War sovereign Soaring The Heavens 3170-3177

ตอนที่ 3170

 

หลังหว่านชิงชิงถูกส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพราะอยู่ครบกำหนดเวลา ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางย้อนกลับไปยังค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว หมายใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับออกไปด้านนอก


 


ก็อย่างที่หว่านชิงชิงบอกไว้


 


ด้วยคะแนนสะสมในปัจจุบันของเขา เรียกว่า อันดับ 1 เป็นอะไรที่แน่นอนแล้ว


 


ถึงจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพื่อหาแต้มต่อไปก็ไร้ความหมาย


 


ดังนั้นออกมาก่อนยังดีซะกว่า


 


และเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับมาถึงค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าขุนนางอมตะ 10 ทิศในค่าย ก็ทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยความเคารพ แววตามากล้นไปด้วยความเลื่อมไส “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”


 


ตอนนี้พวกมันทุกคนได้รับแจ้งเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณหมดแล้ว ทำให้พวกมันบังเกิดความนับถือเลื่อมไสชายหนุ่มอายุไม่ถึง 100 ปีผู้นี้จากใจ


 


ถึงแม้อีกฝ่ายสมควรเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวของมันจ้างมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับความนับถือส่วนนี้


 


วิ้งงง!!


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว ร่างของเขาก็ถูกส่งออกมายังตำหนักเคลื่อนย้ายที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย


 


และทันทีที่เขาปรากฏตัว ก็มีคนร้องเรียกชื่อเขากันใหญ่ สายตานับร้อยพันคู่พากันมองจ้องมาที่เขาด้วยความเร่าร้อน จากนั้นผู้คนก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาห้อมล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ราวเขาเป็นดาราดัง


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก! คะแนนสะสมทะลุพันแต้มท่านทำไปได้อย่างไร!!”


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ด้วยคะแนนสะสมของท่าน เดือนนี้ท่านถูกกำหนดให้เป็นอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแน่นอนแล้ว!!”


 


“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ข้าจะยึดท่านเป็นแบบอย่างไปชั่วชีวิต!!”


 



 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็บังเกิดความคึกคักกันนัก หลายต่อหลายคนมองต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย ราวกับยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นแบบอย่างชั่วชีวิตแล้วจริงๆ!


 


“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ข้าชมชอบท่าน!”


 


“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ท่านใช่มีคู่เต๋าแล้วหรือไม่?”


 


กระทั่งเหล่าศิษย์สตรีของคฤหาสน์เฉวียนโยวเอง ก็มีไม่น้อยที่บังเกิดความหาญกล้า เบียดผู้คนมากมายและเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ว่าต้วนหลิงเทียนใช่มีคู่เต๋าแล้วหรือไม่ เห็นชัดว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนเอ่ยปาก พวกนางพร้อมถวายตัวเป็นคู่เต๋าให้ทันที


 


ถึงแม้ก่อนจะกลับออกมา ต้วนหลิงเทียนจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าไม่พ้นต้องเป็นจุดสนใจของทุกคนแน่นอน


 


แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวจะเป็นเอามากขนาดนี้!


 


โดยเฉพาะศิษย์สตรีของคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งหลายย พวกนางจะไม่กระตือรือร้นเกินไปหน่อยหรือไร? ที่แท้เขาเป็นผู้ชายหรือพวกนางเป็นผู้ชายกันแน่?


 


หากพวกนางเป็นผู้หญิง แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงกลายเป็นรุกเก่งขนาดนี้?


 


“ต้วนหลิงเทียนข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจักสามารถจัดการซีเหมินฮ่าวซวนผู้นั้นได้!”


 


อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เคยทำหน้าที่ลงทะเบียนให้ต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่ก้าวออกมาช่วยแก้ไขสถานการณ์โดนเหล่าศิษย์รุมล้อมให้ต้วนหลิงเทียน  เมื่อมันแหวกเหล่าศิษย์เป็นทางจนเดินมาหาต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ก็มองกล่าวด้วยน้ำเสียงแววตาชื่นชม


 


“ข้าก็แค่โชคดีน่ะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนคล่ยิ้มบางๆ “นอกจากนั้นหากไม่ใช่เพราะมีหว่านชิงชิงคอยสนับสนุน อาศัยข้าคนเดียวก็คงยากจะจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้”


 


“เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย หลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ทราบมีกี่คนต่อกี่คนแล้วที่ร่วมมือกันเพื่อจัดการยอดฝีมือทั้ง 6 นั่น…อนิจจาแต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหามีไม่! ในเมื่อเจ้ากับหว่านชิงชิงทำได้ ก็บอกให้รู้ว่าพวกเจ้ามีสามารถจริงๆ! ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว!!”


 


อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ และหลังจมอยู่ในวงล้อมผู้อาวุโสสักพัก เขาก็บอกปัดเรื่องไปหาที่สนทนากับเหล่าอาวุโสทั้งหลายต่อ ก่อนที่จะประสานมือขอตัวอำลา แล้วเร่งออกจากตำหนักเคลื่อนย้ายทันที


 


หลังเหินร่างออกจากบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


 


จะเหล่าศิษย์ก็ดีอาวุโสก็ดี คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนับว่าคึกคักกันเกินไป!


 


ยิ่งเหล่าอาวุโสแต่ละคนก็น่ากลัวเหลือเกิน พยายามจะยัดเยียดลูกสาวหลานสาวให้เขาไม่หยุด แต่ละคนทำราวกับทนมัดเขากลับบ้านไปทำลูกเขยไม่ไหวด้วยซ้ำ


 


“ผู้เฒ่าฉี”


 


หลังออกจากตำหนักเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็บึ่งตรงมายังสถานที่พักบ่มเพาะของฉีเทียนหมิงทันที ด้วยความที่สถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายก็อยู่บนเกาะหลักเดียวกับตำหนักเคลื่อนย้ายจึงใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น


 


“ไฉนเจ้าออกมาเร็วนักเล่า?”


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่นี่ ฉีเทียนหมิงก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่บ้าง “ไม่ใช่เจ้ายังเหลือเวลาอยู่ด้านในอีก 2 วันกว่าหรอกรึ?”


 


“ในเมื่อหว่านชิงชิงถูกส่งตัวออกมาแล้ว…ข้าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ออกมาทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติต่อดีกว่า”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


“ก็จริงของเจ้า…อย่างไรเสียด้วยคะแนนสะสมของเจ้าในปัจจุบัน เรื่องได้อันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ย่อมไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”


 


ฉีเทียนหมิงก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 มาตั้งแต่วันก่อนแล้ว กระทั่งยังส่งข้อความแสดงยินดีไปทันทีหลังทราบเรื่องราว


 


‘ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้าหนูผู้นี้จักได้อันดับ 1 จริงๆ!’


 


ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของเดือนนี้ มันนึกภาพตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ไม่ออกด้วยซ้ำ


 


ตอนที่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี จนได้คะแนนสะสมจากคฤหาสน์หั่วหลีมากมายตั้งแต่วันแรก มันก็ยังไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะคว้าอันดับ 1 มาได้


 


เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะคว้าอันดับ 1 มาครอง!


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคที่สำคัญก็คือ สุดยอดฝีมือทั้ง 6 นั่น!


 


สุดยอดฝีมือทั้ง 6 ยึดครอง 6 อันดับแรกมาหลายปีแล้ว ไม่มีผู้ใดเคยพ่ายแพ้หรือถูกกำจัดเลยสักครั้ง เอาแค่หลุดออกจาก 6 อันดับแรกก็ไม่มี!


 


เช่นนั้นพลังฝีมือพวกมันร้ายกาจขนาดไหน ย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก


 


ตอนที่รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนร่วมมือกับหว่านชิงชิง แต่ฉีเทียนหมิงก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากนัก แค่รู้สึกว่าอาจมีโอกาสสู้ 6 คนนั่นได้ก็เท่านั้น


 


“ข้าโชคดีน่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


หลังได้ประมือกับซีเหมินฮ่าวซวนมา ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบถึงพลังฝีมือของอีกฝ่ายชัดเจน เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดดูเบาสุดยอดฝีมือที่ยึดครอง 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานานนับสิบปีที่เหลือเลย!


 


ไม่ว่าใครในบรรดา 6 คนนั่น รวมถึงซีเหมินฮ่าวซวนเอง หากเขาเจออีกฝ่ายตอนตัวคนเดียวล่ะก็ ถึงแม้เขาจะไม่แพ้พ่ายแน่ๆ แต่เขากไม่อาจจัดการพวกมันได้เลย


 


เพราะความเร็วของทั้ง 6 คนเหนือกว่าเขามาก!


 


ถึงเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเทพเบญจธาตุที่อยู่ในร่างเขาทั้ง 3 จนมีพลังโจมตีและพลังป้องกันมากพอจะสะกดข่มพวกมันทั้งหมด แต่การจะโจมตีให้โดนพวกมันนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย…


 


สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่รอโจมตีเพื่อสลายการโจมตีอีกฝ่าย หรือต้านรับเพื่อให้พวกมันไม่อาจทำอะไรเขาได้เท่านั้น


 


หากเขาคิดจะเอาชนะทั้ง 6 คนให้ได้ด้วยตัวคนเดียว ก่อนอื่นเลยเขาต้องเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเสียก่อน! ถึงตอนนั้นเขาจะมีพลังมากพอฉกฉวยโอกาสจัดการทั้ง 6 ด้วยตัวเอง!!


 


“ไม่สำคัญว่าจักเป็นเพราะโชคดีหรืออันใด…สุดท้ายผลก็คือ เจ้าเป็นผู้ชนะอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้!”


 


ฉีเทียนหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส


 


และพอกล่าวจบคำทั้งยิ้มร่าไปไม่นาน ฉีเทียนหมิงก็คล้ายตระหนักใดใด รอยยิ้มมันชะงักค้าง พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเสียดายทันที “น่าเสียดายที่เจ้าคงร่วมมือกับหว่านชิงชิงได้แค่เดือนนี้เท่านั้น เดือนหน้าคงยากจะพบเจอนางและร่วมมือกันได้อีกครั้ง…”


 


“และในคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา ก็ไม่มีผู้ใดรวดเร็วเท่าหว่านชิงชิงเลย…”


 


ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิงร่วมมือกันท่าไหนถึงจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้ แต่ก็ไม่ยากที่มันจะคาดเดาได้ว่า ความเร็วของหว่านชิงชิงสมควรมีส่วนอย่างมาก!


 


หากไม่ต้องพึ่งพาความเร็วของหว่านชิงชิง ไฉนต้วนหลิงเทียนต้องร่วมมือกับหว่านชิงชิงด้วย?


 


“หากมีผู้ใดทำได้เท่าหว่านชิงชิงและสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ทุกเดือน รวมถึงโชคเจ้าไม่เลวร้ายจนเกินไป เช่นนั้นบททดสอบของท่านจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้แล้ว”


 


ฉีเทียนหมิงกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


 


บททดสอบที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยกำหนดให้ต้วนหลิงเทียน สำหรับมันแล้วเป็นเรื่องที่ยากเย็นจนแทบไม่เห็นทางที่ต้วนหลิงเทียนจะทำได้เลย


 


เพราะการที่จะให้ต้วนหลิงเทียนที่มีอายุไม่ถึง 100 ปี ทำบททดสอบนั่นได้สำเร็จ! แทบไม่ต่างอะไรกับพยายามเคี่ยวเข็ญให้คนธรรมดาปีนขึ้นสวรรค์!!


 


“ทัพมาตั้งทัพสู้ น้ำมาก่อทำนบกั้น…เรื่องนี้ไว้วันหน้าค่อยว่ากัน”


 


เทียบกับท่าทางหนักใจของฉีเทียนหมิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนแลดูเฉยๆไม่ได้เดือดร้อนอะไรแม้แต่น้อย “ผู้เฒ่าฉี พอดีข้าอยากไปนิกายอมตะเหอฮวน…หากท่านว่างช่วยพาข้าไปหน่อยได้หรือไม่?”


 


“ทำไมรึ? คิดไปหาสหายเก่าของเจ้าคนนั้น?”


 


หลังเกิดเรื่องเมื่อวันก่อน ฉีเทียนหมิงก็รู้แล้ว


 


ว่าต้วนหลิงเทียนมีสหายสนิทในนิกายอมตะเหอฮวนนามว่า หวงเจียหลง


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


“ย่อมได้ ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวที่นั่นเอง”


 


ฉีเทียนหมิงกล่าวตอบ จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวไปเยือนนิกายอมตะเหอฮวน และอาศัยความเร็วของฉีเทียนหมิง ไม่ถึง 3 วันมันก็พาต้วนหลิงเทียนมาถึงนิกายอมตะเหอฮวนแล้ว


 


ฉีเทียนหมิงผู้เป็นถึง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวมาเยือนนิกายอมตะเหอฮวนแบบนี้ ทางนิกายอมตะเหอฮวนแน่นอนว่าประมุขลำดับที่ 1 และ 2 ก็ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง


 


“อาจารย์ลุงฉี!”


 


“อาจารย์ลุงฉี!”


 


และไม่ว่าจะเป็นประมุขลำดับที่ 1 หรือลำดับที่ 2 ของนิกายอมตะเหอฮวน ล้วนมีลำดับอาวุโสด้อยกว่าฉีเทียนหมิงมาก เมื่อพบฉีเทียนหมิง จึงให้ความเคารพด้วยการเรียกหาว่า อาจารย์ลุง


 


“ด้านนี้สมควรเป็นศิษย์หลานต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?”


 


ประมุขลำดับที่ 1 ของนิกายยอมตะเหอฮวน หรือประมุขใหญ่ กงซุนเวิ่นฉิง คลี่ยิ้มอบอุ่นพลางกล่าวออกมาขณะหันมองไปทางต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะไม่ทันได้แนะนำตัวอีกฝ่าย แต่มันก็สามารถคาดเดาตัวตนของชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ได้ไม่ยาก


 


“มิผิด เขาคือต้วนหลิงเทียน”


 


ฉีเทียนหมิงพยักหน้า


 


“ศิษย์หลานต้วน เจ้าประสบความความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ…เท่าที่ข้ารู้มา ไม่มีศิษย์คนใดของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้รับอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานานนับพันๆปีแล้ว ผลงานของศิษย์หลานต้วนครานี้ นับว่าทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวได้หน้าครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!!”


 


กงซุนเวิ่นฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“ประมุขกงซุนกล่าวชมเกินไปแล้ว…จริงสิ ที่ข้ามารบกวนวันนี้เพราะคิดพบปะพี่เจียหลง ไม่ทราบว่า…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดยิ้ม รอฟังคำตอบของกงซุนเวิ่นฉิง


 


จะอย่างไรกงซุนเวิ่นฉิงก็เป็นประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน เขาก็ไม่คิดจะตัดบทด้วยการถามออกไปตรงๆ


 


“ข้าเรียกมันมาแล้ว”


 


หลังกงซุนเวิ่นฉิงกล่าวตอบและสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับต้วนหลิงเทียนไปอีกสักพัก หวงเจียหลงก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาต้วนหลิงเทียน อารามคิดถึงที่ไม่พบเจอกันนาน หวงเจียหลงก็ก้าวอาดๆเข้ามากอดต้วนหลิงเทียนเสียแน่น


 


จากนั้นพวกฉีเทียนหมิงกับประมุขลำดับ 1 และ 2 ของนิกายอมตะเหอฮวน ก็จากไปอย่างรู้งาน


 


“น้องต้วน เจ้าช่างร้ายกาจเหลือเกิน…ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์แล้ว ว่าเดือนนี้เจ้าพึ่งเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นครั้งที่ 2 แต่เจ้ากลับคว้าอันดับ 1 มาได้!”


 


หวงเจียหลงมองต้วนหลิงเทียนอย่างทึ่งๆระคนยินดี  “เท่าที่ข้ารู้มา ในแดนสวรรค์ใต้โบราณล้วนมีแต่ยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งนั้น…หมายความว่าเรื่องที่อาจารย์บอกว่าเจ้าได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มา ก็เป็นเรื่องจริงสินะ?”


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


“ให้ตายเถอะ…เช่นนั้นผลเทพสังเวยยสวรรค์นั่น ก็ช่วยให้เจ้าเข้าใจกฏแห่งมิติหรือ?”


 


หวงเจียหลงเอ่ยถามอีกครั้ง


 


และต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทันสังเกตเลยว่า


 


ในขณะที่หวงเจียหลงเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา สีหน้าของมันเริ่มเผยความจริงจัง สองตายังทอประกายวูบวาบราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่


 


“ก็ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


“ไปกันเถอะ! ไปบ้านข้าก่อน!!”


 


หวงเจียหลงพอได้รับคำตอบ ก็ตัดบทด้วยการชวนต้วนหลิงเทียนไปบ้าน จากนั้นก็เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนไปยังด้านในของนิกายอมตะเหอฮวน


 


ตอนนี้หวงเจียหลงเป็นศิษย์ส่วนตัวของกงซุนเวิ่นฉิง ทั้งยังเป็นศิษย์ปิดสำนักอีก สถานที่บ่มเพาะของมันก็ย่อมอยู่ด้านในของนิกายอมตะเหอฮวนเช่นกัน และเป็นบริเวณที่มีพลังวิญญาณฟ้าดินอุดมสมบูรณ์ที่สุด


 


ภายใต้การนำทางของหวงเจียหลง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เข้ามาในห้องรับแขกของอีกฝ่าย


 


ซูว!


 


สำนึกเทวะของหวงเจียหลงแผ่ออกไปฉับไว หลังจากพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องรับแขก รวมถึงมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วจริงๆ มันก็ยกฝ่ามือขึ้นมาแบหงายเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทันใดนั้น พลันปรากฏวัตถุสีดำรูปลักษณ์ปานเพชรหรือผลึกอะไรบางอย่างผุดโผล่ขึ้นมาวางกลางฝ่ามือ


 


“ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด!!”


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปรากฏบางสิ่งขึ้นบนฝ่ามือหวงเจียหลง เพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอันเป็นเทพเบญจธาตุ ที่อยู่ในร่างต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็โพล่งตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง!!

 

 

 


ตอนที่ 3171

 

“ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด?”


 


พอได้ยินเสียงตื่นตระหนกตกใจที่โพล่งดังขึ้นในร่างอย่างพร้อมเพรียงของทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ!


 


เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เขาเห็นทั้ง 3 ตกใจจนเสียอาการขนาดนี้!


 


“แล้วผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดมันคืออะไรหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเร่งเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้เป็นที่สุด อย่างไรก็ตามเทพแห่งธาตุในร่างทั้ง 3 กลับเงียบไม่ตอบคำเขา…ราวกับยังตกตะลึงอึ้งกันไม่หาย!


 


“พี่เจียหลง นี่คืออะไรหรือ?”


 


ในเมื่อเทพแห่งธาตุในร่างเขาเงียบไปไม่ตอบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ถามหวงเจียหลงออกไปเท่านั้น


 


ในเมื่อหวงเจียหลงเป็นคนนำมันออกมา หมาความว่าอย่างน้อยๆก็ต้องพอรู้บ้างแหล่ะว่ามันคืออะไร…


 


“กล่าวตามตรงข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่…แต่ข้ารู้อย่างหนึ่ง สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับตัวตนที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง!”


 


“นอกจากนั้นสิ่งนี้…ดูเหมือนมันจะมีส่วนช่วยให้ใครที่มีวาสนา สามารถทำความเข้าใจกฏแห่งมิติได้ อย่างไรก็ตามข้าโง่เขลาและไม่สันทัดเรื่องกฏแห่งมิติจริงๆ เพราะถึงแม้ข้าจะได้มันมาหลายปีแล้ว แต่ข้ากลับไม่อาจทำความเข้าใจอะไรได้เลย”


 


หวงเจียหลงกล่าวออกเสียงขรึม


 


“ช่วยให้เข้าใจกฏมิติ?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายวับวาวขึ้นมาทันใด “พี่เจียหลง แล้วท่านไปได้ของสิ่งนี้มาจากไหนหรือ?”


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำพูดของหวงเจียหลง รวมกับวาจาที่เทพแห่งธาตุในร่างโพล่งขึ้นด้วยความตื่นตระหนกอย่างพร้อมเพรียงนั่น ก็ทำให้อารมณ์ของเขาเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาสุดระงับ


 


ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด?


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่แน่ใจว่าผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดคืออะไร แต่เขารู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดนั่นเป็นตัวตนระดับไหน!


 


นั่นคือตัวตนที่ทรงพลังสูงสุดในสวรรค์และโลกแห่งนี้ ตัวตนที่ทอดตามองลงทั้งใต้หล้า! เป็นตัวตนที่สูงส่งยากจะพบพานกันได้ง่ายๆ พลังอำนาจยิ่งใหญ่เหลือเกิน!!


 


อย่างเช่นระนาบเทพ ที่เป็นระนาบนอกเหนือจากระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะ ก็เป็นระนาบที่ถูกเปิดสร้างโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด!


 


ยิ่งไปกว่านั้นต้องทราบด้วยว่าระนาบเทพนั้น สวรรค์และโลกยอมให้ดำรงอยู่ได้แค่สิบกว่าระนาบเท่านั้น…


 


เช่นนั้นแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นตัวตนยากพบพานทั้งทรงพลังอำนาจขนาดไหน ก็พอจะจินตนาการออกได้ไม่ยาก


 


“เรื่องนี้…ต้องเล่าย้อนไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน”


 


แววตาหวงเจียยหลงทอประกายหวนรำลึกวาบหนึ่ง “ปีนั้น ข้ายังพึ่งเป็นแค่จินเซียนตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น และข้ากับสหายไม่กี่คนก็กำลังอยู่ในระหว่างออกเดินทางท่องไปทั่วประเทศฝูชิวเพื่อฝึกฝนเคี่ยวกรำตัวเอง แน่นอนว่าถึงจะกล่าวว่าเป็นการออกเดินทางฝึกฝน หากแต่ก็มียอดฝีมือลอบติดตามให้ความคุ้มครองความปลอดภัย”


 


“วันนั้นข้ายังจำได้แม่น ระหว่างที่พวกเรากำลังเหินร่างอยู่เหนือป่าแห่งหนึ่ง อยู่ดีๆก็เสมือนมีพลังบางอย่างโถมถันเข้าใส่จนสติข้าดับวูบไป…พอฟื้นขึ้นมาข้าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน! แค่รู้ว่าไม่เพียงข้าจะอยู่ตัวคนเดียวแล้ว แถมที่ๆข้าอยู่ มันไม่ใช่ป่าที่พวกเรากำลังเหินผ่านก่อนหมดสติแน่นอน…”


 


“พอฟื้นมาอยู่ในสถานที่แปลกตาและตัวคนเดียว ข้าก็หวาดกลัวมาก จากนั้นข้าก็รีบใช้ยันต์อมตะสื่อสารติดต่อหาท่านพ่อโดยการบอกลักษณะภูมิประเทศที่ข้าเห็นก่อนใดอื่น จากนั้นข้าก็ไปซ่อนตัวในโพรงไม้ใกล้ๆบึงน้ำแห่งหนึ่ง”


 


“ข้าไม่อาจลืมภาพนั้นได้เลย…ในระหว่างที่ข้ารอให้คนมาช่วยนั้น ข้าที่มองลอดโพรงไม้ออกไป กลับเห็นว่าภูมิประเทศเบื้องหน้าอยู่ๆก็คล้ายถูกพลังมหาศาลบิดเบือน! กระทั่งความว่างเปล่ายังพังทลายเป็นเสี่ยง รอยแยกมืดดำสยดสยองที่ราวกับปากอสูรกายนั่นขู่ขวัญข้าแทบตาย วินาทีนั้นข้าอดคิดไม่ได้ว่าใช่ฟ้าถล่มลงมาแล้วหรือไม่…”


 


“จากนั้นข้าก็ตระหนักได้ ว่าสมควรมีตัวตนอันทรงพลังถึงขีดสุดประมือกันไกลๆ…แม้ฉากเรื่องราวที่ข้าเห็น จะมีแต่ความมืดดำ และความว่างเปล่าที่พังทลายไปปานกระจก แต่ข้าก็พยายามเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ให้คลาดสายตา…จนในที่สุดหลังผ่านไป 2 วัน 2 คืนเต็มๆ ข้าก็ได้เห็นตัวการที่ทำให้ความว่างเปล่าพังทลายเสียที…”


 


“คนหนึ่งนั้นอาการสาหัสนัก แค่ดูก็รู้ว่ากำลังจะแตกดับเต็มที ส่วนอีกคนก็แค่แลดูอิดโรยตามตัวเต็มไปด้วยรอยแผลยยิบย่อยมากมาย…จากนั้นทั้งคู่คล้ายคุยอะไรกันสักพัก อยู่ๆก็วูบหายไปแล้วฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็พินาศย่อยยับปานฟ้าถล่มอีกรอบ  ข้าชมดูอยย่างหวาดกลัวจนผ่านไปอีกวัน ข้าก็พบว่าคนที่อาการสาหัสในตอนแรก ไม่ทราบพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร แต่มันกลับกลายเป็นฝ่ายรุกไล่คนที่ดูอิดโรยและมีบาดแผลยิบย่อยนั่นได้!”


 


“ท่ามกลางห้วงมิติปั่นป่วน หนึ่งหลบหนีหนึ่งไล่ฆ่า…สุดท้ายผู้ที่เลือกจะหลบหนี ก็หันมองมาราวกับจะสังเกตเห็นข้าในโพรงไม้ จากนั้นมันก็ซัดบางสิ่งมาให้ข้า ทั้งสะบัดมือตบฟาดมาทางข้า และข้าจำได้แม่นเลยว่าฉากที่ข้าเห็นวินาทีนั้น ก็คือฉากความว่างเปล่ากำลังแตกสลายปานกระจก จนเผยห้วงแห่งความมืดมิดกำลังลุกลามเข้ามา…”


 


“น้องต้วนรู้หรือไม่ว่าความสิ้นหวังเป็นอย่างไร? ตัวข้ารู้ดี…เพราะวินาทีนั้นข้านึกว่าตัวเองต้องตกตายแล้วแน่ๆ! เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ทราบ ว่าเมื่อความว่างเปล่าพังทลาย หากพลัดหลงเข้าไปในห้วงมิติมืดดำที่เต็มไปด้วยพลังมิติแปรปรวนนั่น กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ยังมีโอกาสตกตายสูง! แต่สุดท้ายข้ายังรอดแถมถูกส่งมาอยู่ที่ใดอีกก็ไม่รู้!!”


 


“แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ สำคัญคือเรื่องที่ทั้งคู่นั่น…มีพลังทำลายความว่างเปล่าไม่พอ พวกมันยังสู้กันท่ามกลางห้วงมิติแปรปรวนได้อีก ทำราวกับพลังผันผวนที่ทำลายทุกสิ่งดขยี้ทุกอย่างของห้วงมิติเป็นแค่สายลมเย็นๆ ไม่อาจทำร้ายอะไรพวกมันได้เลย…”


 



 


กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าของหวงเจียหลงก็เต็มไปด้วยยความหวาดกลัว ทั้งไม่อยากจะเชื่อ “ตั้งแต่วินาทีนั้นข้าตระหนักได้ทันที…ไม่ว่าคนกำลังหนีผู้นั้นซัดอะไรมาให้ข้า แต่มันต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาๆแน่”


 


“หลังจากนั้นข้าก็เก็บของสิ่งนี้เอาไว้ในแหวนพื้นที่ตลอดเวลา…ทว่าพิกลนัก แม้จะเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ แต่หากข้าสวมแหวนพื้นที่วงนั้น ยามใดที่ข้าพักจากการบ่มเพาะแล้วนอนหลับ ร่างของชายที่หลบหนีและซัดสิ่งนี้มาให้ข้า จะปรากฏตัวขึ้นในฝันอย่างประหลาด และเริ่มใช้พลังพิสดารต่างๆออกมาจากเรียบง่ายกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ”


 


“ตอนแรกๆข้าก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันคือพลังอะไร…ต่อมาภายหลังเมื่อข้าเติบโตขึ้น ก็ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆมากขึ้น จึงพบว่าที่แท้พลังที่คนผู้นั้นใช้ในความฝันก็คือพลังของกฏมิติ!”


 


“โชคร้ายที่จวบจนทุกวันนี้ ข้ายังไม่อาจมองเห็นเส้นสนกลในใดๆได้เลย ไม่มีวี่แววว่าข้าจะเข้าใจมันได้แม้แต่นิดเดียว…จนพอได้ยินว่าเจ้าได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ทั้งเชี่ยวชาญกฏแห่งมิติแล้ว ข้าจึงคิดว่ามิสู้มอบสิ่งนี้ให้เจ้าเสียประเสริฐกว่า เพราะต่อให้ข้าเก็บไว้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากหินโง่ๆก้อนหนึ่ง”


 


กล่าวถึงจุดนี้ หวงเจียหลงก็ยกมือเล็กน้อย ทำท่าราวกับจะบอกให้ต้วนหลิงเทียนรีบรับสิ่งของในมือไป


 


หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังยืนนิ่ง


 


นั่นเพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปแล้วจริงๆ


 


‘อยู่ในห้วงมิตินั่นได้สบายๆราวกับพลังมิติแปรปรวนเป็นแค่สายลมเย็นๆ?’


 


‘ห้วงมิติในระนาบเทวโลกนั้นต่างจากห้วงมิติในระนาบโลกียะลิบลับ…ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในนั้นได้นาน!’


 


‘ต่อให้เป็นเทพระดับต่ำหากเจอพายุมิติในนั้นยังต้องตายด้วยซ้ำ….’


 


‘เมื่อครู่ทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินพูดว่า ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด…หรือของสิ่งนี้จะเป็นของผู้แข็งแกร่งที่สุด?’


 


คิดถึงจุดนี้ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง ลมหายใจยังเริ่มเปลี่ยนเป็นถี่รัวขึ้น


 


“ไอ้หนู รีบคว้ามาเร็วเข้า!!”


 


“เจ้าหนู เจ้าโชคดียิ่งนัก! ด้วยมีมัน เส้นทางของเจ้าในภายภาคหน้าของเจ้า เรียกว่าราบรื่นไร้ปัญหาแล้ว!!”


 


“ยังจะยืนเอ๋ออะไรอยู่เล่า รีบฉกมาเร็วๆซี่! เด๋วเจ้านี่เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาจะทำยังไง! ในสวรรค์และโลกแทบไม่มีสมบัติใดมีค่าเทียบเทียมมันได้แล้ว!!”


 



 


เสียงทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินโพล่งดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ทำราวกับกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะพลาดได้สิ่งนั้นมา หรือหวงเจียหลงเกิดเปลี่ยนใจไม่ให้แล้ว


 


“ตกลงมันคืออะไรกันแน่?”


 


ต้วนหลิงเทียนเร่งเอ่ยถามทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหลและปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินออกไปทันที “เมื่อครู่พวกท่านพูดว่า ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด…หรือว่าของสิ่งนี้เกิดจากการตกผลึกอะไรจากผู้แข็งแกร่งที่สุด?”


 


“มิผิด ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ก็คือองค์ความรู้และภูมิปัญญาเกี่ยวกับกฏใดกฏหนึ่งของผู้แข็งแกร่งที่สุด ที่ตกผลึกออกมาหลังเข้าถึงแก่นแท้แล้ว สิ่งนี้เป็นดั่งมรดกชั่วชีวิตของผู้แข็งแกร่งที่สุดที่จะมอบให้ผู้สืบทอด! และสิ่งนี้หากมิใช่ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดจงใจมอบให้ด้วยเจตจำนงของตัวเอง ไม่มีผู้ใดในสวรรค์และโลกบีบบังคับให้ส่งมอบออกไปได้…”


 


เสียงเพลิงเทพโกลาหลดังขึ้นไขข้อสงสัยให้ต้วนหลิงเทียน “เมื่อครู่สหายของเจ้ากล่าวว่าหลังได้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดชิ้นนี้มา ยามหลับมันฝันเห็นถึงงผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้นั้นใช้พลังของกฏมิติ…เช่นนั้นกล่าวได้ว่า ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดชิ้นนี้ ก็คือองค์ความรู้และภูมิปัญญาในกฏแห่งมิติชั่วชีวิตของผู้แข็งแกร่งที่สุดคนนั้นที่ตกผลึกแล้ว และมันสมควรอาศัยการแตกฉานในกฏแห่งมิติ เพื่อบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด”


 


“ตัวตนเช่นนี้ในแง่ความรู้ความเข้าใจในกฏแห่งมิติ ให้มองไปทั่วมหาสหัสโลกธาตุก็เกรงว่าจะมีแต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่เข้าใจกฏมิติที่ลึกล้ำกว่าและมีพลังฝีมือสูงกว่าเท่านั้น ถึงจะเทียบเทียมได้…”


 


“หากเจ้าได้สิ่งนี้มา ความเร็วในการทำความเข้าใจลึกซึ้งกฏแห่งมิติของเจ้าจักรวดเร็วสุดของเจ้า จะรวดเร็วถึงขั้นไร้ผู้ต้าน…กล่าวได้ว่าต่อให้เป็นพวกเราที่บรรลุขั้นที่ 9 มาช่วยเจ้าทำความเข้าใจกฏแห่งธาตุของพวกเรา ยังทำให้เจ้าเข้าใจได้รวดเร็วมิสู้ของสิ่งนี้ช่วยให้เจ้าเข้าใจกฏมิติด้วยซ้ำ…”


 


กล่าวถึงจุดนี้เพลิงเทพโกลาหลอดไม่ได้ที่จะถอนหายยใจออกมาอยย่างสะทกสะท้อน “เจ้าหนูข้าอยากรู้จริงๆว่าชาติที่แล้วเจ้าไปกอบกู้มหาสหัสโลกธาตุแห่งนี้มาหรือไร เจ้าถึงมีโอกาสได้รับของสิ่งนี้ได้? กลับกันเจ้าหนูสหายของเจ้าคนนี้ ข้าไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี มันได้รับสิ่งเลิศล้ำที่สุดมาอยู่ในมือ แต่ตัวมันกลับไร้วาสนา เป็นร้อยปีกลับไม่เข้าใจแม้แต่ความหมายแห่งมิติ…สิ่งนี้บอกให้รู้ว่ามันถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับกฏแห่งมิติไปชั่วชีวิต!”


 


“ในแง่การตระหนักรู้กฏแห่งมิติ…มันประหนึ่งตอไม้แห้ง!!”


 


ในโลกนี้บางคนมีโชคชะตาและพรสวรรค์สำหรับกฏใดกฏหนึ่งเป็นพิเศษ เมื่อฝึกฝนตีความแล้วจะเข้าใจรวดเร็วมากกว่ากฏอื่นๆ กลับกันก็จะมีบางกฏที่ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ เป็นอะไรที่ชั่วชีวิตก็ไม่มีวันแตะถึงธรณีประตูได้เลย…


 


และหวงเจียหลงเห็นได้ชัดว่าเป็นแบบนี้


 


มันไม่มีวันเข้าใจกฏแห่งมิติไปชั่วชีวิต


 


เพราะมันได้รับผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดที่แตกฉานกฏมิติมานานนับร้อยปี แต่มันไม่แม้แต่จะเข้าใจความหมายแห่งมิติด้วยซ้ำ เช่นนั้นก็หมดหวังเรื่องจะเข้าถึงกฏแห่งมิติได้ชั่วชีวิตแล้วจริงๆ!


 


ฟืด!


 


หลังได้ยินคำอธิบายของเพลิงเทพโกลาหล ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก มองไปยังผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดในมือหวงเจียหลงอีกครั้ง ดวงตายังทอประกายวาวโรจน์


 


ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งงที่สุดที่แตกฉานกฏมิติ!


 


หากเขาได้มันมา วันหน้าขณะที่เขาทำความเข้าใจกฏมิติ เส้นทางของเขาจะราบรื่นไร้ติดขัด และไม่มีการหลงทางแน่นอน!!


 


“พี่เจียหลง…ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งของในมือท่านมันมีค่าแค่ไหน?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองหวงเจียหลงด้วยสายตาจริงจัง กล่าวออกเสียงขรึม


 


“ไม่ว่าของสิ่งนี้จะมีค่าแค่ไหนก็ตาม แต่มันอยู่ในมือข้ามาร้อยปีแล้วแต่กลับไม่ทำให้ข้าได้รับประโยชน์อะไรสักอย่าง…มาตอนนี้ เจ้ากลับเข้าใจกฏแห่งมิติอย่างร้ายกาจถึงขั้นเอาชนะสุดยอดฝีมือในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจนคว้าที่ 1 มาได้ บ่งบอกให้รู้ว่า ถ้ามันอยู่ในมือเจ้า มันสมควรมีประโยชน์มากกว่า…เช่นนั้นขอเจ้ารับไว้เถอะ”


 


หวงเจียหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“พี่เจียหลง สิ่งนี้เรียกว่าผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด…”


 


หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่รับมา กลับเลือกที่จะมองสบตาหวงเจียหลง และกล่าวออกด้วยน้ำเสียจริงจัง บอกให้หวงเจียหลงรู้ว่าผลึกสีดำในมือ ที่แท้คืออะไร


 


และการกระทำของต้วนหลิงเทียน ที่ไปบอกมูลค่าของสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะหยิบยื่นให้แบบนี้ ก็ทำให้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาอย่างร้อนรน “เจ้าโง่! หัวเจ้าไปโดนลาเตะมารึไง? บัดซบเอ๊ย เจ้าจะไปบอกมันทำเพื่อ! พอมันรู้แล้วว่านี่คือผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด มันยังจะให้เจ้าอีกรึไง…เจ้ามันโง่เง่าเต่าตุ่นสิ้นดี!!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินสติหลุดลอยไปแล้วจริงๆ


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจ


 


เขาเป็นคนมีหลักการ และในใจก็มีบรรทัดฐาน


 


หวงเจียหลงเห็นเขาเป็นดั่งพี่น้องแท้ๆ กระทั่งยอมตายไม่ยอมขายเขา! จะให้เขาใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของหวงเจียหลงหรือ?


 


ไม่มีวัน!


 


“ผู้แข็งแกร่งที่สุดหรือ! ให้ตายเถอะ ที่แท้ตัวตนอันทรงพลังที่สู้กัน 2 คนที่ข้าเจอตอนนั้นคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในสวรรค์และโลกเชียวหรือ!? แล้วยังเป็นตัวตนที่เหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์อีก!?”


 


หวงเจียหลงตื่นตระหนกตกใจแล้วจริงๆ เรื่องนี้ได้ขยายโลกทัศน์ให้มันมาก


 


“น้องต้วน เช่นนั้นเจ้ายิ่งสมควรรับไว้…ข้าเชื่อว่าด้วยมีผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดชิ้นนี้ อนาคตของเจ้าต้องก้าวไกลสุดที่ข้าจะจินตนาการได้ออกแน่! ข้าเพียงหวังว่าวันหน้าเมื่อเจ้ากลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานแล้ว เจ้าจะหาเวลาแวะกลับมาก๊งสุราเล่าความหลังกับข้าบ้าง…”


 


ถึงแม้หวงเจียหลงจะได้รับทราบแล้วว่าสิ่งของในมือคืออะไรและมีผลประโยชน์เลิศล้ำขนาดไหน แต่มันก็ยังเลือกจะมอบให้ต้วนหลิงเทียนอยู่ดี


 


“พี่เจียหลง นี่คือผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด…หากท่านเก็บไว้ วันหน้าไม่แน่ท่านอาจบังเกิดความตระหนักรู้ในกฏมิติขึ้นมาสักวัน และประสบกับคำหนึ่งก้าวถึงฟ้าด้วยตัวเอง”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เอื้อมมือไปรับเอาไว้ เพียงกล่าวย้ำเตือนหวงเจียหลง


 


“อั้ย เจ้ารับไว้เถอะหน่า…เรื่องอื่นข้าอาจไม่รู้ แต่ข้าน่ะรู้ตัวเองดี!”


 


หวงเจียหลงยิ้มกล่าว “ที่สำคัญ วันนี้ที่ข้ากลายเป็นศิษย์ปิดสำนักของประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนได้ ก็ต้องขอบคุณเจ้าไม่ใช่รึไง? เพราะเสมือนข้าเกาะข้าพึ่งบารมีเจ้ายังไงยังงั้นแน่ะ…”


 


“เช่นนั้นมิได้หมายความว่า วันหน้าเจ้ายิ่งกลายเป็นตัวตนที่สูงส่งมากเท่าไหร่ ข้าก็สามารถเกาะขาเจ้าทะยานฟ้าได้มากขึ้นเท่านั้นรึไง? เทียบกับการที่ให้ข้าเก็บเอาไว้โดยที่ไม่รู้เมื่อไหรจะใช้ได้…ไม่ใช่ว่าข้าฉลาดเลือกหรือไรที่ให้เจ้า? สิ่งนี้เรียกว่าใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดไงเล่า!!”


 


หวงเจียหลงกล่าวจบก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน มันแลดูสบายๆทั้งปลอดโปร่งนัก


 


ทำราวกับผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด เป็นแค่หินโง่ๆสำหรับมันแล้วจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 3172

 

ต้วนหลิงเทียนยื่นมือออกไปรับผลึกสีดำมา ถึงแม้ตัวผลึกจะเบาจนแทบไร้น้ำหนักบนมือ แต่กลับหนักอึ้งในความรู้สึกนัก!


 


“อาวุโสเพลิงเทพโกลาหล…วารีเทพชำระโลกาขั้น 2 ที่ข้าได้มาตอนนั้น สามารถถ่ายโอนไปให้พี่เจียหลงได้หรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเพลิงเทพโกลาหลในร่าง


 


หวงเจียหลงมอบผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดให้เขา เขาเองก็อยากจะตอบแทนอีกฝ่ายให้มากที่สุด


 


กับอีแค่ฐานะศิษย์ปิดสำนึกของประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวน มันนับเป็นอะไรต่อหน้าผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด?


 


“กระทำได้…อย่างไรก็ตามหลังจากวารีเทพชำระโลกานั่นตื่นแล้ว อีกฝ่ายก็อาจไม่เต็มใจจดจำสหายเจ้าในฐานะเจ้าบ้าน ถึงตอนนั้นมันก็อาจเลือกจากไป”


 


เพลิงเทพโกลาหลกล่าวว


 


“แล้วหากถึงตอนนั้นพวกเรามาช่วยเกลี้ยกล่อมเล่า..หากพวกเรารับประกันว่าจะช่วยเหลือพี่เจียหลงกลืนกินวารีเทพชำระโลกาอื่นๆ เช่นนั้นวารีเทพชำระโลกาก็คงยินยอมอยู่กับพี่เจียหลงใช่ไหม?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้า กล่าวถามตรงๆ


 


“ไม่มีประโยชน์”


 


เพลิงเทพโกลาหลถอนหายใจ “พวกเราที่อยู่ในร่างเจ้า จะไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย หากมีวารีเทพชำระโลกาตนอื่นคิดเล่นงานวารีเทพชำระโลกาในร่างสหายเจ้า…เพราะหากพวกเราถ่ายพลังไปยังร่างสหายของเจ้า ก็จะเป็นการทำร้ายมันเท่านั้น”


 


“หากเจ้าเลือกจะมอบวารีเทพชำระโลกาให้ไป เจ้าทำได้แค่รอดูชมเท่านั้น ว่าหลังจากวารีเทพชำระโลกาตื่นขึ้นมันจะยินดีรั้งอยู่ในร่างสหายของเจ้ารึเปล่า…”


 


เพลิงเทพโกลาหลตอบ


 


“งั้นหรือ…”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว หากแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมอบวารีเทพชำระโลกาให้หวงเจียหลง


 


หลังหวงเจียหลงรับทราบว่าวารีเทพชำระโลกาคืออะไร มันก็ย่อมปฏิเสธเป็นธรรมดา และไม่เต็มใจรับของขวัญล้ำค่าแบบนี้จากต้วนหลิงเทียน


 


“พี่เจียหลง หากท่านไม่ยอมรับ ข้าก็มีแต่ต้องคืนผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดให้ท่านเท่านั้น…เพราะสำหรับข้าแล้ว คุณค่าของผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่อะไรที่วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 จะเทียบเทียมได้เลย!”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงหนัก น้ำเสียงนั้นไม่เว้นช่องว่างให้ปฏิเสธแม้แต่น้อย


 


สุดท้ายหวงเจียหลงก็ได้แต่ต้องยอมเท่านั้น


 


“อย่างไรก็ตาม ต่อให้ข้าถ่ายโอนมันไปยังงร่างท่านแล้ว มันก็จะยังอยู่ในสภาวะนิทรา…วันหน้าเมื่อมันตื่นขึ้น ไม่ว่าท่านจะรั้งมันไว้ให้อยู่กับท่านได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กกับท่านแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวเตือน


 


“เข้าใจแล้ว”


 


หวงเจียหลงพยักหน้ารับด้วยความจริงจัง


 


หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักของหวงเจียหลงเป็นเวลา 2 วัน


 


ตลอด 2 วันที่ผ่าน หวงเจียหลงก็ได้ถามเรื่องราวการผจญภัยของต้วนหลิงเทียนเรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์ด้วยความอยากรู้


 


จนเมื่อได้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง กว่าต้วนหลิงเทียนจะได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มา หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ เม็ดเหงื่อยังผุดซึมขึ้นเต็มหน้าผากแผ่นหลัง อดไม่ได้ที่จะหวาดเสียวแทนอีกฝ่ายจริงๆ


 


“ให้ตายเถอะ หากไม่ใช่เพราะเจ้ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมีไพ่ตาย ข้าเกรงว่าพวกเจ้าเองก็คงยากจะรอดพ้นเงื้อมมือเจ้านั่น กลายเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังเววยสวรรค์ไปแล้ว!”


 


ถึงแม้หวงเจียหลงจะรู้ดีว่าเรื่องราวมันผ่านไปแล้ว และต้วนหลิงเทียนไม่เป็นอะไร มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวอยู่ดี


 


อีกทั้งมีเรื่องหนึ่งไม่พูดไม่ได้


 


ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ตั้งใจฝึกฝน และหลับไปแค่ครึ่งคืนเท่านั้น ทว่าเขากลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติประการหนึ่งได้สำเร็จ!


 


และทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด


 


“เดิมทีเจ้าก็เข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านได้บางส่วนแล้ว…ด้วยมีความช่วยเหลือจากผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ก็เป็นธรรมดาที่เจ้าจะเข้าใจมันในความฝัน”


 


และนั่นก็คือวาจาที่เพลิงเทพโกลาหลกล่าว อีกฝ่ายไม่ได้แปลกใจอะไรที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านได้ในชั่วข้ามคืน


 


ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดในมือต้วนหลิงเทียน เกิดจากการตกผลึกองค์ความรู้และความเข้าใจในกฏมิติของผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง


 


ยิ่งไปกว่านั้น มีแต่ตัวตนที่บรรลุขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดโดยการเข้าใจกฏมิติถึงจุดสูงสุดเท่านั้น ถึงจะสร้างผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดที่เกี่ยวกับกฏมิติออกมาได้


 


ด้วยวิธีนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมใช้ประโยชน์จากผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่!


 


ที่สำคัญก็คือ…วันหน้าต้วนหลิงเทียนก็จะไม่พบเจออุปสรรคใดๆขณะทำความเข้าใจกฏมิติอีกเลย!


 


และตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึง 7 ประการแล้ว…


 


อีกอย่าง ด้วยความที่เขามีผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด หมายความว่าความลึกซึ้งอีก 2 ประการของกฏมิติ เรื่องที่เขาจะเข้าใจมัน ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!


 


“พี่เจียหลง แล้วท่านอยากไปอยู่ที่คฤหาสน์เฉวียโยวกับข้ารึเปล่า?”


 


ตอนที่กำลังจะร่ำลาหวงเจียหลงเพื่อกับคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามหวงเจียหลงออกไป และหากอีกฝ่ายคิดจะไป เขาก็จะพาหวงเจียหลงไปด้วยทันที


 


“ไอ้อยากไปข้าก็อยากไปอยู่หรอก…แต่ข้าไม่อยากอาศัยเส้นสายของเจ้า ข้าอยากเข้าไปด้วยกำลังของข้าเอง”


 


หวงเจียหลงคลี่ยิ้ม


 


ได้ยินคำพูดของหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเซ้าซี้สืบต่อ “เช่นนั้นข้าจะรอท่านในคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 



 


หลังจากกลับมาคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ 2 วัน ฉีเทียนหมิงก็มาเรียกหาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “มีอะไรหรือผู้เฒ่าฉี?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


ดูจากสีหน้าฉีเทียนหมิงแล้ว เขาก็บอกได้ทันทีว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น


 


“ซีเหมินฮ่าวซวนจากคฤหาสน์หงเอี้ย เดินทางมาพร้อมรองผู้นำคฤหาสน์หงเอี้ย…และระบุว่าอยากเจอเจ้า”


 


ฉีเทียนหมิงเอ่ยถามต่อ “เจ้าอยากพบมันหรือไม่ หากไม่ข้าจะไปปฏิเสธมัน”


 


ด้วยมีรองผู้นำคฤหาสน์หงเอี้ยมาด้วย แล้วคฤหาสน์เฉวียนโยวจะไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายได้อย่างไร?


 


อย่างไรก็ตามหากต้วนหลิงเทียนไม่อยากพบ มันก็สามารถบอกปัดอีกฝ่ายได้


 


“อ่อ เป็นข้านัดกับมันไว้เอง…มันอยู่ไหนเล่า ข้าจะไปเจอมันหน่อย”


 


ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าซีเหมินฮ่าวซวนจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่เขาก็ถามที่อยู่ของอีกฝ่ายจากฉีเทียนหมิง และไปหาอีกฝ่ายทันที


 


“ต้วนหลิงเทียน พบกันอีกแล้ว”


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงห้องรับแขก หวงเจียหลงที่นั่งรอก็ลุกขึ้นมากล่าวทักทาย จากนั้นมันก็สะบัดมือเบาๆคราหนึ่ง ส่งลูกแก้วเงาลอยให้ต้วนหลิงเทียนทันที “นี่คือลูกแก้วเงาลอยที่ข้าแพ้เดิมพันเจ้า”


 


ถึงแม้ลูกแก้วเงาลอยลูกนี้ จะไม่มีประโยชน์อะไรกับต้วนหลิงเทียนมากนัก เพราะเขามีผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว


 


อย่างไรก็ตามเขายังคงรับไว้ไม่อิดออด


 


ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ถึงยุงจะตัวเล็กแค่ไหนมันก็ยังมีเนื้อ’ บางทีหากเห็นฉากการลงมือของผู้ที่ถูกบันทึกไว้ในลูกแก้วเงาลอย ก็อาจมีส่วนช่วยเขาได้บ้าง


 


ถึงแม้ความเป็นไปได้เรื่องนั้นจะน้อยนิดก็ตามที


 


แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองใช้ดู


 


หลังจากนั้นซีเหมินฮ่าวซวนก็ชววนต้วนหลิงเทียนยพูดคุยไปเรื่อย และนับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจอยู่บ้างเพราะตั้งแต่ต้นจนจบ อีกฝ่ายไม่ได้ถามเรื่องความเป็นมาของเขาเลย ไม่แม้แต่จะเลียบๆเคียงๆด้วยซ้ำ


 


และหลังได้คุยกับซีเหมินฮ่าวซวน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้เรื่องราวบางอย่างเพิ่มเติม ยังรับทราบเรื่องราวความเป็นไปของ 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักในปัจจุบัน จากปากซีเหมินฮ่าวซวนไม่น้อย


 


เรื่องเหล่านี้ย่อมไม่มีบันทึกไว้ในหอตำราหรือยันต์อมตะเก็บความทรงจำ


 


“จริงสิต้วนหลิงเทียน มีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกเจ้า…”


 


ทันใดนั้น ซีเหมินฮ่าวซวนก็หันไปมองรอบๆห้องรับแขกอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเลือกกล่าวด้วยการส่งเสียงผ่านพลัง “องค์กรกะโหลกเลือดได้เริ่มต้นภารกิจสังหารเจ้าอีกแล้ว…”


 


“เดิมทีพวกมันคิดว่าเจ้าถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ จนตกตายด้วยน้ำมือของผู้ที่อ้างตัวเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่น…แต่ตอนนี้พอเจ้าสร้างผลงานจนเด่นขึ้นมาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง พวกมันก็เลยได้รับทราบว่าเจ้ายังไม่ตาย”


 


หลังกล่าววจบซีเหมินฮ่าวซวนก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนจึงตะหนักได้ทันที ว่าที่แท้ซีเหมินฮ่าวซวนล่วงรู้ความเป็นมาของเขาแล้วนี่เอง ถึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรเขาแต่แรก


 


“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง ว่าองค์กรกะโหลกเลือดมันเริ่มภารกิจฆ่าข้าอีกครั้ง?”


 


ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะมองจ้องซีเหมินฮ่าวซวนตาเขม็ง


 


“เฮ่ๆ เจ้าอย่าพึ่งเข้าใจข้าผิดเล่า ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับองค์กรกะโหลกเลือด…เหตุผลที่ข้ารู้เรื่องนี้มา เพราะได้ยินสหายข้ากล่าวถึงโดยบังเอิญ”


 


เมื่อเห็นว่าลึกลงไปในแววตาต้วนหลิงเทียนได้เผยประกายเยียบเย็นวาบขึ้น ซีเหมินฮ่าวซวนเร่งสายหัวและกล่าวตอบออกมาตามตรง “พอดีบิดาของมันเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของกงค์กรกะโหลกเลือด”


 


ตัวมันเองก็พึ่งรู้เรื่องราวเมื่อวันก่อน ว่าองค์กรกะโหลกเลือดออกภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน


 


เพื่อนของมันที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนตกเป็นเป้าสังหาร ก็มากล่าวปลอบมันโดยบอกว่าต้วนหลิงเทียนคงอยู่ได้อีกไม่นาน


 


เว้นแต่ต้วนหลิงเทียนจะเลือกอยู่แต่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ออกไปไหน


 


“ต้วนหลิงเทียน วันหน้าหากเจ้าต้องออกนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว เจ้าต้องพาผู้ตรวจการฉีไปด้วย…ข้าได้ยินมาว่าผู้ตรวจการฉีเป็นคนไปรับตัวเจ้ามาจาจกนิกายอมตะเป้าผู่ และมีความสัมพันธ์อันดีกับนิกายอมตะเป้าผู่นัก อย่างไรก็ต้องดูแลเจ้าแน่นอน”


 


ซีเหมินฮ่าวซวนเอ่ยบอกต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากเจ้ายังไม่รู้สึกปลอดภัย เจ้าสามารถไปหาผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อหารือ…ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจมันไม่น้อย! มันไม่มีทางปฏิเสธเจ้าแน่!!”


 


“และแน่นอนว่าหากเจ้าไม่พอใจคฤหาสน์เฉวียนโยว เจ้าติดต่อมาหาข้าได้ทุกเมื่อ…ข้าจะให้บรรพบุรุษของข้ามารับเจ้าที่นี่ด้วยตัวเอง และตราบใดที่เจ้าเป็นคนของคฤหาสน์หงเอี้ย ทางคฤหาสน์หงเอี้ยเราไม่ปล่อยให้เจ้าเกิดเรื่องใดเพราะองค์กรกะโหลกเลือดแน่นอน!”


 


ฟังจากน้ำเสียงของซีเหมินฮ่าวซวนแล้ว อีกฝ่ายแลดูจริงจังไม่ใช่เล่น สีหน้าแววตายังทำราวกับพูดออกมาจากใจ


 


“เจ้าเตือนข้าทำไม?”


 


ต้วนหลิงเทียนเพ่งตามองซีเหมินฮ่าวซวน “ไม่ใช่ว่าหากข้าถูกองค์กรกะโหลกเลือดจัดการไป มันจะส่งผลดีต่อเจ้ากับอีก 5 คนที่เหลือรึไง?”


 


“หึ! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้าซีเหมินฮ่าวซวนไม่กลัวเจ้าหายไปเพราะเรื่องพรรค์นั้น…หากข้าอยากเอาชนะเจ้าจริง ข้าก็จะทำมันอย่างเปิดเผยในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง!”


 


ซีเหมินฮ่าวซวนกล่าวออกด้วยความมั่นใจ


 


ความหวังดีของซีเหมินฮ่าวซวนก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกขอบคุณอยู่บ้าง “ในเมื่อเจ้าดีกับข้าแบบนี้…ครั้งหน้าที่ข้าเจอเจ้าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ข้าจะไม่ลงมือกับเจ้าอีก”


 


“ไม่ลงมือ? เพ่ย! หากเจ้าไม่ร่วมมือกับผู้อื่น ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่ใช่คู่มือข้ากระมัง?”


 


ซีเหมินฮ่าวซวนคลี่ยิ้ม “ข้าว่าเจ้ารออีกสักหลายๆปีค่อยพูดแบบนั้นจะดีกว่า”


 


“วันก่อนข้าคนเดียวอาจเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าทำไม่ได้นี่นา…”


 


หลังจากเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าความเร็วของเขาสมควรจัดอยู่ในระดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเรียบร้อย!


 


ด้วยเหตุนี้ต่อให้เขาจะเจอซีเหมินฮ่าวซวนอีกรอบ ถึงจะไม่มีหว่านชิงชิงช่วย เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้!


 


“โฮ่? เจ้ามั่นใจถึงขนาดนั้นเชียว เช่นนั้นเดือนหน้าข้าจะรอดู!”


 


ซีเหมินฮ่าวซวนกลอกตามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประหาดใจอยู่บ้าง แต่ในวาจาก็ไม่คล้ายไม่พอใจอะไร เห็นชัดว่ามันเชื่อว่าในเวลาสั้นๆต้วนหลิงเทียนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้มันแน่


 


ในแง่พลังจู่โจม มันลองถามตัวเองดูก็ตอบได้ว่าสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ไหว


 


แต่ในเรื่องความเร็ว ต่อให้ต้วนหลิงเทียนเฆี่ยนตูดม้าจนเลือดซิบ ก็ไล่ตามมันไม่ทัน…


 


ตอนพบเจออีกฝ่ายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ขอแค่มันอาศัยความได้เปรียบเรื่องความเร็ว มันก็มั่นใจอยู่ 7 ส่วนว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้


 


‘ครองอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน…’


 


‘ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย….’


 


‘ตราบใดที่ดวงข้าไม่เลวร้ายนัก…ภายในเวลา 1 ปีข้าต้องผ่านบททดสอบนี่ได้แน่’


 


หลังกล่าวร่ำลาทั้งไปส่งซีเหมินฮ่าวซวนแล้ว ระหว่างเดินทางกลับที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็อดนึกถึงบททดสอบที่เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมอบให้เขาขึ้นมาไม่ได้ ตอนนี้ในใจเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจนัก!

 

 

 


ตอนที่ 3173

 

ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน กว่าอันดับในแดนสวรรค์ใต้ของเดือนนี้จะสรุปผล และเริ่มทำการล้างอันดับใหม่


 


อย่างไรก็ตามใน 6 อันดับแรก ตอนนี้เหลือคนอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนอีก 5 คนได้ออกมาแล้ว


 


ในบรรดา 5 คนที่ออกมา มีต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้นที่เลือกออกมาด้วยตัวเอง ส่วนอีก 4 คนล้วนถูกอาคมส่งตัวออกมาเพราะอยู่ครบกำหนดเวลา 10 วันทั้งสิ้น


 


“ตอนนี้ใน 30 อันดับแรก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสู้อยู่…ดูท่าอันดับคงยากจะเปลี่ยนจนถึงสิ้นเดือน”


 


“อันดับอื่นๆ จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ช่าง…แต่อันดับ 1 ข้าว่าไม่เปลี่ยนแน่”


 


“เฮ่อ…อันดับหนึ่งมีคะแนนสะสมพันกว่าแต้ม นำอันดับที่ 2 อยู่ครึ่งต่อครึ่ง…ดูอย่างไรก็ไม่มีทางพลิกโผได้แล้ว”


 



 


ในสายตาของผู้คนคฤหาสน์อมตะต่างๆ อันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ ก็ได้ตกอยู่ในมือ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรียบร้อยแล้ว


 


เป็นศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวแท้ๆ แต่กลับได้รับอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สิ่งนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกฝ่ายเป็นธรรมดา!


 


ไม่เพียงแต่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้ แม้แต่ 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลัก พวกมันต่างล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของต้วนหลิงเทียนไม่มากก็น้อย


 


“ไปหาความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นเสีย…มันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี ทั้งคาดว่าจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประกรและริเริ่มเข้าใจประการที่ 7 แล้วจริงๆรึ?”


 


ในบรรดา 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลัก ระดับสูงทั้งหลายได้สั่งการลงไปให้ไปตรวจสอบความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนทันที


 


แม้แต่ตระกูล ซู 1 ใน 10 ตระกูลหลักที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ส่งคนไปพบผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวทันที


 


ไม่นานเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมาจากนิกายอมตะเป้าผู่ และได้ผลเทพสังเวยสวรรค์ก็ถูก 10 ตะกูลใหญ่และ 5 นิกายหลักสืบจนพบ


 


ทั้ง 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลักพลันตระหนักได้ทันที


 


หากที่ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้หลายประการ ทั้งหมดเป็นเพราะผลเทพสังเวยสวรรค์แล้วล่ะก็…


 


เช่นนั้นจะพรสวรรค์และสติปัญญาของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เลิศล้ำอย่างที่พวกมันจินตนาการเอาไว้


 


เดิมทีต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 2 ประการเท่านั้น ตัวตนระดับนี้แม้ใน 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักจะมีไม่เยอะ แต่ก็มีไม่เคยขาด


 


ในเมื่อต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากตัวตนเหล่านั้น ทำให้ตระกูลใหญ่และนิกายหลักทั้งหลาย ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับต้วนหลิงเทียนมากอีกต่อไป


 



 


นิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ เป็น 1 ใน 5 นิกายอมตะหลักของแดนสวรรค์ใต้ และยังเป็นขุมกำลังระดับ 5 อีกด้วย


 


“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…ไม่เพียงแต่มันจะไม่ตายในอวี้หวงเทียน ทว่ามันยังได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มาจากเงื้อมมือของจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดด้วยงั้นเหรอ?”


 


ในลานที่พักแห่งงหนึ่งของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ ชายหนุ่มคนหนึ่งเลิกคิ้วขึ้น หลังได้รับข้อความบางอย่าง


 


ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีขาว หน้าตาแลดูหล่อเหลา ในมือถือพัดเล่มหนึ่ง ท่วงท่าแลดูสง่างามไม่ใช่ชั่ว มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่นอน


 


และมันก็คือ เหยียนหรูอวี้ 1 ใน 3 ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ!


 


เหยียนหรูอวี้คนนี้ ยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงอายุน้อยที่สุดในนิกาปราชญ์เต๋าเร้นลับอีกด้วย!


 


“เฉินหลี”


 


เหยียนหรูอวี้ส่งข้อความไปถึง เฉินหลี ลูกชายของเฉินหยวนซาน รองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดทันที “เจ้า…รู้เรื่องต้วนหลิงเทียนนั่นแล้วใช่ไหม?”


 


“หืม? เจ้าก็รู้แล้วรึ?”


 


เห็นได้ชัดว่าเฉินหลีสมควรล่วงรู้แต่แรก


 


“ใช่ ข้าพึ่งได้ข้อมูลมาเมื่อครู่หยกๆ”


 


เหยียนหรูอวี้ตอบ จากนั้นค่อยถามต่อ “ตอนนี้เจ้าเป็นไงบ้างเล่า…หากต้องการความช่วยเหลืออันใดในเรื่องนี้ เจ้าบอกข้ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”


 


“ขอบคุณเจ้ามาก แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้ท่านพ่อข้าไปจัดการแล้ว…ทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดจะดำเนินภารกิจฆ่ามันต่อ”


 


เฉินหลีกล่าว


 


ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนศิษย์หลักนิกายอมตะเป้าผู่นั้น ผู้ค้ำประกันให้ออกภารกิจเป็นตัว เฉินหลี เอง…


 


ตอนแรกมันนึกว่าการฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งช่างเป็นเรื่องราวอันง่ายดายไม่ต่างอะไรกับหายใจ แต่สุดท้ายมือสังหารที่องค์กรกะโหลกเลือดส่งไปคนแล้วคนเล่า หากไม่ตายก็พบพานกับความล้มเหลว! เรื่องนี้ทำให้เบื้องบนขององค์กรกะโหลกเลือดไม่สบอารมณ์นัก!!


 


ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว…


 


เฉินหลีในฐานะผู้ค้ำประกัน ก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามบิดาของเฉินหลี ก็เป็นถึงหนึ่งในชนชั้นรองผู้นำองค์กร จึงไม่ยากอะไรที่จะช่วยสลายแรงกดดันให้เฉินหลี


 



 


ณ ระนาบสมรภูมิ อันเป็นระนาบที่เกิดจากการบรรจบกันของระนาบเทพคู่ขนานทุกๆ 10,000 ปี และเมื่อปรากฏแล้วก็จะดำรงอยยู่เป็นเวลา 1,000 ปี


 


คราวนี้ เมื่อระนาบเทพนาม ดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ได้เวียนมาบรรจบกับ ดินแดนแห่งการลงทัณฑ์ ก็อุบัติระนาบสมรภูมิขึ้นมาเช่นกัน


 


ตั้งแต่ที่ระนาบสมรภูมิแห่งนี้ปรากฏ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้ว


 


ปง! ครืน! ตึง! ตึง!


 



 


ขุนเขามหึมาถล่มลงลูกแล้วลูกเล่า น่านฟ้าเหนือหุบเขาปรากฏร่าง 2 ร่างรุกไล่กันฉับไว คลื่นพลังสะท้อนจากการปะทะ ไม่ต่างอะไรจากมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่ กวาดทำลายออกไปทั่วสารทิศ


 


หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างกำยำ อีกหนึ่งเป็นสตรีร่างบางในชุดขาว


 


สตรีร่างบางในชุดขาวนั้นยังมีรูปโฉมงดงามไร้คู่เปรียบนัก หากแต่บัดนี้มุมปากคนงามกลับปรากฏโลหิตไหลย้อยลงมา แต่ว่าด้านชายร่างใหญ่ไม่ได้แลดูบาดเจ็บอะไรเลย


 


“แม่นาง เจ้าไม่ใช่คู่มือข้า!”


 


ชายร่างใหญ่แย้มยิ้มด้วยความมั่นใจ


 


โฉมงามไร้คู่เปรียบชุดขาวบัดนี้ สีหน้ามืดงไม่น้อย ดวงตากระจ่างใสของนางยังเริ่มมืดสลัว มุมปากคลี่ยิ้มขื่นขมออกมาบางๆ


 


‘ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าวันนี้ข้ากำลังจะเป็นฝ่ายที่ตายตก…’


 


‘ไม่! หากข้าตายที่นี่แล้วพี่หญิงลี่เฟยเล่า เนียนเทียนกับซือหลิงเล่า!?’


 


‘ยังมีท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็ลุงเฟิ่ง…’


 


สองตากระจ่างดั่งสารทฤดูของร่างบางอันงดงามไร้คู่เปรียบ ฉายชัดถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจออกมา


 


‘หากความแข็งแกร่งเมื่อชาติที่แล้วของข้าฟื้นคืนกลับมาหมด…ไหนเลยต้องกลัวชายผู้นี้ด้วย?’


 


‘น่าเสียดาย ข้ายังขาดอีกก้าวหนึ่งถึงจะฟื้นคืนพลังเมื่อชาติก่อนได้…แต่หนึ่งก้าวนี้ สุดท้ายดูเหมือนข้าจะไม่มีโอกาสได้ก้าวข้ามมันแล้ว…’


 


เมื่อในใจเริ่มถูกความสิ้นหวังกัดกิน ทั่วร่างโฉมงามไร้คู่เปรียบก็ปรากฏไอโลหิตแผ่ซ่านออกมา จากนั้นก็เริ่มควบรวมก่อลักษณ์สัตว์ร้ายบางอย่าง ราวกับจะลงมือแลกชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย


 


“โลหิตสำแดงลักษณ์อสูร…เจ้า…เจ้าเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเซี่ย!?”


 


เมื่อเห็นร่างอสูรร้ายแลดูน่ากลัวที่ก่อเกิดจากไอโลหิตทั่วร่างสตรีเบื้องหน้า ชายร่างใหญ่ก็ขมวดคิ้วย่นยู่  “เซี่ยเจี๋ยเป็นอะไรกับเจ้า!?”


 


“เจ้ารู้จัก อาสามของข้าด้วยหรือ?”


 


โฉมงามไร้คู่เปรียบมองถามชายร่างใหญ่ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นไอโลหิตที่ก่อลักษณ์สัตว์อสูรทั่วร่างนางก็เริ่มจางลง ก่อนที่จะดับหายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


“ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย…เป็นอาสามของเจ้าหรือ!?”


 


รูม่านตาชายร่างใหญ่หดแคบลงเร็วไว จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “เมื่อหมื่นปีก่อน…ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ในสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง…”


 


ในขณะที่ชายร่างใหญ่ถอนหายใจ แววตาของมันก็เริ่มทอประกายสลัวแห่งความคิดถึง คล้ายกำลังหวนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต


 


“ในเมื่อเจ้าเป็นหลานสาวของใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย ข้าไม่อาจทำร้ายเจ้าได้…”


 


ชายร่างใหญ่ส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที


 


จนเมื่อชายร่างใหญ่หายไปได้สักพักแล้ว สตรีร่างบางอันงามไร้คู่เปรียบจึงดึงสติกลับมาได้ มุมปากคลี่ยิ้มขมขื่นกว้างขึ้น


 


โฉมงามไร้คู่เปรียบนางนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเค่อเอ๋อนั่นเอง


 


แน่นอนว่าเค่อเอ๋อในปัจจุบัน ยังเป็น เซี่ยหนิงเสวี่ย แห่งตระกูลเซี่ยของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพอีกด้วย


 


‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้ ดูเหมือนยังไม่อาจเข้าไปในระนาบสมรภูมิได้ลึกเกินไป…หากที่ข้าเจอไม่ใช่คนรู้จักอาสาม ป่านนี้ข้าคงตายไปแล้ว!’


 


คิดถึงจุดนี้เค่อเค๋อก็หันหลังกลับทันที ไม่กล้าจะเดินหน้าสืบต่อ


 


คนตายก็เหมือนตะเกียงดับ


 


นางยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ย่อมไม่อยากตกตาย!


 


“พี่เทียน…”


 


เค่อเอ๋อได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความคิดถึง


 


ณ หลิงหลัวเทียน


 


แดนสวรรค์ใต้ คฤหาสนส์เฉวียนโยว


 


“เค่อเอ๋อ!”


 


ต้วนหลิงเทียนพลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ตอนแรกเขาก็หลับฝันถึงผู้แข็งแกร่งที่สุดกำลังใช้พลังความลึกซึ้งต่างๆของกฏมิติอยู่ดีๆ แต่ไม่ทราบเพราะอะไร ฉากในฝันของเขาก็เริ่มกลายเป็นเค่อเอ๋อขึ้นมา


 


นอกจากนี้เค่อเอ๋อในฝันของเขา กำลังเกิดเรื่องอีกด้วย!


 


ต้วนหลิงเทียนที่สะดุ้งตื่น ทั่วร่างก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น


 


อันที่จริง ที่ต้วนหลิงเทียนจะฝันร้ายก็ไม่แปลก


 


ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่เพียงแต่จะตกผลึกจากความรู้ความเข้าใจในกฏมิติที่แตกฉานเท่านั้น แต่ยังมีเสี้ยวหนึ่งของพลังผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ด้วย


 


ผู้แข็งแกร่งที่สุดจะอย่างไรก็คือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดท่ามกลางสวรรค์และโลก ทุกความเคลื่อนไหวใดๆล้วนส่งผลกระทบต่อกฏเกณฑ์ในฟ้าดิน


 


เมื่อเค่อเอ๋อตกอยู่ในอันตรายบางอย่าง อาศัยเสี้ยวหนึ่งของพลังในผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ต้วนหลิงเทียนย่อมสามารถรับรู้ได้


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ล่วงรู้เรื่องนี้


 


เขาคิดว่ามันเป็นแค่ฝันร้ายเฉยๆ ไม่ได้รู้เลยว่าเค่อเอ๋อพึ่งรอดพ้นหายนะแห่งความเป็นตายมาได้จริงๆ


 



 


วันเวลาล่วงเลยผ่านไปรวดเร็วนัก พริบตาก็ผ่านไปอีกสิบวันครึ่งเดือนแล้ว


 


และเมื่อวันสุดท้ายของเดือนมาถึง คะแนนบนตารางจัดอันดับก็หยุดเคลื่อนไหว ผู้ที่ยังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ถูกบังคับส่งตัวออกมา


 


“ต้วนหลิงเทียน ได้อันดับ 1 แล้ว!!”


 


ถึงแม้คฤหาสน์เฉวียนโยวจะรู้ผลนี้มาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน แต่เมื่อผลคะแนนสรุปออกมาอย่างเป็นทางการ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นยินดีกันอีกรอบ!


 


และผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังออกมาประกาศด้วยตัวเอง ว่าให้ต้วนหลิงเทียนเลื่อนสถานะเป็นศิษย์สายในได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบใดๆทั้งสิ้น


 


สำหรับเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครในคฤหาสน์เฉวียโยวคิดคัดค้านแม้แต่น้อย


 


มีบางคนที่อิจฉาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร


 


เพราเกียรติยศที่ต้วนหลิงเทียนนำมาให้คฤหาสน์เฉวียนโยว มันมากพอจะทำให้ได้รับอภิสิทธิ์แบบนี้


 


ทุกคนในคฤหาสน์เฉวียนโยวยอมรับได้ง่ายๆ กระทั่งจะให้เป็นศิษย์หลักเลย พวกมันก็ไม่คัดค้านอะไรด้วยซ้ำ


 


อย่างไรก็ตาม สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เขาไม่ได้สนใจเลยว่าจะเป็นศิษย์ระดับไหนของคฤหาสน์เฉวียนโยว…


 


สิ่งที่เขาสนก็คือหลังจากที่เขาได้กลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้สำเร็จ ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวจะทุ่มทรัพยากรบ่มเพาะให้เขาถึงขนาดไหน


 


ในแง่กฏมิติ เขามีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีอะไรที่ต้องพึ่งพาคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


อย่างไรก็ตามในแง่ของการบ่มเพาะพลัง เขายังต้องพึ่งคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ด่านพลังนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทะลวงไปยังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเลย กระทั่งจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ และยกระดับไปอีกสักขั้นตอนนี้ ก็นับว่ายากเย็นและต้องใช้เวลามหาศาล…ซึ่งในสายตาต้วนหลิงเทียนมันคือวันเวลาที่เนิ่นนานเหลือเกิน!


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีผลึกเทพรวมถึงพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ที่เป็นดั่งต้นไม้แห่งชีวิตในโลกใบเล็ก แต่เขาก็ยังต้องบ่มเพาะพลังไปทีละก้าวๆอยู่ดี


 


เพียงแค่การมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพในโลกใบเล็ก มันช่วยให้เขาดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินได้เร็วไวทั้งบริสุทธิ์ จนเพิ่มความเร็วในการก้าวหน้าเท่านั้น


 


ในระนาบเทวโลก มีผลไม้อมตะมากมาย ไม่เว้นโอสถอมตะที่จะส่งเสริมการบ่มเพาะ กระทั่งบางอย่างยังสามารถยกระดับพลังให้เขาได้โดยตรง


 


ทว่าผลไม้อมตะและโอสถอมตะเช่นนั้น สำหรับคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วยังถือว่ามีค่ามหาศาล


 


ต่อให้เป็นศิษย์หลักของคฤหาสน์เฉวียนโยว กว่าจะได้ผลไม้อมตะหรือโอสถอมตะระดับนั้นมา ก็ต้องผ่านการแข่งขันบางอย่าง


 


‘หากข้ากลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้ ผลไม้อมตะกับโอสถอมตะพวกนั้นก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ…แน่นอนว่าตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว มันต้องเลิศล้ำอย่างที่ฉีเทียนหมิงกล่าวไว้ก่อนจริงๆ’


 


ต้วนหลิงเทียนยังเชื่อคำพูดของฉีเทียนหมิง


 


หลังจากเข้าสู่เดือนใหม่ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็เปิดออกอีกครั้ง


 


คราวนี้หลังจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเปิดออก 3 วัน ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปยังตำหนักเคลื่อนย้ายหลังเดิม และเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที

 

 

 


ตอนที่ 3174

 

“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”


 



 


ต้วนหลิงเทียนพึ่งเคลื่อนย้ายมาโผล่ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวได้มาทันไร ก็ได้ยินเสียงคำทักทายจากเหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวในค่าย


 


น้ำเสียงของพวกมันยังฟังดูเคารพนับถือนัก


 


“อืม”


 


เห็นเหล่าศิษย์ทักทายกันด้วยใบหน้าชื่นชมแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มบางๆก่อนพยักหน้าให้พวกมันเบาๆ จากนั้นก็เตรียมจะออกจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อไปเก็บคะแนนสะสมทันที


 


“น่าเสียดายที่ไม่มีวิธีใดให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนหาแม่นางหว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านพบเพื่อร่วมมือกัน…หาไม่แล้วหากทั้งคู่ร่วมมือกันไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงนั่น ต่อให้เป็นกงซุนอู๋จี๋ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเหินร่างออกนอกค่าย ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่งก็กล่าวออกมาด้วยความเสียดาย


 


“นั่นสิ หลายปีที่ผ่านมาคฤหาสน์ปี้ชิงมันมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา 3 ครั้ง…ตลอด 3 ครั้งนั่นมีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราไม่กี่คนเท่านั้น ที่กล้าออกไป”


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวีนนโยวข้างๆก็ถอนหายใจ


 


ถึงแม้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง การไปดักหน้าค่ายผู้อื่น ก็ไม่ต่างอะไรจากไม่ไว้หน้าผู้อื่น และลูบคมคฤหาสน์อมตะนั้นๆ


 


จึงมีไม่กี่คนที่กล้าทำ


 


อย่างไรก็ตาม หากเป็นคฤหาสน์อมตะ 2 แห่งที่มีเรื่องบาดหมางกันแต่แรก นับว่าเป็นเรื่องปกตินักที่จะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น!


 


ในเมื่อคฤหาสน์อมตะทั้งสองเดิมก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว เช่นนั้นจะมีเรื่องเพิ่มก็ไม่นับเป็นอะไร ไหนเลยต้องกลัวอีกฝ่ายเอาคืนด้วย!


 


และศิษย์คนหนึ่งของคฤหาสน์ปี้ชิงนาม กงซุนอู๋จี๋ ผู้ที่รั้งอยู่ใน 6 อันดับแรกมาหลายสิบปี ทุกคราที่ศิษย์ในคฤหาสน์ปี้ชิงล่วงรู้ตำแหน่งค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็จะได้รับแจ้ง จากนั้นก็จะเดินทางไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวตลอด


 


และภายในคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ไม่มีใครเป็นคู่มือให้กงซวุนอู๋จี๋ได้เลย ดังนั้นหากกงซุนอู๋จี๋มาดักหน้าค่าย คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่มีปัญญาจะตอบโต้


 


ทำได้เพียงซ่อนตัวหลบอยู่ในค่าย ไม่กล้าออกไป!


 


“หืม? เจ้ารู้หรือว่าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ตรงไหน?”


 


เมื่อได้ยินเรื่องที่ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคุยกัน ต้วนหลิงเทียนพลันชะงักร่างลง ก่อนจะหันไปมองถามพวกมันทันที ยังถามออกไปตรงๆไม่อ้อมค้อม


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน พอดีเมื่อวานสหายข้าบังเอิญผ่านไปแถวค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง จึงโดนพวกมันเล่นงานเกือบตาย…โชคดีที่สหายข้าทำลายป้ายหยกจนหนีออกมาได้ทัน มันก็เลยรู้ว่าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ไหน ยังจำทางได้แม่น ขอเพียงอยากไปก็ไม่ยาก”


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ออกมาคนแรก พอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็รีบตอบกลับมาเร็วไว


 


พอกล่าวจบ มันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกรอบ “น่าเสียดายที่ไม่มีใครในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรารวดเร็วเท่าหว่านชิงชิง…หาไม่แล้วคงสามารถร่วมมือกับศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน เพื่อไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงนั่นบ้าง”


 


“แล้วค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ไหน จากที่นี่ต้องมุ่งไปทิศทางใด?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน พวกเรารู้ว่าพลังฝีมือของท่านร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว…แต่ท่านอย่าลืมว่าคฤหาสน์ปี้ชิงยังมีกงซุนอู๋จี๋…”


 


ลูกตาศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวหรี่ลง กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม “พลังฝีมือของกงซุนอู๋จี๋นั่น ไม่ได้ด้อยไปกว่าซีเหมินฮ่าวซวนเลย!”


 


“ใช่แล้วศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน คฤหาสน์ปี้ชิงไม่เหมือนคฤหาสน์หั่วหลี เพราะคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคฤหาสน์หั่วหลีก็คือถานหยวนที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับกงซุนอู๋จี๋เลย”


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกคนก็เอ่ยเตือนต้วนหลิงเทียน


 


“แต่กงซุนอู๋จี๋นั่นก็แค่พอๆกับซีเหมินฮ่าวซวนไม่ใช่รึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “บอกข้ามาเถอะว่าจะไปค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงนั่นยังไง…ส่วนเรื่องอื่นพวกเจ้าไม่ต้องกังวล”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยืนกรานจะรู้ให้ได้ว่าจะไปค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงยังไง ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่กล้าปิดบัง จึงบอกเส้นทางไปค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวแต่โดยดี


 


“ขอบใจเจ้ามาก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณด้วรอยยิ้มจบ ก็วูบร่างออกจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน…


 


“เจ้าว่า…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนใช่จะไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงรึเปล่า?”


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยยวคนหนึ่งกืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ค่อยถามออกมาอย่างยากลำบาก


 


“มิน่าใช่…ถึงพลังฝีมือศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจ แต่ให้สู้กับกงซุนอู๋จี๋นั่นก็ไม่น่าจะไหว เว้นแต่จะมีผู้ช่วยหาไม่แล้วคงยากจะประสบผลเลิศล้ำอะไรถ้าไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง”


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกคนกล่าว


 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่เหลือก็รู้สึกเหมือนกันเป็นธรรมดา


 


วันเวลาล่วงเลยผ่านไปไม่หยุดยั้ง พริบตาก็ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งวัน


 


ถึงแม้ชื่อต้วนหลิงเทียนจะปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับตั้งแต่วันแรก และไต่อันดับขึ้นมาด้วยความเร็ว


 


อย่างไรก็ตามไม่มีใครได้ยินว่าเขาไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ด้วยวิธีนี้เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวจึงเริ่มเชื่อกันไปมากขึ้นทุกที ว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องคิดไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงหลังจากหาคนช่วยได้ซะก่อน


 


“กงซุนอู๋จี๋ของคฤหาสน์ปี้ชิงก็เข้ามาแล้ว”


 


ขณะเดียวกัน หลานคนในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็สังเกตเห็นว่าชื่อของกซุนอู๋จี๋แห่งคฤหาสน์ปี้ชิงก็ปรากฏขึ้นบนตารางจัดอันดับแล้วเช่นกัน กระทั่งยังไต่อันดับขึ้นไปด้วยอัตราเร็วที่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียนซะอีก


 


หลังผ่านไปอีกวัน มันก็สามารถแซงต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ


 


ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่รู้เรื่องเลย


 


ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปเรื่อยในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง หากพบเจอศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็จะพยักหน้าทักทาย บ้างก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หากพบเจอคนนอกก็จัดการไปตามประสา


 


ระหว่างนั้นเขาก็ได้พบกับศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงด้วย


 


หนึ่งในนั้นต้วนหลิงเทียนเพียงกำจัดมันออกไป เพราะอีกฝ่ายไม่มีใจจะสู้


 


ส่วนอีกคนทั้งๆที่ดูเหมือนจะรู้จักเขา แต่ในแววตายังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงฆ่ามันทิ้งทันที


 


ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ


 


ว่ากับคนหลังนั่น หากพลังฝีมือเขาด้อยกว่ามัน อีกฝ่ายไม่พ้นต้องฆ่าเขาทันทีแน่!


 


“ต้วนหลิงเทียน…”


 


ณ คฤหาสน์อู่จ้าน ก่อนที่หว่านชิงชิงจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง นางก็สังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแล้ว


 


‘หากพบเจอมันแล้วได้ร่วมมือกับมันอีกครั้งคงดี…อย่างไรก็ตามแดนสวรรค์ใต้โบราณกว้างใหญ่ไม่ใช่เล่น คิดจะเจอมันอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย’


 


หว่านชิงชิงก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นนางจึงไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอต้วนหลิงเทียนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้งง่ายๆ


 


“บ้าเอ๊ย ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นมันร้ายกาจจริงๆ…ข้าเกือบถูกมันฆ่าทิ้งโดยที่ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ! หากไม่ใชเพราะเมตตายั้งมือ ข้าดับอนาถแน่!!”


 


“ในอดีตข้าตอนได้ยินเรื่องราวความร้ายกาจของมันข้ายังฟังหูไว้หู…วันนี้ข้าเชื่อแล้ว!”


 


“เห็นว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังโจมตีร้ายกาจ แต่ความเร็วยังไม่อาจเทียบได้กับระดับ 2 ของยอดฝีมือทั้งหมดไม่ใช่รึไง? ข้าเร็วพอจะถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ไฉนยังทำอะไรมันไม่ได้เลยเล่า?”


 


“มารดามันเถอะ ข้าอุตส่าห์เก็บแต้มแทบตายกว่าจะไต่ขึ้นมาติด 20 อันดับแรกได้…แต่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนนั่นมันก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ความเหนื่อยากที่ผ่านมาของข้ากลายเป็นหมอกควันเสียฉิบ!”


 



 


เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็มียอดฝีมือหลายคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ต่างๆถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ


 


และคนเหล่านี้ก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนนัก


 


บางคนถึงกับคิดว่า…


 


ต่อให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ร่วมมือกับหว่านชิงชิง ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ยอดฝีมือทั้ง 6 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไม่ได้!


 


หลังเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ 6 วัน ต้วนหลิงเทียนก็ไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 7 ได้สำเร็จ


 


และคะแนนสะสมของเขาก็มี 383 แต้ม ซึ่งทิ้งห่างระดับ 8 ไปไม่น้อย


 


ทว่าตอนนี้เอง สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ


 


อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับมาที่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ท่านติดอันดับ 7 อีกแล้ว!”


 


“ยินดีด้วยศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”


 



 


ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าศิษย์ที่เห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาก็เร่งกล่าวแสดงความยินดีกันยกใหญ่ หลายคนยังงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตานับถือเลื่อมไสมากขึ้น


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนคราวนี้ดูเหมือนจะไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 7 ได้โดนไม่ร่วมมือกับผู้ใด…ช่างร้ายกาจนัก!”


 


“อย่างไรก็ตามหากเทียบกับซีเหมินฮ่าวซวน กงซุนอู๋จี๋แล้วประสบการณ์ของศิษย์พี่ดูเหมือนจะขาดไปอยู่บ้าง…หาไม่แล้วในเมื่อเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาพร้อมๆกัน อันดับคงไม่อยู่แค่ที่ 7 เช่นนี้”


 


“เหอะๆ เรื่องนี้มันต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์…แค่นี้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนก็ทำได้ดีมากแล้ว”


 



 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวไป ศิษย์ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวก็เริ่มคุยกันอีกครั้ง


 


สำหรับสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนจะทำหลังกลับออกไปด้านนอก ไม่มีใครล่วงรู้เลย


 


การเคลื่อนย้ายกลับมาของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าทำให้ศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวให้ความสนใจไม่น้อย


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยผู้คนที่โร่เข้ามาถามเขาด้วยความกระตือรือร้นทั้งหลาย เพียงหันไปมองจ้องตารางงจัดอันดับที่อยู่ไม่ไกล


 


‘ซีเหมินฮ่าวซวนไต่มาถึงอันดับที่ 3 แล้ว ส่วนกงซุนอู๋จี๋นั่น…อันดับ 2 รึ?’


 


เมื่อเห็นอันดับของกงซุนอู๋จี๋ มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมา


 


‘ได้เวลาแล้ว…’


 


‘หากล่าช้าไปกว่านี้…เกิดมันอยู่ห่างเกินไป อาจจะย้อนกลับมาที่ค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงไม่ทัน’


 


ท่ามกลางสายตางุนงงสงสัยของเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งออกมายืนนิ่งได้ไม่ทันไร ก็วูบร่างไปยังแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายใกล้ๆ และใช้งานมันเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้ง


 


ด้านเหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวในค่ายก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสายตาอื้ออึง ด้วยไม่เข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งออกไป ไฉนถึงกลับมาเร็วนัก? เรียกว่าผายลมยังไม่ทันสิ้นกลิ่นด้วยซ้ำ…


 


และคราวนี้ไม่ทันที่พวกมันจะได้กล่าวถามอะไร ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปต่อหน้าต่อตาพวกมันทันที


 


หนึ่งวันต่อมา…


 


‘ค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง’


 


ต้วนหลิงเทียนที่เร่งรุดเดินทางมาตามทิศทางที่ได้รับทราบจากศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ในที่สุดก็เดินทางมาถึงหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงเรียบบร้อย


 


และเขายังเผยตัวออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่คิดจะซุ่มซ่อนใดๆ


 


จากนั้นสักพัก ก็มีศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงกำลังเหินร่างออกมาจากค่ายตามประสา


 


ซัวว!!


 


ทว่าพวกมันพึ่งจะออกมาได้ไม่ทันไร ความว่างเปล่าเบื้องหน้าก็แหวกเปิดเป็นทาง จากนั้นก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทาหนึ่งพุ่งออกจากรอยแยกมิติฉับไว ซัดเข้ากลางอกของพวกมันจนทิ้งบาดแผลลึกชวนสยองเอาไว้


 


ซูว! ซูว!


 


สีหน้าท่าทีศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงทั้ง 2 เปลี่ยนไปใหญ่หลวง พวกมันขมึงตึงเครียดปานกำลังพบเจอศัตรูตัวฉกาจ ขณะเดียวกันแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัวจับใจ


 


เพราะพวกมันรู้ดี


 


เมื่อครู่หากผู้ลงมือไร้ปราณี พวกมันคงตายเป็นผีโง่งมไปแล้ว!


 


ไฉนจึงกลายเป็นผีโง่งมน่ะหรือ?


 


เพราะจนบัดนี้พวกมันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนเล่นงานพวกมัน!


 


วูบ!


 


เมื่อศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงกกำลังหวาดกลัวจับใจ ร่างของต้วนหลิงเทียนก็ผุดโผล่ขึ้นเบื้องหน้าพวกมันปานภูตผี


 


“ไสหัวกลับไปคฤหาสน์ปี้ชิงเสีย…ไม่งั้นตาย!”


 


ต้วนหลิงเทียนมองจ้องพวกมันตาเขม็ง กล่าวออกไปเสียงเย็น


 


“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน?!”


 


เมื่อได้ยินคำขู่เสียงเย็น รวมถึงแลเห็นป้ายที่ห้อยแขวนบิรเวณเอวของผู้มาใหม่ สีหน้าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงก็ยิ่งซีดไปกันใหญ่! พวกมันเร่งรุดเหินร่างกลัเข้าค่ายไปทันที!!


 


และถึงแม้เสียงขู่ของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่คนในค่ายของคฤหาสน์ปี้ชิงก็ได้ยินกันชัดเจน


 


จนเมื่อศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงทั้ง 2 หนีเตลิดกลับเข้ามาในค่าย ทุกคนที่ออกมาชมดูเรื่องราวก็เห็นต้วนหลิงเทียนลอยร่างดักอยู่หน้าค่าย!


WSSTH ตอนที่ 3,175 : กงซุนอู๋จี๋


 


 


ต้วนหลิงเทียนลอยร่างกลางอากาศด้านหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงไกลๆ แววตานิ่งสงบ ใบหน้าแลดูปลอดโปร่งโล่งสบาย


 


กลับกัน คนของคฤหาสน์ปี้ชิงที่อยู่ในค่ายบัดนี้ สีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!


 


นอกจากนั้นผู้คนในค่ายก็เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำออกไปนอกเขตค่ายแม้แต่ก้าวเดียว


 


“บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นมันรู้ได้ยังไงว่าค่ายคฤหาสนน์ปี้ชิงของพวกเราตั้งอยู่ที่นี่!?”


 


ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งสบถคำออกมาด้วยสีหน้าอัปลักษณ์


 


“ข้าได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อนมีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผ่านมาแถวนี้คนหนึ่ง และถูกคนของพวกเรากำจัดออกไป…น่าเสียดายที่มันไม่ตาย ให้ข้าเดาไม่พ้นเรื่องค่ายต้องรั่วมาจากมันแน่!”


 


ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งที่รู้อะไรมา เอ่ยขึ้น


 


“บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดปิดหน้าค่ายพวกเรา เพื่อไม่ให้ใครออกไปรึไง?”


 


“ดูเหมือนมันคิดเลียนแบบศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋ที่ไปขวางหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวในกาลก่อน!


 


“เฮอะ! คิดเลียนแบบศิษย์พี่กงซุนหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก! มันถึงกับกล้านำตัวเองไปเทียบกับศิษย์พี่กงซุนเชียวรึ ไม่เจียมตัว!!”


 


“ตอนนี้ข่าวสมควรแพร่ออกไปแล้ว…ข้าเชื่อว่าศิษย์พี่กงซุนเองก็สมควรรู้เรื่องแล้วเป็นแน่ ข้าอยากรู้นักว่าตอนศิษย์พี่กงซุนกลับมามันจะทำหน้าอย่างไร?”


 


“ต้วนหลิงเทียนนั่น แค่มันได้อันดับ 1 เข้าหน่อยก็ลำพองตัวแล้วหรือ? หากไม่ใช่เพราะได้หว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านช่วยเหลือ เจ้านั่นมันคิดหรือว่าจะมีปัญญาจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้?”


 


“หากครั้งนี้มันมาพร้อมหว่านชิงชิง ก็คงพอจะประมือกับศิษย์พี่กงซุนได้อยู่…แต่อาศัยมันเพียงคนเดียว ศิษย์พี่กงซุนคิดเอาชนะหรือฆ่ามันย่อมไม่ใช่ปัญหา!!”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิที่ถูกต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่าย แต่ทำอะไรไม่ได้ก็รู้สึกอัดอัดคับข้องใจนัก ได้แต่พูดระบายออกมาอย่างไม่สบอารมณ์


 


ขณะเดียวกันในค่ายของคฤหาสน์ปี้ชิงก็ปรากฏเหล่าศิษย์มารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงที่เข้ามาชมดูเรื่องราวเป็นพิเศษ!


 


ในบรรดาผู้ที่เข้ามาชมดูเรื่องราว มีแม้กระทั่งผู้ที่ยังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะ


 


เป็นธรรมดาว่าเมื่อผู้คนเข้ามาในค่ายถึงระดับหนึ่ง จำนวนก็หยุดเพิ่มขึ้นอีก


 


เห็นได้ชัดว่าด้านนอกจำกัดการเข้ามาเรียบร้อยแล้ว


 


“เจ้านั่นน่ะเหรอ ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


“ให้ตายเถอะ มันยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ! ข้าหลงคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือเหลวไหลเสียอีก…แต่มันกลับเป็นอัจฉริยะอันน่ากลัวตัวจริง! ทว่าพลังของมันตอนนี้ยังไม่มีทางเทียบศิษย์พี่กงซุนได้แน่!!”


 


“ฮึ! เทียบเทิบอันใด ข้าว่าพอศิษย์พี่กงซุนมาถึง น่ากลัวมันจะรีบแจ้นหนีไม่ทัน!!”


 


“หนี? มันจะเอาอันใดไปหนี ความเร็วของศิษย์พี่กงซุนไม่ได้ด้อยไปกว่าหว่านชิงชิงด้วยซ้ำ แต่ต้วนหลิงเทียนนั่น กล่าวกันว่าความเร็วของมันยังอ่อนด้อยกว่าหว่านชิงชิงหลายส่วน แล้วมันจะเอาปัญญาที่ไหนไปหนีรอดใต้จมูกศิษย์พี่กงซุนได้?”


 


“ต่อหน้าศิษย์พี่อู๋จี๋ มันมีแค่หนทางเดียวเท่านั้น…เร่งรุดบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนเพื่อหลบหนีออกจากกแดนสวรรค์ใต้โบรารให้เร็วที่สุด!”


 



 


เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงที่พึ่งเข้ามาทั้งหมด เริ่มสนทนากันอย่างคึกคัก ทั้งหมดตั้งใจเข้ามาเกาะติดสถานการณ์การดักหน้าค่ายของต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ


 


และตอนนี้ทุกตำหนักเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์ปี้ชิงก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน


 


“ทำไมไม่ให้พวกเราเข้าไปเล่า?”


 


“นั่นสิอาวุโส ข้าอยากไปดูศิษย์พี่กงซุนฆ่าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นกับตา!”


 


“ใช่แล้วอาวุโส ต่อให้ข้าเข้าไปแล้วจะไม่ได้เห็นศิษย์พี่กงซุนฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่น แต่ขอแค่ได้เห็นฉากต้วนหลิงเทียนที่ว่ารีบทำลายป้ายหยกหลบหนีหัวซุกหัวซุนข้าก็พอใจแล้ว!”


 


“ว่าแต่เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร หรือมันมั่นใจเพราะได้อันดับ 1 เมื่อเดือนก่อน…เดือนนี้จึงหาญกล้ามาดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงเรา?”


 



 


คฤหาสน์ปี้ชิงคล้ายถูกสั่นคลอนก็ไม่ปาน บัดนี้เหล่าศิษย์หลายต่อหลายคนเร่งเดินทางมารวมตัวกันบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายหมายเข้าไปด้านใน อนิจจาพวกมันมาช้าเกินไป


 


ตอนนี้ทำได้แค่รอฟังข่าวอยู่ด้านนอกเท่านั้น


 


และสายตาของพวกมันแต่ละคนก็มองจ้องไปยังตารางจัดอันดับเขม็ง หากสังเกตให้ดีจะพบว่าพวกมันสลับตามองอยู่แค่ 2 อันดับ


 


กงซุนอู๋จี๋ในอันดับที่ 2 ต้วนหลิงเทียนในอันดับที่ 7


 


และตอนนี้กงซุนอู๋จี๋ ศิษย์หลักของคฤหาสน์ปี้ชิงพวกมัน ก็มีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 522 แต้ม ต้วนหลิงเทียนหลิงเทียนมีแค่ 383 แต้มเท่านั้น


 


“หากศิษย์พี่กงซุนกำจัดต้วนหลิงเทียนได้…เช่นนั้นอันดับ 1 เดือนนี้ก็เสมือนถูกกำหนดให้เป็นของศิษย์พี่แน่นอนแล้ว!”


 


“ในความคิดข้า เจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นมันเอาแต้มมาส่งให้ศิษย์พี่แท้ๆ”


 



 


ในขณะที่เหล่าศิษย์กำลังมองไปยังชื่อของต้วนหลิงเทียนและกงซุนอู๋จี๋บนตารางจัดอันดับ เหล่าอาวุโสทั้งหลายก็หันไปมองตารางจัดอันดับเช่นกัน


 


และหลังจากที่พวกมันได้รับแจ้งเรื่องต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่าย พวกมันก็รีบรวบรวมข้อมูลก่อนจะแจ้งไปให้กงซุนอู๋จี๋ทันที


 


เพราะในคฤหาสน์ปี้ชิงของมัน ในบรรดาขุนนาอมตะ 10 ทิศที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เกรงว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะมีพลังฝีมือสูงพอต่อกรกับต้วนหลิงเทียนได้


 


คนอื่นไม่มีใครสู้ไหวเลย


 


และในบรรดาศิษย์ที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของคฤหาสน์ปี้ชิง กงซุนอู๋จี๋ก็คือยอดฝีมืออันดับ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย…นอกจากกงซุนอู๋จี๋แล้ว คนที่เหลือไม่แม้แต่จะติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้ด้วยซ้ำ!


 


ดังนั้นไม่มีใครอีกแล้วที่รับมือต้วนหลิงเทียนได้ไหว


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมาดักค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงไว้แบบนี้ คฤหานน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ก็เริ่มรู้ข่าวเรื่องราวเช่นกัน


 


“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงรึ? นี่เจ้าหนูนั่นมันเสพย์ติดการไปดักหน้าค่ายผู้อื่นรึไร?”


 


“ในสายตาข้า ที่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าคฤหาสน์ปี้ชิงแบบนี้…ไม่พ้นเรื่องเดิมๆ อย่างที่รู้กันว่าคฤหาสน์ปี้ชิงเขม่นกับคฤหาสน์เฉวียนโยวมานานแล้ว แต่ก่อนกงซุนอู๋จี๋ก็มักมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นกัน”


 


“แต่คฤหาสน์ปี้ชิงไม่เหมือนคฤหาสน์หั่วหลี…เดือนก่อนที่มันดักค่ายคฤหาน์หั่วหลีแล้วประสบผลสำเร็จไม่น้อย เพราะมันมีพลังมากพอเอาชนะถานหยวนที่แข็งแกร่งที่สุดของคฤหาสน์หั่วหลีได้ แต่มือดีที่สุดของคฤหาสน์ปี้ชิงอย่างกงซุนอู๋จี๋ ไม่ใช่อะไรที่ถานหยวนจะเทียบได้เลย…”


 


“พลังฝีมือกงซุนอู๋จี๋เรียกว่าพอๆกับซีเหมินฮ่าวซวน ถึงต้วนหลิงเทียนนั่นจะเคยจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้ แต่ก็เพราะร่วมมือกับหว่านชิงชิง ลองไม่มีหว่านชิงชิงสักคนแล้วมันจะเอาอะไรไปสู้กงซุนอู๋จี๋?”


 



 


หลายคนในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ไม่ได้มองโลกในดีสำหรับต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่


 


คฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“อะไร!? ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาน์ปี้ชิงรึ!?”


 


“วู่วาม! วู่วามเกินไปแล้ว! หรือไม่รู้ว่าคฤหาสน์ปี้ชิงมีกงซุนอู๋จี๋? กงซุนอู๋จี๋นั่นไม่ใช่อะไรที่ถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลีจะเอามาเทียบได้!”


 


“หวังว่าจะดักหน้าค่ายคฤหาน์ปี้ชิงนั่นไม่นานแล้วรีบจากไปเป็นพอ…เพราะหากกงซุนอู๋จี๋มาถึง ก็มีแต่ต้องบดขยี้ป้ายหยกหนีออกมาให้เร็วที่สุดเท่านั้น”


 



 


และเป็นเหมือนกับคฤหาสน์อมตะอื่นๆ กระทั่งคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย


 


“เจ้าหนู! นี่เจ้าไปทำบ้าอันใดหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงกันเล่า!? เดี๋ยวกงซุนอู๋จี๋กลับมาถึงก็จบกันพอดี รีบหนีออกมาจากที่นั่นเร็วเข้า!!”


 


หลังฉีเทียนหมิงได้รับทราบการกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน มันก็เร่งส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียนด้วยความร้อนใจทันที หมายโน้มน้าวให้ต้วนหลิงเทียนรีบออกจากค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงให้เร็วที่สุด


 


ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ผู้ที่ได้รับแจ้งเรื่องราวล่าสุดจากด้านนอก และรู้จักสถานที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์ปี้ชิง ก็เร่งรุดเดินทางมากันเรื่อยๆ


 


“ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงงั้นเหรอ!?”


 


หว่านชิงชิงศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านที่พึ่งเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อได้รับข้อมูลจากศิษย์น้องด้านนอก นางก็ได้รู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงเช่นกัน


 


“มันจะไม่บุ่มบ่ามเกินไปหน่อยหรือ…แต่มันมิคล้ายคนทำอะไรไม่คิดนี่นา แล้วไฉนถึงทำแบบนั้นเล่า?”


 


“หรือมันมั่นใจว่าจะจัดการกงซุนอู๋จี๋นั่นได้?”


 


พึมพำประโยคท้ายจบคำ หว่านชิงชิงก็ส่ายหน้าทันที ด้วยคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นไปได้


 


ราวๆ 2 เค่อต่อมา


 


หว่านชิงชิงได้รับข้อความจากศิษย์น้องที่อยู่ด้านนอกอีกครั้ง และเป็นข้อความบ่งบอกสถานที่ตั้งคฤหาสน์ปี้ชิง


 


ที่สำคัญ ยังห่างจากจุดที่นางอยู่นางไม่ไกลอีกด้วย


 


‘ไม่รู้ตอนนี้กงซุนอู๋จี๋นั่นกลับไปที่ค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงแล้วรึยัง?’


 


หลังได้รับข้อมูลดังกล่าว หว่านชิงชิงก็เร่งรุดเดินทางทันที


 


ด้านนอกค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง เดิมทีก็มีคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆมาซุ่มดูไม่กี่คนเท่านั้น แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ลอบตกลงกันว่าจะไม่ลงมืออะไร และแสดงตัวออกมาชมเรื่องราวอย่างผ่าเผย


 


แน่นอนว่ายังเว้นระยะออกห่างต้วนหลิงเทียนมากพอสมควร เพราะพวกมันก็กลัวโดนต้วนหลิงเทียนหันมาเล่นงานเช่นกัน


 


เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้คนก็มารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนจากคฤหหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายก็เสมือนบรรลุข้อตกลงร่วมกันเรื่องที่จะไม่มีใครลงมือก่อความวุ่นวาย


 


สายตาทุกคู่พร้อมใจกันจับจ้องไปยับต้วนหลิงเทียน


 


‘คนมาชมดูความบันเทิงมากมายขนาดนี้เชียว?’


 


ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นว่ารอบๆมีผู้คนทยอยกันมาถึงอุ่นหนาฝาคั่ง และในบรรดาคนที่มาเขาก็เห็นคนหน้าตาคุ้นๆอีกด้วย


 


“เหิงเฟิง!”


 


นั่นก็คือเหิงเฟิง ศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้าน


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นเหิงเฟิง ด้านเหิงเฟิงก็พยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนแทนคำทักทาย ยังฝืนยิ้มแหยๆออกมา


 


ครู่ต่อมาก็มีอีกร่างหนึ่งเหินข้ามฟ้ามาฉับไว ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางฝูงชนของคฤหาสน์อู่จ้าน เป็นหว่านชิงชิง!


 


“หว่านชิงชิง!”


 


“หว่านชิงชิงก็มา! หรือว่านางคิดจะร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนจัดการกงซุนอู๋จี๋?!”


 


“คงไม่หรอก…หากนางกล้าร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนจัดการกงซุนอู๋จี๋หน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงจริง ทางคฤหาสน์ปี้ชิงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆแน่!


 


“ใช่ หากนางไปร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนจัดการกงซุนอู๋จี๋ที่อื่น คฤหาสน์ปี้ชิงย่อมไม่อาจพูดอะไรได้…แต่นี่เป็นหน้าค่ายของคฤหาสน์ปี้ชิง หากนางกล้าร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนก่อการ ยังต่างอะไรกับไม่เห็นคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ในสายตา!”


 


“ข้าเห็นด้วย และข้าเชื่อว่านอกจากคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว คงไม่มีใครกล้าร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนแน่นอน…เพราะไม่ว่าจะคฤหาสน์อมตะใด หากคิดลงมือตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากประกาศตัวเป็นศัตรูกับคฤหาสน์ปี้ชิง!”


 



 


หลังหว่านชิงชิงปรากฏตัว หลายคนก็ให้ความสนใจนางไม่น้อย


 


“เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”


 


และหว่านชิงชิงก็เหินร่างออกไปด้านหน้า ก่อนจะส่งเสียงผ่านพลังถามไถ่ต้วนหลิงเทียนทันนที


 


“ศิษย์น้องชิงชิง!”


 


หน้าเหิงเฟิงเปลี่ยนสีไปทันใด


 


ถึงแม้มันจะไม่ได้ยินเสียงผ่านพลังของหว่านชิงชิง แต่ยังรู้ได้ว่าหว่านชิงชิงคิดจะทำอะไรจากสีหน้าท่าทางของนาง!


 


หว่านชิงชิงคิดช่วยต้วนหลิงเทียนไม่ผิดแน่!


 


“ไม่ต้องหรอก”


 


ได้ยินเสียงผ่านพลังดังกล่าวของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็แปลกใจอยู่บ้าง จึงหันไปมองสบตาหว่านชิงชิงเล็กน้อย จากนั้นจึงพบจากแววตาของนางว่า…นางคิดช่วยเขาจริงๆ!


 


ไม่ลังเลเรื่องจะมีเรื่องกับคฤหาสน์ปี้ชิงเลย!


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดรู้สึกอ่อนไหวไม่ได้


 


ถึงแม้เขากับหว่านชิงชิงจะเคยร่วมมือกันอยู่สักพัก แต่เขารู้ดีว่าทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ จึงไม่คิดว่าหว่านชิงชิงจะกล้าเสี่ยงมีปัญหากับคฤหาสน์ปี้ชิงเพื่อเขาแบบนี้!


 


“เจ้ามั่นใจหรือ?”


 


หว่านชิงชิงเอ่ยถามผ่านพลังอีกครั้ง


 


“อืม”


 


ต้วนหลิงเทียนก็ตอบกลับเร็วไว


 


ได้ฟังดังนั้นหว่านชิงชิงก็เหินร่างถอยกลับไปร่วมกลุ่มทันที เหิงเฟิงที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


 


“ต้วนหลิงเทียน!”


 


ราวๆ 1 เค่อต่อมา ก็ปรากฏสุรเสียงเย็นชาหนึ่งดังมาแต่ไกล ทั้งกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ!


 


เห็นได้ชัดว่าผู้พูดกำลังเหินร่างเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง!


 


“ศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋!!”


 


สองตาเหล่าศิษย์ในค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงหลายต่อหลายคน พากันลุกวาวขึ้นมาทันนี!


WSSTH ตอนที่ 3,176 : ประชันความเร็ว!


 


 


“นั่นมันเสียงของกงซุนอู๋จี๋!”


 


“กงซุนอู๋จี๋กลับมาแล้ว!”


 



 


หลายคนจากคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ต่างๆที่มามุงชม เคยได้ยินเสียงของกงซุนอู๋จี๋ศิษย์หลักของคฤหาสน์ปี้ชิงมาก่อน เช่นนั้นจึงจำได้ทันทีว่าผู้มาคือกงซุนอู๋จี๋


 


จากนั้นไม่นานนัก ร่างในชุดคลุมสีดำหนึ่งก็ปรากฏตัวสู่สายตาทุกคน


 


เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา แววตาคมกริบ รูปร่างแลดูสมส่วน ตอนนี้มันลอยร่างเหนือน่านฟ้าเหนือค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงไกลๆ กำลังมองจ้องมาทางต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง


 


“เจ้าคือต้วนหลิงเทียน?”


 


ชายหนุ่มชักสายตาเฉยชามองต้วนหลิงเทียน พลางเอ่ยถามเสียงเย็น


 


“กงซุนอู๋จี๋?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจชายหนุ่มชุดดำเช่นกัน สองตายังเผยประกายวาบหนึ่ง


 


ตั้งแต่วันที่ได้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดมา พลังของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ต่างจากก่อนหน้าที่จะได้รับผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดราวคนละคน!


 


เรียกว่าพลังของเขาต่างจากเดิมคนละโลก!


 


อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้เปิดเผยพลังใดๆออกไป


 


กระทั่งการมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงครั้งนี้ เขายังไม่ได้ฆ่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิง 2 คนที่เจอใกล้ๆหน้าค่ายด้วยซ้ำ แต่ปล่อยให้พวกมันรอดกลับมาที่นี่


 


เหตุผลการมาค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงของเขา ไม่ได้มาเพื่อเก็บคะแนนอย่างเดียว


 


จุดประสงค์หลักของเขาคือบีบให้กงซุนอู๋จี๋ ศิษย์หลักของคฤหาสน์ปี้ชิงปรากฏตัวและสู้กับเขา!


 


การสู้กับกงซุนอู๋จี๋ไม่เพียงแต่จะเพื่อเปิดเผยพลังฝีมือขู่ขวัญเท่านั้น แต่ยังเพื่อคะแนนสะสมของกงซุนอู๋จี๋อีกด้วย


 


ก่อนที่เขาจะเดินทางมาค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง เขาเลือกจะออกไปด้านนอก เพื่อดูตารางจัดอันดับโดยเฉพาะ


 


ตอนนั้นกงซุนอู๋จี๋อยู่ในอันดับ 2 ด้วยคะแนนสะสม 500 กว่าๆแล้ว…ในปัจจุบันคะแนนของกงซุนอู๋จี๋ก็มีแต่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่มีลดลงแน่!


 


“เจ้าพาผู้ใดมาช่วยก็บอกให้มันรีบไสหัวออกมาเสีย…อาศัยเจ้าคนเดียว หาใช่คู่มือข้าไม่!”


 


กงซุนอู๋จี๋มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น


 


มันรับทราบพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนดี


 


ถึงแม้มันจะไม่สนิทสนมกับซีเหมินฮ่าวซวนสักเท่าไหร่


 


ทว่ามันสนิทกับศิษย์คฤหาสน์หงเอี้ยที่รู้จักซีเหมินฮ่าวซวนอยู่บ้าง ทำให้มันก็ได้รับทราบพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนรวมถึงจุดเด่นจุดด้อยชัดเจน


 


จุดแข็งของต้วนหลิงเทียนคือการโจมตีอันทรงพลัง


 


ทว่าด้านความเร็วนั้น นับเป็นจุดด้อย และเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของต้วนหลิงเทียน!


 


“ข้าตัวคนเดียว ไม่มีคนช่วย”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเบา “ส่วนจะเป็นคู่มือเจ้าได้รึเปล่า…ในเมื่อเจ้ายังไม่ลอง แล้วไฉนรีบด่วนสรุปนักเล่า?”


 


“แค่เจ้า?”


 


มุมปากกงซุนอู๋จี๋แสยะยิ้มค่อนแคะ สองตายังเริ่มฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันน่ากลัว “ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะแส่มาหาที่ตายโดยเฉพาะ!!”


 


“จะฆ่าข้าก็ต้องดูปัญญาสามารถเจ้าด้วย…”


 


เมื่อเล็งเห็นถึงจิตสังหารในแววตากงซุนอู๋จี๋ ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อยค่อยทอประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง


 


ตั้งแต่วินาทีที่กงซุนอู๋จี๋ตั้งใจจะฆ่าเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดยั้งมือไว้ไมตรี และไม่มีวันปล่อยให้มันรอดกลับไปทั้งมีชีวิตได้แน่นอน!


 


“10 ลมหายใจ…ฆ่าเจ้า ข้าอาศัยแค่ 10 ลมหายใจก็เกินพอ!”


 


กงซุนอู๋จี๋เอ่ยออกเสียงเย็น


 


และพอกล่าวจบคำ ชุดคลุมสีดำบนร่างกงซุนอู๋จี๋ก็เริ่มกระพือสะบัด จากนั้นก็เริ่มปรากฏสายลมสีครามรุนแรงพัดวนไปทั่วร่าง


 


เห็นได้ชัดว่ากงซุนอู๋จี๋เข้าใจกฏแห่งลม!


 


ฟุ่บบบ!!


 


แทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ทั่วร่างกงซุนอู๋จี๋ปะทุสายลม สองตาแหลมคมมันก็มองเพ่งต้วนหลิงเทียนเขม็ง จากนั้นร่างพลันไหววูบคราหนึ่ง จากนั้นก็พร่าเลือนไปดั่งเงา ห้อเหยียดเสียดลมเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนฉับไว!


 


ฟุ่ฟ! ฟุ่ฟ! ฟุ่ฟ! ฟุ่ฟ! ฟุ่ฟ!


 



 


ขณะที่ร่างกงซุนอู๋จี๋พุ่งทานข้ามฟ้า ก็ปรากฏภาพติดตามากมายวูบวาบไปทางต้วนหลิงเทียน จากนั้นมวลอากาศก็ควบผนึกเป็นคมมีดสายลมมีสภาพเหินตามร่างมัน! ติดตามไปเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียน!!


 


ความเร็วในการเคลื่อนไหวของมันนับว่ารวดเร็วยิ่งนัก หลายคนที่มุงชมอยู่มองไม่เห็นมันด้วยซ้ำ!


 


“เร็วยิ่ง!!”


 


“กงซุนอู๋จี๋ผู้นี้สมควรเข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลมครบทุกประการแล้วเป็นแน่! หาไม่แล้วไฉนมันถึงได้ว่องไวปานนี้!”


 


“ในกาลก่อนข้าเพียงรู้ว่ากงซุนอู๋จี๋นั้นร้ายกาจมาก แต่ข้าไม่เคยเห็นมันยามลงมือสักครั้ง…คราวนี้ต้องขอบคุณต้วนหลิงเทียนแล้วจริงๆ ที่ทำให้ข้ามีโชคเห็นมันลงมือ!”


 



 


นอกจากศิษย์ของค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงที่พึ่งเข้ามาชมดูเรื่องราวในค่ายโดยเฉพาะแล้ว เหล่าผู้ที่มาชมดูเรื่องราวนอกค่ายส่วนใหญ่ ให้อ่อนแอแค่ไหนก็ล้วนเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มีพลังงฝีมือพอตัวทั้งนั้น


 


ถึงแม้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของกงซุนอู๋จี๋จะทำให้พวกมันตกใจ แต่พวกมันก็ยังพอมองเห็นได้อยู่


 


กงซุนอู๋จี๋เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลมครบแล้ว!


 


‘ความเร็วของกงซุนอู๋จี๋ เทียบกับความเร็วของหว่านชิงชิงแล้วก็มีแต่จะเหนือกว่า…กระทั่งซีเหมินฮ่าวซวนก็ดูเหมือนจะด้อยกว่ามันอยู่บ้าง’


 


ในขณะที่กงซุนอู๋จี๋ปะทุพลังเข่นฆ่าสังหารไปทางต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นซึ้งถึงความเร็วของอีกฝ่าย และบอกได้เลยว่ามันรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


หากเป็นก่อนหน้านี้ ต่อให้เขาจะร่วมมือกับหว่านชิงชิง ทว่าหากพบเจอกงซุนอู๋จี๋แล้วอีกฝ่ายคิดหนี เกรงว่าหว่านชิงชิงก็ไม่อาจขวางมันได้


 


ความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม ไม่เพียงว่องไวเท่านั้น แต่การโจมตียังรุนแรงไม่ใช่ชั่ว คิดจะลุยฝ่ากรงเถาวัลย์หนีไปแต่แรกนับว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร


 


นี่เป็นข้อได้เปรียบของกงซุนอู๋จี๋ ที่ซีเหมินฮ่าวซวนซึ่งเข้าใจกฏทำลายล้างไม่มี


 


แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าซีเหมินฮ่าวซวนจะอ่อนด้อยกว่ากงซุนอู๋จี๋ พวกมันเคยประมือกันในแดนสวรรค์ใต้โบบราณระดับกลางมาหลายครั้งแล้ว และก็ได้แต่เลิกรากันไป


 


แม้ความเร็วของซีเหมินฮ่าวซวนจะด้อยกว่ากงซุนอู๋จี๋ แต่ก็ด้อยกว่ากันแค่เล็กน้อย


 


วัดกันที่พลังฝีมือโดยรวม ก็แทบจะพอๆกัน ไม่มีใครทำอะไรอีกฝ่ายได้


 


วูบ!


 


ในขณะที่กงซุนอู๋จี๋วูบร่างตัดฟ้าเข่นฆ่ามาเจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายวับไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกทีก็ห่างออกไปจากจุดเดิมร้อยหมี่แล้ว!


 


“ความลึกซึ้ง เคลื่อนมิติ!!”


 


“นั่นรึ การเคลื่อนย้ายข้ามมิติในตำนาน!!”


 


“ให้ตายเถอะ ข้าไม่เห็นร่องรอยใดๆเลย ว่ามันย้ายจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้ยังไง…เหมือนมันวูบหายไปในความว่างเปล่าจุดเดิม แล้วไปผุดโผล่ยังความว่างเปล่าจุดใหม่ทันที!”


 


“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ มันก็เป็นดั่งการเคลื่อนย้ายข้ามมิติในฉับพลัน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่เห็นร่องรอยใดๆ”


 



 


ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของต้วนหลิงเทียน ยามใช้ออกก็ทำให้สองตาเหล่าศิษย์คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายที่ไม่เคยเห็นสองตาลุกวาวกันเป็นแถบ หลายคนยังพึ่งเคยเห็นคนใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติกับตาครั้งแรกด้วยซ้ำ


 


กฏมิติเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด ยากนักที่จะเข้าใจ มองไปทั่วคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้แล้ว แม้จะมีคนเข้าใจกฏมิติอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เข้าใจแค่ความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งมิติ และความลึกซึ้งง่ายๆของกฏมิติเท่านั้น


 


คนที่เข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ นับว่าหาได้ยากเหลือเกิน


 


“หึ!”


 


เห็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติของต้วนหลิงเทียน กงซุนอู๋จี๋ไม่ได้แลดูแปลกใจอะไร มันพ่นลมหายใจเสียงเย็นคำหนึ่ง ร่างก็วูบวาบดั่งเงาเลือนไปอีกครั้ง!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


ภาพติดตาร่างกงวุนอู๋จี๋ปรากฏวูบวาบขึ้นไม่หยุด โจนทะยานเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเดิม!


 


และคราวนี้ร่างกงซุนอู๋จี๋ก็เข้าใกล้ร่างต้วนหลิงเทียนได้มากกว่าเดิม ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะวูบร่างหายไป แลดูฉิวเฉียดนัก!


 


ฉากดังกล่าวทำให้หลายคนอดหวาดเสียวแทนต้วนหลิงเทียนไม่ได้!


 


“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ แม้จะเป็นการเคื่อนไหวลี้ลับอัศจรรย์ แต่มิใช่จะใช้ติดต่อได้ในพริบตา ยังมีช่วงเวลาหน่วงเหนี่ยวขณะรวมรั้งพลัง…หากพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน น่ากลัวต้วนหลิงเทียนจะวูบร่างหลบหนีได้อีกราวๆ 3 ครั้ง จากนั้นกงซุนอู๋จี๋ก็น่าจะเข้าถึงตัวต้วนหลิงเทียนได้ทัน ก่อนที่ร่างต้วนหลิงเทียนจะรวมรั้งพลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติได้ทัน!”


 


ศิษย์คฤหาสน์อมตะระดับ 6 คนหนึ่งกล่าวออกเสียงเข้ม สองตาฉายประกายแหลมคมนัก


 


เห็นได้ชัดว่ามันเห็นเรื่องราวการรุกไล่เบื้องหน้าอย่างละเอียด


 


อันที่จริงก็มีหลายคนสังเกตเห็นเรื่องนี้


 


“ตอนนี้ผ่านไป 2 ลมหายใจแล้ว…ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจักหนีการโจมตีครั้งต่อไปของข้าได้ยังไง!!”


 


เสีงเย้ยเยาะของกงซุนอู๋จี๋ดังก้องไปทั่วฟ้า พาลให้เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงในค่ายบังเกิดความตื่นเต้นยกใหญ่


 


“ศิษย์พี่กงซุน ฆ่ามันเสีย!!”


 


“ศิษย์พี่กงซุน ฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นให้ตาย!!”


 


“ศิษย์พี่กงซุน ไหนเลยต้องให้เวลามัน 10 ลมหายใจด้วย? 3 ลมหายใจก็มากพอฆ่ามันได้แล้ว!!”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิง นับว่าเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจในตัวกงซุนอู๋จี๋นัก!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


ภาพติดตาดั่งร่างแยกเงากลางอากาศปรากฏขึ้นไม่หยุด เห็นเป็นฉากกงซุนอู๋จี๋จู่โจมใส่ความว่างเปล่าและวูบเปลี่ยนทิศทางไปฉับไว เพราะต้วนหลิงเทียนวูบร่างหลบหนีห่างไป 100 หมี่ได้ทุกครา!


 


ดูเหมือนหากยังลงมือไม่สำเร็จ ก็ไม่มีทางปล่อยไป!


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนวูบร่างหลบมาได้หลายครั้ง ในที่สุดครั้งนี้ทุกคนก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องถูกกงซุนอู๋จี๋ไล่ทันแน่!


 


กระทั่งตัวกงซุนอู๋จี๋เองยังเชื่อแบบนั้น


 


อย่างไรก็ตามเมื่อร่างกงซุนอู๋จี๋ห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนอีกแค่เล็กน้อย อยู่ดีๆร่างต้วนหลิงเทียนพลันวูบหายไปอีกครั้ง!!


 


“เป็นไปไม่ได้!!”


 


เห็นฉากดังกล่าว ร่างกงซุนอู๋จี๋ถึงกับชะงักหยุดลงกลางหาว สีหน้าท่าทีของมันยังแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง


 


อย่างไรก็ตาม ไม่ทันไรมันก็พบว่า…


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้วูบร่างห่างออกไป 100 หมี่…แต่ห่างออกไปแค่ 50 หมี่เท่านั้น!


 


“นั่นมันความลึกซึ้งส่งผ่าน!!”


 


“ให้ตายเถอะ เหลือเชื่อยิ่งนัก! ต้วนหลิงเทียนมันเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว!!”


 


“ด้วยด่านพลังฝึกปรือของมัน หากเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติกับส่งผ่านถึงขั้นตอนเบื้องต้น ในแดนสวรรค์ใต้โบรารระดับกลางความเร็วของมันก็จัดว่าอยู่ในระดับ 1…ตอนนี้จะให้เทียบกับหว่านชิงชิง ก็นับว่าไม่ได้ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย!!”


 


“ข้าหลงคิดว่าที่มันร่วมมือกับหว่านชิงชิง…ทั้งหมดเพราะคิดพึ่งพาความเร็วของหว่านชิงชิงเสียอีก แต่ความเร็วของมันดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหว่านชิงชิงเลย!”


 


“ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่มันชักชวนหว่านชิงชิงให้ร่วมมือด้วยเดือนก่อน เป็นเพราะคิดหาผู้ช่วยที่จะคอยหน่วงรั้งศัตรูให้มากกว่า!”


 



 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยความลึกซึ้งส่งผ่านของกฏแห่งมิติ เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเป็นแถบ…


 


‘มันเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนเบื้องต้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?’


 


หว่านชิงชิงอดแปลกใจไม่ได้


 


เพราะนางรู้ว่าเมื่อเดือนก่อนต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้เข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น อย่างมากก็เข้าใจได้บางส่วนเท่านั้น ไม่งั้นหลังจัดการเหิงเฟิงได้แล้ว นางต้องถูกจัดการแน่นอน


 


เพราะหากเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว หมายความว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ด้อยไปกว่านางอีกต่อไป!


 


‘ดูเหมือนก่อนที่เจ้านั่นจะเข้ามาเดือนนี้ มันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้แล้ว…มิน่าล่ะ ถึงได้หาญกล้ามาดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง!’


 


เหิงเฟิงลอบทอดถอนในใจ


 


มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน! ในฐานะที่เป็นคนที่โดนต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมาสองเดือนติด มันย่อมล่วงรู้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนดี!!


 


‘แต่ถึงมันจะเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความลึกซึ้งเบื้องต้นแล้ว หากยังเอาแต่หนีถ่ายเดียว ความเร็วยังถือว่าด้อยกว่ากงซุนอู๋จี๋เล็กน้อย…ตราบใดที่กงซุนอู๋จี๋ทุ่มไล่ตามอย่างไม่ลดละ สุดท้ายก็ต้องตามมันได้ทันอยู่ดี’


 


‘ทว่าตอนนี้ น่ากลัวก่อนที่กงซุนอู๋จี๋จะตามมันทัน ไม่พ้นต้องโดนการโจมตีรุนแรงบัดซบนั่นก่อนแน่!’


 


เหิงเฟิงตระหนักได้ทันที ว่าการต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแล้ว


WSSTH ตอนที่ 3,177 : กงซุนอู๋จี๋ชะตาขาด!


 


 


ในแง่พลังฝีมือโดยรวม กงซุนอู๋จี๋ กับ ซีเหมินฮ่าวซวน นั้นถือว่าพอๆกัน


 


ถ้าจะมองกันแต่ความเร็ว กงซุนอู๋จี๋ จะเหนือกว่า ซีเหมินฮ่าวซวนเล็กน้อย


 


แต่ในด้านอื่นๆ กงซุนอู๋จี๋ จะด้อยกว่าซีเหมินฮ่าวซวนเล็กน้อย


 


การโจมตีของต้วนหลิงเทียน กระทั่งซีเหมินฮ่าวซวนยังมีอันต้องแพ้พ่ายในเวลาไม่ถึง 6 ลมหายใจ และพูดออกมาตามตรง ว่าการโจมตีของต้วนหลิงเทียน ทรงพลังสุดที่ผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะเทียบได้!


 


สิ่งนี้บอกให้รู้ว่า…


 


หากปะทะกันตรงๆ กงซุนอู๋จี๋ ไม่มีทางเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้เลย


 


กระทั่งก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเปิดเผยความลึกซึ้งส่งผ่านออกมา กงซุนอู๋จี๋ ยังคิดว่าจะสามารถเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ โดยการอาศัยความเร็วที่เหนือกว่าเท่านั้น…


 


ดังนั้นการที่ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยเรื่องเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนเบื้องต้นออกมาแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการประกาศให้ทุกคนรับทราบ ว่ากงซุนอู๋จี๋ไร้หนทางเอาชนะเขาได้แล้ว…


 


เพราะถึงจะกล่าวว่าความเร็วของกงซุนอู๋จี๋จะเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย แต่มันก็น้อยนิดมากๆ ถึงขั้นที่ต้องรุกไล่กันหลายเค่อถึงจะย่นระยะห่างได้สักคืบ…


 


‘บัดซบ!’


 


‘ที่แท้มันเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว!!’


 


ดวงตากงซุนอู๋จี๋ฉายชัดถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่มันรู้ดีแก่ใจว่าต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ไม่ใช่อะไรที่มันรับมือได้!


 


การต่อสู้ครั้งนี้มันแพ้แล้ว!


 


‘รีบถอย!’


 


ถึงแม้ในใจกงซุนอู๋จี๋จะเต็มไปด้วยยถ้อยคำไม่ยินยอมนับร้อยพัน แต่มันก็ตัดสินใจจะล่าถอยกลับเข้าไปในค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงก่อนใดอื่น!


 


หากไม่รีบหนีกลับค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง มันก็ต้องหนีไปให้ห่างต้วนหลิงเทียน!


 


หาไม่แล้วเกิดต้วนหลิงเทียนเข้าใกล้มันได้ มันลำบากแน่!


 


ฟุ่ฟ!!


 


ในขณะที่ร่างกงซุนอู๋จี๋เริ่มสั่นไหวและสลายกลายเป็นภาพติดตาบนฟ้า พุ่งตรงไปทางค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง ร่างในชุดสีม่วงก็วูบมาดักระหว่างทาง!


 


เป็นต้วนหลิงเทียนที่ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติและส่งผ่านพุ่งมาดักเอาไว้!


 


“อะไรกัน? ไม่ใช่เจ้าบอกว่าจะฆ่าข้ารึไง…ไฉนตอนนี้คิดหนีแล้วเล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่วูบร่างมาปรากฏขวางทาง เหลือบมองกงซุนอู๋จี๋พลางเอ่ยยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ ทำให้กงซุนจี้หน้าเสียไปทันใด!


 


“ฮ่าๆๆๆ! กงซุนอู๋จี๋ไอ้ลูกมารดาสำส่อน! ก่อนหน้ามิใช่เจ้าพูดเองรึว่าจะฆ่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนให้ตาย! ไฉนถึงเร่งหนีกลับค่ายปี้ชิงหางจุกตูดนักเล่า!?”


 


“ใช่แล้วกงซุนอู๋จี๋ เจ้าอย่าได้ใจโลเลเยี่ยงมารดาโสเภณีของเจ้ามิได้หรือ! ปากเก่งดิบดีว่าจะฆ่าศิษย์พี่ต้วน ไฉนยามนี้วิ่งหนีหน้าตั้งซะเล่า?”


 


“ไอ้หยา! ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราเก่งกาจถึงขั้นกงซุนอู๋จี๋ผู้ลือเลื่องยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนเลยหรือ!?”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็มาร่วมชมเรื่องราวที่นี่ไม่น้อยเช่นกัน และบัดนี้แต่ละคนก็คล้ายระเบิดความอัดอั้นหลายสิบปีออกมาอย่างสนุกปาก สองตาฉายประกายฮึกเหิมสะใจเป็นที่สุด เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันเบื้องหน้า


 


พวกมันอดถล่มด่ารวมทั้งซ้ำเติมกงซุนอู๋จี๋ไม่ไหวจริงๆ


 


ตอนนี้พวกมันรู้สึกสะใจทั้งตื่นเต้นเหลือเกิน!


 


กลับกัน ทางด้านค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงกลับเงียบกริบ บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที


 


ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเผยความลึกซึ้งส่งผ่านออกมา ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงหลายคนก็รู้ได้ทันทีว่าผลการต่อสู้จะจบลงงอย่างไร


 


อย่างไรก็ตาม บางคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็ยังไม่รู้


 


ตอนนี้พอเห็นกงซุนอู๋จี๋ทำท่าราวกับจะหนีกลับมาหลบซ่อนในค่าย พวกมันก็บังเกิดความตื่นตระหนกทั้งผิดหวังจับใจ


 


ต้องทราบด้วยว่าศิษย์ที่มารวมตัวอยู่ในค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงตอนนี้ มีหลายคนที่เร่งรุดเข้ามาเพื่อชมดูเรื่องราวโดยเฉพาะ หมายมั่นตั้งใจจะเป็นหนึ่งในวินาทีประวัติศาสตร์ที่เห็นศิษย์หลักคฤหาสน์ปี้ชิงอย่างกงซุนอู๋จี๋ เอาชนะอัจฉริยะนามต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ตอนนี้ไม่เพียงไม่ได้เห็นฉากถล่มต้วนหลิงเทียนตามที่ต้องการ กลับกันเป็นกงซุนอู๋จี๋ที่ต้องหนีต้วนหลิงเทียน!


 


“ไปเถอะ! เสียเวลาสิ้นดี!!”


 


“ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ กระทั่งศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋ยังไม่ใช่คู่มือของมัน”


 


“จากนี้ต่อไป ยังจะมีผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางหยุดมันได้เล่า?”


 


“ต่อหน้ามันศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋ทำได้แค่หนี…ในบรรดา 1 ใน 6 คนที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋แล้ว อีก 5 คนที่เหลือยังไม่รวดเร็วเท่าต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ! นอกจากศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋ที่เร็วพอจะหนีได้ ที่เหลือไม่มีใครหลบหนีมันได้ทั้งสิ้น!”


 


“กล่าวได้ว่า…การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน ได้ทำลายสมดุลของพลังในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางหมดสิ้น!”


 


“มิผิด…จากนี้ต่อไป เว้นเสียแต่มันจะโชคร้ายไม่พบเจอผู้คน หาไม่แล้วอันดับ 1 ไม่พ้นต้องตกอยู่ในมือมันตลอด!!”


 



 


ในขณะที่เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงสบถออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลายคนที่ผิดหวังทั้งหัวร้อนจนไม่อาจทนดูเรื่องราวต่อได้ไหว ก็โดดกลับค่ายกลแล้วออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที ไม่อยากอยู่ให้รู้สึกอัปยศต่อแม้วินาทีเดียว


 


“ออกมาแล้ว! มีคนออกมาแล้ว!!”


 


“อาวุโส! มีคนออกมาแบบนี้ข้าก็เข้าไปได้แล้วสิ!!”


 


“ข้าด้วย! ให้ข้าเข้าไปด้วย!!”


 



 


บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์ปี้ชิง พอเหล่าศิษย์เห็นว่ามีคนกลับออกมา สองงตาก็ทอประกายสว่างวาบ คิดจะเข้าไปด้านในแทนทันที


 


“พวกเจ้าอยากเข้าไป? เข้าไปทำอันใด หรืออยากเข้าไปเห็นความอับอายขายหน้าของคฤหาสน์ปี้ชิงเรา?”


 


“บ้าเอ๊ย หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าไม่ถ่อเข้าไปให้ลำบากแต่แรกหรอก!”


 


“ช่างน่าอดสูนัก! ขายขี้หน้าผู้อื่นเป็นที่สุด!!”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงที่หัวร้อน และกลับออมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณตั้งแต่วินาทีที่เห็นกงซุนอู๋จี๋หลบหนี อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อได้ยินศิษย์รอบๆพูดกันว่าจะเข้าไปด้านใน


 


“น่าอดสู?”


 


“ข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงด้านนอกถึงกับอึ้ง พวกมันไม่ทราบจริงๆว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สุดท้ายพอได้ฟังคำอธิบายของพวกที่กลับออกมาอย่างหัวเสียจึงได้รู้…


 


กงซุนอู๋จี๋ ศิษย์หลักของคฤหาสน์ปี้ชิงพวกมัน ตอนแรกหลงคิดว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายกลับถูกต้วนหลิงเทียนบีบคั้นให้หลบหนีหน้าตั้ง?


 


“มารดามัน! ข้าไม่เข้าไปแล้ว!!”


 


“บ้าบอสิ้นดี ข้ามารอทำซากอะไรที่นี่ตั้งนาน!!”


 



 


ตามตำหนักเคลื่อนย้ายต่างๆของคฤหาสน์ปี้ชิง ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์เท่านั้น กระทั่งอาวุโสทั้งหลายทีหน้าท่าทียังดูไม่ได้


 


กระทั่งกงซุนอู๋จี๋ยังทำอะไรต้วนหลิงเทียนไม่ได้จนต้องหนี เช่นนั้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ยังจะมีใครในคฤหาสน์ปี้ชิงของพวกมันจัดการต้วนหลิงเทียนได้อีก?


 


เช่นนั้นหมายความว่าเดือนนี้ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงของพวกมัน ถูกกำหนดให้ไม่อาจช่วงชิงอันดับใดๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้แล้ว!


 


“โชคยังดีนักที่ศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋อย่างไรก็รั้งอยู่ในอันดับ 2…ด้วยคะแนนสะสมของศิษย์พี่ เดือนนี้ย่อม…”


 


ในขณะที่ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งกำลังพูดออกมาด้วยความโล่งใจ และหมายหันไปมองตารางจัดอันดับให้ชื่นใจ ใบหน้ามันก็มีอันต้องแข็งค้างไปทันใด…


 


นั่นเพราะชื่อ กงซุนอู๋จี๋ ในอันดับที่ 2 ได้หายไปแล้ว…


 


และต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมสมควรอยู่ในอันดับที่ 7 ก็พุ่งขึ้นไปแทนที่อันดับ 1 คนก่อน กลายเป็นอันดับ 1 เหมือนเดือนที่แล้วอีกครั้ง!


 


“เป็นไปได้ยังไงกัน!?”


 


“อะไรกัน!? ศิษย์พี่กงซุนอู๋จี๋…ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดงั้นเหรอ?”


 


“ไม่ใช่ก่อนออกมาข้าเห็นศิษย์พี่ล่าถอยอยู่ไม่ใช่รึไง ความเร็วของศิษย์พี่สมควรเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่รึ?”


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”


 



 


บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายของงคฤหาสน์ปี้ชิงปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยไม่มีใครคิดใครฝันเลยว่ากงซุนอู๋จี๋จะโดนต้วนหลิงเทียนกำจัด


 


ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ถึงต้วนหลิงเทียนจะเผยความเร็วไม่ใช่ชั่วออกมา แต่ถ้ากงซุนอู๋จี๋เลือกที่จะหลบหนีถ่ายเดียว ก็สมควรหนีได้หรือไร?


 


ผู้ใดบอกพวกมันได้บ้าง ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?


 


และตอนนี้คนที่กำลังแตกตื่นที่สุดไม่ใช่ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงที่เร่งงกลับมาเพราะหัวร้อนไม่ แต่เป็นทุกคนที่เห็นกงซุนอู๋จี๋ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดต่างหาก


 


กล่าวให้ชัดคือคนที่ได้เห็นกงซุนอู๋จี๋ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายกับตา!


 


ต้วนหลิงเทียนีท่เข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว แม้จะเร็วขึ้นมากแต่ยังไม่เหนือกงซุนอู๋จี๋


 


หากกงซุนอู๋จี๋คิดจะหลบหนีถ่ายเดียว ก็สามารถหนีพ้นได้แน่ๆ


 


อย่างไรก็ตาม พวกมันเห็นชัดถนัดตา กงซุนอู๋จี๋พอเห็นต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาดักหน้า แม้จะสามารถเปลี่ยนทิศทางหลบหนีไปทางอื่นได้เร็วไว แต่ทว่ามันหนีไปได้ไม่ทันไร กลับถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งง่ายๆต่อหน้าต่อตาอย่างเหลือเชื่อ พวกมันทั้งหมดก็ตระหนักได้ทันที


 


ตลอดเวลาที่ผ่านมา…ที่แท้เป็นต้วนหลิงเทียนยังออมรั้งยั้งมือไว้มาก!!


 


“น่ากลัวเหลือเกิน…รอยแยกมิติอยู่ๆก็อุบัติพร้อมกันถึง 3 ปิดล้อมกงซุนอู๋จี๋เอาไว้ทุกทิศทาง ปลดปล่อยคมมีดมิติน่ากลัวนั่นมาฆ่ามันตาย ทั้งๆที่มันยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆด้วยซ้ำ”


 


“ฉีกเปิดความว่างเปล่า 3 รอยและปลดปล่อยคมมีดมิติพร้อมกันถึง 3…ดูเหมือนมิใช่สิ่งที่ความลึกซึ้งผ่ามิติขั้นตอนเบื้องต้นจะกระทำได้มิใช่หรือ?”


 


“ใช่ เท่าที่ข้ารู้มา…มีแต่ความลึกซึ้งผ่ามิติที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วเท่านั้น ถึงจะปลดปล่อยคมมีดมิติได้ถึง 3 สายพร้อมๆกัน!”


 


“ต้วนหลิงเทียนคนนี้อายุยังไม่ถึงร้อยปีแท้ๆ ไม่เพียงบรรลุขุนนางอมตะ 10 ทิศ…แต่นี่มันยังเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเชียวหรือ?”


 



 


ไม่ว่าจะศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงก็ดี ศิษย์ของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆก็ดี ทุกคนที่เห็นเรื่องราวหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง ตอนนี้เสมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างทั้งสิ้น


 


และพวกมันไม่ได้แยแสกงซุนอู๋จี๋ที่ร่างถูกคมมีดมิติสับเป็นท่อนๆร่วงตกไปเป็นซากเนื้อเลอะเลือนเกลื่อนพื้นแม้แต่น้อย ทั้งหมดเอาแต่เหม่อมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเลื่อนลอย…


 


ต้วนหลิงเทียน…เข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วจริงๆหรือ?


 


ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้ว มีเพียงผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งทั้ง 9 ประการของกฏถึงขั้นตอนเบื้องต้นได้ทั้งหมดเท่านั้น ถึงจะเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการใดประการหนึ่ง นอกเหนือจากความหมายแห่งกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…


 


ผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้ ปกติแล้วล้วนเป็นตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะทั้งสิ้น!


 


กระทั่งในบรรดาตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะ ยังงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏประการใดประการหนึ่งให้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…


 


สำหรับขุนนางอมตะ 10 ทิศนั้น พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!


 


ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่เคยได้ยินมาก่อนเท่านั้น ต่อให่ไปย้อนไล่ดูในบันทึกประวัติศาสตร์ของแดนสวรรค์ใต้ พวกมันก็ไม่เคยจะพบเจอว่าจะมีผู้ใดเข้าใจความลึกซึ้งของกฏจนถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย โดยที่ยังไม่บรรลุขอบเขตราชาอมตะมาก่อน!


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นมันปกปิดพลังฝีมือเอาไว้ตลอด!!”


 


เหิงเฟิง ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน ได้แต่เหม่อมองร่างต้วนหลิงเทียนที่ลอยเหนือค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงด้วยสายตาทำราวกับกำลังมองเทพเจ้า สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความยำเกรง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจถึงขีดสุด!


 


หว่านชิงชิงที่ลอยร่างข้างๆก็ตะลึงอึ้งค้างไปแล้วเช่นกัน


 


ใบหน้างามที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความเย็นชาไม่แยแส บัดนี้คงเหลือแต่ความตกใจทั้งเหลือเชื่อ


 


ทุกเรื่องราวที่นางพึ่งเห็นต่อหน้าต่อตา มันส่งผลกระทบต่อนางอย่างหนักหน่วงนัก!


 


ไม่เพียงแต่เหิงเฟิงเท่านั้นที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนปกปิดพลังฝีมือเอาไว้ นางเองก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนปกปิดพลังเอาไว้เช่นกัน เพราะจากสิ่งที่นางเห็น ต้วนหลิงเทียนไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกับนางแม้แต่น้อย ยังร้ายกาจมากพอจะกลายเป็นจ้าวแต่เพียงผู้เดียวในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ด้วยซ้ำ…


 


หากจะบอกว่า ในช่วงเวลากว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ นางจะไม่แปลกใจเลย เพราะก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจมันได้บางส่วนแล้ว


 


แต่ถ้าจะกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนใช้เวลาไม่ถึงเดือน แต่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติที่แต่เดิมอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น จนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้นั้น นางไม่เชื่อ!


 


“โดยทั่วไปแล้ว…ลองต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งผ่ามิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้แบบนี้ หมายความว่าความลึกซึ้งของกฏมิติประการอื่นๆนอกจากความหมายแห่งมิติ อย่างน้อยๆมันก็ต้องเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นหมดแล้วสิ?”


 


ในบรรดาศิษย์ของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ที่มามุงชม บางคนที่รู้มากหน่อย กล่าวออกมาด้วยความเหลือเชื่อ


 


“หลังจากผ่านไป 2 เดือน  ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนที่ 3…ไม่เพียงมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงศัตรูคู่แค้นเรา แต่ยังเข่นฆ่ากงซุนอู๋จี๋ผู้นั้นได้อีก! นับแต่นี้ต่อไปยังจะมีผู้ใดหาญกล้าสู้กับศิษย์พี่อีกเล่า?!”


 


ศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ชมดูเรื่องราวอยู่ กล่าวออกมาอย่างทอดถอน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)