War sovereign Soaring The Heavens 3091-3100

ตอนที่ 3091

 

ได้ยินสิ่งที่เจียงหลานพูดกับชายหนุ่มในชุดแพรหรูหรา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองส่งสายตาถามไถ่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที และอีกฝ่ายก็พยักหน้าเบาๆตอบกลับ


 


เห็นได้ชัดว่าเจียงหลานก็พูดกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแบบนี้ด้วย


 


ส่วนเรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนำเรื่องแดนลับมาบอกเขานั้น ไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะเจียงหลานเป็นคนฝากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นให้มาชวนเขาเอง


 


“วันนั้นเจ้า…ดูเหมือนจะรับปากข้าแล้วมิใช่รึ?”


 


เจียงหลานที่ยังคงลอยร่างกลางฟ้าเหนือยอดเขา มองจ้องชายหนุ่มในชุดแพรหรูหราด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามออกมาเสียงเบา


 


“แล้วไง?”


 


ชายหนุ่มชุดหรูเย้ยเยาะ “ถึงแม้เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ตอนนี้อาจารย์ของข้ามาแล้ว อาศัยเจ้ายังจะทำอะไรได้ สุดท้ายเจ้ามันก็แค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดตัวกระจ้อย ยังคิดจะให้ข้าเชื่อฟังงั้นหรือ เหลวไหลสิ้นดี!”


 


“อ้อ…ดูเหมือนเจ้าจะคิดว่า พออาจารย์เจ้ามาที่นี่แล้ว ข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้งั้นสินะ?”


 


เจียงหลานหยีตามองถามชายหนุ่มชุดหรูนาม ‘หยวนเจิง’ อีกครั้ง


 


“หึ! อาจารย์ข้าเป็นราชาอมตะ 8 ชะตา! อาศัยเจ้าคิดว่ามีปัญญาทำอะไรข้าใต้เปลือกตาของราชาอมตะ 8 ชะตาได้รึ!?”


 


หยวนเจิงแสยะยิ้มกล่าวเย้ยเยาะออกมาอย่างย่ามใจ สีหน้าแววตาที่ใช้มองเจียงหลานบัดนี้ฉายชัดถึงความดูแคลน


 


“หยวนเจิงผู้นี้ซวยแล้วล่ะ…”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน เอ่ยออกเสียงเบาพอให้ต้วนหลิงเทียนได้ยินคนเดียว


 


“เจ้าไม่ได้บอกข้าว่า ค่ายกลของมันผ่านวันเวลามานานจนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่บรรจุไว้ถดถอยถึงขอบเขตราชาอมตะแล้วหรือไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังเอ่ยถามด้วยยความสงสัย


 


“ก็ใช่ แต่กระนั้นอาศัยแค่ตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันอมตะก็ไม่มีวันทำลายได้หรอก เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าเมื่อชาติก่อนจะอย่างไรมันก็เป็นจักรพรรดิอมตะ…”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นตอบกลับผ่านพลัง


 


สิ้นเสียงตอบของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าเจียงหลานเริ่มเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า กวาดตาไปยังร่างผู้มาใหม่ทั้ง 500 คนทั่วๆ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มในชุดแพรพลางถาม “ผู้ใดเป็นอาจารย์ของมัน?”


 


“เฮอะ!”


 


เสียงกล่าวถามของเจียงหลานดังไม่ทันจบคำดี ชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์เรียบง่าย ก็โพล่งคำสบถออกมา มองเย้ยเจียงหลานด้วยสายตาท้าทาย พร้อมปลดปล่อยแรงกดดันพลังออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ “อันใดไอ้หนู หรือเจ้าคิดจะก่อการโอหังต่อหน้าข้า อย่างลงมือทำอะไรลูกศิษย์ข้ากระนั้นรึ?”


 


“ราชาอมตะ 8 ชะตา!”


 


เมื่อชายวัยกลางคนดังกล่าวโพล่งคำออกมาพร้อมปลดปล่อยแรงกดดันพลัง เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปสนใจชายวัยกลางคนทันที


 


เมื่อครู่หยวนเจิงพึ่งกล่าวว่าอาจารย์ของมันก็คือราชาอมตะ 8 ชะตา


 


เช่นนั้นชายวัยกลางคนผู้นี้ สมควรเป็นอาจารย์ของหยวนเจิง!


 


“ที่แท้กลับมีหลายคนไม่ทำตามสัญญาและเลือกจะบอกเหล่าอาวุโสให้ลอบติดตามมาด้วย…หากข้ารู้แต่แรกข้าบอกอาจารย์ของข้าให้ลอบติดตามมาด้วยก็ดี”


 


“นั่นสิ ดูเหมือนบางครั้งการบิดพลิ้วสัญญาก็มีประโยชน์เช่นกัน หากข้าบอกให้ผู้อาวุโสติดตามมาด้วย ไหนเลยยังตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้?”


 


“แต่อย่างไรเสียก็มีคนไม่น้อยเลยที่พาอาวุโสมาที่นี่ด้วย…ข้าเพียงหวังว่าจะสามารถอาศัยคนเหล่านั้น เอาตัวรอดไปจากแผนการอันใดสักอย่างของมันได้”


 



 


เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดหลายต่อหลายคนได้แต่กล่าวพึมพำออกมาด้วยความเสียใจ ที่ดันไปรักษาคำพูดกับเจียงหลาน และเสียใจที่ไม่พาผู้อาวุโสติดตามมาด้วย


 


“ในเมื่อเจ้าต้องการแบบนั้น ข้าจัดให้!”


 


ได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์ เจียงหลานก็มองตอบคำอีกฝ่าย มุมปากยังยกยิ้มแสยะเย้ยเยาะ สองตาหดหยีลง เจตนาฆ่าฟันเริ่มทะลักออกมา!


 


และมันกล่าวไม่ทันจบคำดี มันก็ลงมือเคลื่อนไหวแล้ว!


 


ซ่า!


 


ซ่า!


 



 


เสียงสายน้ำไหลเชี่ยวดังขึ้น บัดนี้ทั่วร่างของเจียงหลานพลันปรากฏกระแสพลังสีฟ้าห้อมล้อมวนเวียนไปทั่วร่าง มองไปดั่งสายธารไหลริน จากนั้นร่างมันก็ปะทุความเร็วขึ้นในฉับพลัน คนดิ่งลงจากลางฟ้าปานดาวตก จี้เข้าใส่หยวนเจิงอย่างดุร้าย!


 


เรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นในชั่วพริบตา สุดที่ผู้ใดจะตอบสนองเรื่องราวได้ทัน


 


“หาที่ตาย!!”


 


กว่าที่อาจารย์ของหยวนเจิง อันเป็นชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์จะรู้สึกตัวและโพล่งคำออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ร่างเจียงหลานก็วูบมาบรรลุถึงครึ่งทางระหว่างหยวนเจิงแล้ว หนึ่งฝ่ามือสะบัดฟาดออกไป ทันใดนั้นกระแสพลังสีฟ้าดั่งสายธาร ก็พุ่งทะยานออกไปดั่งมังกรวารี เสียงพลังดังกระหึ่มปานมังกรคำราม!


 


ห้วงเวลาที่มวลพลังสีฟ้าควบรวมก่อตัวเป็นมังกร หยวนเจิงก็ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ มันเร่งจ่ายพลังเปิดใช้เกราะอมตะระดับราชาทันที พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดปะทุลุกโชนขึ้นมาท่วมปานเพลิงไฟ พริบตาก็แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นสีกากีผสานเข้ากับเงาร่างชุดเกราะที่ปรากฏขึ้นมาคลุมกาย


 


เห็นได้ชัดว่าหยวนเจิงเข้าใจกฏแห่งดิน!


 


เมื่อมังกรวารีของเจียงหลานพุ่งเข้ามาใกล้บบรรลุถึง รอบกายหยวนเจิงก็ปรากฏเงาร่างรูปลักษณ์ชุดเกราะครอบคลุม จากนั้นแสงพลังสีกากีที่ไหลเวียนไปทั่วเงาร่างดังกล่าว ก็ควบรวมก่อเกิดวัตถุคล้ายๆแผ่นยันต์ขึ้นมาแผ่นแล้วแผ่นเล่า!


 


แผ่นยันต์นับร้อยนับพันที่ถูกควบรวมสร้างขึ้น ร้อยเรียงถักทอลงบนเง่าร่างชุดเกราะฉับไวยังหมุนคว้างเร็วรี่ จนเงาร่างชุดเกราะรอบตัวมันตอน นี้เสมือนมีวังวนเกล็ดแกร่งหมุนคว้างเพิ่มพูนพลังป้องกันไปอีกขั้น!


 


เรียกว่าหยวนเจิงที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของเงาร่างชุดเกราะ อันมีเกล็ดพลังปฐพีนับร้อยพันหมุนคว้างปกปิดมิดชิดแบบนี้ ให้ความรู้สึกอยู่ยงคงกระพันอยู่บ้าง


 


“ความลึกซึ้ง ‘คุ้มกัน’ ของกฏแห่งดิน!”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้าขึ้นมาทันใด เขาย่อมมองออกว่าความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่หยวนเจิงใช้อยู่คือความลึกซึ้งอะไร


 


ความลึกซึ้งคุ้มกันนั้น เป็นความลึกซึ้งที่มุ่งเสริมในการป้องกันเป็นหลักของกฏแห่งดิน ในแง่พลังป้องกันของมันแล้วไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าความลึกซึ้ง ปราการผลึก ของกฏแห่งดินเลย หากแต่ในแง่ของความคล่องตัวกลับสูงกว่ามาก เพราะมันเสมือนค่ายกลป้องกันที่วนเวียนอยู่รอบกาย


 


เปรี๊ยงงง!!


 


เสียงปะทะดังขึ้นสนั่น กระแสพลังสีฟ้าที่ควบรวมจนเหมือนมังกรวารีของเจียงหลาน ปะทะเข้ากับเงาร่างชุดเกราะที่เต็มไปด้วยเกล็ดมากมายหมุนคว้าง ทำให้เกล็ดนับร้อยพันรอบเงาร่างเกราะสั่นสะเทือนยกใหญ่!


 


อย่างไรก็ตามแม้มังกรวารีจะเปล่งพลังอำนาจดุดันฝ่าทำลายมากเท่าไหร่ หากแต่เกล็ดสีกากีนับร้อยพันที่หมุนคว้างบนเงาร่างชุดเกราะ ก็เพียงสั่นไหวรุนแรงและเปล่งแสงพลังออกมาเจิดจ้าเท่านั้น ไม่มีทีท่าว่าจะพังทลายลงแม้แต่น้อย!


 


“ต่อให้กระบวนท่าจู่โจมของเจ้าจะรุนแรงทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีวันทำลายปราการป้องกันของข้าได้หรอก เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีวันเอาชนะข้าได้…สุดท้ายเรื่องราวก็จบลงเหมือนก่อนหน้านี้ที่ข้ากับเจ้าประมือกัน! ถึงข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน!!”


 


หยวนเจิงที่อยู่ภายในเงาร่างชุดเกราะเกล็ด มองเจียงหลานอย่างได้ใจกล่าวเย้ยเยาะด้วยน้ำเสียงลำพอง “ทำไม? หรือเจ้าคิดว่าครั้งนี้จะมีปัญญาฝ่าการป้องกันของข้าได้? น่าขันนัก!”


 


เห็นฉากเรื่องราวเบื้องร่าง ชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์เดิมทีที่คิดลงมือ ก็หยุดลงไม่คิดทำอะไรอีกต่อไป


 


เพราะมันเองก็มั่นใจในพลังป้องกันของศิษย์สายตรงของมันมาก


 


อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่เจียงหลานก็เข้าใจความลึกซึ้งแค่ 2 ประการเหมือนศิษย์สายตรงของมันเลย ต่อให้เจียงหลานจะเข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการ แต่หากคิดจะทะลวงฝ่าการป้องกันของศิษย์สายตรงมันกระทั่งทำร้ายคน ก็ไม่มีทางกระทำได้ในเวลาสั้นๆแน่นอน!


 


“ช่างเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งอะไรจะขนาดนี้!?”


 


“นี่น่ะเหรอความลึกซึ้ง คุ้มกัน ของกฏแห่งดิน!?”


 


“ความลึกซึ้งคุ้มกันของกฏแห่งดินเป็น 1 ในความลึกซึ้งที่มุ่งเน้นในการป้องกันเป็นหลักของกฏแห่งดิน แถมพลังป้องกันยังแข็งแกร่งมาก…ด้วยด่านพลังของหยวนเจิง พร้อมด้วยเกราะอมตะระดับราชาที่ผสานความลึกซึ้งคุ้มกันของกฏแห่งดิน ต่อให้เจียงหลานผู้นั้นจะใช้อาวุธอมตะระดับราชาแล้วผสานความลึกซึ้ง 3 ประการลงไป ก็ยังยากจะฝ่าการป้องกันของหยวนเจิงได้ในเวลาอันสั้น!!”


 


“ตอนข้าประมือกับเจียงหลาน มันก็ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำแค่ 2 ประการเท่านั้น”


 


“ตอนมันประลองกับข้าก็เหมือนกัน หมายความว่ามันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำแค่ 2 ประการจริงๆ…อีหร็อบนี้มันไม่มีทางฝ่าการป้องกันของหยวนเจิงได้แน่ เรื่องทำร้ายหยวนเจิงยังยาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่าหยวนเจิงเลย!”


 



 


หลังพบเห็นความแข็งแกร่งในการป้องกันของหยวนเจิง ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดมากมายกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ จากนั้นแต่ละคนก็เอ่ยถึงเรื่องที่ได้ประมือกับเจียงหลานออกมา และลงความเห็นว่าเจียงหลานสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำแค่ 2 ประการเท่านั้น


 


“ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการ?”


 


อย่างไรก็ตามยังมียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดบางคนขมวดคิ้ว และมองไปที่เจียงหลานด้วยสายตาจริงจัง “เจียงหลานผู้นี้…มิใช่ว่ามันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 3 ประการหรือไร?”


 


ครู่ต่อมา พวกมันก็คล้ายจะคาดเดาอะไรได้ “หรือว่า…ยามเจียงหลานประมือกับพวกมัน จงใจปกปิดพลังฝีมือของตัวเอง?”


 


เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ล่วงรู้ว่าเจียงหลานเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 3 ประการนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะที่มีความสามารถในการทำความเข้าใจสูงทั้งสิ้น อายุไม่ถึง 200 ปี แต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 3 ประการ!


 


นอกจากนั้น พวกมันเองก็ได้ประมือกับเจียงหลานมาแล้ว จึงมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเจียงหลานนั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 3 ประการไม่ผิดแน่!


 


และเป็นธรรมดาว่า ในการประลองกับเจียงหลาน พวกมันล้วนพ่ายแพ้กันหมดทุกคน!


 


“นี่เจ้าคิดจริงๆหรือ…ว่าข้าทำได้แค่นี้?”


 


ในขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับปะทะกันระหว่างเจียงหลานและหยวนเจิง หยวนเจิงยังคงมองเจียงหลานด้วยสีหน้าเย้ยหยันไม่เปลี่ยน ส่วนด้านเจียงหลานนั้นยังคงเฉยเมย หากแต่ลึกลงไปในสายตาที่ใช้มองหยวนเจิงกลับเผยประกายเยียบเย็นหนึ่ง รอยยิ้มแสยะที่มุมปากยิ่งมายิ่งชั่วร้าย


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของเจียงหลาน หลายคนก็อดอึ้งไปไม่ได้


 


หรือเจียงหานผู้นี้ ยังซุกซ่อนพลังอันใดเอาไว้?


 


“หึ! เสแสร้ง!!”


 


หยวนเจิงพ่นลมสบถเย็นชา เสียงกล่าวยังเต็มไปด้ววยความเหยียดหยาม ขณะเดียวกันมันก็บังเกิดความตื่นตัวขึ้น เร่งเร้าเสริมพลังให้เงาร่างชุดเกราะทั้งเกล็ดที่คล้ายแผ่นยันต์นับร้อยนับพันไม่ขาดห้วง พวกมันเปล่งแสงพลังเจิดจ้าหมุนวนไปตามผิวเงาชุดเกราะเร็วรี่ คล้ายจะป้องกันให้ไม่มีสิ่งใดล่วงล้ำเข้ามาได้แม้แต่อากาศ!


 


วูบ!


 


ทันใดนั้นปรากฏดาบเล่มหนึ่งผุดจากความว่างเปล่าเข้ามือเจียงหลาน จากนั้นมันก็ตวัดดาบดังกล่าวออกไปเบื้องหน้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน ปรากฏมวลพลังสีฟ้าขุมหนึ่งทะยานออกมา! ทว่าเสี้ยวพริบตามวลพลังสีฟ้าดังกล่าวก็เริ่มแปลงลักษณ์กลับกลายเป็นมังกรวารีอีกครั้ง!!


 


ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!


 



 


มังกรวารีตัวใหม่พึ่งจะก่อเกิดและพุ่งทะยานออกไปได้ไม่ทันไร เจียงหลานพลันตวัดดาบฟันฟาดออกไปถี่ยิบ ก่อเกิดคลื่นดาบสะบั้นดั่งจันทร์เสี้ยวพุ่งไปด้วยความเร็วอัศจันทร์นับร้อยสาย สะบั้นฟันลงยังร่างมังกรวารี จนทำให้ร่างมังกรวารีแตกตัวเป็นละอองน้ำนับร้อยพันกลางหาว!!


 


หยาดน้ำซ่านกระเซ็นพุ่งไปดั่งห่าพิรุณกระหน่ำ!


 


อย่างไรก็ตามหยาดน้ำนับร้อนนับพันหยดดังกล่าว ไม่เพียงแต่พลังสภาวะจะถดถอยน้อยลงจากร่างมังกรวารี กลับกันยิ่งมายิ่งกล้าแข็ง พวกมันโถมถันเข้าใส่หยวนเจิงปานห่าพิรุณกระหน่ำ!!


 


ในขณะที่หยดน้ำนับร้อยยพันโถมไปดั่งห่าพิรุณกระหน่ำ เจียงหลานยังเร่งเร้าพลังลงสู่ดาบ จนมันเปล่งแสงพลังสีฟ้าเจิดจ้า จากนั้นมันก็ตวัดฟันออกไปด้วยยความเร็วที่เหนือล้ำกว่าครั้งก่อน ที่น่ากลัวคลื่นดาบจำนวนมหาศาลดังกล่าว กลับพุ่งไปฟาดฟันผ่าแบ่งหยดน้ำนับร้อยพันหยดให้แบ่งครึ่งอย่างอัศจรรย์!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


เมื่อตวัดดาบผ่าแบ่งหยดน้ำนับร้อยนับพันแล้ว แสงพลังสีฟ้าทั่วตัวดาบไม่เพียงถดถอย แต่ยิ่งมากลับยิ่งทรงพลังกล้าแข็งขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ! จนสุดท้ายทำให้ผู้คนอดรู้สึกไปไม่ได้ว่าฟ้าดินบัดนี้ คงเหลือเพียงดาบสีฟ้าอันทรงพลังนั่น!!


 


พลังอานุภาพที่ตัวดาบเปล่งออกมา ประหนึ่งจะสะท้านสะเทือนทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง!


 


“หยุดมือ!!”


 


เมื่อเจียงหลานเร่งเร้าพลังสภาวะดาบถึงขีดสุด มันก็ตวัดดาบฟันฟาดไปทางหยวนเจิงทันที บังเกิดเป็นคลื่นดาบอันน่ากลัวเข่นฆ่าสังหารออกไป ทุกผู้คนที่เห็นคลื่นดาบดังกล่าว ไม่ว่าใครก็รู้สึกเสมือนว่าคื่นดาบนี้สมควรผ่าร่างหยวนเจิงได้อย่างง่ายดาย! สุดท้ายกระทั่งอาจารย์ของหยวนเจิงเองก็ไม่วายตะโกนออกมาดังลั่น ยังปะทุพลังลงมือทันที!!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


ราชาอมตะ 8 ชะตาปะทุพลังลงมือ อากาศที่มันพุ่งผ่านแตกระเบิดออกส่งเสียงดัง ประหนึ่งอัสนีบาตฟาดลั่นก็ไม่ปาน อย่างไรก็ตามมันพุ่งทะลวงฝ่าอากาศมาได้ไม่ทันไร เบื้องหน้ากลับปรากฏม่านพลังโปร่งแสงขวางกั้นเอาไว้! และไม่ว่าราชาอมตะ 8 ชะตาผู้เป็นอาจารย์หยวนเจิงจะลงมืออย่างไร ก็มิอาจฝ่าทำลายม่านพลังดังกล่าวได้เลย!!


 


“ค่ายกลนี่มัน…”


 


“พลังป้องกันระดับนี้ ค่ายกลนี่มันอันใดกันแน่!?”


 



 


ยอดฝีมืออีกหลายร้อยคนที่ลอยร่างเหนือฟ้าสูง พอเห็นพลังป้องกันอันน่าสะพรึงกลัวของม่านพลังเบื้องล่าง ลูกตาของพวกมันก็หดเล็กลงทันที!



 

 

 


ตอนที่ 3092

 

และในขณะเดียวกันกับที่อาจารย์ของหยวนเจิงลงมือ คลื่นดาบอันน่าพรั่นพรึงของเจียงหลานก็เจียนบรรลุถึงตัวหยวนเจิงแล้ว!


 


ซู่มมม!!


 


คลื่นดาบพุ่งแหวกอากาศมาฉับไว เปล่งแสงพลังสีฟ้าเจิดจ้า อานุภาพประหนึ่งจะผ่าได้กระทั่งความว่างเปล่า ท่ามกลางห้วงราตรีอันมีแต่แสงดาวนำทางเช่นนี้ คลื่นดาบสีฟ้าที่สว่างวาบตัดห้วงมืดมาช่างงดงามพิกล


 


ที่สำคัญยามมันพุ่งทะยานเข่นฆ่าไปทางหยวนเจิน หยดน้ำสีฟ้ามหาศาลทั้งหลายที่ถล่มโจมตีนำมา ก็ถูกคลื่นดาบดังกล่าวดูดรั้งให้มาหลอมรวมผสานทุกหยาดหยด จนสีคลื่นดาบยิ่งมายิ่งเข้ม!


 


คลื่นดาบสีฟ้าเข้มที่เข่นฆ่าสังหารมาด้วยพลังสภาวะน่าพรั่นพรึง พอบรรลุถึงเงาร่างชุดเกราะอันเป็นปราการป้องกันของหยวนเจิง ก็ประหนึ่งมีดร้อนผ่าแผ่นเนยบางๆ!


 


เกล็ดสีกากีลักษณะคล้ายแผ่นยันต์นับร้อยพันเองก็ไม่อาจต้านทานอะไรได้เลย เพียงต้องแตะถูกคลื่นดาบสีฟ้า ล้วนแหลกลงเป็นละอองธุลีพลัง สาบสูญไปในสวรรค์และโลก


 


“ไม่!!”


 


หยวนเจิงซึ่งแต่เดิมเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ บัดนี้สีหน้าแววตาของมันล้วนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อเห็นปราการรักษาชีวิตทลายลงอย่างไร้ต้านทาน มันก็ร่ำร้องออกมาเสียงหลงอย่างเสียขวัญ


 


เสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังของมัน พอดังก้องเข้าหูทุกผู้คน เหล่ายอดเซียนอมตะบนยอดเขามากมายอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสมือนหนังศีรษะชาหนึบ!


 


ฉัวะ!!


 


เสียงสับสะบั้นดังขึ้นอย่างแผ่วเบา หลังปราการป้องกันถูกทำลาย ร่างหยวนเจิงก็ถูกคลื่นดาบสีฟ้าผ่ากลางจนร่างแยกเป็น 2 เสี่ยง ครึ่งซ้ายครึ่งขวาค่อยๆแยกห่างออกจากกัน อวัยวะภายในทั้งมันสมองกรูทะลักออกมาอย่างน่าสดสยอง สุดท้ายก็ล่วงตกไปกองเป็นซากเนื้อเลอะเลือนเกลื่อนพื้น!


 


คลื่นดาบสีฟ้าเข้มนี้ของเจียงหลาน ฆ่าหยวนเจิงตายคาที่!


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


เสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้นระงม เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลาย พอมองไปยังเจียงหลานอีกครั้ง สายตาก็ฉายชัดถึงความหวาดผวาประหนึ่งพบพานภูตผี


 


“อั๊ค!”


 


ขณะเดียวกัน สูงขึ้นไปบนฟ้าด้านนอกม่านพลังปกคลุมยอดเขา ชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์อาจารย์ของหยวนเจิงที่พึ่งตายตก หลังลงมือซัดพลังหมายทำลายค่ายกลไปพักหนึ่ง มันก็ถูกพลังขอค่ายกลตอบโต้ทำร้าย จนเลือดลมตีกลับ โลหิตกระอักออกมาเป็นกลุ่มก้อน สีหน้าคนซีดเซียวปานกระดาษ ร่างสั่นระริกปานจะพังทลาย


 


“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!?”


 


ชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์ที่ร่างสั่นระริก แผดเสียงคำรามถามไถ่ออกมาดั่งสนั่นปานฟ้าลั่น อย่างไรก็ตามสองตาที่มองจ้องเจียงหลานของมัน เริ่มเผยให้เห็นความหวั่นหวาดประการหนึ่ง!


 


บัดนี้หากมันยังไม่อาจตระหนักได้ว่าเจียงหลานมิใช่คนธรรมดา เกรงว่าชีวิตที่อยู่มาหลายปีของมันคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัข!


 


เจียงหลานที่พึ่งลงมือเข่นฆ่าศิษย์สายตรงของมันไปผู้นี้ หากนับรวมความหมายแห่งน้ำแล้ว เมื่อครู่อีกฝ่ายได้ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำออกมาทั้งสิ้น 4 ประการ!


 


“เจียงหลานผู้นี้…ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!”


 


ในขณะที่ชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์มองถามเจีงหลานด้วยสายตาหวั่นหวาด ชายชราคนหนึ่งที่ลอยร่างบนฟ้าสูงท่ามกลางกลุ่มคนนับร้อยก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ


 


อายุไม่ถึงร้อยปี?


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของชายชรา เหล่ายอดฝีมือที่ลอยร่างค้างกลางหาวกว่า 500 คนไม่เว้นชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์ ก็แผ่สำนึกเทวะออกไปหมายตรวจสอบเจียงหลานยกใหญ่ ม่านพลังที่ปกคลุมยอดเขาหมาป่าหอนฟ้าเบื้องหน้า ก็หาได้ปิดกั้นสำนึกเทวะแต่อย่างใด ผ่านทะลุลงไปได้อย่างราบรื่น


 


และเมื่อสำนึกเทวะของพวกมันทั้งหลายปกคลุมไปยังร่างเจียงหลาน ก็ไม่ยากที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เจียงหลานยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!


 


“ไม่ผิด! มันมีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!!”


 


“อายุไม่ถึงร้อยปี บรรลุด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแถมเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 4 ประการ…เจียงหลานผู้นี้เป็นใครกันแน่!?”


 


“ผู้อมตะทั่วไป ไม่ว่าจะมีศักยภาพพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดเพียงใด แต่อย่างน้อยๆมันก็ต้องเป็นอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับสูงของระนาบเทวโลกกระมัง ถึงบรรลุความสำเร็จระดับนี้ได้!?”


 


“ข้าว่าเจียงหลานผู้นี้สมควรเป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิด!!”


 



 


เหล่าอาวุโสที่ลอบติดตามยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดหลายร้อยเหนือฟ้าสูง จังหวะนี้พวกมันต้องมองเจียงหลานใหม่อีกครั้ง ฟังจากคำพูดของพวกมันแล้ว ยังคาดว่าเจียงหลานไม่น่าจะใช่ผู้อมตะธรรมดาๆ แต่สมควรเป็นผู้อมตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่! หาไม่แล้วคงไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ด้วยวัยเพียงไม่ถึงร้อยปีได้เลย!!


 


แน่นอนว่าวาจาคาดเดาของพวกมัน ยังมีประเด็นเรื่องเจียงหลานอาจเป็นอัจฉริยะของขุมกำลังระดับแนวหน้าของระนาบเทวโลกอยู่ด้วย! แต่ทั้งหมดรู้สึกว่าความเป็นไปได้เรื่องนี้ น้อยกว่าความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะเป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิด!!


 


เพราะหากเจียงหลานเป็นอัจฉริยะของขุมกำลังระดับแนวหน้าของระนาบเทวโลกจริง ข้างกายของอีกฝ่ายสมควรมีตัวตนอันทรงพลังให้ความคุ้มครองไม่ห่าง ไหนเลยจะต้องพึ่งค่ายกลอะไรป้องกันตัวเองแบบนี้


 


เพราะค่ายกลนี่ สมควรเป็นปราการพิทักษ์ชีวิตของเจียงหลานไม่ผิดแน่ กระทั่งราชาอมตะ 8 ชะตายังมิอาจฝ่าทำลายมิหนำซ้ำยังโดนพลังตอบโต้ค่ายกลย้อนมาทำร้ายจนเจ็บหนัก! สิ่งนี้ทำให้พวกมันบังเกิดอาการคิดเขวี้ยงมุสิกกริ่งเกรงภาชนะเสียหายอยู่บ้าง!!


 


“ไอ้บ้าเอ๊ย! เจียงหลานผู้นี้ที่แท้ตอนประลองกับข้าเป็นมันปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้! วันนั้นมันใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำสู้กับข้าแค่ 2 ประการเท่านั้น แต่ฟังจากเหล่าอาวุโสบนฟ้า ดูเหมือนที่แท้มันจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำถึง 4 ประการ!!”


 


เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดบนยอดเขาหมาป่าหอนฟ้า บัดนี้หลายคนได้แต่มองเจียงหลานด้วยสายตาประหลาดใจเหลือเชื่อ!


 


“ที่แท้ตอนมันประลองกับข้าก็เป็นมันปกปิดพลังเอาไว้…ให้ตายเถอะ ตอนนั้นข้าเองก็ตกใจไม่น้อยแล้วเรื่องที่มันอายุไม่ถึงร้อยปีแต่กลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการ แต่ดูเหมือนยังเป็นข้าที่ดูเบามันเกินไป!!”


 


“อายุไม่ถึงร้อยปี บรรลุยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 4 ประการ…ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลว่าจะมีใครประสบความสำเร็จสูงด้วยวัยเพียงเท่านี้ได้!”


 


“ดูเหมือนเจียงหลานผู้นี้จะเป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดจริงๆ!”


 



 


สายตาที่เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดบนยอดเขาหมาป่าหอนฟ้าใช้มองเจีงหลานตอนนี้ เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในแววตาทุกคนนล้วนเผยความตกตะลึงทั้งไม่อยากจะเชื่อ เพราะพวกมันไม่เคยพบเจอหรือได้ยินเรื่องอัจฉริยะที่ร้ายกาจขนาดนี้มาก่อนเลย!


 


“เหอะๆ ข้าหลงคิดว่าตัวข้าที่อายุไม่ถึงสองร้อยปี สามารถบรรลุขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองได้ 3 ประการ จะถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะแล้ว…แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเจียงหลานผู้นี้ ความสำเร็จของข้ายังไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!”


 


ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทอง 3 ประการคนหนึ่ง กล่าวเย้ยหยันตัวเองพลางหัวร่อ


 


“เจียงหลานผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นหรือได้ยินมาชั่วชีวิต! ลองมันประสบความสำเร็จระดับนี้ด้วยวัยไม่ถึงร้อยปีได้ ข้าว่าชาติก่อนมันไม่ใช่ผู้อมตะธรรมดาๆแน่!”


 


“ชาติที่แล้วมันเป็นนจอมราชันอมตะ…หรือจักรพรรดิอมตะกันแน่?”


 


“จักรพรรดิอมตะ? นั่นเป็นไปไม่ได้กระมัง…”


 



 


หลังจากที่เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายได้เห็นพลังที่แท้จริงของเจียงหลาน ยิ่งมาพวกมันก็ยิ่งหวาดกลัวเจียงหลาน


 


“ข้าเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าเจียงหลานนั่น จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้ 4 ประการ…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวอย่างทอดถอนใจ


 


“อันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา…สุดท้ายแล้วชาติก่อนมันก็เป็นจักรพรรดิอมตะ ทั้งชาติก่อนไม่พ้นกฏที่มันถนัดก็ต้องเป็นกฏแห่งน้ำแน่ ด้วยมีความทรงจำและประสบการณ์ของชาติก่อน ชาตินี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากปลาในน้ำ”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวผ่านพลัง


 


“ยังมีผู้ใดกลับคำพูด แล้วพาอาวุโสมาที่นี่อีกบ้าง?”


 


เจียงหลานที่คอนดาบลอยร่างค้างกลางหาว กวาดตามองไปยังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหมดบนยอดเขาหมาป่าหอนฟ้า ไม่เว้นต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มุมปากฉีกยิ้มแสยะ กล่าวถามเสียงเรียบ


 


อย่างไรก็ตาม ได้ยินคำถามประหนึ่งจะสอบสวนของเจียงหลาน ก็ไม่มีใครยอมรับออกมาสักคน


 


ล้อกันเล่นหรือ!?


 


จังหวะนี้หากใครหาญกล้ากล่าวยอมรับออกมา ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือไร!?


 


“สหายทั้งหลาย! อาศัยข้าเพียงลำพังคงมิอาจทำลายค่ายกลนี้ได้…แต่หากพวกเราร่วมมือกัน คงมิใช่เรื่องยากที่จะทำลายค่ายกลนี่!!”


 


ชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์ที่ลอยร่างบนฟ้าสูง หันกลับไปมองเหล่ายอดฝีมือที่อยู่โดยรอบด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก “ตอนนี้ลูกศิษย์ของข้าถูกมันฆ่าตายไปคนนึงแล้ว…สหายทั้งหลายเองก็คงไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของศิษย์หรือลูกหลานพวกท่านใช่หรือไม่? หรือพวกท่านคิดนิ่งดูดายชมดูรุ่นเยาว์ของตัวเองประสบบบเคราะห์จริงๆ?”


 


ถึงแม้ศิษย์ของชายวัยกลางคนจะตกตายไปแล้ว แต่ชายวัยกลางคนก็ไม่เลิกราง่ายๆ มันคิดอาศัยพลังของคนอื่นๆทำลายม่านพลังของค่ายกลป้องกันหุบเขานี่ จะได้ฆ่าเจียงหลานล้างแค้นให้ศิษย์มัน!


 


และด้วยมีชายวัยกลางคนกล่าวปลุกระดม สองตาของเหล่ายอดฝีมือกลางหาว 500 กว่าคนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที


 


ในบรรดายยอดฝีมือกว่า 500 คนนี้ แม้จะไร้ตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะ และเป็นแค่ราชาอมตะกันหมด อย่างไรก็ตามยังมียอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักอยู่…


 


“หืม?”


 


ได้ยินวาจาปลุกเร้าของชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์ ต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะหากยอดฝีมือทั้งหมดผนึกกำลังกันลงมือทำลายค่ายกลจริง เกรงว่าค่ายกลที่คลุมครอบยอดเขาแห่งนี้คงมิอาจต้านทานได้ไหว


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนยังหันไปมองเจียงหลานโดยไม่รู้ตัว


 


“หึ! กว่าพวกเจ้าจะคิดได้ก็สายเกินไปแล้ว…รุ่นเยาว์อัจฉริยะของพวกเจ้า ข้าขอรับไปเถอะ!”


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเจียงหลานด้วยอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะจัดการเรื่องราวอย่างไร เจียงหลานก็หันไปมองชายวัยกลางคนในชุดจอมยุทธ์และคนอื่นๆอีกครั้ง จากนั้นพร้อมๆกันกับที่มันฉีกยิ้มเย็นชา สองมือก็ยกขึ้นวาดสัญลักษณ์และอักขระบางอย่างกลางอากาศ แลดูลี้ลับนัก!


 


“แย่แล้ว!”


 


“สหายทั้งหลาย เร่งมือเร็วเข้า!!”


 



 


ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะที่ลอยยล่องเหนือฟ้า พอเห็นเจียงหลานเริ่มทำวาดสัญลักษณ์อักขระกลางอากาศ สองตาหลันหดหยีแทบปิด บางคนเร่งโพล่งคำผสานพลังออกมาดังสนั่น จากนั้นก็ปะทุพลังเต็มสิบส่วนดิ่งลงจากฟ้ามาปานดาวตก เพราะพวกมันตระหนักได้จากวาจาการกระทำของเจียงหลาน และเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกล!!


 


พริบตาต่อมา ห่าพลังของตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 500 กว่าคนก็ถล่มลงจากฟ้ามาปานห่าอุกกาบาตถล่มโลก! กลิ่นอายพลังสุดไพศาลกำจายออกมาอย่างน่ากลัว สภาวะห่าพลังเกรี้ยวกราดปานจะล้างผลาญได้ทุกสิ่ง!!


 


เปรี๊ยง! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


 



 


ม่านพลังจากค่ายกลพลันปรากฏขึ้นอีกครา ต้านรับห่าพลังของราชาอมตะ 500 กว่าคนเอาไว้แข็งขัน อย่างไรก็ตามแทบจะพร้อมๆกันกับที่ห่าพลังระลอกแรกถล่มลงบนม่านพลัง ยอดเขาหมาป่าหอนฟ้าก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมา ปกคลุมต้วนหลิงเทียนและเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหมดเอาไว้!


 


“ต้วนหลิงเทียน ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่กำลังเปิดใช้บนยอดเขาตอนนี้ สมควรส่งตัวพวกเราไปยังแดนลับที่เจียงหลานสร้างไว้เมื่อชาติก่อนเป็นแน่…เมื่อพวกเราไปถึงที่นั่นไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับค่ายกลมายาหลอนประสาท เจ้าอย่าได้แตกตื่นและเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ปล่อยให้พี่สาวหวงเอ้อจัดการทำลายมายาลวงตาเสีย จากนั้นก็ไม่ยากที่เจ้าจะมองผ่านภาพมายาได้!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพบว่าเบื้องหน้าสองตาเขากลับกลายเป็นมืดมิดจนไม่อาจแลเห็นแม้แต่นิ้วมือทั้ง 5 เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ดังขึ้นในหูเขาอย่างประจวบเหมาะ


 


และครู่ต่อมาเมื่อแสงสว่างจ้าที่ปกคลุมยอดเขาหมาป่าหอนฟ้าหายไป เหล่ายอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดทั้งหมดก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยย คงเหลือก็แต่เพียงเจียงหลานที่พึ่งกระตุ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายให้ทำงานลอยร่างกลางอากาศเพียงผู้เดียว


 


และบัดนี้ม่านพลังเหนือยอดเขาก็เริ่มปรากฏรอยร้าวให้เห็นชัดเจนแล้ว คาดว่าคงต้านทานห่าพลังของราชาอมตะ 500 กว่าคนได้อีกไม่นานนัก


 


อย่างไรก็ตามก่อนที่ม่านพลังจากค่ายกลป้องกันยอดเขาจะพังทลาย เจียงหลานก็กวาดตามองไปยังราชาอมตะ 500 กว่าคนที่กำลังรีบร้อนลงมือด้วยสายตาเย้ยเยาะ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงถือดี “หากค่ายกลที่ข้าจัดตั้งไว้เมื่อชาติที่แล้วไม่อ่อนแอลงหลังเวลาล่วงเลยไปร้อยปี…อาศัยมดปลวกขอบเขตราชาอมตะเยี่ยงพวกเจ้า ต่อให้ร่วมมือกันให้ตาย ก็ไม่มีวันสั่นคลอนมันได้!”


 


“อย่างไรก็ตาม ข้ายังต้องขอบคุณพวกเจ้าแล้วจริงๆ ที่ฟูมฟักอัจฉริยะมาให้ข้ามากมาย…ด้วยมีพวกมันเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ของข้า โอกาสที่ข้าจักได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ย่อมมากขึ้นหลายส่วน!!”


 


“ฮ่าๆๆๆ…!!”


 


พร้อมกันกับที่เสียงหัววเราะระเบิดออกมาดังร่า ร่างเจียงหลานก็ค่อยๆจางหายไป และไม่นานนักร่างคนก็หายสาบสูญไปในอากาศว่างเปล่าดุจเดียวกับพวกต้วนหลิงเทียนและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนอื่นๆ ราวไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน


 


และหลังจากร่างเจียงหลานอันตรธานหายไปได้ไม่นาน กระทั่งเสียงหัวเราะของมันยังไม่ทันจางหาย ม่านพลังป้องกันยอดเขาหมาป่าหอนฟ้า ในที่สุดก็ถูกห่าพลังของราชาอมตะกว่า 500 คนถล่มทำลายจนพังพินาศ!


 


อย่างไรก็ตาม แม้จะทำลายม่านพลังจากค่ายกลป้องกันได้แล้ว แต่สีหน้าราชาอมตะ 500 กว่าคนก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก นอกจากสีหน้าจะบิดเบี้ยวดูไม่ได้แล้ว ลูกตาของพวกมันังฉายชัดถึงความตื่นตระหนกหวาดกลัว!


 


ค่ายกลป้องกันเมื่อครู่…เจียงหลานได้จัดตั้งเอาไว้เมื่อชาติก่อน?


 


ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายกลดังกล่าวยังประคองสภาพมานานนับร้อยปีแล้ว?


 


ผลเทพสังเวยสวรรค์!?



 

 

 


ตอนที่ 3093

 

ทุกคนล้วนทราบกันดีว่าค่ายกลที่ไม่ได้จัดตั้งไว้ในที่ปิด ยิ่งนานพลังของมันก็จะยิ่งเสื่อมถอย ไม่ว่าขุมพลังจะเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของผู้จัดตั้งก็ดี หรือผลึกอมตะก็ดี


 


เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในค่ายไม่พ้นต้องถูกใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะบังเอิญมีสิ่งมีชีวิตเข้ามาใกล้จนกระตุ้นการทำงานค่ายกลก็ดี หรือสลายหายไปตามกาลเวลาเพราะประคองสภาพค่ายกลก็ดี


 


แม้จะใช้ผลึกอมตะเป็นขุมพลัง แต่หากเป็นที่เปิดโล่งแบบนี้ ก็จะมีปัญหาดุจเดียวกัน


 


ด้วยเหตุนี้เหล่าราชาอมตะทั้งหลายจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ เมื่อรู้ว่าค่ายกลที่พวกมันร่วมมือกันทำลายไปเมื่อครู่ กลับถูกเจียงหลานจัดตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อ 100 ปีก่อน!


 


จัดตั้งไว้ตั้งแต่ 100 ปีก่อน สิ่งนี้จะให้พูดอย่างไร?


 


“ค่ายกลของมันจัดตั้งไว้ตั้งแต่ร้อยปีก่อน แต่พลังป้องกันของมันยังร้ายกาจขนาดนั้น…หากมันใช้ผลึกอมตะเป็นขุมพลัง เช่นนั้นต้องใช้ผลึกอมตะไปเท่าไหร่กัน?”


 


“ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยสันทัดเรื่องค่ายกลเท่าไหร่ แต่ข้าก็ยังพอรู้อะไรมาบ้าง…ค่ายกลที่พวกเราร่วมมือกันทำลายลงเมื่อครู่ มันไม่ได้ใช้ผลึกอมตะเป็นขุมพลัง แต่อาศัยวัสดุจัดตั้งค่ายกลบางอย่างที่สามารถกักเก็บพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของผู้จัดตั้งเอาไว้”


 


“อะไร?! ใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของผู้จัดตั้ง? หากไร้การบำรุงรักษา แต่ผ่านมาแล้วร้อยปียังมีพลังระดับนี้อยู่…เช่นนั้นผู้จัดตั้งมันต้องบรรลุด่านพลังอันใดเล่า!?”


 


“ต่อให้เป็นจอมราชันอมตะ 10 ทิศจัดตั้ง แต่หากขาดการบำรุงรักษา ผ่านไปร้อยปีก็ไม่มีทางเหลือพลังขนาดนี้แน่…หมายความว่า…ชาติที่แล้วของเจียงหลาน สมควรเป็นจักรพรรดิอมตะ!”


 



 


หลังแผ่สำนึกเทวะตรวจสอบสภาพแวดล้อมแล้ว กลับไม่อาจสัมผัสร่องรอยของเจียงหลานหรือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้เลย เหล่าราชาอมตะหลายคนก็เริ่มคุยกัน สุดท้ายก็สรุปได้ว่าชาติก่อนของเจียงหลานสมควรเป็นจักรพรรดิอมตะ!


 


จักรพรรดิอมตะ!


 


สำหรับตัวตนขอเขตราชาอมตะที่อยู่ ณ ที่นี้ ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะ ไม่ต่างอะไรจากตัวตนที่ดำรงอยู่แต่ในตำนาน เพราะตัวตนที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่พวกมันจะเคยพบเจอในชีวิตก็เป็นแค่จอมราชันอมตะเท่านั้น


 


ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่จอมราชันอมตะขั้นสูงอะไร


 


“หากชาติก่อนเจียงหลานผู้นั้นเป็นจักรพรรดิอมตะจริงๆ เรื่องทั้งหมดก็อธิบายได้ทันที…เพราะค่ายกลที่ทรงพลังเช่นนี้สมควรมีแต่จักรพรรดิอมตะเท่านั้นที่จัดตั้งได้!”


 


“ว่าแต่เมื่อครู่ ดูเหมือนเจียงหลานจะเอ่ยถึงผลเทพสังเวยสวรรค์ มิทราบว่าพวกท่านมีผู้ใดล่วงรู้บ้าง ว่าผลเทพสังเวยสวรรค์คืออันใด?”


 


“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”


 


“ข้าก็ไม่เคยดิ้นมาก่อนเหมือนกัน ที่แท้มันคืออะไรกันแน่?”


 



 


หลังจากมั่นใจกันเต็มสิบส่วนแล้ว ว่าเจียงหลานสมควรเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด เหล่าราชาอมตะทั้งหลายก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นก็เริ่มฉุกคิดถึงเรื่องที่เจียงหลานกล่าวถึง และดูเหมือนอีกฝ่ายจะกระทำทั้งหมดเพื่อใช้ลูกหลานเหล่าศิษย์ของพวกมันเป็นเครื่องสังเวยสำหรับผลเทพสังเวยสวรรค์


 


อย่างไรก็ตามพวกมันส่วนใหญ่ไม่รู้เลย ว่าผลเทพสังเวยสวรรค์คืออะไร


 


เป็นธรรมดาว่าบางคนในกลุ่มย่อมรู้จักผลเทพสังเวยสวรรค์ และนั่นทำให้สีหน้าของพวกมันเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันทีหลังได้ยินคำพูดทิ้งท้ายของเจียงหลาน


 


พวกมันที่ชักสีหน้าดูไม่ได้ ก็เป็นคนกลุ่มแรกๆที่เร่งรุดเหินร่างวนเวียนพื้นที่แถบนี้ และแผ่สำนึกเทวะตรวจสอบกันยกใหญ่


 


เพราะพวกมันรู้ดี ว่าหากเจียงหลานคิดใช้ลูกหลานของพวกมันเป็นเครื่องสังเวยเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์จริง เช่นนั้นก็หมดสิ้นหนทางรอดชีวิตแล้ว!


 


อย่างไรก็ตามหลังตระเวนแผ่สำนึกเทวะค้นหากันอยู่นาน แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆของรุ่นเยาว์ของตัว สีหน้าของพวกมันยิ่งมาก็ยิ่งบิดเบี้ยวเหยเก ในใจก็เริ่มตระหนักว่าครานี้รุ่นเยาว์ของพวกมันสมควร สิบตายไร้ทางรอด!


 


“ผลเทพสังเวยสวรรค์ เป็นผลไม้อมตะชนิดหนึ่งในระนาบเทวโลกที่ถือว่ามีพลังอำนาจท้าทายสวรรค์…”


 


ราชาอมตะที่รู้ว่าผลเทพสังเวยสวรรค์คืออะไรและทำใจได้คนแรก พอได้ยินทุกคนเริ่มเอ่ยถามกันระงมว่าผลเทพสังเวยสวรรค์คืออะไร มันก็เริ่มกล่าวออกมาด้วยสีหน้าดูไม่ได้ “ผลเทพสังเวยสวรรค์นั้น เป็นผลไม้อมตะสำหรับตัวตนที่อยู่ใต้ขอบเขตขุนนางอมตะ”


 


“เมื่อรับประทานมัน จะทำให้ด่านพลังตัดผ่านข้ามขอบเขตใหญ่ทันที…”


 


“เช่นนั้นโดยปกติแล้ว ผู้ที่จะใช้มันได้เต็มประสิทธิภาพที่สุดก็คือตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด…เพราะเมื่อยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดใช้มัน ด่านพลังก็จะทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศในเวลาอันสั้น กระทั่งระดับพลังในร่างยังปริ่มๆจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ!”


 


พอเสียงกล่าวอธิบายของราชาอมตะผู้นี้ดังออกมา ราชาอมตะทั้งหลายที่เหินร่างเหนือฟ้าก็พร้อมใจกันเงียบกริบ สีหน้าท่าทางของแต่ละคนเผยความตกตะลึงไม่น้อย!


 


ผลเทพสังเวยสวรรค์ที่ว่า เป็นผลไม้อมตะที่มีพลังช่วยให้ผู้ใช้ตัดผ่านขอบเขตใหญ่ได้เชียวหรือ?


 


หากยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดใช้ จะบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศในบัดดล?


 


“บ้าน่า…ใต้หล้าไฉนมีผลไม้อมตะที่มีสรรพคุณเลิศล้ำเช่นนี้ดำรงอยู่ได้?!”


 


“หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่แปลกเลยที่มันจักเรียกว่าผลไม้อมตะท้าทายสววรรค์…หากมันยังไม่ท้าทายสวรรค์แล้วอันใดจึงเรียกว่าท้าทายสวรรค์!”


 


“จริง ถึงแม้ผู้ที่จะใช้มันได้ก็มีแต่ตัวตนใต้ขอบเขตขุนนางอมตะ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนพลังอันท้าทายสวรรค์ของมันแม้แต่น้อย กระทั่งข้าเกิดมายังพึ่งเคยได้ยินวันนี้เป็นครั้งแรกว่าใต้หล้ากลับมีผลไม้อมตะท้าทายสวรรค์พรรค์นี้!”


 


“ปกติแล้วผลไม้อมตะที่เพิ่มด่านพลังให้สักขั้นก็มีค่ามากแล้ว…แต่นี่มันกลับช่วยให้ผู้ใช้ทะลวงผ่านขอบเขตใหญ่! คำท้าทายสวรรค์นับว่าไม่เกินเลย!!”


 



 


ในขณะที่เหล่าราชาอมตะพากันตกตะลึง สายตาของพวกมันก็จับจ้องไปยังราชาอมตะที่รู้จักผลเทพสังเวยสวรรค์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราวกับอยากจะรู้เรื่องราวของผลเทพสังเวยสวรรค์ให้มากกว่านี้


 


“เมื่อครู่ ท่านทั้งหลายได้ยินที่เจียงหลานมันพูดหรือไม่…เรื่องที่บอกว่ามันจะใช้ลูกหลานของพวกเราเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์?”


 


เมื่อถูกผู้คนมองจ้องมาด้วยความอยากรู้ ราชาอมตะคนดังกล่าวก็เริ่มพูดสืบต่อ “เนื่องเพราะหากต้องการผลเทพสังเวยสวรรค์นั้น จำต้องใช้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นเป็นเครื่องสังเวย…”


 


“เมื่อเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดตกตายใกล้ๆต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…ไม่ว่าร่างกายหรือวิญญาณ จักถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับ…จากนั้นจึงจักมีโอกาสที่ต้นไม้เทพสังเวสวรรค์จะออกผล”


 


เล่าถึงจุดนี้ สีหน้าของราชาอมตะคนดังกล่าวก็มืดดำแลดูอัปลักษณ์ถึงขีดสุด


 


เนื่องเพราะศิษย์สายตรงของมันตอนนี้ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของเจียงหลานแล้ว และเท่าที่มันมองจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เกรงว่าศิษย์ของมันคงยากจะรอดพ้นความตายไปได้!


 


“อันใด!?”


 


“ใช้ชีวิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นเป็นเครื่องสังเวย!?”


 


“นิ…นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ ราคาที่ต้องจ่ายมันจะไม่สูงเกินไปหรือไร!?”


 


“เจียงหลานมันบ้าไปแล้วรึ! นั่นมันยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นชีวิต…”


 



 


ได้ยินคำอธิบายของราชาอมตะคนดังกล่าว เหล่าราชาอมตะที่ไม่รู้จักผลเทพสังเวยสวรรค์ก็สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นแถบ พวกมันพลันตระหนักได้ว่า ท่าทางลูกหลานของพวกมันคงต้องตายแน่แล้ว ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเจียงหลานผู้บ้าคลั่งนั่น!


 


“แต่ถึงจักสังเวยชีวิตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเรือนหมื่น…แต่โอกาสที่จักเกิดผลเทพสังเวยสวรรค์ก็มีแค่ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น…”


 


ทันใดนั้นเอง ราชาอมตะอีกคนที่รู้จักผลเทพสัเวยสววรรค์ ก็เอ่ยเสริมออกมาประโยคหนึ่งเสียงเข้ม ทั้งมันยังเลือกจะผสานพลังเซียนยอมตะต้นกำเนิดลงไป ทำให้ดังกลบเสียงอุทานตกใจของทุกคนได้ชะงัด “เรียกว่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นครานี้ มีโอกาส 9 ส่วนที่จักตายเปล่า!”


 


และคำพูดดังกล่าวของมัน ก็ทำให้ราชาอมตะที่ไม่รู้จักผลเทพสังเวยสวรรค์ทั้งหมด พากันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ


 


1 ใน 10 ส่วน?


 


กระทั่งใช้ชีวิตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นคนเป็นเครื่องสังเวยแล้ว ยังไม่ใช่ว่าจะได้ผลเทพสังเวยสวรรค์เต็มสิบส่วนงั้นหรือ?


 


กระทั่งภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลเทพสังเวยสวรรค์เพียงแค่ 1 ใน 10 ส่วน?


 


“บ้าไปแล้ว! มันบ้าไปแล้ว!! เจียงหลานผู้นั้นมันไม่กลัวถูกฟ้าดินประณามหรือไร!?”


 


“ให้ตายเถอะ! ตัวอุบาทว์เช่นมันไฉนชาติก่อนถึงรรลุขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้…สารเลวชั่วชาติ! ข้าขอสาปแช่งให้ชาตินี้มันชิบหายตกตายก่อนจักบรรลุขอบเขตจักรพรรดิอมตะ!!”


 


“ดูเหมือนชาติก่อนเจียงหลานไม่เพียงแต่จะเป็นจักรพรรดิอมตะ…แต่มันสมควรเป็นจักรพรรดิอมตะที่ร้ายกาจในระดับหนึ่ง เพราะผู้ที่จักมีทุนรอนปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจักรพรรดิอมตะของขุมกำลังระดับ 1! แถมมันไม่เพียงแต่จะมีทุนรอนปลุกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ยังมีทุนรอนตระเตรียมการเพื่อชาตินี้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันสามารถกลับชาติมาเกิดได้สำเร็จ…”


 


“เช่นนั้น…หลานชายคนเดียวของข้า ไร้หนทางรอดแล้วหรือ?”


 



 


สีหน้าราชาอมตะทั้งหลายดูไม่ได้นัก บางคนก็สองตาแดงรื้นปากสั่น เพราะหนึ่งในยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนั่นเป็นลูกหลานที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์อะไร…


 


คนที่ตอนนี้พอจะมีสีหน้าดีหน่อยก็คืออาจารย์ของหยวนเจิงที่ถูกเจียงหลานฆ่าตายไปก่อนหน้า…ชายวัยกลายคนในชุดจอมยุทธ์ ด่านพลังขอบเขตราชาอมตะ 8 ชะตาที่ลงมือใส่ม่านพลังของค่ายกลคนแรกสุด!


 


ตอนที่ หยวนเจิง ศิษย์ของมันถูกฆ่า มันมีโมโหทั้งคับแค้นใจนัก


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พอล่วงรู้ว่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นที่ถูกเจียงหลานจับตัวไป ล้วนมีชะต้องตกตายเป็นเครื่องสังเวยไร้หนทางรอดพ้น ในใจมันก็บังเกิดความสมดุลประการหนึ่ง และทำให้สามารถทำใจรับเรื่องราวได้…


 


แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!


 



 


ราชาอมตะหลายคนเร่งเรียกยันต์อมตะสื่อสารออกมาบดขยี้ใช้งาน และราชาอมตะดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นราชาอมตะของอวี้หวงเทียนทั้งสิ้น


 


พวกมันเร่งบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารก็เพื่อติดต่อไปยังขุมกำลังต้นสังกัด เล่าเรื่องราวของตัวตนนามเจียงหลานที่สมควรเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด จากนั้นยังเล่าเรื่องแผนการร้ายที่เตรียมการไว้นานนับร้อยปี และการจับตัวยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดไปเป็นเครื่องสังเวยเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์


 


ทำให้หลายขุมกำลังของอวี้หวงเทียนได้ตระหนักถึงเรื่องราวการคงอยู่ของผลเทพสังเวยสวรรค์ทันที


 


สำหรับราชาอมตะจากระนาบเทวโลกอื่นๆนั้น พวกมันเร่งรุดกลับไปยังขุมกำลังของตัวเองผ่านค่ายยกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกก่อน จากนั้นค่อยแพร่กระจายเรื่องราวออกไป


 


เหล่าราชาอมตะทั้ง 500 กว่าคน ไม่มีใครคิดออกไปตระเวนหารุ่นเยาว์ของตัวเองสืบต่อสักคน


 


เพราะทุกคนรู้ดี ว่าลองอีกฝ่ายเตรียมการมาถึงขนาดนี้ ให้พวกมันหาให้ตายก็หาไม่เจอแน่นอน!


 


สถานที่ๆเจียงหลานตระเตรียมการเอาไว้ ไม่พ้นต้องเป็นแดนลับที่ตัวมันครั้งยังเป็นจักรพรรดิอมตะเมื่อชาติก่อนสร้างขึ้น!


 


เช่นนั้นอย่าว่าแต่พวกมันเลย…ต่อให้เป็นจอมราชันอมตะมาเองก็ไม่อาจหาพบได้!


 


เมื่อข่าวเรื่องราวเริ่มแพร่กระจายออกไป สถานที่มากมายในหลายๆเขตของระนาบเทวโลกทั้ง 5 อันได้แก่ อวี้หวงเทียน หลิงหลัวเทียน ปี้สุ่ยเทียน จี๋กวงเทียน และชิงเฉวียนเทียน ก็สะท้านสะเทือนกันยกใหญ่ เมื่อได้รับทราบเรื่องราวเจียงหลาน จักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด และผลเทพวังเวยสวรรค์


 


“โอกาสเกิดผลมีแค่ 1 ใน 10 ส่วน…แล้วเจียงหลานผู้นั้นมันจักทำให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ออกผลได้สำเร็จหรือไม่?”


 


“ข้าว่าคงไม่…”


 


“ปกติแล้ว ผู้ที่หาญกล้าปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์และใช้ชีวิตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นเป็นเครื่องสังเวยเช่นนี้ หากไม่บ้าคลั่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้วิปลาศทั้งสิ้น…อย่างไรก็ตามหากมันกระทำได้สำเร็จ ภายภาคหน้าเมื่อมันเติบโตขึ้น เกรงว่าต้องเป็นตัวตนที่ยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม!”


 


“ก่อการอุกอาจถึงขนาดนี้ หรือฟ้าไร้นัยน์ตาแล้วจริงๆ?”


 


“นี่จึงเรียกธรรมชาติคัดสรร…เข้มแข็งอยู่ อ่อนแอตายตก โลกเรามันก็โหดร้ายเช่นนี้…”


 



 


ผู้คนมากมายในระนาบเทวโลกทั้ง 5 ล้วนให้ความสนใจเรื่องการสังเวยยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นของเจียงหลานนัก อย่างไรก็ตามพวกมันรู้ดี การสังเวยจะสำเร็จก็ดีหรือล้มเหลวก็ดี…แต่อย่างน้อยๆพวกมันไม่มีทางทราบผลลัพธ์ดังกล่าวในเวลาสั้นๆแน่นอน


 


สิ่งเดียวที่พวกมันล่วงรู้ก็คือ เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ถูกเจียงหลานกำหนดให้เป็นเครื่องสังเวยนั้น ถูกลิขิตให้สิบตายไร้ทางรอด!


 


ถึงแม้เจียงหลานนั่นจะยังมีด่านพลังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่ชาติที่แล้วอย่างไรมันก็เป็นถึงตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะ คิดละเล่นกับเด็กน้อยขอบเขตยอดเซียนอมตะ เป็นเรื่องยากเย็นนักหรือไร?



 

 

 


ตอนที่ 3094

 

‘ที่นี่มัน…สถานที่ๆเจียงหลานจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติก่อนสินะ?’


 


เมื่อสองตาของต้วนหลิงเทียนแลเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองถูกส่งตัวมายังถ้ำที่กว้างพอประมาณแห่งหนึ่ง และผนังโดยรอบล้วนเป็นกำแพงหิน ไร้ประตูหน้าต่างหรือช่องทางอันใด เป็นสถานที่ปิดทึบ


 


“หวงเอ้อ!”


 


อาศัยหนึ่งห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนก็ติดต่อกับจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพอย่างหวงเอ้อในทะเลวิญญาณทันนี “หลิงเจวี๋ยอวิ๋นบอกข้าไว้เมื่อครู่ ว่าหากข้ามาถึงที่นี่ ท่านจะช่วยข้าจัดการเรื่องค่ายกลมายาหลอนประสาท”


 


อย่างไรก็ตาม เสียงต้วนหลิงเทียนพึ่งจะดังในทะเลวิญญาณได้ไม่ทันไร ก่อนที่หวงเอ้อจะทันได้ตอบคำด้วยซ้ำ เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “เจ้าหนูเอย…เรื่องแค่นี้ไหนเลยต้องลำบากหวงเอ้อ อาศัยข้าปฐพีเทพผู้นี้ก็จัดการได้เหลือแหล่แล้ว!!”


 


เสียงกล่าวท้ายประโยค คล้ายปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจะอวยตัวเองไม่น้อย!


 


“เจ้ามีความสามารถอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง


 


“ธรรมดา!”


 


ต้วนหลิงเทียนที่เอ่ยถามไปด้วยความประหลาดใจ ก็ได้ยินเสียงตอบด้วยของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเร็วไว กระทั่งน้ำเสียงเด็กน้อยยังไม่หย่านมมารดาของมัน ยังเต็มไปด้วยความโอ้อวดถึงที่สุด


 


“หึ!”


 


ทันใดนั้นเอง เสียงพ่นลมเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้น และต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็บอกได้ไม่ยากว่าเป็นเสียงของทองเทพสุดลี้ลับ และขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่าทองเทพสุดลี้ลับที่อยู่ใกล้ๆดวงจิตเขา กำลังแผ่พลังลี้ลับขุมหนึ่งให้มุ่งตรงมายังดวงตาของเขา


 


ทันใดนั้นลูกตาต้วนหลิงเทียนก็เสมือนมีม่านแสงสีทองบางๆฉาบเคลือบ จนสองตาเขากลับกลายเป็นสีทอง


 


อย่างไรก็ตามม่านแสงบางๆสีทองดังกล่าวเพียงคงอยู่ชั่ววูบหนึ่ง ก่อนจะกลมกลืนหายไปในดวงตาของต้วนหลิงเทียน ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน


 


และพริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามันแปรเปลี่ยนไปพลิกฟ้าคว่ำดิน เขายังอยู่ในถ้ำก็จริง แต่ครานี้มันเป็นโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลนัก! และบริเวณใจกลางถ้ำอันมีทะเลสาบนั้น…ก็มีเกาะกลางทะเลสาบเล็กๆเกาะหนึ่ง! ที่สำคัญเลยก็คือเกาะกลางทะเลสาบดังกล่าว มีต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขาม!!


 


ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางน้ำดังกล่าว แตกต่างจากต้นไม้ทั่วไป เนื่องเพราะไม่เพียงแต่ลำต้นของมันจะเป็นสีแดงเลือด กระทั่งกิ่งก้านใบก็มีสีแดงเลือดเช่นกัน อีกทั้งรอบๆต้นไม้ยังปรากฏประกายอัสนีสีแดงฉานแล่นวาบแปลบปลาบ!


 


‘หืม?’


 


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นบนยอดเขาหมาป่าหอนฟ้า ก็ได้ถูกส่งมาปรากฏตัวในโถงถ้ำสุดไฟศาลแห่งนี้เหมือนเขา ร่างคนรู้จักทั้ง 3 อย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลินเฟยหยาง และมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว ก็ตกอยู่ในสายตาเขาเร็วไว


 


นอกจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ยืนสงบนิ่งไม่หันมองซ้ายขวาแล้ว คนอื่นๆไม่ว่าใครล้วนหันรีหันขวางมองสำรวจไปทั่ว และดูเหมือนจะไม่สังเกตุเห็นคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆเลย


 


‘ดูเหมือนว่าทุกคนจะตกอยู่ในภาพมายากันหมดแล้ว’


 


เห็นอาการของทุกคน ก็ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาเรื่องราวได้


 


ก่อนหน้าที่ทองเทพสุดลี้ลับจะลงมือ เขาเองก็พบว่าตัวเองมาปรากฏในถ้ำปิดทึบแห่งหนึ่งที่ไม่ได้กว้างขวางมากมายอะไร และนอกจากตัวเขาแล้ว ก็ไม่มีบุคคลที่ 2 อยู่ในถ้ำดังกล่าวเลย เห็นได้ชัดว่าเขาถูกภาพมายาหลอกตาให้เห็นว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียว


 


“ทองเทพสุดลี้ลับเจ้าทำงี้ได้ไง เจ้ามาแย่งซีนข้าทำไม!?”


 


เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมฟังดูหงุดหงิดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นในร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มันกำลังจะอวดพลังสามารถ และแก้ไขสถานการณ์ต้วนหลิงเทียนที่ถูกค่ายกลมายาเล่นงานอยู่แล้วเชียว แต่ไม่คิดเลยว่าจะโดนทองเทพสุดลี้ลับแย่งบทซะงั้น!


 


“ก็แค่ทักษะเล็กๆน้อยๆ แต่เจ้ายังลีลาอยู่นานสองนาน…ข้าผิดอันใดที่ทนดูไม่ไหว?”


 


ทองเทพสุดลี้ลับเอ่ยออกเสียงเรียบ


 


“ฮ่าๆๆ…ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ดูเหมือนจะไม่ได้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่สามารถจัดการค่ายกลมายาที่นี่ได้ ผู้อาวุโสทองเทพสุดลี้ลับก็สามารถทำได้เช่นกัน และให้ข้าเดาผู้อาวุโสเพลิงเทพโกลาหลก็สมควรทำได้เหมือนกันใช่ไหม?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวหยอกปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอย่างสนุกกสนาน


 


คราวนี้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ไม่ได้ตอบโต้ต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร และต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าไม่พ้นปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินต้องกำลังจ๋อยอยู่แน่ เพราะโอกาสที่มันจะได้แสดงฝีมือกลับถูกทองเทพสุดลี้ลับชิงลงมือก่อนหน้าตาเฉย…


 


หลังจากอยู่ร่วมกันมาพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเข้าใจลักษณะนิสัยของเหล่าเทพแห่งธาตุที่ก่อเกิดสติปัญญาในร่างเขาอยู่บ้าง


 


ในบรรดาทั้งหมด เพลิงเทพโกลาหลประหนึ่งผู้อาวุโสที่มากความรู้และมากประสบการณ์


 


ทองเทพสุดลี้ลับนั้นประหนึ่งคนขรึมๆ หนักแน่น


 


สำหรับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินนั้น ประหนึ่งเด็กน้อยซุกซน ถึงแม้ความสามารถจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลิงเทพโกลาหลและทองเทพสุดลี้ลับ แต่วุฒิภาวะกับจิตใจไม่อาจเทียบทั้ง 2 ได้เลย


 


“ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้เผลอเผยท่าทีทำราวกับมองผ่านค่ายกลมายานี่ออกเชียว…อีกทั้งหากมีผู้ใดลงมือจู่โจมเข้ามาก็ฆ่ามันทิ้งไปเสีย! แน่นอนว่าหากเจ้ามีอุปกรณ์อมตะจอมราชันอยู่ก็นำมันออกมาใช้ได้ตามสมควร”


 


เสียงผ่านพลังกล่าวเตือนของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “แต่อย่าได้ใช้อุปกรณ์เทพหรืออุปกรณ์อมตะจักรพรรดิเด็ดขาด หาไม่แล้วข้าเกรงว่าเจียงหลานนั่นต้องเพิ่มความระวังในตัวเจ้า…หากมันเกิดตื่นตัวอะไรขึ้นมา ยามผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏ คงยากที่พวกเราจะคว้าเอาไว้ได้”


 


พอได้ยินเสียงกล่าวเตือนของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็สมควรมองผ่านค่ากลมายาหลอนประสาทที่นี่โดยอาศัยความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพแล้วแน่นอน


 


และแทบจะทันทีที่เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังจบคำ


 


ฟุ่บ!


 


ปรากฏร่างหนึ่งกระพริบวาบเข้ามาในสายตาของต้วนหลิงเทียนพร้อมด้วยเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไว เป็นชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งที่อยู่ๆก็โจนทะยานลงมือเข้ามาด้วยจิตอำมหิต ทั่วร่างมันยังปรากฏประกายอัสนีแล่นวาบแปลบปลาบประหนึ่งเทพสายฟ้า


 


“กฏสายฟ้ารึ?”


 


เห็นชายหนุ่มชุดฟ้าดังกล่าวป้อนกระบวนท่าจู่โจมเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่ากฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญก็คือกฏสายฟ้า


 


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


 


จิ๊ก! จิ๊ก! จิ๊ก! จิ๊ก!


 



 


เสียงพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานธาตุสายฟ้าดังสนั่น ทั้งยังปรากฏเสียงอัสนีแปลบปลาบดังระงมปานปักษานับพันร่ำร้อง เรียกว่ากระบวนท่าที่อีกฝ่ายป้อนมา นอกจากสภาวะพลังแลดูน่าครั่นคร้ามแล้ว ยังเต็มไปด้วยเสียงข่มขวัญคู่ต่อสู้นัก!


 


ต้วนหลิงเทียนมองจ้องร่างชายหนุ่มชุดฟ้าที่จู่โจมเข้ามาด้วยความสนใจ พบว่าสองตาที่อีกฝ่ายใช้มองจ้องเขาช่างเย็นชาเหลือเกิน ราวกับเห็นเขาเป็นเหยื่อ ที่หากเข่นฆ่าล่าไม่ได้ก็ไม่คิดเลิกรา…


 


‘มันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าแค่ 2 ประการ…’


 


เผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารที่สภาวะพลังน่าครั่นคร้ามของอีกฝ่าย สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงเป็นเส้น จากนั้นเขาก็สะบัดมือขวาอย่างไร้เรื่องราว ปรากฏแหวนวงหนึ่งอันมีมณี 9 เม็ดฝังอยู่โดยรอบ จากนั้นเขาก็เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการ อันได้แก่ธาตุไฟและลุกโหมทันที!


 


และเพียงสะบัดตบฟาดฝ่ามือพลังไร้สภาพออกไปตามอำเภอใจ ต้วนหลิงเทียนก็สามารถครอบงำอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด!


 


ถึงแม้จำนวนความลึกซึ้งของกฏที่เขาใช้จะมีแค่ 2 ประการเท่ากันกับชายหนุ่มชุดฟ้า แต่สิ่งที่อยู่ในมือเขาก็คืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน อานุภาพพลังของมันย่อมทำให้กระบวนท่าฝ่ามือของเขาทรงพลังสุดที่ชายหนุ่มชุดฟ้าจะต้านทานรับได้ไหวทันที


 


สุดท้ายเมื่อฝ่ามือแรกทำลายพลังสภาวะของอีกฝ่ายหมดสิ้นแล้ว ฝ่ามือที่ 2 พอตบฟาดออกไป ก็ปลิดปลงหนึ่งชีวิตของชายหนุ่มชุดฟ้าได้ไม่ยากเย็น…


 


“ไม่!!”


 


ก่อนตายตก ชายหนุ่มุชดฟ้าก็ได้แต่ร่ำร้องออกมาเสียงหลง สายตาของมันยังจับจ้องมายังแหวนที่ประดับไปด้วยมณี 9 เม็ดในมือต้วนหลิงเทียนเขม็ง…มันสมควรพบเห็นความไม่ธรรมดาของแหวนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ก่อนตาย


 


อุปกรณ์อมตะในมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็คืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ!


 


ครั้งที่เขายังอยู่ในพื้นที่ชายแดน พี่ใหญ่เผยที่ความเป็นมาลึกลับได้มอบแหวนวงนี้ให้เขา เพื่อให้เขาใช้มันตามหาแหวนอมตะจอมราชันอีกวงแล้วนำกลับมาให้…แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่เคยปรากฏตัวเพื่อรับมันคืน


 


ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าชายหนุ่มชุดฟ้า


 


“น่าสนใจจริงๆ…ดูเหมือนเจ้านั่นจะเป็นต้วนหลิงเทียนที่ข้าฝากให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไปชวนสินะ อัจฉริยะอีกคนในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวของแดนสวรรค์ใต้ หลิงหลัวเทียน”


 


ภายในถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลที่จุคนเรือนหมื่นได้อย่างไม่แออัด ปรากฏร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิบนต้นไม้สีเลือดที่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางน้ำ สองตามันจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ มุมปากคลี่ยิ้มแสยะเบาบาง


 


ร่างดังกล่าวก็คือ เจียงหลาน!


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่เจียงหลานสมควรมาปรากฏตัวที่นี่ หลังจากที่พวกต้วนหลิงเทียนถูกส่งตัวมา


 


เป็นธรรมดาว่าในสายตาของเจียงหลานนั้น ถึงแม้เบื้องหน้าของมันจะมีผู้คนนับหมื่น แต่ทั้งหมดไม่มีวันมองเห็นตัวมัน กระทั่งไม่อาจแลเห็นต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ที่มันปลูกไว้ตั้งแต่ชาติก่อนได้เลย!


 


ซูบ! ซูบ!


 


หลังชายหนุ่มชุดฟ้าตายตก ร่างของมันก็เริ่มซูบทั้งแห้งลงอย่างรวดเร็ว โลหิตก็ทะลักออกจากทวารทั้ง 7 แถมดวงจิตเองก็หลุดลอยออกจากร่าง พุ่งเข้าหาต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์!


 


พริบตาต่อมา ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ประหนึ่งอสูรร้ายตัวเขื่องโหยหิว อ้าปากกระหายเลือดกลืนกินเลือดเนื้อทั้งดวงจิตของชายหนุ่มชุดฟ้าที่ตายตกไปในหนึ่งคำ จากนั้นแสงสีเลือดที่เรืองรองทั่วลำต้น ก็คล้ายจะทอประกายเข้มขึ้นเล็กน้อย


 


ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นคนแรกในบรรดายอดเซียนอมมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นที่ตกตายในถ้ำแห่งนี้


 


หลังจากมันตาย ก็เริ่มมีคนมากมายถูกฆ่าตายทีละคนๆ และคนที่ตกตายเหล่านี้ ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใดๆล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 2 ประการเท่านั้น และยังตกตายภายใต้เงื้อมมือของผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการทั้งสิ้น


 


ในเมื่อทุกคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่มีด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด เช่นนั้นตัวชี้ขาดว่าผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่าก็คือจำนวนความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจ และอุปกรณ์อมตะที่ใช้ อย่างไรก็ตาม 99 ในร้อยส่วนของพวกมันล้วนใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชาทั้งสิ้น ยากจะพบเห็นผู้ใดใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชัน


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้เจียงหลานก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยยู่บ้าง ที่เห็นต้วนหลิงเทียนนำอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันออกมาใช้


 


แต่ก็เท่านั้น…


 


ในฐานะที่มันเป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ในชีวิตนี้มันย่อมได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่ตัวมันเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติก่อนมาครองเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นอุปกรณ์อมตะจอมราชันก็ไม่อาจนับเป็นอะไรในสายตามัน!


 


“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นช่างเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวยิ่งนัก!”


 


เจียงหลานหันไปมองจ้องชายหนุ่มในชุดสีเทาเร็วไว และทันได้เห็นฉากการลงมือสังหารของชายหนุ่มชุดเทาพอดี ส่วนคนที่ถูกเข่นฆ่าไป ก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตามระเบียบ


 


“สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งความตายได้ถึง 3 ประการ…ทั้งยังเหมือนกันกับข้าและต้วนหลิงเทียน มีอายุไม่ถึงร้อยปี…พรสวรรค์และความสามารถของมัน นับว่าฝืนฟ้ายิ่ง!”


 


ถึงแม้เจียงหลานจะยังอายุไม่ถึงร้อยปี และสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้ 4 ประการแล้ว…


 


อย่างไรก็ตามมันรู้ดีแก่ใจ ว่าทั้งหมดเป็นเพราะมันคือจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด


 


ทว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นหาได้เป็นผู้อมตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่เช่นมันไม่ เพราะหากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดใหม่จริง ตัวมันย่อมรับรู้ได้แน่นอน


 


ด้วยเหตุนี้ความสำเร็จของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจึงทำให้มันประหลาดใจไม่น้อย


 


กระทั่งตัวมันเมื่อชาติก่อน ยังไม่เคยพบเคยเห็นผู้ใดที่ไม่ใช่ผู้อมตะกลับชาติมาเกิด แต่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นโดยที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีมาก่อนเลย


 


“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ หากมันสามารถยืนหยัดอยู่ได้เป็นคนสุดท้าย ข้าอาจพิจารณาเรื่องมอบผลเทพสังเวยที่เหืออีกผลให้มัน…อย่างไรเสียผลเทพสังเวยสวรรค์ก็ต้องปรากฏขึ้น 2 ผล และข้าก็ใช้เองแค่ผลเดียวเท่านั้น…”


 


“แต่กระนั้น…มันต้องยินยอมให้ข้าปลูกตราทาสในดวงจิตของมัน จนกลายเป็นข้ารับใช้ของข้าเสียก่อน”


 


จังหวะนี้เจียงหลานอดไม่ได้ที่จะชมมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสายตาหลงใหลในอัจฉริยะ…



 

 

 


ตอนที่ 3095

 

ในระนาบเทวโลก ผู้อมตะสามารถปลูกฝังตราทาสลงบนวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นได้หากผู้อมตะคนนั้นยินยอม และเมื่อถูกประทับตราทาสแล้ว ก็ทำได้แค่เชื่อฟังเจ้าของตราทาสเท่านั้น หาไม่แล้วเจ้าของตราทาสอาศัยเพียงหนึ่งความคิดก็ทำลายวิญญาณได้ทันที!


 


แน่นอนว่าหากผู้อมตะคนไหนคิดปลูกตราทาสลงบนวิญญาณผู้อมตะอีกคน ไม่เพียงแต่ต้องให้ผู้อมตะอีกคนยินยอมพร้อมใจเท่านั้น ระดับพลังวิญญาณของอีกฝ่ายต้องไม่สูงกว่ามันอีกด้วย


 


ตอนนี้ด่านพลังของเจียงหลานก็คือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเท่าหลิวเจวี๋ยอวิ๋น เช่นนั้นขอเพียงหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยินยอม มันก็สามารถปลูกฝังตราทาสลงบนวิญญาณหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ทันที


 


ทว่าเจียงหลานไม่ได้รู้เลย


 


ว่าถึงมันจะเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ใช่ผู้อตะกลับชาติมาเกิดอะไร หากทว่าชาติกำเนิดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น สูงส่งสุดที่ตัวมันจะจินตนาการได้ออก! เรื่องที่มันคิดจะให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยอมสยบต่อมัน เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าให้คนธรรมดาที่รแขนขาพิการปีนบันไดมีดขึ้นสวรรค์!


 


ภายในถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล เจียงหลานที่นั่งขัดสมาธิกลางฟ้าเหนือต้นไม้ใหญ่บนเกาะกลางน้ำ เหลือบมองการเข่นฆ่าเบื้องหน้าอย่างเฉยเมย


 


ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดตกตายคนแล้วคนเล่า เลือดและดวงจิตของผู้ที่ตกตายก็ถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดกลืนจนหมด กลายเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ และสภาพการณ์ของต้นไม้เทพสังเวยยสวรรค์เองก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย


 


เดิมทีต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ก็แค่มีสีเลือดเท่านั้น แต่บัดนี้ไม่ว่าจะลำต้นหรือกิ่งก้านใบ ก็ปรากฏสีเลือดเข้มขึ้นทุกขณะ มองแล้วประหนึ่งจะมีเลือดไหลออกมาก็ไม่ปาน!


 


และบริเวณกิ่งใหญ่หนึ่ง ก็เริ่มผลิดอกขึ้นมาแล้ว


 


การต่อสู้ภายในถ้ำไพศาล ล้วนดำเนินไปในลักษณะตัวต่อตัว


 


ทั้งหมดเกิดจากการทำงานของค่ายกลที่เจียงหลานตระเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว มันคิดให้ทุกคนพบปะคู่ต่อสู้ไปทีละคนๆ และเข่นฆ่ากันไปจนเหลือคนสุดท้าย…จากนั้นมันก็แค่สังหารคนสุดท้ายที่เหลือเสีย รับผลเทพสังเวยสวรรค์ไปใช้สบายใจเฉิบ…


 


“ยั้งมือด้วย!”


 


เสียงร่ำร้องหนึ่งดังขึ้น หากแต่ต้วนหลิงเทียนหาได้แยแสอันใด แหวนในมือปรากฏเพลิงลุกโชนขึ้นมาขุมหนึ่ง ก่อนจะควบรวมเป็นกระบี่เพลิง พุ่งทะยานออกไปฉับไว ปลิดปลงชีวิตชายวัยกลางคนได้อย่างง่ายดาย


 


จากนั้น เลือดเนื้อและดวงจิตของชายวัยกลางคนก็ถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดกลืน


 


ฉากเรื่องราวดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนชินชามานานแล้ว เพราะไม่เพียงแต่คนที่ถูกเขาฆ่าจะพบจุดจบเช่นนี้ กระทั่งคนอื่นๆที่ตกตายในโถงก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน


 


เจอผู้ใดเขาก็เพียงเข่นฆ่าสังหารไปอย่างเฉยเมย ไม่ได้บังเกิดอาการยินดียินร้ายใดๆ


 


ทุกคนในห้องโถงงแห่งนี้…ล้วนถูกความโลภและความปรารถนาขับเคลื่อนทั้งนั้น! แม้จะน่าเศร้าแต่เขาไม่คิดสงสาร!!


 


‘หากไม่มีหวงเอ้อ หากไม่มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5..ป่านนี้ข้าอาจจะพบพานจุดจบดุจเดียวกันกับพวกมันก็ได้ สุดท้ายก็เป็นได้แค่ปุ๋ยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…’


 


หลังจากฆ่าชายวัยกลางคนไปแล้ว และกำลังรอให้คู่ต่อสู้อีกคนปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็ทำทีเป็นกวาดตามองไปรอบๆ แต่เหลือบมองไปยังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พลางกล่าวในใจ


 


สำหรับเจียงหลานที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศเหนือต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั่น เขาก็สังเกตเห็นมันนานแล้ว แต่เขาไม่คิดแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงพยายามไม่มองมัน


 


หากเจียงหลานบังเกิดความสงสัยว่าเขาไม่ติดอยู่ในภาพมายาของค่ายกลล่ะก็ อีกฝ่ายไม่พ้นต้องเฝ้าระวังทั้งเพ่งเล็งเขาแน่ ถึงตอนนั้นเรื่องจะได้ผลเทพสังเวยสวรรค์ก็กลายเป็นยากเย็นแล้ว


 


มันที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด การลงมืออย่างไม่ทันตั้งตัว กับการลงมือโดยเตรียมการไว้ก่อน นับเป็น 2 เรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…


 


ฟุ่บ!


 


ต้วนหลิงเทียนคิดถึงจุดนี้ เบื้องหน้าเขาก็ปรากฏร่างวูบมาอีกครั้ง เป็นชายหนุ่มในชุดสีเขียวที่มองจ้องมาที่เขาด้วยเจตนาฆ่าฟัน และมันก็ไม่รั้งรออะไร โจนร่างทะยานพร้อมเสือกกระบี่จี้เข้าใส่เขาทันที


 


ดูจากลักษณะพลังแล้ว ชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้สมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการ


 


ทันทีที่มันลงมือ ปลายกระบี่ของมันก็ปรากฏมวลพลังสีฟ้ายิงพุ่งออกมาประหนึ่งน้ำแรงดันสูง ราวคิดฉีดดับเพลิงไฟที่ลุกโชนอยู่ทั่วร่างของเขา


 


ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม!


 



 


อย่างไรก็ตามแม้มวลน้ำที่พุ่งมาปานลำแสงของชายหนุ่มชุดเขียวจะทรงพลังไม่ใช่ชั่ว แต่ก็ถูกกระบี่เพลิงของเขาพุ่งแหวกไปได้อย่างง่ายดายจนดูคล้ายมัจฉาว่ายทวนลำน้ำ! กระทั่งน้ำที่ผ่าแยกยังระเหยเป็นไอในฉับพลัน!!


 


“ไม่!!”


 


เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความไม่ยินยอมดังขึ้น สุดท้ายชายหนุ่มชุดเขียวก็ตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนอีกคน


 


ทั้งหมดเพราะมันไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนลงมือมาก่อน หาไม่แล้วมันคงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้เข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการอย่างมันได้ง่ายดายเพียงใด ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่ามันคงไม่มีแม้แต่ความกล้าจะลงมือ…


 


จนถึงตอนนี้ แม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะยังใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 2 ประการอย่างธาตุไฟและลุกโหม อย่างไรก็ตามด้วยเขามีแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ อันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเสริมพลัง ทำให้เขามีพลังเข่นฆ่าผู้อื่นได้อย่างเหลือเฟือ


 


แน่นอนว่าเป็นเพราะคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเจอจนถึงตอนนี้ ล้วนเข้าใจความลึกซึ้งแค่ 2 ประการเท่านั้น ยังไม่เคยเจอยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นยอดฝีมือสักคน


 


หากเขาพบเจอยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการล่ะก็ ด้วยพลังของเขาตอนนี้ เกรงว่าอย่างดีคงทำได้แค่สู้เสมออีกฝ่าย และนี่ต้องตั้งอยู่ในพื้นฐานที่ว่าอีกฝ่ายใช้แค่อุปกรณ์อมตะระดับราชา และเขาใช้แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับเท่านั้น


 


‘ดูเหมือนหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจงใจซ่อนพลังสายเลือด อีกทั้งอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ ไม่ก็อุปกรณ์อมตะระดับเทพในมือสินะ…’


 


ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปทางหลิงเจวี๋ยอวิ๋นโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเห็นว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังใช้แค่ความลึกซึ้งของกฏแห่งความตายเข่นฆ่าศัตรู และไม่ได้เผยไพ่ตายใดๆรวมถึงความลึกซึ้งเคียวยมทูตที่ใช้พลังได้บางส่วน…


 


แต่กระนั้น คู่ต่อสู้ที่เผชิญหน้ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ถูกเข่นฆ่าลงอย่างง่ายดาย ไม่อาจต้านทานอะไรได้เลย!


 


‘กฏแห่งความตายจะอย่างไรก็เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด…ถึงแม้พลังจากความลึกซึ้งแต่ละประการจะเหนือกว่าความลึกซึ้งประเภทเดียวกันกับกฏอื่นๆไม่มากนัก แต่พอรวมๆกันแล้ว ก็ไม่ใช่อะไรที่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการจะสู้ได้ มีก็แต่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 4 ประการเท่านั้น ถึงจะกดดันหลิงเจวี๋ยอวิ๋นให้ใช้ไพ่บางใบได้’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ยังมีลมหายใจในถ้ำก็ยิ่งลดน้อยลงทุกที


 


ตอนแรกนั้นมีผู้คนนับหมื่น…


 


แต่บบัดนี้หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ก็เหลือไม่ถึงพันคนแล้ว…


 


‘โชคของมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวนั่นนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว…จนป่านนี้นางยังไม่เจอศัตรูที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการแม้แต่คนเดียว อย่างดีก็เจอแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้ง 2 ประการกับอีกประการแค่บางส่วนเท่านั้น…’


 


หลังต้วนหลิงเทียนฆ่ายอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดไปอีกคน เขาก็เหลือบมองมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวไกลๆ จึงเห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่ โดยมีอาการบาดเจ็บแค่เล็กน้อย


 


ทว่าคู่ต่อสู้ที่นางเผชิญหน้าอยู่นั้น มีอาการบาดเจ็บสะสมหนักกว่านาง สุดท้ายก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือนางในไม่กี่สิบกระบวนท่า


 


‘และก็หลินเฟยหยางคนนั้น…’


 


ต้วนหลิงเทียนละสายตาออกจากมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวไปจับจ้องมองหลินเฟยหยางเร็วไว เท่าที่เขาสังเกตดูจนถึงตอนนี้ หลินเฟยหยางก็เปิดเผยความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำขั้นตอนเบื้องต้นออกมา 2 ประการกับอีกประการที่เข้าใจแค่บางส่วนเท่านั้น แต่เขารู้สึกว่านั่นยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของอีกฝ่าย


 


หลินเฟยหยางคนนี้ถูกวารีเทพชำระโลกาเลือกเป็นร่างต้นตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดา..


 


ความเข้าใจในกฏแห่งน้ำของมัน นับว่าสูงส่งท้าทายสวรรค์ เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้เท่าที่เห็น


 


‘ดูเหมือนว่ารอบนี้…หลินเฟยหยางคงต้องเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว’


 


ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเบื้องหน้าหลินเฟยหยางปรากฏคู่ต่อสู้คนใหม่ มันเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคนหนึ่ง


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายมาสักพักแล้ว จึงรู้ว่ามันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการ ตอนมันพบเจอคู่ต่อสู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการ มันสามารถเข่นฆ่าผู้อื่นได้ในกระบวนท่าเดียว!


 


และคราวนี้มันก็พบเจอกับหลินเฟยหยาง


 


‘หากว่าหลินเฟยหยางไม่ได้ปกปิดพลังอะไรไว้จริงๆล่ะก็…ไม่พ้นต้องตายคามือชายวัยกลางคนชุดคลุมดำนั่นแน่’


 


สองตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน ‘และถ้าหากมันตาย วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 ในร่างของมันก็จะตกอยู่ในสภาพไร้เจ้าของ…และถึงตอนนั้นไม่พ้นวารีเทพชำระโลกาขั้น 2 ที่กำลังหลับไหลอยู่ต้องปรากฏออกมาแน่!’


 


‘หากเป็นแบบนั้นข้าก็ไม่อาจไปเก็บมาได้…เพราะถ้าข้าลงมือทำอะไรแบบนั้น เจ้าเจียงหลานนั่นไม่พ้นต้องพบได้ทันทีว่าข้าไม่ได้ถูกพลังของค่ายกลมายานี่หลอนประสาท….’


 


‘และต่อให้เจียงหลานนั่นมันจะไม่รู้จักวารีเทพชำระโลกา แต่อย่างไรมันก็เป็นคนที่เชี่ยวชาญกฏแห่งน้ำ ไม่มีทางที่มันจะมองไม่ออกว่าวารีเทพชำระโลกาไม่ธรรมดา สุดท้ายต้องรีบเก็บไปทันทีแน่นอน’


 


คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง


 


เพราะหากเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าหลังหลินเฟยหยางตายตกไป เขาจะเป็นคนได้รับวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 ของอีกฝ่ายมา ด้วยวิธีนี้ก็เท่ากับเขาสามารถรวบรวมเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ได้ครบองค์ประกอบ! สิ่งนี้ต้องมีส่วนช่วยเหลือเขาในอนาคตแน่นอน!!


 


ตอนนี้เขาเหลือเวลาแค่ 900 กว่าปีเท่านั้น เขาจำเป็นต้องใช้หนทางที่ต่างจากคนอื่น เพื่อจะมีโอกาสไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพหลังจากห้วงมิติทีเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพและระนาบบเทวโลกเปิดออกอีกครั้ง และมีโอกาสช่วยเค่อเอ๋อ และครอบครัวรวมถึงสหายเขาได้…


 


“ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่น…ดูเหมือนจักสบายกันดีจริงๆ”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังให้ความสนใจกับหลินเฟยหยาง เจียงหลานที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศเหนือต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ก็กวาดตามองมายังเขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น จากนั้นมุมปากขอมันก็ฉีกยิ้มแสยะแลดูชั่วร้ายออกมา


 


วินาทีต่อมา เจียงหลานก็ยกมือขึ้นมาตวัดขวับๆ เหมือนจะวาดอักขระและลวดลายอะไรบางอย่าง


 


‘หืม?’


 


ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็พบว่า คู่ต่อสู้ที่สมควรปรากฏตัว เนิ่นนานกลับไม่มาปรากฏตัวเสียที!


 


จากนั้นทั้งคู่ก็ทำทีเป็นเหลือบมองไปรอบๆ และอาศัยหางตาจับความเคลื่อนไหวของเจียงหลาน ในที่สุดก็พบว่าเจียงหลานกำลังขยับไม้ขยับมือทำอะไรบางอย่าง ทำให้ทั้งคู่ตระหนักได้ทันทีว่าสาเหตุที่คู่ต่อสู้คนใหม่ไม่ปรากฏตัว ต้องเกี่ยวข้องกับการลงมือของเจียงหลานแน่!


 


หาไม่แล้วไฉนเรื่องราวก่อนหน้าเป็นปกติ มาตอนนี้จึงผิดปกติ?


 


และเดิมทีเจียงหลานก็เอาแต่นั่งนิ่งๆ มีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่เริ่มเคลื่อนไหว


 


“ต้วนหลิงเทียน…ข้าเชื่อว่าสิบในสิบไม่พ้นเจียงหลานนั่นเห็นพวกเราจัดการคู่ต่อสู้ได้ง่ายๆสบายๆเกินไป จึงคิดสอดมือแทรกแซงจัดแจงอะไรให้พวกเราแน่…”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่งเสียงผ่านพลังคุยกับต้วนหลิงเทียน


 


“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน…ไม่รู้ว่ามันจะจัดให้พวกเราสู้กันเองรึเปล่า”


 


ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ


 


“หากเป็นแบบนั้นจริงก็นับว่าประเสริฐสุด…ขอให้มันจัดให้พวกเราเจอกันเถอะ! ถึงตอนนั้นพวกเราก็แค่แสร้งทำเป็นกินกันไม่ลงเท่านั้น ลากถ่วงกันให้เหลือรอดเป็น 2 คนสุดท้ายไปเลย! อีกทั้งไม่แน่ว่าก่อนที่พวกเราจะเหลือรอด 2 คนสุดท้าย เผลอๆผลเทพสังเวยสวรรค์อาจปรากฏแล้วก็ได้ และถ้าวันนี้พวกเราดวงซวยไม่มีโอกาสได้เห็นผลเทพสังเวยสวรรค์จริงๆ อย่างน้อยๆก็ยังได้เห็นต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้นมอดไหม้กลายเป็นธุลี…”



 

 

 


ตอนที่ 3096

 

ถ้ำที่ปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แห่งนี้ เป็นแดนลับที่เจียงหลานเปิดสร้างไว้เมื่อชาติก่อนครั้งยังเป็นจักรพรรดิอมตะ ในนี้มีค่ายกลป้องกันและค่ายยกลสังหารมากมาย หากแต่เจียงหลานในชาตินี้ก็ยังไม่อาจควบคุมพวกมันได้


 


สิ่งเดียวที่มันควบคุมได้ก็คือค่ายกลมายาหลอนประสาทที่กำลังทำงานอยู่


 


ตัวอย่างเช่น เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่มันหลอกมา มันอยากจะให้ใครเจอกับใคร มันก็สามารถจัดแจงได้โดยการควบคุมค่ายกลมายาหลอนประสาทดังกล่าว


 


“หืม?”


 


เจียงหลานที่กำลังทำสัญลักษณ์มือหมายควบคุมค่ายกลมายา สร้างช่องทางให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น จำต้องหยุดมือลงกระทันหัน เพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังแปรปรวนของกฏแห่งน้ำขุมหนึ่ง


 


และเมื่อมันหยุดมือค่ายกลมายาก็เริ่มทำงานต่อดังเดิม และส่งคู่ต่อสู้มาให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้ง แต่พวกมันก็คือคู่ต่อสู้ที่อยู่ใกล้ๆ และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏเพียงแค่ 2 ประการเท่านั้น สุดท้ายจึงถูกต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจบชีวิตได้ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่


 


“เจ้าเจียงหลานนั่น…ไฉนอยู่ๆมันถึงหยุดมือซะเล่า?”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียนด้วยความงุนงง เนื่องเพราะเจียงหลานมันหยุดมือเสียก่อน ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้ถูกจัดแจงให้เจอยอดฝีมือ


 


“มันถูกหลินเฟยหยางดึงความสนใจไปน่ะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนทำทีเป็นกวาดตาไปมาเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบไปมองหลินเฟยหยางที่อยู่ไกลตาอย่างเป็นธรรมชาติ


 


ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการ หลินเฟยหยางไม่ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการ กับอีกประการที่เข้าใจบางส่วนเท่านั้น…แต่กลับใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำออกมาเพิ่มอีกประการหนึ่ง!


 


ยิ่งไปกว่านั้นความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำที่หลินเฟยหยางเปิดเผยออกมา ยังบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว พลังของมันเหนือกว่าความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำที่เข้าใจแค่บางส่วนลิบลับ!


 


‘อย่างที่เดาไว้ไม่มีผิด…หลินเฟยหยางคนนี้ซ่อนพลังเอาไว้จริงๆ’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


เขากะไว้แล้วว่าหลินเฟยหยางที่ถูกวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 เลือกให้เป็นร่างต้นตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดา จนสมควรมีความเข้าใจในกฏแห่งน้ำท้าทายสวรรค์ ไม่น่าจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้แค่ 2 ประการกับอีกบางส่วนเท่านั้น ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้ไม่มีผิด!


 


“หลินเฟยหยางคนนี้…ไม่เพียงแต่จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่มันยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำประการที่ 4 ได้บางส่วนแล้ว?”


 


เจียงหลานที่ถูกหลินเฟยหยางดึงดูดความสนใจไป บัดนี้สองตาพลันทอประกายสว่างจ้าขึ้นมา “ที่สำคัญมันยังเป็นคนที่อายุไม่ถึงร้อยปีคนที่ 3 นอกจากต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น…อีกทั้งมันก็เหมือนกับต้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มิได้เป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิด!”


 


“ในชาติก่อน ข้ามิเคยเจอผู้ใดที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้โดยที่มิได้เป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดเลยสักคน…แต่ในชาตินี้ข้ากลับพบเจอถึง 2 คนในคราวเดียว?”


 


พึมพำถึงจุดนี้ เจียงหลานก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน


 


และในขณะที่เจียงหลานถอนหายใจ หลินเฟยหยางก็เริ่มรุกไล่คู่ต่อสู้จนมีเปรียบอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเมื่อประมือกันไปอีก 30 กระบวนท่า ในที่สุดหลินเฟยหยางก็สังหารยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการลงได้ ทำให้อีกฝ่ายกลับกลายเป็นปุ๋ยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไปอีกคน…


 


และนี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลย ที่หลินเฟยหยางได้สังหารคู่ต่อสู้ขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการ!


 


‘สมแล้วที่เป็นร่างต้นของวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2…’


 


เมื่อเห็นหลินเฟยหยางฆ่าศัตรูที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้ แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้แปลกใจอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเบาๆ หลังเห็นความเข้าใจในกฏแห่งน้ำของหลินเฟยหยาง


 


หลินเฟยหยางไม่เพียงอายุไม่ถึงร้อยปี แต่วารีเทพชำระโลกาในร่างก็ยังพึ่งอยู่ในชั้นที่ 2 เท่านั้น


 


หากวารีเทพชำระโลกาในร่างหลินเฟยหยางยกระดับเป็นขั้นที่ 3 ล่ะก็ ย่อมช่วยให้หลินเฟยหยางสามารถเข้าใจกฏแห่งน้ำได้รวดเร็วมากขึ้นแน่ ถึงตอนนั้นความสามารถในการทำความเข้าใจกฏแห่งน้ำของหลินเฟยหยางน่ากลัวจะท้าทายสวรรค์แล้วจริงๆ


 


“หืม?”


 


หลังจากเห็นหลินเฟยหยางฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงเบนตาไปมองยังจุดที่ห่างจากหลินเฟยหยางไม่มากเท่าไหร่


 


ที่นั่นปรากฏร่างหนึ่งกำลังถูกซัดร่วงตกจากกลางอากาศ…


 


เป็นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว


 


มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวหาได้โชคดีอีกต่อไป คู่ต่อสู้ที่นางพบเจอรอบนี้กลับเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของงกฏแห่งทอง 3 ประการ อาศัยมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวย่อมไร้กำลังจะต้านทานอีกฝ่าย


 


หลังจากผ่านไปอีก 3 กระบวนท่า ต้วนหลิงเทียนก็เห็นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวถูกฆ่าตายอนาถ โฉมงามนางหนึ่งดับสิ้นไปเช่นนี้…


 


ณ หลิงหลัวเทียน มุมหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้ เขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว ตระกูลมู่หรงอันเป็นตระกูลระดับ 7 ตระกูลหนึ่ง…


 


ในเวลาเดียวกันกับที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวถูกฆ่าตาย ลูกแก้ววิญญาณของนางที่เก็บไว้ในตระกูลมู่หรงก็แตกสลายลงเป็นเสี่ยง ทำให้คนของตระกูลมู่หรงตื่นตระหนกตกใจนัก หากแต่ไม่มีใครล่วงรู้สักคนว่ามู่หรงเซี่ยวเซี่ยวตกตายได้อย่างไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางอยู่ไหน…


 


จนเมื่อข่าวเรื่องที่มีบางคนกำลังรวบรวมยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะไปเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แพร่มาถึงเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว คนของตระกูลมู่หรงจึงคาดเดากันได้คร่าวๆ ว่าสิบในสิบไม่พ้นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวต้องถูกนำไปเซ่นสังเวยยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แล้วแน่นอน


 


ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ล้วนจะเกิดขึ้นในภายหลัง


 


หลังจากที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวตกตาย ในโถงอันกว้างใหญ่ไพศาลก็หลงเหลือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอยู่แค่ 500 กว่าคนเท่านั้น


 


ในเวลาเดียวกัน ดอกของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์บนยอดไม้ ก็เริ่มปรากฏดอกตูมเพิ่มขึ้นเป็น 2 ดอกเล็กๆ และพวกมันมีสีแดงฉานปานก้อนโลหิต แผ่กลิ่นอายอันชั่วร้ายออกมาขุ่นขลัก!


 


ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้นก็เหมือนต้นไม้อื่นๆ ก่อนจะเกิดผลก็จำต้องออกดอกก่อน


 


แน่นอนว่าดอกตูมเช่นนี้ยังเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ผลไม้เทพสังเวยสวรรค์จะก่อเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่ ยังต้องรอดูกันต่อ


 


อย่างไรก็ตาม ด้วยการตระเตรียมการเมื่อชาติที่แล้วของเจียงหลาน บัดนี้มันก็มั่นใจนักว่าอัตราความสำเร็จที่จะเกิดผลของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้นมีถึง 5 ใน 10 ส่วน+


 


“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางนั่นสามารถเก็บไว้ให้พวกมันเหลือรอดเป็นคู่สุดท้าย…จากนั้นหากพวกมันทั้งคู่ยินยอมเป็นข้าทาสของข้า ไม่เพียงแต่ข้าจะไว้ชีวิตพวกมัน แต่ข้าจะให้คนที่แข็งแกร่งกว่าได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เหลือไปใช้…”


 


หลังถอนสายตาออกมาจากหลินเฟยหยาง เจียงหลานก็หันไปมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้ง มือของมันเริ่มขยับทำสัญลักษณ์ต่อ จากนั้นก็เริ่มเข้าควบคุมค่ายกลมายาหลอนประสาทในโถงสุดไพศาล


 


และเพื่อให้หลินเฟยหยางกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสามารถรอดชีวิตได้ถึงตอนจบ มันก็จงใจไม่ให้ทั้งคู่ต้องมาพบเจอกัน


 


แน่นอนว่ามันยังไม่ลืมจัดแจงส่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการให้ไปเจอกับต้วนหลิงเทียนอีกด้วย


 


“ความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง? กับความลึกซึ้งสั่นสะเทือน?”


 


คู่ต่อสู้ที่เจียงหลานจัดให้ต้วนหลิงเทียนนั้น พอมาถึงก็ลงมือใช้พลังความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงผสานกับความลึกซึ้งสั่นสะเทือนทันที หมายจะสะกดกักสังหารต้วนหลิงเทียนให้ได้โดยเร็วที่สุด


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้ง สั่นสะเทือน ของกฏแห่งดิน แต่เขาก็รู้หลักกการของมันไม่น้อย


 


ด้านความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง แม้จะยังไม่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่เขาก็เข้าใจบางส่วนแล้ว


 


ทำให้ไม่ว่าจะพลังของความลึกซึ้งสั่นสะเทือนก็ดี ความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงก็ดี ต้วนหลิงเทียนเข้าใจว่ามันจะทำงานอย่างไร


 


ครืนนน!!


 


ฟู่มมมม!!


 



 


ร่างต้วนหลิงเทียนระเบิดเปวเพลิงร้อนแรงออกกมา จนคนคล้ายดาวตกไฟ พุ่งทะยานออกจากสนามพลังกักกันของอีกฝ่ายเร็วไว ก่อนที่มันจะสำแดงพลังอำนาจสูงสุด!


 


แม้คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนจะมีความเร็วด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนหลายส่วน แต่ด้วยความที่มันเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงของกฏแห่งดิน ซึ่งเป็นดาวข่มของพวกสายความเร็ว ก็ทำให้มันมีวิธีรับมือต้วนหลิงเทียน!


 


ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก!


 



 


หลังจากใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลที่ผสานไว้ด้วยธาตุดินสร้างคุกศิลามหึมาล้อมกักต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ มันก็เริ่มหดคุกดังกล่าวให้เล็กลงเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนไร้ความหมายทันที!


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 



 


หลังจากถูกอีกฝ่ายทุ่มทุนสร้างถึงขั้นทุ่มพลังทั้งหมดสร้างคุกมหึมาแล้วอาศัยการหดเล็กลงแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เร่งใช้แหวน 9 วิญญาณหยางลั้บสร้างกระบี่เพลิง หมายจู่โจมทำลายคุกศิลาทันที


 


ในขณะที่ลงมือ ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลกำลังเคี่ยวกรำเข้าใส่ร่างเขาจากทุกทิศทาง ทำให้การลงมือของเขาอ่อนพลังลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันผนังคุกศิลาทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง ก็เริ่มแผ่คลื่นสั่นสะเทือนออกมา


 


‘ให้ตายเถอะ สนามพลังโน้มถ่วงรุนแรง ที่มีพลังดูดรั้งฉุดกระชากไปมาจากทุกทิศทางแบบนี้ พอมาผสานกับคลื่นพลังสั่นสะเทือนนี่…ช่างน่ารำคาญจริงๆ’


 


เนื่องจากพลังของศัตรูรวมแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่น้อย ทำให้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกลำบากลำบนอยู่บ้าง เรื่องจะทำลายผนังคุกศิลาก็กลายเป็นงานยากขึ้นมาทันที


 


‘หากเป็นแบบนี้ต่อไปถึงพลังน่ารำคาญนี่จะฆ่าข้าไม่ได้ แต่ก็ไมใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะฆ่ามันได้เช่นกัน…ดูท่าจะต้องหงายไพ่อีกใบแล้ว’


 


คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือซ้ายเบาๆ จากนั้นพลันปรากฏแหวนวงหนึ่งผุดโผล่จากความว่างเปล่าเข้ามือ


 


แหวนวงนี้หากดูผิวเผินแล้ว ลักษณะรูปร่างของมันเหมือนกันกับแหวน 9 วิญญาณหยางอยย่างมาก อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังที่มันแผ่ออกมานั้นแตกต่างกันราวคนละขั้ว กระทั่งหากสังเกตให้ดีลักษณะมณีทั้ง 9 ที่เรียงตัวรอบแหวนก็แตกต่างกันอีกด้วย


 


เห็นได้ชัดว่าแหวนวงนี้ก้คือ แหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับ! ที่เป็นแหวนคู่ของแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ!!


 


แหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับก็เป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันเช่นกัน


 


นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนถึงจุดตีบตัน เขาก็ได้นำแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ และแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับออกมาทดสอบ หลังได้อ่านเจอเรื่องราวหนึ่งในหอตำราฝ่ายใน จนในที่สุดก็พบว่าพวกมันสามารถผสานรวมกันได้จริงๆ…


 


และหลังจากพวกมันผสานรวมกันแล้ว ถึงแม้พลังอำนาจจะยังไม่เท่ากับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ แต่ก็เหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันส่วนใหญ่!


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันไปสรรหาอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันมาจากที่ไหนนักหนา?”


 


เห็นต้วนหลิงเทียนหยิบควักอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันออกมาอีกชิ้น ถึงแม้เจียงหลานจะไม่ได้แยแสอุปกรณ์อมตะจอมราชัน แต่มันก็ไม่อาจไม่แปลกใจ


 


ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นที่มันหลอกให้มาตายครั้งนี้ ไม่ว่าจะที่ยังรอดชีวิตอยู่หรือตกตายไปแล้ว ก็มีแค่ต้วนหลิงเทียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอุปกรณ์อมตะจอมราชัน กระทั่งยังมีอยู่ด้วยกันถึง 2 ชิ้น!


 


“หืม? ยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันที่หลอมรวมกันได้อีกงั้นรึ?”


 


ครู่ต่อมา เจียงหลานก็เห็นว่า แหวนในมือซ้ายกับแหวนในมือขวาของต้วนหลิงเทียนได้ลอยล่องออกมาผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นพอต้วนหลิงเทียนคว้ามันแล้วถ่ายทอดพลังลงไป พลังเซียนอมตะที่ผสานพลังธาตุไฟทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนก็เปล่งพลังสภาวะแข็งกล้าขึ้นมาอีกขั้น!


 


ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้ว แม้จะมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันในมือ 2 ชิ้น แต่ก็ไม่มีใครคิดจะนำออกมาใช้พร้อมกัน เพราะอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั่วไปจะไม่เสริมพลังทับซ้อนกัน…


 


ดังนั้นจะใช้ชิ้นเดียวหรือสองชิ้นก็ไม่มีความแตกต่างอะไรทั้งสิ้น…


 


ทว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ธรรมดา…


 


พวกมันสามารถผสานหลอมรวมกันได้ และยังคล้ายกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวโดยสมบูรณ์ ทำให้พลังของมันเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันส่วนใหญ่ ถึงขั้นมีพลังไล่ตามอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไปติดๆ


 


“ช่างเป็นไอ้หนูที่โชคดียิ่ง…ถึงกับไปพบเจออุปกรณ์อมตะจอมราชันที่สามารถผสานหลอมรวมกันได้อย่างลงตัวแบบนี้…”


 


ถึงแม้ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้จะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง แต่เจียงหลานก็คิดว่าเขาแค่โชคดีเท่านั้น และไม่อาจเทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางได้เลย…



 

 

 


ตอนที่ 3097

 

หลังต้วนหลิงเทียนทำให้แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ กับแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับผสานหลอมรวมกัน กลิ่นอายที่แตกต่างกันราวคนละขั้วของพวกมันก็ผสานกันได้ลงตัวอย่างประหลาด ให้ความรู้สึกลี้ลับเหมือนหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง


 


ต้วนหลิงเทียนเองก็ตั้งชื่อให้แหวนวงนี้ง่ายๆ


 


แหวน 9 วิญญาณหยินหยาง!


 


และเมื่อแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับกับแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับผสานรวมเข้าด้วยกัน มณีทั้ง 9 ของแหวนแต่ละวงก็ซ้อนทับกันได้อย่างอัศจรรย์ ประหนึ่งเปลือกเกาลัดกับเนื้อเกาลัดอย่างไรอย่างนั้น


 


ทำให้หลังแหวน 2 วงหลอมรวมกันแล้ว มณีรอบตัวแหวนก็ยังนับได้แค่ 9 เม็ดเหมือนเดิม


 


และเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังธาตุไฟของต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดลงสู่ตัวแหวน 9 วิญญาณหยินหยาง ตัวแหวนก็ปะทุพลังลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ แถมเพลิงพลังดังกล่าวครึ่งหนึ่งเป็นสีฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นสีแดงราวน้ำกับไฟ!


 


“พัง!!”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเยียบเย็น จากนั้นแหวน 9 วิญญาณหยินหยางก็ปลดปล่อยพลังขุมหนึ่งออกมา!


 


พลังที่มันปลดปล่อยออกมา แวบแรกก็ดั่งมวลพลังสีแดงฟ้า หากแต่พริบตาต่อมาก็ควบรวมเป็นกระบี่พลัง 2 สีฟ้าแดงอันแผ่กลิ่นอายพลังแหลมคมไร้คู่เปรียบ! กระบี่ครึ่งฟ้าครึ่งแดงดังกล่าวพุ่งทะยานออกไปอย่างเงียบงัน หากแต่สลายสนามพลังโน้มถ่วงที่เคี่ยวกรำมันลงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เริ่มปะทะเข้ากับคลื่นพลังงสั่นสะเทือน!


 


เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!


 



 


เสียงกระบี่กู่ร้องดังขึ้นระงม เป็นกระบี่เพลิงฟ้าแดงปะทะกับคลื่นสั่นสะเทือนอย่างดุดัน! ตัวกระบี่เริ่มสั่นไหวสะเทือนเพลิงพลังสีแดงฟ้ารอบกระบี่ก็วูบวาบไม่หยุด บ้างก็มีสะเก็ดเพลิงทั้งคลื่นพลังแตกตัวออกมา!!


 


หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดคลื่นพลังสั่นสะเทือนก็ไม่อาจหยุดยั้งกระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงได้อีกสืบไป และถูกกระบี่พลังดังกล่าวทะลวงทำลายได้อย่างราบคาบ!!


 


หลังทำลายคลื่นสั่นสะเทือนได้แล้ว กระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงดังกล่าวก็พุ่งทะยานสืบต่อประหนึ่งมังกรพิโรธ เจาะทะลวงผนังคุกที่ล้อมกักต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย พุ่งเข่นฆ่าสังหารไปยังยอดเซียนอมตะที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการอย่างอำมหิต!


 


“ไม่—!”


 


พร้อมกันกับที่เสียงร้องโหยหวนด้วยความไม่เต็มใจดังขึ้น ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการ ก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือต้วนหลิงเทียนอีกคน…


 


และคู่ต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าไปคนนี้ ก็คือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการคนที่ 2 ที่ตกตาย…


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


เปรี๊ยง! ตูม! ตูม! ตูม!


 



 


ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!


 



 


หลังจากฆ่ายอดเซียนอมตะที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่ผ่อนคลายร่างกายเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงระเบิดปะทะดังวุ่นวายไปหมด พอทำทีเป็นกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นผู้คนหลายร้อยกำลังต่อสู้กันอย่างสิ้นหวัง…


 


ด้วยตกอยู่ภายใต้อำนาจของค่ายกลมายาหลอนประสาทเช่นนี้ ทุกคนก็ทำได้แค่ต่อสู้กับศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้นไม่หยุดหย่อน และมีเพียงจุดจบ 2 ประการเท่านั้น…


 


ฆ่าผู้อื่น หรือถูกผู้อื่นฆ่าตาย!


 


อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยากถูกฆ่าตาย เช่นนั้นทุกคนจึงดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต…


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ พอใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันที่หลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว พลังของมันนับว่าเหนือกว่าหลินเฟยหยางกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเสียอีก…หากหลินเฟยยหยางกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นต้องพบเจอมัน น่ากลัวทั้งคู่ต้องตกตายด้วยน้ำมือมันแน่”


 


ห่างออกไปไกลๆ เมื่อเจียงหลานเห็นต้วนหลิงเทียนฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจกฏแห่งดิน 3 ประการไป ลูกตามันก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง…


 


“อย่างไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังงระดับนี้ได้ ล้วนพึ่งพาอุปรณ์อมตะจอมราชันล้วนๆ…แม้พรสวรรค์กับความเข้าใจของมันจักดี และสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟได้ 2 ประการทั้งที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่หากให้เทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลิงเฟยหยางแล้วยังนับว่าด้อยกว่า…”


 


“ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจอันใดมันอีก…รอให้จบเรื่องแล้วค่อยจัดการมันทีหลังก็ยังมิสาย ผู้ที่อาศัยอุปกรณ์อมตะเช่นนี้ ไม่อาจเป็นภัยอะไรต่อข้า”


 


คิดถึงจุดนี้ เจียงหลานก็เลิกสนใจต้วนหลิงเทียนสืบไป และไม่คิดจัดแจงส่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนไหนมาสู้กับต้วนหลิงเทียนอีก ทำให้ต้วนหลิงเทียนว่างงานเป็นการชั่วคราว…


 


อย่างไรก็ตามด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางนั้น ได้ถูกเจียงหลานจัดแจงส่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการมาเป็นคู่ต่อสู้ตลอด หากแต่ทั้งคู่ก็สามารถเข่นฆ่าศัตรูให้ตกตายกลายเป็นปุ๋ยได้หมด


 


เจียงหลานไม่ได้แปลกใจอะไรที่หลินเฟยหยางเอาชนะศัตรูได้ไม่ยาก


 


แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่สามารถฆ่าศัตรูได้ไม่ยากเหมือนกัน ก็ทำให้มันประหลาดใจอยู่บ้าง


 


“นั่นมัน…ความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีอันดับหนึ่งของกฏแห่งความตาย…เคียวยมทูต?”


 


เจียงหลานย่อมสังเกตเห็นการลงมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ไม่ยาก ที่แท้สาเหตุที่ทำให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเข่นฆ่าศัตรูได้ง่ายดายไม่ต่างอะไรจากหลินเฟยหาง เป็นเพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ใช้ความลึกซึ้งเคียวยมทูตที่เข้าใจได้บางส่วนแล้วออกมา!


 


ถึงแม้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะเข้าใจความลึกซึ้งเคียวยมทูตได้แค่บางส่วน แต่ด้วยพลังที่ได้รับบางส่วนนั่น ก็ทำให้สามารถเข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้อย่างง่ายดาย!


 


กระทั่งหากเทียบระดับพลังกันแล้ว ตอนนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังเหนือกว่าหลินเฟยหยางเล็กน้อย!


 


ถึงแม้จะเข้าใจความลึกซึ้งจำนวนเท่าๆกัน แต่อย่างไรเสียกฏที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้ก็คือกฏแห่งความตาย 1 ใน 4 กฏสูงสุด  แถมหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังเข้าใจความลึกซึ้งเคียวยมทูตที่เอกอุเรื่องการโจมตีของกฏแห่งความตายยแล้วแบบนี้ ทำให้มีพลังโจมตีแกร่งกล้าเหนือหลินเฟยหยางชัดเจน…


 


“หากต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง…หวังว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นจะยินยอมให้ข้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณ…แม้หลินเฟยหยางจะมีความเข้าใจไม่ใช่ชั่ว แต่ให้เทียบแล้วยังห่างกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอยู่บ้าง.”


 


เจียงหลานที่มองจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ


 


จากนั้นเจียงหลานก็เริ่มกวาดตามองไปยังเหล่ายอดเซียนอมตะทั่งรอดชีวิตอยู่


 


บัดนี้หลงเหลือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแค่ 300 กว่าคนเท่านั้น และทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการ เรียกว่าพลังพอๆกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟหยาง หากแต่อายุของพวกมันนั้นมากกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางเกินเท่าตัว เพราะแต่ละคนล้วนมีอายุเกือบ 200 ปีแล้ว…


 


“ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…เริ่มเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการออกผลแล้ว”


 


เจียงหลานมองไปยังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ก็พบว่าดอกตูม 2 ดอกบนต้นไม้เทพสังงเวยสวรรค์นั้นเริ่มเบ่งบานเป็นดอกไม้สีเลือดเข้ม แต่ละดอกมี 9 กลีบ และทอแสงสีแดงฉานอมม่วงออกมาเรืองๆ


 


และหากสังเกตให้ดีจะพบว่า


 


รอบๆดอกไม้สีแดงเลือด 9 กลีบทั้ง 2 ดอกของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้น บริเวณฐานรองดอกของมันเริ่มโป่งพองขึ้นมา สีเลือดบริเวณนี้ยังข้นคลั่ก รอบๆยังปรากฏหมอกโลหิตม้วนวนไม่หยุด…


 


จากนั้นไม่นานนัก ก็มียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับ 10 คนตายตก…


 


ในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่หลงเหลืออยู่ 300 กว่าคน ไม่ขาดผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วน ตัวตนเหล่านี้ย่อมเข่นฆ่าผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 3 ประการได้อย่างไม่ยากเย็น


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!


 



 


หลังจากที่โลหิตและดวงจิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พึ่งตายตกถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดกลืนเข้าไป ดอกไม้สีเลือดอันมี 9 กลีบทั้ง 2 ดอก ก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในฉับพลัน บริเวณฐานรองดอกที่เริ่มบวมพองเป็นทรงกลมนั่น มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างมากในพริบตา!


 


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


 



 


หลังจากที่ทรงกลมดังกล่าวขยายตัวใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะด้านนอกด้านใน ล้วนปรากฏอัสนีสีเลือดแลบลั่นแปลบปลาบ ประหนึ่งอสรพิษโลหิตตัวน้อยกำลังเลื้อยลดมุดเข้ามุดออก


 


“ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้!”


 


เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวบนดอกไม้สีเลือด 9 กลีบของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ สองตาเจียงหลานก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า มันเร่งยกมือขึ้นมาขยับทำสัญลักษณ์อีกครั้ง และสัญลักษณ์มือครานี้ของมันยังสลับซับซ้อนเป็นที่สุด ยังขยับเร็วรี่จนเห็นเป็นภาพมายาพันมือ!


 


หลังเจียงหลานลงมือกระทำบางอย่าง รอบๆเกาะกลางน้ำอันมีต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตั้งตระหง่านอยู่ ก็ปรากฏม่านพลังโปร่งแสงขนาดใหญ่ผุดขึ้นจากความว่างเปล่ามาครอบคลุมทั้งเกาะเอาไว้ทันที


 


ซูวว!


 


ห่างออกไปไกลๆ มียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการถูกฆ่าตาย จากนั้นโลหิตและดวงจิตของมันก็พุ่งมายังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เหมือนคนที่ตายคนอื่น


 


อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โลหิตและดวงจิตของมันจะทันได้เข้าใกล้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ก็ถูกม่านพลังโปร่งแสงที่ห่อหุ้มต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์รวมทั้งเกาะกลางน้ำปิดกั้นเอาไว้


 


ด้านต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เองก็ยังเปล่งพลังดูดรั้งออกไปไม่หุด หมายดูดกลืนดวงจิตและโลหิตของผู้ตายมาให้จงได้ อนิจจาม่านพลังโปร่งแสงกลับปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ปล่อยให้ดวงจิตและโลหิตของผู้ตายเข้ามาได้เลย


 


และทันใดนั้นเอง


 


เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพลันส่งตรงมาถึงหูต้วนหลิงเทียน


 


“ลือกันว่าหลังตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏขึ้นมาแล้ว…หากยับยั้งดวงจิตและโลหิตของยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดที่เป็นเครื่องสังเวยเอาไว้ก่อน รอให้พวกมันสะสมมากๆแล้วปล่อยให้ตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ดูดซับในคราวเดียว จะเพิ่มโอกาสให้ผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏมากยิ่งขึ้น…”


 


“อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ยังไม่มีผู้ใดออกมายืนยัน แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้ทดลองกระทำดูแล้วและพบว่ามันได้ผลจริงๆ ทว่าหากมันไม่ได้เผยแพร่ออกมาสู่สารธารณะ ก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าวิธีนี้ได้ผล”


 


“ในสายตาข้า หากไม่ใช่เจียงหลานมันรู้ดีว่าวิธีนี้ได้ผล มันก็แค่พยายามลองกระทำดูเท่านั้น เผื่อจะสามารถเพิ่มโอกาสเกิดผลของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ได้จริงๆ เพราะการทดลองกระทำดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร หากได้ก็ดีไป หากไม่ได้มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นอธิบายด้วยเสียงผ่านพลัง


 


ถึงแม้หลิงเจวี๋อวิ๋นจะสังเกตเห็นการลงมือของเจียงหลาน แต่มันก็ไม่แน่ใจว่าเจียงหลานมั่นใจในเรื่องนี้จริงๆหรือแค่ทดลองดูเท่านั้น จึงไม่อาจยืนยันให้ต้วนหลิงเทียนรู้ชัดได้


 


“แบบนี้นี่เอง”


 


ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเจียงหลานเช่นกัน ทำให้เขาสับสนงุนงงไม่น้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนเจียงหลานถึงกันไม่ให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับดวงจิตและโลหิตของผู้ตาย


 


พอมาได้ยินคำอธิบายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เขาก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที


 


ที่แท้เจียงหลานทำเพื่อไม่ให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับโลหิตและดวงจิตของผู้ตายทีละคนๆสืบไป แต่คิดสะสมไว้มากๆแล้วให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับทีเดียว!


 


“ตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เจ้าพูดถึง ก็คือไอที่โป่งๆอยู่บริเวณฐานรองดอกสีเลือด 9 กลีบ 2 ดอกนั่นน่ะเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปถามอีกรอบ


 


เขาเองก็สังเกตเห็นดอก 9 กลีบสีเลือดทั้ง 2 ดอกที่เบ่งบานอยู่บนต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์มาสักพักแล้ว และยังเห็นอีกด้วยว่าใต้ดอกมันบวมๆพองๆคล้ายมีวัตถุทรงกลมกำลังเติบโต แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร


 


“ไม่ผิด”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับมาเร็วไว “เมื่อตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นแล้วแบบนี้ ก็เป็นตัวบ่งชี้ว่าต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดำเนินการมาถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ผลเทพสวรรค์จะปรากฏ! ตัวอ่อนนั่นหากเติบโตสำเร็จก็จะกลายเป็นผลเทพสังเวยสวรรค์…หากไม่ก็ล้มเหลว!”



 

 

 


ตอนที่ 3098

 

“ตอนนี้เจียงหลานนั่น สมควรคิดสะสมดวงจิตและโลหิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เหลือทั้งหมด และปล่อยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับไปหล่อเลี้ยงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ในคราวเดียว เพื่อให้มันเติบโตกลายเป็นผลเทพสังเวยสวรรค์”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวสืบต่อ


 


ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ ลอบหันไปมองต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ทันที


 


จึงเห็นว่าม่านพลังที่กางกั้นรอบเกาะกลางน้ำนั่น ปิดกั้นดวงจิตและโลหิตของยอดเซียนอมตะที่ตายเอาไว้แข็งขัน ด้านต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ก็แผ่พลังดูดซับออกมาไม่หยุด หมายดูดกลืนสารอาหารให้จงได้! ด้วยกระบวนการดังกล่าวทำให้ดวงจิตและโลหิตของผู้ตายแนบติดไปกับม่านพลัง!!


 


เห็นได้ไม่ยากเลย ว่าหากม่านพลังโปร่งแสงนั่นหายไป ดวงจิตทั้งโลหิตต้องพุ่งละลิ่วเข้าหาต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แน่นอน


 


และตอนนี้ขอบม่านพลังดังกล่าว ก็มีดวงจิตและโลหิตของยอดเซียนอมตะไปแนบชิดอยู่ 3 คนแล้ว


 


ในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนคุยกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็มียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดตกตายไปอีก 2 คน โลหิตและดวงจิตของพวกมันที่ถูกพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ก็เลยไปแนบชิดกับม่านพลังดั่งที่เห็น


 


“หืม?”


 


ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ามียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งพุ่งเข่นฆ่ามาทางเขา! ในที่สุดก็มีคู่ต่อสู้คนใหม่มาเสียที หลังจากว่างอยู่นาน!


 


ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นหรือหลินเฟยหยาง ก็เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้คนใหม่ทั้งสิ้น


 


เป็นเจียงหลานตั้งใจทำแบบนี้


 


หลังตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏขึ้น เจียงหลันก็รีบร้อนอยากให้เซียนอมตะต้นกำเนิดขั้นสูงสุดตกตายเร็วไว เช่นนั้นจึงเร่งประสิทธิภาพค่ายกล ทำให้ต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางพบพานคู่ต่อสู้คนใหม่ทันที


 


ขณะเดียวกันเหล่ายอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดที่พึ่งเข่นฆ่าคู่ต่อสู้ได้ ก็ไม่ทันได้พักหายใจอะไร คู่ต่อสู้คนใหม่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว!


 


แต่เป็นธรรมดาว่าในขณะที่เร่งประสิทธิภาพค่ายกลให้จัดหาคู่ต่อสู้เร็วๆนั้น เจียงหลานก็ยังคอยควบคุมดูแลหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางเป็นพิเศษ ทั้งคู่ล้วนแล้วแต่พบเจอคู่มือที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการทั้งสิ้น ไม่พบเจอผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 เล็กน้อยเลย


 


เหตุที่ทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุผิดพลาดจนต้องเสียหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางไป


 


เดิมทีตอนที่มันไปชักชวนผู้คนมาเป็นเครื่องสังเวย มันก็คำนวณไว้แล้วว่าตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์สมควรปรากฏขึ้นในขณะที่เหลือยอดเซียนอมตะราวๆ 100 กว่าคน และมันคิดจะจัดการควบคุมค่ายกลช่วงสุดท้ายก่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏด้วยตัวเองเพื่อหาข้าทาส


 


อาศัยค่ายกลที่มันจัดตั้งไว้เมื่อชาติที่แล้ว เมื่อมันสอดมือเข้าแทรกแซงมันย่อมกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใดรอดชีวิต และตอนนี้มันก็เลือกหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง ส่วนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนอื่นๆก็ปล่อยให้ตกตาย ส่งดวงจิตและโลหิตไปกองรวมกันที่ขอบม่านพลัง รอเวลาปลดปล่อยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับในคราวเดียวเพื่อเพิ่มโอกาสเกิดผลเทพสังเวยสวรรค์


 


ซู่ม! ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!


 



 


คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนรอบนี้เป็นผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการ อีกทั้งยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมประการที่ 4 อีกเล็กน้อย ลักษณะเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียว


 


ชายวัยกลางคนดังกล่าวสีหน้าเย็นชาเหลือเกิน เห็นหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ทันไร ทั่วร่างก็ปะทุพลังเกรี้ยวกราด สร้างคมมีดวายุนับร้อยพัน ซัดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนดั่งห่าพิรุณกระหน่ำ!


 


“ตาย!!”


 


สองตาชายวัยกลางคนมองต้วนหลิงเทียนราวกับกำลังมองคนตาย หลังซัดห่าพลังคมมีดวายุไปแล้ว มันก็เสือกกระบี่ 3 ฉื่อในมือพุ่งร่างเข่นฆ่าสังหารเข้ามา หมายลงมือซ้ำให้ต้วนหลิงเทียนตกตายคาที่ ตัวกระบี่ของมันปรากฏพลังสีเขียวรุนแรงฉาบเคลือบ จากกลิ่นอายพลัง เห็นชัดว่ามันผสานความลึกซึ้งของกฏแห่งลมเอาไว้ 2 ประการ!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


เสียงคนกระบี่พุ่งทะลวงอากาศแหลมเสียดหูนัก!


 


ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!


 



 


นอกจากเสียงคนกระบี่แหวกอากาศแล้ว ยังมีเสียงคมมีดวายุนับร้อยพันที่เข่นฆ่านำมา บังเกิดเป็นท่วงทำนองสังหารอันน่าพรั่นพรึงประการหนึ่ง!


 


ผู้ที่เข้าใจกฏแห่งลมนั้น ล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญเรื่องการโจมตีและมีความเร็วในการลงมือสูง ผิดกับผู้เข้าใจกฏแห่งดินลิบลับ


 


หากเลือกได้ล่ะก็ ต้วนหลิงเทียนขอปะทะกับชายวัยกลางคนนี้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการถึงขั้นตอนนความสำเร็จเบื้องต้นกับอีกประการที่เข้าใจเล็กน้อย ดีกว่าต้องเจอกับคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินแค่ 3 ประการ แต่ดันเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงกับสั่นสะเทือน!


 


เพราะเขาชอบการลงมือเข่นฆ่ากันตรงๆแบบนี้มากกว่า…


 


สำหรับคนที่ใช้กฏแห่งดินนั่น การลงมือของมันเน้นหนักไปเรื่องการกักขังทั้งใช้พลังค่อยๆเคี่ยวกรำทำลายเขาจากทุกทิศทาง แม้จะไม่อาจทำอันตรายให้เขาได้มากนัก แต่มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดและรำคาญเป็นอย่างมาก!


 


แม้คู่ต่อสู้เบื้องหน้าจะแข็งแกร่งและทรงพลังกว่า แต่รูปแบบการโจมตีก็คือการเข่นฆ่ากันซึ่งๆหน้าไม่ซับซ้อนลีลาอันใด…


 


“มาได้ดี!”


 


เห็นอีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ป้อนกระบวนท่าสังหารโจนทะยานเข้ามาเข่นฆ่าตรงๆ ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมไว้แต่แรก ทั่วร่างปรากฏพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุลุกโชนขึ้น จากนั้นก็เริ่มผสานเข้ากับธาตุไฟจนคนคล้ายคนจมอยู่ในกองเพลิง!


 


ฟู่มมม!!


 


ต้นหลิงเทียนพุ่งร่างสวนเข้าหาชายวัยกลางคนปานลูกไฟ! ทุกที่ทางที่ผ่านห้วงอากาศปานจะถูกเผาไหม้ ส่งกลิ่นร้อนระอุ เงาเปลวเพลิงที่ทิ้งไว้ด้านหลังก็งดงามปานหางหงส์ไฟ!


 


ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง!


 



 


ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชนรอบกาย บังเกิดมวลพลังขุมหนึ่งพวยพุ่งออกมาส่งเสียงฮึงๆ


 


หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงไฟนั้น ในมือกลับถือไว้ด้วยแหวนวงหนึ่ง และแหวนวงนั้นยิ่งมาก็ยิ่งเปล่งกลิ่นอายพลังอันน่าครั่นคร้าม!


 


ยังพบว่าตัวแหวนลุกโชนไปด้วยเพลิงพลังสีแดงฟ้า และเพลิงพลังสีแดงฟ้าดังกล่าวอันเป็นต้นตอเสียงฮึงๆนั้น ก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่พลังเพลิงแดงฟ้าแลดูงดงามอย่างประหลาด!


 


เผชิญหน้ากับคมมีดวายุที่โถมเข้ามาดั่งห่าพิรุณ พร้อมด้วยกระบี่ที่เสือกทะลวงแทงเข้ามาฉับไวน่ากลัว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แลดูหวั่นเกรงอันใด


 


ในเมื่อเขาฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการได้อย่างง่ายดาย ไหนเลยยังต้องกลัวผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการด้วย?


 


ถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนนี้จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และเข้าใจประการที่ 4 บ้างแล้ว แต่นั่นก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น


 


ในแง่พลังความแข็งแกร่ง หากมันไปเจอกับผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 3 ประการมันคงเข่นฆ่าได้ไม่ยาก


 


แต่คิดจะฆ่าเขา อาศัยพลังเท่านี้ยังไม่พอ!


 


ดังนั้นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจแม้แต่น้อย


 


กระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงที่เขาปลดปล่อยออกไป ไม่เพียงทะลวงฝ่าห่าคมมีดวายุได้อย่างง่ายดาย กระทั่งยังพุ่งเข่นฆ่าสังหารไปสืบต่อด้วยสภาวะพลังไม่ถดถอย!


 


และกระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงอันเกิดจากการควบรวมพลังสองขั้วที่แตกต่างนั้น ก็ทำลายกระบวนท่าเสือกแทงของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย! แรกก็ทำลายพลังที่ฉาบเคลือบกระบี่ 3 ฉื่อของอีกฝ่ายก่อน จากนั้นเมื่ออีกฝ่ายถูกพลังสะท้อนจนผงะถอย กระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงก็พุ่งทะลวงลำคอ จบชีวิตอีกฝ่ายไปได้อย่างเรื่องราว


 


“เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ไม่มีผิด…ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 2 ประการ แต่ด้วยอุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้นที่รวมผสานกัน ทำให้กระทั่งหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางก็มิใช่คู่มือของมัน!”


 


ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เจียงหลานที่เห็นต้วนหลิงเทียนฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น 3 ประการ กับประการที่ 4 อีกเล็กน้อยก็ไม่ได้แปลกใจอะไร


 


ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พึ่งตกตายคามือต้วนหลิงเทียนไป หากเทียบกับหินเฟยหยางแล้ว ไม่ได้อ่อนแอกว่ากันแม้แต่น้อย แต่หากเทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็อ่อนด้อยกว่าอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตามหากเป็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ต้องเจอกับชายวัยกลางคนเมื่อครู่ แม้จะเอาชนะได้ แต่น่ากลัวต้องต่อสู้กันนานสองวันสามคืน…ไม่มีทางที่จะฆ่าอีกฝ่ายได้ง่ายดายเหมือนที่ต้วนหลิงเทียนกระทำ!


 


จากนั้นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางก็ฆ่ายอดเซียนอมตะคนใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ยากเย็น


 


อย่างไรก็ตามทั้งคู่พึ่งฆ่าคนได้ไม่ทันไร ศัตรูคนใหม่ก็ปรากฏตัวออกมาทันที ไม่มีเวลาให้พักหายใจแม้แต่น้อย


 


เนื่องจากตอนนี้เจียงหลานร้อนใจอยากสะสมดวงจิตและเลือดเนื้อของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เหลือให้ได้เร็วๆ มันจะได้รีบปล่อยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับ จากนั้นก็ลุ้นว่าผลเทพสังเวยสวรรค์จะปรากฏขึ้นหรือไม่!


 


ด้านต้วนหลิงเทียนก็พบเจอคู่ต่อสู้คนใหม่เร็วไว


 


แน่นอนว่าเขาก็สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ในเวลาอันสั้น และก็พบเจอคนใหม่อีกครั้ง…


 


ผ่านไปไม่ทันไร ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด 300 คนในโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลก็ลดลงจนเหลือไม่ถึง 100 คน!


 


ซู่มมม!!


 


แหวน 9 วิญญาณหยินหยางของต้วนหลิงเทียนสำแดงพลัง ควบสร้างกระบี่เพลิงพลังฟ้าแดงฉับไว จากนั้นกระบี่พลังเพลิงฟ้าก็พุ่งไปเข่นฆ่าสังหารยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทอง 3 ประการได้ในกระบี่เดียว…


 


“หืม?”


 


อย่างไรก็ตามหลังจากเขาฆ่ายอดเซียนอมตะคนดังกล่าวได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนพบว่าดวงจิตกับโลหิตของมันที่พุ่งไปแนบติดกับม่านพลังโปร่งแสงเพราะถูกพลังดูดรั้งของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้น…กลับทำให้ม่านพลังเริ่มสั่นสะเทือนและบังเกิดระลอกคลื่น ณ จุดที่แนบติดเป็นวงกำจาออกไปไม่หยุด!


 


ดูเหมือนว่าม่านพลังดังกล่าว จะไม่อาจต้านทานพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ได้อีกนานนัก…


 


พริบตาต่อมาเมื่อมีโลหิตและดวงจิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พึ่งตกตายพุ่งมาแนบม่านพลังสืบต่อ ม่านพลังก็เริ่มสั่นไหวกระเพื่อมไปอย่างรุนแรง ประหนึ่งจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ!


 


“เฮ่ ดูเหมือนม่านพลังนั่นจะปิดกั้นดวงจิตกับเลือดของคนที่ตายได้อีกไม่นานแล้ว…หรือพูดอีกอย่าง ม่านพลังของมันท่าทางจะต้านทานพลังดูดรั้งของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไม่ไหว!”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปบอกหลิงเจวี๋ยอวิ๋นในสิ่งที่เขาค้นพบทันที


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพอได้ฟังก็ลอบสังเกตเรื่องราวอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยส่งเสียงตอบกลับผ่านพลังอย่างเห็นด้วย “จริงด้วย…ท่าทางมันคงทนได้อีกไม่นาน”


 


“และดูท่า…หากมีดวงจิตกับโลหิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีกไม่กี่สิบคน ม่านพลังโปร่งแสงนี่สมควรพังทลายลงเพราะทนพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไม่ไหว”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวถึงจุดนี้สองตาก็ลุกวาวทอแสงจ้า “ถึงตอนนั้น ก่อนที่ผลเทพสังเวยสวรรค์จะปรากฏ เจียงหลานน่าจะลงมือเข่นฆ่าคนที่เหลือด้วยตัวเอง…เพราะมันเองก็คงกลัวมีใครช่วงชิงผลเทพสังเวยสวรรค์ของมัน”


 


“ตอนนี้พวกเราเฝ้าจับตาดูม่านพลังนั่นให้ดี…หากมันพังลงเมื่อไหร่ พวกเราต้องระวังให้มาก”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวจบ ก็ไม่ลืมเตือนต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


“เข้าใจแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าส่งเสียผ่านพลังตอบกลับ


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นลอบหารือกัน เจียงหลานเองก็ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเช่นกัน “ดูเหมือนข้ายังประเมินพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ต่ำเกินไป…มันช่างกระหายโลหิตและดวงจิตนัก”


 


“เมื่อม่านพลังนี่พังทลาย ดวงจิตกับโลหิตที่สะสมไว้ไม่พ้นต้องกรูกันเข้าไปยังตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ทันทีแน่…ถึงตอนนั้นเกรงว่ายังจะเหลือคนที่รอดตายอยู่อีกไม่น้อย”


 


คิดถึงจุดนี้เจียงหลานก็กวาดตามองไปยังต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆที่ยังรอดชีวิต ด้วยจิตสังหารอันน่าเกรงขาม!



 

 

 


ตอนที่ 3099

 

ตอนนี้เจียงหลานแทบรอฆ่าคนเบื้องหน้าให้หมดไม่ไหวแล้ว…


 


อย่างไรก็ตามมันไม่อาจกระทำแบบนั้นได้


 


เนื่องเพราะผู้คนเบื้องหน้าล้วนตกอยู่ในค่ายกลมายาหลอนประสาทของมัน หากมันลงมือล่ะก็ ย่อมส่งผลกระทบต่อค่ายกลมายาหลอนประสาทแน่นอน ทำให้ผู้คนเหล่านี้หลุดพ้นจากค่ายกลของมันทันที!


 


ถึงตอนนั้นต่อให้พลังฝีมือมันจะกล้าแข็งเหนือผู้ใด แต่สองหมัดหรือจะต้านทานสี่ฝ่ามือ มิพ้นถูกกลุ้มรุมจนพลาดท่าเสียทีแน่


 


นั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็น


 


“อย่างไรก็ตามหากม่านพลังป้องกันต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พังทลายลง ค่ายกลมายาหลอนประสาทก็มิวายได้รับผลกระทบเช่นกัน ถึงตอนนั้นผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ก็จะหลุดพ้นอำนาจค่ายยกลมายาหลอนประสาททันที”


 


“แต่พอถึงตอนนั้น มิน่าจะมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่มากนัก…เมื่อข้าลงมือ ย่อมฆ่าพวกมันได้ไม่มีปัญหา!”


 


“อาศัยพลังฝีมือของข้าพร้อมด้วยศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ จะยากอะไรหากคิดเข่นฆ่าเด็กน้อยขอบเขตยอดเซียนอมตะไม่กี่คน ยังเข่นฆ่าพวกมันได้ทันก่อนที่ดวงจิตและเลือดเนื้อจะถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับไปสร้างผลเทพสังเวยสวรรค์ถมเถ!”


 


ไม่ทันไรเจียงหลานก็วาดแผนการในหัวเสร็จสรรพ


 


เพียงรอให้ม่านพลังที่ปกป้องต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พังทลายลงเมื่อไหร่ มันจะลงมือเข่นฆ่าคนที่รอดชีวิตด้วยตัวเองทันที!


 


“ถึงตอนนั้นข้าจะไว้ชีวิตก็แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง…หากพวกมันคนใดยอมสวามิภักดิ ให้ข้าปลูกฝังตราทาส ข้ายังจักมอบผลเทพสังเวยสวรรค์ให้มันทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทันที!”


 


ไม่ทราบตั้งแต่ตอนไหน แต่สาตายของเจียงหลานก็ไปหยุดมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางอีกครั้ง


 


หากเป็นไปได้ มันก็อยากให้ 1 ใน 2 คนนี้ยอมสวามิภักดิ์เป็นข้ารับใช้ของมัน


 


แน่นอนว่าหากทั้งทั้งคู่เลือกจะสวามิภักดิ์มัน มันก็จะยอมรับไว้ไม่ขัดข้อง หากแต่จะมอบผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เหลืออีกผลให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋น


 


ถึงหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางล้วนแล้วแต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนเหมือนกัน


 


อย่างไรก็ตาม กฏที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเลือกทำความเข้าใจก็คือ ‘กฏแห่งความตาย’ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด! นั่นไม่ใช่อะไรที่กฏแห่งน้ำจะเทียบได้เลย!!


 


ในแง่ของศักยภาพแล้ว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นย่อมเหนือกว่าหลินเฟยหยางมาก!


 



 


ภายในโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายก็ยังคงเข่นฆ่ากันสืบต่อ…


 


เสียงร่ำร้องด้วยความไม่ยินยอมดังขึ้นเป็นครั้งคราว และทุกคราก็จะมีหนึ่งชีวิตที่ร่วงหล่น แถมผู้ที่ร่วงหล่นเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น


 


เพราะพวกมันไม่ว่าคนไหน ก็เป็นชนชั้นอัจฉริยะที่มีขุมกำลังระดับ 7 อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น…


 


คราวนี้เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เจียงหลานไปล่อลวงมา ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 7 ทั้งสิ้น ไม่มีคนจากขุมกำลังระดับ 6 หรือสูงกว่านั้นเลย


 


ทั้งหมดเพื่อให้ตัวมันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หมดจด ไม่เสี่ยงให้ผู้ใดมาทำลายแผนการที่มันเตรียมการไว้ตั้งแต่ชาติก่อนได้


 


เจียงหลานนั้น ไม่กลัวแม้แต่น้อยหากยอดฝีมือจากขุมกำลังระดับ 7 เข้ามาแทรกแซง


 


แต่เมื่อมันพัวพันถึงคนของขุมกำลังระดับ 6 ล่ะก็ มีความเป็นไปได้ที่ตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะจะสอดมือเข้ามาแทรกแซง ถึงตอนนั้นค่ายกลที่มันตระเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว อาจรับมือตัวตนเหล่านั้นไม่ได้


 


เช่นนั้นเมื่อพิจารณาความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว เจียงหลานจึงเลือกแต่อัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 7 เท่านั้น


 


ในบรรดาขุมกำลังระดับ 7 อัจฉริยะที่สามารถบรรลุขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดและสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 200 ปี ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับสุดยอดอัจฉริยะที่จะปรากฏในรอบพันปีทั้งสิ้น…


 


อนิจจา ภายในถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลเหล่านี้ ชีวิตของสุดยอดอัจฉริยะเหล่านั้นช่างเปราะบางดั่งกระดาษแก้ว…ตายตกกันไปทีละคนๆ


 


“ดูเหมือนค่ายกลที่ป้องกันต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์จะคงสภาพอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว…”


 


หลังฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทิ้งไปอีกคน ต้วนหลิงเทียนที่เหลือบไปมองม่านพลังปิดกั้นโลหิตและดวงจิตของผู้ตายด้วยหางตา ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที


 


ตอนนี้ม่านพลังจากค่ายกลที่ปกคลุมเกาะกลางอันมีต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตั้งอยู่ มันกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับพร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเวลา…


 


และเมื่อม่านพลังดังกล่าวพังทลายลง โลหิตและดวงจิตของผู้ตายที่ถูกม่านพลังกั้นไว้จำนวนมหาศาล ก็สมควรถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับในคราเดียว และมันต้องนำไปบำรุงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ให้เติบโตกลายเป็นผลเทพสังเวยสววรรค์ทันทีแน่


 


เป็นธรรมดาว่ากระบวนการดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะทำให้ผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏได้แน่นอน ยังมีโอกาสล้มเหลวอีกด้วย!


 


และหากล้มเหลวล่ะก็ สิ่งที่จะตามมาก็คือตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์จะฝ่อ ก่อนที่จะสลายหายไปในอากาศ…และนั่นก็บ่งบอกว่าการสังเวยยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์ครั้งนี้ ล้มเหลวเสียแล้ว


 


“อืม จับตาดูให้ดี ข้าว่าหากมียอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดตกตายอีกสัก 5-6 คน ม่านพลังป้องกันดวงจิตกับโลหิตผู้ตายนั่น คงไม่อาจทนพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ได้อีกต่อไป”


 


หลังจากลอบมองสถานการณ์เรื่องราว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่งเสียงผ่านพลังถึงต้วนหลิงเทียน


 


“ตายอีก 5-6 คนงั้นหรือ…”


 


พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็กวาดตามองเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ยังมีลมหายใจในโถงถ้ำอันสุดไพศาลทันที จากนั้นเขาก็พบว่าเหลือผู้ที่รอดชีวิตอยู่ด้วยกันแค่ 12 คนเท่านั้น ซึ่งจำนวนนี้ก็นับรวมเขา หลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางแล้ว


 


กล่าวได้ว่า จะมีผู้รอดชีวิตอยู่แค่ราวๆ 6-7 คนเท่านั้น หลังจากที่ม่านพลังรอบต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์พังทลายลง


 


“เจ้าทันได้สังเกตหรือไม่..ว่าคู่ต่อสู้ที่เจ้าพบเจอหลังๆมานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการ ทั้งเริ่มเข้าใจประการที่ 4 ได้เล็กน้อยทั้งสิ้น?”


 


เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “แต่ทางด้านข้ากับหลินเฟยหยางผู้นั้น พวกเราไม่ได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่เริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนแม้แต่คนเดียว…”


 


“หืม เช่นนั้นหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เลย เพราะสำหรับเขาแล้วมันไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมาย แค่หนึ่งกระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงที่สร้างขึ้นจากพลังของแหวน 9 วิญญาณหยินหยางก็สังหารพวกมันได้ง่ายๆ…


 


“ข้าสงสัยว่าเจ้านั่นมันคิดไว้ชีวิตข้ากับหลินเฟยหยางเอาไว้…เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าหากผลเทพสังเวสวรรค์ปรากฏขึ้นมาสำเร็จ ก็จะมี 2 ผล และตัวมันก็ต้องการใช้แค่ผลเดียวเท่านั้น…”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวสืบต่อ “หากข้าเป็นมัน และเห็นคนสองคนที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการแถมยังเข้าใจประการที่ 4 ได้อีกบางส่วน ข้าย่อมบังเกิดจิตคิดถนอมอัจฉริยะขึ้นมาแน่นอน กระทั่งอาจจะรับตัวมาอยู่ใต้อาณัติ…”


 


ได้ยินคำพูดผ่านพลังดังกล่าวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะสื่ออะไร “เจ้าคิดว่า มันตั้งใจเหลือเจ้ากับหลินเฟยหยางเอาไว้  เพียงเพราะพวกเจ้าเข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการกับประการที่ 4 เล็กน้อยงั้นเหรอ?”


 


“และจุดประสงค์ที่มันทำแบบนี้ ก็เพื่อสยบปราบเจ้า ให้เจ้าเป็นข้าทาสบริวารของมัน?”


 


ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้วเบาๆ เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงจริงๆ หากมีแค่คนเดียวก็อาจถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้…แต่พอมาเกิดขึ้นกับ 2 คนที่มีลักษณะคล้ายๆกัน เรื่องบังเอิญพรรค์นี้ไหนเลยจะมีในโลก!


 


เขาเองเดิมทีก็พบเจอกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการอยู่บ้าง แต่หลังๆมานี้กลับพบเจอแต่คู่ต่อสู้ที่เริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนแล้วอย่างเดียว ที่สำคัญยังพบเจอกันติดๆนับสิบคน!


 


ฟุ่บ!


 


ต้วนหลิงเทียนพึ่งส่งเสียงผ่านพลังคุยกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจบไม่ทันไร ร่างหนึ่งก็พุ่งมาปรากฏตัวเบื้องหน้าเขา และเป็น 1 ในยอดเซียนอมตะสิบกว่าคนที่ยังรอดชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้


 


เป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมสีเหลือง และต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นมันนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว จึงรู้ดีว่ากฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญก็คือกฏสายฟ้า และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งสาฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการแล้ว…


 


ที่สำคัญเลยก็คือ เขายังพบว่าอีกฝ่ายได้เริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ของกฏสายฟ้าได้บางส่วนแล้วด้วย…


 


‘ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วจริงๆ…’


 


เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มชุดเหลืองถูกจัดให้มาเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้เต็มสิบส่วน ว่าที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคาดเดานั้นไม่มีผิดเพี้ยน…


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอผู้ที่มีพลังฝีมือระดับเดียวกับชายหนุ่มชุดเหลืองมานับ 10 แล้ว เช่นนั้นการจะส่งมันไปตามทางเหมือนคนก่อนๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด


 


เนื่องจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจงใจปกปิดพลังเอาไว้ไม่คิดเปิดเผยไพ่ตายใดๆออกมาแม้แต่ใบเดียว เช่นนั้นคนที่เข่นฆ่าได้รวดเร็วที่สุดในโถงถ้ำก็คือต้วนหลิงเทียน!


 


และทุกชีวิตที่สิ้นสุดลงในน้ำมือเขา ก็ไม่ได้ทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังอะไรไปมากมาย…


 


และหลังจากต้วนหลิงเทียนฆ่ายอดเซียนอมตะชุดเหลือง เขาก็ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้อีกต่อไป เพราะอีก 10 คนที่เหลือบัดนี้ได้จับคู่เข่นฆ่ากันอยู่


 


ต้วนหลิงเทียนก็ทำทีเป็นหันมองไปรอบๆอย่างเหรอหรา ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงผ่านพลังหารือกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่กำลังประมือกับคู่ต่อสู้อยู่…


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…”


 


เจียงหลานที่ลอยร่างกลางอากาศเหนือม่านพลังโปร่งแสงที่ปกคลุมต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น


 


“ความแข็งแกร่งของมันนับว่าเหนือล้ำสุดที่ผู้ใดในโถงถ้ำแห่งนี้จะต้านทานรับมือได้ไหว…หลังจากที่ทั้ง 10 คนนั่นเข่นฆ่ากันจนรู้ผลแล้ว ข้าจะลงมือฆ่าทุกคนยกเว้นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางก่อน และค่อยเข่นฆ่ามันเป็นคนสุดท้าย เพื่อให้มันได้เห็นซึ้งถึงความแตกต่าง และลิ้มรสชาติของความสิ้นหวังจับใจ!”


 


เจียงหลานไม่ได้แยแสความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน หากแต่ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนกลับทำให้มันไม่สบอารมณ์!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงต้องการให้ต้วนหลิงเทียนได้เป็นประจักษ์พยานยามมันเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นเสียก่อน ค่อยลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนยามที่บังเกิดความสิ้นหวังถึงขีดสุด!


 


“ไม่มมม!!”


 


ศัตรูที่ปะทะกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกรีดร้องออกมาด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจก่อนจะตกตายคามือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น สองตาของมันยังเบิกโพลงจับจ้องมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยความท้อแท้ทั้งไม่ยินยอมถึงขีดสุด


 


ไม่นานหลังจากที่คู่ต่อสู้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นตกตาย คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มชุดเขียวไกลๆก็ตายตกลง จากนั้นคู่ค่อสู้ของหลินเฟยหยางก็ตกตาเป็นลำดับถัดมา…


 


ชายหนุ่มชุดเขียวที่ยังรอดอยู่คนนี้ ก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ และยังเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ของกฏแห่งลมได้อีกเล็กน้อย พลังความแข็งแกร่งของมันนับว่าเทียบได้กับหลินเฟยหยางและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเลยทีเดียว


 


อย่างไรก็ตามในแง่ของอายุแล้ว มันแก่กว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางมาก


 


เปรี๊ยะ!!


 


ครืนนนน! ครืนนนนน!!!


 



ทันใดนั้นเองเมื่อโลหิตลและดวงจิตของผู้ที่พึ่งตายตก ถูกพลังดูดซับของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดึงดูดไปรวมกับดวงจิตและโลหิตที่มีอยู่ก่อน ก็ทำให้ม่านพลังโปร่งแสงเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง!!


 


กระทั่งบางจุดของม่านพลังโปร่งแสงยังเริ่มปรากฏรอยร้าวขึ้นมาให้เห็น!


 


‘ตราบใดที่อีก 4 คู่ที่เหลือเข่นฆ่ากันจบ…ม่านพลังนั่น เกรงว่าคงไม่อาจต้านไหวสืบไป…’


 


สายตาต้วนหลิงเทียนละออกมาจากม่านพลังโปร่งแสงที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงและปรากฏรอยร้าวหลายจุด ไปหยุดลงยังยอดเซียนยอมตะอีก 4 คนที่กำลังจับคู่เข่นฆ่ากันอยู่…


 


ในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 4 มี 2 คนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ และเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วน


 


ส่วนคู่ต่อสู้ของพวกมันแต่ละคน ล้วนแล้วแต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏเพียง 3 ประการทั้งสิ้น ยังไม่ริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏประการที่ 4 แต่อย่างไร


 


“หืม?”


 


ในขณะที่ 4 คนกำลังจะตัดสินความเป็นตายกันนั้นเอง เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดเขียวขึ้นมา และมันก็คือชายหนุ่มชุดเขียวที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น 3 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมประการที่ 4 ได้บางส่วน…


 


อย่าไรก็ตาม แม้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้จะไม่ใช่ชั่ว แต่คนที่มีพลังฝีมือระดับมัน ก็ได้ตกตาคามือต้วนหลิงเทียนไปไม่น้อยกว่าสิบคน…


 


เช่นนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ ต้วนหลิงเทียนก็ส่งอีกฝ่ายไปตามทางในกระบวนท่าเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย…


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าชายหนุ่มชุดเขียวตายตก อีก 4 คนที่ประมือกันอยู่ก็ตัดสินผลได้พอดี


 


ดวงจิตและโลหิต 2 ด้านนั้นก็พุ่งไปยังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ทันที


 


ครู่ต่อมา


 


เปรี๊ยงงงงง!!


 


ม่านพลังที่กางคลุมต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ หลังถูกดวงจิตและโลหิต 2 ชุดดังกล่าวมาหนุนเสริมกับของเดิมที่มีอยู่ ในที่สุดก็ไม่อาจต้านทานได้ไหวสืบไป! แหลกลงเป็นเสี่ยงในบัดดล!!



 

 

 


ตอนที่ 3100

 

ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!


 



 


ดวงจิตและโลหิตของผู้ตายที่ออกันอยู่ที่ขอบม่านพลัง เมื่อไร้ม่านพลังขวางกันแล้ว พวกมันก็พุ่งทะยานไปดั่งทัพม้าห้อตะบึง หลั่งไหลเข้าสู่ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เร็วรี่!


 


บัดนี้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ประหนึ่งวาฬตัวเขื่องโหยหิว ดูดซับดวงจิตและโลหิตของผู้ตายลงท้องอย่างตะกละตะกลาม


 


และเหล่าดวงจิตกับโลหิตผู้ตายที่ถูกดูดซับนั้น พวกมันก็ถูกนำไปหล่อเลี้ยงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ที่ฐานรองดอกทั้ง 2 ทันที


 


หลังได้รับดวงจิตกับโลหิตมหาศาล ตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์ก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทันใด


 


แสงสีแดงปานโลหิตสาดส่องออกมาจากต้นอ่อนผลเทพสวรรค์เจิดจ้า กลิ่นอายพลังมหาศาลชวนสยองขุมหนึ่งเริ่มกำจายออกมากดดันในบรรยากาศ!


 


จากนั้นตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ก็เริ่มหดขยายประหนึ่งหัวใจเต้น ราวกับมันกำลังจะมีชีวิตขึ้นมา!


 


และนี่คือสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่า….ถึงขั้นตอนสุดที่ท้ายตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์กำลังจะเติบโตแล้ว!


 


ส่วนมันจะเติบโตเป็นผลเทพสังเวสวรรค์ได้สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องรอดูชม!!


 


“หึ!”


 


หลั่งแค่นลมสบทเยียบเย็นคราหนึ่ง เจียงหลานก็เริ่มขยับ 2 มือแปลงเป็นสัญลักษณ์ต่างๆฉับไว เพื่อควบคุมปิดค่ายกลมายาหลอนประสาทในห้องโถงก่อนที่ค่ายกลจะเสียหาย


 


ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หรือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ยังรอดชีวิตอยู่ ทั้งหมดก็รู้สึกเสมือนเบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างวูบวาบ และพริบตาต่อมาฉากโถงถ้ำขนาดพอประมาณในสายตายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด 3 คนก็สลายหายไป กลับกลายเป็นโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลแทน


 


จากนั้นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 3 ที่ยังรอดชีวิตอยู่ไม่เพียงแต่จะเห็นหน้าค่าตากันและกัน ทั้ง 3 ยังสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และเจียงหลานอีกด้วย!


 


จังหวะนี้สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็หันไปมองจ้องเจียงหลานด้วยสายยตาระแวดระวัง ทำราวกับอีกฝ่ายคือศัตรูตัวฉกาจ!


 


“ท่ามกลางยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะนับหมื่น แต่ยังสามารถเหลือรอดชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้…ข้าต้องขอกล่าวชมจากใจเลยว่า พวกเจ้าทั้ง 5 คนร้ายกาจมาก…”


 


เจียงหลานเหลือบมองต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆทั้ง 5 คนด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ


 


“หืม?”


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเจียงหลานได้ยกเลิกค่ายกลมายาหลอนประสาทไปแล้ว


 


สิ่งนี้สังเกตได้จากปฏิกริยาของหลินเฟยหยางและอีก 2 คนที่เหลือ


 


“เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอันใด?”


 


อีก 2 คนที่ยังรอดชีวิตอยู่นั้น หนึ่งมีลักษณะเป็นชายหนุ่ม ส่วนอีกหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน และเป็นชายวัยกลางคนที่ชักหน้าเคร่ง มองถามเจียงหลานด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ หลังได้ยินคำพูดของเจียงหลาน


 


ถึงแม้มันจะเป็นชนชั้นสุดยอดอัจฉริยะของขุมกำลังตัวเอง และสามารถบรรลุความสำเร็จได้ด้วยวัยไม่ถึง 200 ปี


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับความสามารถอันร้ายกาจของเจียงหลาน มันย่อมสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้ ทั้งรู้สึกเสมือนตัวเองนั้นไร้ราคาอันใด


 


เจียงหลานอายุไม่ถึงร้อยปี แต่ไม่เพียงจะบรรลุขอบเขตพลังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด อีกฝ่ายยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำถึง 4 ประการแล้ว…


 


ทว่าตัวมันนั้นอายุก็ปาไปเกือบ 200 ปี ทว่ายังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ ส่วนประการที่ 4 ยังพึ่งจะริเริ่มเข้าใจได้บางส่วนเท่านั้น…


 


ไม่ว่าจะในแง่พรสวรรค์หรือเชาว์ปัญญา มันไม่อาจเทียบชั้นกับเจียงหลานได้เลย


 


ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!


 


ได้ยินคำถามของชายวัยกลางคน สาตาต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลินเฟยหยางและชายหนุ่มอีกคน ก็หันขวับไปจับจ้องเจียงหลานอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมา


 


สายตาของหลินเฟยหยางกับชายหนุ่มนั้น ฉายถึงความกังวลและเต็มไปด้วยความสงสัย


 


หากแต่สายตาของต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังคงสงบเฉยเมยไม่ทุกข์ร้อนอันใด ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เจียงหลานเอะใจสงสัยแต่อย่างใด และเข้าใจว่าทั้งคู่กำลังเสแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ อันที่จริงไม่พ้นต้องหวั่นหวาดเหมือนคนอื่นๆ


 


“หมายความว่าอันใดน่ะหรือ?”


 


ได้ยินคำถามของชายวัยกลางคน เจียงหลานก็คลี่ยิ้มบางๆ “ก็ตอนนี้ในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นคน คงเหลือแต่พวกเจ้าทั้ง 5 ที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไรเล่า…ส่วนผู้อื่นนั้นตกตายไปหมดสิ้น ยังไม่เหลือแม้แต่ศพให้กลบฝัง!!”


 


ขณะเจียงหลานเอ่ยถึงความตายของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นชีวิต รอยยิ้มบางๆก็ยังคงคลี่กางบนใบหน้ามันห่างหาย ราวกับพึ่งพูดถึงเรื่องไม่สลักสำคัญ


 


“ตาย…ตายหมดแล้ว?”


 


“ตกตาย…ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ!?”


 



 


หลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คน พอได้ยินคำยืนยันของเจียงหลาน สีหน้าพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง จากนั้นก็เริ่มหันรีหันขวางไปรอบๆ หมายมองหาผู้รอดชีวิตคนที่ 6


 


อนิจจาไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน ก็ไร้แม้แต่เงาของผู้คน


 


“เจ้าบอกว่าพวกมันตายพวกมันก็ตายกันหมดงั้นหรือ? ต่อให้ตายจริงก็มิใช่ว่าต้องเหลือร่องรอยอันใดไว้หรือไร?”


 


หลินเฟยหยางสูดอากาศเข้าลึกๆ ค่อยมองจ้องเจียงหลานตาเขม็งเอ่ยถามเสียงเข้ม


 


“เมื่อครู่มิใช่ข้าบอกไปแล้วหรือ…พวกมันทั้งหมดตกตายโดยไม่เหลือศพให้กลบฝัง…เจ้ายังไม่เข้าใจหรือว่ามันหมายความว่าอันใด?”


 


เจียงหลานหันไปมองตอบหลินเฟยหยางเสียงเฉย มุมปากยังเริ่มฉีกยิ้มแสะชั่วร้าย


 


ตายไม่เหลือซาก!


 


พอสิ้นคำของเจียงหลาน ใจหลินเฟยหยางก็สะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ หากแต่สีหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “เจ้าบอกว่าทุกคนตาโดยไร้ศพให้กลบฝัง หรือเจ้าจะบอกว่าตัวเจ้าสามารถกำจัดทุกคนได้โดยไม่เหลือแม้แต่ศพ?”


 


“จริงอยู่ว่าพลังฝีมือของเจ้าร้ายกาจ…แต่เรื่องที่จะสังหารทุกคนได้หมดจดเช่นนี้ นั่นเป็นไปมิได้!”


 


หลินเฟยหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


 


“ข้าไปบอกเจ้าตอนไหนว่าข้าเป็นคนฆ่าพวกมัน?”


 


เจียงหลานคลี่ยิ้มสนุกสนาน “หากข้าจำไม่ผิดเจ้าเรียกว่าหลินเฟยหยางใช่หรือไม่? เจ้ายังจดจำผู้คนที่เจ้าฆ่าในถ้ำมายาได้หรือไม่เล่า?”


 


“หืม?”


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของเจียงหลาน สีหน้าหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนก็เปลี่ยนไปทันที ในใจยังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่ง


 


เจียงหลานมองหลินเฟยหยางด้วยสายตาแฝงความนัย “หากข้าบอกเจ้าว่า คนที่เจ้าเข่นฆ่าไปทั้งหมด ก็คือบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นนั่นเล่า…เจ้ายังจะเชื่อข้าหรือไม่?”


 


“ไม่จริง! เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้!!”


 


สีหน้าหลินเฟยหยางซีดลงปานกระดาษ “แม้ข้าจะไม่รู้จักพวกมัน แต่ข้าก็จำใบหน้าผู้คนได้เกือบทั้งหมด…ในบรรดาคนที่ข้าฆ่าไป ไม่มีพวกมันอยู่แน่!”


 


ถึงแม้ครั้งนี้เจียงหลานจะหลอกยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นคนให้มารวมตัวกัน แต่ด้วยความทรงจำของตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสุด เพียงมองผ่านรอบเดียวก็สามารถจดจำใบหน้าผู้คนได้ ถึงจะไม่รู้จักกัน แต่ถ้าพบหน้ากันอีกครั้งต้องจดจำได้ทันทีว่าเคยผ่านตามาก่อน


 


“หึ! ถ้ำที่เจ้าสู้อยู่เมื่อครู่ล้วนเกิดจากค่ายยกลมายาหลอนประสาท แล้วเจ้าคิดว่ากับอีแค่เปลี่ยนแปลงใบหน้าผู้คนจะทำไม่ได้?”


 


รอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากของเจียงหลาน ยิ่งมายิ่งฉีกกว้างขึ้น


 


“และไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น…แม้แต่ 4 คนที่เหลือนั่นก็เข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ข้าชักชวนมาไม่น้อย…”


 


เจียงหลานกล่าวถึงตรงนี้ก็ละสายตาออกจากหลินเฟยหยาง แล้วเบนไปตกยัง 4 คนที่เหลือ ก่อนที่จะหยุดมองต้วนหลิงเทียนเป็นพิเศษ “โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…จำนวนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ตกตายด้วยน้ำมือของมัน ยังไม่น้อยกว่าจำนวนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พวกเจ้าทั้ง 4 เข่นฆ่ารวมกันด้วยซ้ำ!”


 


หลังเจียงหลานเอ่ยจบคำ ทุกสายตาก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนทันที


 


กระทั่งหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังต้วนหลิงเทียนเหมือน 3 คนที่เหลือ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมจะส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน “จังหวะนี้สำคัญนัก…เจ้าอย่าได้เผยพิรุธอันใดเชียว”


 


“และตราบใดที่มันคิดลงมือกับพวกเราคนใดคนหนึ่ง คนนั้นจักต้านทานรับมือมันสุดกำลัง ส่วนอีกคนให้หาโอกาสลอบโจมตีมันด้วยพลังทั้งหมด…หากทำได้พยายามฆ่ามันให้เร็วที่สุดโดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว เพื่อตัดปัญหาในภายหลัง”


 


“สำหรับคนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดเช่นมัน หากจะลงมือ ก็ต้องกระทำให้มั่นใจว่าฆ่ามันให้ตายได้แน่ๆ…หาไม่แล้วหากมันไม่ตาย คนที่จะตายคือพวกเรา!”


 


ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังถึงขีดสุด


 


“ข้าหลงคิดว่าคนที่ข้าฆ่าไปทั้งหมดก่อนหน้า คือร่างมายาที่เกิดจากพลังของค่ายกลเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ถูกเจ้าหลอกมา! ที่แท้เจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่?!”


 


ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ตัว ต้วนหลิงเทียนก็ชักสีหน้าเคร่งขรึม มองจ้องเจียงหลานทั้งเอ่ยถามออกไปเสียงหนัก


 


“ต้วนหลิงเทียน…”


 


เจียงหลานมองต้วนหลิงเทียน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจักถือครองอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน 2 ชิ้น…อีกทั้งพวกมันยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ ที่สามารถหลอมรวมกันได้! หลังหลอมรวมแล้วพลังอำนาจของมันแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิเลยทีเดียว”


 


“ดูเหมือนเจ้าไม่เพียแต่จะเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์และสติปัญญาไม่ใช่ชั่วเท่านั้น…แต่เจ้ายังมีโชควาสนาสุดที่ผู้คนธรรมดาจะเทียบได้อีกด้วย”


 


วาจาดังกล่าวของเจียงหลาน นับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นจุดสนใจทันที


 


อุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้น?


 


ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่เจียงหลานพูด ดูเหมือนอุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้นที่ว่าจะเป็นประเภทคู่ที่สามารถผสานหลอมรวมกันได้? แถมพอรวมกันแล้วพลังแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ?!


 


หลินเฟยหยางและคนอื่นๆที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนแต่แรก พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของเจียงหลาน สองตาแต่ละคนก็ลุกวาวฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที มองไปประหนึ่งดาวดาวสุกสกาวกลางฟ้ายามคืนค่ำ


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ถึงกับมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันในครอบครอง 2 ชิ้นเชียวหรือ!?”


 


“ที่สำคัญอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั้ง 2 ชิ้นนั่นยังมิใช่ธรรมดา…ฟังจากที่เจียงหลานมันบอก อุปกรณ์อมตะจอมราชันทั้ง 2 ของมันเป็นประเภทคู่ที่สามารถหลอมรวมกันได้ ทั้งยังทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นไล่ๆอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ?!”


 



 


เป็นเพียงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่กลับมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทคู่ไว้ในครอบครอง สิ่งนี้ยากนักที่จะไม่กลายเป็นจุดสนใจ


 


“ต่อให้ข้าจะโชคดีแค่ไหน ก็คงไม่เท่าเจ้ากระมัง…ผู้อมตะกลับชาติมาเกิด เรื่องนี้กล่าวไปไม่ง่ายเลยที่จะทำได้สำเร็จ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”


 


ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน เจียงหลานก็เชิดหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก็เหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน “โชควาสนาของเจ้าไหนเลยจักสามารถเทียบกับข้าเจียงหลานผู้นี้ได้? หากเป็นข้าเมื่อชาติก่อน อาศัยแค่ลมหายใจของข้า ก็สามารถเป่าร่างเจ้าให้เป็นจุณได้ง่ายๆ!!”


 


“เจียงหลานผู้นี้…เป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดจริงๆหรือ!?”


 


นับเป็นครั้งแรกที่เจียงหลานเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมาต่อหน้าพวกมัน แม้หลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนจะมีคาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกตกใจ


 


“อาศัยแค่ลมหายใจของเจ้า ก็เป่าข้าให้เป็นจุณได้ง่ายๆ?”


 


คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้น “ชาติที่แล้วของเจ้า…หรือจะเป็นจอมราชันอมตะ?”


 


หลังต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเรื่องนี้ออกไป สายตาของหลินเฟยหยางและคนอื่นๆก็หันไปมองเจียงหลานอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดรอฟังว่าเจียงหลานจะตอบต้วนหลิงเทียนอย่างไร


 


“จอมราชันอมตะ?”


 


ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเจียงหลานก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ “จอมราชันอมตะอะไร? ชาติที่แล้วข้าคือจักรพรรดิอมตะ!!”


 


จักรพรรดิอมตะ!


 


ลูกตาหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนหดเล็กลงแทบปิด สีหน้าฉายชัดถึงความประหลาดใจเหลือเชื่อ!


 


ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกมันจะมีคาดเดาอย่างอุกอาจไปบ้างว่าเจียงหลานอาจจะเป็นจักรพรรดิอมตะ แต่พวกมันก็เร่งปัดความคิดดังกล่าวให้ตกไปทันที เพราะสำหรับพวกมันแล้วจักรพรรดิอมตะเป็นอะไรที่ไกลตัวเกินไป…


 


นั่นคือตัวตนที่เสมือนดำรงอยู่ก็แต่ในตำนานสำหรับพวกมัน!


 


มาตอนนี้พอพวกมันได้ยินเจียงหลานประกาศตัวว่า เป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด แต่ละคนจึงตกตะลึงถึงขั้นอธิบายไม่ถูก “เจียงหลานผู้นี้…เป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดจริงๆหรือ!?”


 


และพร้อมๆกับความตื่นตระหนกตกใจของพวกมัน ในใจพวกมันก็บังเกิดคำถามข้อหนึ่ง…


 


“แล้วจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดหลอกลวงพวกมันให้มาเข่นฆ่ากันเองทำไม? ที่แท้อีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)