำคฤหาสน์”


 


ที่แท้ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือผู้นำของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็พยักหน้ารับคำทักทายด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียน ผลงานของเจ้าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”


 


“คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา ไม่เอาเปรียบเจ้าแน่!”


 


“แต่ตอนนี้ เจ้าตามข้าไปพบท่านบรรพจารย์ก่อนเถอะ”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวจบคำ ก็ผายมือเชิญต้วนหลิงเทียน และเตรียมนำทาง ยังไม่ลืมกล่าวกับฉีเทียนหมิงด้วยว่า “ผู้ตรวจการฉี ส่วนท่านกลับไปได้แล้ว”


 


‘บรรพจารย์?’


 


ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้าง


 


“เจ้าหนู ดูเหมือนใต้เท้าจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…จักเป็นบรรพจาร์ของผู้นำคฤหาสน์ เจ้าสำรวมให้มากเล่า”


 


ฉีเทียนหมิงเร่ส่งเสีผ่านพลังเตือนต้วนหลิงเทียน ก่อนจะประสานมืออำลาผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวและเหินจากไปทันที


 


‘จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวรึ?’


 


ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้มากมาย แค่แปลกใจอยู่บ้างที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


หลังติดตามผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเข้ามาในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ถูกอีกฝ่ายพาเดินทะลุตัววังมาถึงสวนด้านหลัง


 


สวนด้านหลังกว้างใหญ่ไม่น้อย และพื้นที่กว่าครึ่งก็เป็นทะเลสาบ


 


ริมทะเลสาบก็ปรากฏร่างชายชราผู้หนึ่งสวมหมวกงอบฟาง กำลังนั่งตกปลาอยู่ด้วยอิริยาบถผ่อนคลาย


 


“ท่านบรรพจารย์”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวป้องมือประสานโค้งคารวะ เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ศิษย์หลาน พาคนมาแล้ว”


 


แทบจะพอดีกับที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวจบคำ ชายชราสวมงอบฟางก็ดึงเบ็ดขึ้นมา ก่อนจะวางไว้ข้างๆตัว หยุดการตกปลาไว้แต่เพียงเท่านี้


 


จากนั้นชายชราก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนและหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดวงตาสีโคลนของมันฉายความลึกล้ำประการหนึ่ง ราวกับมองทะลุใจผู้คนได้


 


จังงหวะที่สบตากับชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนถูกอีกฝ่ายมองผ่าน


 


“ข้าคิดว่าเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ ถึงจะจัดการบททดสอบที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าได้เสียอีก…แต่ไม่คิดเลยว่าในเวลาเพียงแค่เดือนสองเดือนเจ้ากลับมีพลังมากพอกวาดล้างทั่วแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียแล้ว…”


 


ทันทีที่ชายชราเอ่ยปากกล่าวคำออกมา ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ทันที ว่านี่เป็นเสียงชราของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่เขาเคยได้ยินครั้งก่อน


 


“ดังนั้น ข้าก็ถือว่าเจ้าผ่านบททดสอบแล้ว”


 


ชายชรากล่าว “จากนี้ต่อไป เจ้า ต้วนหลิงเทียน จะเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนใหม่แห่งคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา…และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวของเรา จักต้องเลื่องลือไปทั่วแดนสวรรค์ใต้!”


 


ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ สอตาสีโคลนของชายชราก็ทอแสงจ้าปานจะยิงลำแสงความร้อนออกมา


 


“ขอบคุณผู้อาวุโส”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะเขาเตรียมใจมาแล้ว จึงกล่าวขอบคุณออกไปด้วยยท่าทางสงบ


 


“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”


 


ชายชราเหลือบมองไปยังผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวผ่านๆพลางออกคำสั่ง จากนั้นริมทะสาบก็เหลือแต่ต้วนหลิงเทียนกับชายชราสวมงอบฟางร้ายๆเพียง 2 คน


 


“คราวก่อนข้าเคยยถามเจ้า ว่าเพราะอะไรเจ้าถึงอยากเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา และเจ้าก็ให้คำตอบข้ามาแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดจะถามเจ้าซ้ำ”


 


ชายชรากล่าว


 


ต้วนหลิงเทียนก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเคยถามเขาแบบนั้น


 


และวันนั้นเขาก็ตอบไปว่า


 


ที่เขาอยากเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ก็เพราะหวังใช้ทางลัดเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว และรับทรัพยากรของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


นอกจากนั้นเขายังคิดใช้คฤหาสน์เฉวียนโยวต่างแท่นกระโดด เพื่อออกจากแดนสวรรค์ใต้ไปยังเวทีที่ใหญ่กว่า


 


“ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในปัจจุบัน การเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คงมิต่างอันใดจากผู้ใหญ่เข้าไปรังแกเด็กน้อย…รับผลไม้อมตะ 2 ผลนี่ไปเสีย”


 


กล่าวถึงจุดนี้ชายชราก็หงายฝ่ามือคราหนึ่ง พลันปรากฏผลไม้อมตะ 2 ผลผุดจากความว่างเปล่าและลอยมาหาเขาทันที ผลไม้อมตะสองผลที่ว่าหนึ่งมีสีแดงอีกหนึ่งสีฟ้า ผลสีแดงนั้นแผ่ไอความร้อนออกมาจนบบรรยากาศโดยรอบคล้ายมีม่านน้ำปกคลุม ส่วนผลสีฟ้าก็แผ่ไอเย็นเสียดกระดูกออกมาจนบรรยากาศโดยรอบเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง


 


“นี่มัน…”


 


ต้วนหลิงเทียนพลิกฝ่ามือใช้พลังไร้สภาพรับผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลเอาไว้ ก่อนจะนำเข้ามาพลิกดูชมใกล้ๆ และนั่นทำให้รูม่านตาของเขาหดแคบลงทันใด “ผลราชาอัคคี! กับผลราชาน้ำแข็ง!?”


 


“เจ้าหนุ่ม ที่แท้เจ้าก็รู้มากไม่เบา…ถึงกับระบุชื่อผลไม้อมตะทั้ง 2 ได้”


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนสามารถบอกได้ทันทีว่าผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลคืออะไร ชายชราก็แลดูแปลกใจเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้าสามารถระบุได้ว่าพวกมันเป็นผลอันใด เจ้าก็คงรู้แล้วว่าพวกมันสามารถทำอะไรได้บ้าง…”


 


“เช่นนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟังอีก”


 


ชายชราเอ่ยออกเสียงเรียบ


 


แต่ต้นจนจบสีหน้าของชายชรายังนิ่งสงบเฉยเมย คล้ายไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงสีหน้าของมันได้


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจฟังวาจาของชายชราแม้แต่น้อย


 


เพราะตอนนี้ความสนใจของเขาไปหยุดลงบนผลไม้อมตะทั้ง 2 เบื้องหน้าหมดสิ้น!


 


เขาเคยเห็นบันทึกข้อมูลของผลไม้อมตะทั้ง 2 มาแล้วในหอตำราฝ่ายในของนิกายอมตะเป้าผู่ แต่นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นของจริง!


 


และไม่ว่าจะผลราชาอัคคีหรือผลราชาน้ำแข็ง พวกมันก็เป็นผลไม้อมตะที่ค่อนข้างหายาก แม้จะมีปรากฏในตลาดมืดเป็นครั้งคราว แต่มูลค่าของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั่วไปเลย


 


นอกจากนั้น นั่นยังเป็นมูลค่าของ 1 ผล


 


หากผลราชาอัคคีปรากฏขึ้นพร้อมๆกันกับผลราชาน้ำแข็งล่ะก็ มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเหมือนหนึ่งบวกหนึ่ง แต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจนเทียบได้กับ ชุดเกราะอมตะระดับจอมราชันทันที!


 


ที่มูลค่าของผลไม้อมตะทั้ง 2 สูงขนาดนี้ เพราะประสิทธิผลของมันนับว่าฝืนฟ้า!


 


อย่างที่รู้กันดี ว่ายิ่งด่านพลังสูงขึ้นการจะทะลวงด่านก็ยิ่งยากเย็น โดยเฉพาะการทะลวงผ่านขอบเขตพลัง…ช่องว่างระหว่างด่านพลัง 2 ขอบเขต เป็นดั่งหุบเหวกว้างยากข้ามผ่าน


 


อย่างไรก็ตามพลังของผลไม้อมตะทั้ง 2 นี่หากใช้พร้อมกัน ก็มีพลังมากพอทำให้ผู้ที่พึ่งบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้ในคราวเดียว!


 


ถึงแม้จะเป็นแค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ประสิทธิผลของมันก็เรียกว่าท้าทายสวรรค์แล้ว


 


ต้องทราบด้วยว่าบางคนนั้น ด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิด จะรากวิญญาณก็ดี ชีพจรสวรรค์ก็ดี ล้วนถูกลิขิตให้ไม่อาจทะลวงผ่านขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ตลอดชั่วชีวิต…แต่ทว่าหากใช้ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลนี่ล่ะก็ พวกมันก็สามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะได้!!


 


เรียกว่าสำหรับผู้คนที่มีขีดจำกัดเหล่านั้น ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลมากพอจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชั่วชีวิตของพวกมันได้เลยทีเดียว!


 


“ผู้อาวุโส…ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลนี่ ท่านให้ข้าจริงๆหรือ?”


 


หลังดึงสติกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็หยีตามองชายชราพลางเอ่ยถามออกไปเพื่อขอคำยืนยัน


 


“ข้าไม่ให้เจ้า แล้วจะเอาออกมาทำอะไร”


 


มุมปากชายชรากระตุกเล็กน้อย จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิง


 


“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณผู้อาวุโสมาก”


 


ถึงงแม้จะรู้จากฉีเทียนหมิงแล้ว ว่าการได้เป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนแรกในรอบ 30,000 ปี จะทำให้เขาได้รับทรัพยากรบ่มเพาะไม่น้อย แต่ไม่คิดเลยว่าแค่เข้ารับตำแหน่งปุ๊บก็จะได้ผลราชาอัคคีกับผลราชาน้ำแข็งปั๊บแบบนี้


 


ของขวัญแรกพบนี่ไม่มากไปหน่อยหรือ?


 


“อีกอย่าง…หลังจากนี้ไม่กี่วันสมควรมีคนของตระกูลซูมาเพื่อพบเจ้าโดยเฉพาะ ข้าเองก็คงไม่อาจปิดบังเจ้า เพื่อไม่ให้พบมันได้”


 


สีหน้าชายชราแลดูเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันใด มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “แต่ที่ข้าทำได้คือให้สัญญากับเจ้า…ว่าหากเจ้าเลือกจะอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวต่อ เจ้าจักได้รับทรัพยากรมากกว่าตอนที่เจ้าอยู่ในตระกูลซู!”


 


“แน่นอนว่าหากถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าก็ไม่คิดจะรั้งเจ้าให้อยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวตลอด และข้าจะเป็นคนไปส่งเจ้าถึงตระกูลซูด้วยตัวเอง”


 


“ด้วยพลังฝีมือของเจ้ายามนั้น ต่อให้เป็นตระกูลซู เจ้าก็สมควรได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างดีที่สุด!”


 


หลังจากกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็เอ่ยเสริมว่า “แน่นอนว่า กว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าต้องเชื่อคำพูดของข้าเสียก่อน”

 

 

 


ตอนที่ 3180

 

ได้ยินคำพูดของชายชรา สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที “ผู้อาวุโส ทำแบบนี้…เพราะไม่อยากให้ข้าเข้าสู่ตระกูลซูเร็วเกินไปงั้นหรือ?”


 


“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการ แต่ข้ารู้สึกว่าการปล่อยให้เจ้าเข้าสู่ตระกูลซูเร็วเกินไป อาจทำให้พวกมันไม่เห็นค่าเจ้าอย่างที่ควรจะเป็น”


 


ชายชราส่ายหัวไปมา พลางเอ่ยเสริมว่า “แน่นอนว่าหากเจ้าอยากคิดจะไปตระกูลซูเลย ข้าก็ไม่คิดจะห้ามเจ้า”


 


“นอกจากนั้น หากเจ้าเลือกที่จะอยู่ เจ้าก็ต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง…หากเจ้ารับปากข้าเรื่องที่ว่าแล้ว ข้ารับรองว่าทรัพยากรที่เจ้าจะได้รับจากคฤหาสน์เฉวียนโยว จักไม่ด้อยไปกว่าสิ่งที่ตระกูลซูจะมอบให้เจ้าแน่นอน”


 


“แต่หากเจ้าไม่รับปากข้า เช่นนั้นข้าก็จะแนะนำเจ้าให้เขาร่วมกับตระกูลซูทันที”


 


ชายชราเอ่ยสืบต่อ


 


“รับปาก?”


 


ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยสงสัย “ไม่ทราบเป็นเรื่องราวใด และมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?”


 


“อันที่จริงมันก็ไม่เชิงเงื่อนไขหรอก แต่ถือว่าเป็นกฏของวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…เพราะตั้งแต่ที่ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนก่อนตกตายไป วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่ข้ารับผิดชอบดูแล ก็ได้ตรากฏเหล็กข้อนี้ขึ้นมา”


 


ชายชรากล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่คิดดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้องรับปากเรื่องล้างแค้นให้อดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก่อนเท่านั้น จึงจักได้รับการสนับสนุนอย่างดีที่สุดจากคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


“อดีตผู้พิทักษ์น้อย?”


 


รูม่านตาต้วนหลิงเทียนหดแคบลงทันใด “สิ่งที่อาวุโสกล่าวก็คือ…ล้างแค้นให้ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่ถูกฉุดคร่าภรรยาไปเมื่อ 30,000 กว่าปีก่อน?”


 


พอต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามจบคำ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันตรายขุมหนึ่ง กลิ่นอายพลังอันตรายที่ว่ายังแผ่ซ่านออกมาจากร่างชราเบื้องหน้า! มันทรงพลังถึงขั้นทำให้เลือดลมของเขาปั่นป่วน!!


 


และเขายังสัมผัสได้อีกว่า…ตอนนี้อารมณ์ของอีกฝ่ายช่างแปรปรวนนัก!!


 


ยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์แปรปรวนดังกล่าวยังเป็นโทสะที่คุกรุ่นพร้อมระเบิด!!


 


‘ทำไมผู้เฒ่าถึงแลดูโมโหนักนะ…’


 


‘มีโมโหเพราะความอาภัพของอดีตผู้พิทักษ์เมื่อ 30,000 ปีก่อนงั้นหรือ…เป็นไปได้ไหมว่าผู้เฒ่าคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับอดีตผู้พิทักษ์คนนั้น?’


 


‘หรืออดีตผู้พิทักษ์ที่ว่า จะเป็นลูกศิษย์ของผู้เฒ่า?’


 


พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอยู่บ้าง และหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ชายชราเบื้องหน้าจะมีโมโหก็ไม่แปลกเลย


 


“มิผิด เป็นเพราะอดีตผู้พิทักษ์คนนั้น”


 


ดูเหมือนชายชราเองก็รู้ตัวว่าได้เปิดเผยโทสะอารมณ์ออกไปโดยไม่รู้ตัว จึงเร่งสงบสติอารมณ์ลงทันที จากนั้นก็มองจ้องต้วนหลิงเทียน ค่อยเอ่ยถามว่า “เจ้าตกลงจะปฏิบัติตามกฏข้อนั้นหรือไม่ ว่าหากเจ้ามีกำลังมากพอแล้ว เจ้าจะล้างแค้นให้อดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนั้น?”


 


“แต่ก่อนที่เจ้าจักตกลงรับปาก ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน…ผู้ที่ฆ่าอดีตผู้พิทักษ์น้อยยามนั้น ในปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลเหอ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของแดนสวรรค์ใต้แล้ว และด่านพลังของมันก็บรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ!”


 


หลังชายชรากล่าววจบคำ มันก็มองจ้องตาต้วนหลิงเทียนเขม็ง เพื่อรอดูว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอย่างไร


 


“ข้ายินดีทำตามกฏที่ว่า”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ตัวบัดซบนั่นเลวยิ่งกว่าเดียรัจฉาน หากพลังฝีมือข้าสูงพอ ข้าจะลงทัณฑ์มันแทนฟ้าเอง”


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นอัศวินแห่งคุณธรรมอะไร แต่คนบางคนก็ทำเรื่องต่ำช้าสุดที่เขาจะรับได้ เช่นนั้นถึงฟ้าไม่ลงทัณฑ์ เขาก็จะลงทัณฑ์เอง


 


ในตอนที่ซุนเหลียงเผิง ประมุขนิกายอมตะเป้าผู่เล่าเรื่องอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวให้เขาฟัง จนได้ล่วงรู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร เขาก็รู้สึกรังเกียจผู้นำตระกูลเหอคนปัจจุบันที่ทำให้ครอบครัวผู้อื่นแตกแยกนัก!


 


กระทั่งต่อให้ไม่ต้องรับปากชายชราวันนี้ แต่วันหน้าหากมีโอกาส และพลังฝีมือเขากล้าแข็งพอ ถ้าไปเจอผู้นำตระกูลเหออะไรนั่นเข้า เขาก็จะพิพากษามันแทนฟ้าเอง!


 


ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่เสียเวลาคิดคิดด้วยซ้ำ เลือกจะกล่าวยอมรับกฏดังกล่าวของชายชราออกไปทันที


 


“ดี!”


 


ได้ยินต้วนหลิงเทียนรับปากเรื่องนี้ สองตาชายชราก็ทอแสงจ้าขึ้นมาทันใด กล่าวออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังว่า “ต้วนหลิงเทียน ลำดับอาวุโสของข้านับว่าสูงที่สุดในคฤหาสน์เฉวียนโยวยามนี้…แม้แต่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวคนปัจจุบัน ก็เป็นศิษย์ของศิษย์ข้า เรียกว่าเป็นศิษย์หลานของข้าเท่านั้น”


 


“วันนี้ข้าสามารถให้สัญญากับเจ้าเอาไว้ตรงนี้ได้เลย…ว่าหลังจากที่เจ้าขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราแล้ว ทรัพยากรที่เจ้าจักได้รับเพื่อการบ่มเพาะ ยังจะสูงกว่าผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นเท่าตัว!”


 


“นอกจากนั้นเจ้าจะได้รับความคุ้มครองจากข้าเป็นการส่วนตัว…หากเจ้ากังวลเรื่องที่องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดออกภารกิจสังหารเจ้า ข้าจะเดินทางไปองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดด้วยตัวเอง และสั่งให้พวกมันล้มเลิกภารกิจเสีย และจากนี้ต่อไปพวกมันจักไม่ได้รับอนุญาตให้ออกภารกิจสังหารเจ้าทุกกรณี!”


 


ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ น้ำเสียงของชายชราก็ฟังดูเผด็จการนัก ราวกับเป็นคำพูดของทรราชผู้หนึ่งที่ไม่อนุญาติให้ผู้ใดฝ่าฝืนขัดใจเด็ดขาด! ราวกับไม่เห็นองค์กรกะโหลกเลือดอยู่ในสายตา!!


 


และฟังจากคำพูดดังกล่าวของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็พอจะอนุมานได้ทันที ว่าพลังฝีมือของชายชราเบื้องหน้า ต่อให้เป็นยอดฝีมือของ 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลัก ก็นับว่าอยู่ในระดับพอๆกัน


 


หาไม่แล้วไฉนถึงกล้ากล่าววาจาเขื่องโขแบบนี้?


 


“ผู้อาวุโสข้ายอมรับเงื่อนไขนั่นแล้ว…ส่วนเรื่ององค์กรกะโหลกเลือด ท่านไม่ต้องสนใจหรอก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับชายชราเสียงเรียบ “องค์กรกะโหลกเลือดนั่น สักวันข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง”


 


“เจ้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง?”


 


ชายชรามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง ค่อยเอ่ยออกเสียงหนักว่า “องค์กรกะโหลกเลือดนั่นมีแม้กระทั่งมือสังหารขอบเขตจอมราชันอมตะ…โดยเฉพาะตัวผู้นำองค์กรกะโหลกเลือด มันหาได้ธรรมดาไม่ นับเป็นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะคนหนึ่ง พลังฝีมือร้ายกาจไม่น้อยไปกว่าข้า”


 


“ผู้อาวุโส ข้าขอถามท่านสักคำ ผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่ว่า หากให้เทียบกับผู้นำตระกูลเหอในปัจจุบัน พลังฝีมือของมันเป็นอย่างไร?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ


 


“เป็นธรรมดาว่าผู้นำตระกูลเหอในปัจจุบันย่อมเหนือกว่า”


 


สองตาชายชราเผยประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่งขณะกล่าว


 


หากพลังฝีมือของผู้นำตระกูลเหอนั่นอ่อนด้อยกว่าผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่พอๆกับมัน เช่นนั้นอีกฝ่ายคงถูกมันบุกไปเข่นฆ่านานแล้ว!


 


เพียงเพราะผู้นำตระกูลเหอคนปัจจุบันร้ายกาจกว่ามัน และศักยภาพพรสวรรค์ของอีกฝ่ายก็เหนือกว่ามัน มันจึงไม่มีหวังเรื่องเข่นฆ่าอีกฝ่ายด้วยตัวเอง จึงได้แต่ตั้งกฏสำหรับผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเอาไว้แบบนี้


 


“เช่นนั้น ผู้อาวุโสจะมาเตือนข้าเรื่องพลังฝีมือผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่ธรรมดาทำไม?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ “ถ้าแค่ผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดข้ายังจัดการมันไม่ได้…แล้ววันหน้าข้าจะจัดการผู้นำตระกูลเหอที่ว่าได้อย่างไร?”


 


คำพูดของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ทำให้ชายชราเผยอารมณ์ใดๆ แต่ในใจก็ชื่นชมความทะเยอทะยานของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


เป็นธรรมดาว่าที่ไม่เผยอารมณ์ใดๆก็แค่ผิวเผินเท่านั้น


 


“ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้นให้ข้าชมดูเร็วไว!”


 


ชายชรามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งพลางกล่าว


 



 


และเป็นดั่งที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยว่าไว้ไม่มีผิด 2-3 วันต่อมา ทางตระกูลซูก็ได้ส่งคนมาเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยว จุดประสงค์ก็เพื่อนำตัวต้วนหลิงเทียนไปยังตระกูลซู


 


“ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยว มีพรสวรรค์และความสามารถอันโดดเด่นนัก ทางตระกูลซูของเราต้องการพาตัวมันไปเข้าร่วมตระกูลซู เพื่อสนับสนุนส่งเสริมเรื่องการบ่มเพาะ!”


 


วาจาดังกล่าวเป็นคำพูดของผู้ส่งสารตระกูลซูที่กล่าวกับผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“คฤหาสน์เฉวียนโยวเราไม่คัดค้านอันใด…ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนเห็นด้วยก็พอ”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


 


“มันยังจะปฏิเสธตระกูลซูได้หรือ?”


 


ผู้ส่งสารของตระกูลซูมั่นใจนัก


 


อย่างไรก็ตาม พอผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวให้คนไปพาต้วนหลิงเทียนมาพบที่ห้องโถงหลัก ต้วนหลิงเทียนกลับกล่าวปฏิเสธผู้ส่งสารตระกูลซูทันที ทำให้ผู้ส่งสารตระกูลซูอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความอึ้ง “เจ้า…เจ้าปฏิเสธงั้นหรือ?”


 


“มันไม่ใช่การปฏิเสธ…ข้าแค่รู้สึกว่าพลังฝีมือของข้ายังอ่อนด้อยเกินไป รอให้ข้าแข็งแกร่งกว่านี้ค่อยไปเข้าร่วมกับตระกูลซูก็ยังไม่สาย และข้ารับปากท่านไว้ตรงนี้เลย ว่าข้าจะเลือกตระกูลซูแน่นอน ส่วนตระกูลอื่นๆ หรือ 5 นิกายหลัก ข้าไม่คิดจะเข้าร่วม”


 


ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับผู้ส่งสารตระกูลซูด้วยความสงบ “ผู้ส่งสาร นี่คือคำสัญญาที่ข้าให้ต่อตระกูลซู”


 


“เจ้าจะไม่คิดทบทวนหน่อยรึ?”


 


ผู้ส่งสารของตระกูลซูอดขมวดคิ้วไม่ได้ มันได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสตระกูลซูให้มาพาต้วนหลิงเทียนไปเข้าร่วมตระกูลซู หากมันพาอีกฝ่ายกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นอาวุโสต้องตำหนิมันแน่ เพราะเรื่องง่ายๆแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ…


 


แต่เป็นธรรมดาว่าผู้อาวุโสตระกูลซูก็ได้กำชับมันมาไว้แล้ว ว่าไม่อาจบีบคั้นผู้คน


 


ดังนั้นมันจึงไม่อาจใช้กำลังลักพาตัวคนไปได้


 


“ข้าตัดสินใจดีแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา


 


“เอาล่ะ! ข้าหวังว่าเจ้า…จะจดจำคำมั่นที่ให้ไว้”


 


ผู้ส่งสารตระกูลซูมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็หันไปอำลาผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วเดินทางจากไปทันที


 


คราวนี้ถือว่ามันไม่ได้มาเสียเที่ยว


 


อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็รับปากไว้แล้ว ว่าจะไม่เข้าร่วม 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลักใดอื่นนอกจากตระกูลซู


 


“นับว่าการมาของข้าบรรลุจุดประสงค์ได้ครึ่งหนึ่ง…ถ้างั้นผู้อาวุโสก็ไม่อาจตำหนิอะไรข้าได้แล้วล่ะ! เพราะอย่างน้อยๆ ข้าก็ได้คำมั่นจากเจ้าหนูนั่นมาแล้วนี่นา…”


 


ระหว่างเดินทางกลับ ผู้ส่งสารตระกูลซูอดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำเป็นการปลอบใจตัวเอง


 


หลังจากผู้ส่งสารของตระกูลซูจากไป ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว “ผู้นำ ท่านผู้อาวุโสบอกว่า…ข้าไม่ต้องเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกต่อไป สามารถทะลวงด่านพลังไปยังขอบเขตราชาอมตะได้ทันที…”


 


“เรื่องนี้ท่านไม่มีความคิดเห็นอันใดหรือ?”


 


ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ผลประโยชน์จากการติดอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางสมควรสำคัญกับคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายพอสมควร


 


หาไม่แล้วคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย คงไม่ลงทุนเพาะสร้างยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศไว้สำหรับช่วงชิงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางโดยเฉพาะหรอก


 


“ข้าฟังท่านบรรพจารย์”


 


ทัศนคติของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวนับว่าชัดเจน อีกฝ่ายไม่คิดคัดค้านสิ่งใดก็ตามที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยตัดสินใจ


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงอิทธิพลของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่มีต่อคฤหาสน์เฉวียนโยวชัดเจน


 


อันที่จริงเขาก็พอเดาได้แล้ว ก่อนที่จะกล่าวถามออกไป


 


ที่ถามก็เพื่อจะยืนยันให้ชัดเจนเท่านั้น


 


นอกจากนั้นเขาก็พร้อมจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดในคราเดียว โดยใช้ผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็ง!


 


ถึงในอดีตเขาจะเคยครอบครองระดับพลังขอบเขตราชาอมตะมาแล้วเพราะอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทสิ้นเปลือง แต่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณนั่นมันก็ไม่ใช่พลังของเขาจริงๆ


 


แค่พลังที่ได้รับมาใช้แล้วหมดไปเท่านั้น…


 


ตอนนี้ด่านพลังของเขากำลังจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว และพลังที่จะได้รับก็เป็นของเขาจริงๆ ไม่ใช่พลังภายนอก…


 


เช่นนั้นหลังกลับมาถึงวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ต้วนหลิงเทียนก็ปิดด่านบ่มเพาะทันที


 


เขานำผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็งออกมากินพร้อมๆกัน จากนั้นกระแสพลัง 2 ขุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็เริ่มแพร่กระจาย และหมุนเวียนไปในร่างของเขา


 


ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยู่เฉย โคจรพลังตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะทันที


 


และเคล็ดวิชาที่เขาใช้บ่มเพาะสั่งสมพลัง ก็ยังเป็นเคล็ดอมตะระดับราชาที่เขาได้มาจากกูป๋อของฮ่วนเอ๋อ ไท่อี้สุดลี้ลับ


 


หลังจากที่เริ่มโคจรบ่มเพาะพลังตามเคล็ดวิชา ต้วนหลิงเทียนก็ลืมเลือนเวลาไปโดยสมบูรณ์


 


จนเมื่อด่านพลังของเขาทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว เขาจึงตื่นขึ้นมาจาการบ่มเพาะ


 


ขณะเดียวกันเขาก็พบว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างเขาบัดนี้ มันได้บังเกิดการเปลี่ยนแปลงสะท้านแดนดิน! ไม่เพียงจะทวีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น แต่ยังทรงพลังสุดไพศาลนัก!!


 


แน่นอนว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดก็คือ โลกใบเล็กภายในกายของเขา!


 


เมื่อด่านพลังฝึกปรือของเขาก้าวหน้า โลกใบเล็กไม่เพียแต่จะขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ยังคล้ายจะกลายเป็นโลกที่แท้จริงในร่างเขาอีกด้วย!


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ที่เดิมปักอยู่บริเวณใจกลางโลกใบเล็กของเขา บัดนี้มันเริ่มขยายใหญ่แลดูราวกับจะเติบโตขึ้นกลายเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ แลดูมีชีวิตชีวานัก


 


‘หลังทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ…นอกจากโลกใบเล็กภายในกายแล้ว ดูเหมือนยังสามารถเปิดสร้างโลกใบเล็กได้อีกสินะ?’


 


คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นก็ยกมือขึ้นโบกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าทันที


 


ทันใดนั้นความว่างเปล่าเบื้องหน้า ก็ปรากฏรอยแยกมิติฉีกเปิด


 


อย่างไรก็ตาม รอยแยกมิติที่ว่าไม่ได้นำไปสู่ห้วงมิติผันผวนใดๆ แต่เป็นรอยแยกมิติที่จะนำไปสู่โลกใบเล็กอีกใบที่เขาเปิดสร้างขึ้น


 


จากนั้นด้วยการโบกมืออีกครา เขาก็ชักนำพลังให้หลั่งไหลเข้าสู่โลกใบเล็กดังกล่าวทันที แน่นอนว่าเป็นพลังวิญญาณฟ้าดินในธรรมชาติ ไม่ใช่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขา

 

 

 


ตอนที่ 3181

 

ตัวตนขอบเขตราชาอมตะนั้น สามารถเปิดโลกใบเล็กไว้ที่ใดก็ได้


 


และในโลกใบเล็กดังกล่าว…จะสิ่งไม่มีชีวิตก็ดี หรือสิ่งมีชีวิตก็ดีสามารถรองรับได้ทุกสิ่ง!


 


ในอดีตตอนที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะขึ้นมายังระนาบหลิงหลัวเทียน เขาก็เคยพลัดหลงเข้าไปในโลกใบเล็กของราชาอมตะจากนิกายอมตะสราญรมญ์มาแล้ว


 


และเพราะการพลัดหลงเข้าไปในโลกใบเล็กนั่น เขาก็เลยถูกสถานการณ์บีบบังคับให้มีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับมู่หรงปิง ศิษย์ของนิกายอมตะสือหัง


 


‘จนถึงวันนี้ เส้นทางของข้ายังนับว่าราบรื่นดีอยู่…ข้าขึ้นมาหลิงหลัวเทียนมาไม่ถึงร้อยปี ด่านพลังของข้าก็ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว’


 


‘นับจากวันนั้นก่อนที่จะครบกำหนด 1,000 ปี ข้ายังเหลือเวลาอีก 900 กว่าปี…แต่หลังจากนี้อีก 500 ปี ข้าต้องยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบเทวโลกให้ได้’


 


‘มีแต่เป็นแบบนี้เท่านั้น อีก 400 ปีให้หลังข้าถึงจะมีโอกาสเพิ่มพูนพลังให้มากพอจะบุกขึ้นไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพนั่นเพื่อช่วยเค่อเอ๋อ เสี่ยวเฟยเอ๋อ เทียนหวู่…และทุกๆคน!’


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลองเปิดโลกใบเล็กเล่นดู เพียงห้วงคิดเดียว เขาก็ทำลายโลกใบเล็กที่เปิดนั่นทันที


 


“ราชาอมตะ…”


 


พอลุกขึ้นยืน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น มวลพลังขุมหนึ่งปะทุควบรวมในหมัดอย่างเกรี้ยวกราด เขาเสพย์รับความรู้สึกของพลังอันกล้าแข็งอยู่สักพักค่อยคลายมือออก


 


พลังที่เขาได้รับจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง กับพลังที่เป็นของตัวเอง…มันให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 


เรียกว่ามันต่างกันคนละโลกสำหรับเขาเลย แน่นอนว่าในแง่ความรู้สึกเท่านั้น


 


“ผู้อาวุโส…”


 


ราวๆ 2 เค่อต่อมาต้วนหลิงเทียนที่ปรับด่านพลังอยู่สักพัก ก็เดินทางมายังสวนด้านหลัง จึงเห็นว่าจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่นั่งตกปลาอยู่เหมือนเดิม


 


“เจ้าทะลวงด่านได้แล้วรึ?”


 


ชายชราไม่ได้หันมามองอะไร แต่ฟังจากคำถามของมัน เห็นได้ชัดว่าล่วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะเรียบร้อยแล้ว


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับ


 


“ไม่เลว…เจ้าสามารถทะลวงด่านได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะผลไม้อมตะ แต่ก็นับว่ายากนักที่จะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเช่นนี้ หากไร้พรสวรรค์”


 


ชายชรากล่าว


 


“หลังจากนี้เจ้าก็แบ่งเวลาบ่มเพาะพลังทั้งตระหนักรู้ความลึกซึ้งของกฏมิติไปเถอะ…ก่อนที่เจ้าจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ก็อย่าได้ออกไปนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว เพราะตอนนี้ด้านนอกมีศัตรูของเจ้ามารอเข่นฆ่าเจ้าเต็มไปหมด…นับว่าเด็กน้อยเจ้าหาเรื่องได้เก่งเกินวัยจริงๆ”


 


ชายชรากล่าวต่อ “อ้อ มิใช่แค่นักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเท่านั้น…ยังมีคนของคฤหาสน์ปี้ชิงที่มาจับตาดูเจ้าด้วย พวกมันแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตารอให้เจ้าออกนอกเขตคฤหาสน์เชียวล่ะ”


 


“ราชาอมตะ 10 ทิศหรือ!? นี่ข้าต้องอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวนานเท่าไหร่กัน?!”


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนเองก็ต้องการทะลวงให้ถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศโดยเร็วที่สุด แต่ปัญหาก็คือตอนนี้เขายังเป็นแค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น แล้วกว่าจะทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศ เขาต้องใช้เวลากีปีกี่เดือนกัน? แล้วจะให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนเลย?


 


“ดูจากพรสวรรค์ของเจ้า…สัก 300 ปีเห็นจะได้”


 


ชายชรากล่าว


 


“300 ปี!”


 


มุมปากต้วนหลิงเทียนกระตุกขึ้นมาตงิดๆ เขายังอายุไม่ถึงร้อยปีเลย ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเพื่อทะลวงให้ถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเชียวหรือ?


 


เป็นธรรมดาว่าเขาเองก็รู้ดี


 


เซียนอมตะในระนาบเทวโลก ยิ่งฝึกฝนบ่มเพาะจนด่านพลังสูงขึ้นเท่าไหร่ เวลาที่ต้องใช้ในการทะลวงขั้นพลังหลังๆก็ยิ่งนานขึ้น


 


หลายคนใช้เวลาในการทะลวงจากด่านพลังราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปยังราชาอมตะ 2 ยศ นานกว่าทะลวงจากขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปยังขุนนางอมตะ 10 ทิศ มากถึง 10 เท่าด้วยซ้ำ!


 


“อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ต้องกังวล…การทะลวงจากด่านพลังราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปยังราชาอมตะ 10 ทิศของเจ้า ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวจะสนับสนุนเจ้าเต็มกำลัง ไม่ว่าโอสถอมตะหรือผลไม้อมตะอันใด หากหามาได้พวกเราจะมอบให้เจ้าเต็มที่”


 


“300 ปีก็แค่เวลาที่ข้ากะประมาณคร่าวๆเท่านั้น…หากโชคดีเจ้าอาจใช้เวลาสั้นกว่านั้น”


 


ชายชรากล่าว “ตอนนี้ในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรายังมีทรัพยากรที่จะช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว…แต่แน่นอนว่าทรัพยากรเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีถึงขั้นไร้จำกัด”


 


“ข้าได้ออกคำสั่งให้ลูกศิษย์ของข้าไปซื้อหาผลไม้อมตะไม่เว้นโอสถอมตะที่จะช่วยเจ้าได้เพิ่มไว้แล้ว…อยู่ที่นี่เจ้าสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศได้รวดเร็วกว่าอยู่ที่ตระกูลซูแน่นอน!”


 


“อย่างไรเสียการบ่มเพาะพลังในขอบเขตราชาอมตะ ไม่เว้นด่านใดๆหลังจากนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำได้ในชั่วข้ามคืน…ผลไม้อมตะที่จะทำให้ด่านพลังเจ้าพุ่งพรวดรวดเดียวเหมือนผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เจ้าเคยใช้ ในด่านพลังราชาอมตะหามีไม่!”


 


วาจาของชายชราก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนนิ่งเงียบไปทันที


 


“นอกจากนั้นมิใช่เจ้ากล่าวไว้เองหรือว่าเจ้าจะจัดการองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดด้วยตัวเอง อาศัยด่านพลังของเจ้าหากไม่ขยันบ่มเพาะให้มาก มิใช่ออกไปก็เท่ากับรนหาที่ตายหรือไร?”


 


“เพราะเท่าที่ข้ารู้ นักฆ่าที่องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดส่งมารอฆ่าเจ้ายามนี้ มีขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศหนึ่งคน กับขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักอีกสองคน…”


 


ชายชราเอ่ยต่อ


 


“หือ!? ราชาอมตะ 10 ทิศหนึ่ง ราชาอมตะ 9 ตำหนักสอง?”


 


ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความทึ่งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กังวลแม้แต่นิดเดียว เพราะตอนนี้หากเขาใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอีกครั้ง จนบรรลุขอบเขตพลังจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดล่ะก็ ด้วยความลึกซึ้งของกฏมิติที่เขามีให้พวกมัน 3 คนมัดรวมกันมา เขาก็ฆ่าทิ้งได้ในพริบตา!


 


อย่ากล่าวถึงเรื่องที่นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดจะเข้าใจควาวลึกซึ้งได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเลย เท่าที่รู้มากระทั่งนักฆ่าขอบเขตจอมราชันอมตะของพวกมัน ยังไม่มีใครเข้าใจความลึกวึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยแม้แต่คนเดียว!!


 


ด้วยความลึกซึ้งที่เขาเข้าใจอยู่ตอนนี้ พร้อมด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด อาศัยแค่ 1 ห้วงคิดก็จบชีวิตนักฆ่าทั้ง 3 นั่นได้โดยที่พวกมันไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!


 


ตอนนี้ที่เขากำลังอื้ออึงก็คือ…


 


นี่เขาต้องนั่งๆนอนๆทั้งเดินเล่นอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยว มากกว่าเวลาที่เคยใช้มาทั้ง 2 ช่วงชีวิตถึง 3 เท่าเลยหรือ? ถ้าไม่บรรลุถึงราชาอมตะ 10 ทิศคือ ต้องอุดอู้อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ?


 


“ผู้อาวุโส…”


 


ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เลียบๆเคียงๆกล่าวถามชายชราว่า “หากข้าออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว แล้วท่องไปทั่วๆ เป็นไปได้ไหมที่ข้าจะบังเอิญพบพานการผจญภัยประสบโชควาสนาโดยบังเอิญ จนทำให้ข้าทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเร็วขึ้น?”


 


“เลอะเทอะ!!”


 


ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ชายชราถึงกับวางคันเบ็ดหยุดตกปลาทันที ยังถึงกับลุกขึ้นยืนและหันมามองต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง “ทรัพยากรทั้งหมดที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเราจะมอบให้เจ้า เทียบได้กับการผจญภัยและวาสนาโดยบังเอิญอะไรนั่นของเจ้าเท่าที่จะพบเจอได้!”


 


“เจ้าออกไปตะลอนๆด้านนอก ให้ตายเจ้าก็ไม่มีทางหาทรัพยากรในการบ่มเพาะได้เท่ากับ ทรัพยากรบ่มเพาะที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเราทุ่มกำลังคนสรรหามาให้เจ้าแน่นอน!”


 


“และหากเจ้าอยากออกไปข้างนอกเพราะร่างกายอยากปะทะ ก็เชิญมาประมือกับข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจักลดพลังให้เจ้าตามร้องขอ  หลังจากนั้นเจ้าจักเอาแค่พอหอมปากหอมคอเจ็บตัวเบาะๆ หลังเดาะ หรือนอนเปลสักหลายๆเดือน ก็แล้วแต่เจ้า!”


 


พอชายชรากล่าวถึงจุดนี้ มันก็ยกยิ้มขึ้นมา ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกขนลุกอยู่บ้าง


 


“ที่นี่คือแดนสวรรค์ใต้ มิใช่ 7 ภูมิภาคเบื้องบน…หากที่นี่เป็น 7 ภูมิภาคเบื้องบนที่กว้างใหญ่สุดไพศาลพิสดารมากมี ข้าคงไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้ แต่ในแดนสวรรค์ใต้ไม่ต้องพูดถึง 10 ตระกูลใหญ่รวมถึง 5 นิกายหลัก แค่กำลังคนของคฤหาสน์อมตะ นอกจากขุดดินลึก 3 ฉื่อ พวกเราก็แทบจะค้นทุกซอกทุกมุม! แล้วเจ้ายังคิดจะไปพบพานโชควาสนาอันใดอีก? อยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”


 


ฟังที่ชายชราร่ายยาวมา ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก


 


อย่างไรก็ตามเขารู้ดี ว่าความเข้าใจในแดนสวรรค์ใต้ของชายชรา มันเหนือกว่าเขาหลายขุม


 


“ผู้อาวุโส ที่ท่านบอกให้รอจนกว่าข้าจะทะลววงถึงราชาอมตะ 10 ทิศ หรือท่านคิดให้ข้าไปเข้าร่วมตระกูลซูตอนที่ด่านพลังบรรลุถึงราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม


 


“ไม่ผิด!”


 


ต้วนหลิงเทียนแค่เอ่ยถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องไปอย่างนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าชายชราจะพยักหน้ากล่าวตอบกลับมาอย่างจริงจัง “เมื่อเจ้าทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศ เจ้าก็สามารถเข้าสู่ตระกูลซู และเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงในนามของพวกมัน ถึงตอนนั้นจะช่วงชิงเกียรตยศก็ดี แสวงหาโชควาสนาก็ดี เจ้าสามารถทำได้เต็มที่…”


 


“ในแดนสวรรค์ใต้เรา ราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง หากคิดทะลวงไปยังขอบเขตจอมราชันอมตะด้วยตัวเองตามปกติ นับว่าเป็นเรื่องราวอันยากเย็นนัก”


 


“แต่ถ้าเจ้าเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงล่ะก็…ในนั้นมันเต็มไปด้วยโชควาสนามากมาย กระทั่งอาจจะพบเจอสิ่งที่ช่วยให้เจ้าทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้ในเวลาสั้นๆ”


 


“หากจะกล่าวว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คือลานประลองซ้อมมือสำหรับขุนนางอมตะแต่ละคฤหาสน์อมตะแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็คือเวทีสำหรับเข่นฆ่าช่วงชิงโชควาสนาและทรัพ์สมบัติที่แท้จริงของแดนสวรรค์ใต้!!”


 


“ไม่ว่าจะ 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลัก ขุมกำลังต่างๆ ไม่เว้นผู้ฝึกตนอิสระที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว ล้วนสามารถเข้าไปแสวงหาโชควาสนาสำหรับตัวเองได้ทั้งนั้น”


 



 


หลังได้ฟังคำอธิบายจากชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเป็นอย่างไร และนั่นเป็นเวทีสำหรับตัวตนสุดยอดขอบเขตราชาอมตะทั้งหมดของแดนสวรรค์ใต้


 


“หากเจ้าจะไถ่ถามว่ามีที่ใดในแดนสวรรค์ใต้ที่ทำให้เจ้าทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศได้รวดเร็วกว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวล่ะก็…ข้าสามารถตอบเจ้าได้ทันที ว่าสถานที่แห่งนั้นเห็นจะมีแต่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเท่านั้น…”


 


“อย่างไรก็ตาม แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอันตรายกว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาก ให้เจ้าหาทางออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยรอดพ้นเงื้อมมือนักฆ่าที่ดักรอด้านนอกตอนนี้ ยังมีอันตรายน้อยกว่าปล่อยเจ้าเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเสียอีก…เช่นนั้นข้าไม่คิดจะปล่อยให้เจ้าเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจนกว่าพลังฝีมือของเจ้าจักสูงพอเด็ดขาด!”


 


“แต่แน่นอนว่าหากสติปัญญาเจ้าเลิศล้ำถึงขั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีกสักประการ 2 ประการ เช่นนั้นขอแค่ด่านพลังเจ้าบรรลุถึงราชาอมตะ 7 ดารา หรือราชาอมตะ 8 ชะตา ข้าก็สามารถวางใจให้เจาเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง….”


 


กล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็งกล่าวออกเสียงเข้ม “สำหรับเจ้าในตอนนี้ จงอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรียบๆร้อยๆเสีย อย่าได้คิดไปซุกซนด้านนอก”


 


“ฟังจากที่ผู้อาวุโสกล่าว…ดูเหมือนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็ไม่ขาดแคลนราชาอมตะที่เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยสินะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหยีตาเอ่ยถาม


 


ชายชรารู้แล้วว่าเขาเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย


 


กล่าวได้ว่าตอนนี้ถึงเขาจะเป็นแค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ต่อให้เป็นราชาอมตะ 3 ศักดิ์ กระทั่งราชาอมตะ 4 รูปทั่วๆไป พวกมันก็ไม่ใช่คู่มือเขา


 


ทว่าหากพวกมันสามารถเข้าใจความลึกซึ้งบางประการได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย เขาก็จะสู้พวกมันไม่ได้ทันที


 


ด่านพลังและพลังจากความลึกซึ้งมันมีส่วนเกี่ยวข้องทุกอย่าง


 


หากท่านมีในสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีท่านย่อมได้เปรียบเป็นธรรมดา…แต่หากท่านมีในสิ่งที่ผู้อื่นก็มี เช่นนั้นท่านก็จะสูญเสียความได้เปรียบทันที


 


“นั่นเป็นเรื่องปกติ ขอเพียงเป็นศิษย์สาวกจาก 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลัก ย่อมมีหลายคนที่ตระหนักรู้ความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว”


 


“ด้วยความเข้าใจในกฏมิติของเจ้าเวลานี้ ต่อให้ด่านพลังของเจ้าจะทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศ แต่อย่างดีพลังฝีมือระดับเจ้า ก็คงหาคะแนนได้พอเข้าแค่แดนลับขั้น 2 อย่างเฉียดฉิวเท่านั้น…”


 


ต้องกล่าวเลยว่าหลังได้ยินคำพูดประโยคนี้ของชายชรา ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนถูกมีดจ้วงพุงอยู่บ้าง


 


รู้ไหมว่า ก่อนหน้านี้เขายังมั่นใจมาก…ว่าหากเขาบ่มเพาะจนด่านพลังบรรลุถึงราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว ถึงตอนนั้นคงยากที่จะมีตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันอมตะที่สู้เขาได้…


 


แต่พอมาฟังสิ่งที่ชายชรากล่าวเมื่อครู่


 


ต่อให้ตอนนี้ด่านพลังเขาจะเป็นราชาอมตะ 10 ทิศ ด้วยความลึกซึ้งของกฏมิติที่เขามี ถึงจะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้ระดับสูง แต่อย่างดีก็คงทำได้แค่ทำผลงานจนสามารถผ่านเข้าสู่แดนลับระดับ 2 เท่านั้น?


 


‘บางทีในสายตาของผู้อาวุโส ต่อให้ข้าทะลวงถึงราชาอมตะ 7 ดารา หรือราชาอมตะ 8 ชะตา แต่เต็มที่ข้าก็คงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้เพิ่มแค่ 1-2 ประการเท่านั้นสินะ…’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


‘ก็แค่ผู้อาวุโสคงไม่มีวันรู้…ว่าข้ามีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด และเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ถ่องแท้ในกฏมิติ!’


 


‘ความเร็วในการเข้าใจกฏมิติของข้า สุดที่อาวุโสจะจินตนาการได้ออก’


 


‘เอาเถอะ ข้าจะอยู่บ่มเพาะพลังงในคฤหาสน์เฉวียนโยวเงียบๆ…รอให้เข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยอีกสัก 1-2 ประการ ถ้าตอนนั้นด่านพลังทะลวงถึงราชาอมตะ 7 ดาราหรือราชาอมตะ 8 ชะตาแล้ว ค่อยลองเข้าไปชิมลางในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงดู…’


 


ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้

 

 

 


ตอนที่ 3182

 

ผู้คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์เฉวียนโยว รวมถึงฉีเทียนหมิง ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว


 


ทุกคนยังตั้งหน้าตั้งตารอดูต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และแสดงความดุร้ายด้วยการไปดักหน้าค่าย ทุบตีผู้อื่นอย่างไร้ทางสู้ เหมือนที่เคยทำมาทั้ง 3 เดือน สานตำนานอันดับ 1 ต่อไป!


 


เพราะพวกมันล้วนเชื่อมั่นถึงที่สุด ว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่โชคร้าย จนเหินร่างเคว้งคว้างไม่พบผู้ใด ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับอันดับ 1 แน่นอน!


 


อย่างไรก็ตาม พอขึ้นเดือนใหม่จนเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเสียที ราวกับคนหายสาบสูญไปเลย!


 


“เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปไหนแล้วเล่า?”


 


“เอ่อ…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน คงไม่ใช่ว่าออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวเราไปแล้วหรอกนะ”


 


“ก็เป็นไปได้…หาไม่แล้วไฉนเดือนนี้แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดมาสิบกว่าวัน แต่คนยังไม่เข้ามาอีก…”


 


“เฮ่ เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นคนนอกที่ผู้นำจ้างมาช่วยเหลือพวกเราเป็นครั้งคราวหรือไร? จะจากไปแล้วก็ไม่แปลกนี่นา? ไฉนเจ้าแลดูจริงจังขนาดนั้นเล่า?”


 


“ก็ข้าไปสืบมาจนรู้ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ที่แท้ถูกผู้ตรวจการฉีไปรับตัวมาจากนิกายอมตะเป้าผู่น่ะสิ! ไม่ใช่คนนอกที่ทางคฤหาสน์จ้างมาช่วยแต่อย่างใด!”


 


“นิกายอมตะเป้าผู่? หนึ่งในขุมกำลัง 3 นิกาย 2 ตระกูลใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนเราน่ะนะ? โอ ทวยเทพ! ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะมาจากที่นั่น!!”


 


“ข้าว่าตอนนี้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมควรถูกคนของตระกูลซูมาพาไปแล้วแน่แท้…หาไม่แล้วไฉนถึงไม่เข้าไปทำผลงานดีๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?”


 



 


ศิษย์ขอบเขตขุนนางอมตะของคฤาหสน์เฉวียนโยวออกความเห็นกันระงมหู เพราะจนป่านนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียที


 


“เจ้าหนู เดือนนี้เจ้าไม่คิดเข้าไปหรือ?”


 


ฉีเทียนหมิงอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความมาถามไถ่


 


“เข้าไปไหน?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่กำลังคุยกับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอยู่ พอได้รับข้อความติดต่อจากฉีเทียนหมิง อารามครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่ก็เลยไม่ทันนึก ว่าฉีเทียนหมิงเอ่ยถามถึงเรื่องอะไร ได้แต่บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณถามกลับไปอย่างงงๆ


 


“ก็เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอย่างไรเล่า”


 


ฉีเทียนหมิงส่งข้อความมาถามต่อ


 


“ผู้เฒ่าฉี ตอนนี้ข้าทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว…ท่านว่าข้ายังจะเข้าไปได้อีกไหมเล่า”


 


ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็เข้าใจว่าเรื่องอะไร จึงส่งข้อความตอบกลับไปเร็วไว


 


หลังได้รับคำตอบดังกล่าวจากต้วนหลิงเทียน ฉีเทียนหมิงก็ยืนเหวอไปตาปริบๆ ด้วยคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้รับคำตอบลักษณะนี้จากต้วนหลิงเทียน


 


‘เจ้าหนูนั่น…มันทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว!?’


 


บัดนี้ฉีเทียนหมิงกลัวแล้วจริงๆ…


 


เพราะเท่าที่มันรู้มา ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งได้รับผลเทพสังเวยยสวรรค์ จนด่านพลังทะลวงจากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศหรอกรึไง…?


 


แล้วเรื่องราวยังพึ่งผ่านไปเท่าไหร่กัน ต้วนหลิงเทียนกลับบ่มเพาะพลังจากขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ จนสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว?


 


มันจดจำได้ว่าหากใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์ จากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดก็จะบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิษได้พอดี ไม่ได้มีพลังสั่งสมล้นเหลือมากมิใช่หรือ?


 


ในกรณีนั้นไม่ได้หมายความว่าหากคิดทะลวงถึงราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ก็ต้องบ่มเพาะพลังเต็มขั้น ของขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศด้วยตัวเองก่อนหรือไร?


 


ตัดกลับมาทางด้านวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย


 


“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านว่าอย่างนั้น ข้าก็จะอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ไปไหน…รอให้พลังฝีมือข้าถึงขั้นสามารถเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้เมื่อไหร่ ข้าค่อยคิดเรื่องออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับชายชรา


 


“ดี”


 


ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ชายยชราก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


 


ทันใดนั้น คล้ายมันฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก ชายชราจึงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “จักว่าไป ดูเหมือนนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเราตอนนี้ จักมีแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาด้อมๆมองๆอยู่สองสามวันแล้ว…”


 


“ที่แปลกก็คือ ด้านหลังนางกลับมีคน 2 คนคอยสะกดรอยตามนางโดยที่นางไม่รู้ตัว”


 


“สตรีนางนั้นพึ่งมาถึงด้านนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวหลังนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือด ยังมาถึงหลังคนของคฤหาสน์ปี้ชิงอีกด้วย เช่นนั้นก็สมควรไม่ใช่พวกเดียวกัน…”


 


“เจ้ารู้จักนางหรือไม่”


 


ชายชราถาม


 


“แม่นางน้อย?”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “นางมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรหรือ?”


 


“ข้ามองไม่เห็นว่านางมีรูปโฉมอย่างไร…นางไม่เพียงแต่จะสวมผ้าปิดหน้า แต่ยังสวมงอบผ้าอีกด้วย เช่นนั้นจึงยากที่ข้าจะบอกได้ว่าหน้าตานางเป็นอย่างไร แต่รูปร่างนับว่าไม่เลวทีเดียว”


 


ชายชรากล่าว


 


และทันทีที่ชายชรากล่าวจบคำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที เพราะลักษณะสตรีที่ปกปิดหน้าตามิดชิดขนาดนี้ อดทำให้ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้


 


“ฮวนเอ๋อ?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน จากนั้นก็เร่งมองถามชายชราอย่างร้อนใจ “ผู้อาวุโส ไม่ทราบตอนนี้นางอยู่ที่ใด? นางอาจเป็นสหายที่พลัดหลงกับข้าเมื่อหลายปีก่อน!!”


 


“บางทีนางอาจได้ยินว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่คฤหาสน์เฉวียนโยว ก็เลยมาตามหาข้าที่คฤหาสน์เฉวียนโยว!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว และยิ่งพูดก็ยิ่งสงสัยว่าอาจจะเป็นฮ่วนเอ๋อมากขึ้นเรื่อยๆ


 


“สหายเจ้ารึ?”


 


ชายชราเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็โบกมือส่งๆ ปรากฏพลังไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่มาปกคลุมห่อหุ้มต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในฉับพลัน


 


พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชายชราได้หอบหิ้วเขาเดินทางด้วยความเร็วสูง จนแลเห็นทิวทัศน์รอบกายเป็นเส้นแสงวูบวาบผ่านไปเร็วไว


 


“นางอยู่นั่น”


 


จนเมื่อต้วนหลิงเทียนพบว่าชายชราได้ชะลอความเร็วจนหยุดลงแล้ว เสียงชายชราก็ดังขึ้นในหูเขาพอดี


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินดังนั้น ก็หันมองไปเบื้องหน้าทันที


 


พริบตาเขาก็เห็นร่างบางหนึ่งยืนอยู่ไกลๆ


 


เป็นสตรีที่สวมใส่ผ้าคลุมและงอบผ้าปกปิดใบหน้ามิดชิด ชุดของนางมีสีขาวสะอาด รูปร่างของนางไม่ว่าจะทรวดทรงองค์เอวนับว่าไร้ที่ติ


 


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผ้าปิดปาก หมวกงอบผ้าบางๆนั่น หรือชุดที่นางสวมใส่อยู่ สำหรับต้วนหลิงเทียนมันคุ้นจนไม่อาจจะคุ้นมากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว…


 


เพราะเขาเป็นคนพานางไปซื้อเอง!


 


“ฮ่วนเอ๋อ!”


 


ต้วนหลิงเทียนเผยทีท่าตกตะลึงทั้งประหลาดใจนัก ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆฮ่วนเอ๋อจะมาปรากฏตัวที่คฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ ปมในใจอันหนักอึ้งเริ่มคลี่คลายทันที!


 


“อย่าได้รีบร้อนเผยตัว”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะออกไปแสดงตัว เสียงชายชราก็ดังขึ้นพอดี “อย่าได้ลืมไป ว่ามี 2 คนลอบสะกดรอยตามนางมาอย่างลับๆล่อๆ…ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง 2 มิใช่มนุษย์แต่สมควรเป็นสัตว์อมตะ”


 


“ข้าลองแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบพวกมันดูแล้ว…หากข้าดูไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายา”


 


พอชายชราเอ่ยถึงจุดนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง


 


คนของเผ่าจิ้งจอกมายา?!


 


จนถึงวันนี้ เขายังจำคำเตือนที่กูป๋อของฮ่วนเอ๋อกำชับไว้ได้ขึ้นใจ


 


กูป๋อของฮ่วนเอ๋อกำชับเขาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่า…ก่อนที่ฮ่วนเอ๋อจะบรรลุถึงขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ อย่าปล่อยให้คนของเผ่าจิ้งจอกมายาพบเจอฮ่วนเอ๋อเด็ดขาด นอกเสียจากมารดาของนางเอง!


 


และหากมีคนของเผ่าจิ้งจอกมายาบังเอิญพบเจอฮ่วนเอ๋อโดยบังเอิญล่ะก็ เว้นเสียแต่มันผู้นั้นจะแซ่ตู้ ให้ฆ่าทิ้งทันที!


 


หาไม่แล้วฮ่วนเอ๋อจะมีภัยถึงชีวิต!


 


ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็ทราบได้ทันที ว่านี่คือการแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจในเผ่าแน่นอน


 


“ผู้อาวุโส”


 


ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะหันไปมองถามชายชรา “ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าสองคนที่ลอบสะกดรอยตามนางมาเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมาไม่ผิดแน่?”


 


“ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วน


 


ชายชราตอบ


 


“ผู้อาวุโสเช่นนั้นพาข้าไปพบพวกมันเถอะ…ถึงตอนนั้นข้าจะถามชื่อพวกมันมดู หากว่าพวกมันไม่ได้แซ่ตู้ ข้าขอรบกวนให้ผู้อาวุโสช่วยฆ่าพวกมันทิ้งได้หรือไม่?”


 


“และอย่าให้พวกมันได้มีโอกาสใช้ยันต์อมตะสื่อสารใดๆก่อนตายเด็ดขาด”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอชายชราด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด


 


“ได้”


 


ชายชราพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวถามอะไรให้มากความ ราวกับเต็มใจช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข


 


อันที่จริงตอนนี้ตัวมันก็ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายแล้ว หากไม่มีต้วนหลิงเทียน โอกาสที่มันจะล้างแค้นให้บิดากับมารดาเรียกว่าริบหรี่เต็มที…


 


มีเรื่องหนึ่ง ที่ต้วนหลิงเทียนยังไม่รู้


 


อันที่จริงแล้วจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนี้ หาใช่อาจารย์ของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเมื่อ 30,000 ปีก่อนไม่…แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนี้ ที่แท้ก็คือลูกชายแท้ๆของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย!!


 


ในปีนั้นมารดาที่อุ้มท้องมัน หลังหลบหนีการล่าสังหารมาได้อย่างเฉียดฉิว ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายหลังพบครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง นางก็ได้คลอดมันก่อนตาย…


 


ต่อมามันที่เติบโตขึ้นก็ได้ล่วงรู้เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่มารดาเหลือไว้ให้


 


ถึงแม้ในเวลาต่อมามันจะเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว และขยันหมั่นเพียรโดยอาศัยความแค้นเป็นแรงผลักดัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีปัญญาเข่นฆ่าผู้นำตระกูลเหอเพื่อล้างแค้นให้บิดามารดาได้


 


ด้วยวิธีนี้มันก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับผู้อื่นเท่านั้น


 


การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันเห็นรุ่งอรุณแห่งความหวัง


 


ตั้งแต่วินาทีที่ต้วนหลิงเทียนรับปากจะล้างแค้นให้บิดามารดามัน มันก็ยึดถือชีวิตของต้วนหลิงเทียนเป็นสำคัญเหนือชีวิตมันทันที


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะให้มันฆ่าผู้ใดก็ไม่รู้สองคนเลย หากต้วนหลิงเทียนสามารถล้างแค้นให้บิดามารดามันได้จริง ถึงตอนนั้นต่อให้ต้วนหลิงเทียนขอให้มันฆ่าตัวตาย มันยังไม่อิดออด!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


ชายชราอบหิ้วต้วนหลิงเทียนไปปรากฏเบื้องหน้าคนทั้ง 2 ที่สะกดรอยตามฮ่วนเอ๋อ


 


และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจน เป็นชายหนุ่มกับชายวัยกลางคน และทั้งคู่ก็แลดูสับสนงุนงงไม่น้อยเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ ต้วนหลิงเทียนกับชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตา


 


“พวกเจ้าทั้งคู่ มาทำอะไรลับๆล่อๆในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองจ้องทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยถามเสียงหนัก “เป็นการดีเสียกว่าที่พวกเจ้าจะบอกฐานะความเป็นมาให้แน่ชัด…และแจ้งมาตามตรงว่าที่แท้พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ หาไม่แล้วพวกเจ้าอย่าหวังเก็บชีวิตกลับไป!”


 


พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้าท่าทีทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง


 


การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนกับชายชราเบื้องหน้า พวกมันไม่อาจแลเห็นร่องรอยใดๆได้เลย บ่งบอกให้รู้ว่าหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตพวกมัน เช่นนั้นพวกมันตายอย่างไรก็คงไม่ทราบแล้ว!


 


เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวก็บอกให้รู้ว่าอย่างน้อยๆ 1 ใน 2 ที่ปรากฏตัวเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าพวกมันมาก!


 


“ใต้เท้า พวกเราเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมาจาก ข้าเรียกว่าจางฉีอวี่ ส่วนด้านนี้คือจางลี่จง พวกเรามิได้มีความแค้นอันใดกับคฤหาสน์เฉวียนโยวของใต้เท้าเลย”


 


พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ หนึ่งในนั้นก็เร่งกล่าวออกมาเร็วไว


 


ไม่ได้แซ่ตู้!


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน


 


และในวินาทีเดียวกับที่ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลง เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยชราที่ยืนข้างๆ ก็ได้ยกมือขึ้นมาโบกสะบัดตามอำเภอใจ


 


ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!


 



 


ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว เขาก็เห็นว่าคนเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 ที่ลอบสะกดรอบตามฮ่วนเอ๋อมา ได้ถูกเถาวัลย์ทะลวงแทงตกตายลงในชั่วพริบตา!


 


ในห้วงเวลาชั่วพริบตาเช่นนี้ อย่าว่าแต่ใช้ยันต์อมตะสื่อสารแจ้งเรื่องราว กระทั่งตกตายอย่างไร ก็เกรงว่าพวกมันจะไม่ทันรู้ตัว…


 


เพราะสีหน้าของทั้งคู่ ยังฉายถึงรอยยิ้มปั้นแต่ง เหมือนตอนกล่าวตอบคำเขาอยู่เลย…


 


‘ร้ายกาจยิ่ง!’


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงพลังอันน่ากลัวของชายชราข้างกายผู้เป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที เรียกว่าทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ!


 


“ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านมาก”


 


หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานกล่าวขอบคุณชายชราจากใจ


 


หลังกล่าวขอบคุณแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาด้วยยสีหน้าจริงจัง “ผู้อาวุโสลองคนของเผ่าจิ้งจอกมายาตกตายแบบนี้ อย่างน้อยๆทางเผ่าพวกมันต้องตามร่องรอยมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวได้แน่…เรื่องนี้จะสร้างปัญหาอะไรรึเปล่า?”


 


“เผ่าจิ้งจอกมายาในแดนสวรรค์ใต้ ขุมกำลังยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวเรามากนัก…ต่อให้พวกมันคิดมาหาความอันใด คฤหาสน์เฉวียนโยวเราก็ไม่หวั่น!”


 


ชายชรากล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ


 


ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ


 


และภายใต้การนำพาของชายชรา ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปปรากฏเบื้องหน้าฮ่วนเอ๋อไม่ไกล ฮ่วนเอ๋อก็ยังคงเหม่อมองคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าไกลๆอย่างเงียบงัน


 


“ฮวนเอ๋อ!”


 


ต้วนหลิงเทียนมองฮ่วนเอ๋อด้วยอารมณ์สะทกสะท้อนครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆเรียกหานางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในดวงตาเขายังฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีสุดระงับ

 

 

 


ตอนที่ 3183

 

“ฮ่วนเอ๋อ”


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยเรียกออกไป แผ่นหลังของร่างบางที่เหม่อมองไปยังคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ก็สะท้านไปอย่างแรง จากนั้นนางก็ค่อยๆหันกลับมา


 


พอหันมาเห็นร่างชายหนุ่มชุดม่วงไม่ไกล แม้จะไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาสักพักแล้ว แต่นางก็จดจำได้ไม่มีลืม เพราะชายหนุ่มก็ไม่เปลี่ยนไปเลย


 


“พี่หลิงเทียน? ข้า…ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”


 


ฮ่วนเอ๋อยกมือขึ้นถอดหมวกกับผ้าคลุมหน้าออกทันที รูปโฉมอันงดงามไร้คู่เปรียบของนางเปิดเผยออกมาอีกครา พาลให้สรรพสิ่งโดยรอบแลหมองลงถนัดตา


 


จังหวะนี้กระทั่งจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่อยู่มา 30,000 กว่าปีที่ยืนอยู่ไกลๆ พอได้เห็นรูปโฉมฮ่วนเอ๋อ มันยังอดไม่ได้ที่จะหยีตาลง เพราะตลอดชั่วชีวิตของมันไม่เคยเห็นสตรีนางใดงดงามถึงขั้นนี้มาก่อน “ใต้หล้า…มีสตรีที่งดงงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?”


 


“ฮวนเอ๋อ”


 


เมื่อเห็นโฉมหน้าฮ่วนเอ๋อชัดถนัดตา ต้วนหลิงเทียนก็ทนไม่ไม่ไหวสืบไป ร่างไหววูบเข้าหาฮ่วนเอ๋อทันที


 


ด้านฮ่วนเอ๋อก็คล้ายกลายเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดกรรโชกมาเร็วไว ก่อนจะโยนตัวเข้าอ้อมอกต้วนหลิงเทียน ทั้งกอดเอาไว้แน่น “พี่หลิงเทียน…ฮ่วนเอ๋อคิดถึงท่านยิ่ง คิดถึงท่านยิ่ง!”


 


หลังซุกอ้อมอกต้วนหลิงเทียนแล้ว ฮ่วนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยอารมณ์สะทกสะท้อน หยาดน้ำสองสายหลั่งรินจากดวงตาราดรดแก้มงาม ชวนให้แลดูน่าเวทนาสงสารเหลือเกิน


 


“พี่หลิงเทียนก็คิดถึงฮ่วนเอ๋อเหมือนกัน”


 


ต้วนหลิงเทียนเองก็กอดร่างบางในอกไว้แน่น ความกังวลที่สุมในอกมานานปีในที่สุดก็พรั่งพรูออกมา


 


ตอนนั้นหลังตื่นจากการบ่มเพาะมาแล้วไม่เจอฮ่วนเอ๋อ เขาก็กังวลแทบบ้า


 


ตอนนี้เมื่อเห็นนางปลอดภัยกับตา ในที่สุดเขาก็ได้ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเสียที


 


“ฮ่วนเอ๋อ สัญญากับพี่หลิงเทียน…วันหลังเจ้าห้ามจากไปโดยไม่ลาอีกรู้หรือไม่?”


 


หลังผ่านไปราวๆเค่อหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆผละร่างฮ่วนเอ๋อออกไป และมองกล่าวด้วยสายตาจริงจัง


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน หลายปีที่ฮ่วนเอ๋อหายไป…พี่หลิงเทียนคิดถึงฮ่วนเอ๋อบ้างไหม?”


 


ฮ่วนเอ๋อตอนนี้ บนแก้มงามไร้ตำหนิยังปรากฏคราบน้ำตาให้เห็น ชวนให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเวทนาจับใจ


 


“คิดถึง! พี่หลิงเทียนห่วงฮ่วนเอ๋อแทบตายที่หายไปคนเดียวแบบนั้น…พี่หลิงเทียนยังออกกตามหาฮ่วนเอ๋ออยู่หลายปีก็แต่กลับหาไม่เจอเลย ที่แท้ตอนนั้นฮ่วนเอ๋อไปอยู่ไหนมากันแน่?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงเข้ม


 


“เช่นนั้น ที่ฮ่วนเอ๋อจากไปก็ไม่ไร้ความหมายแล้ว”


 


ฮ่วนเอ๋อกล่าว


 


“เด็กโง่ ไฉนเจ้าคิดเช่นนั้นเล่า”


 


ได้ยินคำพูดของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออก ทั้งจนปัญญาอยู่บ้าง และทำให้เขาอดนึกถึงวาจาทิ้งทายที่ฮ่วนเอ๋อจากไปไม่ลาวันนั้นขึ้นมา


 


“พี่หลิงเทียน ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อคงไม่ได้อยู่ข้างท่านแล้ว…ที่จริงฮ่วนเอ๋อไม่อยากไปไหนเลย แต่ฮ่วนเอ๋อคิดว่าหากฮ่วนเอ๋อหายตัวไป บางทีพี่หลิงเทียนอาจจะคิดถึงและเป็นห่วงฮ่วนเอ๋อบ้าง…เป็นห่วงฮ่วนเอ๋อเหมือนที่ห่วงพี่สาวมู่หรงปิง พี่สาวเค่อเอ๋อ พี่สาวลี่เฟย และพี่สาวเฟิ่งเทียนหวู่…”


 


นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฮ่วนเอ๋อจากไปในตอนนั้น


 


กระทั่งจนบัดนี้เมื่อนึกถึงเหตุผลดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็อดคิดไปไม่ได้ว่าฮ่วนเอ๋อช่างเอาแต่ใจราวเด็กน้อยเหลือเกิน…


 


อย่างไรก็ตามพอคิดอีกที ตอนนั้นฮ่วนเอ๋อก็เป็นเด็กน้อยจริงๆ และพึ่งจะออกมาพบเจอโลกกว้างหลังได้เจอเขาเท่านั้น…


 


เช่นนั้นการกระทำของนางย่อมอภัยให้ได้


 


หากจะโทษก็ต้องโทษเขาคนเดียว ที่ไม่ได้หาทางออกเรื่องนี้ให้ดี


 


“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าต้องรับปากพี่หลิงเทียน ว่าต่อไปเจ้าจะไม่ทำแบบนี้อีก…ตั้งแต่วันที่ฮ่วนเอ๋อจากไป พี่หลิงเทียนรู้แล้วว่าในใจฮ่วนเอ๋อสำคัญขนาดไหน”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


ถึงแม้วาจาของต้วนหลิงเทียนฟังแล้วจะเหมือนปลอบใจและห้ามปรามไม่ให้นางทำอะไรแบบนั้นอีก แต่ที่พูดไปก็เป็นความจริง เพราะในใจเขาฮ่วนเอ๋อก็มีความสำคัญกว่าที่เขาคิดเอาไว้


 


“จริงหรือ?”


 


ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที จากนั้นก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนจริงจัง ราวกับจะรอฟังคำยืนยันของต้วนหลิงเทียน


 


“จริงสิ”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


“พี่หลิงเทียน วันหน้าฮ่วนเอ๋อจะไม่จากพี่หลิงเทียนไปไหนแล้ว”


 


ฮ่วนเอ๋อโยนตัวเข้าอ้อมอกต้วนหลิงเทียนอีกรอบ และคราวนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยอยู่นาน จนเมื่อต้วนหลิงเทียนบอกว่ามีคนอยู่ด้วย ฮ่วนเอ๋อจึงผละออกมาด้วท่าทางเขินอายอยู่บ้าง


 


“ผู้อาวุโส นี่คือฮ่วนเอ๋อ เป็นน้องสาวข้าเอง”


 


ต้วนหลิงเทียนที่กุมมือฮ่วนเอ๋ออยู่หันไปกล่าวแนะนำตัวนางให้จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยรู้จัก


 


“น้องสาว?”


 


ชายชราแย้มยิ้ม “ใช่น้องสาวที่รักหรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหน้าม้านอยู่บ้าง เมื่อได้ยินคำของชายชรา กลับันด้านฮ่วนเอ๋อพอได้ฟังคำพูดของชายชราก็คลี่ยิ้มอย่างถูกใจ “ตาแก่เจ้าพูดน่าฟังยิ่ง เจ้าเป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยหรือ?”


 


“ฮ่วนเอ๋อ อย่าได้หยาบคาย!”


 


ต้วนหลิงเทียนรีบปรามฮ่วนเอ๋อทันที


 


“ไม่เป็นไรหรอก”


 


ชายชราโบกมือส่งๆกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าดูแล้วยยาโถวน้อยนางนี้คงมิค่อยมีประสบการณ์ทางโลกมากนัก เป็นธรรมดาที่นางจะไม่เข้าใจเรื่องลำดับอาวุโสอันหยุมหยิมน่ารำคาญ…ว่าแต่นางไปทำอันใดมาหรือ ไฉนจึงโดนเผ่าจิ้งจอกมายาจับตาเช่นนั้นเล่า?”


 


ขณะกล่าวประโยคท้ายชายชราก็พยายามมองฮ่วนเอ๋ออย่างระวัง หากแต่มันก็ไม่พบเบาะแสใดๆ และไม่แม้แต่จะพบว่าที่แท้ฮ่วนเอ๋อไม่ใช่มนุษย์


 


ฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ยากจะปรากฏในเผ่าจิ้งจอกมายาหากไม่ผ่านไปสักหลายล้านปี กลิ่นอายพลังของนางถูกปกปิดไว้ตามธรรมชาติ และด้วยระดับพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อตอนนี้ เว้นเสียแต่จะเป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะขึ้นไป หาไม่แล้วคงไม่มีทางบอกได้เลยว่านางไม่ใช่มนุษย์


 


แน่นอนว่าถ้าเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาเหมือนกัน ย่อมสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเผ่าพันธุ์เดียวกันจากร่างนางจางๆ กระทั่งหากเป็นจิ้งจอกมายาที่มากความรู้มากประสบการณ์ ก็อาจจะมองออกว่านางคือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา


 


“เรื่องนี้กล่าวไปค่อนข้างยาว ไว้มีเวลาข้าจะเล่าให้ผู้อาวุโสฟังภายหลัง”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่อยากหลอกลวงชายชรา จึงได้แต่บอกปัดออกไปอย่างถนอมน้ำใจ “ผู้อาวุโส ให้ฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยคงไม่มีปัญหาอะไรกระมัง?”


 


“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา…ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี นับว่าเป็นอัจฉริยะปีศาจที่ร้ายกาจไม่ต่างอะไรจากเจ้าอีกคน พวกเจ้านับว่าบีบคั้นผู้อื่นแทบตายแล้วจริงๆ”


 


ชายชราได้แต่กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็พึ่งตระหนักได้ ว่าฮ่วนเอ๋อบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว


 


เหมือนกับเขาเมื่อเดือนก่อน!


 


ต้องทราบด้วยว่า ที่เขาทะลวงถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ในเวลาสั้นๆ เพราะเขาใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์!


 


แต่ฮ่วนเอ๋อไม่มีผลเทพสังเวยสวรรค์!!


 


‘หากฮ่วนเอ๋อไม่ได้พบเจอวาสนาปาฏิหาริย์อันใดเลยหลังแยกกับข้า…นับว่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาจริงๆ’


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็พอจะคาดเดาได้ ว่าไฉนที่ด่านพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อถึงก้าวหน้ารวดเร็วจนน่ากลัวขนาดนี้ อาจเป็นเพราะสายเลือดจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาของนาง


 


ทันใดนั้นเอง ชายชราพลันสะบัดมือเรียกกล่องใบหนึ่งออกมา


 


และพอเปิดกล่องดังกล่าวออก ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตะลึงไปทันใด


 


เพราะในกล่องนั่นกลับมีผลไม้อมตะ 2 ผลที่เขาพึ่งใช้ไป…ผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็ง!


 


ผลไม้อมตะทั้ง 2 ผล หากใช้พร้อมกัน มันสามารถทำให้ขุนนางอมตะ 10 ทิศสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ในเวลาอันสั้น!


 


ต้วนหลิงเทียนที่เคยใช้มันมาแล้ว ย่อมรู้ถึงพลังอำนาจของมันดี


 


อย่างไรก็ตาม เขาคาดไม่ถึงจริงๆ


 


ว่าจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่อยู่เบื้องหน้า หลังมอบผลไม้อมตะคู่นี้ให้เขาชุดหนึ่งแล้ว อีกฝ่ายยังหยิบออกมาอีกชุดอย่างเหนือความคาดหมาย


 


ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็งมันแลดูไร้ค่าขนาดนี้?


 


“แม่หนูน้อย ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้าเป็นของขวัญแรกพบ”


 


ชายชรายื่นส่งกล่องที่อ้าเปิดดังกล่าวให้ฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม


 


อย่างไรก็ตามฮ่วนเอ๋อไม่ได้ตอบอะไร เพียงหันไปมองต้วนหลิงเทียน


 


“ผู้อาวุโส…มูลค่าของมันจะไม่สูงไปหน่อยหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงขรึม


 


ถึงแม้ว่าเขาก็อยากให้ฮ่วนเอ๋อได้ผลไม้อมตะทั้งสองจริงๆ เพราะตอนนี้นางอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว หากใช้ก็สามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะได้ในเวลาสั้นๆแน่นอน


 


อย่างไรก็ตาม ผลไม้อมตะสองผลนี่ พวกมันมีค่ามากจริงๆ!


 


จากนั้นไม่ทันที่ชายชราจะได้ตอบอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยเสริมว่า “เช่นนั้น…พวกเรายอมรับมัน แต่ถือว่าข้าติดค้างท่านเรื่องหนึ่ง?”


 


“เจ้าหนู เห็นชัดๆว่าเจ้าอยากได้มัน แต่ยังมาทำเป็นลีลาทั้งเกรงใจอยู่ได้…ข้าไม่ได้ให้เจ้า เช่นนั้นเจ้าจะมายุ่งวุ่นวายอะไร?”


 


ชายชราเอ่ยออกด้วยยน้ำเสียงปั้นปึ่ง “นี่เป็นของขวัญแรกพบที่ข้าให้แม่หนูน้อยนี่…นางเรียกว่า ฮ่วนเอ๋อใช่หรือไม่?”


 


จากฉากเรื่องราวที่เห็นกับตาก่อนหน้า ชายชราไหนเลยจะมองไม่ออกว่าฮ่วนเอ๋อคิดยังไงกับต้วนหลิงเทียน อีกทั้งยังเห็นด้วยว่าฮ่วนเอ๋อมีความสำคัญกับต้วนหลิงเทียนขนาดไหน


 


เช่นนั้นการส่งผลไม้อมตะทั้ง 2 ผลนี้ออกไปให้ฮ่วนเอ๋อ ก็ไม่ต่างอะไรกับจับต้วนหลิงเทียนผูกติดกับเรือมันแล้ว…


 


ยิ่งไปกว่านั้น มันเห็นฮ่วนเอ๋อที่แลดูไร้เดียงสาแล้วก็ถูกชะตาเหลือเกิน


 


“ฮ่วนเอ๋อ ในเมื่อผู้อาวุโสมอบมันให้เจ้าแล้ว เจ้ายังไม่รีบขอบคุณผู้อาวุโสอีก”


 


ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวแนะฮ่วนเอ๋อทันที ขณะเดียวกันในใจก็มุ่งมั่นว่าวันหน้าต้องหาทางตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ให้ชายชราให้ได้


 


“ขอบคุณ”


 


ฮ่วนเอ๋อกล่าวขอบคุณอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะรับกล่องผลไม้อมตะมา จากนั้นก็ปิดฝากล่องแล้วยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียนทันที เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะเก็บไว้เอง


 


“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ…อย่าได้ดูเบาผลไม้อมตะ 2 ผลนี่เชียว หลังจากเจ้ากินมันลงไปพร้อมๆกัน เจ้าสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้ในเวลาสั้นๆ”


 


เมื่อเห็นฮ่วนเอ๋อยื่นส่งกล่องมาให้ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งกล่าวออกไปทันที


 


พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนยังไม่ลืมเสริมอีกว่า “ข้าใช้ผลไม้อมตะทั้ง 2 ไปแล้วเมื่อเดือนก่อน และตอนนี้ข้าก็ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว…”


 


กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายชราเล็กน้อย พลางคิดว่าชายชรายังมีผลราชาอัคคีกับผลราชาน้ำแข็งอยู่อีกไหม หากมีจริงแล้วที่แท้อีกฝ่ายมีเก็บไว้กี่ชุดกันแน่?


 


“เจ้าหนู ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นเลย…ในมือข้ามีผลราชาอัคคีกับผลราชน้ำแข็งแค่ 2 ชุดเท่านั้น และตอนนี้ก็ให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว”


 


เห็นสายตาที่มองมาของต้วนหลิงเทียน ชายชราคล้ายจะอ่านใจต้วนหลิงเทียนได้ออกว่าคิดอะไรอยู่ จึงกล่าวขัดคออีกฝ่ายออกไป


 


ด้านฮ่วนเอ๋อหลังได้ยินต้วนหลิงเทียนบอกว่าผลไม้อมตะทั้ง 2 ในกล่องทำอะไรได้บ้าง สองตากลมโตของนางก็ลุกวาวฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที


 


และครู่ต่อมา จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ก็ใช้พลังหอบหิ้วร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อกลับวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย


 


ตัวมันแน่นอนว่ากลับมาทะเลสาบที่สวนด้านหลังคนเดียว ไม่คิดรบกวนการกลับมาพบเจอกันอีกครั้งของทั้งคู่


 


“ฮ่วนเอ๋อ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่พาฮ่วนเอ๋อกลับมาพักในห้อง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา เพราะเขาอยากรู้จริงๆว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฮ่วนเอ๋อไปอยู่ที่ไหน และทำอะไรมาบ้าง ไฉนด่านพลังถึงได้บรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ


 


ต่อมาพอได้ฟังเรื่องราวที่ฮ่วนเอ๋อเล่า ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าฮ่วนเอ๋อไม่ได้ไปไหนเลย นางแค่หาที่ร้างผู้คนและปิดด่านบ่มเพาะพลังเท่านั้น


 


สำหรับความก้าวหน้าของระดับบ่มเพาะนาง เรียกว่ามันเพิ่มขึ้นมาเองตามธรรมชาติ…


 


เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสมือนถูกจู่โจมเข้าอย่างจัง ‘จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ไม่ได้ยากพบพานในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายาอย่างสูญเปล่าแล้วจริงๆ…ถึงกับมีศักยภาพท้าทายสวรรค์ขนาดนี้!’


 


ในสายตาของงต้วนหลิงเทียน


 


ฮ่วนเอ๋อที่ไม่มีผลเทพสังเวยสวรรค์แถมไม่มีผลึกเทพ และไม่น่าจะไปเข้าร่วมกับขุมกำลังใดๆ แต่กลับทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ เกรงว่าให้มองทั่วทั้งหลิงหลัวเทียน คงไม่มีใครมีความเร็วในการบ่มเพาะเทียบนางได้อีกแล้ว…


 


“จริงสิ…ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อเองก็คงเข้าใจกฏแล้วใช่ไหม?”


 


ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็นึกเรื่องสำคัญดังกล่าวขึ้นได้


 


“อื้อ”


 


ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า


 


“เจ้าเข้าใจกฏใดหรือ?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแสงจ้า เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

 

 

 


ตอนที่ 3184

 

“ฮ่วนเอ๋อเข้าใจกฏมิติ”


 


ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็ตอบกลับอย่างเชื่อฟัง


 


“กฏมิติรึ!?”


 


ได้ยินคำตอบของฮ่วนเอ๋อ ดวงตาต้วนหลิงเทียนก็เบิกโพลงทันที สีหน้าเผยความตกใจไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตาม พอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาก็พอจะเข้าใจ


 


เผ่าจิ้งจอกมายานั้น ฟังดูก็รู้ว่าสมควรเชี่ยวชาญเรื่องภาพมายา และวิชาลวงตาทำนองนั้น


 


ฮ่วนเอ๋อที่เป็นถึง จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ที่ยากจะพบพานในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา จะเข้าใจ 1 ใน 4 กฏสูงสุดอย่างกฏมิติก็ไม่แปลก เพราะภาพมายามีส่วนเกี่ยวข้องกับกฏมิติหลายส่วน


 


“แล้วฮ่วนเอ๋อเข้าใจความลึกซึ้งได้กี่ประการหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกรอบ


 


“เอ…ดูเหมือนจะ 5 ประการนะ”


 


ฮ่วนเอ๋อเอียงคอกลอกตาเล็กน้อยค่อยกล่าว


 


“5 ประการ?”


 


ได้ยินคำตอบของฮ่วนเอ๋อ คราวนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตกใจเหมือนตอนแรกแล้ว เพราะอย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 7 ประการ


 


นอกจากนั้น 1 ในนั้นยังบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย


 


“5 ประการที่ว่า มีอะไรบ้างหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยสืบต่อ


 


“มีเคลื่อนมิติ บิดเบือน กักกัน พายุแม่เหล็ก รังสรรค์…5 ประการนี้ล่ะ”


 


ฮ่วนเอ๋อกล่าว


 


“พายุแม่เหล็ก? รังสรรค์?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใด เพราะความลึกซึ้ง 2 ประการนั่นเป็นอะไรที่เขายังไม่เข้าใจ


 


ความลึกซึ้งของกฏมิตินั้น มีทั้งสิ้น 9 ประการ นอกจากความหมายแห่งมิติแล้ว ยังมีความลึกซึ้งอีก 8 ประการ ได้แก่ เคลื่อนมิติ ส่งผ่าน บิดเบือน กักกัน เขตแดน ผ่ามิติ พายุแม่เหล็ก และรังสรรค์


 


“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประการแล้ว…เพราะนอกจากที่เจ้าพูดมมา ยังถือว่ามีความหมายแห่งมิตินอีกประการด้วย”


 


ต้ววนหลิงเทียนอดกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขมไม่ได้ เพราะฮ่วนเอ๋อเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ถึง 6 ประการแล้ว น้อยกว่าเขาแค่ประการเดียวเท่านั้น


 


“ฮ่วนเอ๋อ นี่เจ้าคงไม่มีความลึกซึ้งประการใดที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วหรอกนะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกรอบ


 


“อะไร มีรึ!?”


 


พอเห็นฮ่วนเอ๋อพยักหน้าตาแป๋ว ต้วนหลิงเทียนก็โพล่งออกมาด้วยความตกตะลึงทันที “ความลึกซึ้งประการใด ที่เจ้าเข้าใจถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว?”


 


“รังสรรค์”


 


ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบ


 


รังสรรค์ นับเป็นความลึกซึ้งประการหนึ่งของกฏมิติที่เน้นสนับสนุนเป็นหลัก และถือเป็นความลึกซึ้งที่มีพลังลี้ลับประการหนึ่ง เพราะสามารถสร้างห้วงมิติแยกย่อยจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้คู่ต่อสู้สับสนได้ง่ายๆ


 


พลังของความลึกซึ้งรังสรรค์ ยังละม้ายคล้ายคลึงกับค่ายกลและข่ายอาคมอยู่บ้าง


 


‘ถึงจะคิดไว้แล้วว่าในฐานะจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ฮ่วนเอ๋อต้องได้รับมรดกองค์ความรู้และภูมิปัญญญาสืบทอดมาในสายเลือดและข้องเกี่ยวกับความลึกซึ้งรังสรรค์…แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำให้นางตระหนักรู้ได้สูงถึงขนาดนี้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี’


 


ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตาม เขายังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดเสียวจับใจ โชคดีนักที่เผ่าจิ้งจอกมายาที่ลอบสะกดรอยตามฮ่วนเอ๋อมานั่น ไม่ได้ลงมือทำอะไรฮ่วนเอ๋อ เพียงแค่สะกดรอยตามมาจับตาดูเท่านั้น


 


‘สองคนนั่นดูเหมือนยังไม่อาจยืนยันได้แน่ชัด ว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา…ไม่งั้นพวกมันคงไม่ทำแค่ลอบติดตาม…’


 


ขณะที่ชายชราหอบหิ้วพากลับ ต้วนหลิงเทียนก็ได้เอ่ยถามชายชราไปแล้ว ว่า 2 คนเมื่อครู่มีระดับพลังอันใด


 


ราชาอมตะ 7 ดารา และราชาอมตะ 8 ชะตา!


 


หากพวกมันลงมือ ฮ่วนเอ๋อย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันเลย


 


‘แต่ในเมื่อพวกมันเลือกจะสะกดรอยตามฮ่วนเอ๋อแบบนี้ ต่อให้ไม่อาจยืนยันได้ว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา แต่ก็คงต้องมีระแคะระคายอะไรในตัวฮ่วนเอ๋อแล้วเป็นแน่’


 


‘ไม่รู้พวกมันได้รายงานเรื่องนี้กลับไปที่เผ่าแล้วรึยัง…หากรายงานไปแล้ว ต้องมีปัญหาแน่’


 


คิดถึงจุดนี้หว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นเป็นปม เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่น้อย


 


และความจริงก็พิสูจน์ว่าต้วนหลิงเทียนเดาถูก!


 


ก่อนที่ทั้ง 2 จะถูกจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยสังหารไป พวกมันก็ได้ส่งรายงานเรื่องฮ่วนเอ๋อกับไปนานแล้ว ยังส่งไปก่อนที่ฮ่วนเอ๋อจะมาถึงพื้นที่ใกล้ๆคฤหาสน์เฉวียนโยวเสียอีก


 


และที่สำคัญในเมื่อพวกมันเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายา แน่นอนว่าต้องมีลูกแก้ววิญญาณเก็บไว้ที่เผ่า


 


พอลูกแก้ววิญญาณพวกมันแตกออก ก็สร้างความตื่นตัวให้สมาชิกเผ่าที่เฝ้าไม่น้อย


 


“จางฉีอวี่ กับจางลี่จงตายแล้ว…ก่อนพวกมันตายไม่กี่วัน ก็มีส่งรายงานกลับมาว่า พวกมันได้พบพานคนผู้หนึ่งที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา…”


 


“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา? จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่หัวหน้าเผ่าหลักใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนของแดนสวรรค์ใต้พวกเราให้ความสำคัญน่ะหรือ? ”


 


“ยืนยันแล้วหรือไม่?”


 


“ยังไม่ได้รับการยืนยัน พวกมันแค่สงสัยเท่านั้น…อย่างไรก็ตามตอนนี้จางฉีอวี่กับจาลี่หงตกตายไปแล้ว เช่นนั้นก็บอกให้รู้ว่าเรื่องราวไม่ธรรมดาเป็นแน่”


 


“จางฉีอวี่กับจางลี่หงยังรายงานมาอีกว่า…สตรีนางนั้นเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ นอกจากนั้นยังเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่อายุยังไม่ถึง 100 ปี!”


 


“ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อย? พรสวรรค์ระดับนี้…หรือนางจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงๆ?!”


 


“ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อย มันร้ายกาจมากหรือ? พวกเจ้าไม่เคยได้ยินรึไง…ในคฤหาสน์เฉวียนโยวปรากฏขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 9 ประการแต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีกด้วย!”


 


“จะอะไรก็ช่าง พวกเราต้องไปตรวจสอบสตรีนางนั้นก่อน…แล้วในรายงานสุดท้ายของจางฉีอวี่กับจางลี่หง ได้ระบุตำแหน่งมาด้วยหรือไม่?”


 


“รายงานมาแล้ว…เห็นว่ากำลังไล่ตามนางจนเข้าใกล้เขตคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


“คฤหาสน์เฉวีนโยว? คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ต้วนหลิงเทียนคนดังอยู่น่ะรึ?”


 


……


 


ภายในเผ่าจิ้งจอกมายา ปรากฏร่าง 3 ร่างห้อเหยียดออกมา นำหน้าโดยชายหนุ่มชุดขาวที่เส้นผมขนคิ้วทั่วร่างมีสีขาว


 


อย่างไรก็ตามแม้เส้นผมขนคิ้วของมันจะขาวโพลน หากแต่ใบหน้ายังอ่อนวัย แลแล้วก็แค่วัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆ


 


อย่างไรก็ตามชายชราทั้ง 2 ที่ติดตามมาด้านหลังแลดูเคารพมันนัก


 


เพราะถึงมันจะหน้าละอ่อนแบบนี้ แต่มันก็คือหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาย่อยแดนสวรรค์ใต้ เป็นจอมราชันอมตะมากฝีมือคนหนึ่ง!


 


ตอนนี้พอมีข่าวคราวเกี่ยวกับจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาปราฏตัวใกล้ๆคฤหาสน์เฉวียนโยว มันจึงออกมาตรวจสอบเรื่องราวด้วยตัวเอง


 


เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ เป็นเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาย่อยแห่งหนึ่งของเผ่าหลักที่ลงหลักปักฐานอยู่ใน 7 ภูมิภาคของหลิงหลัวเทียน


 


ทว่าเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว เผ่าจิ้จอกมายาสาขาต่างๆ ไม่เว้นสาขาแดนสวรรค์ใต้ ก็ได้รับคำสั่งลงมาจากเผ่าหลัก


 


ค้นหา ‘จิ้งจอกน้ำแข็งงพันมายา’ ให้พบ!


 


“หัวหน้าเผ่า ท่านว่าที่อยู่ๆเผ่าหลักก็ให้พวกเราออกค้นหาจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาแบบนี้ เป็นเพราะสาเหตุอันใดกันแน่? เท่าที่ข้าทราบมายามใดที่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาถือกำเนิด มิใช่ทางเผ่าหลักจักซ่อนตัวตนเช่นนั้นเอาไว้ไม่ให้เปิดเผยออกมาสู่โลกภายนอกหรอกหรือไร? จนเมื่อบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะแล้วถึงจะเปิดเผยการคงอยู่ออกมา…”


 


ชายชราด้านหลังคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยสงสัย


 


ชายชราอีกคน ก็มองไปยังหัวหน้าเผ่าเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามันเองก็อยากรู้


 


“เท่าที่ข้ารู้มา ดูเหมือนจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ปรากฏขึ้นครานี้ จักเป็นคนขอตระกูลตู้…ข้าพูดเพียงเท่านี้พวกเจ้าสมควรเข้าใจแล้วกระมัง?”


 


หัวหน้าเผ่ากล่าวออกเสียงเรียบ


 


เผ่าจิ้งจอกมายา แม้จะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันแต่ก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 ตระกูลหลัก


 


หนึ่งในนั้นคือตระกูลจาง ของพวกมัน


 


สองคือ แซ่ตู้


 


สาม แซ่หยวน


 


“ตระกูลจางของพวกเรามักเป็นกลางมาโดยตลอด ไม่ว่าตระกูลหยวนกับตู้จะมีเรื่องกันรุนแรงเพียงใดพวกเราก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยว…แต่คราวนี้ตระกูลจางจากเบื้องบนกลับถ่ายทอดคำสั่งลงมาเช่นนี้ หรือจะโอนเอียงเข้าข้างตระกูลหยวนไม่ก็ตู้แล้วเล่าท่านหัวหน้า?”


 


ชายชราที่นิ่งเงียบมาตลอด ในที่สุดก็ปริปากเอ่ยถาม


 


“เรื่องนี้พวกเราสุดที่จะรู้ได้…สิ่งที่พวกเราทำได้ก็คือตรวจสอบว่าเป้าหมายที่จางฉีอวี่กับจางลี่หงพบเจอนั่น ที่แท้เป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงๆหรือไม่! หากใช่พวกเราก็มีหน้าที่รายงานไปยังเผ่าหลัก ถึงตอนนั้นเผ่าพวกเราก็จะได้รับรางวัลมากมาย”


 


พอคิดถึงรางวัลที่เบื้อบนสัญญาว่าจะมอบให้ หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ก็เผยความเร่าร้อนในแววตาไม่น้อย


 


ชายชรา 2 คนด้านหลังพอได้ยินก็ทำตาลุกวาวทันที


 


……


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลยว่า เผาจิ้งจอกมายากำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว


 


ที่สำคัญผู้นำยังเป็นหัวหน้าเผ่าสาขาแดนสวรรค์ใต้ จอมราชันอมตะคนหนึ่ง!


 


‘กฏที่ฮ่วนเอ๋อเจ้าใจก็เป็นกฏมิติเหมือนกัน…หมายความว่านางอาจจะใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดได้’


 


พอต้วนหลิงเทียนรู้วว่ากฏที่ฮ่วนเอ๋อเข้าใจก็คือกฏแห่งมิติ เขาก็วางแผนจะนำผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดมาแบ่งให้นางใช้ด้วย


 


ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดนั้นใช้ง่ายนัก แค่มีติดตัวเอาไว้ยามนอนหลับ ก็จะฝันเห็นความลึกซึ้งประการต่างๆจากพื้ยฐานจนไปถึงลึกล้ำยากหยั่งถึง


 


“ฮ่วนเอ๋อ”


 


อย่างไรก็ตามก่อนจะแบ่งปันให้ฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ลองทดสอบให้ฮ่วนเอ๋อนอนหลับดูก่อน ด้วยไม่รู้ว่านางจะฝันเห็นการพัฒนาความลึกซึ้งประการต่างๆในความฝันหรือไม่


 


เพราะสุดท้ายแล้วฮ่วนเอ๋อก็ไม่ใช่มนุษย์แท้


 


และพอฮ่วนเอ๋อตื่นขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนจึงได้รู้ว่าผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดก็สามารถถูกใช้โดยฮ่วนเอ๋อได้เหมือนกัน!


 


“ฮ่วนเอ๋อในเมื่อเจ้าเองก็ใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดได้…เช่นนั้นต่อไปยามข้าบ่มเพาะพลังเจ้านอน ตอนข้านอนเจ้าบ่มเพาะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ


 


“อื้อ ฮ่วนเอ๋อเชื่อฟังพี่หลิงเทียน”


 


ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับอย่างว่านอนสอนง่าย


 


‘ฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา กระทั่งไม่มีอะไร ระดับพลังของนางก็ก้าวหน้าขึ้นด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึงอยู่แล้ว…ตอนนี้ด้วยมีทรัพยากรจากวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยรวมถึงผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ความเร็วในการบ่มเพาะทั้งความเข้าใจของนางต้องเหนือล้ำกว่าข้าแน่นอน’


 


ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องนี้ดี


 


อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือน้อยเนื้อต่ำใจอะไร ยังยินดีกับนางจากใจ


 


เพราะไม่ว่าฮ่วนเอ๋อจะร้ายกากจแค่ไหน นางก็คือคนของเขา และคอยช่วยเหลืออยู่ข้างเขายามจัดการผู้อื่น ไม่ใช่ช่วยผู้อื่นมาจัดการเขา


 


สิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น


 


และในขณะที่ฮ่วนเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนเริ่มบ่มเพาะฝึกฝน โดยคนหนึ่งนอนหลับคนหนึ่งบ่มเพาะพลัง หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ก็มาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวและขอเข้าพบ


 


“ท่านบรรพจารย์…”


 


หลังจากฆ่าคนของเผ่าจิ้งจอกมายาไปแล้ว จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ได้มากำชับเรื่องราวกับผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวแต่แรก เช่นนั้นพอล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายมาขอเข้าพบ ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวก็เร่งรุดมาหาจ้างวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที


 


“หัวหน้าเผ่าจิ้งจกมายา…มาด้วยตัวเองเชียวรึ?”


 


พอได้ยินเรื่องราวจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว ชายชราก็แปลกใจอยู่บ้าง สองตาทอประกายวาบหนึ่ง “ดูเหมือนยาโถวน้อยนางนั้น…จะไม่ธรรมดาจริงๆ!”


 


“เจ้าออกไปพบมัน…แล้วก็ลองหยั่งเชิงมันดู ว่ามันมาที่นี่ทำอะไร”


 


ชายชราเอ่ยแนะผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“ศิษย์หลานทราบแล้ว”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวรับคำอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ออกไปพบคนของเผ่าจิ้งจอกมายาทันที


 


“อาวุโสจาง ท่านมาเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยวของข้าด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่ทราบมีเหตุอันใดหรือ เพราะหากข้าจำไม่ผิดครั้งนี้ท่านนับว่ามาเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยวขอพวกเราเป็นครั้งแรกเลย?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเอ่ยถามหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาตรงๆ


 


“ผู้นำจง ข้ามารบกวนท่านครานี้…เพราะข้าพบว่ามีคนของเผ่าจิ้งจอกมายาข้า 2 คนตกตายใกล้ๆเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว…ไม่ทราบท่านพอมีเบาะแสใดหรือไม่?”


 


หัวหนน้าเผ่าจิ้งจอกมายาก็เอ่ยถามออกไปตรงๆเช่นกัน


 


“หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยววชักสีหน้าประหลาดใจ “ว่าแต่ ไฉนหัวหน้าเผ่าถึงได้มาหาความในคฤหาสน์เฉวียนโยวของข้าเล่า?”


 


“คนของพวกท่านใช่ร่วมมือกับองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดหรือไม่?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวย้อนถามกลับไปทันที


 


“องค์กรกะโหลกเลือด?”


 


หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาอดขมวดคิ้วไม่ได้


 


“ก็ตอนนี้ด้านนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรามีมือสังหารจากองค์กรกะโหลกเลือด 3 คนเฝ้าจับตาดูอยู่…หรือจะไม่ได้ร่วมมือกับพวกมัน แต่ขัดแย้งกับพวกมัน?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเลิกคิ้ว กล่าวคาดเดาชี้นำความคิดออกมาเสียงหนัก

 

 

 


ตอนที่ 3185

 

“นักฆ่าองค์กรกะโหลกเลือด? 3 คน?”


 


ได้ยินคำถามชวนคิดของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาก็ขมวดคิ้วเป็นปม “ผู้นำจง ไฉนท่านถึงปล่อยให้มือสังหารของกะโหลกเลือดมาป้วนเปี้ยนนอกคฤหาสน์ได้เล่า?”


 


“นั่นเพราะพวกมันยังไม่ได้ทำอะไร พวกเราก็ไม่สะดวกที่จักลงมือตามอำเภอใจ…สุดท้ายองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั่น ในฐานะ 1 ใน 3 องค์กรมือสังหารชั้นนำของแดนสวรรค์ใต้ ก็มีความเป็นมาไม่ธรรมดาเช่นกัน”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว


 


“พวกมัน…คงไม่ได้มาเพราะคิดเล่นงานต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวท่านกระมัง?”


 


หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาเอ่ยคาด “ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียโยวท่าน กระทั่งข้าที่ไม่ค่อยออกนอกเผ่าไปไหน ยังประหนึ่งฟ้าร้องในหู เห็นว่าอายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว?”


 


“อาวุโสจาง ท่านนับว่ารู้จักต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวพวกเราดีจริงๆ อย่างไรก็ตามข่าวสารท่านล้าสมัยไปอยู่บ้าง เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมิได้เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศอีกต่อไป แต่บรรลุถึงราชาอมตะเรียบร้อย”


 


ผู้นำคฤหาสน์ยิ้มกล่าว


 


“ทะลวงด่านแล้วรึ?”


 


หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาพอได้ฟังก็ประหลาดใจอยู่บ้าง จากนั้นค่อยตระหนักได้ว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าได้ข่าวว่า มันไม่ได้เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกเลย ข้าหลงคิดว่าเพราะมันรู้สึกว่าไร้คู่ต่อสู้ และรังเกียจจะเข้าไปรังแกผู้อื่นในนั้นเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าจะสามารถทะลวงด่านพลังไปได้แล้วแบบนี้”


 


“ผู้นำจง ไม่ทราบว่าข้าพอจะมีวาสนาได้พบพานต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือหรือไม่?”


 


สองตาหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาฉายแสงงขึ้นมาขณะถาม


 


ถึงแม้ว่าก่อนที่คนของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 ของพวกมันจะตกตายใกล้คฤหาสน์เฉวียนโยว สาเหตุจะเป็นเพราะลอบติดตามสตรีที่สงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา


 


ยิ่งไปกว่านั่นสตรีที่ว่าอายุยังไม่ถึงร้อยปี แต่เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว


 


อย่างไรก็ตามพอนึกถึงชื่อเสียงอันเลื่องลือของต้วนหลิงเทียนแห่งคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย…ว่าอีกฝ่ายจะใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่เผ่าหลักของพวกมันกำลังตามหาหรือไม่?


 


ท้ายที่สุดแล้ว จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อนของเผ่าจิ้งจอกมายาก็เป็นผู้ชาย


 


นอกจากนั้นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายายังไม่ล้วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้ผลเทพสังเวยสวรรค์ หาไม่แล้วมันคงไม่คิดแบบนี้แน่นอน


 


“พอดีตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นปิดด่านบ่มเพาะในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…หากหัวหน้าเผ่าคิดพบเจอ ข้าต้องไปถามจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเสียก่อน”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว


 


“วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย?”


 


หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาพอได้ยินก็ตกใจไม่น้อย “ผู้นำจง หรือต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมีคุณสมบัติเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวท่านแล้ว…แต่จะว่าไปด้วพรสวรรค์และสติปัญญาก็นับว่ามีคุณสมบติจริงๆ!”


 


มันเองก็เคยได้ยินเรื่องผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาก่อน


 


“ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกเราแล้ว”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวพยักหน้ารับคราหนึ่ง จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย บรรพจาร์ยของมันว่าจะยอมให้ต้วนหลิงเทียนเจอหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาหรือไม่


 


จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ไปถามต้วนหลิงเทียนอีกที


 


“ข้าจะไปพบมันดู”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์บ่มเพาะ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอยู่บ้าง เพราะไม่คิดว่าการตายของเผ่าจิ้งจอกมายา 2 คนนั่น จะมีปัญหามากกว่าที่คิด ถึงขั้นที่หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้จะมาด้วยตัวเอง


 


นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังอยากเจอเขาอีก


 


‘ที่มันอยากเจอข้า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของ 2 คนนั่น…แต่สมควรเป็นเพราะสาเหตุอื่นมากกว่า’


 


ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจจะไปพบเจออีกฝ่าย เพราะสุดท้ายอีกฝ่ายก็อาจเป็นภัยคุกคามต่อฮ่วนเอ๋อ


 


เผลอๆบางทีอีกไม่นานอาจจะกลายเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้ตายก็เป็นได้


 


ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสเจออีกฝ่าย เขาก็จะได้ไปสำรวจอีกฝ่ายดูหน่อย


 


จากนั้นด้วยมีคนที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งมารับ ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็มาถึงโถงรับรองที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวใช้ต้อนรับหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา


 


“ผู้นำ”


 


หลังต้วนหลิงเทียนทักทายผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วเสร็จ เขาก็เหลือบไปมองอีก 3 คนที่อยู่ในห้องรับรองทันที


 


ใน 3 คนนั่น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่ ก็คือชายหนุ่มที่เส้นผมขนคิ้วเป็นสีขาวโพลน


 


ชายชรา 2 คนยืนประกบอยู่ด้านหลังมันแน่นิ่ง ราวกับผู้คุ้มกันมากระเบียบ


 


“ต้วนหลิงเทียน นี่คือหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา อาวุโสจาง…อาวุโสจางได้ยินเรื่องเจ้ามานานแล้ว ที่มาเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยวเราคราวนี้ ส่วนหนึ่งเพราะอยากพบเจอเจ้า”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“หัวหน้าเผ่าจาง”


 


ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวคำทักทายอีกฝ่ายทันที


 


ขณะเดียวกันในหูเขาก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว “ต้วนหลิงเทียน เจ้านี่มันเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์โดยแท้…ในเมื่อ จางตงหนาน ผู้นี้เจาะจงพบเจ้า เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลแน่ เจ้าคุยกับมันก็ระวังด้วย”


 


“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว…ได้พบเจ้าวันนี้นับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ เจ้านับเป็นสุดยอดอัจฉริยะดั่งมังกรในหมู่มนุษย์โดยแท้”


 


จางตงหนานมองต้วนหลิงเทียน กล่าวพลางถอนหายใจ


 


ทันทีที่มันเห็นต้วนหลิงเทียน มันก็บอกได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา เพราะต้วนหลิงเทียนไม่มีกลิ่นอายของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาอยู่เลย อีกฝ่ายไม่ใช่แม้แต่ผู้ต้องสงสัยด้วยซ้ำ


 


จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั้น ขอเพียงพลังฝึกปรือบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ ตัวมันก็ไม่อาจยืนยันได้แล้ว ทำได้แค่สัมผัสถึงกลิ่นอายจางๆเหมือน 2 คนที่ตายตกไปเท่านั้น


 


ที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน เพราะคิดว่าจางตงหนานจะพยายามหลอกถามเรื่องราวจากต้วนหลิงเทียน


 


แต่มันไม่คิดเลยว่าหลังอีกฝ่ายพบเจอต้วนหลิงเทียนเข้าจริงๆ จางตงหนานนั่นกลับไม่ได้พยายามถามหาข้อมูลอะไรจากต้วนหลิงเทียนเลย แค่สนทนาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น


 


จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะงุนงงอยู่บ้าง


 


ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามันแปลกพิกลที่จางตงหนานอยากพบเจอเขาเฉยๆแบบนี้


 


หลังจากคุยเล่นเรื่อยเปื่อยกับต้วนหลิงเทียนไปอีกราวๆ 2 เค่อ จางตงหนานก็ทำท่าราวจะนึกอะไรได้ออก จึงหันไปมองถามผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวว่า “จริงสิผู้นำจง ว่าแต่ช่วงนี้มีผู้ใดมาเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวอีกหรือไม่ อย่างเช่นคนที่สวมผ้าปิดปากกับหมวกงอบผ้าคลุมหน้าชุดขาวอายุไม่เกินร้อยปี”


 


“หืม? มิมีนะ ศิษย์ใหม่เพียงคนเดียวที่เข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวเราช่วงนี้มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้น”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวตอบจบ ก็เอ่ยเสริมต่อว่า “อาวุโสจางก็สมควรได้ยินมาบ้างแล้ว ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรามักเปิดรับศิษย์เพิ่มตามเวลาที่กำหนด…ปกติแล้วเว้นเสียแต่จะเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์อย่างต้วนหลิงเทียน หาไม่พวกเราก็ไม่คิดเปิดประตูรับผู้ใดนอกเวลา”


 


“อืม”


 


จางตงหนานพยักหน้ารับทราบ จากนั้นมันก็ลุกขึ้นยืนทันที และกล่าวคำอำลาผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับต้วนหลิงเทียน


 


“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าว่างก็แวะมาเที่ยวเผ่าจิ้งจอกมายาของพวกเราบ้าง…เผ่าจิ้งจอกมายาของเรา มีสตรีงดงามมากมาย บางทีเจ้าอาจพบสหายคู่ใจยามมาเยือนเผ่าจิ้งจอกมายาของเราก็ได้”


 


ก่อนจะเดินทางจากไป จาตงหนาน ไม่ลืมมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง


 


ได้ฟังคำพูดของจางตงหนาน มุมปากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ยกยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย ไหนเลยมันจะดูไม่ออกว่าจางตงหนานคิดใช้สตรีมาล่อลวงต้วนหลิงเทียน


 


เพราะมันเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางถูกอีกฝ่ายใช้เรื่องนี้มาล่อลวงได้แน่นอน


 


เนื่องจากบรรพจาร์ยของมันได้แจ้งมาแล้ว ว่าสตรีที่ถูกคนของเผ่ามายา 2 คนลอบติดตามมาจนถูกฆ่าไปนั้น มีรูปโฉมงดงามถึงขั้นยากจะหาผู้ใดเทียบเทียมได้


 


บรรพจารย์ของมันมีชีวิตอยู่มา 30,000 กว่าปี ได้เห็นสตรีมาก็นับไม่ถ้วน จึงไม่ยากที่มันจะจินตนาการได้ออกว่าสตรีข้างกายต้วนหลิงเทียน จะงดงามพิลาศล้ำขนาดไหน


 


“หัวหน้าเผ่าจางล้อข้าเล่นแล้ว…ข้าต้วนหลิงเทียนมีครอบครัวทั้งมีลูกแล้ว ย่อมไม่กล้าคิดเด็ดดอกไม้ริมทางอันใดอีก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบพลางคลี่ยิ้ม


 


“บุรุษมากสามารถผู้ใดไม่มี 3 ภรรยา 4 สนม? อย่างข้าก็พึ่งรับอนุภรรยาคนที่ 16 มาเมื่อไม่กี่ร้อยปีนี้เอง”


 


จางตงหนานมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังนำชายชราทั้ง 2 จากไป


 


“ต้วนหลิงเทียน อย่าลืมซะเล่า…ว่างๆก็มาเป็นแขกเผ่าจิ้งจอกมายาข้า”


 


กระทั่งตอนที่จางตงหนานจากไปแล้ว ยังไม่วายส่งเสียงผ่านพลังมาเตือนต้วนหลิงเทียนอีกรอบ ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดคลี่ยิ้มแหยไม่ได้


 


ไฉนหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาทำตัวราวกับจะเป็นพ่อสื่อให้ได้?


 


“ต้วนหลิงเทียน จางตงหนานไม่น่าจะมาเพราะ 2 คนที่ตายตกอย่างเดียว…ไม่ทราบว่าสตรีข้างกายเจ้าผู้นั้นเป็นใครหรือ?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย


 


“ขออภัยด้วยท่านผู้นำ”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าว “เรื่องตัวตนของฮ่วนเอ๋อข้าไม่สะดวกจะบอกท่านด้วยเหตุผลบางอย่าง…เช่นนั้นยกโทษให้ข้าด้วย”


 


เรื่องฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเกี่ยวพันถึงชีวิตนาง ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี


 



 


ด้านนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาพอออกมาแล้ว มันก็ไม่รีบพาชายชราทั้ง 2 กลับเผ่าแต่อย่างใด


 


“ผู้นำจงกล่าวไว้ว่าด้านนอกมีนักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด 3 คน…บางทีพวกมันอาจจะเคยเห็นฉีอวี่กับลี่จง”


 


สองตาจางตงหนานทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง หันไปสั่งชายชราทั้ง 2 ทันที “พวกเจ้าออกไปตามหาพวกมันเสีย”


 


“ทราบแล้วท่านหัวหน้า”


 


ชายชรา 2 คนก็รีบรับคำสั่งและแยกย้ายกันออกตามหาทันที


 


จางตงหนานเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาและบรรลุด่านพลังจอมราชันอมตะ ชายชราทั้ง 2 ที่มันพามาด้วยก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศชนชั้นยอดฝีมือที่โดดเด่นในเผ่า และล้วนตระหนักรู้ความลึกซึ้งบางประการถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้แล้ว


 


กระทั่งในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ชายชราทั้ง 2 ก็มีชื่อเสียงไม่น้อย


 


ราวๆ 1 เค่อต่อมา


 


จางตงหนานก็ได้รับข้อคววามส่งตรงมาถึงวิญญาณ เป็น 1 ใน 2 ชายชราได้พบเจอนักฆ่าทั้ง 3 แล้ว


 


ทางทิศเหนือของคฤหาสน์เฉวียนโยว บริเวณริมผาของขุนเขาสูงชันลูกหนึ่ง ปรากฏชายชราหนึ่งคนกำลังเผชิญหน้ากับชาย 3 คน


 


ทั้ง 3 นั่นมาในชุดคลุมลมดำสนิท นำโดยชายวัยกลางคนที่ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง


 


อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนที่ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังนั้น ยามมองชายชราเบื้องหน้า สายตามันก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว


 


“ซือถูอวี่ ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะเป็นผู้นำออกมาทำภารกิจด้วยตัวเอง…ดูท่าเป้าหมายของเจ้าจะไม่ใช่คนธรรมดาแล้วจริงๆ”


 


ชายชรามองไปยังชายวัยกลางคนผู้นำทั้ง 3 เบื้องหน้า กล่าวถามออกมาด้วยความแปลกใจอยู่บ้าง


 


ฟังจากที่มันพูด ดูเหมือนมันจะรู้จักอีกฝ่าย


 


“จางเจิ้นไห่ เจ้าไฉนมาได้?”


 


ชายวัยกลางคนนาม ซือถูอวี่ เอ่ยถามเสียงหนัก


 


“จางเจิ้นไห่?”


 


เมื่อ 2 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังซือถูอวี่ ได้ยินชื่อชายชรา ลูกตาของพวกมันก็หดหยีลงทันใด


 


และหากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ด้วย ก็คงบอกได้ทันทีว่าชาย 2 คนด้านหลังซือถูอวี่ ก็คือนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือด 2 คนที่ดั้นด้นออกจากหลิงหลัวเทียนและตามไปฆ่าเขาถึงอวี้หวงเทียน!

 

 

 


ตอนที่ 3186

 

นักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดทั้ง 2 ที่ตามไปฆ่าต้วนหลิงเทียนถึงอวี้หวงเทียนนั้น  1 ใน 2 ก็คือเหลิ่งเอี้ยที่เคยไปดักฆ่าต้วนหลิงเทียนหน้านิกายอมตะเป้าผู่


 


อย่างไรก็ตามวันนั้นต้วนหลิงเทียนใช้ยันต์อมตะหลบหนีอย่าง ‘ยันต์เงาวายุ’ ที่ซุนเหลียงเผิงกัดฟันมอบให้ จึงทำให้หนีรอดไปได้ เป็นเหตุให้เหลิ่งเอี้ยรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย


 


หลังจากนั้นพอมันตามไปถึงอวี้หวงเทียน อารามมั่นใจว่าต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้วแน่ๆ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้ววนหลิงเทียนจะหนีรอดไปใต้จมูกของมันอีกรอบ!


 


ครั้งนี้เพื่อที่จะปิดงานให้จงได้ ทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่เพียงส่งมันกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักคนเดิมที่ไปอวี้หวงเทียนกับมันมาเก็บต้วนหลิงเทียน แต่ยังส่งนักฆ่าไพ่ตายมาอีกคน!


 


นักฆ่าไพ่ตายที่ว่าก็คือ ซือถูอวี่ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักฆ่าขอบเขตราชาอมตะขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด!


 


ซือถูอวี่คนนี้ไม่เพียงเป็นนักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีชื่อเสียงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกด้วย คนวงในรู้กันว่ามันไม่เพียงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมได้ครบทุกประการแล้ว แต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมประการหนึ่งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วด้วย!


 


“จางเจิ้นไห่…คนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองครบทุกประการ ทั้งเข้าใจความลึกซึ้งแสงเงาของกฏแห่งทองถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยผู้นั้นน่ะหรือ?!”


 


เหลิ่งเอี้ย และนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักข้างๆถึงกับหันหน้ามามองตากัน ก่อนจะแลเห็นถึงสีหน้าแววตาตกใจของอีกฝ่าย


 


จางเจิ้นไห่มีชื่อเสียงไม่ใช่ชั่วเลย


 


ถึงแม้การตระหนักรู้ในกฏของจางเจิ้นไห่จะเท่าเทียมกับซือถูอวี่ที่เป็นผู้นำภารกิจสังหารในครั้งนี้


 


อย่างไรก็ตามพลังฝีมือของจางเจิ้งไห่นั้นเหนือกว่าซือถูอวี่มาก!


 


เพราะซือถูอวี่เป็นคนธรรมดา ไร้พลังสายเลือดอะไร ไม่ใช่สัตว์อมตะที่มีความสามารถแต่กำเนิดเหมือน จางเจิ้งไห่ ที่เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาและมีความสามารถในการสร้างภาพลวงตา


 


สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ


 


จางเจิ้นไห่เคยเอาชนะซือถูอวี่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมาแล้ว


 


“ข้ามากับท่านหัวหน้าเผ่า”


 


ได้ยินคำถามของซือถูอวี่ จางเจิ้นไห่ก็เอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ


 


จางเจิ้งไห่กล่าวจบคำไม่ทันไร คล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ร่างมันล่าถอยไปสองก้าวใหญ่


 


พริบตาต่อมา ก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นเบื้องหน้ามันราวภูตผี ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายานั่นเอง


 


ฟุ่บ!


 


หลังจากจางตงหนานปรากฏกาย ข้างๆจางเจิ้งไห่ก็ปรากฏร่างอีก 1 ร่าง และอยู่ด้านหลังจางตงหนานอย่างเรียบๆร้อยๆ


 


“จางอวิ๋นถิง!?”


 


เห็นชายชราอีกคนที่วูบมาปรากฏด้านหลังจางตงหนานข้างๆจางเจิ้งไห่ ลูกตาของซือถูอวี่ก็หรี่แคบลงทันใด ยังอดอุทานออกมาไม่ได้


 


“จางอวิ๋นถิง?”


 


เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าอีกคนที่อยู่ด้านหลังซือถูอวี่ พอได้ยินคำอุทานดังกล่าว พวกมันก็หันไปมองชายชราผู้มาใหม่ทันที จากนั้นรูม่านตาก็หดแคบลงพร้อมเพรียง


 


นั่นเพราะจางอวิ๋นถิงผู้นี้ ก็มีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าจางเจิ้งไห่ และเป็นที่กล่าวขานถึงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอยู่บ่อยครั้ง!


 


ที่สำคัญที่สุดก็คือ


 


มันก็เป็นดั่งจางเจิ้งไห่ เป็นจิ้งจอกมายาเช่นกัน!


 


“เมื่อครู่…จางเจิ้งไห่ใช่บอกว่ามากับหัวหน้าเผ่าหรือไม่?”


 


“เช่นนั้น…ชายหนุ่มด้านหน้าพวกมันก็สมควรเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายามิใช่หรือไร!?”


 


เหลิงเอี้ยกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักส่งเสียงผ่านพลังคุยกันอย่างตกใจ พอตระหนักได้ถึงเรื่องราวดังกล่าว สีหน้าท่าทีพวกมันก็เปลี่ยนเป็นหวั่นกลัวทันที


 


“นักฆ่ากะโหลกเลือด ซือถูอวี่ ขอคารวะหัวหน้าเผ่าตงหนาน”


 


และในขณะที่เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าอีกคนกำลังหวั่นหวาดกับตัวตนของจางตงหนาน ซือถูอวี่ที่อยู่ด้านหน้าพวกมัน ก็ชักท่าทีสุภาพมากเคารพ ประสานมือโค้งคารวะชายหนุ่มที่มีเส้นผมขนคิ้วสีขาวโพลนออกไปอย่างเรียบๆร้อยๆ


 


เพราะมันเคยพบเจอชายหนุ่มผมขาวผู้นี้มาแล้ว จึงรู้ว่าอีกฝ่ายก็คือตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะ และเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้!


 


“คารวะหัวหน้าเผ่าตงหนาน”


 


หลังงซือถูอวี่คารวะทักทาย เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักก็เร่งประสานมือโค้งคารวะออกไปอย่างพร้อมเพรียง ท่าทางยังแลดูนอบน้อมถ่อมตนราวผู้น้อย


 


เพราะต่อหน้าจางตงหนาน พวกมันกระทั่งจะเอ่ยนามออกไปยังไม่คู่ควร!


 


“ซือถูอวี่?”


 


จางตงหนานมองซือถูอวี่ด้วยสายตาประหลาดใจ “ข้าล่ะใคร่รู้ยิ่งนัก ว่าครานี้ผู้ใดเป็นเป้าหมายลอบสังหารของพวกเจ้ากันแน่…องค์กรกะโหลกเลือดถึงกับส่งเจ้านำกลุ่มมือสังหารมาด้วยตัวเองแบบนี้”


 


ซือถูอวี่นั้น เรียกว่าเป็นนักฆ่าระดับต้นๆขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเลยก็ว่าได้


 


มันยังรู้อีกด้วย ว่าอีกฝ่ายมีฉายา ‘มือพิฆาตราชาอมตะ’ บ่งบอกว่าในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ มีราชาอมตะน้อยคนนักที่จะยืนหยัดประมือกับซือถูอวี่ได้ ตัวตนขอบเขตราชาอมตะที่พอจะรอดพ้นเงื้อมมือมัน ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะทั้งสิ้น!


 


อย่างน้อยๆตั้งแต่ออกปฏิบัติภารกิจสังหารมา ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ซือถูอวี่จะปฏิบัติภารกิจล้มเหลว


 


“หัวหน้าเผ้าตงหนาน เรื่องนี้มิใช่ความลับอันใด”


 


ซือถูอวี่กล่าวตอบออกไปว่า “เป้าหมายภารกิจสังหารของข้าครั้งนี้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


“หืม? ต้วนหลิงเทียนรึ?”


 


จางตงหนานอดประหลาดใจไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียนข้าเองก็รู้จัก…แต่องค์กรกะโหลกเลือดถึงกับต้องส่งเจ้ามาฆ่ามันเชียวหรือ?”


 


การฆ่าคนที่พึ่งจะบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะคนหนึ่ง แต่ถึงกับต้องส่งซือถูอวี่ออกมาลงมือ…สำหรับจางตงหนานแล้วเสมือนองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดใช้มีดฆ่าโคฆ่าไก่โดยแท้


 


“เรื่องนี้ข้าเกรงว่าหัวหน้าเผ่าตงหนานอาจจะยังไม่ทราบ…ในอดีตองค์กรกะโหลกเลือดเราเคยส่งนักฆ่าไปจัดการต้วนหลิงเทียน 2 คน แต่พลาดท่าตายตกหมดสิ้น กระทั่งเหลิ่งเอี้ย 1 ใน 2 ที่อยู่ด้านหลังข้าตอนนี้ แม้จะพบเจอต้วนหลิงเทียนและสบโอกาสลงมือแล้ว กลับพลาดท่าเสียทีจนมันหลบหนีไปได้”


 


“ต่อมาเหลิ่งเอี้ยกับสหายอีกคนข้างๆ ก็ได้ติดตามต้วนหลิงเทียนไปถึงอวี้หวงเทียน อนิจจากลับหาตัวมันไม่พบ”


 


ฟังจากที่ซือถูอวี่พูด เห็นชัดว่ามันไม่รู้เรื่องที่เหลิ่งเอี้ยมัวแต่คุย จนต้วนหลิงเทียนมีโอกาสรอดพ้นเงื้อมมือเหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักอีกคนแม้แต่น้อย


 


ไฉนเป็นเช่นนั้น เพราะเหลิ่งเอี้ยกับสหายนักฆ่ารวมหัวกันปกปิดเรื่องราว ไม่รายงานออกไป เพราะกังวลเรื่องเหลิ่งเอี้ยจะถูกองค์กรกะโหลกเลือดลงดาบ!


 


ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากความประมาทของเหลิ่งเอี้ยล้วนๆ!


 


นักฆ่าบ้านไหนกันถึง เปิดเผยตัวไปยืนคุยกับเป้าหมายโต้งๆ? หากองค์กรล่วงรู้เรื่องนี้ ยังจะเลี้ยงมันไว้ให้ขายขี้หน้าอีกหรือ?


 


“โฮ่?”


 


จางตงหนานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และติดใจกับคำว่า ‘อวี้หวงเทียน’ ที่ซือถูอวี่กล่าวถึงอยู่บ้าง “ว่าแต่ไฉนพวกมันต้องถ่อไปฆ่าต้วนหลิงเทียนถึงอวี้หวงเทียนด้วยเล่า? หรือต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมาจากอวี้หวงเทียน?”


 


“มิใช่”


 


ซือถูอวี่ส่ายหน้าไปมา “ต้วนหลิงเทียนเพียงไปเยือนอวี้หวงเทียนเท่านั้น…มิทราบท่านหัวหน้าเผ่าตงหนานเคยได้ยินเรื่องราวที่มีตัวตนอ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ได้ทำการหลอกลวงรุ่นนเยาว์อัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะ ไปเป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ที่อวี้หวงเทียนมาบ้างหรือไม่?”


 


“เจ้าจะบอกว่า…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดงั้นรึ?”


 


จางตงหนานเลิกคิ้วขึ้น เรื่องนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อนมันก็เคยได้ยินมาแล้ว แต่คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลมากกว่า จึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ


 


“ไม่”


 


ซือถูอวี่ส่ายหัวไปมา “ต้วนหลิงเทียนนั่น มันก็ถูกตัวตนที่อ้างว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยถึงอวี้หวงเทียนเช่นกัน…หากแต่สุดท้ายมันกลับเป็นคนที่ได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ แทนที่จะเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดผู้นั้น ทำให้ด่านพลังของมันสามารถบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเข้าใจกฏแห่งมิติได้ในเวลาสั้นๆ”


 


“หืม? ที่แท้มันใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์มางั้นรึ!?”


 


จางตงหนานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มิน่าล่ะ…ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าอาศัยเด็กน้อยมนุษย์คนหนึ่ง ไฉนถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ในเวลาไม่ถึงร้อยปี”


 


“ที่แท้มันได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มาใช้นี่เอง!”


 


ทันใดนั้นเอง จางตงหนานก็ราวกับจะนึกอะไรได้ออก “ว่าแต่เท่าที่ข้ารู้มา ผลเทพสังเวยสวรรค์มีเพียงทำให้ผู้ใช้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 6-8 ประการมิใช่หรือไร แล้วไฉนมันถึงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ครบทั้งหมด ทั้งยังเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้เล่า?”


 


“เรื่องนี้ตัวข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน…ไม่แน่มันอาจจะมีความเข้าใจสูงด้วย”


 


ซือถูอวี่กล่าวตอบ


 


ตั้งแต่ต้นจนจบขณะพูดกับจางตงหนาน ซือถูอวี่ระวังน้ำเสียงและท่าทีอย่างมาก ไม่กล้าไม่สุภาพแม้แต่น้อย


 


“อืม”


 


จางตงหนานพยักหน้า ค่อยมองถามซือถูอวี่ต่อว่า “ว่าแต่เจ้าเห็น 2 คนนี้มาปรากฏตัวแถวนี้บ้างหรือไม่?”


 


จางตงหนานโบกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นท่ามกลางความว่างเปล่าก็ปรากฏ ร่างเสมือนจริงของคน 2 คน!


 


หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ คงจดจำได้ในพริบตา ว่าร่างทั้ง 2 คนที่จางตงหนานสร้างขึ้นกลางอากาศ ก็คือคนของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 ที่ถูกจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยฆ่าทิ้งไป


 


“2 คนนี้รึ ข้าเคยเห็น!”


 


พอเห็นร่างเสมือนจริงทั้ง 2 กลางอากาศ ซือถูอวี่ก็พยักหน้ารับเร็วไว “เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราเห็นทั้งคู่ลอบติดตามสตรีชุดขาวนางหนึ่งมาถึงที่นี่…อย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเป้าหมายของพวกเรา เช่นนั้นพวกเราจึงมิได้ให้ความสนใจ”


 


“ทั้งคู่เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาข้าเอง ร่องรอยสุดท้ายของทั้งคู่ก็คือการมาถึงพื้นที่ใกล้ๆคฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนจะถูกผู้อื่นฆ่าตาย…ข้าสงสัยว่าคนที่ฆ่าทั้งคู่ อาจจะเป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยว…”


 


จางตงหนานกล่าวถึงจุดนี้ สองตาก็ทอประกายเยียบเย็น บรรยากาศรอบกายคล้ายจะลดต่ำลงหลายองศาในชั่วพริบตา!


 


และพอจางตงหนานกล่าวออกมาแบบนี้ สีหน้าของซือถูอวี่ก็เปลี่ยนไปโดยพลัน เหลิ่งเอี้ยและนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักอีกคน ก็หน้าเปลี่ยนสีไปไม่ต่าง


 


“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ถึงแม้พวกเราจะเห็นทั้งคู่…แต่พวกเรามิได้ข้องแวะกับทั้งคู่เลย”


 


“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าขอสาบานต่อท่าน ว่าพวกเรามิได้แตะต้องคนของท่านแม้แต่ปลายก้อย”


 


เหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก ย่อมรับทราบว่าเหตุผลที่จางตงหนานเอ่ยถึงเรื่องนี้ออกมา เป็นเพราะสงสัยว่าการตายของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกมัน


 


อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็เริ่มคลางแคลงสงสัยพวกมัน!


 


“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ท่านเองก็สมควรทราบดี ว่านักฆ่าองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดอย่างพวกเรา เว้นแต่จะเป็นเป้าหมายในภารกิจ หรือถูกหาเรื่องก่อน…หาไม่แล้วพวกเรามิเคยฆ่าผู้ใดตามอำเภอใจ”


 


ไม่เหมือนกับอาการแตกตื่นของเหลิ่งเอี้ยกับอีกคน ซือถูอวี่ดึงสติกลับมาเร็วไว และกล่าวออกอย่างตรงไปตรงมา “ยิ่งไปกว่านั้นท่านสมควรทราบดี ว่าองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดของพวกเรามิเคยรับงานฆ่าคนของเผ่าท่าน”


 


“อืม…ข้าเองก็คิดเช่นนี้แต่แรก”


 


จางตงหนานพยักหน้า ขณะเดียวกันแววตาของมันก็หวนกลับมาเป็นปกติ “ว่าแต่…พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าสตรีชุดขาวที่คนของข้าติดตาม ไฉนจึงมาปรากฏตัวนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้?”


 


เห็นได้ชัดวาจางตงหนานคิดหาข้อมูลสตรีชุดขาวีท่ต้องสงสัยว่าเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา


 


“เรื่องนี้ข้าน้อยก็มิอาจทราบได้”


 


ซือถูอวี่ส่ายหัวไปมา “อย่างไรก็ตามพวกเราสังเกตเห็นว่า ขณะตระเวนไปรอบๆคฤหาสน์เฉวียนโยว นางมักจะหยุดชะเง้อมองไปทางคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่เรื่อย…ราวกับนางเฝ้ารอผู้ใดอยู่”


 


“เฝ้ารอคนงั้นรึ?”


 


จางตงหนานหยีตากล่าว “หรือว่า…ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจะมีคนรู้จักของนาง”


 


“อาจเป็นได้ เพราะหากไม่ได้รอพบผู้ใด ข้าก็นึกไม่ออกจริงๆว่าไฉนนางถึงหยุดชะเง้อเหม่อมองแบบนั้น”


 


ซือถูอวี่กล่าวต่อ


 


“เจ้าจดจำลักษณะและรูปร่างหน้าตาของนางได้หรือไม่?”


 


จางตงหนานถามข้อมูลสืบต่อ


 


“ขออภัยหัวหน้าเผ่าตงหนาน เพราะข้าน้อยมิได้ให้ความสนใจกับนางมากนัก จึงรู้แค่ว่านางสวมใส่ชุดสีขาว ใส่หมวกงอบห้อยผ้าโปร่งคลุมหน้าและก็มีผ้าปิดปาก ปกปิดหน้าตามิดชิด…นอกจากนั้นข้าก็ไม่ได้สนใจนางอีก”


 


ซือถูอวี่ส่ายหัวไปมา


 


“หัวหน้าเผ่าตงหนาน…”


 


ตอนนี้เองเหลิ่งเอี้ยที่อยู่ด้านหลังซือถูอวี่คล้ายฉุกคิดอะไรได้ออก ลูกตาของมันทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง


 


“หืม?”


 


จางตงหนานหันไปมองเหลิ่งเอี้ยด้วยสายตาสงสัยทันที


 


“เรียนหัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าน้อยเคยอ่านรายงานความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนมาก่อน…และพบว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น สมควรมาจากพื้นที่ชายแดนรอบนอกของแดนสวรรค์ใต้ของพวกเรา”


 


เหลิ่งเอี้ยกล่าวต่อว่า “และในช่วงที่ต้วนหลิงเทียนอยู่นอกชายแดน ข้างกายของมันมักมีสตรีที่สวมหมวกงอบคลุมหน้ากับผ้าปิดปากเช่นนี้!”

 

 

 


ตอนที่ 3187

 

“เจ้าแน่ใจรึ?”


 


แทบจะทันทีที่เหลิ่งเอี้ยกล่าวจบคำ จางตงหนานก็หันไปหยีตามองจี้ถามมันทันที


 


“หัวหน้าเผ่าตงหนาน ข้าน้อยแน่ใจ”


 


เหลิ่งเอี้ยพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “หากหัวหน้าเผ่าตงหนานมิเชื่อ ท่านสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองได้…เพราะใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของชายแดนรอบนอก ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นนับว่าเป็น ‘คนดัง’ เช่นกัน”


 


“หลายคนล่วงรู้ว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมักมีสตรีที่มีรูปโฉมงดงามหาใดเปรียบติดตามอยู่เสมอ…และก่อนหน้าที่มันจะมีชื่อเสียง สตรีที่ติดตามอยู่ข้างกายมัน ก็มักจะปกปิดหน้าตาเอาไว้อย่างมิดชิด”


 


“เรื่องนี้หากข้าเดาไม่ผิด ที่สตรีนางนั้นปกปิดใบหน้ามิดชิด มิพ้นคิดขจัดปัญหาวุ่นวายที่จะเข้ามาในชีวิตเพราะรูปโฉมงดงามของนางเป็นแน่”


 


เหลิ่งเอี้ยกล่าวข้อมูลที่ล่วงรู้ออกมารวดเดียวจบ


 


“เอาล่ะ ข้าจะลองตรวจสอบเรื่องนี้ดู…นอกจากนั้น เจ้าจงติดตามข้ากลับเผ่าจิ้งจอกมายาเสีย หากสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้าไม่ให้เจ้าเสียเปรียบแน่!”


 


จางตงหนานมองจ้องเหลิ่งเอี้ยพลางกล่าว และพูดถึงตรงนี้สีหน้ากับน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที “แต่หากข้ารู้ภายหลังว่าเจ้าหลอกข้าล่ะก็…เช่นนั้นเจ้าอย่าได้หวังจะกลับออกจากเผ่าจิ้งจอกมายาข้าทั้งยังมีชิวิต!”


 


“หัวหน้าเผ่าตงหนาน เรื่องให้ติดตามท่านไป ตัวข้าไม่มีปัญหา…แต่ท่านต้องแจ้งทางองค์กรให้ข้าด้วย เพราะตอนนี้ข้ายังอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจ”


 


เหลิ่งเอี้ยไม่ได้กระวนกระวายอะไร เพียงแจ้งขั้นตอนไปอย่างสงบ


 


“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารู้จักกับรองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดของพวกเจ้าคนหนึ่ง เอาไว้ข้าค่อยบอกมันเอง!”


 


จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ


 


หลังกล่าวจบคำ มันก็หันไปพยักหน้าให้ซือถูอวี่คราหนึ่ง จากนั้นก็พาชายชราทั้ง 2 ด้านหลัง รวมถึงเหลิ่งเอี้ยเหินร่างเดินทางกลับไปยังเผ่าจิ้งจอกมายาทันที


 


จางตงหนานพาตัวเหลิ่งเอี้ยไปดื้อๆแบบนี้ แต่ต้นจนจบซือถูอวี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร


 


เพราะมันรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่อาจห้ามหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะได้อยู่แล้ว


 


ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องกล่าวถึงตัวจางตงหนานที่เป็นจอมราชันอมตะด้วยซ้ำ ลำพังแค่คนใดคนหนึ่งในบรรดา 2 ผู้ชราด้านหลังจางตงหนาน เว้นเสียแต่มันจะใช้วิธีลอบสังหาร ก็ไม่มีทางเอาชนะทั้งคู่ได้เลย


 


ความสามารถแต่กำเนิดของเผ่าจิ้งจอกมายารับมือยากเกินไป!


 


มันเคยประมือกับจางเจิ้งไห่มาแล้ว ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือกับการตระหนักรู้ในกฏจะถือว่าเท่าเทียมกัน ไม่เว้นอุปกรณ์อมตะที่ใช้ก็มีพลังพอๆกัน แต่มันกลับสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย…ชีวิตยังขึ้นอยู่กับความเมตตาของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!


 


“เจ้ารายงานกลับไปให้รองผู้นำเฉินทราบเรื่องนี้เลยเถอะ”


 


ซือถูอวี่หันไปกล่าวคำกับนักฆ่าอีกคนที่เหลืออยู่ด้านหลัง อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเร็วไว และรีบส่งรายงานกลับไปทันที


 


องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้น มีชนชั้นรองผู้นำมากกว่า 1 คน


 


ซือถูอวี่ก็ไม่รู้ว่าจางตงหนานรู้จักกันกับรองผู้นำคนไหน เช่นนั้นมันก็ได้แต่ให้นักฆ่าด้านหลังส่งรายงานกลับองค์กร เพื่อแจ้งให้ เฉินหยวนซาน รองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดที่ติดต่อออกภารกิจให้พวกมันรับทราบเรื่องราวโดยตรง


 


ตอนนี้ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน ก็ถูกเฉินหยวนซานยื่นมือเข้ามาแทรกแล้ว


 


ส่วนอีกด้าน


 


ขณะที่จางตงหนานกำลังพาทุกคนเดินทางกลับเผ่าจิ้งจอกมายา จางเจิ้งไห่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหัวหน้าเผ่า หากเรื่องราวเป็นดั่งที่เหลิ่งเอี้ยกล่าวจริง…สตรีนางนั้นมิพ้นต้องอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วเป็นแน่ กระทั่งอาจจะอยู่ด้วยกันกับต้วนหลิงเทียนนั่น”


 


“ใช่ท่านหัวหน้า ไม่เพียงเท่านั้น…ข้าเกรงว่าที่คนของพวกเราตกตายไป คงไม่อาจแยกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ออก”


 


จางอวิ๋นถิงที่อยู่ข้างๆพลันกล่าวเสริมออกมา


 


“ทั้งหมดที่พวกเจ้าพูดมาล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น พวกเจ้ามีหลักฐานอันใดรองรับหรือไม่? หรือพวกเจ้าคิดจะให้ข้าบุกเข้าไปสืบค้นหาคนในคฤหาสน์เฉวียนโยว?”


 


จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ


 


ได้ยิ้นดังนั้น ทั้งคู่ก็เงียบไปพักหนึ่ง


 


“ถึงแม้ในแดนสวรรค์ใต้เราจักมีคฤหาสน์อมตะระดับ 6 มากมายที่อยู่ภายใต้อำนาจ 10 ตระกูลใหญ่…แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าคฤหาสน์อมตะหลังเดียวที่ทำให้ข้าหวั่นเกรงจนไม่กล้าดูเบา…ก็คือคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


กล่าวถึงจุดนี้จางตงหนานก็หยุดลงชั่ววคราว แววตาของมันยังเริ่มเลื่อนลอยคล้ายหวนรำลึกความหลัง “ท่านพ่อของข้าเคยบอกข้าว่า…ในคฤหาสน์เฉวียนโยว มีจอมราชันอมตะยอดฝีมือผู้หนึ่งเร้นกายอยู่ และในขอบเขตจอมราชันอมตะด้วยกันมันก็เป็นชนชั้นสุดยอดฝีมืออีกด้วย”


 


“เห็นว่าพลังฝีมือของมัน สามารถเทียบเทียมได้กับเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 10!”


 


จางตงหนานกล่าวถึงจุดนี้ ไม่เพียงแต่จางเจิ้งไห่กับจางอวิ๋นถิงเท่านั้น กระทั่งเหลิ่งเอี้ยที่ถูกหอบหิ้วมาด้วยก็ตกใจยกใหญ่!


 


ต้องทราบด้วยว่า ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 10 นั้น ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นจอมราชันอมตะชนชั้นยอดฝีมือทั้งสิ้น เรียกว่าจอมราชันอมตะทั่วไปในด่านพลังเดียวกัน แทบจะสู้พวกมันไม่ได้เลย…


 


ทว่ามาตอนนี้จางตงหนานกลับบอกพวกมันว่า…


 


ในคฤหาสน์เฉวียนโยวกลับมีจอมราชันอมตะเช่นนั้นเร้นกายอยู่?


 


จะไม่ให้พวกมันตกใจได้อย่างไรไหว?


 


“ยอดฝีมือเร้นกายผู้นั้น ท่านพ่อบอกว่ามันดำรงตำแหน่งจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวมานานแสนนาน…ในแง่ลำดับอาวุโสแล้ว น่ากลัวจะเป็นบรรพจารย์ของผู้นำคฤหาส์เฉวียนโยวด้วยซ้ำ!”


 


จางตงหนานกล่าวสืบต่อ


 


“จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย?”


 


ลูกตาจางเจิ้งไห่หดหยีลง “ท่านหัวหน้าเผ่า ข้าจำได้ว่า…ตอนที่ท่านถามถึงต้วนหลิงเทียนที่คฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนหน้านี้ มิใช่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวทำนองว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนปัจจุบันของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วหรือไร?”


 


“เช่นนั้นหมายความว่า…ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของยอดฝีมือเร้นกายผู้นั้นแล้วสิ?”


 


จางเจิ้งไห่กล่าวจบคำ แวววตาของมันก็ฉายความประหวั่นพรั่นใจทันที


 


“เจ้าพึ่งคิดได้หรือไร”


 


จางตงหนานส่ายหัวไปมา “เช่นนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกเราไม่มีหลักฐานอันใด ต่อให้พวกเรามีหลักฐานก็ไม่อาจไปหาความอะไรได้…เพราะให้กล่าวกันตรงๆ คฤหาสน์เฉวียนโยวหาได้เกรงกลัวเผ่าจิ้งจอกมายาของพวกเราไม่!”


 


“กระทั่งต่อให้ เผ่าจิ้งจอกมายา 3 สาขาย่อยร่วมมือกัน…ยังไม่อาจเป็นภัยคุกคามอันใดให้คฤหาสน์เฉวียนโยวได้”


 


จางตงหนานในฐานะหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ ย่อมรู้ถึงขุมพลังแท้จริงของคฤหาสน์เฉวียนโยวดี ว่าเทียบได้กับขุมกำลังระดับ 5 ด้วยซ้ำ!


 


แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ในแดนสวรรค์ใต้ มีน้อยคนนักที่ล่วงรู้


 


“คฤหาสน์เฉวียนโยวกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ…เช่นนั้นไฉนคฤหาสน์ปี้ชิงถึงยังกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกมันอีกเล่า?”


 


จางอวิ๋นถิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในเรื่องนี้ เพราะมันก็ได้ยินข่าวเรื่องที่คฤหาสน์ปี้ชิงเขม่นกับคฤหาสน์เฉวียนโยวมาไม่น้อย


 


“ทั้ง 2 คฤหาสน์มีเรื่องราวบาดหมางกันก็จริง และพบกันคราใดก็มักกระทบกระทั่ง ถึงขั้นฆ่าแกงกันอยู่ร่ำไป…แต่พวกเจ้าเคยเห็นขอบเขตราชาอมตะของพวกมันตีกันจนตายหรือไม่?”


 


จางตงหนานเอ่ยออกเสียงเรียบ “เรื่องราวบาดหมางของพวกมัน เพียงกระทบกระทั่งกันในแวดวงเล็กๆเท่านั้น…เช่นนั้นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะของพวกมัน ยังจะลดตัวไปจัดการกุ้งฝอยพวกนี้อีกหรือ?”


 


พอได้ยินประโยคนี้ จางอวิ๋นถิงก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที


 


‘คฤหาสน์เฉวียนโยว…ที่แท้ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ? นอกจากนั้นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ว่า กลับมีพลังฝีมือทัดเทียมกับชนชั้นผู้นำ 10 ตระกูลใหญ่เหล่านั้น?’


 


‘และตอนนี้ เจ้าต้วนหลิงงเทียนนั่น มันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยขอคฤหาสน์เฉวียนโยวไปแล้ว?’


 


เหลิ่งเอี้ยที่ถูกหอบหิ้วเดินทางมาด้วย ย่อมได้ยินบทสนทนาของทั้ง 3 ชัดเจน ทำให้มันรู้สึกเสมือนมีไอเย็นสายหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ!


 


มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆ ว่าขุมพลังที่แท้จริงของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะน่ากลัวขนาดนี้!


 


ยิ่งไม่คาดคิดว่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับอยู่ภายใต้การดูแลจากสุดยอดฝีมือระดับนั้นโดยตรง!


 


‘ไม่ได้การแล้ว! หากพวกเราฆ่าต้วนหลิงเทียนไป ต่อให้เป็นการลงมือนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ตามที…แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนั่น ยังจะปล่อยผ่านไปอีกหรือ?’


 


คิดถึงจุดนี้เหลิ่งเอี้ยก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ เหงื่อเย็นเม็ดเขื่องยังผุดซึมขึ้นกลางหน้าผาก


 


‘รีบแจ้งรองผู้นำเฉินให้ทราบดีกว่า!’


 


‘กล่าวไปแล้ว ระดับรองผู้นำเฉินก็สมควรล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว…และรู้ดีว่าตัวตนที่กำลังปกป้องต้วนหลิงเทียนอยู่ตอนนี้เป็นเช่นไร’


 


เหลิ่งเอี้ยคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้า เร่งรุดรายงานกลับไปยังองค์กรกะโหลกเลือดทันที และรายงานของมันก็ถูกส่งต่อไปถึงเฉินหยวนซานเร็วไว


 


“อะไร!?”


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…กลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว?”


 


“นอกจากนั้นฟังจากที่จางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายากล่าว…บรรพบุรุษผู้เฒ่าคนนั้นของคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังรั้งอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจนถึงบัดนี้?”


 


หลังได้รับรายงานข้อความที่เหลิ่งเอี้ยส่งมา สีหน้าเฉินหยวนซานก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ต้องให้ท่านผู้นำเป็นคนตัดสินใจ…”


 


“ว่าสุดท้าย…ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนนั่นจักไปต่อหรือพอแค่นี้!”


 


ในขณะที่เฉินหยวนซานหอบใจที่หนักอึ้งไปเข้าพบผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด มันก็ไม่ลืมส่งข้อความไปถึงซือถูอวี่ที่จับตาดูเรื่องราวนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นการด่วน ทำการระงับภารกิจสังหารเอาไว้ก่อน สั่งให้ทั้งคู่อย่าได้ลงมือเด็ดขาด แม้จะเห็นต้วนหลิงเทียนออกมาหรือสบโอกาสเหมาะอะไร


 


เรื่องนี้ ทำให้ซือถูอวี่กับนักฆ่าอีกคนสับสนไม่น้อย


 


ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


 



 


ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว


 


วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย


 


หลังจากที่กลับมาถึงวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ต้วนหลิงเทียนที่นัดแนะกับฮ่วนเอ๋อก็เริ่มปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที และด้วยมีผลไม้อมตะกับโอสถอมตะที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยส่งมาให้ ความเร็วในการบ่มเพาะของเขานับว่าสูงขึ้นกว่าตอนที่ไม่มีมาก


 


ในช่วงที่ฮ่วนเอ๋อตื่นขึ้นมาบ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนจะนอนหลับเพื่อใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด


 


ผลัดกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ


 


หลังผ่านไปครึ่งเดือน ฮ่วนเอ๋อก็ดูดซับพลังของผลราชาอัคคีและผลราชาน้ำแข็งได้หมด ด่านพลังของนางจึงประสบผลสำเร็จในการทะลวงไปยังขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้อย่างราบรื่น


 


‘สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ไม่เพียงมีความเร็วในการบ่มเพาะสูงจนน่ากลัว แต่ความเร็วในการดูดซับพลังของผลไม้อมตะยังสูงไม่ใช่ชั่วอีกด้วย’


 


พอต้วนหลิงเทียนตื่นขึ้นมาพบเรื่องนี้ เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ ถึงแม้จะคาดไว้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อสมควรใช้เวลาดูดซับเพื่อทะลวงด่านไม่นานก็ตามที


 


“ต้วนหลิงเทียน!”


 


และต้วนหลิงเทียนพึ่งจะตื่นจากการบ่มเพาะได้ไม่ทันไร ก็ได้รับข้อความติดต่อจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวว่า “ข้าได้รับแจ้งข่าวมาว่า…หลังหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายากลับไปถึงเผ่า มันก็ได้ส่งคนของเผ่าจิ้งจอกมายาเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนรอบนอกของแดนสวรรค์ใต้เราทันที…”


 


“ไม่ทราบเรื่องนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับสตรีข้างกายเจ้าหรือไม่?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวถาม


 


‘พื้นที่ชายแดนรอบนอก?’


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงแทบปิด จากนั้นก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมประกายแสงหนึ่งสว่างวาบ ‘ดูเหมือนหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาจะล่วงรู้อะไรบางอย่างแล้วสินะ…’


 


‘รึว่า…จากองค์กรกะโหลกเลือด?’


 


สำหรับเรื่องที่องค์กรกะโหลกเลือดสืบพบความเป็นมาของเขาในพื้นที่ชายแดนรอบนอกนั้น ต้วนหลิงเทียนรู้แต่แรกแล้ว  จึงไม่ยากที่เขาจะเดาได้ ว่าไม่พ้นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสมควรได้รับข้อมูลนี้จากนักฆ่ากะโหลกเลือดทั้ง 3 ที่เฝ้านอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นแน่!


 


‘ให้ตายเถอะ หากข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ มิสู้ให้ผู้อาวุโสฆ่านักฆ่าทั้ง 3 นั่นทิ้งไปแต่แรกก็ดี!’


 


แววตาต้วนหลิงเทียนยามนี้ฉายชัดถึงจิตสังหารอำมหิต ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน


 


“ท่านผู้นำคฤหาสน์…ข้ากับนางมาจากพื้นที่ชายแดน”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความตอบกลับ


 


“เจ้าต้องการให้ข้าส่งคนไปจัดการคนของเผ่าจิ้งงจอกที่กำลังไปพื้นที่ชายแดนหรือไม่? ในเมื่อหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกเลือกจะส่งคนไปที่นั่นตอนนี้ ไม่พ้นมันต้องระแคะระคายอะไรบางอย่างแล้วแน่นอน”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งข้อความมาถามต้วนหลิงเทียน ราวกับหากต้วนหลิงเทียนต้องการ ขอแค่พูดออกมาคำเดียวมันก็จะส่งคนไปเก็บคนของเผ่าจิ้งจอกมายาทันที


 


“ไม่ต้องหรอก”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความบอกปัดไปยังผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว “ตอนนี้มันสายไปแล้ว ปล่อยให้มันตรวจสอบไปเถอะ…ถึงจะส่งใครไปฆ่าคนของมัน พวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะส่งคนไปเพิ่มไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”


 


ถึงแม้ว่าตอนนี้ผิวเผิน ต้วนหลิงเทียนจะยังแลดูใจเย็น


 


แต่อันที่จริงในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์


 


‘องค์กรกะโหลกเลือดไม่พ้นต้องพบเบาะแสอะไรบางอย่างของข้าที่พื้นที่ชายแดน…รวมถึงเรื่องที่ฮ่วนเอ๋อมักอยู่ข้างกายข้าไม่ว่าจะตอนเปิดเผยหรือปกปิดรูปโฉม’


 


‘และฮ่วนเอ๋อมาด้อมๆมองๆนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ นักฆ่าทั้ง 3 ขององค์กรกะโหลกเลือดจะมากจะน้อยก็ต้องสังเกตเห็นนางแน่นอน’


 


‘ขอเพียงจางตงหนานไปถามนักฆ่าทั้ง 3 นั่นดู สุดท้ายก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับฮ่วนเอ๋อได้อยู่วันยังค่ำ’


 


‘และตอนนี้ ไม่พ้นจางตงหนานต้องรู้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อสมควรอยู่กับข้าในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…’

 

 

 


ตอนที่ 3188

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ก่อนจะลุกออกจากห้องไป


 


เพื่อความปลอดภัย เขาคิดจะไปถามจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยให้รู้ชัด ว่าสามารถรับมือเผ่าจิ้งจอกมายาได้ไหวหรือไม่


 


เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเผ่าจิ้งจอกมายามีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน


 


ถึงแม้เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยจะเคยพูดให้เขาฟังไปแล้ววันก่อน ว่าไม่ได้กลัวเผ่าจิ้งจอกมายาเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าใช่อีกฝ่ายพูดเพื่อเอาหน้าหรือไม่?


 


“ผู้อาวุโส”


 


ต้วนหลิงเทียนที่มาพบจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ก็ไม่คิดอ้อมค้อมใดๆ เลือกจะกล่าวออกไปตรงๆ “ข้าเกรงว่าอีกไม่นานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา ต้องมาหาความที่คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกแน่…”


 


“คฤหาสน์เฉวียนโยวมีกำลังมากพอจะคุ้มครองฮ่วนเอ๋อน้องสาวของข้าได้หรือไม่?”


 


ขณะกล่าวถามชายชราเรื่องนี้ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็จริงจังขรึมเคร่งนัก


 


“เกิดอะไรขึ้น?”


 


ชายชรายังไม่เข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่


 


“หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาผู้นั้น ตอนนี้สิบในสิบไม่พ้นล่วงรู้แล้วว่าฮ่วนเอ๋อพักอยู่กับข้า หลังได้เบาะแสบางอย่างจากองค์กรกะโหลกเลือด หาไม่แล้วพวกมันคงไม่ส่งคนไปพื้นที่ชายแดน…”


 


ต้วนหลิงเทียนพูดอีกครั้ง ก็กล่าวบอกเรื่องที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวรายงานความเคลื่อนไหวของเผ่าจิ้งจอกมายาให้เขาออกไป


 


“ไฉนเผ่าจิ้งจอกมายาถึงได้จ้องจะเล่นงานฮ่วนเอ๋อเล่า? แล้วไฉนหัวหน้าเผ่าจิ้จอกมายาต้องย้อนกลับมาหาความเพราะนางอีก?”


 


ชายชราถาม


 


ได้ยินคำถามดังก่าวของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม “ผู้อาวุโส นี่ไม่ใช่เพราะข้าไม่อยากเล่า แต่บางเรื่องข้าก็ไม่สะดวกจะกล่าว…”


 


“ที่ข้ามาหาท่านตอนนี้ เพียงเพราะอยากถามท่านตรงๆ ว่าหากหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายามาหาความที่คฤหาสน์เฉวียนโยว ในคฤหาสน์เฉวียนโยวมีใครสามารถรับประกันความปลอดภัยให้ฮ่วนเอ๋อได้หรือไม่?”


 


นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงในการมาครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน


 


“เจ้ายังคงเป็นกังวลเรื่องนี้อยู่อีกงั้นหรือ…?”


 


ชายชราส่ายหัวไปมา “ไม่ใช่วันก่อนข้าบอกเจ้าไปแล้วหรือไร ว่าต่อให้เป็นเผ่าจิ้งจอกมายาก็ไม่กล้าตอแยคฤหาสน์เฉวียนโยวของเรา…เจ้าไม่เชื่อข้ารึ?”


 


“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ ข้าแค่อยากยืนยัน”


 


ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง เพราะอย่างไรเสียที่เขามาถามย้ำอีกครั้งแบบนี้ ก็เพราะสงสัยในคำพูดของชายชราเมื่อวันก่อนจริงๆ


 


เพราะวันก่อนตอนชายชราเอ่ยถึงเรื่องนี้ ท่าทีแลดูเหมือนกล่าวอย่างขอไปที


 


“เจ้าอย่าได้กังวลไป…ไม่ต้องพูดถึงงเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้เลย ต่อให้มีเผ่ามายาอย่างสาขาแดนสวรรค์ใต้เพิ่มอีก 2 เผ่า คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่มีกลัว!”


 


ฟังจากวาจาของชายชราแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ยึดถือเผ่าจิ้งจอกมายาเป็นจริงจังอะไร แววตายังเผยความดูแคลนหยันหยามให้เห็น


 


“เจ้าสามารถบ่มเพาะฝึกฝนได้อย่างสบายใจ พยายามยกระดับพลังฝึกปรือของเจ้าให้เร็วที่สุด…สำหรับเรื่องใดอื่น ขอเพียงมีข้าอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยววันหนึ่ง เจ้าก็ไม่ต้องกังวลเพิ่มอีกวัน”


 


ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


 


“ขอบคุณผู้อาวุโส”


 


ต้วนหลิงเทียนป้องมือประสานกล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากนั้นก็กลับไปบ่มเพาะพลังสืบต่อ


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว สองตาชายชราก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ดูเหมือนยาโถวน้อยนางนั้น มิพ้นเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ที่เผ่าจิ้งจอกมายาเผ่าหลักบน 7 ภูมิภาคเบื้องบนกำลังตามล่าอยู่…”


 


“อีกทั้งเผ่าหลักของจิ้งจอกมายาใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนยังตั้งภารกิจในตลาดมืดเอาไว้…หากผู้ใดสามารถให้เบาะแสจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาได้ จักได้รับรางวัลมากมาย…”


 


“รางวัลนั่น…กระทั่งข้าเองยังหวั่นไหว…”


 


หลังจากกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆไปสักพัก ชายชราก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรเสีย มันก็เท่านั้น…ในเมื่อข้าทุ่มเดิมพันกับเจ้าหนูนั่นหมดหน้าตักแล้ว ข้าก็ได้แต่ต้องยืนหยัดข้างมันไปจนสุดทาง…”


 


พอกล่าวพึมพำถึงจุดนี้ ชายชราก็นิ่งเงียบไป และยังคงนั่งตกปลาริมทะเลสาบไปอย่างเอื่อยเฉื่อยตามเดิม คล้ายไม่มีเรื่องราวใดๆเกิดขึ้น


 



 


วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน


 


ทางด้านครอบครัวและสหายของต้วนหลิงเทียนที่หลบหนีออกมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพได้สำเร็จ แต่ละคนก็เผชิญหน้ากับหนทางของตัวเอง


 


เป็นธรรมดาว่าหลายคนก็ไม่ได้พบพานการผจญภัยที่ตื่นเต้นหวือหวามากมายอะไร ไม่ประสบกับวาสนาโดยบังเอิญใดๆทั้งสิ้น


 


มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พบพานการผจญภัยอันน่าตื่นตระหนก และประสบกับโชควาสนาโดยบังเอิญ


 


อย่างไรก็ตามแม้จะไม่พบพานวาสนาโดยบังเอิญหรือเผชิญหน้ากับการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น แต่ทั้งหมดก็เคยอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ และร่างกายก็ได้ผ่านการชำระขัดเกลาจากพลังวิญญาณฟ้าดินของแดนเทพมาแล้ว เช่นนั้นยามย้อนกลับมายังระนาบโลกียะ ความเร็วในการบ่มเพาะก็ต่างจากเดิมหลายขุม


 


กระทั่งให้กวาดตามองไปทั่วระนาบโลกียะนับหมื่นพัน ก็ยากจะพบพานผู้ใดที่มีความเร็วในการบ่มเพาะเทียบเท่า


 


ณ ระนาบหนามม่วง หนึ่งในระนาบโลกียะนับไม่ถ้วนภายใต้มหาสหัสโลกธาตุ…


 


ระนาบหนามม่วงแห่งนี้ ยังเป็นระนาบโลกียะขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่ามหาระนาบโลกียะ อันมีห้วงจักรวาลมากมายนับไม่ถ้วน และแต่ละห้วงจักรวาลก็มีดาราจักรมากมายมหาศาล ที่ใหญ่โตไม่ด้อยกว่าดาราจักรทางช้างเผือก


 


“อาหญิงเฉวี่ยไน่ ท่านรีบหนีไปเถอะ…คนพวกนี้ให้ข้ารั้งพวกมันไว้เอง! วันหน้าท่านช่วยฆ่าพวกมันล้างแค้นให้ข้าด้วย!”


 


ณ ห้วงอากาศของดาราจักรแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างชายหนุ่มหล่อเหลาที่หยุดร่างลอยค้างกลางอวกาศอันมืดมิดกล่าวคำกับสตรีนางหนึ่งด้วยท่าทางเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยว


 


ชายหนุ่มที่กล่าวคำอย่างเด็ดเดี่ยวเมื่อครู่ มีใบหน้าหล่อเหลานัก คิ้วคมเข้มปานมีดดาบ สองตากระจ่างใสทอประกายดั่งดวงดารา อย่างไรก็ตามหว่างคิ้วทั้งแววตาของชายหนุ่มยามนี้ กลับฉายให้เห็นถึงความวิตกกังวลนัก


 


“เนี่ยนเทียน เป็นเจ้าที่ต้องรีบหนีไป…หากกระทั่งเจ้าข้ายังดูแลไม่ได้ วันหน้าข้าจะไปสู้หน้าพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่หญิงเฟยเอ๋อได้ยังไง!”


 


สตรีอันมีใบหน้างดงามกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นไม่แพ้กัน กิริยาท่าทางของนางหนุนเสริมให้นางแลดูมากสง่าราศี ทั้งงดงามจนกลบรัศมีสรรพสิ่งโดยรอบ


 


ทั้ง 2 ร่างที่กำลังแย่งกันเสียสละตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ ที่ถูกเซี่ยเจี๋ยส่งตัวออกมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ


 


ทั้งคู่ได้ถูกส่งมายังระนาบเดียวกัน ถึงแม้จะแยกจากกันในตอนแรก แต่หานเฉวี่ยไน่ใช้เวลาไม่นานก็ตามหาต้วนเนี่ยนเทียนจนเจอ


 


และหลังจากผ่านไปหลายปี เด็กชายตัวน้อยที่ชอบร้องให้ต้วนหลิงเทียนอุ้มครั้งยังอยู่ตำหนักเมฆาคราม ก็เติบโตเป็นหนุ่มแล้ว


 


“อาหญิงเฉวี่ยไน่…”


 


ในขณะที่ต้วนเนี่ยนเทียนคิดจะกล่าววาจาใดสืบต่อ ก็ปรากฏเสียงทะลวงผ่านห้วงอวกาศมาฉับไวพร้อมกลิ่นอายพลังดุร้าย พริบตาต่อมาสำนึกเทวะนับสิบๆสาย ก็แผ่มาปกคลุมร่างต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่เอาไว้


 


“หึ! พวกเจ้ามิต้องเกี่ยงกันหรอก เพราะวันนี้พวกเจ้าทั้งคู่ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าหวังจักหนีรอดไปได้!!”


 


รอบๆต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ยามนี้ ปรากฏร่างเหินข้ามอวกาศมืดดำมาปิดล้อมเอาไว้หนาตา เอาแค่ชายฉกรรจ์ในชุดข้ารับใช้ก็มีราวๆ 20-30 คนแล้ว ไม่ต้องนับผู้ชราที่สมควรพลังฝีมือสูงส่งอีกนับสิบเลย และที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นสตรีชรานางหนึ่งที่นั่งบนหลังสัตว์อสูรตัวเขื่อง ในมือถือไว้ด้วยไม้เท้ารูปหัวอสรพิษ


 


“ท่านแม่ยาย ไม่ต้องเสียเวลาเสวนากับพวกมันแล้ว ในเมื่อพวกมันกล้าเข่นฆ่าฉีเอ้อ เช่นนั้นก็กลบฝังพวกมันไปพร้อมฉีเอ้อเลยเถอะ!!”


 


ข้างๆหญิงชรา ปรากฏชายยวัยกลางคนในชุดคลุมหรูหราหนึ่งยืนอยู่ สองตาของมันถลึงมองจ้องต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่อย่างเยียบเย็น แลดูดุร้ายปานยักษ์มารใคร่กลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ


 


เนื่องเพราะ บุรุษหนุ่มกับสตรีเบื้องหน้า ได้ฆ่าลูกชายคนเดียวของมันที่ภรรยาคลอดทิ้งไว้ก่อนจะลาโลกไป!


 


“เหอะ!”


 


ต้วนเนี่ยเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนนับสิบ ไม่เผยท่าทีหวั่นหวาด มองจ้องตาชายวัยกลางคนพลางกล่าวออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจ มุมปากแสยะยิ้มเย้ยหยัน “หากไม่ใช่เพราะลูกชายตัวดีของเจ้า สะเออะมาทำรุ่มร่ามวางท่ากับอาหญิงเฉวี่ยไน่ของข้าก่อน ทั้งคิดใช้กำลังบีบคั้นผู้คนเยี่ยงเศษสวะ มีหรือที่พวกเราจะจัดการมัน?!”


 


“มันตายไปก็นับว่าสมควรแล้ว! หากเจ้าจะโทษก็ลูกชายอุบาทว์ของเจ้าเถอะ!!”


 


ใบหน้าอ่อนวัยที่ยังเหลือเค้าโครงความไร้เดียงสา บัดนี้ฉายชัดถึงธาตุทระนงและไม่ยอมสยบ สองตากระจ่างยังมองจ้องชายวัยกลางคนอย่างไม่ลดละ


 


“เนี่ยนเทียน กับตัวบัดซบอย่างพวกมันพูดไปก็เสียเวลา…หากพวกมันอยากสู้ก็สู้เถอะ!”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกเสียงเบา จากนั้นเพียงโบกมือเบาๆคราหนึ่ง ห้วงอวกาศรอบกายคล้ายจะปรากฏไอเย็นยะเยือก ควบรวมก่อตัวก่อเกิดเป็นคมมีดน้ำแข็ง พุ่งทะยานออกไปฉับไว ไม่ทันไรก็ปลิดปลงศีรษะผู้ที่ห้อมล้อมไป 3 คน!


 


อย่างไรก็ตามแม้การลงมือส่งๆของนางจะเข่นฆ่าสังหารไปคราเดียว 3 คน แต่นางก็ไม่ได้ยินดีอะไร เนื่องเพราะ 3 คนนั่นเป็นแค่ลิ่วล้อที่ติดสอยห้อยตามมาเท่านั้น


 


“หาที่ตาย!!”


 


การเปิดฉากเข่นฆ่าสังหารของหานเฉวี่ยไน่ ย่อมทำให้หญิงชราบนร่างอสูรตัวเขื่องมีโมโหทันที ทั่วร่างชราเหี่ยวย่นปะทุพลังเกรี้ยวกราดดุดัน คนโจนทะยานผ่านห้วงอวกาศไปดั่งยายเฒ่าคะนองศึก! ไม้เท้าหัวอสรพิษของนางควงขวับๆปาน จักรผันรวมรั้งพลังฟาดทุบไปทางหานเฉวี่ยไน่อย่างดุร้าย!!


 


ชายวัยกลางคนที่ยืนข้างหญิงชราเมื่อครู่ ก็โจนทะยานเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนเนี่ยนเทียนเช่นกัน!


 


คนอื่นๆที่ติดตามหญิงชรามาก็ควบรวมพลังจู่โจมสนับสนุนออกไปตามกำลัง


 


ที่กำลังปะทะเข่นฆ่ากันอยู่ ณ ห้วงอวกาศจุดนี้ พลังฝีมือสูงสุดคือสตรีชรา รองลงมาก็คือหานเฉวี่ยไน่ และชายวัยกลางคนเป็นลำดับถัดไป


 


อย่างไรก็ตาม การลงมือของหญิงชราแค่คนเดียวก็ทำให้หานเฉวี่ยไน่ตึงมือจนแทบไม่ว่างดูแลต้วนเนี่ยนเทียนแล้ว


 


สำหรับต้วนเนี่ยนเทียน แม้พลังฝีมือจะไม่อ่อนด้อยไปกว่าผู้ที่ปิดล้อมโดยรอบ แต่ก็อ่อนด้อยกว่าชายวัยกลางคนที่ป้อนกระบวนท่าสังหารเข้ามาอยู่บ้าง ทำให้ต้านทานรับมือไปไม่กี่สิบกระบวนท่า ก็เริ่มตกเป็นรองผู้อื่นเขา…


 


“สารเลวน้อย! ไปลงนรกเสีย!!”


 


เมื่อสบโอกาสเหมาะ ชายวัยกลางคนก็แผดเสียงออกมาอย่างดุร้าย กระแสพลังราวเส้นไหมพุ่งออกไปจากปลายนิ้วทั้ง 10 ปานด้ายมรณะ! จี้ตรงเข้าใส่ต้วนเนี่ยนเทียนที่กำลังโซเซ!!


 


“เนี่ยนเทียน!!”


 


เมื่อเหลือบไปเห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว หานเฉวี่ยไน่ก็ใจหายวาบ จากนั้นก็เพิกเฉยการลงมือของหญิงชรา ปล่อยให้อีกฝ่ายฟาดทุบเข้าใส่อย่างจังจนบาดเจ็บภายในสาหัส หากทว่านางอาศัยพลังทุบฟาดนี้ดั่งแรงส่ง หนุนร่างให้พุ่งไปทางต้วนเนี่ยนเทียนปานจุดระเบิด ก่อนจะคลี่คลายกระบวนท่าสังหารของชายวัยกลางคน ที่เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนเนี่ยเทียนได้ทันเวลา!


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หานเฉวี่ยไน่บาดเจ็บภายในสาหัสนัก ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะสู้ต่อแล้ว นับว่าสำหรับนางการต่อสู้มีอันต้องจบลงเพียงเท่านี้ ต่อไปคือการเข่นฆ่าสังหารตามอำเภอใจของผู้อื่นเขาแล้ว…


 


“เนี่ยนเทียนเจ้าเป็นไรหรือไม่?”


 


หานเฉวี่ยไน่กับต้วนเนี่ยนเทียน ลอยร่างกลางห้วงอวกาศโดยหันหลังชนกัน สีหน้าทั้งคู่แลดูซีดเซียว เอ่ยถามกันด้วยความกังวล


 


“อาหญิงเฉวี่ยไน่ ข้ายังไหว ท่านเล่า…?”


 


และต้วนเนี่ยนเทียนในตอนนี้ก็ไม่ได้แลเห็นสีหน้าที่ซีดลงปานจะไร้สีเลือดของหานเฉวี่ยไน่เลย เนื่องเพราะไม่ทันได้เห็นตอนหานเฉวี่ยไน่ทนรับการโจมตีของหญิงชราเมื่อครู่ เพื่ออาศัยแรงปะทะในการส่งตัวมาช่วยมัน…


 


“เฮอะ! นังแพศยา!ลำพังตัวเจ้ายังเอาตัวเองไม่รอด ยังคิดจะปกป้องสารเลวน้อยนั่นอีกรึ?!”


 


หญิงชราหัวเราะเยาะหานเฉวี่ยไน่ พลางกล่าวออกมาด้วยสีหน้าดูแคลนเย้ยหยัน


 


“สารเลวน้อยเจ้าก็เช่นกัน! วันนี้ปีหน้าจักเป็นวันครบรอบวันตายของพวกเจ้าอาหลาน!!”


 


ชายวัยกลางคนเองก็หัวเราะเยาะต้วนเนี่ยนเทียนเช่นกัน ราวกับในสายตาของมัน ต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้วนเนี่ยนเทียนไม่ได้สนใจคำเสียดสีถากถางของมันแม้แต่น้อย สองตาเพียงเหม่อมองไปยังห้วงอวกาศไกลห่าง ราวกับมีบางสิ่งกำลังดึงดูดความสนใจไปหมดสิ้น


 


ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็หันไปมองตามสายตาของต้วนเนี่ยนเทียนทันที


 


และพอมองไปปราดเดียว ก็เห็นเป็นร่างหนึ่งกำลังเหินข้ามห้วงอวกาศมืดดำมาแต่ไกล สุดท้ายก็มาหยุดลงไม่ใกล้ไม่ไกล


 


เป็นสตรีในชุดสีม่วงนางหนึ่ง ลอยร่างค้างกลางห้วงอวกาศอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน รูปร่างเย้ายวนปานปีศาจของนางพร้อมด้วยใบหน้าที่เลอโฉมดดั่งเทพธิดานั่น นับว่ามีอำนาจปั่นหัวสรรพชีวิตให้หลงใหลโดยแท้ ประหนึ่งโฉมงามที่หลุดออกมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น


 


เส้นผมงามสลวยของนางพริ้วไสวแม้ไร้ลม


 


ทั่วร่างยังปรากฏอัสนีพลังสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบ ม้วนวนไปทั่วราวกับห้วงพายุสายฟ้า


 


“พี่หญิงเฟยเอ๋อ!!”


 


และในขณะที่หญิงชราหันไปมองตามสายตาชายวัยกลางคน หานเฉวี่ยไน่เองก็สังเกตเห็นสตรีในชุดม่วงที่พึ่งมาถึงเช่นกัน


 


“ท่านแม่!?!”


 


ต้วนเนี่ยนเทียนที่เหม่อมองร่างบางที่เหินมาแต่ไกล ดวงตาอันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเริ่มแดงรื้นขึ้นมา แววตายังกลายเป็นพร่ามัวราวมีหมอกสลัวปกคลุม


 


เนื่องเพราะสตรีในชุดม่วงที่พึ่งลุมาถึงไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น ก็คือลี่เฟยที่ได้ออกตามหาต้วนเนี่ยนเทียนและคนอื่นๆในระนาบหนามม่วงมาหลายปีแล้ว


 


และในที่สุดเมื่อวาน นางก็พึ่งได้เบาะแสของลูกชาย


 


สุดท้ายในขณะที่ชีวิตของลูกชายกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตาย นางก็มาถึงได้ทันเวลา…


 


“ท่านแม่! รีบหนีไปเร็วเข้า!!”


 


อย่างไรก็ตาม พอฉุกคิดถึงสถานการณ์ยามนี้ ต้วนเนี่ยนเทียนก็ดึงสติกลับมาเร็วไว รีบตะโกนเตือนลี่เฟยด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดี หวังให้นางเร่งรุดหลบหนีไปจากที่นี่!


 


เพราะในสายตาของเนี่ยนเทียน พลังฝีมือของมารดาอย่างดีตอนนี้ก็สมควรทัดเทียมกับตัวเอง ถึงแม้อาจจะเหนือกว่าตัวเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะเหนือกว่ามากนัก


 


และในเมื่อกระทั่งอาหญิงเฉวี่ยไน่ยังไม่ใช่คู่มือของสตรีชรา เช่นนั้นต่อให้เป็นมารดาก็ไม่น่าจะทำอะไรได้


 


“พี่หญิงเฟยเอ๋อ รีบหนีเร็ว!!”


 


สีหน้าท่าทีหานเฉวี่ยไน่ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงเช่นกัน เร่งส่งเสียงผ่านพลังกระตุ้นเตือนลี่เฟยอย่างร้อนใจ อย่างไรก็ตามนางไม่แลมองไปทางลี่เฟย ทำราวกับไม่รู้จักกัน ด้วยหวังว่าการกระทำนี้จะสร้างความสับสนให้สตรีชรา และมีส่วนช่วยให้ลี่เฟยหนีไปได้เพิ่มสักนิดก็ยังดี


 


“พวกเจ้า…”


 


ลี่เฟยที่ลอยร่างกลางห้วงอากาศ หลังมองต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ด้วยความตื่นเต้นแล้ว ก็เริ่มกวาดตามองคนอื่นรอๆด้วยสายตาเยียบเย็น


 


และในเวลาเดียวกับที่สายตาลี่เฟยเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ทุกผู้คนที่ปิดล้อมสองร่างตรงกลาง ก็รู้สึกเสมือนห้วงอวกาศรอบกายเย็นลงถนัดตา ราวกับฤดูหนาวมาเยือนห้วงอวกาศอันเต็มไปด้วยหมู่ดาว…

 

 

 


ตอนที่ 3189

 

ซูว! ซูว!


 


สีหน้าท่าทีของหญิงชรากับชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปใหญ่หลวง


 


ไม่ต้องกล่าวใดอื่น อีกฝ่ายกระทั่งยังไม่ได้ลงมือทำอะไรด้วยซ้ำ เพียงลอยร่างอยู่ตรงนั้น กลับทำให้พวกมันรู้สึกเย็นเยียบจับใจ สิ่งนี้บอกให้รู้ว่าพลังอำนาจของอีกฝ่ายสูงล้ำสุดที่พวกมันจะทาบติด!


 


“ใต้เท้า…”


 


สตรีชราคิดกล่าวใดบางอย่าง หากทว่านางพึ่งปริปากได้ไม่ทันไร นางก็พบว่าความว่างเปล่ารอบๆกายนาง อยู่ๆก็อุบัติแสงพลังสีม่วงสาดส่องออกมา! ประหนึ่งอุกกาบาตสีม่วงพุ่งทะลวงความว่างเปล่าออกมาฉับไว!!


 


สตรีชราหน้าเสียไปทันที นางรีบเบี่ยงตัวหลบเร็วไว ด้านชายวัยกลางคนและคนอื่นๆ ก็ประสบชะตากรรมเดียวกันกับนาง!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


ตอนนี้สตรีชราไม่มีเวลาสนใจผู้ใดทั้งสิ้น นางง่วนอยู่กับการหลบลำแสงสีม่วงที่พุ่งเข้ามาสุดชีวิต เพราะรู้ดีว่าหากหลบไม่พ้น นางต้องตกตายยอนาถแน่!!


 


“อ๊าคคคคค!!”


 


“เมตตาด้วยย!!”


 


“ไม่—!!”


 



 


และในขณะที่สตรีชรากำลังหลบลำแสงสีม่วงที่พุ่งวาบผ่านห้วงอวกาศมาดั่งลำแสงปืนใหญ่ เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังก้องเข้าหูนางจากทุกทั่วสารทิศ


 


และหลังผ่านไปครู่หนึ่งสุรเสียงใดๆก็ดับลง จากนั้นนางก็พบว่าลำแสงสีม่วงที่คล้ายอุกกาบาตพุ่งวาบไปมา ได้หายไปแล้ว…


 


ทว่าพอนางมองไปรอบๆบัดนี้ นางก็พบว่าจะชายวัยกลางคนก็ดี ลิ่วล้อที่นางพามาก็ดี ล้วนตกตายหมดสิ้น! ไม่มีผู้ใดเหลือรอดสักคน!!


 


“แม่มาช้าไป…”


 


ลี่เฟยย่ำเท้าออกมาหนึ่งก้าว ก่อนที่ร่างจะวูบไปผุดโผล่เบื้องหน้าต้วนเนี่ยนเทียนทันทีทันใด ราวย่นย่อพสุธาลัดฟ้า


 


“เฉวี่ยไน่ ข้าต้องขอบคุณเจ้ายิ่งที่ตลอดหลายปีมานี้เจ้าคอยดูแลเนี่ยนเทียนอย่างดี…”


 


ขณะเดียวกันลี่เฟยก็หันไปมองกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่ด้านหลังต้วนเนี่ยนเทียนด้วยแววตาสำนึกขอบคุณถึงที่สุด จากนั้นก็เร่งสะบัดมือส่งมอบขวดโอสถไปให้หานเฉวี่ยไน่อย่างไม่รอช้า “เจ้ารีบใช้ก่อน มันเป็นโอสถรักษา”


 


“พี่หญิงเฟยเอ๋อท่าน…”


 


ห่านเฉวี่ยไน่ยังคงตกตะลึงไม่หาย นางคว้าขวดโอสถมาตามสัญญชาติญาณ สองตายังกระพริบปริบๆมองร่างบางในชุดม่วงเบื้องหน้าด้วยอาการงุนงง


 


เพราะนางคิดไม่ออกจริงๆ


 


ว่าในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ลี่เฟยที่เดิมมีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่านางมากมาย ไฉนกลับถือครองพลังอันแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนี้ได้?


 


พลังที่ลี่เฟยเผยออกมาเมื่อครู่ เกรงว่าคงก้าวข้ามขีดจำกัดของระนาบโลกียะไปแล้วกระมัง?


 


“ท่านแม่…”


 


ต้วนเนี่ยนเทียนเองก็ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของมารดาตัวเองไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่ามารดาของตัวอยู่ๆจะมีพลังร้ายกาจขนาดนี้ได้!


 


“แม่!?”


 


ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก สตรีชราที่กำลังตกตะลึงทั้งหวาดกลัวกับพลังของลี่เฟย พอได้ยินวาจาที่ต้วนเนี่ยนเทียนเรียกหาลี่เฟย สีหน้านางก็ซีดลงแทบไร้เลือด แววตาฉายชัดถึงความหวาดผวา


 


‘หนี!!’


 


สตรีชราไม่คิดใดให้มากความ ร่างเหี่ยวเหนียงยานรีดเค้นพลังชั่วชีวิตออกมาสุดตัว ระเบิดพลังส่งร่างย่นพุ่งทะยานข้ามห้วงอวกาศไปดั่งลำแสง!


 


เนื่องจากสัตว์อสูรที่นางขี่มาก่อนหน้าแหลกเป็นซากเนื้อเลอะเลือนไปแล้ว เช่นนั้นนางก็ได้แต่ห้อตะบึงบึ่งร่างเดินทางด้วยตัวเอง…


 


แต่นางยังจะหนีได้หรือ?


 


“หึ!!”


 


ลี่เฟยเหลือบมองหญิงชราด้วยสายตาเฉยเมย พ่นลมเยียบเย็นออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดมือออกไปตามอำเภอใจ  ทำท่าคว้าจับไปยังทิศทางที่หญิงชราห้อตะบึงหนีไป


 


ทันใดนั้นเอง


 


วู้มม!!


 


ท่ามกลางความว่างเปล่าอันมืดมิดของห้วงอวกาศ อยู่ๆก็ปรากฏแสงพลังสีม่วงสาดส่องออกมา จากนั้นก็ควบรวมก่อเกิดเป็นฝ่ามือมหึมา พุ่งไปคว้าร่างหญิงชราเอาไว้ปานจับลูกเจี๊ยบ จากนั้นเมื่อนำร่างหญิงชรากลับมาที่เดิมแล้ว มือพลังมหึมาก็เปล่งแสงสว่างวาบหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นเส้นเชือกสีม่วงรัดพันร่างชราเอาไว้


 


“ทำร้ายน้องหญิงของข้า อีกทั้งยังคิดจะฆ่าลูกชายของข้า…คิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ?”


 


ลี่เฟยเอ่ยถามออกไปอย่างไร้แยแส หากแต่น้ำเสียงช่างเย็นเยียบจับใจนัก!


 


“ใต้เท้า! ขอเพียงเมตตาละเว้นชีวิตยายแก่ไม่รู้ความผู้นี้ มิว่าใต้เท้าต้องการทรัพย์สมบัติอันใดยายแก่จักมอบให้ทุกอย่าง!”


 


ในห้วงเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นตาย หญิงชราตัวสั่นปานลูกนกตกน้ำ เร่งกล่าววิงวอนร้องขอชีวิตออกไปด้วยสีหน้าซีดเผือด


 


“ข้าไม่อยากได้ให้เป็นเสนียด”


 


ก่อนที่ลี่เฟยจะกล่าวจบ นิ้วของนางก็ทอแสงม่วงวาบหนึ่ง จากนั้นแขนขวาของหญิชราก็คล้ายถูกพลังมหาศาลป่นทำลาย ค่อยๆแหลกสลายจากปลายนิ้วไปถึงหัวไหล่ กลับกลายเป็นธุลีไปต่อหน้าต่อตา…


 


“อ๊า—!!”


 


หญิงชราหวีดร้องคอแทบแตก นางพยายามเร่งเร้าพลังเพื่อต้านทานก็ไม่เป็นผล พอแขนทั้งข้างหายไปแล้วนางก็พยายามระงับความเจ็บปวดและห้ามเลือดต่อ ทว่าลี่เฟยพลันกระดิกนิ้วเบาๆอีกครา พลังที่นางสั่งสมบ่มเพาะมาชั่วชีวิตก็ถูกทำลายหายไปทันที


 


“เจ้า…เจ้าทำลายพลังฝึกปรือของข้า!!”


 


พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงชราก็ถลึงตามองลี่เฟยด้วยความเกลียดชังคับแค้น “ข้าขอแช่งให้เจ้าไม่ตายดี! ต่อให้ข้าต้องตายกลายเป็นผี ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!!”


 


“เจ้าเป็นๆข้ายังไม่กลัว คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าที่ตายไปแล้วงั้นหรือ?”


 


ลี่เฟยแสยะยิ้มเย้ยหยัน “หลังจากเจ้าเป็นผีไปแล้วก็มาเถอะ ข้าจักทุบตีผีให้ตายอีกรอบ!!”


 


พอกล่าวจบคำ ปลายนิ้วลี่เฟยก็ตวัดเบาๆอีกครา พอแสสีม่วงทอประกายขึ้นวาบหนึ่ง ขาข้างหนึ่งของหญิงชราก็ถูกพลังค่อยๆป่นทำลายหายไปจากปลายนิ้วถึงโคนขาช้าๆ


 


และหลังจากหญิงชราหวีดร้องจนสิ้นสติ ลี่เฟยก็ใช้พลังปลุกนางขึ้นมาก่อนจะป่นทำลายแขน จากนั้นก็ทำซ้ำกับขาอีกข้าง จนในที่สุดคนก็คล้ายกลับกลายเป็นตอไม้ตอหนึ่ง…


 


ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้ต้วนเนี่ยนเทียนรู้สึกหนังศีรษะด้านชาอยู่บ้าง “ท่านแม่…”


 


อย่างไรก็ตาม ในใจต้วนเนี่ยนเทียนเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นนัก


 


เพราะมันรู้ดีว่านี่เป็นเพราะมารดาระบายโทสะออกมา!


 


สำหรับหานเฉวี่ยไน่นั้นเพียงมองเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างเฉยเมย หากนางมีพลังเท่าลี่เฟยล่ะก็…น่ากลัวสตรีชราจะโดนดียิ่งกว่านี้อีก!


 


“ได้โปรด…ข้าขอร้อง ฆ่าข้าเถอะ! ได้โปรดฆ่าข้าเถอะ!!”


 


ร่างหญิงชราคล้ายตอไม้เหี่ยวๆท่อนหนึ่งกล่าววิงวอนร้องขอความตายออกมาด้วยสีหน้าทั้งสภาพดูไม่ได้ ไม่เหลือความดุร้ายอาฆาตเหมือนดั่งก่อนหน้าแม้แต่น้อย


 


ลี่เฟยเหลือบมองนางด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “อย่าได้ขอร้องข้า หากจะขอไปขอกับลูกชายของข้า!”


 


หญิงชราได้ฟังดังนั้นก็หันไปร้องขอความตายจากต้วนเนี่ยนเทียนด้วยสีหน้าชวนให้เวทนาราวขอทานเฒ่าใกล้ตาย “พ่อหนุ่มได้โปรด…ให้ข้าตาย โปรดให้ข้าตาย!!”


 


สุดท้ายต้วนเนี่ยนเทียนก็พึ่งเป็นวัยรุ่นเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับการร้องขอชีวิตด้วยสภาพชวนให้เวทนาสงสารของหญิงชรา และเห็นขั้นตอนการทรมานทั้งหมดกับตา ก็ยกมือขึ้นรวมรั้งพลังขุมหนึ่ง ซัดออกไปป่นร่างหญิงชราทิ้งทันที ยุติความทรมานให้อีกฝ่าย


 


“ท่านแม่!”


 


หลังฆ่าหญิงชราแล้ว ซากร่างที่แหลกเป็นละอองธุลียังไม่ทันปลิวกระจายไปในห้วงอวกาศดี ต้วนเนี่ยนเทียนก็พุ่งร่างทิ้งตัวเข้าอ้อมกอดลี่เฟยทันที สองตายังแดงรื้นขึ้นมาด้วยอารมณ์สะทกสะท้อน


 


“เนี่ยนเอ๋อ…เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว ไฉนยังขี้แงเป็นเด็กน้อยเล่า ไม่อายอาหญิงเฉวี่ยไน่ของเจ้าบ้างหรือ…”


 


หลังจากตบแผ่นหลังต้วนเนี่ยนเทียนเบาๆเป็นการปลอบโยน ลี่เฟยก็ผละร่างต้วนเนียนเทียนออกมา ก่อนจะเช็ดหน้าทั้งลูบหัวอีกฝ่าย “ดูเจ้าเถอะ…พริบตาเดียวก็โตกว่าแม่แล้ว”


 


หลังหานเฉวี่ยไน่รอให้แม่ลูกได้พบและปลอบกันสักพัก เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มสงบอารมณ์ได้แล้ว นางก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามลี่เฟยออกมา สองตายังฉายแววซุกซนไม่เปลี่ยน “อั้ย พี่หญิงเฟยเอ๋ออ่า…ท่านไปทำอะไรมากัน ไฉนร้ายกาจแท้เล่า!?”


 


“ข้าได้รับสืบทอดมรดกของเซียนอมตะหนามม่วงน่ะ”


 


ลี่เฟยยิ้มกล่าว


 


“เอ๋ มรดกของเซียนอมตะหนามม่วงหรือ!?”


 


ได้ยินคำพูดของลี่เฟย ทั้งต้วนเนี่ยนเทียนและหานเฉวียนไน่ก็ตกใจไม่น้อย ลูกตาทั้งคู่ยังเบิกกว้างกลมโต


 


เซียนอมตะหนามม่วงเป็นใคร ทั้งคู่รู้จักดี


 


เพราะระนาบโลกียะแห่งนี้ก็ถูกเรียกว่าระนาบหนามม่วง ตั้งชื่อตามเซียนอมตะหนามม่วงที่ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกไปเป็นคนแรก เช่นนั้นสามารถจินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่าเซียนอมตะหนามม่วงที่ว่าได้รับความยกย่องขนาดไหนในระนาบแห่งนี้


 


และทุกคนยังรู้กันว่า ในอดีตเซียนอมตะหนามม่วงไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และสามารถขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้เป็นคนแรกเท่านั้น…


 


แต่หลังจากนางขึ้นไปได้แล้ว ไม่เพียงแต่นางจะกลับมาพร้อมสมบัติ นางยังแผ้วทางสร้างโอกาสให้ทุกคนมีโอกาสขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้ด้วย และไม่กี่ปีก่อน ก็พึ่งปรากฏมรดกสืบทอดสูงสุดของนางขึ้นมา


 


“ท่านแม่เมื่อไม่กี่ปีก่อนข้าได้ยินมาว่ามีคนได้รับสืบทอดมรดกของเซียนอมตะหนามม่วงแล้ว…ที่แท้คนๆนั้นก็คือท่านเองหรือ?”


 


ต้วนเนี่ยนเทียนมองลี่เฟยด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดเลยว่าผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกของเซียนอมตะหนามม่วงที่เป็นดั่งตำนานสูงสุดของระนาบโลกียะแห่งนี้ ที่แท้จะเป็นมารดาของตัวเอง


 


“ยินดีด้วยพี่หญิงเฟยเอ๋อ!”


 


หลังจากอึ้งไปด้วยความตกใจพักหนึ่ง หานเฉวี่ยไน่ก็เร่งกล่าวแสดงความยินดีกับลี่เฟยทันที


 


“อันที่จริง ข้าแค่โชคดีเพราะตอนถูกส่งมาปรากฏตัวที่ระนาบหนามม่วงแห่งนี้ ข้าอยู่ไม่ไกลจากแถวนั้นมากเท่าไหร่ นางจึงเลือกข้า”


 


“กล่าวได้ว่า หากเป็นเจ้าที่อยู่แถวๆนั้น นางก็จะเลือกเจ้าเช่นกัน”


 


ลี่เฟยย่อมล่วงรู้หมดแล้ว ว่าเพราะอะไรเซียนอมตะหนามม่วงถึงเลือกนาง ทั้งหมดก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าศักยภาพและพรสวรรค์นั่นเอง และเป็นเพราะร่างกายนางได้ผ่านการขัดเกลาชำระจากพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพมาแล้ว ทำให้เซียนอมตะหนามม่วงตระหนักว่าความสำเร็จในภายภาคหน้าของนางจะไม่หยุดอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ..


 


“เอ๋”


 


อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำพูดของลี่เฟย หานเฉวี่ยไน่ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง ต้วนเนียนเทียนก็สงสัยเช่นกัน


 


สุดท้ายพอได้ลี่เฟยอธิบายเรื่องราวให้ฟัง ทั้งคู่ก็ตระหนักได้


 


“ท่านแม่ จะอย่างไรก็ช่างเถอะ ที่ท่านบังเอิญไปอยู่แถวนั้นพอดี สิ่งนี้ก็พูดได้ว่าเป็นเพราะท่านมีโชคชะตากับเซียนอมตะหนามม่วง”


 


ต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มร่า มารดาตัวเองประสบโชควาสนาเช่นนี้ มันย่อมยินดีเป็นที่สุด


 


และตลอดเวลาที่ผ่านมา มารดาของมันรู้สึกอย่างไร ตัวมันไหนเลยจะไม่รู้


 


ในอดีตนั้นเรียกว่ามารดาของมันรู้สึกกดดันมาก เนื่องเพราะสตรีข้างกายของบิดาคนอื่น ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งและทรงพลังทั้งสิ้น


 


ไม่ว่าจะอาหญิงเค่อเอ๋อหรืออาหญิงเทียนหวู่ ทั้งคู่ล้วนมีพลังฝึกปรือเหนือกว่ามารดาของมันมาก


 


วันนี้เท่าที่มันเห็น เสมือนมารดาของมันได้พบพานกับความสุขหลังจากทนทุกข์มานาน


 


“ใช่แล้วพี่หญิงเฟยเอ๋อ เนี่ยนเทียนกล่าวถูกที่สุด!”


 


หานเฉวี่ยไน่พยักหน้างึกๆ นางเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ต้วนเนี่ยนเทียนพูด


 


“พวกเจ้าออกมาเถอะ”


 


ตอนนี้เองลี่เฟยก็หันไปมองทิศทางหนึ่ง พลางกล่าวออกมาเสียงเบา


 


ทันใดนั้นเอง


 


ปรากฏร่าง 4 ร่างเหินมาจากจากธารดาราไกลๆ พริบตาก็บรรลุมาถึง ความเร็วนั้นเรียกว่าประหนึ่งพุ่งทะลุห้วงอวกาศมาเลยก็ว่าได้!


 


ร่างทั้ง 4 นั้นเป็นสตรีที่งดงามและสร้างความประทับใจให้ผู้ที่พบเจอตั้งแต่แรกเห็นจริงๆ


 


เพราะสตรีทั้ง 4 นั้นกล่าวไปแต่ละนางล้วนงามเฉิดฉันท์ทั้งสิ้น และที่สะดุดตาผู้คนที่สุดก็คือ…รูปร่างหน้าตาของพวกนางเหมือนกันราวกับแกะ!


 


เรียกว่าหากไม่นับลักษณะนิสัยและท่าทางเฉพาะตัว พวกนางแทบจะเหมือนกันทุกประการ!


 


เสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกนางยังมีสีเดียวกัน ที่แตกต่างกันก็แค่ลายปักเท่านั้น


 


สตรีที่ยืนอยู่ด้านซ้ายสุด  มาในชุดสีม่วงปักลายดอกเหมย แลดูงดงามอย่างเรียบง่าย


 


สตรีที่ถัดมาด้านขวาจากนางคนหนึ่ง แม้ชุดส่วมใส่จะเป็นสีม่วง หากแต่ลายปักกลับเป็นลายกล้วยไม้เบ่งบาน แลแล้วสดชื่นสบายตานัก


 


สตรีคนที่สามนั้นก็มาในชุดสีม่วงเช่นกันหากแต่ปักลายใบไผ่ให้ความรู้สึกสุขุมสง่า


 


ส่วนสตรีคนที่ 4 มาในชุดสีม่วงรูปแบบเดียวกันหากแต่ปักลายดอกเบญจมาศแลดูสดใสร่าเริง


 


“นายหญิงน้อย…”


 


หลังจากทั้ง 4 ปรากฏตัวออกมา พวกนางก็เร่งโค้งคารวะทักทายลี่เฟยด้วยความสุภาพเคารพก่อนใดอื่น


 


“ข้าเจอลูกชายกับน้องสาวแล้ว…”


 


ลี่เฟยหันไปกล่วาคำกับสตรีทั้ง 4 “ตอนนี้ข้าสามารถติดตามพวกเจ้ากลับไปยังระนาบเทวโลกและไปพบท่านอาจารย์ได้…อย่างไรก็ตามข้าจะพาลูกชายของงข้ากับน้องสาวไปด้วย”


 


จากนั้นลี่เฟยก็แนะนำสตรีทั้ง 4 ให้หานเฉวี่ยไน่และต้วนเนี่ยนเทียนรู้จัก


 


ทั้ง 4 นั้นเป็นศิษย์รับใช้ที่เซียนอมตะหนามม่วงซึ่งเป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศส่งมาคอยดูแลผู้สืบทอดของนาง และคอยพาผู้สืบทอดกกลับระนาบเทวโลก


 


“น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าซือหลิงกับคนอื่นๆไปอยู่ระนาบใด…ไม่งั้นด้วยพลังของท่านแม่ย่อมพาทุกคนไปด้วยได้ง่ายๆ”


 


ต้วนเนี่ยนเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


 


“นั่นสิ น่าเสียดายยิ่ง และข้าเองก็จำได้แม่น…ว่าระนาบแห่งนี้สมควรมีแต่พวกเรา 3 คนเท่านั้นที่ถูกส่งมา ส่วนคนอื่นเหมือนจะถูกส่งไประนาบอื่นกัน”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกมาด้วยความเสียดาย


 


“ใช่ ข้าเองก็จำได้เช่นกัน…ด้วยเหตุนี้ข้าถึงได้ออกตามหาพวกเจ้าก่อน และคิดจะไประนาบเทวโลกพร้อมกันกับพวกเจ้า”


 


ลี่เฟยกล่าวถึงจุดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “นับว่าดียิ่งที่เจ้ากับเนี่ยนเอ๋ออยู่ด้วยกัน…ทำให้ไม่ต้องลำบากหากันอยู่นาน”


 


“พี่หญิงเฟยเอ๋อ ท่านคิดพาข้าไปยังระนาบเทวโลกที่เซียนอมตะหนามม่วงแบบนี้…มันจะสะดวกหรือ?”


 


หานเฉวี่ยไน่รู้สึกลังเลอยู่บ้าง


 


“ยังมีใดไม่สะดวกเล่า…หากท่านอาจารย์พบเจ้า เผลอๆต้องยินดีรับเจ้าเป็นศิษย์ด้วยอีกคนแน่! เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ศักยภาพเจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าแม้แต่นิดเดียว!!”


 


ลี่เฟยส่ายหัวไปมาพลางกล่าว


 


เพราะไม่ว่าจะเป็นต้วนเนี่ยนเทียนลูกชายนาง หานเฉวี่ยไน่หรือใครก็ตาม นางมั่นใจมากว่าอาจารย์ต้องตาลุกวาวแน่ เพราะทุกคนผ่านการขัดเกลาชำระจากพลังวิญญาณฟ้าดินของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพกันหมดแล้ว


 


“ตอนนี้ท่านพ่อ…ก็สมควรอยู่ในระนาบเทวโลกแล้วใช่หรือไม่?”


 


ต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวพึมพำออกมาด้วยความคิดถึง


 


และพอต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวพึมพำออกมา ไม่ว่าจะลี่เฟยหรือหานเฉวี่ยไน่ก็นิ่งเงียบไปทันที


 


จากนั้นร่างในชุดสีม่วงก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในความคิด ต่อมาภาพจำและฉากเรื่องราวในอดีตก็ค่อยๆแล่นย้อนในใจเป็นฉากๆ…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)