War sovereign Soaring The Heavens 3142-3149
ตอนที่ 3142
ถึงแม้สำหรับที่นี่จะเป็นครั้งแรก แต่ต้วนหลิงเทียนก็พบเจอฉากเรื่องราวทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว
ก็แค่เรื่องคุ้นเคยอีกเรื่อง…
ในปัจจุบันเขาถูกอาคมส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมายังค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวของตำหนักเคลื่อนย้าย และทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็พบเจอผู้คนที่มารายล้อมเอาไว้เนืองแน่น แต่ละคนจับจ้องมองเขาด้วสายตาหลากอารมณ์คลุกเคล้ากันไปหมด เรียกว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกอันพุ่งพล่านนัก
แน่นอนว่ายังมีสำนึกเทวะมามากที่โถมถันเข้ามาตรวจสอบเขาอย่างอุกอาจไม่หยุดหย่อน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ 6 ประการแล้วจริงๆหรือ? พอดีข้ามีสหายอยู่ที่คฤหาสน์หานชิงคนหนึ่ง! ฟังจากที่มันบอก…เห็นว่า หลิวจี๋ ได้ลั่นวาจาออกมาว่าเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการ!”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่ง เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยก่อนใคร
“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเก่งเรื่องกฏมิติ แถมลูกพี่ลูกน้องข้าที่คฤหาสน์อู่จ้านบอกข้าอีกว่า เจ้าใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งสิ้น 7 ประการทุบตีเหิงเฟิงจนพ่ายแพยับเยินเลยงั้นเหรอ? ที่แท้เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่!?”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกคนเอ่ยถาม
พอศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวสองคนนี้ยิงคำถามออกมา เหล่าศิษย์ไม่เว้นอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนทันที สองตาฉายชัดถึงความอยากรู้ รอฟังอย่างใจจดจ่อว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอย่างไร
ท้ายที่สุดแล้วอาศัยแค่เรื่องขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี ก็ทำให้พวกมันตกใจแทบตาย…
แต่ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยผู้นี้ยังเข้าใจกฏแห่งมิติอันเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดอีก ที่สำคัญความลึกซึ้งที่เข้าใจก็มี 6-7 ประการแล้ว นี่ต้องเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ถึงขนาดไหนกัน?
แค่คิดหนังศีรษะของพวกมันก็ด้านชาแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังขมวดคิ้วเพราะถูกรายล้อม และโดนยิงงคำถามใส่ราวถูกสอบสวน ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากนอกวงล้อมของผู้คน
และเจ้าของเสียงดังกล่าวก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย
เป็นเสียงของฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นเอง
วูบ!
แทบจะทันทีที่เสียงทักฉีเทียนหมิงดังจบคำ ไม่รอให้ผู้คนโดยรอบคืนสติ ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน
ในเวลาเดียวกันกับที่ร่างเขาหายไป ร่างเขาก็ผุดโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่าใกล้ๆฉีเทียนหมิง จากนั้นก็เดินตามฉีเทียนหมิงออกไป
จังหวะนี้ทุกคนก็พึ่งจะได้สติคืนกลับ หลังมองส่งต้วนหลิงเทียนแล้ว เสียงสนทนาก็ระเบิดขึ้นมาปานตลาดสด
“ใช่ไหม? ใช่ไหมน่ะ!? เมื่อครู่นั่นใช่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติที่ร่ำลือหรือไม่!?”
“ใช่! เป็นความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏกแห่งมิติไม่ผิดแน่! หาไม่แล้วไฉนราชาอมตะเช่นข้าถึงจับร่องรอยความเคลื่อนไหวขุนนางอมตะ 10 ทิศผู้หนึ่งไม่ได้?”
“สมแล้วที่เป็นความสามารถในการเดินทางข้ามห้วงมิติของความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ…อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า และไปผุดโผล่อีกที่ในฉับพลันไร้ซึ่งร่องรอยใดๆให้สืบสาว!”
“ตอนนี้พวกเราสามาถยืนยันได้เรื่องหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีแน่นอน…และกฏที่เชี่ยวชาญก็สมควรเป็นกฏแห่งมิติไม่ผิดแน่! แต่หากอยากล่วงรู้ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้กี่ประการกันแน่ ข้าว่าต้องรอดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆคือต้องเข้าใจแล้วอย่างน้อยๆ 2 ประการ!”
“ข้าเองก็อยากรู้นักว่าที่แท้มันเข้าใจความลึกซึ้งของงกฏมิติได้ 6 หรือ 7 ประการกันแน่…เพราะข้าคิดว่าบางทีเหิงเฟิงกับคนอื่นๆที่พลาดท่ามันอาจจะกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงให้มันดูร้ายกาจ เพื่อปกปิดความประมาทของตัวเอง ไม่ให้ผู้คนหัวเราะเยาะ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้บอกให้รู้ว่ามันก็ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างไรเสียเรื่องที่มันเอาชนะเหิงเฟิงกับหลิวจี๋ได้ก็เป็นความจริง ถึงแม้มันจะไม่ได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 7 ประการจริงๆ แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่าธรรมดา”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว…ผู้ที่สามารถติด 30 อันดับแรกได้ ยังมีผู้ใดเป็นตะเกียงประหยัดน้ำมันบ้าง?”
…
เสียงบทสนทนาเซ็งแซ่ด้านหลัง เป็นธรรมดาว่าย่อมลอยมาถึงหูต้วนหลิงเทียน
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางขนาดนี้ทั้งๆที่เจ้าพึ่งเข้าไปไม่กี่วัน…ที่สำคัญยังเข้าไปช่วงสิ้นเดือนอีก”
ระหว่างเดินทางกลับที่พัก ฉีเทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวด้วยอารมณ์ซับซ้อน
เป็นเรื่องที่ทราบกันดี ว่าช่วงสิ้นเดือนนั้นยากนักที่จะได้รับคะแนนสะสมใดๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
“ข้าก็แค่โชคดี”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ
เขารู้ดีแก่ใจว่าถ้าไม่บังงเอิญเจอหลิวจี๋เข้าล่ะก็อย่าว่าแต่อันดับที่ 25 เลย เต็มที่เขาก็คงอยู่ใน 50 อันดับแรกเท่านั้น
“เจ้าหาค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านพบไม่พอ เจ้ายังพบเจอหลิวจี๋อีก…เรื่องนี้กล่าวว่าเจ้าโชคดีนั้นไม่ผิด! อย่างไรก็ตามหากพลังฝีมือเจ้าไม่ถึงขั้น ถึงจะพบค่ายคฤหาสน์อู่จ้านกับหลิวจี๋ก็ไม่มีประโยชน์อันใด รังแต่จะถูกพวกมันจัดการเสียเปล่าๆ…”
ฉีเทียนหมิงยิ้ม
ด้วยฐานะของมัน ย่อมไม่ยากที่จะล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรไว้บ้างในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
ต้วนหลิงเทียนพบเจอค่าคฤหาสน์อู่จ้าน กระทั่งไปดักรอหน้าประตู สุดท้ายก็กำจัดคนของคฤหาสน์อู่จ้านไปเกือบโหล…เรื่องแบบนี้แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาตร์แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เพราะการกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจเกินไป ไม่พ้นต้องตกเป็นเป้าหมายของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 นั้นๆแน่
ดุจเดียวกับการกระทำครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน
หลังต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้ง ยอดฝีมือของคฤหาสน์อู่จ้านต้องเพ่งเล็งเขาแน่
ในบรรดาศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น แม้เหิงเฟิงจะไม่ใช่ชั่ว แต่อย่างไรก็มีอีก 2-3 คนที่ร้ายกาจกว่ามัน…แน่นอนว่าในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าแข็งแกร่งกว่าเหิงเฟิงในเรื่องป้องกัน หากแต่เป็นพลังฝีมือโดยรวมสูงกว่าเหิงเฟิง ส่วนในแง่ป้องกันนั้น เกรงว่าต่ำกว่าขอบเขตราชาอมตะ คงไม่มีใครเทียบเหิงเฟิงได้แล้ว…
และในบรรดาผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเหิงเฟิง ล้วนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจประการที่ 7 ขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น
อย่างหลิวจี๋นั่น แม้หากวัดกันจริงๆจำนวนความลึกซึ้งที่เข้าใจจะกลายเป็นด้อยกว่าเหิงเฟิงไปแล้ว หากแต่ในแง่พลังฝีมือโดยรวม ยังถือว่าร้ายกาจกว่าเหิงเฟิงมาก
แต่เป็นธรรมดาว่ามันก็ไม่อาจจัดการเหิงเฟิงได้เช่นกัน เพราะมันไม่อาจทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้
กลับกันหากเหิงเฟิงคิดจัดการมัน นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยความเร็วของมัน มันสามารถหยอกล้อเหิงเฟิงได้ตามใจชอบ
“2-3 วันก่อนท่านผู้นำคฤหาสน์มาหาข้าเรื่องเจ้า…กล่าวได้ว่าตอนนี้ผู้นำเองก็สนใจเจ้าไม่น้อยเช่นกัน”
ฉีเทียนหมิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างพึงพอใจ
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ตัวมันคือผู้ที่นำพาต้วนหลิงเทียนมายังคฤหาสน์เฉวียนโยวแห่งนี้ เรียกว่ามันเป็นผู้แนะนำต้วนหลิงเทียนก็ได้ วันหน้าเมื่อต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จ จะจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ดี ผู้นำคฤหาสน์ก็ดี ย่อมไม่ละเลยของรางวัลสำหรับผลงานของมันแน่นอน
และของรางวัลเหล่านั้น ก็มากพอจะทำให้ผู้อื่นอิจฉาตาร้อน
เพราะมันเองก็รู้ดีแก่ใจ
ว่าผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ใช่คนตระหนี่!
สำหรับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้อะไรมัน แต่การที่มันได้ไปเสนอหน้าให้อีกฝ่ายเห็นและรู้จัก ก็มากพอแล้วที่ในภายภาคหน้าจะมอบประโยชน์ให้มันไม่สิ้นสุด!
ต้วนหลิงเทียนติดตามฉีเทียนหมิงอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็กลับมาถึงที่พัก
“ข้าว่า…หลังผู้นำทราบเรื่องที่เจ้าออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาแล้ว สิบในสิบไม่พ้นต้องให้ข้าพาเจ้าไปพบแน่นอน”
ฉีเทียนหมิงเดา
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพียงเอ่ยถามออกไปตรงๆ “ผู้เฒ่าฉี อันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะล้างใหม่พรุ่งนี้ใช่ไหม?”
“ใช่”
ฉีเทียนหมิงพยักหน้า “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือน ผู้ใดที่ยังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้ระดับกลางล้วนจักถูกส่งตัวกลับออกมาหมด…จนพรุ่งนี้อันเป็นวันแรกของเดือนมาถึง แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจึงจักเปิดให้เข้าไปอีกครั้ง”
“ทำไม หรือพรุ่งนี้เจ้าคิดจะเข้าไปเลย?”
ฉีเทียนหมิงมองถามต้วนหลิงเทียน
“ข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาไงดีเหมือนกัน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม “ผู้เฒ่าฉี…ท่านว่าข้าควรเข้าไปช่วงไหนดี?”
“หากเจ้าหวังเพียงติด 20 อันดับแรก เจ้าเข้าไปพรุ่งนี้เลยก็ได้…แต่ถ้าเจ้าคิดติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ข้าแนะนำให้เจ้าเข้าไปหลังมันผ่านไปแล้ว 3 วัน”
ฉีเทียนหมิงกล่าว
“แล้วหากข้าอยากได้อันดับที่ 1 เล่า?”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง เอ่ยถาม
“อันดับที่ 1 หรือ?!”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ฉีเทียนหมิงก็อึ้งไปพักหนึ่งค่อยคลี่ยิ้มฝืนๆพลางกล่าว “ต้วนหลิงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากผ่านบดทดสอบที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมอบให้ไวๆ และกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนใหม่ของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราโดยเร็วที่สุด…แต่ตอนนี้หากเจ้าคิดจะคว้าอันดับ 1 ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”
“เท่าที่ข้ารู้มาขุนนางอมตะ 10 ทิศอันดับต้นๆของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่ละคนล้วนลึกลับยากหยั่งถึงนัก…แม้พวกมันจะเปิดเผยความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจออกมาต่อหน้าผู้คนราวๆ 7 ประการ ทว่าบางคนที่เข้าใจความลึกซึ้ง 7 ประการกับริเริ่มเข้าใจประการที่ 8 ไปบางส่วนยังแพ้พ่ายพวกมัน…”
“หลายคนสงสัยกันว่า พวกอันดับต้นๆนั่นที่แท้เข้าใจความลึกซึ้งได้ 8 ประการแล้ว เพียงแค่ไม่เปิดเผยออกมาให้ใครรู้”
“เป็นธรรมดาว่าถึงพวกมันอาจจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 8 ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่พวกมันก็สมควรมีฝีมือย่อยบางอย่างให้พึ่งพา…แน่นอนว่าฝีมือย่อยที่พวกมันพึ่งพามิใช่พลังภายนอก แต่อาจเป็นความสามารถแต่กำเนิดหรือทักษะลับอะไรบางอย่าง สุดท้ายในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็มีพวกที่มิใช่ผู้คนอยู่ไม่น้อย…”
ฟังจากคำพูดของฉีเทียนหมิงแล้ว เห็นได้ชัดว่า มันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถคว้าอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้
“มีที่ไม่ใช่ผู้คนด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น
เขารู้ดีว่าคำ ‘ไม่ใช่ผู้คน’ ที่ฉีเทียนหมิงพูดหมายถึงอะไร ก็คือเหล่าสัตว์อมตะ สมุนไพร ดอกไม้ อะไรทำนองนั้น…
ในระนาบเทวโลกมีบุปผาพืชหญ้าทั้งสมุนไพรมากมาย ที่หากสั่งสมพลังฟ้าดินมากพอ พวกมันก็อาจจะก่อเกิดสำนึกสติและสามารถบำเพ็ญตบะได้ จนเมื่อตบะแก่กล้าถึงจุดๆหนึ่งแล้ว พวกมันก็จะสามารถจำแลงกายเป็นผู้คน ถึงตอนนั้นพวกมันก็สามารถก้าวเข้าสู่วิถีอมตะอย่างที่ผู้ฝึกตนมนุษย์แสวงหา…
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก
กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกบางระนาบ เดิมทีก็เคยเป็นแค่บุปผาต้นหนึ่งเท่านั้น หากแต่หลังดำรงอยู่มานาน สั่งสมพลังฟ้าดินนับหมื่นพันปี สุดท้ายก็สามารถเข้าสู่วิถีอมตะจนกลายเป็นตัวตนอันทรงพลัง! เหล่าสัตว์อมตะเองก็เช่นกัน และตัวตนเหล่านี้บางแง่มุมยังแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนที่เป็นผู้คนเสียอีก
“มี!”
ฉีเทียนหมิงพยักหน้า “ไม่ต้องกล่าวไปไหนไกล กระทั่งคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรายังมีคนที่มิใช่ผู้คนอยู่เลย…เจ้าเองก็คงเห็นตารางจัดอันดับแล้ว และสมควรเห็นว่าใน 30 อันดับแรกนอกจากเจ้ากับโจวหงเจี๋ย ยังมีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เจ้าไม่คุ้นชื่ออยู่อีกคนใช่หรือไม่?”
“ใช่ ข้าจำได้”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ตอนข้าออกมา มันอยู่ในอันดับที่ 29 เป็นรองโจวหงเจี๋ยแค่ 5 อันดับเท่านั้น”
อันดับของแดนสวรรค์ใต้ราณระดับกลางเดือนนี้นั้น ตัวเขาอยู่ในอันดับที่ 25 ส่วนโจวหงเจี๋ยอยู่ในอันดับที่ 24 และศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เขากำลังพูดถึงก็อยู่ในอันดับที่ 29
คนผู้นั้นเรียกว่า ฮวาเซียว
“มันมิใช่มนุษย์ ร่างที่แท้จริงของมันเป็นดอกไม้”
ฉีเทียนหมิงกล่าว “นอกจากนั้นยังเป็นดอกไม้ที่เติบโตในก้นทะเลสาบ…หลังได้รับโชควาสนาบบางประการ ในที่สุดก็สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์และเริ่มก้าวเข้าสู่วิถีฝึกตน ตอนนี้กล่าวไปมันยังมีอายุแค่ 500 กว่าปีเท่านั้น”
“อ้อ แน่นอนว่าอายุ 500 กว่าปีของมัน จะเริ่มนับจากวันแรกที่มันจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้…”
ตอนที่ 3143
“นับอายุหลังจากจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้งั้นเหรอ?”
ได้ยินคำพูดของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้ว “แดนสวรรค์ใต้ไม่ใช่จำกัดอายุไว้ 1,000 ปีหรือ แล้วตัวตนแบบนี้มันอยู่ในเงื่อนไขด้วยรึไง?”
หากเป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าหากมีสัตว์อมตะที่พึ่งจำแลงกายเป็นมนุษย์ พวกมันจะไม่ได้เปรียบรึไง?
ต้องทราบว่ามีสัตว์อมตะบางชนิดบางจำพวกที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ช้ามาก
และกว่าจะจำแลงกายเป็นมนุษย์ บางตัวก็มีด่านพลังขอบเขตเซียนอมตะแล้ว
“อืม ส่วนใหญ่ก็ใช่”
ฉีเทียนหมิงพยักหน้า “สรรพสิ่งใดๆไม่ว่าจะสมุนไพรก็ดี บุปผาพืชหญ้าก็ดี หากดูดซับพลังฟ้าดินรวมถึงไอพลังสุริยันจันทราและประสบวาสนาบางอย่าง จนในที่สุดก็จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ ล้วนเข้าเงื่อนไขทั้งสิ้น”
“อย่างไรก็ตามไม่ว่าเดิมจักเคยเป็นอันใด แต่พอจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว ด่านพลังฝึกปรือก็ยังไม่ได้สูงล้ำอะไรมากนัก สุดท้ายก็ต้องก้าวไปทีละขั้นอยู่ดี”
“เป็นธรรมดาว่าแม้ช่วงแรกด่านพลังฝึกปรือจักไม่สูง แต่ในเมื่อร่างที่แท้จริงเป็นบุปผาพืชหญ้าที่ดูดซับไอพลังฟ้าดินรวมถึงแก่นแท้สุริยยันจันทรามานานปี เช่นนั้นความเร็วในการบ่มเพาะย่อมไวนัก และความเข้าใจในกฏก็มิใชชั่วแน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจสิ่งที่ฉีเทียนหมิงกล่าวได้ไม่ยาก
สิ่งมีชีวิตอย่างบุปผา พืชหญ้า ไม่เว้นสมุนไพรใดๆมันต่างจากสัตว์อมตะโดยสิ้นเชิง ก่อนที่จะก่อเกิดสำนึกสติ พวกมันก็ทำได้แค่บำเพ็ญตบะตามสัญชาตญาณ เรียกว่าก่อนจะจำแลงกายได้ แม้จะถือเป็นสิ่งอภินิหารแต่ก็ยังไม่ได้ริเริ่มสั่งสมพลังเซียนอมตะ…
“เช่นนั้นสัตว์อมตะเล่า? จะเริ่มนับอายุหลังจากจำแลงกาเป็นมนุษย์ด้วยรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ย่อมไม่อาจนับรวมกันได้”
ฉีเทียนหมิงส่ายหัวไปมา “ด้วยเหตุนี้ สัตว์อมตะทั้งหลาย จึงไม่อาจเทียบกับพวกบุปผา พืชหญ้าต้นไม้ใดๆได้เลย…อย่างในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น หากสัตว์อมตะที่พึ่งจะมาจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ตอนอายุ 900 ปี เช่นนั้นจึงกล่าวได้ว่ามันจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้แค่ 100 ปีเท่านั้น”
“ประเด็นนี้ท่านจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ได้คิดคำนวณไว้ก่อนแล้ว มิฉะนั้นก็จักไม่ยุติธรรมต่อผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ”
ได้ยินคำตอบของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็พอได้โล่งใจหน่อย
หากเป็นแบบนี้ก็พอรับได้
“ฮวาเซียว ถึงแม้จะอายุแค่ 500 กว่าปี แต่ก็สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้ถึง 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำประการที่ 7 ได้บางส่วน…ที่สำคัญในบรรดาความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำที่มันเข้าใจนั้น ยังเข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีเป็นหลักหมดแล้ว…”
“ด้วยเหตุนี้ยามใช้ควบคู่กับความสามารถแต่กำเนิดของมัน ความแข็งแกร่งของมันจึงนับเป็นต้นๆในบรรดาผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้ง 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ได้บางส่วน”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ไฉนมันถึงติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้”
ฉีเทียนหมิงกล่าวสืบต่อ แลเรื่องที่เล่าออกมาก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์เฉวียนโยวนาม ฮวาเซียวมากขึ้น
“ข้าคิดว่าหลังจากที่โจวหงเจี๋ยอายุครบพันปีแล้ว คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเราทำได้แค่รอพึ่งฮวาเซียวช่วงชิง 20 อันดับแรกเท่านั้น…แต่ไม่คิดเลยว่านิกายอมตะเป้าผู่จะปรากฏคนเช่นเจ้าขึ้นมา และด้วยมีเจ้าคฤหาสน์เฉวียนโยวของเราย่อมฉายแสงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้อีกครั้งแน่!”
“กระทั่งเรื่องที่เจ้าจักได้อันดับ 1 ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้…”
ฟังจากที่ฉีเทียนหมิงกล่าว เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถขึ้นสู่อันดับสูงสุดได้ในตอนนี้ แต่มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อเติบโต
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียทจะรับทราบจากคำพูดของฉีเทียนหมิงแล้ว ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มั่นใจในตัวเขาเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
เขารู้ดีแก่ใจ
ว่าตอนนี้จะพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์
มีเพียงเขาคว้าอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาก่อน ถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดอะไรสักคำ ก็เป็นการพิสูจน์ตัวเองได้ชัดเจนที่สุด
“ผู้เฒ่าฉี ว่าแต่ท่านมีแผนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไหม โดยเฉพาะตำแหน่งค่ายพักของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆน่ะ?”
ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะเกริ่นไว้ก่อนหน้าแล้ว ว่าการไปดักหน้าค่ายผู้อื่นแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับไปหาเรื่องอีกฝ่าย และอาจทำให้อีกฝ่ายแค้นเคืองถึงขั้นอาฆาตแค้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่แยแสสิ่งใดทั้งสิ้น
สิ่งที่เขาสนใจก็คืออันดับ!
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้คฤหาสน์อมตะระดับ 6 จะอาฆาตแค้นเขาแค่ไหน พวกมันก็ทำได้แค่พยายามล้างแค้นเขาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
หากคิดจะเอาคืนเขานอกแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางล่ะก็ ยากมาก…เพราะพวกมันต้องลอบก่อการให้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้แม้แต่นิดเดียว หาไม่แล้วจะเป็นการกระตุ้นโทสะของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้!
ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่กลัวเรื่องที่จะมีคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ไหนแค้นเคืองที่เขาไปดักหน้าค่าย และคิดลงมือฆ่าเขานอกแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เพราะยากที่พวกมันจะทำอะไรแบบนั้นได้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้อาจพิโรธ เอาแค่ถ้าพวกมันกล้าทำเรื่องแบบนั้น ชื่อเสียงทั้งหลายไม่พ้นต้องย่อยยับป่นปี้ในชั่วข้ามคืน ถูกผู้คนรุมประนามหยามเหยียด ยังต้องถูกตราหน้าว่าแพ้ไม่เป็นและไร้ศักดิ์ศรี…
“อะไร?! นี่เจ้ายังคิดไปดักหน้าค่ายผู้อื่นเขาอีกหรือ?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฉีเทียนหมิงย่อมเดาความคิดต้วนหลิงเทียนออกได้ไม่ยาก สองตายังเบิกกว้างขึ้น ใบหน้าเริ่มมืดดำคร่ำเคร่ง
“ก็ทำแบบนั้น…ไม่ใช่ว่าคะแนนจะไหลมาเทมาอย่างรวดเร็วรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ พลางถามด้วยรอยยิ้ม
ฉีเทียนหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้งกว่าจะสงบลงได้ “ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่แนะนำให้เจ้ากระทำเช่นนั้น…ถึงแม้ว่าคฤหาสน์อมตะที่โดนเจ้าไปดักหน้าค่าย จะทำได้แค่ล้างแค้นเจ้าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แต่นั่นก็มิใช่เรื่องดีสำหรับเจ้าเลย”
“ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าลงมือเกินเลยไป ข้าไม่รู้ว่าพวกมันจะบ้าถึงขั้นล้างแค้นเจ้าข้างนอกหรือไม่…แน่นอนว่าพวกมันคงไม่ลงมือเอง แต่ไม่พ้นต้องจ้างองค์กรมือสังหารอะไรแน่…ถึงตอนนั้นเจ้ายังจะออกนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวได้หรือ?”
กล่าวถึงจุดนี้ ฉีเทียนหมิงก็ส่ายหัวไปมา ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนช่างอ่อนต่อโลกนัก
“นอกจากนั้นถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ แต่หากเจ้าเจอขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลม และเข้าใจความลึกซึ้งที่เสริมความเร็วเป็นหลัก 2 ประการขึ้นไป เจ้าไม่มีทางหนีพวกมันได้พ้นแน่”
“ดังนั้นข้าว่าเจ้าเก็บๆตัวไว้บ้างก็ดี…อย่าได้ทำเรื่องเช่นไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านอีก”
ฉีเทียนหมิงเกลี้ยกล่อม
“ผู้เฒ่าฉีข้ารู้ว่าท่านจะสื่ออะไร…อย่างไรก็ตามข้ายังอยากได้แผ่นที่ในแดนสวรรค์ใต้ระดับกลางอยู่ดี ข้าไม่ไปดักหน้าค่ายก็ได้ จะลงมือแค่คนที่ออกหากจากค่ายมาระยะหนึ่งแล้วเท่านั้น เช่นนี้ดีหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่าฉีเทียนหมิงหวังดี เช่นนั้นจึงไม่คิดจะโต้แย้งอะไรฉีเทียนหมิง แต่แผ่นที่ดังกล่าวเขาต้อการจริงๆ
เพราะหากมีแผ่นที่ เขาก็จะรู้ตำแหน่งคร่าวๆ สามารถค้นหาเป้าหมายได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้จะทำให้เขามีโอกาสเก็บคะแนนได้มากมาย ไม่ใช่ทำได้แค่บินไปเรื่อยๆดั่งแมลงวันไร้หัว
“ถึงกระนั้นข้าเกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังอยู่ดี…เพราะแผนที่ๆเจ้าว่ามันไม่มี”
ฉีเทียนหมิงส่ายยหัวพลางกล่าว
“ไม่มีแผนที่?”
ต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ไม่มีใครคิดจะวาดแผนที่เลยเหรอ ข้าเข้าไปครั้งแรกข้ายังจำทางไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวได้เลย…ครั้งต่อไปหากข้าเข้าไปก็หาค่ายคฤหาสน์อู่จ้านพบได้ไม่ยากแล้ว”
“เจ้าไปทางเดิม ก็ไม่พบหรอก…”
ฉีเทียนหมิงส่ายหัวอีกรอบ
“ไม่พบรึ?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนขดย่นเป็นปมแน่น ในใจบังเกิดลางไม่ดีประการหนึ่ง
“อืม ไม่พบ”
ฉีเทียนหมิงกล่าว “ทุกคราที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางล้างอันดับใหม่ นอกจากผู้คนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่ยังตกค้างก็จะถูกส่งตัวออกมาแล้ว สภาพแวดล้อมใดๆด้านในก็จะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย”
“เท่าที่ข้ารู้ แม้แดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะอยู่มานานมากแล้ว หากแต่รูปแบบสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศยังไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว…และทุกคราที่บังเกิดความเปลี่ยนแปลง สถานที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์อมตะอื่นๆก็จักเปลี่ยนไป ไม่มีทางปรากฏขึ้นในลักษณะเดิม”
“ดังนั้นต่อให้ตอนนี้เจ้าจะจำทางไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวได้แล้ว แต่พอเจ้าเข้าไปอีกครั้งในเดือนหน้า หากเจ้ามุ่งหน้าไปตามทิศทางเดิม ก็ไม่มีทางพบเจอค่ายคฤหาสน์อู่จ้านแน่”
ฉีเทียนหมิงกล่าวถึงจุดนี้ ก็มองต้วนหลิงเทียยนด้วยสายตาลึกซึ้ง “ที่ข้ากล่าวมา…เจ้าคงเข้าใจใช่ไหม”
“เข้าใจแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขมพลางพยักหน้ารับ “ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรแบบนี้ด้วย…หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีแผนที่”
สภาพแวดล้อมและลักษณะภูมิประเทศของแดนสวรรค์ใต้โบราณจะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่มีการล้างอันดับ…
ค่ายของคฤหาสน์อมตะต่างๆ ก็จะเปลี่ยนสถานที่ตั้ง
แบบนี้จะให้วาดแผนที่กันยังไง?
มันเป็นไปไม่ได้เลย
“ผู้ตรวจการฉี!”
“ผู้ตรวจการฉี!”
…
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก และน้ำเสียงของคนเหล่านี้ก็ฟังดูไม่ได้ยำเกรงเหมือนเหล่าศิษย์และอาวุโสทั่วไปในคฤหาสน์เฉวียนโยว กระทั่งเรียกหาฉีเทียนหมิงอย่างเป็นกันเองนัก
“ผู้นำยังไม่ทันมา แต่เจ้าพวกแพะชรานี่กลับมากันไวเสียจริง”
ได้ยินเสียงเรียกหาที่ดังมาจากด้านนอก ฉีเทียนหมิงส่ายหัวไปมารอบหนึ่ค่อยหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียน พวกแพะเฒ่าที่มาหาข้าล้วนแล้วแต่เป็นสหายข้าทั้งหมด…ในบรรดาคนที่มายกเว้นไว้ผู้หนึ่ง ที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นอดีตคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลทั้งสิ้น”
3 นิกาย 2 ตระกูล ก็ได้แก่นิกายอมตะเป้าผู่ นิกาอมตะอวิ๋นไถ และนิกายอมตะเหอฮวน ส่วน 2 ตระกูลก็คือ ตระกูลจ่างซุน และตระกูลกงหยาง
ในตอนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก ต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นคนใหญ่คนโตของ 3 นิกาย 2 ตระกูลมาบ้างแล้ว
ในบรรดาคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลที่มาวันนั้น ก็มีปี้ไห่หมิงเฟิงที่เป็น 1 ใน 10 ผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เขาพึ่งเจอไม่กี่วันก่อนรวมอยู่ด้วย
“ที่พวกมันแห่กันมาตอนนี้ ไม่พ้นต้องได้รับทราบข่าวว่าเจ้าออกมาแล้วเป็นแน่ พวกมันคงคิดมาหาเจ้า…”
ฉีเทียนหมิงกล่าวคาดเดา
และก็เป็นอย่างที่ฉีเทียนหมิงกล่าวจริๆ
คนที่มาหาฉีเทียนหมิงถึงที่เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสหายและเป็นผู้ตรวจการเหมือนกัน ทั้งหมดอยากมาดูโฉมหน้าต้วนหลิงเทียน
ตอนนี้แทบทุกคนในคฤหาสน์เฉวียนโยว ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ไปทำธุระด้านนอกหรือปิดด่าน อย่างน้อยๆต้องเคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนสักครั้ง
ด้วยเหตุนี้สหายฉีเทียนหมิงจึงบังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนมาก
พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณแล้ว แถมยังจากไปพร้อมฉีเทียนหมิง พวกมันก็มาหาถึงบ้านฉีเทียนหมิงทันที
และผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นคนเก่าคนแก่ของ 3 นิกาย 2 ตระกูลทั้งสิ้น
ทำให้แต่ละคนสนิทสนมกับฉีเทียนหมิงไม่น้อย และต่อหน้าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากคนแก่ใจดี
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้ดี
ว่าเหตุผลที่ทุกคนพากันแห่มาบ้านฉีเทียนหมิง และแลดูใจดีกันแบบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะความสำเร็จของเขา
อายุไม่ถึงร้อย บรรลุขุนนางอมตะ 10 ทิศ
แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการอีก…
ความสำเร็จดังกล่าวอย่าว่าแต่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 แม้แต่ 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักของแดนสวรรค์ใต้ยังไม่พ้นต้องตกตะลึงกันยกใหญ่
และในวันเดียวกันนั้นเอง…
ก็มีข้อความส่งมาถึงรองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด เฉินหยวนซาน
“ต้วนหลิงเทียน อายุไม่ถึงร้อยปี บรรลุด่านพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศ เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น 6 ประการ ได้รับการแนะนำจากฉีเทียนหมิงจึงได้เข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยว…”
“ฉีเทียนหมิง…ในอดีตมันเป็นคนของนิกายอมตะเป้าผู่…”
ตอนที่ 3144
WSSTH ตอนที่ 3,144 : แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางรอบใหม่
ในฐานะหนึ่งในองค์กรมือสังหารชั้นนำของแดนสวรรค์ใต้ แม้องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดจะไม่ทรงพลังเท่า 10 ตระกูลใหญ่ กับ 5 นิกายหลักในแดนสวรรค์ใต้ แต่ในแง่การรวบรวมข้อมูลข่าวสารนับว่าไม่ได้ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน อายุไม่ถึงร้อยปีบรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการ?”
“นอกจากนั้น ผู้ที่นำมันมาเข้ารวมคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังเป็นอดีตคนของนิกายอมตะเป้าผู่?”
พอรองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด เฉินหยวนซาน ได้รับข้อความดังกล่าว สีหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
ถึงมันจะยังไม่แน่ใจเต็มสิบส่วน
แต่มันเชื่อว่า ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว ที่อยู่ๆก็โด่งดังขึ้นมาในเวลาชั่วข้ามคืนจากอัจฉริยะภาพอันท้าทายสวรรค์นั่น สมควรเป็นคนๆเดียวกับศิษย์ที่แท้จริงของนิกายอมตะเป้าผู่นามต้วนหลิงเทียน ที่ลูกชายมันเป็นผู้คำประกันออกภารกิจสังหาร!
จากข้อมูลที่มันได้รับมาทั้งหมด โอกาสที่ทั้งคู่จะเป็นคนๆเดียวกันมีสูงมาก
ถึงแม้ความสามารถและพลังฝีมือระหว่างคนสองคนจะแตกต่างกันมหาศาล แต่อย่าลืมสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนของนิกายอมตะเป้าผู่ประสบพบเจอมาไม่นาน อีกฝ่ายถูกตัวตนที่อ้างว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกับชาติมาเกิดหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…
ผลเทพสังเวยสวรรค์ เป็นผลไม้อมตะที่เรียกว่ามีพลังอำนาจท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่จะทำให้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่รับประทานมันลงไปจะทะลวงด่านพลังไปถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ในเวลาไม่เกิน 1 เดือน…
แต่ผลเทพสังเวยสวรรค์ยังจะช่วยให้ผู้ที่ใช้มันนั้น เข้าใจความลึกซึ้งของกฏที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน…และจากข่าวลืออย่างน้อยๆก็จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 6 ประการ!
“หากต้วนหลิงเทียนนั่นได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มาล่ะก็…พวกมันสมควรเป็นคนๆเดียวกันไม่ผิดแน่!”
อันที่จริงในใจของเฉินหยวนซวนก็เชื่อไปตั้งแต่ที่ได้รับข้อมูล
ว่าศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียน กับศิษย์ที่แท้จริงนามต้วนหลิงเทียนของนิกายอมตะเป้าผู่ที่ยังเป็นเป้าหมายในภารกิจขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดมันเป็นคนๆเดียวกัน!
อย่างไรก็ตาม ด้วยความระมัดระวังทั้งรอบคอบ มันจึงส่งคนไปตรวจสอบความเป็นมาของศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนก่อน
‘หากยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นคนๆเดียวกับต้วนหลิงเทียนของนิกายอมตะเป้าผู่ ข้าต้องรีบแจ้งให้สารเลวน้อยนั่นรู้…เพราะหากพวกมันเป็นคนๆเดียวกันจริง คนที่โดดเด่นเช่นนั้นคฤหาสน์เฉวียนโยวต้องทุ่มความสนใจไม่น้อยแน่ คิดส่งคนไปฆ่ามันย่อมยากเย็นกว่าเดิมหลายส่วน…’
‘หวังว่าพวกมันจักเป็นแค่คนสองคนที่มีชื่อแซ่เหมือนกัน…’
จังหวะนี้เฉินหยวนซานได้แต่ลอบภาวนาในใจอย่างเลื่อนลอย
แต่มันรู้ดีแก่ใจ ว่าใต้หล้าไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้…
คนที่มีชื่อแซ่เดียวกันอาจจะมี แถมมีไม่น้อยด้วย
แต่อย่าได้ลืมไปว่า ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ ถูกพามาเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยฉีเทีนยหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว…และนอกจากนั้นฉีเทียนหมิงยังเป็นอดีตผู้อาวุโสระดับสูงในนิกายอมตะเป้าผู่อีกด้วย
ใต้หล้าเคยมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ด้วย?
เป็นไปไม่ได้เลย!
…
ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว
หลังจากส่งเหล่าผู้ตรวจการที่เป็นสหายของฉีเทียนหมิงกลับไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฉีเทียนหมิงพลางเอ่ยถึงเรื่องที่พูดกันก่อนหน้า “ผู้เฒ่าฉี ท่านเคยบอกข้าว่า…หากข้าคิดจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกข้าควรเข้าไปแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางหลังจากผ่านไป 3 วันใช่ไหม?”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนยังจำสิ่งที่ฉีเทียนหมิงบอกเขาไว้ได้เป็นอย่างดี ว่าหากเขาต้องการแค่ติด 20 อันดับแรก เขาสามารถเข้าไปได้ทันทีเลย แต่หากอยากจะติด 10 อันดับแรก ให้เขาเลือกจะเข้าไป 3 วันหลังจากนั้น
“3 วันนี้ เป็นเวลาสำหรับปล่อยให้ผู้อื่นต่อสู้ช่วงชิงคะแนนกันเอง…เจ้าลองคิดดูเถอะ หากเจ้าเข้าไปหลังจากผ่านไป 3 วัน คนที่เจ้าจะเจอในนั้น ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นผู้ที่เอาชนะผู้อื่นและสะสมคะแนนมาพอสมควรแล้ว เช่นนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเอาชนะผู้คนมากมาย เจ้าก็จะได้คะแนนมาโดยง่าย”
ฉีเทียนหมิงกล่าว
หลังได้ฟังคำพูดของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจ
เขาเองก็ไม่ทันคิดเรื่องนี้มาก่อน
ตอนนี้พอได้ยินฉีเทียนหมิงอธิบาย เขาก็ตระหนักได้
หากเขาเข้าไปตั้งแต่วันแรก ก็จะพบเจอแค่ผู้ที่มีคะแนนเดียวเหมือนเขา ต่อให้เอาชนะพวกมันได้ 20 คนเขาก็อาจจะได้รับแค่ 20 แต้มเท่านั้น
เช่นนั้นปล่อยให้พวกมันต่อสู้กันเองไปก่อนสักสองสามวัน รอให้สะสมคะแนนได้ประมาณหนึ่งค่อยเข้าไปจัดการ ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า
“หากเป็นแบบนั้น…3 วันไม่สั้นไปหน่อนรึ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
เขาลองคิดทบทวนดู ก็พบว่าเช่นนั้นรอให้ผ่านไป 5-6 วันค่อยเข้าไปน่าจะดีกว่า
“เจ้าจะรออีกสัก 2-3 วันแล้วค่อยเข้าไปก็ได้…แต่ถึงตอนนั้นผู้คนคงน้อยลง จริงอยู่ที่แต่ละคนอาจถือแต้มไว้ไม่น้อย แต่เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะหาคนเจอ?”
ฉีเทียนหมิงกล่าว “เช่นนั้น 3 วันจึงเหมาะสุด…หลังผ่านไป 3 วันด้านในก็ยังมีผู้คนไม่น้อย ต่อให้เจ้าไม่เจอคนที่ถือคะแนนมาก แต่อย่างน้อยๆเจ้าก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่พบเจอแม้แต่เงาคนให้ปวดใจ…”
“เดือนนี้ แม้เจ้าจะได้คะแนนมาไม่น้อย แต่หากไม่นับกลุ่มคนของคฤหาสน์อู่จ้าน หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าก็พบเจอคนแค่ไม่กี่คนสินะ?”
กล่าวถึงจุดนี้ฉีเทียนหมิงก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง ต้วนหลิงเทียนเองก็พยักหน้ารับ นั่นเพราะเขาพบเจอคนน้อมากจริงๆ เรียกว่าเวลากว่า 9 ส่วน เขาใช้มันไปกับการบินเคว้งคว้างอย่างว้าเหว่
เหตุผลที่ไฉนคราวนี้เขาถึงติดอยู่ใน 30 อันดับแรก ทั้งหมดเพราะพบเจอคนที่ถือแต้มไว้มากพอสมควรในมือ
“ผู้เฒ่าฉี งั้นข้าจะทำตามคำแนะนำของท่านแล้วกัน…หลังแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเปิดออกอีกครั้งพรุ่งนี้ ข้าจะรอให้มันผ่านไป 3 วันก่อนค่อยเข้าไป…”
ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้ทันที
หลังจากนั้นเขาก็ร่ำลาฉีเทียนหมิงไปยังลานหนึ่งในบ้านของฉีเทียนหมิง ที่มีคนไปตระเตรียมไว้แล้ว ในลานก็ร่มรื่นไม่น้อย ห้องหับก็ตกแต่งเรียบง่ายมีความเป็นส่วนตัวทั้งเงียบสงบ
3 วันหลังจาก ต้วนหลิงเทียนคิดจะทำความเข้าใจความลึกซึ้ง ส่งผ่าน
‘ก่อนหน้านี้ตอนเจอเหิงเฟิงศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านนั่น…ข้าอาศัยความลึกซึ้งส่งผ่าน ทำให้เพิกเฉยความลึกซึ้งเกราะที่มันพึ่งจะบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นมาได้ หากไม่มีความลึกซึ้งส่งผ่าน เกรงว่าคงไม่อาจทำลายการป้องกันนั่นของมันได้แน่นอน…’
‘ด้วยพลังป้องกันระดับนั้นของมัน กล่าวไปถ้ามันไม่ใช้ความลึกซึ้งเกราะห่างตัว และข้าไม่ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน คิดจะเอาชนะมันก็คงยาก…’
ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำเรื่องราวได้ละเอียดชัดเจน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนเขาประมือกับเหิงเฟิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง อีกฝ่ายอาศัยแรงกดดันจากเขาจนตระหนักรู้ความลึกซึ้งเกราะของกฏแห่งดินได้ในห้วงเวลาคับขัน วันนั้นถ้าไม่ใช่เพราะความลึกซึ้งส่งผ่าน คมมีดมิติของเขาคงไม่อาจทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายได้เลย
‘และเป็นเพราะข้าใช้ความลึกซึ้งส่งผ่านออกมาโดยที่มันไม่รู้ตัวมาก่อน ทำให้มันไม่อาจรั้งเกราะนั่นให้เข้ามาปกป้องใกล้ตัวได้ทัน…หากมันรู้แต่แรกข้าก็คงลงมือไม่สำเร็จเช่นกัน’
‘สุดท้ายความลึกซึ้งส่งผ่านของข้ามันก็พึ่งจะเข้าใจได้บางส่วนเท่านั้น หากข้าเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ต่อให้มันจะเตรียมการป้องกันแค่ไหน ใช้ความลึกซึ้งเกราะติดตัวอย่างไร ข้าก็ยังส่งผ่านคมมีดมิติผ่านการป้องกันไปทำร้ายตัวมันได้ง่ายๆ’
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้เรื่องราววกระจ่างแก่ใจดี
การที่เขาเอาชนะเหิงเฟิงมาได้วันก่อน นับไปเพราะเขามีโชคส่วนหนึ่ง
ครั้งหน้าเมื่อเขาพบเจอเหิงเฟิงอีกครั้ง เหิงเฟิงที่รู้ความสามารถเขาแล้ว ย่อมเตรียมการรับมือมาเป็นอย่างดี คิดจะทะลวงฝ่าการป้องกันของเหิงเฟิงโดยลงมือแบบเดิม เกรงว่าคงเป็นได้แค่ฝัน
‘เว้นเสียแต่ข้าจะเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น…หาไม่แล้วคงยากจะฝ่าการป้องกันของเหิงเฟิงเข้าไปได้’
ด้วยเหตุนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงใช้เวลาทำความเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านของกฏมิติจนลืมวันเวลา
…
“แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางรอบใหม่ก็เปิดได้ 6 วันแล้ว…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นยังไม่เข้าไปอีกหรือ?”
บริเวณตำหนักที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้ง 3 หลังของคฤหาสน์เฉวียนโยวเนืองแน่นไปด้วยเหล่าศิษย์ และตอนนี้พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามไปทำนองเดียวกัน
ตั้งแต่วันแรกที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของเดือนนี้เปิดให้เข้าไป ก็มีเหล่าศิษย์ที่ให้ความสนใจมาเฝ้ารอบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายทั้ง 3 เอาไว้ ทำให้ทุกคนยืนยันได้ชัดเจน ว่าจนบัดนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่มา
ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ในตาราจัดอันดับของเอนนี้ ชื่อต้วนหลิงเทียนังไม่ปรากฏให้เห็นเลย
ส่วนทางด้านโจวหงเจี๋ยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ตอนนี้อยู่ในอันดับที่ 16 แล้ว
ฮวาเซียวของคฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็ขึ้นมาถึงอันดับที่ 14!
แน่นอนว่าที่ไฉนทั้งคู่ถึงทำผลงานขึ้นมาติดอยู่ใน 20 อันดับแรกได้ เพราะแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางพึ่งจะเปิดได้แค่ 6 วันเท่านั้น พลังฝีมือระดับพวกมันตราบใดที่เข้าร่วมตั้งแต่วันแรก มักจะเข้าสู่ 30 อันดับแรกได้อย่างไม่มีปัญหา และหากไม่โชคร้ายจนเกินไปคิดจะเข้าสู่ 20 อันดับแรกก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังฝีมือพอแค่จะติด 20 อันดับแรก ก็อาจจะเข้าสู่ 10 อันดับแรกได้พักหนึ่ง…
เป็นธรรมดาว่าแม้พวกมันจะไต่อันดับมาได้เร็วไว ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถรักษาอันดับนี้ได้จนจบ
ในขณะที่คฤหาสน์เฉวียนโยวกำลังให้ความสนใจกับต้วนหลิงเทียน ก็มีหลายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ที่จับตามองตารางจัดอันดับด้วยความสนใจเช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่น มันยังไม่ได้เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกรึ?”
“สมควรยัง…ตอนนี้ไม่เพียงแต่มันยังไม่ปรากฏตัวในตารางจัดอันดับ แต่ 10 อันดับแรกของเดือนก่อน ก็มี 4 คนที่ยังไม่ปรากฏชื่อขึ้นในตารางจัดอันดับเช่นกัน”
“เดือนที่แล้วต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นมันเข้ามาตอนปลายเดือน…ไม่รู้ว่าคราวนี้มันจะเข้ามาเร็วหน่อยหรือไม่ หากมันเข้ามาเร็ว…ไม่ทราบจักติดอยู่ใน 20 อันดับแรกได้หรือไม่?”
“หากมันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 7 ประการจริงๆ…เรื่องติดอยู่ใน 20 อันดับแรก คงไม่ยากเย็นสำหรับมัน! กระทั่งเรื่องจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกยังไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!!”
“ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอดูชมผลงานของมันจริงๆ!”
“พูดไปแล้วก็แปลก…ข้าไม่ใช่คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวแท้ๆ และต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะได้อันดับอะไรก็หาได้เกี่ยวกับข้าไม่ แต่ไม่ทราบเพราะอะไรข้าอยากรู้นักว่าคราวนี้มันจะทำผลงานได้ในอันดับไหน…”
“ข้าก็เหมือนกัน…”
…
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รับรู้เรื่องที่มีคนในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆกำลังรอชมผงานเขาเลย
พอเขาเดินออกจากห้องมา เขาก็พบเจอฉีเทียนหมิง และได้รับทราบจากอีกฝ่ายว่าแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางรอบใหม่มันเปิดมาแล้วถึง 6 วันเต็มๆ และคนที่อยู่ในอันดับที่ 1 ก็มีคะแนนสะสมหลายร้อยแต้มแล้ว
“เมื่อเจ้าไม่ออกมา ข้าก็ไม่อยากเข้าไปรบกวน…ว่าแต่เจ้าคิดจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดบกลางวันนี้เลยหรือไม่?”
ขณะที่ฉีเทียนหมิงเอ่ยถาม สองตามันยังจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง
และตอนนี้คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูผลงานของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น ว่าเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางรอบนี้ เขาจะทำได้แค่ไหน
“เข้าวันนี้เลย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ สองตาทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง
บัดนี้แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเปิดได้ 6 วันเต็มๆแล้ว หากเขายังไม่เข้าไปตอนนี้ เกรงว่าคงยากจะได้คะแนน เพราะเขาอาจจะหาผู้คนไม่เจอ…
ตอนที่ 3145
WSSTH ตอนที่ 3,145 : พบกันอีกแล้ว…
“เฮ่พวก! ต้วนหลิงเทียนมานู่นแล้ว!!”
“เจ้านี่น่ะเหรอต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือ…พับผ่าเถอะ! อายุไม่ถึงร้อยจริงๆด้วย!!”
“นี่เจ้าหนุ่มนั่นมันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประการเป็นอย่างน้อยๆจริงๆเหรอ? อายุไม่ถึงร้อยปีจักมีความสำเร็จเช่นนั้นได้จริงๆ!?”
…
พอต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่อยู่บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายที่เขามา ก็ฮือฮากันใหญ่
ยังมีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวมากมาย ที่มารอเจอต้วนหลิงเทียนตัวเป็นๆโดยเฉพาะ
และหลายคนไปสืบมาจนรู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นพักอยู่กับผู้ตรวจการฉี แถมลานที่พักผู้ตรวจการฉีก็อยู่บนเกาะหลักแห่งนี้ ทำให้พวกมันเดาว่าหากต้วนหลิงเทียนจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่พ้นต้องมาใช้ตำหนักเคลื่อนย้ายแห่งนี้เหมือนเดิมแน่…
ปรากฏว่าพวกมันเดาถูกจริงๆ
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยังเลือกจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่จุดนี้
“อาวุโส ขอป้ายหยกสะสมคะแนนให้ข้าที…”
ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวอาดๆไปยังโต๊ะบริการโต๊ะหนึ่งในตำหนักเคลื่อนย้าย และยื่นส่งป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกของเขาออกไปอย่างรู้งาน
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้โต๊ะบริการตัวเดิม แต่เห็นว่าที่นี่ว่างอยู่พอดีก็เลยมาใช้
แน่นอนว่าโต๊ะบริการที่ต้วนหลิงเทียนมาใช้ครั้งก่อน ผู้อาวุโสที่มาประจำโต๊ะก็เปลี่ยนคนไปแล้วเช่นกัน และตอนนี้อาวุโสทั้งหลาย จะไกลหรือใกล้ก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจทั้งสิ้น
“ต้วนหลิงเทียน ข้าอดถามไม่ได้จริงๆ เดือนก่อนเจ้านับว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนพวกเราตกตะลึงกันนัก…ว่าแต่เดือนนี้เจ้าคิดว่าจะสามารถติดอยู่ในอันดับใด? เรื่อง 10 อันดับแรกคิดว่าทำได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสที่ประจำโต๊ะบริการที่ต้วนหลิงเทียน ขณะรับป้ายประจำตัวต้วนหลิงเทียนมาตรวจสอบแล้วเสร็จ ขณะยื่นส่งป้ายคืนพร้อมป้ายหยกสะสมคะแนน มันก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ มุมปากยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ลูกตาหยีมองรอฟังคำตอบเขาด้วยความสนใจ
“หากข้าไม่โชคร้าย…เรื่องอันดับที่ 1 ก็ไม่น่าจะยาก”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆกล่าวตอบคำ ขณะเดียวก็รับป้ายประจำตัวรวมถึงป้ายหยกสะสมคะแนนที่อีกฝ่ายยื่นมาให้
ป้ายหยกสะสมคะแนนที่จะใช้เก็บคะแนนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง จำต้องเปลี่ยนใหม่ทุกๆเดือน
นั่นเพราะหากอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางครบกำหนด 10 วัน ป้ายจะทำลายตัวเองอัตโนมัติและส่งเจ้าของป้ายออกมา
เป็นธรรมดาว่าหากป้ายทำลายตัวเอง เจ้าของป้ายก็จะไม่ถูกคัดออก แต่เป็นการระบุคะแนนอย่างเป็นทางการ
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น เป็นอีกกรณีหนึ่ง
เขายังไม่ได้อยู่ด้านในครบ 10 วันก็จริง แต่มันครบกำหนดเวลาแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของเดือนนั้นแล้ว ป้ายจึงทำลายตัวเองและส่งเขาออกมา โดยที่คะแนนเขาก็ยังอยู่
ทั้งหมดเพราะคะแนนสะสมและอันดับจะทำการสรุปผลทุกสิ้นเดือน และพอถึงต้นเดือนมันก็จะล้างใหม่ เช่นนั้นไม่ว่าจะอยู่ด้านในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ดีไม่อยู่ก็ดี ป้ายหยกจะทำการทำลายตัวเองทั้งสิ้น เพียงแค่หากไม่ได้อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณ ก็จะไม่ถูกอาคมส่งตัวไปยังจุดเคลื่อนย้าย
“อันดับ 1!?”
ผู้อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวหลังโต๊ะบริการที่ส่งป้ายหยกสะสมคะแนนให้ต้วนหลิงเทียน พอได้ยินคำตอบดังกล่าว ลูกตาของมันก็หดเล็กลงโดนพลัน
คนที่อยู่ใกล้ๆ และได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปสักพักเพราะคำตอบของต้วนหลิงเทียน
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนได้ผละออกจากโต๊ะบริการ เดินไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายจนร่างวูบหายเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปแล้ว พวกมันถึงจะทยอยกันฟื้นคืนสติ…
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ช่างกล่าวคำโตนัก…กล้าพูดมาได้ว่าหากไม่โชคร้าย เรื่องอันดับที่ 1 ก็ไม่น่าจะยาก!”
“มันเสียสติไปแล้วหรือไร? ถึงแม้ในแง่อัจฉริยะภาพของมันให้พูดว่าฝืนฟ้าและยากจะหาใครในแดนสวรรค์ใต้เทียบเทียใ ก็คงไม่มีใครคิดจะเถียง แต่ไม่ต้องกล่าวถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศระดับแนวหน้าในแดนสวรรค์ใต้โบราณไม่กี่คนนั่นเลย พวกมันคิดว่าผู้อื่นเป็นตะเกียงขาดน้ำมันหรือไร?”
“หากมันมีเวลาฝึกปรืออีกสักสิบยี่สิบปี ถึงตอนนั้นถ้ามันพูดว่าเรื่องคว้าอันดับ 1 ก็ไม่น่าจะยาก ข้าคนนึงที่เชื่อ…แต่ตอนนี้พลังฝีมือของมันยังขาดอยู่ไม่น้อย!”
“รายชื่อ 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว…อย่างไรก็ตามใน 6 อันดับแรก อันดับของพวกมันยังเปลี่ยนมือกันเองบ้าง…ตลอดปีที่ผ่าน ดูเหมือนจะมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เคยได้รับอันดับ 1 2 เดือนติด…”
“ช่วยไม่ได้ เพราะพลังฝีมือของพวกมันทั้ง 6 พอๆกัน เช่นนั้นใครจะได้อันดับที่ 1 ก็ขึ้นอยู่กับโชคล้วนๆ…ตลอดปีที่ผ่านพวกมันทั้ง 6 ก็เวียนกันได้อันดับ 1 ครบทุกคน”
“ต้วนหลิงเทียนสามารถทัดเทียมกับพวกมัน 6 คนได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว…แต่เรื่องที่จะเหนือกว่าพวกมันทั้ง 6 ข้าว่ามันเลอะเทอะเกินไปหน่อย!”
“ข้าไม่ทราบจริงๆว่ามันไปพกพาความมั่นใจมาแต่ที่ใด…”
…
หลังจากได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ทั้งอาวุโสและเหล่าศิษย์แถวๆนั้นก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาโอ้อวดเกินไป
เหล่าคนที่ไม่ได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดโดยตรง พอได้ยินจากคนอื่น ก็พากันส่ายหัวไปตามๆกัน
ทุกคนรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไร้เดียงสาเกินไป คิดง่ายเกินไป
ถึงต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจความลึกซึ้งของฏมิติ 7 ประการจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถีบตัวขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับสุดยอดฝีมือ 6 อันดับแรกได้…
เว้นแต่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งงมิติได้ 8 ประการ ถึงจะสามารถทัดเทียมกับทั้ง 6 นั่นได้
ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่าจะได้อันดับ 1 นั้น…
เกรงว่าหากไม่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 9 ประการ คงเป็นไปไม่ได้เลย
ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์กับอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้นที่คิดแบบนี้ คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆก็คิดไปทำนองเดียวกัน
“โอ้! รอบนี้คะแนนของเหิงเฟิงคฤหาสน์อู่จ้านพุ่งกระฉูดดีจริงๆ…ชื่อพึ่งจักขึ้นในตารางจัดอันดับเมื่อวันก่อนแท้ๆ แต่วันนี้กลับพุ่งขึ้นไปติด 30 อันดับแรกได้แล้ว!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากลานนอกตำหนัก ต้นเสียงก็คือบริเวณม่านแสงตารางจัดอันดับ ทำให้เสียงสนทนาของเหล่าศิษย์และอาวุโสหยุดพร้อมใจกันหยุดลงอย่างอัศจรรย์
ทันใดนั้น ทุกคนก็หันไปให้ความสนใจกับม่านแสงตารางจัดอันดับทันที
หากเป็นคนอื่นที่อยู่ๆก็มีคะแนนพุ่งงพรวด พวกมันคงไม่ได้แปลกใจอะไร
ทว่าเหิงเฟิงนั้นต่างออกไป
เพราะเท่าที่พวกมันรู้ เดือนก่อนเหิงเฟิงของคฤหาสน์อู่จ้านผู้นี้ช่างโชคร้ายนัก เพราะมันพึ่งจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปไม่ทันไร ก็พบเจอต้วนหลิงเทียนและถูกกำจัดออกมาเสียแล้ว…
เรียกว่าเดือนก่อนเหิงเฟิงทำผลงานได้น่าผิดหวังที่สุด ตั้งแต่เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องน่าผิดหวังอะไร กล่าวไปเรียกว่าเหิงเฟิงยังยินดีมากกว่าผิดหวังด้วซ้ำ เพราะมันสามารถเข้าใจความลึกซึ้ง เกราะ ของกฏแห่งดินถึงขั้นตอนเบื้องต้นได้สำเร็จ!
ต้องทราบด้วยว่าก่อนที่เหิงเฟิงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินได้ 7 ประการ คฤหาสน์อู่จ้านมีขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งถึง 7 ประการเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และเป็นกฏแห่งไฟ
อีกทั้ง คนของคฤหาสน์อู่จ้านที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟได้ 7 ประการผู้นั้น ยังมีคนลือกันว่ามันริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟประการที่ 8 แล้วอีกด้วย
บางคนยังพูดกันว่า…ที่จริงมันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 8 ประการแล้ว! และยังริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 9 ได้อีกบางส่วนด้วยซ้ำ!!
เนื่องเพราะ คนผู้นี้ของคฤหาสน์อู่จ้าน ก็คือ 1 ใน 6 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง!
ในปีที่ผ่านมา คนผู้นี้สามารถติดอันดับที่ 1 ได้ถึง 2 รอบ แม้จะไม่ได้รับอันดับที่ 1 ติดต่อกัน 2 เดือน แต่อาศัยเรื่องที่มันสามารถติดอยู่ในอันดับที่ 1 ได้ ก็มากพอจะบ่งบอกแล้วว่ามันร้ายยกาจปานใด
ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ทุกคนรู้กันดีว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเหล่า 6 คนที่รั้งอยู่ใน 6 อันดับแรกมานานปี ทั้งหมดผลัดกันเป็นอันดับ 1 เสมอ พวกมันจึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้
และคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็ยอมรับเรื่องนี้
เรียกว่าในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย ทั้ง 6 คนเป็นดั่ง ‘จ้าวผู้อยู่เหนือ’ โดยแท้จริง
“หืม? พึ่งจะผ่านไปได้ไม่ทันไร…เหิงเฟิงนั่นไต่ขึ้นมาถึงอันดับที่ 26 แล้วรึ!?”
ท่ามกลางสายตาเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว อยู่ๆเหิงเฟิงที่อยู่ในอันดับที่ 29 ก็พุ่งพรวดขึ้นมา 3 อันดับจนอยู่ในอันดับที่ 26!
“ถึงแม้ตอนนี้เหิงเฟิงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 7 ประการแล้ว แต่กฏที่มันเชี่ยวชาญก็คือกฏแห่งดินที่เน้นการป้องกันเป็นหลัก เช่นนั้นความเร็วสมควรเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของมัน…ปกติแล้วคะแนนของมันไม่น่าจะพุ่งขึ้นพรวดพราดแบบนี้ เพาะหลายๆคนสามารถหลบหนีไปต่อหน้าต่อตามันได้อย่างง่ายดาย…”
ศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว
“ที่เจ้าพูดมันก็จริง…แต่เจ้าอย่าลืมไปเล่า ว่ามันก็สามารถหาคนช่วยกลบจุดอ่อนเรื่องนี้ได้เหมือนกัน ขอเพียงมีคนอบหิ้วมันไล่ตามผู้อื่น ด้วยพลังกฏแห่งดินที่น่าปวดหัวนั่น ก็ไม่ยากที่มันจะจัดการผู้อื่นได้เหมือนกัน!”
อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว
“มิผิด…ขอเพียงมีศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่ว่องไวหน่อยช่วยเหลือ เหิงเฟิงนั่นก็เสมือนมีคนช่วยปิดจุดอ่อน คิดเก็บคะแนนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!”
“มิผิด แถมศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านที่ว่า ก็ได้ประโยชน์จากการร่วมมือกับเหิงเฟิงไม่น้อย…เพราะต่อให้มันเจอคนที่เอาชนะไม่ได้ ก็แค่รบเร้าพัวพันถ่วงเวลาให้เหิงเฟิงลงมือก็จบ!”
“ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มั่นใจในตัวเองมักไม่ร่วมมือกับผู้อื่น แต่ก็มิใช่จะไม่มีใครคิดร่วมมือกัน…คราวนี้เหิงเฟิงเลือกจะวางอัตตาของตัวเองและร่วมมือกับผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าความทะเยอทะยานของมัน สูงกว่าอัตตา!”
…
ผลงานของเหิงเฟิงไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจของคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น แต่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆเองก็สังเกตเห็นผลงานของเหิงเฟิงเช่นกัน
“เหิงเฟิงผู้นี้…ตาสว่างแล้วรึ?”
“สมควรเป็นเช่นนั้น ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง มีผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการเช่นเดียวกับมัน แต่คนผู้นั้นอาศัยการร่วมืมอกับคนอื่นจึงสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่าเหิงเฟิงจะเปิดใจยอมรับเรื่องการร่วมมือกับผู้อื่น และเห็นแก่ภาพรวมขึ้นมาแล้ว…”
“ในอดีตเหิงเฟิงผู้นี้ ต่อให้เป็นคนของคฤหาสน์อู่จ้านเอง ก็คงไม่มีใครอยากร่วมมือกับมันมากนัก…แต่พอมันเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ของกฏแห่งดิน หลายคนในคฤหาสน์อู่จ้านคงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของมัน และเลือกที่จะให้ความร่วมมือกับมัน”
“แค่ไม่ทราบ ว่าใครในคฤหาสน์อู่จ้านที่เลือกจะร่วมมือกับมัน…หากคนที่ร่วมมือกับมันเป็น หว่านชิงชิง ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะมีใครติด 10 อันดับแรกได้!”
…
หว่านชิงชิงนั้น ผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณของนางเมื่อเดือนที่แล้วก็คืออันดับที่ 17
ที่สำคัญที่สุด……
นางเป็นผู้หญิง!
ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
“ศิษย์น้องชิงชิง คนต่อไปคะแนนของมันเป็นของเจ้า”
เหนือพื้นที่ป่าเขาแห่งหนึ่ง ชายร่างกำยำเปลือยอกที่ลอยร่างค้างกลางหาว หันไปกล่าวคำกับสตรีที่ลอยร่างบบนฟ้าห่างจากมันไม่ไกล
นางเป็นสตรีมาในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน เส้นผมสีดำขลับทอดยาวลงมาตามแผ่นหลังปานม่านน้ำตก ใบหน้าของนางแลดูงดงามจิ้มลิ้ม ให้ความรู้สึกน่าปกป้อง ทั้งชวนให้ผู้ที่พบเห็นบังเกิดความเอ็นดูอยากทะนุถนอมไม่น้อย
อย่างไรก็ตามแววตาของนางกลับฉายถึงความเย็นชา ปานจะผลักไสผู้คนให้ถอยห่างออกไปนับพันลี้
“อือ”
ได้ยินคำพูดของชาร่างกำยำ สตรีร่างบางก็กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
เรื่องนี้ชายร่างบึ้กก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร
“หืม?”
ทันใดนั้นเอง สตรีร่างบางคล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นางหันขวับไปจับจ้องทิศทางหนึ่งเร็วไว
เพราะในขณะนี้ ที่นั่นมีร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมา…
“ดูเหมือนพวกเราจะมีชะตาต้องกันไม่น้อยเลยนะพี่ชายกล้ามโต…พบกันอีกแล้ว”
หลังจากที่ผู้มาเยือนปรากฏตัว สิ่งแรกที่ทำก็คือหันมองไปทางชายร่างกำยำ พลางกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เป็นเจ้าเองรึ!”
พอเห็นผู้มาเยือนที่พึ่งปรากฏตัวชัดถนัดตา สีหน้าชายร่างกำยำก็เปลี่ยนไปทันที เพราะเดือนก่อนมันก็ถูกคนๆนี้กำจัดออกไป
“หือ?”
ในขณะที่สีหน้าชายร่างใหญ่แปรเปลี่ยนไป สตรีร่างบางที่ลอยอยู่ไม่ไกลก็อดแปลกใจไม่ได้ จากนั้นนางก็เริ่มชักหน้าเคร่งเช่นกัน
ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ คนที่จะทำให้ชายร่างกำยำหน้าเปลี่ยนสีได้ เกรงว่าคงมีแค่ไม่กี่คน
และหากนางต้องประมือกับชายร่างบึ้กคนนี้ตัวต่อตัว เกรงว่านางก็ไม่มีปัญญาฝ่าการป้องกันของอีกฝ่าย…
“มันเป็นใครหรือ?”
สตรีร่างบางหันไปส่งเสียงผ่านพลังถามไถ่ชายร่างกำยำทันที
“ต้วนหลิงเทียน…”
เสียงผ่านพลังตอบกลับของชายร่างกำยำ แฝงความขมขื่นอยู่บ้าง…
WSSTH ตอนที่ 3,146 : หว่านชิงชิง
“ต้วนหลิงเทียน?!”
พอสตรีร่างบางได้ยินเสียงผ่านพลังของชายร่างกำยำ ลูกตาที่ฉายแววเย็นชาของนางก็หดเล็กลง พอมองไปยังชายหนุ่มชุดม่วงที่ลอยอยู่ไม่ไกลอีกรอบ ลึกลงไปในดวงตานางก็เริ่มเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว
ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหสน์เฉวียนโยว!
เมื่อ 6 วันก่อน นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวมีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 วันก่อนตอนที่อันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณถูกล้างใหม่ นางก็ได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนจากศิษย์คนอื่นๆ
ต้วนหลิงเทียน อายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงแต่จะบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว อีกฝ่ายยังต้องสงสัยว่าอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ถึง 7 ประการแล้ว!
เมื่อเดือนก่อน เหิงเฟิงศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์อู่จ้านเช่นเดียวกับนาง ก็ได้ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมาทั้งที่พึ่งเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ทันไร…
ที่สำคัญก็คือ ก่อนที่เหิงเฟิงจะถูกกำจัดออกมา ยังอาศัยแรงกดดันจากต้วนหลิงเทียนจนเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 หรือก็คือความลึกซึ้งเกราะของกฏแห่งดินได้สำเร็จ…
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวยิ่งน่ากลัวมากขึ้น!
เมื่อไม่กี่วันก่อน เหิงเฟิงได้มาหานางและขอให้นางร่วมมือด้วย เพื่อช่วยกันเก็บคะแนนสะสมในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และเหิงเฟิงให้สัญญาว่าจะยอมให้นางได้คะแนนมากกว่า
พอนึกถึงพลังป้องกันในปัจจุบันของเหิงเฟิง นางก็ตระหนักได้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คงมีคนเพียงแค่หยิบมือเดียวที่สามารถฝ่าการป้องกันของเหิงเฟิงได้ และพอนึกถึงความเร็วส่วนตัว…นางก็ตัดสินใจร่วมมือกับอีกฝ่ายทันที!
หลังจากตัดสินใจร่วมมือกับเหิงเฟิงแล้ว นางก็ได้ยินเหิงเฟิงเอ่ยถึงต้วนหลิงเทียนศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นการส่วนตัว จึงตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคิดเลยจริงๆ…
ว่าในวันที่ 3 หลังจากเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางพร้อมกับเหิงเฟิง นางจะได้พบกับต้วนหลิงเทียน คนที่กำลังเป็นที่กล่าวขานถึงมากที่สุดในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหมด
“ศิษย์น้องชิงชิง รีบพาข้าหนีไปเร็วเข้า! พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของมัน!!”
ทันใดนั้นเหิงเฟิงเร่งส่งเสียงผ่านพลังมาถึงหูหว่านชิงชิงด้วยความร้อนใจ เพราะมันตระหนักได้ว่าสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนได้แผ่ออกมาล้อมกักร่างของมัน! แถมสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมายังเต็มไปด้วยจิตต่อสู้นัก!!
พอฉุกคิดถึงคะแนนมากมายที่ได้รับมาจากความช่วยเหลือของหว่านชิงชิง มันก็กัดฟันกล่าวผ่านพลังขอให้หว่านชิงชิงพาหนีไปทันที!!
วูฟฟ!
แทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เสียงผ่านพลังของเหิงเฟิงดังจบคำ ร่างหว่านชิงชิงก็กลายเป็นเงาเลือนรางสีเขียวและก่อนที่เงาเลือนรางสีเขียวจะจางหายไป ตัวนางก็ไปปรากฏข้างกายเหิงเฟิงแล้ว!
ฟุ่บบ!
พริบตาต่อมา แสงสีเชียวดังกล่าวก็แผ่ออกมาปกคลุมทั่วร่างหว่านชิงชิงกับเหิงเฟิงเอาไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็คล้ายกลับกลายเป็นประกายแสงสีเขียวพุ่งหายไปในชั่วพริบตา!
หากกล่าวถึงการปะทะแตกหักไม่คิดถอยหนีแล้ว หว่านชิงชิงนั้นไม่อาจเทียบกับเหิงเฟิงได้เลย…
แต่เป็นธรรมดาว่าหากนางคิดหนี เหิงเฟิงก็ทำได้แค่มองนางหายไปตาปริบๆ
ความเร็วของนางนั้น ต่อให้มองไปทั่วขุนนางอมตะ 10 ทิศในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ถือว่าเป็นอันดับต้นๆแน่นอน…เรียกว่าความเร็วของนางนั้นทัดเทียมกับ 6 คนที่ยึดครอง 6 อันดับแรกมานานปีได้เลย!
หาไม่แล้ว ไฉนเหิงเฟิงจึงคิดถึงนางเป็นคนแรก และมาขอให้นางร่วมมือด้วย!
“พี่ชายกล้ามใหญ่ พบพานสหายเก่าทั้งที พี่ท่านจะรีบไปไหนเล่า?”
พอเห็นเหิงเฟิงถูกสตรีชุดเขียวอ่อนข้างๆพาหนีไป แถมความเร็วในการเคลื่อนไหวของนาง เทียบในแง่ระยะทางกับเวลาแล้ว ยังไม่ด้อยไปกว่าการใช้เคลื่อนย้ายข้ามมิติของเขา ต้วนหลิงเทียนก็อดประหลาดใจไม่ได้
ฟุ่บ! วูบ! วูบ!
…
ทันใดนั้นที่ร่างต้วนหลิงเทียนก็ปะทุเพลิงพลังสีเทาออกมา จากนั้นคนก็อันตรธานหายไปทันที และพอปรากฏกายออกมาร่างก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงเล็กน้อยก่อนจะวูบหายไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้จะอาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติผนวกกับความเร็วในการเคลื่อนที่ส่วนตัวก่อนจะใช้ออกด้วยเคลื่อนมิติอีกครั้ง เขายังเกือบจะตามทั้งคู่ไม่ทัน!
อย่างไรก็ตาม เขาก็แค่ ‘เกือบจะตามทั้งคู่ไม่ทัน’ เท่านั้น
เมื่อพิจารณาจากความเร็วในการเคลื่อนไหวรวมกับความถี่ในการเคลื่อน้ายยข้ามมิติของเขาแล้ว ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าระยะทางระหว่างเขากับทั้งคู่ที่พุ่งนำไปเบื้องหน้า มันได้ลดลงทีละนิดๆ และจากการคำนวณ สมควรใช้เวลาทั้งสิ้น 2 เค่อ ถึงจะไล่ทั้งคู่ได้ทัน
‘สตรีนางนั้นช่างเร็วจริงๆ…’
ในขณะที่ไล่ล่าเหิงเฟิงอันมีสตรีในชุดเขียวพาหนี ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ‘ความเร็วของนาง…ดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 3 ประการเลย…’
‘แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ…กฏที่นางเข้าใจ สมควรเป็นกฏแห่งไม้’
‘นางใช้กฏแห่งไม้แท้ๆ แต่ไฉนถึงบรรลุความเร็วระดับนี้ได้กัน? และต่อให้นางเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ครบทั้ง 9 ประการ แต่ขอเพียงยังอยู่ในขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น นางก็ไม่น่าจะเร็วได้ขนาดนี้นี่นา…’
ในขณะที่ไล่ล่า ต้วนหลิงเทียนที่แผ่สำนึกเทวะออกไปกักร่างทั้งคู่เอาไว้เพื่อไม่ให้คลาดสายตา ก็ไม่ยากที่เขาจะสัมผัสได้ว่าสตรีในชุดสีเขียวนั้นเข้าใจกฏแห่งไม้
‘หืม? ดูเหมือนจะมีพลังประหลาดๆอีกขุม…’
หลังต้วนหลิงเทียนใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังของนางอย่างละเอียด เขาก็พบว่าสาเหตุที่ไฉนสตรีนานี้ถึงได้เร็วนัก เป็นเพราะพลังลี้ลับแปลกประหลาดขุมหนึ่งที่นางใช้ออกมาเพิ่มเติม
พลังนั้นแผ่พุ่งออกมาจากร่างของสตรีในชุดสีเขียวนั่นโดยตรง ไม่ใช่แปลงจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ราวกับนางเกิดมาก็มีพลังดังกล่าวติดตัว
เนื่องจากในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ไม่อาจใช้พลังภายนอกได้ เช่นนั้นก็ตัดประเด็นเรื่องที่สตรีชุดเขียวดังกล่าวจะใช้ยันต์อมตะ โอสถ หรืออุปกรณ์อมตะ…ฯลฯ ไปได้เลย
หมายความว่าพลังดังกล่าวเกิดจากตัวของสตรีชุดเขียวเอง!
“ทุกท่าน…ตอนนี้ที่นางใช้อยู่ ใช่พลังของพฤกษาเทพครองสรรค์หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหลรวมถึงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินในร่างทันที เพราะเขารู้ว่าถึงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะไม่อาจพึ่งพลังภายนอกได้ หากแต่เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ที่อยู่ในร่าง ไม่ถือว่าเป็นพลังภายนอก จึงสามารถใช้ได้…
เรื่องนี้เขาได้ทดลองกับตัวตั้งแต่ตอนที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเมื่อเดือนก่อนแล้ว
ที่นี่เขาสามารถใช้พลังของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ในร่างได้ตามใจชอบ ไม่ถูกจำกัดไว้ด้วยกฏเกณฑ์จากค่ายกลที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งไว้แต่อย่างใด
และถึงตอนนี้ถึงแม้เขาจะมีพฤกษาเทพครองสวรรค์อยู่ในร่าง แต่มันก็ยังเป็นแค่ขั้นที่ 1 เท่านั้น ไม่ทันก่อเกิดสำนึกสติด้วยซ้ำ เขาจึงยังไม่อาจใช้พลังของมันได้ และนั่นทำให้เขาบอกไม่ได้ว่ากลิ่นอายพลังของมันเป็นอย่างไร
“ไม่ใช่”
เสียงชราของเพลิงเทพโกลาหลดังขึ้นก่อนใคร “หากนางใช้พลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์จริง พวกเราคงบอกเจ้าแต่แรกแล้ว…”
“ไม่ใช่หรือ?”
สองตาที่จับจ้องไปยังร่างสตรีชุดเขียวของต้วนหลิงเทียน ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ‘ดูเหมือนนั่นจะเป็นความสามารถแต่กำเนิดของนางงั้นสินะ…คล้ายๆกับพลังสายเลือดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น’
ต้วนหลิงเทียนก็จำได้ ว่าพลังสายเลือดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นไม่ถือว่าเป็นพลังภายนอก และพลังดังกล่าวยังช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้มากทีเดียว
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าที่แท้มันจักรวดเร็วถึงเพียงนี้…”
เหิงเฟิงที่ถูกหว่านชิงชิงหอบหิ้วหลบหนี ไม่ยากที่จะสังเกตเห็นว่า…ระยะห่างระหว่างพวกมันกับต้วนหลิงเทียนได้หดกระชั้นเข้ามาทุกกขณะ! และเท่าที่ดูเกรงว่าคงยื้อไว้ไม่เกิน 2 เค่อก็น่าจะถูกอีกฝ่ายไล่ตามได้ทันแล้ว!!
“ศิษย์น้องชิงชิง เจ้าปล่อยข้าแล้วหนีไปเถอะ…ตราบใดที่ครั้งก่อนมันไม่ซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้ ความเร็วสูงสุดของมันไม่มีทางไล่เจ้าได้ทันแน่นอน”
“และต่อให้มันยังซุกซ่อนพลังเอาไว้ แต่หากซุกซ่อนไม่มากพอ มันก็สมควรไล่เจ้าไม่ทันเช่นกัน”
เหิงเฟิงย่อมอ่านสถานการณ์ออกได้ไม่ยาก ว่าหากยังเลือกหลบหนีต่อไปแบบนี้ ไม่วายทั้งมันกับหว่านชิงชิงต้องถูกอีกฝ่ายจับได้แน่ และหากต้วนหลิงเทียนสามารถไล่หว่านชิงชิงได้ทัน จนใช้พลังมิติกักขังหว่านชิงชิงเอาไว้ได้ล่ะก็…นางจะไม่มีทางหนีรอดได้เลย!!
ดังนั้นมันจึงตัดสินใจเด็ดขาด บอกหว่านชิงชิงทิ้งให้ทิ้งมันไว้ที่นี่…และหนีไปเพียงลำพัง
“พี่ชายเหิงเฟิงครั้งสุดท้ายข้าผิดหวังไม่น้อย ที่ท่านมีคะแนนสะสมแค่แต้มเดียว…แต่คะแนนสะสมของพี่เหิงเฟิงตอนนี้ บอกตรงๆผู้น้องยินดีรับไว้อย่างมาก…”
ต้วนหลิงเทียนที่ไล่ล่าเหิงเฟิงกับหวว่านชิงชิงมาติดๆ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เดือนก่อนถึงแม้เขาจะจัดการเหิงเฟิงได้ แต่เหิงเฟิงดันพึ่งเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ทันไร จึงมีคะแนนสะสมอยู่แค่แต้มเดียว ทำให้ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับคะแนนสะสมจากอีกฝ่ายแค่แต้มเดียวเท่านั้น…
แต่คราวนี้ก่อนที่จะเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้วนหลิงเทียนเห็นแล้วว่าเหิงเฟิงนั้น ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกเรียบร้อยแล้ว
เหิงเฟิงยังติดอยู่ในอันดับที่ 29 และมีคะแนนสะสม 20 กว่าแต้ม!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลย
ว่าตอนนี้เหิงเฟิงได้อยู่ในอันดับที่ 26 แล้ว แถมคะแนนสะสมก็มีทั้งสิ้น 33 แต้ม…
เนื่องจากตอนที่เขาเข้ามา ก็พอดีกับที่หว่านชิงชิงช่วยให้มันเอาชนะขุนนางอมตะ 10 ทิศพลังฝีมือพอตัวคนหนึ่ง จนได้รับคะแนนสะสมจากอีกฝ่ายมาเพิ่มอีก 5 แต้ม
‘สตรีข้างกายเหิงเฟิง…ดูเหมือนจะเป็นคนที่เหิงเฟิงหามาร่วมมือด้วยสินะ ความเร็วของนางสูงมากจริงๆ ด้วยมีนางให้ความร่วมมือ เรื่องที่ทั้งคู่จะเข้าสู่ 20 อันดับแรกคงไม่ใช่ปัญหา เผลอๆอาจจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ด้วยซ้ำ…”
ความเร็วของหว่านชิงชิง นับว่าสร้างความประหลาดใจให้ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
‘อย่างไรก็ตามก่อนเข้ามา ดูในตารางจัดอันดับแล้ว ในตารางจัดอันดับนอกจากเหิงเฟิง ศิษย์ของคฤหาสน์อู้จ้านที่ติดอันดับอีกคนนั่น ดูจากชื่ออ่างไรก็สมควรเป็นผู้ชาย…หมายความว่าเหิงเฟิงยังไม่เริ่มแบ่งคะแนนให้นาง’
ความทรงจำของต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ใช่ชั่ว แค่เขากวาดตามองตารางจัดอันดับรอบเดียว เขาก็จดจำรายชื่อกับอันดับรวมถึงต้นสังกัดได้ทั้งหมด
ในบรรดารายชื่อ 100 อันดับแรก มีคนของคฤหาสน์อู่จ้านแค่ 2 คน
นอกจากเหิงเฟิงแล้ว ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอีกคนยังมีอันดับสูงมาก และรั้งอยู่ในอันดับที่ 4 แล้ว และดูจากชื่อก็สมควรเป็นผู้ชายแน่นอน เห็นได้ชัดว่าไม่ใชสตรีที่อยู่ข้างกายเหิงเฟิงแน่นอน
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเหิงเฟิงไม่น่าจะหาคนจากคฤหาสน์อมตะอื่นมาร่วมมือได้…
เพราะถึงจะพบเจอศิษย์คฤหาสน์อมตะอื่นๆที่โดดเด่นเรื่องความเร็ว แต่ก็ไม่พ้นต้องคอยระแวงอีกฝ่าย ในเมื่อยากจะเชื่อใจอีกฝ่ายได้ เช่นนั้นเหิงเฟิงคงไม่น่าจะร่วมมือกับคนนอกแต่แรก
เป็นธรรมดาว่าเขาไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่เหิงเฟิงจะร่วมมือกับคนนอกคฤหาสน์ออกไป แต่ความน่าจะเป็นที่อีกฝ่ายจะเป็นคนรู้จักที่สามารถเชื่อใจและร่วมมือกันได้พอดี แถมมาพบเจอกันแต่วันแรกๆมันมีน้อยมาก…
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงเดาว่าสตรีนางนี้สมควรเป็นคนของคฤหาสน์อู่จ้าน และยังไม่ถึงตาที่นางจะได้คะแนนสะสมมากกว่า
‘เดือนที่แล้ว หากข้าจำไม่ผิด คนของคฤหาสน์อู่จ้านที่ติดอันดับมีทั้งสิ้น 3 คน…นอกจากคนที่ได้อันดับที่ 4 ในครั้งนี้ กับศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอีกคนที่ข้าเคยจัดการไป ก็เหลือแต่ หว่านชิงชิง…’
‘หว่านชิงชิง ฟังแล้วเป็นชื่อของสตรีแน่นอน แถมเดือนก่อนนางยังติดอยู่ใน 20 อันดับแรก บ่งบอกว่าพลังฝีมือนางไม่ธรรมดา…หากเดาไม่ผิด สตรีนางนี้สมควรเป็นหว่านชิงชิงที่ว่า…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองสตรีชุดเขียวที่หอบหิ้วเหิงเฟิงเหาะหนี พลางลอบคาดเดาในใจ
“หากเจ้าทำได้ พยายามดึงสตรีนางนี้ให้มาร่วมมือกับเจ้าแทนเสีย…พวกเรา 3 คนช่วยเจ้าได้ก็จริง แต่ถ้าไม่ป้องกันก็เป็นการจู่โจมเท่านั้น พวกเราไม่อาจช่วยเจ้าในเรื่องความเร็วได้เลย”
ตอนนี้เองเสียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินพลันดังขึ้นในร่างต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “ด้วยความเร็วของนาง กับเจ้าที่มีความช่วยเหลือของพวกเรา ในแดนสวรรค์ใต้โบราณแห่งนี้เจ้าไม่แพ้พ่ายใครแน่นอน!!”
“ข้าเองก็คิดว่าเจ้าควรชักชวนให้นางมาร่วมมือกับเจ้าดู”
เสียงทองเทพสุดลี้ลับดังขึ้นอย่างหาได้ยาก เพราะครั้งนี้อีกฝ่ายกล่าวทำนองเห็นด้วยและไม่ได้โต้แย้งคำพูดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน!
“ชวนนางร่วมมือ?”
ได้ยินคำแนะนำของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกับทอเทพสุดลี้ลับในร่าง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที หากทั้งคู่ไม่กล่าวเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่เคยคิดจะร่วมมือกับใครมาก่อนเลย
ถึงแม้ความเร็วของเขาจะไม่ช้า แต่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ หากเขาพบเจอกับพวกที่โดดเด่นในเรื่องความเร็วจริงๆ ความเร็วก็จะกลายมาเป็นจุดอ่อนของเขาทันที
ไม่ต้องกล่าวถึงคนที่เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลัก 3 ประการของกฏแห่งลมเลย เอาแค่คนที่เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 2 ประการ เขาก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันแล้ว
“ก็ได้”
ส่วนอีกด้านนั้น เมื่อได้ฟังวาจาแน่วแน่ของเหิงเฟิง และเห็นร่างต้วนหลิงเทียนไล่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ หว่านชิงชิงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกเห็นด้วยกับคำพูดของเหิงเฟิง
ครู่ต่อมานางก็เลิกหอบหิ้วเหิงเฟิง
ซู่มม!
ทันทีที่นางปล่อยเหิงเฟิงไป ความเร็วของนางก็สูงขึ้นทันตาเห็น พริบตาก็ทิ้งห่างต้วนหลิงเทียนออกไปไกล!
จากนั้นไม่ทันไร ร่างนางก็อันตธานหายไปจากสายตาต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว!
สำหรับเหิงเฟิงนั้น มันลอยร่างค้างกลางหาว เฝ้ารอต้วนหลิงเทียนที่กำลังเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มฝืนๆ…
WSSTH ตอนที่ 3,147 : ประมืออีกครา
ตอนที่ต้วนหลิงเทียนเหาะมาใกล้ถึงร่างเหิงเฟิง ด้านเหิงเฟิงก็เลือกที่จะเร่งเร้าพลังเตรียมการรับมือต้วนหลิงเทียนเอาไว้แต่แรก! ไม่เพียงแต่ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งกายาศิลา ยังใช้ความลึกซึ้งปราการผลึก รวมถึงความลึกซึ้งเกราะของกฏแห่งดินออกมาพร้อมสรรพ!!
อีกทั้งรอบนี้ดูเหมือนมันจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อนมาเป็นอย่างดี…
ความลึกซึ้งเกราะ ที่มีรูปลักษณ์เป็นแผ่นๆคล้ายยันต์อมตะ หาได้หมุนวนรอบกายห่างตัวอีกต่อไป แต่เลือกที่จะผสานเข้ากับความลึกซึ้งปราการผลึกที่ปรากฏบนเกราะศิลาสวมร่าง จนปราการผลึกแลดูแข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา
ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะที่ผสานไว้ด้วพลังธาตุดินก็โคจรพร้อมปะทุใช้งานตลอดเวลา เรียกว่าสามารถใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งดินอีก 3 ประการออกได้ทุกเมื่อ…
นอกจากความหมายแห่งดิน ความลึกซึ้งกายาศิลา ความลึกซึ้งปราการผลึก และความลึกซึ้งเกราะแล้วเหิงเฟิงยังเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่โน้มถ่วง ความลึกซึ่งสั่นสะเทือน รวมถึงความลึกซึ้งฟื้นฟูของกฏแห่งดินอีกด้วย
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าข้าจะโชคร้ายแบบนี้ ข้าพึ่งเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้แค่ 3 วันเข้ากลับต้องมาพบเจอกับเจ้าอีกครั้ง…ว่าแต่นี่เจ้าเข้ามานานแค่ไหนแล้วเล่า?”
เหิงเฟิงมองถามต้วนหลิงเทียนที่อยู่ไม่ไกลด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“ข้าพึ่งเข้ามาเลย…เรียกว่าก่อนหน้าพี่เหิงเฟิงกับแม่นางผู้นั้น ข้ายังไม่เจอใครอื่น”
ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ตอบ
“พึ่งเข้ามา? แถมยังไม่เจอผู้ใดเลย?”
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน เหิงเฟิงรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไรไม่ทราบ…
เดือนที่แล้วมันพึ่งเข้ามาได้ไม่ทันไร มันก็พบเจอกับต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรก
ส่วนเดือนนี้ต้วนหลิงเทียนพึ่งเข้ามาได้ไม่ทันไร ก็พบเจอมันเป็นคนแรก…
ดวงมันนรกอะไร?
ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ยังแลดูสบายๆคล้ายไม่ยี่หระกับการปร้องกันที่เหิงเฟิงเตรียมไว้พร้อมสรรพแม้แต่น้อย “พี่ชายเหิงเฟิง สตรีที่พาท่านหนีมาเร็วไวเมื่อครู่…สมควรเป็นแม่นาง หว่านชิงชิง ของคฤหาสน์อู่จ้านท่านใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนจำชื่อ หว่านชิงชิงได้
ยังจำได้แม่นอีกด้วย เพราะชื่อดังกล่าวติด 1 ใน 30 อันดับแรกของเมื่อเดือนก่อน
ที่สำคัญชื่อหว่านชิงชิง เมื่อเดือนก่อนยังได้อันดับที่ 17
“ใช่”
เหิงเฟิงพยักหน้า ค่อยกล่าวออกเสียงเย็น “อย่างไรก็ตามข้าแนะนำให้เจ้าล้มเลิกความคิดเรื่องจัดการศิษย์น้องชิงชิงไปเสียประเสริฐกว่า…เพราะความเร็วของศิษย์น้องชิงชิงข้า ไม่เป็นสองรองใครในบรรดาขุนนาอมตะ 10 ทิศทั้งหมดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้แน่นอน…ในแง่ความเร็วแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เทียบนางได้!”
“เจ้าเองก็ตามนางไม่ทันแน่นอน”
ฟังจากคำพูดของเหิงเฟิงแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันมั่นใจในความเร็วของหว่านชิงชิงมาก
และหลังจากได้เห็นความเร็วของหว่านชิงชิงมากับตา ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าที่เหิงเฟิงพูดมาเป็นความจริง! ตราบใดที่หว่านชิงชิงไม่เปิดช่องโหว่ให้เขา ขอเพียงหว่านชิงชิงคิดหลบหนี เขาก็ไล่นางไม่ทัน!!
“หากข้าเดาไม่ผิด เดือนนี้พี่ชายเหิงเฟิงคิดชวนนางมาร่วมมือและแบ่งแต้มกัน แต่ท่านยังไม่ได้เริ่มแบ่งแต้มให้นางสินะ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองเหิงเฟิงเขม็ง พลางเอ่ยถามเสียยงเข้ม “พี่ชายเหิงเฟิง…ท่านไม่รู้สึกผิดกับนางบ้างหรือ?”
คำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ไม่ต่างอะไรจากแหลนที่พุ่งแทงเข้ากลางใจของเหิงเฟิงแม้แต่น้อย ทำให้สีหน้าเหิงเฟิงกลับกลายเป็นปั้นยากทันที
มันยังไม่รู้สึกผิดได้หรือ?
หากไม่มีความช่วยเหลือของหว่านชิงชิง อาศัยมันคนเดียวไหนเลยจะได้รับคะแนนสะสมมากมายแบบนี้ในเวลาแค่ 3 วัน?
และพอถึงตอนที่มันจะเป็นฝ่ายปล่อยให้หว่านชิงชิงได้คะแนน ต้วนหลิงเทียนกลับปรากฏตัววออกมาเสียก่อน…
“หึ!”
เหิงเฟิงพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น “รอให้ข้าจัดการเจ้าได้ก่อน! ถึงตอนนั้นข้าค่อยร่วมมือกับศิษย์น้องชิงชิงเพื่อเก็บคะแนนสะสมให้นางก็ยังไม่สาย!!”
“อ้อ ดูเหมือนนางจะยังไม่ได้ไปไหนไกลสินะ…”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลง กล่าวออกด้วยรอยยิ้มบางๆ
อันที่จริงเรื่องนี้เขาก็เดาได้แต่แรก หาไม่แล้วก่อนหน้าเขาคงไม่ทำแค่ยืนมองหว่านชิงชิงจากไปแต่แรก ทั้งๆที่ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอให้หว่านชิงชิงหรอก
เขารู้…ว่าด้วยความเร็วของหว่านชิงชิง นางต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เพื่อคอยติดตามสถานการณ์แน่นอน
อย่างน้อยๆหว่านชิงชิก็ไม่น่าจะจากไปก่อนที่จะยืนยันได้ว่าเหิงเฟิงถูกกำจัดแล้วจริงๆ
เพราะด้วยความเร็วของหว่านชิงชิง ตราบใดที่นางระวังป้องกันและเตรียมตัวไว้แต่แรก นางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะถูกเขาจัดการ
“หากนางยังไปไม่ไกลแล้วจักอย่างไร หรือเจ้าคิดว่าสามารถตามนางได้ทัน?”
เหิงเฟิงกล่าวเย้ย
“พี่ชายเหิงเฟิง รอบนี้ท่านจะทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนด้วยตัวเอง หรือจะให้ข้าช่วยทุบทำลายให้ท่านเล่า…”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงยังฟังดูเป็นกันเองราวสนทนับสหายเก่า
“เพ่ย! ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเจ้า! ครั้งก่อนแม้ข้าจะแพ้เจ้าก็จริง แต่เพราะข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านของกฏมิติด้วย…!”
“อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่อาจยืนยันได้…ว่าความลึกซึ้งส่งผ่านที่เจ้าใช้วันนั้น ที่แท้เจ้าเข้าใจมันถึงขั้นตอนความลึกซึ้งเบื้องต้นแล้ว หรือยังพึ่งเข้าใจได้บางส่วนเท่านั้น”
เหิงเฟิงกล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงก็เริ่มหนักขึ้น “หากเข้าใจมันถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว ต่อให้ข้าจักผสานความลึกซึ้งเกราะกับความลึกซึ้งปราการผลึก ด้วยความลึกซึ้งส่งผ่านขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น เจ้าก็สามารถเพิกเฉยการป้องกันทั้งหมดของข้าและเล่นงานข้าได้โดยตรงอยู่ดี…แต่ถ้ายังไม่ เจ้าก็ยังไม่อาจเพิกเฉยความลึกซึ้งเกราะของข้าได้!”
ความลึกซึ้งส่งผ่าน การบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นกับยังไม่บรรลุนั้น พลังของมันนับว่าแตกต่างกันคนละเรื่อง!
เหิงเฟิงไปศึกษาเรื่องนี้อยู่หลายวัน จนเข้าใจพลังอำนาจของมันได้กระจ่างชัด
ด้วยเหตุนี้มันจึงคิดวัดดวงดูสักครา…
วัดดวงว่า ที่แท้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้วหรือไม่!
“นับว่าเป็นข้าดูเบาผู้ที่เคยติดอยู่ใน 50 อันดับแรกเช่นท่านเกินไปจริงๆ…ไม่นึกเลยว่าที่แท้ท่านจะช่างสังเกตขนาดนี้”
ได้ยินคำพูดของเหิงเฟิง ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียว จากนั้นค่อยกล่าวออกเสียงเรียบว่า “อย่างไรก็ตาม ที่ท่านกล่าวนับว่าไม่ผิด…ข้าพึ่งเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านได้บางส่วนเท่านั้น…”
“ตอนนี้ในเมื่อท่านผสานความลึกซึ้งเกราะเข้ากับความลึกซึ้งปราการผลึก ข้าจึงไม่อาจใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน เพื่อส่งคมมีดมิติหรือการโจมตีใดๆผ่านปราการป้องกันที่เกิดจากความลึกซึ้งเกราะผสานความลึกซึ้งปราการผลึกของท่านได้เลย”
ฟังจากคำพูดของต้วนหลิงเทียนแล้ว เขานับว่าบอกออกไปตรงๆอย่างไม่คิดจะปิดบังแม้แต่น้อย ว่ายังพึ่งเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านได้แค่บางส่วนเท่านั้น
“โฮ่? เช่นนั้นหมายความว่า…เจ้าไม่มีทางทำลายการป้องกันของข้าได้!!”
สองตาเหิงเฟิงทอประกายวับวาว มุมปากยังยกยิ้มขึ้นมาด้วยความมั่นใจ
“ศิษย์น้องชิงชิง เจ้ากลับมาเถอะ”
พร้อมกันนั้นเอง เหิงเฟิงก็หันไปมองฟ้าทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวผสานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ทำให้เสียงพูดของมันพุ่งผ่านระยะไกลห่างในพริบตา
ฟุ่บบ!!
ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นประกายแสงสีเขียววูบมาด้วยความเร็วสูง ไม่นานร่างดังกล่าวก็หยุดลงไกลห่าง สองตาจับจ้องมองเขาเขม็ง
ต้วนหลิงเทียนก็มองสบตาอีกฝ่าย
นับเป็นครั้งแรกเลยที่ต้วนหลิงเทียนได้มองศิษย์สตรีของคฤหาสน์อู่จ้านนางนี้ให้ชัดถนัดตา เส้นผมสีดำขลับของนางทอดยาวลงมาปานม่านน้ำตก รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ใบหน้ากระจ่างแลดูงดงามทั้งจิ้มลิ้มไม่น้อย แต่ยังไม่อาจสู้กับภรรยาทั้ง 2 รวมถึงสตรีในใจเขาได้…
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็มองสำรวจเขาเช่นกัน
เรียกว่าต่างคนต่างมองจ้องกัน จนเวลาเสมือนหยุดเดิน
จนในที่สุดเหิงเฟิงก็กล่าวออกมาเสียงเข้ม
“ศิษย์น้องชิงชิง เจ้ารักษาระยะและเตรียมพร้อมลงมือสนับสนุนข้าด้วย…หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่อาจทำลายการป้องกันของข้าได้จริง ถึงตอนนั้นข้ากับเจ้าพวกเราจักร่วมมือกันกำจัดมัน!”
เหิงเฟิงกล่าวกับหว่านชิงชิง ทั้งที่สองตายังมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง น้ำเสียงของมันฟังแล้วตื่นเต้นฮึกเหิมไม่น้อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะนี่นับเป็นโอกาสที่มันจะใช้ล้างความอัปยศที่แพ้พ่ายเมื่อครั้งก่อน!
“แน่นอนว่าข้าไม่มั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ใช่ซุกซ่อนพลังฝีมืออันใดไว้หรือไม่…หากมันยังซุกซ่อนพลังฝีมืออยู่จริงๆ และสามารถทำลายการป้องกันของข้าได้ เช่นนั้นศิษย์น้องชิงชิงก็รีบหนีไปเสีย!”
เหิงเฟิงกล่าวสืบต่อเสียงหนัก “และครั้งนี้ถือเสียว่าข้าติดหนี้เจ้า…วันหน้าข้าต้องชดใช้ให้เจ้าแน่!”
“ได้”
หว่านชิงชิงที่หยุดลอยร่างกลางอากาศห่างพอสมควร เอ่ยตอบเสียงเรียบ
“ศิษย์พี่หญิงหว่าน…หากข้าไม่สามารถทำลายการป้องกันของพี่ชายเหิงเฟิงได้ เชิญท่านร่วมมือกับเขากำจัดข้าได้เลย…แต่ถ้าข้าสามารถทำลายการป้องกันของพี่ชายเหิงเฟิงได้ ท่านอย่าได้รีบร้อนจากไป แล้วมาสนทนาเรื่องร่วมมือกับข้าสักครู่ได้หรือไม่?”
พอเสียงกล่าวนัดแนะของเหิงเฟิงดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวแทรกออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเอง “ข้ารับปากท่านตรงนี้เลย…ว่าหากศิษย์พี่หญิงหว่านยินดีร่วมมือ ข้าจะพยายามช่วยให้ท่านติด 10 อันดับแรกเท่าที่ข้าจะทำได้เป็นอย่างไร?”
ทั้งเหิงเฟิงร่วมถึงหว่านชิงชิงไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าจู่ๆต้วนหลิงเทียนจะยื่นข้อเสนอเพื่อร่วมมืออะไรแบบนี้ออกมา
“ฮึ่ม! ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดใช้คำอ้างเช่นนี้เพื่อเข้าใกล้ศิษย์น้องชิงชิงแล้วลงมือจัดการนางงั้นสินะ!? เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว!!”
เหิงเฟิงโพล่งกล่าวออกมาด้วยแววตาทำราวกับอ่านใจต้วนหลิงเทียนได้หมด…
“พี่ชายเหิงเฟิง ข้าถามท่านสักคำว่าตอนนี้ศิษย์พี่หญิงหว่านมีคะแนนสะสมเท่าไหร่…ข้ายังต้องยกอ้างเรื่องเสนอความร่วมมือกับนางเพื่อหลอกจัดการนางด้วยหรือ? ท่านคิดว่าข้าจำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเหิงเฟิงผ่าน กล่าวออกเสียงเรียบ “หากท่านเป็นข้า…ท่านยังเลือกจะจัดการนางหรือไม่?”
คำถามของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้เหิงเฟิงพูดไม่ออกทันที
เนื่องจากตอนนี้หว่านชิงชิงมีคะแนนสะสมแค่แต้มเดียว ต่อให้จะใช้เรื่องร่วมมือเพื่อหลอกลวงนางมาจัดการ สุดท้ายก็ได้แค่ 1 แต้มไม่ใช่หรือไร? แม้การสงครามไม่หน่ายอุบาย แต่บุรุษหลอกฆ่าสตรียังไม่น่าละอายหรือไร?
“เช่นนั้นพวกเราก็ร่วมมือกัน 3 คนไปสิ”
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาของหว่านชิงชิงก็ดังมาแต่ไกล
“ขออภัยด้วยศิษย์พี่หญิงหว่าน…แต่ในสายตาข้า พี่ชายเหิงเฟิงค่อนข้างไร้ประโยชน์”
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับหว่านชิงชิง แม้เสียงกล่าวจะฟังดูสุภาพลื่นหู แต่ช่างบาดใจเหิงเหิงนัก
“หากเจ้าจัดการศิษย์พี่เหิง เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดร่วมมือกับเจ้า!”
หว่านชิงชิงกล่าวโต้กลับเสียงเย็น
“ไม่ว่าท่านจะร่วมมือกับข้าก็ดี หรือไม่ร่วมมือก็ช่าง ข้ายังคงจัดการพี่ชายเหิงเฟิงอยู่ดี…ศิษย์พี่หญิงหว่าน ท่านก็เหมือนลายบุปผาที่เตรียมปักลงผ้าดิ้นของข้า ข้าก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องร่วมมือกับท่านให้ได้”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะชื่นชมความแข็งกร้าวของนางอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้นางแม้แต่นิดเดียว
“เจ้า…”
หว่านชิงชิงโมโหไม่น้อย ดวงตานางฉายแววเยียบเย็นนัก
ตัวนางหว่านชิงชิง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โดนบุรุษปฏิบัติกับนางด้วยกิริยาเย็นชาเช่นนี้?
บุรุษผู้นี้ ไม่รู้จักคำว่า ‘รักหยกถนอมบุปผา’ บ้างเลยหรือไร?
“หึ! ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าพึ่งทำเป็นพูดดีไป! ก่อนอื่นเลยเจ้าต้องทำลายการป้องกันข้าให้ได้เสียก่อน! หาไม่แล้ววันนี้เจ้าจักเป็นฝ่ายถูกพวกเรากำจัดเสียเอง!!”
วาจาน้ำเสียงดุดันของเหิงเฟิงโพล่งดังขึ้น ขณะเดียวกันร่างเหิงเฟิงก็ย่ำฟ้าห้อเหยียดไปทางต้วนหลิงเทียน ราวกระทิงเถื่อน!
“ศิษย์น้องชิงชิง”
ในขณะที่ก้าวเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน เสียงผ่านพลังของเหิงเฟิงพลันดังขึ้นในหูหว่านชิงชิงอย่างประจวบเหมาะ “หากต้วนหลิงเทียนมันสามารถทำลายการป้องกันของข้าได้จริงๆ เจ้าก็ลองร่วมมือกับมันดูเถอะ”
“ถึงแม้ข้าจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรมันมากนัก แต่สายตามองคนของข้ายังใช้การได้อยู่บ้าง เจ้านี่ไม่เพียงแววตากระจ่างใส ลักษณะยังสง่าผ่าเผยนัก…ไม่น่าจะใช่คนที่ไม่รักษาคำพูดไปได้”
“บางที เจ้าอาจใช้โอกาสนี้ก้าวเข้าสู่ 10 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณได้ในคราวเดียว!”
เสียงผ่านพลังของเหิงเฟิง เป็นการเกลี้ยกล่อมหว่านชิงชิงอย่างเห็นได้ชัด และทำให้นางหวั่นไหวไม่น้อย
“รอให้มันทำลายการป้องกันของท่านให้ได้ก่อนเถอะ”
หว่านชิงชิงกล่าวผ่านพลังตอบกลับ
“ในเมื่อพี่ชายเหิงเฟิงมั่นใจในการป้องกันมาก…เช่นนั้นข้าจะทำลายการป้องกันท่านในกระบวนท่าเดียวเป็นไร?!”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องเหิงเฟิงที่ย่ำฟ้าลุยเข้ามาราวกระทิงเถื่อน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงท้าทายเต็มแฝงความลี้ลับประการหนึ่ง “อีกทั้ง…คราวนี้ข้าจะไม่ใช่ความลึกซึ้งส่งผ่าน”
“ไม่ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่านรึ!?”
วาจาดังกล่าวทำให้เหิงเฟิงตกใจไม่น้อย ‘หรือต้วนหลิงเทียนผู้นี้ มันจะเข้าใจความลึกซึ้งอีก 2 ประการที่เหลือของกฏแห่งมิติแล้ว!?’
หากนับรวมความลึกซึ้งสงผ่าน เหิงเฟิงก็เคยเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติออกมาแล้วทั้งสิ้น 7 ประการ
ตอนนี้ด้วยวาจาทำราวกับมั่นใจหนักหนาของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันเผลอคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติอีก 2 ประการที่เหลือ!
‘ความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง!’
‘ความลึกซึ้งสั่นสะเทือน!’
‘ความลึกซึ้งฟื้นฟู!’
ด้วยความตื่นตัวทั้งหวั่นใจ เหิงเฟิงไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว มันเลือกจะลงมือใช้ออกด้วยพลังสามารถทั้งหมดทันที!
ตอนนี้มันหวาดกลัวอย่างยิ่ง! กลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะจู่โจมอัศจรรยย์ จนมันไม่ทันได้มีโอกาสใช้พลังทั้งหมด!!
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การลงมือของผู้ที่เข้าใจกฏแห่งมิติเช่นต้วนหลิงเทียนก็ขึ้นชื่อเรื่องพิสดารเหนือคาดนัก!
WSSTH ตอนที่ 3,148 : ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญหน้ากับเหิงเฟิงที่ใช้ออกด้วยทุกสิ่ง ต้วนหลิงเทียนยังไม่เผยท่าทีหลบหลีกอะไร
ความว่างเปล่ารอบกายเริ่มกระเพื่อมสั่นไหว เขตแดนมิติปกคลุมไปทั่ววรัศมี 10 หมี่ ห้วงมิติโดยรอบเองก็เริ่มบิดเบือน
ในเวลาชั่วพริบตา ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยยเขตแดนมิติ และบิดเบือนมิติ
‘กักกัน’
เมื่อการโจมตีนำมาของเหิงเฟิงเข้าสู่เขตแดนมิติบิดเบือนของเขา ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังธาตุมิติ ผนึกกักมิติรอบกายเหิงเฟิงเอาไว้โดยพลัน!
พริบตาต่อมา
‘ผ่ามิติ!’
รอยแยกมิติพลันอุบัติขึ้นข้างกายต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็มีคมมีดมิติสีเทาหนึ่งพุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าว
คมมีดมิติสีเทาพุ่งผ่านรอยแยกมิติมา ประหนึ่งการโจมตีที่จากห้วงมิติอื่น ทำลายกระบวนท่าของเหิงเฟิงที่ควบรวมความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงสั่นสะเทือนและฟื้นฟูลงได้อย่างง่ายดาย!
และในระหว่างทำลายกระบวนท่าของเหิงเฟิง พลังของคมมีดมิติสีเทาไม่เพียงอ่อนโทรมลง แต่กลับทวีความกล้าแข็งยิ่งขึ้น!
เพราะยามมันเคลื่อนที่ผ่านเขตแดนมิติหรือห้วงมิติบิดเบือนที่ต้วนหลิงเทียนสร้างขึ้น มันจะดูดซับพลังมิติดังกล่าวมาเสริมพลังอานุภาพของมัน
และไม่ใช่แค่พลังของเขตแดนมิติ พื้นที่บิดเบือนเท่านั้น กระทั่งยามมันล่วงล้ำเข้าสู่ขอบเขตห้วงมิติกักกันที่ต้วนหลิงเทียนใช้ผนึกกระบวนท่านำมาของเหิงเฟิงเมื่อครู่เอาไว้ มันก็ดูดซับพลังมิติมาหนุนเสริมเช่นกัน!
เรียกว่า บัดนี้คมมีดมิติ ที่ประหนึ่งกระบี่แสงสีเทาก็ทรงพลังมากขึ้นไปกว่าตอนที่ปรากฏนัก!
และในขณะที่คมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนดูดซับพลังมิติมาเสริมแกร่ง ด้านเหิงเฟิงเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย มันรีบเร่งเร้าโคจรใช้พลังออกมาเต็มกำลังอีกครั้ง!
ครืน! กึง! กึง! กึง! กึง!
…
เบื้องหน้าเหิงเฟิงบัดนี้ ปรากฏแท่งศิลามหึมาปานเสาคำฟ้าก่อเกิด บังขวางเอาไว้เบื้องหน้า เสมือนขีดเส้นแบ่งกั้นโลกระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเหิงเฟิง
อีกทั้งทั่วแท่งศิลามหึมาปานเสาคำฟ้าที่บังขวางไว้เบื้องหน้า ยังอัดแน่นไปด้วยพลังของพื้นที่โน้มถ่วง ไม่เว้นพลังความลึกซึ้งสั่นสะเทือน หมายทำลายพลังทุกอย่างที่กล้ำกรายเข้ามา!
เรียกว่าการลงมือครั้งนี้ เหิงเฟิงได้เตรียมพร้อมกว่าครั้งก่อนมาก
มันได้เลือกโจมตีนำไปก่อนให้ต้วนหลิงเทียนลงมือจู่โจมสวนกลับ จากนั้นก็สร้างแท่งศิลาอันอัดแน่นไปด้วยยความลึกซึ้งที่เน้นการจู่โจมเป็นหลักของกฏแห่งดิน…แต่มันกระทำเช่นนี้ไม่ได้คิดจะโจมตีอะไร แต่เพื่อเป็นการป้องกันต่างหาก! หมายใช้แท่งศิลาทรงพลังอำนาจนี่ บั่นทอนพลังกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!!
บัดนี้จิตใจเหิงเฟิงเต็มไปด้วความตึงเครียดนัก มันทุ่มจิตสมาธิควบคุมพลังทั่วร่าง พร้อมแท่งศิลามหึมาอย่างดีไม่กล้าฟุ้งซ่านแม้แต่น้อย
ด้วยวิธีนี้ต่อให้ต้วนหลิงจะใช้เคลื่อนมิติวูบร่างไปโผล่ที่ใด หรือกลับคำใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน มันก็จะควบคุมแท่งศิลามหึมาไปบังขวางทันที หมายใช้ต้านทานรับมือกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!
แต่มันไม่ได้รู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดใช้เคลื่อนมิติเพื่อหาช่องว่างและโอกาสในการจู่โจมแม้แต่น้อย ยิ่งไม่คิดจะกลับคำใช้ความลึกซึ้งส่งผ่านอีกด้วย
“อาวุโสทั้ง 2 รบกวนพวกท่านแล้ว”
ก่อนที่คมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนจะพุ่งพ้นออกจากเขตแดนมิติของเขา ต้วนหลิงเทียนก็ได้กล่าวแจ้งเพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับเรียบร้อย หมายใช้พลังของทั้งคู่
และแทบจะพร้อมกันกับที่เขากล่าวจบคำ พลัง 2 ขุมก็พวยพุ่งออกจากร่างกายเขาฉับไว ลักษณะพลังยังทำราวกับเนของเขามาแต่เกิด
พลังสองขุมดังกล่าว ถ่ายทอดลงสู่คมมีดมิติในชั่วพริบตา ทำให้คมมีดมิติสีเทาบัดนี้ปรากฏชั้นแสงพลังดั่งเปลวเพลิงสีทองปกคลุมเอาไว้ ทอแสงเรืองรองออกมาแลดูวิจิตรงดงามนัก!
เรียกว่ากระบี่แสงสีเทาแต่เดิม บัดนี้ได้ปกคลุมไปด้วยม่านเพลิงสีทอง เรียกว่าเป็นการผสมผสานของสีที่ตัดกัน แลดูงามตาพิกล
“นั่นมันอะไรกัน!?”
หว่านชิงชิงที่ลอยร่างกลางหาวห่างออกไประยะหนึ่ง ใบหน้าของนางพลันเผยความตกตะลึง ไม่อาจรักษาความสงบได้อย่างก่อนหน้าสืบต่อ!
“นี่มัน…”
เมื่อหว่านชิงชิงค้นพบความไม่ธรรรมดาของคมมีดมิติที่ต้วนหลิงเทียนจู่โจมออกมา เหิงเฟิงที่เป็นเป้าหมายคมมีดมิติโดยตรง ก็ย่อมพบความแปลกประหลาดดังกล่าวเช่นกัน!
และมันยังพึ่งเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก!
ครั้งสุดท้ายที่ต้วนหลิงงเทียนเล่นงานมัน อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังดังกล่าวเลย!
‘บัดซบ! เป็นมันซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้จริงๆ!!’
ในขณะที่เหิงเฟิงบังเกิดความสะท้านในใจ มันก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงทั้งสับสนอยู่บ้าง
เพราะมันย่อมตระหนักได้ชัดถึงกลิ่นอายพลังคมมีดมิติที่พุ่งเข้ามา ว่านั่นไม่ใช่กลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติอีก 2 ประการที่เหลือแน่!
ด้วยวิธีนี้ มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…
นี่คือพลังบางอย่างของต้วนหลิงเทียนที่มีมาแต่กำเนิด เป็นพลังอำนาจที่ไม่ใช่พลังแห่งกฏ!
ดุจเดียวกับความสามารถในการระเบิดความเร็วของหว่านชิงชิง ที่เรียกว่าเสริมความเร็วให้นางอย่างท้าทายสวรรค์!
หว่านชิงชิงนั้นไม่ใช่ผู้คน หากแต่นางเป็นเพียงหญ้าต้นหนึ่ง ที่บำเพ็ญตบะจนสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ
และเดิมทีนางก็เป็นเพียงหญ้าที่ชื่อว่า สายลมปะทุ ที่ขึ้นอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้ ด้วยประสบโชควาสนาบางอย่าง ทำให้ในที่สุดนางก็สามารถจะแลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ และเริ่มต้นเดินในหนทางฝึกตน
ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทพืชหญ้า ความเร็วในการทำความเข้าใจกฏแห่งไม้ของนาง เรียกว่ารวดเร็วเข้าขั้นท้าทายสวรรค์เลยทีเดียวหากนำไปเทียบกับคนทั่วไป!
แต่นั่นยังไม่ใชสิ่งสำคัญที่สุด
หลังจากจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว หว่านชิงชิงยังมีพลังดั้งเดิมของหญ้าสายลมปะทุอยู่ และนั่นคือความสามารถในการปะทุพลังสายลม
ความสามารถแต่กำเนิดดังกล่าวยิ่งระดับพลังฝึกปรือของหว่านชิงชิงสูงขึ้น พลังอำนาจของมันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
อย่างตัวนางในปัจจุบัน
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหว่านชิงชิง ยามอาศัยความสามารถแต่กำเนิดปะทุสายยลมของนาง ตัวนางก็สามารถใช้ความเร็วได้ทัดเทียมกับผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักถึง 3 ประการ!
แน่นอนว่าการใช้ความสามารถแต่กำเนิดของนางยังมีข้อจำกัดบางอย่าง นั่นคือหากนางใช้ความสามารถปะทุสายแล้ว นางไม่อาจใช้พลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้เพื่อทับซ้อนหนุนเสริมได้ชั่วขณะ
แต่กระนั้น ความเร็วของนางก็มากพอจะทำให้ ขุนนางอมตะ 10 ทิศกว่า 9 ส่วนเก้าทำได้แค่กินฝุ่น!
และบัดนี้ เหิงเฟิงก็เชื่อว่าชั้นพลังเพลิงสีทองที่ห่อหุ้มปกคลุมคมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนอยู่…สมควรเป็นไม้ตายของต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
คล้ายๆกับความสามารถแต่กำเนิดของหว่านชิงชิง
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้บางทีอาจมิใช่มนุษย์ หรืออาจจะเป็นพวกมีพลังขีดจำกัดสายเลือดบางอย่าง!’
เหิงเฟิงลอบกล่าวในใจ
ขณะเดียวกันเหิงเฟิงก็รู้สึกกดดันไม่น้อย สถานการณ์เบื้องหน้า กอปรกับความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน นับว่าส่งผลกระทบต่อจิตใจของมันอย่างหนักหน่วง ทำให้ใจมันเต้นระรัวไปด้วยความหวั่นหวาด!
‘สงบใจเอาไว้…’
‘ต่อให้มันจะมีพลังอภินิหารอันใด ก็ไม่ใช่ว่าจะฝ่าการป้องกันของข้าได้เสียหน่อย!’
เหิงเฟิงลอบกล่าวปลอบใจตัวเองอย่างลับๆในใจ จากนั้นแววตาของมันก็เริ่มหวนกลับมามั่นคงไม่หวั่นไหวอีกต่อไป
“พี่ชายเหิงเฟิงเตรียมตัวให้พร้อมเล่า…หลังผ่านไป 3 ลมหายใจข้าจะจัดการท่านแล้ว!”
และในขณะที่เหิงเฟิงเร่งเร้าสมาธิเตรียมการรับมือต้วนหลิงเทียนอย่างเต็มกำลัง ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้น จากนั้นคมมีดมิติอันฉาบไว้ด้วยเพลิงพลังสีทอง ก็วกกลับมาหมุนวนรอบมือของเขา!
ด้านเหิงเฟิงพอได้ยินคำเตือนดังกล่าวรวมถึงเห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียน มันก็แทบกระอักเลือดออกมาด้วความโมโห!!
นี่จะไม่หยามหน้ากันไปหน่อยรึไง?
ถึงกับมีบอกล่วงหน้า แถมให้เวลามันเตรียมตัวด้วย!?
“ต้วนหลิงเทียน! ข้าอยากดูชมนักว่ากระบวนท่าของเจ้ามันจักร้ายกาจเยี่ยงคำพูดของเจ้าหรือไม่!!”
เหิงเฟิงคำรามออกมาเสียงต่ำปานสัตว์ป่าพิโรธ มันใช้เวลาสูดลมหายใจเพื่อระงับโทสะไปหนึ่งลมหายใจ จากนั้นกว่าจะกล่าวออกมาจบคำ ก็ผ่านไปอีก 2 ลมหายใจพอดี
เรียกว่าเวลา 3 ลมหายใจเสมือนหายไปในชั่วพริบตา
ขวับ! ซัววว!!
พอครบกำหนดเวลา ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเบาๆ จากนั้นคมมีดมิติอันห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองที่วนเวียนอยู่ ก็พุ่งเข่นฆ่าสังหารไปทางเหิงเฟิงทันที!
กล่าวให้ชัดมันปรี่ตรงไปยังแท่งศิลามหึมาที่บังขวางเบื้องหน้าเหิงเฟิง ดั่งปราการป้องกันชั้นแรกของเหิงเฟิง!
แท่งศิลาดังกล่าวอัดแน่นไปด้วยพลังธาตุดินผสานไว้ด้วยความลึกซึ้งสั่นสะเทือนและพื้นที่โน้มถ่วง เป็นเหิงเฟิงตั้งใจให้ในรับมีรุก! หมายบั่นทอนพลังกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!!
และนี่เป็นปราการป้องกันด่านแรกที่เหิงเฟิงเตรียมไว้!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือควบคุมคมมีดมิติที่ห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองจู่โจมออกมา หว่านชิงชิงที่ลอยร่างรักษาระยะไกลห่าง ก็จับจ้องมองชมคมมีดมิติดังกล่าวไม่วางตา!
คมมีดมิติอันมีเพลิงพลังสีทองห่อหุ้ม พุ่งทะลวงความว่างเปล่าไปฉับไว ห้วงอากาศตามรายทางสะท้านสะเทือน ราวกับพร้อมจะฉีกเปิดรอยแยกมิติได้ทุกเมื่อ!
และในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตา คมมีดมิติดังกล่าวก็บรรลุถึงปราการชั้นแรกที่เหิงเฟิงเตรียมไว้แล้ว!
อย่างไรก็ตาม ไร้ซึ่งฉากปะทะต้านทานของพลังดุเดือดอย่างที่คิด เมื่อคมมีดมิติอันห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองตกกระทบแท่งศิลา เพลิงพลังสีทองรอบๆเพียงวูบวาบอยู่สองสามครา มันก็ทะลวงปราการป้องกันด่านแรกของเหิงเฟิงไปได้อย่างง่ายดาย!
ตูมมมม!!
ซัววว!!
…
แท่งศิลาที่ถูกทะลวง ยังถูกพลังอำนาจของเพิงพลังสีทองดังกล่าวป่นทำลายย่อยยับ พื้นที่โน้มถ่วงทั้งพลังสั่นสะเทือนอันใด เสมือนไม่มีอยู่จริง สิ้นอานุภาพเบื้องหน้าคมมีดมิติสีเทาอย่างราบคาบ!!
ไม่แม้แต่จะลดทอนพลังสภาวะขอคมมีดมิติสีเทาได้สักเสี้ยว!
กระบวนการดังกล่าว ประหนึ่งดาบในตำนานเจาะผ่านเต้าหู้สด…
แต่เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเพราะปราการชั้นแรกของเหิงเฟิง มันคือการรับแฝงรุก ในแง่พลังป้องกันแล้วมันยังเทียบความลึกซึ้งที่เน้นการป้องกันเป็นหลักอย่างความลึกซึ้งเกราะ หรือความลึกซึ้งปราการผลึกไม่ได้เลย
ในแง่พลังป้องกันอย่างดีก็พอๆกับพลังป้องกันที่จะได้รับจากความลึกซึ้งกายาศิลาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เห็นปราการด่านแรกพังพินาศลงไม่เป็นท่าในเสี้ยวพริบตาแบบนี้ สีหน้าเหิงเฟิงยังอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปใหญ่หลวงในฉับพลัน!
เพราะมีเพียงแต่มันเท่านั้นที่รู้…
ว่าเมื่อครู่ปราการด่านแรกของมันนั้นพังทลายลงแทบจะทันที! รวดเร็วสุดที่ความลึกซึ้งฟื้นฟูของมันจะสำแดงเดชด้วยซ้ำ เรียกว่าไม่มีเวลาให้มันได้ทำการฟื้นฟูอันใด!!
ซัววว! วู้มมม!!
หลังคมมีดมิติปานกระบี่แสงสีเทาทะลวงผ่านปราการด่านแรกของเหิงเฟิงมาได้อย่างง่ายดายแล้ว มันก็ยังคงเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหิงเฟิงสืบต่อ!
และหากสังเกตให้ดีจะพบว่า…
เพลิงพลังสีทองที่ห้อมล้อมปกคลุมอยู่ได้จางลงเล็กน้อย สิ่งนี้บ่งบอกว่าปราการป้องกันด่านแรกของเหิงเฟิงเมื่อครู่ ก็ทำให้มันสิ้นเปลืองพลังไปอยู่บ้าง
พริบตาต่อมา ในที่สุดคมมีดมิติก็แหวกอากาศมากระทบถูกร่างเหิงเฟิง! และมันกำลังเผชิญหน้ากับความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการป้องกันเป็นหลักของกฏแห่งดิน 2 ประการ!!
ซัว! ซัว! ซัว! ปงง!!
…
หลังต้านทานกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดคมมีดมิติสีเทาก็ทำลายแผ่นยันต์สีกากีที่ปกคลุมรอบนอกปราการผลึกบนชุดเกราะศิลาบนร่างของเหิงเฟิงได้สำเร็จ!
ความลึกซึ้งเกราะ พังทลาย!!
อย่างไรก็ตามเพลิงพลังสีทองที่ปกคลุมห้อมล้อมคมมีดมิติสีเทาบัดนี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนจางลงไปหลายส่วน ทั้งยังเริ่มสั่นไหววูบวาบราวกับพร้อมจะดับลงได้ทุกเมื่อ!
‘แย่แล้ว!!’
อย่างไรก็ตาม เห็นฉากดังกล่าวใบหน้าเหิงเฟิงไม่เพียงไม่แสดงความยินดี…แต่ยังเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!
เพราะมันพบว่า…
จวบจนบัดนี้ พลังของคมมีดมิติต้วนหลิงเทียนยังสมบูรณ์พร้อม! ที่สิ้นสูญพลังไปก็มีแต่ม่านพลังดั่งเปลวเพลิงสีทองที่ปกคลุมรอบๆคมมีดมิติเท่านั้น!!
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งๆที่ฝ่าปราการป้องกันด่านแรกของมัน รวมถึงทำลายความลึกซึ้ง เกราะของมันได้แล้ว แต่พลังของเพลิงสีทองที่ปกคลุมนั่นยังไม่หมดสิ้น!!
จ้าวสวรรค์ช่วย!!
นี่มันพลังผีสางอันใดกันแน่!?
พลังนี่ มันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังทำลายล้างจากการผสานรวมความลึกซึ้งที่เน้นการโจมตีเป็นหลักของกฏใดกฏหนึ่ง 2 ประการเลย!!
กระทั่งเผลอๆยังจะทรงพลังร้ายกาจกว่าด้วยซ้ำ!!
ซัวว!!
หลังฝ่าทำลายความลึกซึ้งเกราะมาได้แล้ว เสี้ยวพริบตาต่อมาคมมีดมิติก็เริ่มจู่โจมทำลายปราการผลึกต่อ
และหลังสร้างรอยแตกเล็กๆให้กับปราการผลึกของเหิงเฟิงได้แล้ว ในที่สุดม่านพลังดั่งเพลิงสีทองที่ปกคลุมคมมีดมิติอยู่ก็หายไปหมดสิ้น…
กล่าวได้ว่า บัดนี้พลังที่เพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับมอบให้ต้วนหลิงเทียนได้หมดลงแล้ว…
อย่างไรก็ตาม พลังของคมมีดมิติเขายังมีเต็มเปี่ยม!
ซัว! ฉัวะ! ซัว! ซัว!
…
ดั่งฉากเรื่องราวเมื่อเดือนก่อนฉายวนซ้ำอย่างไรไม่ทราบ คมมีดมิติเริ่มจากผ่าทำลายปราการผลึกของเหิงเฟิงก่อน จากนั้นก็ทะลวงผ่านเกราะอันเกิดจากความลึกซึ้งกายาศิลาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เฉือนเข้ากลางอกของเหิงเฟิง!
อย่างไรก็ตาม คมมีดมิติพึ่งจะกินลึกเข้าเนื้อเหิงเฟิงได้ราวครึ่งชุ่นพอให้เลือดทะลัก ต้วนหลิงเทียนก้ได้ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน ส่งคมมีดมิติดังกล่าวให้อันตรธานหายไปผุดโผล่ด้านหลังของเหิงเฟิง คมมีดมิติพุ่งผ่านความว่างเปล่าไปต่อสักพัก ค่อยสลายหายไป…
‘อะไรกัน…’
เห็นฉากดังกล่าว ลูกตาหว่านชิงชิงที่ลอยร่างห่างๆก็หดเล็กลงอย่างแรง ‘พลังโจมตีระดับนั้นมันอันใดกันแน่…ต่อให้เป็น 6 คนนั่นก็ไม่อาจกระทำได้กระมัง?’
‘เช่นนั้นหากข้าร่วมมือกับมัน…มิใช่ว่าต่อให้ต้องเจอกับ 6 คนนั่นก็….’
คิดถึงจุดนี้ นัยน์ตาของหว่านชิงชิงก็ฉายแสงจ้าเป็นประกาบวับวาว
WSSTH ตอนที่ 3,149 : วิธีแบ่งคะแนน
ในตอนที่ความลึกซึ้งเกราะ ความลึกซึ้งปราการผลึก ไม่เว้นความลึกซึ้งกายาศิลากำลังถูกทำลาย ไม่ใช่ว่าเหิงเฟิงจะไม่ได้ใช้ความลึกซึ้งฟื้นฟูแต่อย่างใด แต่ความเร็วในการฟื้นฟูมันช้ากว่าความเร็วในการทำลายมาก!
ดังนั้นเฟิงเฟิงจึงทำได้แค่มองสิ่งที่เกิดขึ้นกับมันเมื่อเดือนก่อน เกิดขึ้นกับมันอีกครั้ง!
เรียกว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!
และทั้ง 2 ครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนมีเมตตา มันก็คงตกตายไปแล้ว…
“ขอบคุณเจ้า…”
ต่างจากครั้งสุดท้ายที่มันไม่ได้เตรียมตัว คราวนี้แม้เหิงเฟิงจะเตรียมตัวป้องกันอย่างดี แต่การป้องกันทั้งหมดก็ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายลงอย่างราบคาบ ดังนั้นมันจึงขอบคุณต้วนหลิงเทียนจากใจที่ไว้ชีวิตมัน
หลังจากนั้น ไม่ต้องให้ต้วนหลิงเทียนพูดซ้ำ เหิงเฟิงก็หยิบป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาเพื่อเตรียมบดขยี้ทันที
ในขณะที่กำลังจะบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน เหิงเฟิงก็ไม่ลืมจะหันไปมองหว่านชิงชิงที่ลอยกลางหาวไกลๆ ส่งเสียงผ่านพลังไปว่า “ศิษย์น้องชิงชิง ครั้งนี้นับว่าข้าติดค้างเจ้าเรื่องหนึ่ง…”
“อย่างไรก็ตาม ก่อนข้าจะจากไป ข้ายังหวังว่าเจ้าจะสามารถร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนได้…เจ้าเองก็สมควรเป็นความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนแล้ว หากมีความเร็วของเจ้าหนุนเสริมล่ะก็ ในแดนสวรรค์ใต้โบราณแห่งนี้ ไม่เว้นกระทั่ง 6 คนนั่น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสจัดการ…”
พอกล่าวจบคำ ก็ไม่รอให้หว่านชิงชิงตอบกลับ เหิงเฟิงก็บดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนในมือจนแหลก จากนั้นมันก็ถูกอาคมส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที
ทันใดนั้นคะแนนสะสมในป้ายหยกของเหิงเฟิง ก็ถ่ายโอนไปยังป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนด้วย
“หืม?”
เห็นคะแนนสะสมในป้ายหยก ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “เหิงเฟิงมีคะแนนสะสม 33 เลยงั้นเหรอ?”
ตอนนี้ในป้ายหยกสะสมคะแนนของเขามีคะแนนสะสม 34 แต้ม
“ดูเหมือนหลังจากข้าพึ่งจะเข้ามาได้ไม่นาน เจ้ากับเหิงเฟิงก็สามารถกำจัดคนอื่นได้เพิ่มสินะ”
กล่าววถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองหว่านชิงชิงที่ลอยร่างอยู่ห่างๆ “ตกลงว่ายังไง? เจ้าคิดเรื่องร่วมมือกับข้าดูแล้วรึยัง?”
ในเวลาเดียวกันกับที่เหิงเฟิงบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน
มีผู้คนไม่น้อยของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย ที่กำลังจับตาดูความเคลื่อนในตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
พอชื่ออันดับที่ 25 แต่เดิมที่เป็นของเหิงเฟิงศิษย์สำนักอู่จ้านได้หายไป แล้วแทนที่ด้วยชื่อใหม่ ลูกตาพวกมันก็หดเล็กลงทันที
“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน!?”
เรียกว่าที่ลูกตาของพวกมันหดเล็กลง ก็เพราะชื่อ ต้วนหลิงเทียน ที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่นั่น!
ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ได้อยู่ในอันดับใดๆเลย แต่พอปรากฏตัวขึ้นมา ก็เป็นการเอาชนะเหิงเฟิงแล้วติดอยู่ใน 30 อันดับแรกทันที!
“เท่าที่ข้ารู้มาเมื่อเดือนที่แล้วไม่ใช่เหิงเฟิงเข้าไปได้ไม่ทันไรก็ถูกต้วนหลิงเทียนผู้นี้กำจัดออกมาหรือไร เดือนนี้ยังจะโดนต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมาอีกหรือ…”
“ที่ต่างคือเดือนก่อนเหิงเฟิงเข้าไปได้ไม่ทันไร คะแนนในป้ายจึงมีแค่แต้มเดียว แต่ตอนนี้คะแนนสะสม 33 แต้มของมันเสมือนมอบให้ต้วนหลิงเทียนทั้งหมด”
“คะแนนสะสมของมันที่หามา ไม่ต่างอะไรจากตัดชุดแต่งงานให้ต้วนหลิงเทียนจริงๆ…ป่านนี้เหิงเฟิงนั่นคงไม่ช้ำใจตายไปแล้วหรอกนะ?”
“เหอะๆ โชคของเหิงเฟิงคฤหาสน์อู่จ้านผู้นี้…ไฉนย่ำนักเล่า?”
…
เมื่อคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆพบว่าชื่อเหิงเฟิงถูกแทนที่ด้วยชื่อของต้วนหลิงเทียน ด้านคฤหาสน์เฉวียนโยวบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายทั้ง 3 ก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะเข้าไปได้ไม่ทันไรเลยนี่นา? แต่อยู่ๆก็พุ่งพรวดไปติด 30 อันดับแรกแล้ว?”
“ให้ตายเถอะใต้หล้ามีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ด้วยเหรอ…เหิงเฟิงนั่นคงไม่ได้โกงแต้มให้ต้วนหลิงเทียนหรอกนะ?”
“โกงแต้ม? นั่นเป็นไปไม่ได้! เดือนก่อนเหิงเฟิงไม่ใช่ถูกกำจัดอกมาทั้งที่มีคะแนนสะสมแค่แต้มเดียวรึไง…หรือนั่นก็โกงด้วย?”
“หลังพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียนครั้งก่อน มันกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติทั้งสิ้น 7 ประการ…คราวนี้มันก็ถูกจัดการออกมาอีกครั้ง เช่นนั้นก็บ่งชี้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนเหนือกว่ามันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
“คราวนี้เหิงเฟิงสมควรมีคู่หูไม่ใช่รึไง…พวกเจ้าว่าต้วนหลิงเทียนจะจัดการคู่หูของเหิงเฟิงไปแล้วรึยัง?”
“หากคู่หูเหิงเฟิงเป็นหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่น่าจะจัดการนางได้…”
…
ต้วนหลิงเทียนพึ่งเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ไม่ทันไร ก็สามารถติดอยู่ใน 30 อันดับแรกได้แล้ว ข่าวดังกล่าวพอมาถึงหูฉีเทียนหมิง ก็ทำให้สองตามันฉายแสงเจิดจ้าไม่น้อย
“เด็กดี! ข้าคิดว่าครานี้มันต้องล้าหลังผู้อื่นเขาแล้วเพราะเข้าไปหลังจากเปิด 6 วันเสียอีก…ไม่คิดเลนว่าเข้าไปไม่ทันไร ก็ได้รับคะแนนสะสมชดเชยเรื่องที่เข้าไปช้าได้แล้ว!”
หากเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช้าไปล่ะก็ จริงอยู่ที่อาจจะจัดการแค่ไม่กี่คนก็ได้คะแนนสะสมมากมาย แต่ก็มีโอกาสที่จะไม่เจอผู้คนมากขึ้นเช่นกัน ถึงตอนนั้นต่อให้เก่งแค่ไหน ก็คงยากจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้…
อย่างไรก็ตาม พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าไปไม่ทันถึงวัน ก็ได้รับคะแนนไม่น้อย ใจที่กังวลของฉีเทียนหมิงก็พอได้ผ่อนคลายลงบ้าง
“ตอนนี้…เรื่องติดอยู่ใน 10 อันดับแรก เจ้าหนูคงไม่มีปัญหาอะไร…”
ฉีเทียนหมิงกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ
คฤหาสน์อู่จ้าน
ทันทีที่เหิงเฟิงถูกส่งตัวออกมา ก็เป็นจุดสนใจของเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านรอบๆทันที และพวกมันก็หันไปมองอันดับของเหิงเฟิงบนตารางจัดอันดับก่อนใดอื่น
มองไปปราดเดียวพวกมันก็พบว่าตอนนี้ชื่อเหิงเฟิงบนตาราง ได้ถูกแทนที่ด้วยชื่อใหม่แล้ว!
ต้วนหลิงเถียน!
“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว!?”
“เหิงเฟิง ครั้งนี้มิใช่เจ้าร่วมมือกับหว่านชิงชิงหรือไร? ไฉนไปพลาดท่าเสียทีต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้อีกเล่า?”
“แล้วหว่านชิงชิงอยู่ที่ใดแล้ว? พวกเจ้ามิได้ถูกกำจัดออกมาพร้อมกันรึ?”
“เจ้าก็กล่าวเป็นเล่นไปได้ ความเร็วของหว่านชิงชิงเป็นเช่นไรเจ้าเองก็สมควรรู้กระมัง? ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจเพียงใด อย่างดีก็ทำได้แค่จัดการเหิงเฟิง แต่ไม่มีทางไล่ตามความเร็วของหว่านชิงชิงได้ทันหรอก!”
“เออ…จริงของเจ้า”
…
พอเรื่องราวที่เหิงเฟิงถูกต้วนหลิงเทียนคนเดิมจัดการออกมาอีกรอบแบบนี้แพร่ออกไป นับว่าสร้างความโกลาหลให้คฤหาสน์อู่จ้านไม่น้อยเลย
สำหรับเรื่องนี้เหิงเฟิงก็ได้แต่ยิ้มรับมันอย่างขมขื่น และต่อให้จะขื่นขมแค่ไหน มันก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้
ในเมื่ออ่อนด้อยกว่าผู้อื่นเขา ก็ไม่อาจโทษใครได้…
ณ คฤหาสน์หานชิง
เรื่องที่ชื่อต้วนหลิงเทียนปรากฏในตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้ง และเข้าสู่ 30 อันดับแรกทันที ก็ล่วงรู้ไปถึหูหลิวจี๋เช่นกัน
“เจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่น มันเข้าไปแล้วรึ?”
“นอกจากนี้ยังมีโชคไม่เลว…เข้าไปไม่ทันไรก็เจอเหิงเฟิงของคฤหาสน์อู้จ้าน จัดการมันแค่คนเดียวก็ได้ 33 แต้มเลยรึ?”
“ตอนนี้มันมี 34 แต้มแล้ว…หึหึ ได้เวลาที่ข้าจะเข้าไปบ้างแล้ว!”
เดือนนี้หลิวจี๋ไม่ได้รีบร้อนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณแต่อย่างใด มันรอให้ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวปรากฏตัวขึ้นก่อน
เดือนที่แล้วมันรู้สึกอับอายขายหน้าไม่น้อย ที่ถูกต้วนหลิงเทียนส่งออกมาเพราะความประมาท!
เดือนนี้มันจะเข้าไปล้างความอัปยศนั่น!
เป็นธรรมดาว่าหลิวจี๋ยังรู้ดีแก่ใจถึงเรื่องหนึ่ง…
ว่าต่อหัมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว แต่มันที่ตามเข้าไปก็ไม่ใช่ว่าจะได้พบเจออีกฝ่ายแน่ๆ
อย่างไรก็ตามพอมันเห็นต้วนหลิงเทียนเข้ามาแล้ว ก็ทำให้มันวางใจได้เรื่องหนึ่ง ว่าอย่างน้อยๆก็มีโอกาสเจออีกฝ่าย ดีกว่าเข้าไปรอโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าไปแล้วหรือยัง…
ในเวลาเดียวกัน
ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง หว่านชิงชิงที่ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ได้รีบร้อนตอบคำ แต่เลือกจะย้อนถามออกไปแทน “หากพวกเราร่วมมือกัน แล้วเจ้าจะแบ่งคะแนนกับข้าอย่างไร?”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็นิ่งคิดไปเล็กน้อยค่อยกล่าวออกมาว่า
“ข้าไม่คิดเอาเปรียบเจ้าแน่นอน…ก่อนอื่นเลย หากพวกเราเจอศัตรูที่พวกเราต่างก็เอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว เช่นนั้นพวกเราจะผลัดกันรับคะแนนของพวกมัน คนแรกคะแนนเป็นของข้า ส่วนคนต่อไปคะแนนก็เป็นของเจ้า…สลับกันไปแบบนี้เรื่อยๆ”
“ต่อมา หากเจ้าเจอศัตรูที่สู้ไม่ได้แต่ข้าจัดการได้อย่างเหิงเฟิง คะแนนก็จะเป็นของข้า…”
“กลับกัน หากเจอศัตรูที่ข้าสู้มันไม่ได้ แต่เจ้าเอาชนะมันได้ คะแนนก็จะเป็นของเจ้า…”
“และถ้าพวกเราเจอศัตรูที่พวกเราจำต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะ เช่นนั้นคะแนนสะสมพวกเราก็จะผลัดกันรับ…เจ้าคิดว่าไง?”
ต้วนหลิงเทียนพอกล่าวออกมา ก็บอกวิธีแบ่งแต้มที่ค่อนข้างยุติธรรมออกมาทันที
“เช่นนี้ก็ได้”
เดิมหว่านชิงชิงคิดว่าต้วนหลิงเทียยนอาจจะฉวยโอกาสเอาเปรียบนางเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเสนอวิธีแบ่งแต้มที่ค่อนข้างยุติธรรมแบบนี้ออกมา
ได้ฟังวิธีดังกล่าว นางก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจของต้วนหลิงเทียนบางส่วน
แน่นอนว่าแม้นางจะเห็นด้วยกับวิธีแบ่งแต้มของต้วนหลิงเทียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเชื่อต้วนหลิงเทียนอย่างสนิทใจง่ายๆ
นางกับเหิงเฟิงสามารถร่วมมือกันได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเป็นคนของคฤหาสน์อู่จ้านด้วยกันทั้งคู่ ใครคิดไม่ซื่อลอบแทงข้างหลังผู้อื่นก็ไม่ใช่ว่าจะได้แต้ม…
เช่นนั้นก็เลยไม่ต้องมัวมาระแวงกันเอง
อย่างไรก็ตาม นางกับต้วนหลิงเทียน มาจากคฤหาสน์อมตะที่แตกต่างกัน
นางเป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน ต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยว ไม่ว่านางฆ่าต้วนหลิงเทียนหรือต้วนหลิงเทียนฆ่านาง ก็จะได้รับคะแนนทั้งหมดของอีกฝ่ายทันที
กรณีนี้ นางจึงต้องระวังให้มาก
“เป็นธรรมดาว่าในระหว่างที่พวกเราร่วมมือกัน หากเจ้าลอบคิดไม่ซื่อกับคะแนนสะสมของข้า แล้วลอบโจมตีข้า…ถึงตอนนั้นเจ้าก็อย่าได้โทษข้าที่ไม่รักหยกถนอมบุปผา จำต้องฆ่าเจ้าทิ้งซะเล่า”
พอเห็นหว่านชิงชิงเห็นด้วยแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวเสริมออกมาอีกประโยค สองตายังฉายประกายเยียบเย็นอำมหิต
“ฮึ! ข้าหว่านชิงชิงไม่มีทางกระทำต่ำช้าเช่นนั้นแน่ กลับกัน หากเจ้าลอบทำร้ายข้า ต่อให้ข้าจะไม่มีปัญญาฆ่าเจ้า แต่ข้าก็สามารถหนีไปได้ทันแน่…ถึงตอนนั้นพอข้าออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณไปแล้ว ข้าจะไปป่าวประกาศให้ทั่วว่าเจ้ามันต่ำช้ากลับกลอกขนาดไหน!!”
หว่านชิงชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน “ถึงตอนนั้น ในแดนสวรรค์ใต้โบราณ นอกจากคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว คงไม่มีใครกล้าร่วมมือกับเจ้าอีกแน่!”
“เจ้าไม่มีโอกาสทำอะไรแบบนั้นหรอก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ
และวาจาเสียงเรียบดังกล่าว ทำให้หว่านชิงชิงบังเกิดความตึงเครียดหวั่นใจขึ้นมาทันที “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“อะไร? หรือเจ้ากำลังคิดว่าหากข้าคิดจะลอบทำร้ายเจ้าจริง ข้าต้องไม่มีทางปล่อยให้เจ้ารอดไป จนทำให้ข้าเสื่อมเสียอะไรทำนองนั้นอยู่?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองถามหว่านชิงชิง สองตายังเผยประกายแหลมคมทำราวกับอ่านใจหว่านชิงชิงได้ออก
“เจ้าวางใจเถอะ ที่ข้าจะสื่อก็คือ…ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ข้าไม่คิดเปิดโอกาสให้เจ้าทำข้าเสื่อมเสียแน่นอน”
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวประโยคดังกล่าวเสริมออกมา หว่านชิงชิงก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หาไม่แล้ว นางคงต้องคิดทบทวนใหม่อีกรอบ ว่าจำเป็นต้องเสี่ยงหรือไม่…
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเห็นชัดว่าเหนือกว่านางมาก การร่วมมือกับอีกฝ่ายก็ไม่ต่างอะไรจากฝากเนื้อไว้กับเสือแม้แต่น้อย…
เป็นเพราะนางเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะใช้คนชั่วร้าย แถมเหิงเฟิงเองก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าเชื่อถือ หาไม่แล้วนางคงไม่คิดจะร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนแน่นอน
“นี่ เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆหรือ?”
หลังจากนั้นแม้หว่านชิงชิงจะเดินทางไปพร้อมต้วนหลิงเทียน แต่นางก็เลือกจะเว้นระยะห่างมากพอสมควรเพื่อความปลอดภัย จะได้หลบหนีไปได้ทันหากต้วนหลิงเทียนกลับคำลงมือ
“ป้ายข้าเหมือนของปลอมรึไง…”
ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปยิบป้าประจำตัวที่เอวมาแกว่งให้อีกฝ่ายดูชัดๆ จากนั้นก็กล่าวแซวออกมาว่า “แล้วนี่ไฉนเจ้าต้องไปอยู่ห่างข้าขนาดนั้น? เจ้ากลัวถูกข้ากินรึยังไง?”
“ต่อให้ข้าคิดโลภในคะแนนสะสมของเจ้าจริงๆ ข้าก็ไม่มีทางลงมือตอนนี้หรอก…ตอนนี้ในป้ายหยกสะสมคะแนนเจ้ามีแต้มเก็บไว้เท่าไหร่เชียว คิดว่าข้าอยากได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น