War sovereign Soaring The Heavens 3130-3141

 WSSTH ตอนที่ 3,130 : สองคฤหาสน์ตกตะลึง!


 


 


“ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว?”


 


เมื่อศิษย์ที่สายตาแหลมคมของคฤหาสน์หลิ่วสือกล่าวจบคำ เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสคฤหาสน์หลิ่วสือที่ชมดูเรื่องราวในม่านแสงของลูกแก้วเงาลอยอยู่ ก็มองจ้องไปยังป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวต้วนหลิงเทียนทันที


 


ครู่ต่อมาทั้งหมดจึงตระหนักได้ ว่านั่นเป็นป้ายศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆ!


 


เนื่องจากป้ายประจำตัวเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์อมตะทั้งหลายก็มีรูปแบบคล้ายๆกัน พวกมันจึงระบุได้ทันทีว่าเจ้าของป้ายมีฐานะใด


 


“อะไรกัน? ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นเหรอ?”


 


ทุกคนอดไม่ได้ที่จะงุนงง


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกคนหันไปให้ความสนใจกับม่านแสงเบื้องหน้าอีกครั้ง


 


และฉากเรื่องราวในม่านแสง ก็ฉายเรื่องราวตอน0ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนมิติหลบหลีกการโจมตีของหงจี จากนั้นก็วูบร่างไปหยุดอยู่เบื้องหลังหงจีและลงมือจู่โจมหงจี


 


หลังหงจีพยามต่อต้านแข็งขืนพลังของต้วนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง มันก็ปะทุพลังชั่วชีวิตหมายทำลายพันธนาการ หากแต่ต้วนหลิงเทียนกลับสะบัดมือแหวกเปิดมิติซ้อน 2 ครั้งกลืนกระบวนท่าทำลายของหงจีได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเร่งพลังถล่มร่างหงจีจนยับเยิน


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


เห็นหงจีแพ้พ่ายอย่างที่ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย คนของคฤหาสน์หลิ่วสือก็พากันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ลูกตายังเบิกโพลงปานจะถลนออกเบ้า!


 


ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


 


“ความลึกซึ้งเขตแดนมิติ ความลึกซึ้งกักกัน ความลึกซึ้งบิดเบือน ความลึกซึ้งผ่ามิติ…หากรวมกับความลึกซึ้งเคลื่อนมิติก่อนหน้ากับความหมายแห่งงมิติแล้ว เจ้าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้มันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งสิ้น 6 ประการ!”


 


อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์หลิ่วสือที่มีความรู้กล่าวออกเสียงเข้ม


 


กล่าวจบ มันยังอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจักมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏขึ้นในคฤหาสน์เฉวียนโยว…”


 


“คนที่ร้ายกาจเช่นมัน กลับเป็นได้แค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นเหรอ…นี่คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวสองตามืดบอดกันหมดแล้วรึไร?”


 


อาวุโสคฤหาสน์หลิ่วสืออีกคนอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำสบถออกมา


 


ตัวตนเช่นนี้ หากมาอยู่ที่คฤหาสน์หลิ่วสือของพวกมัน อย่างน้อยๆก็ต้องได้เป็นศิษย์ฝ่ายใน และไม่ยากเย็นอะไรที่จะกลายเป็นศิษย์หลัก!


 


เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ ก็ต้องมีอายุน้อยกว่า 1,000 ปี!


 


อายุไม่ถึงพันปี เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 6 ประการ…


 


ตัวตนระดับนี้ให้ไปอยู่คฤหาสน์อมตะใด ก็ไม่ยากที่จะได้รับการดูแลอย่างดีในฐานะศิษย์หลัก!


 


“ไฉนข้ารู้สึกว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวจงใจหยามหน้าพวกเรากัน…นี่ใช่พวกมันกำลังคุยโวโอ้อวดกันอยู่หรือไม่ ว่าศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์หลิ่วสือเราสู้ศิษย์ฝ่ายนอกของมันไม่ได้?”


 


“มีเหตุผล! ข้าว่าพวกคฤหาสน์เฉวียนโยวจงใจทำให้ผู้อื่นชะล่าใจ…มันให้เจ้านั่นพกป้ายศิษย์ฝ่ายนอกแบบนี้สมควรคิดทำให้ผู้อื่นตายใจแน่! ศิษย์ฝ่ายนอกมารดาพวกมันร้ายกาจขนาดนี้?!”


 


“แต่คฤหาสน์เฉวียโยวนับว่าซุกซ่อนเจ้านี่ได้ดียิ่ง…ก่อนหน้าข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีตัวตนดังกล่าวในคฤหาสน์เฉวียนโยว…ไม่นานเรื่องศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาส์เฉวียนโยวคนนั้นจะต้องโด่งดังในบรรดาคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหมดแน่!”



 


หลังสนทนนาหารือกันไปสักพัก อาวุโสและเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์หลื่วสือก็สรุปความกันได้


 


คฤหาสน์เฉวียนโยวคิดไม่ซื่อ! ใช้กลอุบายหมาป่าห่มหนังแกะมาหยอกล้อกับคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหมด!!


 


เพราะอาศัยพลังฝีมืออันร้ายกาจของชาหนุ่มชุดม่วงในลูกแก้วเงาลอยเมื่อครู่ ไม่มีทางเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกไปได้!


 


“หรือเจ้านั่นมันจะเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวหามาช่วย?”


 


พอเสียงสนทนาขอทุกคนค่อยๆสงบลง ถงฉี่ซานที่สบโอกาสก็เอ่ยความเห็นออกมา


 


“ไฉนเจ้าคิดเช่นนั้น?”


 


ทุกคนพลันหันไปมองถงฉี่ซานด้วยสงสัยทันที


 


“พวกเจ้าทราบหรือไม่…ว่าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เห็นเมื่อครู่มีอายุเท่าใด?”


 


ถงฉี่ซานเอ่ยถาม


 


“ผู้ใดจะไปรู้เล่า…”


 


ผู้คนโดยรอบได้แต่ส่ายหัว ในเมื่อพวกมันได้เห็นอีกฝ่ายผ่านลูกแก้วเงาลอยแบบนี้ ย่อมไม่อาจตัดสินอายุของอีกฝ่ายได้เลย เพราะต่อให้มีอายุมากแค่ไหน หากจะคงรูปลักษณ์วัยหนุ่มสาวเอาไว้ก็ทำได้ไม่ยาก จึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังมีอายุน้อยแน่นอน


 


กระทั่งยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายที่มีอายุหลายหมื่นปี แต่ใช้รูปลักษณ์เป็นหนุ่มน้อยวัยละอ่อนอายุราวๆ 17-18 ปีให้เห็นอยู่บ่อยๆ…


 


“ในเมื่อมันเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ เช่นนั้นก็คงไม่เกินพันปีเป็นแน่…ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มีความสำเร็จในกฏมิติเช่นมัน คิดจะเป็นศิษย์หลักยังไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไหนเลยจะเป็นศิษย์ฝ่ายนอกธรรมดาๆได้”


 


“มิผิด เห็นชัดว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวจงใจปั่นหัวพวกเราเล่นๆ เจ้านั่นมีหรือจะไม่ใช่แม้กระทั่งศิษย์ฝ่ายใน…ครั้งนี้คฤหาสน์เฉวียนโยวคิดหลอกต้มผู้คนแล้ว!”


 


“ในแดนสวรรค์ใต้เรา มีไม่กี่คนที่อายุไม่ถึง 1,000 ปีแต่มีความสำเร็จในกฏแห่งมิติถึงระดับนี้…ข้าไม่คิดเลยว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวจะซุกซ่อนมันเอาไว้ได้นานนัก เพราะเจ้านั่นหากไม่ใกล้พันปีก็ต้องมี 800!”



 


การจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ ก่อนอื่นเลยก็ต้องมีอายุไม่ถึงพันปี อาวุโสและเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์หลิ่วสือทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ นอกจากหงจีกับถงฉี่ซานแล้วล้วนคิดว่าชายหนุ่มในลูกแก้วเงาลอยหากไม่ถึงพันปีก็ต้องมี 800


 


“อายุไม่ถึงพันปีก็ต้องมี 800?”


 


หงจีที่เงียบมาตั้งแต่ต้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


 


จนบัดนี้ภาพเรื่องราวในม่านแสงของลูกแก้วเงาลอยยังคงฉายวนต่อไปซ้ำๆ ฉากหงจีถูกทำร้ายจนร่วงฟ้าก็ฉายวนไม่หยุด เนื่องเพราะถงฉี่ซานยังไม่ได้หยุดจ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด


 


“ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่ขุนนางอมตะ 10 ทิศธรรมดาๆ…”


 


เหลือบไปมองม่านแสงที่ฉายร่างในชุดม่วงลอยค้างกลางหาวหลังจัดการหงจีได้อีกรอบ เสียงของถงฉี่ซานก็ดังขึ้น และด้วยความที่น้ำเสียงมันเข้มจนผิดปกติ หลายคนก็เงียบเสียงและหันมามองมันด้วยความสงสัย


 


“แต่มันยังมีอายุไม่ถึง 100 ปีอีกด้วย…”


 


และพอถงฉี่ซานกล่าวจบคำ ลูกตาทุกคนก็หดเล็กลง จากนั้นทุกคนโดยรอบก็พร้อมใจกันเงียบงันปานคนตาย


 


จังหวะนี้ต่อให้เข็มร่วงตกพื้นสักเล่ม น่ากลัวจะดังเข้าหูทุกคนชัดเจน


 


“ถง…ถงฉี่ซาน เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีหรือ?”


 


ศิษย์คนหนึ่งของคฤหาสน์หลิ่วสือที่ฟื้นสติก่อนใคร อดไม่ได้ที่จะเอ่ถามถงฉี่ซานออกมาด้วยน้ำเสียงคลางแคลงสงสัย


 


“ข้ารู้ดีว่าทุกคนไม่มีทางเชื่อข้าแน่…แต่ทั้งหมดเป็นความจริง หงจีที่ประมือกับมันย่อมรู้ดีที่สุด เพราะไม่ยากอะไรที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดเนื้อของเจ้านั่นตอนอยู่ใกล้ๆ…”


 


ถงฉี่ซานกล่าวจบก็ยักไหล่เบาๆ


 


มันเองก็ไม่คิดว่าทุกคนโดยรอบจะเชื่อคำพูดของมันแต่แรก เพราะการได้ฟังกับได้เห็นกับตา มันเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 


มันลองคิดในมุมของทุกคนดูก็เข้าใจ


 


เพราะหากมันเป็นคนที่รับฟังเรื่องราวเหมือนคนอื่นๆ ว่าศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวอันบรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประการที่เห็นๆกันอยู่ ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี มันก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน


 


“ไปกันเถอะ”


 


หงจีเอ่ยทักถงฉี่ซานคำหนึ่ง จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินจากไป…


 


และเป็นดั่งที่ถงฉี่ซานคิดไว้ไม่มีผิด ถึงแม้ทุกคนนจะตกใจกับคำพูดของมัน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อมันสักคน!


 


ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี?


 


นอกจากนั้นยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประการ?


 


ตัวตนเช่นนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของแดนสวรรค์ใต้…


 


แต่วันนี้ถงฉี่ซานกลับมาบอกพวกมันว่า…


 


ตัวตนดังกล่าวกลับปรากฏขึ้นในคฤหาสน์เฉวียนโยว…แถมยังเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอก


 


ผู้ใดจะไปเชื่อ?


 


“เพ่ย! แสร้งทำเป็นมีลับลมคมในไปได้…นี่พวกมันคิดว่าพวกเราจะเชื่อได้ลงคอหรือ?”


 


“แต่ถงฉี่ซานกับหงจีก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกพวกเรามิใช่หรือไร?”


“ไม่รู้ล่ะ จะอย่างไรก็ช่าง แต่ข้าคนนึงล่ะที่หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ข้าไม่มีทางเชื่อแน่ว่าศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เราเห็นในลูกแก้วเงาลอยนั่น จะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!”


 


“ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน”


 



 


หลังถงฉี่ซานกับหงจีเดินจากไป จุดเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์หลิ่วสือจุดนี้ก็ยังคงคึกคักมีชีวิตชีวา ขณะเดียวกันก็มีผู้คนบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารเป็นการใหญ่


 


ไม่นานกระทั่งอาวุโสของคฤหาสน์หลิ่วสือที่ไม่ได้อยู่บริเวณจุดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ได้รับทราบเรื่องราว ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวมีศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 6 ประการ


 


ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์ฝ่ายนอกที่ว่าก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว!


 


เป็นธรรมดาว่าไม่มีใครบอกเล่าสหายว่าศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนที่ว่ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปี…เพราะเรื่องนี้มันเหลวไหลเกินจะเชื่อได้ลงคอ!


 


เมื่อข่าวแพร่ออกไป คฤหาสน์หลิ่วสือก็ตกใจกันไม่น้อย


 


และในคฤหาสน์หลิ่วสือก็มีผู้อาวุโสหลายคนที่สนิทสนมกับผู้อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว และคนเหล่านั้นก็หยิบลูกแก้ววิญญาณสหายเก่า ทั้งหยิบยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณมาบดขยี้กันยกใหญ่


 


“เพ่ยเจ้าเฒ่าลืมตาย! คฤหาสน์เฉวียนโยวเจ้ามันร้ายลึกนักนะ…ถึงกับซ่อนขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงพันปีที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการมานานปี…นอกจากนี้พวกเจ้ายังคิดละเล่นหมูกินเสือโดยให้มันพกป้ายศิษย์ฝ่ายนอกมาก่อการอีก เดี๋ยวนี้พวกเจ้าถึงกับต้องเล่นเล่ห์น่ารังเกียจกันแล้วรึ?”


 


“เหล่าหลี…ท่านรู้จักศิษย์ฝ่านอกนามต้วนหลิงเทียนในคฤหาสน์เฉวียนโยวของท่านหรือไม่? ข้ามี 3 คำอยากฝากไปบอกเจ้านั่น…ถล่มมารดาเจ้า!”


 



 


ด้านคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าอาวุโสทั้งหลายที่ได้รับการติดต่อจากสหายที่คฤหาสน์หลิ่วสือก็งงกันเป็นแถบ เพราะอยู่ๆก็ถูกสหายส่งข้อความมาโวยทั้งสาปแช่งอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว…


 


“ใจเย็นสหาย เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้าอยู่กัน…ต้วนหลิงเทียน? ศิษย์ฝ่ายนอกอายุไม่ถึงพัน? ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการ? นี่เจ้ารับประทานโอสถผิดขนานมาหรือไม่?”


 


“คางคกเฒ่า เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ใช่ทางเจ้าได้ข้อมูลมาผิดๆ? หากคฤหาสน์เฉวียนโยวข้ามีตัวตนเช่นนั้น ไฉนข้าจึงไม่ทราบได้เล่า?”


 


“หืม? อันใดนะ ตอนนี้มันได้อันดับที่ 93 แล้วงั้นหรือ? รอข้าก่อน…ข้าขอไปดูที่ตำหนักเคลื่อนย้ายก่อน”


 



 


เหล่าอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งหลาย หลังติดต่อส่งขอความคุยกับสหายจนรู้ความ ก็เร่งรุดเหินร่างไปยังตำหนักเคลื่อนย้ายกันจ้าละหวั่น สุดท้ายจึงได้เห็นความจริงบนม่านแสงตารางจัดอันดับในลานหน้าตำหนักเคลื่อนย้าย


 


“ให้ตายเถอะ…เรื่องจริงหรือนี่ มีคนเช่นนี้อยู่จริงๆ?”


 


พอเหล่าอาวุโสที่เร่งรุดเหินมา พบเห็นชื่อต้วนหลิงเทียนในอันดับที่ 93 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมีคำคฤหาสน์เฉวียนโยวเขียนต่อท้ายจริงๆ พวกมันก็ยืนเหวอหน้าตารางจัดอันดับไปพักหนึ่ง


 


ขณะเดียวกัน พวกมันก็ได้ยินเสียงสนทนาดังระงมในลานเรื่องต้วนหลิงเทียนพอดี


 


ผู้คนแถวนี้กำลังคุยกันว่า


 


ต้วนหลิงเทียนนั้นสมควรเป็นผู้ที่มีโชคหล่นจากฟ้ามาถึงตรงหน้า เดินดุ่มๆไปเจอยอดฝีมือที่กำลังเข่นฆ่ากันจนตกตายทั้งคู่ และได้รับแต้มของทั้ง 2 คนมาอย่างงงๆ…


 


“สหาย…พวกเจ้าเข้าใจอันใดผิดแล้วล่ะ เรื่องติด 100 อันดับแรก ต้วนหลิงเทียนของคฤหสน์เฉวียนโยวเรา มิได้โชคดีแต่อย่างใด”


 


อาวุโสที่ได้รับทราบเรื่องราวจากสหายในคฤหาสน์หลิ่วสือที่พึ่งมาถึง และบังเอิญรู้จักกับอาวุโสที่ประจำโต๊ะบริการในตำหนักเคลื่อนย้าย ก็เร่งกล่าวแก้ความเข้าใจผิดของสหายทันที “เมื่อครู่สหายเก่าข้าที่คฤหาสน์หลิ่วสือพึ่งส่งข้อความมาว่า ศิษย์ฝ่ายนอกนามต้วนหลิงเทียนของพวกเรา ได้ทุบตีหงจีศิษย์ฝ่ายในของพวกมันจนเปลี้ย…หลังจากหงจรทำลายป้ายหยกยอมแพ้ ถงฉี่ซานที่รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ก็ทำลายป้ายหยกเพื่อยอมแพ้เช่นกัน”


 


“มิผิด สหายเก่าของข้ายังเล่ามาอีกด้วย…ว่ามันได้เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือทำร้ายหงจีชัดเจนทุกขั้นตอนกระบวนการผ่านลูกแก้วเงาลอยที่ถงฉี่ซานลอบบันทึกไว้…และต้วนหลิงเทียนนั่นยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติถึง 6 ประการอีกด้วย”


 


“แล้วนี่เจ้าทราบหรือไม่ ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน ข้าในฐานะอาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว ไฉนจึงไม่ทราบเรื่องราวเลยเล่า?”


 



 


อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ได้รับข้อความจากสหายในคฤหาสน์หลิ่วสือ ทยอยกันกล่าวออกมาทีละคนๆ


 


ทันใดนั้นเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ตำหนักเคลื่อนย้ายก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงกับเรื่องราวที่ได้รับทราบจากเหล่าอาวุโสที่เร่งรุดมาถึง ทั้งหมดพร้อมใจกันเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ…



 

 

 


ตอนที่ 3131

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลย


 


ว่าในปัจจุบันชื่อเสียงของเขาได้เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่ศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์หลิ่วสือแล้ว กระทั่งมีผู้อาวุโสบางคนจากคฤหาสน์อมตะอื่นๆก็ได้รับทราบเรื่องเขาแล้วเช่นกัน


 


ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


อายุไม่ถึงร้อยขวบปี ไม่เพียงบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติถึง 6 ประการ


 


นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว


 


ความสำเร็จในแง่ด่านพลังฝึกปรือกับความเข้าใจ เดิมทีคงไม่ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจอะไรมากมาย แต่พอมาผสมกับเรื่องที่เขาอายุไม่ถึงร้อย ก็มากพอจะเขย่าคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายให้สะเทือน!


 



 


ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


ต้วนหลิงเทียนที่กำจัดศิษย์คฤหาสน์หลิ่วสือทั้ง 2 จนได้รับคะแนนสะสมเพิ่มมา 5 คะแนน หลังเหินร่างร่อนเร่ไปกว่าครึ่งวัน ในที่สุดก็พบเห็นผู้คนอีกครั้ง


 


“ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นรึ?”


 


และคนที่กำลังลอยร่างเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินรูปร่างแลดูธรรมดา หากแต่สองตาฉาแววแหลมคมปานมีดดาบผู้หนึ่ง


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มันเห็นป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียน มุมปากมันก็แสยะยิ้มอำมหิตออกมาทันที


 


“ทั้งยังเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอก…เดี๋ยวนี้คฤหาสน์เฉวียนโยวสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นต้องส่งศิษย์ฝ่ายนอกเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้วหรือ?”


 


ชายวัยกลางคนที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ สายตามันเต็มไปด้วยความดูแคลนหยันหยาม “ไอ้หนู วันนี้เจ้านับว่าโชคร้ายจริงๆที่เจอข้า…เจ้าจักกลายเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนที่ 23 ที่ข้า กงซุนจิ้ง ผู้นี้เข่นฆ่า!!”


 


“แน่นอนว่า เจ้ายังเป็นศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวคนที่ 23 ที่ข้าพบเจอในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้เช่นกัน”


 


ชายวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่ากงซุนจิ้งนั้น คำพูดคำจาทั้งแววตาของมันเห็นชัดว่าคิดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียน!


 


และฟังจากสิ่งที่มันพูดออกมา เห็นได้ชัดว่ามันได้เข่นฆ่าศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ไป 20 กว่าคนแล้ว…


 


“เจ้ามีความแค้นกับคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นรึ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มมองไปยังป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวของกงซุนจิ้ง “อ้อ…ที่แท้เจ้าเป็นศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงนี่เอง”


 


และพอเห็นป้ายประจำตัวอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที


 


คฤหาสน์ปี้ชิงที่ว่า ก่อนที่เขาจะเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เขาก็ได้ยินฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวไว้แล้ว…


 


ว่าคฤหาสน์ปี้ชิงนั้น ก็เป็นคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ดุจเดียวกับคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


อย่างไรก็ตามคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์ปี้ชิงนั้น มีเรื่องราวความแค้นความบาดหมางกันมานานหลายพันปีแล้ว…


 


และบ่อเกิดเรื่องราวความแค้นทั้งหมด ก็เริ่มต้นจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวในปัจจุบัน


 


เมื่อหลายพันปีก่อน ตอนที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิงในปัจจุบันยังไม่ได้เป็นผู้นำแต่อย่างไร…ทั้งคู่ไม่เพียงรู้จักกัน กระทั่งยังเป็นเพื่อนรักกันอีกด้วย…


 


อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งทั้งคู่ได้ออกไปท่องเที่ยวด้วยกัน และบังเอิญตกหลุมรักสตรีคนเดียวกัน…


 


ท้ายที่สุดแล้วก็เกิดเรื่องราว ‘เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด’ ขึ้น แต่ละคนทำทุกวิถีทางเพื่อกันท่าอีกฝ่าย หมายคว้าใจสตรีดังกล่าวมาครองให้จงได้ แม้จะไม่ร้ายแรงถึงขั้นเข่นฆ่ากันตาย แต่ก็หมางใจกันจนไม่คิดจะพูดคุยกันอีกต่อไป…


 


ต่อมาทั้งคู่ก็ได้ขึ้นรับตำแหน่งงผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิง และวันหนึ่งศิษย์ส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ได้รับทราบเรื่องราวในอดีตของอาจารย์ พอสบโอกาสจึงลงมือเข่นฆ่าสังหารศิษย์ส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งทิ้งในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


ทำให้ความเกลียดชังทั้งไม่ลงรอยในอดีตได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง


 


ต่อมาศิษย์ส่วนตัวอีกคนของผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิง ก็ได้ฆ่าศิษย์ส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ลงมือฆ่าศิษย์น้องของมันเป็นการล้างแค้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และนั่นเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งให้ระเบิดออกโดยสมบูรณ์


 


ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ดี หรือศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงก็ดี หากมาพบเจอกัน เว้นเสียแต่จะรู้จักและสนิทกันมาก่อน หาไม่แล้วต้องมีกระทบกระทั่งกันอยู่ร่ำไป!


 


เป็นธรรมดาว่าในโลกภายนอกนั้น คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์ปี้ชิงอย่างดีก็ปะทะฝีปากไม่มีใครลงมือเกินเลย


 


ทว่าหากเป็นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สถานที่อันซึ่งไร้ความปราณีล่ะก็…ศิษย์ของ 2 คฤหาสน์มักสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายถึงขั้นไม่เจ้าตายก็ข้าม้วย! เรียกว่าไม่รู้จัก…ฆ่าไม่ละเว้น!!


 


ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวฆ่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงไปมากมาย ดุจเดียวกับศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงก็ได้เข่นฆ่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อยไปกว่ากัน…


 


“หากเจ้าเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แล้วพบเจอศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิง หากพลังฝีมือเจ้าเหนือกว่า ให้ลงมือเต็มกำลังฆ่ามันทิ้งให้เร็วที่สุด!”


 


“แต่หากเจ้าสู้มันไม่ได้ก็ให้รีบหนีโดยเร็ว! เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงจะเมตตาไว้ชีวิตเจ้า!”


 


และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉีเทียนหมิงบอกต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ก่อนที่จะเข้ามา


 


กล่าวได้อีกอย่างว่า


 


หากเขาพบเจอคนของคฤหาสน์ปี้ชิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ เขาถูกกำหนดให้เลือกเดินแค่ 2 ทาง…ไม่ฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย ก็รีบหลบหนีไปให้ไกล!


 


แน่นอนว่าหากคิดหนีก็จำต้องพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวเท่านั้น ไม่อาจใช้ความช่วยเหลือภายนอกใดๆได้


 


ก่อนจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบจากฉีเทียนหมิงมาแล้ว ว่าภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ไม่อาจใช้พลังงภายนอกใดๆได้เลย


 


ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถอมตะ ยันต์อมตะ หรือแม้แต่อุปกรณ์อมตะ


 


กระทั่งชุดเกราะอมตะก็ไม่อาจใช้ได้…


 


ข้อจำกัดของค่ายกลในนี้รุนแรงกว่าของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่ยังสามารถใช้อุปกรณ์อมตะได้มากมายนัก เพราะกระทั่งอุปกรณ์อมตะก็ยังไม่อาจใช้ได้…


 


“ดูเหมือนป้ายประจำตัวข้าจักมอบคำตอบให้เจ้าแล้วสินะ…”


 


เมื่อรับรู้ถึงสายยตาต้วนหลิงเทียนที่มองมายังป้ายประจำตัวบริเวณเอว กงซุนจิ้ง ก็แสยะยิ้มเยียบเย็น สองตาฉายชัดถึงจิตสังหารอำมหิต “ไอ้หนู หากเจ้าจะโทษ ก็ไปโทษที่เจ้าดันเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวเสียเถอะ!!”


 


พอกล่าวจบคำ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุออกมาท่วมร่างกงซุนจิ้งปานเพลิงไฟ และแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นเพลิงไฟสีแดงลุกโชนไปทั่วกาย


 


เห็นได้ชัดว่ากงซุนจิ้งพร้อมลงมือเข่นฆ่าแล้ว!


 


‘กงซุนจิ้งคนนี้…หากข้าจำไม่ผิดดูเหมือนชื่อของมันจะอยู่ในอันดับที่ 69 บนตารางจัดอันดับสินะ…’


 


ในหัวต้วนหลิงเทียนดั่งจะมีแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง เขาพลันนึกถึงตารางจัดอันดับที่เห็นก่อนเข้ามา…


 


และเขาจดจำได้ว่า นามกงซุนจิ้งนั้น เหมือนจะอยู่ในอันดับที่ 69 ของตารางจัดอันดับด้วยคะแนนสะสม 13 แต้ม!


 


กล่าวอีกอย่างได้ว่า


 


เดือนนี้กงซุนจิ้งได้รับคะแนนสะสมมาทั้งสิ้น 12 แต้ม และอีก 1 แต้มเป็นของมันเอง


 


ฟู่มมม!!


 


ในขณะที่สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ เสียงปานจุดระเบิดหนึ่งพลันดังขึ้น จากนั้นก็มีไอร้อนลวกตีปะทะใบหน้า มองไปก็เห็นดวงไฟลูกเขื่องกำลังพุ่งทะยานเข่นฆ่าเข้ามาทางเขาเร็วรี่!


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งที่คุ้นเคย…


 


ความลึกซึ้ง ลุกโหม


 


ความลึกซึ้ง ปะทุ


 


และความลึกซึ้ง เผาไหม้!


 


กอปรกับธาตุไฟอันได้จากความลึกซึ้งความหมายแห่งไฟ เท่ากับว่าการลงมือครานี้ของกงซุนจิ้ง อัดแน่นไปด้วยพลังความลึกซึ้งของธาตุไฟ 4 ประการ


 


“เจ้าจักเป็นศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ตกตายคามือข้าเร็วที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง!!”


 


พอเห็นว่าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าไม่แม้แต่จะขยับตัวหรือตอบสนองอันใด ทั้งที่มันใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 4 ประการ กงซุนจิ้งก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ร่างคนที่คล้ายอุกกาบาตเพลิงของมันพอเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียน ยิ่งมาก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง!


 


อย่างไรก็ตาม วินาทีที่มันตบฟาดฝ่ามืออันอัดแน่นไปด้วยพลังเพลิงดุร้ายของมัน หมายระเบิดร่างหลิงเทียนจนสลายเป็นเถ้าธุลีนั้น ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากสายตามันปานภูตผี!


 


คนทั้งคนกลับสาบสูญไปในความว่างเปล่า!!


 


ด้วยเหตุนี้ฝ่ามือของกงซุนจิ้งจึงได้แต่จั่วลมดังวืด!


 


“อะไรกัน!?”


 


เมื่อตบฟาดฝ่ามือจั่วลม ร่างกุงซุนจิ้งก็ถลันไปในอากาศนับร้อยหมี่ กว่าจะขืนร่างหยุดลงกลางหาวได้อีกครั้ง


 


และพอมันหันกลับมา มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างอย่างสงบไกลตา สองมือไพร่หลังมองมันด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส


 


‘เมื่อครู่มันทำอะไรกันแน่ ไฉนข้ามองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของมันเลย…’


 


กงซุนจิ้งจำต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกรอบ ในสายตาเริ่มเผยความจริงจัง ก่อนจะเริ่มนึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อครู่


 


‘ตอนที่อยู่ๆร่างมันก็หายไป…ดูเหมือนความว่างเปล่าจุดนั้นคล้ายกระเพื่อมสั่นไหวเบาๆ’


 


‘หรือว่า…เมื่อครู่มันจะใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติที่ร่ำลือของกฏแห่งมิติ?’


 


พอคิดถึงจุดนี้ กงซุนจิ้งก็เริ่มสบายใจขึ้นหลายส่วน


 


“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นเจ้า จักเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติได้แล้ว…”


 


กงซุนจิ้งมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็งพลางกล่าว


 


อย่างไรก็ตามมันพูดไม่ทันจบคำดี และคล้ายจะนึกอะไรได้ออก จากนั้นลูกตามันก็หดเล็กลงทันที “เจ้า…นี่เจ้ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!?”


 


ถึงแม้แต่ต้นจนจบกงซุนจิ้งจะไม่ได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบต้วนหลิงเทียน แต่ขณะที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาจนใกล้ถึงตัวอีกฝ่าย มันก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายเลือดเนื้อของต้วนหลิงเทียนยังสดใหม่นัก บ่งบอกว่าอีกฝ่ายมีอายุไม่ถึงร้อยปี!


 


พอฉุกคิดขึ้นได้ ใจมันก็สะท้านไปทันที!


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพึ่งใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ และอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า แต่อย่างน้อยๆจากกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่แผ่ออกมาเบาบางเมื่อครู่ มันก็บอกได้ชัดเจน…ว่านั่นเป็นกลิ่นอายพลังของตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศไม่ผิดแน่!


 


กล่าวได้อีกอย่างว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง!


 


พอมาตอนนี้เมื่อมันตระหนักได้จากกลิ่นอายเลือดเนื้อของอีกฝ่ายว่ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปี ลูกตาของกงซุนจิ้งจึงหดเล็กลงแทบปิด ‘มันอายุไม่ถึงร้อยปี แต่บรรลุขอบเขตขุนนางงอมตะ 10 ทิศได้แล้ว…’


 


‘ตัวตนเช่นมัน ต่อให้จะเข้าใจแค่ความหมายแห่งมิติ กับความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ ก็นับว่าพรสวรรค์และความเข้าใจของมันเข้าขั้นท้าทายสวรรค์!’


 


ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปีหากไม่นับความเข้าใจในกฏ เรียกว่าไม่เคยปรากฏตัวในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์ปี้ชิงมาก่อนแม้แต่คนเดียว…


 


กระทั่งให้มองไปทั่วแดนสวรรค์ใต้ ตัวตนเช่นนี้ก็นับว่าหาได้ยากเย็นยิ่งนัก เรียกว่าในบรรดา 10 ตระกูลใหญ่เองก็สมควรปรากฏตัวขึ้นไม่เกิน 2 คน…


 


พอตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี…กงซุนจิ้งก็รู้สึกเสมือนว่าเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน!


 


“แม้ว่าข้ากงซุนจิ้งจะเข่นฆ่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวมามากมาย…แต่ข้ามิเคยฆ่าอัจฉริยะปีศาจเช่นเจ้ามาก่อนแม้แต่คนเดียว…”


 


กงซุนจิ้งมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตามันก็ฉายประกาสว่างเจิดจ้า


 


อย่างไรก็ตาม ไม่ทันไรมันก็เสมือนถูกน้ำเย็นราดรดลงหัว ‘ช้าก่อน มันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติ…’


 


‘ต่อให้นอกจากความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ มันจะเข้าใจแค่ความหมายแห่งมิติ แต่หากมันคิดจะหนี…มันก็สามารถหลบหนีไปภายใต้จมูกข้าได้ง่ายๆ!’


 


‘ด้วยความเร็วส่วนตัวของมัน กับความถี่ในการใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของมัน…ย่อมสามารถหลบเลี่ยงทุกการโจมตี และหนีความเร็วของข้าได้ไม่ยาก’


 


พอฉุกคิดถึงจุดนี้ กงซุนจิ้งก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง


 


เพราะด้วยด่านพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศกับความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟที่มันเข้าใจในตอนนี้ คิดจะไล่ตามขุนนางอมตะ10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย!


 


ต่อให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่ายจะอ่อนด้อยกว่ามันแค่ไหนก็ตามที!


 


“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นเจ้า ถึงได้หาญกล้าเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง…ที่แท้เจ้าก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!”


 


กงซุนจิ้งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวคำด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะหันหลังเตรียมจากไป


 


ในเมื่อมันไม่มีหนทางเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้ เช่นนั้นมันก็ไม่คิดจะเสียเวลากับอีกฝ่ายไปอย่างเปล่าประโยชน์


 


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันคิดไม่ถึงก็คือ


 


พอมันหันหลังเตรียมจากไป ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น กลับวูบร่างมาปรากฏตัวขวางหน้ามันเอาไว้ปานภูตผี!

 

 

 


ตอนที่ 3132

 

“หืม?”


 


เดิมทีกงซุนจิ้งคิดว่าในเมื่อมันเลือกที่จะจากไป อีกฝ่ายก็คงจะแยกย้ายไปเช่นกัน


 


เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้ และอีกฝ่ายก็ไม่มีทางฆ่ามันได้


 


ในกรณีนี้จะปะทะกันต่อก็ไร้ประโยชน์อะไร


 


“อะไร? หรือข้าไว้ชีวิตเจ้าแล้ว แต่เจ้ายังรั้นอยากตาย?”


 


กงซุนจิ้งมองถามต้วนหลิเทียนที่มาหยุดขวางเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มเย็นชา


 


“อยากตาย?”


 


ได้ยินคำกล่าวของกงซุนจิ้ง ต้วนหลิงเทียนก็อดอึ้งไม่ได้ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “หากเจ้าคิดจะฆ่าข้า นั่นหมายความว่าเจ้าต้องไล่ตามความเร็วและความถี่ในการเคลื่อนย้ายข้ามมิติของข้าได้ทันซะก่อน…”


 


“ในฐานะที่พวกเราเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศเหมือนกัน หากเจ้าคิดจะไล่ข้าอย่างน้อยๆเจ้าก็ต้องเข้าใจความลึกซึ้งที่ส่งเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งไฟได้ถึง 2 ประการ…”


 


“ความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งไฟก็มีลุกโหม กับท่องอัคคี…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เจ้าสมควรเข้าใจแค่ความลึกซึ้งลุกโหมเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะเข้าใจความลึกซึ้งท่องอัคคี แต่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีเพลิงไฟแบบนี้ เจ้าจะใช้มันได้ยังไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สถานการณ์ของอีกฝ่ายดีจนไม่รู้ว่าจะรู้ดีกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว


 


เพราะกฏแห่งไฟนั้นกล่าวไปเป็นกฏที่เขาตั้งใจจะใช้มันเป็นหลักก่อนจะได้กฏมิติมา ไหนเลยเขาจะไม่รู้ว่ามันมีพลังยังไง?


 


หากอีกฝ่ายคิดจะใช้ความลึกซึ้งท่องอัคคี อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเพลิงไฟเสียก่อน


 


แต่เห็นได้ชัดว่ากงซุนจิ้งไม่ได้อยู่ในภสาพแวดล้อมดังกล่าว


 


“เหอะ!”


 


กงซุนจิ้งที่ถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวดักคอ อดไม่ได้ที่จะพ่นลมสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็กล่าวออกเสียงเย็นว่า “ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้แล้วยังไง หรือว่าเจ้าจะมีปัญญาฆ่าข้าได้?”


 


“เจ้าที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปี แม้บรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศได้แล้วจะกล่าวได้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ในการฝึกตนสูงล้ำเข้าขั้นท้าทายสวรรค์…แต่อย่างเจ้าจักเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้สักกี่ประการเชียว?”


 


“หากข้าตั้งใจรับมือ น้ำหน้าอย่างเจ้ามีหรือจะฝ่าการป้องกันของข้าได้?”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของกงซุนจิ้นก็เต็มไปด้วยความดูแคลนเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาทำอะไรมันได้


 


“เช่นนั้นก็ลองดูหน่อยปะไร…ว่าการป้องกันของเจ้าจะต้านทานการโจมตีของข้าได้รึเปล่า”


 


เผชิญกับการดูเบาหมิ่นหยามของกงซุนจิ้ง ต้วนหลิงเทียนยังคงคลี่ยิ้มออกมาอย่างไร้แยแส จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็หลั่งไหลไปตามชีพจรสวรรค์ 99 สายดั่งน้ำเชี่ยว ค่อยปะทุขึ้นมาลุกโชนทั่วร่างเขา ผสานรวมเข้ากับธาตุมิติจนกลับกลายเป็นสีเทา


 


‘เคลื่อนมิติ’


 


ร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปอย่างอัศจรรย์ พริบตาก็ไปผุดโผล่ด้านหลังกงซุนจิ้งปานภูตผี


 


“กักกัน!”


 


กงซุนจิ้งพึ่งจะตอบสนองเรื่องราว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติออกมาแล้ว ห้วงมิติรอบกายกงซุนจิ้งเสมือนถูกแช่ผนึก ทำให้มันไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้!


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าอาศัยแค่ความลึกซึ้งกักกัน กงซุนจิ้งย่อมระเบิดพลังฝ่าทำลายออกไปได้ไม่ยาก


 


“เขตแดนมิติ!”


 


“บิดเบือน!”


 


ในห้วงเวลาเสี้วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ ร่างกงซุนจิ้งพึ่งขยับได้แค่เล็กน้อย พลังจากความลึกซึ้งอีก 2 ประการต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏขึ้นมาหนุนเสริม ทำให้กรงมิติทวีพลังอำนาจกล้าแข็งขึ้นหลายขุม!


 


“ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติงั้นรึ!?”


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติออกไปถึง 3 ประการในชั่วพริบตา กงซุนจิ้งที่ตอบสนองเรื่องราวก็รู้แค่ว่าบัดนี้ห้วงมิติโดยรอบเสมือนถูกผนึกเป็นกรงขัง จากนั้นสักพักค่อยรู้ว่านี่มิใช่แค่ความลึกซึ้งกักกันประการเดียวแต่ยังมีอีก 2!


 


“แล้วอย่างไร! พังให้ข้า!!”


 


ถึงแม้จะตกใจไม่น้อยที่พบว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติออกมาถึง 3 ประการเพื่อล้อมกักร่างมัน หากแต่กงซุนจิ้งก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย พลังทั่วร่างปะทุระเบิดออกมาปานเพลิงไฟ


 


ซู่ม!


 


ซู่ม!


 



 


พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่พึ่งปะทุออกทั่วร่างกงซุนจิ้ง พริบตาก็แปรเปลี่ยนไปคล้ายเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ประหนึ่งจะแผดเผาได้ทุกสิ่งอย่าง ขณะเดียวกันมวลเพลิงก็เริ่มพวยออกไปทั่วสารทิศปานจะเผาทำลายกรงมิติ และพลังอื่นๆของต้วนหลิงเทียนให้สิ้นซาก!


 


ธาตุไฟ


 


ความลึกซึ้งปะทุ!


 


ความลึกซึ้งเผาไหม้


 


ความลึกซึ้งลุกโหม


 


พลังที่กงซุนจิ้งปะทุออกมาในชั่วพริบตา นอกจากความลึกซึ้ง 4 ประการที่มันใช้ออกก่อนหน้านี้แล้ว มันยังใช้เพิ่มออกมาอีก 2 ประการ


 


ความลึกซึ้ง กัดกร่อน


 


ความลึกซึ้ง กายาอัคคี!


 


ความลึกซึ้งกัดกร่อน เป็น 1 ใน 3 ความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟที่หนุนเสริมการโจมตีเป็นหลัก เมื่อใช้ออกพลังเพลิงของมันจะแฝงพลังกร่อนทำลายอันร้ายกาจไปอีกขุม


 


สำหรับความลึกซึ้งกายาอัคคี ก็คล้ายๆกับความลึกซึ้งกายาทองคำของกฏแห่งทอง เพียงแค่ทั่วร่างกงซุนจิ้งจะอัดแน่นไปด้วยพลังไฟแทนพลังธาตุทอง ยกระดับพลังความสามารถทุกด้าน


 


นอกจากนั้นเมื่อใช้ออกด้วยความลึกซึ้งกายาอัคคีแล้ว พลังความลึกซึ้งประการอื่นๆที่ใช้ออกก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน!


 


“เป็นไปไม่ได้!!”


 


กงซุนจิ้งที่ลงมือจู่โจมออกเต็มกำลัง เดิมทีคิดว่าการลงมือของมันต้องทำลายกรงมิติของต้วนหลิงเทียนได้แน่ๆ


 


อย่างไรก็ตาม มันกลับพบว่าแม้มันจะทุ่มพลังจู่โจมออกไปสุดกำลัง จนทำให้ห้วงมิติที่ถูกผนึกโดยรอบเริ่มสั่นสะเทือน แต่ก็ไม่มีวี่แววจะพังทลาย ห้วงมิติยังล้อมกักมันไว้อย่างหนาแน่น!


 


ขณะเดียวกันพลังที่มันเร่งเร้าจู่โจมออกไปก็เริ่มถูกพลังของความลึกซึ้งบิดเบือนทั้งเขตแดนมิติบั่นทอนสลายไปทุกขณะเวลา!


 


สีหน้ากงซุนจิ้งแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตามันหดหยีลงสำนึกเทวะแผ่ออกไปตรวจสอบโดยรอบเต็มกำลัง


 


“นี่มัน…ความลึกซึ้งเขตแดน? กับความลึกซึ้งบิดเบือน!?”


 


จังหวะนี้กงซุนจิ้งพึ่งจะกระจ่างว่าความลึกซึ้งอีก 2 ประการของกฏแห่งมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกก่อนหน้ามีอะไรบ้าง แถมสองความลึกซึ้งนั่น ยังสามารถต้านทานพลังของมันได้อย่างชะงัด!


 


‘บัดซบ! ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ…แต่มันยังถึงกับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 5 ประการ!’


 


จนถึงตอนนี้กงซุนจิ้งก็ได้ตระหนักแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติออกมาทั้งสิ้น 5 ประการ!


 


ธาตุมิติ เคลื่อนมิติ กักกัน บิดเบือน เขตแดน…


 


ถึงแม้ความลึกซึ้งที่ต้วนหลิงเทียนใช้สร้างปัญหาให้มันได้จะมีแค่ 4 ประการอย่าง ธาตุมิติ กักกัน บิดเบือน เขตแดน …


 


และหากรวมกับเคลื่อนมิติ ก็มีแค่ 5 ประการเท่านั้น…ทว่ามันมีตั้ง 6!


 


แต่กฏมิติคืออะไร? แล้วกฏที่มันเข้าใจคืออะไร?


 


กฏมิติเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดท่ามกลางสวรรค์และโลก ในแง่ของพลังแล้วเรียกว่าทรงพลังสุดที่กฏทั่วไปจะเทียบได้


 


และกฏที่มันเข้าใจก็คือกฏทั่วไปอย่างกฏแห่งไฟเท่านั้น


 


“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าที่ยยังอายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงแต่จะเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ…แต่เจ้ายังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติถึง 5 ประการแล้วด้วย!”


 


“แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาศัยพลังเพียงเท่านี้ของเจ้ามันมากพอจะฆ่าข้าได้?”


 


หลังตกใจกับความสามารถของต้วนหลิงเทียนแล้ว กงซุนจิ้งที่แตกตื่นไปครู่หนึ่งก็คืนสติ มันคลี่ยิ้มเย็นชา มือสะบัดออกคว้าจับไปยังความว่างเปล่า


 


ทันใดนั้นเอง


 


ฟู่มมม!!


 


มวลเพลิงที่ลุกโชนท่วมร่างของมันเริ่มรวมรั้งไปยังมือขวาของมัน จากนั้นมันก็บีบอัดพลังทั้งหมดควบแน่นเป็นดาบเพลิงอันเปล่งแสงพลังสีแดงอันมีประกาอัสนีสีม่วงออกมาสว่างจ้า กลิ่นอายพลังกล้าแข็งกำจายออกมากดดันในบรรยากาศ!


 


ฟู่วว!! เปรียะ!!


 



 


กลิ่นอายพลังเกรี้ยวกราดแผ่ซ่านออกมาจากดาบเพลิงอย่างน่ากลัว อสรพิษสีม่วงเองก็แล่นวาบแปลบปลาบห้อมล้อมไปทั่วตัวดาบเพลิง


 


กงซุนจิ้งที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟมานาน อีกทั้งยังเข้าใจความลึกซึ้งกายาอัคคี เรียกว่ามันสามารถใช้พลังเพลิงได้เชี่ยวชาญไม่น้อย แม้จะไม่ถึงขั้นควบคุมได้ดุจใจนึก แต่ก็คล่องแคล่วประหนึ่งแขนขา!


 


ขวับ!!


 


กงซุนจิ้งตวัดดาบเพลิงฟันไปยังความว่างเปล่าทิศทางหนึ่ง หมายอาศัยพลังเพลิงจากความลึกซึ้งทั้งหมดที่รวมศูนย์พลัง ผ่าทำลายกรงมิติของต้วนหลิงเทียนทิ้งไปด้วยพลังที่เหนือกว่าในคราเดียว!


 


ถึงแม้ดูจากสถานการณ์แล้ว ต่อให้ทำลายกรงมิติของต้วนหลิงเทียนได้ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมมากนัก เพราะสุดท้ายหากต้วนหลิงเทียนเลือกจะลงมือแบบเดิม ผลก็จะออกมาทำนองนี้อีกรอบ


 


อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ย่อมสร้างปัญหาให้ต้วนหลิงเทียนได้บ้าง


 


เพราะหากมันยังเลือกเปล่งพลังทำลายไปรอบๆ โดยที่ต้วนหลิงเทียนจ่ายพลังหนุนเสริมไปคงสภาวะกรงมิติ เช่นนั้นก็กลายเป็นยื้อยุด และวัดกันที่พลังของใครจะต่อเนื่องกว่ากัน


 


ถึงตอนนั้นมันก็จะตกอยู่ในตำแหน่งที่ต้องป้องกันต้านทานตลอดเวลา ไม่อาจตอบโต้ใดได้


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงเลือกจะรวมรั้งพลังทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว และหมายผ่ากรงมิติผีสางนี่ของต้วนหลิงเทียนทิ้งในดาบเดียวแทน!


 


“พินาศไปเสีย!!”


 


กงซุนจิ้งที่ตวัดดาบเพลิงมาอย่างเกรี้ยวกราดคำรามออกอย่างดุร้าย ดาบเพลิงแหวกอากาศมาอย่างน่ากลัว ห้วงอากาศที่ดาบเพลิงวาดผ่านสะเทือนสะท้านปานจะปริแตก!


 


ต้วนหลิงเทียนที่มองความคิดของกงซุนจิ้งออกก็หยีตาลงเล็กน้อย


 


พริบตาต่อมา


 


‘ผ่ามิติ’


 


เพียงสะบัดมือออกไปอย่างไร้เรื่องงราวคราหนึ่ง ณ ตำแหน่งกรงมิติที่กงซุนจิ้งกำลังฟาดดาบไป พลันปรากฏรอยแยกมิติมืดดำอันน่ากลัวขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า!


 


เห็นฉากดังกล่าว กงซุนจิงก็ตกตะลึงไม่น้อย


 


แม้ดาบเพลิงที่รวมพลังทั้งหมดนี้ของมันจะร้ายกาจ แต่มันรู้ดีว่าพลังอำนาจยังไม่รุนแรงถึงขั้นผ่าเปิดมิติได้แน่นอน


 


แล้วในเมื่อมันไม่อาจผ่าเปิดมิติได้ เช่นนั้นรอยแยกมิตินั่นคืออันใดกัน?


 


“หรือว่า…”


 


ทันใดนั้น ในใจของกงซุนจิ้งบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่ง!


 


และพริบตาต่อมา รอยแยกมิติที่อยู่เบื้องหน้าดาบเพลิงของมัน ก็ปรากฏแสงงพลังกระบี่สีเทาที่ราวกับจู่โจมมาจากห้วงมิติอื่นจี้ตรงเข้าใส่ดาบเพลิงของมันด้วยความเร็วปานลำแสง! ทำให้มันตระหนักได้ชัดเจน ว่าสังหรณ์อัปมงคลในใจมันกลับกลายเป็นความจริงแล้ว!!


 


“นี่มัน…ความลึกซึ้ง ผ่ามิติ!?”


 


ถึงแม้กงซุนจิ้งจะไม่ได้เชี่ยวชาญกฏมิติ แต่มันเองก็เคยศึกษาหาข้อมูลมาไม่น้อย เช่นนั้นมันจึงรู้จักกฏมิติดี


 


มองปราดเดียวมันก็ตระหนักได้ทันที ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังใช้ออกยามนี้ ก็คือความลึกซึ้ง ผ่ามิติ!


 


“หะ…หกความลึกซึ้ง!”


 


จังหวะนี้ต่อให้กงซุนจิ้งอยากจะสงบสติอารมณ์แค่ไหน แต่ก็ไม่อาจกระทำได้สืบไป เส้นประสาททั่วร่างของมันกลายเป็นตึงเครียดถึงขีดสุด! แสงพลังของดาบเพลิงยังคล้ายอ่อนโทรมลงไปบางส่วน!!


 


ซัววว!!


 


ทันใดนั้น แสงกระบี่สีเทาที่ราววับจะจู่โจมมาจากอีกมิติหนึ่ง ก็ปะทะเข้ากับดาบเพลิงในมือของกงซุนจิ้งอย่างจัง


 


และในระหว่างนี้เอง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ผสานพลังความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติประการอื่นๆเข้ากับกระบี่แสงสีเทาดังกล่าว จนพลังอานุภาพของมันเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัว!


 


ที่สำคัญ ดาบเพลิงของกงซุนจิ้งก็ตกอยู่ในสภาวะอ่อนโทรมลงเพราะจิตใจมันกระเจิง


 


ดังนั้น หลังดาบเพลิงของมันต้านทานแข็งขืนแสงกระบี่สีเทาได้พักหนึ่ง ก็เริ่มสลายกลับกลายเป็นละอองแสง!


 


“ไม่—!!”


 


กงซุนจิ้งที่ดึงสติกลับคืนได้จากอาการเสียขวัญ ก็ทำได้แต่พยายามเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตหมายควบรวมสร้างดาบเพลิงที่กำลังงสลายตัวไปอีกครั้ง อนิจจาสายเกินไปแล้ว เช่นนั้นก็ได้แต่หวีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวโหยหวน และชมดูแสงกระบี่สีเทาพุ่งเข้ามาอย่างทำอะไรไม่ได้


 


ซัวว!!


 


โลหิตซ่านกระเซ็นดั่งละอองเกสรโปรยปราย กงซุนจิ้งที่ก่อนหน้าเต็มไปด้วยความยะโสโอหัง ร่างมันได้ถูกกระบี่แสงสีเทาตัดผ่าเป็นสองเสี่ยง จากนั้นเมื่อร่างมันสิ้นไร้พลังคลุมกาย พลังอานุภาพของความลึกซึ้งบิดเบือนกับเขตแดนมิติ ก็ป่นทำลายร่างมันจนสลายไปไม่เหลือแม้แต่ละอองโลหิต…


 


กงซุนจิ้ง ศิษย์ฝ่ายในของคฤหาสน์ปี้ชิง ขุนนางอมตะ 10 ทิศ อันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 6 ประการ ตกตายไม่เหลือแม้แต่ซาก!!


 


หลังกงซุนจิ้งตายตก ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับคะแนนสะสมที่มันมีทันที


 


ทันใดนั้นแต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของเขา ก็พุ่งพรวดขึ้นไปเป็น 19 แต้ม…และในเมื่อเดิมทีเขาก็มีอยู่แค่ 6 แต้มเท่านั้น บ่งบอกว่ากงซุนจิ้งมีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 13 แต้ม!


 


กงซุนจิ้งนั้น ด้วยคะแนนสะสม 13 แต้ม ก็ทำให้มันรั้งอยู่ในอันดับที่ 69


 


ตอนนี้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนมีคะแนนสะสม 19 แต้มแล้ว เป็นธรรมดาว่าต้องมีอันดับเหนือมัน!


 


และความเปลี่ยนแปลงบนตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น ไม่เหมือนตารางอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่มีการหน่วงเวลา มันกลับเปลี่ยนแปลงตามความเป็นจริงทันที!


 


ดังนั้นในวินาทีที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่ากงซุนจิง และช่วงชิงคะแนนสะสมของอีกฝ่ายมา อันดับของต้วนหลิงเทียนในตารางก็เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกัน!


 


และทันทีที่บังเกิดความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คฤหาสน์เฉวียนโยว คฤหาสน์หลิ่วสือ คฤหาสน์ปี้ชิง ไม่เว้นคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ก็บังเกิดความป่วนปั่นขึ้นมาทันใด!

 

 

 


ตอนที่ 3133

 

ณ คฤหาสน์ปี้ชิง


 


บริเวณหน้าอาคารอันมีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง กลุ่มคนที่ยืนอยู่แถวนั้นอยู่ๆก็หยีตาลงอย่างพร้อมเพรียง


 


พริบตาต่อมาก็เกิดความโกลาหลกันยกใหญ่


 


“อะไรกัน ชื่อศิษย์พี่กงซุนจิ้ง…หายไปจากตารางจัดอันดับแล้ว!?”


 


“ศิษย์พี่กงซุนจิ้งจะอย่างไรก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 6 ประการ ปกติมักติด 60 อันดับแรกเสมอ แต่ครานี้โชคไม่ดีจึงอยู่แค่อันดับ 69 แต่ไฉนอยู่ดีๆถึงหายไปจากตารางได้เล่า?”


 


“ศิษย์พี่ไปแพ้ใครงั้นเหรอ?”


 


“สมควรแพ้ใครสักคนจริงๆ…เว้นเสียแต่จะเจอคนของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ไม่ควรถูกฆ่าตาย นอกจากนั้นต่อให้เป็นคนนของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ไม่แน่ว่าจะมีปัญญาฆ่าศิษย์พี่กงซุนจิ้งได้ทันก่อนบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน”


 


“มิผิด! เท่าที่ข้าดู ทั้งคฤหาสน์เฉวียนโยวก็คงมีแต่โจวหงเจี๋ยเท่านั้นที่มีความสามารถมากพอจะเอาชนะศิษย์พี่กงซุนจิ้งได้ แต่ไม่มีทางฆ่าศิษย์พี่ได้ทันก่อนทุบทำลายป้ายหยกแน่นอน…อย่างไรก็ตามอันดับกับคะแนนของโจวหงเจี๋ยกลับไม่เปลี่ยนแปลง!”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงกล่าวกันเสียงดังเซ็งแซ่ เท่าที่ฟังพวกมันก็คิดว่ากงซุนจิ้งสมควรแพ้พ่ายเท่านั้น ไม่น่าจะไปถูกใครฆ่าเอา


 


“พวกเจ้าดูนั่น!”


 


และในขณะที่ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงหลายคนกำลังคุยกันถึงเรื่องนี้ด้วยความสงสัย ก็มีศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงบางคนที่สังเกตเห็นอะไรผิดแปลกในตารางจัดอันดับ “ชื่อนี้เมื่อครู่มันยังอยู่ในอันดับที่ 93…แต่พริบตาต่อมามันก็พุ่งทะยานขึ้นมาถึงอันดับที่ 52 แล้ว?”


 


“ใช่ ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ชื่อต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ก่อนหน้าข้าเห็นมันมีแค่ 6 แต้มและอยู่ในอันดับที่ 93 แต่หลังจากชื่อของศิษย์พี่กงซุนจิ้งหายไป คะแนนมันก็กลายเป็น 19 แถมยังพุ่งขึ้นมารวดเดียวจนอู่ในอันดับที่ 52!”


 


ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงอีกคนที่สังเกตเห็นเรื่องนี้กล่าวเสริม


 


และพอเสียงของศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงคนนี้ดังออกมา โดยรอบก็พร้อมใจกันเงียบลงทันที


 


พวกมันเองก็สังเกตเห็นชื่อต้วนหลิงเทียนมาก่อน และตระหนักว่าอีกฝ่ายพึ่งจะติดอยู่ 100 อันดับเป็นครั้งแรก


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกมันแปลกใจไม่น้อย เพราะชื่อของอีกฝ่ายก็มีคำคฤหาสน์เฉวียนโยวต่อท้าย


 


เพราะพวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณ จะเคยมีชื่อนี้ติด 100 อันดับแรกด้วย


 


ดังนั้นพวกมันจึงเชื่อไปตามจิตใต้สำนึก ว่านี่สมควรเป็นศิษย์ใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักของคฤหาสน์เฉวียนโยว และคราวนี้อีกฝ่ายแค่โชคดีเท่านั้นถึงติดอยู่ใน 100 อันดับแรกได้


 


มาตอนนี้พอพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงในอันดับของต้วนหลิงเทียน และประจวบกับชื่อกงซุนจิ้งหายไปจากตารางจัดอันดับพอดี ก็ทำให้พวกมันตระหนักอะไรได้


 


“ให้ตายเถอะ นี่ศิษย์พี่กงซุนจิ้งถูกศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้จัดการรึเปล่า…คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับศิษย์พี่หรอกนะ!?”


 


“คงไม่มีเรื่องอะไรหรอก…ให้มองไปทั่วคฤหาสน์เฉวียนโยว ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงพันปีของพวกมัน นอกจากโจวหงเจี๋ยกับอีก 2 คนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 6 ประการและพึ่งจะริเริ่มเข้าใจประการที่ 7 ก็ไม่มีใครต่อกรกับศิษย์พี่ได้แล้ว”


 


“อีกทั้ง ถึงศิษย์ 2 คนที่ข้าพูดถึงจะร้ายกาจกว่าศิษย์พี่กงซุนจิ้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายกาจมากพอจะฆ่าศิษย์พี่กงซุนจิ้งได้ทันก่อนที่จะบดขยี้ป้ายหยก”


 


“อย่างไรก็ตาม พวกเราทุกคนล้วนรู้จักชื่อสองคนนั่นดี…ต้วนหลิงเทียนนี่ไม่ใช่พวกมันแน่!”


 


“หรือโจวหงเจี๋ยกับพวกมันจะใช้ศิษย์ที่ชื่อต้วนหลิงเทียนนี่เป็นตัวล่อ จากนั้นก็ร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นกลุ้มรุมสังหารศิษย์พี่กงซุนจิ้ง!?”


 


“เป็นไปไม่ได้! ต่อให้พวกมันจะใช้ศิษย์ธรรมดามาล่อศิษย์พี่กงซุนจิ้งแล้วล้อมฆ่าได้จริง พวกมันก็ไม่มีวันมอบคะแนนให้ศิษย์ธรรมดาๆหรอก!!”


 



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงเริ่มพูดคุยถกเถียงกันยกใหญ่ ด้วยไม่มีใครรู้สักคนว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใครมาจากไหน กระทั่งพวกมันพึ่งจะเห็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวชื่อนี้เป็นครั้งแรก


 


“เข้าไปตรววจดูข้างในเถอะ ว่าลูกแก้ววิญญาณของศิษย์พี่กงซุนจิ้งยังอยู่ดีหรือไม่…”


 


ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งออกความเห็น


 


ได้ยินคำแนะนำของมัน ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงหลายคนก็เดินเข้าไปในห้องโถงของอาคารหลังใหญ่ข้างๆทันที


 


ในขณะเดียวกันก็มีศิษย์หลายคนที่ยืนอยู่ที่เดิม พร้อมความเชื่อ…


 


“หึ! ต่อให้ศิษ์พี่กงซุนจิ้งจะถูกขจัดออก แต่ก็ไม่มีทางตายด้วยน้ำมือศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวแน่นอน…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ไม่มีใครรู้จักเลย นอกจากโจวหงเจี๋ยกับอีก 2 คนนั่นลอบโจมตีโดยที่ศิษย์พี่กงซุนจิ้งไม่ทันตั้งตัว หาไม่แล้วไม่มีทางทำอะไรศิษย์พี่ได้แน่!!”


 


“มิผิด! ต่อให้โจวหงเจี๋ยกับคนอื่นซุ่มโจมตีจริง ไหนเลยศิษย์พี่กงซุนจิ้งจะตรวจไม่พบแต่แรก ย่อมมีเวลามากพอทำลายป้ายหยกแน่นอน!”


 



 


อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงเหล่านี้ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าไม่ทันไรเหล่าศิษย์ที่เข้าไปตรวจสอบด้านใน ก็รีบวิ่งกลับออกมาพร้อมแจ้งข่าวร้ายให้พวกมัน


 


ลูกแก้ววิญญาณของกงซุนจิ้งแตกแล้ว….


 


กงซุนจิ้งตกตายไปแล้วจริงๆ!!


 


“ได้ไงกัน!?”


 


“ไม่จริงหน่า! ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้!?”


 


“ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ไม่มีใครรู้จัก มันจะมีปัญญาฆ่าศิษย์พี่กงซุนจิ้งได้อย่างไร!?”


 



 


เวลาผ่านไปนานเข้า เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงที่รู้เรื่องกงซุนจิ้งตกตายไปแล้วก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคนของคฤหาสน์อมตะอื่นๆก็เริ่มตระหนักเรื่องราวได้เช่นกัน


 


ถึงแม้กงซุนจิ้งจะเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 6 ประการ แต่เนื่องจากอีกฝ่ายมักติดอยู่ในอันดับกลางๆของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางบ่อยครั้ง ทำให้ชื่อเสียงนั้นโด่งดังในหมู่ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงไม่น้อย


 


ความตายของมันก็เลยสร้างความโกลาหลให้เหล่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิง


 


“ศิษย์หน้าใหม่ของคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียน? ฆ่ากงซุนจิ้งได้?”


 


คฤหาสน์ปี้ชิงเสมือนถูกเขย่า


 


ในขณะที่คฤหาสน์ปี้ชิงเสมือนถูกเขย่าให้สะเทือน สถานการณ์ในลานหน้าตำหนักเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็อลหม่านไม่น้อย


 


“ให้ตายเถอะ ไอ้ชาติชั่วกงซุนจิ้งของคฤหาสน์ปี้ชิงนั่นมันถูกกำจัดออกไปแล้วเรอะ!?”


 


“ช้าก่อน คะแนนของมัน…ดูเหมือนจะไปเพิ่มให้ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราไม่ใช่รึ?”


 


“นี่มันอะไรกันแน่ ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ใช่ว่าอายุไม่ถึงร้อยปีหรือไร ไฉนมีความสามารถจัดการกงซุนจิ้งได้? กงซุนจิ้งนั่นจะอย่างไรมันก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 6 ประการไม่ใช่หรือ?”


 


“ไม่รู้ แต่ที่รู้คือหลังกงซุนจิ้งถูกกำจัดออกไป อันดับของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งขึ้นมาถึงอันดับที่ 52!”


 


“หากบอกว่าก่อนหน้าที่มันติด 100 แรกได้เป็นเพราะโชค…ตอนนี้ยังจะเป็นเพราะโชคอีกหรือ?”


 


“โกง! มันต้องโกงไม่ผิดแน่! ข้าว่ามันต้องเป็นคนที่เบื้องบนคฤหาสน์เฉวียนโยวเราพามาให้โกงแต้มโดยเฉพาะ!!”


 


“โกงกับตูดเจ้า! ถึงจะโกงแต่เจ้าคิดว่าพวกคฤหาสน์ปี้ชิงมันจะยอมส่งคะแนนให้พวกเรางั้นเรอะ!?”


 



 


ในขณะที่กลุ่มศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวด้านนอกยังงุนงงสับสน


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาเสียงดังผสานพลัง


 


“ถึงแม้คฤหาสน์เฉวียนโยวเราจะไม่ญาติดีกับคฤหาสน์ปี้ชิง แต่ข้าก็มีสหายที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กอยู่ในคฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่ง และยังติดต่อกันอยู่…เมื่อครู่มันพึ่งส่งข้อความมาบอกข้าว่ากงซุนจิ้งของคฤหาสน์ปี้ชิงตกตายแล้ว! และสมควรตกตายด้วยเงื้อมมือของต้วนหลิงเทียน! แถมมันยังถามข้ามาอีกด้วยว่า…คฤหาสน์เฉวียนโยวเราไปหาคนที่มีพลังฆ่ากงงซุนจิ้งในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”


 


พอเสียงของศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ดังขึ้น เสียงเหล่าศิษย์ในลานหน้าตารางจัดอันดับก็เงียบลงทันที


 


ครู่ต่อมาหลายคนก็เริ่มหันกลับไปจับจ้องชื่อในอันดับที่ 52 ตาเขม็ง “หรือ…มันจะฆ่ากงซุนจิ้งได้จริงๆ?”


 


“ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง กำลังภายนอกทั้งหมดไม่เว้นอุปกรณ์อมตะล้วนไม่อาจใช้ได้ ทำได้แค่ใช้พลังฝีมือส่วนตัวเท่านั้น…หากกงซุนจิ้งถูกมันฆ่าจริง ไม่ใช่หมายความว่าพลังฝีมือมันเหนือกว่ากงซุนจิ้งมากหรือไร?”


 


“แล้วนั่นจะเป็นไปได้อย่างไร…ไม่ใช่มันยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีรึไงกัน?”


 


“ผู้ตรวจการฉี ไปสรรหาสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาจากที่ใดกันแน่?”


 


ฟังจากเสียยงสนทนาของศิษย์เหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ทราบเรื่องราวจากเหล่าอาวุโสที่เร่งรุดมา รวมถึงยังไม่ได้เข้าไปในตำหนักเคลื่อนย้าย


 



 


หลังคฤหาสน์ปี้ชิงตื่นตระหนก ทางด้านคฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็ตื่นตระหนกเช่นเดียวกัน


 


ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวหลายคนที่ยังไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร ก็เริ่มตระหนักได้ว่า…


 


การที่พวกมันไม่เคยได้ยินชื่อ ต้วนหลิงเทียน มาก่อนเลย หมายความว่าอีกฝ่ายพึ่งจะเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่นาน


 


ด้วยเหตุนี้ไฉนต้วนหลิงเทียนที่แข็งแกร่ง แต่ยังเป็นศิษย์ฝ่ายนอก หลายคนในคฤหาสน์เฉวียนโยวจึงเข้าใจได้


 


อย่างไรก็ตาม พอพวกมันได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนอายุไม่ถึงร้อยปี ก็พากันเงียบไปไร้คำจะกล่าว


 


“ต้วนหลิงเทียน?”


 


ในคฤหาสน์เฉวียนโยว นอกจากเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย และ 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวที่พาต้วนหลิงเทียนมาอย่างฉีเทียนหมิงแล้ว ยังมีบุคคลที่ 3 ที่รู้จักต้วนหลิงเทียนอยู่


 


คนที่ว่าก็คือ ปี้ไห่หมิงเฟิง และเป็น 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นกัน


 


“ต้วนหลิงเทียน ถูกผู้ตรวจการฉีพาไปส่งที่ตำหนักเคลื่อนย้ายเข้าแดนสวรรค์ใต้ด้วยตัวเอง แถมตอนนี้ยังติดอันดับที่ 52 หลังฆ่ากงซุนจิ้ง?”


 


หลังได้รับแจ้งเรื่องราวดังกล่าว ปี้ไห่หมิงเฟิงก็วิ่งโร่ไปหาฉีเทียนหมิงถึงบ้านทันที “อาจารย์ลุงฉี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ข้าเองก็พบเจอมันตอนแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออกครั้งล่าสุด…ตอนนั้นมันก็แค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนี่นา?”


 


“แล้วนี่ยังพึ่งผ่านไปนานเท่าไหร่กัน ไฉนมันถึงไปฆ่ากงซุนจิ้งในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และอยู่ในอันดับที่ 52 ได้เล่า?”


 


ปี้ไห่หมิงเฟิงนั้นมักเผมาดขรึม นิ่งสงบอยู่เสมอ หายากนักที่จะแลดูเสียอาการแบบนี้ และคราวนี้นับว่ามันอื้ออึงไม่รู้เหนือรู้ใต้แล้วจริงๆ


 


เพราะมันไม่เข้าใจ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก


 


ว่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ในเวลาแค่ไม่กี่ปีไฉนประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ได้?


 


“ผลเทพสังเวยสวรรค์”


 


พอได้ยินคำถามของปี้ไห่หมิงเฟิง ทั้งเห็นท่าทางทำราวกับหากไม่รู้ไม่คิดเลิกรา ฉีเทียนหมิงก็ได้แต่ตอบไปตามตรง


 


“ผลเทพสังเวยสวรรค์หรือ?”


 


ลูกตาปี้ไห่หมิงเฟิงหดเล็กลงโดยพลัน จากนั้นก็มองถามฉีเทียนหมิงต่อด้วยความประหลาดใจ “หรือว่าเรื่องที่ร่ำลือกันก่อนหน้านี้…ว่ามีจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดหลอกยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายไปสังเวยต้นไม้เทพสังเวสวรรค์นั่นจะเป็นความจริง?!”


 


เพียงเพราะได้ยินมาอีกที ปี้ไห้หมิงเฟิงจึงยังไม่ปักใจเชื่อข่าวลือดังกล่าว


 


ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้ยินมาว่ามีใครในคฤหาสน์เฉวียนโยวถูกจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดหลอกไปแม้แต่คนเดียว จึงค่อนข้างคิดว่าเป็นข่าวลือเหลวไหลเสียมากกว่า


 


อย่างไรก็ตาม พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่ปี มันจึงเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้ว


 


“เช่นนั้นหมายความว่า ต้วนหลิงเทียนนั่นก็ถูกจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดหลอกไปด้วย แต่ไม่เพียงจะไม่พลาดท่าตกตายเพราถูกสังเวย กลับเป็นฝ่ายช่วงชิงผลเทพสังเวยสวรรค์มาจากเงื้อมมือของจักรพรรดิมอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่นได้?”


 


ปี้ไห่หมิงเฟิงถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ


 


“ไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียนที่ถูกหลอกไปคนเดียว ในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา ยังมีหลิงเจวี๋ยอวิ๋น กับมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวที่โดนหลอกไปอีก 2 คน…”


 


ฉีเทียนหมิงกล่าว “อย่างไรก็ตาม มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวเป็นคนเดียวที่ตาย…ส่วนต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์กันไปคนละผล”


 


“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคนนั้นเลือกที่จะรั้งอยู่ในอวี้หวงเทียน ไม่คิดกลับมาหลิงหลัวเทียนเรา ตอนนี้ลูกแก้ววิญญาณของมันในนิกายอมตะอวิ๋นไถก็ยังอยู่ดี เห็นชัดว่ายังไม่ตาย…”


 


ตอนแรกที่ฉีเทียนหมิงได้รับทราบเรื่องราวจากซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายยอมตะเป้าผู่ เรื่องการกลับมาของต้วนหลิงเทียนหลังได้ผลเทพสังเวยสวรรค์ มันก็เริ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องราวก่อนใดอื่น


 


ด้วยฐานะของมัน ตระกูลมู่หรงกับนิกายยอมตะอวิ๋นไถย่อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี…

 

 

 


ตอนที่ 3134

 

“สองคนนั่น…กลับคว้าผลเทพสังเววยสวรรค์ใต้เปลือกตาของจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดได้จริงๆหรือ? นี่พวกมันไปทำอีท่าไหนกันแน่?!”


 


สองตาปี้ไห่หมิงเฟิงเบิกโพลงด้วยความเหลือเชื่อ


 


ถึงแม้จักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่น ในชีวิตนี้จะยังมีด่านพลังจำกัด แต่ในเมื่อมันกล้าวางแผนหลอกลวงผู้คนไปเป็นเครื่องสังเวยจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้


 


ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว อีกฝ่ายสมควรได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มาครองอย่างไร้ข้อผิดพลาด


 


อย่างไรก็ตาม ฟังจากที่ฉีเทียนหมิงพูดมา…


 


ต้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสองคนนั่น กลับได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์มาครองภายใต้เปลือกตาของจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด?


 


“เรื่องนี้ข้าเกรงว่ามีแต่พวกมัน 2 คนเท่านั้นที่รู้…”


 


ฉีเทียนหมิงกล่าว


 


“สองคนนั่น…หรือจะมีใครเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดเสียเอง?”


 


สองตาปี้ไห่หมิงเฟิงทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง เอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา


 


“ที่เจ้าพูดมาข้าเองก็เคยคิดเหมือนกัน…ด้วยเหตุนี้ข้าจึงส่งคนไปตรวจสอบเรื่องราวความเป็นมาของทั้งคู่ดู สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นไปไมได้เลยที่จะเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดนั่น เพราะมันอยู่ในนิกาอมตะเป้าผู่ตลอดเวลา และช่วงที่มันอยู่นิกายอมตะเป้าผู่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่จักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดนั่นไปหลอกลวงผู้คน”


 


ฉีเทียนหมิงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เช่นกัน ข้าไปตรวจสอบที่นิกายอมตะอวิ๋นไถดูแล้ว มันก็ออกจากนิกาอมตะอวิ๋นไถแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเป็นการเดินทางไปอวี้หวงเทียน…ในเมื่อมันเองก็อยู่นิกายอมตะอวิ๋นไถตลอดเวลาเหมือนกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปชักชวนผู้คน”


 


สิ่งที่ปี้ไห่หมิงเฟิงคิดได้ ไหนเลยฉีเทียนหมิงจะไม่ฉุกคิด


 


“เด็กน้อยทั้งสองคนนั่น นับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก…”


 


พอเสียงฉีเทียนหมิงดังจบคำ ปี้ไห่หมิงเฟิงก็รู้ว่ามันคิดมากไปเอง อย่างไรก็ตามใบหน้ายังฉายชัดถึงความตกใจไม่หาย


 


มันคิดไม่ถึงจริงๆ


 


ว่าเด็กน้อย 2 คนที่มันหมายตาตั้งแต่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก กลับพบพานวาสนาจนทะยานขึ้นฟ้าในเวลาไม่กี่ปี…


 


“อาจารย์ลุงฉี แล้วนี่ท่านตั้งใจพาต้วนหลิงเทียนมาเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางโดยเฉพาะงั้นหรือ?”


 


พอฉุกคิดได้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไปสร้างผลงานในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ปี้ไห่หมิงเฟิงก็เอ่ยถามออกมาทันที


 


“เปล่า”


 


ฉีเทียนหมิงส่ายหัวไปมาพลางคลี่ยิ้มขื่นขม “คราวนี้ข้าพาต้วนหลิงเทียน มาพบท่านเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย…”


 


“อันใด!? นี่ท่านคิดให้ต้วนหลิวเทียนรับการทดสอบเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนแรกในรอบ 30,000 ปีงั้นหรือ!?”


 


ปี้ไห่หมิงเฟิงที่ได้ฟังคำเกริ่นของฉีเทียนหมิงก็โพล่งขัดออกมาทันที ด้วยคาดเดาความคิดอีกฝ่ายได้ ขณะเดียวกันก็ฉุกคิดถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกับอายุของอีกฝ่าย จึงตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนก็สามารถขึ้นรับตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้แล้วจริงๆ


 


ระดับความสามารถของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ให้กวาดตามองไปทั่ว 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลัก ก็น่ากลัวว่าจะไร้รุ่นเยาว์คนไหนเทียบเทียมได้


 


“ไม่ผิด”


 


ฉีเทียนหมิงพยักหน้า ค่อยกล่าวสืบต่อ “จากนั้นท่านเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ก็เริ่มทดสอบฝีมือของต้วนหลิงเทียน…จากนั้นก็มอบบททดสอบหนึ่ง”


 


ฉีเทียนหมิงเริ่มเล่าเรื่องราวออกมา ปี้ไห่หมิงเฟิงก็เงียบฟังด้วยความสนใจ


 


มันเองก็อยากรู้นักว่าจ้าววังผู้พิทักษ์น้อยจะให้บททดสอบอะไรกับต้วนหลิงเทียน


 


“ท่านเจ้าวังให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และได้อันดับ 1 ติดต่อกัน 12 เดือน หากทำสำเร็จ ก็จักผ่านทดสอบ และขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนแรกในรอบ 30,000 ปีของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราได้ทันที”


 


ฟังฉีเทียนหมิงกล่าวถึงบททดสอบที่เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมอบให้ต้วนหลิงเทียน ปี้ไห่หมิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปจนอ้าปากค้าง เนิ่นนานกวาจะดึงสติกลับมาได้


 


หากมันจำไม่ผิด ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีไม่ใช่รึไง?


 


บททดสอบแบบนี้ จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยกลับมอบให้ต้วนหลิงเทียนที่อายุไม่ถึงร้อยปี? อย่าว่าแต่ 30,000 ปีเลย อีก 300,000 ปีไม่รู้จะมีคนผ่านได้รึเปล่า!!


 



 


ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


‘กงซุนจิ้งนั่นเดิมทีมันอยู่อันดับที่ 69 ด้วยคะแนนสะสม 13 แต้ม…ตอนนี้ข้ามี 19 แต้มแล้ว เช่นนั้นก็สมควรติดอยู่ใน 60 อันดับแรกแล้วกระมัง?’


 


ก่อนจะเข้ามาในนี้ ต้วนหลิงเทียนที่เห็นตารางจัดอันดับแล้ว เขาก็จดจำได้ดี และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ด้วยคะแนนของเขาตอนนี้ ก็สมควรอยู่ในอันดับที่ 52…


 


สุดท้ายแล้วเขาก็พึ่งเข้ามาในนี้ได้ไม่นาน เช่นนั้นสถานการณ์ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ก็ยังไม่น่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก


 


แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย ว่าตอนนี้อันดับของเขาได้สร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนด้านนอกไม่น้อย ดั่งน้ำบ่อที่เคยนิ่งสงบถูกคนทุ่มหินลงไปอย่างไรอย่างนั้น…


 


ในอดีต เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนแบบนี้ อันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง มักไม่บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย


 


ทว่าเดือนนี้ด้วยการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน แม้จะเป็นช่วงปลายเดือนแล้ว แต่อันดับกลางตารางกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหาได้ยาก


 


3 วันหลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่เหินร่อนข้ามฟ้าไปอย่างไร้เป้าหมาย ไม่ว่าจะผ่านภูมิประเทศไปกี่มากน้อย เขาก็ไม่พบเจอแม้แต่เงาของผู้คน


 


‘ให้ตายเถอะ ข้าบินเหมือนแมลงวันไร้หัวแบบนี้ไม่ได้แล้ว…ถ้าไม่เจอคู่ต่อสู้แล้วข้าจะเพิ่มอันดับได้ยังไง’


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังรู้ดี


 


เหตุไฉนที่เขาเหินกินลมชมวิวมา 3 วันโดยไม่เจอแม้แต่เงาคน ไม่ใช่ผู้อื่นตั้งใจหลบซ่อนเขาแต่อย่างไร ทว่าเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช่วงนี้ต่างหาก


 


“หืม!?”


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อเหินมาถึงแนวป่าติดภูเขาแห่งหนึ่ง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้น


 


นั่นเพราะเบื้องล่างนั้นเขาพบเจอลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหุบเขา คล้ายๆกับหุบเขาที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์เฉวียนโยว ‘หุบเขานั่นมันแทบจะถอดแบบเดียวกับหุบเขาที่ตั้งค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวมาเลย…หรือที่นี่จะเป็นที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่น?’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนชมดูหุบเขาเบื้องหน้า เขาก็พบร่างหนึ่งพึ่งห้อเหยียดออกมาจากด้านในหุบเขาพอดี และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเขาแล้วด้วย


 


อีกฝ่ายเป็นชายร่างบึกบึนคนหนึ่ง ทั้งยังเปิดเผยไม่น้อย เพราะมันไม่สวมแต่กางเกงไม่สวมเสื้อ! แถมชายเปลือยอกผู้นี้เรียกมัดกล้ามแน่นเปรี๊ยะ ราวกับจะปริแตก!!


 


ตอนนี้พอมันเห็นต้วนหลิงเทียน สองตาที่คมกล้าปานพยัคฆ์ก็ทอแสงจ้า คนโจนทะยานย่ำฟ้ามาทางต้วนหลิงเทียนขวับๆ


 


แม้ร่างมันจะแลดูบึกบึนเทอะทะ หากแต่ความเร็วของมันไม่ใช่ช้าเลย


 


“ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวรึ?”


 


ครู่ต่อมาชายเปลือยอกก็มาหยุดร่างค้างกลางหาวเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน มันยังมองสังเกตไปยังป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวต้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น


 


“หืม? ลวดลายนั่นมัน…ศิษย์ฝ่ายนอกหรือ?”


 


พอผู้มาใหม่พบว่าต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวคิ้วมันก็ขดย่นเป็นปมทันที “นี่เจ้ามาเที่ยวเล่นหรือยังไง?”


 


“แต่มิใช่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวสมควรห่างจากที่นี่มากหรือไร…ไฉนเจ้าถึงมาเที่ยวไกลขนาดนี้เล่า?”


 


เท่าที่มันทราบ ค่ายของคฤหาสน์เฉวียนโยวสมควรอยู่หากจากที่นี่มาก และต่อให้เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศเร่งรุดเดินทาง ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ!


 


หากศิษย์ฝ่ายนอกมาเที่ยวเล่นจริง ไม่มีทางที่จะมาถึงในเวลา 2 วันแน่


 


ใช้เวลาเดินทางเป็นวันๆแบบนั้น ยังไม่พบเจอใครกลางทางอีกหรือ?


 


โชคของอีกฝ่ายจะดีเกินไปหน่อยรึเปล่า?


 


“คฤหาสน์ อู่จ้าน?”


 


เมื่อชายร่างบึ้กเหินมาหยุดลงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนบริเวณเอวอีกฝ่ายเช่นกัน จึงพบว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้าน และมีนามว่า “เหิงเฟิง”


 


“เหิงเฟิง…”


 


พอเห็นชื่ออีกฝ่าย ความคิดต้วนหลิงเทียนก็โลดแล่นไปยังตารางจัดอันดับที่เขาเห็นก่อนเข้ามาทันที และพบว่าในรายชื่อ 100 อันดับแรกที่แสดงอยู่บนตาราง กลับไม่มีนามเหิงเฟิงอยู่ในอันดับใดเลย


 


เห็นได้ชัดว่าเหิงเฟิงผู้นี้ไม่ติดอันดับ


 


แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเหิงเฟิงเบื้องหน้าจะมีพลังฝีมือต่ำต้อย แต่อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายติดธุระอะไรบางอย่างและไม่มีเวลาเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่ก็อาจจะพึ่งเข้ามาจริงๆ จึงไม่มีเวลาไปเก็บคะแนน


 


“ข้างหลังเจ้า…ใช่ค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านรึเปล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนหยีตามองเหิงเฟิงพลางถาม


 


“ก็ใช่”


 


เหิงเฟิงพยักหน้า จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มบางๆ “เจ้าหนู ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เข้ามาเที่ยวเล่นเช่นเจ้า นับว่าโชคดีนักที่มาถึงที่นี่ได้..”


 


“อย่างไรก็ตามตอนนี้เจ้าสมควรใช้โชคของเจ้าหมดแล้ว เจ้าจะทำลายป้ายหยกดสะสมคะแนนออกไปเอง หรือจะให้ข้าทุบตีเจ้าสักตุ้บสองตุ้บก่อน เจ้าถึงจะทำลายป้าย?”


 


เหิงเฟิงถาม


 


ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง หากไม่ใช่ว่ามีเรื่องบาดหมางกันอย่างคฤหาสน์ปี้ชิงและคฤหาสน์เฉวียนโยว ปกติแล้วผู้คนของคฤหาสน์ที่ต่างกันมาพบกัน มักไม่คิดเข่นฆ่ากัน


 


เป็นธรรมดาว่ายังมีคนที่เสพฺย์ติดการฆ่าและกระหายเลือดอยู่บ้าง แม้จะไม่พบเจอคนของคฤหาสน์คู่อริก็ฆ่าไม่สน…


 


แต่หากจะกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนโชคดี ที่เหิงเฟิงไม่ใช่คนรักการเข่นฆ่า…


 


หรือโชคของเหิงเฟิงไม่ดีด้วย?


 


“อ้อ เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”


 


สองตาที่หยีลงเล็กน้อยก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน พลันเบิกกว้าง เผยประกายหนึ่งแล่นวาบออกมา


 


พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้าเหิงเฟิงก็มืดลงทันที เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา


 


“เฮ่เจ้าหนู! นี่เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อ เหิงเฟิง ของข้ามาก่อนหรือ?”


 


เหิงเฟิงเอ่ยถามด้วยเสียงเข้ม


 


“อ่า ข้าไม่เคยได้ยินเลย”


 


ต้วนหลิงเทียนยักไหล่


 


ทันใดนั้นใบหน้าเหิงเฟิงก็เริ่มแดงขึ้นมาทันที


 


ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้วตัวมันนั้นมักจะติดอยู่ใน 50 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสมอ กล่าวได้ว่าขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณเป็นประจำ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักมัน!


 


เดือนนี้พอดีมันพึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมา ก็เลยเข้ามาสาย


 


อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่ามันพึ่งเข้ามาได้ไม่ทันไร คนแรกที่พบเจอกลับเป็นศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่ง แถมไม่รู้จักชื่อมันที่อยู่กลางตารางจัดอันดับมาโดยตลอดอีก…


 


“ก็นั่นน่ะสินะ…ข้าจักไปหวังอันใดกับศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เข้ามาเที่ยวเล่นเช่นเจ้ากัน…เจ้าจะไม่รู้เรื่องอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ไม่แปลก”


 


พอคิดถึงจุดนี้สีหน้าเหิงเฟิงก็เริ่มผ่อนคลายลงหลายส่วน จากนั้นก็ไม่คิดเสียเวลาอะไรอีก มันย่ำเท้าเหยียบเวหาก้าวไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางดุดันเอาเรื่อง!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


ทุกคราที่เท้าเหิงเฟิงย่ำเท้าเหยียบเวหาก้าวไป เสียงอากาศพลันแตกระเบิดดังปานกลองศึก!


 


และทุกฝีเท้าที่มันย่ำก้าวเข้ามา ทั่วร่างของมันยิ่งมายิ่งปรากฏพลังสีกากีเข้มขึ้นทุกขณะ!


 


สุดท้ายเมื่อร่างมันอยู่ห่างต้วนหลิงเทียนไม่กี่ก้าว พลังสีกากีดังกล่าวก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นเกราะศิลาหนาเตอะปกคลุมไปทั่วร่างกาย!


 


เป็นธรรมดาว่าเหิงเฟิงไม่ได้ควบแน่นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดสร้างชุดเกราะธรรมดาๆเท่านั้น หากแต่ชุดเกราะบนร่างของมันยังเปล่งกลิ่นอายพลังธาตุดินเข้มแข็งไม่ธรรมดาออกมาอีกด้วย!


 


เป็นกลิ่นอายพลังที่หนักแน่นมั่นคงปานทรงพลังไร้จำกัด ทำให้ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าจริงจังและสัมผัสได้ถึงแรงกดดันไม่น้อย!


 


“ความลึกซึ้ง กายาศิลา!?”


 


ตั้งแต่ที่เห็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างเหิงเฟิงเปลี่ยนเป็นสีกากี เขาก็เดาได้แต่แรกว่ากฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญสมควรเป็นกฏแห่งดิน


 


ต้องทราบด้วยว่ากฏแรกที่เขาได้สัมผัสก็คือกฏแห่งดิน ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินอะไรนอกจากธาตุดิน กับพื้นที่โน้มถ่วงบางส่วน แต่เขาก็เข้าใจดีว่าความลึกซึ้งของกฏแห่งดินมีอะไรบ้าง และมีพลังอำนาจอย่างไร


 


ความลึกซึ้งกายาศิลาของกฏแห่งดิน ก็คล้ายๆกับกายาทองคำของกฏแห่งทองและกายาอัคคีของกฏแห่งไฟ มันจะหนุนเสริมพลังให้ผู้ใช้ทุกด้าน


 


เป็นธรรมดาว่าเนื่องจากธาตุดินมันโดดเด่นเรื่องป้องกันมาแต่ไหนแต่ไร เช่นนั้นผู้ที่ใช้ความลึกซึ้งกายาศิลา ก็จะมีพลังป้องกันสูงล้ำเป็นพิเศษ ผิดกับผู้ใช้ความลึกซึ้งลักษณะเดียวกันอื่นๆ…


 


ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก!  ครึ่ก!


 



 


เมื่อเหิงเฟิงอยู่ห่างต้วนหลิงเทียนไม่ไกล มันก็โบกมือขวาออกมาฉับไว จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานพลังธาตุดินของมัน ก็พวยพุ่งออกมาควบรวมก่อเกิดเสาหินมากมายกลางอากาศในฉับพลัน!


 


เสาหินดังกล่าวยังเคลื่อนไหวไววว่องไม่ต่างอัสนีฟาดผ่า! พริบตาก็กระจายตัวอยู่รอบร่างต้วนหลิงเทียน ยังเริ่มก่อตัวเป็นกรงขัง กักขังร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้! ทั้งหมดกล่าวไปแม้ยืดยาว แต่อุบัติขึ้นในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ!!


 


เมื่อกรงขังก่อตัวแล้วเสร็จ ก็มีแรงกดดันอันหนักหน่วงปกคลุมไปทั่วร่างของต้วนหลิงเทียน!


 


“ความลึกซึ้ง พื้นที่โน้มถ่วง…”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงอีกครา จากนั้นมุมปากก็เริ่มคลี่ยิ้มบางๆ

 

 

 


ตอนที่ 3135

 

ความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง เป็น 1 ในความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่ต้วนหลิงเทียนเองก็เคยทำความเข้าใจมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา


 


เขายังรู้จุดอ่อนจุดแข็งของมันดี


 


‘บิดเบือน’


 


เผชิญหน้ากับสนามพลังโน้มถ่วงที่ถาโถมเข้าใส่ร่างเขาทุกทิศทาง รวมถึงแลเห็นกรงขังที่หดตัวลงด้วยความเร็ว สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยี พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดโคจรแล่นพล่านไปตามชีพจรสวรรค์ 99 สายดั่งน้ำหลาก


 


ทันทีที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดปลดปล่อยออกมา มันก็รวมผสานเข้ากับธาตุมิติทันที


 


เพราะต้วนหลิงเทียนมีชีพจรสวรรค์ถึง 99 สาย ความเร็วในการโคจรใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขานั้นนับว่าเหนือกว่าคนทั่วไปมาก


 


ดุจเดียวกับตอนนี้ ในห้วงเวลาดุจฟ้าแลบ พลังต้วนหลิงเทียนก็ปลดปล่อยออกมาเต็มกำลังแล้ว หลังผสานเข้ากับธาตุมิติมันก็สำแดงพลังอำนาจของความลึกซึ้งบิดเบือนออกมาทันที


 


เวิง!


 


เวิง!



 


ทันทีที่ความลึกซึ้งบิดเบือนปรากฏ ห้วงมิติรอบกายต้วนหลิงเทียนก็คล้ายกระดาษแผ่นหนึ่งถูกบิดพับ ทำให้สนามพลังโน้มถ่วงที่กดดันบีบคั้นทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปทันที


 


แน่นอนว่าไม่ใช่เหิงเฟิงถอนรั้งพลังคืนกลับ หากแต่พลังแรงดึงดูดทั้งหลายจากความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงของเหิงเฟิง ได้ถูกห้วงมิติบิดเบือนที่ปกคลุมรอบกายต้วนหลิงเทียนสลาย!


 


ห้วงมิติรอบกายต้วนหลิงเทียนยามนี้ มันเต็มไปด้วยพลังอำนาจของงพลังแห่งห้วงมิติ ไร้ซึ่งเสถียรภาพทั้งเต็มไปด้วยพลังมิติแปรปรวน ทำให้พลังแรงดึงดูดของเหิงเฟิงไม่อาจกกร้ำกรายมาถึงตัวเขาได้


 


‘เขตแดนมิติ!’


 


จากนั้นพอเห็นว่ากรงขังค่อยๆหดเล็กลงมาจนผนังคุกศิลาอยู่ห่างจากร่างเขาราวว 7-8 หมี่ พลังมิติรอบกายต้วนหลิงเทียนก็กระเพื่อมสั่นไหววาบหนึ่งก่อนจะกำจายออกไปโดยรอบ อุบัติเป็นเขตแดนมิติทันที


 


ในห้วงเวลาดุจพริบตา นอกจากรอบตัวต้วนหลิงเทียนจะเต็มไปด้วยความแปรปรวนของห้วงมิติจนทัศนียภาพบิดเบือนแล้ว อาณารัศมีรอบกายเขายังเต็มไปด้วยพลังแห่งห้วงมิติอันเกรี้ยวกราด ปานจะฉีกกระชากทุกสิ่ง ยิ่งผสานเข้ากับพลังของห้วงมิติบิดเบือนเข้าไป ก็ยิ่งกลายเป็นพื้นที่อันตรายถึงขีดสุด เริ่มต้านทานทำลายยผนังคุกศิลาที่หดตัวเข้ามาด้วยความเร็ว!


 


จังหวะนี้เหิงเฟิงก็ตระหนักได้ถึงเรื่องราวประการหนึ่ง


 


‘มันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ!’


 


‘อีกทั้งพลังความลึกซึ้งนั่นมัน…เป็นความลึกซึ้งบิดเบือนและเขตแดนมิติของกฏแห่งมิติ!!’


 


ความแข็งแกร่งของเหิงเฟิงนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่ากงซุนจิ้งที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าไปเมื่อไม่กี่วันก่อน สายตาของมันย่อมไม่อ่อนด้อยไปกว่ากงซุนจิ้ง


 


ด้วยเหตุนี้เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังด้านในคุกศิลาของมัน มันย่อมตระหนักได้ทันทีว่าพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตขีดขั้นอันใด ยังใช้พลังอันใดออกมา!


 


จังหวะนี้สีหน้าเหิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นขมึงตึงเครียด


 


“ความลึกซึ้ง สั่นสะเทือน!”


 


เหิงเฟิงอาศัยหนึ่งห้วงคิด ผนังกรงทั้ง 4 ทิศ 8 ทางที่ปิดล้อมต้วนหลิงเทียนอยู่ก็ทอประกายสีกากีเข้มจ้า จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังสั่นสะเทือนอันร้ายกาจออกมา หมายทำลายเขตแดนทั้งห้วงมิติบิดเบือนของต้วนหลิงเทียนให้จงได้


 


อย่างไรก็ตามแม้เหิงเฟิงจะใช้ความลึกซึ้งสั่นสะเทือนออกมาแล้ว แต่ในเมื่อมันลงมือช้ากว่าต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นพลังของมันพึ่งจะปรากฏไม่ทันได้ปลดปล่อยอานุภาพเต็มกำลัง ก็ถูกพลังจากเขตแดนมิติบิดเบือนทำลายเสียก่อน!


 


พริบตาต่อมา!


 


ครืนน! ครืนน! ครืนน! ครืนน! ครืนน!


 



 


เสียงสะเทือนเลือนลั่นกึกก้องไปทั่ว คุกศิลาอันเต็มไปด้วยสนามพลังโน้มถ่วงกับพลังสั่นสะเทือนจากความลึกซึ้งกฏแห่งดินของเหิงเฟิง  ไม่วายถูกพลังของต้วนหลิงเทียนบดขยี้ทำลาย จนกลับกลายเป็นละอองธุลีในชั่วพริบตา!


 


อย่างไรก็ตามแม้กรงศิลาจะสลายกลับกลายเป็นละอองธุลีแล้ว หากแต่ละอองธุลีดังกล่าวคล้ายได้รับพลังเหนี่ยวนำขุมหนึ่ง จึงเริ่มรวมตัวเกาะกลุ่ม ควบสร้างเป็นคุกศิลาอีกครั้ง!


 


ยิ่งไปกว่านั้นขนาดคุกยังเล็กลง ราวกับจะกักขังต้วนหลิงเทียนไปพร้อมๆกับบดขยี้ในคราเดียว!


 


“หือ?”


 


เห็นฉากเรื่องราวรอบกาย สองตาต้วนหลิงเทียนยกระพริบวาบหนึ่ง จากนั้นมุมปากก็เริ่มคลี่ยิ้มบางๆ “ความลึกซึ้ง ฟื้นฟู ของกฏแห่งดินงั้นเหรอ?”


 


ไม่ผิด!


 


เหตุไฉนที่คุกศิลาของเหิงเฟิงสามารถฟื้นคืนได้ในฉับพลันแบบนี้หลังถูกพลังมิติต้วนหลิงเทียนป่นทำลายเป็นผุยผง เนื่องเพราะเหิงเฟิงได้ใช้ออกด้วยความลึกซึ้ง ฟื้นฟู ของกฏแห่งดิน!


 


ความลึกซึ้งฟื้นฟูของกฏแห่งดิน นับเป็นความลึกซึ้งประการเดียวที่โดดเด่นในเรื่องการฟื้นฟูพลังของกฏแห่งดิน ไม่เพียงแต่มันจะดูดซับอณูพลังธาตุดินในสวรรค์และโลกมาฟื้นคืนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดให้ผู้ใช้ ยังฟื้นฟูพลังธาตุดินไม่เว้นกระบวนท่าของผู้ใช้ที่ถูกทำลายขณะต่อสู้ได้อีกด้วย


 


ดุจเดียวกับคุกศิลาอันเต็มไปด้วยสนามพลังโน้มถ่วงของเหิงเฟิง เพียงชั่วพริบตาก็สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้แล้ว


 


และตั้งแต่ตนจนถึงตอนนี้ เหิงเฟิง ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านก็ได้เผยความลึกซึ้งของกฏแห่งดินออกมาทั้งสิ้น 5 ประการ!


 


ความหมายแห่งดิน กายาศิลา พื้นที่โน้มถ่วง สั่นสะเทือน และฟื้นฟู!


 


“วันนี้ข้าเหิงเฟิงนับว่ามองผิดไปแล้วจริงๆ…ไม่คิดเลยว่าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นเจ้า ที่แท้จะร้ายกาจถึงขนาดนี้!”


 


ทันใดนั้นเสียงเหิงเฟิงพลันดังขึ้น “เพียงแต่ หากเจ้ายังมีพลังเพียงเท่านี้ ข้าแนะนำให้เจ้าจงเร่งทุบทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนเสียประเสริฐกว่า!”


 


พอเสียงเฟิงเฟิงดังจบคำ คุกศิลาอันเต็มไปด้วยพลังสั่นสะเทือนทั้งสนามพลังโน้มถ่วง ก็ทวีความเร็วในการหดตัว หมายบดขยี้ต้วนหลิงเทียนขึ้นไปอีกขั้น!


 


ด้วยความลึกซึ้งทั้ง 5 ประการที่เหิงเฟิงใช้ออก ทำให้พลังของกระบวนนท่ามันเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนที่ใช้ออกด้วยเขตแดนมิติกับบิดเบือนเล็กน้อย


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะจ่ายพลังประคองเขตแดนและห้วงมิติบิดเบือนอยู่ แต่ความเร็วในการทำลายกรงศิลากับพลังโน้มถ่วงและสั่นสะเทือนของเหิงเฟิง ยังไม่อาจเทียบกับความเร็วในการฟื้นฟูของมันได้


 


เนื่องเพราะเหิงเฟิงไม่เพียงจะใช้กายาศิลาที่ส่งเสริมพลังผู้ใช้ทุกด้าน อีกฝ่ายยังใช้ความลึกซึ้งฟื้นฟู อาศัยความลึกซึ้งแค่ 2 ประการของต้วนหลิงเทียน ไหนเลยจะทำลายพลังจากความลึกซึ้ง 4 ประการของเหิงเฟิงได้? อันที่จริงกล่าวไปไม่ใช่ทำลายไม่ได้ แค่ทำลายไม่ทันมันฟื้นฟูเท่านั้น!


 


‘เคลื่อนมิติ’


 


เสียงเหิงเฟิงพึ่งจะดังจบคำไม่ทันไร ในขณะที่คุกศิลากำลังหดเล็กลง ต้วนหลิงเทียนเพียงคิดในใจอย่างไม่รีบไม่ร้อน ร่างก็อันตรธานหายไปทันที


 


“หืม?!”


 


ลูกตาเหิงเฟิงหดเล็กลงแทบปิด


 


เพราะในขณะเดียวกัน ร่างต้วนหลิงเทียนก็มาผุดโผล่เบื้องหลังเหิงเฟิงปานภูตผี สองตาหดหยีเล็กน้อย ก่อนรอบกายเหิงเฟิงจะอุบัติกรงมิติผนึกกักร่างเอาไว้ในฉับพลัน! ไม่มีเวลาแม้แต่จะหันกลับมามองต้วนหลิงเทียน!!


 


เป็นต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยความลึกซึ้งกักกัน!


 


‘เขตแดนมิติ’


 


‘บิดเบือน’


 


และในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานธาตุมิติต้วนหลิงเทียนก็ปะทุใช้ออกด้วยความลึกซึ้งทั้ง 2 ประการของกฏมิติอีกครั้ง ห้ววงมิติรอบกายเหิงเฟิงกลับกลายเป็นวิปริตไปในฉับพลัน!


 


บัดนี้รอบกายเหิงเฟิงเต็มไปด้วยพลังมิติอันเกรี้ยวกราดปานจะฉีกกระชากทำลายได้ทุกสิ่ง!


 


พลังอันตรายดังกล่าวมาไวเกินไป รวดเร็วจนเหิงเฟิงแทบตั้งตัวไม่ทัน!


 


อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันกับที่พลังมิติของต้วนหลิงเทียนปกคลุมไปทั่วร่างเหิงเฟิง ทั่วเกราะศิลาที่ปกคลุมร่างของมันอยู่ก็เริ่มปรากฏผลึกแก้วออกมา!


 


ความลึกซึ้ง ปราการผลึก!


 


ความลึกซึ้งที่มุ่งเน้นการป้องกันเป็นหลักของกฏแห่งดิน!


 


ในห้วงเวลาคับขัน เหิงเฟิงได้ใช้ความลึกซึ้งประการที่ 6 ของกฏแห่งดินออกมา!


 


เรียกว่า ณ จุดนี้ พลังของเหิงเฟิงไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากงซุนจิ้งศิษย์ฝ่ายในของคฤหาสน์ปี้ชิงที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกต่อไป!


 


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


 



 


พลังมิติของต้วนหลิงเทียนเมื่อตกกระทบร่างเหิงเฟิง ก็บดขยี้ผลึกศิลาจนแหลกเป็นเสี่ยง จากนั้นก็เริ่มเคี่ยวกรำทำลายเกราะศิลาทั่วร่างเหิงเฟิงสืบต่อ!


 


“อั๊ค-!”


 


เหิงเฟิงกระอักโลหิตออกคำใหญ่ ลมหายใจเปลี่ยนเป็นหอบถี่ จากนั้นมันก็กัดฟันแน่น เร่งเร้าพลังชั่วชีวิตต้านทานพลังมิติดุร้าย!


 


ยังจ่ายพลังใช้ออกด้วยความลึกซึ้งทั้งหมดเต็มกำลัง พยายามต้านทานพลังมิติของต้วนหลิงเทียนให้ถึงที่สุด!


 


ตอนนี้หนึ่งสร้างหนึ่งทำลาย พลังสองขุมของเหิงเฟิงและต้วนหลิงเทียนปะทะต้านทานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร


 


“ฟื้นฟู!!”


 


อย่างไรก็ตามด้วยความลึกซึ้งฟื้นฟูของกฏแห่งดิน เหิงเฟิงไม่เพียงแต่จะซ่อมเกราะศิลาที่สวมไว้ด้วยความเร็วสูงเท่านั้น มันยังซ่อมแซมฟื้นฟูผลึกปฐพีที่ปกคลุมผิวเกราะศิลาไม่เว้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังธาตุดินของเหิงเฟิงตลอดเวลา!


 


สถานการณ์ของต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนกำลังจะตกเป็นรองอีกกครั้ง


 


“ความหมายแห่งมิติ บิดเบือน เขตแดน กักกัน ทั้งยังมีเคลื่อนมิติ…คฤหาสน์เฉวียนโยวมีขุนนางอมตะ 10 ทิศเช่นเจ้าตั้งแต่เมื่อใด!?”


 


ถึงแม้ตอนนี้เหิงเฟิงจะเริ่มมีเปรียบแล้ว แต่สีหน้าของมันยังฉายชัดถึงความตึงเครียดนัก


 


เพราะก่อนหน้านี้มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวจะมีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่


 


มันยังมั่นใจมาก


 


ว่าหากคฤหาสน์เฉวียนโยวมีตัวตนแบบนี้อยู่ ต่อให้จะไม่ได้เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แต่ขอเพียงเผยพลังออกมาต่อหน้าสาธารณะชน ก็ไม่มีทางที่จะไม่โดดเด่นได้…


 


นั่นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้เข้าใจกฏทั่วไป แต่เป็นกฏมิติ 1 ใน 4 กฏสูงสุด!


 


กล่าวได้ว่า…


 


ความยากในการทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 5 ประการนั้น ไม่ได้น้อยไปกว่าการทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏทั่วไปให้ได้ 7-8 ประการเลย


 


และวินาทีนี้เหิงเฟิงไม่หลงเหลือความคิดที่จะให้ต้วนหลิงเทียนทำลายป้ายหยกอีกต่อไป


 


เพราะทันทีที่มันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ มันก็รู้ดีว่าไม่มีวันตามอีกฝ่ายได้ทัน


 


ตราบใดที่มันไม่ใช่ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เชี่ยวชาญความเร็วเป็นพิเศษ เช่นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งที่เสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม ไม่เว้นความลึกซึ้งของกฏอื่นๆที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลัก หากต้วนหลิงเทียนคิดจะจากไป ก็คงจากไปได้อย่างไร้เรื่องราว


 


ครืนน! ครืนน! ครืนน! ครืนน! ครืนน! ครืนน!


 



 


ในขณะที่เหิงเฟิงกำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พลันปรากฏร่างคนกลุ่มหนึ่งเหินทะยานออกมาจากหุบเขาที่สมควรเป็นค่ายของคฤหาสน์อู่จ้าน


 


“เฮ่ย! นั่นศิษย์พี่เหิงเฟิงนี่!?”


 


“ศิษย์พี่เหิงเฟิงกำลังประมือกับผู้ใดอยู่กัน ไฉนแลดูเคร่งเครียดแบบนี้!?”


 


“เป็นเจ้านั่น! ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนนโยว….เอ๋ ศิษย์ฝ่ายนอกรึ!?”


 


“บ้าน่า ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นมันไฉนบีบให้ศิษย์พี่เฟิงเฟิงหน้าดำคร่ำเครียดได้ถึงขนาดนี้กัน!?”


 



 


เหล่าคนที่พึ่งมาถึง ก็คือศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้าน เดิมทีพวกมันก็อยู่ในค่ายของคฤหาสน์อู่จ้าน แต่พอสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวด้านนอก จึงเร่งออกมาดูชม


 


ถึงแม้จะดูเหมือนต้วนหลิงเทียนกับเหิงเฟิงปะทะกันมานานแล้ว หากแต่เรื่องราวยังจะพึ่งผ่านไปไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น


 


“ข้าไม่คิดเลยว่าที่แท้เจ้าจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินได้ 6 ประการ…”


 


ต้วนหลิงเทียนมองเหิงเฟิงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย


 


และตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้แยศิษย์ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่พึ่งมาถึงเลย ถึงแม้พวกมันจะเป็นศิษย์ฝ่ายในของคฤหาสน์อู่จ้านทั้งหมดก็ตามที


 


ตอนนี้พลังของเหิงเฟิง ไม่ได้ด้อยไปกว่ากงซุนจิ้งที่เขาฆ่าทิ้งไปแม้แต่น้อย


 


กระทั่งหากกงซุนจิ้งพบเจอกับเหิงเฟิง มันไม่แน่ว่าจะสู้เหิงเฟิงได้ด้วยซ้ำ แต่เป็นธรรมดาว่าหากกงซุนจิ้งคิดจากไป เหิงเฟิงก็คงไล่ไม่ทัน


 


เพราะสุดท้ายแล้วเหิงเฟิงก็ใช้กฏแห่งดิน ความเร็วเป็นจุดอ่อนของมัน


 


“เจ้านั่นมันพึ่งบอกว่าศิษย์พี่เหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 6 ประการ…หรือว่าการสู้กับมัน ทำให้ศิษย์พี่เหิงเฟิงต้องงัดความลึกซึ้งของกฏแห่งดินออกมาใช้ถึง 6 ประการ!?”


 


“นั่นก็ไม่แน่นักหรอก…เจ้าอย่าลืมว่าในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ ศิษย์พี่เหิงเฟิงเราไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม…เจ้านั่นมันอาจจะเคยได้ยินเรื่องของศิษย์พี่มาจากคนอื่น จึงรู้ว่าศิษย์พี่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 6 ประการ…”


 


“เพ่ย! พวกเจ้าเอาตาไปไว้ที่ไหนกันหา…ไม่เห็นหรือไรว่าตอนนี้ศิษย์พี่เหิงเฟิงกำลังใช้ความลึกซึ้งทั้ง 6 ประการอยู่!!”



 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่พึ่งปรากฏตัว ย่อมไม่ขาดผู้ที่มีพลังฝีมือสูงถึงขั้น จึงมองออกได้แทบจะทันทีว่าตอนนี้เหิงเฟิงกำลังใช้ออกด้วยความลึกซึ้งทั้ง 6 ประการของกฏแห่งดินออกมาแล้ว


 


“เจ้าไปเถอะ…ด้วยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของเจ้า ข้าไม่มีปัญญาไล่ตามเจ้าทันหรอก…”


 


เหิงเฟิงที่เริ่มคุมสถานการณ์ได้แล้วเอ่ยออกเสียงเข้ม


 


พอเสียงของเหิงเฟิงดังออกมา เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านก็อึ้งกันเป็นแถบ


 


ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ?


 


ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ไม่เพียงบีบคั้นให้ศิษย์พี่เหิงเฟิงของมันจำต้องใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งงดินออกมาถึง 6 ประการ แต่อีกฝ่ายยังเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติด้วยหรือ?

 

 

 


ตอนที่ 3136

 

“เจ้าไม่มีปัญญาทำอะไรข้า…ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่มีปัญญาทำอะไรเจ้า”


 


ได้ยินคำพูดของเหิงเฟิง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงทันที


 


พริบตาต่อมาพลังเซียนอมตะที่ผสานธาตุมิติสีเทาของเขาก็เริ่มสั่นไหวครืนๆ ราวกับกำลังโหมโรงอะไรบางอย่าง


 


พริบตาต่อมา เสียง ‘เปรียะ’ พลันดังขึ้น จากนั้นรอยแยกมิติอันมืดดำชวนสยองก็อุบัติขึ้นในความว่างเปล่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน!


 


“เจ้านั่น…มันทลายว่างเปล่างั้นเหรอ!?”


 


“ให้ตายเถอะ! มันถึงกับฉีกเปิดมิติได้…พลังของมันร้ายกาจถึงขนาดนั้นเชียว!?”


 


“ไม่! มันไม่ได้ใช้พลังของตัวเองฉีกเปิดมิติ แต่มันอาศัยพลังของกฏมิติเพื่อฉีกเปิดมิติ…กล่าวให้ชัดนั่นสมควรเป็นความลึกซึ้งผ่ามิติ!”


 



 


ในขณะที่เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านกำลังหวั่นหวาดกับเรื่องราวเบื้องหน้า กระบี่แสงสีเทาพลันปรากฏขึ้น!


 


กระบี่แสงสีเทาดังกล่าวพุ่งออกมาจากรอยแยกมิติ ราวกับเป็นกระบี่พลังที่พุ่งมาจากมิติอื่น พอมันปรากฏ สรรพสิ่งโดยรอบก็คล้ายจะหมองลงถนัดตา!


 


วู้มม!


 


วู้มม!


 



 


หลังกระบี่แสงสีเทาพุ่งออกมาไม่ทันไร พลังของความลึกซึ้งกฏมิติก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหนุนเสริมเพิ่มพูนพลังอานุภาพให้มัน!


 


ทันใดนั้นไม่เพียงแต่แสงสีเทาที่เปล่งออกจะจ้าขึ้นกว่าเดิม กลิ่นอายพลังของมันยังทวีความรุนแรงทั้งน่ากลัวมากขึ้นไปหลายขุม กระบี่แสงพุ่งทะยานผ่านความว่างไปด้วยสภาวะพลังน่าพรั่นพรึง! แม้จะไม่ได้พุ่งไปทางเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน แต่ก็พาลทำให้พวกมันรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก!!


 


“ทรงพลังนัก!”


 


“ช่าเป็นกระบี่แสงที่น่ากลัวอะไรจะขนาดนี้!!”


 


“นี่น่ะเหรอ ผ่ามิติ! ความลึกซึ้งที่เอกอุเรื่องการโจมตีของกฏมิติ!!”


 



 


เหล่าศิษย์อู่จ้านที่ชมดูเรื่องราวห่างๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกกระบี่แสงเทาเพ่งเล็ง แต่พวกมันก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงความอันตรายของคมกระบี่มิติดังกล่าว! ยิ่งเหิงเฟิงที่เป็นเป้าหมายของมันยิ่งตระหนักถึงความน่ากลัวได้ชัดเจนกว่าใคร!!


 


จังหวะนี้แม้เหิงเฟิงจะใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งดินหลายประการเพื่อป้องกันตัวเองอยู่ แต่พอต้องมาเผชิญหน้ากับคมกระบี่มิติสีเทานั่น มันไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้!!


 


“ความลึกซึ้ง เกราะ!!”


 


ภายใต้สถานการณ์บีบคั้นหัวใจดังกล่าว เหิงเฟิงเร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะใช้อออกด้วยความลึกซึ้งที่มันพึ่งจะเข้าใจได้บ้างส่วนออกมาทันที


 


ทันใดนั้นเบื้องหน้าของมันพลันอุบัติมวลพลังสีกากีที่ควบรวมเป็นแผ่นราวยันต์อมตะมากมาย แผ่นยันต์สีกากีดังกล่าวยังเริ่มหมุนวนห้อมล้อมร่างกายมันเร็วรี่!


 


แน่นอนว่ายันต์สีกากีดังกล่าว ไม่ได้ชัดเจนจนเหมือนวัตถุมีสภาพ หากแต่พร่าเลือนคล้ายภาพมายา ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรให้เหิงเฟิงได้มากนัก


 


“ศิษย์พี่เหิงเฟิงถึงกับต้องงัดความลึกซึ้งเกราะที่พึ่งเข้าใจได้บางส่วนออกมาใช้เชียวหรือ!?”


 


จังหวะนี้ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหมดถึงกับหยุดหายใจ


 


พวกมันย่อมเห็นได้ชัด ว่าบัดนี้ศิษย์พี่เหิงเฟิงของพวกมัน ได้ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดแล้ว!


 


ปงงง!!


 


ครืนนนน!!!


 



 


เผชิญกับกระบี่แสงสีเทาอันน่าพรั่นพรึง เหิงเฟิงได้แต่งัดความลึกซึ้งเกราะที่พึ่งเข้าใจได้บางส่วนออกมาใช้!


 


และเพียงห้วงคิด เบื้องหน้าของมันก็ปรากฏสนามพลังโน้มถ่วง รวมถึงแรงสั่นสะเทือนที่รวมรั้งให้กางกั้นดั่งโล่กำบัง หมายหนุนเสริมการป้องกัน!


 


เรียกว่าวินาทีนี้เหิงเฟิงได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปกับการป้องกัน ไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว!!


 


และตอนนี้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันก็ถูกเร่งเร้าใช้ออกเพื่อเสริมพลังป้องกันถ่ายเดียว หมายต้านทานการโจมตีของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ให้จงได้! ไม่หลงเหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความคิดจะโจมตีสวนกลับ!!


 


เรียกว่าเหิงเฟิงบัดนี้ คล้ายเต่าที่หลบอยู่ในกระดอง!


 


“นี่เจ้ายังเข้าใจความลึกซึ้งเกราะของกฏแห่งดินได้บางส่วนแล้วรึ?”


 


เมื่อเห็นว่าเหิงเฟิงได้ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งเกราะที่พึ่งจะเข้าใจได้บางส่วน ต้วนหลิงเทียนก็หรี่ตากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ แลดูไม่ได้นำพาอะไร


 


‘หากเป็นความลึกซึ้งเกราะที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น พร้อมด้วยความลึกซึ้งทั้งหมดนั่น บางทีมันอาจจะยังต้านทานคมกระบี่มิติข้าได้…’


 


‘แต่อาศัยความลึกซึ้งเกราะที่พึ่งจะริเริ่มเข้าใจได้บางส่วนแบบนี้ ยังไม่พอ’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจอย่างเงียบงัน


 


ซัวว!!


 


กระบี่แสงสีเทาพุ่งตัดความว่างเปล่ามาฉับไว พริบตาก็ทำลายม่านพลังที่เกิดจากความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงกับพลังสั่นสะเทือนจนพินาศลงง่ายดาย ประหนึ่งย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบก็ไม่ปาน ก่อนจะพุ่งเข่นฆ่าไปทางเหิงเฟิงสืบต่อ!


 


ในกระบวนการดังกล่าวแน่นอนว่ากระบี่มิติย่อมสูญเสียพลังจนสภาวะถดถอยไปบางส่วน หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็จ่ายพลังไปหนุนเนืองให้มันฟื้นฟูพลังสภาวะได้ในชั่วพริบตา!


 


แน่นอนว่ามีเพียงต้วนหลิงเทียนที่มีชีพจรสวรรค์ 99 สายเท่านั้น ที่จะสามารถฟื้นฟูพลังของกระบี่มิติได้ในเวลาเสี้ยวพริบตาแบบนี้!


 


ถึงแม้ว่ากระบี่แสงสีเทาจากความลึกซึ้งผ่ามิติจะไม่ได้พร่องพลังไปมากมาย


 


หากแต่ถ้าไม่ใช่คนที่มีชีพจรสวรรค์ 99 สาย ในห้วงเวลาแค่เสี้ยวพริบตา ย่อมไม่อาจรวบรวมพลังทั้งจ่ายไปหนุนเนืองได้ทันท่วงทีแบบเขา!


 


ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!


 



 


กระบี่แสงสีเทาทะลวงความว่างมาฉับไว สภาวะพลังประหนึ่งจะทะลวงผ่าได้ทุกสิ่ง เสียงกระบี่มิติแหวกอากาศชวนสยอง ดังไม่ต่างฟ้าร้องในหูเฟิงเฟิง


 


ถึงแม้ตอนนี้เหิงเฟิงจะเร่งเร้าพลังงทั้งหมดเพื่อป้องกันตัวแล้ว แต่มันก็ไม่มีความมั่นใจแม้แต่นิดเดียว


 


พลังเข่นฆ่าของกระบี่มิตินี้ทรงพลังน่ากลัวเกินไป!!


 


กฏมิติ สมแล้วที่เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด!


 


คนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประการ เรียกว่ามีพลังอำนาจเหลือเฟือที่จะจัดการคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ได้บางส่วน!


 


ยิ่งไปกว่านั้น การจู่โจมของอีกฝ่าย กำลังจะฝ่าทำลายปราการป้องกันที่มันทุ่มพลังสุดตัว!


 


ต้องทราบด้วยว่ากฏแห่งดินนั้น ในแง่การป้องกันแล้ว…กระทั่ง 4 กฏสูงสุดยังไม่อาจเทียบได้!


 


แต่ตอนนี้เหิงเฟิงกลับตระหนักได้ชัดเจน ว่าคมกระบี่มิตินั่น มันไม่เพียงแต่จะสามารถฝ่าการป้องกันทั้งหมดของมันได้ กระทั่งยังจะฆ่ามันได้ง่ายๆ!!


 


ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่มิตินั่นเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ในใจมันยิ่งสัมผัสได้ถึงลางแห่งความตายมากขึ้นเท่านั้น!!


 


จังหวะนี้สมองของมันอดไม่ได้ที่จะอื้ออึงไปพักหนึ่ง


 


“ไม่!!!”


 


ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย ลูกตาเหิงเฟิงพลันหดตัวอย่างแรง รัศมีพลังสีกากีทั่วร่างเริ่มวูบวาบไม่หุด ราวกับใกล้หลุดความควบคุมเต็มที!


 


และภายใต้อารมณ์จนตรอกจากการตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตายดังกล่าว อยู่ๆเหิงเฟิงพลันรู้สึกเสมือนมีน้ำเย็นราดลงหัว คนเสมือนได้ตื่นเต็มตา ร่างกายเสมือนเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง!


 


ความลึกซึ้งเกราะในกาลก่อนแต่เดิมที่ติดขัดและไม่อาจเข้าใจได้ บัดนี้เสมือนกระจ่างแจ้งในฉับพลัน!


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!


 



 


ในขณะที่กระบี่มิติสีเทาพุ่งผ่านม่านพลังที่เกิดจากการควบแน่นความลึกซึ้งสั่นสะเทือนและพื้นที่โน้มถ่วง แผ่นยันต์สีกากีที่หมุนวนรอบกายเหิงเฟิงนั้น จากเดิมที่พร่ามัวไร้รูป พลันกลับกลายเป็นเด่นชัดปานมีสภาพ!


 


ผลที่ตามมาก็คือปราการป้องกันด่านหน้าก่อนถึงตัวมัน ได้ทวีความเข้มแข็งขึ้นในฉับพลัน! สภาวะพลังไม่ได้ครั่นคร้ามต่อกระบี่มิติอีกต่อไป!!


 


“ภายใต้แรงงกดดันจากการโจมตีของข้า…ถึงกับบังเกิดการตระหนักรู้ จนเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้?”


 


ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย เมื่อเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า


 


“อย่างไรก็ตาม…เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนเบื้องตนแล้วอย่างไร? ความลึกซึ้งเกราะนั่นเป็นเจ้าเลือกใช้มันสร้างปราการห้อมล้อมรอบกาย ไม่ได้อยู่ติดกับตัวเจ้าเสียหน่อย…แค่ไม่ต้องสนใจมันก็หมดเรื่อง!”


 


ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด กระบี่มิติสีเทาที่กำลังจะปะทะเข้ากับแผ่นกากีนับร้อยที่ห้อมล้อมวนเวียนรอบกายเหิงเฟิง อยู่ดีๆ ก็อันตรธานหายไปอย่างประหลาด!


 


และพอมันปรากฏขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่ระหว่างร่างเหิงเฟิงกับแผ่นกากีนับร้อยที่เวียนวนอย่างอัศจรรย์ ทั้งสภาวะพลังไม่ได้ถดถอยลงแม้เพียงเสี้ยว พุ่งเข่นฆ่าเข้าใส่เหิงเฟิงสืบต่อ!!


 


จังหวะนี้ ความลึกซึ้งเกราะของเหิงเฟิง เสมือนกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์!!


 


“เป็นไปได้ยังไงกัน!!”


 


สีหน้าเหิงเฟิงแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตาเริ่มฉายให้เห็นความสิ้นหวัง!


 


ในห้วงเวลาแค่ชั่วพริบตานี้ ต่อให้มันจะควบคุมความลึกซึ้งเกราะให้มาผนึกติดกับร่างดั่งเกล็ดเกราะก็สายเกินไปแล้ว เพราะมันไม่อาจตามความเร็วของผ่ามิติได้ทัน!


 


ซูวว!!


 


คมกระบี่สีเทาของต้วนหลิงเทียนแรกสัมผัสผลึกที่ปกคลุมไปทั่วเกราะศิลาของเฟิงเฟิง ก็ประหนึ่งมีดคมจรดลงเต้าหู้…


 


ความลึกซึ้งปราการผลึกของกฏแห่งดิน ได้ทำหน้าที่ป้องกันอย่างสุดกำลังของมันแล้ว!


 


แน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกทำลายไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะอย่างน้อยๆมันก็บั่นทอนพลังของผ่ามิติลงไปได้เกือบครึ่ง!


 


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เบื้องหลังปราการผลึกยังมีเกราะศิลาจากความลึกซึ้งกายาศิลาอยู่อีกชั้น!


 


แต่วว่าความลึกซึ้งกายาศิลาจไม่ใช่ความลึกซึ้งที่มุ่งเน้นในด้านการป้องกันเป็นหลักของกฏแห่งดิน ถึงมันจะมีลักษณะเป็นเกราะที่เหมือนเอาไว้ป้องกัน แต่ก็ไม่อาจมีพลังป้องกันทัดเทียมความลึกซึ้งปราการผลึก รวมถึงความลึกซึ้งเกราะได้เลย…


 


ด้วยเหตุนี้สีหน้าของเหิงเฟิงจึงซีดลงราวขี้เถ้า หลังเห็นกระบี่มิติตัดผ่าปราการผลึกของมันเข้ามาตกกระทบเกราะศิลา!


 


‘ไม่คิดเลยว่าข้าเหิงเฟิง จะต้องมาตกตายลงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้…’


 


เหิงเฟิงได้แต่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง


 


วินาทีนี้มันไม่หลงเหลือความหวังทั้งเรี่ยวแรงต้านทานอะไรแล้ว


 


อย่างไรก็ตามผ่านไปพักหนึ่ง เหิงเฟิงก็พบว่าความตายที่มันรอคอย กลับมาไม่ถึงสักที…


 


และถึงแม้มันจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเยียบเย็นที่กำลังเชือดเฉือนเข้าอก รวมถึงความเจ็บปวดปานโดยเพลิงแผดเผา แต่มันก็ตระหนักว่าคมกระบี่มิติที่จะพรากหนึ่งชีวิตของมัน ได้อันตรธานหายไปแล้ว…


 


ซัวว!!


 


ทันใดนั้นมันก็ได้ยินเสียงกระบี่มิติแหวกอากาศดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนจะสลายหายไป ทำให้เหิงเฟิงตระหนักได้ว่า ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น ได้เมตตาละเว้นหนึ่งชีวิตของมันเอาไว้!


 


“ขอบคุณเจ้าที่ไม่ฆ่า”


 


เหิงเฟิงลืมตาขึ้นมาก้มลงมองบาดแผลที่กลางอกเล็กน้อย ค่อยเงยหน้าขึ้นมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความซาบซึ้ง


 


หากไม่เจอกับตัวเหมือนเหิงเฟิงย่อมไม่อาจเข้าใจได้เลย ว่าการมาหยุดยืนเบื้องหน้าหุบเหวแห่งความตายนั้นมันรู้สึกอย่างไร…


 


“ตอนแรกเจ้าก็คิดว่าคงฆ่าข้าได้ง่ายๆ แต่สุดท้ายเจ้ากลับไม่เคยคิดจะฆ่าข้าเลยสักครั้ง…เป็นธรรมดาว่าข้าย่อมไม่คิดเอาชีวิตเจ้าเช่นกัน”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ “ตอนนี้เจ้าคงส่งมอบคะแนนที่เจ้ามีมาให้ข้าได้แล้วกระมัง?”


 


เมื่อครู่หากต้วนหลิงเทียนไม่ใช้ความลึกซึ้ง ส่งผ่าน ที่พึ่งเข้าใจได้บางส่วน ส่งกระบี่มิติให้ผ่านห้วงมิติไปโผล่เบื้องหลังเหิงเฟิง อีกฝ่ายคงตกตายไปแล้ว!


 


ก็อย่างที่เขาพูด


 


ในเมื่อแต่ต้นจนจบเหิงเฟิงไม่คิดฆ่าเขาสักครั้ง เช่นนั้นเขาก็เลยเมตตาละเว้นอีกฝ่าย


 


หากเฟิงเฟิงบังเกิดจิตสังหารต่อเขาแม้เพียงวูบเดียว ป่านนี้อีกฝ่ายได้ไปเที่ยวเมืองผีเรียบร้อยแล้ว


 


“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”


 


เหิงเฟิงสะบัดมือเรียกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาเร็วไว ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่จะหนาวจับไขสันหลัง กระทั่งแผ่นหลังยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น


 


จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดี ที่ตัวมันไม่ชมชอบการฆ่าคนเป็นผักปลา…


 


มิฉะนั้นมันคงตายไปแล้ว!


 


“อย่างไรก็ตามวันนี้ถือว่าข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า วันหน้าหากมีโอกาสข้าเหิงเฟิงต้องตอบแทนเจ้าแน่…”


 


ก่อนจะทำลายป้ายหยกสะสมคะแนน เหิงเฟิงไม่ลืมมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง น้ำเสียงทั้งแววตาท่าทีของมันเต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่มีความเส้แสร้งแม้แต่น้อย แลดูน่าเชื่อถือนัก


 


หลังเหิงเฟิงถูกอาคมในป้ายหยกส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ป้ายหยกสะสมคะแนนต้วนหลิงเทียนก็มีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นมา 1 แต้ม…


 


บัดนี้ ในป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนมี 20 แต้มแล้ว


 


‘มัน…มันพึ่งเข้ามางั้นเหรอ?’


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออกอยู่บ้าง เมื่อพบว่าเหิงเฟิงนั้นมอบแต้มให้เขาแค่แต้มเดียว… เพราะให้กล่าวไปพลังของเหิงเฟิงยังกล้าแข็งกว่ากงซุนจิ้งที่มอบคะแนนสะสมให้เขา 13 แต้มเสียอีก!


 


สิ่งนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหมือนฟ้าไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง!


 


อย่างไรก็ตามแม้จะรู้สึกยากยอมรับเพียงใด แต่จะทำไงได้ล่ะ ใครใช้ให้เขามาเจอกับเหิงเฟิงที่พึ่งเข้ามากัน?


 


“หืม?”


 


ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิ้วขึ้นคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง


 


พริบตาต่อมา


 


วูบ!


 


ร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปในอากาศทันที


 


พอปรากฏตัวอีกครั้งก็ห่างออกไป 100 หมี่แล้ว แถมยังไปผุดโผล่เบื้องหน้าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่กำลังจะพุ่งกลับเข้าไปในหุบเขาที่สมควรมีค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านตั้งอยู่


 


“ในเมื่อทุกท่านอุตส่าห์มาแล้ว…ไยรีบร้อนกลับกันนักเล่า…”


 


ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองไปยังเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านเบื้องหน้าทั่วๆ ค่อยกล่าววออกมาพลางคลี่ยิ้มอ่อน…


 


แม้ยิ้มอ่อนนี้ปกติจะชวนให้ผู้คนรู้สึกเสมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ หากทว่าในสายตาของเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลาย นั่นไม่ต่างอะไรจากรอยยิ้มของมารร้ายแม้แต่น้อย ขนหัวยังลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

 

 

 


ตอนที่ 3137

 

ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คฤหาสน์อมตะระดับ 6 แต่ละแห่งจะมีค่ายของตัวเอง


 


และในค่ายดังกล่าว ก็มีแต่ผู้ที่ถือป้ายหยกสะสมคะแนนรวมถึงป้ายประจำตัวศิษย์ของคฤหาสน์นั้นๆ จึงจะสามารถเข้าไปได้


 


คนอื่นไม่อาจเข้าไปได้


 


หากบุกฝ่าเข้าไป ก็จะกระตุ้นค่ายกลป้องกันที่จักรพรรดิอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งไว้สำหรับปกป้องค่ายของคฤหาสน์อมตะนั้นๆให้ทำงานทันที


 


ค่ายกลป้องกันดังกล่าว อาศัยพลังของขุนนางอมตะ 10 ทิศย่อมไม่มีวันฝ่าเข้าไปได้เลย


 


เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลายหากอยู่ในเขตค่ายที่พักของพวกมันก็แล้วไป เพราะต่อให้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจบุกเข้าไปเล่นงานพวกมันถึงในค่ายได้


 


ทว่าพวกมันกลับออกมานอกค่ายเพื่อชมดูเหิงเฟิงกับต้วนหลิงเทียนสู้กัน…


 


ตอนนี้พอเห็นว่ากระทั่งเหิงเฟิงยังแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียน พวกมันจึงคิดจะย้อนกลับเข้าไปในค่ายพักทันที


 


น่าเสียดายที่พวกมันพึ่งจะหันหลังและเริ่มเคลื่อนไหวได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างมาขวางปานภูตผีเสียแล้ว


 


และพวกมันก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนมากับตา ว่ากระทั่งเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินประการที่ 7 ได้บางส่วนแล้วยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย


 


กระทั่งในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย เหิงเฟิงยังได้เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 จนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นอีกด้วย!


 


พวกมันเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดชัดเจน


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกมันตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย ที่กระทั่งเหิงเฟิงผู้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินได้ 7 ประการแล้ว ยังแพ้พ่ายต้วนหลิงงเทียนโดยที่ไม่อาจจู่โจมสวนกลับได้สักท่า…


 


นับประสาอะไรกับเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ถึงขั้นตอนเบื้องต้น ในตอนที่เหิงเฟิงยังเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ได้บางส่วน พวกมันยังไม่มีใครเทียบกับเหิงเฟิงได้ด้วยซ้ำ!


 


มาตอนนี้พอต้องเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่เอาชนะได้กระทั่งเหิงเฟิง พวกมันจึงไม่มีความคิดจะแข็งข้อต่อต้านแม้แต่นิดเดียว


 


“ต้วนหลิงเทียนข้ายินดีทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนของข้า…แต่ก่อนที่ข้าจะออกไป ข้าขอถามอะไรเจ้าสักอย่างเถอะ…นี่เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆหรือ?”


 


ศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านคนหนึ่งที่รู้ดีว่าลองโดนต้วนหลิงเทียนขวางแบบนี้ ก็เลิกคิดเรื่องหนีกลับค่ายไปได้เลย จึงเลือกที่จะยอมแพ้และหยิบป้ายหยกสะสมคะแนนออกมารอบดขยี้อย่างรู้งาน


 


อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทำลายป้ายหยกดังกล่าว มันได้เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกมาว่า…


 


เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆหรือ?


 


พอมันเอ่ยถามจบคำ เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนอื่นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที


 


เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งหมด ก็สนใจเรื่องนี้เช่นกัน


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


พอเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคำ ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านบางคนอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา “อั้ย คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวตาบอดกันหมดแล้วรึไง? เจ้าร้ายกาจขนาดนี้แต่ยังให้เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกเนี่ยนะ!?”


 


“ต้วนหลิงเทียน หรือว่าเจ้าออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวและมาอยู่คฤหาสน์อู่จ้านของพวกเราดี…พอดีพ่อข้าก็เป็นรองผู้นำคนนึงของคฤหาสน์อู่จ้าน เช่นนั้นให้พ่อข้าไปรับเจ้ามาคฤหาสน์อู่จ้านดีหรือไม่?”


 


“กระทั่งตัวข้าเองก็สามารถรับปากเจ้าได้ตอนนี้เลย…ว่าตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมกับคฤหาสน์อู่จ้านเรา ข้าจะให้ท่านพ่อข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นศิษย์หลักคฤหาสน์อู่จ้านเราทันที!”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนแรกที่พูดกับต้วนหลิงเทียน พอพูดออกมาอีกครั้ง ก็เรียกว่าคิดขุดกำแพงคฤหาสน์เฉวียนโยวดื้อๆ!


 


อย่างไรก็ตาม ลูกตาศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลายก็ลุกวาวขึ้นมาทันที ทั้งหมดมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง


 


เพราะหากต้วนหลิงเทียนเลือกจะมาอยู่คฤหาสน์อู่จ้านของพวกมันจริง ย่อมหมายความว่าคฤหาสน์อู่จ้านของมันจะได้รับยอดฝีมือที่สามารถชิงชัยอันดับสูงๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณเพิ่มขึ้นอีกคน!


 


ถึงแม้สิ่งนี้อาจจะไม่ได้สร้างประโยชน์อไรให้พวกมันเลย แต่อย่างน้อยๆพวกมันก็เอาไปคุยเกทับเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์อมตะอื่นๆได้


 


“ข้าพึ่งจะเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่กี่วันเอง…”


 


ต้วนหลิงเทียนยักไหลกลางกล่าว “อย่างไรก็ตามน้ำใจของเจ้าข้าคงทำได้แค่รับไว้ด้วยใจ…เพราะข้าไม่คิดจะออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว”


 


พึ่งเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อไม่กี่วันก่อน?


 


ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอยากจะโน้มน้าวชักชวนอีกครั้ง แต่น้ำเสียงตอบคำของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ก็แน่วแน่นัก พวกมันรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรบเร้าอีกฝ่าย


 


“เฮ่อ ไฉนโชคของคฤหาสน์เฉวียนโยวถึงได้ดีนักเล่า…”


 


เสียงบ่นด้วยความอิจฉาดังขึ้น และผู้บ่นก็คือศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่อ้างตัวว่ามีบิดาเป็นรองผู้นำ และพอมันบ่นจบคำมันก็บดทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนในมือทันที


 


ทันใดนั้นคะแนนสะสมในป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง


 


“29 แต้ม?”


 


เมื่อเห็นแต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเอง ต้วนหลิงเทียนก็แปลกใจอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดเลยว่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนเมื่อครู่จะมีคะแนนสะสมมากขนาดนี้


 


9 แต้ม…ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะมีได้!


 


‘มี 9 แต้มแบบนี้ ก็สมควรติดอยู่ใน 100 อันดับแรกเช่นกัน…หากข้าจำไม่ผิดในตารางจัดอันดับที่ข้าดูก่อนจะเข้ามา คนที่ได้ 9 แต้มก็มีแค่ 2 คนเท่านั้น และคนที่เป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านดูเหมือนจะชื่อหลิวเสี่ยวโจว’


 


ต้วนหลิงเทียนนึกย้อนเรื่องราวในใจครู่หนึ่ง ก็จดจำได้ว่าเคยเห็นชื่อศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่มี 9 แต้มบนตารางจัดอันดับ 1 คน


 


หลิวเสี่ยวโจว


 


ตารางจัดอันดับที่เขาดูก่อนเข้ามา คนที่ได้ 9 แต้มก็มีแค่ 2 คนเท่านั้น หลิวเสี่ยวโจวคือหนึ่งในนั้นและอยู่ในอันดับที่ 78 ส่วนอีกคนอยู่ในอันดับที่ 79


 


เห็นได้ชัดว่าหลิวเสี่ยวโจวได้ 9 แต้มเร็วกว่าอีกฝ่าย


 


หลังดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ต้วนหลิงเทียนก็กวาดตามองไปยังเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่เหลือเบื้องหน้าอีกรอบ แต่ละคนก็ส่งยิ้มแหยๆกลับมาให้เขา


 


เมื่อกี้ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเหม่อคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครคิดฉวยโอกาสดังกล่าวหลบหนี เพราะไม่มีใครคิดอยากจะเป็นนกตัวแรก…


 


ดูจากสถานการณ์ตอนนี้หากไม่หนีอย่างดีก็แค่ทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนและออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปเท่านั้น


 


และถึงจะละทิ้งคะแนนของตัวเองไป สำหรับพวกมันแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะพวกมันไม่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกด้วยซ้ำ…


 


คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายไม่เว้นคฤหาสน์อู่จ้าน แน่นอนว่ามีการมอบของรางวัลให้ศิษย์อยู่บ้างหากสามารถติดอันดับในตารางได้


 


ถึงแม้จะไม่ได้ติด 20 อันดับแรกก็ตามที


 


เป็นธรรมดาว่าผู้ที่สามารถติด 20 อันดับแรกก็จะได้รางวัลมากเป็นพิเศษ หากหลุด 20 อันดับแรกออกมารางวัลก็จะลดทอนลงไปตามอันดับ…


 


อย่างไรก็ตามหากพวกมันเลือกที่จะหลบหนี ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ไม่พอใจ ถึงตอนนั้นเกิดอีกฝ่ายมีโมโหลงมือเข่นฆ่าพวกมันขึ้นมาจะทำไงกันล่ะ?


 


เพื่อความปลอดภัยในชีวิตแล้ว พวกมันไม่คิดจะวู่วามทำอะไรแบบนั้น


 


แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!


 



 


เมื่อมีศิษย์คฤหาน์อู่จ้านคนนึงทำลายป้ายหยกเปิดแล้ว…ที่เหลือก็เริ่มบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนตามทันที!


 


ทันใดนั้นป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนก็มีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และในที่สุดก็หยุดลงที่ 41 แต้ม


 


ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลายที่มาชมดูเรื่องราวเมื่อครู่ ก็ถูกส่งออกไปนอกแดนสวรรค์ใต้โบราณกันหมด


 


‘หากยึดจากตารางจัดอันดับก่อนที่ข้าจะเข้ามา…ด้วยคะแนนสะสม 41 แต้มแบบนี้ ก็มากพอจะให้ข้าติดอยู่ในอันดับที่ 45 แล้ว’


 


ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ชัดเจน


 


อันดับที่ 44 มี 50 แต้ม ส่วนอันดับที่ 45 นั้นมีแค่ 36 แต้มเท่านั้น


 


ด้วยคะแนน 41 แต้มของเขาตอนนี้ ก็ทำให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 45 ทันที


 


อันดับในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น ยิ่งสูงเท่าไหร่ช่องว่างของคะแนนก็จะยิ่งมาก


 


ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนมีแค่ 6 แต้มเขาก็อยู่ในอันดับที่ 93 และพอได้ 19 แต้มเขาก็อยู่ในอันดับที่ 52


 


ตอนนี้เขามี 41 คะแนน แต่กลับอยู่ในอันดับที่ 45 เท่านั้น


 


คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า แต่อันดับเขากระเตื้องขึ้นไม่กี่อันดับเท่านั้น


 


ก่อนที่จะเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็ประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นคะแนนในอันดับต่างๆ


 


ประหนึ่ง 50 อันดับแรกมันอยู่คนละคุ้งน้ำกันเลย…


 


50 อันดับแรก แม้อันดับจะใกล้เคียงกัน แต่อย่างน้อยๆอันดับใกล้ๆกันก็ต้องมีคะแนนต่างกันถึง 3 คะแนน ในขณะที่อันดับต่ำกว่า 50 นั้น คะแนนกลับไล่เลี่ยกันมาก


 


‘ดูท่าคนที่จะถีบตัวเข้ามาติดใน 50 อันดับแรกได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึง 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ได้บางส่วน…ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้สมควรเป็นยอดฝีมือของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว’


 


‘ไม่ว่าใครก็สามารถกวาดล้างคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งนั้น’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


‘ในอดีตเหิงเฟิงนั่นคงยากที่จะติดอยู่ใน 50 อันดับแรก…แต่เดือนหน้า ด้วยพลังของมันตอนนี้ คิดจะติดอยู่ใน 50 อันดับแรกเรียกว่ามีความหวังแล้ว’


 


เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนกล่าวว่ามี ‘ความหวัง’ นั้น ทั้งหมดเป็นเพราะกฏที่เหิงเฟิงเชี่ยวชาญคือกฏแห่งดิน


 


ต่อให้ตอนนี้เหิงเฟิงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการ แต่ความเร็วก็ยังเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของมันอยู่ดี


 


สำหรับคนที่เข้าใจกฏแห่งลม แม้จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมแค่ 2 ประการ อย่างไรก็ตามขอเพียงความลึกซึ้งประการที่ 2 คือลมกรดหรือไม่ก็กายสายลม ย่อมสามารถหลบหนีเหิงเฟิงได้ไม่ยาก หากไม่ทะเล่อทะล่าถูกเหิงเฟิงใช้พลังล้อมขังได้ก่อน


 


‘แต่เหิงเฟิงนั่นก็สามารถหาคนช่วยได้ ขอเพียงมีคนที่เร็วกว่ามันต่อให้จะอ่อนแอกว่ามันก็เป็นไร…ถึงตอนนั้นมันก็อาศัยผู้ช่วยพามันไล่ตามคู่ต่อสู้ เช่นนี้ก็มีโอกาสเอาชนะศัตรูที่เร็วกว่าได้’


 


ถึงแม้ความเร็วของเหิงเฟิงจะเชื่องช้า แต่ขอเพียงมีศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่มีความเร็วสูงๆหน่อย ก็สามารถจับคู่กับมันเพื่อจัดการกับเป้าหมายได้…


 


ด้วยวิธีนี้เหิงเฟิงคิดจะติดอยู่ใน 50 อันดับแรก ก็ง่ายกว่าเดิมมาก


 



 


ณ คฤหาสน์อู่จ้าน


 


คฤหาสน์อู่จ้านก็เป็นคฤหาสน์อมตะระดับ 6 เหมือนกันกับคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ในคฤหาสน์อู่จ้านเองก็มีสถานที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณเช่นกัน


 


เมื่อเหิงเฟิงปรากฏตัวในสภาพดูไม่ได้ คนที่อยู่ใกล้ๆจุดเคลื่อนย้ายก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ


 


“เหิงเฟิง นี่เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?”


 


เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ เมื่อเห็นรอยแผลลากยาวลึกเกือบชุ่นบริเวณอกเหิงเฟิง!


(1 ชุ่น = 1 นิ้ว)


 


ต้องทราบด้วยว่าเหิงเฟิงเชี่ยวชาญกฏแห่งดิน! เรียกว่าแทบจะคงกระพันใต้ขอบเขตราชาอมตะแล้วด้วยซ้ำ!!


 


แต่ตอนนนี้ไม่เพียงเหิงเฟิงจะถูกกำจัดออกมา แต่ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย! เห็นได้ชัดว่าการป้องกันอันแข็งแกร่งของเหิงเฟิงสมควรถูกบางคนทำลายมาเป็นแน่!!


 


“เหิงเฟิง เป็นผู้ใดที่สามารถทำลายการป้องกันของเจ้าได้?”


 


อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์อู่จ้านเอ่ยถามเสียงหนัก “เป็นเหลิ่งอวิ๋นโหยวของคฤหาสน์ชิงหลิง หรือหลิวจี๋จากคฤหาสน์หานชิงใช่หรือไม่?”


 


เหตุไฉนที่อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านคนนี้เอ่ยถามดังกล่าว เนื่องเพราะ


 


ขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย มีไม่เกิน 30 คนที่สามารถทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้


 


และเมื่อครู่ คนที่พอจะมีพลังทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้และคะแนนสะสมมีการเคลื่อนไหวก็คือ เหลิ่งอวิ๋นโหยว จากคฤหาสน์ชิงหลิง กับหลิวจี๋จากคฤหาสน์หานชิงเท่านั้น


 


“ไม่ใช่พวกมันทั้งคู่หรอก”


 


เหิงเฟิงส่ายหัวไปมา จากนั้นก็หันไปมองตารางจัดอันดับ ในที่สุดลูกตาก็ไปหยุดบริเวณกลางตาราง มุมปากเริ่มยกยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นชื่อหนึ่งที่อยู่ๆก็เข้าสู่ 50 อันดับแรกในเวลาอันสั้น


 


‘ดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะหนีกลับค่ายไม่ทัน…’


 


เหิงเฟิงย่อมคาดเดาเรื่องราวได้ไม่ยาก


 


และเหิงเฟิงยังคิดไม่ทันจบดี ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวเช่นกัน ไม่ใชใครที่ไหนเป็นหลิวเสี่ยวโจว ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่ทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนต่อจากเหิงเฟิง


 


“เสี่ยวโจว…เจ้า…เจ้าไฉนออกมาแล้วเล่า?”


 


อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านที่เอ่ยถามเหิงเฟิงเมื่อครู่ พอเห็นหลิวเสี่ยวโจวออกมา ลูกตามันก็หดเล็กลงทันที


 


เพราะในขณะเดียวกันมันก็พบว่า…


 


ชื่อ หลิวเสี่ยวโจว ในตารางจัดอันดับได้หายไปแล้ว…

 

 

 


ตอนที่ 3138

 

หลิวเสี่ยวโจว เป็นบุตรชายของหนึ่งในบรรดารองผู้นำคฤหาสน์อู่จ้าน ถึงแม้พลังฝีมือจะไม่ร้ายกาจเท่าเหิงเฟิง แต่อย่างไรมันก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองได้ถึง 5 ประการ และยังเข้าใจประการที่ 6 ได้บางส่วนแล้ว


 


ผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกกลางของหลิวเสี่ยวโจว ที่ทำได้ดีที่สุดก็คืออันดับที่ 69 เรียกว่ามันเคยติดอยู่ใน 70 อันดับแรกครั้งหนึ่ง


 


ต้องทราบด้วยว่าผลงานเช่นนี้สำหรับขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้เพียง 5 ประการ นับว่าไม่ใช่เล่นๆเลย


 


แต่เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเพราะหลิวเสี่ยวโจวเข้าใจกฏแห่งทอง


 


หากกฏที่มันช่ำชองดันเป็นกฏแห่งดินล่ะก็ อย่าพูดถึง 70 อันดับแรกเลย กระทั่งจะดิ้นให้ขึ้นมาถึง 80 อันดับแรกด้วตัวเอง ก็คงลำบากยากเข็ญจนแทบเป็นไปไม่ได้


 


และตอนนี้ทุกคนในตำหนักกเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์อู่จ้านย่อมเห็นกันชัดเจน…


 


ว่าเดือนนี้หลิวเสี่ยวโจวอยู่ในอันดับที่ 78 ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นผลงานระดับกลางๆของมันแล้ว อย่างไรก็ตามมันยังเหลือเวลาอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีก 3 วันซึ่งใกล้ๆกับหมดเดือนพอดี


 


หลายคนจึงหวังว่าหลิวเสี่ยวโจวจะได้อันดับดีกว่านี้


 


แต่ผู้ใดจะไปคิดคาด ว่าหลังเหิงเฟิงถูกกำจัดออกมา หลิวเสี่ยวโจวก็ถูกกำจัดออกมาตามติด…


 


กล่าวได้ว่าทั้งคู่แทบจะเดินย่ำเท้ากันด้วยซ้ำ…


 


“เฮ่อ ให้ข้าทำไงได้ล่ะ เจ้านั่นมันเอาชนะได้กระทั่งศิษย์พี่เหิงเฟิง…ข้าจะสู้กับมันให้เจ็บตัวทำอะไร แถมจะหนีก็หนีไม่ทัน เช่นนั้นมิสู้ออกมาเองประเสริฐกว่า”


 


ได้ยินคำถามราวกับจะสอบสวนของอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้าน หลิวเสี่ยวโจวก็ยักไหล่ตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ไม่ได้มีอาการสลดอะไรแม้แต่น้อย


 


และพอหลิวเสี่ยวโจวกล่าวออกมาเช่นนั้น ผู้คนที่อยู่โดยยรอบก็พร้อมใจกันเงียบลงทันที


 


ครู่ต่อมา อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านที่เอ่ยถามหลิวเสี่ยวโจวเมื่อครู่ก็คืนสติก่อนใคร มันสูดอากาศเข้าลึกๆฟอดหนึ่งค่อยเอ่ยถามออกมาต่อว่า “เช่นนั้นหมายความว่า…เจ้าโดนคนที่ทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงบีบให้ออกมางั้นหรือ?”


 


วิ้ง! วิ้ง!


 


แทบจะพอดีกับที่อาวุโสดังกล่าวถามจบคำ ก็มีร่างคน 2 คนถูกส่งมาปรากฏบนค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว เห็นได้ชัดว่าสมควรถูกกำจัดออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณเช่นกัน


 


“อันใด พวกเจ้าสองคนก็ถูกกำจัดออกมาด้วยหรือ? มิใช่ว่าก่อนหน้า คนของคฤหาสน์อู่จ้านเราในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเหลือแค่ 12 คนแล้วหรือไร?”


 


ภายในเวลาไม่ถึง 1 เค่อ อยู่ๆคนของคฤหาสน์อู่จ้านในแดนสวรรค์ใต้โบราณก็ถูกบีบให้ออกมาถึง 4 คน สถานการณ์เช่นนี้นับว่ายากนักที่จะเกิดขึ้นในคฤหาสน์อู่จ้าน


 


“พวกเจ้าสองคน…คงมิได้ถูกคนที่จัดการเหิงเฟิงกับหลิวเสี่ยวโจวบีบให้ถอยออกมาเหมือนกันหรอกนะ?”


 


อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านคนเดิมหันไปเอ่ยถามร่างทั้ง 2 ที่พึ่งก้าวออกมาจากค่ายกล


 


นั่นเพราะช่วงเวลาที่ทั้ง 4 คนถูกบีบให้ออกมามันไล่เลี่ยกันเกินไป!


 


จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้


 


“ก็…ใช่”


 


ภายใต้ทุกสายตาที่มองจ้องมาเขม็งจนแลดูน่ากลัวอยู่บ้าง ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้ง 2 ที่พึ่งเดินลงมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวก็ได้แต่พยักหน้าอย่างซึมๆ หนึ่งในนั้นก็กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มแหยๆว่า…


 


“อันที่จริงนอกจากพวกเราแล้วยังมีอีก 7 คนที่ถูกบีบให้ถอยออกมา…แต่เท่าที่เห็นดูเหมือนพวกมันจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของตำหนักอื่น ก็เลยไม่ถูกส่งกลับมาที่นี่”


 


พอเสียงของศิษย์คนนี้ดังออกมา ทุกคนโดยรอบก็พร้อมใจกันเงียบกริบ…


 


อีก 7 คนก็ถูกกำจัดแล้วหรือ?


 


เช่นนั้นกล่าวได้ว่า ในเวลาไม่ถึงเค่อ 11 คนของคฤหาสน์อู่จ้านรวมเหิงเฟิงกับหลิวเสี่ยวโจวแล้ว ทั้งหมดถูกกำจัดออกมาแทบจะพร้อมๆกัน?


 


ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเพราะฝีมือของคนๆเดียว!?


 


“ไอ้หยา หลังจัดการพวกเราได้ เจ้านั่นมันก็พุ่งขึ้นมาติด 50 อันดับแรกแล้ว!”


 


หลิวเสี่ยวโจวที่มองสำรวจวไปยยังตารางจัดอันดับไกลๆ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอนึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อครู่ก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมาปลอบใจตัวเอง


 


ได้ยินคำอุทานดังกล่าวของหลิวเสี่ยวโจว เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านก็หันไปมองม่านแสงตารางอันดับทันที


 


มองไปปราดหนึ่งก็พบชื่อไม่คุ้นอยู่ในอันดับที่ 45


 


คนที่ติดอยู่ใน 50 อันดับแรกนั้น มีชื่อเสียงไม่น้อย ทั้งหมดจึงคุ้นเคยดี พอมีชื่อไม่คุ้นโผล่มาจึงล่วงรู้ได้แทบจะทันที


 


เป็นธรรมดาว่าพวกมันก็เคยเห็นชื่อนี้มาก่อน


 


“ชื่อนี้ไม่ใช่ว่าก่อนหน้ามันพึ่งจะมีแค่ 19 คะแนนและอยู่ในอันดับที่ 52 หรือไร…ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้เป็นใครกันแน่ ไฉนพวกเราถึงไม่คุ้นชื่อมันเลยเล่า?”


 


ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนนึงกล่าวพึมพำออกมาด้วยความสงสัย


 


“นั่นสิ ข้าเองก็ไม่คุ้นชื่อมันเลย กล่าวไปเหมือนจะพึ่งเห็นชื่อมันโผล่มาเมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยซ้ำ”


 


“ต้วนหลิงเทียน…คฤหาสน์เฉวียนโยวมีศิษย์ชื่อนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”


 


“หรือว่ามันจะเป็นไพ่ตายที่คฤหาสน์เฉวียนโยวซุกซ่อนเอาไว้?”


 



 


ตอนนี้คนของคฤหาสน์อู่จ้านพลันตระหนักได้ว่า…


 


สมควรเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ที่เอาชนะเหิงเฟิง และบีบให้พวกหลิวเสี่ยวโจวต้องถอนตัวออกมา…


 


แต่คนที่สามารถทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้นี่มันหมายความว่าอะไร?


 


ย่อมหมายความว่า…


 


ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ มีศักยภาพมากพอจะติด 30 อันดับแรก!


 


“เจ้า…ตกลงพวกเจ้าถูกคนๆเดียวจัดการมาจริงๆ?!”


 


อาวุโสของคฤาหสน์อู่จ้านคนเดิมได้แต่ถามย้ำหลิวเสี่ยวโจวด้วยความไม่อยากจะเชื่อออกมาอีกครั้ง


 


เดิมทีมันคิดว่าระดับเหิงเฟิง ผู้ที่จะจัดการให้ถอนตัวออกมาได้สมควรมีแค่ เหลิ่งอวิ๋นโหยวของคฤหาสน์ชิงหลิง กับหลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงเสียอีก เพราะมีแต่ทั้งคู่ที่มีพลังฝีมือสูงมากพอจะทำเรื่องแบบนั้น


 


อย่างไรก็ตาม เหิงเฟิงกลับบอกว่าไม่ใช่


 


มาตอนนี้พอหลิวเสี่ยวโจวกับอีก 2 คนถูกขับออกมา และกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่ทำให้พวกมันต้องถอนตัวออกมาก็คือคนที่เอาชนะเหิงเฟิงได้ และยังเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ไม่มีใครรู้จักอีก!


 


เรื่องนี้ทำให้มันรู้สึกยากจะเชื่อได้ลงคอนัก!


 


“พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลยก็ไม่แปลกหรอก…เจ้านั่นมันบอกข้าว่ามันพึ่งจะเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง นอกจากนั้นป้ายประจำตัวที่มันห้อยแขวนไว้ ยังเป็นป้ายศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่เลย…”


 


หลิวเสี่ยวโจวเห็นทุกคนอื้ออึง ก็ได้แต่กล่าวอธิบายออกมาเพื่อแถลงไข “อย่างไรก็ตาม ข้าเดาว่า…เจ้านั่นสมควรเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวหามาช่วยเป็นแน่!”


 


“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเกรงว่าคนนอกผู้นี้อาจมีความเป็นมาไม่ธรรมดาถึงที่สุด!”


 


กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาหลิวเสี่ยวโจวก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้น


 


เพราะในตอนที่มันบดทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเอง มันก็แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบต้วนหลิงเทียนศิษ์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นอย่างหาญกล้า จึงได้ค้นพบเรื่องอัศจรรย์ยากจะเชื่อได้ลงคอประการหนึ่ง


 


ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!


 


อายุไม่ถึง 100 ปี แต่เอาชนะเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการได้…


 


นี่จะให้คิดอย่างไร?


 


หลิวเสี่ยวโจวตระหนักได้ชัดเจน….


 


หากไม่ได้ตรวจสอบอายุของชายหนุ่มผู้นั้นด้วยตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆว่าคนๆนั้นยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!


 


ต่อให้เป็นตัวมันเองถ้าไม่ใช่ว่าได้ตรวจสอบมากับตัว ให้มีคนมาบอกมันว่าชายหนุ่มคนนั้นอายุไม่ถึงร้อยปี หัวเด็ดตีนขาดมันก็ไม่เชื่อเช่นกัน!


 


ดังนั้นต่อให้มันจะรู้ความจริงอันน่าตื่นตระหนกนี้ มันก็ไม่คิดจะพูดออกมาสักคำ


 


เว้นแต่จะมีคนอื่นตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วกล่าวออกมา มันถึงจะยืนยันด้วยอีกเสียง หาไม่แล้วถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เปลืองน้ำลายเปล่าๆ


 


“พึ่งเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่กี่วัน? ศิษย์ฝ่ายนอก?”


 


ได้ยินคำพูดของหลิวเสี่ยวโจว เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้าน ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้


 


“เหิงเฟิง แล้วเจ้านั่นมันเข้าใจกฏอันใด…ลองมันทำลายการป้องกันของเจ้าได้แบบนี้ อย่างน้อยๆก็สมควรเข้าใจกฏที่ทรงพลังในเรื่องการจู่โจมใช่หรือไม่?”


 


อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้าน มองถามเหิงเฟิง ในส่วนลึกของแววตายังฉายชัดถึงความอยากรู้ “นอกจากนั้นเจ้านั่นมันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏที่ว่าได้ถึง 7 ประการแล้วใช่หรือไม่?”


 


พอวาจาถามไถ่ประโยคนี้ของอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านดังออกมา ทุกคนนอกจากพวกหลิวเสี่ยวโจวก็หันขวับไปจับจ้องเหิงเฟิงเป็นสายตาเดียวกัน


 


แม้หลิวเสี่ยวโจวเองก็รู้ว่าคนๆนั้นใช้กฏแห่งมิติ แต่มันเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้ความลึกซึ้งอะไรบ้าง ด้วยไม่สันทัดเรื่องกฏมิติสักเท่าไหร่


 


และในเมื่อมันไม่สันทัดเรื่องกฏมิติ แถมไม่ได้ปะทะกับอีกฝ่ายด้วยตัวเอง เช่นนั้นมันเองก็ไม่รู้เลยว่าตอนอีกฝ่ายเล่นงานเหิงเฟิงได้ใช้ความลึกซึ้งอะไรออกมาบ้าง


 


“ข้าไม่มั่นใจว่าที่แท้มันเข้าใจความลึกซึ้งทั้งสิ้นกี่ประการ…แต่ที่รู้ๆก็คือ มันใช้ความลึกซึ้ง 7 ประการเอาชนะข้ามา…”


 


เหิงเฟิงกล่าว


 


ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ตอนประมือกับมันช่วงแรกอีกฝ่ายเผยความลึกซึ้งของกฏมิติออกมาแค่ 6 ประการเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่อีกฝ่ายใช้ความลึกซึ้งผ่ามิติ ทำให้มันตกอยู่นห้วงแห่งความเป็นตายจนตระหนักรู้ถึงความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และทำให้มันหลงคิดไปว่าต้องสามารถป้องกันการโจมตีของอีกฝ่าได้แล้วแน่ๆ


 


แต่ใครจะไปรู้ว่าในช่วงเวลาเสี้ยวพริบตานั่น อีกฝ่ายกลับใช้ออกด้วยความลึกซึ้งส่งผ่าน ทำให้กระบี่มิตินั่นวูบผ่านความลึกซึ้งเกราะของมันมาหน้าตาเฉย!


 


ด้วยเหตุนี้ความลึกซึ้งเกราะที่มันใช้ออกก็ถูกเพิกเฉยโดยสมบูรณ์ เสมือนสูญเปล่าไม่เกิดประโยชน์อันใด


 


“เจ้านั่นมันใช้ความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 7 ประการเชียวหรือ…เช่นนั้นนับว่าเจ้ามิได้พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรมแล้ว ในบรรดาผู้ที่เข้าใจกฏที่มีการโจมตีโดดเด่นอย่าง ไฟ ทอง ลม สายฟ้า และกฏทำลายล้าง ตราบใดที่ความลึกซึ้งที่เข้าใจเสริมการโจมตีเป็นหลักมากหน่อย ก็ย่อมฝ่าการป้องกันของเจ้าได้เป็นธรรมดา…”


 


อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านคนนี้ ด้วยความที่มันรู้พลังฝีมือของเหิงเฟิงดี เช่นนั้นจึงตัดสินไปทำนองดังกล่าว


 


“อาวุโสอวิ๋น ข้าเกรงว่าท่านคงไม่รู้…ตอนที่การป้องกันของศิษย์พี่เหิงเฟิงถูกทำลาย ศิษย์พี่เหิงเฟิงได้เข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว…”


 


เหิงเฟิงไม่ทันได้กล่าวอะไร หลิวเสี่ยวโจวก็เอ่ยออกมาเสียก่อน


 


“อะไร!?”


 


วาจาที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดังกล่าวของหลิวเสี่ยวโจว นับว่าทำให้อาวุโสอวิ๋นตกตะลึงแล้วจริงๆ “เหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้วรึ!?”


 


เท่าที่มันรู้มา เหิงเฟิงนั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแค่ 6 ประการเท่านั้น ส่วนประการที่ 7 อย่างความลึกซึ้งเกราะ ยังพึ่งเข้าใจได้บางส่วน…


 


ทว่าฟังจากคำพูดของหลิวเสี่ยวโจวเมื่อครู่ หมายความว่าเหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว?!


 


“เหิงเฟิง…”


 


ทันใดนั้นอาวุโสอวิ๋นก็หันไปมองเหิงเฟิงทันที ด้วยอยากได้ยินคำยืนยันจากปากของเหิงเฟิง


 


“ใช่”


 


เหิงเฟิงพยักหน้า “เรื่องนี้กล่าวไปแล้วข้าก็ต้องขอบคุณเจ้านั่นจริงๆ…เพราะตอนสู้กับมัน ข้าที่จนตรอกและอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตาย พลันตระหนักรู้ความลึกซึ้งเกราะขึ้นมา ทำให้ข้าเข้าใจได้สมบูรณ์…”


 


“พอมันเห็นข้าเข้าใจความลึกซึ้งเกราะได้สมบูรณ์แล้ว มันจึงใช้ออกด้วยความลึกซึ้งประการที่ 7 ที่ไม่เคยใช้มาก่อนออกมา…หาไม่แล้วเกรงว่าอาศัยแค่ความลึกซึ้ง 6 ประการของมันก็คงเอาชนะข้าได้แล้ว”


 


เมื่อคิดถึงการโจมตีอันทรงพลังน่ากลัวนั่นของต้วนหลิงเทียน เหิงเฟิงยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย


 


“เจ้าหมายความว่า…ตอนที่มันใช้ความลึกซึ้งแค่ 6 ประการ ก็สามารถเอาชนะเจ้าที่ยังไม่ทันเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้แล้ว? แต่พอเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งเกราะโดยยสมบูรณ์ เจ้านั่นก็ใช้ความลึกซึ้งประการที่ 7 ออกมา จนสามารถทำลายการป้องกันของเจ้าลงได้?”


 


ลูกตาของผู้อาวุโสอวิ๋นหดเล็กลงอย่างแรง ขณะเดียวกันมันก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บอีกรอบ


 


อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านคนอื่นๆไม่เว้นเหล่าศิษย์ที่ยืนฟังเรื่องราวกันอยู่ และรู้พลังฝีมือของเหิงเฟิงดี ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าดังฟืดเช่นกัน


 


“หรือกฏที่เจ้านั่นเข้าใจ…จักเป็นกฏสูงสุด?”


 


ตอนนี้เองอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านอีกคนที่เงียบฟังมาโดยตลอด พลันเอ่ยถามออกมา


 


เพราะในสายตาของมัน ต่อให้เป็นผู้ที่ใช้กฏแห่งลม ทอง สายฟ้า ไฟ และทำลายล้าง ต่อให้เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีเป็นหลักทั้งหมด…และเข้าใจความลึกซึ้งถึง 7 ประการจริง แต่ก็ไม่น่าจะทำอะไรเหิงเฟิงที่เข้าใจกฏแห่งดิน 7 ประการได้เลย!!


 


เพราะต้องทราบด้วยว่าในบรรดาความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่เหิงเฟิงเข้าใจ มันมีความลึกซึ้งที่เอกอุเรื่องการป้องกันถึง 2 ประการ!


 


นอกจากนั้นต้องทราบด้วยว่าในบรรดาความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่เหลือ เหิงเฟิงยังเข้าใจความลึกซึ้งกายาศิลา ที่สามารถหนุนเสริมพลังป้องกันได้อีกด้วย! ยังไม่ต้องกล่าวถึงความลึกซึ้งฟื้นฟูที่จะคอยฟื้นฟูปราการป้องกันของเหิงเฟิงให้เสมือนตกอยู่ในสภาพขุนเขาไร้ทลายด้วยซ้ำ…


 


ดังนั้นมันจึงคาดเดาออกมาอย่างอุกอาจ


 


ว่าบางทีกฏที่คนผู้นั้นเข้าใจ อาจจะเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด!

 

 

 


ตอนที่ 3139

 

กฏสูงสุดทั้ง 4 นั้น ไม่เพียงลึกล้ำยากหยั่งถึง แต่ยังทรงพลังมากอีกด้วย


 


ถึงแม้ว่ากฏสูงสุดทั้ง 4 จะไม่ได้โดดเด่นในเรื่องการโจมตีทั้งหมด หากแต่ความลี้ลับพิสดารของความลึกซึ้งบางประการของกฏสูงสุดเหล่านั้น ก็มีไม่น้อยที่สามารถเพิกเฉยพลังป้องกันของกฏแห่งดินได้


 


ด้วยเหตุนี้อาวุโสคนดังกล่าวของคฤหาสน์อู่จ้านจึงคาดเดาออกมาทำนองนี้


 


“อาวุโสหลิว ท่านเดาได้ถูกเผงเลยล่ะ…กฏที่เจ้านั่นมันเข้าใจก็คือกฏแห่งมิติ 1 ใน 4 กฏสูงสุด!”


 


หลิวเสี่ยวโจวกล่าวตอบออกมาก่อนใคร


 


“กฏแห่งมิติ!!”


 


ด้วยคำพูดดังกล่าวของหลิวเสี่ยวโจว นอกจากศิษย์ไม่กี่คนที่พึ่งกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คนที่อยู่ฟังเรื่องราวตั้งแต่แรก ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกใจ


 


“ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 7 ประการ? แถมยังอายุน้อยกว่าพันปี? คฤหาสน์เฉวียนโยวไปหาคนนอกที่ร้ายกาจเช่นนี้มาช่วยจากที่ใดกัน?”


 


อาวุโสและเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านหลายคนได้แต่ระบายลมหายใจอย่างทอดถอน


 


“จ้างคนนอกระดับนี้มาช่วย ข้าว่าคราวนี้คฤหาสน์เฉวียนโยวคงจ่ายออกไปไม่น้อยเลยทีเดียว…คฤหาสน์เฉวียนโยวทำเช่นนี้มันคุ้มกันหรือ?”


 


หลายคนอดสงสัยไม่ได้


 


‘เหอๆ…วันหน้ารอให้พวกเจ้ารู้ว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นยังอายุไม่ถึงร้อยปีก่อนเถอะ ข้าเกรงว่าคงกลัวกันขี้หดตดหายเลยกระมัง’


 


หลิวเสี่ยวโจวที่กวาดตามองเหล่าศิษย์และอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านที่กำลังแตกตื่น ลอบกล่าวในใจอย่างงสนุกสนาน


 


ขณะเดียวกันมันก็เร่งบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อไปหาบิดาทันที


 


คนอื่นอาจไม่เชื่อคำพูดของมัน แต่มันรู้ดีว่าบิดาของมันต้องเชื่อคำพูดของมันแน่นอน


 


“ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว อายุไม่ถึงร้อยปีแต่ไม่เพียงบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ…ที่สำคัญยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ถึง 7 ประการ!?”


 


บิดาของหลิวเสี่ยวโจว หนึ่งในรองผู้นำคฤหาสน์อู่จ้าน  หลังได้รับข้อความก็ถึงกับตกตะลึงอึ้งไปทันที ยากจะฟื้นคืนสติอยู่นาน


 


“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าตัวตนเช่นนี้…ใช่มาจาก 7 ภูมิภาคหรือไม่?”


 


หลิวเสี่ยวโจวส่งข้อความไปถามสืบต่อ


 


อย่างไรก็ตาม บิดามันยังตกตะลึงอึ้งค้างไม่ได้สติ เช่นนั้นกว่าที่บิดามันจะตอบกลับมาก็หลังจากผ่านไปพักใหญ่


 


ในเวลาเดียวกัน


 


เหล่าศิษย์ทั้ง 11 คนรวมถึงเหิงเฟิงและหลิวเสี่ยวโจวที่ถูกกำจัดออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณเพราะคนๆเดียวกัน พอนำเรื่องราวไปบอกเล่าให้สหายฟัง ไม่นานทั้งคฤหาสน์อู่จ้านก็โกลาหลกันยกใหญ่


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ทราบว่า กระทั่งเหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว ยังถูกฝ่าการป้องกันมาได้ และถ้าไม่ใช่เพราอีกฝ่ายเมตตาก็คงตกตาย พวกมันก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก!


 


“ให้ตายเถอะหลังเหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 อย่างความลึกซึ้งเกราะได้แล้ว ในแดนสวรรค์ใต้โบราณยังจะมีผู้ใดสามารถฝ่าการป้องกันของมันได้อีกกัน?”


 


“นั่นสิ! ข้าเกรงว่ามีแต่ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่ยากหยั่งถึงเหล่านั้นที่ร่ำลือกันว่าเข้าใจความลึกซึ้งได้ถึง 8 ประการแล้วเท่านั้น ถึงจะมีพลังมากพอทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการได้”


 


“เรื่องของเรื่องก็คือ…เจ้านั่นสมควรเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวจ้างมาช่วยเหลือ! หรือคฤหาสน์เฉวียนโยวจ้างมันมาเพราะคิดช่วงชิงอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณ?”


 


“ตอนนี้เหลือเวลาแค่ไม่กี่วันอันดับเดือนนี้ก็จะล้างใหม่แล้ว…ไม่ว่าเจ้านั่นมันจะร้ายกาจแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่เดือนนี้มันจะติดอยู่ใน 30 อันดับแรก เว้นเสียแต่มันจะพบเจอเหลิ่งอวิ๋นโหยวของคฤหาสน์ชิงหลิง หรือไม่ก็หลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิง!”


 


“มิผิด! หากมันเจอหลิวจี๋แล้วเอาชนะได้ มันก็สามารถพุ่งเข้าสู่ 30 อันดับแรกได้ทันที…โดยเฉพาะเหลิ่งอวิ๋นโหยว หากมันพบเจอแล้วเอาชนะได้ล่ะก็ มันไม่พ้นต้องติดอยู่ใน 10 อันดับแรกโดยตรง!”


 


“เหอะๆ พวกเจ้าก็ว่าไปนั่น…ถึงแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะไม่ถึงขั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แต่เรื่องที่มันจะบังเอิญพบเจอเหลิ่งอวิ๋นโหยวหรือหลิวจี๋ ข้าเกรงว่าคงยากเย็นยิ่งกว่างมหาเข็มในกองฟางซะอีก…”


 



 


ตอนนี้คนของคฤหาสน์อู่จ้านได้เห็นพ้องต้องกันแล้วว่า ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวหามาช่วยแน่นอน


 


หาไม่แล้วตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้ ไหนเลยจะเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้?


 


ถึงแม้ในอดีตจะมีเรื่องทำนองที่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 หาคนนอกมาช่วยช่วงชิงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตามความช่วยเหลือจากภายนอกทั้งหลาย ปกติแล้วก็ทำได้แค่ช่วยให้คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ที่จ้างมาโดยการเข้าสู่ 20 อันดับแรกเท่านั้น และนั่นถือว่าเป็นคนนอกที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่จะหามาได้แล้ว!


 


ด้วยเหตุนี้พอคนของคฤหาสน์อู่จ้านปักใจเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนก็คือคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวจ้างมาช่วย พวกมันจึงแตกตื่นกันนัก เพราะต้องทราบด้วยว่าอีกฝ่ายมีพลังสามารถมากพอจะทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการ!!


 


กระทั่งหลายๆคนที่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางสักเท่าไหร่ ก็อดไม่ได้ที่จะหันมาสนใจเรื่องอันดับของต้วนหลิงเทียน


 


“อันดับในตารางจัดอันดับเดือนนี้จะทำการล้างใหม่ในอีกไม่กี่วันแล้ว…ข้าไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนที่ว่าจักไต่อันดับขึ้นไปได้อีกสักสองสามอันดับหรือไม่?”


 


ตอนนี้บริเวณลานหน้าตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายทุกจุดของคฤหาสน์อู่จ้าน มีผู้คนมารอดูชมอันดับในตารางจัดอันดับกันด้วยความสนใจ


 


สายตาแต่ละคนยังเอาแต่จับจ้องไปยังอันดับที่ 45 ในตารางจัดอันดับไม่วางตา


 


พวกมันทำราวกับวินาทีนี้กระทั่งใครจะได้อันดับที่ 1 ก็ไม่สำคัญเท่าความเคลื่อนไหวของอันดับที่ 45


 


ในขณะที่คฤหาสน์อู่จ้านกำลังสะเทือนเพราะต้วนหลิงเทียน ด้านคฤหาสน์อมตะอื่นๆที่รับทราบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนแล้วก็สั่นสะเทือนไม่แพ้กัน


 



 


ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ในเมื่อคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆกำลังแตกตื่นเรื่องต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เป็นต้นสังกัดของต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งแตกตื่นกว่าใคร เรียกว่าตั้งแต่วินาทีที่ต้วนหลิงเทียน ไต่ถึง 50 อันดับแรก ทั้งหมดก็รู้สึกอื้ออึงเสมือนฝันไปอยู่บ้าง


 


ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งมาถึงลานหน้าตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายไปแดนสวรรค์ใต้โบราณ กระทั่งลงทะเบียนเข้าไปในนั้น ทุกคนยังคิดว่าต้วนหลิงเทียนมาเพื่อเที่ยวเล่นด้วยซ้ำ!


 


เหตุผลที่ไฉนพวกมันคิดไปทำนองดังกล่าว เพราะต้วนหลิงเทียนที่ว่าไม่เพียงแต่จะถูกพามาโดยฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นการส่วนตัว แต่อีกฝ่ายยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีอีกด้วย


 


ชายหนุ่มที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปี เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง หากไม่ได้เข้าไปเพื่อเที่ยวเล่นหรือจะให้อีกฝ่ายไปสู้ชิงอันดับ?


 


จากนั้นไม่ทันไร ชื่อต้วนหลิงเทียนก็โผล่ขึ้นมาใน 100 อันดับแรก!


 


ช่วงนั้นหลายคนยังคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนโกงคะแนน และหลายคนก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนแค่โชคดี


 


ทว่าหลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้สังหารกงซุนจิ้งของคฤหาสน์ปี้ชิงที่เป็นคู่อริของคฤหาสน์เฉวียนโยว จนได้รับอันดับที่ 52 มาครอง


 


ตอนนั้นเสียงที่หาว่าต้วนหลิงเทียนโกงหรือโชคดี ก็ได้เงียบหายไปและไม่มีใครพูดถึงอีกเลย


 


สุดท้ายทุกคนก็เริ่มพูดถึงความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนมากขึ้น


 


ในคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้นมีตำหนักตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณทั้งสิ้น 3 ตำหนัก และไม่ว่าจะตำหนักไหนของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็คึกครื้นมีชีวิตชีวาสุดที่ตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ใดๆ จะเทียบได้


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำหนักตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ต้วนหลิงเทียนมาลงทะเบียนใช้งาน เรียกว่าหัวหงอกหัวดำแห่กันมาจนหนาตา ไม่เพียงเหล่าศิษย์เท่านั้น กระทั่งชนชั้นอาวุโสเองก็มารวมตัวกันไม่น้อย


 


“อาวุโส เรื่องต้วนหลิงเทียนอายุไม่ถึง 100 ปี นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ? ท่านได้ตรวจสอบแล้วแน่นะ?”


 


“ผู้อาวุโส ท่านว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ใช่สัตว์ประหลาดจำแลงกายมารึเปล่า มันยังเป็นผู้คนอยู่อีกหรือ?”


 


“อาวุโสตอนที่ท่านมอบป้ายหยกสะสมคะแนนให้ต้วนหลิงเทียน ท่านเคยคิดไหมว่ามันจักบรรลุผลเลิศล้ำขนาดนี้?”


 



 


และตอนนี้ผู้อาวุโสที่ประจำโต๊ะบริการที่ต้วนหลิงเทียนมาลงทะเบียน เรียกว่าไม่ต่างอะไรจากดาราดังในโลกเก่าต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย พบเห็นบนถนนเมื่อใดก็มีผู้คนทั้งนักข่าวมารายล้อมเต็มไปหมด


 


“ต้วนหลิงเทียนใช่คนนอกที่ผู้ตรวจการฉีพาช่วยจริงหรือไม่? หากใช่แล้วผู้ตรววจการฉีไปพามันมาจากที่ใดกันแน่?”


 


เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่มีใครตั้งคำถามถึงความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป


 


เนื่องจากมีผู้อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อยที่รู้จักกับผู้อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้าน และได้ฟังเรื่องราวจากผู้อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้าน ว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับส่งศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน 11 คน ให้ออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางในเวลาไม่ถึง 1 เค่อ!


 


แถมในบรรดา 11 คนที่ว่ายังมีเหิงเฟิงและหลิวเสี่ยวโจว ที่มักติดอยู่ใน 100 อันดับแรกทุกเดือนอีก!


 


“ต้วนหลิงเทียน เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 7 ประการ…เหิงเฟิงแห่งคฤหาสน์อู่จ้านทั้งๆที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการ…แถมยังมีความลึกซึ้งปราการผลึก กายาศิลา ฟื้นฟู และเกราะ แต่ยังมิอาจต้านทานการโจมตีของต้วนหลิงเทียนได้ ที่สำคัญเห็นว่าหากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนยั้งมือไว้ไมตรี เหิงเฟิงยังอาจจะตกตายไปแล้วอีก…”


 


“เหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งเกราะของกฏแห่งดินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว? แต่ยังเกือบตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนอีกหรือ?”


 


“สวรรค์! ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น แต่มันยังเข้าใจกฏแห่งมิติอีกงั้นเหรอ!? ที่สำคัญยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ 7 ประการแล้ว? นี่มันอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!?”


 


“ข้อเท็จจริงเรื่องต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี ถึงจะได้รับการยืนยันจากคนจำนวนมากแล้ว แต่บอกตรงๆหากไม่เห็นกับตาข้ายังไม่อาจเชื่อได้ลงคอจริงๆ…ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้ตรวจการฉีไปหาคนนอกเช่นนี้มาช่วยจากที่ใด?”


 


“ผู้ตรวจการฉีเองก็ไม่น่าจะหาคนช่วยที่ร้ายกาจเช่นนี้มาได้หรอก ข้าว่าสมควรเป็นท่านผู้นำที่จ้างมามากกว่า เพียงแค่ให้ผู้ตรวจการฉีเป็นธุระเรื่องพาต้วนหลิงเทียนมาลงทะเบียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเฉยๆ”


 


“สมควรเป็นเช่นนั้น”


 



 


หลายคนเข้าใจว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นคนที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวไปพามา และว่าจ้างไปด้วยราคามหาศาลเพื่อให้มาช่วยคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้รู้เลย


 


ว่ากระทั่งตัวผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวพอได้รับทราบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน กระทั่งได้รับทราบถึงผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณ มันก็รู้สึกสับสนงุนงง จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก


 


“ผู้ตรวจการฉี เรื่องต้วนหลิงเทียนที่แท้มันอย่างไรกันแน่?”


 


ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวมีรูปลักษณ์เป็นชายวักลางคนร่างสูง ไม่อ้วนไม่ผอมแลดูสมส่วน หน้าตาจัดว่าไม่ขี้เหร่ไม่โดดเด่น หากแต่ลักษณะภูมิฐาน หว่างคิ้วเปี่ยมไปด้วยความสุขุมหนักแน่นมากบารมี สวมใส่ชุดคลุมสีครามน้ำทะเล แลดูมีสง่ามากราศี


 


หลังจากที่มันได้รับทราบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน มันก็เร่งติดต่อไปหาฉีเทียนหมิงก่อนใดอื่น เพราะฉีเทียนหมิงเป็นคนที่นำคนมา โดยที่ตัวมันเองก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


 


ก่อนหน้านี้มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวของมันมีศิษย์ชื่อต้วนหลิงเทียน


 


ครู่ต่อมาหลังได้รับทราบเรื่องราวจากฉีเทียนหมิงแล้ว ลูกตาของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาปานดวงดาว


 


ดูเหมือนว่าหลังผ่านไป 30,000 ปี ในที่สุดผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว!


 


อย่างไรก็ตาม พอผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวได้รับทราบบททดสอบที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมอบให้ต้วนหลิงเทียน สีหน้าตื่นเต้นยินดีของมันพลันชะงักค้างเติ่งราวถูกแช่แข็ง จากนั้นมันก็ได้แต่คลี่ยิ้มออกมาฝืนๆ “ท่านอาจาร์ยปู่…ไฉนถึงได้มอบบททดสอบเช่นนี้ให้เด็กมันเล่า?”


 


“ท่านเองก็รู้…ว่าเด็กมันยังอายุไม่ทันถึงร้อยด้วยซ้ำ!”


 


ด้วยเหตุนี้ ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่รู้สึกอึดอัดใจแทนต้วนหลิงเทียน ก็เร่งรุดออกจากคฤหาสน์ที่พักบ่มเพาะ แล้วเหินร่างย่ำฟ้าไปทางวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที


 


และเรื่องราวทั้งหมดนี้ ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย…


 


“โอย หากมีแผ่นที่บอกตำแหน่งที่ตั้งค่ายของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ต่างๆคงจะดีไม่น้อย…หากเป็นแบบนั้นข้าจะได้ไปดักรอพวกมันเหมือนเฝ้ากระต่ายหน้าโพรง…”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ลิ้มรสชาติหอมหวานจากการพบเจอค่ายของคฤหาสน์อู่จ้าน ก็เร่งรุดเหินร่างมองหาค่ายที่พักของคฤหาสน์อื่นเป็นการใหญ่ หมายไปดักหน้าประตูรอทุบตีผู้คนช่วงชิงคะแนน!!


 


อย่างไรก็ตามความจริงมันช่างต่างภาพฝันอันสวยหรูเหลือเกิน ทั้งๆที่เหินร่างตะลอนๆหาอยู่สองวันสองคืนแล้วแท้ๆ แต่เขายังไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน…

 

 

 


ตอนที่ 3140

 

‘2 วัน 2 คืนที่ผ่านมาอย่าว่าแต่ค่ายของคฤหาสน์อมตะไหนเลย…ข้ายังไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน…’


 


หลังจากออกจากหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้านแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พบเจอใครอีกเลย และไม่เจอค่ายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นใดอีก


 


แต่อย่างน้อยๆเขาก็จำได้แล้วว่าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวและค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านตั้งอยู่ที่ไหน


 


อย่างไรก็ตามค่ายของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น เขารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาไม่อาจไปดักตีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อช่วงชิงคะแนนได้ เว้นเสียแต่จะเจอคนที่มาเฝ้ารอเล่นงานคนของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


สำหรับค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน เมื่อ 2 วันก่อนเขากำจัดคนไปทั้งสิ้น 11 คน เช่นนั้นยังจะมีใครกล้าออกมาอีก?


 


หรือจะให้ไปรอคนที่จะกลับค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน?


 


แต่ไฉนคนของคฤหาสน์อู่จ้านต้องกลับค่ายด้วย? ตอนนี้มันปลายเดือนแล้ว แค่รออยู่ข้างนอกไม่ทันไรเดี๋ยวก็ถูกอาคมในป้ายส่งตัวออกไปเพราะหมดเวลาเอง


 


ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดเสียเวลาไปกับการดักรอหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน


 


‘ตอนนี้เวลาที่มีก็เหลือไม่ถึง 2 วัน 1 คืนดีด้วยซ้ำอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็จะล้างใหม่แล้ว…ท่าทางคนที่ยังอยู่ที่นี่ก็คงมีน้อยเต็มที คิดจะหาใครสักคนยังต่างอะไรกับงมเข็มในกองฟาง’


 


ขณะเหินร่างต้วนหลิงเทียนก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย


 


ตอนนี้เขาก็ไม่ได้หวังอะไรมากนักเรื่องจะพบเจอผู้คน ‘ช่วยไม่ได้ เข้ามาปลายเดือนก็ยังงี้ล่ะ…ดูท่ารอบนี้อย่างดีข้าก็คงมีแค่ 41 คะแนน’


 


คิดถึงช่วงท้าย ต้วนหลิงเทียนก็พลิกฝ่ามือเรียกป้ายหยกสะสมคะแนนขึ้นมาโยนเล่นเบาๆ


 


ขณะเดียวกันตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาถึงป่าทึบแห่งหนึ่ง


 


ในอดีตยามเหินผ่านป่าทึบหรือแนวเทือกเขา ต้วนหลิงเทียนจะระวังตัวไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาทำแค่แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบคร่าวๆเท่านั้น เพราะเขารู้สึกว่าไม่น่าจะมีใครมาดักซุ่มอะไรแล้ว และต่อให้มีก็คงไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย


 


เพราะคนที่ติดอยู่ในอันดับสูงๆ ไม่น่าจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางกันแล้ว


 


“หืม?”


 


อย่างไรก็ตามหลังผ่านไป 2 เค่อ ร่างต้วนหลิงเทียนก็จำต้องชะงักร่างหยุดลงกลางอากาศทันที


 


จากนั้นเขาก็เห็นว่า


 


ซู่มม!


 


ปรากฏร่างอันเต็มไปด้วยรัศมีพลังสีครามหนึ่ง กำลังพุ่งจี้เข้ามาทางเขาด้วยสภาวะพลังเกรี้ยวกราด คนทะยานตัดฟ้ามาฉับไวปานเส้นสายอัสนี!


 


ระหว่างพุ่งจี้เข้าใส่เขา อีกฝ่ายยังตวัดซัดคมมีดสายลมเข่นฆ่านำมาทางเขาอีกด้วย!


 


ฟั่ฟฟ!!


 


เสียงคมมีดสายลมแหวกอากาศมาเร็วไว กลิ่นอายพลังคมกล้าเยียบเย็นขุมหนึ่งปกคลุมไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียน


 


เรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นในเวลาชั่วพริบตา!


 


รวดเร็วจนต้วนหลิงเทียนแทบตอบสนองสิ่งใดไม่ทัน


 


เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนก็กำลังเหินร่างเดินทางอย่างเรื่อยเปื่อย ผ่อนคลายสบายๆ


 


แต่แล้วจะอย่างไร?


 


‘เคลื่อนมิติ’


 


เมื่อคมมีดที่ควบแน่นจากสายลมแหวกฟ้ามาห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนไม่กี่ก้าว เพียงหนึ่งห้วงคิดร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในบัดดล


 


คมมีดสายลมอันเร็วไวปานสายฟ้า ก็ได้แต่จั่วลมดังวืด!


 


“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ?”


 


ร่างที่เต็มไปด้วยรัศมีพลังสีครามหยุดลงทันใด ลูกตายังหดหยีลงเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มฉายชัดถึงความประหลาดใจ


 


ตัวมันที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลม ย่อมมั่นใจเรื่องความเร็วเป็นที่สุด ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รวดเร็วเท่ามัน


 


แต่กระนั้น คู่ต่อไม่เพียงแต่จะหลบการโจมตีของมัน ยังหายตัวไปต่อหน้าต่อตามันอย่างไร้ร่องรอย!


 


หากนี่ไม่ใช่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติ แล้วยังจะเป็นอะไรได้อีก?


 


‘กักกัน!’


 


ในขณะร่างที่เต็มไปด้วยรัศมีพลังสีครามหยุดลงด้วยความตกใจ ร่างต้วนหลิงเทียนที่หายไปก่อนหน้า ไม่ทราบวูบมาปรากฏตัวเบื้องหลังมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งกักกันทันที ปิดผนึกห้วงมิติรอบกายอีกฝ่ายในบัดดล!


 


‘เขตแดนมิติ’


 


ขณะเดียวกันพลังมิติก็ระเบิดออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนก่อเกิดเป็นเขตแดนมิติปกคลุมรัศมี 10 หมี่รอบกายเอาไว้ แน่นอนว่าร่างศัตรูที่ติดอยู่ในห้วงมิติกักกันก็อยู่ในรัศมีดังกล่าวด้วย


 


จังหวะนี้อีกฝ่ายก็พึ่งจะหันมามองต้วนหลิงเทียน


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะใช้ความลึกซึ้งกักกันทั้งกางเขตแดนมิติสะกดร่างอีกฝ่ายไว้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รับแรงกดดันมากจนถึงขั้นทำอะไรไม่ได้ แถมรัศมีพลังสีครามทั่วร่างของมันที่แผ่พุ่งออกมา ก็สามารถต้านทานพลังของห้วงมิติเอาไว้ได้ไม่ยากเย็น


 


“คฤหาสน์หานชิง…หลิวจี๋?”


 


ขณะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายหันกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตุเห็นป้ายประจำตัวที่ห้อยอยู่บริเวณเอวของอีกฝ่าย


 


ทันใดนั้น ในหูต้วนหลิงเทียนคล้ายจะมีเสียงเหล่าศิษย์ที่คุยกันบริเวณหน้าตำหนักเคลื่อนย้ายดังขึ้นอีกครั้ง เป็นบทสนทนาที่เขาได้ยินก่อนจะเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง


 


“หลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงที่พึ่งเข้าไปเมื่อ 5 วันก่อน ไม่คิดเลยว่าจะเก็บแต้มได้มากขนาดนี้ แถมอันดับมันยังกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ…รอบนี้ข้าว่ามันคงติด 30 อันดับแรกได้อย่างไร้ปัญหา”


 


และนั่นก็คือครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อหลิวจี๋


 


หลังจากนั้นพอเขามองงตารางจัดอันดับ เขาก็พบว่าหลิวจี๋อยู่ในอันดับที่ 33 พรอมด้วยคะแนนร้อยเศษๆ หากคิดจะเข้าสู่ 30 อันดับแรกอย่างน้อยๆก็ต้องได้คะแนนเพิ่มอีกราวๆ 20 คะแนน


 


‘คำนวณจากเวลาแล้ว…ต่อให้หลิวจี๋ไม่คิดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางด้วยตัวเอง…อย่างไรก็ตามวันนี้มันก็สมควรถูกส่งตัวออกไปอยู่ดี เพราะมันสมควรอยู่ในนี้ได้วันสุดท้าย’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


“ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นรึ?”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังป้ายที่หลิวจี๋ห้อยแขวน ด้านหลิวจี๋ก็สังเกตเห็นป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน “ต้วนหลิงเทียน?”


 


หลิวจี๋ขมวดคิ้วย่นยู่


 


มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวจะมีศิษย์ชื่อนี้ แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติอีก


 


เคลื่อนมิติ เป็น 1 ในความลึกซึ้งที่พิสดารที่สุดในกฏมิติ ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้สามารถเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติได้ เช่นนั้นไม่มีทางเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่นอน


 


มันก็เลยงุนงงอยู่บ้าง เพราะมันไม่เคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนจากที่ไหนมาก่อนเลย


 


ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติออกมาทั้งสิ้น 4 ประการแล้ว นอกเหนือจากความหมายแห่งมิติกับเคลื่อนมิติ อีกฝ่ายก็พึ่งใช้ความลึกซึ้งกักกันกับเขตแดนมิติหยุดความเคลื่อนไหวของมัน


 


ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 4 ประการ?


 


ตัวตนเช่นนี้เว้นเสียแต่จะปกปิดพลังฝีมือและไม่เคยเปิดเผยให้ใครเห็นมาก่อน หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไร้ชื่อเสียงเรียงนาม


 


‘บิดเบือน!’


 


‘ผ่ามิติ!’


 


ในขณะที่หลิวจี๋กำลังงุนงงเพราะไม่เคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนมาก่อน ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะหยุดมือแต่อย่างใด เขาใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติอีก 2 ประการออกมาสืบต่อทันที!


 


ทันใดนั้นความว่างเปล่าที่ผนึกขังร่างหลิวจี๋ก็เริ่มบิดเบือน ทำให้รัศมีพลังสีครามที่แผ่พุ่งออกมาต้านทานเริ่มสั่นสะเทือนก่อนจะถูกทำลายลงไปหลายส่วน


 


เปรียะ!


 


จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘เปรียะ’ ดังขึ้นคราหนึ่ง มองไปก็พบว่าความว่างเปล่าเบื้องหน้าไม่ไกล บัดนี้ได้บังเกิดรอยแตกขึ้นจากนั้นก็ปรากฏคมมีดสีเทาดั่งเสี้ยวจันทร์พุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าว


 


แสงคมมีดสีเทานี้ ยามปรากฏขึ้นก็เสมือนมันกลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจทันที สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายหม่นแสงลงในฉับพลัน เพ่งเล็งเข่นฆ่าไปทางร่างหลิวจี๋เขม็ง!


 


เห็นได้ไม่ยากเลย ว่าหากหลิวจี๋ไม่อาจหลุดพ้นพันธนาการของพลังแห่งมิติที่สะกดเคี่ยวกรำรอบกายได้ล่ะก็ มันไม่พ้นต้องโดนคมมีดมิติสีเทานี้ฆ่าตายแน่นอน!!


 


“บัดซบ! เดือนหน้าอย่าให้ข้าเจอเจ้าก็แล้วกัน!!”


 


ใบหน้าหลิวจี๋บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก หลังกล่าวทิ้งท้ายอย่างดุร้ายจบคำแล้ว มันก็บดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเองทันที!


 


และทั่วร่างมันก็เปล่งแสงพลังสีครามออกมาต้านทานคมมีดมิติสีเทาอยู่พักหนึ่ง พอคมมีดสีเทาดังกล่าวพุ่งฝ่าเข้าไปได้ส้ำเร็จ พร้อมเข่นฆ่าผ่าร่าง คนก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียก่อน!


 


การถูกกำจัดออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งที่สร้างความอัปยศให้กับหลิวจี๋มากที่สุด!


 


ตอนมันเห็นป้ายประจำตัวของต้วนหลิงเทียน มันก็เชื่อไปตามจิตใต้สำนึกว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกกระจอกๆคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว


 


ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์ ต่อให้จะเชี่ยวชาญกฏมิติและเข้าใจความลึกซึ้งได้ 3-4 ประการแล้ว แม้จะแลดูน่าตกใจไม่น้อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้แน่นอน


 


จนเมื่อมันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏมิติออกมาเพิ่มอีก 2 ประการ มันจึงรู้ดีว่าครั้งนี้เป็นตัวเองประมาทเกินไป และไม่ควรเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลงมือใส่มันแบบนี้โดยที่มันไม่ได้เตรียมตัวแต่แรก…


 


สุดท้ายมันก็เลยไม่เพียงแต่จะไม่มีเวลาตอบโต้เท่านั้น กระทั่งจะต้านทานยังทำไม่ได้!


 


ถึงแม้ตัวมันจะเชี่ยวชาญกฏแห่งลม และเข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักถึง 2 ประการ แต่มันก็ไม่อาจทำลายพันธนาการแห่งห้วงมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้กักขังมันเอาไว้ได้ทันแน่นอน!


 


คิดจะทำลายพลังมิติที่ล้อมกักอยู่ทั่วร่างแบบนี้ ต้องใช้เวลาสักพัก


 


แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีเวลามากพอ


 


หากมันมัวแต่ทำลายพันธนาการมิติ เกรงว่ามันคงทำลายพันธนาการไม่ทันก่อนที่คมมีดมิตินั่นจะบรรลุถึงตัวด้วยซ้ำ


 


นอกจากนั้นคมมีดมิติดังกล่าวก็พุ่งมาได้ฉับไวทั้งพลังสภาวะได้ถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด ถึงมันเปล่งพลังทำลายพันธนาการได้แล้วก็จริง แต่ไหนเลยจะมีเวลามากพอให้เร่งเร้าพลังเพื่อต้านทานคมมีดมิตินั่นได้ทัน?


 


สายเกินไป!


 


สายเกินไปแล้ว!!


 


ด้วยเหตุนี้หลิวจี๋จึงหลงเหลือเพียงหนึ่งทางเลือกเท่านั้น รีบบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเอง และพยายามเร่งเร้าพลังต้านทานการจู่โจมของต้วนหลิงเทียนให้ได้มากที่สุด เพื่อยื้อเวลาให้อาคมส่งตัวทำงาน ถึงจะออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งยังมีชีวิต!


 


หาไม่แล้วมันต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!


 


แต่ถึงมันจะตัดสินใจได้เด็ดขาดและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้ในฉับพลัน แต่ตัวมันก็ไม่เต็มใจถึงที่สุด! ยังคับจ้องใจถึงขีดสุด!!


 


หากอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติแค่ 6 ประการ ลองให้มันเตรียมพร้อมแต่แรก มันไม่เพียงแต่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้ ยังมั่นใจว่าสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้แน่!


 


ต่อให้อีกฝ่ายจะเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติก็ตามที!


 


เพราะมันเข้าใจความลึกซึ้งที่เน้นความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 2 ประการ ยามใช้ออกพร้อมกันความเร็วในการเคลื่อนไหวของมัน ย่อมไล่ตามความถี่การเคลื่อนย้ายข้ามมิติของอีกฝ่ายได้แน่นอน!


 


‘หากข้ารู้ตัวและอาศัยการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่แรก ไหนเลยจะถูกมันใช้ความลึกซึ้งกักกันผนึกความเคลื่อนไหวได้? อีกทั้งด้วยระยะกับความถี่ในการใช้เคลื่อนมิติของมัน ข้าสามารถไล่มันได้ทันถมเถ ถึงตอนนั้นจะเอาชนะมันกระทั่งฆ่ามันให้ตายก็ไม่มีปัญหา…เพราะความเร็วของข้าเหนือล้ำครอบงำมันทุกทาง!’


 


หลังถูกอาคมเคลื่อนย้ายส่งตัวออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว ในใจหลิวจี๋ก็เปี่ยมล้นไปด้วยความไม่ยินยอมถึงขีดสุด มันคับแค้นใจจนแทบบ้า!


 


อย่างไรก็ตาม ต่อให้หลิวจี๋จะไม่ยินยอมและคับข้องใจแค่ไหน มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมาแล้ว…


 


‘113 แต้ม?!’


 


พอป้ายหยกสะสมคะแนนของหลิวจี๋แหลกเป็นเสี่ยง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าคะแนนสะสมในป้ายหยกสะสมคะแนนของเขากำลังพุ่งทะยานขึ้นมากกว่าครั้งใด และพุ่งขึ้นไปรวดเดียว113 แต้ม!!


 


เดิมทีเขามี 41 แต้มเท่านั้น


 


มาตอนนี้พอรวมกับแต้มที่พึ่งได้จากหลิวจี๋ เขาจึงมีคะแนนสะสมรวมทั้งสิ้น 154 แต้ม!!

 

 

 


ตอนที่ 3141

 

ณ คฤหาสน์หานชิง


 


ค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว 1 ในบรรดาค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวของคฤหาสน์หานชิง พลันปรากฏร่างหนึ่งถูกส่งกลับมา


 


“หลิวจี๋?”


 


“ศิษย์พี่หลิวจี๋!”


 


“ศิษย์พี่หลิวจี๋ครบกำหนดออกมาแล้วหรือ…”


 


“น่าเสียดายที่รอบนี้ศิษย์พี่หลิวจี๋ได้แค่อันดับที่ 31 เท่านั้น…อย่างไรก็ตามเพราะครานี้ศิษย์พี่หลิวจี๋ติดธุระจนเข้ามาช้าเกินไป หาไม่แล้วด้วยพลังฝีมือของศิษย์พี่หลิวจี๋คิดติด 1 ใน 30 อันดับแรกก็ย่อมไม่มีปัญหาอันใด”


 


“จริง”


 



 


การที่หลิวจี๋ถูกส่งตัวมาปรากฏ ก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์หานชิงในตำหนักเคลื่อนย้ายทันที สายตาทุกคนจึงละออกจากตารางจัดอันดับมาให้ความสนใจหลิวจี๋ก่อน


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่า…


 


แทบจะพร้อมๆกันกับที่หลิวจี๋ปรากฏตัว ชื่อหลิวจี๋ในอันดับที่ 31 ก็ได้หายไป


 


ขณะเดียวกัน ชื่อเดิมที่ติดอยู่ในอันดับที่ 30 ก่อนหน้า ก็ร่นลงมาอยู่ที่อันดับ 31 แทน…


 


อันดับกลางๆก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันเช่นกัน เพราะชื่อในอันดับที่ 45 ได้เปลี่ยนไปแล้ว


 


อันที่จริงความเปลี่ยนแปลงในตารางจัดอันดับครั้งนี้ นับว่าใหญ่โตไม่ใช่เล่นๆ


 


อย่างไรก็ตาม เพราะทุกคนในตำหนักเคลื่อนย้ายจุดนี้มัวแต่สนใจการปรากฏตัวของหลิวจี๋ จึงไม่ทันมีให้สังเกตเห็นอันดับที่บังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน


 


ในเวลาเดียวกัน


 


ตำหนักตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งอื่นของคฤหาสน์หานชิง เสียงอุทานดังขึ้นระงม


 


“เฮ่ย! ชื่อศิษย์พี่หลิวจี๋หายไปแล้ว!!”


 


“ให้ตายเถอะ…ชื่อศิษย์พี่หลิวจี๋หายไปแล้วจริงๆ! นี่ศิษย์พี่ถูกใครกำจัดออกมาหรือไร แต่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางตอนนี้ ใครมันยังมีพลังมากพอจะจัดการศิษ์พี่ได้กัน?”


 


“หรือจะเป็นฝีมือคนที่จัดการเหิงเฟิงของคฤหาสน์อู่จ้าน?”


 


“ชัดเจน! เป็นมันไม่ผิดแน่! พวกเจ้าดูนั่น…ตอนนี้มันมีคะแนนสะสม 154 แต้มแล้วแถมยังอยู่ในอันดับที่ 25 แล้วด้วย!!”


 


“อั้ย ดูเหมือนมันจะเป็นคนจัดการศิษย์พี่หลิวจี๋จริงๆ…เดิมทีศิษย์พี่หลิวจี๋มี 113 แต้ม ส่วนมันมี 41 แต้ม พอเอามารวมกันก็เป็น 154 แต้มพอดี!”


 



 


เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของคฤหาสน์หานชิงได้แต่มองจ้องไปยังอันดับที่ 25 ด้วยความอื้ออึง แววตาเผยให้เห็นถึงความเหลือเชื่ออยู่บ้าง


 


ถึงแม้เจ้าของนามนี้จะสามารถจัดการเหิงเฟิงจากคฤหาสน์อู่จ้าน ที่ไม่ต่างอะไรกับหลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงพวกมันอันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนเบื้องต้น 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจประการที่ 7


 


อย่างไรก็ตามต้องทราบด้วยว่ากฏที่เหิงเฟิงเชี่ยวชาญคือกฏแห่งดิน!


 


แต่หลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงพวกมันเข้าใจกฏแห่งลม กระทั่งเข้าใจความลึกซึ้งที่เสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งลม 2 ประการ พลังฝีมือนับว่าแข็งแกร่งเหนือกว่าเหิงเฟิงมาก!


 


หากคิดหลบหนี ทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เกรงว่าคงมีขุนนางอมตะ 10 ทิศเพียงหยิบมือเดียวที่สามารถหยุดหลิวจี๋ได้


 


ทว่าตอนนี้หลิวจี๋กลับถูกกำจัดออกมาแล้วจริงๆ…


 


“ต้วนหลิงเทียน?”


 


หลังหลิวจี๋ถูกส่งตัวออกมา มันก็มองจ้องไปยังตารางจัดอันดับก่อนใดอื่น ไม่ได้แยแสสายตาของผู้คนโดยรอบแม้แต่นิดเดียว และมันก็พบชื่อที่ทำให้มันเกลียดชังจับใจเร็วไว


 


ทันใดนั้น สองหมัดของมันกำแน่นจนกระดูกลั่นกร๊อบๆ ใบหน้ายังมืดดำปานจะคั้นได้เป็นหยดน้ำหมึก!


 


จังหวะนี้เอง ศิษย์และอาวุโสรอบๆก็เริ่มสังเกตเห็นท่าทีผิดแปลกของหลิวจี๋


 


และพอพวกมันมองตามสายตาหลิวจี๋ไปเห็นตารางจัดอันดับ ลูกตาพวกมันก็หดเล็กลงทันที ยังอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าดังเฮือกด้วยความตกใจ “นิ..นี่มัน…ได้อย่างไรกัน!?”


 


“ศิษย์พี่หลิวจี๋ ก็ถูกต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นจัดการงั้นเหรอ!?”


 


“ให้ตายเถอะ ที่แท้คนชื่อต้วนหลิงเทียนนี่มันเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ไฉนข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย…มันคือคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวจ้างมาช่วยจริงๆหรือ!?”


 


“สมควรเป็นคนนอกที่ถูกจ้างมาแน่! หากมันเป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวแต่แรกไหนเลยพึ่งจะมาปรากฏตัวเอาตอนนี้? อย่างมันหากอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวจริง จะไม่มีชื่อเสียงได้อย่างไร?”


 


“จริง ข้าได้ยินมาว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้เป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกเท่านั้น ถ้าไม่ใช่คนที่ถูกจ้างมา พลังฝีมือระดับมันจะเป็นแค่ศิษย์ฝ่านอกคฤหาสน์เฉวียนโยวได้อย่างไร?”


 


“ข้าได้ยินสหายที่คฤหาสน์เฉวียนโยวบอกมาอีกด้วย…ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี! นอกจากนั้นสหายข้ายังฟันธงมาแล้ว ว่ามันเป็นคนนอกที่ถูกจ้างมาช่วย!”


 


“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนนั่นน่ะนะอายุไม่ถึงร้อยปี?”


 


“เหลวไหล! เป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องพรรค์นี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!”


 



 


คุยกันไปคุยกันมาในที่สุดก็มีคนเอ่ยถึงเรื่องต้วนหลิงเทียนอายุไม่ถึงร้อยปีขึ้นมา และไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อได้ลงคอว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงแม้แต่ตัวคนพูดเองก็ตาม


 


“หลิวจี๋ ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น…เป็นเพียงศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงหรือ?”


 


เห็นใบหน้าอัปลักษณ์มืดดำของหลิวจี๋ เหล่าศิษย์ย่อมไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีกฝ่ายด้วยจะกลัวเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมแผลเก่าอีกฝ่าย หากแต่เหล่าอาวุโสนั้นไม่ได้แยแสหรือเกรงใจอะไร จึงเลือกจะถามสิ่งที่อยากรู้ออกมาตรงๆ


 


“ใช่ มันเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว…อย่างน้อยๆป้ายประจำตัวมันก็เป็นป้ายสำหรับศิษย์ฝ่ายนอก”


 


หลิวจี๋กล่าวตอบเสียงหนัก


 


“มัน…แข็งแกร่งกว่าเจ้าอีกรึ?”


 


อาวุโสอีกคนของคฤหาสน์หานชิงเอ่ยถาม


 


“ฮึ! หากไม่ใช่เพราะข้าประมาทเอง คนที่จะถูกำจัดไม่ใช่ข้าแต่เป็นมัน!”


 


ยิ่งมาสีหน้าหลิวจี๋ยิ่งมืดดำคล้ำลง จากนั้นก็หันไปมองชื่อต้วนหลิงเทียนบนตารางจัดอันดับ เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงอาฆาต “เดือนหน้าหากข้าเจอมันอีก…ถ้าข้าฆ่ามันไม่ได้! ข้าหลิวจี๋ยอมเปลี่ยนไปใช้แซ่ของมัน!!”


 


กล่าวจบ หลิวจี๋ก็หันหลังเตรียมจากไป


 


และวาจาที่หลิวจี๋กล่าวไว้ก่อนจะหันหลังกลับ ก็ทำให้สองตาคนของคฤหาสน์หานชิงรอบๆเปล่งประกายวับวาวขึ้นมาทันที เพราะน้ำเสียงของหลิวจี๋ฟังดูมั่นใจถึงขีดสุด


 


ที่หลิวจี๋ถูกกำจัดออกมาคราวนี้ สมควรเป็นเพราะหลิวจี๋ประมาทจริงๆ


 


ท้ายที่สุดแล้วป้ายที่ห้อยแขวนบนเอวของต้วนหลิงเทียนก็คือป้ายศิษย์ฝ่านอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว สิ่งนี้พอใครเห็นก็ต้องดูเบาอีกฝ่ายเป็นเรื่องธรรมดา


 


“หลิวจี๋! แล้วเจ้านั่นมันอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆรึ?”


 


เมื่อแผ่นหลังของหลิวจี๋กำลังจะหายลับไปจากสายตาทุกคน อาวุโสคนหนึ่งที่นึกอะไรได้ออกก็เร่งโพล่งถามออกไปทันที


 


“อาวุโส…ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ 6 ประการ…ท่านว่ามันจะมีอายุไม่ถึงร้อยปีได้หรือ?”


 


ก่อนที่ร่างหลิวจี๋จะหายลับไปจากสายตาทุกคน มันก็เอ่ยประโยคดังกล่าวทิ้งท้ายไว้…


 


แน่นอนว่าที่ไฉนมันเลือกจะตอบกลับมาโดยการย้อนถามแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบต้วนหลิงเทียน และเลือกจะลงมือทันทีที่เห็นต้วนหลิงเทียน


 


กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึง


 


ว่าคนที่มันคิดว่าสมควรตกอยู่ในกำมือมันง่ายๆ จะเป็นฝ่ายกำจัดมันซะเอง


 


และเพราะหลิวจี๋ไม่ได้ยืนยันเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอายุไม่ถึงร้อยปี ดังนั้นพอได้ยินใครพูดเรื่องต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีออกมา ความคิดแรกของมันคือ ‘ไร้สาระสิ้นดี…’


 


คนอื่นอาจไม่รู้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน แต่มันรู้ดี!


 


ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการ…


 


ตัวตนเช่นนี้มีอายุไม่ถึงร้อยปี?


 


เป็นไปไม่ได้แน่นอน!


 


“เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 6 ประการรึ?”


 


หลังจากที่หลิวจี๋จากไปแล้ว เหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสคฤหาสน์หานชิงก็ได้แต่หันมามองหน้าสบตากัน จนแลเห็นความเหลือเชื่อในแววตากันและกัน


 


ถึงแม้พวกมันจะพอตระหนักได้ว่าศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมา ต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่ และเตรียมใจรับทราบว่าอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้ง 7 ประการของกฏใดฏหนึ่งเอาไว้แล้ว…


 


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกมันเตรียมใจไว้ ยังไม่น่าตกใจเท่าคำพูดของหลิวจี๋!


 


เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 6 ประการ สิ่งนี้หมายความว่าอะไร?


 


นั่นไม่ยากไปกว่าการทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏทั่วไป 8-9 ประการเลย!


 


“ก่อนหน้านี้ตอนสหายของข้าในคฤหาสน์อู่จ้านบอกว่าต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ถึง 7 ประการ ข้ายังไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่…แต่ตอนนี้ดูเหมือนที่มันพูดจะเป็นความจริง”


 


ตอนนี้เองศิษย์คฤหาสน์หานชิงคนหนึ่งพลันกล่าวออกเสียงหนัก


 


“ความลึกซึ้งของกฏมิติ 7 ประการ…เจ้าแน่ใจหรือ?”


 


อาวุโสและเหล่าศิษย์โดยรอบบหันไปหยีตามองถามมันทันที ในแววตายังเผยความไม่อยากจะเชื่อออกมา


 


แต่ถ้าหากสิ่งนี้เป็นความจริง หมายความว่า…


 


ตอนศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นลงมือจัดการหลิวจี๋ อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง!


 


หากเป็นแบบนั้น ถึงหลิวจี๋จะไม่ประมาท ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้!


 



 


ในขณะที่คฤหาสน์หานชิงกำลังฮือฮาเพราะหลิวจี๋ถูกกำจัดออกมา คฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ไม่เว้นคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็กำลังฮือฮากันยกใหญ่เช่นกัน


 


“ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้วนหลิงเทียนนั่น มันเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแค่ 5 วัน แต่กลับได้คะแนนมากกว่า 150 คะแนนแถมรั้งอยู่ในอันดับที่ 25 แล้ว?”


 


“ถึงแม้จะมีคนที่เข้าไป 5 วันแล้วได้คะแนนมากกว่ามันมากมาย…แต่คนเหล่านั้นไม่มีใครเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเอาช่วงปลายเดือน! เพราะอย่างที่พวกเรารู้กันว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือน โอกาสได้คะแนนก็ยิ่งมีน้อยลง”


 


“ต้วนหลิงเทียนคนนีไม่เพียงร้ายกาจแต่โชคยังดีอีกด้วย…เพราะสุดท้ายที่มันได้คะแนนมากขนาดนี้เพราะมันพบหลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิง และเอาชนะมาได้…”


 


“หากวัดกันแต่ในคฤหาสน์เฉวียนโยว…อันดับของมันตอนนี้ก็เป็นรองแค่โจวหงเจี๋ยคนเดียวเท่านั้น…”


 



 


นี่นับเป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณ และยังพึ่งเข้าไปได้ 5 วัน อย่างไรก็ตามในเวลา 5 วันเขาก็ไต่มาถึงอันดับที่ 25 แล้ว


 


เรียกว่าวันนี้ไม่มีคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ในแดนสวรรค์ใต้แห่งไหนไม่รู้จักชื่อเขา


 


เป็นธรรมดาว่าถึงพวกมันจะรู้ว่าที่คฤหาสน์เฉวียนโยวมีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่ แต่ทั้งหมดก็คิดว่าเป็นคนนอกที่ถูกคฤหาสน์เฉวียนโยวจ้างมาให้ช่วงชิง 20 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเท่านั้น


 


เพียงชั่วพริบตา อีก 2 วันก็ได้ล่วงเลยผ่านไป


 


เมื่ออันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้หยุดเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ ผู้ที่ยังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ถูกส่งตัวออกมาด้านนอกกันหมด


 


ฟุ่บ!


 


ต้วนหลิงเทียนยก็ถูกส่งออกมาเช่นกัน และจุดที่เขาปรากฏตัวก็คือค่ายกเคลื่อนย้ายรับตัว ตำหนักเคลื่อนย้ายหลังเดียวกับตอนที่เขามาลงทะเบียน


 


ตอนออกมาสีหน้าต้วนหลิงเทียนก็แลดูซึมๆอยู่บ้าง


 


นั่นเพราะตั้งแต่ที่จัดการหลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงไป เขาก็ไม่พบเจอแม้แต่เงาผู้ใดอีกเลย ได้แต่เหินร้างเคว้งคว้างจนถึงเวลาส่งตัว…


 


“ต้วนหลิงเทียนออกมาแล้ว!”


 


และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนออกมา เขาก็พบว่าบัดนี้ถูกผู้คนรายล้อมเอาไว้ ขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่มองจ้องเขาตาเป็นมัน จากนั้นพวกมันก็ไม่คิดเกรงอกเกรงใจอะไร พากันแผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบเขาทันที!


 


“ให้ตายเถอะ! อายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!!”


 


“จ้าวสวรรค์ช่วย! ข้านึกว่าเป็นแค่ข่าวลือเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนจะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!!”


 


“อายุไม่ถึงร้อย แต่ได้คะแนนมาขนาดนี้…ตั้งงแต่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางถูกสร้างขึ้นมายังไม่เคยปรากฏมาก่อน! แถมต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่เก็บคะแนนได้อย่างเดียว แต่ยังได้อันดับที่ 25 อีกด้วย!”


 


“และนี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมาเอาตอนปลายเดือนด้วยล่ะ…ข้าล่ะตั้งหน้าตั้งตารอดูชมนัก! ว่าเดือนหน้าต้วนหลิงเทียนจักเป็นอย่างไร?!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)