War sovereign Soaring The Heavens 3150-3165

ตอนที่ 3150

 

“จะว่าไป…ตอนนี้ที่แท้เจ้ามีคะแนนสะสมกี่คะแนนกันแน่ เพราะข้าจำได้ว่าก่อนเข้ามาที่นี่ข้าไม่เห็นชื่อเจ้าในตารางจัดอันดับเลย?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยยถามด้วยความสงสัย


 


“แต้มเดียว”


 


หว่านชิงชิงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร กล่าวตอบออกมาตามตรง


 


“แต้มเดียว?”


 


ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปอยู่บ้าง  “หมายความว่า…ตั้งแต่ที่เจ้าเข้ามา คะแนนที่พวกเจ้าหาได้ทั้งหมดก็มอบให้เหิงเฟิงคนเดียวงั้นสิ?”


 


“นี่พวกเจ้าแบ่งคะแนนกันยังไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจ


 


ไม่สิ มั่นใจเต็มเปี่ยม


 


ในเมื่อเหิงเฟิงนั้นได้คะแนนสะสมเพิ่มมาทั้ง สิ้น 32 แต้มและรวมกับของเดิมเป็น 33 แต้ม


 


และการที่หว่านชิงชิงมีแค่แต้มเดียวนั้น


 


เผยให้เห็นว่า…


 


คะแนนสะสมทุกจุดที่เหิงเฟิงกับหว่านชิงชิงช่วยกันหามา ล้วนเป็นของเหิงเฟิงทั้งหมด


 


“มันบอกข้าว่า ขอเพียงคะแนนสะสมของมันถึงร้อยเมื่อใด ที่เหลือจะมอบให้ข้าทั้งหมด…”


 


หว่านชิงชิงกล่าว


 


อันที่จริงตอนเหิงเฟิงยื่นข้อเสนอนี้กับนาง ตัวนางยังรู้สึกว่าได้กำไรครั้งใหญ่ด้วยซ้ำ


 


เพราะเมื่อนางกับเหิงเฟิงร่วมมือกัน ขอเพียงไม่เจอ 6 คนนั่น ก็แทบไม่มีใครกำจัดพวกนางได้เลย


 


กล่าวได้ว่าขอเพียงโชคพวกนางไม่ย่ำแย่เกินไป เรื่องจะได้สัก 3-4 ร้อยคะแนนก็ไม่น่าจะมีปัญหา!


 


เผลอๆอาจจะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ!


 


อย่างไรก็ตามกระทั่งหลับนางยังไม่อาจฝันถึง


 


เหิงเฟิงดันถูกผู้อื่นกำจัดก่อนจะได้ 100 คะแนน ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับคะแนนใดๆแม้แต่แต้มเดียวจากการร่วมมือกับเหิงเฟิง!


 


เรื่องนี้พอย้อนนึกดูแล้ว ก็ทำให้นางรู้สึกปวดใจไม่น้อย


 


“หากข้าเดาไม่ผิด…ตอนมันยื่นข้อเสนอนี้มา ไม่พ้นในใจเจ้าต้องบังเกิดความยินดีเพราะนึกว่าตัวเองกำลังได้กำไรครั้งใหญ่แล้วสินะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหยีตามองหว่านชิงชิงเขม็ง ค่อยเอ่ยคาดเดาออกมา


 


“ใช่”


 


หว่านชิงชิงก็ได้แต่คลี่ยิ้มฝืนๆ


 


จากนั้นต้วนหลิงเทียนที่เดินทางไปพร้อมกับหว่านชิงชิงก็ต่างคนต่างเงียบและไม่ได้คุยอะไรกันเลยจนกระทั่งผ่านไปอีก 2 เค่อ


 


เพราะหลังผ่านไป 2 เค่อ ต้วนหลิงเทียนก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองถามหว่านชิงชิงด้วยสายตาวาดหวัง “เท่าที่ข้ารู้มาในคฤหาสน์อู่จ้านของเจ้าก็มีคนที่ร้ายกาจไม่น้อยคนหนึ่ง…หากข้าจำไม่ผิดเหมือนเดือนที่แล้วมันยังได้อันดับที่ 5 ด้วยใช่ไหม?”


 


“เจ้ากำลังพูดถึง หวังไท่ ใช่ไหม?”


 


หว่านชิงชิงย้อนถาม


 


“ไม่ผิด หวังไท่คนนั้นล่ะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เพราะคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ก็คือหวังไท่ ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน


 


“หวังไท่เป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านเรา พลังฝีมือที่แท้จริงไม่มีผู้ใดล่วงรู้…ก่อนหน้านี้ก็มีพลังมากพอจะรั้งอยู่ใน 10 อันดับแรกแล้ว และตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา หวังไท่ก็ไม่เคยหลุดออกจาก 6 อันดับแรกเลย”


 


หว่านชิงชิงกล่าว


 


“ก่อนที่ข้าจะเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน…ว่า 6 อันดับแรกมันไม่เปลี่ยยนแปลงมานานหลายปีแล้ว เรียกว่า 6 อันดับแรกก็หมุนเวียนกันในบรรดา 6 คนนั่น..”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายสว่างจ้า “ดูเหมือนนอกจากหวังไท่แล้ว อีก 5 คนที่เหลือก็ไม่ใช่ชั่วสินะ…”


 


“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าที่แท้พวกมันทั้งหมดแข็งแกร่งขนาดไหน…ข้ารู้แค่ข้าสู้พวกมันไม่ได้ และข้าก็เคยพบเจอพวกมันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางครบทุกคนแล้ว”


 


หว่านชิงชิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว


 


“หวังไท่นั่นเป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน เช่นนั้นมันไม่มีทางลงมือกับเจ้าแน่…แล้วอีก 5 คนเล่า ร้ายกาจแค่ไหน?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม


 


“อีก 5 คนก็เก่งกว่าข้ามาก ที่สำคัญคือความเร็วของพวกมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย…ทุกครั้งที่ข้าบังเอิญเจอพวกมัน ข้าก็ได้แต่ทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนเพื่อหนีออกไป”


 


หว่านชิงชิงกล่าวอยย่างทอดถอนใจ


 


ในเมื่อทั้ง 6 คนสามารถครอง 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาหลายทศวรรษ เช่นนั้นพลังฝีมือพวกมันร้ายกาจแค่ไหนเขาก็พอจินตนาการได้ออก


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ


 


ว่าทั้ง 6 คนนั่นยังมีความเร็วไม่ต่ำกว่าหว่านชิงชิงอีกด้วย!


 


สิ่งนี้หมายความว่า…


 


ถึงแม้เขาจะสามารถเอาชนะพวกมันทั้ง 6 ได้หากประมือกันตัวต่อตัว แต่นั่นหมายความว่าพวกมันทั้ง 6 เลือกที่จะสู้ตัดสินกับเขาและไม่คิดหนีไปไหน เพราะถ้าพวกมันคิดหนี หมายความว่าเขาทำได้แค่ยืนมองพวกมันจากไปตาปริบๆ


 


ตอนนี้ความเร็วกลับมาเป็นจุดอ่อนของเขาอีกครั้ง


 


เพราะสุดท้ายแล้วความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็อาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ…


 


เพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ รวมถึงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน แม้จะช่วยเหลือเขาได้ แต่ก็มีแค่การโจมตีกับการป้องกันเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเพิ่มความเร็วให้เขาได้เลย…


 


‘เว้นแต่ข้าจะเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น…ไม่งั้นหากวัดกันในแง่ความเร็ว ข้ายังตามพวกมันไม่ทัน’


 


ความลึกซึ้งส่งผ่านนั้นแม้จะเป็นความลึกซึ้งอีกประการหนึ่งของกฏแห่งมิติ อย่างไรก็ตามหากเข้าใจมันถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว มันสามารถส่เสริมการเคลื่อนนย้ายข้ามมิติไม่น้อย


 


เมื่อผนวกพลังความลึกซึ้งทั้ง 2 ประการเข้าด้วยกัน จะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขา ไม่แพ้พ่ายผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งหนุนเสริมความเร็วเป็นหลัก 3 ประการของกฏแห่งลมอีกต่อไป!


 


สุดท้ายกฏแห่งมิติจะอย่างไรก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุด


 


อาศัยความลึกซึ้งแค่ 2 ประการ ก็ทัดเทียมกับความเร็วที่ได้จากความลึกซึ้ง 3 ประการที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลมแล้ว


 


‘อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ามีหว่านชิงชิงร่วมมือด้วย เรื่องราวก็ต่างออกไปทันที…ต่อให้เจอทั้ง 6 คนนั่น ขอเพียงหว่านชิงชิงสามารถพัวพันถ่วงรั้งพวกมันได้ล่ะก็ ข้าจัดการพวกมันได้แน่!’


 


‘กฏที่หว่านชิงชิงเข้าใจก็คือกฏแห่งไม้ และกฏแห่งไม้ก็ขึ้นเชื่อเรื่องความสามารถในการสนับสนุน เรื่องจะรบเร้าพัวพันลากถ่วงศัตรูให้ข้าลงมือ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร’


 


เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนอยากให้หว่านชิงชิงมาร่วมมือกับเขา ไม่ใช่แค่เพราะหว่านชิงชิงนั่นเร็ว แต่หว่านชิงชิงเข้าใจกฏแห่งไม้


 


หากหว่านชิงชิงเข้าใจกฏแห่งลม เขาคงไม่คาดหวังอะไรกับหว่านชิงชิงมากนัก


 


ถึงแม้ว่าหว่านชิงชิงจะยังคงเร็วไม่ต่างอะไรจากตอนนี้


 


แต่กฏแห่งลมก็เด่นในเรื่องการเคลื่อนไหว ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องลากถ่วงศัตรู ตราบใดที่คู่ต่อสู้ฉกฉวยโอกาสได้สำเร็จและมีความเร็วทัดเทียมกัน ก็มีหนทางหลบหนีไปได้ไม่ยาก


 


“หากเจอพวกมันข้าจะช่วยจัดการพวกมันให้!”


 


ต้วนหลิงเทียยนหยีตากล่าว นัยน์ตาทั้งคู่ยังฉายประกายวับวาบ


 


ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สองตาหว่านชิงชิงก็ทอประกายสดใสขึ้นมาทันที


 


นางยังจำได้ไม่มีวันลืม


 


ในอดีตยามพบเจอคนทั้ง 5 นั่น แม้นางจะไม่ได้ไปหาเรื่องอะไรอีกฝ่ายก่อน แต่นางก็ถูกบางคนหยามไว้ไม่น้อย


 


มี 2 คนที่กล่าวคำหยามเกียรติเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนางจนไม่มีดีด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อนางสู้ผู้อื่นเขาไม่ได้ ต่อให้คับแค้นรังเกียจอีกฝ่ายมากแค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี


 


“เฮ่ หว่านชิงชิงพวกเรามาหารือเรื่องดีๆกันเถอะ…”


 


ทันใดนั้นเองในใจต้วนหลิงเทียนคล้ายมีประกายแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง เพราะเขาพึ่งฉุกคิดเรื่องบรรเจิดขึ้นได้ “เจ้าพาข้าไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของเจ้า…เป็นไง?”


 


เมื่อเดือนก่อน เพราะเขาพบเจอค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน จึงได้คะแนนติดมือมาไม่น้อย


 


เดือนนี้ไม่เพียงแต่สถานที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะเปลี่ยนไป สถานที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านอยู่ไหน


 


อย่างไรก็ตาม หากมีหว่านชิงชิงบอกทาง เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว…


 


นางเองก็สมควรย้อนกลับไปค่ายได้ถูก เหมือนเขาที่จะกลับไปค่ายคฤหาสน์เฉวียวโยวก็ไม่หลงทาง เพราะเขารู้ที่ตั้งของมัน


 


ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางสามารถถึงแม้จะอยู่ได้แค่ 10 วันเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้กำหนดว่าทุกคนต้องอยู่รวดเดียวครบกำหนด หากคิดจะกลับไปทำธุระด้านนอก ก็มีแต่ต้องกลับค่ายและใช้ค่ายกลที่นั่นกลับออกไป


 


สำหรับเวลาที่เหลือ เมื่อเสร็จธุระแล้วก็สามารถกลับเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้อีกครั้ง จากนั้นจะอยู่รอให้ครบกำหนด 10 วันหรือออกไปด้วยตัวเองโดยกลับมาใช้ค่ายกลที่ค่าย ก็แล้วแต่สะดวก


 


“เจ้ายังคิดไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของข้าเพื่อดักตีผู้คนอีกหรือ?”


 


สีหน้าหว่านชิงชิงเปลี่ยนไปทันที และนางก็ส่ายหัวออกมาอย่างแน่วแน่ “เรื่องพรรค์นั้นเจ้าอย่าได้หวังว่าข้าจะบอก! ข้าไม่มีวันพาเจ้าไปแน่…หากข้าพาเจ้าไป ข้ายังต่างอะไรกับคนทรยยศของคฤหาสน์อู่จ้าน! ให้ตายข้าหว่านชิงชิงก็ไม่มีวันทรยศคฤหาสน์อู่จ้าน!!”


 


หว่านชิงชิงนั้นเป็นหญ้าต้นหนึ่งที่เติบโตมาในหุบเขา หลังจากจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว นางที่ไม่ประสีประสาเรื่องราวใดๆในโลกหล้า ก็ได้คฤหาสน์อู่จ้านนำกลับมาชุบเลี้ยง หาไม่แล้วนางอาจต้องตายไปเพราะความไม่ประสาแต่แรก..


 


และเนื่องจากนางงถือกำเนิดมาจากพืชหญ้า จิตใจจึงบริสุทธิ์กว่ามนุษย์มาก และนางก็รู้เรื่องการกตัญญูรู้คุณ และการตอบแทนบุญคุณเป็นอย่างดี


 


เมื่อเดือนที่แล้วหว่านชิงชิงก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านเช่นกัน


 


วันนั้นเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกำจัดศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านออกไปรวดเดียวเกือบโหล เรียกว่าสร้างความอับอายให้คฤหาสน์อู่จ้านไม่น้อย


 


สำหรับเรื่องนี้ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างดีก็ออกมาด่าทอต้วนหลิงเทียนด้านนอกเพื่อระบายความขุ่นเคืองเท่านั้น


 


หว่านชิงชิงรู้ดี


 


เว้นเสียแต่หวังไท่จะอยู่ในค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน


 


หาไม่แล้วไม่ว่าใคร หากล่วงล้ำออกจากเขตค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน และเจอเข้ากับต้วนหลิงเทียน ก็จำต้องออกไปจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่โดยดี


 


“เจ้าใจเย็นก่อน เจ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร…”


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์รุนแรงของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะบีบคั้นอีกฝ่าย แต่ก็ลอบเสียดายไม่น้อยที่พลาดโอกาสได้แต้มง่ายๆไป…


 


อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องประหลาดใจ ก็คือวาจาประโยคถัดมาของหว่านชิงชิง


 


“แต่ถึงงข้าจะบอกเจ้าไม่ได้ว่าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของข้าอยู่ที่ไหน…แต่เมื่อ 2 วันก่อนข้ากับเหิงเฟิงเคยผ่านไปแถวๆสถานที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลี…”


 


หว่านชิงชิงกล่าว


 


“ค่ายคฤหาสน์หั่วหลีงั้นรึ?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้า เขาไม่คิดเลยว่าหว่านชิงชิงจะรู่ที่ตั้งค่ายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 แห่งอื่น!


 


สำหรับค่ายคฤาหสน์อู่จ้าน ด้วยความที่หว่านชิงชิงไม่คิดทรยศ และไม่ยอมบอก เขาก็ไม่อาจฝืน


 


แต่ถ้าเป็นที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลี เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจอะไรใช่ไหม?


 


“หากเจ้าอยากไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลีข้าสามารถพาเจ้าไปได้…แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้า หรือปรากฏตัวให้คนของคฤหาสน์หั่วหลีเห็นเด็ดขาด….”


 


หว่านชิงชิงกล่าว


 


การไปดักหน้าค่ายแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากการหักหน้าทั้งลูบคมคฤหาสน์อมตะระดับ 6 นั้นๆ หว่านชิงชิงย่อมไม่คิดจะล่วงเกินคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ด้วยเรื่องนี้แน่นอน…


 


“ไม่มีปัญหา”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา “ข้าจัดการเรื่องค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเอง…ส่วนเจ้าแค่ซ่อนตัวไว้ก็พอ”


 


“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ารีบพาข้าไปเร็ว!”


 


ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับหว่านชิงชิงอย่างกระตือรือร้น ถึงแม้ตอนนี้สมควรมีคนของคฤหาสน์หั่วหลีออกจากค่ายไปไกลแล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีคนอยู่อีกเยอะแน่นอน!


 


และปกติแล้ว ศิษย์ที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย รวมแล้วก็มีเกือบหมื่น


 


กล่าวได้ว่าคฤหาสน์อมตะระดับ 6 แต่ละแห่งจะส่งศิษย์เข้ามาแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเฉลี่ยแล้วก็หลายร้อยคน…


 


คนนับร้อยๆ ส่วนใหญ่จะทยอยกันเข้ามาช่วงครึ่งเดือนแรก ตอนนี้ก็ยังเป็นช่วงต้นเดือน กล่าวได้ว่าสมควรมีคนทยอยออกจากค่ายราวๆวันละ 20 คน…


 


นอกจากนี้ถึงแม้คนที่อยู่ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณจะไม่อาจใช้ยันต์อมตะสื่อสารใดๆได้


 


แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะไม่อาจรับการติดต่อด้วยยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณจากบุคคลด้านนอก…


 


“ตราบใดเรื่องที่ข้าดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีแพร่ออกไป คนของคฤหาสน์หั่วหลีย่อมเร่งติดต่อยอดฝีมือขุนนางอมตะ 10 ทิศที่อยู่ในนี้ ให้ย้อนกลับมาจัดการข้าที่ดักหน้าค่ายแน่นอน….”


 


“ในเมื่อขุนนางอมตะ 10 เหล่านั้นต้องย้อนกลับมาจัดการข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องลำบากไปหาแต้มให้เหนื่อย…พวกมันจะเป็นฝ่ายเอาแต้มมาส่งให้ข้าถึงที่เอง!”


 


กล่าวถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างไสวปานดวงดารา ทำราวกับเห็นภาพคะแนนสะสมกำลังไหลมาเทมา…


 


“อะไร? นี่เจ้าคิดไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอย่างโจ่งแจ้งเลยหรือ!?”


 


พอหว่านชิงชิงได้ยินแผนการของต้วนหลิงเทียน สองตานางก็อดไม่ได้ที่จะเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าเย็นชาเฉยเมยของนาง เริ่มเผยความหวาดกลัวไม่น้อย


 


ตอนนี้หว่านชิงชิงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว ทั้งรู้สึกเสมือนศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าผู้นี้ ได้เสียสติไปแล้ว!


 


คิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งหมดของคฤหาสน์อมตะหั่วหลี…

 

 

 


ตอนที่ 3151

 

ตอนนี้หว่านชิงชิงเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว…


 


เสียใจที่ดันบอกต้วนหลิงเทียนออกไป เรื่องรู้ว่าค่ายของคฤหาสน์หั่วหลีอยู่ที่ไหน


 


ก่อนหน้านางคิดว่าถึงต้วนหลิงเทียนจะไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลี แต่อย่างดีก็คงไปซุ่มรอใกล้ๆค่าย และจัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไม่กี่คนแล้วจากไป…


 


แต่ตอนนี้ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนกำลังจะก่อเรื่องใหญ่!


 


หากเป็นก่อนหน้าที่จะตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะก่อเรื่องอะไรแค่ไหน นางก็คงชมดูอยู่ข้างสนามด้วยความรู้สึกสนุกสนานเท่านั้น


 


กระทั่งต่อให้ต้วนหลิงเทียนถูกกลุ้มรุมจนพลาดท่าถูกศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีกำจัด นางก็คงมองชมเรื่องราวด้วยสายตาเฉยเมย


 


แต่ตอนนี้มันต่างออกไป!


 


นางได้ตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนแล้ว หากต้วนหลิงเทียนถูกกำจัดออกไป คราวนี้อาศัยกำลังของนางเพียงลำพัง  อันดับของนางเดือนนี้ต้องย่ำแย่กว่าเดือนก่อนไม่น้อยเลยทีเดียว


 


เนื่องเพราะเดือนนี้นางเสียเวลาเปล่าๆไปหลายวันแล้ว และจนบัดนี้ในป้ายหยกสะสมคะแนนของนางยังพึ่งมีแค่แต้มเดียวเท่านั้น…


 


“ต้วนหลิงเทียน แม้ในบรรดาผู้แข็งแกร่งทั้ง 6 จะไม่มีคนของคฤหาสน์หั่วหลี…อย่างไรก็ตามยังมีคนของคฤหาสน์หั่วหลีที่ติด 10 อันดับแรกมาหลายปี…”


 


หว่านชิงชิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นอกจากนั้นพวกมันก็มีตัวตนที่สามารถติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้ตลอดทั้งปีอยู่ 2 คน…”


 


“เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…หากเจ้าไปท้าทายคฤหาสน์หั่วหลีแบบนั้น พวกมันไม่มีทางมาลงมือกับเจ้าทั้งๆที่มีคนแต่ 2-3 คนแน่นอน ไม่พ้นต้องรวบรวมคนแล้วมากลุ้มรุมเจ้า”


 


ฟังจากคำพูดของหว่านชิงชิง เห็นชัดว่านางคิดเกลี้ยกล่อมให้ต้วนหลิงเทียนล้มเลิกความคิดไปดักหน้าคฤหาสน์หั่วหลี…


 


ทำแบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป


 


แม้แต่ 6 คนที่ยืนหยัดอยู่ใน 6 อันดับแรกมาหลายสิบปี ยังไม่มีใครกล้าทำอะไรอุกอาจแบบนั้น


 


เพราะไม่ว่าใครก็กลัวโดนรุม!


 


และที่สำคัญกลัวจะล่วงเกินคฤหาสน์อมตะระดับ 6 โดยใช่เหตุ!


 


“เอาล่ะ”


 


ได้ยินคำของหว่านชิงชิงต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว…เช่นนั้นเจ้าจะพาข้าไปได้หรือยัง?”


 


“จะอย่างไรเวลาพวกเราก็มีจำกัด…ข้าเองก็ไม่อยากเสียเวลากับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีมากนัก”


 


หลังกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องหว่านชิงชิงด้วยสายตาจริงจัง


 


ไม่อยากเสียเวลากับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีมากนัก?


 


พอได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ด้วยคิดว่านางสามารถขจัดความคิดไปก่อเรื่องท้าทายหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของต้วนหลิงเทียนได้แล้ว…


 


อย่างไรก็ตาม จนเมื่อพาต้วนหลิงเทียนมาถึงค่ายคฤหาสน์หั่วหลี นางจึงรู้ว่าเป็นนางไร้เดียงสาเกินไป…


 


วูบ!


 


หว่านชิงชิงที่ซ่อนตัวอยู่ไกลห่าง ย่อมแลเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนได้วูบร่างไปเหนือน่านฟ้าหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี่…


 


“ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้งหลายจงฟัง…พวกเจ้าสมควรซ่อนตัวอยู่ในค่ายให้ดี! อย่าได้ทะลึ่งก้าวออกมาเด็ดขาด หาไม่แล้วหากก้าวออกมาคนหนึ่ง ข้าจะทุบตีกำจัดคนหนึ่ง!!”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างเหนือหุบเขาอันเป็นค่ายคฤหาสน์หัวหลี่ กล่าวคำผสานพลังออกมาจนดังก้องไปทั่วค่ายคฤหาสน์หั่วหลีชัดเจน


 


กระทั่งหว่านชิงชิงที่ไปซ่อนตัวไกลห่าง ยังได้ยินเสียงท้าทายเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนชัดถนัดหู


 


“นี่…”


 


หว่านชิงชิงอึ้งไปแล้วจริงๆ…


 


ไหนก่อนหน้าบอกว่าไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่ค่ายคฤหาสน์หั่วหลีนานเกินไปเล่า?


 


หลังเสียงตะโกนผสานพลังของต้วนหลิงเทียนดังก้องไปทั่วค่ายคฤหาสน์หั่วหลีพักหนึ่ง ในที่สุดก็บังเกิดเสียงอุทานด้วยโทสะโต้กลับมาระงม


 


“เป็นผู้ใดหาญกล้ามาปากดีนอกค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา! หรือมิรู้ว่าไฉนบุปผาจึงมีสีแดง!?”


 


“แจ้งนามของเจ้ามาเสีย! หาไม่แล้วเจ้าจักไม่เหลือศพไว้กลบฝัง!!”


 


“ช่างกล้านัก! เจ้าคิดท้าทายคฤหาสน์หั่วหลีเรางั้นรึ!?”


 



 


เรียกว่าเสียงที่ดังกลับมาจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ล้วนเต็มไปด้วยโทสะทั้งนั้น


 


ในเวลาเดียวกัน ศิษย์ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็หยุดการสนทนาและละวางสิ่งที่ทำอยู่ พากันเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าสูงทันที


 


และถึงแม้พวกมันจะตะโกนสวนกลับอย่างดุดัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเหินร่างนำขึ้นไปสั่งสอนผู้ที่มาตะโกนบนฟ้าแม้แต่คนเดียว…


 


พวกมันฝึกฝนบ่มเพาะมาจนถึงวันนี้ได้ ย่อมไม่ใช่ตัวโง่งมทำอะไรไม่คิดแน่นอน


 


ตอนนี้เนื่องจากชายหนุ่มชุดม่วงปริศนาคนหนึ่งหาญกล้ามาตะโกนท้าทายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้แค่ 2 ประการเท่านั้น…


 


ประการแรกคือเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั้นมันคนบ้า และมารนหาที่ตายโดยเฉพาะ!


 


ประการที่สองก็คือชายหนุ่มชุดม่วงปริศนาผู้นั้น ไม่ได้หวาดกลัวพวกมันแม้แต่นิดเดียว!!


 


“อยากรู้ว่าข้าเป็นใครก็ออกนอกค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของพวกเจ้ามาดูชมเอง…คนที่ดีแต่ซ่อนตัวดั่งเต่าหดหัวในค่าย ไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้ว่าข้าเป็นใคร!”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างเหนือค่าคฤหาสน์หั่วหลียังคงกล่าวใส่ไฟสืบต่อ


 


จังหวะนี้เขายังอดไม่ได้ที่จะสงสัยอยู่บ้าง


 


เขาว่าวาจาเมื่อครู่ มันก็ค่อนข้างรุนแรงและอ้อนเท้ามากแล้ว แต่ไฉนศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเหล่านี้ยังไม่ของขึ้น จนพุ่งออกมาสู้กับเขาอีกเล่า?


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างบนฟ้า ก็จงใจชักนำพลังของทองเทพสุดลี้ลับมาปกคลุมป้ายชื่อและกลิ่นอายเลือดเนื้อทั่วร่างเอาไว้…


 


ดังนั้นไม่ว่าเหล่าศิษย์ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลี่คิดตรวจสอบอะไรก็ไม่อาจตรวจสอบได้สักอย่าง แค่ชื่อเขาก็ไม่รู้…


 


“บัดซบเอ้ย!”


 


“เจ้านี่มันเป็นผู้ใดกัน…ถึงได้กล้าว่าพวกเราเป็นเต่าหดหัวไม่กล้าออกไป?”


 


“พี่น้อง ข้าว่าออกไปลุยกับมันให้รูเรื่องเลยเถอะ! หรือพวกเราตั้งหลายคนกริ่งเกรงมันแค่คนเดียวจริงๆ? ต่อให้มันจะร้ายกาจมากแล้วจะอย่างไร มิใช่พวกเราเต็มที่ก็แค่ทุบทำลายป้ายหยกออกไปข้างนอกรึไง?”


 


“ใช่แล้ว! ออกไปถล่มมารดามันเลยเถอะ!!”


 



 


พอต้วนหลิงเทียนกล่าวยั่วยุรอบที่ 2 เหลาศิษย์ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็ทนไม่ไหว แต่ละคนอดเหินขึ้นมาบนอากาศไม่ได้!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีมีทั้งสิ้น 20 กว่าคน ทั้งหมดพุ่งขึ้นฟ้ามุ่งหน้าเข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางเอาเรื่องปานหิวเลือด เรียกว่าหน้าตาแต่ละคนแลดูพร้อมเข่นฆ่าผู้คนทั้งสิ้น!!


 


และในขณะที่พวกมันเหินร่างงขึ้นฟ้าสูงขึนมาเรื่อยๆ ในที่สุดพวกมันก็เหินร่างจนออกนอกเขตค่ายพักคฤหาสน์หั่วหลี…


 


ปงงง!!


 


ซู่มมมม!!


 



 


เมื่อคน 20 เหินมาเจียนบรรลุถึง แต่ละคนก็ไม่พูดไม่จา พากันซัดพลังกระบวนท่าเข่นฆ่านำมาก่อนเลย! มวลพลังหลายขุมหลากสีสันพุ่งขึ้นฟ้ามาฉับไว ก่อนจะปะทุระเบิดสนั่นลั่นฟ้า มองไปยังคล้ายพลุไฟอยู่บ้าง…


 


วูบ!


 


แน่นอนว่าก่อนที่มวลพลังจะถึงตัว ร่างต้วนหลิงเทียนก็ได้วูบหายไปอย่างอัศจรรย์แล้ว…


 


ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ด้านหลังคนทั้ง 20 กว่าคน เรียกว่าปิดกั้นทางถอยกลับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของพวกมันเรียบร้อย


 


“คนเล่า?”


 


“มันตายแล้วหรือ? ไฉนข้ารู้สึกเสมือนฝ่ามือพลังข้าเมื่อครู่มันจั่วลมเล่า?”


 


“ข้าก็เหมือนกัน ไม่รู้สึกว่าซัดถูกผู้คนแม้แต่นิดเดียว…”


 



 


เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนได้เลือกที่จะวูบร่างหายไปในห้วงเวลาสุดท้าย ทำให้ก่อนที่จะหายตัวไป ร่างเขาก็ถูกห่าพลังบดบังหมดแล้ว ยิ่งพอเกิดการระเบิดขึ้นแบบนั้น ยิ่งยากที่ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีจะแลเห็นตอนที่ร่างเขาวูบหายไป…


 


“เฮ่ย! มันอยู่ด้านหลังพวกเรา!!”


 


“บ้าน่า! มันมาตั้งแต่ตอนไหนกัน? ไฉนข้าไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของมันเลยเล่า?!”


 


“ความเร็วนรกอันใดกัน!?”


 



 


เหล่าศิษย์หั่วหลีที่หันกลับมาตามเสียงอุทานหนึ่ง พอแลเห็นร่างต้วนหลิงเทียนในชุดสีม่วงไม่ทราบมาอยู่ด้านหลังพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ในแววตาก็เริ่มฉายความหวั่นกลัวออกมา


 


ขณะเดียวกัน เนื่องจากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยู่ไม่ได้ห่างจากพวกมันมากนัก เช่นนั้นพวกมันจึงมองเห็นป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน


 


“เฮ่ย! มันเป็นศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว!?”


 


“ฉิบหายมารดามัน…เจ้านั่น…เจ้านั่นมันคือต้วนหลิงเทียน!!”


 



 


ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีบางคนที่แลเห็นป้ายศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวและหัวไวหน่อย ย่อมตระหนักได้ถึงเรื่องราวบางอย่างทันที และนั่นทำให้หน้ามันเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง ถึงกับโพล่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก!


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


หลายคนถึงกับเร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ร่างยังสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว หากชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนผู้นั้นจริงๆ พวกมันก็ไม่มีทางทำอะไรได้เลย!!


 


ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว!


 


นามนี้หากเป็นเมื่อเดือนก่อนช่วงต้นถึงกลางเดือน อย่าว่าแต่รู้จักเจ้าของชื่อเลย…พวกมันยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ!


 


อย่างไรก็ตามหลังผ่านสิ้นเดือนไป นามของศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ นับว่าสร้างปรากฏการณ์ให้เหล่าคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายแล้วจริงๆ…อีกฝ่ายถึงกับไปดักหน้าค่ายคหาสน์อู่จ้าน และจัดการศิษย์นับโหลมาแล้ว!!


 


ทั้งๆที่ในเวลานั้น  จะเหิงเฟิงหรือหลิวเสี่ยวโจวของคฤหาสน์อู่จ้านก็อยู่ด้วย


 


ศิษย์ทั้งสองคนของคฤหาสน์อู่จ้านนั่น มักจะติดอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสมอ


 


ส่วนพวกมันตอนนี้แม้จะมีกัน 20 กว่าคน แต่ยอดฝีมือที่ติดอันดับสูงๆนั้นไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว


 


ชื่อเสียงของผู้คน ก็เป็นดั่งร่มเงาของต้นไม้


 


และอาศัยชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนอย่างเดียว ก็มากพอจะบ่งบอกความร้ายกาจ!


 


“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ! เมื่อครู่มันสมควรใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติไม่ผิดแน่!!”


 


“เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนพวกเราไม่อาจแลเห็นว่ามันมาอยู่ด้านหลังของพวกเราได้อย่างไร…หากเป็นเพราะความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ ทั้งหมดก็อธิบายได้ง่ายนัก…”


 


“ดูเหมือนข่าวลือจจะไม่ใช่เรื่องเท็จเสียแล้ว…ต้วนหลิงเทียนคนนี้เชี่วชาญกฏแห่งมิติจริงๆ”


 


“อีกทั้งมันกล้ามาดักพวกเราถึงหน้าค่ายแบบนี้ ไม่พ้นมันต้องมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองเป็นอย่างมาก ข้าว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับมัน รีบทุบป้ายหยกออกไปแจ้งข่าวให้คนด้านนอกรับทราบเถอะ!”


 


“บ้าเอ๊ย! ข้าพึ่งจะเข้ามาวันนี้แท้ๆ! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว!!”


 



 


ถึงแม้เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเหล่านี้จะขุ่นเคืองต้วนหลิงเทียน และอยากพุ่งไปทุบตีต้วนหลิงเทียนให้ตายมากแค่ไหน


 


อย่างไรก็ตามพอมันเห็นว่าชุดคลุมสีม่วงต้วนหลิงเทียนค่อยๆโบกสะบัดแม้ไร้ลม ราวกับเร่งเร้าพลังเตรียมพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ พวกมันก็ทุบทำลายป้ายหยกอย่างพร้อมเพรียงโดยที่มิได้นัดหมายกันมาก่อน!


 


ไม่ทันไรผู้คนเกือบสองโหลเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็หายไปในลักษณะนี้…


 


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า


 


แต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของเขาได้เพิ่มจาก 34 เป็น 58 แล้ว


 


‘58 แต้มงั้นเหรอ…ก่อนที่ข้าจะเข้ามา อาศัยคะแนนเพียงเท่านี้ก็มากพอจะอยู่ในอันดับที่ 17…’’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


ขณะเดียวกันทางด้านหว่านชิงชิงก็ได้เห็นฉากเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจนัก เมื่อครู่ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีถึงกับทุบทำลายป้ายหยกอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมา!


 


“พวกมันเพียงลงมือท่าเดียว พอพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด…ก็ถึงกับเผ่นหนีเช่นนี้เลยหรือ?”


 


ถึงแม้หว่านชิงชิงจะรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง แต่นางก็เข้าใจอารมณ์ของศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเหล่านี้ดี…


 


และเมื่อครู่เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่เหินร่างขึ้นมาหาต้วนหลิงเทียน ก็ไม่มีใครที่นางรู้สึกคุ้นหน้าสักคน


 


เป็นธรรมดาว่าศิษย์คฤหาสน์อมตะอื่นที่นางจะรู้จักได้ ก็คือผู้ที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งในระดับหนึ่ง ในเมื่อนางไม่รู้จัก เช่นนั้นก็หมาความว่าอีกฝ่าเป็นแค่ศิษย์ที่มีฝีมือพอประมาณไม่ได้ร้ายกาจมากมายอะไร และมาขัดเกลาฝีมือในแดนสวรรค์ใต้โบราณณะดับกลางเฉยๆ พอมาเจอกับต้วนหลิงเทียนยังจะมีใครกล้าอยู่ให้เจ็บตัว…


 


อีกทั้งยังบอกให้ทราบอีกเรื่อง


 


ในบรรดาศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่พึ่งจากไป ไม่มีใครเป็นฆาตกรที่ชมชอบเข่นฆาสังหารผู้อื่น


 



 


ณ คฤหาสน์หั่วหลี


 


อยู่ดีๆก็มีเหล่าศิษย์มากมายถูกส่งออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ย่อมเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจไม่น้อย


 


ฉากผู้คนถูกส่งตัวออกมายี่สิบกว่าคนแบบนี้ แน่นอนว่ากระทั่งผู้อาวุโสคฤหาสน์หั่วหลียังไม่อาจไม่สนใจได้ “พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าถูกกำจัดออกมาพร้อมๆกันงั้นหรือ!?”


 


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”


 


“ไฉนพวกเจ้าถึงออกมาพร้อมๆกันได้เล่า?!”


 



 


เผชิญหน้ากับเหล่าอาวุโสและเหล่าศิษย์ที่จี้ถามด้วยความสงสัยแปลกใจ สีหน้าท่าทีของเหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่พึ่งถูกส่งออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก


 


“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นคนเดียว!!”


 


“ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันจะรังแกผู้คนเกินไปแล้ว! มันมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา ทั้งกล่าววาจาท้าทายหยามหยันพวกเรา!”


 


“มันถึงกับตะโกนว่า พวกเราอย่าได้ก้าวออกมาเชียว…หาไม่แล้วก้าวออกไปคนหนึ่ง มันจะทุบตีกำจัดคนหนึ่ง!”


 



 


เมื่อเหล่าศิษย์ที่พึ่งออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณเริ่มระบายความคับข้องใจออกมา บริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที!

 

 

 


ตอนที่ 3152

 

“ต้วนหลิงเทียน…”


 


เมื่อเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลีคืนสติ พวกมันก็มองไปยังตารางจัดอันดับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที


 


และมองไปปราดเดียวพวกมันก็สังเกตเห็น


 


ว่าชื่อของต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่อันดับเดิมอีกต่อไป แต่พุ่งขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 19 แล้ว เรียกว่าติด 20 อันดับแรกได้สำเร็จ!


 


และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็มีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 58 แต้ม!


 


“58 แต้ม”


 


“หากข้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้มันมีแค่ 34 แต้มเท่านั้น…หมายความว่าเมื่อครู่มันได้จากคนของเราไป 24 แต้มงั้นหรือ?”


 


“24 แต้ม… มันจัดการคนของพววกเราไปเท่าไหร่กัน?”


 



 


เหล่าอาวุโสและศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี พอเห็นอันดับในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง


 


“มันกำจัดพวกเราออกมาทั้งสิ้น 23 คน…พอดีในพวกเราคนนึงมี 2 แต้ม”


 


“ไม่ผิด!”


 


“ที่น่าแค้นใจก็คือ…มันมาตะโกนหน้าค่ายเรา ทั้งกล่าวว่าหากมีพวกเราคนใดหาญกล้าออกไปคนหนึ่ง มันจะจัดการคนหนึ่ง!”


 


“หยิ่งเกินไป! มันจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว!!”


 


“ข้าอยากแจ้งให้ศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อทราบ!”


 


“หากพลังฝีมือมันร้ายกาจดั่งข่าวลือจริง…เช่นนั้นต่อให้เป็นศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่ ก็คงสู้มันไม่ได้ไม่ใช่รึไง?”


 


“นั่นสิ ในเมื่อมันกล้ามาดักหน้าค่าคฤหาสน์หั่วหลีเรา เช่นนั้นมันต้องคำนึงถึงศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อของพวกเราแล้ว”


 


“ฮึ่ม! ใครบอกว่าศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อต้องไปรับมือมันสองคนเล่า ข้าจักให้ศิษย์พี่ทั้ง 2 รวบรวมศิษย์พี่ทั้งหมดในนั้นไปรุมกำจัดมัน!!”


 


“นี่มัน…จะไม่รังแกผู้คนเกินไปหน่อยหรือ?”


 


“รังแก? มันแทบจะขี้จะเยี่ยวรดหัวพวกเราอยู่แล้ว แต่เจ้ายังพูดว่ารังแกมัน?


 



 


ต้วนหลิงเทียนมาดักเหนือค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ก่อนจะท้าทายยั่วยุศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี จากนั้นก็กำจัดศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไป 23 คน….


 


หลังจากข่าวเรื่องราวนี้แพร่ไปในคฤหาสน์หั่วหลี ก็กระตุ้นโทสะของเหล่าผู้อาวุโสคฤหาสน์หั่วหลีนัก


 


กระทั่งชนชั้นรองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลีเมื่อได้รับทราบเรื่องราว ยังมีโมโหไม่น้อย


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


ข้อความมากมายถูกส่งตรงมาถึงผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่อยู่ในตำหนักเคลื่อนย้าย จากนั้นอาวุโสที่ทำหน้าที่ในตำหนักเคลื่อนย้าย ก็เร่งแจ้งเรื่องราวไปยังศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีในแดนสวรรค์ใต้โบราณทันที


 


ในขณะที่คฤหาสน์หั่วหลีกำลังขุ่นเคือง คฤหาสน์อมตะหลังอื่นก็พบเห็นความเปลี่ยนแปลงของคะแนนและอันดับของต้วนหลิงเทียน


 


“อะไรกัน ต้วนหลิงเทียนคนนั้นของคฤหาสน์เฉวียนโยว…มันเข้าไปไม่ทันไรก็เข้าสู่ 20 อันดับแรกแล้วหรือ?”


 


“ดูเหมือนมันจะได้ 24 คะแนนในพริบตา…ที่แท้มันจัดการผู้ใดไปกันแน่?”


 


“ในตารางอันดับดูเหมือนผู้ที่มี 24 แต้มจักมีแค่คนเดียว….แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถูกกำจัดไป”


 


“ไม่ใช่แค่คนที่มี 24 แต้มเท่านั้น ตอนคะแนนมันเพิ่มขึ้นกระทั่งผู้ที่อยู่ในตารางจัดอันดับก็ไม่มีผู้ใดถูกกำจัดเลยสักคน”


 


“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนแลดูแปลกประหลาดนักเล่า?”


 



 


หลายคนในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆเริ่มสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนไปหาแต้มมาจากไหนกันแน่


 


ยังไม่ถึงกลางเดือนแบบนี้ คะแนนสะสม 24 แต้มถือว่าไม่ใช่น้อยๆ และมากพอจะทำให้ผู้ที่ถือครองมันติดอยู่ใน 50 อันดับแรกได้


 


แต่ต้วนหลิงเทียนจากคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นไปหาแต้มมาจากไหน ทั้งๆที่ไม่มีใครในตารางจัดอันดับถูกกำจัด?


 


“พวกเจ้ายังจดจำกันได้หรือไม่…ว่าเดือนก่อนต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน ก่อนจะส่งศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านเกือบโหลออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?”


 


อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 กล่าว


 


“อาวุโสท่านหมายความว่าอย่างไร? หรือท่านจะบอกว่าคราวนี้ต้วนหลิงเทียนไปจัดการคนของคฤหาสน์อู่จ้านเป็นโหลอีกรอบหรือ?”


 


“เจ้าโง่! ตำแหน่งที่ตั้งค่ายคฤหาสน์อู่จ้านเปลี่ยนแปลงทุกเดือน ที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอเมื่อเดือนก่อนก็แค่โชคดี เจ้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนมันจะบังเอิญเจอค่ายคฤหาสน์อู่จ้านอีกรึไง? เช่นนั้นคฤหาสน์อู่จ้านต้องซวยขนาดไหน?”


 


“หมายความว่า…ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น ไปเจอค่ายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 แห่งอื่นหรือ?”


 



 


คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายได้แต่คาดเดากันไปทำนองนี้


 


ไม่นานนัก บางคนก็เริ่มได้รับข้อความจากสหายตัวเองที่อยู่ในคฤหาสน์หั่วหลี และพอรับทราบข้อความพวกมันก็พากันอึ้งไปพักหนึ่ง


 


“ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี? จัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไป 20 กว่าคนในคราวเดียว?”


 


“แถมต้วนหลิงเทียนนั่นยังตะโกนท้าทาย ว่าหากมีศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีคนใดก้าวออกจากค่ายมันจะจัดการทันที? ให้ตายเถอะ นี่มันต้องเคียดแค้นกันขนาดไหนถึงทำอะไรเช่นนี้ได้?”


 


“ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นเป็นบ้าไปแล้วหรือไร! เดือนก่อนมันล่วงเกินคฤหาสน์อู่จ้านไม่พอ มาเดือนนี้ก็ล่วงเกินคฤหาสน์หั่วหลีอีก!”


 


“รอดูไปเถอะ…คฤหาสน์หั่วหลีไม่มีทางยอมง่ายๆแน่”


 



ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนในไปดักค่ายคฤหาสน์หั่วหลีในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่นานก็เริ่มแพร่ออกไปยังคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหมด


 


แม้แต่คฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็ได้รับทราบเรื่องราวแล้ว


 


“ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงได้แต้มเพิ่มขึ้นมากมายนัก ทั้งๆที่ไม่มีใครในตารางจัดอันดับถูกจัดการ…ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะไปดักค่ายคฤหาสน์หั่วหลีแบบนี้!”


 


“นี่มันหาเรื่องตายหรือไร ไอ้ทำแบบนี้มันก็แลดูเจ๋งอยู่หรอก แต่มันไม่คิดบ้างหรือไร…ว่าหากทำแบบนี้แล้ว คฤหาสน์หั่วหลีจะไม่มีวันปล่อยมันไปง่ายๆ?”


 


“ถึงแม้คฤหาสน์หั่วหลีอาจไม่มีปัญญาฆ่ามันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แต่ด้านนอกต้องหาทางเล่นงานมันถึงตายแน่!”


 


“วู่วาม! วู่วามเกินไปแล้ว!!”


 



 


หลังได้รับทราบการกระทำของต้วนหลิงเทียน เหล่าคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนทำอะไรเลินเล่อเกินไป วู่วามเกินไป…


 


“เจ้าหนูนั่น…”


 


ด้านฉีเทียนหมิงพอได้รับทราบข่าว ก็ตกใจไม่น้อย “เดือนก่อนตอนคฤหาสน์อู่จ้านยังไม่นับเป็นอะไร เพราะบังเอิญไปพบเจอและอีกฝ่ายออกมาสู้กับมันเอง…เช่นนั้นคฤหาสน์อู่จ้านก็คงไม่คิดติดใจเอาความ”


 


“แต่คราวนี้ไฉนมันต้องไปท้าทายนอกค่ายคฤหาสน์หั่วหลีด้วย? ทำเช่นนี้มันจักให้คฤหาสน์หั่วหลีเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”


 


พอฉีเทียนหมิงคืนสติ สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง แววตาฉายชัดถึงความกังวล


 


ในเวลาเดียวกัน…


 


ณ วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่มีค่ายกลมาปกคลุมอยู่ พลันมีแขกไม่ได้รับเชิญหนึ่งมาเยือน


 


เป็นชายวัยกลางคนร่างสูง หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศี ในชุดคลุมสีครามน้ำทะเล


 


หลังมันบุกเข้ามาในวังแล้ว มันก็ไปถึงลานด้านหลังวังอย่างง่ายดาย


 


บริเวณลานด้านหลังกว้างขวางนัก ยังมีทะเลสาบเล็กแห่งๆหนึ่ง


 


ตอนนี้ริมทะเลสาบเล็กๆดังกล่าว ก็มีชายชราร่างเตี้ยสวมงอบฟางนั่งตกปลาอยู่…


 


“ท่านบรรพจารย์…”


 


ชายวัยกลางคนในชุดสีครามน้ำทะเลยืนรออยู่ด้านหลังชายชราที่นั่งตกปลาเงียบๆ จนเมื่อเห็นชายชราตกปลาได้และนำปลาใส่ข้องแล้วเสร็จ มันถึงรวบความกล้าเอ่ยทักออกมา


 


“เจ้ามาที่นี่ทำอะไรอีก?”


 


ชายชราที่สวมงอบฟางสวมเสื้อที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน วางคันเบ็ดไว้ข้างข้อง จากนั้นก็หยิบน้ำเต้าที่แขวนอยู่บริเวณเอวมาเปิดดื่ม พลางถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ


 


“ท่านบรรพจารย์เป็นเรื่องของเจ้าหนูนั่น….”


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามน้ำทะเลกล่าวออกด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ แลดูประหม่านัก


 


ถึงแม้ตอนนี้ตัวมันจะเป็นถึงผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว อันมีอำนาจสูงสุด แต่ต่อหน้าชายชราเบื้องหน้าที่เลี้ยงมันมาแต่เล็กแต่น้อยผู้นี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยขี้กลัวเลย


 


ความยิ่งใหญ่ของชายยชราเบื้องหน้าฝังใจมันมาแต่เด็กแล้ว มันไม่มีวันลืมเลือนแน่นอน


 


“อ้อ?”


 


แม้ชายชราจะไม่หันหน้ามา หากแต่ในแววตาก็เผยประกายสนใจเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นกับมันเล่า?”


 


“เดือนนี้มันพึ่งเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณไปวันแรก และไม่ทันไรมันก็ติดอันดับที่ 19 แล้ว…นอกจากนี้มันยังไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีทั้งตะโกนท้าทายผู้อื่นตรงๆ ว่าหากกล้าออกนอกค่ายมาคนหนึ่ง จะกำจัดคนหนึ่ง”


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามคลี่ยิ้มฝืนๆ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ท่านบรรพจารย์ ท่านคิดให้มันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราจริงๆหรือ?”


 


“เจ้าหนูผู้นี้มันปีศาจน้อยชัดๆ…ยังไม่ทันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเรา ก็หาญกล้าก่อเรื่องเช่นนี้แล้ว…หากมันขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกเรา มันไม่ขวัญกล้าเทียมฟ้าแล้วหรือ?”


 


“นอกจากนั้นข้าไปตรวจสอบมาแล้ว…ที่เจ้าหนูนั่นมันประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะมันไปช่วงชิงผลเทพสังเวยสวรรค์มาทั้งสิ้น”


 


“เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนมันเข้าสู่นิกายอมตะเป้าผู่ มันก็พึ่งจะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เข้าใจกฏมิติด้วยซ้ำ”


 


“ที่มันเข้าใจกฏมิติและความลึกซึ้งเหล่านั้นได้…สมควรเป็นพลังอำนาจของผลเทพสังเวยสวรรค์ อีกทั้งขอบเขตพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศของมันก็…”


 


เมื่อชายวัยกลางคนกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องอ้อมค้อม…เจ้าคิดจะพูดอะไรก็พูดมา”


 


“ท่านบรรพจารย์ ข้าแค่อยากจะบอกท่านว่า…บางทีมันอาจจะไม่ได้ประเสริฐเลิศเลออย่างที่ท่านคิด”


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


“เจ้ากลัวมันจะเหลิงหลังได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ และพอได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกกเรา ก็ทำให้มันได้ใจไปกันใหญ่ สุดท้ายไม่เพียงมันเอาแต่หลงมัวเมาในอำนาจ แต่ยังไม่เติบโตก้าวหน้าอย่างที่คิด…จนทำให้ข้าต้องผิดหวัง?”


 


ดวงตาสีโคลนของชายชรา ฉายแสงวาบหนึ่ง ยังหันหน้ากลับมามองจ้องชายวัยกลางคนเขม็ง


 


และสายตาที่ใช้มองชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีคราม ก็ทำราวกับจะมองออกทุกสิ่ง


 


“…ใช่”


 


ชายวัยกลางคนนิ่งไปพักหนึ่ง ก็พยักหน้า


 


“คนธรรมดาที่ไหนจักไปหาญกล้าก่อเรื่องเช่นนี้…”


 


นัยน์ตาคู่นัน้ของผู้ชราฉายแสงขึ้นอีกวาบ จากนั้นก็หยิบคัดเบ็ดมาตกปลาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าหนูนั่น…”


 


“ส่วนเรื่องที่มันจะกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกเราได้หรือไม่ ก็ต้องดูว่ามันจะผ่านบททดสอบที่ข้าให้ไว้ได้รึเปล่า…”


 


หลังชายชรากล่าวจบคำ ก็หันไปจดจ่อกับการตกปลา และไม่แยแสชายวัยกลางคนอีกเลย


 


เห็นฉากดังกล่าวชายวัยกลางคนก็ได้แต่ประสานมือโค้งคารวะอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังจากมาด้วยรอยยิ้มเหยเก ไม่กล้ารบกวนชายชราอีกต่อไป


 



 


ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


“ต้วนหลิงเทียน…เจ้ายังไม่รีบออกมาจากตรงนั้นอีก ตอนนี้ไม่พ้นศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเมื่อครู่เอาเรื่องราวไปแจ้งด้านนอกหมดแล้ว…ทางคฤหาสน์หั่วหลีก็สมควรติดต่อศิษย์ที่อยู่ที่นี่…ป่านนี้พวกมันคงกำลังระดมกำลังเพื่อมาจัดการเจ้า!”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่เผยท่าทีจะจากไปเสียที หลังจัดการคนของคฤหาสน์หั่วหลีไปเกือบสองโหล หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปถามไถ่ด้วยความกังวล


 


ได้ยินเสียงผ่านพลังของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนเพียงตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ไม่รีบ…ข้าจะรอพวกมันวันหนึ่ง หากไม่มีใครในคฤหาสน์หั่วหลีมาถึง ข้าจะไปทันที”


 


“และเจ้าอย่าพึ่งกังวลไป…ต่อไปข้าจะให้คะแนนเจ้าก่อนมากหน่อย เพื่อชดเชยเวลาที่เจ้าเสียเปล่าไปก่อนหน้า 2 วัน”


 


ประโยคสุดท้ายของต้วนหลิงเทียน ยังไม่ลืมปลอบหว่านชิงชิง


 


“เจ้าจะทำแบบนั้นได้ หมายความว่าเจ้าต้องรอดจากที่นี่ไปทั้งยังมีชีวิตเสียก่อน!”


 


หว่านชิงชิงส่งเสียงกลับไปอีกครั้งด้วยความขุ่นขึ้ง


 


แต่คราวนี้ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเมินหว่านชิงชิง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิกลางฟ้าเหนือค่ายคฤหาสน์หั่วหลี หลับตาลงราวกับพักผ่อน…


 


“เจ้า!”


 


เห็นดังนั้นหว่านชิงชิงก็ฉุนกึก หลังส่งเสียงผ่านพลังไปอีกประโยคก็เหินร่างจากไปทันที


 


“ข้าจะไปตรวจสอบแถวๆนี้เพื่อดูว่ามีเป้าหมายบ้างหรือไม่ หลังผ่านไปวันหนึ่งข้าจะกลับมาหาเจ้า…หากว่าตอนนั้นเจ้ายังมีชีวิตอยู่”

 

 

 


ตอนที่ 3153

 

‘ความลึกซึ้ง ส่งผ่าน…’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เขาก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ยังคงพยายามตระหนักรู้ความลึกซึ้งส่งผ่าน พราะตอนนี้เขาพึ่งจะเข้าใจมันได้แค่บางส่วนเท่านั้น


 


ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านได้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ไม่เพียงความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังไม่ต่างอะไรกับเพิ่มขึ้น 2 เท่า!


 


และทันทีที่เขาเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่าน ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าความเร็วของหว่านชิงชิงอีกต่อไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งใครในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้อีก!


 


เป็นธรรมดาว่าในระหว่างหลับตาพักผ่อน ทั้งพยายามตระหนักรู้ความลึกซึ้งส่งผ่าน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แผ่สำนึกเทวะออกไปปกคลุมอาณาบริเวณโดยรอบเอาไว้แล้ว


 


และหลังจากหว่านชิงชิงจากไปพักหนึ่ง เขาก็พบว่าศิษย์หั่วหลีในค่ายด้านล่าง ได้เริ่มแผ่สำนึกเทวะขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเขากันไม่หยุด


 


เรียกว่าในช่วงเวลาแค่สั้นๆ ก็มีสำนึกที่แตกต่างกันแผ่นมาตรวจสอบเขามากกว่าพันสายด้วยซ้ำ!


 


‘คนเยอะขนาดนี้เชียว…’


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะที่แตกต่างกันหลายสาย ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา และมองลงไปยังค่ายคฤหาสน์หั่วหลีด้านล่าง


 


จึงเห็นว่าบัดนี้ค่าคฤหาสน์หั่วหลี มีศิษย์มารวมตัวกันหนาตานัก


 


‘คนเยอะขนาดนี้เชียว?’


 


‘จริงสิ…คิดจะเข้ามาที่นี่ ขอเพียงด่านพลังไม่ถึงขอบเขตราชาอมตะก็พอ’


 


‘หากไม่ออกจากค่ายของคฤหาสน์หั่วหลี่ ก็ไม่มีอันตรายอะไร’


 


ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที


 


ว่าคนด้านล่างส่วนใหญ่ไม่น่าจะใช่ขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่เข้ามาชมดูเรื่องราวเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น


 


และต้วนหลิงเทียนก็เดาไม่ผิดเลย


 


พอมีข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่ายและกล่าวคำท้าทาย จนกำจัดศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีออกไปเกือบ 2 โหลในเวลาเดียวกัน เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ ก็แห่กันเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณเพื่อมาเกาะติดสถานการณ์ทันที


 


ในบรรดาผู้ที่มา ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่พลังฝีมือไม่ถึงขั้นทั้งสิ้น


 


อันที่จริงยังมีศิษย์ที่อยากเข้ามาดูชมเรื่องราวอีกมาก


 


อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไปสักพักผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะบริการของจุดเคลื่อนย้าย ก็ไม่กล้าปล่อยให้ใครเข้ามาอีกต่อไป ด้วยกลัวคนจะล้นค่ายที่พักของคฤหาสน์หั่วหลี


 


และเมื่อค่ายคฤหาสน์หั่วหลีไม่อาจรองรับผู้คนได้อีก เช่นนั้นก็เสมือนบีบให้ผู้ที่มาใหม่ต้องออกไปนอกค่าย


 


หากถูกบีบออกไปนอกค่าย…เช่นนั้นไม่โดนต้วนหลิงเทียนจัดการเอารึไง?


 


ถึงแม้แต่ละคนที่เข้ามาจะมีคะแนนสะสมแค่แต้มเดียว แต่ถ้ามีคนถูกบีบออกไปมากหน่อย ต้วนหลิงเทียนก็ได้คะแนนสะสมไม่น้อย!


 


เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวเช่นนั้นขึ้น ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ให้บริการในตำหนักเคลื่อนย้ายทั้งหลาย จึงสั่งห้ามให้คนที่ยังไม่บรรลุถึงขอบบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเข้าไปอีกเด็ดขาด


 


“เจ้านั่นน่ะหรือ ต้วนหลิงเทียน?”


 


ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีหลายคนที่พึ่งเข้ามา มองจ้องต้วนหลิงเทียนบนฟ้าด้วยความสนใจ


 


“ช่างหล่อเหลายิ่งนัก…อีกทั้งยังอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ! เขากลับประสบความสำเร็จถึงขนาดนั้นด้วยวัยเพียงเท่านี้ ต่อไปจักยิ่งใหญ่ถึงเพียงไหนกัน หากข้าได้แต่งกับเขาก็คงดี…”


 


ในบรรดาศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่พึ่งเข้ามาก็มีศิษย์สตรีไม่น้อย และพวกนางมากมายก็กำลังชมมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเพ้อฝัน บางคนยังมีใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ไม่ทราบคิดอะไรอยู่


 


“คฤหาสน์เฉวียนโยวเอาเงินจากไหนไปจ้างคนนอกเช่นมันมาได้ พลังฝีมือไม่เพียงสูงส่งแต่ยังเยาว์นัก!”


 


“หึ! ข้าได้ยินมาว่าพวกศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อได้รับทราบเรื่องราวแล้ว และกำลังระดมคนกันอยู่…ขอให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่รีบไปไหนเถอะ ไม่นานพวกศิษย์พี่ต้องพาคนมาจัดการมันแน่!”


 


“จัดการที่ว่า ก็คงไม่ถึงกับฆ่ามันให้ตายใช่ไหม?”


 


“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะ…ต้วนหลิงเทียนนั่นมันร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้ทั้งที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปี กล่าวไปในบรรดา 15 ขุมกำลังระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้เราอย่าง 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักยังไม่มีตัวตนเช่นมันด้วยซ้ำ! ความเป็นมาของมันต้องไม่ธรรมดาแน่!!”


 


“จริง ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวไปหามันมาได้อย่างไร แต่หากพวกเรายังไม่อาจยืนยันความเป็นมาของมันได้ คฤหาสน์หั่วหลีเราก็ไม่กล้าฆ่ามันหรอก…อย่างน้อยๆก็ไม่กล้าฆ่ามันอย่างโจ่งแจ้ง”


 


“อายุไม่ถึงร้อย บรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ และยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติมากมาย…ตัวตนเช่นนี้จักเป็นไปได้หรือที่ไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่?”


 


“ตัวตนแบบนี้หากไม่มีความเป็นมาใหญ่โต เช่นนั้นมันผ่านการผจญภัยอะไรมา แล้วโชควาสนาที่มันพบเจอที่แท้คืออะไรกันแน่?”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีคุยกันไม่หยุด และพวกมันรู้สึกว่าต่อให้อาวุโสจะออกคำสั่งให้เหล่าศิษย์พี่ระดมกำลังกันมาจัดการต้วนหลิงเทียน ก็ไม่น่าจะถึงขั้นลงมือเข่นฆ่าอีกฝ่าย


 


เพราะหากต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดาจริงๆ เกิดฆ่าอีกฝ่ายไป คราวนี้คฤหาสน์หั่วหลีของพวกมันไม่พ้นต้องประสบเคราะห์แน่นอน


 


ไม่ว่าพวกมันจะเกลียดชังต้วนหลิงเทียนจนอยากเผาให้เป็นขี้เถ้ามากแค่ไหน แต่ระดับสูงของคฤหาสน์หั่วหลีก็ไม่มีทางปล่อยให้ศิษย์เข่นฆ่าอีกฝ่ายได้ก่อนที่จะพบเจอความเป็นมาของอีกฝ่ายแน่นอน


 


“น่าเสียดายที่ค่ายกลปกป้องค่ายของพวกเรา ทำให้พวกเราไม่อาจโจมตีออกไปได้…หาไม่แล้วพวกเราจะได้เล่นงานมัน โดยที่มันตอบโต้ทำอะไรพวกเราไม่ได้”


 


ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีบางคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาพลางทอดถอนด้วยความเสียดาย


 


เนื่องเพราะค่ายของคฤหาสน์อมตะใดๆ ไม่เพียงแต่จะมีม่านพลังคุ้มกันไม่ให้คนนอกบุกเข้ามา ยังทำให้คนในไม่อาจใช้พลังใดๆจู่โจมออกไปทำร้ายคนนอกได้เช่นกัน


 


“เจ้าก็ช่างคิดนักนะ…พวกเรารอดูศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อพาคนอื่นๆมาทุบตีมันก็พอ!”


 


ศิษย์อีกคนของคฤหาสน์หั่วหลีกล่าว


 


ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนก็ลอยร่างบนฟ้า โดยมีศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีมากมายจับจ้อง


 


ตอนนี้ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็มีศิษย์มาชมดูเรื่องราวเป็นพันๆแล้ว หากแต่ไม่มีใครหาญกล้าออกมานอกค่ายสักคน


 


กระทั่งขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง ก็ไม่คิดจะออกมาอย่างวู่วาม


 


พวกมันกำลังรอ


 


รอให้ถานหยวนกับโม่ผิงจื่อพาคนมาปิดล้อมต้วนหลิงเทียนก่อน ถึงตอนนั้นพวกมันจะเร่งุรดขึ้นไปเสริมกำลังเพื่อสยบปราบต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ให้จงได้


 


ในสายตาของพวกมัน


 


ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า รวมถึงมีถานหยวนกับโม่ผิงจื่อขุนนางอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจที่สุดในคฤหาสน์หั่วหลีของพวกมันนำ การจะจัดการต้วนหลิงเทียนคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร


 


เผลอๆ พอต้วนหลิงเทียนเห็นพวกมันมากมายเตรียมกลุ้มรุมลงมือ อาจจะกลัวจนรีบทำลายป้ายหยกทิ้ง เพื่อหลบหนีออกไปก่อนที่พวกมันจะทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ!


 


ราวๆครึ่งวันต่อมา


 


ห่างจากที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลีราวๆ 20 ลี้ ได้ปรากฏร่างคนสองคนเหินวนเป็นวงกลมรอบๆค่ายที่พักคฤหาสน์หั่วหลีในระยะ 20 ลี้


 


“ศิษย์พี่โม่ผิง”


 


ร่าง 3 ร่างที่พึ่งเหินผ่านมา พอเห็นร่างทั้งคู่พวกมันก็เร่งเหินเข้ามาหาทันที จากนั้นทั้ง 3 ยังประสานมือคารวะทักทายชายหนุ่ม 1 ใน 2 คนดังกล่าวด้วยท่าทีเคารพ


 


ชายหนุ่มที่พวกมันประสานมือคารวะทักทายไปนั้น เป็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มร่างหนามาในชุดคลุมสีน้ำเงิน หว่างคิ้วแผ่พุ่งความกล้าหาญออกมา ลักษณะท่าทางองอาจผ่าเผย


 


มันคือ 1 ใน 2 ขุนนางอมตะ 10 ทิศมือดีของคฤหาสน์หั่วหลี


 


และในบรรดาตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งหมดของคฤหาสน์หั่วหลี พลังฝีมือของมันเรียกว่าเป็นอันสองรองจากถานหยวนคนเดียวเท่านั้น!


 


ในปีที่ผ่านมา มันสามารถติดอยู่ใน 20 อันดับแรกได้ถึง 10 เดือน


 


และอันดับที่ดีที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่มันทำได้ก็คืออันดับที่ 11


 


เนื่องจากพลังฝีมือของมัน อีกทั้งอัธยาศัยดีเป็นกันเองไม่ถือตัวแม้แต่น้อย รวมถึงเป็นคนเปิดเผยจริงใจคนหนึ่ง ทำให้มันมีชื่อเสียงในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์หั่วหลีมากทีเดียว


 


เรียกว่าในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์หั่วหลีแล้ว มันมีคนเคารพนับถือมากกว่าถานหยวนเสียอีก


 


เพราะถึงศิษย์ของคฤหาสน์หั่ววหลีจะเคารพถานหยวน แต่ก็เคารพอีกฝ่ายเพราะพลังฝีมือสูงสุดในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่น


 


กล่าวอีกอย่างได้ว่า หากวันเกิดถานหยวนสูญเสียความแข็งแกร่งในตอนนี้ไป คงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะใยดีมัน


 


แต่โม่ผิงจื่อนั้นต่างออกไป


 


ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายอีกแล้ว แต่ขุนนางอมตะ 10 ทิศส่วนใหญ่ก็ยังคงเคารพนับถือมันอยู่ดี


 


“พวกเจ้ามาแล้ว”


 


โม่ผิงจื่อพยักหน้ารับคำทักทายของทั้ง 3 และตอนนี้ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีและท่าทีเป็นกันเองของมัน ก็เต็มไปด้วยความจริงจัง ทั้งมืดมนนัก


 


เพราะหลังจากได้รับข้อความที่รองผู้นำของคฤหาสน์หั่วหลีส่งมา มันก็เร่งรุดมาที่นี่ทันที


 


และมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ


 


ว่าวันหนึ่งจะมีใครบางคนมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีของพวกมัน


 


ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่าก็คือ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่พึ่งจะโด่งดังขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน!


 


“ศิษย์พี่โม่ผิงจื่อ พวกเราต้องรวมคนให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะไปจัดการมันหรือ?”


 


1 ใน 3 ผู้มาใหม่เอ่ยถาม


 


“รอให้เจอศิษย์พี่ถานหยวนก่อนค่อยว่ากัน…เพราะคราวนี้คู่ต่อสู้ของพวกเรานับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ”


 


โม่ผิงจื่อเอ่ยออกเสียงขรึม


 


ถึงแม้มันจะไม่เคยพบเจอศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น แต่มันเชื่อว่าลองอีกฝ่ายมีข่าวลือหนาหูขนาดนี้ต้องไม่ใช่แค่ข่าวลือเหลวไหลแน่นอน


 


ยิ่งไปกว่านั้นเห็นมันแบบนี้ แต่มันก็เป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบมากคนหนึ่ง ย่อมไม่คิดทำอะไรวู่วามแน่นอน


 


“ศิษย์พี่โม่ผิงจื่อ…อาจารย์ของข้ายังกำชับมาอีกว่า พวกเราทำได้แค่ทุบตีสั่งสอนมันเท่านั้น อย่าได้ฆ่ามันเด็ดขาด…ศิษย์น้องทั้ง 2 ก็ได้คำสั่งมาเหมือนข้า แต่พวกเราจะทำแค่ทุบตีมันจริงๆหรือ ต้วนหลิงเทียนนั่นแทบจะขี้จะเยี่ยวรดหัวพวกเราอยู่แล้ว!!”


 


ชายหนุ่มอีกคนในบรรดา 3 คนที่พึ่งมาถึงเอ่ยแทรกขึ้นด้วยโทสะ


 


“อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย…ข้าเองก็ได้รับข้อความกำชับจากรองผู้นำคฤหาสน์ทำนองเดียวกับพวกเจ้า อันที่จริงความกังวลของเหล่าอาวุโสก็ไม่แปลก ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าต้วนหลิงเทียนนั่นใช่มีความเป็นมายิ่งใหญ่เทียมฟ้าหรือไม่? หากไม่ก็แล้วไป แต่ถ้ามีขึ้นมาแล้วคฤหาสน์หั่วหลีเราแตะต้องมัน…นั่นไม่เป็นการชักนำหายนะเภทภัยมาสู่ตัวหรือ?”


 


ถึงแม้ในแววตาของโม่ผิงจื่อจะฉายแววฆ่าฟันขึ้นมาวาบหนึ่ง แต่ขณะกล่าว มันก็พยายามรักษาท่าทีและสะกดจิตสังหารเอาไว้ “พวกเจ้าเองก็คงจะเข้าใจความสำคัญของเรื่องราวกระมัง…”


 


“ไอ้เข้าใจมันก็เข้าใจอยู่หรอก…แค่ข้าไม่สบอารมณ์เท่านั้นล่ะศิษย์พี่”


 


คนสุดท้ายในบรรดา 3 คนได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา


 


“เอาล่ะ จนกว่าทางคฤหาสน์หั่วหลีเราจะพบความเป็นมาของเจ้านั่น พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรเกินเลยได้…เรื่องนี้ต่อให้เจ้ารู้สึกยากกล้ำกลืนก็ต้องกลืนให้ลงคอ!”


 


“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรารีบไปตามหาคนอื่นๆต่อดีกว่า”


 


จากนั้นกลุ่มโม่ผิงจื่อแต่เดิมที่มี 2 คน ก็กลายเป็นมี 5 คนทันที


 


และจุดนัดพบที่เหล่าอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลี่แจ้งมานั้น ก็ไม่ได้ตายตัวว่าเป็นจุดไหน แค่บอกให้รวมตัวกันห่างค่ายราวๆ 20 ลี้เท่านั้น


 


พยายามรวมคนให้ได้มากที่สุดและไปจัดการต้วนหลิงเทียนทีเดียว


 


และในบรรดาคนที่รวบรวมมา ต้องมีโม่ผิงจือกับถานหยวนรวมอยู่ด้วยเท่านั้น หากทั้งคู่ยังมาไม่ถึง อย่าได้รีบร้อนลงมือเด็ดขาด!


 


“โม่ผิงจื่อกับคนพวกนั้น…ไฉนดูเหมือนพวกมันจะวนเวียนรอบๆค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเล่า?”


 


โม่ผิงจื่อและศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 5 ไม่ทันได้สังเกตเลย ว่ามีร่างหนึ่งซุ่มซ่อนในเงามืดลอบจับตาดูความเคลื่อนไหวพวกมันอยยู่..


 


และร่างในเงามืดดังกล่าว ก็ลอบติดตามโม่ผิงจื่อมานานแล้ว…

 

 

 


ตอนที่ 3154

 

‘ดูเหมือนพวกมันจะจงใจรักษาระยะห่างกับค่ายคฤหาสน์หั่วหลี…และเลือกจะตระเวนรอบรัศมี 20 ลี้…’


 


ร่างที่ซ่อนในเงามืดดังกล่าวก็คือ หว่านชิงชิง ของคฤหาสน์อู่จ้านนั่นเอง


 


หลังจากหว่านชิงชิงออกจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีได้ราว 20 ลี้ นางก็พบเจอศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลี 2 คน


 


ทว่าถึงนางจะมีพลังจัดการทั้ง 2 ได้ง่ายๆ แต่นางกลับไม่ได้ลงมือ


 


เนื่องเพราะนางไม่อยากลงมือจัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้งคู่ช่วงนี้!


 


จริงอยู่เรื่องที่นางร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนอีกไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเปิดเผย ทว่าก่อนที่มันจะถูกเปิดเผย นางไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ว่านางกับต้วนหลิงเทียนรวมมือกัน ตั้งแต่ตอนดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี


 


นางกลัวคฤหาสน์หั่วหลีจะโกรธนาง


 


อย่างไรก็ตามแม้จะจะไม่ได้จัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 2 แต่หว่านชิงชิงงก็ตัดสินใจที่จะย้อนกลับไปหาต้วนหลิงเทียนเพื่อแจ้งตำแหน่งพวกมัน


 


ทว่าพึ่งจะย้อนกลับมาไม่ทันไร นางก็สังเกตเห็นโม่ผิงจื่อ ยอดฝีมืออันดับ 2 ในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์หัวหลี่เข้า! นางจึงเลือกที่จะลอบสะกดรอยตามอีกฝ่ายทันที!!


 


หลังนางลอบติดตามโม่ผิงจื่อได้สักพัก นางพบว่าอีกฝ่ายได้พบเจอศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีอีกคน จากนั้นก็เริ่มเดินทางไปด้วยกัน สุดท้ายก็พบว่าทั้งคู่ไปพบเจอกับกลุ่มคน 3 คน จากนั้นก็พากันเดินทางไปด้วยกันต่อ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเลย


 


‘ดูเหมือนคฤหาสน์หั่วหลีตั้งใจให้เหล่าศิษย์มารวมตัวกันนอกค่ายราวๆ 20 ลี้…จากนั้นพอรวมคนได้มากพอค่อยบุกไปจัดการต้วนหลิงเทียนรวดเดียว!’


 


หลังตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ใบหน้าหว่านชิงชิก็ฉายชัดถึงความกังวลทันที


 


ทันใดนั้นนางก็กัดฟันแน่น ก่อนจะเร่งรุดเหินร่างไปยังค่ายคฤหาสน์หั่วหลีด้วยความเร็วสูงสุด


 


ไม่นานนักพอหว่านชิงชิงกลับมาถึบบริเวณใกล้ๆค่ายคฤหาสน์หั่วหลี นางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อพบจำนวนศิษย์ในค่ายของคฤหาสน์หั่วหลี!


 


“คฤหาสน์หั่วหลี…มีศิษย์มากมายขนาดนี้เชียวหรือ!?”


 


ตอนนี้ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลี มีศิษย์มารวมตัวกันเกินพันคนแล้ว


 


ต้องทราบด้วยว่า ปกติแล้วศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่เข้ามาต่อสู้แข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเฉลี่ยแล้วแต่ละเดือนก็มีแค่ 300 กว่าคนเท่านั้น


 


“เจ้านั่นยังเฉยได้อีก…”


 


ครู่ต่อมาหว่านชิงชิงก็หันไปเห็นต้วนหลิงเทียนที่ยังนั่งขัดสมาธิหลับตากลางหาวด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทำให้นางรู้สึกหมดคำจะพูดอยู่บ้าง


 


หรือต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่าความชิบหายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว?


 


“ต้วนหลิงเทียน”


 


หากไม่ใช่เพราะนางตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนไปแล้ว หว่านชิงชิงก็คงไม่คิดจะส่งเสียงผ่านพลังไปเตือนต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว “ศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณแต่แรก ตอนนี้กำลังพยายามรวมกลุ่มกันห่างจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีราว 20 ลี้”


 


“หากข้าเดาไม่ผิด พวกมันตั้งใจเหินร่างวนเวียนรอบค่ายคฤหาสน์หั่วหลี 20 ลี้เพื่อรวมคน…และพอรวมคนได้มากพอแล้ว ไม่พ้นต้องมาจัดการกับเจ้าแน่!”


 


หว่านชิงชิงกล่าวเตือนเสียงเข้ม “ข้าแนะนำให้เจ้า…”


 


“แนะนำให้ข้าออกไปตามล่าพวกมันที่กำลังเหาะหาพวกรอบๆค่าย 20 ลี้นั่น แล้วทยอยเก็บพวกมันจนหมด?”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้ว่าหว่านชิงชิงกำลังจะพูดอะไร


 


“นี่นับเป็นโอกาสดีสำหรับเจ้า”


 


หว่านชิงชิงกล่าว


 


“ใช่ นับเป็นโอกาสดีจริงๆ”


 


แทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงผ่านพลังต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ร่างคนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็วูบห่างออกไป 100 หมี่แล้ว


 


เคลื่อนมิติ!


 


เคลื่อนมิติ!



 


ในช่วงเวลาแค่พริบตา ไม่ทันที่ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีจะตอบสนองใดๆ ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรานหายไปจากสายตาของพวกมันเรียบร้อย


 


“เอ๊า! ต้วนหลิงเทียนไปไหนแล้วเล่า!?”


 


“อะไรกัน หรือมันจะหนีไปแล้ว? บ้าเอ๊ย ข้าอุตส่าถ่อเข้ามาดูมันถูกทุบตีกำจัด…แต่มันกลับหนีไปหน้าตาเฉยแบบนี้เนี่ยนะ!?”


 


“เฮ่อ…ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่ามันที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์ไหนเลยจะเป็นตัวโง่งมไปได้…พอเห็นพวกเรามารวมตัวกันมากเข้าแต่ไม่มีใครออกไปสักที มันก็สมควรเดาอะไรได้ออกแน่นอน”


 


“ข้าก็ว่างั้นล่ะ…มันคงรู้ว่าพวกเราเข้ามารอดูชมเรื่องบันเทิง”


 



 


ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีนับพัน รู้สึกผิดหวังไม่น้อยเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว


 


หลังจากนั้นก็มีหลายคนกลับออกมา


 


คล้ายติดเชื้ออย่างไรอย่างนั้น พอมีคนออกไป หลายคนก็เริ่มออกตาม


 


ในเมื่อต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว หมายความว่าเรื่องบันเทิงที่พวกมันรอดูชมก็ไม่มีทางเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกมันจะอยู่ที่นี่ทำเพื่อ?


 


แน่นอนว่ายังมีคนที่เหลืออยู่บางส่วน


 


คนที่เหลือเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้ามาขัดเกลาตัวเองในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นประจำอยู่แล้ว เช่นนั้นจึงไม่คิดจะออกไปพร้อมกันคนอื่นๆ


 


“ไฉนออกมากันแล้วเล่า?”


 


“นี่ออกมากันหมดเลยหรือ?”


 



 


บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายต่างๆของคฤหาสน์หั่วหลี ก็ฮือฮากันไม่น้อยเมื่อพบว่ามีเหล่าศิษย์ทยอยกันออกมาไม่หยุด เหล่าศิษย์ที่เข้าไปไม่ทันก่อนหน้า พอเห็นหลายคนพร้อมใจกันออกมาก็แปลกใจไม่น้อย


 


“หรือเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นโดนกำจัดแล้ว!?”


 


“สมควรโดนดีไปแล้วแน่นอน! หาไม่แล้วพวกมันจะออกมาทำไมเล่าหากการแสดงยังไม่จบ?”


 


“บ้าเอ๊ย! ต้องโทษที่ข้าช้าไปก้าวนึง…หากไวกว่านี้หน่อย ข้าคงได้เข้าไปดูด้วยแล้ว!”


 


“ข้าด้วย…แถมผู้อาวุโสยังมาจำกัดด่านพลังตอนถึงตาข้าพอดี…น่าเสียดายจริงๆ”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีหลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย


 


แต่ไม่นานนักพวกมันก็รู้ว่าพวกมันคิดมากเกินไปแล้ว


 


“บ้าจริง ต้วนหลิงเทียนนั่นคิดจะไปก็ไปเฉยเลย…เซ็งยิ่ง ข้าถ่อเข้าไปอย่างสูญเปล่าจริงๆ!”


 


“หากข้ารู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั่นจะหนีไปแบบนี้ ข้าคงไม่ลำบากเบียดคนเข้าไปแต่แรก สุดท้ายกลับไม่มีอะไรดีๆให้ดูชม”


 


“ข้าก็เหมือนกัน รู้งี้ข้ามาช้าหน่อยก็ดี จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเบียดไปแย่งลงทะเบียน แถมสุดท้ายก็ได้แต่ไปยืนรอเหมือนตัวโง่งมในค่าย…”


 



 


เสียงบ่นโอดครวญของเหล่าศิษย์ที่กลับออกมาอย่างผิดหวังดังระงมไปทั่ว ทำให้เหล่าศิษย์ที่เสียดายเพราะเข้าไปไม่ทันก่อนหน้า ไม่รู้สึกขาดทุนอะไรอีกต่อไป


 


ให้มาเร็วกว่านี้แล้วยังไง ในเมื่อเข้าไปก็ไม่ได้เห็นอะไรดีๆ?


 


เรียกว่าพวกมันที่มาไม่ทันกลับเป็นเรื่องดี เพราะไม่ต้องลำบากอะไรมากมาย และไม่มีอะไรให้เสียดายอีกต่อไป


 


วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลียังบ่นกันไม่เลิก ตำหนักเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่ง ก็ปรากฏร่างศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีถูกส่งออกมาในเวลาติดๆกันทั้งสิ้น 7 คน!


 


สภาพของทั้ง 7 แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก 1 ในนั้นยังเลือดท่วมกลับมาด้วย!


 


“บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ใช่ว่ามันดักหน้าค่ายของพวกเราอยู่รึไง ไฉนอยู่ๆมันไปโผล่ตรงนั้นได้เล่า?!”


 


“พวกเจ้ายังดี ข้าสิไม่ทันรู้เรื่องอะไรก็เกือบตายแล้ว…ดีนะที่มันเมตตายั้งมือเอาไว้ หาไม่แล้วเกรงว่าข้าตายยังไงก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ!!”


 


“หรือมันกังวลว่าพวกเรากำลังรวมกลุ่มกันไปจัดการมัน เช่นนั้นเลยเลือกจะหนีออกมาก่อน?”


 



 


7 ร่างที่พึ่งออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก็เป็นศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่แรก


 


พวกมันกำลังเหินร่างในวงรัศมีห่างคฤหาสน์หั่วหลี 20 ลี้เพื่อตามหาคนอื่นๆ จะได้รวมกลุ่มไปจัดการต้วนหลิงเทียนที่ค่าย


 


อย่างไรก็ตาม พวกมันคิดไม่ถึงเลยจริๆ


 


ว่าพวกมัน 7 คนพึ่งจะรวมตัวกันได้ไม่นาน และกำลังจะไปหาคนอื่นเพิ่ม อยู่ๆก็มีร่างวูบมาปรากฏเบื้องหน้าพวกมันปานภูตผี และการลงมือเปิดตัวของอีกฝ่ายก็แทบจะพรากหนึ่งชีวิตของคนในกลุ่มไป!


 


เมื่อตระหนักได้ถึงพลังฝีมืออันร้ายกาจ และเห็นการลงมือดุร้ายไร้ร่องรอยกับตา ทั้งตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พวกมันก็เร่งบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนทิ้งทันที หลบหนีออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาตามๆกัน


 


พวกมันรู้ตัวดีว่าพลังฝีมือพวกมันอยู่ในระดับไหน ยังรู้อีกว่าต่อให้พววกมัน 7 คนร่วมมือกันให้ตายก็ไม่มีทางสู้ต้วนหลิงเทียนได้เลย!


 


นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ได้เผยความเมตตาโดยละเว้นสหายของพวกมันที่ตกเป็นเป้าแล้ว หากพวกมันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ลงมือต่อต้านอีกฝ่ายขึ้นมา ใครจะรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่บันดาลโทสะเข่นฆ่าพวกมันทั้งหมด?


 


ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย พวกมันรู้ดีว่าต้องเลือกหนทางไหน เช่นนั้นจึงบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนทิ้งอย่างไม่ลังเล ออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอย่างมีสติ


 


“เจ้า…พวกเจ้าว่าอะไรนะ นี่พวกเจ้าเจอกับต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ!?”


 


“พวกเจ้าจะไม่ซวยเกินไปหน่อยรึไง…ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะหนีไปไม่ทันไร พวกเจ้าดันไปเจอมันระหว่างทางโดยบังเอิญซะได้…”


 



 


เมื่อทราบว่าทั้ง 7 คนที่พึ่งปรากฏตัวถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมา ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีหลายคนที่ยืนอยู่แถวๆค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว ก็รู้สึกหมดคำจะพูด ต่างรู้สึกว่าทั้ง 7 ช่างซวยเหลือเกิน…


 


จังหวะนี้ทุกคนไม่เว้นทั้ง 7 คนที่พึ่งถูกบีบให้หนีออกมา ไม่มีใครทันคิดเลย…


 


ว่าต้วนหลิงเทียนไมได้พบเจอพวกมันโดยบังเอิญ


 


“โอย! พวกเจ้าดูคะแนนสะสมต้วนหลิงเทียนเร็ว…มันมี 70 แต้มแล้ว! แถมยังขึ้นไปอยู่อันดับที่ 16!!”


 


“70 แต้ม อันดับที่ 16…12 คะแนนที่พึ่งได้มา เป็นเพราะ 7 คนนั่นหรือ?”


 


“ต้วนหลิงเทียนคนนี้มันมากับดวงหรือไร กระทั่งตอนหนีไปจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา ระหว่างทางยังบังเอิญเจอศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเราอีก…”


 


“ว่าแต่…ไฉนทั้ง 7 นั่นถึงมาอยู่ด้วยกันได้เล่า?”


 


“สมควรเป็นศิษย์มากฝีมือของคฤหาสน์หั่วหลีเรา…และไม่พ้นกำลังจะไปสมทบกับคนอื่นเพื่อจัดการต้วนหลิงเทียนแน่”


 


“สมทบ? 7 คนนั่น…คงไม่มีใครบอกอะไรต้วนหลิงเทียนหรอกนะ?”


 


“คงไม่หรอก…หากมีใครพูดไป เช่นนั้นคนอื่นไม่ถูกลากลงน้ำด้วยรึไง? หากต้วนหลิงเทียนได้ข้อมูลดังกล่าวไป แล้วใครจะหยุดมันได้เล่า?”


 


“ข้าก็ว่างั้นล่ะ…หากไม่มีศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อที่รวมผู้คนได้ในระดับหนึ่ง…ข้าเกรงว่าคงล้อมปราบมันไม่ไหวหรอก”


 



 


เหล่าศิษย์แลอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลีพลันตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของงสถานการณ์ทันที


 


อย่างไรก็ตาม วาจาถัดมาของทั้ง 7 คนที่พึ่งถูกส่งออกมา ก็ทำให้พวกมันโล่งใจไปหลายส่วน


 


“ขอทุกท่านอย่าได้กังวล พวกเราไม่มีใครกล่าวเรื่องนี้ออกไปแน่นอน”


 


“ใช่! พวกเราย่อมรู้ผิดชอบชั่วดี…ต่อให้ตายก็ไม่มีทางขายศิษย์พี่คนอื่นแน่นอน!”


 


“ฟังจากที่พวกเจ้าว่า เช่นนั้นคงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ต้วนหลิงเทียนนั่นมันอยู่ระหว่างหลบหนีไปจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา แต่ดันไปเจอพวกเจ้าระหว่างทางเข้า…”


 


“คงได้แต่โทษว่าวันนี้พวกเราดวงซวยเกินไป…”


 



 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจัดการทั้ง 7 ได้ คะแนนสะสมในป้ายหยกเขาก็เพิ่มขึ้นมามี 70 แต้มทันทีทำให้ อันดับในตารางจัดอันดับของเขา กระเตื้องขึ้นไปอยู่ที่ 16 ในพริบตา


 


ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ไม่เว้นคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อย


 


“ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอยู่รึไร? แล้วแต้มมาจากไหน? หรือคนคฤหาสน์หั่วหลีเอาแต้มไปประเคนให้มันอีกแล้ว?”


 


“ยังไม่ชัดอีกหรือ…ข้าไม่ทราบจริงๆว่าคนคฤหาสน์หั่วหลีมันคิดบ้าอันใดอยู่! หากไม่มั่นใจว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้อยู่หมัด แล้วพวกมันจะส่งคนไปเพิ่มแต้มให้ต้วนหลิงเทียนทำอะไร?”


 


“นั่นสิ ดูจากตารางอันดับแล้ว ข้าบอกได้เลยว่าพวกที่ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไปเมื่อครู่ไม่มีใครติดอันดับสักคน…ดูเหมือนจักเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มีพลังฝีมือกลางๆของคฤหาสน์หั่วหลีเท่านั้น”


 



 


หลังเห็นการเปลี่ยนแปลงในม่านแสงตารางอันดับ คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย ก็คิดว่าคฤหาสน์หั่วหลีประมาทเกินไป จนเป็นการส่งมอบคะแนนสะสมให้ต้วนหลิงเทียนกินเปล่า…


 


แน่นอนว่ายังมีผู้ที่ได้รู้ความจริงหลังติดต่อไปถามสหายที่คฤหาสน์หั่วหลีเช่นกัน และพวกมันก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง


 


“ข้ามีข่าวใหม่มาบอก…เรื่องที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนไฉนมีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 70 เพราะมันไหวตัวทันว่าคฤหาสน์หั่วหลีกำลังจะรวมคนมาเล่นงานมัน ตัวมันจึงเร่งรุดหลบหนีไปจากหน้าค่าย แต่บังเอิญไปเจอศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี 7 คนระหว่างทาง…”

 

 

 


ตอนที่ 3155

 

“บังเอิญ!?”


 


“เหอะๆ โชคต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันจะดีเกินไปหน่อยไหม…กำลังหนีจากตาข่ายของคฤหาสน์หั่วหลีแท้ๆ แต่ดันจัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเพิ่มได้ 7 คน?”


 


“ให้ตายเถอะ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันจะโชคดีไปไหน!?”


 



 


คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายพอได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าวจากสหายในคฤหาสน์หั่วหลี ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปตามๆกัน


 


ยังได้แต่คิดว่าต้วนหลิงเทียนช่างโชคดีเหลือเกิน


 


“ว่าแต่ไฉนพวกมันถึงมี 7 คนเล่า? อย่าบอกนะว่าปกติตอนเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณ พวกมันทั้ง 7 คน ก็มักร่วมมือกันอยู่แล้ว?”


 


“ร่วมมือกัน 7 คน? เป็นไปไม่ได้…ใครจะไปหาทำ! ถึงการร่วมมือกัน 7 คนอาจจะทำให้เอาชนะผู้อื่นได้ไม่ยาก แต่คะแนนสะสมที่ได้มาก็จำต้องแบ่งกัน 7 คน เช่นนั้นแต่ละคนจะได้กันเท่าไหร่เชียว”


 


“มันก็ไม่สมเหตุสมผลจริงๆนั่นล่ะ…”


 



 


ในขณะที่คนของคฤหาสน์อมตะกำลังคาดเดาอะไรได้บางอย่าง ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันจากคนของคฤหาสน์หั่วหลี


 


ว่าคนทั้ง 7 ที่รวมตัวกันนั้น เป็นเพราะกำลังจะเดินทางไปรวมตัวกับคนอื่นๆ เพื่อพากันไปจัดการต้วนหลิงเทียนในคราวเดียว


 


อย่างไรก็ตาม คนของคฤหาสน์หั่วหลีไม่มีใครบอกเรื่องจุดนัดพบหรือวิธีที่เหล่าศิษย์ใช้เพื่อหากัน แม้แต่จะเป็นสหายที่สนิทแค่ไหนก็ตาม ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เรื่องราวรั่วไหลไปถึงคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“จู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ไหวตัวทันและหนีไปซะงั้น…ข้าหลงคิดว่าจะได้ดูอะไรดีๆแล้วเสียอีก”


 


“นั่นสิ ข้าเองก็คิดว่าจะได้เห็นชื่อต้วนหลิงเทียนหายวับไปจากตารางงจัดอันดับเช่นกัน…ถึงแม้ในคฤาหสน์หั่วหลี่จะไม่มียอดฝีมือที่ติด 6 อันดับแรก แต่พลังฝีมือของถานหยวนกับโม่ผิงจื่อก็ไม่ใช่ต่ำทราม ทั้งคู่มักติดอยู่ใน 20 อันดับแรกเสมอ หากลงมือพร้อมกับศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีสักหลายๆคน เรื่องจะกำราบต้วนหลิงเทียนก็ไม่น่ามีปัญหา!”


 


“ต้วนหลิงเทียนนั่นก็นับว่าฉลาดไม่เบา..หนีไปดั่งนกรู้ได้ทันกาล!”


 


“หึ! ข้าว่าไม่พ้นในคฤหาสน์หั่วหลีต้องมีคนขายข้อมูลให้คฤหาสน์เฉวียนโยวแน่ และทางคฤหาสน์เฉวียนโยวก็เร่งแจ้งเตือนให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบ!”


 


“สมควรเป็นเช่นนั้น! ต้วนหลิงเทียนที่รู้ว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว จึงหนีไปได้ทันท่วงทีแบบนี้!”


 



 


ในขณะที่คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 กำลังคาดเดากันไปเรื่อย


 


วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!


 



 


ที่ตำหนักเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์หั่วหลีก็ต้องแตกตื่นกันอีกครา เมื่ออยู่ๆเหล่าศิษย์ที่อยู่ในแดนนสวรรค์ใต้โบราณก็ทยอยกันปรากฏขึ้นในค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว และในเวลาสั้นๆก็มีคนถูกส่งออกมาถึง 13 คน!


 


แน่นอนว่าทั้ง 13 คนนั้นถูกส่งไปปรากฏยังค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวแตกต่างกัน แต่ละแห่งจึงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น


 


ทว่าถึงแม้จะมีแค่แห่งละไม่กี่คน แต่ตำหนักเคลื่อนย้ายแต่ละแห่งของคฤหาสน์หั่วหลีก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก


 


“ไฉนพวกเจ้าถึงถูกส่งออกมาพร้อมๆกันเล่า? อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าถูกกำจัดออกมา!?”


 



 


หลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับค่ากลเคลื่อนย้ายรับตัว อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ในใจยังบังเกิดลางร้ายบางอย่าง เมื่อเห็นสีหน้าของผู้ที่ถูกส่งออกมาแลดูไม่สู้ดี เสมือนไม่ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ค่ายเพื่อกลับมาเอง!


 


“เป็นเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น!!”


 


“ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนนั่นมันหนีไปแล้วหรือไร แถมเห็นว่าตอนหนีมันยังบังเอิญเจอคนของพวกเรา 7 คนระหว่างทางอีก? แล้วไฉนอยู่ๆมันมาโผล่ตรงหน้าพวกเรา ทั้งๆที่พวกเราอยู่คนละทางกับคนทั้ง 7 นั่นเลยเล่า!?”


 


“รวมข้าแล้วพวกเรามีกันทั้งสิ้น 13 คน…แต่ 5 คนในบรรดาพวกเราเกือบตายคามือมันด้วยซ้ำ! ถ้าไม่ใช่เพราะมันเมตตายั้งมือไว้ สหายข้าคงตายค่าที่ไปแล้ว!!”


 


“หรือมันจะรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน…เช่นนั้นจึงออกจากค่ายแล้วมาไล่เก็บพวกเราเพื่อไม่ให้รวมกลุ่มกันได้?”


 


“สมควรเป็นเช่นนั้นแน่ เพราะพวกเราก็ได้รับแจ้งทิศทางจากผู้อาวุโสแล้วว ว่าทั้ง 7 ถูกจัดการที่ไหน พวกเราเองก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับทิศทางดังกล่าวเลย!”


 


“ในคฤหาสน์หั่วหลีเราต้องมีผีภายในแน่! นอกจากนั้นผีภายในนั่นต้องแจ้งข่าวไปยังคฤหาสน์เฉวียนโยว สุดท้ายก็ล่วงรู้ไปถึงหูต้วนหลิงเทียน!”


 



 


หลังศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไปอีก 13 คน ข่าวน่าตื่นตระหนกดังกล่าวก็เริ่มแพร่ออกไปทั่วตำหนักเคลื่อนย้าย จากนั้นก็เริ่มแพร่ไปถึงหูระดับสูงของคฤหาสน์หั่วหลี


 


“ผีภายใน! ต้องมีผีภายในแน่ เร่งตรวจสอบเสีย!!”


(ผีภายใน = เกลือเป็นหนอน, คนในคิดคดทรยศ)


 


“ตอนนี้ทุกคนที่ได้รับแจ้งแผนการรวมกลุ่มทั้งหมดต้องถูกตรวจสอบ! โดยเฉพาะทั้ง 7 คนนั่นที่ถูกกำจัดออกมากลุ่มแรก! ต้องหาให้ได้ว่าผู้ใดเป็นผีภายในกันแน่!!”


 


“มิผิด! ต้องตรวจสอบทุกคนที่รู้รายละเอียดการล้อมปราบต้วนหลิงเทียนให้ละเอียด! จะบิดามารดาหรือน้องสาวมันก็ตรวจสอบให้หมด!!”


 


“ผีภายในเช่นนี้เป็นภัยซ่อนเร้นอันใหญ่หลวงนัก พวกเราต้องหามันให้เจอให้จงได้!!”


 



 


หลังศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีถูกกำจัดไปถึง 20 คนในเวลาสั้นๆ ก็นับว่าสร้างความแตกตื่นโกลาหลให้กับคฤหาสน์หั่วหลีนัก อาวุโสรวมถึงศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีหลายคน ร้องให้หาผีภายในเป็นการใหญ่


 


เรียกว่าเหตุการณ์ยังลุกลามบานปลาย จนทำให้ระดับสูงๆของคฤหาสน์หั่วหลีนั่งไม่ติด ใครที่เป็นสหายกับคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวยังถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ!


 


“ทั้งระยะรวมถึงวิธีที่ศิษย์ของพวกเราใช้ในการรวมกลุ่ม มีเพียงทุกคนในห้องนี้เท่านั้นที่ล่วงรู้…”


 


ในห้องโถงอันโอ่อ่าหรูหราและใหญ่โตแห่งหนึ่ง บัดนี้ผู้นำคฤหาสน์หั่วหลีที่ยืนอยู่บนแท่นสูงสุดกำลังมองลงมายังเหล่าอาวุโสระดับบสูงของคฤหาสน์หั่วหลี ที่ยืนเรียงกันอยู่ด้านล่างด้วยสีหน้ามืดดำคร่ำเคร่ง


 


เพราะตัดสินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ในคฤหาสน์หั่วหลีต้องมีผีภายในแน่นอน!


 


หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนจะค้นพบวิธีรวมกลุ่ม ของเหล่าศิษย์ในแดนสวรรค์ใต้โบราณได้อย่างไร?


 


“ท่านผู้นำ…”


 


อาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งของคฤหาสน์หั่วหลีคลี่ยิ้มขื่นขมพลางกล่าว “จากสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องผีภายในสมควรมีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…แต่นั่นก็มิใช่ว่าจะต้องเป็นพวกเราเท่านั้น”


 


“ศิษย์ฝ่ายในทั้ง 7 ที่ถูกจัดการออกมากลุ่มแรก ก็มีโอกาสเป็นผีภายในได้เช่นกัน…”


 


พออาวุโสฝ่ายในคนนี้เอ่ยคำ หลายคนก็เร่งกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย “ท่านผู้นำ อาวุโสเฉียนกล่าวถูกแล้ว”


 


“พวกเราล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ในคฤหาสน์หั่วหลี ชะตาจักสูงขึ้นหรือจักตกต่ำล้วนผูกกับคฤหาสน์หั่วหลี ทรัพย์สมบัติพวกเราก็มีไม่ขาดแคลนใดๆ แล้วไฉนต้องไปเป็นผีภายในด้วย…ข้ารู้สึกว่าศิษย์ฝ่ายในทั้ง 7 นั่นมีความเป็นไปได้สูงกว่าพวกเรามากนัก!!”


 


“ข้าก็คิดเช่นนั้น”


 



 


ตอนนี้สีหน้าเหล่าอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลีที่ถูกเรียกมารวมกัน แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก


 


เนื่องเพราะการปรากฏตัวของ ผีภายใน แบบนี้ หมายความว่าเหล่าศิษย์ของมันที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางตอนนี้ จะไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป ทุกคนอาจถูกต้วนหลิงเทียนดักซุ่มโจมตีได้ทุกเมื่อ


 


และตอนนี้สิ่งเดียวที่จะปลอบโยนพวกมันให้คลายกังวลได้ ก็คือเรื่องที่จนบัดนี้ต้วนหลิงเทียนยังมีเมตตา โดยการยั้งมือ ไม่เข่นฆ่าศิษย์ขอคฤหาสน์หั่วหลีพวกมันแม้แต่คนเดียว!


 


เป็นเรื่องเดียวจริงๆที่สามารถปลอบใจพวกมันได้!


 


“ท่านผู้นำ”


 


ทันใดนั้นเอง ปรากฏร่างชราหนึ่งก้าวอาดๆเข้ามาในห้องโถง


 


ร่างชราดังกล่าวเป็น 1 ในบรรดารองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลี


 


ด้วยฐานะของมัน จึงไม่ได้สนใจเรื่องราวในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเลย และไม่รู้ว่ามีการวางแผนและจุดนัดพบอะไรกันทั้งสิ้น เพียงแค่เข้ามารายงานเรื่องราว หลังถูกผู้นำสั่งให้ไปตรวจสอบเหล่าศิษย์ฝ่ายในที่พึ่งถูกกำจัดออกมา


 


“ข้าไปตรวจสอบมาโดยละเอียดแล้ว…ก่อนที่ศิษย์ฝ่ายในทั้ง 13 คนของพวกเราจะถูกกำจัดออกมา ไม่มีผู้ใดในนั้นเคยกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณแม้แต่คนเดียว และไม่มีใครย้อนกลับมาที่ค่ายด้วย ทั้งหมดเดินทางไปเรื่อยในแดนสวรรค์ใต้โบราณตั้งแต่วันแรก”


 


วาจาดังกล่าวของรองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลี เป็นการยืนยันว่าทั้ง 13 คนที่พึ่งถูกกำจัดออกมา ไม่มีใครเป็นผีภายในแน่นอน เพราะไม่มีใครในบรรดาพวกมันย้อนกลับมาที่ค่ายในช่วงเวลาที่เริ่มดำเนินแผนการ แถมตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนมาดัก ก็ไม่มีใครกลับค่ายมาสักคน เช่นนั้นก็ตัดเรื่องที่พวกมันทั้ง 13 จะส่งข่าวให้ใครนำกลับออกมาขายได้เลย…


 


“รองผู้นำหยวน เช่นนั้นไปเค้นความจากศิษย์ฝ่ายในทั้ง 7 นั่นมาให้ได้”


 


หลังได้ยินคำรายงานของรองผู้นำที่พึ่งมาถึง ผู้นำคฤหาสน์หั่วหลีก็ออกคำสั่งเสียงหนัก ลูกตายังฉายแววแหลมคมนัก


 


“ทราบแล้วท่านผู้นำ”


 


ถึงแม้ผู้นำคฤหาสน์หั่วหลีจะไม่ได้ระบุว่าชื่อศิษย์ฝ่ายในทั้ง 7 แต่รองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลีแซ่หยวนก็รู้ดีว่าผู้นำกำลังพูดถึงใคร


 


“ท่านผู้นำ เรื่องนี้พวกเราต้องสืบอย่างละเอียด!!”


 


“มิผิด! พวกเราต้องเค้นให้ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผีภายใน! ทั้งยังต้องประหารให้เป็นเยี่ยงอย่าง!!”


 



 


เหล่าอาวุโสระดับสูงของคฤหาสน์หั่วหลีมีโมโหนัก เห็นได้ชัดว่าพวกมันเคียดแค้นผีภายในที่ขายข้อมูลศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของพวกมันจับใจ


 


“ตอนนี้ข้าหวังแค่ศิษย์ฝ่ายในของพวกเราที่ยังคงตระเวนหาคน จักรีบหลบหนีไปได้ทันท่วงทีหลังได้รับข้อความของพวกเรา…”


 


พออาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในห้องโถงเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งกว่าเดิม หลายคนอดไม่ได้ที่จะกังวลและห่วงศิษย์ ไม่เว้นลูกหลานของพวกมันที่อยู่ในนั้นนัก


 


ทันใดนั้นความเงียบก็เริ่มเข้าครอบงำห้องโถง


 


ในเวลาเดียวกัน


 


ด้านคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายทั้ง 3 แห่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว หลังต้วนหลิงเทียนมีคะแนนสะสม 70 แต้มและไต่ขึ้นไปอันดับที่ 16 ได้ไม่นานนัก พวกมันก็ต้องฮือฮากันอีกครั้ง


 


“อั้ย! ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจักร้ากาจเกินไปไหม ไม่ทันไรก็ได้คะแนนสะสมเพิ่มมาอีก 23 แต้มแล้ว?”


 


“เหอะๆ 93 แต้ม…แถมไต่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 12 แล้วด้วย!”


 


“ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะเข้าไปไม่ถึง 2 วันใช่ไหม?”


 


“ไม่ถึง 2 วัน เก็บคะแนนสะสมได้ 93 แต้ม จนได้อยู่ในอันดับที่ 12…มันทำได้อย่างไร!?”


 



 


ตอนนี้บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายทั้ง 3 ไม่ว่าจะเหล่าศิษย์หรือผู้อาวุโสที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนผ่านตารางจัดอันดับ ต่างก็ตกใจกับการลงมือของต้วนหลิงเทียนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนัก


 


ขณะเดียวกัน ด้านฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรววจการคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ได้รับรายงานเช่นกัน


 


“เจ้าหนูนั่น…มันจะทะยานฟ้าในเดือนนี้เลยหรือ!?”


 


ฉีเทียนหมิงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยรอยยิ้มแหยงๆ


 


ในขณะที่คฤหาสน์เฉวียนโยวกำลังตกใจกับผลงานของต้วนหลิงเทียน ด้านคฤหาสน์อมตะอื่นๆก็ตกใจเป็นธรรมดา


 


นอกจากนั้นพวกมันยังได้รับทราบอีกว่า…


 


ที่คะแนนของต้วนหลิงเทียนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เป็นเพราะกำจัดศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีได้เพิ่ม!


 


และรอบนี้ต้วนหลิงเทียนยังกำจัดกลุ่มศิษย์หั่วหลีที่รวมตัวกัน 13 คนในคราวเดียว ทำให้เก็บคะแนนสะสมเพิ่มได้ถึง 23 แต้ม!


 


และแต้มดังกล่าวก็ส่งต้วนหลิงเทียนให้ขึ้นไปถึงอันดับที่ 12 ทันที!


 


“คฤหาสน์หั่วหลี…ใช่จงใจส่งแต้มให้มันหรือไม่?”


 


“เหลวไหลใหญ่แล้ว!!”


 


“ในเวลาอันสั้น ศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไปอีก 20 คน…มิได้หมายความว่าตอนนี้คนของคฤหาสน์หั่วหลีถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไป 40 กว่าคนแล้วหรือไร?”


 


“คฤหาสน์หั่วหลี…คงไม่ได้ฮั้วกับคฤหาสน์เฉวียนโยวและส่งแต้มให้ต้วนหลิงเทียนหรอกนะ?”


 


“นั่นสิ หรือคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์หั่วหลีลอบทำข้อตกลงอันใดกัน…และจงใจส่งคะแนนให้ต้วนหลิงเทียน?”


 


“ต้องเป็นแบบนั้นแน่…ข้ายังสงสัยว่าอาจเป็นคนของคฤหาสน์หั่วหลีที่พาต้วนหลิงเทียนไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเพื่อสร้างสถานการณ์แต่แรกด้วยซ้ำ!!”


 


“คฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์หั่วหลี…นี่พวกมันบ้าไปแล้วหรือถึงกล้าทำอะไรเช่นนี้! หาก 10 ตระกูลใหญ่คิดตรวจสอบขึ้นมาไม่จบสิ้นกันรึไร? เท่าที่ข้าทราบ 10 ตระกูลใหญ่ไม่ประนีประนอมเรื่องทำอะไรลับหลังเช่นนี้แน่! ต่อให้เป็นคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็ไม่อาจรอดพ้นหายนะได้!!”


 



 


หลังจากที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางถูกสร้างขึ้น ทาง 10 ตระกูลใหญ่ก็ได้ประกาศกฏข้อห้ามเอาไว้แต่แรก…


 


ห้ามมิให้คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ใดๆทำการสมรู้ร่วมคิดกันเด็ดขาด และห้ามมิให้ส่งมอบคะแนนสะสมให้กันและกันไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง หาไม่แล้วจะถูก 10 ตระกูลใหญ่ลงโทษสถานหนัก!


 


“ข้าว่าพวกเจ้าเข้าใจอะไรคฤหาสน์หั่วหลีผิดไปรึเปล่า…ข้าพึ่งได้รับข้อความจากสหายคนหนึ่งในคฤหาสน์หั่วหลี…ว่าสาเหตุที่ไฉนคฤหาสน์หั่วหลีตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจเป็นไปได้ว่ามีผีภายใน!”


 


ในบรรดาคฤหาสน์อตะระดับ 6 ทั้งหลาย ก็มีอาวุโสไม่น้อยที่รู้จักคนของคฤหาสน์หั่วหลี พวกมันจึงได้ข่าววงในมาก่อนใคร


 


ในคฤหาสน์หั่วหลี มีผีภายใน!


 


และเพราะผีภายในดังกล่าวคอยรายงานความเคลื่อนไหวของเหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีในแดนสวรรค์ใต้โบราณ ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถตามหาตัวศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 13 คนจนพบ และจัดการพวกมันได้สำเร็จ…

 

 

 


ตอนที่ 3156

 

“ในคฤหาสน์หั่วหลีมีผีภายในงั้นหรือ?”


 


“ที่แท้เป็นเพราะผีภายในนี่เอง…หมายความว่าศิษย์ทั้ง 13 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัด ทั้งหมดก็เพราะถูกผีภายในขายตำแหน่งของพวกมันออกไปสินะ…”


 


“ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียวว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์หั่วหลี จะไปมีความกล้าสมรู้ร่วมคิดกันฝ่าฝืนกฏของ 10 ตระกูลใหญ่ได้อย่างไร…ที่แท้เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง!”


 


“หึ! ให้คฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์หั่วหลีมีความกล้ามากขึ้น 10 เท่า พวกมันก็ไม่กล้าสมรู้ร่วมคิดกันหรอก!”


 



 


เหล่าคฤหาสน์อมตะทั้งหลาย ไม่นานก็เข้าใจเรื่องราว และได้รู้เรื่องที่คฤหาสน์หั่วหลีมีผีภายใน


 


ยังมีหลายคนที่อดเห็นใจคฤหาสน์หั่วหลีไม่ได้ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว


 


ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


“ผีภายใน?”


 


ในฐานะที่เป็นศิษย์ยอดฝีมือของคฤหาสน์อู่จ้าน หว่านชิงชิงก็มีสหายทั้งคนสนิทมากมายในคฤหาสน์อู่จ้าน ดังนั้นนางจึงได้รับการิตดต่อจากภายนอกและบ่งบอกสถานการณ์ในปัจจุบันเช่นกัน


 


‘ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครคิดใครฝันแน่ ว่าคฤหาสน์หั่วหลีไม่มีผีภายในอะไรทั้งนั้น…เหตุไฉนที่ต้วนหลิงเทียนล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี ล้วนเป็นเพราะข้า…’


 


แน่นอนว่าถึงแม้หว่านชิงชิงจะตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ชัดเจน แต่นางก็ไม่คิดจะเล่าให้ใครฟัง ต่อให้เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางในคฤหาสน์อู่จ้านก็ตาม


 


นางไม่อาจเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปได้เด็ดขาด!


 


เพราะเกิดมันแพร่งพรายไปถึงหูคฤหาสน์หั่วหลี นางไม่พ้นซวยหนักแน่


 


‘แต่…จนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังเจอแค่ศิษย์ธรรมดาๆของคฤหาสน์หั่วหลีเช่นนั้นหรือ?’


 


‘ยังหาโม่ผิงจื่อไม่เจออีกรึไง?’


 


คิดถึงจุดนี้หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเบาๆ ยังรู้สึกเสียดายแทนต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง


 


โม่ผิงจื่อนั้น นางจดจำได้ว่าก่อนที่นางจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณมากับเหิงเฟิง อีกฝ่ายก็มีคะแนนสะสมมากกว่า 100 แต้มแล้ว และยังติดอยู่ใน 10 อันดับแรก…


 


เป็นธรรมดาที่นางยังรู้อีกว่า…


 


เหตุผลที่โม่ผิงจื่อมีอันดับสูงถึงขนาดนี้ เพราะอีกฝ่ายเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณตั้งแต่วันแรก


 


นอกจากนั้นเห็นได้ชัดว่าโม่ผิงจื่อผู้นั้น นับว่ามีโชคไม่น้อย


 


เพราะถึงแม้พลังฝีมือของโม่ผิงจื่อจะดี แต่กฏที่โม่ผิงจื่อเชี่ยวชาญก็คือกฏแห่งน้ำ ถึงแม้ความเร็วจะพอตัว แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าต้วนหลิงเทียน


 


ถึงความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะพอๆกับโม่ผิงจื่อ หากแต่ลักษณะการเคลื่อนไหวกลับพิสดารกว่ามาก! ไม่ใช่อะไรที่โม่ผิงจื่อจะติดตามได้ง่ายๆ!!


 


ที่สำคัญ ทุกครั้งที่นึกถึงการโจมตีที่ต้วนหลิงเทียนใช้ฝ่าการป้องกันของเหิงเฟิง หว่านชิงชิงยังอดไม้ได้ที่จะรู้สึกขนลุกซู่!  ร่างยังสะท้านไปเบาๆด้วยความหวาดกลัว!!


 


การโจมตีที่ทรงพลังถึงระดับนั้น ต่อให้เป็น 6 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณ ก็ไม่มีใครทำได้!


 


ท้ายที่สุดแล้วในบรรดาทั้ง 6 คน ก็ไม่มีใครที่มีพลังโจมตีสุดโต่งขนาดนั้น แม้บางคนจะมีการโจมตีแข็งแกร่งหน่อย บ้างก็โดดเด่นเรื่องความเร็ว บ้างลูกเล่นเยอะ และบ้างก็มีความสามารถในการป้องกันตัวสูง


 


ที่สำคัญผู้ที่เก่งเรื่องการป้องกันที่สุดในบรรดาทั้ง 6 คนนั่น ยังไม่ได้ด้อยไปกว่าเหิงเฟิงมากนัก หากแต่มีความเร็วเหนือล้ำกว่าเหิงเฟิงงอย่างมาก ถึงขั้นเทียบได้กับนาง


 


หว่านชิงชิงจึงไม่คิดตัวตนที่มีความสามารถเอาชนะทั้ง 6  อาศัยโม่ผิงจื่อนั่นจะมีปัญญาสู้ต้วนหลิงเทียนได้


 


‘อย่างไรก็ตาม…หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคิดหาตัวโม่ผิงจื่อเกรงว่าคงยากแล้ว เพราะทางคฤหาสน์หั่วหลีไม่พ้นต้องเร่งส่งข่าวให้โม่ผิงจื่อกับคนอื่นๆทราบสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วแน่นอน’


 


หว่านชิงชิงลอบกล่าวในใจ


 


และเป็นดั่งที่หว่างชิงชิงคิดไว้ไม่มีผิด


 


โม่ผิงจื่อได้รับการติดต่อจากอาวุโสระดับสูงของคฤหาสน์หั่วหลี่ ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนล่วงรู้แล้วว่าทุกคนกำลังเคลื่อนที่เป็นวงรอบค่ายคฤหาสน์หั่วหลี่ห่างไป 20 ลี้…


 


และในขณะที่โม่ผิงจื่อได้รับแจ้ง นอกจากมันก็ไม่ได้มีอีกแค่ 4 คนอีกต่อไป แต่ตอนนี้มีเพิ่มมาอีก 3 คน


 


กลุ่มของมันบัดนี้มีทั้งสิ้น 8 คนแล้ว


 


“พวกเจ้าทุกคนสมควรได้รับการติดต่อจากผู้อาวุโสเหมือนกันกระมัง?”


 


และในปัจจุบันกลุ่ม 8 คนไม่ได้นำโดยยโม่ผิงจื่ออีกต่อไป แต่เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาๆแทน


 


ชายวัยกลางคนผู้นี้ดูธรรมดามาก ไม่คล้ายยอดฝีมือแม้แต่น้อย


 


อย่างไรก็ตามทั้ง 7 คนไม่เว้นโม่ผิงจื่อยินดีให้อีกฝ่ายเป็นผู้นำ


 


“ใช่ศิษย์พี่ถานหยวน ท่านก็ได้รับแจ้งเหมือนกันหรือ?”


 


ศิษย์ฝ่ายในของคฤหาสน์หั่วหลี่คนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าอัปลักษณ์ “ข้าไม่คิดเลยว่าในคฤหาสน์หั่วหลีของพวกเราจักมีผีภายในได้…หากข้ารู้ว่ามันเป็นผู้ใดข้าจักตีมันให้ตาย!!”


 


“เหอะๆ หากผีภายในผู้นั้นเป็นอาวุโสฝ่ายในเล่า เจ้าจะมีปัญญาตีมันตายหรือ?”


 


ศิษย์ฝ่ายในอีกคนกล่าวล้อออกมา


 


“เพ่ย! จักเป็นอาวุโสฝ่ายในไปได้อย่างไรกัน…สมควรเป็น 7 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนบังเอิญเจอระหว่างหนีไปแน่ พวกมันกลัวเสียหน้าเพราะถูกล้อ เช่นนั้นจึงขายผู้อื่นให้โดนดีเหมือนพวกมัน!!”


 


ศิษย์ฝ่ายในคนแรกโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย ฟังจากวาจาแล้วเห็นชัดว่ามันปักใจเชื่อว่าผีภายในต้องเป็น 7 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไปแน่นอน!


 


“ศิษย์น้องใจเย็นก่อน หากเรื่องราวไม่กระจ่าง อย่าได้ด่วนตัดสินผู้ใดเลย…”


 


โม่ผิงจื่อกล่าวเตือนเสียงเข้ม


 


“ศิษย์น้องโม่กล่าวถูกแล้ว พวกเราไม่อาจด่วนสรุปหรือกล่าวหาผู้ใดลอยๆได้”


 


ชายวัยกลางคนที่กลายมาเป็นผู้นำคนใหม่กล่าวขึ้น และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงพันปีของคฤหาสน์หั่วหลี ถานหยวน!


 


“ศิษย์พี่ถาน ท่านเห็นว่าพวกเราสมควรรีบออกจากเส้นทาง ตามคำชี้แนะของผู้อาวุโสไหม?”


 


โม่ผิงจื่อมองถามถานหยวนด้วยสายตาเอาเรื่อง เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดจะหลบออกจากเส้นทางดั่งที่ผู้อาวุโสกล่าวแนะนำมา


 


ราวกับต้องการปะทะกับต้วนหลิงเทียน!


 


และเหตุไฉนที่มันกล้าตัดสินใจแบบนี้ ก็เพราะกลุ่มมันได้รวมกับกลุ่มของถานหยวนแล้ว


 


กลุ่มของมันพึ่งพบเจอกับกลุ่มของถานหยวนเมื่อ 2 ชั่วยามก่อน


 


หากไม่มีถานหยวน ต่อให้กลุ่มของมันจะมี 5 คน แต่มันก็ไม่กล้ามีความคิดเรื่องปะทะกับต้วนหลิงเทียน!


 


“ดูเหมือนศิษย์น้องโม่อยากพบเจอศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนนั่นสินะ?”


 


ถานหยวนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


 


“ข้าเกรงว่าคงมิใช่แค่ข้ากระมัง?”


 


กล่าวถึงจุดนี้ถานหยวนก็หันไปมองเหล่าศิษย์อีก 6 คนรอบๆด้วยสายตาคาดหวัง และทั้ง 6 ก็กำลังมองมาที่มันกับถานหยวนด้วยสายตาคาดหวังเช่นกัน


 


ถึงแม้ในบรรดาศิษย์ทั้ง 6 ที่อยู่ตรงนี้ จะมีแค่คนเดียวที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกเป็นประจำตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากมันอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ครบ  10 วัน…


 


และผลงานที่ดีที่สุดของมันก็คือ อันดับที่ 86


 


นอกจากมันแล้ว อีก 5 คนที่เหลือค่อนข้างอ่อนด้อยนักหากนำมาเทียบกับโม่ผิงจื่อและถานหยวน! 3 ใน 5 ไม่แม้จะเคยยติด 100 อันดับแรกเลย ส่วนอีก 2 คนหลายสิบปีถึงจะติดอยู่ใน 100 อันดับแรกสักครั้ง…


 


ต้อทราบด้วยว่า มีเพียง 100 คนเท่านั้นที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้วจะติดอันดับ


 


หากสามารถติดอยู่ใน 100 อันดับแรก ก็บ่งบอกว่ามีพลังฝีมือติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งหมดที่เข้ามาในนี้…


 


“ทำไม พวกเจ้ามั่นใจในตัวข้ากับศิษย์น้องโม่มากหรือ?”


 


ถานหยวนที่แลเห็นแววตาคาดหวังจากทั้ง 6 ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา จนสองแก้มปรากฏลักยิ้มขึ้น


 


“ศิษย์พี่ใหญ่ถานหยวน มีท่านกับศิษย์พี่โม่แบบนี้…ข้าไม่เชื่อหรอกว่าต้วนหลิงเทียนนั่นจะมีปัญญาทำอะไรพวกเราได้!”


 


ศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งของคฤหาสน์หั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


 


“ใช่แล้วศิษย์พี่ถานหยวน พวกเราเชื่อในตัวท่านกับศิษย์พี่โม่!”


 


ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีอีกคนกล่าวเสริม


 


“ศิษย์พี่ถานหยวน…หรือพวกเราจักซุ่มรอต้วนหลิงเทียนนั่นอยู่แถวนี้ดี…ข้าเกรงว่ากระทั่งมันถูกส่งตัวออกไปด้านนอกแล้ว ก็คงไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าท่านกับศิษย์พี่โม่จะอยู่ด้วยกัน”


 


ศิษย์อีกคนของคฤหาสน์หั่วหลีเอ่ยออกด้วยรอยยิ้มเริงร่าสองตาวับวาว ฟังจากคำพูดคำจาของมัน ทำราวกับเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนต้องโดนโม่ผิงจื่อกับถานหยวนจัดการได้แน่นอน


 


สำหรับศิษย์ฝ่ายในของคฤหาสน์หั่วหลีที่ไม่พูดอะไร อาศัยแค่สายตาคาดหวังนั่นก็บ่งบอกทุกสิ่งหมดสิ้น


 


“ในเมื่อพวกเจ้าเชื่อมั่นข้ากับศิษย์น้องโม่ขนาดนี้ หากไม่อยู่ไม่ใช่เป็นข้าถานหยวนกลัวต้วนหลิงเทียนนั่นแล้วหรือไร…มาเถอะ ข้าจะรอเจอกับมัน!”


 


ถานหยวนกล่าวพลางหัวเราะ จากนั้นก็หันไปมองงถามโม่ผิงจื่ออีกรอบ “ศิษย์น้องโม่แล้วเจ้าว่าไงเล่า”


 


“ศิษย์พี่ถานในเมื่อท่านอยู่ ข้ายังไม่อยู่ได้หรือ…ข้าเองก็อยากเจอศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาช่วงนี้เต็มทีแล้ว!”


 


โม่ผิงจื่อตอบด้วยรอยยิ้ม


 


ดูจากรอยยิ้มนั่นของมัน เห็นชัดว่าโม่ผิงจื่อก็มั่นใจนัก!


 


“ศิษย์น้องโม่ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น จะอย่างไรชื่อเสียงของมันก็ดังหนาหูนัก บ่งบอกว่ามันไม่ธรรมดาแน่นอน…เมื่อมันมาถึง เจ้ากับข้าพวกเราจะผนึกกำลังลงมือทันที อย่าได้ประมาทจนเปิดโอกาสให้มันเด็ดขาด!”


 


หลังโม่ผิงจื่อกล่าวตอบ ถานหวนก็มองกล่าวกับโม่ผิงจื่อออกมาตรงๆ ด้วยสีหน้าท่าทีจริงจัง


 


“ขอศิษย์พี่ถานวางใจ ถึงแม้ข้าจะไม่คิดว่ามันสามารถสู้พวกเราสองคนที่ร่วมมือกันได้ แต่ยามสิงโตจับกระต่ายยังทุ่มพลังทั้งหมด ข้าไม่มีประมาทมันแน่!”


 


โม่ผิงจื่อลั่นวาจาเสียงเข้ม


 


“ประเสริฐ!”


 


ถานหยวนพอได้ฟังก็วางใจ


 


ดังคำกล่าว ‘ชื่อเสียงคน ร่มเงาต้นไม้’ ถานหยวน ในฐานะยอดฝีมืออันดับ 1 ขอบเขตขุนนางงอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงพันปีของคฤหาสน์หั่วหลีย่อมตระหนักได้ชัดเจน…


 


ว่าการที่ใครสักคนจะมีชื่อเสียงโด่งดังจนผู้คนพากันกล่าวขานถึงหนาหูได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย


 


ด้วยเหตุนี้มันไม่มีทางประมาทอีกฝ่ายเด็ดขาด และจะลงมือเต็มกำลังแต่แรก


 


“ศิษย์น้องทั้ง 6…พอต้วนหลิงเทียนนั่นมาถึงพวกเจ้าจะอยู่ข้างๆคอยลงมือสนับสนุนตามสถานการณ์ หรือพวกเจ้าจะรีบหนีไปเลยก็ได้”


 


หลังถานหยวนกล่าวเตือนโม่ผิงจื่อแล้ว ด้านโม่ผิงจื่อก็ไม่ลืมหันไปกำชับศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนที่อยู่ข้างๆด้วย “ด้วยมีข้ากับศิษย์พี่ถานอยู่ มันไม่มีโอกาสไล่ตามพวกเจ้าได้แน่นอน!”


 


พอเสียงโม่ผิงจื่อดังจบคำ ศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งก็กล่าวแทนใจอีก 5 คนทันที


 


“ศิษย์พี่โม่ ด้วยมีท่านกับศิษย์พี่ถานอยู่พวกข้าไม่กลัวต้วนหลิงเทียนนั่นหรอก…นอกจากนี้ข้ายังอยากรู้นักว่ ‘ตำนาน’ ของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น จักแพ้พ่ายพวกท่านทั้งคู่เช่นไร!!”


 


“ใช่แล้วศิษย์พี่โม่พวกเราจะอยู่ชมดูชัยชนะของพวกท่าน!!”


 


“ถูกแล้วศิษย์พี่โม่ ข้าอยากเห็นท่านกับศิษย์พี่ถานทุบตีเจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่น!!”


 



 


สุดท้ายทั้ง 6 ก็ไม่มีใครคิดหนี และเลือกที่จะอยู่สนับสนุนถานหยวนกับโม่ผิงจื่อหากมีโอกาส


 


แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันรู้ดีแก่ใจ


 


ถึงแม้โม่ผิงจื่อจะกล่าวบอกให้พวกมันช่วยสนับสนุนหากมีโอกาส แต่พวกมันก็คงไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้แน่นอน


 


กล่าวกันตามตรงด้วยระดับพลังฝีมือของพวกมัน เกรงว่าจะไม่มีทางสอดแทรกการต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียน กับถานหยวนและโม่ผิงจื่อที่ร่วมมือกันได้เลย


 


เผลอๆต่อให้พวกมันอยากจะเข้าร่วมในฐานะเหยื่อล่อ ก็คงไม่มีค่าพอจะเป็นเหยื่อล่อในสายตาโม่ผิงจื่อกับถานหยวนด้วยซ้ำ


 


ไม่ต้องกล่าวถึงคนที่เสียงร่ำลือบอกว่าสามารถเอาชนะศิษย์พี่ถานหยวนของงมันได้เลย กระทั่งตัวตนที่เอาชนะได้แค่โม่ผิงจื่อ พวกมันก็ไม่มีหวังจะไปเสนอหน้าออกมือแล้ว…


 


หลังจากที่ทั้ง 8 คนตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ว่าจะปะทะกับต้วนหลิงเทียน ทั้งคู่ก็ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน และเฝ้ารอต้วนหลิงเทียนที่นี่


 


ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ฝ่ายในคนอื่นของคฤหาสน์หั่วหลี เมื่อได้รับแจ้ง ก็เร่งรุดออกจากวงรัศมีห่างคฤหาสน์หั่วหลี 20 ลี้ทันที


 


‘หลังจากเจอกลุ่มศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี 2 กลุ่มแล้ว ข้ากลับไม่เจอใครอีกเลย…ท่าทางพวกมันคงรู้ตัวแล้วว่าข้าล่วงรู้เส้นทางรวมพลของพวกมัน…’


 


ต้วนหลิงเทียนที่ยังเหินร่างตีวงห่างจากคฤหาสน์หั่วหลี 20 ลี้ เริ่มคาดเดาในใจ


 


‘อย่างไรก็ตาม วงรัศมี 20 ลี้รอบค่ายคฤหาสน์หั่วหลีข้าสมควรมาได้ครึ่งทางแล้ว หรืออีกครึ่งข้าก็จะวนครบรอบพอดี…ถึงตอนนั้นค่อยไปหาหว่านชิงชิง’


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าต่อให้ไปต่อก็อาจจะไม่เจอศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีในเส้นทางแล้ว แต่เขาก็ตัดสินใจจะเดินทางต่อให้ครบรอบ


 


เป็นเพราะการตัดสินใจนี้ของเขา จึงทำให้เขาพบยอดฝีมือผู้กล้าหาญของคฤหาสน์หั่วหลีทั้งสองอย่าง ถานหยวนและโม่ผิงจื่อ รวมถึงศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนของคฤหาสน์หั่วหลีอีกด้วย…

 

 

 


ตอนที่ 3157

 

วูบ!


 


หลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาสักพัก ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่าง 8 ร่างลอยอยู่ไกลตา


 


จากนั้นเมื่อร่างวูบหายไปอีกไม่กี่ครั้ง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดห่างจากร่างทั้ง 8 ไม่ไกล ขณะเดียวกันเขาก็กวาดตามองไปยังป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวคนทั้ง 8 ก่อนใดอื่น


 


‘พวกมันทุกคนเป็นศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีจริงๆ!’


 


นัยน์ตาต้วนหลิงเทียนฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที


 


แน่นอนว่ายังมี 2 ชื่อบนป้ายที่ดึงดูดความสนใจเขาไม่น้อย


 


ถานหยวน โม่ผิงจื่อ!


 


นั่นเป็นชื่อของยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 2 คนที่โดดเด่นของคฤหาสน์หั่วหลี และกล่าวได้ว่าทั้งคู่คืออันดับ 1 และอันดับ 2 ของคฤหาสน์หั่วหลีก็ว่าได้


 


หว่านชิงชิงได้กล่าวรายละเอียดและพลังฝีมือของทั้งคู่ให้เขาฟังคร่าวๆแล้ว


 


ถานหยวนนั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง


 


ส่วนโม่ผิงจื่อเชี่ยวชาญกฏแห่งน้ำ


 


ความเร็วของโม่ผิงจื่อนั้นแทบจะพอๆกับเขา ส่วนถานหยวนนั้นสมควรเร็วกว่าเขา แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าเขามากมายอะไร


 


อาศัยความพิสดารของความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ ความเร็วที่ไม่ได้เหนือกว่าเขามากมายอะไรของถานหยยวน ก็ไม่อาจมีเปรียบอะไรเขาได้เลย


 


และในแง่ของการโจมตี โม่ผิงจื่อก็อ่อนด้อยกว่าถานหยวนมาก


 


‘ดูท่าแล้วพวกมันกำลังรอข้าอยู่สินะ…กระทั่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยเสียด้วย!’


 


ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับต้วนหลิงเทียนที่จะมองเห็นเรื่องนี้


 


และเขาก็เดาได้ไม่ยากว่าไฉนอีก 6 คนนั่นถึงได้รั้งอยู่ด้วยไม่รีบหนีไปไหน สมควรเป็นเพราะพวกมันมั่นใจในพลังฝีมือของถานหยวนกับโม่ผิงจื่อ!


 


“มาแล้ว!”


 


“เจ้านี่น่ะหรือต้วนหลิงเทียน!?”


 


“มันรึ…ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก ต้วนหลิงเทียน!”


 



 


พอเห็นร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างพิสดาร ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 8 คน ก็ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว และมองสำรวจต้วนหลิงเทียนไม่วางตา


 


พวกมันสามารถยืนยันตัวตนของต้วนหลิงเทียนผ่านป้ายประจำตัวของเขาได้ทันที


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามาจริงๆ…”


 


ถานหยวนที่นั่งขัดสมาธิรอต้วนหลิงเทียนกลางอากาศ ลุกขึ้นยืนก่อนจะมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตาฉายแววเย็นชา


 


ตอนนี้ให้มันอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เพราะมีพยานอยู่ที่นี่ถึง 7 คน และต่อให้มันมีโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนจริงๆ มันก็ไม่กล้าอยู่ดี…


 


เพราะใครจะไปรู้ ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ใช่มีภูมิหลังอะไรหรือไม่?


 


ท้ายที่สุดแล้ว กระทั่งผู้อาวุโสระดับสูงยังย้ำนักย้ำหนาว่าต่อให้พบเจอต้วนหลิงเทียนและมีโอกาสฆ่าอีกฝ่าย พวกมันก็ต้องเมตตาละเว้นอีกฝ่าย


 


ก่อนที่จะขุดคุ้ยความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนได้พบ พวกมันไม่อาจเสี่ยงฆ่าต้วนหลิงเทียนได้


 


วูบ!


 


เมื่อถานหยวนลุกขึ้นมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง โม่ผิงจื่อก็ลุกขึ้นและมองจ้องต้วนหลิงเทียนเช่นกัน แววตามันยังเย็นชาเหลือเกิน


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้านับว่ามีสามารถนัก…ภายในเวลาแค่ไม่ถึงวัน เจ้ากลับกำจัดศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีของพวกเราไปได้ 40 กว่าคน!”


 


เดือนนี้ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่เข้ามาเพื่อต่อสู้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจริงๆ มีทั้งสิ้น 200 กว่าคน


 


ทว่าตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนคนเดียวกลับกำจัดไปได้ถึง 40 คน ที่สำคัญอีกฝ่ายยังใช้เวลาไม่ถึงวัน!


 


กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้คฤหาสน์หั่วหลีพวกมันแล้ว เพราะคฤหาสน์หั่วหลีพวกมันไม่เคยประสบการสูญเสียอย่างน่าอนาถถึงขนาดนี้มาก่อนเลย!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!



 


เมื่อถานหยวนกับโม่ผิงจื่อลอยร่างเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนที่เหลือของคฤหาสน์หั่วหลี ก็กระจายตัวออกไปปิดล้อมต้วนหลิงเทียนอยู่ห่างๆ แน่นอนว่าพวกมันทำไปพอเป็นพิธีเท่านั้น หากต้วนหลิงเทียนจะหนีไปไหนจริงๆ พวกมันก็ไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก…


 


แน่นอนว่าถึงพวกมันจะไม่กล้าทำอะไร แต่การมาปิดล้อมแบบนี้ก็สมควรสร้างความหวาดระแวงให้ต้วนหลิงเทียนได้บ้าง อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็ต้องพะว้าพะวัง ห่วงว่าพวกมันจะลอบโจมตีระหว่างที่รบติดพันกับถางหยวนและโม่ผิงจื่อ


 


แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้มีโอกาสดีแค่ไหน พวกมันก็ไม่ลงมือแน่นอน! ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญกฏแห่งมิติ แถใความลึกซึ้งเคลื่อนมิตินั่น ทำให้อีกฝ่ายวูบร่างมาถึงตัวพวกมันได้ง่ายๆ! หากอีกฝ่ายคิดลงมือเล่นงานพวกมันขึ้นมา เกรงว่าถานหยวนกับโม่ผิงจื่อก็ช่วยอะไรพวกมันไม่ได้แน่นอน!!


 


ลึกลงไปในใจของทั้ง 6 ตอนนี้ ยังเริ่มเสียใจอยู่บ้าง ที่ไฉนทำเป็นเก่งบอกอยากอยู่ช่วยแทนที่จะหนีไปก่อนหน้า เพราะการพูดกับมาเจอของจริงความรู้สึกมันช่างต่างกันลิบลับ!


 


“อ้อ…อีกไม่นานก็คงเกิน 50 แล้วล่ะ”


 


ได้ยินคำพูดของโม่ผิงจื่อต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มบางๆ ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างเขาก็เริ่มโคจรแล่นพล่านผ่านชีพจรสวรรค์ 99 สายดั่งน้ำหลาก ผสานธาตุมิติก่อเกิดเป็นเพลิงพลังสีเทาลุกโชนเร่าๆทั่วร่าง


 


ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบร่างต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกระเพื่อมสั่นไหวสะท้าน จากนั้นก็เริ่มบิดเบือนปานแผ่นภาพถูกบิดม้วน


 


“เจ้า!”


 


สีหน้าโม่ผิงจื่อเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน เพราะคำพูดเมื่อครู่ ไม่ต่างอะไรกับบอกว่าจะจัดการพวกมันทั้ง 8 เลย!


 


เพราะมีแต่กำจัดพวกมันทั้ง 8 เท่านั้น ต้วนหลิงเทียนถึงจะพูดได้เต็มปากว่าสามารถจัดการคนคฤหาสน์หั่วหลีได้เกิน 50 คน! ขาดไปแม้แต่คนเดียวก็ไม่ได้!!


 


แต่ต้วนหลิงเทียนคนนี้ คิดว่าจะจัดการพวกมันทั้ง 8 ได้ง่ายๆ?


 


“โอหังนัก! เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถต่อกรกับศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อที่ร่วมมือกันได้จริงๆ?”


 


“เด็กน้อยขนอุยอายุไม่ถึง 100 เช่นเจ้า มิพ้นต้องพบพานวาสนาปาฏิหาริย์มาถึงมีความสำเร็จเช่นนี้ได้! อย่างไรก็ตามให้เจ้าวาสนาดีเพียงใด แต่ต้องมาเจอศิษย์พี่ถานกับศิษย์พี่โม่ร่วมมือกัน เจ้าก็เสมือนถูกลิขิตให้พ่ายแพ้!!”


 


“ต้วนหลิงเทียน วันเวลาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ของเจ้า กำลังจะจบลงแล้ว”


 


“หากเจ้ายังรู้ว่าอะไรดีต่อตัว ก็เร่งทำลายป้ายหยกแล้วหลบหนีไปเสียประเสริฐกว่า…หากเจ้ารั้นจะประมือกับศิษย์พี่ถานกับศิษย์พี่โม่ ก็รังแต่จะหาเรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ! มิสู้เก็บหน้าหล่อๆนั่นของเจ้ากลับไปเกี้ยวหญิงเถอะ!!”



 


ด้านศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 6 พอได้ยินววาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน และตระหนักได้ถึงความหมายที่ต้วนหลิงเทียนจะสื่อ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปเป็นห้าวหาญ ดั่งบังเกิดความกล้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน โพล่งคำเย้ยเยาะออกไปด้วยความมั่นใจในพลังฝีมือถานหยวนและโม่ผิงจื่อ ไร้ซึ่งความกลัวใดๆอีกต่อไป


 


“วาจาคุยโวโอ้อวดผู้ใดก็พูดได้…คิดจะจัดการพวกเรา นั่นก็ต้องดูว่าเจ้ามีพลังสามารถพอหรือไม่!”


 


ถานหยวนคลี่ยิ้มเย็นชา จากนั้นทั่วร่างของมันก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมาเจิดจ้า พริบตาคนก็คล้ายถูกสีทองทาฉาบไปทั่วร่าง เปล่งประกายราวกลับกลายเป็นมนุษย์ทองคำไปแล้ว!!


 


“ความลึกซึ้ง กายาทองคำ?”


 


เห็นการลงมือของของถานหยวนเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย


 


“หึ!”


 


โม่ผิงจื่อเองก็พ่นลมสบถเย็นๆคำหนึ่ง จากนั้นทั่วร่างของมันก็ปรากฏไอพลังสีฟ้าคละคลุ้ง และพริบตาคนก็คล้ายถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำใสๆ ราวกับมันอยู่ในก้อนน้ำ!


 


วูบ!


 


ร่างถานหยวนสั่นไหวคราหนึ่ง จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นประกายแสงสีทอง! พุ่งทะยานข้ามฟ้าจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเร็วรี่!!


 


ขณะร่างห้อตะบึงข้ามฟ้ามา ในมือยังควบแน่นพลังแสงสีทอง ก่อเกิดเป็นดาบทองมีสภาพเล่มเขื่อง พุ่งออกมาด้วยสภาวะเจาะทะลวงปานกระสุน!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


ดาบสีทองพุ่งทะลวงนำมาดั่งประกายแสงสีทอง ทิ้งเส้นสายสีทองพร่างพราวค้างไว้กลางหาว แลดูงดงามพิกล!


 


ครืน! ครืน!


 


ด้านโม่ผิงจื่อที่คนคล้ายถูกม่านน้ำปกคลุมก็ลงมือตามมาติดๆ ไอพลังหลั่งไหลออกมาทะลักทลายปานคลื่นสมุทร ก่อนที่คนในม่านน้ำจะห้อเหยียดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนพร้อมมวลน้ำ! แลไปคล้ายคนในฟองอากาศกำลังโต้คลื่น!!


 


ซู่มมม!!


 


พุ่งมาได้ไม่ทันไร มวลคลื่นเบื้องหลังก็แบ่งตัวฉีกออกซ้ายขวา ก่อนจะม้วนวนดั่งเกลียวสว่าน พุ่งทำลายไปทางต้วนหลิงเทียน ปานมังกรวารี 2 ตัวโจนทะยานโผล่พ้นลำน้ำ!


 


การลงมือของทั้ง 2 คน เรียกว่ามาถึงก็ไม่มีออมรั้งยั้งมือ และพริบตากระบวนท่าดุร้ายดังกล่าว ก็เจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว!


 


วูบ!


 


อย่างไรก็ตามเมื่อกระบวนท่าทรงพลังของทั้งคู่ กำลังจะถล่มซัดร่างต้วนหลิงเทียน อยู่ๆคนก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าหน้าตาเฉย!


 


พอปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ไปหยุดอยู่ด้านหลังถานหยวนกับโม่ผิงจื่อเสียแล้ว!


 


เปรียะ!


 


ทันใดนั้นห้วงอากาศเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนพลันปริแตกแยกร้าว ก่อนจะปรากฏคมมีดมิติสีเทาหนึ่งจู่โจมทำลายออกมาจากด้านใน!


 


เห็นได้ชัดว่าหลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาปรากฏด้านหลังทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งผ่ามิติทันที!


 


“นี่มัน…ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!”


 


ด้านศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ของคฤหาสน์หั่วหลี พึ่งจะตระหนักได้ว่วาต้วนหลิงเทียนได้วูบร่างหลบกระบวนท่าเกรี้ยวกราดของศิษย์พี่ทั้ง 2 ไปโดยการใช้เคลื่อนมิติ!


 


ดีที่พวกมันเตรียมใจพบเจอต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนย้ายข้ามมิติมาแต่แรก พวกมันจึงสามารถดึงสติให้กลับมาได้ในเวลาอันสั้น ไม่แตกตื่นตกใจอะไรนานนัก


 


แต่กระนั้น นี่ก็นับเป็นครั้งแรกเลย ที่พวกมันเห็นใครใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ทำให้การที่อยู่ๆมาเห็นร่างต้วนหลิงเทียนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ก็เลยอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


ครืน! ครืน! ครืน!


 



 


ไม่ว่าจะเป็นถานหยวนหรือโม่ผิงจื่อ เมื่อพบว่ากระบวนท่าที่ปลดปล่อยออกไปของตัวเองนั้นจั่วลมครั้งใหญ่ และตระหนักได้ชัดเจนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่เบื้องหน้าแล้ว พวกมันก็เร่งหันหลังกลับมาทันที


 


เป็นธรรมดาดาว่าถานหยวนหันกลับมาได้ก่อน เพราะไม่ว่าจะความเร็วหรือปฏิกิริยาตอบสนองมันล้วนเหนือกว่าโม่ผิงจื่ออย่างเห็นได้ชัด


 


และเมื่อมันหันหลังกลับมา มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนได้จู่โจมออกมาแล้ว!!


 


ที่สำคัญเพื่อการจบการต่อสู้ในเวลาอันสั้น ต้วนหลิงเทียนยังให้เพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับผสานพลังไปกับการโจมตีของเขา ทำให้คมมีดมิติที่ปรากฏออกมาไม่เพียงดูดกลืนพลังจากเขตแดนมิติบิดเบือน ยังปรากฏม่านพลังดั่งเพลิงสีทองปกคลุมไว้อีกชั้น


 


“นั่นมันอะไรกัน!?”


 


พอเห็นว่าคมมีดมิติพุ่งมาพร้อมมีเพลิงพลังสีทองฉาบเคลือบ ไม่ว่าจะเป็นถานหยวน โม่ผิงจื่อ รวมถึงศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนของคฤหาสน์หั่วหลี ก็ไม่อาจทราบได้ว่าต้วนหลิงเทียนผสานพลังอะไรลงไปในคมมีดมิติกันแน่!


 


อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่พวกมันยืนยันได้ชัดเจน!


 


เปลวเพลิงสีทองที่ห่อหุ้มปกคลุมคมมีดมิตินั่น ไม่ใช่พลังจากกฏมิติแน่นอน!!


 


แน่นอนว่าพวกมันไม่คิดว่านั่นจะเป็นพลังภายนอกไปได้ เพราะในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ไม่อาจใช้พลังภายนอกใดๆได้เลย


 


ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถอมตะ ยันต์อมตะด้วยซ้ำ กระทั่งอุปกรณ์อมตะใดๆก็ไม่อาจใช้งานได้!


 


ซัวว!!


 


คมมีดมิติดังกล่าวดั่งจะมีดวงตางอกเงยเพ่งเล็งร่างถานหยวนกับโม่ผิงจื่อเอาไว้เขม็ง พาลให้ทั้คู่รู้สึกเสมือนต่อให้คิดจะหลบ ก็ไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้!!


 


“ศิษย์น้องโม่ ลงมือเต็มกำลัง! ทำลายคมมีดมิติมันเสีย!!”


 


ถานหวนตอบสนอเร็วไว เร่งปะทุพลังชั่วชีวิตรวมรั้งออกกระบวนท่า พลางตะโกนสั่งโม่ผิงจื่อดังลั่น!


 


ด้านโม่ผิงจื่อที่เดิมทีอารามหวั่นหวาดหลังพบว่าคมมีดมิตินั่นเสมือนเพ็งเล็งกักร่างจนมันไร้หนทางหลบหนี มันจึงแลดูเอื่อยเฉื่อยทำอะไรไม่ถูก พอเสียงตะโกนดั่งลันของถานหยยวนสะท้านแก้วหูมัน คนก็ดึงสติกลับมาได้ทันที รูม่านตาควบแน่นในฉับพลัน


 


ราวกับกำลังรอคำนี้ของถานหยวนอยู่


 


ครืนนน!


 


ครืนนน!


 



 


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


 



 


โม่ผิงจื่อกับถานหยวนปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ คมดาบสีทองสว่างเจิดจ้าถูกควบสร้างขึ้นมหาศาล คลื่นน้ำมหึมาปานถล่มทลายมาจากห้วงสมุทคุ้มคลั่งก็เริ่มก่อเกิด จากนั้นก็ร้อยเรียงโถมถันเข้าใส่คมมิติสีเทาอันห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองอย่างเกรี้ยวกราด!!


 


เดิมทีทั้งคู่คิดว่าการผสานพลังจู่โจมทำลายเช่นนี้ ต้องทำลายกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนได้แน่นอน


 


แต่หลังจากนั้นไม่ทันไร พวกมันก็ตระหนักว่าพววกมันคิดง่ายเกินไป!


 


ซัว!!


 


คมมีดมิตินั้นสามารถผ่าทำลายคลื่นน้ำ ทั้งดาบสีทองมากมายที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างไร้เรื่องราว มองไปประหนึ่งมัจฉาเทวะเทาทองกำลังบุกฝ่าข่ายดาบทะเลคลั่งอย่างห้าวหาญ


 


และถึงแม้เพลิงพลังสีทองที่ปกคลุมคมมีดมิติจะสลายหายไป หากแต่คมมีดมิติสีเทากลับเปี่ยมล้นไปด้วยพลังสภาวะเข้มแข็ง!


 


กล่าวอีกอย่างได้ว่า…


 


การผนึกกำลังจู่โจมของพวกมัน 2 คน ทำได้แต่สลายพลังดั่งเพลิงสีทองที่ปกคลุมไปทั่วคมมีดมิติเท่านั้น…ไม่ได้บั่นทอนพลังสภาวะใดๆของคมมีดมิติแม้เพียงเสี้ยวเศษ


 


หากว่าเป็นแค่ไม่อาจทำอะไรคมมีดมิติได้ก็แล้วไป แต่ซ้ำร้ายก็คือคมมีดมิตินั่นยังเข่นฆ่าเข้าหาพวกมันสืบต่อ! ความเร็วยังไวฟ้าผ่าราวระยะทางไม่มีอยู่จริง!!


 


วู้มมม!!


 


เมื่อเผชิญหน้ากับคมมีดมิติที่ทรงพลังน่ากลัว ถานหยวนตัดสินใจได้แทบจะทันที ทั่วร่างปะทุแสงพลังสีทองเจิดจ้า จากนั้นร่างคนก็พุ่งฉากออกไปด้านขวาปานลำแสงสีทอง หมายหลบหนี!!


 


ฉัวะ!!


 


อย่างไรก็ตามถานหยวนที่ฉากหลบมาดั่งลำแสงสีทองยังได้ยินเสียงบางสิ่งเฉือนผ่านเลือดเนื้อบริเวณจุดที่มันยืนอยู่ได้ชัดถนัดถนี่!


 


จากนั้นต้นแขนซ้ายของมันก็ร้อนลวกปานมีเพลิงไฟแผดเผา! มองไปจึงพบว่าต้นแขนปรากฏบาดแผลสยดสยองราวเนื้อถูกคว้านหายไปแถบหนึ่ง เลือดพุ่งทะลักออกมาปรี๊ดๆ จากนั้นก็แตกตัวซ่านกระเซ็น ดั่งบุปผาโลหิตเบ่งบานกลางอากาศ พอต้องสะท้อนแสงพลังสีทองจากร่าง ก็เปล่งประกายระยิบระยับแลดูงดงามพิกล…


 


ฉัวะ!!


 


เสียงเชือดเฉือนอีกหนึ่งเสียงพลันดังขึ้นติดๆ เป็นโม่ผิงจื่อที่ความเร็วรวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้ากว่าถานหยวน   พอความคิดหลบหนีพึ่งจะปรากฏ ก็ไม่ทันเสียแล้ว…


 


ตอนนี้กลางอกของมันปรากฏรอยขวางยืดยาวหนึ่ง โลหิจพุ่งทะลักออกมาปานเขื่อนแตก แลดูสยดสยองนัก!


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย คมมีดมิติที่เดิมสมควรตัดผ่านร่างมันให้เป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย กลับอันตรธานหายไปปรากฏเบื้องหลังมันอย่างประหลาด! จากนั้นก็ตีวงโค้งพุ่งกลับไปปานเส้นสายอัสนี ก่อนจะไปม้วนวนรอบมือต้วนหลิงเทียน ปานเกลียวพลัง…


 


“ขอบคุณเจ้าที่เมตตาละเว้นข้า!”


 


โม่ผิงจื่อเร่งประสานมือกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าซีดเซียว มันยังหวาดกลัวไม่หายจริงๆ ตอนนี้เหงื่อกาฬทะลักออกมาพลั่กๆจนร่างมันเปียกซ่ก ยามสายลมพัดผ่าน ชวนให้บังเกิดเป็นความหนาวสะท้านจับใจนัก!


 


และมันมันรู้แก่ใจดี…


 


เมื่อครู่หากไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนเมตตาปราณี…ตอนนี้มันคงตกตายไปแล้ว!!

 

 

 


ตอนที่ 3158

 

“อะ…”


 


ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเบื้องหน้า ทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ของคฤหาสน์หั่วหลีอื้ออึงจนยากจะดึงสติได้อยู่นาน


 


เนื่องเพราะฉากดังกล่าวมันน่าทึ่งเกินไป


 


ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงทำลายกระบวนท่าของถานหยวนกับโม่ผิงจื่อ ยังทำร้ายถานหยวนกระทั่งเกือบพรากหนึ่งชีวิตของโม่ผิงจื่อไปแล้ว…


 


ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าใครที่ชมดูอยู่ก็บอกได้ทันที ว่าหากไม่ใช่เพราะความเมตตาของต้วนหลิงเทียน โม่ผิงจื่อคงไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว


 


ในเวลาเดียวกับที่เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ของคฤหาสน์หั่วหลีกำลังตกตะลึงอึ้งค้างนั้นเอง…


 


“ระวัง!!”


 


เสียงตะโกนถานหยวนโพล่งดังมาแต่ไกลแถมกึกก้องสนั่นปานฟ้าร้อง! ทำให้หูศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 6 แทบหนวก!!


 


อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินถ้อยคำวาจา ใจพวกมันก็สะท้านไปทันใด


 


และวินาทีต่อมา พวกมันไม่ทันได้ตอบสนองอะไร เบื้องหน้าก็ปรากฏประกายแสงสีเทาสว่างวาบขึ้น จากนั้นแผ่นอกของพวกมันก็รู้สึกเสมือนมีความเยียบเย็นจับใจพาดทับ!


 


พอก้มลงไปมองดู ก็พบว่าบัดนี้ชุดคลุมทั้งเสื้อบริเวณอก กลับขาดเปิดเป็นร่อง! เนื้อพวกมันยังประหนึ่งถูกคว้านหายไป เป็นแถบ โลหิตพุ่งทะลักออกมาอย่างสยดสยอง!!


 


แต่ถึงโลหิตจะพุ่งทะลักชวนสยอง ก็ยังเป็นแค่แผลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายอะไรมากมาย


 


กล่าวได้ว่าเป็นผู้ลงมือมีเมตตาให้พวกมันมากแล้ว


 


วูบ!


 


ในขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 6 โดนเล่นงานจนหน้าเสีย ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปอีกครั้ง หลบดาบสีทองของถานหยวนที่จู่โจมเข้ามาได้อย่างง่ายดาย!


 


“บัดซบ!”


 


สีหน้าถานหยวนดูไม่ได้นัก


 


“ศิษย์พี่ถานพอเถอะ…การโจมตีของมันทรงพลังเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นแม้ความเร็วของมันจะด้อยกว่าท่านอยู่บ้าง แต่ความเคลื่อนไหวของมันพิสดารทั้งฉับพลันเกินไป ความเร็วระดับท่าน ไม่ได้มีความหมายอะไรในสายตามันเลย…”


 


เสียงโม่ผิงจื่อดังขึ้น และเป็นการกล่าวเตือนถานหยวนด้วยความหวังดี


 


ขณะเดียวกัน มันก็ไม่รอให้ถานหยวนตอบสนองอะไร หันมองไปทางต้วนหลิงเทียนที่พึ่งวูบร่างหลบการโจมตีถานหยวนได้อย่างง่ายดาย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ต้วนหลิงเทียน เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไปจริงๆ…หวังว่าเจ้าจะช่วงชิงอันดับ 1 มาได้”


 


กล่าวจบคำ โม่ผิงจื่อก็บดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน เลือกถอนตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณเดือนนี้


 


หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนมีเมตตา มันคงตกตายไปแล้ว


 


อันที่จริงคำเตือนด้วยความหวังดีที่มันมีให้ถานหยวนนั้น ค่อนข้างแรงเกินไปอยู่บ้าง ทำให้ขณะที่กำลังถูกส่งตัวออกจากแดนสววรรค์ใต้โบราณ โม่ผิงจื่อก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังถานหยวนด้วยสายตาขอขมา


 


“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้า!”


 


“ต้วนหลิงเทียน บุญคุณที่เจ้าไว้ชีวิตข้าครั้งนี้ข้าจะจำไว้ วันหน้าหากมีโอกาสข้าต้องตอบแทนเจ้าแน่นอน!”


 


“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้ามากที่ไม่เอาชีวิตข้า”


 



 


หลังโม่ผิงจื่อทำลายป้ายหยกจนถูกอาคมส่งตัวออกไป เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ที่มัววแต่เหม่อจนไม่ทราบว่าตัวเองโดนอะไรเฉือนอกด้วยซ้ำ ก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ เร่งหยิบป้ายหยกออกมาด้วยสีหน้าขมขื่น


 


อย่างไรก็ตาม ก่อนจะบดขยี้ป้ายหยยก พวกมันก็ไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนด้วยความสำนึก


 


นั่นเพราะหากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนเมตตาปราณี พวกมันจนตกตายก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกตายอย่างไร


 


หลังกล่าวขอบคุณ พวกมันก็ไม่มีหน้าอยู่ต่อแม้วินาทีเดียว เช่นนั้นจึงบีบป้ายหยกสะสมคะแนนและจากไปทันที


 


“ความลึกซึ้ง แสงเงา!”


 


ได้ยินคำเตือนของโม่ผิงจื่อ ถานหยวนที่ฉุนเฉียวก็ค่อยๆสงบสติลง


 


เมื่อครู่เป็นมันได้รับบาดเจ็บจากการลงมือของต้วนหลิงเทียน จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็พุ่งไปเล่นงานศิษย์น้องมันทั้ง 6 โดยที่มันไม่มีปัญญาช่วยเหลือ กระทั่งพอลงมือก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย จึงทำให้มันเดือดดาลจนถูกโทสะเข้าครอบงำอยู่บ้าง


 


คำเตือนของโม่ผิงจื่อก่อนจะจากไป แม้จะเป็นความจริงแต่ก็ค่อนข้างแรง ทว่าสำหรับมันที่กำลังหัวร้อนนั้น คำแรงๆย่อมไม่ต่างอะไรจากน้ำเย็นราดรดลงหัว พาลให้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ จากนั้นมันก็เร่งเร้าพลังใช้ออกด้วยความลึกซึ้งแสงเงาของกฏแห่งทอง เพื่อหลบหนีทันที!


 


และในขณะที่ถานหยวนปะทุพลังใช้ความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งทอง พร้อมทั้งความลึกซึ้งอื่นๆเพื่อหลบหนีไปนั้นเอง


 


“ช้าไป!”


 


เสียงของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น จากนั้นร่างถานหยวนที่พึ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวก็ชนเข้ากับความว่างเปล่าอย่างจัง จนห้วงอากาศเบื้องหน้าสะเทือนเลือนลั่น ทว่าไม่พังทลายแต่อย่างใด เป็นมันที่หน้าหงายเด้งกลับมา…


 


“นี่มัน…ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติ!”


 


รูม่านตาถานหยวนหดแคบลงทันใด


 


อย่างไรก็ตามแม้ร่างจะเด้งสะท้อนกลับมา แต่มันก็ไม่คิดจะยอมง่ายๆ สองมือพุ่งไปเบื้องหน้า รวมรั้งพลังจู่โจมออกไปเร็วไว!


 


และคราวนี้การโจมตีของมันไม่ได้เล็งไปยังต้วนหลิงเทียน หากแต่เป็นความว่างเปล่าเบื้องหน้า


 


มันเองก็รู้ดี


 


ว่าความลึกซึ้งกักกันของกฏมิตินั้น ถึงแม้จะสามารถผนึกห้วงมิติได้ อย่างไรก็ตามขอเพียงมีพลังมากพอ ก็สามารถทลายห้วงมิติที่ถูกผนึกได้เช่นกัน!


 


และตอนนี้มันก็ต้องการทำลายห้วงมิติที่ผนึกขังรอบๆของต้วนหลิงเทียน!


 


วู้มมม!!


 


วู้มมม!!


 



 


อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกับที่ถานหยวนรวมรั้งพลังลงมือ ก็อุบัติเปลวเพลิงสีทองลุกโชนขึ้นในความว่างเปล่า


 


เปลวเพลิงที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่า เริ่มแผ่ขยายทั้งแปรสภาพกลับกลายเป็น รูปเหลี่ยมปานเพชรห้อมล้อมร่างถานหยวนเอาไว้ ปานคุกเพชร!


 


และที่ไฉนมันเป็นรูปเพชร เนื่องเพราะห้วงมิติกักกันของต้วนหลิงเทียน ได้ขึ้นโครงเป็นรูปเพชรนั่นเอง พลังเพลิงสีทองแค่เพียงฉาบเคลือบไปตามห้วงมิติที่ถูกผนึกเท่านั้น!


 


ที่ไฉนต้วนหลิงเทียนต้องใช้พลังของเพลิงเทพโกกลาหลและทองเทพสุดลี้ลับในลักษณะนี้ เพราะเขารู้ดีว่าอาศัยแค่ความลึกซึ้งกักกันของเขาอย่างเดียว คงยากจะกักตัวถานหยวนเอาไว้ได้…


 


ตอนนี้พอมีพลังของเพลิงเทพโกกลาหลกกับทองเทพสุดลี้ลับหนุนเสริม แม้จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องการป้องกันแม้แต่น้อย แต่ก็อาศัยรุกแทนรับ คอยทำลายพลังกระบวนท่าของถานหยวน จึงสามารถกักขังถานหยวนได้สักพัก


 


เป็นธรรมดาว่าเมื่อถานหยวนรวมรั้งพลังจู่โจมเข้าใส่ไม่หยุด พลังเพลิงสีทองก็เริ่มอ่อนโทรมลงทุกขณะ และส่อแววจะสลายหายไปได้ทุกเวลา!


 


ทว่าคิดจะทำให้มันสลายหายไป ก็จำต้องใช้เวลาสักครู่!


 


สักครู่ที่ว่าก็ราวๆ 3-4 ลมหายใจ


 


ทว่าสำหรับต้วนหลิงเทียน ขอแค่ครึ่งของครึ่งลมหายใจก็เกินพอแล้ว


 


ซัว!!


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างไม่ไกล พลันสะบัดมือต่างมีดดาบฟันฟาดไปทางถานหยวนที่ถูกกักขัง


 


ทันใดนั้นเองคมมีดมิติที่วนเวียนรอบมือต้วนหลิงเทียน ก็ปรากฏเพลิงพลังสีทองฉาบเคลือบอีกครา จากนั้นมันก็พุ่งทะยยานตัดฟ้าไปด้วยสภาวะพลังปานจะตัดผ่าได้ทุกสรรพสิ่ง!


 


แคร่ก!!


 


เมื่อเผชิญหน้ากับคมมีดมิติที่ฉาบเคลือบเพลิงพลังสีทองอันน่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง ถานหยวนไม่คิดสิ่งใดให้มากความ เร่งสะบัดมือเรียกป้ายยหยยกสะสมคะแนนออกมาบีบ ด้วยสีหน้าอัปลักษณ์!


 


และในเวลาที่คมมีดมิติอันฉาบไปด้วยเพลิงพลังสีทองพุ่งเข่นฆ่าผ่านกรงมิติรูปเพชรสีทองเข้ามา ถานหยวนก็ถูกส่งตัวออกไปพอดี..


 


เป็นธรรมดาว่าถึงมันจะไม่หลบหนีออกไป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะฆ่ามันจริงๆ


 


ครั้งนี้ที่เขามาดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีทั้งกล่าววาจายยั่วยุท้าทาย ก็เรียกว่าข้ามเส้นผู้อื่นเขาไปแล้ว หากยังเข่นฆ่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไม่เลือกหน้าอยู่อีก เกรงว่าสถานการณ์คงเกินจุดถอยกลับ


 


ถึงตอนนั้นไม่พ้นคฤหาสน์หั่วหลีต้องเคียดแค้นชิงชังเขาจับใจ!


 


แต่ครั้งนี้ถึงเขาจะไปปิดกั้นท้าทายค่ายคฤหาสน์หั่วหลี รวมถึงกำจัดศิษย์พวกมันไปครึ่งร้อย ทว่าเขาไม่ได้ฆ่าคนของพวกมันแม้แต่คนเดียว เช่นนั้นต่อให้คฤหาสน์หั่วหลีคิดเอาคืน ก็คงไม่ทำอะไรเกินเลย


 


เป้าหมายของต้วนหลิงเทียนก็มีแค่คะแนนสะสมเท่านั้น


 


ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่กังวลเรื่องยั่วยุคฤหาสน์หั่วหลีสักเท่าไหร่ แม้อาจจะเสี่ยงไปบ้าง เขาก็ยินดีแบกรับความเสี่ยงดังกล่าว


 


เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ฆ่าศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีสักคน


 


“ตอนนี้คะแนนข้ามีเท่าไหร่แล้วนะ…”


 


หลังจัดการถานหวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเรียกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาทันที จากนั้นพอแผ่สำนึกเทวะลงไปตรวจสอบ ลูกตาเขาก็หดเล็กลงเร็วไว


 


จากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างพลางเปล่งแสงระยิบระยับ ราวดวงดาวกลางฟ้ายามค่ำคืน


 



 


ณ คฤหาสน์หั่วหลี


 


บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายตามจุดต่างๆ


 


โม่ผิงจื่อรวมถึงศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ที่ถูกจัดการ ก็แยกย้ายกันไปปรากฏตัวตามค่ายกลรับตัวต่างๆในเวลาไล่เลี่ยกัน


 


“โม่ผิงจื่อ?”


 


“อะไร!? ศิษย์พี่โม่ผิงจื่อถูกกำจัดงั้นหรือ?!”


 



 


ทันใดนั้นเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลีบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายก็อลหม่านกันยกใหญ่ เมื่อพบว่าโม่ผิงจื่อกับศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ถูกกำจัดออกมาในเวลาติดๆกัน


 


วิ้งง!!


 


และค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวในตำหนักเคลื่อนย้ายหนึ่งในนั้น ก็ปรากฏร่างหนึ่งถูกส่งกลับมาไล่หลัง…


 


พอคนผู้นี้ปรากฏตัวออกมา จุดเคลื่อนย้ายเดิมก็แตกตื่นฮือฮาอยู่แล้ว บัดนี้เรียกว่าวุ่นวายประหนึ่งฟ้าจะถล่มทลายกันเลยทีเดียว


 


“ถานหยวน!”


 


“ศิษย์พี่ถานหยวน!!”


 


“จ้าวสวรรค์ช่วย! ศิษย์พี่ถานก็ถูกกำจัดออกมาด้วยงั้นหรือ!?”


 


“บ้าไปแล้ว! ข้าพึ่งได้รับข้อความจากสหายที่ตำหนักเคลื่อนย้ายอีกหลังว่าศิษ์พี่โม่ผิงจื่อพึ่งถูกกำจัดออกมา! ให้ตายเถอะ…กระทั่งศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อที่แข็งแกร่งที่สุดของคฤหาสน์หั่วหลีเรา ยังถูกกำจัดงั้นหรือ!?”


 


“นี่ยังต่างอะไรกับคฤหาสน์หั่วหลีพวกเราถูกตัดมือตัดเท้า?”


 



 


พอพบว่ากระทั่งถานหยวนก็โดนกำจัดออกมา จุดเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์หั่วหลี ก็มีสภาพไม่ต่างอะไรจากตลาดสดยามเช้า


 


“พวกเจ้าดูนั่น…ดูที่ตารางจัดอันดับเร็ว!!”


 


ได้ยินเสียงอุทานกระตุ้นเตือนหนึ่ง เหล่าศิษย์และอาวุโสหลายๆคนก็หันไปมองตารางจัดอันดับโดยไม่รู้ตัว


 


และพอมองไปปราดเดียว ก็ถูกอักษร 3 ตัวอ่านว่า ‘ต้วน หลิง เทียน’ ที่เด่นหราอยู่หัวตารางดึงดูดไปทันที


 


ตอนนี้ชื่อของต้วนหลิงเทียนที่เดิมอยู่ในอันดับที่ 12 ก็ได้พุ่งพรวดขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 5 ของงตารางจัดอันดับ


 


ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยว


 


286 แต้ม อันดับที่ 5


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


หลังเห็นอักษร 3 ตัวอ่านว่า ต้วนหลิงเทียน อยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางจัดอันดับพร้อมด้วยคะแนนสะสม 286 แต้ม เหล่าศิษย์ทั้งอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สรรพเสียงเซ็งแซ่ก่อนหน้าเงียบหายไปหมด คงเหลือแต่เสียงลมหายใจเท่านั้น


 


ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว ไม่ทันไรก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 แล้ว!


 


และพอตระหนักได้ว่า ต้วนหลิงเทียนยังพึ่งเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ถึง 2 วัน พวกมันก็รู้สึกว่าความสำเร็จนี้ของต้วนหลิงเทียน มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!


 


“ในประวัติศาสตร์แดนสวรรค์ใต้โบราณ ช่วงต้นเดือน ข้าจำได้ว่าไม่เคยมีใครได้คะแนนสะสมมากขนาดนี้ทั้งที่พึ่งเข้าไปไม่ถึง 2 วันใช่ไหม?”


 


อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์หั่วหลี หันไปถามสหายที่นั่งอึงบริเวณโต๊ะบริการ


 


“สมควรไม่มี”


 


“บ้าไปแล้ว! ไม่ถึง 2 วันมันมี 286 แต้ม…สถิตินี้มากพอจะถูกบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง!!”


 


“หากข้าจำไม่ผิด ผู้ที่ได้คะแนนสะสมมากที่สุดในเวลา 2 วันช่วงต้นเดือน…ก็เหมือนจะได้แค่ 190 แต้มเท่านั้น…”


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้มันเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ปรากฏตัวออกมาไม่ถึงเดือน…แต่กลับทำให้พวกเราจดจำมันได้สำเร็จ! อย่างน้อยๆตอนนี้หากพวกเราไม่สูญเสียความทรงจำไป ชั่วชีวิตนี้ข้าว่าไม่มีทางลืมชื่อมันได้แน่นอน!”


 


“ให้ตายเถอะ คฤหาสน์เฉวียนโยวมันไปพบเจอสัตว์ประหลาดตัวนี้มาจากที่ใดกัน?”


 



 


เมื่อเรื่องราวดังกล่าววแพร่ออกไป คฤหาสน์หั่วหลีก็เสมือนถูกจับเขย่า


 


และไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้…ทั้งคฤหาสน์หั่วหลีก็ทราบดี ว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนได้รับคะแนนสะสมมากพอ จนพุ่งขึ้นมาถึงอันดับ 5 ในคราเดียว เป็นเพราะอีกฝ่ายจัดการถานหย่วนกับโม่ผิงจื่อ…มือดีทั้ง 2 ของคฤหาสน์หั่วหลีพวกมัน!


 


ก่อนที่จะถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ โม่ผิงจื่อก็มีคะแนนสะสมอยู่เกือบ 100 แต้ม


 


ถานหยวนที่แข็งแกร่งกว่าแต่เข้ามาหลังโม่ผิงจื่อ 3 วัน ก็มีคะแนนสะสมอยู่เกือบ 100 เช่นกัน…


 


พอรวมกับคะแนนของศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์หั่วหลีอีก 6 คน ก็ทำให้คะแนนสะสมของต้วนหลิงเทียนจากเดิมที่มีอยู่ 93 แต้ม พุ่งไปเป็น 286 แต้มทันที!


 


“เพราะอันใด? ไฉนพวกเจ้าไม่รีบหนีไปแต่แรก?”


 


“พวกเจ้ามีโอกาสที่จักหลบหนีมันได้ทันถมเถ! แต่พวกเจ้ากลับเลือกเฝ้ารอต้วนหลิงเทียนนั่น…นี่พวกเจ้าคิดว่าพลังฝีมือของตัวเองเหนือกว่ามันงั้นรึ?”


 


“บัดซบ! ทั้งๆที่พวกเจ้าสามารถเลี่ยงมันได้แท้ๆ…แต่เป็นเพราะความถือดีโง่ๆของพวกเจ้า ถึงทำให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันได้คะแนนสะสมของพวกเจ้าไปทั้งหมด!!”


 


“แค่เรื่องก่อนหน้า เดือนนี้คฤหาสน์หั่วหลี่เราก็ขายขี้หน้าผู้อื่นจะแย่ มาคราวนี้พวกเราไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้วจริงๆ…ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพวกเจ้า!!”


 



 


ภายในห้องโถงอันกว้างขวาง ตอนนี้เหล่าอาวุโสระดับสูงของคฤหาสน์หั่วหลี กำลังตำหนิศิษย์ทั้ง 7 ที่ยืนเรียงกันเบื้องหน้าอย่างเกรียวกราด


 


ศิษย์ทั้ง 7 ที่ว่า ก็คือโม่ผิงจื่อกับศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ที่พึ่งถูกต้วนหลิงเทียนกำจัด


 


กล่าวไปล่าสุดต้วนหลิงเทียนได้กำจัดคนออกมาทั้งสิ้น 8 คน


 


ทว่าถานหยวนกลับไม่อยู่ที่นี่

 

 

 


ตอนที่ 3159

 

ในฐานะยอดฝีมืออันดับ 1 ขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเป็นผู้ที่คฤหาสน์หั่วหลี่เพาะสร้างมาเพื่อเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางโดยเฉพาะ ถานหยวนที่มีอายุได้ 500 กว่าปี นับว่ามีฐานะไม่ใช่ชั่วในคฤหาสน์หั่วหลี


 


ด้วยเหตุนี้ต่อให้จะโดนอาวุโสระดับสูงเรียกหา ถานหยวนก็หาได้แยแสอันใด กระทั่งแสดงความเย่อหยิ่งด้วยการไม่ไป


 


แน่นอนว่าโม่ผิงจื่อเองก็สามารถเพิกเฉยการเรียกตัวของอาวุโสเหล่านี้ได้เช่นกัน เพราะมันยังมีอายุน้อยกว่าถานหยวนมาก และเป็นคนที่คฤหาสน์หั่วหลีเพาะสร้างไว้สำหรับแข่งขันชิงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเช่นกัน


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนที่เหลือ โม่ผิงจื่อก็เลือกที่จะมา


 


และนี่นับเป็นข้อดีของโม่ผิงจื่อ


 


การที่โม่ผิงจื่อมาร่วมรับคำตำหนิด้วยแบบนี้ ทำให้ศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ซาบซึ้งนัก เพราะพวกมันรู้ดีว่าคนระดับโม่ผิงจื่อไม่จำเป็นต้องมาก็ได้


 


“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย…เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับศิษย์น้องทั้ง 6 เลย เป็นข้าเองที่ดูเบาต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเกินไป และคิดว่าหากข้าร่วมมือกับศิษย์พี่ถานหยวนก็มากพอจะจัดการมันได้แล้ว”


 


โม่ผิงจื่อที่ฟังคำตำหนิจบ ก็กล่าวยอมรับความผิดออกมาตรงๆ


 


และเมื่อโม่ผิงจื่อเลือกที่จะยอมรับความผิดออกมาโดยสดุดีแบบนี้ อาวุโสระดับสูงทั้งหลายก็รู้สึกเสมือนมีอะไรติดค้างในลำคอจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะตำหนิต่อก็ไม่ได้ เพราะพวกมันเองก็ไม่กล้าต่อว่าทั้งตำหนิอะไรโม่ผิงจื่อมากนัก


 


เพราะหากยังคงเลือกจะตำหนิโม่ผิงจื่ออยู่อีกทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ยอมรับผิดแล้ว เกิดอีกฝ่ายมีโมโหขึ้นมา เดือนหน้าพวกล่อปิดด่านบ่มเพาะ กระทั่งไม่คิดเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกต่อไป คฤหาสน์หั่วหลีพวกมันไม่ประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หรือไร?


 


หลังอึกๆอักๆกันอยู่สักพัก ในที่สุดรองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลี ก็ก้าวออกมากล่าวคำ “เอาล่ะ เรื่องนี้ความจริงพวกเราก็มิอาจโทษผิงจื่อได้…ถึงอย่างไรเสียผิงจื่อก็มิเคยเจอต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาก่อน”


 


“ในเมื่อไม่ทราบถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน เพียงรู้ว่าอายุไม่ถึงร้อยปีและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6-7 ประการ ที่สำคัญยังมีถานหยวนยังอยู่ทั้งคน ก็เป็นปกติที่จักมั่นใจว่าสู้ไหว…”


 


“หากข้าคิดไม่ผิด…เป็นศิษย์ฝ่ายยนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนยนั่น พลังฝีมือมันร้ายกาจเกินไป!!”


 


“ข้ามิทราบจริงๆ ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวไปหาคนนอกที่ร้ายกาจเช่นนี้มาจากที่ใดกัน…”


 


พอกล่าวจบ รองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลียังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


อาวุโสคนอื่นๆของคฤหาสน์หั่วหลีเองก็เห็นด้วย


 


พอเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ที่ยืนอยู่กับโม่ผิงจื่อก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในใจยิ่งรู้สึกขอบคุณโม่ผิงจื่อมากขึ้น


 


เพราะพวกมันรู้ดี


 


หากไม่ใช่เพราะมีโม่ผิงจื่อช่วยพูด เหล่าอาวุโสไม่พ้นต้องเอาโทสะและความไม่พอใจทั้งหมด มาลงหัวพวกมัน 6 คนแน่นอน…


 



 


“ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกที่โด่งดังของคฤหาสน์เฉวียนโยว ตอนนี้มีคะแนนสะสม 286 แต้ม และติดอยู่ในอันดับที่ 5 แล้วหรือ…”


 


“ที่สำคัญ เจ้านั่นมันยังเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณไปไม่ทันถึง 2 วันด้วยซ้ำ!”


 


“ให้ตายเถอะ นี่ไอพวกคฤหาสน์เฉวียนโยวมันไปขุดคนนอกเช่นนี้มาจากที่ใดกันแน่ ไม่เพียงแต่จะไม่เล่นไปตามเกม แต่พลังฝีมือยังสูงถึงระดับนี้อีก…เดือนนี้คฤหาสน์หั่วหลีนับว่าถูกถล่มยับแล้วจริงๆ!”


 


“พูดก็พูดเถอะ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจะไม่หาญกล้าไปหน่อยหรือไร…นี่มันไม่กังวลบ้างรึ ว่าคฤหาสน์หั่วหลีจะเคียดแค้นมันจนหาทางเอาคืน?”


 


“แล้วเจ้าคิดว่าคนอย่างต้วนหลิงเทียนนั่นมันหัวเดียวกระเทียมลีบไร้พื้นเพหรือไร? อย่างน้อยๆก่อนที่คฤหาสน์หั่วหลีจะสืบเสาะความเป็นมาขอมันจนพบ ย่อมไม่มีวันกล้าแตะต้องมันแน่! กระทั่งช่วงนี้คฤหาสน์หั่วหลียังต้องภาวนาอย่าให้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วยซ้ำ! เพราะหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมัน คฤหาสน์หั่วหลีไม่พ้นตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก!!”


 


“ที่ข้าอยากรู้จริงๆก็คือ คฤหาสน์เฉวียนโยวไปหาความช่วยเหลือภายนอกเช่นมันมาจากที่ใด? แล้วไม่ทราบคฤหาสน์เฉวียนโยวให้อะไรต้วนหลิงเทียนเป็นค่าจ้างกันแน่? ไฉนตัวตนเช่นมันถึงได้เต็มใจเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางในนามคฤหาสน์เฉวียนโยว?”


 


“เฮ่อ ข้าเกรงว่าเรื่องพวกนี้ คงมีแค่คฤหาสน์เฉวียนโยวกับตัวต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ทราบ…”


 



 


คฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ก็ตกใจกับปรากฏการณ์ที่ต้วนนหลิงเทียนขึ้นไปติดอันดับ 5 ในเวลาไม่ถึง 2 วันเช่นกัน


 


กระทั่งให้เป็นคนที่ปกติไม่ค่อยสนใจเรื่องราวการแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเลย เดือนนี้ยังล่วงรู้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมีคนชื่อต้วนหลิงเทียนอยู่


 


และคฤหาสน์ที่เป็นที่กล่าวขานถึงมากที่สุดตอนนี้ ก็ไม่พ้นคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล่าวถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยความสนใจแบบนี้


 


นับว่าการกระทำของต้วนหลิงเทียน ได้ทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวกลายเป็นจุดสนใจอย่างมาก


 


“เจ้าหนูอันประเสริฐ! ไม่ถึง 2 วันก็คว้าอันดับที่ 5 มาได้แล้ว! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมนัก!!”


 


1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว ฉีเทียนหมิง  พอได้รับรายงานเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความสะใจ


 


และตอนนี้มันหัวเราะในนามผู้ตรวจการคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว ตัวมันในนฐานะที่เป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่ง ย่อมยินดีไม่น้อยที่มีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวประสบผลเลิศล้ำในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


ไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง


 


“ต้วนหลิงเทียน…ขึ้นไปถึงอันดับ 5 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว?”


 


“นอกจากนั้น…กระทั่งถานหยวนกับโม่ผิงจื่อของคฤหาสน์หั่วหลีร่วมมือกัน ยังพ่ายแพ้มันอีกงั้นหรือ!? พลังฝีมือของมันร้ายกาจถึงขนาดนั้นเชียว?”


 


ผู้ตรวจการอีกคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่าง ปี้ไห่หมิงเฟิง เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


“หากข้าจำไม่ผิด…ต้วนหลิงเทียนคนนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกับศิษย์ใหม่ของนิกายอมตะเหอฮวนคนหนึ่ง ที่พึ่งรับมาจากทะเลสาบอวิ๋นเยียนคราวก่อนใช่ไหม?”


 


“ศิษย์ใหม่ผู้นั้น…ชื่ออันใดแล้วนะ…”


 


ปี้ไห่หมิงเฟิงพึมพำถึงจุดนี้ ก็นำลูกแก้ววิญญญาณพร้อมยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาบดขยี้ ติดต่อไปหาคนของนิกายอมตะเหอฮวน นิกายอมตะระดับ 7 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 นิกาย 2 ตระกูลที่อยู่ใต้คฤหาสน์เฉวียนโยวทันที


 


และคนที่มันคิดต่อไปหา ก็คือ 1 ใน 3 ประมุขของนิกาอมตะเหอฮวน และยังเป็นประมุขใหญ่ ที่ดำรงตำแหน่งประมุขก่อนใครและอยู่นานกว่าใครในบรรดาประมุขทั้ง 3


 


“รีบไปตรวจสอบเสีย! ว่าศิษย์ใหม่ของนิกายอมตะเหอฮวนที่พวกเรารับมาจากทะเลสาบอวิ๋นเยยียนเมื่อคราวก่อน เป็นผู้ใดที่มาจากสถานที่เดียวกันกับต้วนหลิงเทียน!?”


 


ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนคนนั้น พอได้รับทราบเรื่องราวจากปี้ไห่หมิงเฟิงก็เร่งถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันที


 


อายุไม่ถึง 100 ปี บรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติอย่างน้อย 6 ประการ…


 


เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช่วงต้นเดือนได้ไม่ถึง 2 วัน ก็ขึ้นไปติดอยู่ในอันดับที่ 5…


 


ตัวตนนเช่นนี้หากไม่ตกตายไปก่อนวัยอันควร ก็เสมือนฟ้าลิขิตให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่มีอนาคตไร้ขีดจำกัด!


 


ตอนนี้เมื่อมีโอกาสที่จะสานไมตรีกับตัวตนที่อาจจะเป็นผู้ยยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า นิกายยอมตะเหอฮวนไหนเลยจะพลาด?


 


“ศิษย์เจียหลง ขอคารวะท่านประมุขใหญ่”


 


หวงเจียหลงที่อยู่ๆก็ถูกพามาเข้าพบประมุขลำดับ 1 ของนิกายอมตะเหอฮวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยนัก ด้วยไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น


 


หรือน้องต้วนหลิงเทียนของมันจะไปก่อเรื่องอะไรเข้า?


 


“เจ้าเรียกว่าหวงเจียหลงใช่หรือไม่?”


 


หวงเจียหลงซึ่งแต่เดิมประหม่าและกังวลไม่น้อย พอเห็นว่าประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนมองถามมันด้วยใบหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงใจดี มันก็ไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอยย่างโล่งอกในใจ


 


ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ได้แย่อย่างที่มันคิด


 


“เจ้ารู้จักต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”


 


ประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนที่มองจ้องหวงเจียหลงอยู่ หยีตาลงเล็กน้อยค่อยเอ่ยถามออกไปตรงๆ


 


“เขาเป็นดั่งพี่น้องของข้า”


 


หวงเจียหลงพยักหน้า “ท่านประมุขใหญ่ อยู่ๆท่านถามเรื่องนี้…หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่น้องข้า?”


 


สีหน้าขณะเอ่ยถามออกไปของหวงเจียหลงแลดูตึงเครียดไม่น้อย ในแววตายังฉายัชดถึงความวิตกกังวล


 


ถึงแม้มันกับต้วนหลิงเทียนจะคบหาเป็นสหายกันไม่นาน แต่ด้วยความถูกชะตามันจึงเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรกับเพื่อนแท้และเป็นดั่งพี่น้อง


 


“เจ้าพบกับต้วนหลิงเทียนได้อย่างไรหรือ?”


 


ประมุขนิกายอมตะเหอฮวนเอ่ยถาม


 


“พวกเราเจอกันที่ประเทศฝูชิว…แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนของประเทศฝูชิว ส่วนข้าเป็นลูกชายของเจ้าเมืองๆหนึ่งในประเทศฝูชิว”


 


หวงเจียหลงกล่าว


 


“หึ!”


 


ทว่าพอหวงเจียหลงกล่าวจบคำ อยู่ๆประมุขนิกายยอมตะเหอฮวนก็แค่นเสียงหึเยียบเย็นออกมา “เรื่องเหลวไหลอย่าได้กล่าว…ข้าขอถามเจ้าอีกคำ เจ้าแน่ใจหรือว่าต้วนหลิงเทียนนั่นเป็นดั่งพี่น้องกับเจ้า?”


 


“…ใช่ เขาเป็นดั่งพี่น้องของข้า!”


 


ทันใดนั้นสีหน้าของประมุขนิกายอมตะเหอฮวนก็เปลี่ยนเป็นอำมหิต และนั่นทำให้หน้าหวงเจียหลงเปลี่ยนสีไปทันที ใจยังสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ เพราะดูเหมือนเรื่องที่มันคาดเดาไว้ตอนแรกจะไม่ผิดแน่แล้ว…ต้วนหลิงเทียนสมควรก่อเรื่องอะไรบางอย่าง!


 


ยิ่งไปกว่านั้น สมควรเป็นเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้ประมุขนิกายอมตะเหอฮวนขุ่นเคือง!


 


“เจ้าสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั่นใช่หรือไม่?”


 


ประมุขนิกายยอมตะเหอฮวน มองจ้องหวงเจียหลงตาเขม็ง เอ่ยออกเสียงเข้ม “ส่งลูกแก้ววิญญาณของเจ้ามาเสีย…ข้าจักใช้ลูกแก้ววิญญาณของมันเป็นสื่อ เพื่อบอกว่าเจ้าตกอยู่ในกำมือข้า….และหากมันไม่มาข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”


 


“แน่นอนว่าเจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้คิดจะฆ่าเจ้าจริงๆ…ข้าเพียงจะหลอกให้มันมาเท่านั้น”


 


“รอมันมาแล้วข้าฆ่ามันได้เมื่อไหร่ ข้าจักรับเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัวทันที…วันหน้าต่อให้เจ้าอยากขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของนิกายอมตะเหอฮวน ก็มิใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!”


 


ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของประมุขนิกายอมตะเหอฮวนยังแฝงความล่อลวงไม่น้อย ราวกับจะเกลี้ยกล่อมให้หวงเจียหลงร่วมมือกับมันและล่อต้วนหลิงเทียนมาฆ่าให้จงได้


 


“ท่านประมุข…มิทราบน้องต้วนหลิงเทียนของข้าไปล่วงเกินท่านด้วยเรื่องอะไรหรือ?”


 


หน้าหวงเจียหลงเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง ขณะเดียวกันมันก็สะบัดชายเสื้อคลุม สืบเท้าข้างหนึ่งถอยไปด้านหลัง เตรียมคุกเข่าลงไปเพื่อร้องขอความเมตตา


 


แคร๊ก!


 


อย่างไรก็ตามเมื่อเข่าหวงเจียหลงจรดพื้น กลับปรากฏเสียงวัตถุแตกดังขึ้นจากใต้เข่า จากนั้นพอมันลุกขึ้นยืนจึงเห็นว่าบนพื้น ปรากฏเศษแก้วแหลกละเอียดกองหนึ่ง…


 


วิญญาณที่ประทับไว้ในนั้นก็หายไปด้วย


 


ปกติแล้ว ลูกกแก้ววิญญาณจะแตก หลังคนที่ประทับวิญญาณไว้ตายตก


 


อย่างไรก็ตามหากลูกแก้ววิญญาณถูกทำลายด้วยกำลัง วิญญาณที่ประทับเอาไว้ในนั้นก็จะหายไปเช่นกัน


 


“น้องต้วน เจ้าอย่าได้หลงเชื่อคำขู่ใดๆของคนจากนิกายอมตะเหอฮวนเด็ดขาด! ประมุขนิกายอมตะเหอฮวนให้ข้ามอบลูกแก้ววิญญาณของเจ้าออกไป หมายใช้ข้าข่มขู่เพื่อล่อเจ้ามาฆ่าที่นิกายอมตะเหอฮวน! หลังเจ้าได้รับข้อความนี้ข้าจะทำลายลูกแก้ววิญญาณของเจ้าทิ้งทันที เพื่อไม่ให้มันใช้หลอกอะไรเจ้าได้!!”


 


“หากชาติหน้ามีจริง ข้ายังอยากเป็นพี่น้องที่ดีกับเจ้าอีกครั้ง!!”


 


ก่อนที่จะทำลายลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียน ขณะสะบัดชายเสื้อคลุมไปด้านหลังเตรียมคุกเข่า หวงเจียหลงก็ได้ลอบเรียกยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาบดขยี้เพื่อส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียน


 


“เจ้า…เจ้าทำลายลูกแก้ววิญญาณของมัน?”


 


ประมุขนิกายอมตะเหอฮวน อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เจ้าไม่กลัวตายงั้นรึ?”


 


“ความตาย ยังมีผู้ใดไม่กลัว? แต่หากเจ้าคิดให้ข้าทรยศพี่น้องนั่นเป็นไปไม่ได้! ต่อให้ข้าหวงเจียหลงต้องตาย ข้าก็ไม่มีวันขายสหายกับพี่น้อง!!”


 


หวงเจียหลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทระนง


 


ตอนนี้เมื่อมันรู้ว่าอย่างไรก็ต้องตาย ก็ไม่เหลือท่าทียำเกรงหรือเคารพประมุขนิกายอมตะเหอฮวนแม้แต่น้อย มองกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าดูแคลนหยันหยาม


 


ในเมื่อมันจะตายแล้ว ยังต้องกลัวหรือเคาระผู้อื่นทำซากอะไร? กับคนที่ไม่กล้าสู้ตรงๆ ได้แต่อาศัยการหลอกใช้คนใกล้ชิดมาทำร้ายศัตรูเช่นนี้ มันรังเกียจนัก!!


 


ทว่าเรื่องราวต่อมา กลับทำให้หวงเจียหลงจำต้องประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ เพราะหลังมันกล่าวจบคำ ไม่เพียงแต่ประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนจะไม่ระเบิดโทสะเข่นฆ่ามัน อีกฝ่ายกลับปรบมือด้วยท่าทางถูกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยยรอยยิ้มร่า!


 


“ดี! ดี! ดีมาก!!”


 


“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าหวงเจียหลงจักเป็นศิษย์ปิดสำนักอันประเสริฐของข้ากงซุนเวิ่นฉิงผู้นี้!”


 


วาจาที่ดังลั่นออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางพึงพอใจถึงที่สุดของกงซุนเวิ่นฉิง 1 ใน 3 ประมุขนิกายอมตะเหอฮวน ทำให้หวงเจียหลงตกตะลึงอึ้งไปโดยสมบูรณ์ หลังจากนั้นพักหนึ่งเมื่อดึงสติกลับมาได้แล้ว หววงเจียหลงก็เอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มแหยๆ “ท่านประมุขใหญ่…ที่แท้…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”


 



 


ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเหินร่างกลับมาหาหว่านชิงชิงศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน พอได้รับข้อความไม่คาดคิดจากหวงเจียหลง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที!


 


‘นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?’


 


‘ประมุขใหญ่ของนิกายยอมตะเหอฮวน…ไฉนถึงต้องใช้พี่เจียหลงมาข่มขู่ เพื่อล่อข้าไปฆ่าถึงนิกายอมตะเหอฮวนด้วย?’


 


สีหน้าต้วนหลิงเทียนตอนนี้ดูไม่ได้นัก แววตายังฉายความสับสนงุนงงไม่น้อย เพราะเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…


 


อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจได้เรื่องหนึ่ง


 


หวงเจียหลงไม่มีวันเล่นตลกอะไรแบบนี้แน่นอน!


 


กล่าวอีกอย่างได้ว่า ตอนนี้ฮวงเจียหลงสมควรตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เพราะอีกฝ่ายสมควรเลือกไม่ให้ความร่วมมือกับใครก็ตามที่คิดร้ายกับเขา!


 


“หว่านชิงชิง ข้ามีธุระด่วนต้องรีบกลับค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งกลับออกไปด้านนอก…เจ้าเอาลูกแก้ววิญญาณของเจ้ามาให้ข้าลูกนึง จากนั้นตามข้าไปที่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนแล้วค่อยกลับไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของเจ้า เพื่อออกไปรอข้าด้านนอก”


 


“หลังข้าจัดการธุระเสร็จแล้วข้าจะติดต่อไปหาเจ้า…ถึงตอนนั้นเจ้าก็ค่อยเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณและมาเจอข้าที่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหว่านชิงชิงเสียงขรึม น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความรีบร้อนนัก

 

 

 


ตอนที่ 3160

 

ที่ต้วนหลิงเทียนขอให้หว่านชิงชิงติดตามไปค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวกับเขา เพื่อให้หว่านชิงชิงมาหาเขาได้ง่ายๆ หาไม่แล้วหากต่างคนต่างแยกย้าย พอกลับเข้ามาจะนัดเจอกันอีกครั้งก็ลำบาก และจะใช้สถานที่ๆนางกับเขารู้จักเป็นจุดนัดพบ เขาก็ไม่รู้ว่าระยะทางมันจะห่างไกลมากเกินไปรึเปล่า…


 


เพราะเห็นได้ชัดว่าหว่านชิงชิงไม่คิดบอกสถานที่ตั้งค่ายคฤหาสน์อู่จ้านให้เขารู้แน่ หาไม่แล้วเขาคงไม่เลือกเสนอไปแบบนี้…


 


“แต่แน่นอนว่าหลังเจ้าตามข้าไปคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว หากแถวๆนี้หรือที่ไหนที่พวกเราเคยไปด้วยกันมันมีระยะทางใกล้กว่าที่เจ้าต้องเดินทางมาเจอข้าที่คฤหาสน์เฉวียนโยว เจ้าก็บอกมาได้เลย…พวกเราจะได้นัดเจอกันที่นั่น”


 


ขณะรับลูกแก้ววิญญาณของหว่านชิงชิงมา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมที่จะกล่าวเสริม เพราะหากมีจุดนัดพบที่เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างค่ายคฤหาสน์เฉซียนโยวกับค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน ก็จะร่นระยะเวลาเดินทางได้มากที่สุด


 


“แล้วค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวของเจ้าอยู่ทางไหน?”


 


หว่านชิงชิงเอ่ยถาม


 


ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่หว่านชิงชิงจะสังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมีเรื่องรอนใจที่ต้องไปกระทำ ไม่ได้คิดจะตีเนียนยกเลิกข้อตกลงกับนางแต่อย่างไร


 


เพราะหากต้วนหลิงเทียนคิดจะล้มเลิกข้อตกลงกับนาง ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเรื่องราวอะไรให้วุ่นวาย


 


“ทิศนี้”


 


ต้วนหลิงเทียนชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ตั้งคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“เช่นนั้นมาเจอกันที่ค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเถอะ”


 


หว่านชิงชิงกล่าวว


 


เหตุผลที่ไฉนหว่านชิงชิงเลือกที่จะถามออกมาก่อนเพราะนางรู้ที่ตั้งค่ายนางกับค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอยู่แล้ว พอรู้ทิศทางที่ตั้งคฤหาสน์เฉวียนโยวนางก็สามารถตัดสินใจได้ทันที      และค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็อยู่ระหว่างคฤหาสน์อู่จ้านกับคฤหาสน์เฉวียนโยวพอดี


 


หากนางคิดมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้ นางที่มาจากค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน ก็ต้องผ่านค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก่อน


 


เช่นนั้นนัดพบกันที่ค่ายคฤหาสน์หั่วหลีก็ประหยัดเวลาได้มากที่สุด


 


“ดี!”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยกล่าวกับหว่านชิงชิงต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ารีบกลับค่ายแล้วออกไปรอด้านนอกเถอะ…หลังข้าเสร็จธุระแล้วจะติดต่อไป…หากตอนนั้นเจ้าติดธุระเช่นกันก็ติดต่อมาบอกข้าด้วย”


 


หลังกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือส่งลูกแก้ววิญญาณของเขาไปให้หว่านชิงชิง


 


และไม่ทันที่หว่านชิงชิงจะได้รับลูกแก้ววิญญาณหรือตอบสนองสิ่งใด ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปโผล่ห่างออกไป 100 หมี่ จากนั้นก็คนก็วูบห่างออกไปเป็น 200 หมี่…


 


วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!


 



 


จากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปอีกหลายสิบครั้ง จนในที่สุดก็หายลับไปจากสายตาของหว่านชิงชิง ลูกแก้ววิญญาณที่ต้วนหลิงเทียนส่งมาเมื่อครู่ ก็พึ่งจะลอยมาถึงเบื้องหน้านาง…


 


หว่านชิงชิงรับลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนมาเก็บไว้ จากนั้นก็เร่งรุดเดินทางกลับค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน


 


ซู่ม!


 


ร่างหว่านชิงชิงปะทุแสงพลังสีเขียวออกมา จากนั้นคนก็พุ่งทะยานออกไปปานลำแสง ความเร็วของนางกล่าวไปยังเหนือกว่าการเคลื่อนย้ายข้ามมิติต่อเนื่องของต้วนหลิงเทียนเสียอีก


 


ระยะทางไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านจากค่ายของคฤหาสน์หั่วหลีนั้น สั้นกว่าระยะทางไปค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีพอสมควร


 


นอกจากนั้นหว่านชิงชิงยังเร็วกว่าต้วนหลิงเทียน ทำให้นางกลับถึงค่ายคฤหาสน์อู่จ้านก่อน


 


“ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิง!”


 


“ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิง!”


 



 


เมื่อหว่านชิงชิงกลับมาถึงค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน เหล่าศิษย์ที่สังเกตเห็นนางก็ทักทายนางด้วยรอยยิ้มมากเคารพ


 


หว่านชิงชิงพยักหน้ากลับเบาๆ จากนั้นก็ไม่รอช้าเร่งโจนทะยานไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที


 


“หากข้าจำไม่ผิด ดูเหมือนเดือนนี้ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงตกลงร่วมมือกับศิษย์พี่เหิงเฟิงใช่ไหม? แต่ไม่ทันไรศิษย์พี่เหิงเฟิงกลับถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกไปซะงั้น…”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านหลายยคนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา


 


“ข้าพึ่งจะเข้ามา…และก่อนจะเข้ามาข้าไม่เห็นชื่อศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงติดอยู่ใน 100 อันดับแรกเลย…ดูเหมือนหลังศิษย์พี่เหิงเฟิงถูกกำจัด ศิษย์พี่หญิงจักโชคไม่ดีเท่าไหร่…”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนหนึ่งที่พึ่งเข้ามาไม่ถึง 1 เค่อกล่าว


 


“ด้วยพลังฝีมือของศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงคิดจะติดอันดับก็ไม่ยากอะไร…ถึงแม้ตอนนี้นางจะเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ 4 วันแล้ว…แต่ขอเพียงอีก 6 วันที่เหลือของนางไม่โชคร้ายมากเกินไป อย่างน้อยๆศิษย์พี่หญิงนางต้องติด 30 อันดับแรกได้แน่!”


 


“จริง…เว้นเสียแต่โชคของศิษย์พี่หญิงจะย่ำแย่สาหัส…หาไม่แล้วเรื่องติด 30 อันดับแรก สำหรับนางก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร!”


 


“ว่าแต่ พวกเจ้าว่าไฉนอยู่ๆศิษย์พี่หญิงถึงออกไปข้างนอกเล่า?”


 


“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…คงมีธุระอะไรกระมัง”


 



 


ในขณะที่ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านในค่ากำลังคุยกันด้วยความสงสัย หว่านชิงชิงที่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ก็มาปรากฏตัวในค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวของตำหนักเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่ง


 


การบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ยามถูกอาคมเคลื่อนย้ายส่งตัวกลับมา จะมาโผล่ที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวเหมือนกับตอนใช้ค่ายกลกลับออกมาเองก็จริง หากแต่สีหน้าคนที่โดนกำจัดกับกลับมาเองเพียงดูก็รู้


 


ด้วยเหตุนี้ถึงแม้หว่านชิงชิงจะปรากฏตัวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว ก็ไม่มีใครคิดว่านางถูกกำจัด


 


เพราะสีหน้าของนางแลดูเฉยเมยไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือเผยความเสียดายอะไร


 


“อันดับที่ 5?!”


 


หลังกลับออกมาและหันไปมองหาชื่อต้วนหลิงเทียนบนตารางจัดอันดับโดยไม่รู้ตัว หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนนั้นอยู่ในอันดับที่ 5!


 


อีกทั้งคะแนนสะสมของอีกฝ่ายยังสูงถึง 286 แต้ม!


 


“ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิง ตอนท่านกับศิษย์พี่เหิงเฟิงปะทะกับต้วนหลิงเทียน ถึงท่านจักสามารถหนีมาได้ทั้งๆที่ศิษย์พี่เหิงเฟิงถูกกำจัด…แต่ตอนนั้นสถานการณ์สมควรอันตรายอย่างยิ่งกระมัง?”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนหนึ่งเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นหว่านชิงชิง


 


“ต้องอันตรายอยู่แล้ว!”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านไม่ไกล กล่าวตอบออกมาก่อนที่หว่านชิงชิงจะทันได้พูดอะไร “กระทั่งถานหยวนกับโม่ผิงจื่อ ยอดฝีมืออันดับ 1 และอันดับ 2 ของคฤหาสน์หั่วหลีร่วมมือกันแท้ๆยังแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียน…เช่นนั้นพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเพียงใดเจ้าก็สมควรนึกภาพออกกระมัง? ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงที่ปะทะกับมัน แต่ยังสามารถหนีรอดมาได้แบบนี้ข้าว่าโชคดียิ่ง!”


 


“ใช่ สหายข้าที่คฤหาสน์หั่วหลีก็เล่าให้ฟัง…ถึงถานหยวนจะมีความเร็วเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย แต่มันไม่อาจหลบความลึกซึ้งกักกันของต้วนหลิงเทียนได้ทัน และเพียงชะงักไปเสี้ยวอึดใจ สุดท้ายก็โดนต้วนหลิงเทียนจัดการได้ง่ายๆ”


 


“หึ! ความเร็วของถานหยวนนั่นถึงจะดีและเหนือกว่าต้วนหลิงเทียน แต่ไหนเลยจะสู้ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงได้เล่า? สิ่งที่ถานหยวนหนีไม่ได้ ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงก็ไม่ใช่ว่าจะหนีไม่ได้!!”


 


“เรื่องนี้กล่าวไปดูแค่ผลลัพธ์ก็น่าจะรู้แล้ว ทั้งถานหยวนกับศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงล้วนพบเจอต้วนหลิงเทียนมาด้วยกันทั้งคู่ แต่ถานหยวนถูกจัดการ ทว่าศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงของพวกเรารอด ผู้ใดสูงผู้ใดต่ำเจ้ายังมองไม่ออกรึ?”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านเริ่มคุยกันอย่างออกรส และมีศิษย์ชายหลายคนกล่าวชมหว่านชิงชิงไม่ขาดปาก


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หว่านชิงชิงไม่ได้สนใจฟังพวกมันแม้แต่นิดเดียว


 


หว่านชิงชิงยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาอันเฉยเมยแสนเย็นชาของนาง กำลังท่วมท้นไปด้วยความประหลาดใจ


 


‘มัน…มันจัดการถานหยวนกับโม่ผิงจื่อของคฤหาสน์หั่วหลีได้งั้นหรือ?’


 


ต้องทราบด้วยว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งจะกลับมาถึงไม่ทันไร ก็เสมือนได้รับข้อความบางอย่างจนรีบร้อนออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณไปเสียก่อน


 


ตัวนางก็เลยไม่มีโอกาสได้ถามต้วนหลิงเทียนสักคำ ว่าการออกไปไล่ตระเวณหาศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีก่อนหน้าได้ผลอย่างไรบ้าง


 


และเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 5 ก็พึ่งผ่านไปได้ไม่ทันไร แถมยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าที่อาวุโสอู่จ้านจะส่งสรุปสถานการณ์ประจำวันให้นาง เช่นนั้นนางจึงยังไม่ทันราบทราบเรื่องนี้


 


‘หากต้วนหลิงเทียนไม่ได้โกหก…หมายความว่าเดือนนี้มันยังเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ทันถึง 2 วันกระมัง?’


 


จังหวะนี้หว่านชิงชิงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันไปแล้วจริงๆ


 


นางคิดไม่ถึงเลย


 


ว่าในเวลาสั้นๆ ต้วนหลิงเทียนจะได้รับคะแนนสะสมมากมายขนาดนี้


 


‘ข้ายังเหลือเวลาอีก 6 วัน’


 


และพอคิดว่าตัวนางยังสามารถอยู่ในแดนสววรรค์ใต้โบราณได้อีก 6 วัน หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคาดหวังและตั้งตารออยู่บ้าง


 


ว่าหากต้วนหลิงเทียนกลับมา จากนั้นก็ไปช่วยกันเก็บคะแนนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เช่นนั้นนางจะได้คะแนนเท่าไหร? จะติดอันดับไหน?


 


“ศิษย์พี่เหิงเฟิง”


 


ทันใดนั้นเอง หว่านชิงชิงที่นึกอะไรได้ออก ก็เร่งส่งข้อความไปหาเหิงเฟิงที่นางตกลงร่วมมือก่อนหน้าทันที “ท่านยังมิได้บอกใครใช่หรือไม่…ว่าต้วนหลิงเทียนจะหารือกับข้าเรื่องร่วมมือกัน?”


 


เรื่องที่นางกับต้วนหลิงเทียนร่วมมือกันแล้ว คนที่รู้ก็มีแค่นางกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น


 


แม้แต่เหิงเฟิงก็ยังไม่รู้


 


อย่างไรก็ตาม เหิงเฟิงรู้เรื่องหนึ่ง…


 


ว่านางอาจจะร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน


 


เพราะก่อนที่เหิงเฟิงจะทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนและออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง อีกฝ่ายก็พยายามโน้มน้าวนางให้ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน


 


“ศิษย์น้องชิงชิง…แล้วตกลงเจ้าได้ร่วมมือกับต้ววนหลิงเทียนหรือไม่?”


 


เหิงเฟิงพอได้รับข้อความของหว่านชิงชิงก็ตกใจไม่น้อย เร่งส่งข้อความติดต่อกลับไปถามทันที ไม่ทันได้ตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยซ้ำ “แล้วนี่เจ้าส่งข้อความหาข้าได้อย่างไร?”


 


คนนอกสามารถส่งข้อความถึงคนที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้


 


อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไม่อาจติดต่อหาคนนอกได้เลย


 


เช่นนั้นพอเหิงเฟิงได้รับการติดต่อจากหว่านชิงชิง มันจึงตระหนักได้ทันทีว่าหว่านชิงชิงออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว “เจ้า…เจ้าคงไม่ได้ถูกใครกำจัดออกมากระมัง?”


 


“เปล่า ข้าออกมาเอง”


 


หว่านชิงชิงตอบ


 


“หากข้าเดาไม่ผิด…เจ้าสมควรตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนแล้วกระมัง เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้วนหลิงเทียนจะหาค่ายของคฤหาสน์หั่วหลีเจอได้เร็วขนาดนี้…แต่เจ้ากับข้าพวกเราบังเอิญผ่านค่ายคฤหาสน์หั่วหลี”


 


เหิงเฟิงส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง


 


เมื่อ 4 วันก่อนมันกับหว่านชิงชิงที่ตกลงร่วมมือกัน ก็ได้เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางพร้อมๆกัน และออกเดินทางจากค่ายยคฤหาสน์อู่จ้านไปด้วยกัน


 


ระหว่างทาง ก็บังเอิญเจอค่ายคฤหาสน์หั่วหลี


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงเดาได้ไม่ยาก


 


หว่านชิงชิงกับต้วนหลิงเทียนสมควรร่วมมือกันแล้ว


 


และเมื่อทั้งคู่ตกลงร่วมมือกัน ก็ไม่แปลกที่ต้วนหลิงเทียนจะได้รับทราบข้อมูลสถานที่ตั้งค่ายคฤหาสน์หั่วหลีจากหว่านชิงชิง ดังนั้นจึงเกิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้น


 


“ใช่”


 


หว่านชิงชิงรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้ปฏิเสธก็ไร้ประโยชน์จึงเลือกที่จะยอมรับไปตรงๆ


 


“นี่เจ้าคงไม่ได้บอกเจ้าบ้านั่นว่าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านเราตั้งอยู่ตรงไหนหรอกนะ?”


 


เหิงเฟิงส่งข้อความถามไปอีกครั้ง นำเสียงยังเคร่งขรึมไม่น้อย


 


“ข้าไม่บอกมันหรอก”


 


หว่านชิงชิงตอบ


 


“เช่นนั้นก็ดีแล้ว…ส่วนเรื่องที่เจ้าร่วมมือกับมันก็อย่าได้บอกผู้ใดเชียว อย่างน้อยๆก็อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าเจ้าร่วมมือกับมันก่อนที่มันจะไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี”


 


“หาไม่แล้วข้าเกรงว่าคฤหาสน์หั่วหลี อาจเพ่งเล็งเจ้าอีกคน”


 


เหิงเฟิงกล่าวเตือนเสียงเข้ม


 


“ข้ารู้ ข้าก็เลยยังไม่ได้บอกผู้ใด”


 


หว่านชิงชิงตอบ


 


“ดีแล้ว…ส่วนทางข้าเจ้าก็ไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางบอกใครแน่”


 


เหิงเฟิงกล่าวส่งข้อความไปอีกครั้ง


 


“ขอบคุณศิษย์พี่เหิงเฟิง”


 


หว่านชิงชิงเร่งส่งข้อความขอบคุณตอบกลับไปทันที


 


นางรู้ว่าเหิงเฟิงนั้นเป็นคนเชื่อถือได้ มิฉะนั้นนางคงไม่เลือกที่จะร่วมมือกับอีกฝ่ายแต่แรก


 



 


ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


“เฮ่ย! นั่นต้วนหลิงเทียนใช่รึเปล่า?!”


 


ต้วนหลิงเทียนที่เร่งุรดกลับมายังค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ถูกศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่กำลังจะออกไปลุยพบเจอ มันจึงอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกใจ


 


จากนั้นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวในค่ายก็หยุดสิ่งที่ทำและหันไปมองตามเสียงทันที


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจาก ‘ของวิเศษล้ำค่า’ ของคฤหาสน์เฉวียนโยวพวกมันเลย ทำให้เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวทุกคนล้วนเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นบุคคลสำคัญ!


 


อย่างไรก็ตามไม่ทันที่ทุกคนจะได้พูดหรือตอบสนองอะไร ร่างต้วนหลิงเทียนวูบวาบผุบโผล่ไม่กี่ครา ก็เปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียแล้ว…


 


จากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็ถูกส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางต่อหน้าต่อตาทุกคนในค่าย


 


“ไฉนต้วนหลิงเทียนออกไปแล้วเล่า?”


 


“สีหน้าเมื่อครู่แลดูรีบร้อนไม่น้อย…สมควรมีเรื่องด่วน”


 



 


ขณะที่เหล่าศิษย์ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวกำลังคาดเดากันไปเรื่อย ร่างต้วนหลิงเทียนก็มาปรากฏในค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวของตำหนักเคลื่อนย้ายหลังเดียวกับที่เขาใช้เดินทางเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


และทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบไม่น้อย “นั่นต้วนหลิงเทียน!!”


 


พริบตาต่อมาทุกสายตาแถวนั้นก็หันขวับมาจับจ้องเขาอย่างพร้อมเพรียง

 

 

 


ตอนที่ 3161

 

“ผู้เฒ่าฉี!”


 


ต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยสายตาที่จับจ้องมองมาโดยรอบ และทันทีที่ออกมาเขาก็เร่งส่งข้อความไปหาฉีเทียนหมิงทันที


 


ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณถูกเขาบดขยี้ทิ้งเร็วไว เร่งกล่าวเรื่องที่เขาได้รับข้อความจากหวงเจียหลง และบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวงเจียหลงออกไปคร่าวๆทันที


 


“หืม? ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนน่ะรึ คิดใช้สหายเจ้ามาข่มขู่เพื่อลวงเจ้าไปฆ่า? เป็นไปไม่ได้! เรื่องพรรค์นั้นจักเป็นไปได้อย่างไรกัน?!”


 


หลังได้รับข้อความที่ต้วนหลิงเทียนส่งมา ฉีเทียนหมิงก็งุนงงไม่น้อย “เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจักถามเจ้าหนูปี้ไห่หมิงเฟิงให้!”


 


หลังได้รับข้อความของฉีเทียนหมิง ปี้ไห่หมิงเฟิงก็หน้าเหวอไปไม่น้อย


 


ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนน่ะหรือ คิดเอาสหายต้วนหลิงเทียนมาขู่ เพื่อลวงต้วนหลิงเทียนไปฆ่า?


 


ปี้ไห่หมิงเฟิงขมวดคิ้วเคร่งเครียด จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปถามประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนเป็นการด่วน ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่?


 


“อันใด? ต้วนหลิงเทียนออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว?!”


 


กงซุนเวิ่นฉิง ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน พอได้รับข้อความจากปี้ไห่หมิงเฟิง รวมถึงได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเร่งรุดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณมาหาความเรื่องนี้ มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวได้บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว!


 


กงซุนเวิ่นฉิงจึงเร่งส่งขอความอธิบายเรื่องทั้งหมดไปให้ปี้ไห่หมิงเฟิงทันที ว่าทั้งหมดเป็นแค่การลองใจหวงเจียหลงเท่านั้น “ตอนนี้ข้าได้รับหวงเจียหลงนั่นเป็นศิษย์ปิดสำนักแล้ว”


 


“เจ้ารีบไปอธิบายเรื่องราวให้ต้วนหลิงเทียนกระจ่างเถอะ มันจักได้กลับเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณได้อย่างสบายใจ…ทั้งหมดแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามเจ้าหนูหวงเจียหลงนั่นใช้ได้จริงๆ มันถึงกับยอมตายไม่ยอมขายสหาย”


 


ประโยคท้าย กงซุนเวิ่นฉิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมหวงเจียหลง


 


“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”


 


หลังได้รับทราบรายละเอียดเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ปี้ไห่หมิงเฟิงก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปหาฉีเทียนหมิงเพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมดทันที


 


“ทำเอาเจ้าวิ่งวุ่นไปครึ่งค่อนวัน แต่สุดท้ายที่แท้แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง…กงซุนเวิ่นฉิงนั่นมันก็เข้าใจหลอกสหายเจ้าจริงๆ! เอาล่ะๆ เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด และข้าฝากเจ้าหนูปี้ไห่หมิงเฟิงไปโวยมันเรียบร้อย ว่าทีหลังอย่าได้หาทำ!”


 


หลังฉีเทียนหมิงทราบต้นสายปลายเหตุ มันก็เร่งส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียนทันที


 


‘เข้าใจผิด?’


 


‘เป็นประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน กงซุนเวิ่นฉิง คิดลองใจพี่เจียหลง…และตอนนี้ก็รับพี่เจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักไปแล้ว?’


 


หลังได้ฟังข้อความที่ฉีเทียนหมิงส่งมา ต้วนหลิงเทียนก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก คิ้วที่ขดย่นเป็นปมด้วยความตึงเครียดมาครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็คลายตัว…


 


หลังจากคลายกังวลแล้ว เสียงดังเซ็งแซ่รอบๆที่เขาไม่สนใจมาตลอด ก็เริ่มเข้าหูเขา…


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามั่นใจว่าจะรักษาอันดับที่ 5 ไว้ได้จนจบหรือไม่?”


 


“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังมียอดฝีมืออีกหลายคนที่ยังไม่ได้ลงมือ…เจ้าว่าเดือนนี้เจ้าจะติด 10 อันดับแรกได้รึเปล่า?”


 



 


ถึงแม้ในเวลาไม่ถึง 2 วันต้วนหลิงเทียนจะเก็บคะแนนสะสมได้เกือบ 300 แต้ม จนสามารถติดอันดับที่ 5 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณได้…


 


อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์รวมถึงผู้อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็รู้ดีแก่ใจ


 


ว่าทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนโชคดีพบเจอค่ายของคฤหาสน์หั่วหลี และคนของคฤหาสน์หั่วหลีก็มอบคะแนนให้เขาไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าถูกมองออกบางส่วนแล้ว


 


ถึงถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลีจะถูกต้วนหลิงเทียนกำจัด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะถานหยวนประมาทเอง


 


หาไม่แล้วด้วยความเร็วของถานหยวน หากรักษาระยะห่างระหว่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ดีๆ ย่อมสามารถหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียนได้ไม่ยาก


 


ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวหลายคน จึงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะไม่สามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ตลอดรอดฝั่ง…


 


เพราะสุดท้ายแล้ว กระทั่งถานหยวน ก็ใช่ว่าจะสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ทุกเดือน


 


และถานหยวนนั่น หากไม่ประมาทต้วนหลิงเทียนแต่แรก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่น่าจะจัดการมันได้


 


“5 อันดับแรก? 10 อันดับแรก?”


 


ได้ยินคำถามด้วยสีหน้าคลางแคลงสงสัยของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยรอบ มุมปากต้วนหลิงเทียนเพียงยกยิ้มทีเล่นทีจริง จากนั้นก็วูบร่างติดต่อกัน จนสุดท้ายก็ไปหยุดลงที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางในตำหนักเคลื่อนย้ายทันที


 


จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณชิ้นหนึ่ง ระหว่างรออะไรบางอย่าง เขาก็เริ่มกวาดตามองไปยังผู้คนที่จับจ้องมองมา สุดท้ายก็หยิบป้ายหยกสะสมคะแนนรวมถึงป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกของเขาออกมาและเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที ร่างของเขาพลันวูบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน


 


อย่างไรก็ตามก่อนเขาจะถูกส่งตัวไป ก็ได้กล่าวคำทิ้งท้ายเอาไว้ และเสียงที่เขากล่าวทิ้งไว้ก็เริ่มดังก้องไปทั่วตำหนักเคลื่อนย้ายหลังจากเขาถูกส่งตัวไปแล้ว


 


“เป้าหมายของข้าคืออันดับ 1!”


 


หลังเสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้น แม้ในตำหนักจะมีผู้คนมากมาย หากแต่บัดนี้กลับไร้แม้แต่เสียงลมหายใจ ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน…


 


“อันดับ 1? ความทะเยอทะยานของต้วนหลิงเทียนผู้นี้ช่างสูงล้ำนัก!”


 


“พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่…ที่จนถึงตอนนี้ตวนหลิงเทียนยังปกปิดพลังฝีมือเอาไว้?”


 


“เป็นไปไม่ได้หรอก! หรือเจ้าลืมไปแล้วว่ามันยังอายุไม่ถึงร้อยปี หากพลังฝีมือตอนนนี้ยังมิใช่พลังฝีมือที่แท้จริง เช่นนั้นมันยังเป็นผู้คนจริงๆหรือ?”


 


“ไม่รู้ล่ะ ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนพูด ดูเหมือนจะมีความมั่นใจล้นปรี่…ช่างทำให้ข้าตั้งหน้าตั้งตารอดูชมเสียจริง!!”


 


“เว้นเสียแต่ต้วนหลิงเทียนจะพบเจอค่ายคฤหาสน์อมตะอื่นๆเหมือนที่พบเจอค่ายคฤหาสน์หั่วหลี…หาไม่แล้วเกรงว่าเรื่องจะได้อันดับ 1 คงยากเย็นยิ่ง!”


 



 


ถึงแม้วาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนถูกส่งตัวไปเมื่อครู่จะเปี่ยมล้นไปด้วความมั่นใจ


 


ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่เชื่อว่าเขาจะทำได้


 


บางคนยังคิดว่า…


 


ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นคิดว่าตัวเองจะสามารถหาค่ายคฤหาสน์อมตะแห่งอื่นพบเจอ เหมือนที่หาค่ายคฤหาสน์อู่จ้านและค่ายคฤหาสน์หั่วหลีพบได้ในเวลาอันสั้น เลยเก็บคะแนนสะสมได้ง่ายๆ


 


อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะโชคดีเหมือนตอนพบเจอค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอีกต่อไป…


 


เพราะคราวนี้ที่ต้วนหลิงเทียนได้รับคะแนนสะสมมากมายจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ทั้งหมดเป็นเพราะคฤหาสน์หั่วหลียังไม่ล่วงรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน!


 


แต่บัดนี้จากคำยืนยันของโม่ผิงจื่อ ทำให้คฤหาสน์หั่วหลีล่วงรู้พลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนแล้ว อีกทั้งอารามขุ่นเคืองต้วนหลิงเทียน คฤหาสน์หั่วหลีก็แจกจ่ายข้อมูลดังกล่าวให้คฤหาสน์อมตะอื่นๆที่มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ด้วยหวังให้ต้วนหลิงเทียนถูกผู้อื่นทุบตีบ้าง!


 


ทำให้คฤหาสน์อมตะเหล่านั้นไม่มีทางผลีผลามยามถูกต้วนหลิงเทียนมาดักหน้าค่าย จนเป็นเหตุให้ส่งคะแนนสะสมให้ต้วนหลิงเทียนกินเปล่าอีกต่อไป


 


ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนพบเจอค่ายคฤหาสน์อมตะอื่นๆ  ก็คงยากจะเก็บคะแนนสะสมได้ง่ายดายเหมือนเดิม


 



 


ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


เมื่อครู่ก่อนเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อหาหว่านชิงชิง จนนัดแนะกันเรียบร้อย


 


ด้วยเหตุนี้พอเขามาถึงบริเวณใกล้ๆค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ก็พบเจอหว่านชิงชิงที่มารออยู่ก่อน


 


“เสร็จเรื่องแล้วหรือ?”


 


เดิมทีหว่านชิงชิงคิดว่าอาจจะต้องรอต้วนหลิงเทียนสักหลายๆวัน แต่ไม่คิดเลยว่าหลังนางออกไปพักไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ติดต่อกลับมาแล้ว


 


“พอดี…เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา


 


เขาไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องราวทำนอง ‘มังกรดำ’ ปรากฏขึ้นแบบนี้


(มังกรดำ,อูหลง มันเป็นชื่อของสุนัขในเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของจีนที่เกี่ยวข้องกับความภัคดี จึงอุปมาแทนความภัคดีซื่อสัตย์อะไรทำนองนี้)


 


และเขาไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่หวงเจียหลงเลือกจะยอมตายไม่ยอมขายเขา เพราะเขาเห็นนานแล้วว่าหวงเจียหลงเป็นคนประเภทยอมตายไม่ยอมขายเพื่อน


 


อย่างไรก็ตามรู้ก็ส่วนรู้ พอมาได้รับทราบการกระทำครั้งนี้ของหวงเจียหลงจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ


 


ถึงแม้เขากับหวงเจียหลงจะเป็นสหายอันดีต่อกัน ทว่าเขากับอีกฝ่ายก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว….


 


สาเหตุที่เขาไม่ได้ติดต่อไป ก็เนื่องเพราะกลัวจะรบกวนการบ่มเพาะของอีกฝ่าย


 


และเขารู้ว่าที่หลังๆหวงเจียหลงไม่ติดต่อมา ก็คงคิดเหมือนกันกับเขา


 


หลังจากห่างหายกันไปหลายปี เขาที่ไม่ได้เปลี่ยนไปพอพบว่าหวงเจียหลงเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนกัน จึงทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจนัก


 


นอกจากนั้นเขารู้ว่าการที่อยู่ๆประมุขใหญ่ของนิกายยอมตะเหอฮวนรับหวงเจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักแบบนี้ ไม่พ้นต้องมีอะไรดลใจสักอย่างแน่นอน!


 


และเรื่องดลใจที่ว่า สิบในสิบไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับเขา!


 


หาไม่แล้วไฉนอยู่ๆประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน ถึงเลือกจะมาลองใจรับหวงเจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักเอาตอนที่เขาได้อันดับที่ 5 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางด้วย?


 


นอกจากนั้นก่อนจะรับหวงเจียหลงเป็นศิษย์ปิดสำนัก ยังทดสอบหวงเจียหลงเรื่องความสัมพันที่มีกับเขาอีก?


 


เหตุผลข้างต้นทั้งหมด บ่งชี้ชัดเจน ว่าการที่ประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนรับหวงเจียยหลงเป็นศิษย์ปิดสำนักมันเกี่ยวข้องกับเขา!


 


‘หลังอยู่ครบกำหนดเวลาของแดนสวรรค์ใต้โบราณเดือนนี้แล้ว ให้ผู้เฒ่าฉีพาไปนิกายยอมตะเหอฮวนเลยก็ดี…อย่างไรเสียข้าก็ไม่เจอพี่เจียหลงนานแล้ว’


 


‘กล่าวไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยๆก็เป็นแรงผลักดันให้พี่เจียหลง…ทั้งต่อไปหนทางในนิกายอมตะเหอฮวนของพี่เจียหลงคงราบรื่นขึ้นหลายส่วน’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


“นี่ต้วนหลิงเทียน ข้าพึ่งจะมารู้เอาตอนออกไปแล้ว…ที่แท้เจ้าสามารถจัดการถานหยวนกับโม่ผิงจื่อของคฤหาส์หั่วหลีที่ร่วมมือได้ เจ้าช่างร้ายกาจยิ่ง…”


 


หว่านชิงชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทอดถอน


 


บางทีกระทั่งตัวหว่านชิงชิงเองก็ไม่รู้เลย ว่าสีหน้าทั้งน้ำเสียงที่นางใช้กับต้วนหลิงเทียนนั้น มันแตกต่างจากสีหน้าและน้ำเสียงที่นางใช้กับคนอื่น


 


ต่อหน้าคนอื่นนางมักเย็นชาไม่แยแสเสมอ กระทั่งแววตาท่าทียังทำราวกับจะผลักไสผู้อื่นให้ห่างออกไปนับพันลี้


 


แต่ตอนนี้กับต้วนหลิงเทียน นางไม่ได้แลดูเย็นชาอะไร


 


แน่นอนว่าหว่านชิงชิงก็ไม่ได้รู้ตัวเลย


 


กลับกัน ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นว่าหว่านชิงชิงดูเหมือนจะคุยง่ายกว่าก่อนหน้านี้มาก เพราะไม่ได้แลดูเย็นชาเฉยเมย ไม่มีความรู้สึกเสมือนผลักไสผู้อื่นให้ล่าถอยไปพันลี้อีกต่อไป


 


“โม่ผิงจื่อไม่นับเป็นอะไร…แต่กับถานหยวนนั่นนับว่าข้าโชคดีจริงๆ”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ทั้งหมดเพราะถานหยวนประมาทเกินไป…ไม่งั้นหากมันเลือกจะหนีแต่แรก มันก็สามารถหนีไปต่อหน้าต่อตาข้าได้ไม่ยาก”


 


ถึงแม้ถานหยวนจะถูกเขากำจัดได้สำเร็จ แต่ต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าทั้งหมดเป็นเพราะจังหวะมันได้…


 


หากถานหยวนไม่ประมาท เลือกที่จะระวังตัวแต่แรก เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็เผ่นเลย มันคงรอดพ้นเงื้อมมือเขาได้ไม่ยาก


 


และนี่ยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจร่วมมือกับหว่านชิงชิง


 


ถึงแม้ว่าความเร็วของเขาในตอนนี้จะไม่นับว่าช้า


 


อย่างไรก็ตาม หากคิดจะช่วงชิงอันดับสูงสุดของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ความเร็วจะกลับกลายเป็นจุดอ่อนของเขา!


 


“ไปกันเถอะ…ตอนนี้ไม่ว่าเจอใครที่พวกเราสามารถเอาชนะได้ทั้งคู่ คะแนนของมันข้าจะยกให้เจ้าทั้งหมด”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหว่านชิงชิง


 


ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้รับคำเตือนจากหว่านชิงชิง เขาก็คงพบเจอกับถานหยวนโม่ผิงจื่อและเหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้งหลายหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอยู่ดี..กระทั่งอาจจะพบมากกว่าด้วยซ้ำ!


 


อย่างไรก็ตาม การพบเจอที่ว่า….จะไม่ใช่การทยอยพบเจอทีละไม่กี่คนแบบนี้! และถ้าเขาพบเจอพวกมันเป็นกลุ่มใหญ่ ถึงตอนนั้นหากเกิดการปะทะขึ้นมา ด้วยความที่จุดปะทะสมควรเกิดขึ้นหน้าค่าย ถานหยวนที่เห็นท่าไม่ดีก็อาจหลบหนีกลับไปในค่ายได้ทันท่วงที!


 


สำหรับโม่ผิงจื่อกับคนอื่นๆนั้น ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าจะหยุดพวกมันไม่ให้หนีไปไหนได้ทัน


 


ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงรู้สึกติดค้างหว่านชิงชิง


 


“เจ้าไม่ต้องรู้สึกว่าติดค้างอะไรข้าหรอก…เผลอๆหากไม่มีข้าเตือน เจ้าอาจจะกำจัดพวกมันได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ!”


 


ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หวว่านชิงชิงก็รู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะตอบแทนให้นาง


 


ก่อนหน้านี้เป็นเพราะนางกลัวว่าหากถานหยวนกับโม่ผิงจื่อร่วมมือกัน ต้วนหลิงเทียนอาจสู้พวกมันไม่ได้


 


แต่ตอนนี้นางรู้แล้ว


 


ว่าต่อให้ถานหยวนกับโม่ผิงจะจะร่วมมือกันก็ยังสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้


 


สำหรับศิษย์คนอื่นๆของคฤหาสน์หั่วหลีนั้น ไม่ต่างอะไรจากทหารเลวไม่คู่ควรให้กล่าวถึง


 


“ถึงเจ้าจะว่าอย่างนั้น แต่ถ้าพวกมันรวมคนมาเยอะๆและปะทะกันหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ก็ไม่แน่ว่าข้าจะจัดการถานหยวนได้ง่ายๆ…”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “หากเจ้าไม่เห็นด้วย…ข้าก็รู้สึกกระดากใจเรื่องร่วมมือกัน”


 


“ก็ได้”


 


เห็นความแน่วแน่ของต้วนหลิงเทียน หว่านชิงชิงก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก


 


อย่างไรก็ตามในใจนางรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย


 


เพราะนางรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนยังเลือกกระทำ

 

 

 


ตอนที่ 3162

 

หลิวจี๋ เป็นศิษย์คฤหาสน์หานชิง และเมื่อเดือนก่อนมันก็ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


อย่างไรก็ตาม หลิวจี๋ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะมันประมาท จึงพลาดเปิดโอกาสให้ต้วนหลิงเทียนเอง


 


กล่าวไปความเร็วของมันก็เหนือกว่าต้วนหลิงเทียนจริงๆ


 


เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลัก 2 ประการ เรียกว่าให้เทียบกับขุนนางอมตะ 10 ทิศในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งหมด ในแง่ความเร็วแล้ว…มันสมควรถูกจัดอยู่ในระดับ 2


 


สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น ถือว่าอยู่กึ่งๆระหว่างระดับที่ 2 กับ 3


 


เมื่อหลิวจี๋ทราบว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว มันก็เข้าตามมาทันที ระหว่างตามหาต้วนหลิงเทียนเพื่อล้างแค้น มันก็เก็บคะแนนสะสมของมันไปเรื่อย


 


ในปัจจุบัน ผู้คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ต่างๆด้านนอก ต่างประหลาดใจกับผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตาม หลิวจี๋ไม่รับทราบเรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้นด้านนอกเลย


 


เพราะในคฤหาสน์หานชิง หลิวจี๋ขึ้นชื่อว่านิสัยไม่ดีจึงไม่มีใครคบ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ไม่มีศิษย์คนไหนอยากยุ่งกับมัน กระทั่งเหล่าอาวุโสยังไม่สนใจใยดีมัน


 


ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครบอกมันเลย ว่าต้วนหลิงเทียนได้ทำอะไรไปบ้างในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้


 



 


ส่วนผู้คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ด้านนอก เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนก็เริ่มซาลง


 


3 วันต่อมา


 


อันดับของต้วนหลิงเทียนบนตาราง ก็ได้ร่วงตกลงมาอยู่ที่อันดับ 7 แล้ว


 


อย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างอันดับ 7 ของต้วนหลิงเทียนกับอันดับ 8 นั้น ค่อนข้างกว้างไม่น้อย เพราะมันมีความต่างมากกว่า 100 แต้ม


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีคะแนนสะสม 322 แต้ม


 


2 วันที่ผ่านมา คะแนนสะสมของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร็วเหมือนดั่งวันแรกอีกต่อไป และไม่ได้สักเสี้ยวของวันแรกด้วยซ้ำ


 


“เฮ่อ การปะทะแถวค่ายคฤหาสน์หั่วหลี สมควรเป็นผลงานสูงสุดในเดือนนี้ของต้วนหลิงเทียนแล้วล่ะ…หลังจากนี้คงยากที่ต้วนหลิงเทียนจะได้คะแนนสะสมมากมายเช่นนั้นอีก”


 


“นั่นสิ อันดับ 8 ก็ไล่หลังต้วนหลิงเทียนเข้ามาทุกขณะ…เดิมห่างกันร้อยกว่าแต้ม มาตอนนี้ไปๆมาๆเหลือแค่ 30 กว่าแต้มแล้ว!”


 


“อั้ย พูดยากจริงๆว่าสุดท้ายต้วนหลิงเทียนนัน่มันจะรักษา 10 อันดับแรกได้รึเปล่า”


 


“ว่าแต่หว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านนี่ร้ายกาจไม่เบาทีเดียว…ดูเหมือนชื่อนางพึ่งจะปรากฏเมื่อ 2 วันก่อนเท่านั้น ตอนนี้ไต่ขึ้นมาถึง 30 อันดับแรกแล้ว!”


 


“กล่าวไปอัตราการเพิ่มของคะแนนสะสมนางตลอด 2 วันที่ผ่านมา ยังเหนือกว่าอัตราการเพิ่มของคะแนนสะสมต้วนหลิงเทียนเสียอีก!”


 


“ดูเหมือนโชคต้วนหลิงเทียนยังดีไม่เท่านาง!”


 


“ไม่ใช่แค่โชคหรอก เอาตรงๆให้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจยังไง ก็คงยากจะจัดการหว่านชิงชิงได้…ความเร็วของนาง จัดเป็นความเร็วที่สูงที่สุด ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว”


 



 


ผลงานตลอด 2 วันที่ผ่านมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้ผู้ที่จับตาดูเขารู้สึกผิดหวังไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตาม ผลงานของหว่านชิงชิศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านนั้น กลับน่าสนใจมาก เพราะคะแนนสะสมของนางเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนก เรียกว่าหากไม่นับ 6 อันดับแรกแล้ว ไม่มีใครเหนือกว่านางเลย


 


“สุดท้ายก็เหมือนเดือนก่อน 6 อันดับแรกของเดือนนี้ก็ยังเป็น 6 คนเดิม…”


 


ในปัจจุบัน 6 อันดับแรกบนตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น 6 คนที่รั้งอยู่ใน 6 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณมาหลายสิบปี


 


คฤหาสน์อู่จ้าน หวังไท่


 


คฤหาสน์เยว่เย่า เอี้ยชิวเฟิง


 


คฤหาสน์ต้าเชิ่ง หลิ่วตันชิง


 


คฤหาสน์หงเยี่ย ซีเหมินฮ่าวซวน


 


คฤหาสน์ฮ่าวเทียน จูเก่ออวิ๋นฉี


 


คฤหาสน์ปี้ชิง กงซุนอู๋จี๋


 


6 คนนี้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เรียกว่าได้ยึดครอง 6 อันดับแรกอย่างแน่นหนา ไม่มีผู้ใดถูกบีบให้หลุดออกจาก 6 อันดับแรกเลยสักครั้ง


 


“พลังฝีมือของ 6 คนนั่นสูงส่งเกินไป…เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเบียดพวกมันให้ตก 6 อันดับแรก!”


 


“เดิมทีข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะติด 6 อันดับแรกได้เสียอีก…แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะไร้เดียงสาเกินไป”


 


“ต้วนหลิงเทียน? ข้ายอมรับว่าพลังฝีมือมันไม่เลว แต่จะให้พูดว่าติด 6 อันดับแรก ยังนับว่าเกินจริงไปหน่อย”


 


“มิผิด! ถึงแม้มันจักเป็นอัจริฉะแค่ไหน แต่ตอนนี้เอาแค่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ก็หรูแล้ว!”


 



 


ผลงงานอันน่าทึ่งในวันแรกของต้วนหลิงเทียนประหนึ่งพลุไฟที่เปล่งประกายกลางหาวในห้วงเวลาสั้นๆ ไม่นานก็ไม่อยู่ในสายตาของคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายอีก


 


มีเพียงคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น ที่ยังคงตั้งความหวังและเชื่อมั่น ว่าต้วนหลิงเทียนจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้!


 


เนื่องเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกมันตกต่ำเหลือเกิน…


 


ตลอดปีที่ผ่าน ไม่มีใครติดอยู่ใน 20 อันดับแรกด้วยซ้ำ!


 


มาวันนี้ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้ต่อให้สุดท้ายจะล้มเหลวเรื่องติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ขอแค่ยังอยู่ใน 20 อันดับแรก พวกมันก็พอใจแล้ว!


 


“ดูเหมือนเป้าหมายเรื่องอันดับ 1 ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววันนั้น…สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องน่าขัน”


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวหลายคนอดถอนหายใจไม่ได้


 


“เพ่ย นี่เจ้ายังกล้าเชื่ออีกหรือ แค่ฟังดูวันนั้นก็รู้อยู่แล้วว่ากล่าวอย่างขอไปที อย่าได้พูดถึงเรื่องติด 6 อันดับแรกเลย เอาแค่เรื่องอัตราการเพิ่มคะแนนโดยรวม ตอนนี้ยังเทียบหว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ!”


 


ศิษย์คฤาหสน์เฉวียนโญวอีกคนส่ายหัวกล่าว


 


เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ยึดถือคำพูดของต้วนหลิงเทียนเป็นจริงเป็นจังแต่แรก


 


“ข้าหวังว่าเจ้าหนูนั่นมันจะรักษา 10 อันดับแรกเอาไว้ได้…”


 


ฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว ตอนที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนหลุดจาก 6 อันดับแรกมันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพียงหวังให้ต้วนหลิงเทียนสามารถรักษา 10 อันดับแรกเอาไว้ให้ได้เท่านั้น


 


และนี่คือความหวังสูงสุดของมันที่มีต่อต้วนหลิงเทียน


 


ตั้งแต่ตอนที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งขึ้นไปติดอันดับที่ 5 มันก็เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางรักษาอันดับนี้ไว้ได้แน่นอน เพราะวิธีการได้คะแนนสะสมมาของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่อะไรที่จะทำซ้ำได้อีกครั้ง


 


หากไม่อาจใช้วิธีเดิมเพื่อเก็บคะแนนสะสมได้ ต้วนหลิงเทียนก็ถูกลิขิตให้ไม่อาจติดอยู่ใน 5 หรือ 6 อันดับแรกได้


 


ทั้ง 6 คนนั่นเป็นดั่งภูผาสูงชันที่ยากจะมีผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางข้ามผ่าน ตั้งตระหง่านอย่างมั่นคงนัก!


 



 


ภายในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


“แม่นางหว่านชิงชิง!”


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเพลิงคนหนึ่ง มองจ้องไปยังร่างบางในชุดเขียวอ่อนไกลๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “พวกเราบังเอิญพบกันอีกแล้ว…”


 


บัดนี้ ร่างบางในชุดสีเขียวอ่อนที่อยู่เบื้องหน้าชายคลุมแดงไกลๆไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหว่านชิงชิงศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านนั่นเอง


 


“อวิ๋นเหยียน”


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเพลิงก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับหว่านชิงชิงเช่นกัน อีกฝ่านก็คืออวิ๋นเหยียน ศิษย์หลักของคฤหาสน์โหมอวิ๋น ที่มักจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเสมอ


(โหมอวิ๋น โหม อ่านว่า โม๋ …ไม่ใช่ โหม จากโหมโรงนะ)


 


2 วันก่อนตอนนางได้รับข้อความจากต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกลับเข้ามาแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลาง นางก็มองสำรวจตารางอันดับก่อนเข้ามาเช่นกัน จึงพบว่าอวิ๋นเหยียนติดอยู่ในอันดับที่ 13


 


เมื่อเดือนก่อน นางก็เคยเจออวิ๋นเหยียนเช่นกัน และมีประมือกันไปหลายกระบวนท่า แต่ถึงความเร็วของนางจะเหนือกว่าและสะกดอวิ๋นเหยียนได้ทุกทาง แต่นางก็ไม่อาจเอาชนะอวิ๋นเหยียนได้


 


ส่วนอวิ๋นเหยียนแม้ในแง่การจู่โจมจะรุนแรงเหนือนาง แต่อีกฝ่ายก็ไม่อาจโจมตีนางโดนเช่นกัน


 


เช่นนั้นการประมือกับอีกฝ่ายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา


 


ดังนั้นนางก็เลยเลิกล้มความคิดต่อสู้


 


ด้านอวิ๋นเหยียนก็เช่นกัน


 


“ข้าพึ่งได้รับรายงานสถานการณ์ล่าสุดเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน…เห็นว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของคะแนนสะสมท่านตลอด 2 วันที่ผ่านมา ยังเหนือกว่าพวก 6 อันดับแรกอีกหรือ! และตอนนี้ท่านก็ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกแล้ว?”


 


อวิ๋นเหยียนที่มองหว่านชิงชิง หยีตาเอ่ยถามออกมาตรงๆ


 


“โชคข้าไม่เลว”


 


หว่านชิงชิงงกล่าวตอบเสียงเรียบ แต่ต้นจนจบสีหน้าแววตาของนางช่างเย็นชานัก


 


อวิ๋นเหยียนก็ไม่ได้ถืออะไร เพราะเขารู้มานานแล้วว่าหว่านชิงชิงแห่งคฤหาสน์อู่จ้าน ขึ้นชื่อเรียกไม่สนใจใคร


 


“ยินดีด้วย”


 


อวิ๋ยเหยียนกล่าวคำแสดงความยินดี ก่อนที่จะทำท่าราวกับจะจากไป


 


เท่าที่มันคิด ในเมื่อเดือนก่อนต่างคนต่างทำอะไรกันไม่ได้ เช่นนั้นการเจอกันวันนี้ มันกับหว่านชิงชิงก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาประมือกันอีก


 


มันเชื่อว่าหว่านชิงชิงก็ต้องคิดแบบนี้เหมือนกัน


 


อย่างไรก็ตาม เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของมันพลันอุบัติขึ้น เพราะในขณะที่มันกำลังจะจากไป ร่างหว่านชิงชิงพลันพร่าเลือนไปดั่งเงาเขียว พริบตาก็วูบมาบังขวางเบื้องหน้ามันเอาไว้แล้ว


 


“หือ?”


 


อวิ๋นเหยียนขมวดคิ้ว “แม่นางหว่านชิงชิง…หรือท่านคิดว่า เดือนนี้ท่านจะจัดการข้าได้?”


 


“หากพลังฝีมือท่านก้าวหน้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็ยินดีประมือกับท่าน…แต่หากยังไร้ความก้าวหน้าอันใด ข้าไม่คิดว่าพวกเราควรจะมาเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ที่นี่”


 


อวิ๋นเหยียนกล่าว


 


เดือนก่อนมันกับหว่านชิงชิงต่อยตีกันอยู่ครึ่งวันเต็มๆ


 


ในสายตามัน นั่นนับว่าเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์โดยแท้!


 


ดังนั้นพบเจอหว่านชิงชิงคราวนี้ มันจึงไม่คิดจะเสียเวลาอะไรอีก


 


“ข้ายังไม่ก้าวหน้าอะไรหรอก…”


 


หว่านชิงชิงกล่าว


 


“ในเมื่อไม่ก้าวหน้าอันใด เช่นนั้นมาขวางข้าให้เสียเวลาทำไม?”


 


อวิ๋นเหยียนเองก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว


 


เดิมทีมันคิดว่าที่หว่านชิงชิมาขวางมันเพราอีกฝ่ายบังเกิดความก้าวหน้าอะไร จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะมันได้


 


ตอนนี้พอหว่านชิงชิงบอกว่าไม่มีความก้าวหน้า มันก็เริ่มหงุดหงิดทันทีที่โดนอีกฝ่ายมาขวางไว้แบบนี้


 


ฟุ่บ!


 


อย่างไรก็ตามอวิ๋นเหยียนกล่าวไม่ทันจบคำดี ก็มีร่างหนึ่งวูบมาปรากฏข้างๆกายหว่านชิงชิงปานภูตผี!


 


เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วง คิ้วคมเข้มปานมีดดาบ สองตากระจ่างใสประหนึ่งดวงดารา รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเอาเรื่อง มายืนข้างๆหว่านชิงชิงแบบนี้ แลเหมาะสมกันปานคู่สวรรค์สร้างโดยแท้


 


วูบ!


 


อยู่ๆก็เห็นร่างไม่คุ้นหน้าปรากฏตัวขึ้นข้างๆหว่านชิงชิงอยย่างไร้ร่องรอย ลูกตาอวิ๋นเหยียนก็หดเล็กลงโดยพลัน ‘ไม่แปลกเลยที่ไฉนนางยังเลือกจะขวางข้าแบบนี้ ที่แท้นางมีคนช่วย’


 


‘เรื่องที่เดือนนี้นางมีคนช่วยข้าก็รู้มาบ้าง…แต่คนที่นางร่วมมือด้วยไม่ใช่เหิงเฟิงที่ถูกจัดการไปเมื่อ 3 วันก่อนหรือไร?’


 


เรื่องที่เดือนนี้เหิงเฟิงร่วมมือกับหว่านชิงชิงไม่ใชเรื่องแปลกใหม่ และข่าวเรื่องราวก็แพร่ออกมาสักพักแล้ว มันก็ได้รับรายงานเรื่องนี้มาบ้าง


 


อย่างไรก็ตามมันไม่คิดเลย


 


ว่าหลังจากที่เหิงเฟิงถูกจัดการไปแล้ว หว่านชิงชิงจะร่วมมือกับคนอื่นต่อ!


 


จังหวะนี้อวิ๋นเหยียนก็เร่งมองไปยังป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งปรากฏตัวข้างหว่านชิงชิงปานภูตผีนั่นทันที!


 


และตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ทันมองป้ายที่อีกฝ่ายห้อยแขวนไว้ ในใจอวิ๋นเหยียนก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาแต่แรก


 


เพราะคนที่หว่านชิงชิงจะยอมร่วมมือด้วยในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่นอน และ สิบในสิบไม่พ้นต้องจัดการมันได้แน่!


 


และพออวิ๋นเหยียนเห็นป้ายอีกฝ่ายชัดถนัดตาสองตาที่หยีมองพลันเบิกกว้างขึ้นมาทันใด สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง


 


“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน!?”


 


นามต้วนหลิงเทียนได้ดั่งกระหึ่มจนคฤหาสน์อมตระดับ 6 ทั้งหลายพูดถึงกันอย่างหนาหูตลอด 10 วันที่ผ่านมา


 


มันเองก็เป็นศิษย์หลักคนหนึ่งของคฤหาสน์โหมอวิ๋น ไหนเลยจะไม่รู้เรื่อง!


 


“แม่นางหว่านชิงชิง…ท่าน…ท่านที่แท้ก็ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน!”


 


หลังจากพยายามละสายตาออกมาจากป้ายบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียนอย่ากลำบาก อวิ๋นเหยียนก็หันไปมองกล่าวกับหว่านชิงชิงด้วยใบหน้าตกตะลึง


 


“หลังจากผ่านไปเกือบ 2 วัน…ในที่สุดข้าก็จะได้ยืดเส้นยืดสายเสียที”


 


ด้วยวาจาผ่านพลังของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนจึงรู้ว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้าแข็งแกร่งไม่เบา และติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณเป็นประจำ


 


ที่สำคัญ หว่านชิงชิง เพียงลำพังไม่มีทางจัดการอีกฝ่ายได้

 

 

 


ตอนที่ 3163

 

ในที่สุดอวิ๋นเหยียนก็เข้าใจแล้ว ว่าไฉนหว่านชิงชิงถึงมาหยุดขวางมันเอาไว้แบบนี้ ที่แท้อีกฝ่ายได้ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนนั่นเอง


 


“ยินดีที่ได้พบ ต้วนหลิงเทียน ข้าคืออวิ๋นเหยียน ศิษย์หลักของคฤหาสน์โหมอวิ๋น”


 


อวิ๋นเหยียนป้องมือประสานกล่าวแนะนำตัวเองกับต้วนหลิงเทียนเป็นการทักทาย


 


พลังฝีมือของมันก็พอๆกับถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลี ในเมื่อกระทั่งถานหยวนที่ร่วมมือกับโม่ผิงจื่อยังถูกต้วนหลิงเทียนเอาชนะได้ มันก็รู้ดีว่าพลังของต้วนหลิงเทียนกล้าแข็งกว่ามันมาก ให้ประมือกับอีกฝ่ายมันย่อมสู้ไม่ได้แน่ เช่นนั้นเลือกถอยย่อมประเสริฐกว่า


 


ทว่านั่นมันตอนต้วนหลิงเทียนอยู่คนเดียว!


 


ความเร็วของมันก็พอๆกับถานหยวน และถานหยวนยังเป็นคนกล่าวออกมาเองว่า…ที่ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของต้วนหลิงเทียนนั้นก็เพราะความประมาท! ทำให้อวิ๋นเหยียนเองก็เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถหลบหนีต้วนหลิงเทียนได้หากไม่ประมาท!!


 


อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของมันต่างจากถานหยวนคนละเรื่อง…


 


วันนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตัวคนเดียว


 


ข้างๆต้วนหลิงเทียนมีหว่านชิงชิง!


 


หว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านคนนี้ แม้พลังฝีมือโดยรวมจะด้อยกว่ามัน แต่ความเร็วของนางเหนือกว่ามันมาก หากอีกฝ่ายคิดหนีมันไม่มีปัญญาไล่ทันเลย


 


ในทำนองเดียวกัน หากอีกฝ่ายเลือกจะรบเร้าพัวพันมัน ตัวมันก็จนปัญญาจะสลัดได้หลุด


 


‘ด้วยความเร็วนรกนั่นของหว่านชิงชิง รวมถึงกฏแห่งไม้ที่นางเชี่ยวชาญ นางร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนแบบนี้…อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็น 6 คนนั่นยังสู้ได้!’


 


อวิ๋นเหยียนลอบกล่าวในใจ


 


“ยินดีที่ได้พบ”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าขานรับคำทักทายของอวิ๋นเหยียน จากนั้นก็กล่าวเตือนออกไปด้วยรอยยิ้ม “เชิญพี่ท่านเตรียมตัวเถอะ…พร้อมเมื่อไหร่พวกเราจะลงมือ”


 


ซู่มม!!


 


ราวกับจะตอบรับคำพูดของต้วนหลิงเทียน เพลิงพลังสีมรกตพลันลุกโชนท่วมร่างหว่านชิงชิง แลดูงดงามสบายตาไม่น้อย


 


กอปรกับรูปโฉมอันงดงามไร้ตำหนิของหว่านชิงชิง ยิ่งหนุนเสริมให้นางแลดูโดดเด่นน่ามองนัก สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายหมองลงถนัดตา


 


ปกติแล้วเห็นหว่านชิงชิงในสภาพนี้ อวิ๋นเหยียนคงต้องมองนางด้วยความชื่นชมแน่นอน


 


ทว่าตอนนี้ ในใจมันไม่เหลือความคิดอยากชมดูโฉมงามแสนน่ามองเบื้องหน้าแม้แต่นิดเดียว


 


“เหอะๆ พวกท่านอย่าได้ลำบากเลย…ข้ายอมแพ้แล้ว”


 


อวิ๋นเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆ


 


ล้อกันเล่นรึไง!


 


หว่านชิงชิงที่ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ เกรงว่าพลังรบของทั้งคู่ยังเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงสำหรับ 6 ยอดฝีมือด้วยซ้ำ! มันย่อมรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกฝ่ายเลย!!


 


เช่นนั้นมันจึงเลือกยอมแพ้โดยสดุดี


 


และมันไม่มีความคิดว่าต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้าจะเป็นตัวปลอมอยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว เพราะในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ไม่อาจปลอมแปลงป้ายประจำตัวได้ ถึงมีคนอุตริปลอมป้ายจริง มันก็ต้องตรวจพบได้ไม่ยาก


 


“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว หากวันหน้าท่านมีเวลา ว่างๆก็มาเยือนคฤหาสน์โหมอวิ๋นบ้าง ข้าจักเลี้ยงสุราต้อนรับท่านในฐานะเจ้าบ้านอย่างดี”


 


อวิ๋นเหยียนหันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เรียกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาแล้วเริ่มบดขี้มันจนแหลก


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่อวิ๋นเหยียนบดขยี้ป้าย เสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นในหูหว่านชิงชิงว่า “หากเจ้าไม่รับคะแนนมัน…ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องร่วมมือกันแล้ว”


 


เสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน ทำให้ร่างหว่านชิงชิงชะงักค้างไปทันใด ‘บุรุษผู้นี้…’


 


นางเองก็คิดจะรีบฉากหลบออกไปแล้วปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนได้คะแนนของอวิ๋นเหยียน


 


ทว่าเมื่อได้ยินวาจาด้วยน้ำเสียงเผด็จการของต้วนหลิงเทียน นางก็ไม่กล้าขยับร่างเลย เพราะรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนต้องทำตามคำพูดแน่นอน!


 


วูบ


 


ด้านต้วนหลิงเทียนพอกล่าวผ่านพลังจบคำ คนก็วูบร่างหายไปโผล่ห่างออกไป ปล่อยให้คะแนนสะสมของอวิ๋นเหยียนเป็นของหว่านชิงชิง


 


ก่อนที่จะพบเจออวิ๋นเหยียน ถึงแม้เขากับหว่านชิงชิงจะพบเจอผู้คนมากมาย แต่ทั้งหมดก็เป็นคนที่เขากับหว่านชิงชิงสามารถเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียวทั้งสิ้น…


 


และต้วนหลิงเทียนก็ทำตามคำพูดที่เคยกล่าวไว้หลังจัดการคนของคฤหาสน์หั่วหลี


 


ตราบใดที่เจอคนที่เขาหรือหว่านชิงชิงสามารถเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว เขาจะมอบคะแนนให้นางทั้งหมด


 


อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางหว่านชิงชิงยังเลือกจะหลีกเลี่ยง และปล่อยให้เขาได้คะแนนบ่อยครั้ง


 


ดังนั้นคราวนี้พอพบเจออวิ๋นเหยียน เขาจึงยืนกรานจะส่งคะแนนให้นางก่อน ทั้งๆที่ตกลงกันแล้ว ว่าจะเริ่มจากเขาก่อน


 


“คราวหน้าหากเจอคนที่พวกเราสามารถกำจัดได้โดยที่ต้องร่วมมือกัน ก็ถึงตาเจ้าเอาคะแนนไป…หากเจ้ายังปล่อยให้ข้าได้คะแนนอีก ข้าก็ลำบากใจและไม่กล้าร่วมมือกับเจ้าต่อ”


 


หลังได้คะแนนของอวิ๋นเหยียน หว่านชิงชิงก็เลือกที่จะยืนกรานเรื่องนี้กับต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน สีหน้าน้ำเสียยงนางยังจริงจังนัก


 


“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวรับด้วยรอยยิ้มบางๆ รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย


 


หว่านชิงชิงคนนี้ก็เหมือนกับเขา ไม่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ความโลภใดๆไม่ส่งผลต่อหลักการ


 


“เจ้าลองดูว่าในป้ายมีกี่แต้มแล้ว…หากข้าจำไม่ผิดก่อนจะเข้ามาอีกรอบ ข้าเห็นว่าอวิ๋นเหยียนผู้นั้นมันอยู่ในอันดับที่ 13 ด้วยคะแนนสะสมเกือบ 200 แต้ม”


 


ต้วนหลิงเทียนมองถามหว่านชิงชิงด้วยความอยากรู้ ด้วยไม่ทราบว่าตอนนี้คะแนนสะสมของนางจะพุ่งแซงเขาไปหรือยัง


 


ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หว่านชิงชิงก็ตรวจสอบคะแนนของตัวเองทันที


 


พอตรวจสอบดู นางก็ทำตาโตทันที


 


“3…364 แต้ม!”


 


หว่านชิงชิพบว่าแต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของนาง บัดนี้ได้เพิ่มขึ้นมาจนกลายเป็น 364 แต้มแล้ว มากกว่าคะแนนสะสมของต้วนหลิงเทียนเสียอีก!!


 


“ดี”


 


หลังได้รับทราบคะแนนสะสมที่หว่านชิงชิงมี ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มบางๆ “ดูเหมือน สองวันที่ผ่านมาอวิ๋นเหยียนนั่นจะเก็บคะแนนสะสมเพิ่มได้ไม่น้อย…อย่างไรก็ตาม ดั่งคำตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่นไม่รู้ภัยนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง เสมือนมันตัดชุดแต่งงานให้เจ้าโดยแท้…”


 


“ถ้าคะแนนนี้เป็นของเจ้า…ต่อให้ไม่ติดอันดับแรก แต่อย่างน้อยๆเจ้าก็ต้องติดอยู่ใน 3 อันดับแรกได้แน่!”


 


หว่านชิงชิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน


 


หว่านชิงชิงย่อมรู้ดีแก่ใจ


 


ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางตอนนี้ การจะพบกับคนที่มีคะแนนสะสมมากเท่าอวิ๋นเหยียนอีกสักคน ความเป็นไปได้มันต่ำเหลือเกิน…


 


เพราะแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมันกว้างขวางไม่ใช่เล่นๆ


 


คิดจะพบเจอคนแบบนั้นอีกสักคน ย่อมยากเย็นไม่ต่างอะไรกับคิดหาเข็มในกองฟาง


 


“ใครจะไปรู้…บางทีคนต่อไปอาจจะให้คะแนนข้ามากกว่ามันก็ได้!”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ เห็นชัดว่าการปล่อยคะแนนของอวิ๋นเหยียนให้นางก่อน เป็นการตอบแทนเรื่องที่เขาติดค้างกับหว่านชิงชิงแล้ว ต่อไปเขาไม่คิดปล่อยคะแนนให้นางอีก


 


เมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆของต้วนหลิงเทียน หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวั่นไหวในใจอยู่บ้าง แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียน จึงแลดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมหลายส่วน


 



 


คฤหาสน์อู่จ้าน


 


ตำหนักเคลื่อนย้ายทั้งหลาย เดิมทีก็อยู่ในความสงบไม่ได้เอะอะมะเทิ่งอะไรมากมาย


 


ทว่าเมื่อตารางจัดอันดับบังเกิดความเปลี่ยนแปลง ผู้คนตามจุดเคลื่อนย้ายต่างๆ ไม่อาจสงบอยู่ได้อีกต่อไป


 


“เฮ่ย! พวกเจ้าดูนั่นเร็ว…ดูอันดับที่ 7 เร็ว!!”


 


“อั้ย…จริงเหรอเนี่ย!?”


 


“นี่มัน…ให้ตายเถอะ ทำข้าตกใจจริงๆ!”


 



 


เหล่าอาวุโสและศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้าน อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อพบว่าบัดนี้ในคฤหาสน์อู่จ้านของพวกมัน มีอีกคนที่ขึ้นไปติดอยู่ใน 10 อันดับแรก และไม่ใช่อันดับ 8 9 หรือ 10 แต่เป็น อันดับ 7!


 


ต้วนหลิงเทียนที่เดิมรั้งอยู่ในอันดับ 7 ก็ร่วงตกไปอยู่ในอันดับที่ 8 เรียบร้อย!


 


และตอนนี้คนที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7 แทนที่ต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหว่านชิงชิง ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านของพวกมัน!


 


“ได้ไงกัน…ไฉนอยู่ๆศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงถึงพุ่งพรวดขึ้นไปอันดับ 7 ได้เล่า!?”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านตะลึงกันไม่น้อย


 


“ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล…เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ อวิ๋นเหยียนศิษย์หลักของคฤหาสน์โหมอวิ๋นที่เดิมอยู่ในอันดับที่ 10…ตอนนี้ชื่อมันหายไปจากตารางจัดอันดับแล้ว! เห็นได้ชัดว่าคนที่จัดการมันได้สมควรเป็นศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิง! และคะแนนที่อวิ๋นเหยียนนั่นมันลำบากหามา ก็ไม่ต่างใดจากการตัดชุดแต่งงานให้ศิษย์พี่หญิง!!”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอีกคนและสังเกตเห็นเรื่องนี้ โพล่งขึ้นด้วยความตกใจ


 


“หา? อวิ๋นเหยียน ศิษย์หลักของคฤหาสน์โหมอวิ๋นคนนั้นน่ะนะ!?”


 


“เฮ่…อวิ๋นเหยียนที่ว่า ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ใต้ขอบเขตราชาอมตะของคฤหาสน์โหมอวิ๋นไม่ใช่รึไง?”


 


“นั่นสิ เมื่อเดือนก่อนข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่หว่านชิงชิงก็ปะทะกับมัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทำอะไรใครได้ เพราะแม้อวิ๋นเหยียนจะทรงพลังกว่า แต่ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงก็เร็วกว่ามันมาก…นี่ยังพึ่งผ่านไปแค่เดือนเดียวไม่ใช่รึไง ไฉนศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงเอาชนะมันได้แล้วเล่า!?”


 


“หรืออวิ๋นเหยียนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ….และศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงฉวยโอกาส?”


 


“จะอย่างไรก็ช่าง…ที่รู้คือตอนนี้คฤหาสน์อู่จ้านของพวกเรามีคนติด 10 อันดับแรก 2 คนแล้ว!!”


 


“อันดับที่ 7…นี่เป็นครั้งแรกเลยใช่หรือไม่ที่ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงไต่มาถึง 10 อันดับแรก? แถมยังได้อันดับสูงที่สุดรองจาก 6 คนนั่นอีก! ดูเหมือนหลังผ่านเดือนนี้ไปแล้วหากไม่มีอะไรผิดพลาด ศิษย์พี่หญิงหว่านชิงชิงอาจจะกลายเป็นศิษย์หลักคนใหม่ของคฤหาสน์อู่จ้านเรา!”


 



 


มาตรฐานในนการขึ้นเป็นศิษย์หลักของแต่ละคฤหาสน์อมตะระดับ 6 นั้น ไม่เหมือนกัน


 


เช่นเดียวกับโจวหงเจี๋ยที่เป็นถึงศิษย์หลักของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ทว่าในคฤหาสน์อู่จ้าน คนที่แข็งแกร่งกว่าโจวหงเจี๋ย ยังเป็นแค่ศิษย์ในด้วยซ้ำ ไม่ใช่ศิษย์หลัก


 


ทั้งหมดเป็นเพราะ…


 


คฤหาสน์อู่จ้านมี หวังไท่!


 


เมื่อมีหวังไท่เป็นข้อเปรียบเทียบ หว่านชิงชิงนั้นถือว่าด้อยกว่าแทบทุกด้านยกเว้นความเร็ว


 


และหวังไท่เป็นศิษย์หลักของคฤหาสน์อู่จ้าน


 


นั่นหมายความว่า หากหว่านชิงชิงหรือใครก็ตามที่คิดจะขึ้นเป็นศิษย์หลัก ต้องสร้างผลงานที่ไม่ต่างจากหวังไท่ให้ได้เสียก่อน…


 


และนี่เป็นเหตุผลให้ศิษย์หลักที่ต่ำกว่าขอบเขตราชาอมตะของคฤหาสน์อู่จ้าน มีแค่ หวังไท่ เพียงคนเดียว


 


ศิษย์หลักในคฤหาสน์อู่จ้าน นอกจากหวังไท่แล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะทั้งหมด!


 


ด้วยผลงานของหว่านชิงชิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ ทำให้หลายคนรู้สึกว่าหว่านชิงชิงอาจจะกลายเป็นศิษย์หลักที่ด่านพลังตำกว่าราชาอมตะคนที่ 2 ของคฤหาสน์อู่จ้าน!


 



 


ต่างจากคฤหาสน์อู่จ้านที่กำลังคึกกครื้นรื่นเริง ด้านจุดเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์โหมอวิ๋นกับมีบรรยากาศอึมครึมนัก


 


ตอนแรกทันทีที่อวิ๋นเหยียนมาปรากฏตัวขึ้นในค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว ทั้งหมดก็ได้แต่มองจ้องอวิ๋นเหยียนด้วยสายตางุนงงสงสัย โดยที่ไม่ทันได้สังเกตตารางจัดอันดับ


 


เพราะไม่มีใครคิดว่าอวิ๋นเหยียนจะถูกใครกำจัดออกมาได้ และสมควรกลับมาเพราะมีธุระอะไรบางอย่าง


 


อย่างไรก็ตาม พอบางคนหันกลับไปดูตารางจัดอันดับ จึงพบว่าเรื่องราวไม่ใช่อย่างที่พวกมันคิด!


 


อวิ๋นเหยียนสมควรถูกกำจัดออกมา! ทั้งผู้ลงมือยังเป็นหว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้าน!!


 


“ศิษย์พี่อวิ๋นเหยียน…ท่านเสียท่าหว่านชิงชิงได้อย่างไร?”


 


“อวิ๋นเหยียน มิใช่หว่านชิงชิงนั่นด้อยกว่าเจ้ามากหรือไร? ไฉนนางถึงบีบให้เจ้าออกมาได้เล่า?”


 



 


พอตระหนักได้ว่าอวิ๋นเหยียนสมควรพลาดท่าเสียทีให้หว่านชิงชิง เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์โหมอวิ๋นจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย


 


หว่านชิงชิงมีพลังสามารถขนาดนั้นเลยหรือ?


 


“หากมีแค่หว่านชิงชิงคนเดียว…ข้าคงไม่ต้องออกมาแบบนี้หรอก”


 


ได้ยินคำถามทั้งเห็นแววตาสงสัยใคร่รู้ของทุกคนโดยรอบ อวิ๋นเหยียนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กล่าวตอบด้วยแววตาสลด “ที่ข้าถูกบีบออกมา เพราะนางร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน….”

 

 

 


ตอนที่ 3164

 

คำพูดของอวิ๋นเหยียน นับว่าสร้างความตกตะลึงให้คนของคฤหาสน์โหมอวิ๋นแล้วจริงๆ


 


“หว่านชิงชิง…ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน?!”


 


“ต้วนหลิงเทียนที่ว่า…คือต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นน่ะนะ!?”


 


“อวิ๋นเหยียน…แซ่ต้วนที่เจ้าพึ่งกล่าว เป็นต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นจริงๆหรือ?”



 


โดนทุกคนรุมถามแบบนี้ อวิ๋นเหยียนก็ได้แต่กล่าวตอบเสียงอ่อนด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ในแดนสวรรค์ใต้โบราณ คนที่ร่วมมือกับหว่านชิงชิงจนจัดการข้าได้ นอกจากต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น…ยังจะมีต้วนหลิงเทียนคนไหนได้อีก”


 


หลังได้รับคำยืนยันจากอวิ๋นเหยียน คนของคฤหาสน์โหมอวิ๋นก็อดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ รูม่านตายังหดแคบลง คล้ายพบเจอเรื่องราวอันน่าสยดสยอง


 


“ให้ตายเถอะ…หว่านชิงชิงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนผู้นั้นงั้นหรือ? หว่านชิงชิงมีดีเรื่องความเร็ว…ส่วนต้วนหลิงเทียนนั่นมีพลังโจมตีอันน่าพรั่นพรึงสุดต้านทาน ถึงขั้นทลายปราการป้องกันของเหิงเฟิงแห่งคฤหาสน์อู่จ้านนั่นได้!”


 


“ในอดีตพลังป้องกันของเหิงเฟิงก็จัดว่าอยู่ในระดับ 2 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว…หลังเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น หากในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมันพูดว่าพลังป้องกันของมันเป็นที่ 2 ก็คงไม่มีใครกล้าพูดว่าเป็นที่หนึ่ง! กระทั่งถึงขั้นยืนหนึ่งอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงด้วยซ้ำ!!”


 


“แต่กระนั้น การป้องกันนรกนั่นของมันก็ถูกต้วนหลิงเทียนทำลาย!”


 


“ทั้งคู่ร่วมมือกันแบบนี้…หว่างชิงชิงก็เสมือนลบจุดอ่อนเรื่องความเร็วของต้วนหลิงเทียน และต้วนหลิงเทียนก็ลบจุดอ่อนด้านอื่นๆของหว่านชิงชิงได้สมบูรณ์!”


 


“เมื่อทั้งคู่ร่วมมือกัน…ถึงขั้นเป็นภัยคุกคาม 6 คนนั่นได้ด้วยซ้ำ!!”


 



 


หลังเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของคฤหาสน์โหมอวิ๋นกลับมารู้สึกตัว สายตาของพวกมันก็จับจ้องไปยัง 6 อันดับแรกบนตารางทันที


 


ทั้ง 6 คนนั่นยึดครอง 6 อันดับแรกมานานหลายปีแล้ว ไม่มีเดือนไหนที่เป็นข้อยกเว้นเลยสักเดือน


 


เคยมีหลายคนที่ร่วมมือกัน หมายฉุดดึงทั้ง 6 ให้หลุดจากบัลลังก์มาแล้วหลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ!


 


แล้วการร่วมมือกันระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิงคราวนี้ จะทำลายตำนานดังกล่าวของทั้ง 6 ได้หรือไม่?


 


ถึงแม้พวกมันจะรู้สึกตั้งหน้าตั้งตารอดูอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก


 


นั่นเพราะทั้ง 6 คนไม่ใช่แค่ทรงพลังอย่างร้ายกาจเท่านั้น แต่ยังลึกลับอีกด้วย!


 


“ตอนนี้ที่ข้าอยากรู้ก็คือ…ไม่ใช่ว่าหว่านชิงชิงเป็นคนของคฤหาสน์อู่จ้านและต้วนหลิงเทียนเป็นคนคฤหาสน์เฉวียนโยวหรือไร ไฉนพวกมันถึงไปลงเอยกันได้เล่า?”


 


“ลงเอยกับตูดเจ้า เค้าเรียกว่าร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์!!”


 


“แต่ไม่ใช่ว่าเหิงเฟิงที่ร่วมมือกับหว่านชิงชิงถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไปหรือไร…หรือครั้งนั้นหลังหว่านชิงชิงหลบหนีไปได้แล้วกลับเลือกย้อนกลับมาหารือเรื่องร่วมมือกัน? และคงไม่ใช่เริ่มร่วมมือกันตั้งแต่แรกหรอกนะ?”


 


“พวกมันไม่น่าจะร่วมมือกันแต่แรกหรอก…เพราะตอนที่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี หว่านชิงชิงก็ไม่ได้ไปปรากฏตัวที่นั่น…ข้าว่าทั้งคู่บังเอิญพบเจอกันภายหลัง แล้วก็บรรลุข้อตกลงร่วมกันมากกว่า”


 


“ข้าก็ว่างั้น”


 



 


ไม่นานข่าวที่ต้วนหลิงเทียนร่วมมือกกับหว่านชิงชิง ก็ถูกแพร่กระจายออกไปทั่วคฤหาสน์โหมอวิ๋น จากนั้นหลายๆคนก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งปันเรื่องราว เร่งบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณ เพื่อแจ้งสหายที่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆกันจ้าละหวั่น


 


กระทั่ง 6 อันดับแรกในตารางจัดอันดับที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ยังได้รับข้อความจากอาวุโสของคฤหาสน์ตัวเองในเวลาอันสั้น


 


ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


บนยอดเขาสูงชันลูกหนึ่ง ร่างหนึ่งยืนตระหง่านปานหอคอยเหล็ก อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น


 


“ต้วนหลิงเทียนที่ว่า…ร่วมมือกับหว่านชิงชิงงั้นรึ?”


 


ร่างเดียวดายที่ยืนตระหง่านบนยอดเขานั่น เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง ชุดคลุมสีแดงเพลิงของมันโบกสะบัดไปตามแรงลม แลคล้ายเพลิงโลหิตลุกโชนอยู่บ้าง


 


“น่าสนใจดีนี่…”


 


มุมปากชายหนุ่มยกยิ้มแสยะ สองตาฉายประกายลี้ลับ


 



 


ซว่า!! ซ่า!


 


ทะเลสาบแห่งหนึ่งที่เดิมสงบ ปรากฏบางสิ่งพุ่งทะยานโผล่พ้นลำน้ำขึ้นฟ้าไปฉับไว หยาดน้ำซ่านกระเซ็นไปทุกแห่งหน ท่ามกลางละอองเย็น เผยให้เห็นเป็นร่างผอมหนึ่งเหินค้างเหนือทะเลสาบ


 


เป็นชายหนุ่มที่แต่งตัวคล้ายอาลักษณ์ ใบหน้าแลดูหล่อเหลา หากแต่แววตาทั้งทั่วร่างให้กลิ่นอายชั่วร้ายขุ่นคลั่ก!


 


“ต้วนหลิงเทียน? หว่านชิงชิง? หวังว่าพวกมันจักทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นได้บ้าง…”


 


ชายหนุ่มคลี่ยิ้มแสยะพลางแลบเลียริมฝีปาก จากนั้นคนคล้ายกลับกลายเป็นเงาเลือน พุ่งทะยานตัดฟ้าไปดั่งลำแสงสายหนึ่ง…


 


และหลังจากมันไปได้ไม่นาน ก็ปรากฏร่างสตรีเปล่าเปลือยตามตัวเต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำลำคอปรากฏรอยคล้ำ ไร้ซึ่งกลิ่นอายชีวิตนางหนึ่งลอยขึ้นมาให้เห็น


 



 


“หวังไท่! ข้ายอมแพ้แล้ว!!”


 


เหนือผืนป่ารกชัดปรากฏร่างลอยค้างกลางหาว ด้วยเพลิงพลังที่ลุกโชนท่วมร่าง หนุนเสริมให้สภาวะมันกล้าแข็งปานทวยเทพ มันกำลังมองจ้องไปยังชายชราที่หน้าตาซีดเซียวเบื้องล่าง ผู้เร่งร้อนกล่าวคำยอมแพ้ด้วยสีหน้าแววตาเฉยชา


 


แคร่ก!


 


จากนั้นชายชราที่กล่าวยอมแพ้ ก็เร่งบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน เลือกถอนตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณด้วยแววตาเลื่อมไสระคนหวาดกลัว


 


“หืม?”


 


ร่างที่เปี่ยมล้นไปด้วยเพลิงพลังกล้าแข็งปานทวยเทพเหนือป่า อยู่ๆก็เลิกคิ้วขึ้น ดวงตาเผยความประหลาดใจให้เห็น


 


“ศิษย์น้องหญิงชิงชิง…บังเอิญเจอต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวอีกครั้ง และสมควรบรรลุข้อตกลงร่วมมือกันงั้นรึ?


 


ฟังจากคำพูดของมัน ดูเหมือนร่างชายหนุ่มที่บีบให้ชายชราเร่งรุดบดขยี้ป้ายหยกเป็นการยอมแพ้ไปเมื่อครู่ ที่แท้ก็คือหวังไท่ ของคฤหาสน์อู่จ้าน!


 



 


ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างนั่งหลับตาขัดสมาธิอย่างเงียบงัน คล้ายกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง


 


ร่างที่ว่าเป็นชายหนุ่มในชุดสีเทา แม้ใบหน้าแลดูอ่อนวัย หากแต่เส้นผมขนคิ้วของมันล้วนขาวโพลนปานหิมะ


 


ขาวจนไม่รู้จะขาวไปกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว


 


หมับ!


 


เสียงคว้าจับวัตถุดังขึ้นเบาๆ ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่หากแต่บัดนี้ชายหนุ่มผมขาวในชุดเทาดังกล่าวได้ลืมตาขึ้นแล้ว และในมือก็ถือไว้ด้วยป้ายหยกป้ายหนึ่ง


 


ป้ายหยกที่ว่าเป็นป้ายหยกสะสมคะแนน…


 


“ดูเหมือนเดือนนี้ข้าจะไม่มีโอกาสพบเจอต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นแล้ว…”


 


ร่างในชุดคลุมสีเทากล่าวพึมพำออกมาอย่างทอดถอนใจ คล้ายเสียดายไม่น้อย จากนั้นมันก็เก็บป้ายหยกสะสมคะแนนไป แล้วหลับตาลงต่อ ทำราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง…


 



 


“ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ฆ่ากงซุนจิ้งนั่นมันร่วมมือกับหว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านงั้นรึ?”


 


เหนือทุ่งน้ำแข็ง ท่ามกลางสายลมยะเยือก ร่างหนึ่งที่กำลังเหินฝ่าความหนาวเหน็บพลันชะงักร่างลงอย่างกะทันหัน


 


สาเหตุที่มันชะงักร่างค้างกลางหาว เนื่องเพราะมันได้รับการติดต่อจากภายนอก


 


“หึ! ต่อให้เจ้าจักร่วมมือกับนังตัวดีของคฤหาสน์อู่จ้าน แต่ภาวนาอย่าให้เจอข้าแล้วกัน…หาไม่แล้วพวกเจ้าได้ตายแน่!”


 


ร่างกลางลมหนาวเป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมดำสนิท ลูกตาดั่งอสรพิษของมันหดหยีลงส่องประกายเย็นชา  “ได้ยินมาว่าคฤหาสน์เฉวียโยวเห็นเจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นเป็นดั่งความหวังคฤหาสน์…”


 


“คราวนี้ข้าจักให้ความหวังของพวกมันต้องพังทลาย!”


 


พอเสียงอำมหิตดังจบคำ ร่างในชุดดำก็วูบตัดฟ้าหนาวไปอีกครั้งเร็วไว แววตาเย็นชาของมัน ยิ่งมายิ่งฉายชัดถึงความอำมหิต ปานรอกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนไม่ไหวแล้ว!


 



 


“หากได้เจอต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิงนั่นก็คงดี อย่างน้อยๆก็คงแก้เบื่อให้ข้าได้บ้าง…”


 


กลางฟ้าเหนือพื้นที่แนวภูเขาแห่งหนึ่ง ร่างที่กำลังเหินไปเรื่อยอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลันหยุดลงกลางหาวเมื่อพบว่ามีข้อความหนึ่งส่งมาถึง หลังได้รับทราบข้อความแล้ว สองตาที่แลดูเบื่อหน่ายของมันพลันฉายแววจ้าขึ้นมาทันที


 


“5 คนนั่นถึงเจอพวกมันก็ไร้ความหมาย…พวกมันทำอะไรข้าไม่ได้ แต่ข้าก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้”


 


“แถมถึงจะท้าพวกมันต่อยตีไป พวกมันก็คร้านจะเสียเวลาเล่นนกับข้าทุกที…หวังว่าเดือนนี้จะทันได้เจอต้วนหลิงเทียนกับว่านชิงชิงนั่น จะได้สู้ให้หนำใจสักครา!”


 


“ช่างทำให้ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอเสียจริง…หวังว่าจะได้เจอพวกมันก่อนหมดเวลา!”


 



 


ด้านคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าศิษย์และอาวุโสตามตำหนักเคลื่อนย้ายต่างๆ ทุกคนก็ได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความอื้ออึงหลังได้ยินข่าวเรื่องความร่วมมือระหว่างต้วนหลิงเทียนนกับหว่านชิงชิง


 


“ต้วนหลิงเทียน…ร่วมมือกับหว่านชิงชิงจากคฤหาสน์อู่จ้านงั้นเหรอ!?”


 


“ยิ่งไปกว่านั้น ยังร่วมมือกันกำจัดอวิ๋นเหยียนของคฤหาสน์โหมอวิ๋นด้วยกัน…ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับเลือกจะมอบคะแนนสะสมให้หว่านชิงชิง? ไฉนถึงต้องให้นางด้วยเล่า?”


 


“ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียวว่าไฉนสองวันที่ผ่านมาคะแนนสะสมของต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยกระเตื้องเลย…ที่แท้อยู่กับหว่านชิงชิงนี่เอง อีกทั้งดูจากแต้มของนางที่ขึ้นเอาๆ ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องใจป๋ามอบให้นางหมดแน่!!”


 


“บัดซบ! หรือวีรบุรุษยากฝ่าด่านหญิงงามแล้วจริงๆ? กระทั่งอัจฉริยะอย่างต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจทำลายคำสาปนรกนี่ได้อีกรึ?!”


 



 


เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวในตำหนักเคลื่อนย้ายทั้ง 3 อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน…ด้วยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวีรบุรุษที่มากอบกู้คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกมันอย่างต้วนหลิงเทียน ยังไม่อาจฝ่าด่านหญิงงามเช่นหว่านชิงชิงได้ และมอบแต้มเพื่อปรนเปรอเอาใจนางเสียอย่างนั้น!


 


สำหรับเรื่องนี้ พวกมันไม่เพียงจะพูดไม่ออก แต่ยังไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ


 


เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน


 


นอกจากนั้นด้วยความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ต่อให้หลังจากนี้จะมอบคะแนนสะสมให้นางทั้งหมด แต่ตามสถิติแล้ว ก็สมควรจบเดือนด้วยการติด 10 อันดับแรกได้อยู่ ซึ่งสิ่งนี้ก็เรียกว่าเป็นดั่งเป้าหมายที่ทำให้พวกมันพึงพอใจมากๆแล้ว


 


“เจ้าหนูนั่น…ไปหลงเสน่ห์หว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านงั้นเรอะ!?”


 


หลังจากที่ 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว ฉีเทียนหมิง ได้รับทราบข่าวนี้ มันก็รู้สึกจุกแน่นในอก ยังบังเกิดอาการอยากทุบตีทำร้ายผู้คนขึ้นมาตงิดๆ เร่งสะบัดมือควักยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมากองหนึ่ง ก่อนจะบดขยี้ทิ้งระรัว


 


“เจ้าหนู! เจ้าได้ลืมเลือนไปเชียว! ว่าท่านจ้าววังงผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมอบบททดสอบอันใดให้เจ้า!!”


 


“นอกจากนั้นหว่านชิงงชิงแห่งคฤหาสน์อู่จ้านนั่น นางมิใช่ผู้คนด้วยซ้ำ! นางเป็นดอกไม้! ดอกไม้ที่มิรู้ก่อเกิดสำนึกสติมากี่แสนกี่ล้านปีกว่าจักจำแลงกายเป็นผู้คน! อีกทั้งเจ้าสมควรรู้ดี ว่าต่างเผ่าพันธุ์ ต่างจิตใจ! ใช่รสนิยมนางจักเหมือนผู้คนเสียเมื่อไหร่? เจ้าสมควรรักษาระยะห่างกับนางให้มากเข้าไว้ ต่อไปจักได้ไม่โดนนางขาย!!”


 


“หลังจากนี้เจอผู้ใด ก็เก็บแต้มไปเองเสีย อย่าได้ปรนเปรอให้นางอย่างโง่งม!!”


 


ฯลฯ


 



 


ฉีเทียนหมิงเร่งบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทาวิญญาณและส่งข้อความไประรัว และทุกข้อความล้วนพยายามปลุกสติต้วนหลิงเทียน ไม่ให้หลงมัวเมาไปกับรูปโฉมของหว่านชิงชิง


 


ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


“ผู้เฒ่าฉี…”


 


ต้วนหลิงเทียนทีอยู่ๆก็ได้รับข้อความที่ประดังเข้ามานับสิบข้อความ ก็อึ้งไปอยู่บ้าง หลังจากหายอึนเขาก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาพลางคลี่ยิ้มแหยๆ


 


ผู้เฒ่าฉีไม่รู้ว่าเขาตกลงร่วมมือกับหว่านชิงชิงตั้งแต่แรก…


 


อีกทั้งไม่รู้ว่าเขาติดค้างนางที่บอกข้อมูลสำคัญเรื่องการระดมพลของศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี จนนำไปสู่การกำจัดถานหยวน และโม่ผิงจื่อ


 


หากเขาไม่เจอถานหยวนห่างออกไป 20 ลี้ และดันเจอพวกมันระดมกำลังมาหาเขาที่หน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีแทน แม้ถานหยานอาจจะประมาท แต่ไม่แน่ว่าเขาจะจัดการมันได้ทัน


 


เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาไปจัดการมันกลางทางได้แบบนี้ ต้องขอบคุณหว่านชิงชิงที่พบเจอเบาะแสความเคลื่อนไหวของงพวกมัน…


 


แม้เขาจะเปิดโอกาสให้นางได้รับคะแนนของงอวิ๋นเหยียนของคฤหาสน์โหมอวิ๋น แต่นั่นก็เป็นการชำระหนี้ที่เขารู้สึกติดค้าง เพราะนางไม่ยอมให้เขาชำระหนี้อย่างที่ลั่นวาจาไว้ดีๆเท่านั้น! ตอนนี้เขาจึงไม่ต้องรู้สึกติดค้างนางอีกต่อไป


 


และคะแนนของคนที่ต้องร่วมมือกันสู้คนต่อไป แน่นอนว่าต้องเป็นของเขาตามข้อตกลงเรื่องผลัดกันแต่แรก


 


“เรื่องราวความร่วมมือของพวกเรา ด้านนอกล่วงรู้กันแล้ว…”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลอยยเหม่อคิดอยู่นั้น เสียงผ่านพลังของหว่านชิงชิงก็ดังขึ้นในหูเขา


 


โดยปกติเขากับหว่านชิงชิงจะไม่เดินทางร่วมกัน แต่จะเว้นระยะห่างกันพอสมควร ให้อยู่ในระยะที่สัมผัสกันได้ด้วยสำนึกเทวะ…


 


ทำให้ตราบใดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพบศัตรูอีกคนก็สามารถมาช่วยได้ทันท่วงที และยังทำให้ศัตรูไม่รู้ตัวแต่แรกด้วย ว่าพวกเขามีกันสองคน


 


“ก็อย่างที่คาดไว้”


 


ต้วนหลิงเทียนตอบกลับอย่างไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร


 


และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ต้วนหลิงเทียนตอบหว่านชิงชิงจบคำ เขาก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ร่างหันขวับไปจับจ้องมองฟ้าทิศทางหนึ่ง ลูกตาหดเล็กลง มองเพ่งไปเบื้องหน้า!


 


ซู่มมม!!


 


เบื้องงหน้าไกลๆ ปรากฏร่างที่ปกคลุมไปด้วยพลังสีครามของสายลม และหลังจากที่อีกฝ่ายพบเจอเขา มันก็ห้อตะบึงเข้ามาเร็วไว!


 


“ต้วนหลิงเทียน!!”


 


ขณะที่อีกฝ่ายบึ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียงเย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้น ยังเย็นเสียจนปานจะแช่แข็งได้กระทั่งอากาศ!


 


ความเร็วในการห้อเหยียดเข้ามาของอีกฝ่าย ถึงแม้จะไม่รวดเร็วเท่าหว่านชิงชิง แต่ก็เร็วกว่าต้วนหลิงเทียน


 


และวัดจากความเร็วของมัน สมควรอยู่ในระดับที่ 2 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง พอๆกับถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลี และอวิ๋นเหยียนของคฤหาสน์โหมอวิ๋น


 


ไม่ทันไร คนก็มาลอยร่างขวางไว้เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน มองจ้องมาด้วยสายตาเปี่ยมเจตนาฆ่าฟัน!


 


“ต้วนหลิงเทียน เดือนก่อนเป็นเจ้าลงมือตอนข้าไม่ทันตั้งตัวจนกำจัดข้าได้…เดือนนี้ข้า หลิวจี๋ จักฆ่าเจ้าเพื่อชะล้างความอัปยศครั้งนั้น!!”


 


คนที่รีบบึ่งมาขวางต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงมองจ้องเขาด้วยเจตนาฆ่าฟันเท่านั้น ยังประกาศคำออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นชัดเจน…ว่าจะฆ่าเขาให้ตาย!

 

 

 


ตอนที่ 3165

 

“หลิวจี๋!”


 


เห็นร่างที่มาปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ทันที ว่ามันคือหลิวจี๋ที่เขากำจัดไปเมื่อเดือนก่อน


 


อย่างไรก็ตาม ตอนเขาจัดการหลิวจี๋เมื่อเดือนก่อน เขาไม่ได้ใช้พลังของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ในร่างเลย อาศัยพลังของความลึกซึ้งที่มีเท่านั้น


 


และยังลงมือจบเรื่องราวได้ในชั่วพริบตา


 


แน่นอน ว่าที่เขาสามารถจัดการหลิวจี๋ได้ในชั่วพริบตานั้น ทั้งหมดเป็นเพาะหลิวจี๋ประมาทเลินเล่อเอง! คิดว่าอาศัยแค่การโจมตีส่งๆก็จัดการเขาได้ ทำให้พอเขาสวนไปมันก็ตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายจำต้องบดขยี้ป้ายหยกหลบหนีไป


 


“หลิวจี๋?”


 


เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนหยุดลงกลางหาว หว่านชิงชิงก็หยุดร่างลงเช่นกัน และด้วยความที่นางอยู่ห่างจากต้วนหลิงเทียนรวมถึงหลิวจี๋ไม่ได้ผ่านมาทางนาง อีกฝ่ายจึงไม่พบนาง


 


อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ห่างกันพอสมควร แต่นางก็ได้ยินวาจาเมื่อครู่ของหลิวจี๋ชัดเจน


 


“ฆ่าต้วนหลิงเทียน?”


 


และวาจาดังกล่าวขอหลิวจี๋ ก็ทำให้หว่านชิงชิงพูดไม่ออกอยู่บ้าง เพราะความแข็งแกร่งของหลิวจี๋นั้นอ่อนด้อยกว่านางทุกทางด้วยซ้ำ แต่กระทั่งนางยังไม่กล้าพูดเลยว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้!


 


หากนางมีความสามารถพอจะจัดการต้วนหลิงเทียน ไหนเลยจะทำได้แค่ยืนมองเหิงเฟิงถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ?


 


“ดูเหมือนข่าวที่ลือกันจะเป็นจริง…หลิวจี๋ผู้นี้สันดารเสียและจิตใจคับแคบจนแม้แต่คนของคฤหาสน์หานชิงเอง ก็ไม่มีผู้ใดคบมัน เรื่องที่พวกเราร่วมมือกัน ไม่เว้นเรื่องที่เจ้าจัดการถานหยวนกับอวิ๋นเหยียน สมควรรู้กันหมดแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้อะไรเลย”


 


หว่านชิงชิงส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน


 


นางจะสรุปได้แบบนี้ก็ไม่แปลก


 


เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากหลิวจี๋ล่วงรู้เรื่องที่นางพูดมาสักเรื่องไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม อีกฝ่ายคงไม่กล้ามาทำตัวจองหองอะไรแบบนี้ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแน่นอน!


 


“เช่นนั้นก็ให้ข้าดูหน่อย…ว่าเจ้าจะฆ่าข้ายังไง?”


 


เผชิญกับหลิวจี๋ที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งสงบไม่แปรเปลี่ยน


 


และแววตาท่าทางสบายๆราวไม่เห็นมันอยู่ในสายตาแบบนี้ ทำให้หลิวจี๋ยิ่งเดือดดาลหนักข้อ “เฮอะ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเดือนนี้เจ้าจักโชคดีเหมือนเดือนก่อน!?”


 


กล่าวจบคำ ทั่วร่างหลิวจี๋ก็ระเบิดพลังสีครามออกมาจนมวลอากาศสั่นไหว คนโจนทะยานเข้ามาปานนกเหยี่ยว จากนั้นห้วงอากาศโดยรอบก็เริ่มส่งเสียงคำราม สายลมควบรวมก่อเกิดคมมีดไม่หยุด!


 


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


 



 


ร่างหลิวจี๋โจนทะยานเข้ามาด้วยความเร็วจนเห็นเป็นเงาเลือนปานภูตผี คมมีดสายลมมหาศาลที่ก่อเกิดขึ้นมามากมาย ก็แหวกฟ้าส่งเสียงเสียดหู ร้อยเรียงเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานห่ากระสุน!


 


จากกลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาบีบคั้นในบรรยากาศ เรียกว่าทันทีที่หลิวจี๋ลงมือ มันก็ผสานใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งลมทั้งหมดที่เข้าใจ


 


กลับกัน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เร่งเร้าพลังดุร้ายอะไร เพียงยกมือขึ้นมาสะบัดส่งๆ


 


พริบตาต่อมา


 


เปรียะ!


 


ความว่างเปลาข้างกายต้วนหลิงเทียนปรากฏรอยแตกหนึ่งขึ้น


 


ซัว!


 


หลังปรากฏรอยแยกมิติแล้ว คมมีดมิติสีเทาหนึ่งก็พุ่งออกมาจากรอยแยกฉับไว มันพุ่งมาวนรอบต้วนหลิงเทียนที่เปิดใช้เขตแดนมิติบิดเบือนได้ไม่กี่รอบ แสงพลังสีเทาก็ยิ่งสว่างเจิดจ้าปานเพลิงไฟได้รับอากาศ!


 


ขณะเดียวกันกับที่คมมีดมิติเพิ่มพูนพลังอานุภาพ ก็อุบัติเพลิงพลังสีทองหนึ่งแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วตัวคมมีดดังกล่าว


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


ในขณะเดียวกัน คมมีดสายลมก็พุ่งเข้ามาจนห่างตัวต้วนหลิงเทียนไม่ถึง 10 หมี่แล้ว เรียกว่ามันบุกทะลวงเข้าสู่เขตแดนมิติบิดเบือนของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย!


 


และถึงแม้เขตแดนมิติบิดเบือนของต้วนหลิงเทียน จะผสานไว้ด้วยพลังจากความลึกซึ้งเขตแดนกับบิดเบือนของกฏมิติ แต่ทว่าก็ยังไม่อาจหยุดยั้งคมมีดสายลมของหลิวจี๋ได้ ทำได้แค่ลดทอนพลังสภาวะของห่าคมมีดที่ร้อยเรียงเข้ามาไปกว่าครึ่งเท่านั้น


 


เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ หลิวจี๋ที่โจนทะยานตามเข้ามาปานนกเหยี่ยว ก็แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างมีชัย


 


ราวกับหลิวจี๋แลเห็นฉากต้วนหลิงเทียนตกตายคาคมมีดสายลมที่มันจู่โจมนำออกไป!


 


“ไป!”


 


อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คมมีดสายลมอันหลงเหลือพลังอานุภาพเกือบครึ่ง กำลังจะถล่มเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือส่งๆอีกครั้ง ทันใดนั้นคมมีดมิติสีเท้าที่ห้อมล้อมไปด้วยเพลิงพลังสีทองก็พุ่งวาบออกไปปานอัสนีฟาดผ่า!


 


ซัว!!


 


อัสนีสีเทาเพลิงพุ่งออกไปรวดเร็วเหลือเกิน ห้วงมิติรอบๆยังบิดเบี้ยวไปเป็นทาง เรียกว่าไม่เพียงมีพลังอานุภาพผ่าทำลายอันน่ากลัว แต่ยังสร้างห้วงมิติอันตรายล้อมรอบเป็นการป้องกันอีกด้วย! หนึ่งคมมีดมิติจี้ตรงเข้าใส่ห่าคมมีดสายลมอย่างไร้ครั่นคร้าม!!


 


หลังจากนั้นฉากเรื่องราวอันน่ากลัวก็อุบัติขึ้น


 


หนึ่งคมมีดมีติสีเทา ได้ตะลุยฝ่าห่าคมมีดสายลมที่ประดังเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ที่พร่องไปก็มีแต่เพลิงพลังสีทองที่ฉาบหุ้มเท่านั้น พลังสภาวะคมมีดมิติยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังทำลายอันน่ากลัว!


 


คมมีดสายลมที่เหลือไม่พอจะลดทอนพลังทำลายคมมีดมิติได้แม้ครึ่งส่วนด้วยซ้ำ! ไม่ต่างใดจากตั๊กแตนคิดหยุดรถม้าแม้แต่น้อย!!


 


เห็นฉากดังกล่าว ลูกตาหลิวจี๋ก็หดเล็กลงแทบปิด ใบหน้าฉายชัดถึงความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ ยังอดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “เป็นไปไมได้!!”


 


อย่างไรก็ตาม คมมีดมิติสีเทาฉับไววปานสายฟ้านั่น ได้พุ่งทำลายคมมีดสายลมจนเข่นฆ่าเข้ามาถึงเบื้องหน้าแล้ว ต่อให้หลิวจี๋ไม่อยากยอมรับความจริงมากแค่ไหน มันก็ได้แต่ต้องยอมรับ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั้งพลังธาตุลมที่รวมรั้งหมายออกกระบวนท่าเข่นฆ่าสังหารต้วนหลิงเทียนซ้ำ จำต้องแปรเปลี่ยนเป็นพลังจุดระเบิด เพื่อใช้ในการเคลื่อนร่างหลบหนีในบัดดล!!


 


ซู่มมมม!  ปงงง!!!


 



 


ร่างหลิวจี๋พุ่งฉากออกไปปานสายลมกรรโชก มวลอากาศยังแตกระเบิดส่งเสียงดังสนั่นลั่นก้อง หลบคมมีดมิติสีเทาออกไปได้อย่างหวาดเสียว!


 


ซูว!


 


หลังหลบคมมีดมิติอันตรายได้อย่างฉิวเฉียดแล้วหลิวจี๋พึ่งจะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนกได้ไม่ทันไร สีหน้ามันก็จำต้องแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!


 


เนื่องเพราะมันสัมผัสได้ว่า ด้านหลังมันห่างออกไปไม่ถึง 10 หมี่นั้น อยู่ๆก็ปรากฏกลิ่นอายพลังหนึ่งขึ้นในฉับพลัน และเป็นร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะวูบร่างผ่านห้วงมิติมาผุดโผล่ด้านหลังหลิวจี๋ปานภูตผี!!


 


“กักกัน!”


 


และไม่ทันที่หลิวจี๋จะตอบสนองกับการปรากฏตัวในฉับพลันของต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งกักกัน ผนึกห้วงมิติรอบกายหลิวจี๋เอาไว้แล้ว!


 


“คิดว่าจะขังข้าได้อีกครั้งงั้นรึ! ฝันไปเถอะ!!”


 


อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกต้วนหลิงเทียนใช้พลังกักร่างเอาไว้ แต่สีหน้าท่าทีของหลิวจี๋ก็หวนคืนสู่ความปกติเร็วไว ยังยกยิ้มแสยะเย็นชา ตะคอกคำอย่างมั่นใจ จากนั้นมวลพลังสีครามทั่วร่างของมันก็ปะทุลุกโชนขึ้นมาอีกครา ก่อเกิดเป็นคมมีดสายลมอันทรงพลังส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฟ้าอีกครั้ง!!


 


อย่างไรก็ตาม คมมีดสายลมพุ่งจะพุ่งทำลายออกไปไม่ทันไร! อยู่ๆความว่างเปล่ารอบกายหลิวจี๋ ก็อุบัติม่านเพลิงสีทองปกคลุมห้อมล้อมเอาไว้ เผยให้เห็นเค้าโครงคุกมิติชัดเจน!!


 


บัดนี้หลิวจี๋เสมือนถูกขังในคุกรูปเหลี่ยมปานผลึกเพชรอะไรสักอย่างที่ก่อเกิดจากเพลิงสีทอง! และดูจากสภาพแล้วคงไม่อาจฝ่าทะลวงออกมาได้โดยง่าย!!


 


และถึงจะมีม่านเพลิงปกคลุมหลิวจี๋เอาไว้ เป็นการกั้นขวางระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียน แต่ม่านพลังเพลิงสีทองที่ว่าก็โปร่งแสง ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิวจี๋ยังแลเห็นกันชัดเจน


 


“จบแล้วสินะ”


 


เมื่อเห็นว่าห้วงมิติที่ล้อมกักหลิวจี๋เต็มไปด้วยเพลิงพลังสีทอง หว่านชิงชิงก็รู้ได้ทันทีว่าการต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแพ้ชนะแล้ว นางจึงปรากฏตัวออกมาลอยร่างข้างๆต้วนหลิงเทียนทันที


 


“หว่านชิงชิง!?”


 


ก่อนที่คมมีดสายลมจะกระทบ หว้งมิติกักกันที่ฉาบไว้ด้วยเพลิงพลังสีทอง หลิวจี๋พลันสังเกตเห็นว่าข้างกายต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็ปรากฏร่างบางขึ้นมาร่างหนึ่ง


 


จังหวะนี้สีหน้าหลิวจี๋ได้แปรเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์


 


เรื่องนี้หมายยความว่าอะไร ขอเพียงมันไม่โง่ก็ย่อมรู้ได้ทันที


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


ขณะเดียวกัน หลิวจี๋ก็ตระหนักได้ว่าคมมีดสายลมที่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดของมัน ไม่อาจทำลายกรงมิติที่ฉาบไปด้วยเพลิงพลังสีทองได้ง่ายๆ!


 


กระทั่งได้ใช้พลังจู่โจมออกเต็มกำลังยังจุดเดียวแล้วแท้ๆ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะฝ่ากรงมิติออกไปได้เลย!!


 


‘นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!?’


 


‘ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียน…ไฉนมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้เล่า!?’


 


สีหน้าหลิวจี๋เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่มันคิดฆ่าเพื่อล้างความอัปยศที่แท้จะร้ายกาจสุดที่มันจะคาดคิดได้ถึง!


 


หากมันรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดนี้ล่ะก็ ต่อให้มันจะเกลียดชังทั้งคับแค้นต้วนหลิงเทียนที่ทำให้มันรู้สึกอัปยศเมื่อเดือนก่อนมากแค่ไหน มันก็ไม่กล้ามาโวยวายใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างจองหองลำพองแน่นอน!!


 


กระทั่งมันยังจะฝังความแค้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจด้วยซ้ำ!


 


“ถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลียังไม่มีปัญญาทำลายห้วงมิติกักกันของข้าได้ด้วยซ้ำ…เจ้าคิดว่าการโจมตีของเจ้าทรงพลังกว่ามันรึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่เหลือบมองหลิวจี๋ด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงไร้แยแส


 


ถานหยวน?


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลิวจี๋ก็หน้าเสียไปอีกรอบ ร่างยังแข็งทื่อไปดื้อๆ “เจ้า…เจ้า…หรือว่าเจ้าเอาชนะถานหยวนได้?”


 


ถานหยวน เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของคฤหาสน์หั่วหลี ตัวมันเองก็ได้พบเจออีกฝ่ายหลายครั้งแล้ว และเป็นมันที่แพ้พ่ายถานหยวนทุกรอบ


 


ถึงมันจะเร็ว แต่ถานหยวนก็เร็วพอๆกับมัน และในด้านอื่นๆถานหยวนก็ทรงพลังกว่ามันทุกทาง อีกฝ่ายจึงเอาชนะมันได้ง่ายๆ!


 


“นี่เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา…คงไม่ได้อยู่ในหุบเขาเปลี่ยวร้างหรือพึ่งออกจากการปิดด่านหรอกนะ? เพราะตอนนี้คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย เกรงว่าคงไม่มีที่ไหนไม่รู้เรื่องที่ข้ากำจัดถานหยวนกระมัง? ไม่มีใครบอกเจ้าเลยรึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยท่าทีประหลาดใจ “นี่เจ้า…อย่าบอกนะว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ข้าอยู่ในอันดับ 8 และมีคะแนนสะสม 300 กว่าแต้มแล้ว?”


 


ทุกครั้งที่ต้วนหลิงเทียนพูดอะไรออกมา สีหน้าของหลิวจี๋ก็ยิ่งปั้นยากมากขึ้นทุกขณะ


 


และในขณะที่สีหน้ามันกลายเป็นอัปลักษณ์ดูไม่ได้ มันก็ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าพลังของห้วงมิติกักกันรอบตัวมันได้อ่อนโทรมลงไปอย่างมาก…


 


“ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยู่ในอันดับ 8 ส่วนข้าอยู่ในอันดับ 7…และที่ข้าไต่มาถึงอันดับนี้ได้ ก็ล้วนต้องขอบคุณต้วนหลิงเทียนคนเดียว ด้วยมีเขาร่วมมือกับข้า พวกเราจึงจัดการอวิ๋นเหยียนของคฤหาสน์โหมอวิ๋นได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยแรงด้วยซ้ำ”


 


ตอนนี้เองหว่านชิงชิงที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวเสริมออกมาอย่างประจวบเหมาะ


 


จังหวะกล่าวเสริมของหว่านชิงชิง นับว่ามาได้พอดีมากจนต้วนหลิงเทียนอดแปลกใจไม่ได้


 


เพราะหลังงจากที่รู้จักกันมาสักพัก เขาก็รู้ว่าหว่านชิงชิงทั้งเย็นชาทั้งไม่สนใจใคร แต่ไม่คิดเลยว่านางจะช่วยกล่าวเสริมออกได้เหมาะเจาะแบบนี้


 


นี่ไม่เหมือนกับหว่านชิงชิงเลยย


 


และพอเสียงกล่าวหว่านชิงชิงดังจบคำ หลิวจี๋ก็เลิกดิ้นรนและสะบัดมือฉับไวปานสายฟ้า เรียกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมา!


 


ทว่าในขณะที่หลิวจี๋กำลังจะบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน เพื่อออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้นเอง


 


ฟุ่ฟฟ!!


 


เงาเลือนรางสีเขียวหนึ่งพลันพุ่งทะลวงความว่างเปล่ามาฉับไวสุดที่มันจะตอบสนองใดๆได้ทัน


 


เรียกว่ารวดเร็วเสมือนห้วงเวลาของหลิวจี๋ถูกหยุด!


 


จากนั้นเงาเลือนรางสีเขียวดังกล่าว ก็ฉกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาจากมือหลิวจี๋หน้าตาเฉย!


 


ฟุ่ฟ!!


 


เรียกว่าก่อนที่ภาพติดตาเงาเลือนรางสีเขียวจะหายไปจากสายตาหลิวจี๋ ร่างหว่านชิงชิงก็กลับมาอยู่จุดเดิมแล้ว และในมือนางก็มีป้ายหยกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแผ่น


 


เป็นป้ายหยกสะสมคะแนนของหลิวจี๋!


 


ตั้งแต่ก่อนที่หว่านชิงชิงจะปรากฏตัวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ส่งเสียงผ่านพลังไปนัดแนะนางเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่าให้นางจับตาดูความเคลื่อนไหวหลิวจี๋เอาไว้ หากมันคิดจะบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนเมื่อไหร่ นางจะต้องแย่งป้ายนั่นมาให้ทัน!


 


ด้วยความที่หว่านชิงชิงไม่มั่นใจว่าจะสามารถแย่งป้ายหยกสะสมคะแนนของหลิวจี๋ได้ทันหากอยู่ห่างไกล เช่นนั้นนางจึงเลือกจะมาปรากฏตัวข้างๆต้วนหลิงเทียน เมื่อเห็นว่าหลิวจี๋ถูกจับได้แล้ว


 


ด้วยระยะทางห่างไม่ถึง 10 หมี่แบบนี้ นางมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ว่าต่อให้หลิวจี๋จะมือไวแค่ไหน ก็ไม่มีทางไวกว่าการพุ่งไปฉกป้ายของนางแน่!


 


และตั้งแต่ที่ปรากฏตัวออกมายืนข้างต้วนหลิงเทียน นางก็จับจ้องหลิวจี๋ตาเขม็ง สุดท้ายจึงฉกป้ายได้สำเร็จ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)