War sovereign Soaring The Heavens 2973-2986

 WSSTH ตอนที่ 2,973 : งงกันเป็นแถบ


 


 


 


ตัวตนขอบเขตราชาอมตะทรงพลังเพียงใด?


 


ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาที่ใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองมา จนได้ครอบครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดในช่วงเวลาสั้นๆจะไม่ได้เข้าถึงพลังแห่งกฏอะไร แต่เขาเองก็ตระหนักถึงพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตราชาอมตะที่มหาศาลนั่นดี…


 


ทว่าตัวตนที่มีพลังระดับนั้น กลับยังถูกยันต์แผ่นหนึ่งฆ่าตายได้ง่ายๆ?


 


กล่าวได้ว่าชีวิตของเขาอาจถูกกำหนดด้วยยันต์เพียงชิ้นเดียวจากพวกนายน้อยบ้านรวยมากอำนาจ?


 


“จริงอยู่ที่จักรพรรดิอมตะสามารถจารึกสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่เข่นฆ่าตัวตนขอบเขตราชาอมตะได้ ทว่าก็ไม่ใช่จะสร้างได้ดั่งใจ มันต้องใช้อะไรหลายๆอย่างทั้งยังมีข้อจำกัดยิบย่อยมากมาย…อีกทั้งจักรพรรดิอมตะที่คิดจะสร้างยยันต์อมตะแห่งกฏเช่นนั้น ต้องทรงพลังมากพอสมควร”


 


ได้ยินเสียงกระซิบพึมพำด้วยความหวั่นกลัวของต้วนหลิงเทียน หวงเหยี่ยนเฟยก็กล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “จากที่ข้าได้ยินมา…จักรพรรดิอมตะที่สามารถจารึกสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่ฆ่าได้กระทั่งราชาอมตะนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม!”


 


จักรพรรดิอมตะสมญานาม!


 


ต้วนหลิงเทียนสูดอากาศเข้าลึกๆ ลูกตาหดเล็กลงเบาๆ


 


จักรพรรดิอมตะสมญานามนั่น คือจักรพรรดิอมตะที่ผ่านบททดสอบของวิหารเฟิงฮ่าว จนได้รับการยอมรับว่าเป็นจักรพรรดิอมตะที่ทรงพลังเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะทั่วๆไป


 


เรื่องนี้เขาเคยได้ยินมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนแล้ว


 


อย่างไรก็ตามแดนสวรรค์ใต้ที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดก็ยังเป็นแค่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้เท่านั้น


 


ถึงแม้ว่าจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ จะเป็น ‘จอมราชันอมตะสมญานาม’ แต่อย่างไรก็ตามจอมราชันอมตะสมญานามนั้นกล่าวได้ว่าเป็นแค่สุดยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะเท่านั้น


 


แม้แต่จักรพรรดิอมตะที่อ่อนแอที่สุด ยังทรงพลังเหนือกว่าจอมราชันอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด!


 


กล่าวได้ว่าในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ ไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ! แล้วยังจะนับประสาอะไรกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม!!


 


“นอกจากนั้นแม้จะเป็นนจักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ใช้ว่าจะสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่ทรงมากพอจะเข่นฆ่าราชาอมตะได้ทุกคน อย่างดีก็สามารถฆ่าได้แค่ราชาอมตะทั่วๆไปที่พลังฝีมือไม่ได้กล้าแข็งมากเท่าไหร่ในบรรดาตัววตนขอบเขตราชาอมตะเท่านั้น ราชาอมตะจำพวกนี้ก๊คือผู้ที่เข้าใจกฏไม่สูงพอ”


 


ได้ยินวาจาถัดมาของหวงเหยี่ยนเฟย ต้วนหลิงเทียนก็พอได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง


 


หากเป็นแบบนี้เขายังพอรับได้อยู่ หาไม่แล้วมันก็เกินจริงเกินไป…


 


เพราะสุดท้ายหากวันหนึ่งเขาเป็นราชาอมตะแล้ว แต่กลับต้องมาตายเพราะยันต์อมตะชิ้นหนึ่ง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!


 


“4,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


“4,500 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 



 


และในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนกับหวงเหยี่ยนเฟยคุยกัน ราคาของยันต์อมตะแห่งกฏ ‘ยันต์ศรอัสนีปะทุ’ ก็ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็แตะถึงราคา 4,800 ผลึกอมตะระดับสูง


 


“ยันต์ศรอัสนีปะทุนี่ ดูจากพลังทำลายของมันแล้ว สมควรถูกจอมราชันอมตะผู้หนึ่งสร้างขึ้น…ด้วยพลังอานุภาพของมัน กอปรกับการใช้ได้แค่ครั้งเดียว คงเป็นเรื่องยากที่ราคาประมูลจะเกิน 5,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


วินาทีถัดมา คล้ายจะเป็นการยืนยันคำพูดของหวงเหยี่ยนเฟยก็ไม่ปาน เพราะเมื่อราคาประมูลแตะถึง 5,000 ผลึกอมตะระดับสูงแล้ว ก็ไม่มีใครคิดจะประกวดราคาแข่งอีกเลย…


 


“ถึงแม้ว่ายันต์ศรอัสนีปะทุจะดี แต่เต็มที่ก็มีไว้ให้ลูกหลานพกติดตัวเอาไว้ใช้เท่านั้น…ทั้งมันก็ใช้ได้ครั้งเดียว ในดินแดนพันประเทศ ยันต์อมตะแห่งกฏระดับนี้ สามารถขายออกได้ในราคา 5,000 ผลึกอมตะระดับสูงก็นับว่ามากแล้ว”


 


“หากยังมีใครคิดเสนอราคาแข่งอีก ไม่พ้นคงโดนลาเตะหัวมาเป็นแน่!”


 


“5,000 ผลึกอมตะระดับสูง…นับว่าเป็นราคาที่เหมาะกับยันต์ศรอัสนีปะทุแล้วล่ะ”


 



 


ในโถงประมูล เสียงซุบซิบดังขึ้นทำนองเดียวกัน


 


“5,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 1…”


 


“5,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 2…”


 


บนเวทีประมูล ชายชราชุดเทาเมื่อเห็นว่าราคานิ่งแล้ว มันก็เริ่มกล่าวนับออกมาด้วยน้ำเสียงท่าทางเฉยเมย “5,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 3…”


 


“ขาย!”


 


พอกล่าวจบคำ ชายชราชุดเทาเพียงโบกมือเบาๆคราหนึ่ง ยันต์ศรอัสนีปะทุ ที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือของมันก็คล้ายกลับกลายเป็นอัสนีสายหนึ่งฟาดผ่าไปทางผู้ที่ประกวดราคาประมูลสูงสุดทันที


 


ครู่ต่อมายันต์ศรอัสนีปะทุ ก็มาหยุดลงเบื้องหน้าชายววัยกลางคนผู้หนึ่ง และหยุดลอยแน่นิ่งคล้ายรอให้มันคว้าไป


 


ฟุ่บ!


 


ขณะเดียยกันกับที่ชายวัยกลางคนรับยันต์ศรอัสนีปะทุมาเก็บ มันก็หยิบผลึกอมตะระดับสูง 5,000 ก้อนออกมา จากนั้นก็นำใส่แหวนพื้นที่ และใช้พลังไร้สภาพหอบหิ้วส่งไปถึงมือชายชราชุดเทากลางเวที


 


ฉากเรื่องราวดังกล่าวอธิบายได้คำเดียวว่า “ยื่นหมูยื่นแมว”


 


“ต่อไปจักเป็นรายการประมูลชิ้นที่สอง โอสถอมตะระดับขุนนางขั้นกลาง โอสถเป้าหยวน…และโอสถเป้าหยวนก็มีราคาประมูลเริ่มต้นที่ 5,000 ผลึกกอมตะระดับสูงสุด”


 


ชายชราชุดเทาบนเวทีประมูลกล่าวจบก็สะบัดมือเรียกขววดโอสถออกกมาขวดหนึ่ง จากนั้นก็เปิดขวดและเทโอสถในขวดออกมาให้เห็นเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็เก็บกลับไป


 


“โอสถเป้าหยวน?”


 


ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง


 


โอสถเป้าหยวนนั้น เป็นโอสถอมตะชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในระนาบเทวโลก อย่างไรก็ตามผู้ที่จะหลอมปรุงมันได้ก็มีแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางขึ้นไปเท่านั้น


 


โอสถเป้าหยวนนั้นแบ่งออกเป็นระดับต่างๆได้แก่ โอสถเป้าหยวนระดับขุนนาง โอสถเป้าหยวนระดับราชา และโอสถเป้าหยวนระดับจอมราชัน


 


และโอสถเป้าหยวนทั้ง 3 ระดับยังแบ่งย่อยออกได้อีก 3 ขั้น อันได้แก่ขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง…ในบรรดาทั้ง 3 ขั้นสูงย่อมดีที่สุด และที่เลวร้ายที่สุดก็คือขั้นต่ำ


 


‘โอสถเป้าหยวนระดับขุนนางขั้นกลาง…สามารถทำให้พลังในร่างของขุนนางอมตะเพิ่มขึ้น 2 ขีดขั้น และจะดำรงอยู่เป็นเวลา 1 เค่อ’


 


‘และเป็นธรรมดาว่าหากผู้ที่ใช้มันเป็นขุนนางอมตะ 9 ตำหนัก ด่านพลังจะถูกยกระดับไปถึงขอบเขตขุนนางอมตะขั้นสูงสุดเป็นเวลา 15 นาทีเท่านั้น…และต่อให้ขุนนางอมตะ 10 ทิศใช้มัน ผลที่ได้รับก็จะเป็นดุจเดียวกัน เพราะมันไม่อาจทำลายขีดจำกัดของด่านพลังได้…’


 


ในฐานะที่เป็นปรมจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้จักโอสถเป้าหยวนเป็นอย่างดี


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ราคาของโอสถเป้าหยวนก็พุ่งไปแตะ 8,000 ผลึกอมตะระดับสูงแล้ว!


 


เพราะสุดท้ายแล้วโอสถเป้าหยวนนี้ หากขุนนางอมตะที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตายนำออกมาใช้ มันก็อาจสามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้เลย!


 


สุดท้ายโอสถเป้าหยวนจึงถูกปิดประมูลไปในราคา 13,000 ผลึกอมตะรดับสูง!


 


จากนั้นชายชุดเทาก็เริ่มนำสิ่งของประมูลรายการที่ 3 ออกมา


 


อย่างไรก็ตามรายการประมูลหลังจากนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นโอสถอมตะ ไม่ก็ยันต์อมตะเท่านั้น แม้คุณภาพจะสูงขึ้นเรื่อยๆ และราคาก็ถีบตัวสูงขึ้นตามติด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนใจอะไร…


 


“ต่อไปสิ่งของที่จะนำขึ้นประมูลในรายการที่ 9 ก็คือไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัว…ไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัวนี้ เมื่อนำขึ้นประมูลพร้อมกัน เช่นนั้นราคาเริ่มต้นของพวกมันก็คือ 30,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


ชายชราชุดเทาบนเวทีประมูลกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด พลางสะบัดมือเรียกสิ่งมีชีวิตเล็กๆ 2 ตัวออกมา


 


อย่างไรก็ตามชายชราพูดจบไปได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเปิดราคาประมูลออกมาเลย


 


กลับกัน หลายคนถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง


 


“มารดามันเถอะ…ไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวกลับมีราคาเริ่มต้น 30,000 ผลึกอมตะระดับสูง…เท่าที่ข้ารู้มาอย่างดีไส้เดือนฝอยทอง 2 ตั ราคามันก็ไม่น่าจะเกิน 15,000 ผลึกอมตะระดับสูงมิใช่หรือไร กล่าวได้ว่าราคานั่นมันนับรวมราคาแต่ละตัวจากตลาดมืดที่ขายแพงที่สุดแล้วด้วยซ้ำ…แต่ตระกูลราชวงศ์ตันจี้ กลับกล้าเปิดราคาประมูลเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ!!”


 


“เหอะๆ…หากไม่ใช่เพราะตระกูลราชวงศ์ตันจี้รู้ว่าประเทศฝูชิว ประเทศโม่หลุน และประเทศตงงหมิงต่างกำลังต้องการไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัวมันจะกล้าเปิดราคาเช่นนี้ออกมาหรือไร? ของที่มีราคามิใช่ของหายากหรือล้ำค่า แต่เป็นของที่ผู้คนต้องการอย่างเร่งด่วนต่างหาก…ราคาไส้เดือนฝอยทองคู่นี้ไหนเลยจะเอาราคาตลาดมืดในอดีตมาเทียบได้”


 


“มิผิด แม้ไส้เดือนฝอยทองจะมีขายในตลาดมืดอยู่บ่อยและมีราคาสูงพอสมควร แต่กล่าวไปมันมีไม่เพดานราคาแต่อย่างไร…”


 



 


ในขณะที่ทุกคนในโถงประมูลเริ่มสนทนากันอย่างออกรส พลันมีเสียงสงบราบเรียบหนึ่งงแว่วดังออกมาจากห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว


 


“30,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


และเจ้าของเสียงดังกล่าวก็คือ หวงเหยี่ยนเฟย ที่เป็นผู้เปิดราคาประมูลออกไป!


 


“เฮ่ท่านพ่อ ไฉนครั้งนี้ท่านลงมือเร็วนักเล่า? นี่มิใช่ตัวท่านเลยนี่นา?”


 


หวงเจียหลงอดประหลาดใจสงสัยไม่ได้


 


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันติดตามบิดาตัวเองเข้าร่วมการประมูลสิ่งของ แต่ปกติแล้วต่อให้บิดามันอยากได้ของสิ่งไหน ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเป็นผู้กล่าวเปิดราคาประมูล


 


และเหตุการณ์ต่อมา ก็ทำให้หวงเจียหลงนั่งอึ้งไปตาปริบๆ


 


กระทั่งไม่ใช่แค่หวงเจียหลงเท่านั้นที่นั่งอึ้ง แม้แต่ทุกคนในโถงประมูลก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง “นี่…พวกเจ้าน่ะ ไม่ใช่บอกเองหรอกหรือ…ว่าประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงเองก็ต้องการไส้เดือนฝอยทองคู่นั้นด้วย?”


 


“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


 


ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ


 


และเหตุผลความแปลกใจของเขา และอาการตกตะลึงของหวงเจียหลงและคนด้านนอกโถงประมูลนั้น ก็คือเรื่องที่หลังจากหวงเหยี่ยนเฟยยกล่าวเปิดประมูลไปแล้วแท้ๆ แต่ทางด้านห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับตงหมิงยังคงเงียบเสียง ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น


 


ในโถงประมูลเหล่าผู้ที่มารอดูชมการแข่งขันช่วงชิงประมูลไส้เดือนฝอยทอง ดั่งมหาศึก 3 ก๊กช่วงชิงดินแดนของประเทศเรือนเคียงทั้ง 3 ก็นั่งเหวอไปตาปริบๆ หันรีหันขวางมองสลับไปยังห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงไม่หยุด


 


ความบันเทิงของพวกมัน อยู่ที่ใดแล้วเล่า?


 


“30,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 1…”


 


“30,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 2…”


 


บนเวทีประมูลนั้น ชายชราชุดเทาที่มักคงความสงบแลดูชืดชาไร้แสต่อสิ่งใดอยู่เสมอ บัดนี้ยังแลดูเสียอากการไปบ้าง มันไม่อาจคงความสงบได้เหมือนเคย หว่างคิ้วขดย่นเป็นปม กระทั่งการกล่าวประกาศครั้งที่ 2 เสียงยังดังขึ้นเป็นพิเศษ


 


และลูกตามันก็กลอกไปมามองสลับไประหว่างห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงเช่นกัน หากแต่พบว่าแม้มันจะรอท่าอยู่นานสองนาน แต่ทั้งสองห้องกลับไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ


 


สุดท้ายแม้สายตาจะฉายถึงความแปลกใจ ทั้งรู้สึกว่าเรื่องราวมีอะไรผิดท่า แต่ชายชราชุดเทาก็ยังต้องกระทำหน้าที่ของตัวเองสืบต่อ “30,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 3…ขาย!”


 


 


เมื่อชายชรากล่าวจบคำ ก็หมายความว่าไส้เดือนฝอยทองในมือของมันคู่นี้ ได้กลับกลายเป็นของประเทศฝูชิวเรียบร้อยแล้ว


 


“เฮ่ ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? พี่ชายท่านนี้ท่านมิใช่คนวงในหรอกรึ ไหนท่านว่าประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงก็ต้องการไส้เดือนฝอยทองอย่างมากนี่นา?”


 


“ขออภัยสหายท่านนี้ด้วย ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น…คนของประเทศโมห่หลุนกับประเทศตงหมิงคงมิได้เผลอหลับไปแล้วหรอกนะ?”


 


“นั่นสิ ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าคนของประเทศตงหมิงกับประเทศโม่หลุนกำลังคิดอะไรกันอยู่…”


 


“พวกมันไฉนไม่เคลื่อนไหว…พวกมันทำอันใดอยู่กันแน่?”


 



 


ในขณะที่โถงประมูลเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาด้วยความไม่เข้าใจ ภายในห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับตงหมิงก็ยากจะสงบอยู่ได้เช่นกัน


 


ณ ห้องส่วนตัวของคนประเทศโม่หลุน


 


“ท่านอาเหลียน ไฉนท่านไม่ประมูลแย่งไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวนั่นมาเล่า ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าจะประมูลมาให้ข้าให้ได้…แล้วที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”


 


องค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนขมวดคิ้วมองถามชายวัยกลางคนแลดูน่ากรงขามในชุดสีน้ำเงินข้างๆด้วยความสับสน น้ำเสียงยังฟังดูก้าวร้าวเล็กน้อย


 


ถึงแม้ตัวมันจะรู้ดีว่าต่อให้ได้ไส้เดือนฝอยทองนั่นมา แต่โอกาสที่จะหลอมให้เป็นโอสถเฉียนจินได้จะริบหรี่เต็มที…


 


แต่สุดท้ายให้ริบหรี่เพียงใดแต่ก็ถือว่ามีความหวัง


 


ทว่าหากไม่ได้มาแม้กระทั่งไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวนั่น ก็ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความหวังอันใดด้วยซ้ำ!


 


ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินแลดูน่าเกรงขามผู้นี้ อย่างไรก็คือยอดฝีมือที่เป็นรองจากฮ่องเต้โม่หลุน เป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดอันร้ายกาจ ดังนั้นแม้องค์ชาย 7 จะบังเกิดความไม่พอใจ แต่มันทำได้เต็มที่ก็คือกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก้าวร้าวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่กล้าฟาดงวงฟาดงาอะไรมาก


 


“พอดีข้าได้รับเสียงผ่านพลังหนึ่งจากหวงเหยี่ยนเฟยแห่งประเทศฝูชิวมา…ดังนั้นข้าจึงคิดตัดสินใจล้มเลิกการประมูลไส้เดือนฝอยทองเสีย”


 


ได้ยินคำถามร้อนใจขององค์ชาย 7 และสัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยที่มองมาจากคนของประเทศโม่หลุนที่ติดตามมาด้วย ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกหาว่าอาเหลียน ยังคงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบบางๆ แลดูไม่ได้อีนังขังขอบอะไรเลย


 


ภายในห้องส่วนตัวของคนจากประเทศตงหมิง


 


“ผู้เฒ่าหู…ไฉนท่านถึงยอมแพ้การประมูลเล่า นอกจากนั้นท่านยังไม่ยอมให้ข้ากล่าวประกวดราคาอีก…นี่ท่านคงไม่ได้คิดทอดทิ้งพี่เจวี๋ยอวิ๋นหรอกนะ?”


 


“แล้วหากท่านไม่ได้ไส้เดือนฝอยทองคู่นี้ไป ท่านจักไปชี้แจงท่านพ่อข้าอย่างไร?”


 


ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเงินขมวดคิ้วแลดูปั้นปึ่ง มองถามชายชราจากประเทศตงหมิงที่มาเข้าร่วมการประมูลที่เมืองหลวงประเทศตันจี้ครั้งนี้ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเห็นได้ชัดว่าหงุดหงิดไม่น้อย


 


“องค์ชายรอง…แม้ท่านจะเป็นองค์ชายคนหนึ่ง หากแต่การควบคุมตัวเองของท่าน ยังนับว่าด้อยกว่าสหายน้อยเจวี๋ยอวิ๋นอยู่มาก…”


 


ชายชราเหลือบมองชายหนุ่มชุดคลุมสีเงินด้วยสายตาอ่อนใจ ค่อยหันไปมองชายหนุ่มชุดเทาสีหน้าท่าทีสงบเฉยเมยที่นั่งข้างๆด้วยสายตาลุกวาว


 


แต่ต้นจนจบนั้น อีกฝ่ายแม้จะเห็นว่ามันไม่ได้คิดเข้าร่วมการประมูลไร แต่กลับยังสามารถคงความสงบเอาไว้ได้หน้าไม่เปลี่ยนสี…แลดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรแม้แต่น้อย!


WSSTH ตอนที่ 2,974 : สิ่งของที่ราชาอมตะ 4 รูปฝากประมูล


 


 


พี่เจวี๋ยอวิ๋น ท่านไม่ร้อนใจบ้างหรือไรกัน?


 


เมื่อเห็นว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังคงนั่งเฉยด้วยอารมณ์สงบดั่งเมฆคล้อยลอยเคลื่อน ประหนึ่งให้ขุนเขาใหญ่ถล่มลงตรงหน้าคนก็ไม่ไหวติง องค์ชายรองของประเทศตงหมิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยๆถามออกมา


 


“ข้าเชื่อใจผู้เฒ่าหู”


 


ได้ยินคำถามขององค์ชายรอง หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็กลอกตาเหลือบไปมองชายชราที่นำพาคนของประเทศตงหมิงมาเข้าร่วมการประมูลที่เมืองหลวงประเทศตันจี้ครานี้ พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบ


 


ชายชราได้ฟังทั้งเห็นท่าทีของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มทั้งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “สหายน้อยหลิง ข้าย่อมไม่ทำให้ความไว้วางใจของท่านที่มีต่อข้าต้องเสียเปล่าแน่”


 


“อาศัยหนึ่งวาจานี้ของท่าน…มิว่าข้าต้องทำอันใด ข้าก็จะนำโอสถเฉียนจินมาให้ท่านให้จงได้!”


 


กล่าวจบคำสองตาชายชราก็เผยความมุ่งมั่นทั้งฉายแววดุร้ายเล็กน้อย


 


ภายในห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียน หวงเจียหลง หรือแม้แต่ผู้เฒ่าโม่ สองตาก็จับจ้องมองไปยังหวงเฟยเหยี่ยนด้วยความสงสัยทั้งสิ้น


 


ถึงแม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกๆ แต่ทั้งหมดเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของหวงเหยี่ยนเฟยแน่นอน


 


“ท่านพ่อ…เล่ามาเลยนะ นี่ท่านทำได้อย่างไรกันแน่?”


 


หวงเฟยเหยี่ยนมองถามผู้เป็นด้วยสีหน้าแววตาตกใจ ทำคล้ายกับพึ่งเคยเห็นบิดาของมันวันแรก


 


แม้ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าโม่จะไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา แต่อาศัยที่มองจ้องหวงเหยี่ยนเฟยด้วยสงสัยไม่วางตานั่น ก็มากพอจะบอกให้รู้แล้วว่าทั้งคู่ก็กำลังรอฟังคำตอบเช่นกัน


 


“อันที่จริงข้าก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก…ข้าแค่ส่งเสียงไปบอกผู้นำคนประเทศตงหมิงกับโม่หลุนที่มาเข้าร่วมการประมูลคราวนี้ ว่าหากพวกมันปล่อยให้ข้าได้ไส้เดือนฝอยทองคู่นี้มา ข้าจะเอาโอสถเฉียนจินมาให้พวกมันประมูลกันเท่านั้น”


 


หวงเฟยเหยี่ยนกล่าวไขความสงสัยของพวกต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแววตาสงบ น้ำเสียงยามพูดคล้ายเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศไร้สำคัญ


 


“ข้ายังบอกพวกมันอีกว่า…ข้าสามารถเชิญปรมาจาร์ยหลอมโอสถระดับราชามาหลอมโอสถเฉียนจินให้ข้าได้ อย่างไรก็ตามโอสถเฉียนจิน 2 เม็ดจากไส้เดือนฝอยทองคู่นั้น ต้องเป็นของข้าเม็ดหนึ่ง ส่วนอีกเม็ดนั้นข้าสามารถนำมาให้พวกมันประมูลกันเองได้”


 


หวงเฟยเหยี่ยนกล่าวถึงจุดนี้ ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง


 


เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนนี้ ก็คือความสามารถของต้วนหลิงเทียน!


 


เกิดต้วนหลิงเทียนไม่อาจหลอมไส้เดือนฝอยทองทั้งคู่ให้กลับกลายเป็นโอสถเฉียนจิน 2 เม็ด หรือแม้กระทั่งเสียไปสักเตา มันก็ได้แต่ต้องเสียหน้าครั้งยิ่งใหญ่ กระทั่งยังต้องถูกคนอีก 2 ประเทศตราหน้าว่าเป็นพวกหลอกลวง ยั่วโทสะยอดฝีมือจากประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุนพร้อมๆกัน


 


และยอดฝีมือที่นำคนของทั้งสองประเทศมาประมูลครั้งนี้ ไม่มีข้อยกเว้น…ต่างเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดทั้งคู่!


 


หวงเจียหลงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง กระทั่งผู้เฒ่าโม่ยังหูผึ่ง


 


พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าเพื่อให้ประมูลไส้เดือนฝอยทองทั้งคู่มาอย่างราบรื่น หวงเฟยเหยี่ยนถึงกับกล้าปั้นน้ำเป็นตัว ดั่งใช้มือบังฟ้า หลอกตบตาคนของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงว่าไปเชิญปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาให้มาหลอมโอสถเฉียนจินให้ได้สำเร็จ!


 


โอสถเฉียนจินนั้นแม้จะเป็นโอสถอมตะระดับสูงพิเศษ แต่หากผู้หลอมเป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา ก็รับประกันได้เลยว่าโอกาสสำเร็จคือสิบส่วนเต็ม


 


แต่ปัญหาก็คือพวกมันไม่มีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา แต่คนที่จะหลอมก็คือตัวต้วนหลิงเทียนเอง!


 


จังหวะนี้ทั้งหวงเจียหลงกับผู้เฒ่าโม่อดไม่ได้ที่จะหันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน


 


“ข้าได้ยินมาว่าพวกมันทั้งคู่ได้แต่จ้างวานปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางให้มาหลอมโอสถเฉียนจินให้ แต่พวกมันก็ไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าปรมาจารย์โอสถที่เชิญมาจะหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จ หาไม่แล้วตอนที่พวกมันร้องขอซื้อไส้เดือนฝอยทองมา แค่ฮ่องเต้ตันจี้แบ่งขายให้พวกมันคนละตัว เรื่องราวก็คงจบไปและไม่ถึงตาประเทศฝูชิวเราจะสอดแทรกกิจการครั้งนี้ได้แล้ว”


 


“ทั้งหมดเพราะพวกมันไม่มีหนทางเชิญปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามานนี้เอง พวกมันจึงต้องการไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัว ทั้งหมดก็เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสหลอมโอสถเฉียนจินให้สำเร็จอีกเท่าตัว…”


 


หวงเหยี่ยนเฟยกล่าวสืบต่อ “ข้าที่รู้เรื่องพวกนี้ ก็เลยบอกมันไปว่าไส้เดือนฝอยทองทั้งคู่ ข้าจะนำไปให้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาหลอมปรุง และยินดีมอบโอสถเฉียนจินที่เหลืออีกเม็ดให้พวกมันประมูลกันเอง…พวกมันก็เลยตกลงมอบไส้เดือนฝอยยทองทั้ง 2 ให้ข้า”


 


“น้องต้วน…”


 


หวงเจียหลงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแววตาเคร่งขรึมจริงจัง


 


มันย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่าบิดามันถึงกับปั้นเรื่องครั้งใหญ่หลอกทั้งคู่ เพราะเชื่อใจต้วนหลิงเทียน


 


หากน้องต้วนของมันเกิดผิดพลาดไม่อาจหลอมโอสถเฉียนจินหรือกระทั่งหลอมออกมาได้แค่เม็ดเดียว บิดาของมันก็เสมือนได้ล่วงเกินยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของโม่หลุนและตงหมิงพร้อมๆกัน!


 


จังหวะนี้ผู้เฒ่าโม่เองก็อดไม่ได้ที่จะมองต้วนหลิงเทีนด้วยสายตาคลางแคลง ดูไม่มั่นใจเลย


 


“ลุงหวง”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปมองสบตาหวงเฟยเหยี่ยนพลางกล่าวออกเสียงขรึม สีหน้าแววตาจริงจังถึงที่สุด “ข้าไม่มีวันทรศความเชื่อใจที่ท่านมีให้ข้าครั้งนี้แน่นอน!”


 


เขาเองก็ไม่คิดเลยว่าหวงเฟยเหยี่ยนจะเชื่อใจเขาถึงขนาดนี้


 


เพียงเพราะเชื่อใจเขา ถึงกับยอมเสี่ยงล่วงเกินผิดใจกับยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุน…อาจกล่าวได้ว่าหากหวงเหยี่ยนเฟยไม่อาจนำโอสถเฉียนจินให้ทั้งคู่ประมูลแข่งกันได้ ไม่พ้นต้องทำให้ทั้งคู่ขุ่นเคือง กระทั่งฮ่องเต้ของประเทศตงหมิงและโม่หลุนก็ต้องขุ่นเคือง!


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับรู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อย


 


“เสี่ยวเทียน แล้วเจ้าคิดจะเริ่มหลอมโอสถเฉียนจินเมื่อใดหรือ”


 


หวงเหยี่ยนเฟยถาม จากนั้นก็สะบัดมือส่งกล่องหยกบรรจุไส้เดือนฝอยทองทั้งคู่ ที่พึ่งแลกเปลี่ยนกับชายชราชุดเทาให้ต้วนหลิงเทียน


 


หลังหวงเหยี่ยนเฟยประมูลได้มา ชายชราชุดเทาก็ส่งกล่องหยกบรรจุไส้เดือนฝอยทองมายังช่องๆหนึ่งบริเวณหน้าต่างของห้องส่วนตัว จากนั้นหวงเหยี่ยนเฟยก็เปิดรับกล่องหยกดังกล่าว ยังใช้พลังหอบหิ้วแหวนบรรจุผลึกอมตะระดับสูงส่งงกลับไปให้อีกฝ่าย


 


“เอาไว้หลังจบการประมูลข้าจะหลอมมันเลย”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ ขณะเดียวกันก็รับกล่องหยกที่มีไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวมาจากหวงเหยี่ยนเฟย


 


และพอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนที่ก้มลงมองกล่องบรรจุไส้เดือนฝอยทอง ก็เงยหน้าขึ้นมามองหวงเหยี่ยนเฟยพลางกล่าวต่อว่า  “ลุงหวง ท่านบอกคนของประเทศตงหมิงกับประเทศโม่หลุนที่มีอำนาจตัดสินใจนั่นได้เลย…ว่าอีก 10 วันหลังจากนี้ให้พวกมันไปรอประมูลโอสถเฉียนจินที่โถงหลักของตำหนักที่พักพวกเรา”


 


“ประเสริฐ!”


 


คล้ายติดเชื้อความมั่นใจของต้วนหลิงเทียนจนไร้ทางเยยียวยาแล้วก็ไม่ปาน หวงเหยี่ยยนเฟยเร่งติดต่อไปยังผู้นำคนของประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุนเพื่อนัดแนะวันเวลาทันที


 


“อีก 10 วันหลังจากนี้รึ? ประเสริฐ! เจ้าเมืองหวง…อีก 10 วันหลังจากนี้พวกเราจักพาคนไปรบกวนที่ตำหนักที่พักของท่าน!”


 


ไม่นานคนของประเทศโม่หลุนก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยินดี


 


“เจ้าเมืองหวง ไม่ทราบว่าข้าจะพอมีวาสนาได้พบปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาผู้นั้นหรือไม่?”


 


ส่วนผู้นำของคนประเทศตงหมิงที่เป็นชายชรานั้น เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความสนใจในตัวปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาที่หวงเหยี่ยนเฟยเชิญมาได้เป็นอย่างมาก จึงอยากเข้าพบปะเพื่อสานไมตรี


 


“ผู้เฒ่าหู เรื่องนี้ข้าต้องขออภัยท่านจริงๆ…แต่ปรมาจารย์หลอมโอสถผู้นั้น มิชอบพบปะคนนอก”


 


หวงเหยี่ยนตอบกลับด้วยน้ำเสียงจนปัญญา


 


เป็นธรรมดาว่าตอนนี้มันไม่อาจกล่าวบอกอีกฝ่ายไปตรงๆ ว่าที่แท้มันไม่มีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาที่ไหนทั้งนั้น ผู้ที่จะหลอมโอสถเฉียนจินยังเป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง!


 


ก่อนหน้านี้ หากมีคนมาบอกมันว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนหนึ่งมีความมั่นใจว่าจะหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จ ให้ตายมันก็ไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายแน่นอน!


 


อย่างไรก็ตามความมั่นใจอันแรงกล้าที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนนั่น ไม่เว้นท่าทางหนักแน่นมั่นคงของต้วนหลิงเทียน กลับทำให้มันเชื่อคำพูดของต้วนหลิงเทียนเกือบเต็มสิบส่วน


 


ถึงแม้ว่าจะยังคงหลงเหลือความเสี่ยงอยู่บ้าง


 


ทวว่ามันเลือกจะเชื่อใจต้วนหลิงเทียน


 


มันตระหนักได้มาโดยตลอด ว่าชายหนุ่มชุดม่วงอายุไม่ถึงร้อยปีคนนี้ ไม่อาจใช้สามัญสำนึกชั่วชีวิตของมันตัดสินได้


 


เช่นเดียวกับตอนแรก ที่อีกฝ่ายลงมือสยบลูกชายมันที่บรรลุถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ทั้งๆที่ยังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นนภา และที่สำคัญก็คืออีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังแห่งกฏอันใด…


 


ก่อนหน้า เรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ต่อให้หลับมันยังไม่เคยฝันถึงด้วยซ้ำ


 


ดังนั้นมันจึงไม่อาจตั้งคำถามกับชายหนุ่มที่กระทั่งตัวมันยังหยั่งไม่ถึงผู้นี้ได้


 


“เช่นนั้นก็น่าเสียดายยิ่ง”


 


ผู้ที่นำคนของประเทศตงหมิงมาพอได้ฟังคำตอบ ก็กล่าวตอบออกม้าเสียงเรียบ ไม่ได้เสีใจหรือผิดหวังอะไรมากมาย เพราะเหมือนมันจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าผลจะเป็นแบบนี้


 


หลังจากนั้นการประมูลก็เริ่มดำเนินต่อ ท่ามกลางความสับสนแคลงใจของผู้ที่มาเข้าร่วมงานประมูล…


 


ไม่นานทุกคนก็ถูกบรรยากาศการประมูลดึงดูดความสนใจไปอีกครั้ง เลิกสนใจเรื่องที่ไฉนคนของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงถึงไม่แข่งกับประเทศฝูชิวเรื่องไส้เดือนฝอยทองทั้งคู่…


 


‘นี่น่ะเหรอไส้เดือนฝอยทอง…’


 


ต้วนหลิงเทียนที่เปิดกล่องหยกชมดูภายใน ก็พบไส้เดือนตัวเล็กๆที่มีลำตัวยาวราวๆนิ้วชี้ของผู้ใหญ่ 2 ตัวนอนอยู่อย่างเงียบงัน


 


ไส้เดือนฝอยทองทั้งสองตัวนี้ แม้จะยาวเท่านิ้วชี้ แต่ลำตัวของมันช่างเล็กเหลือเกิน แลดูบอบบางปานเส้นด้าย แม้ว่ามันจะนอนนิ่งอย่างไร้ชีวิต แต่แค่นอนเฉยๆก็ทำให้ผู้คนที่ชมมองรู้สึกถึงความคมหนึ่งบาดตา


 


มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายจะตัดได้ทุกสิ่ง!


 


และอันที่จริงไส้เดือนฝอยทองที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มันก็สามารถตัดสิ่งของได้มากมายจริงๆ


 


ว่ากันว่าหากเป็นอุปกรณ์อมตะระดับต่ำทั่วๆไป หากโยนไส้เดือนฝอยทองใส่ อุปกรณ์อมตะระดับต่ำที่ว่าก็จะถูกหั่นผ่าได้อย่างง่ายดาย!


 


หากเป็นอุปกรณ์อมตะระดับกลาง ลองให้ไส้เดือนฝอยทองไปเกาะแล้วรัดเล่นๆไม่กี่ลมหายใจ ก็มีอันต้องพังพินาศกุดแหว่งแน่นอน!


 


หลังจากที่รู้ว่าไส้เดือนฝอยทองนี้เป็นวัตถุดิบยาหลัก 1 ใน 2 ที่ต้องใช้ในการหลอมโอสถเฉียนจิน ต้วนหลิงเทียนก็ศึกษาเรื่องมันมาไม่น้อย


 


ว่ากันตามตรงแล้วไส้เดือนฝอยทองก็ถือเป็นสัตว์อมตะเช่นกัน หากทว่ามันไร้สติปัญญาและใช้ชีวิตอยู่ไปตามสัญชาตญาณปานสัตว์ป่า…


 


ในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจไส้เดือนฝอยทองนั้นเอง บรรยากาศภายในโถงประมูลก็เริ่มคึกคักอีกครั้ง เสียงประกวดราคาดังขึ้นเรื่อยๆ


 


ทว่าหลัจากต้วนหลิงเทียนเก็บไส้เดือนฝอยทองไปแล้ว และหันมาดูชมการประมูลต่อ เขาก็ไม่พบว่ามีสิ่งของที่นำขึ้นประมูลใดๆที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย


 


อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่สนใจ แต่หวงเจียหลงกลับถูกใจของชิ้นสองชิ้นที่นำมาประมูล


 


แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ประมูลช่วงชิงอะไร


 


และดูจากสีหน้าอาการของหวงเจียหลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าของไม่กี่ชิ้นนั่น แม้จะอยากได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องได้มาให้จงได้ แค่หากได้มาก็ดีเท่านั้น…


 


จากนั้นสิ่งของต่างๆก็ถูกทยอยนำขึ้นมาประมูลชิ้นแล้วชิ้นเล่า…


 


“รายการต่อไปที่จักถูกนำขึ้นประมูล จักเป็นสิ่งที่นำออกมาประมูลเป็นชิ้นสุดท้ายแล้ว…อีกทั้งรายการประมูลชิ้นนี้ยังค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง เพราะทางเราได้รับฝากจากอาวุโสขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระท่านหนึ่งให้ตระกูลราชวงศ์ตันจี้ของพวกเราช่วยนำออกมาประมูลให้ท่าน…”


 


ชายชราชุดเทาบนเวทีประมูลกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด


 


และพอมันกล่าวจบคำ เสียยงผู้คนที่คึกคักฮือฮากันทั่วโถงประมูลก็เงียบลงไปอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมา หลังจากนั้นในโถงประมูลก็คล้ายเดือดพล่านขึ้นมาทันใด!


 


“จ้าวสวรรค์ช่วย! สิ่งของที่ราชาอมตะ 4 ฝากประมูลงั้นหรือ!?”


 


“สิ่งของที่ราชาอมตะ 4 รูปเห็นว่าล้ำค่าถึงขนาดส่งมาประมูล…ย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่! มันคืออะไรกันนะ? โอสถอมตะ อุปกรณ์อมตะ? หรือเป็นสมบัติพิเศษกัน?”


 


“อั้ย ช่างทำให้ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอดูชมเสียจริง! สิ่งของงที่อาวุโสขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปฝากมาประมูลเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งของไร้เรื่องราวแน่นอน!!”


 



 


ในขณะที่โถงประมูลรววมกำลังฮือฮาคึกคักกันยกใหญ่ ด้านห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว ประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุนเองก็ไม่อาจสงบอยู่ได้เช่นกัน


 


“ของที่ราชาอมตะ 4 รูปฝากมาประมูลงั้นรึ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ


 


แม้เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าราชาอมตะ 4 รูปฝากสิ่งใดมาประมูล แต่สิ่งของที่ราชาอมตะ 4 รูปฝากมาไหนเลยจะธรรมดาสามัญได้


 


ต้องทราบด้วยว่ายอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดของประเทศฝูชิว ตงหมิง และโม่หลุนนั้น ก็เป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์เท่านั้น


 


กระทั่งฮ่องเต้ในปัจจุบันยามพบเจอกับราชาอมตะ 3 ศักดิ์เหล่านั้นก็ต้องให้ความเคารพอย่างสูง ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย


 


จากนั้นไม่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอนาน ชายชราชุดเทาเริ่มหยิบกล่องหยกสีขากล่องหนึ่งออกมา


 


กล่องหยกขาวนั้นกว้าง 1 ฉื่อ ยาว 3 ฉื่อและสูงครึ่งฉื่อ


(1 ฉื่อ = 10 ชุ่น = ประมาณ 25 ซม.)


 


“มันคืออะไรกันแน่…”


 


จากนั้นชายชราชุดเทาก็ค่อยๆยกมือขึ้นเปิดกล่องหยก จากนั้นทุกสายตาในโถงประมูลก็จับจ้องมองไปยังสิ่งของภายในกล่องหยกทันที แลดูตั้งใจจดจ้องกันไม่น้อย


 


และจังหวะนี้ลมหายใจของทุกคนก็หยุดลงอย่างพร้อมเพรียง!


WSSTH ตอนที่ 2,975 : กิ่งไม้ประหลาด


 


 


ราชาอมตะ 4 รูปนั้น ต่อให้มองไปทั่วดินแดนพันประเทศ ก็นับเป็นตัวตนอันทรงพลังระดับแนวหน้า


 


ด้วยเป็นสิ่งของที่ตัวตนระดับนี้ฝากมาประมูล ไหนเลยจะเป็นของธรรมดาไร้เรื่องราวได้?


 


ดังนั้นทันทีที่ผู้คนได้ยินชายชราชุดเทาผู้ดำเนินการจัดการประมูลครานี้บอกข้อมูลว่า รายการประมูลสุดท้ายเป็นสิ่งของที่ราชาอมตะ 4 รูปฝากมานำขึ้นประมูล ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอชมมันด้วยความคาดหวังทั้งสิ้น!


 


ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 4 รูป ที่แท้ส่งอันใดมาเข้าร่วมงานประมูลของตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้กันแน่?


 


“โชคดีนักที่ข้ารั้งอยู่ที่นี่เพราะไม่ได้มีธุระอะไรต้องรีบกลับ จึงได้อยู่เห็นของงประมูลที่ราชาอมตะ 4 ฝากมา…หาไม่แล้วเกิดข้ากลับไป คงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้…”


 


“ใช่…ข้าเองก็ด้วย แต่ไม่ทราบว่าที่แท้มันเป็นสมบัติอันใดกันแน่”


 


“หากมันดีกับข้า ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไรหรือสมบัติทั้งหมดข้าจะคว้ามันมาให้ได้! สมบัติที่ราชาอมตะ 4 รูปฝากมาไหนเลยจะธรรมดาสามัญ!!”


 


“กล่องหยกถูกเปิดแล้ว!”


 



 


ในโถงประมูลไม่เว้นห้องส่วนตัว ตอนนี้ทุกสายตาล้วนจดจ้องไปยังกล่องหยกสีขาวที่ชายชราชุดเทากำลังเปิดออกเป็นสายตาเดียวกัน


 


ภายในห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว ต้วนหลิงเทียนเองก็มองลอดหน้าต่างไปจับจ้องลงบนกล่องหยกดังกล่าวด้วยความสนใจใคร่รู้ไม่ต่าง


 


แกร่ก!


 


ไม่นานนัก กล่องหยกขาวดังกล่าวก็ถูกเปิดออกมาโดยสมบูรณ์


 


บัดนี้ สิ่งของที่ถูกเก็บไว้ในกล่องหยก ก็ได้เปิดเผยสู่ทุกสายตาแล้ว


 


มันเป็นกิ่งไม้รูปร่างแปลกประหลาดกิ่งหนึ่ง นอนทอดกายอยู่ในก่ลองหยกขาวอย่างเงียบงัน และแม้จะเป็นกิ่งไม้ที่คล้ายถูกตัดออกมาจากลำต้น หากทว่ายังเห็นได้ชัดถึงความขจีปานสีมรกต กระทั่งใบไม้ไม่กี่ใบที่อยู่บนกิ่งก็ยังเขียวชอุ่มไม่มีวี่แววอับเฉาแห้งเหี่ยวแม้แต่น้อย


 


ปกติแล้ว กิ่งไม้ที่ถูกตัดออกมาจากลำต้น ด้วยไร้สารอาหารหล่อเลี้ยง ก็ย่อมต้องอับเฉาแห้งเหี่ยวลงไปตามธรรมชาติ


 


อย่างไรก็ตาม กิ่งไม้ที่นอนทอดกายอยู่ในกล่องหยกขาว กลับไม่มีทีท่าว่าจะเป็นแบบนั้นเลย ไม่ได้ส่อแววถึงการอับเฉาเหี่ยวแห้งแม้แต่น้อย


 


และไม่เพียงแต่มันไร้วี่แววจะเป็นเช่นนั้น…


 


ตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม ขอเพียงแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบกิ่งไม้ประหลาดดังกล่าว ย่อมสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของมันได้ชัดเจน!


 


“นั่นมัน…!”


 


“โอ ทวยเทพช่วย…ไฉนมันถึงมาปรากฏในที่แห่งนี้ได้!?”


 


“บะ…บ้าน่า! ไฉนสิ่งนั้นถึงมาปรากฏในสถานที่กันดารเช่นนี้ได้เล่า!?”


 


ในขณะที่สายตาต้วนหลิงเทียนกำลังถูกกิ่งไม้ในกล่องหยกขาวดึงดูดความสนใจอยู่นั้น เสียงอันเต็มไปด้วยความตกใจ 3 เสียงก็ดังขึ้นในร่างเขาอย่างพร้อมเพรียง!


 


เจ้าของเสียงทั้ง 3 ก็คือทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินนั่นเอง


 


“พวกท่าน…รู้จักกิ่งไม้ประหลาดนี่ด้วยเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


ขณะเดียวกันบรรยากาศทั่วทั้งโรงประมูล ไม่เว้นภายในห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว โม่หลุน และตงหมิงก็ตกอยู่ในความเคร่งขรึมทันที


 


“นั่นมันอันใดกันแน่…ไฉนพลังชีวิตถึงได้มากมายมหาศาลขนาดนี้!?”


 


“กิ่งไม้ประหลาดนั่นถูกตัดแยกออกมาจากลำต้นแล้วแท้ๆ แต่ไฉนกลับยังมีพลังชีวิตกล้าแข็งขนาดนี้ได้…ช่างผิดปกตินัก!”


 


“พวกเจ้ามีใครรู้บ้างว่ากิ่งไม้นั่นคืออันใด?”


 


“ข้าว่าบางทีมันอาจเป็นสมบัติล้ำค่าประการหนึ่ง…เพราะมันแลดูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”


 



 


ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดแม้แต่คนเดียวที่ล่วงรู้ว่ากิ่งไม้ประหลาดในกล่องหยกขาวที่ชายชราชุดเทาถืออยู่คืออะไร แต่ทุกคนยังตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งแน่ชัด…กิ่งไม้ประหลาดนั่น หาได้ธรรมดาสามัญไม่!


 


หลายคนเริ่มคาดเดากันว่ามันสมควรเป็นวัตถุดิบล้ำค่าบางอย่าง


 


“ท่านอาวุโส นี่คือสิ่งใดหรือท่าน?”


 


“ใช่แล้ว…ผู้จัด ที่แท้มันคือสิ่งใดกันแน่?”


 



 


ทุกสายตาอันเต็มไปด้วยความอยากรู้ ได้ละออกจากกิ่งไม้ประหาดไปจับจ้องมองถามชายชราชุดเทาที่เป็นผู้ดำเนินการจัดการประมูลทันที


 


เผชิญหน้ากับสายตาสงสัยนับร้อพันคู่ที่มองจ้องมายังตัวเองไม่วาง ชายชราชุดเทาได้แต่กล่าวตอบออกไปอย่างสงบ “มันคือสิ่งใด…ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”


 


“ไม่รู้!?”


 


ทุคนที่รอฟังคำตอบได้แต่อึ้งไปเป็นไก่ตาแตก!


 


“ไม่เพียงแต่ตัวข้ามิอาจทราบได้ว่ามันคือสิ่งใด…กระทั่งราชาอมตะ 4 รูปที่ฝากมันเข้าประมูลเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันคือสิ่งใดกันแน่…”


 


ชายชราชุดเทากล่าวสืบต่อ


 


“ว่าอะไร!?”


 


“แม้แต่ราชาอมตะ 4 รูปที่ฝากของสิ่งนี้เข้าประมูล…ยังไม่รู้ด้วยซ้ำงั้นหรือว่ามันคืออันใด?”


 


“เอ่อ…เช่นนั้นของสิ่งนี้จะเสนอราคาอย่างไรเล่า ในเมื่อข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แม้สิ่งนี้แค่มองก็บอกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่หากไม่ทราบว่ามันนำไปทำอะไรได้ แล้วยังจะตีราคาค่างวดได้อย่างไร?”


 


“นั่นสิ”


 



 


พอได้รับทราบว่ากระทั่งราชาอมตะ 4 รูปที่ฝากสิ่งของประหลาดนี้เข้าร่วมการประมูลยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร หลายๆคนในโถงประมูลก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้านิ่ว


 


“ถึงแม้ว่าข้าเองก็จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือสิ่งนี้มีพลังงชีวิตอันมหาศาลนัก…”


 


ชาชราหยิบกิ่งไม้ประหาดดังกล่าวออกมาจากกล่องหยกขาว และชูให้ทุกคนเห็นชัดถนัดตา จากนั้นมันก็ยกมือขึ้นอีกข้าง ก่อนจะใช้ฝ่ามือต่างมีดดาบสับฟันไปยังกิ่งไม้ประหาดที่ชูไว้ทันที!


 


เชียะ!


 


เสียงฝ่ามือผนึกพลังต่างมีดดาบฟันผ่าน บังเกิดเสียงบางสิ่งถูกเฉือนฟันดังขึ้น


 


แคร่ก!!


 


เสียงบางสิ่งแตกหักดังขึ้นแผ่วเบา กิ่งไม้ประหลาดที่ถูกชูขึ้นมาให้เห็นทั่วๆ บัดนี้บริเวณกลางกิ่งที่หนาที่สุด ปรากฏรอยมีดดาบบาดลึก จนแทบขาดกลาง ทำให้ปลายกิ่งเริ่มสั่นไหวโอนเอน ราวกับมันจะหักลงมาได้ทุกเมื่อ


 


และในขณะที่ทุกคนกำลังสับสนงุนงงไปด้วความสงสัย ว่าไฉนอยู่ๆชายชราถึงทำอะไรแบบนี้ ฉากเรื่องราวอันน่าตกใจก็อุบัติขึ้นตรงหน้า!


 


เมื่อพบว่ากิ่งไม้ที่ถูกฟันกลางกิ่งจนคล้ายจะหักลงมานั้น อยู่ๆร่องรอยบริเวณกลางกิ่งที่ถูกฟันเป็นแผลลึก เริ่มหวนคืนกลับสู่สภาพเดิมด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนก จากในรอยแผลยังปรากฏแสงพลังสีเขียวอ่อนเรืองรองออกมา เริ่มฟื้นฟูสมานตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!


 


หลังผ่านไปไม่ถึง 10 ลมหายใจ กิ่งไม้ที่ถูกฟันกลางจนแทบขาดท่อน บัดนี้ก็ได้หวนคืนสู่สภาพเดิม ราวกับมันไม่เคยได้รับความเสียหายมาก่อน!


 


“นี่มัน…”


 


“เหลือเชื่อ! ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!!”


 


“พลังชีวิตอะไรกันแน่…มันเกือบจะหักโค่นอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับฟื้นฟูรักษาตัวได้ในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ ยังกลับมามีสภาพสมบูรณ์พร้อมคล้ายไม่ได้รับความเสียหายอะไรอีก!?”


 


“กิ่งไม้นี้หาได้ง่ายดายไม่!!”


 


“ถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่ากิ่งไม้ประหลาดนี่ที่แท้มันคืออันใด และมีไว้ทำอะไรกันแน่ แต่ข้าจะพยายามประมูลมาเท่าที่ข้าจ่ายไหว…ไม่ใช่เพราะสาเหตุใดอื่น แต่ข้าทึ่งความสามารถในการฟื้นฟูรักษาตัวของมัน!”


 



 


ภายในโถงประมูลได้ยินเสียงสูดอากาศเข้าลึกๆดังขึ้นระงม จากนั้นเสียงอุทานก็เริ่มดังออกมาวุ่นวายปานตลาดสด


 


“กิ่งไม้นิรนามนี่ ข้าขอเปิดประมูลด้วยราคา 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


ชายวัยกลางคนชุดเทาบนเวที เห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วก็ประกกาศเปิดประมูลกิ่งไม้ประหลาดออกมาเสียงดังฟังชัด


 


หลังเสียงประกกาศดังจบคำได้ไม่ทันไร ชายชราชุดเทาก็ไม่รอให้ใครพูดอะไรก่อน กล่าวเสริมออกมาอีกประโยคว่า “ทุกครั้งที่เพิ่มราคา ต้องไม่ต่ำกว่า 10,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


“นอกจากนั้น สิ่งนี้กระทั่งตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้ของข้าเองก็รู้สึกสนใจไม่น้อย…ดังนั้นข้าจึงจะเข้าร่วมการประมูลในนามของตระกูลราชวงศ์ด้วย”


 


ชายชรากล่าวเสริมอีกประโยค


 


และทันทีที่วาจาของมันดังขึ้นจบคำ ก็เสมือนหนึ่งหินร่วงสระก่อเกิดพันระลอกคลื่น!


 


กระทั่งตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้เองก็ให้ความสนใจกิ่งไม้นิรนามนี่ด้วยหรือ?


 


“ดูเหมือนว่ากิ่งไม้ประหลาดนี้เป็นราชาอมตะ 4 รูปตั้งใจส่งเข้ามาประมูลจริงๆ…หาไม่แล้วตระกูลราชวงศ์ตันจี้คงคิดฮุบมันเอาไว้เงียบๆแต่แรก”


 


“ถึงอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง…แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ตระกูลราชวงศ์จะจงใจกล่าวออกมาเพื่อถีบราคาประมูลให้สูงขึ้น พวกเราเองก็ต้องคิดให้มากหน่อย”


 


“ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง แต่กิ่งไม้ที่มีพลังชีวิตกล้าแข็งและมีความสามารถประหลาดแบบนี้…ราคาสุดท้ายที่จะปิดประมูลได้ไป ข้าเชื่อว่ามันไม่น่าจะน้อยกว่า 200,000 ผลึกอมตะระดับสูงแน่นอน!”


 


“ผลึกอมตะระดับสูง 200,000 ชิ้นหรือ…ราคานั่นมันเทียบเท่ากับอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วไป 2 ชิ้นเข้าไปแล้วนะ!”


 



 


ภายในโถงประมูลอึกทึกคึกโครมไปด้วยเสียงสนทนาเอ่ยความเห็นของผู้คน


 


“100,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


และทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุน


 


ผู้ที่กล่าวเปิดราคาประมูลออกไปคนแรก ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นผู้นำกลุ่มคนของประเทศโม่หลุนมายังประเทศตันจี้ครานี้ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงิน ที่มีใบหน้าท่าทางแลดูสง่างามน่าเกรงขาม


 


“200,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


และแทบจะทันทีที่คนของประเทศโม่หลุนเสนอราคา ชายชราชุดเทาบนเวทีก็ปริปากกล่าววาจาหนึ่งออกมา และยังเป็นการเพิ่มราคาประมูลให้กลายเป็น 2 เท่าทันที!


 


โอ! อา!


 


ทันใดนั้นผู้คนในโถงประมูลก็ฮือฮากันใหญ่


 


ด้วยไม่มีใครคิดคาด ว่าชายชราชุดเทาจะเป็นคนที่สองที่กล่าวราคาประมูลออกมา แถมยังเพิ่มราคาเป็นสองเท่าจากเดิมอีกด้วย!


 


ทว่าหลังจากกล่าวจบคำแล้ว ชายชราชุดเทายังคงกล่าวเพิ่มเติมอีกคำหนึ่ง “อย่างไรก็ตามนี่เป็นราคาที่ทางตระกูลราชวงศ์ของพวกเราสามารถรับได้ไหว…หากมีผู้ใดเสนอผลึกอมตะระดับสูงมากกว่านี้ ทางตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้เราก็จำต้องถอนตัวออกจากการประมูล”


 


เมื่อสิ้นคำกล่าวประโยคนี้ของชายชราชุดเทา ทุกคนก็พากันเงียบเสียงทันที ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่นาน


 


“ตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้ยอมรับได้ในราคา 200,000 ผลึกอมตะระดับสูงงั้นหรือ…เช่นนั้นดูเหมือนทางตระกูลราชวงศ์ตันจี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับกิ่งไม้ประหลาดนี่มากมายสินะ”


 


“กล่าวไปเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกนี่นา…กิ่งไม้นิรนามนี่ กระทั่งราชาอมตะ 4 รูปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เช่นนั้นตระกูลราชวงศ์ตันจี้ก็ไม่ทราบจะเอามันไปทำประโยชน์อันใดได้ ข้าคิดว่าคงประมูลไปเป็นของตกแต่งหรือของสะสมเท่านั้นล่ะ”


 


“จ่ายออก 200,000 ผลึกอมตะระดับสูงเพื่อสิ่งของตกแต่งหรือสะสมงั้นรึ? มารดามันเถอะ! จะร่ำรวยเกินไปแล้ว!!”


 


“นั่นสิ นี่มิต่างอะไรกับสละอุปกรณ์อมตะระดับราชา 2 ชิ้นเพื่อของตกแต่งหรือของสะสมไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่ง…ความกล้าหาญเช่นนี้ สุดที่ผู้คนธรรมดาสามัญจะมีได้จริงๆ…”


 


“ของประหลาดเช่นนี้ มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้จริงๆ…ต้องใจรักด้วย!”


 



 


ท่ามกลางกระแสเสียงสนทนาวุ่นวายดังระงม ด้านห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนก็เงียบไปไม่พูดจาใดไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวอยู่นาน เห็นได้ชัดว่าไม่คิดประมูลสู้แล้ว


 


“200,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 1!”


 


ชายชราชุดเทาที่ยืนอยู่บนเวทีประมูลเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะเสนอราคาเพิ่ม มันก็เริ่มนับถอยหลังทันที


 


“210,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


อย่างไรก็ตามไม่ทันที่ชายชราชุดเทาจะได้นับครั้งที่สอง เสียงชายชราหนึ่งพลันดังออกมาจากห้องส่วนตัวของประเทศตงหมิง ยังเป็นชายชราที่นำคนของประเทศตงหมิงมาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้


 


“250,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


ในขณะที่เสียงชรากล่าวเสนนอราคาดังจบได้ไม่ทันไร เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว เป็นหวงเหยี่ยนเฟยเองก็เข้าร่วมการเสนอราคาเช่นกัน!


 


“ท่านพ่อ นี่ท่านรู้ด้วยเหรอว่ากิ่งไม้นั่นมันคืออะไร?”


 


หวงเจียหลงที่ไม่คิดไม่ฝันว่าบิดาจะโดดเข้าร่วมการประมูลกับผู้อื่นเขาด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง กล่าวถามออกไปอย่างอึ้งๆ


 


“ข้าก็ไม่รู้หรอก…”


 


อย่างไรก็ตามได้ยินคำถามด้วยความตกใจเหลือเชื่อของหวงเจียหลง หวงเหยี่ยยนเฟยเพียงส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่เห็นว่าเจ้ากิ่งไม้ประหาดนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ก็คิดจะประมูลมันกลับไปเล่นๆ….หากมีใครเพิ่มราคาอีกข้าก็ไม่เอาแล้วล่ะ”


 


“เล่น!?”


 


หวงเจียหลงถึงกับพูดไม่ออก ยังหมดสิ้นคำจะพูดแล้วจริงๆ เทียบกับมันที่เล่นพนันหินแล้ว บิดาของมันช่างมือเติบกว่ามันหลายขุม! ไม่ทันไรก็ควัก 250,000 ผลึกอมตะระดับสูงเพื่อสนองความต้องการของตัวเองหน้าตาเฉย…!!


 


“ผู้เฒ่าโม่ ท่านเล่า รู้หรือไม่ว่ามันคืออันใด?”


 


หวงเหยี่ยนเฟย พอเห็นว่าผู้เฒ่าโม่ขมวดคิ้วมองกิ่งไม้ประหลาดอยู่นานสองนาน ก็อดไม่ได้ที่จะลองถามดู


 


“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่มันมิน่าใช่กิ่งไม้ธรรมดาๆแน่…”


 


ชายชราส่ายหัวไปมา


 


“260,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


ทันใดนั้นเองเสียงชายวัยกลางคนหนึ่งพลันโพล่งดังขึ้น เกทับราคาประมูลของหวงเหยี่ยนเฟยไปในพริบตา…


 


จากนั้นชายวัยกลางคนดังกล่าวก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทันที


 


“เอ๋..นั่นมิใช่ เก่อเจิง รองเจ้าสำนักพันกร สำนักที่เป็นขุมกำลังระดับแปดหรอกหรือ?”


 


“ฮ้า! มิผิด! เป็น ‘เก่อเจิง’ หัตถ์ล่าวิญญาณไร้เงาผู้นั้น! ไม่คิดเลยว่ามันจะมาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย!!”


 


“ดูเหมือนเก่อเจิงเองก็สนใจกิ่งไม้นิรนามนั่นไม่น้อย…”


 



 


ภายในพื้นที่ปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น ไม่เพียงแต่จะมีดินแดนพันประเทศ ตระกูลใหญ่ และนิกายต่างๆเท่านั้น แต่ยังมีขุมกำลังระดับ 8 ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างพรรคสำนักอะไรทั้งหลาย ที่คิดจะช่วงชิงทรัพยากรเช่นกัน


 


อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วขุมกำลังระดับ 8 อย่างพรรค สำนักนั้น จะมีกำลังคนน้อยกว่าขุมกำลังระดับประเทศและนิกายมาก


 


แต่กระนั้นพลังของพวกมันก็ยังอยู่เหนือกว่าขุมกำลังระดับ 9 อยู่ดี


 


“300,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


ในขณะที่ทุกคนกำลังหันไปให้ความสนใจกับเก่อเจิง รองเจ้าสำนักพันกรฉายาหัตถ์ล่าวิญญาณไร้เงาที่มีชื่อเสียงพอตัว ก็ปรากฏน้ำเสียงเฉยเมยหนึ่งดังขึ้นจากห้องส่วนตัว เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนออกไปจากเก่อเจิงทันที


 


“หืม?”


 


“มาจากห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิวอีกแล้วรึ?”


 



 


เสียงที่ดังออกมาจากห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิวไม่ใช่เสียงใครที่ไหน


 


เป็นต้วนหลิงเทียนที่เสนอราคาประมูลออกไปด้วยตัวเอง!


ตอนที่ 2,976 : พฤกษาเทพกำเนิดชีพ


 


“เจ้าหนู! เจ้าต้องเอามันมาให้ได้!!”


 


“ไม่ว่าจะทำอย่างไร เจ้าต้องชิงมันมาให้จงได้!!”


 


“หากเจ้าพลาด เจ้าต้องเสียใจไปชั่วชีวิต!!”


 


ทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน  3 เทพแห่งธาตุถึงกับรบเร้าต้วนหลิงเทียนให้เอากิ่งไม้ประหลาดในมือชายชราบนเวทีประมูลมาให้ได้อย่างออกหน้าออกตา


 


จังหวะนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่รู้ว่ากิ่งไม้ประหลาดนั่นคืออะไร แต่เขาก็กล่าวราคาประมูลออกไปทันที


 


300,000 ผลึกอมตะระดับสูง!


 


หลังจากกล่าวเสนอราคาออกไป ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา


 


ทั้งเนื้อทั้งตัวเขานั้น ผลึกอมตะที่มีทั้งหมดหากแปลงเป็นผลึกอมตะระดับสูงแล้ว ก็คงมีราวๆสองแสนกว่าเห็นจะได้…


 


แต่เป็นธรรมดาว่านอกจากผลึกอมตะแล้วเขายังมีของอย่างอื่นที่แลกเป็นผลึกอมตะได้อยู่ อย่างน้อยๆเขาก็มีอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่สามารถนำออกมาขายร้อนได้ชิ้นละ 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง


 


และก่อนที่จะเข้ามาร่วมการประมูลวันนี้ เขาก็ได้ยินหวงเจียหลงกล่าวบอกไว้แต่แรกแล้ว ว่าในงานประมูลของราชวงศ์ตันจี้ สามารถใช้บางสิ่งไปจำนำเพื่อแลกกับผลึกอมตะระดับสูงมาใช้ก่อน


 


ตัวอย่างก็เช่นอุปกรณ์อมตะระดับราชา หากมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็จะสามารถจำนำได้ 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง


 


และในดินแดนพันประเทศของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น อุปกรณ์อมตะระดับราชาที่สมบูรณ์อย่างต่ำๆก็ต้องขายได้ 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง บางอย่างก็ขายได้สูงกว่านั้นมาก


 


‘อุปกรณ์อมตะระดับราชาของข้าไม่เพียงแต่จะมีสภาพดีเยี่ยม แถมพลังของมันยังไม่ใช่ชั่วอีกด้วย…หากเอาไปจำนำแล้วไม่มีผลึกอมตะระดับสูงมาไถ่จนต้องเสียไปก็นับว่าขาดทุนไม่น้อย’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบพึมพำในใจ อย่างไรก็ตามพอนึกถึงน้ำเสียงที่แลดูตื่นเต้นร้อนรนของทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เขาก็ไม่คิดมากอีก ‘อย่างไรเสีย หากได้กิ่งไม้ประหลาดนั่นมา ก็นับว่าคุ้มค่า’


 


ถึงแม้ทั้ง 3 จะไม่ได้บอกเขาว่ากิ่งไม้ประหลาดนั่นคืออะไร


 


อย่างไรก็ตามจากการเสียอาการของทั้ง 3 เขาเชื่อว่ามันไม่ใช่กิ่งไม้ธรรมดาๆแน่นอน!


 


‘กิ่งไม้ประหลาดนี่…คงไม่ใช่พฤกษาเทพครองสวรรค์ 1 ในเทพแห่งธาตุทั้ง 5 หรอกนะ?’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดาในใจ


 


เทพแห่งธาตุทั้ง 5 นั้น สอดคล้องกับ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน…


 


และตัวเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ก็ได้แก่ ทองเทพสุดลี้ลับ พฤกษาเทพครองสวรรค์ วารีเทพชำระโลกา เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน…


 


เรื่องนี้เขาเคยได้ยินเพลิงเทพโกลาหลบอกไว้ก่อนหน้า


 


“น้องต้วน?”


 


พอเห็นต้วนหลิงเทียนประกวดราคาแข่งออกไป ‘300,000 ผลึกอมตะระดับสูง’ หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงจนปากอ้าค้าง มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตางุนงงปานไก่ตาแตก


 


ด้านหวงเหยี่ยนเฟกับผู้เฒ่าโม่เองก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน


 


“เสี่ยวเทียนเจ้ารู้หรือ…ว่ากิ่งไม้นั่นคืออะไร?”


 


หวงเหยี่ยนกล่าวถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ


 


“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกลุงหวง”


 


ได้ยินคำถามของหวงเหยี่ยนเฟย ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหัวกล่าวตอบ “ข้าแค่เห็นว่ากิ่งไม้นั่นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…หากข้าพลาดมันไปข้าอาจนึกเสียใจภายหลังก็ได้”


 


“มิผิด กิ่งไม้นั่นไม่ธรรมดาจริงๆ…นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตข้าเลยก็ว่าได้ที่เคยเห็นกิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตมากมายขนาดนี้”


 


หวงเหยี่ยนเฟยกล่าว


 


“หากกิ่งไม้นี่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำหรับหลอมปรุงโอสถอมตะบางอย่าง…ข้าเชื่อว่าโอสถอมตะที่ต้องมีมันเป็นส่วนประกอบต้องยอดเยี่ยมเป็นแน่!”


 


หวงเจียหลงเองก็ฟื้นสติกลับมาแล้ว ยังหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างตื่นเต้น จากนั้นค่อยถามต่อว่า “น้องต้วน…ใช่เจ้ากำลังสงสัยว่ามันอาจเป็นวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถอันใดหรือไม่?”


 


ทว่าตอนนี้สายตาของต้วนหลิงเทียนกำลังจับจ้องไปยังกิ่งไม้บนเวทีประมูลไม่วางตา ไม่ได้สนใจคำถามของหวงเจียหลง


 


อย่างไรก็ตามการเงียบไปไม่กล่าวคำของต้วนหลิงเทียน ทั้ง 3 ล้วนเข้าใจไปทำนองเดียวกันว่าความเงียบของต้วนหลิงเทียนคือการยอมรับ


 


“นั่นมิใช่พฤกษาเทพครองสวรรค์…หากมันเป็นแค่พฤกษาเทพครองสวรรค์ คงไม่พอทำให้พวกเราทั้ง 3 แลดูคึกคักขนาดนี้หรอก!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนนึกถามในใจว่ากิ่งไม้ประหลาดนั่นที่แท้ใช่พฤกษาเทพครองสวรรค์ 1 ใน 5 เทพแห่ธาตุหรือไม่ เพลิงเทพโกลาหลก็กล่าวตอบปฏิเสธกลับมาทันที


 


“ไม่ใช่พฤกษาเทพครองสวรรค์งั้นหรือ…แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามในใจ


 


“มันคือพฤกษาเทพกำเนิดชีพ!”


 


ทองเทพสุดลี้ลับกล่าว


 


“เอ่อ แล้วพฤกษาเทพกำเนิดชีพนี่…มันคืออะไรหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกรอบ


 


“อั้ย! เจ้าหนูเอย ถามได้ถามดีจริง ตอนนี้เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพมันคืออะไร…เจ้าแค่รู้ไว้ก็พอ ว่าตราบใดที่เจ้าได้ 1 ในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมา วันหน้าเจ้าอาจมีโอกาสเข้าใจหนึ่งในกฏสูงสุดอย่าง ‘กฏแห่งชีวิต’ ก็พอ”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวตอบ และเสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของมันคราวนี้ก็เต็มไปด้วยความเคารพบูชา ราวกับพุทธศาสนิกชนพบเจอพระพุทธเจ้าก็ไม่ปาน..


 


“กฏแห่งชีวิต มิใช่กฏ ที่เจ้าจะเข้าถึงได้ผ่านวรยุทธ์หรือเวทย์พลังใดๆ…กฏอื่นๆที่ไม่ใช่กฏสูงสุดกล่าวไปก็ไม่ต่างจากกฏชั้นรอง ความแตกต่างกับกฏสูงสุดยังต่างกันราวสวรรค์และโลก”


 


“และกฏแห่งชีวิตที่ข้าเอ่ยถึง ก็คือ 1 ในไม่กี่กฏสูงสุดที่ว่า”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวเสริม


 


“กิ่งไม้ที่เจ้าเห็นเบื้องหน้านั้น ในฐานะที่มันเป็น 1 ในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ มันย่อมทำประโยชน์ให้เจ้าได้มหาศาลเชียวล่ะเจ้าหนู และไม่เพียงแต่จะทำให้เจ้ามีโอกาสเข้าถึงกฏแห่งชีวิตเท่านั้น…ยังมีพลังอำนาจวิเศษอีกมากมาย และจะเป็นประโยชน์กับเจ้าในภายภาคหน้า”


 


ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวถึงจุดนี้ก็หยดลงเล็กน้อย ค่อยเอ่ยต่อว่า “และเป็นธรรมดาว่ามันสามารถช่วยพวกเราได้มากเช่นกัน”


 


วาจาประโยคท้ายของทองเทพสุดลี้ลับ น้ำเสียงยังแฝงความตื่นเต้นเอาไว้ไม่น้อย


 


“เจ้าหนู…ตราบใดที่เจ้าเอากิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่นมาได้นะ…ข้าไม่เพียงแต่จะบอกเจ้าทันทีเลยว่าข้าสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง ต่อไปไม่ว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ข้าจะช่วยเจ้าทันทีเลยเอ้า!!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเอ่ยออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงเด็กน้อยไม่หย่านมฟังแล้วคล้ายกระตือรือร้นถึงขีดสุด


 


ได้ยินคำพูดดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงทันที


 


ดูเหมือนว่ากิ่งไม้ประหลาดที่สมควรเป็นกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ว่าสามารถช่วยเหลือพววกทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินได้มากจริงๆ…


 


หาไม่แล้วทั้ง 3 คงไม่กระตุ้นเขาอย่างออกนอกหน้าขนาดนี้


 


“310,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในโถงประมูล เป็นเก่อเจิง รองเจ้าสำนักพันกรได้เอ่ยราคาประมูลเกทับออกมา ทำให้ราคาที่ต้วนหลิงเทียนเสนอแพ้ไปทันที


 


ทว่าไม่ทันรอให้ทุกคนได้ตั้งตัว


 


ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาอีกครั้งก่อนว่า “350,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


และพอเขาเปิดปากกล่าวคำ เขาก็เพิ่มผลึกอมตะระดับสูงไปอีก 40,000 ชิ้นทันที!


 


เก่อเจิงขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกเหนือคาดอยู่บ้าง คนในห้องส่สวนตัวของประเทศฝูชิวผู้นั้น กลับทุ่มทุนเพื่อกิ่งไม้ประหลาดที่ไม่มีใครรู้จักมากมายถึงขนาดนี้


 


และหลังต้วนหลิงเทียนเสนอราคาออกไป เก่อเจิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก


 


สำหรับมันแล้ว เหตุผลที่ประมูลกิ่งไม้ประหลาดนั่นก็เพราะความสนใจ และอยากได้ไปสะสมเท่านั้น


 


เพื่อของสะสมแล้ว 310,000 ผลึกกอมตะระดับสูงเป็นเพดานราคาสูงสุดที่มันสามารถจ่ายได้ไหว


 


“ผู้ที่กล่าวเสนอราคาในห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว…ดูเหมือนจะไม่ใช่หวงเหยี่ยนเฟยเจ้าเมืองตู้อวิ๋นของประเทศฝูชิวคนนั้นนี่นา?”


 


“ฟังจากเสียงแล้วดูเหมือนยังเป็นชายหนุ่ม…เท่าที่ข้ารู้มาคนของประเทศฝูชิวที่มาเข้าร่วมงานประมูลวันนี้มีชายหนุ่มอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น 1 ในนั้นคือหวงเจียหลงลูกชาคนที่ 4 ของหวงเหยี่ยนเฟย ส่วนอีกคนก็คืออัจฉริยะอันน่ากลัวนามต้วนหลิงเทียนที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศฝูชิว”


 


“เสียงนี้…สมควรเป็นของต้วนหลิงเทียนผู้นั้น”


 



 


ในปัจจุบันผู้คนก็เริ่มคาดเดากันได้แล้วว่าผู้ที่เสนอราคาก็คือต้วนหลิงเทียน


 


‘ต้วนหลิงเทียน?’


 


‘หรือว่า… มันก็รู้จักพฤกษาเทพกำเนิดชีพด้วย?’


 


ภายในห้องส่วนตัวของประเทศตงหมิง ชายหนุ่มชุดเทาที่มีใบหน้าเฉยเมยตอนนี้ ในลูกตากลับทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง


 


และชายหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ ‘หลิงเจวี๋ยอวิ๋น’ อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิง


 


ตั้งแต่วินาทีแรกที่ชายชราเปิดกล่องหยกขาวออกมา หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ตระหนักได้ทันทีว่านั่นคือ หนึ่งในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ


 


กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าสำหรับคนธรรมดาทั่วไป


 


และผู้คนส่วนใหญ่ที่หวังจะได้รับกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ก็ล้วนหวังว่าตัวเองจะมีโอกาสเข้าถึงกฏแห่งชีวิต


 


อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวมันแล้ว ด้วยกฏที่มันเข้าใจและขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลมัน เป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับกฏแห่งชีวิตอย่างสิ้นเชิง ทำให้ชั่วชีวิตมันไม่เอาเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้เลย


 


“350,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 1!”


 


“350,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 2!”


 


หลังจากต้วนหลิงเทียนเสนอราคาไปแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเสนอราคาสู้อีก ชายชราที่อยู่บนเวทีเห็นว่าในเมื่อราคานิ่งแล้ว มันก็เริ่มทำการนับถอยหลังทันที


 


‘ไม่รู้ว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ที่แท้มันรู้ว่านี่คือกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพจริงๆ หรือเพียงแค่สนใจอยากได้ไปเก็บไว้กันแน่…’


 


‘หากเป็นอย่างแรก ท่าทางต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ…เพราะสุดท้ายแล้วให้มองไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้กระจ้อยร่อยนี่ ให้เป็นจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้นั่น ก็ไม่มีวันรู้ด้วยซ้ำว่านี่คือกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ’


 


‘และถ้าหากเป็นอย่างหลัง เจ้าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ก็นับว่ามีโชคเทียมฟ้าจริงๆ…’


 


พอเห็นว่ากิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพกำลังจะตกอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋นอวิ๋นที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของประเทศตงหมิงก็ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อย


 


อย่างไรก็ตาม แต่ต้นจนจบมันไม่คิดจะบอกคนของประเทศตงหมิงเลยว่านั่นคือกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ


 


เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้มันพูดไป คนของประเทศตงหมิงก็ไม่มีวันเข้าใจ และอาจจะไม่เชื่อมัน


 


นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ตัวตนที่แท้จริงของมันอาจจะถูกเปิดเผยอีกด้วย


 


ดังนั้นมันจึงไม่คิดอะไรจะพูดอะไรกับคนของประเทศตงหมิงให้มากความ


 


“350,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 3….ขาย!!”


 


ตอนนี้เองชายชราบรเวทีประมูลก็นับย้อนหลังจบ และประกาศขายให้แก่ต้วนหลิงเทียนทันที  บ่งบอกว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคือเจ้าของกิ่งไม้ประหลาดแล้ว


 


กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนประสบผลสำเร็จและได้กิ่งไม้ประหลาดนั่นมาครอง


 


“เอ่อ น้องต้วน…ท่านมีผลึกอมตะระดับสูงไม่พอหรือ?”


 


ภายในห้องส่วนตัว หวงเจียหลงได้แต่มองถามต้วนหลิงเทียนตาปริบๆ


 


“ข้ามีแค่ผลึกอมตะระดับกลางราวๆ 25 ล้านก้อนเท่านั้น จำนวนนี้สามารถเปลี่ยนเป็นผลึกอมตะระดับสูงได้ 250,000 ชิ้น ส่วนผลึกอมตะระดับสูงอีกแสนชิ้นที่ขาด ข้าก็แค่เอาอุปกณ์อมตะระดับราชาไปจำนำสักชิ้น…”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้ม


 


ถึงแม้ว่าผลึกอมตะในมือเขาจะมีไม่พอจ่าย อย่างไรก็ตามแค่เขาเอาอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาวางไว้สักชิ้นเป็นหลักประกัน ก็เพียงพอแล้ว


 


“เสี่ยวเทียน เจ้าไม่ต้องเอาอุปกรณ์อมตะระดับราชาไปจำนำให้ยุ่งยากหรอก”


 


หวงเหยี่ยนเฟยกล่าวขัดต้วนหลิงเทียน ก่อนจะพูดเสริมต่อว่า “เอาแบบนี้เป็นไง ข้าให้เจ้ายืมก่อน 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง…วันหลังพอเจ้ามีแล้ว ก็ค่อยคืนผลึกอมตะระดับสูงให้ข้า”


 


“ถ้างั้นข้าต้องขอขอบคุณลุงหวงมาก”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีว่าที่หวงเหยี่ยนเฟยทำแบบนี้เพื่อกันไม่ให้เขานำอุปกรณ์อมตะระดับราชาไปจำนำ เพราะเมื่อนำไปจำนำแล้วเขาก็เสมือนถูกกำหนดให้พบกับความสูญเสีย อย่างน้อยๆก็ดอกเบี้ยแพงหูฉี่ยามไถ่ แถมหากมาไถ่ไม่ทันเวลา ก็มีอันต้องหลุดจำนำ…


 


ที่หวงเหยี่ยนเฟยเสนอเรื่องให้ยืมออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้เขาต้องลำบาก และวุ่นวายกับการวิ่งเต้นหาผลึกอมตะมาไถ่ของ


 


เขาก็เลยไม่คิดจะปฏิเสธ


 


ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความมั่นใจอีกว่า จะใช้ไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 หลอมโอสถเฉียนจินออกมาได้สำเร็จ และคงไม่ยากที่เขาจะขายหนึ่งในนั้นออกไปในราคาแสนผลึกอมตะระดับสูง


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนรับกิ่งไม้ประหลาดมาแล้วส่งแหวนพื้นที่ๆมีผลึกอมตะใส่ไว้ครบจำนวน หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


“น้องต้วน…ข้าละยอมใจท่านเลยจริงๆ…”


 


“ผลึกอมตะระดับกลางตั้ง 25 ล้านชิ้น…นี่ท่านไปปล้นเหมืองมาหรือ?”


ตอนที่ 2,977 : ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินออกโรง!


 


ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้มีผลึกอมตะระดับสูงติดตัวอะไรมากมาย


 


กระทั่งในตอนที่เขาใช้มันซื้อหินดิบที่ย่านซีฟาง เขาก็ใช้ผลึกอมตะระดับสูงในมือไปแทบหมดแล้ว


 


แต่เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะมีผลึกอมตะระดับสูงไม่มาก แต่ผลึกอมตะระดับกลางนั้นไม่ใช่!


 


เพราะตอนที่ยังอยู่ในพื้นที่ชายแดน เขาได้เข่นฆ่ายอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 9 ตำหนักของนิกายอมตะสราญรมย์ ยังมีขุนนางอมตะ 10 ทิศของนิกายสวรรค์ลี้ลับ แถมยังมีราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดที่พึ่งทะลวงของนิกายอมตะสราญรมย์นั่นอีกคน


 


เรียกว่าอาศัยแค่ทรัพยส์สินตัวในแหวนพื้นที่ของทั้ง 3 คนนี่ไม่ต้องรวมถึงแหวนพื้นที่ยอดฝีมือคนนอื่นที่เขาจบชีวิตพวกมันไป ก็ทำให้เขานับว่าร่ำรวยติดอันดับในพื้นที่ชายแดนได้เลย!


 


อาศัยแค่ในแหวนพื้นที่ของทั้ง 3 ก็มีผลึกอมตะระดับกลางให้เขา 20 กว่าล้านชิ้น!


 


เป็นเพราะเหตุนี้เองทำให้ที่ตัวเขามีผลึกอมตะระดับกลางไว้ในครอบครองจำนวนมหาศาลถึง 25 ล้านชิ้น!


 


“ผลึกอมตะระดับสูงมีแค่ 100,000 ชิ้น แต่ผลึกอมตะระดับกลางกลับมีถึง 25,000,000 ชิ้น…หรืออัจฉริยะของประเทศฝูชิวผู้นี้จะเป็นผู้ฝึกตนอิสระ ทั้งยังโชคดีพบเจอสายแร่ผลึกอมตะระดับกลางไร้เจ้าของ?”


 


บนเวทีประมูล ชายชราที่ได้รับแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนมา พอตรวจสอบผลึกอมตะในแหวนมันก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง จึงกล่าวพึมพำออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว


 


ในสายตามัน


 


ไม่ต้องกล่าวถึงในประเทศตันจี้ของพวกมันด้วยซ้ำ แม้จะให้มองไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้ ก็คงมีคนจำนวนแค่หยิบมือเท่านั้น ที่ครอบครองผลึกอมตะระดับกลางมากกว่า 20 ล้านก้อนแบบนี้…


 


แน่นอนว่านี่เป็นความคิดของชายชราเท่านั้น


 


และตอนนี้ชายชราก็ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ ว่าชายขอบของพื้นที่ภาคกลางสวรรค์ใต้ เมื่อออกนอกจากม่านพลังกั้นแดนไปแล้ว…ยังมีสถานที่อันเรียกว่าพื้นที่ชายแดนอยู่อีก!


 


ในพื้นที่ชายแดนล้วนมีแต่สายแร่ผลึกอมตะระดับต่ำ กับผลึกอมตะระดับกลางนั้นมันยังพอให้ผลผลิตได้บ้าง แต่ผลึกอมตะระดับสูงนั้นมันไม่อาจผลิตออกมาได้เลย


 


ทำให้แม้ในพื้นที่ชายแดนจะมีผลึกอมตะระดับสูงหมุนเวียนอยู่บ้าง หากแต่ทั้งหมดล้วนมาจากพื้นที่ภาคภลางทั้งสิ้น และมีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


ด้วยเหตุนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะเข่นฆ่าสังหารยอดฝีมือระดับแนวหน้าของพื้นที่ชายแดนไปหลายคนและริบสินสงครามมา แต่ส่วนใหญ่เขาก็ได้มาแค่ผลึกอมตะระดับกลางเท่านั้น แทบไม่มีผลึกอมตะระดับสูงเลย นับได้ก็ไม่กี่พันชิ้นเท่านั้น


 


ที่มีมากหน่อย ก็คือผลึกอมตะระดับกลางนั่นเอง


 


และเป็นธรรมดาว่าเขายังมีผลึกอมตะระดับต่ำอีกด้วย…ซึ่งมันมากมายจนเขาไม่คิดจะไปนับด้วยซ้ำ!


 


“น้องต้วน…ข้าละยอมใจท่านเลยจริงๆ…”


 


“ผลึกอมตะระดับกลางตั้ง 25 ล้านชิ้น…นี่ท่านไปปล้นเหมืองมาหรือ?”


 


ในขณะที่หวงเจียหลงมองกล่าวพลางยกนิ้วโป้งให้ต้วนหลิงเทียนอย่างซูฮก หวงเหยี่ยนเฟยกับผู้เฒ่าโม่ก็อดไม่ได้ที่จะมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสนใจ


 


“พี่เจียหลงก็พูดไป ข้าไปปล้นเหมืองอะไรที่ไหนเล่า ผลึกอมตะระดับกลางพวกนั้น เป็นข้าได้มาตอนยังอยู่ในพื้นที่ชายแดนน่ะ…และในพื้นที่ชายแดนนั้น นับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะพบเจอผลึกอมตะระดับสูงสักก้อน”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆ


 



 


การประมูลที่ทางตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้จัดขึ้น เมื่อต้วนหลิงเทียนปิดประมูลกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพซึ่งเป็นรายการสุดท้ายไปแล้ว เช่นนั้นงานประมูลจึงสิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้…


 


เป็นธรรมดาว่าคนอื่นๆนั่นไม่รู้ว่ากิ่งไม้ประหลาดนั่น ก็คือหนึ่งในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ


 


ถึงแม้จะมีใครไปบอกพวกมันว่านี่คือกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนะ แต่เกรงว่าพวกมันก็คงไม่รู้จักอยู่ดีว่าแล้วมันคืออันใด…นับประสาอะไรกับคุณค่าของมัน!


 


พฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น อย่าว่าแต่แดนสวรรค์ใต้เลย ต่อให้กวาดตามองไปทั่วทั้งหลิงหลัวเทียน แต่เกรงว่าแทบไม่มีคนที่ล่วงรู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ!


 


หลังจบงานประมูล ต้วนหลิงเทียนก็พาหลิวก่วงหลินติดตามหวงเหยี่ยนเฟยไปพร้อมกับหวงเจียหลงและผู้เฒ่าโม่เพื่อย้อนกลับไปยังตำหนักที่พักในพระราชวังหลวงของประเทศตันจี้


 


และไม่ทันกลับถึงที่พัก ทั้งหมดก็พบเจอเหอเฟิง ผู้ตรวจการควบคำแหน่งผู้บัญการการกองทหารองครักษ์เข้าระหว่างทาง และดูท่าอีกฝ่ายยังจงใจมาหาโดยเฉพาะ เพราะเมื่อเดินมาถึงอีกฝ่ายก็ยิงคำถามออกมาตรงๆว่า


 


“เจ้าเมืองหวง ที่แท้ท่านทำได้อย่างไรกันแน่? ผู้ที่นำคนของประเทศตงหมิงกับโม่หลุนมาครานี้หาใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันไม่…แต่ท่านกลับทำให้พวกมันล้มเลิกการประมูลไส้เดือนฝอยทองได้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!”


 


เหอเฟิงกล่าวจบคำ ลูกตามันก็ฉายชัดถึงความสนใจใคร่รู้


 


“ผู้ตรวจการเหอ นี่ท่านอยากรู้เอง…หรือมีผู้ใดอยากรู้?”


 


หวงเหยี่ยนเฟยหยีตามองจ้องเหอเฟิงพลางถาม


 


“เอ่อ เป็นฝ่าบาทที่สงสัยและให้ข้ามาถามท่านนั่นล่ะ…แต่ข้าเองก็อยากรู้จริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วคนของประเทศโม่หลุนกับตงหมิงที่ดั้นด้นมาครานี้ก็เพื่อประมนูลไส้เดือนฝอยทองนี่โดยเฉพาะ…แต่ในเวลาสำคัญพวกมันกลับล้มเลิกไปดื้อๆ ยังมีผู้ใดไม่อยากรู้อีกเล่า?”


 


“อีกทั้งตราบใดที่ยังพอมีหัวคิดอยู่บ้าง ก็แทบจะมองออกทันที…ว่าต้นเหตุของเรื่องนี้ ไม่พ้นเป็นฝีมือของท่าน เจ้าเมืองหวงแน่แท้!”


 


เหอเฟิงกล่าว


 


“อันที่จริง มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก”


 


ได้ยินคำถามของเหอเฟิง หวงเฟยเหยี่ยนเพียงกล่าวตอบออกไปสบายๆ “ข้าแค่บอกพวกมันไป ว่าตราบใดที่ข้าได้ไส้เดือนฝอยทองสองตัวนั่นมา ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาที่ข้าเชิญมาย่อมสามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้ 2 เม็ด”


 


“โอสถเฉียนจินเม็ดหนึ่งเป็นข้าคิดเก็บไว้…ส่วนอีกเม็ดข้าสามารถให้พวกมันทั้งคู่แข่งกันประมูล”


 


“ด้วยเหตุนี้พวกมันทั้งคู่จึงเลิกคิดประมูลไส้เดือนฝอยทองแข่งกับข้า”


 


เห็นได้ชัดว่าหวงเหยี่นเฟยไม่ได้คิดปกปิดเรื่องนี้แต่แรก


 


เป็นธรรมดาว่ามันรู้ดีว่าต่อให้คิดจะปกปิด ก็คงยากจะปกปิด


 


สิบวันหลังจากนี้ คนของประเทศโม่หลุนหรือตงหมิงไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ก็ต้องมีคนชวดโอสถเฉียนจินอยู่ดี ถึงตอนนั้นพวกมันก็คงไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้ต่อแน่นอน


 


“ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา!?”


 


ใจเหอเฟิงสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ เมื่อไดยินคำตอบของหวงงเหยี่ยนเฟย เพราะมันคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้ฟังคำตอบทำนองนี้!


 


ถึงแม้ว่าฮ่องเต้ตันจี้ของมัน อยากจะเชิญปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามาหลอมโอสถเฉียนจินให้ จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่นับว่าต้องจ่ายราคาออกไปมหาศาล!


 


ที่ไฉนฮ่องเต้ตงหมิงกับฮ่องเต้โม่หลุนต้องการไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัว ก็เพราะพวกมันไม่คิดจะจ่ายราคามหาศาลเพื่อจ้างวานปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา…


 


พวกมันตั้งใจจะให้ปรมาจารารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางที่มีความมั่นใจมากๆหน่อยเป็นผู้หลอมโอสถเฉียนจินแทน เช่นนั้นจึงต้องการไส้เดือนฝอยทองทั้งสองตัว อย่างน้อยๆโอกาสสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว


 


“ฮ่องเต้ประเทศฝูชิวช่างใจถึงยิ่งนัก!”


 


เหอเฟิงเหลือบมองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


เห็นได้ชัดว่าเหอเฟิงนั้นคิดไปว่า ทั้งหมดเป็นเพราะฮ่องเต้ฝูชิวคาดหวังงไว้กับต้วนหลิงเทียนอย่างสูง จึงยินดีทุ่มทุนจ้างวานปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามาหลอมโอสถเฉียนจินให้โดยเฉพาะ! ทั้งหมดเพื่อให้ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสุดยอดได้ทันเวลาก่อนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำจะเปิดออก…!!


 


ความใจถึงและความกล้าหาญนี้ ไม่ใช่อะไรที่ฮ่องเต้โม่หลุนหรือฮ่องเต้ตงหมิงจะมีได้


 


ทว่าเหอเฟิงไม่เคยคิด กระทั่งหลับยังไม่อาจฝันถึง ว่าผู้ที่จะใช้ไส้เดือนฝอยทองทั้งสองหลอมโอสถเฉียนจิน หาใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาไม่ แต่เป็นตัวต้วนหลิงเทียนเอง!


 


หลังจากเหอเฟิงได้รับฟังสิ่งที่ต้องการแล้วมันก็ประสานมืออำลา ขอตัวจากไป


 


ด้านพวกต้วนหลิงเทียนก็กลับมายังตำหนักที่พักที่ทางประเทศตันจี้จัดเตรียมไว้ให้


 


“เสี่ยวเทียน เรื่องหลอมโอสถเฉียนจินนั้น หากเจ้ายังต้องการสิ่งใดโปรดบอกข้า…ข้าจะช่วยหลือเจ้าสุดกำลัง!”


 


หลังกลับมาถึงตำหนักที่พัก หวงเหยี่ยนเฟยก็พูดกับต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจัง


 


ถึงแม้มันจะเชื่อในตัวต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามพอคิดว่าอีก 10 วันหลังจากนี้ หากไม่มีโอสถเฉียนจินไปให้คนของอีก 2 ประเทศประมูลแข่งกันจริงๆ ไม่พ้นมันก็เสมือนผิดใจกับราชาอมตะของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงพร้อมๆกัน แค่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หวงเหยี่ยนเฟยก็เครียดแล้ว


 


“ลุงหวงขอท่านอย่าได้กังวลไปเลย ข้าไม่ทรยศความเชื่อใจของท่านหรอก”


 


หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหวงเหยี่ยนเฟยด้วยรอยยิ้มแล้ว จากนั้นเขาก็อำลาอีกฝ่ายและขอตัวกลับที่พัก เมื่อมาถึงเขาก็คิดจะหลอมโอสถเฉียนจินเลย


 


และมีเพียงแต่ตัเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเขาไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงงธรรมดาๆ


 


ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงนั้น โดยปกติแล้วจะอาศัยเพลิงอมตะในการหลอมปรุงโอสถ ทว่าตัวเขากลับใช้เพลิงเทพโกลาหล!


 


ถึงแม้ว่าพลังของเพลิเทพโกลาหลขั้นที่ 3 จะเทียบได้กับเพลิงอมตะระดับสูง และในบางแง่มันเทียบได้กับเพลิงอมตะระดับสูงสุด แต่อย่างไรก็ยังไม่ใช่เพลิงอมตะระดับสูงสุด


 


บางแง่มุมเพลิงอมตะระดับสูง ก็ไม่อาจเทียบกับเพลิงอมตะระดับสูงสุดได้เลย


 


“เหอะๆ…สหายตัวน้อยปฐพี เจ้าไม่ใช่ลั่นวาจาไว้หรือ…ว่าตราบใดที่เจ้าหนูนี่เอากิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมาได้ ตราบใดที่ต้องการความช่วยเหลือ เจ้าก็จะช่วยเหลือทันทีมิใช่รึ?”


 


เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในร่างกายของต้วนหลิงเทียน เป็นเสียงทองเทพสุดลี้ลับ เมื่อฟังจากถ้อยคำแล้วเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอยู่กับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน


 


“ถึงแม้ด้วยพรสวรรค์และความสามารถในการหลอมโอสถของเจ้าหนูนี่กับความช่วยเหลือของอาวุโสเพลิง เรื่องที่จะหลอมโอสถเฉียนจินให้สำเร็จนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้เต็มสิบส่วนว่าจะสำเร็จ…ทว่าหากเจ้าลงมือช่วยเหลือ ย่อมมั่นใจได้ว่าต้องสำเร็จเต็มสิบส่วนแน่”


 


ทองเทพสุดลี้ลับกล่าว


 


“หืม?”


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของทองเทพสุดลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเดาได้รางๆ ว่าไม่พ้นปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินต้องมีความสามารถอะไรบางอย่าง ที่ช่วยให้เขาหลอมโอสถเฉียนจินสำเร็จได้แน่นอน!


 


เรียกว่าหลังได้ยินวาจานี้ของทองเทพสุดลี้ลับ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที


 


ตราบใดที่ปฐพีแรกกำเนิดฟ้าดินลงมือ อัตราความสำเร็จจะเต็มสิบส่วน?


 


ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้แม้เขาจะมั่นใจว่าสามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้ แต่เขาก็มั่นใจราวๆ 9 ส่วนเท่านั้น กล่าวให้ชัดเขามั่นใจแค่ราวๆ 8-9 ส่วน!


 


แต่ตอนนี้ฟังจากคำพูดของทองเทพสุดลี้ลับ เห็นได้ชัดว่าขอเพียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเต็มใจยื่นมือเข้าช่วย เรื่องหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่แน่นอน!


 


พอนึกถึงเรื่องที่ตอนนี้หวงเหยี่ยนเฟยกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลขนาดไหน ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ คิดร้องขอความช่วยเหลือจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดอะไรเด็ดขาด


 


“เพ่ยๆๆ! ใครคือสหายตัวน้อยของเจ้ากัน! อีกอย่างนะ ข้าน่ะไม่ต้องให้เจ้ามาเตือนหรอก!!”


 


ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะเอ่ยปาก ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินพลันโพล่งออกมาเสียงก่อน “อะไรที่ข้าพูดไป ข้าย่อมจดจำได้อยู่แล้ว!!”


 


หลังจากสบถใส่ทองเทพสุดลี้ลับอย่างฮึดฮัด ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็หันมาเอ่ยคำกับต้วนหลิงเทียน “เจ้าหนู เอาเตาหลอมโอสถอมตะของเจ้าออกมาเสีย”


 


ได้ยินคำของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน แม้ต้วนหลิงเทียนจะสงสัยว่าอีกฝ่ายิคดจะทำอะไร แต่เขาก็ยังเรียกเตาหลอมโอสถอมตะออกมาตำคำขออีกฝ่ายทันที


 


และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเรียกเตาหลอมโอสถอมตะออกมา เขาก็พบว่ามีพลังลี้ลับขุมหนึ่งที่หลั่งไหลออกมาจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่ฝังตัวกับกระดูกต้นแขนขวาเขา มาผนึกควบรวมที่มือจนฝ่ามือเขาเริ่มทอแสงสีกากีออกมาเรืองๆ


 


จากนั้นไม่นานพลังสีกากีดังกล่าวก็พวยพุ่งออกจากมือขวาเขาดั่งมังกรปฐพี บึ่งตรงไปผสานหลอมรวมเข้ากับเตาหลอมโอสถอมตะที่เขาเรียกออกมาเบื้องหน้า!


 


ซูวว!


 


เตาหลอมโอสถอมตะสั่นไหวครู่หนึ่ง จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ชัด ว่าตัวเตาคล้ายมีม่านพลังแสงสีกากีฉายเคลือบไว้อีกชั้นทั้งภายในและภายนอก


 


“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน สามารถผสานพลังเข้ากับอุปกรณ์อมตะใดๆรวมทั้งเตาหลอมโอสถอมตะของปรมาจารย์โอสถ และมันจะช่วยยกระดับพลังอำนาจของอุปกรณ์อมตะดังกล่าวไปอีกขั้น ซึ่งในที่นี้จะเป็นการยกระดับอัตราการหลอมโอสถอมตะของเจ้าให้สำเร็จมากขึ้น กอปรกับมีข้าช่วยเหลือ โอสถเฉียนจินย่อมหลอมได้สำเร็จเต็มสิบส่วน”


 


ขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัยว่าแสงพลังสีกากีนี้มีความสามาถรอะไร เสียงของเพลิงเทพโกลาหลพลันดังขึ้นอ่างประจวบเหมาะ


 


“เช่นนั้นพวกเราเริ่มกันเลยเถอะ”


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตะลึงกับความสามารถดังกล่าว ก็เป็นเพลิงเทพโกลาหลกล่าวขึ้นอย่างไม่รอช้า


 


ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ดึงสติกลับมา และเริ่มสงบสติสำรวมใจ ทำสมาธิเตรียมหลอมโอสถ


 


โอสถเฉียนจินนั้นได้ชื่อว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงที่หลอมยากที่สุดในบรรดาโอสถอมตะระดับสูง ขั้นตอนการหลอมก็สลับซับซ้อนมาก ควบคุมพลังผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อยก็อาจสูญเสียทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามเรื่องสลับซับซ้อนที่ว่า สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว…มันกระจ่างดุจฝ่ามือตัวเอง!


 


เพราะสุดท้ายแล้วทักษะความสามารถในการหลอมโอสถอมตะของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ได้ก้าวข้ามปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงไปไกล ยังเหนือกว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนาง จนเทียบเทียมได้กับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาเบื้องต้นแล้ว


 



 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มต้นหลอมโอสถเฉียนจินอย่างตั้งใจ เหล่าคนของประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุนก็ได้รับทราบเรื่องราวความเป็นไปจากผู้นำของพวกมัน


 


ว่าไฉนวันนี้ในงานประมูล อีกฝ่ายถึงไม่ช่วงชิงไส้เดือนฝอยทองังกำชับให้พวกมันไม่ออกปากเสนอราคาประมูล


 


“อะไรนะ! คนของประเทศฝูชิว…ถึงกับจ้างวานปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามาจริงๆ?”


 


“ฮ่องเต้ฝูชิวช่างใจถึงและทุ่มทุนสร้างครั้งยิ่งใหญ่โดยแท้!”


 


“ข้าว่าฮ่องเต้ฝูชิวคงไม่ใจถึงขนาดนั้นหรอก…ข้าเดาว่าเรื่องนี้ไม่พ้นต้องมีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาจากเผ่าพยัคฆ์เหิน ที่เต็มใจช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนคนนั้นมากกว่า!”


WSSTH ตอนที่ 2,978 : ต้วนหลิงเทียนออกมาแล้ว!


 


 


“เผ่าพยัคฆ์เหินรึ?”


 


“มิผิด หากจะกล่าวให้ชัดก็คือเผ่าพยัคฆ์เหินสาขาคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา!”


 


“จริงสิ! พอเจ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าก็นึกขึ้นได้…ไม่กี่วันก่อนรองหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์เหินไป๋เจิ้นเยว่ได้มารับกระบี่อมตะจอมราชันด้วยตัวเองถึงพระราชวังหลวงตันจี้!”


 


“หากพวกเจ้ายังมีใครไม่ทราบเรื่องราว ข้าจะบอกให้ฟัง…ไม่กี่วันก่อนต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงได้ไปเล่นพนันหิน และในบรรดาหินดิบที่เปิดออกมา กลับพบว่ามีกระบี่อมตะจอมราชันเล่มหนึ่ง! สุดท้าย ‘ไป๋กัง’ พยัคฆ์เหินลายทองแดงที่อยู่ในจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋น จึงเลือกที่จะส่งมอบให้เผ่าพยัคฆ์เหินสาขาคฤหาสน์เฉวียนโยว!!”


 


“หากพวกเจ้าล่วงรู้เรื่องนี้ พวกเจ้าคงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก…ไป๋กังสร้างความดีความชอบขนาดนี้เผ่าพยัคฆ์เหินที่ขึ้นชื่อเรื่องซื่อตรงย่อมไม่คิดเอาเปรียบ! ต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงที่เป็นผู้ค้นพบก็มีความดีความชอบใหญ่หลวง ทั้งคู่ย่อมได้รับรางวัลจากเผ่าพยัคฆ์เหินไม่น้อย กับอีแค่ส่งปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามาหลอมโอสถเฉียนจินให้ นับเป็นเรื่องขี้ประติ๋วด้วยซ้ำ!!”


 



 


ถึงแม้เรื่องนี้ผู้คนของประเทศตงหมิงกับประเทศโม่หลุนจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พวกมันก็คาดเดาเรื่องราวส่วนใหญ่ได้ออก


 


“คนของฝูชิว ยังบอกให้พวกเราไปรอประมูลโอสถเฉียนจินที่โถงตำหนักที่พักของพวกมันหลังจากนี้อีกสิบวัน…ถึงตอนนั้นระหว่างเรากับคนของประเทศโม่หลุน ผู้ใดจ่ายหนักกว่าก็จักได้โอสถเฉียนจินมา”


 


ชายชราที่เป็นผู้นำคระเดินทางของประเทศตงหมิง หันไปมองกล่าวกับคนของประเทศตงหมิง


 


“โอสถเฉียนจิน!”


 


เดิมสีหน้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่แลดูเฉยเมยไร้แยแสสรรพสิ่ง พอได้ยินเรื่องโอสถเฉียนจินยังอดไม่ได้ที่จะเผยอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้เห็นอยู่บ้าง!


 


ถึงแม้ก่อนหน้านี้มันจะหวังเรื่องได้รับไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 มา และอาจได้รับโอสถเฉียนจินอยู่บ้าง


 


ทว่าด้วยความที่ไร้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา ทำให้โอกาสหลอมโอสถเฉียนจินออกมาสำเร็จมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจึงไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มากมาย สุดท้ายก็มีโอกาสหลอมได้แค่สองครั้งเท่านั้น…


 


ทว่าตอนนี้พอทราบว่าโอสถเฉียนจินนั้น ต้องหลอมออกมาได้แน่แท้ ความคาดหวังเล็กๆในใจของมันย่อมมลายหายไป กับกลายเป็นการตั้งหน้าตั้งตอรอคอยอย่างมุ่งมาด!


 


“ผู้เฒ่าหู โอสถเฉียนจินเม็ดนั้น ข้าต้องการมันมาให้จงได้!”


 


หลิงเจวี๋ยอวิ๋นหันไปมองผู้เฒ่าหู ชายชราผู้นำคณะเดินทางของประเทศตงหมิง พลางส่งเสียงผ่านพลังกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องที่ฝ่าบาทสมควรกำหนดขีดจำกัดที่จะจ่ายได้ไหวเพื่อประมูลไส้เดือนฝอยทองมากับท่าน แม้ท่านจะไม่พูดข้าเองก็รู้อยู่แล้ว…อย่างไรก็ตามหากครั้งนี้ผู้เฒ่าหูช่วยให้ข้าได้รับโอสถเฉียนจินมาล่ะก็ วันหน้าไม่เพียงข้าจะตอบแทนผู้เฒ่าหูด้ววยผลึกอมตะระดับสูงอย่างงาม แต่ให้ถือว่าข้าติดค้างผู้เฒ่าหูเรื่องหนึ่ง!”


 


เมื่อเสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังจบคำ ก็เปิดเผยให้เห็นความทะยานอยากของมันในเรื่องโอสถเฉียนจินออกมา!


 


“สหายน้อยหลิง ด้วยวาจานี้ของท่าน ต่อให้ข้าข้าต้องลุยทะเลเพลิงบุกฝ่าหุบเขามีดดาบ ข้าก็จักนำมันมาให้ท่านให้ได้!”


 


ชายชราส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับเป็นมั่นเหมาะ สองตาสีโคลนยังทอประกายวับวาวออกมา


 


ตัวมันนั้นมองประเมินหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ไว้สูงลิบ!


 


กระทั่งระหว่างเดินทางออกมาจากประเทศตงหมิงเพื่อมุ่งหน้ามาที่นี่ มันยังตระหนักได้รางๆว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นไม่คล้ายผู้ฝึกตนอิสระ แต่กลับเป็นเหมือนคุณชายนายน้อยอันสูงศักดิ์จากตระกูลอันยิ่งใหญ่!


 


แม้ว่าเหล่าคุณชายนายน้อยทั่วไป ปกติคำพูดคำจาทีท่ามักไม่แยแสผู้อื่น ทว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นไม่เพียงแต่มีด้านนี้ กระทั่งทีท่าสภาวะ ลักษณะการวางตัว กลับอยู่เหนือคุณชายนายน้อยหัวสูงทั้งหมดที่มันเคยประสบพบเจอคนละเรื่อง!


 


ดังนั้นมันจึงเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ว่าหากครั้งนี้มันสามารถช่วยเหลือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ และทำให้ผู้อื่นติดค้างมันเรื่องหนึ่ง วันหน้ามันต้องได้รับผลตอบแทนมหาศาลสุดที่มันจะคิดคำนวณได้แน่นอน!


 


“ถึงว่าล่ะ ไฉนผู้เฒ่าหูถึงไม่คิดเสนอราคากระทั่งยังห้ามข้าเอาไว้…ที่แท้คนของฝูชิวรับปากท่านเอาไว้แบบนี้นี่เอง!”


 


ได้ยินคำของชายชรา องค์ชายรองของประเทศตงหมิงพลันตบมือดังฉาด คนอื่นๆของประเทศตงหมิงเองก็เข้าใจเรื่องราวกระจ่างแล้ววเช่นกัน


 


ที่แท้คนของประเทศฝูชิวรับปากไว้แล้ว ว่าหลังหลอมโอสถเฉียนจินออกมาได้ จะให้พวกมันประมูลแข่งกับประเทศโม่หลุน ผู้ใดร่ำรวยกว่าก็ได้ไป!!


 


ในเวลาเดียวกัน


 


ทางด้านคนของประเทศโม่หลุน ก็ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดจากชายวัยกลางคนที่แลดูน่าเกรงขามแล้วเช่นกัน ว่าอีก 10 วันหลังจากนี้ คนของฝูชิวจะเปิดโอกาสให้พวกมันเข้าร่วมประมูลโอสถเฉียนจินแข่งกับคนของตงหมิง


 


“โอสถเฉียนจิน…โอสถเฉียนจิน!”


 


ลูกตาขององค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความปรารถนาอันร้อนแรง มันมองชายวัยกลางคนพลางกล่าวออกมาเสียงหนัก “อาเหลียน ข้ารู้ดีว่าเสด็จพอได้กำหนดขีดจำกัดเรื่องราคาประมูลไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ให้ท่านเอาไว้…”


 


“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป้าหมายของพวกเรามิใช่ไส้เดือนฝอยทองอีกต่อไป แต่เป็นโอสถเฉียนจิน! เช่นนั้นข้าหวังว่าอาเหลียนจะล้มเลิกเพดานราคาที่เสด็จพ่อกำหนด…”


 


“หากจำเป็นจริงๆ ข้าหวังว่าอาเหลียนจะช่วยสำรองจ่ายผลึกอมตะระดับสูงออกไปก่อน และเมื่อพวกเรากลับไปถึงโม่หลุนเมื่อใด ข้าจักให้เสด็จพ่อคืนให้อาเหลียนท่าน”


 


เมื่อรู้ว่ามันมีโอกาสจะได้รับโอสถเฉียนจินโดยตรง ไม่ต้องไปลุ้นหลอมอะไรให้ปวดใจ องค์ชาย 7 โม่หลุนถึงกับคึกคักขึ้นมาอักโข ในใจยังบังเกิดความปรารถนาอันแรงกล้า…


 


เพราะตราบใดที่มันได้โอสถเฉียนจินนั่นมา มันย่อมทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสุดยอด และมันมั่นใจว่าพลังฝีมือของมันต้องเหนือกว่าผู้ใด จนได้รับการยอมรับให้เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ขอบเขตยอดเซียนอมตะของประเทศโม่หลุนแน่นอน!


 


ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วมันอาจจะยังด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะของประเทศฝูชิว และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอัจฉริยะปีศาจของประเทศตงหมิง แต่อย่างไรก็ตามมันเชื่อว่ามันต้องทำผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำได้เป็นอย่างดี!


 


“ขอองค์ชายอย่าได้กังวล ข้าจะพยายามเต็มที่”


 


ชายวัยกลางคนเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรเท่าไหร่


 


ภายในห้องบัลลังก์ของประเทศตันจี้


 


ฮ่องเต้ตันจี้กำลังนั่งฟังรายงานของเหอเฟิงอย่างสนใจ


 


“ฮ่องเต้ฝูชิวนั่น…มันอาจจ้างวานปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามาหลอมโอสถเฉียนจินให้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นงั้นหรือ?”


 


อย่างไรก็ตามหลังได้ยินความคิดดังกล่าวของเหอเฟิง ฮ่องเต้ตันจี้พลันส่ายหัวไปมาทันที “เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้!”


 


“ข้ารู้จักฮ่องเต้ฝูชิวผู้นั้นดี อย่างมันใจไม่ถึงพอจะทำเรื่องหาญกล้าอุกอาจอะไรเช่นนี้แน่นอน!”


 


ฮ่องเต้ตันจี้กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด ทำราวกับมันเป็นพยาธิในท้องของฮ่องเต้ฝูชิว!


 


ในฐานะที่มันเป็นฮ่องเต้ตันจี้ประเทศเพื่อนบ้านของประเทศฝูชิว มันย่อมไปมาหาสู่กับฮ่องเต้ฝูชิวบ่อยครั้ง จนเรียกได้ว่าล่วงรู้ลักษณะนิสัยใจคออีกฝ่ายหมดสิ้น คำพยาธิในท้องหาได้เกินเลยแต่อย่างไร…


 


การจ้างวานให้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาคนหนึ่งลงมือ มันมีราคาที่ต้องจ่ายมหาศาลเกินไป!


 


“ฮ่องเต้ฝูชิวนั้นเป็นคนประเภท ‘ไม่เห็นกระต่าย ไม่ปล่อยอินทรีย์ออกล่า’ เว้นเสียแต่มันจืนยันได้เป็นมั่นเหมาะแล้วจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนจะนำผลประโยชน์เลิศล้ำมาให้มันได้หลังออกจากแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ หาไม่แล้วมันไม่มีวันทุ่มทุนให้ต้วนหลิงเทียนมหาศาลถึงขนาดจ้างวานให้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาเคลื่อนไหว”


(ไม่เห็นความสำเร็จที่แน่ชัด ไม่คิดลงมือทำอะไร)


 


“ฝ่าบาท แล้วหากมิใช่ฮ่องเต้ฝูชิวจ้างปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา…หรือจะเป็นหวงเหยี่ยนเฟยที่จัดการเรื่องนี้ แต่มันจะกว้างขวางและมีสามารถถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”


 


เหอเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


“มันยังไม่กว้างขวางพอและมีสามารถถึงขนาดนั้น!”


 


ฮ่องเต้ตันจี้เอ่ยออกเสียงเรียบ “แต่เจ้าอย่าได้หลงลืมคนข้างกายมัน…ไป๋กัง!”


 


“ไป๋กังรึ?”


 


พอได้ฟัง ลูกตาของเหอเฟิงก็หดเล็กลงทันใด “ฝ่าบาท หรือท่านจะบอกว่า…หลังต้วนหลิงเทียนมีส่วนช่วยให้เผ่าพยัคฆ์เหินได้รับกระบี่อมตะจอมราชันจากหินดิบนั่น เผ่าพยัคฆ์เหินจึงส่งปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชามาช่วยต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถเฉียนจินโดยเฉพาะ?”


 


“อืม นอกเหนือจากสาเหตุนี้ ตัวข้ามิอาจมองเห็นหนทางอื่นใดได้แล้วจริงๆ”


 


ฮ่องเต้ตันจี้กล่าว


 


และในขณะที่ฮ่อเต้ตันจี้กล่าวข้อสันนิษฐานนี้ให้เหอเฟิงฟัง ตัวมันเองยังเริ่มรู้สึกเชื่อมั่นว่าข้อสันนิษฐานของมัน ว่ามีความเป็นไปได้สูงสุด และไม่น่าจะมีความผิดพลาดใดๆ!


 


วันเวลาเพียง 10 วันสำหรับเซียนอมตะในระนาบเทวโลกที่มีอายุขัยไร้จำกัดแล้ว เสมือนห้วงเวลาชั่วพริบตาหนึ่งเท่านั้น


 


สิบวันต่อมา


 


ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง อยู่ๆก็เบิกตาโพลง มุมปากเริ่มยกยิ้มสดใสร่าเริงออกมา


 


“ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด…ในที่สุดข้าก็ทะลวงมาถึง!”


 


ตอนนี้ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนได้แผ่กลิ่นอายพลังที่แตกต่างออกไปจากเดิมออกมาอย่างสิ้นเชิง และเพียงหนึ่งห้วงคิดพลังขุมหนึ่งก็ปะทุขึ้นมาลุกโชนระอุไปทั่วร่าง แผ่ซ่านคลื่นพลังไร้สภาพที่แตกต่างจากเมื่อสิบวันก่อนออกมากดดันในบรรยากาศ!


 


ไฉนเป็นเช่นนี้ เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนสามารถบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้อย่างราบรื่น! กลายเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอย่างเป็นทางการ!!


 


“พลังของโอสถเฉียนจินช่างร้ายกาจจริงๆ!”


 


ต้วนหลิงเทียนโบกมือเบาๆ พลันปรากฏขวดโอสถเล็กๆขวดหนึ่ง และสิ่งที่อยู่ภายในขวดโอสถขวดนี้ก็คือโอสถเฉียนจินที่เขาหลอมได้


 


สำหรับโอสถเฉียนจินอีกเม็ดนั้น ต้วนหลิงเทียนได้กลืนมันลงท้องไปเรียบร้อยเมื่อหลายวันก่อน และเขาก็ไม่ตื่นขึ้นจนกว่าจะย่อยสลายพลังโอสถจนหมด และทะลวงผ่านขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ มาถึงยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุด!


 


“รีบออกไปดีกว่า ป่านนี้ลุงหวงคงรอจนเครียดแล้ว…”


 


หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องหับทันที เมื่อออกมาด้านนอก พอแหงนมองขึ้นฟ้าไปก็พบว่าตะวันลอยโด่งกลางหัว บ่งบอกเวลาเที่ยงวัน คนของประเทศโม่หลุนกับตงหมิงที่ควรมา ก็คงมาถึงเรียบร้อยแล้ว


 


“น้องต้วน ในที่สุดท่านก็ออกมาได้เสียที!”


 


ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้คืนสติจากการเหม่อมองตะวันบนฟ้าคำนวณเวลา เสียงโล่งใจหนึ่งก็ดังขึ้นเข้าหู และไม่ต้องหันไปมองเขาก็บอกได้ทันที…ว่าเจ้าของเสียงคือหวงเจียหลง!


 


“พี่เจียหลง”


 


พอต้วนหลิงเทียนละสายตาจากฟากฟ้า กลับมามองไปทางต้นเสียงเขาก็พบว่าหวงเจียหลงกับหลิวก่วงหลินกำลังยืนรอเขาอยู่ไม่ไกล


 


“น้องต้วน ท่านทำสำเร็จหรือไม่?”


 


หวงเจียหลงมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาน้ำเสียงจริงจังก่อนใดอื่น


 


ตอนนี้บิดาของมันกับผู้เฒ่าโม่กำลังรับหน้าคนของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงอยู่ในโถงใหญ่ของตำหนักที่พวกมันพักอาศัยอยู่


 


และคนของประเทศตงหมิงกับประเทศโม่หลุน ก็มาเพื่อสาเหตุเดียว…โอสถเฉียนจิน!


 


ตัวมันที่ไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนใช่หลอมโอสถเฉียนจินสำเร็จแล้วหรือไม่ ย่อมร้อนใจทั้งเป็นกังวลไม่น้อย


 


“โชคดีที่ข้ายังไม่ทำให้ตัวเองต้องขายหน้า…”


 


ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นเบาๆ คว้ารับขวดโอสถขวดหนึ่งที่ผุดจากอากาศว่างเปล่ามาเขย่าเบาๆพอให้ได้ยินเสียงเม็ดยาขลุกขลิก จากนั้นก็โยนขวดโอสถดังกล่าวให้หวงเจียหลงราวโยนขยะชิ้นหนึ่ง


 


“นี่มัน…โอสถเฉียนจินรึ?!”


 


หวงเจียหลงที่ค้ารับขวดโอสถดังกล่าวออกมา พอเปิดออกดูก็เห็นโอสถเม็ดหนึ่งตั้งอย่างเงียบงันในขวด


 


กลิ่นหอมของโอสถพร้อมด้วยยไอพลังพิเศษที่แผ่ออกมาเรืองๆทั่วเม็ดโอสถ ทำให้หวงเจียหลงจดจำได้ทันทีว่านี่คือโอสถเฉียนจินไม่ผิดแน่!


 


พอยืนยันได้ว่ามันคือโอสถเฉียนจินไม่ผิดเพี้ยน สองตาหวงเจียหลงก็ลุกวาวฉายแสงจ้าขึ้นมาทันใด เพราะสิ่งนี้หมายความว่าต้วนหลิงเทียนทำสำเร็จแล้วจริงๆ!


 


“น้องต้วน…ว่าแต่ท่านหลอมโอสถเฉียนจินได้ 2 เม็ดเลย…หรือว่าได้แค่เม็ดนี้เม็ดเดียว?”


 


หลังยืนยันได้ว่าในโอสถคือโอสถเฉียนจินไม่ผิดเพี้ยน แม้หวงเจียหลงจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามต้วนหลิงเทียน สองคิ้วยังขดย่นเป็นปม


 


“พี่เจียหลงคิดว่าไงเล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มถามออกมา พลางแผ่กลิ่นอายพลังออกมาทั่วร่าง ให้หวงเจียหลงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเขาชัดเจน


 


“ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด!”


 


สองตาหวงเจียหลงทอประกายจ้าสดใส เร่งหันไปกล่าวแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยความตื้นเต้น “อั้ย! ข้าขอแสดงความยินดีด้วยน้องต้วน! ท่านนี่มัน…ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว!!”


 


“พับผ่าเถอะ ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านกลับหลอมโอสถเฉียนจินได้ 2 เม็ดจริงๆ!!”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคหวงเจียหลงก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ก่อนหน้านี้นับว่าข้าผิดไปแล้วจริงๆ ที่บังอาจแคลงใจความสามารถของท่าน แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายกลับเป็นท่านพ่อที่เชื่อใจท่านได้ถูกต้อง ข้ามันมีตาแต่ไร้แววแท้ๆ…”


 


“ดูเหมือนว่าสุดท้ายข้าก็ยังด้อยกว่าท่านพ่ออยู่ดี…”


 


หวงเจียหลงถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์หดหู่ ใบหน้ายังฉายชัดถึงความรู้สึกผิดออกมาให้เห็น


 


“ขอแสดงความยินดีด้วยนายท่าน!”


 


จังหวะนี้หลิวก่วงหลินเองก็ประสานมือกล่าวคำแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มซ้ำๆราวตัวโง่งม ในสายตาของมันยิ่งมายิ่งฉายชัดถึงความนับถือเลื่อมไสหมดใจ


 


ถึงแม้ว่ามันจะเชื่อมั่นในตัวนายท่านผู้นี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจถึงขั้นไร้คำใดจะกล่าว เมื่อพบว่านายท่านของมันกลับสามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จทั้ง 2 เม็ดจริงๆ!


 


“ป่านนี้แล้ว คนของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงสมควรมารอแล้วกระมัง?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม


 


“ใช่ พวกมันมากันแล้ว ตอนนี้พวกท่านพ่อกับผู้เฒ่าโม่กำลังรับหน้าอยู่ที่ห้องโถงใหญ่น่ะ”


 


“ในเมื่อน้องต้วนเองก็ออกมาแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปด้วยกันเลยเถอะ…ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันว่าคนของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงจะหยิบควักผลึกอมตะระดับสูงออกมาแข่งประมูลกันมากขนาดไหน!”


 


กล่าวถึงจุดนี้ท่าทางของหววงเจีหลงก็แลดูคึกคักออกนอกหน้านัก!


 


เรียกว่าตอนนี้ไม่เพียงความรู้สึกผิดทั้งกังวลใจใดๆของหวงเจียหลงจะสลายไปหมด มันยังตั้งหน้าตั้งตารอดูชมความบันเทิงอย่างใจจดจ่อ…


 


มันอยากรู้จริงๆว่าคนของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงจะหยิบควักผลึกอมตะระดับสูงออกมาเท่าไหร่กันแน่ เพื่อประมูลช่วงชิงโอสถเฉียนจินในมือของมัน!


WSSTH ตอนที่ 2,979 : โอสถเฉียนจินราคาเสียดฟ้า!


 


 


 


จากที่พักของต้วนหลิงเทียนไปยังโถงหลักของตำหนักนั้น ก็มีระยะห่างพอสมควร จำต้องใช้เวลาเดินอยู่บ้าง


 


และระหว่างทางหวงเจียหลงที่หายคึกแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องก่อนหน้า จึงกลายเป็นสลดอีกครั้ง หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซึมเซาราวเด็กน้อยทำผิด “น้องต้วน…ก่อนหน้าเป็นข้าไม่เชื่อว่าท่านจะหลอมโอสถเฉียนจินได้จริงๆ…ท่านคงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่ไหม?”


 


เห็นได้ชัดว่าหวงเจียหงเป็นกังวลเรื่องนี้จริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วความแคลงใจของมัน กล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว…ก็ไม่ต่างอะไรกับรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวต้วนหลิงเทียน!


 


“พี่เจียหลงเป็นท่านคิดมากไปเอง ข้าจะไปถือโทษโกรธท่านทำเพื่อ…”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเป็นท่าน ข้าเกรงว่าก็คงจะไม่เชื่อเช่นกันหากมีใครมาบอกว่าตัวมันที่อายุไม่ถึงร้อยจะหลอมโอสถเฉียนจินได้…สุดท้ายโอสถเฉียนจินก็ไม่ใช่โอสถอมตะระดับสูงธรรมดาๆ”


 


“และสุดท้ายข้าก็เป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนหนึ่งเท่านั้น…”


 


ตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนได้ผ่านการหลอมกลั่นโอสถเฉียนจินมากับมือ เขาจึงรู้ซึ้งแล้วว่าไฉนโอสถเฉียนจินนี้ถึงได้ถูกเรียกหาว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงพิเศษ และปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหมื่นคนอาจไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่หลอมได้สำเร็จ…


 


ที่สำคัญยังมีคำกล่าวกันหนาหูอีกด้วย ว่าให้สุ่มเลือกปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางมาสักร้อยคน ก็ไม่แน่ว่าจะมีสักคนที่หลอมมันได้!


 


‘หากคราวนี้ไม่ได้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน กับเพลิงเทพโกลาหลคอยช่วย ข้าก็ไม่ต่างอะไรจากปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีเพลิงอมตะพิเศษหน่อยเท่านั้น…หากวัดแต่ความสามารถเฉพาะตัวของข้าจริงๆ โดยไร้ความช่วยเหลือจากภายนอก โอกาสหลอมโอสถเฉียนจินสำเร็จคงอยู่ที่ราวๆ 10 ใน 100 ส่วน…’


 


ก่อนที่จะลองหลอมโอสถเฉียนจินเองกับมือ ต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจตระหนักได้ถึงความยากลำบากในการหลอมชัดเจน


 


ทว่าตอนนี้เขารู้ซึ้งไปถึงทรวง ว่าโอสถเฉียนจินนี่ มันหลอมยากนรกเรียกพี่ขนาดไหน…


 


คราวนี้หากไม่ได้พลังอันเหนือชั้นของเพลิงเทพโกลาหล และความช่วยเหลือจากปฐพีแรกกำเนิดฟ้าดิน เขาไม่มีทางหลอมโอสถเฉียนจินได้แน่นอน


 


‘แต่จะว่าไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจะมีความสามารถผสานเข้ากับเตาหลอมโอสถอมตะแล้วช่วยยกระดับอัตราความสำเร็จในการหลอมยาของข้าได้แบบนี้…และฟังจากที่เพลิงเทพโกลาหลบอก ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินยังสามารถหลอมรวมเข้ากับอุปกรณ์อมตะแล้วช่วยเสริมพลังของพวกมันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์อมตะประเภทป้องกัน จะทำให้มันทรงพลังขึ้นผิดหูผิดตา?’


 


ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้แต่แรก ว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็สมควรมีความสามารถบางอย่างที่ช่วยเหลือเขาได้มากเหมือนทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหล และพอได้รู้จักพลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเข้าจริงๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง


 



 


ภายในห้องโถงใหญ่ ตอนนี้หวงเหยี่ยนเฟยกับผู้เฒ่าโม่ก็ประพฤติตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี คอยรับรองอาคันตุกะอย่างคนของประเทศโม่หลุนและคนของประเทศตงหมิงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง


 


คนของประเทศตงหมิงมาด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน


 


ส่วนทางด้านคนของประเทศโม่หลุน มากันแค่ 2 คนเท่านั้น


 


“น้องต้วน 3 คนของประเทศตงหมิงด้านนั้น ชายชราที่เป็นผู้นำของพวกมันเรียกว่า หูชิง เป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของประเทศตงหมิงที่มีชื่อเสียงไม่ใช่ชั่ว”


 


“ส่วนชายหนุ่มสองคนนั่นที่นั่งอยู่ด้านหลัง เจ้าคนที่ใส่ชุดสีเงินนั่นเป็นองค์ชายรองของประเทศตงหมิง ส่วนชายหนุ่มชุดเทานั่นก็คืออัจฉริยะปีศาจที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิง”


 


ก่อนที่จะเดินเข้ามาภายในโถงหลักตำหนัก หวงเจียหลงที่เดินนำต้วนหลิงเทียนกับหลิวก่วงหลินมาถึง ก็หยุดหน้าประตูโถงพลางชี้มือไปด้านในกล่าวอธิบายตัวตนของผู้คนในโถงให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบ


 


“ส่วน 2 คนจากประเทศโม่หลุนด้านนั้น ชายวัยกลางคนนั่นก็คือยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเหมือนหูชิง เรียกว่า เหลียนเจิ้งสิง”


 


“ส่วนอีกคนก็คือองค์ชาย 7 ของประเทศโม่หลุน”


 


เมื่อหวงเจียหลงกล่าวแนะนำทั้งหมดให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักแล้ว มันก็พาพวกต้วนหลิงเทียนข้ามธรณีประตูโถงหลักตำหนัก และซอยเท้าก้าวอาดๆไปหาบิดาด้วยท่าทางมั่นใจ


 


“ท่านพ่อ”


 


หวงเจียหลงเมื่อก้าวอาดๆเข้ามาในโถงจนมาถึงเบื้องหน้าหวงเหยี่ยนเฟยแล้ว ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เพียงยื่นส่งขวดโอสถให้หวงเหยี่ยนเฟยทันที


 


เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวของหวงเจียหลง สองตาหวงเหยี่ยนเฟยก็ลุกวาวทอประกายสดใสปานดวงดารา ขณะเดียวกันในใจที่คล้ายมีขุนเขากดทับก็กลับกลายเป็นปลอดโปร่งโล่งสบาย…


 


ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน แต่ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของทั้งประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุนพร้อมๆกัน มันย่อมรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วง!


 


“ลุงหวง”


 


ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนที่เดินตามหวงเจียหลงมา ก็ก้าวไปทักทายหวงเหยี่ยนเฟยด้วยรอยยิ้ม


 


“เสี่ยวเทียน ลำบากเจ้าแล้ว…”


 


หวงเหยี่ยนเฟยพยักหน้ารับการทักทาย จากนั้นก็ส่งเสียงผ่านพลังถึงต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


 


ระหว่างนี้มันก็ได้รับทราบจากหวงเจียหลงผู้เป็นบุตรชายเรียบร้อย ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นประสบความสำเร็จในการหลอมโอสถเฉียนจินทั้ง 2 เม็ด กระทั่งยังรับประทานไปแล้วเม็ดหนึ่งจนทะลวงด่านพลัง บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้อย่างราบรื่น!


 


“เสี่ยวเทียนมาเถอะ ให้ข้าแนะนำทุกคนให้เจ้ารู้จัก…”


 


หลังจากนั้นหวงเหยี่ยนเฟยก็กล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนให้คนของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงทั้ง 5 รู้จัก ก่อนที่จะเริ่มผายมือแนะนำคนทั้ง 5 ให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักทีละคน


 


“ที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้ก็คืออัจฉริยะที่ปรากฏตัวในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศฝูชิวท่านที่เลื่องลือ…ได้พบเจอวันนี้นับว่าเป็นคนหนุ่มมากพรสวรรค์อนาคตไกลยิ่งนัก!”


 


เหลียนเจิ้งสิง ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดมองไปที่ต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวยกย่องก่อน จากนั้นก็หันไปมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นของประเทศตงหมิง พลางกล่าว “แต่ไม่ทราบว่าที่แท้ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างสหายน้อยต้วนกับสหายน้อยหลิง?”


 


เรียกว่าหนึ่งวาจาที่คล้ายกล่าวออกมาอย่างไร้เรื่องราว กลับเสมือนจุดชนวนความร้าวฉานให้ชาวบ้านโดยแท้! นับว่าเหลียนเจิ้งสิงผู้นี้เห็นนิ่งๆแต่ที่จริงอำมหิตไม่ใช่น้อย!!


 


อย่างไรก็ตามแผนคิดสร้างความร้าวฉานยุยงให้ผู้คนต่อยตีของมัน กลับมีอันต้องเหลวไปไม่เป็นท่า…


 


เพราะต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นเพียงหันหน้ามามองสบตากัน จากนั้นก็ยิ้มให้อีกฝ่าย ท่าทีแลดูสงบคล้ายคนรู้จักกันมาก่อนได้พบกันอีกครั้งหลังไม่เห็นหน้าค่าตากันนานเท่านั้น ไร้กลิ่นดินปืนอันใดอย่างที่เหลียนเจิ้งสิงหวังให้เกิดแม้แต่น้อย


 


เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว หวงเจียหลงเองก็อดไม่ได้ที่จะเอียงคอมองเรื่องราวด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง


 


ไฉนน้องต้วนของมันทำท่าราวกับจะรู้จักกับอัจฉริยะปีศาจที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระของประเทศตงหมิงเล่า?


 


อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้รู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นไม่ได้รู้จักกันแต่อย่างไร ทั้งคู่พึ่งจะเคยพบกันเพียงครั้งเดียวตอนเช้าวันงานประมูลเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งคู่ต่างสัมผัสได้ถึงความยากลำบากของอีกฝ่าย ที่ก้าวเดินมาถึงจุดนี้ได้ จึงบังเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน และไม่ได้มีอะไรอื่น


 


กระทั่งหนึ่งวาจาทักทาย ยังไม่เคยกล่าวกันออกมาด้วยซ้ำ


 


‘หืม พวกมันรู้จักกันมาก่อนงั้นรึ?’


 


สีหน้าเหลียนเจิ้งสิงแม้ผิวเผินจะแลดูสงบ หากแต่ลึกลงไปในใจ ใบหน้าของมันกลับเปลี่ยนเป็นมืดดำทั้งอัปลักษณ์ เพราะมันไม่คิดเลยว่า…วาจาที่กล่าวไปหมายสร้างความร้าวฉานให้ทั้งคู่ สุดท้ายจะจบลงโดยมีผลลัพธ์เช่นนี้!


 


“เจ้าเมืองหวง…เมื่อครู่ท่านบอกให้หลานเจียหลงไปนำโอสถเฉียนจินมา…ในเมื่อหลานเจียหลงกลับมาแล้วทั้งยื่นส่งขวดนั่นให้ท่าน หรือว่าในขวดนั่นมีโอสถเฉียนจิน?”


 


หูชิง ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของประเทศตงหมิง สองตาของมันที่เอาแต่จับจองมองขวดโอสถในมือของหวงเหยี่ยนเฟยมานานสองนาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมามองถามหวงเหยี่ยนเฟยเสียงขรึม


 


“ผู้เฒ่าหูกล่าวถูกแล้ว”


 


ในขณะที่หวงเหยี่ยนเฟยพยักหน้าตอบรับ มันก็ดึงจุกไม้ขวดโอสถก่อนจะเทโอสถเม็ดหนึ่งออกมา ค่อยใช้พลังหยิบยกให้ลอยค้างกลางหาว จากนั้นกลิ่นอายโอสถทั้งรัศมีพลังไม่ธรรมดาขุมหนึ่งก็เริ่มฟุ้งกำจายไปทั่วโถง


 


“โอสถเฉียนจิน!!”


 


ทันทีที่โอสถเม็ดนี้ปรากฏขึ้น คนของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงก็ยืนยันได้ทันที…


 


ว่านี่เป็นโอสถเฉียนจินจริงๆ!!


 


“ในเมื่อโอสถเฉียนจินก็มาแล้ว พวกเราอย่าเสียเวลากันอีกเลย…เจ้าเมืองหวงเชิญท่านประกาศราคาเปิดประมูลเลยเถอะ”


 


เหลียนเจิ้งสิงมองหวงเหยี่ยนเฟยพลางกล่าวกระตุ้นให้อีกฝ่ายเริ่มการประมูลได้


 


จังหวะนี้หูชิงเองก็มองจ้องหวงเหยี่ยนเฟยไม่วางตาเช่นกัน


 


“เรื่องราคาเปิดประมูลนั้นคงไม่จำเป็น…เชิญท่านทั้ง 2 ประกวดราคากันได้เลย”


 


หวงเหยี่ยนเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


มันไม่ได้ห่วงเรื่องที่ทั้งสองจะเตี๊ยมกันหรือมีใครยอมลงให้กันแน่นอน เพราะเห็นๆกันอยู่ว่าทั้งคู่ก็ล้วนอยากได้โอสถเฉียนจิ้นเป็นอย่างมาก


 


“เช่นนั้นข้าขอเริ่มก่อนแล้วกัน…200,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


ทันทีที่เสียงกล่าวของหวงเหยี่ยนเฟยดังจบคำ เหลียนเจิ้งสิงก็ไม่รั้งรอ ชิงเปิดราคาประมูลออกมาก่อน และราคาแรกที่มันเอ่ยออกมาก็มีมูลค่า 200,000 ผลึกอมตะระดับสูง!


 


และราคานี้ก็เทียบได้กับอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วๆไป 2 ชิ้นแล้ว!


 


นอกจากนี้ นี่ยังเป็นเพดานราคาสูงสุดที่ฮ่องเต้โม่หลุนกำหนดไว้ให้มันสำหรับการประมูลไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัว หากมากกว่านี้ฮ่องเต้โม่หลุนก็คิดว่าไม่คุ้มค่าอีกต่อไป


 


“300,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


และทันทีที่เสียงของเหลียนเจิ้งสิงดังจบคำ หูชิงก็ไม่รอช้า กล่าวเกทับออกมาทันที และยังเพิ่มผลึกอมตะระดับสูงไปคราวเดียวถึง 100,000 ชิ้น คล้ายในสายตาของมันผลึกอมตะระดับสูงเป็นแค่ก้อนหินไร้ค่าไร้ราคา!


 


“ผู้เฒ่าหูช่างใจป้ำเสียจริง!”


 


ได้ยินคำพูดของหูชิง สีหน้าท่าทีของเหลียนเจิ้งสิงก็จมลง จากนั้นก็กัดฟันเอ่ยราคาออกมาต่อว่า “310,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


“400,000 ผลึกอมตะระดับสูง”


 


สีหน้าหูชิงยังไม่เปลี่ยนแปลง วาจาเรียบง่ายยามกล่าวคล้ายกำลังพูดถึงสภาพดินฟ้าอากาศก็ไม่ปาน!


 


จังหวะนี้สีหน้าของเหลียนเจิ้งสิงถึงกับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งสีหน้าขององค์ชาย 7 แห่งโม่หลุนยังกลับกลายเป็นปั้นยากดูแทบไม่ได้


 


เพราะพวกมันทั้งคู่ล้วนไม่มีใครคิดใครฝัน ว่าหูชิงจะกล่าวราคา 400,000 ผลึกอมตะระดับสูงออกมาตาไม่กระพริบ!


 


ต้องทราบด้วยว่าโอสถเฉียนจินนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยปรากฏขึ้นในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาก่อน


 


อย่างไรก็ตาม ทุกคราที่โอสถเฉียนจินปรากฏขึ้น ราคาในตลาดมืดก็มักอยู่ที่ 200,000 ผลึกอมตะระดับสูงสุด และไม่เคยแตะถึง 300,000 ผลึกอมตะระดับสูงสุดเลย


 


หลังพยายามระงับลมหายใจที่กลายเป็นหอบถี่ เหลียนเจิ้งสิงก็ยังคงไม่กล่าวอะไร จนเมื่อหวงเหยี่ยนเฟยหันมามองถามว่า “ท่านเหลียน ท่านยังคิดเพิ่มราคาอีกหรือไม่?”


 


“อาเหลียน…”


 


องค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนเองก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหลียนเจิ้งสิงด้วยสายตาเป็นกังวล และกล่าวทักเพื่อกระตุ้นเตือนอีกฝ่าย


 


“500,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


เหลียนเจิ้งสิงสูดอากาศเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ค่อยกัดฟันเสนอราคาออกมา จากนั้นก็หันไปมองหูชิงพลางกล่าวว่า “ผู้เฒ่าหู หากท่านยังเพิ่มราคามากไปกว่านี้ โอสถเฉียนจินนี่ข้าก็ไม่ต้องการมันแล้ว…”


 


“เพียงแค่ว่า…ท่านยินดีจ่ายออกด้วยผลึกอมตะระดับสูงเกิน 500,000 ชิ้นเพื่อซื้อโอสถเฉียนจินให้คนนอกผู้หนึ่ง…มันคุ้มค่าแน่หรือ?”


 


วาจาท้ายประโยคของเหลียนเจิ้งสิงยามกล่าวออก เห็นชัดว่าจงใจจะสื่อความนัยประการหนึ่ง…


 


วันนี้ที่มันเหลียนเจิ้งสิงพยายามซื้อหาโอสถเฉียนจิน ก็เพื่อมอบให้องค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุน และองค์ชาย 7 แห่งโม่หลุน ก็คือทายาทสายเลือดหลักของตระกูลราชวงศ์ กล่าวได้ว่าเป็นคนของประเทศโม่หลุนมันเต็มตัว!


 


ทว่าหูชิงนั้น กำลังจะประมูลโอสถเฉียนจินให้กับคนนอกผู้หนึ่ง!


 


จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันกล่าวถามหูชิงออกไปแบบนั้น


 


“ไม่ว่าจักคุ้มค่าหรือไม่ ในใจข้าล้วนดีดลูกคิดรางแก้วคำนวณไว้ชัดเจน…อย่างไรก็ตามข้ายังต้องขอขอบคุณสหายเหลียนอยู่บ้าง ที่สละโอสถเฉียนจินเม็ดนี้ให้ข้า”


 


หูชิงเอ่ยออกเสียงเบา จากนั้นหลังหยุดลงเล็กน้อยค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “510,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”


 


“หึ!”


 


พอได้ยินวาจาเสนอราคาอีกครั้งของหูชิง หน้าเหลียนเจิ้งสิงก็จมลง หลังสูดอากาศเข้าลึกๆอีกครั้ง มันก็พ่นลมออกมาเสียงเย็นคำหนึ่ง จากนั้นก็ใช้พลังหอบหิ้วร่างองค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนเหินออกจากโถงหลัก! จากไปโดยไร้คำลาทันที!!


 


ขณะที่ถูกหอบหิ้วจากมา สีหน้าขององค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก


 


แต่มันรู้ดีว่ามันถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับโอสถเฉียนจินแล้ว…


 


เพราะผลึกอมตะระดับสูง 500,000 ชิ้นก็เป็นขีดจำกัดที่ใจมันรับไหวเช่นกัน หากมากกว่านี้แม้แต่ 1 ผลึกอมตะระดับสูง กระทั่งตัวมันที่จะเป็นผู้ใช้เองแท้ๆ ยังรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า!


 


“ขอแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าหูด้วย…”


 


พอเห็นว่าคนของประเทศโม่หลุนทั้ง 2 ด่วนจากไป หวงเหยี่ยนเฟยก็เก็บโอสถเฉียนจินลงขวด ก่อนจะใช้พลังประคองขวดโอสถส่งตรงถึงเบื้องหน้าหูชิง


 


ด้านหูชิงหลังรับขวดโอสถมาเก็บ ก็สะบัดมือเรียกผลึกอมตะระดับสูงออกมา 510,000 ก้อนแล้วบรรจุลงแหวนพื้นที่ว่างๆวงหนึ่ง ค่อยใช้พลังประคองส่งให้หวงเหยี่ยนเฟยทันที


 


“ท่านเจ้าเมืองหวง พวกเราขอตัวลาไปก่อน”


 


หลังปิดการซื้อขายได้ด้วยดีแล้ว หูชิงก็กล่าวคำอำลาหวงเหยี่ยนเฟย จากนั้นก็ก้าวนำหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับองค์ชายรองของประเทศตงหมิงจากไปทันที


 


สุดท้ายภายในโถงหลักตำหนักอันกว้างใหญ่ไพศาล ก็หลงเหลือแต่ต้วนหลิงเทียนกับพวกเท่านั้น


 


“เสี่ยวเทียน เจ้ารับแหวนนี้ไปเถอะ”


 


หวงเหยี่ยนเฟยใช้พลังหอบหิ้วแหวนพื้นที่ๆหูชิงส่งมาให้ไปทางต้วนหลิงเทียน พลางกล่าว “เมื่อครู่ข้าลองนับดูอีกรอบแล้ว พบว่ามีผลึกอมตะระดับสูง 510,000 ชิ้นครบถ้วน ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ชิ้นเดียว…”


 


“ลุงหวง นี่ท่านทำอะไร?”


 


หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เอื้อมมือไปรับแหวนพื้นที่มาแต่อย่างใด “ถึงแม้ข้าจะเป็นคนหลอมโอสถเฉียนจินก็จริง หากแต่ไส้เดือนฝอยทองทั้งสองก็เป็นลุงหวงซื้อมาให้ข้า”


 


“นอกจากนั้นบุปผาวิญญาณลี้ลับ 1 ใน 2 ก็เป็นลุงหวงมอบให้ข้าอีก”


 


“เช่นนั้นผลึกอมตะระดับสูง 510,000 ชิ้นนี้ เต็มที่ข้าก็ขอรับไว้เพียง 200,000 เท่านั้น”


 


ต้วนหลิงเทียยนกล่าวคำขาดออกมา น้ำเสียงยังฟังดูแน่วแน่ไม่คิดเปลี่ยนแปลง


 


เขาเองก็เป็นคนมีหลักการ ทั้งไม่ใช่คนที่ไม่รู้บุญคุณคน!


 


อย่างไรก็ตามเขาที่แน่วแน่ ก็ต้องเจอกับหวงเจียหลงที่แน่วแน่ไม่แพ้กัน “เสี่ยวเทียนเจ้าเกรงใจไปแล้ว…หากไม่ใช่เพราะเจ้า ยังจะมีผู้ใดหาญกล้ารับประกันว่าวัตถุดิบจะไม่ถูกหลอมไปอย่างสูญเปล่า?”


 


“เช่นนั้น…ข้าขอรับไว้เพียง 10,000 ผลึกอมตะระดับสูงเถอะ ส่วนผลึกอมตะระดับสูงอีก 500,000 ชิ้นที่เหลือเจ้าเก็บไว้เสีย”


 


“หากเจ้าไม่ยอมรับ ก็เสมือนไม่ไว้หน้าข้า เช่นนั้นต่อไปก็อย่าได้เรียกข้าว่าลุงหวงแล้ว!”


ตอนที่ 2,980 : พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับนาย


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจขัดหวงเหยี่ยนเฟยที่ยืนกรานอย่างดื้อรั้นได้ไหว จำต้องรับผลึกอมตะระดับสูง 500,000 ชิ้นมาแต่โดยดี


 


ทั้งนี้เพราะหวงเหยี่ยนเฟยกล่าวชี้แจงมาว่า


 


“ผลึกอมตะระดับสูง 30,000 ชิ้นที่ใช้ประมูลไส้เดือนฝอยทองนั้น เป็นฝ่าบาทมอบมาให้เจ้าโดยเฉพาะ…สาเหตุที่ไฉนฝ่าบาทยินดีจ่ายส่วนนี้ เนื่องเพราะหวังให้เจ้าที่บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด สามารถสร้างผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำได้ดีๆ จนเข้าตา 3 นิกาย 2 ตระกูล ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อที่ฝ่าบาทจะได้รางวัลมากกว่าเดิม”


 


“กล่าวได้ว่าสำหรับเงินส่วนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกติดค้างอะไรในใจ”


 


“สำหรับ 10,000 ผลึกอมตะระดับสูงที่ข้าเลือกจะหักออกมานั้น เรียกว่าเป็นราคาบุปผาวิญญาณลี้ลับดอกนั้นที่ข้ามอบให้เจ้าไปก็ได้ จึงกล่าวได้ว่าระหว่างเจ้ากับข้า พวกเราก็ไม่มีอันใดติดค้างต่อกันแม้แต่น้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณอะไรข้าเลย”


 


นั่นคือทั้งหมดที่หวงเหยี่ยนเฟยกล่าว


 


อย่างไรก็ตามแม้หวงเหยี่ยนเฟยจะชี้แจงเรื่องราวมาแบบนี้ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยัรู้สึกว่าเขาติดค้างหวงเหยี่ยนเฟยอยู่ดี


 


และต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีแก่ใจ


 


ไม่ต้องกล่าวถึง 500,000 ผลึกอมตะระดับสูงเลย แม้จะแค่ 1-2 แสนผลึกอมตะระดับสูง ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆสำหรับหวงเหยี่ยนเฟย!


 


“เอาล่ะ กล่าวได้ว่าวัตถุประสงค์การมาประเทศตันจี้ของพวกเราคราวนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี พวกเราก็ควรจะกลับกันได้แล้ว”


 


จากนั้นหวงเหยี่ยนเฟยก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเทียนเจ้ากลับไปเตรียมตัวเถอะ…พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางกลับบประเทศฝูชิวกันแต่เช้า!”


 


“เข้าใจแล้วลุงหวง”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับฟัง


 


เช้าวันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้พาหลิวก่วงหลินมาสมทบกับพวกหวงเจียหลง หวงเหยี่ยนเฟยและผู้เฒ่าโม่ จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศฝูชิวทันที


 


ขามาทั้งหมดเลือกจะอาศัยบนแผ่นหลังผู้เฒ่าโม่ที่คืนร่างเดิม และให้ผู้เฒ่าโม่พาเดินทาง


 


ขากลับก็เป็นเช่นนั้น


 


อย่างไรก็ตามขากลับนั้นมีความแตกต่างจากตอนขามาอยู่บ้าง เพราะบัดนี้คนได้ลดน้อยลงไปหนึ่ง ซึ่งก็คือไป๋กังที่ออกจากประเทศตันจี้ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน


 


และไป๋กังที่ออกจากประเทศตันจี้ไปก่อน ก็ไม่ได้กลับไปประเทศฝูชิวแต่อย่างไร แต่เดินทางไปกับไป๋เจิ้นเยว่รองหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์เหิน เพื่อกลับไปยังเผ่า


 


ระหว่างเดินทางกลับ ต้วนหลิงเทียนก็พยายามปรับด่านพลังทั้งทำความเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่แรงโน้มถ่วง ของกฏแห่งดินผ่านวรยุทธ์อมตะ คุกศิลาทมิฬ


 


กล่าวได้ว่าหลังบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ถือว่ามีความก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้น


 


และขั้นต่อไป ก็คือขอบเขตขุนนางอมตะแล้ว


 


สำหรับกฏแห่งดิน ด้วยมีความช่วยเหลือของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่าง ความหมายแห่งดิน ไดในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เข้าถึงพลังแห่งกฏได้สำเร็จ


 


สำหรับความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั้น นับเป็น 1 ในความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน แม้จะไม่อาจเข้าใจได้ในชั่วข้ามคืนเหมือนความหมายแห่งดิน ทว่าด้วยมีปฐพีเทพแรกกำเนิดช่วยเหลือ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจมันมากขึ้นทุกขณะ


 


‘พื้นที่โน้มถ่วง แรงดึงดูด…ที่พบเจอกันอยู่ตลอดก็คือแรงโน้มถ่วง ไม่ว่าจะโลกในชาติที่แล้วหรือระนาบเซียน ไม่เว้นระนาบเทวโลกที่ข้าอยู่ตอนนี้ ทุกแห่งหนล้วนมีแรงโน้มถ่วงกระทำต่อวัตถุมีมวลทั้งสิ้น…’


 


‘แรงโน้มถ่วงที่ฉุดรั้งให้ผู้คนตกลงผืนดิน หรือที่ในอดีตเข้าใจว่ามันคือความเร่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางของโลกนั้น จะฉุดดึงทุกสิ่งให้เข้าสู่แกนโลก นับได้ว่าเป็นแรงโน้มถ่วงทางเดียว’


 


‘อย่างไรก็ตามความลึกซึ้ง ‘พื้นที่แรงโน้มถ่วง’ ของกฏแห่งดิน ไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจแรงโน้มถ่วงทางเดียวเช่นนั้น แต่จำเป็นต้องแตกฉานและเข้าใจถึงแรงโน้มถ่วงทุกทิศทาง’


 


‘อย่างเช่นหากผสานพลังความลึกซึ้งของพื้นที่แรงโน้มถ่วงกับจุดๆหนึ่ง จุดนั้นก็จะสร้างแรงโน้มถ่วงคอยดึงดูดทุกสิ่งเข้าหามัน และหากควบคุมได้ดั่งใจ ก็สามารถสร้างแรงโน้มถ่วงหลากทิศตามใจต้องการ’


 



 


ด้วยมีความช่วยเหลือของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจความหมายของพื้นที่แรงโน้มถ่วงผ่านคุกศิลาทมิฬได้ดีขึ้นทุกขณะ และเริ่มเข้าใจว่าพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั้น เป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่มหัศจรรย์ถึงเพียงใด


 


ในกระบวนการดังกล่าว ยิ่งมาเขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่าพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั้นสำคัญไฉน ยังได้รับทราบอีกว่าความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงนี้ ยังเป็นความลึกซึ้งที่สำคัญทั้งมีประสิทธิภาพในกฏแห่งดินมาก


 


‘ตราบใดที่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงได้สำเร็จ ข้าก็เสมือนแตกฉานวรยุทธ์อมตะอย่างคุกศิลาทมิฬทันที’


 


ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความปรารถนาไม่น้อย


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้ดี ความลึกซึ้งอย่างพื้นที่แรงโน้มถ่วงที่แฝงมาในวรยุทธ์อมตะคุกศิลาทมิฬนั้น มันก็จัดเป็นความลึกซึ้งเบื้องต้นเท่านั้น


 


หมายความว่าวรยุทธ์อมตะคุกศิลาทมิฬ อย่างดีก็ช่วยให้เขาเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่แรงโน้มถ่วง ขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น


 


หากเขาคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงให้มีความสำเร็จสูงไปกว่านี้ จำเป็นต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอมราชันที่แฝงความลึกซึ้งของพื้นที่แรงโน้มถ่วงมาฝึกปรือ!


 


วรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอมราชันนั้น จะช่วยส่งเสริมให้เขาเข้าใจความลึกซึ้งในกฏต่างๆ จนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย


 


และหากเขาคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ ก็จำต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจักรพรรดิที่สอดคล้องกันมาฝึกปรือ!


 


หลังจากผ่านไปอีกราวๆ 10 วัน ในที่สุดพวกต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับมาถึงพระราชวังหลวงของประเทศฝูชิว


 


หลังจากเอ่ยคำลากับหวงเหยี่ยนเฟย หวงเจียหลง และขอบคุณผู้เฒ่าโม่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พาหลิวก่วงหลินกลับไปยังที่พักที่ทางประเทศฝูชิวจัดไว้ให้เขาทันที ตำหนักจวี้หยวน


 


ทันทีที่กลับมาถึงบ้านลานที่พักในเขตตำหนักจวี้หยวนหลังเดิม ต้วนหลิงเทียนก็บอกหลิวก่วงหลินให้เฝ้าระวังโดยรอบ จากนั้นก็เข้าห้องหับปิดประตูเปิดกางค่ายกลปิดกั้นเร็วไว คิดเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงต่อ ทว่าพอดีเสียงของทองเทพสุดลี้ลับกลับดังขึ้นเสียก่อน “เจ้าหนู นำกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่เจ้าได้รับมาจากประเทศตันจี้ออกมาเสีย”


 


“หืม?”


 


ถึงแม้จะไม่รู้ว่าไฉนทองเทพสุดลี้ลับถึงให้เขาทำแบบนี้ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังสะบัดมือเรียกกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพออกมาอย่างเชื่อฟัง


 


แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วที่ไม่ได้เห็น หากแต่กิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพก็ยังเขียวขจีแลดูสดใหม่ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตดุจเดิม


 


“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าหยดเลือดสักหยดใส่มันเสีย”


 


ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวต่อ


 


ทว่าหลังจากที่ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวจบคำ และต้วนหลิงเทียนกำลังจะจิกนิ้วหยดเลือดตามคำบอกนั้น เสียงของเพลิงเทพโกลาหลพลันดังขึ้นเสียก่อน


 


“ถึงแม้เจ้าหนูจักมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย และพรสวรรค์ดังกล่าวก็มากพอจะให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนาย…แต่ตอนนี้เจ้าหนูยังมิใช่ขุนนางอมตะ และยังมิได้เปิดโลกใบเล็กเลยด้วยซ้ำ ข้าเกรงว่าคงยังไม่มีคุณสมบัติพอให้พฤกษาเทพยอมรับเป็นนายกระมัง?”


 


ด้วยวาจาประโยคนี้ของเพลิงเทพโกลาหล ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักกได้ทันที ว่าสิ่งที่ทองเทพสุดลี้ลับบอกให้เขาทำ ก็คือการทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเขาเป็นนาย


 


“อย่างไรเสียเจ้าหนูก็ทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้ว หากทำให้พฤกษาเทพกำเนิดยอมรับเป็นนายได้ก่อน ย่อมมีประโยชน์ใหญ่หลวงสำหรับเจ้าหนู…อย่างน้อยๆก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากพลังชีวิตอันมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ในพฤกษาเทพกำเนิดชีพ กระทั่งยังเพิ่มโอกาสให้เข้าใจกฏแห่งชีวิต”


 


ทองเทพสุดลี้ลับกล่าว “ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าหนูมิใช่ขุนนางอมตะ และยังมิได้เปิดโลกใบเล็กของตัวเอง ซึ่งขาดคุณสมบัติให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนาย”


 


“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…เพราะพวกเรามิได้ลงมืออย่างไรเล่า!”


 


“ถ้าหากพวกเราร่วมมือกัน พวกเรายังสามารถใช้หนึ่งมือบังฟ้า บีบบังคับให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเจ้าหนูเป็นนายได้สำเร็จ กระทั่งยังหลอมผสานเข้ากับร่างได้อย่างราบรื่น…ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้พวกเราต้องเสียพลังไม่น้อย แต่นับว่ามันคุ้มค่าอย่างยิ่ง”


 


“การให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเจ้าหนูเป็นนายล่วงหน้า ไม่เพียงช่วยให้เจาหนูสามารถชำระพลังในร่างให้บริสุทธิ์เท่านั้น ความเร็วทั้งขีดจำกัดในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินยังจักเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ทำให้สามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น…ท่านเองก็รู้ แม้ผลึกเทพที่เจ้าหนูมีจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอวลไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินได้ แต่มันก็ไม่อาจชำระให้พลังวิญญาณฟ้าดินนั่นบริสุทธิ์หมดจด”


 


“ผู้เฒ่าเพลิง…ท่านเองก็สมควรรู้ดีกระมัง ว่าพลังวิญญาณฟ้าดินบริสุทธิ์กับไม่บริสุทธิ์มันส่งผลต่อความเร็วในการบ่มเพาะแตกต่างกันเพียงใด”


 


ทองเทพสุดลี้ลับร่ายยาวออกมารวดเดียวจบคำ เพลิงเทพโกลาหลที่ได้ฟังก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยตอบ “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล…”


 


“พวกเราไม่ว่าใครก็หวังให้เจ้าหนูเติบโตก้าวหน้าขึ้นเร็วๆ”


 


“เช่นนั้นพวกเรามาร่วมมือกันเพื่อทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเจ้าหนูเป็นนายล่วงหน้าเถอะ…เรื่องนี้ไม่ต้องให้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินช่วยก็ได้ อาศัยพวกเราสองคนผนึกกำลังกันก็พอถมเถ”


 


“ท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวน้อยปฐพีก็ยังต้องช่วยเจ้าหนูเข้าใจกฏแห่งดิน”


 


เพลิงเทพโกลาหลเอ่ยเสนอ


 


“ข้าเองก็คิดเหมือนท่านผู้เฒ่าเพลิง ข้าเลยไม่คิดจะเรียกปฐพีน้อยนั่นให้ลงมือแต่แรก”


 


พอทองเทพสุดลี้ลับกล่าวถึงจุดนี้ มันก็เอ่ยเตือนต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “เอาล่ะเจ้าหนู อย่าได้รอช้า…รีบหยดเลือดของเจ้าลงบนกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่นเสีย!”


 


ถึงแม้การสนทนาระหว่างเพลิงเทพโกลหลกับทองเทพสุดลี้ลับจะทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้อะไรไม่มากนัก แต่อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่ามันมีประโยชน์กับเขาไม่ใช่เล่นๆ


 


ดังนั้นพอได้รับการกระตุ้นเตือนจากทองเทพสุดลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลังเลใดๆรีบจิกนิ้วและหยดเลือดลงไปยังกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพทันที


 


ติ๋ง!


 


ทว่าแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เลือดหยดหนึ่งของต้วนหลิงเทียนกำลังจะตกลงบนกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ รัศมีพลังสีเขียวอ่อนหนึ่งก็เรืองสว่างออกมาจากกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ และกางกั้นเป็นม่านพลังขับเลือดของต้วนหลิงเทียนหยดนั้นให้หยุดค้างกลางอากาศก่อนสัมผัสถูก มองไปดั่งมีม่านพลังสีเขียวขจีปิดกั้นหยดโลหิตของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ให้ไม่อาจแตะต้องถูกมันได้ นับประสาอะไรกับการรวมผสาน….


 


ทว่าทันใดนั้นเอง


 


วู้ม! วู้ม!


 


พลังสองขุมที่ไม่ได้แปลกปลอมอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียน ได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างพร้อมเพรียง


 


จากนั้นพลังสีทองกับพลังสีเทาดังกล่าวก็เริ่มม้วนพันดั่งเกลียวเชือกพุ่งไปหลอมรวมเข้ากับหยดเลือดของต้วนหลิงเทียน


 


พลังมหาศาลสองขุมตอนนี้ได้ถูกอัดเข้าไปในหยดเลือดเล็กๆเพียงหยดเดียว


 


สุดท้ายแล้วหยดเลือดของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใหญ่มากมายอะไร


 


ทำให้หลังพลังสีทองกับพลังสีเทาอัดแน่นลงไปในหยดเลือดเล็กๆดังกล่าว หยดเลือดเล็กๆของต้วนหลิงเทียนก็คล้ายมีมวลมหาศาลขึ้นทันตา ให้ความรู้สึกหนาแน่นหนักหน่วงกว่าเดิมนับพันเท่า


 


วู้มมม!!


 


เสียงแผ่วเบาหนึ่งดังขึ้น เป็นหยดเลือดดังกล่าวค่อยยๆกร่อนทำลายม่านพลังขจีเข้าไปอย่างช้าๆ ให้ความรู้สึกเสมือน ‘หยดน้ำกัดเซาะหิน’ ก็ไม่ปาน


 


จากนั้น


 


วู้ม!


 


วู้ม!


 



 


เสียงแผ่วเบาดังขึ้นระรัว ม่านพลังขจีเองก็กำลังถูกเจาะทะลวงจนห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า! หลังผ่านไปไม่กี่สิบลมหายใจ ม่านพลังขจีที่ว่า ก็ถูกหยดเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังสองขุมเจาะฝ่าเข้าไปได้สำเร็จ!!


 


ติ๋ง!


 


และในที่สุดเลือดหยดนี้ของต้วนหลิงเทียนก็ร่วงตกลงสู่พฤกษาเทพกำเนิดชีพได้สำเร็จดั่งหวัง…


 


อย่างไรมันก็ไม่ใช่พฤกษาเทพกำเนิดชีพต้นสมบูรณ์ เป็นเพียงแค่ 1 ในกิ่งหลักเท่านั้น


 


เมื่อเลือดหยดนั้นสัมผัสถูกตั่วกิ่งไม้ มันก็เริ่มหลอมรวมเข้ากับกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพทันที มองไปให้ความรู้สึกคล้ายน้ำกับนมเริ่มผสมกลมกลืน


 


และในวินาทีนี้เอง ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงประการหนึ่งระหว่างเขากับพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ยังเป็นความรู้สึกชวนให้พิศวงนัก!


 


อย่างไรก็ตามด้วยมีการเชื่อมโยงลี้ลับดังกล่าว ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาลที่ท่วมท้นออกมาจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพชัดเจน!


 


พลังชีวิตอันท่วมท้นสุดไพศาลนี่ ทำให้เขารู้สึกเสมือนพบพานกับขุมพลังไร้ขีดจำกัด! เขาไม่เคยพบเจอขุมพลังชีวิตที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาลปานนี้มาก่อนเลย!!


 


วิ้งงงง!!


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกเอ่อล้นไปด้วยพลังชีวิตมหาศาลนั้นเอง กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพก็ค่อยๆเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา จากนั้นอัศจรรย์พลันบังเกิด กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่สมควรเป็นวัตถุมีสภาพจับต้องได้ ก็เริ่มกลับกลายเป็นกระแสแสง จากนั้นก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา!!


 


ด้านต้วนหลิงเทียนเองพอตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันดังกล่าว ก็ดึงสติกลับมาและเร่งส่องภายในชมดูร่างกาของตัวเองทันที และพอพบว่ากิ่งหลักกพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่กลายเป็นกระแสแสงไปแล้วอยู่ที่ใด เขาก็ตกใจแทบตาย!


 


สวรรค์!


 


เขากำลังเห็นอะไรอยู่กัน!?


 


กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่น บัดนี้ได้กลับกลายไปคล้ายรากไม้โบราณที่หยั่งรากลึกลงบนหัวใจเขา! ยังรัดพันหัวใจของเขาเอาไว้แนบแน่น!!


 


ขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลขุมหนึ่งทะลักเข้าไปท่วมหัวใจของเขา จากนั้นก็เริ่มแพร่กระจายไปตามเส้นเลือดทั้งชีพจรพลังด้วยความเร็วอันน่ากลัว พริบตาพลังมหาศาลที่ว่าก็แล่นพล่านไปทั่วร่างกายของเขา!


 


ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในห้องหับก็เปล่งแสงสว่างออกมาเจิดจ้าราวมนุษย์หลอดไฟ เป็นพลังชีวิตอันมหาศาลนัก!


 


พลังชีวิตมหาศาลลุกโชนปานเพลิงไฟทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มหดหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน!!


ตอนที่ 2,981 : ความเกี่ยวข้องระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดกับดินแดนแห่งทวยเทพ!


 


อย่างไรก็ตามแม้พลังชีวิตอันมหาศาลจะหดหายกลับเข้าร่างกายเขาไปหมดแล้ว ทว่าต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อัดแน่นไปทั่วร่างชัดเจน!


 


ก็แค่มันไม่ได้เอ่อล้นออกมาเหมือนเมื่อครู่ แต่รวมรั้งเอาไว้ภายในร่างของเขาแทน!


 


เรียกว่าต้วนหลิงเทียนรู้สึกสดชื่นเปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยังรู้สึกเสมือนได้เกิดใหม่ก็ไม่ปาน!


 


‘กิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพ…ที่แท้มันคืออะไรกันแน่!?’


 


‘ข้ารู้สึกเสมือนทุกอณูทั่วร่าง…ได้ถูกเติมเต็มไปด้วยพลังชีวิต! ไม่สิมันท่วมท้นไปด้วยพลังชีวิตเลยต่างหาก!!’


 


‘ถ้างั้น…ร่างกายของข้าใช่มีความสามารถในการฟื้นฟูสภาพเดิมอันน่ากลัวเหมือนกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพด้วยหรือไม่!?’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดไปด้วยความตกตะลึง ฉากเรื่องราวในวันงานประมูลที่เมืองหลวงตันจี้ก็ฉายขึ้นในหัวเขาอีกรอบ


 


ตอนนั้นเป็นชายชราบนเวทีได้ยกมือขึ้นต่างมีดดาบ สับฟันลงกลางกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ทว่าตัวกิ่งที่ถูกฟันจนแทบขาดกลาง เจียนจะหักร่วงลงมาอยู่รอมร่อนั้น…ในเวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจมันก็ฟื้นฟูกลับมาสู่สภาพสมบูรณ์ดังเดิม!


 


พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไปยังแขนซ้ายของเขา ความคิดหนึ่งบังเกิดขึ้นมา และยากที่จะระงับห้ามเอาไว้ได้…


 


วินาทีต่อมา เขาก็ยกมือขวาขึ้น ปรากฏพลังคมกล้าขุมหนึ่งฉาบฝ่ามือไว้จนไม่ต่างอะไรจากมีดดาบ จากนั้นก็ฟันฉับลงไปที่แขนซ้ายของตัวเองทันที! แน่นอนแค่เฉือนฟันจนลึกถึงกระดูกเท่านั้น เขายังไม่บ้าพอจะตัดแขนตัวเองเล่น!!


 


และโดยปกติแล้วบาดแผลที่ลึกถึงกระดูกแบบนี้ ถึงจะไม่ใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดคอยประสานเชื่อมรักษา แต่ด้วยร่างกายของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวมันก็สมานตัวได้เอง


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่กำลังมองบาดแผลที่แขนซ้ายของตัวเองอยู่ สองตาจำต้องเบิกโพลงขึ้นมาปานเห็นผีกลางวันแสกๆ!


 


เพราะแผลลึกถึงกระดูกนั่น…พึ่งจะผ่านไปแค่ 2 ลมหายใจเท่านั้น บาดแผลก็สมานตัวและปิดสนิทไม่เห็นร่องรอยแล้ว!


 


กล่าวได้ว่าในเวลาเพียงแค่ 2 ลมหายใจเท่านั้น แผลที่เดิมปกติจะหายได้ในเวลาหนึ่งวัน กลับหายดีคล้ายไม่เคยมีแผลมาก่อน!


 


“นี่มัน…”


 


ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้วจริงๆ เดิมทีเขาแค่จะทดลองดูขำๆเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขากลับมีความสามารถในการฟื้นฟูรักษาตัวเองเหมือนกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพจริงๆ!


 


“ตั้งแต่วินาทีแรกที่กิ่งหลักพฤกษาเทพยอมรับเจ้าเป็นนาย มันก็ได้แบ่งปันพลังชีวิตอันมหาศาลและความสามารถในการรักษาฟื้นฟูตัวเองให้กับเจ้าแล้ว…”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอึ้งกับความสามารถรักษาอันน่ากลัวนี่ เสียงเด็กน้อยที่คล้ายยังไม่หย่านมหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวอย่างประจวบเหมาะ “อย่างไรเสียมันก็เป็นถึง 1 ในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ความสามารถเท่านี้ยังจะนับเป็นอะไรได้…”


 


“ 1 ในกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพ…แล้วพฤกษาเทพกำเนิดชีพมีกิ่งหลักแบบนี้กี่กิ่งหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


“พฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น นอกจากลำต้นแล้ว ล้วนมีกิ่งหลักทั้งสิ้น 80 กิ่ง…และลำต้นก็ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เจ้าจะนับรวมว่ามันเสมือนกิ่งหลักที่ใหญ่ที่สุด และมองเป็นกิ่งที่  81 ก็ได้ ซึ่งบังเอิญเท่ากันกับจำนวนของระนาบเทวโลกพอดี”


 


“และสิ่งที่เจ้าได้รับมาตอนนี้ก็คือ 1 ใน 80 กิ่งหลัก ที่ไม่ได้มีพลังมากเท่าลำต้น”


 


“และเจ้าเองก็สมควรเห็นแล้วว่าลำพังแค่ 1 ใน 80 กิ่งหลักยังมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองน่ากลัวขนาดนี้…เจ้าคงนึกภาพออกได้ไม่ยาก ว่าหากเป็นตัวลำต้นที่ทรงพลังที่สุดและเป็นดั่งแกนหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ มันจะมีพลังชีวิตน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด”


 


ขณะที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของมันก็สั่นไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าหวั่นเกรงความสามารถในการฟื้นฟูและพลังชีวิตอันน่าพรั่นพรึงของพฤกษาเทพกำเนิดชีพไม่น้อย


 


“สิ่งที่ข้าได้มาก็คือ 1 ใน 81 กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ กล่าวให้ชัดยังเป็นแค่ 1 ใน 80 กิ่งหลักที่ด้อยกว่าตัวลำต้นที่สำคัญที่สุด?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก


 


เดิมทีเขาคิดว่ากิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่เขาได้มา ท่าทางจะต้องมีความสำคัญอะไรไม่น้อยสำหรับพฤกษาเทพกำเนิดชีพแน่นอน เพราะมันถึงกับมีพลังชีวิตและความสามารถในการฟื้นฟูน่ากลัวขนาดนี้


 


แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้มันยังเป็นแค่ 1 ใน 80 กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพเท่านั้น แถมยังเป็นแค่กิ่งหลักที่ไม่อาจเทียบกับลำต้นได้เลย


 


“อย่างไรเสียแม้ที่เจ้าได้รับมาจะเป็นแค่กิ่งเล็กๆกิ่งหนึ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ…แต่กล่าวได้ว่าตัวเจ้านั้นมีโชควาสนาไม่ใช่เล่นๆ และนี่ยังเป็นโชควาสนาที่คนทั่วไปไม่อาจมีได้!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว “เจ้าเองก็คงเห็นความสามารถในการฟื้นฟูของกิ่งเล็กๆของพฤกษาเทพกำเนิดชีพกับตาตัวเองไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าลองจินตนาการถึงพฤกษาเทพกำเนิดชีพต้นสมบูรณ์ดูเถอะ ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลย…ว่ามันไม่ใช่อะไรที่ใครคิดจะทำลายมันก็ทำได้ง่ายๆ!”


 


“นอกจากนี้พฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น ให้มองไปทั่วแดนดิน เกรงว่าคงมีแต่ระนาบทวยเทพเท่านั้นที่มี…ที่สำคัญในแต่ละระนาบทวยเทพ ยังมีต้นพฤกษาเทพกำเนิดชีพอยู่แค่ต้นเดียวเท่านั้น”


 


พอปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขัดด้วยความสงสัย


 


“ระนาบทวยเทพ มันคืออะไรหรือ?”


 


แม้ปากจะถามไปแบบนั้น แต่ในใจต้วนหลิงเทียนพลันคิดถึงดินแดนแห่งทวยเทพ ที่เค่อเอ๋อและญาติสนิทมิตรสหายเขาถูกจับขังอยู่


 


หรือดินแดนแห่งทวยเทพที่ว่า…ก็คือระนาบทวยเทพที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวถึง?


 


และที่ไฉนเขาคิดไปแบบนี้ ก็เพราะเขาประสบกำพลังอำนาจของคนจากดินแดนแห่งทวเทพมาด้วยตาตัวเอง


 


อาศัยแค่ข้ารับใช้คนหนึ่งของอวิ๋นชิงเหยียนที่จับตัวครอบครัวเขาและบีบคั้นพาเค่อเอ๋อไป ก็ทรงพลังมากพอจะไล่ต้อนเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ที่ได้กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไปแล้ว ต้องหนีตายเข้าสู่นรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลกทั้งมวลเพื่อเอาตัวรอด!


 


และฟงชิงหยางที่สามารถเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนได้ กล่าวได้ว่าก็คือยอดฝีมือระดับแนวหน้าคนหนึ่งของระนาบเทวโลกทั้งมวลแล้ว!


 


“ระนาบทวยเทพก็คือ ระนาบอิสระที่แตกต่างจากระนาบโลกียะและระนาบเทวโลกอย่างสิ้นเชิง…และยังเป็นระนาบที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด!”


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันฉุกคิดถึงสิ่งที่ ‘เซี่ยเจี๋ย’ อาสามของเค่อเอ๋อในชาติที่แล้วกล่าวบอกเขาขึ้นมา


 


ทำให้ตอนที่ได้ยินปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเอ่ยถึง ระนาบทวยเทพ เขาจึงคิดถึงดินแดนแห่งทวยเทพที่เคยได้รับทราบมาก่อนทันที


 


“อะไรกันเจ้าหนู…นี่เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องระนาบทวยเทพมาก่อนหรือ?”


 


เมื่อเห็นว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนคล้ายมืดลงเล็กน้อย ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่กล่าวถาม ก็คล้ายจะตระหนักอะไรได้ “เอ่อ จะว่าไปที่เจ้าจะไม่รู้จักก็ไม่แปลกหรอก…เพราะตอนนี้ระดับของเจ้ายังนับว่าห่างไกลเกินกว่าจะล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของระนาบทวยเทพมากนัก”


 


“ระนาบทวยเทพ…คือระนาบที่อยู่เหนือขึ้นไปจากระนาบเทวโลกงั้นหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม


 


“ทำนองนั้น”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินตอบ


 


“ทำนองนั้น ท่านหมายความว่าอะไร?”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว


 


“ระนาบทวยเทพนั้น กล่าวไปแล้วมีขนาดเล็กกว่าระนาบเทวโลกมาก…อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของตัวตนที่อยู่ในระนาบทวยเทพ ไม่ใช่อะไรที่ยอดฝีมือในระนาบเทวโลกจะทาบติด”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวสืบต่อ “ตั้งแต่สมัยโบราณ ระนาบทวยเทพนั้นจะมีจำนวนอยู่ที่ 18 ระนาบเท่านั้น…และทั้ง 18 ระนาบ กล่าวกันว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด 18 คนสร้างขึ้นมา มันจึงมีความแตกต่างจากระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะทั้งมวล เพราะอย่างแรกนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือผู้คน ส่วนสองอย่างหลังนั้นไม่ใช่อะไรที่ผู้คนสร้างขึ้น”


 


“ผู้แข็งแกร่งที่สุด…”


 


ใจต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันใด ดูเหมือนว่าดินแดนแห่งทวยเทพที่เค่อเอ๋อกับครอบครัวเขาถูกจับไปขัง จะเป็นแค่ 1 ใน 18 ดินแดนแห่งทวยเทพเท่านั้น


 


“ในระนาบทวยเทพนั้น เดิมทีก็มีแค่ญาติสนิทมิตรสหายของผู้แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 18 คนอยู่อาศัยเท่านั้น อย่างไรก็ตามญาติหรือสหายกระทั่งลูกหลานที่ว่าก็ไม่มีใครคิดจะอยู่ในนั้นตลอด สุดท้ายจึงเริ่มออกไปท่องเที่ยวยังระนาบเทวโลกต่างๆ และพอรู้อีกทีแต่ละคนบ้างก็พาคู่รักสหายสนิทหรือคนรู้จักอันใดกลับเข้ามาในระนาบทวยเทพ กระทั่งสุดท้ายก็เกิดการลงหลักปักฐาน อาศัยอยู่อย่างจริงจัง…”


 


“เช่นนั้นพอเวลาผ่านไปนานเข้า ระนาบทวยเทพของผู้แข็งแกร่งที่สุดทั้งหลายก็เริ่มเต็มไปด้วยผู้คน…กระทั่งคนที่ได้รับทราบเรื่องการดำรงอยู่ของมันก็ยังอยากจะเข้าไปอาศัยอยู่ในนั้น ทั้งหมดเพื่อทลายพันธการที่เป็นดั่งโซ่ตรวน และบรรลุถึงขอบเขตที่เหนือกว่าจักรพรรดิอมตะ กลับกลายเป็นเทพเจ้า!”


 


“เนื่องเพราะในระนาบทวยเทพนั้น มีตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิอมตะดำรงอยู่มากมาย…และทั้งหมดถูกเรียกขานกันว่า เทพเจ้า!”


 


“พลังอำนาจความแข็งแกร่งของเหล่าเทพเจ้า สุดที่จักรพรรดิอมตะจะทาบติด…กล่าวได้ว่าเทพเจ้าบางคนยังสามารถบดขยี้จักรพรรดิอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดให้แหลกเป็นธุลีด้วยนิ้วเดียวอย่างง่ายดาย!”


 


หลังจากที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวถึงจุดนี้ น่ำเสียงของมันก็เคร่งขึ้นเล็กน้อย ยังกล่าวเป็นเชิงเตือนต้วนหลิงเทียน “เช่นนั้นจักรพรรดิอมตะหรือตัวตนจักรพรรดิสวรรค์ที่เจ้าเข้าใจว่ายิ่งใหญ่เหนือใดในใต้หล้า ก็ไม่ใช่ว่าจะแข็งแกร่งที่สุด…สุดท้ายแล้วเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน!”


 


หลังจากนั้นด้วยการถามไถ่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเพิ่มเติม ต้วนหลิงเทียนจึงได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับระนาบทวยเทพหรือดินแดนแห่งทวยเทพที่เขารู้จักมากขึ้น


 


และดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพบ้านเกิดเค่อเอ๋อ ก็เป็นแค่ 1 ใน 18 ดินแดนแห่งทวยเทพเท่านั้น


 


อีกทั้งยังมีเหตุผลสำคัญยิ่งยวดประการหนึ่งที่ทำให้ระนาบทวยเทพนั้นมีจำกัดอยู่ที่ 18 ระนาบมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งๆที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดนั้น ไม่ได้มีแค่ 18 คน!


 


ทั้งหมดเป็นเพราะ มหาสหัสโลกธาตุแห่งนี้สามารถรองรับระนาบทวยเทพได้พร้อมกันเพียง 18 ระนาบเท่านั้น


 


ยามเมื่อมีผู้แข็งแกร่งที่สุดคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น และสามารถเข่นฆ่าผู้แข็งแกร่งที่สุดที่เปิดระนาบทวยเทพได้ ก็จะสามารถทำลายระนาบทวยเทพของอีกฝ่าย จนเปิดระนาบทวยเทพแห่งใหม่ของตัวเองขึ้นมาได้


 


แต่หากสู้ไม่ได้แล้วตกตายเสียเอง ก็ทำได้แค่ตกตายไปอย่างโง่งม ไม่ต้องคิดฝันจะเปิดระนาบทวยเทพของตัวเองอันใด


 


นอกจากนั้นในบรรดา 18 ระนาบทวยเทพนั้น ทุกๆ 6 ระนาบจะอยู่ในห้วงเดียวกัน และยังเป็นดั่งระนาบคู่ขนานกับอีกห้วง และทุกๆรอบหมื่นปี สองห้วงจักโคจรมาบรรจบ ระนาบคู่ขนานของเหล่าทวยเทพก็เสมือนได้ชนกัน และสถานการณ์ดังกล่าวจะดำรงอยู่เป็นเวลา นานนับพันปี


 


ในช่วงเวลาที่ระนาบทวยเทพบรรจบกัน ห้วงมิติที่เชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบทวยเทพจะกลายเป็นปั่นป่วนวุ่นวายยากข้ามผ่าน จึงเสมือนระนาบทวยเทพได้ถูกตัดขาดออกจากระนาบเทวโลก


 


ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้คนจากระนาบทวยเทพไม่อาจมายังระนาบเทวโลกได้ และผู้คนในระนาบเทวโลกก็ไม่อาจเดินทางไประนาบทวยเทพได้เช่นกัน!


 


‘ดูเหมือนเรื่องที่ข้ามีเวลาพันปี จะเกิดขึ้นจากการปะทะกันของระนาบทวยเทพกับระนาบทวยเทพคู่ขนานทั้งหลาย…’


 


‘นอกจากนี้ในช่วงที่ระนาบทวยเทพปะทะกัน ก็เสมือนห้วงเวลาแห่งสงครามล้างผลาญ เค่อเอ๋อจึงไม่ถูกบังคับให้แต่งงานอะไรในช่วงเวลาตึงเครียดแบบนี้’


 


‘อย่างไรก็ตามหากห้วงเวลาแห่งสงครามผ่านพ้นไป เมื่อสถานการณ์ของระนาบทวยเทพเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เค่อเอ๋อไม่พ้นต้องพบเจอกับการบีบคั้นให้แต่งงานเป็นแน่…บิดาของเค่อเอ๋อหรือไม่ก็อวิ๋นชิงเหยียนนั่น ไม่พ้นต้องนำชีวิตครอบครัวและสหายของข้าขึ้นมาบีบคั้นข่มขู่เค่อเอ๋อให้ยอมจำนน!’


 


คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน สองหมัดยังกำแน่นจนข้อขาว เล็บจิกเข้าเนื้อกลางฝ่ามือจนนเลือดซิบ ‘อ่อนแอเกินไป! ข้ายังอ่อนแอเกินไป!!’


 


‘ระนาบทวยเทพ สถานที่ของเหล่าเทพเจ้า…ที่นั่นมีตัวตนทรงพลังสุดที่จักรพรรดิอมตะจะทาบติดดำรงอยู่มากมาย!’


 


พอได้รับทราบเรื่องราวการคงอยู่ของระนาบทวยเทพ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งสำเหนียกถึงความกระจ้อยร่อยของตัวเองมากขึ้น


 


ถึงแม้ระนาบทวยเทพจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนระนาบเทวโลก หากแต่พลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศ นับว่ามากมายมหาศาลและบริสุทธิ์เหนือกว่าระนาบเทวโลกมากมาย!


 


ในระนาบเทวโลกนั้น เป็นการยากที่จะให้กำเนิด เทพเจ้า ขอบเขตที่อยู่เหนือกว่าจักรพรรดิอมตะ


 


หากแต่ภายในระนาบทวยเทพ ตัวตนขอบเขตเทพเจ้านั้น…สามารถถือกำเนิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย!


 


และนี่คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบแห่งทวยเทพ


 


“ฮี่ๆๆ…เจ้าหนู แล้วเจ้ารู้หรือไม่เล่า ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถเปิดระนาบทวยเทพได้นั้นถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร?”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวถามพลางหัวเราะอย่างมีเลศนัย


 


“แล้วมันถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไรหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้


 


“ผู้แข็งแกร่งที่สุดนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้ายอย่างน้อยๆ 1 ธาตุอยู่ข้างกาย…และความแข็งแกร่งของพวกมัน ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้ายที่อยู่ข้างกายพวกมันนั่นล่ะ!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกมาด้วน้ำเสียงหยิ่งผยอง


 


“เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้าย?”


 


ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสับสนอยู่บ้าง


 


ด้วยเพราะตัวเขาเองก็มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ถึง 3 ธาตุอยู่ข้างกาย เขาก็เลยล่วงรู้เป็นธรรมดาว่ามันเป็นการยากเย็นแค่ไหนที่จะยกระดับพัฒนาเทพแห่งธาตุให้บรรลุถึงขั้นสุดท้าย!


 


“ถูกต้อง!!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน กล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงราวกับตัวมันคือผู้ยิ่งใหญ่ “เทพทั้ง 5 ธาตุในขั้นสุดท้ายนั้น สามารถช่วยส่งเสริมให้ร่างต้นสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดได้!”


 


“และเมื่อผู้แข็งแกร่งที่สุดถือกำเนิดขึ้นแล้ว เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้ายที่อยู่กับผู้แข็งแกร่งที่สุดคนนั้น ก็จะก่อร่างกายของตัวเองขึ้นมาโดยอาศัยความช่วยเหลือจากพลังลี้ลับไม่ทราบแหล่งที่มาที่จักปรากฏขึ้นยามผู้แข็งแกร่งที่สุดถือกำเนิดขึ้น!”


 


“ในขณะเดียวกัน พลังส่วนเกินของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้ายที่หลงเหลือจากการก่อเกิดร่างกาย ก็จะกระจัดกระจายไปทั่วสวรรค์และโลก กลับกลายเป็นเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นแรกจำนวนนับไม่ถ้วน…”


WSSTH ตอนที่ 2,982 : 4 กฏสูงสุด!


 


 


“อย่างเช่นตัวข้า ทองเทพสุดลี้ลับหรือแม้แต่เพลิงเทพโกลาหลที่อยู่ในร่างกายของเจ้า…พวกเราก็ล้วนถือกำเนิดขึ้นมาด้วยสาเหตุนี้เช่นกัน”


 


“และเทพแห่งธาตุทั้ง 5 นั้น ตราบใดที่สามารถยกระดับพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ ก็จะก่อเกิดสำนึกสติขึ้น…ถึงแม้พวกเราจะเป็นตัวตนที่พึ่งถือกำเนิดเกิดมา แต่ด้วยเพราะพวกเราคือส่วนเกินพลังของร่างสมบูรณ์ ทำให้พวกเราได้รับความทรงจำของร่างสมบูรณ์นั่นมาด้วย พวกเราจึงรู้ทันทีว่าพวกเราคืออะไร และวันหน้าพวกเราต้องเผชิญกับอะไร…”


 


“กล่าวได้ว่าชะตากรรมของพวกเรานั้น หากไม่ถูกเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ชนิดเดียวกันกลืนกินจนสูญสิ้นสำนึกสติ หายสาบสูญไปตลอดกาล…พวกเราก็จะกลืนกินผู้อื่นและยกระดับพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงขั้นสุดท้าย จากนั้นเมื่อช่วยให้ร่างต้นบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้สำเร็จ พวกเราก็จะอาศัยพลังลี้ลับไม่ทราบแหล่งที่มาที่จักสาดส่องผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้นั้น เพื่อแยกตัวออกมาและก่อสร้างร่างกายของพวกเราเอง”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็อ่อนลงเล็กน้อย “และในสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนาน…มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถบรรลุถึงขั้นสุดท้าย กระทั่งก่อเกิดร่างสมบูรณ์ขึ้นมาได้”


 


“ข้าเพียงหวังว่า การที่ติดตามเจ้าแบบนี้…เจ้าจะมอบโอกาสให้พวกเราทั้ง 3 บรรลุร่างสมบูรณ์ได้”


 


ประโยคสุดท้ายของงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินามกล่าวนั้น น้ำเสียงของมันฟังแล้วไม่มั่นใจเอาเสียเลย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงอะไรมากมาย


 


ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็เงียบไปพักหนึ่ง


 


ผ่านไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนค่อยเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้ออกมา “แล้วทำไมระนาบทวยเทพถึงถูกกำหนดไว้ให้มีแค่ 18 ระนาบเล่า? ที่ว่ารองรับได้แค่นี้ มันไม่อาจฝ่าฝืนได้เลยเหรอ?”


 


“ไม่ได้! นั่นคือข้อจำกัดของสวรรค์และโลก…กฏของสวรรค์และโลกนั้นกำหนดมาแล้วว่าระนาบทวยเทพมีได้ทั้งสิ้น 18 ระนาบเท่านั้น! และมีเพียง 18 ระนาบทวยเทพเท่านั้นที่สามารถดำรงอยู่ในมหาสหัสโลกนี้ได้!!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกเสียงเข้ม “นี่เป็นดั่งเจตจำนงสวรรค์และโลก ดั่งลิขิตฟ้าที่มิอาจฝ่าฝืน!”


 


“กฏของสวรรค์และโลก?”


 


ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย “นั่นมันคืออะไรกันอีก?”


 


“กฏของสววรรค์และโลกนั้นเป็นดั่งมายา ไร้ผู้ใดกล่าวบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ หากแต่มันมีดำรงอยู่จริง…เช่นเดียวกับคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าในระนาบโลกียะ นั่นก็คือส่วนหนึ่งของกฏแห่งสวรรค์และโลก”


 


“นอกจากนั้นในระนาบเทวโลก เรื่องที่มีน้อยคนนักที่จะฝึกฝนจนกลายเป็นเทพเจ้าได้ ก็เป็นเพราะกฎของสวรรค์และโลกเช่นกัน”


 


“สำหรับเรื่องการถือกำเนิดของระนาบทวยเทพภายใต้สวรรค์และโลก ที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ว่ามิอาจเกิน 18 ระนาบ ก็คือกฏของสวรรค์และโลกอันสำคัญยิ่ง!”


 


“ในสวรรค์และโลก ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดก็คือผู้แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถเปิดระนาบทวยเทพได้…ทว่าต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดเหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้ากฏแห่งสวรรค์และโลก ก็อ่อนแอไม่ต่างอะไรจากมดปลวก!”


 


“เคยมีผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งที่ทรงพลังอำนาจไม่ใช่ชั่ว มุ่งมั่นจะยืนหยัดท้าทายพลังอำนาจฟ้าดิน หมายเปิดระนาบทวยเทพที่ 19 ให้จงได้…แล้วเจ้ารู้ไหมว่าจุดจบของมันเป็นเช่นไร?”


 


หลังปฐบพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวอธิบายได้สักพัก ก็เลือกจะกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมา


 


“ แล้วมันมีจุดจบอย่างไร?”


 


ต้วนหลิงเทียนย้อนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


เนื่องจากสวรรค์และโลกกำหนดให้มีระนาบทวยเทพดำรงอยู่ได้ทั้งสิ้น 18 ระนาบ เมื่อมีผู้ที่หาญกล้าคิดฝ่าฝืนหมายเปิดระนาบทวยเทพที่ 19 ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการท้าทายอำนาจแห่งฟ้าดิน คิดฝ่าฝืนกฏแห่งสวรรค์และโลก!


 


“พลังแห่งฟ้าดินของกฏแห่งสวรรค์และโลกได้ปรากฏลงมา พิฆาตมันในเสี้ยวพริบตา…ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่อาจต่อต้านรับมือพลังแห่งฟ้าดินได้เลย ร่างสลายกลับกลายเป็นละอองธุลี ก่อนจะสาบสูญไปในสวรรค์และโลกทั้งอย่างนั้น…”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว


 


ต้วนหลิงเทียนที่ฟังงอยู่ ใจก็สะท้านไปทันใด


 


ผู้แข็งแกร่งที่สุด…


 


ตัวตนที่เสมือนดำรงอยู่ ณ จุดสูงสุดของสวรรค์และโลก หากทว่ายามอยู่ต่อหน้าพลังอำนาจฟ้าดินแห่งกฏสวรรค์และโลก กลับกลายเป็นกระจ้อยร่อยดั่งมดปลวก ไร้หนทางต่อต้าน….


 


จังหวะนี้กฏสวรรค์และโลกททรงพลังเพียงใด ต้วนหลิงเทียนย่อตระหนักได้ชัดเจน


 


นั่นคือการดำรงอยู่ที่ไม่อาจฝ่าฝืน!


 


หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาจากอาการหวั่นกลัว เอ่ยถามออกไปต่อว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่า ผู้แข็งแกร่งที่สุดส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้ายอยู่ข้างกาย…”


 


“ฟังจากที่เจ้าว่า…หมายความว่ายังมีผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ต่างออกไป? เป็นยอดฝีมือที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดโดยไร้เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ข้างกายเช่นนั้นหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยสงสัย


 


“ใช่แล้ว”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวตอบรับ จากนั้นค่อยเล่าต่อว่า “ผู้แข็งแกร่งที่สุดเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่มีไหวพริบปฏิภาณสะท้านฟ้าดิน…ไม่เพียงสามารถเข้าใจ 1 ใน 4 กฏสูงสุดได้จนแตกฉาน ยังหลอมผสานความลึกซึ้งที่เข้าใจได้ทั้งหมด จนชักนำพลังลี้ลับจากกฏแห่งสวรรค์และโลกให้ปรากฏลงมาสาดส่องชำระพัฒนา ดั่งเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกส่งเสริมจิตวิญญาณ กลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดได้สำเร็จ”


 


“4 กฏสูงสุด?”


 


ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เอ่ยถามออกไปต่อว่า “หรือนั่นจะเป็นกฏที่ท่านเคยบอกไว้ว่ามันไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยการฝึกวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลัง?”


 


“มิผิด”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเอ่ยตอบทันควัน “กฏที่แฝงเร้นอยู่ในวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังทั้งหลาย ต่อให้ยอดเยี่ยมที่สุด กล่าวไปแล้วก็ยังเป็นแค่กฏชั้นรองเท่านั้น”


 


“ระดับของกฏนั้นกล่าวไปแล้วสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับใหญ่…ระดับที่สูงกว่าหรือก็คือกฏสูงสุดนั้น มีเพียง 4 กฏเท่านั้น ส่วนอีกระดับก็จะมีกฏมากมาย”


 


ในขณะที่กล่าวถึงกฏสูงสุดทั้ง 4 น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย


 


“4 กฏสูงสุดนั่น…นอกจากกฏแห่งชีวิตแล้ว อีก 3 กฏที่เหลือคืออะไรหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


“กฏสูงสุดที่เหลืออีก 3 ได้แก่ กฏแห่งเวลา กฏแห่งมิติ และกฏแห่งความตาย!”


 


ในขณะที่เอ่ยตอบต้วนหลิงเทียนครั้งนี้น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย “กฏแห่งเวลากับกฏแห่งมิตินั้น มักถูกเรียกรวมกันว่า กฏแห่งมิติเวลา…ส่วนกฏแห่งความตายและกฏแห่งชีวิตมักถูกเรียกรวมกันว่า กฏแห่งชีวิตและความตาย”


 


“ภายใต้สวรรค์และโลก กฏที่สูงสุดย่อมเป็น กฏแห่งมิติเวลา กับกฏแห่งชีวิตและความตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย…เพราะสรรพสิ่งไม่อาจหลุดพ้นออกจาก 4 สูงสุดนี้ได้!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกมารวดเดียวจบ


 


“กฏแห่งเวลา กฏแห่งมิติ กฏแห่งชีวิต และกฏแห่งความตาย…ก็จริงดั่งว่า เวลา มิติ ชีวิต ความตาย…ไร้สิ่งใดหลีกลี้หนีพ้น”


 


ต้วนหลิงเทียนได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ


 


แน่นอนอยู่แล้ว


 


สรรพสิ่งนั้น ไม่อาจหลีกหนีจาก เวลา มิติ ชีวิต ความตายได้เลย


 


เวลาไหลผ่านไปไม่หยุดยั้ง ดั่งสายน้ำไม่อาจหวนกลับ สรรพสิ่งล้วนอยู่ในสายธารแห่งการเวลาทั้งสิ้น


 


มิตินั้น เป็นดั่งรากฐานของสรรพสิ่ง


 


ชีวิตนั้นเป็นดั่งรากฐานของสรรพชีวิตทั้งมวล


 


และความตาย คือหายนะสำหรับสรรพชีวิตทั้งมวล…


 


“คนสองคนที่มีด่านพลังทัดเทียม ประสบการณ์ทั้งพลังฝีมือไม่แตกต่าง และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏเท่าๆกัน…อย่างไรก็ตามหากคนหนึ่งเข้าใจกฏสูงสุด ส่วนอีกคนเข้าใจกฏรองลงมา คนแรกย่อมบดขยี้คนที่สองได้ง่ายดาย!”


 


“ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด เพียงเพราะคนแรกนั้นสามารถเข้าถึงกฏสูงสุด!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวสืบต่อว่า “เป็นธรรมดาว่าแม้กฏสูงสุดทั้ง 4 จะทรงพลังมาก หากแต่คิดจะทำความเข้าใจและเข้าถึงมันได้ ก็ยากยิ่งเช่นกัน…”


 


“ก่อนอื่นเลยจำต้องมีโอกาสวาสนาเสียก่อน…ประการที่สองจำต้องมีไหวพริบปฎิภาณเลิศล้ำ และความสามารถในการทำความเข้าใจสูงส่ง เพราะคิดจะแตกฉาน 4 กฏสูงสุด จำต้องใช้ความสามารถในการทำความเข้าใจสูงส่งนัก”


 


กล่าวถึงจุดนี้เสียงกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกเราก็เลยพูดไว้ว่า การที่เจ้าได้รับ1 ในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมาครอบครองแบบนี้ ก็ทำให้เจ้ามีโอกาสเข้าใจกฏแห่งชีวิตเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเจ้าจะเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้แน่ๆ”


 


“การที่พวกเราช่วยให้เจ้าได้รับการยอมรับจากกิ่งหลักของพฤกษาเทพแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เข้าได้รับพลังชีวิตและความสามารถในการรักษาฟื้นฟูตัวเองเท่านั้น เจ้าที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลตลอดเวลา ยังนับเป็นโอกาสประเสริฐให้เจ้าได้ทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิต…หากความเข้าใจเจ้าสูงพอและมีโชคหน่อย เจ้าก็สามารถพึ่งพาสิ่งนี้ในการเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้”


 


“แต่หากความเข้าใจเจ้าไม่สูงพอทั้งดวงซวย ถึงแม้พฤกษากำเนิดชีพจะยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะเข้าใจกฏแห่งชีวิต”


 


“นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะสามารถยอมรับทุกคนเป็นนายได้…เพราะข้อกำหนดที่สำคัญที่สุดในการยอมรับใครสักคนเป็นนายของมัน ก็คือคนผู้นั้นจำเป็นต้องมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย”


 


“ประการที่สองนั้น คือต้องบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะเสียก่อน”


 


“อย่างไรก็ตามเงื่อไขข้อที่สองนั้น สามารถถูกแก้ไขได้ด้วยความสามารถบางอย่าง ดั่งที่ทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหลช่วยเหลือเจ้า ก็เป็นดั่งใช้หนึ่งมือบังฟ้าเพิกเฉยเงื่อนไขข้อที่สองได้สำเร็จ…ทว่าสำหรับเงื่อนไขข้อแรกนั้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็มิอาจใช้หนึ่งมือบังฟ้าได้!”


 


“เพราะเงื่อนไขข้อแรกเป็นดั่งกฏแห่งสวรรค์และโลก ทุกผู้คนจำต้องปฏิบัติตามไม่อาจฝ่าฝืน!”


 


หลังได้ยินคำพูดดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ว่าที่แท้เพราะเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายนี่เอง กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพถึงยอมรับเขาเป็นนาย


 


“แล้วคนที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายนั้นมีอยู่มากหรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย


 


“จากความทรงจำที่ข้าได้รับสืบทอดมา…ภายใต้สวรรค์และโลกนี้ และภายใต้กฏแห่งสวรรค์และโลก ในแต่ละยุคสมัย ปกติแล้วจักไม่มีผู้ที่ครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายในช่วงเวลาเดียวกันเกิน 100 คน”


 


“นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด…ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย!”


 


“อย่างไรก็ตามตัวตนเหล่านั้น ไม่มีข้อยกเว้น…ล้วนเป็นตัวตนที่ทรงพลังกล้าแข็งอย่างแท้จริง!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดกล่าวสืบต่อ


 


หลังจากได้ยินคำตอบจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า…


 


ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายของเขา นับเป็นข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่อาจาส่งผลต่อความสำเร็จในอนาคตของเขาได้มากมายอะไร


 


‘ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมาของข้า ผู้ที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายที่ข้าพบเจอนอกจากตัวข้าแล้วก็มีฮ่วนเอ๋อแค่คนเดียว’


 


‘ไม่คิดเลยว่าภายใต้สวรรค์และโลก ยังมีผู้ที่ครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเหมือนกับข้าและฮ่วนเอ๋ออยู่อีกไม่น้อย’


 


‘ทว่าแม้จะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย แต่ในระนาบเทวโลกที่มียอดฝีมือดั่งเมฆเกลื่อนฟ้า ไม่ทราบสุดท้ายจะเหลือผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่กี่คน?’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจเงียบๆ


 


“อ้อ นอกจากนั้นเจ้าอย่าได้ถือดีเรื่องที่เจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเสียเล่า เรื่องนี้มิใช่เรื่องยอดเยี่ยมอันใดมากมาย…กระทั่งวันใดหากพลังของเจ้าเพิ่มพูนขึ้นจนมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา ต่อให้ไม่ใช่ตัวผู้แข็งแกร่งที่สุดมาเอง ก็ไม่แน่ว่าอาจจะส่งใครมาฆ่าเจ้าทิ้ง!”


 


“นั่นเพราะเมื่อผู้ที่ถือครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายกลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด พลังของตัวตนนเช่นนี้จะอยู่เหนือผู้แข็งแกร่งที่สุดส่วนใหญ่ที่ไร้ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย…”


 


“ในสายธารประวัติศาสตร์อันยาวนาน มียอดฝีมือมากมายที่ถือครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายกำลังจะกลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกผู้แข็งแกร่งที่สุดชั่วร้าย อิจฉาที่ตัวเองไร้ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเข่นฆ่าเพื่อเป็นการสกัดดาวรุ่ง…”


 


“แต่เป็นธรรมดาว่าก่อนที่เจ้าจะเติบโตจนอยู่ในสายตาของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่สุดชั่วร้ายเหล่านั้น…ต่อให้พวกมันรู้ว่าเจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายพวกมันก็ไม่คิดจะสนใจดีอะไรเจ้า เพราะหากเจ้าไร้พลังมากพอ ในสายตาพวกมันเจ้าก็เสมือนมดตัวหนึ่งที่ไร้ภัยคุกคามอะไรต่อพวกมัน กระทั่งยังไม่คู่ควรให้พูดถึง…”


 


“ด้วยมีบทเรียนมากมายในประวัติศาสตร์ ใครก็ตามที่ถือครองชีพจรสวรรค์ 99 ชุดสายนั้น เป็นการดีเสียกว่าที่จะปกปิดเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้โดยง่าย…”


 


“เพราะการครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายนั้น กล่าวไปมันเป็นทั้งพรและคำสาปในเวลาเดียวกัน…”


 


“ดังนั้นเจ้าจงจดจำไว้ให้ดีเล่าเจ้าหนู…เจ้าอย่าได้ไปปูดเรื่องที่เจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายให้ใครรู้ง่ายๆเชียว! เพราะหากวันหนึ่งเกิดเจ้าแข็งแกร่งมากพอจนเข้าใกล้ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว เจ้าอาจโดนพวกขี้อิจฉาไล่ฆ่าเอาได้ง่ายๆ!!”


 


ขณะกล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่ฟังแล้วไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็แลดูหนักแน่นจริงจัง อย่างหาฟังได้ยาก…


 


“ข้าทราบแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างจริงจัง


 


ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ก็ไม่นับเป็นอะไร


 


แต่พอมาตอนนี้พอเขารู้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เขาไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายในร่างของเขาออกไปง่ายๆ


 


“แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องนี้ในตอนนี้นักหรอก และหลังจากนี้ไป ข้า เพลิงเทพโกลาหล รวมถึงทองเทพสุดลี้ลับก็จะพยายามช่วยเหลือเจ้าเต็มที่…หากแต่สุดท้ายแล้วเจ้าจะไปได้ไกลเพียงใด ก็ล้วนขึ้นอยู่กกับเจ้าทั้งสิ้น”


 


“แต่เป็นธรรมดาว่าพวกเราเองก็อยากจะติดตามเจ้าไปให้สุดทาง…เพราะใต้หล้า แม้จะมีหลายคนที่มีพรสวรรค์ทั้งความสามารถในการทำความเข้าใจ หากแต่คนที่ครอบครองชีพจรสววรรค์ 99 จุดสายเช่นเจ้า อย่างไรก็มีไม่เกินร้อย!”


WSSTH ตอนที่ 2,983 : ทะเลสาบอวิ๋นเยียน


 


 


 


“เว้นเสียแต่เจ้าจักโชคชะตาอาภัพตกตายไปก่อนวัยอันควร…หาไม่แล้วพวกเราก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนร่างต้นง่ายๆ เพราะให้กล่าวกันตามความจริง คงยากที่พวกเราจะพานพบร่างต้นที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าเจ้า…”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว


 


มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้แล้วว่าเหตุไฉนที่ 3 เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ถึงเต็มใจอยู่อาศัยในร่างเขา ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย


 


กล่าวได้ว่าเขาคือร่างต้นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเทพแห่งธาตุทั้ง 5!


 


ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆฟอดหนึ่ง และเริ่มย่อยข้อมูลที่ได้รับมาจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ถึงแม้ว่าข้อมูลจะไม่ได้มีมากมายอะไร ทว่าแต่ละเรื่องนั้น ล้วนขู่ขวัญผู้คนครั้งใหญ่จริงๆ!


 


ระนาบทวยเทพ!


 


ผู้แข็งแกร่งที่สุด!


 


4 กฏสูงสุด!


 


หลังจากทบทวนและเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดจนเข้าใจแจ่มแจ้งดีแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาครองสติอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินในใจอีกรอบ “ว่าแต่ข้าได้ยินทองเทพสุดลี้ลับพูดไว้…เหมือนว่ากิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะไม่ได้มีความสำคัญกับข้าเท่านั้น แต่ยังสำคัญกับพวกท่านด้วยหรือ?”


 


“ใช่! สำคัญโคตร!!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินถึงกับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงคึกคัก “เจ้าที่ได้รับการยอมรับจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพในฐานะเจ้านายแล้ว คงสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลและตระหนักถึงความสามารถในการรักษาตัวนั่นแล้วใช่ไหมล่ะ…”


 


“แต่ไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น! กระทั่งพวกเราเองก็พลอยได้รับพลังชีววิตกับความสามารถในการรักษาตัววอันน่าทึ่งนั่นมาเช่นกัน! วันหน้านะ…หากพวกเราต้องเจอเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ระดับเดียวกัน ต่อให้มันจะแก่กว่าพวกเราแค่ไหน แต่ขอให้มันมาเดี่ยวกับพวกเราตัวๆเถอะ พวกเราล้วนไม่มีวันกลัวทั้งนั้น!!”


 


“กล่าวให้เข้าใจได้ง่ายๆ…ถึงแม้ตอนนี้ทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหลจะเข้าสู่ห้วงนิทรา และข้าเกิดไปเจอเข้ากับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินขั้นที่ 3 ที่อยู่มานานกว่าข้า จนมีพลังกล้าแข็งเหนือข้า คิดจะดูดกลืนข้า! แต่ให้ข้าเดี่ยวกับมันตัวๆข้าก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย! เพราะต่อให้ข้าเสียพลังทั้งบาดเจ็บอย่างไร ก็มีพลังชีวิตของพฤกษาเทพกำเนิดชีพช่วยฟื้นฟูไงเล่า!!”


 


พอได้ฟังวาจาฮึกเหิมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพนี้มันทรงพลังน่ากลัวขนาดไหน


 


กระทั่งให้เป็นพวกเพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ หรือปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินบาดเจ็บเสียพลัง มันก็ยังสามารถช่วยฟื้นฟูพลังให้ได้ด้วยความเร็วสูง!


 


“ฮี่ฮี่…เจ้าหนู เจ้าอย่าพึ่งคิดว่าเท่านี้ยอดเยี่ยมมากแล้ว พฤกษาเทพกำเนิดชีพที่นอมรับเจ้าเป็นนายไปแล้วน่ะ…มันไม่ได้มอบประโยชน์แค่เรื่องพลังชีวิตกับความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของเจ้าหรอกนะ!”


 


ปฐพีแรกกำเนิดฟ้าดินหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัยอีกกครั้ง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “เจ้าลองดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน เพื่อบ่มเพาะพลังดูเถอะ”


 


ได้ยินวาจากล่าวแนะดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ใจต้วนหลิงเทียนก็เต้นไปไม่เป็นจังหวะ จากนั้นเขาก็รีบหลับตาลงและเริ่มโคจรพลังตามเคล็ด ไท่อี้สุดลี้ลับ อันเป็นเคล็ดอมตะระดับราชา เพื่อบ่มเพาะพลังทันที


 


กล่าวไปนี่ยังเป็นครั้งแรกเลย ที่ต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะพลังหลังได้รับการยอมรับเป็นนายจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพ


 


“หืม!?”


 


และทันทีที่เริ่มดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนพลันค้นพบว่าความเร็วในการดูดซับพลังวิญญญาณฟ้าดินของเขามันเพิ่มขึ้นจมหู! เรียกว่าปริมาณพลังวิญาณฟ้าดินที่เขาสูบจากบรรยากาศระดับนี้ ยังเหนือกว่าปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินที่เขาดูดซับได้ขณะอยู่ในสภาพแวดล้อมจากผลึกเทพเสียอีก!!


 


“นี่มัน…ทำลายขีดจำกัดไปแล้วรึ?!”


 


แต่เดิมต้วนหลิงเทียนคิดว่า ด้วยมีผลึกเทพช่วยเหลือ ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของเขาก็คงถึงขีดจำกัดแล้ว


 


ทว่าตอนนี้กระทั่งสภาพแวดล้อมไม่ได้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินจากการใช้ผลึกเทพ หากแต่เขากลับสามารถดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินจากโดรอบได้อย่างน่ากลัว ปริมาณพลังที่ได้รับกล่าวไปยังเหนือกว่าตอนบ่มเพาะกับผลึกเทพเสียอีก ยังเหนือกว่าและเร็วกว่ามาก!!


 


“นี่มัน…!?”


 


ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่ค้นพบอะไรบางอย่าง ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอีกครั้ง


 


เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินที่เขาพึ่งดูดซับเข้าร่างมานั้น มันกลับไม่หลั่งไหลเข้าสู่ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายของเขาทันที หากแต่กลับมุ่งหน้าไปยังกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่พันหัวใจเขาก่อน หลังจากมันแล่นผ่านไปในพฤกษาเทพกำเนิดชีพแล้ว ถึงจะค่อยฉีดพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ชีพจรพลังของเขา


 


แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ


 


สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังวิญญาณฟ้าดินที่ผ่านพฤกษาเทพกำเนิดชีพไปแล้ว มันกลับกลายเป็นบริสุทธิ์อย่างมาก ไร้ซึ่งสิ่งปนเปื้อนใดๆแม้แต่น้อย!


 


พลังวิญญาณฟ้าดินที่บริสุทธิ์ระดับนี้ เรียกว่าทำให้กระบวนการขัดเกลาเพาะสร้างเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด มีประสิทธิภาพสูงกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินก่อนหน้าหลายเท่า!


 


“ให้มันได้ยังงี้สิ…ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าตอนนี้ ให้เทียบกับตอนใช้ผลึกเทพบ่มเพาะก่อนหน้า ยังรวดเร็วกว่ากันถึงสิบเท่า!”


 


ต้วนหลิงเทียนเบิกตาโพลง แววตายังสั่นไหวไปไม่น้อย ใจก็เต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะ


 


เขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะนำผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาให้เขา หลังจากที่มันยอมรับเขาเป็นนายแล้ว!


 


ต่อหน้าพลังอำนาจของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ เรียกว่าผลึกเทพหมองไปทันที!


 


“ไงล่ะ?”


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนลืมตาขึ้นมา เสียงถามไถ่อย่างยียวนของปฐพีเทพแรกกำเนิดก็ดังขึ้นทันที คล้ายนี่เป็นความดีความชอบของมัน “ตอนนี้เจ้ารับรู้ถึงคุณประโยชน์จากพฤกษาเทพกำเนิดชีพหลังมันยอมรับเจ้าเป็นนายแล้วกระมัง?”


 


“ข้ารู้ซึ้งแล้ว และให้ข้าบอกว่าความเร็วในการบ่มเพาะของข้าตอนนี้ มันรวดเร็วกว่าตอนใช้ผลึกเทพบ่มเพาะนับสิบเท่า ก็ยังไม่ถือว่าเกินเลยด้วยซ้ำ!”


 


เสียงตอบต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจครั้งใหญ่


 


“ไม่เกินเลยหรอก…”


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน กล่าวต่อเสียงเบา “ผลึกเทพที่เจ้าว่าน่ะ มันก็แค่หายากในระนาบเทวโลกเท่านั้นล่ะ…แต่หากเอาไปพูดในระนาบทวยเทพ ก็ถือว่าแค่พอมีค่า แต่ไม่ได้หายากอะไรเลย…”


 


“แต่พฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่น จะมีดำรงอยู่ก็แต่ในระนาบทวยเทพเท่านั้น อีกทั้งระนาบทวยเทพแต่ละระนาบก็จะมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพอยู่เพียงแค่ต้นเดียว! และนี่ยังเป็นกฏแห่งสวรรค์และโลกอีกด้วย!!”


 


“กล่าวได้ว่าภายใต้สวรรค์และโลก มีพฤกษาเทพกำเนิดชีพทั้งสิ้น 18 ต้นเท่านั้น…และเจ้าก็ได้รับกิ่งของ 1 ใน 18 ต้นนั่นมา…”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวสืบต่อ “โชควาสนาแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงในระนาบเทวโลกนี่เลย ต่อให้เป็นผู้คนในระนาบทวยเทพก็ยังต้องมองเจ้าด้วยความอิจฉาตาร้อน”


 


“เจ้าคงพอจะทราบแล้วใช่หรือไม่ ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้นเป็นอะไรที่ถูกทำลายได้ยากมาก…แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดคิดจะทำลายมันก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ”


 


“จะมีก็แต่ตอนที่ระนาบทวยเทพโคจรมาปะทะกันเท่านั้น พฤกษาเทพกำเนิดชีพถึงจะได้รับความเสียหาย…และหากมีกิ่งใดแตกหักเพราะการปะทะของระนาบดังกล่าว กิ่งที่ว่าก็จักตกลงสู่ห้วงมิติผันผวน ส่วนเรื่องที่มันจะหายสาบสูญไปในสวรรค์และโลกเลย หรือไปสุ่มโผล่ที่ไหนก็ไม่มีใครบอกได้…”


 


“โดยปกติแล้วคนที่บังเอิญได้รับกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมา ก็คือคนที่มีโชควาสนาสูงล้ำจริงๆ…แน่นอนว่ามีบางคนที่บังเอิญพบเจอกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ หากแต่ไม่รู้จักและไม่รู้ถึงคุณค่าของมัน สุดท้ายก็ดันมอบให้ผู้อื่นไปเสียอย่างนั้น…”


 


“ก็เหมือนกับเจ้าราชาอมตะ 4 รูปอะไรนั่น ที่ฝากมาเข้าประมูลที่ประเทศตันจี้นั่นน่ะ เพราะมันไม่รู้ค่าไงสุดท้ายก็เลยตกมาถึงมือเจ้า!”


 


พอปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ที่มาที่ไปของกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ


 


“ปกติแล้วตอนระนาบทวยเทพโคจรมาปะทะกัน จะมีกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพแตกหักและกระจัดกระจายออกมามากหรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


“เรื่องนี้ก็ตอบยาก…เพราะบางครั้งการปะทะกันระหว่างระนาบทวยเทพคู่ขนาน ก็ทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพเสียหาหนัก จนมีหลายกิ่งที่แตกหักและร่วงตกลงสู่ห้วงมิติผันผวน แต่บางครั้งการปะทะกันของระนาบทวยยเทพก็ไม่รุนแรงอะไร อาจจะสูญเสียแค่กิ่งสองกิ่ง…”


 


“ยังมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ได้รับความเสียหายามปะทะ จนกำลังจะสูญเสียกิ่งก้านของมัน หากทว่ามันสามารถรักษาตัวได้ทัน ก็อาจจะไม่ต้องสูญเสียกิ่งอันใดเลยก็เป็นได้”


 


“เช่นนั้นข้าบอกเจ้าได้เลย ภายใต้สวรรค์และโลกนี้ ผู้ใดได้รับกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น ถือว่ามีโชควาสนาอันยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ!!”


 


ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวเสียงฉะฉาน


 


“มันมีค่าถึงขนาดนี้…ถ้าหากว่าเรื่องที่ข้าครอบครองกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพแพร่งพรายออกไป ข้าไม่โดนตามปล้นจนตายหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงเครียด


 


ตอนนี้พอเขาตระหนักได้ถึงคุณประโยชน์ของกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ เขาย่อมหวังให้มันดำรงอยู่กับเขาตลอด ไม่ถูกใครที่ไหนช่วงชิงไป…


 


“ก่อนอื่นเลย กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น จะยอมรับก็แต่ผู้ที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเป็นนายเท่านั้น…คนที่ไม่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย แม้จะพยายามหยดเลือดลงกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพให้ตาย มันก็ไม่มีวันยอมรับเป็นนายเด็ดขาด”


 


ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินไม่ตอบโดยยตรง แต่เลือกจะอธิบายข้อมูลให้ฟัง “ประการที่สอง ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่อาจทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนายได้ แต่พวกมันก็สามารถพกกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพไปไหนมาไหนติดตัวได้ และคนพวกนี้อาจจะใช้กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพเพื่อทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิต…แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว โอกาสที่พวกมันจะเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้ก็น้อยกว่าเจ้ามาก”


 


“เพราะสุดท้ายแล้ว หากไม่ได้รับการยอมรับเป็นนายจากกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ก็ไม่มีทางสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลที่อัดแน่นไปทั่วร่างเหมือนเจ้า…”


 


“และมีเฉพาะกิ่งพฤกษาเทพที่ไม่ยอมรับนาย ถึงจะสามารถถูกปล้นชิงได้…สำหรับกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ยอมรับผู้ใดเป็นนายของมันแล้ว ต่อให้เจ้านายของมันจะถูกฆ่าตาย หรือกล่าวได้ว่าทันทีที่ลมหายใจของผู้เป็นนายดับลงจนหัวใจไม่เต้นอีกต่อไป มันก็จะทำการฉีกเปิดห้วงมิติและหนีหายไปในห้วงมิติโกลาหลทันที! บอกได้เลยว่าคนที่ฆ่าเจ้านายของมัน ย่อมไม่มีวันได้ครอบครองมันเด็ดขาด!!”


 


“ดังนั้นในเมื่อพฤกษาเทพกำเนิดชีพกิ่งนี้ได้ยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งชิงมันไปจากเจ้า…และเหล่าผู้ที่มีความสามารถในการออกตามหากิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น ย่อมสัมผัสได้ทันทีว่าเจ้าเป็นนายของมันแล้วหรือยัง ดังนั้นพวกมันก็ไม่คิดทำเรื่องเสียเปล่าอย่างฆ่าเจ้าเพื่อช่วงชิงแน่นอน…”


 


ด้วยมีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวข้อมูลให้ฟัง ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ว่ากิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพของเขา จะไม่มีวันถูกพรากไปจากเขาแน่นอน


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


 


เพราะเขากังวลจริงๆ เกิดมีตัวตนอันทรงพลังค้นพบ แล้วคิดช่วงชิงมันไปจากเขาจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ?


 


“ผลึกเทพ…”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันนโบกมือเบาๆ ปรากฏจี้ห้อยคอเส้นหนึ่ง พอเปิดตัวจี้ออกก็เห็นเป็นผลึกเทพ


 


เป็นผลึกเทพที่ฮ่วนเอ๋อทิ้งไว้ให้เขา


 


‘ตอนนี้ด้วพลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ผลึกเทพก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าอีกต่อไป…ฮ่วนเอ๋อเจ้าไปอยู่ที่ใดแล้ว?’


 


ทุกครั้งที่เห็นผลึกเทพ ต้วนหลิงเทียนก็ย่อมนึกถึงเจ้าของที่ทิ้งผลึกเทพไว้ให้เขา


 


โดยปกติแล้วด้วยภาระที่แบกไว้บนไหล่ เขาย่อมสามารถระงับอารมณ์ได้ เพราะเขาจำเป็นต้องพึ่งมัน


 


ทว่าตอนนี้ในเมื่อความสำคัญของผลึกเทพได้ถูกพฤกษาเทพกำเนิดชีพเข้ามาแทนที่ เขาจึงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป


 



 


แดนสวรรค์ใต้โบราณ สำหรับผู้คนในแดนสวรรค์ใต้แล้ว มันก็ไม่ต่างใดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย


 


ในแดนสวรรค์ใต้นั้น มีทางเข้าเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเป็นจำนวนมาก และทั้งหมดจะตั้งอยู่ในเขตปกครองของขุมกำลังระดับ 6


 


กล่าวได้ว่าสิทธิ์ขาดในการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น ปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของขุมกำลังระดับ 6 เป็นหลัก


 


ทว่าขุมกำลังระดับ 6 ทั้งหลายมักส่งมอบการจัดการเรื่องราวเหล่านี้ให้ขุมกำลังระดับ 7


 


และเป็นธรรมดาว่าขุมกำลัง 7 ที่ได้รับอำนาจในการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น มักเป็นขุมกำลังใต้อาณัติของขุมกำลังระดับ 6 นั้นๆ


 


และถึงจะไม่ใช่ขุมกำลังใต้อาณัติโดยตรง แต่อย่างน้อยๆก็ต้องมีเกี่ยวพันในแง่ของผลประโยชน์ผูกพันอะไรบางอย่าง


 


ภายใต้อำนาจของขุมกำลังระดับ 6 อย่างคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็มีขุมกำลังระดับ 7 ที่คอยดูแลเรื่องการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณอยู่ และถูกเรียกว่า 3 นิกาย 2 ตระกูล


 


3 นิกายย 2 ตระกูล ก็ตามชื่อเลย เป็นขุมกำลังประเภทนิกาย 3 นิกาย และประเภทตระกูล 2 ตระกูล


 


และทางเข้าออกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำในเขตพื้นที่ของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น ก็ตั้งอยู่ในสถานที่ๆเรียกว่าทะเลสาบอวิ๋นเยียน


 


ทะเลสาบอวิ๋นเยียนนั้น เป็นทะเลสาบที่มีขนาดกว้างใหญ่นัก น้ำในทะเลสาบใสกระจ่าง และบริเวณเหนือผิวน้ำถูกปกคลุมไปด้วยหมอกที่ลอยเอื่อยราวก้อนเมฆไม่ไปไหน ดั่งหมอกขังตรึงบึงหลิว ก็แค่ที่นี่ไม่ใช่บึงหลิวแต่เป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล


 


นามทะเลสาบอวิ๋นเยียนก็ได้มาด้วยสาเหตุนี้


(เมฆหมอก)


 


และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทะเลสาบอวิ๋นเยียนที่เคยเงียบสงบ ก็ปรากฏผู้คนมากมาหลั่งไหลทยอยกันมาจากทุกทั่วสารทิศ


 


และเหตุผลที่ผู้คนเหล่านี้พากันมารวมตัวกันที่นี่ สืบเนื่องมาจากวันที่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำกำลังจะเปิดออก เจียนมาถึงเต็มทีแล้ว เป็นอีก 3 วันให้หลัง!


 


“ถึงแล้ว…ด้านหน้าพวกเราคือทะเลสาบอวิ๋นเยียน”


 


น่านฟ้าด้านนอกทะเลสาบอวิ๋นเยียน ปรากฏสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดกวาดจนเมฆหมอกกระจัดกระจายออกไปอยู่บ้าง เป็นการมาถึงของคนกลุ่มหนึ่ง


 


“ทะเลสาบอวิ๋นเยียน? นี่น่ะหรือ…ทางเข้าออกแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว?”


 


ในบรรดาคนกลุ่มดังกล่าว ปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงผู้หนึ่ง ทอดตามองไปยังทะเลสาบอันมีเมฆหมอกปกคลุมหนาตาเบื้องหน้า พลางกล่าวออกมาด้วยสองตาทอประกายเรืองวูบ!


WSSTH ตอนที่ 2,984 : ป้ายหยกสะสมคะแนน


 


 


 


คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆที่เดินทางมาจากประเทศฝูชิวนั่นเอง


 


หลังเดินทางออกจากประเทศฝูชิวได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนกับคนของประเทศฝูชิว ก็มาถึงสถานที่ตั้งประตูทางเข้าออกแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก่อนถึงวันที่มันจะเปิดให้เข้าไปล่วงหน้า 3 วัน…ทะเลสาบอวิ๋นเยียนเบื้องหน้า!


 


“ฝ่าบาททางเข้าแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำอยู่ใต้ทะเลสาบอวิ๋นเยียนงั้นเหรอ?”


 


หวงเจียหลงที่ลอยร่างข้างๆต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามผู้ที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้ากลุ่มด้วยความสงสัย


 


ผู้ที่เหินนำอยู่หน้าสุดมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงแลดูกำยำ หว่างคิ้วแผ่ความน่าเกรงขามประการหนึ่ง เป็นฮ่องเต้ของประเทศฝูชิว ‘หูหลินอี้’ นั่นเอง


 


ทว่าวันนี้หูหลินอี้ไม่ได้มาในมาดชุดคลุมมังกร อย่างที่นิยมสวมใส่ทั้งปีทั้งชาติตอนอยู่ในประเทศฝูชิว แต่เป็นชุดคลุมสีทองเข้ม ที่ไม่ได้แลดูหรูหราสักเท่าไหร่


 


การเปิดออกกของแดนสวรรค์ใต้โบราณ ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้ของประเทศอมตะระดับ 8 ทั้งหลายในดินแดนพันประเทศจะพาอัจฉริยะมาเข้าร่วม แม้กระทั่งคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลก็มา นอกจากนั้นยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งอีกมากมาย


 


ในสถานการณ์แบบนี้ หูหลินอี้ มีหรือจะกล้าสวมใส่ชุดคลุมมังกรที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นเจ้าชีวิตออกมาให้ข้ามหน้าข้ามตาผู้อื่น?


 


ในอดีตนั้น เคยมีฮ่องเต้ของประเทศอมตะระดับ 8 คนหนึ่งหาญกล้าแต่งตัวมาเต็มยศ แต่สุดท้ายมันก็ถูกยอดฝีมือของ 3 นิกาย 2 ตระกูลเข่นฆ่าทิ้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า…ขัดตา! ขัดตาที่หาญกล้าจนไม่เห็นหัว 3 นิกาย 2 ตระกูล หรือแม้แต่คฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ในสายตา!!


 


หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าใส่ชุดคลุมมังกรในสถานการณ์แบบนี้ตามอำเภอใจอีกเลย เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!


 


“ไม่ใช่ใต้ทะเลสาบหรอก แต่มันอยู่กลางทะเลสาบต่างหาก”


 


ได้ยินคำถามของหวงเจียหลง หูหลินอี้ก็หันไปกล่าววตอบด้วยรอยยิ้ม


 


หวงเจียหลงเป็นบุตรชายที่โดดเด่นที่สุดของเจ้าเมืองตู้อวิ๋น หวงเฟยเหยี่ยน ที่เป็นดั่งมือขวาของมัน ในอดีตมันเองก็เอ็นดูหวงเจียหลงมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้ด้วยซ้ำ


 


ตั้งแต่ที่มันได้ยินเรื่อง ไป๋กัง ผู้บัญชาการกองกำลังของจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋น ได้ส่งมอบกระบี่อมตะจอมราชันให้กับเผ่าพยัคฆ์เหิน ขุมกำลังระดับ 6 ที่เทียบเทียมกับคฤหาสน์เฉวียนโยว หูหลินอี้ก็รู้ดีว่าตอนนี้สถานะของจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋นได้แตกต่างจากกาลก่อนแล้ว…


 


เพราะวันที่หวงเหยี่ยนเฟยกลับมาบอกเล่าเรื่องราวให้มันฟัง มันก็ได้รับทราบเรื่องที่อีก 10 ปีหลังจากนี้ไป๋กังจะกลับมาอีกครั้ง ในฐานะพยัคฆ์เหินลายเงิน!


 


ถึงตอนนั้นมันรู้ดีว่าต่อให้เป็นตัวมัน ก็ไม่อาจยึดถือว่าเมืองตู้อวิ๋นเป็นเมืองใต้อาณัติของมันอีกต่อไป


 


ดังนั้นไม่ว่าจะหวงเหยี่ยนเฟยก็ดี หรือแม้แต่หวงเจียหลงก็ดี…มันไม่กล้าละเลยเด็ดขาด!


 


วันนี้ผู้ที่นำคนของประเทศฝูชิวมา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิวนั่นเอง


 


และข้างกายหูหลินอี้ ยังมีชายชราคนหนึ่งที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดอีกคนในตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้


 


คนที่เหลือนอกจากต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลง ก็คือเหล่าอัจฉริยะทั้ง 9 ที่โดดเด่นที่สุดในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศฝูชิวคนอื่นๆ องค์ชาย 4 อย่างหูจี้หย่ง และลูกชายคนเล็กของหวงเหยี่ยนเฟยอย่าง หวงเจียเชา น้องชายหวงเจียหลงก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา


 


นอกจากทั้ง 4 คนที่กล่าวมา ก็ยังมีผู้ชายอีก 3 ผู้หญิงอีก 2


 


สตรีทั้ง 2 นับว่ามีรูปโฉมน่าดูไม่น้อย โดยเฉพาะสตรีหนึ่งในสองคนนั่น นับว่างดงามจนน้อยคนจะมายยืนประชันข้างกายนางได้


 


อีกทั้งนางยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระอีกด้วย


 


ข้างๆสตรีนางนั้นก็เป็นหญิงชราที่คอยติดตามนางมาโดยตลอดตั้งแต่งานประลองสวรรค์ใต้ และยังเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะเช่นกัน แต่ก็แค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น


 


และหญิงชราผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกตนอิสระเช่นกัน


 


ระหว่างเดินทางต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินฮ่องเต้ฝูชิวเล่าว่า หญิงชรานางนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดและผู้ฝึกตนอิสระ แต่นางยังเป็นยายของสตรีข้างกายอีกด้วย!


 


ส่วนสตรีที่ว่าก็ชื่อ เมิ่งชิวอวี่


 


และยายของนางก็เรียกว่า เมิ่งป๋อ


 


‘เมิ่งชิวอวี่ผู้นี้ฝีมือร้ายกาจกว่าเหอเชี่ยนคนนั้น…’


 


สายตาต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังร่างเมิ่งชิวอวี่ปราดหนึ่ง จากนั้นก็ละไปตกลงนังร่างสตรีอีกคน ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ที่ชนะการประลองสวรรค์ใต้จนได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ และเป็นบุตรีของผู้นำตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในประเทศฝูชิวว เหอเชี่ยน


 


“เอาล่ะ พวกเราเไปกันเถอะ!”


 


หูหลินอี้ให้เสียงก่อน ค่อยเหินร่างนำพาทุกคนไปยังน่านฟ้าเหนือทะเลสาบอวิ๋นเยียนทันที ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็ติดตามไปไม่ห่าง


 


“คนเยอะจริงๆ!”


 


ก่อนที่จะเข้าเขตทะเลสาบอวิ๋นเยียน ต้วนหลิงเทียนก็เห็นผู้คนมากมาเหินร่างกันเต็มฟ้าราวแพเมฆทะมึนมืดแล้ว ยิ่งเข้าใกล้น่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบอวิ๋นเยียนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นผู้คนหนาตามากขึ้น ราวเมฆฝนปกคลุมเมืองก็ไม่ปาน


 


“น้องต้วน ข้าก็บอกท่านแต่แรกแล้ว…ว่าคราวนี้น่ะคนที่จะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่างน้อยๆก็ต้องมี 15,000 คน…”


 


“แล้วนี่ก็แค่ 3 วันก่อนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณจะเปิดออกนะ! รอให้ถึงวันเปิดก่อนเถอะ นอกจากพวกเราแล้วเจ้าจะได้เห็นฝูงชนห่าใหญ่เลยล่ะ…แถมนอกจากประเทศในแดนพันประเทศอย่างประเทศฝูชิวเราแล้ว ยังมีพวก 3 นิกาย 2 ตระกูลอีกด้วย…”


 


หลังเห็นต้วนหลิงเทียนแลดูละลานตากกับผู้คนจำนวนมาก หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นค่อยยิ้มกล่าวต่อว่า “หลังจากนี้อีก 3 วัน พอถึงวันที่แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดออก…ข้าเชื่อว่ายอดเซียนอมตะที่จะรอเข้าแดนลับ แม้จะไม่ถึง 20,000 แต่ก็ต้องเกือบๆ!”


 


ต้วนหลิงเทียนเข้าใจก็เข้าใจอยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะว่ายตามองกลุ่มคนราวๆ 2-3 พันผ่านๆอยู่ดี


 


อีกทั้งจุดนี้ยังเป็นแค่น่านฟ้าริมๆทะเลสาบอวิ๋นเยียนเท่านั้น ยังไม่ใช่บริเวณน่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบที่ผู้คนไปรวมตัวกันด้วยซ้ำ


 


“การจะเปิดแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำออกได้ จำต้องใช้ป้ายที่เหล่า 3 นิกาย 2 ตระกูลแยกกันเก็บไว้พร้อมๆกัน…ปกติพวกมันก็จะมาถึงที่นี่ก่อนถึงเวลาเปิดล่วงหน้าวันหนึ่ง จากนั้นก็จะมอบบ้ายหยกสะสมแต้มให้กับคนที่คิดเข้าไปแสวงโชคด้านใน”


 


หูหลินอี้ที่เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนกัคนอื่นๆมุ่งหน้าเข้าสู่น่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบหันมากล่าวบอกข้อมูลทั่วไปให้ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆฟัง


 


“ป้ายหยกสะสมแต้ม?”


 


ต้วนหลิงเทียนรววมถึงอีกหลายๆคนชักสีหน้าสงสัย เพราะทุกคนก็ไม่รู้ว่าการจะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณที่ว่าต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง


 


“ป้ายหยกสะสมแต้มที่ว่า ก็จัดเป็นอุปกรณ์อมตะประเภทหนึ่ง ที่ทาง 3 นิกาย 2 ตระกูลเตรียมไว้ให้พวกเจ้าโดยเฉพาะ…แน่นอนว่ามันจัดเป็นอุปกรณ์อมตะระดับต่ำเท่านั้น ยังต่างจากอุปกรณ์อมตะระดับต่ำอื่นๆอยู่บ้าง เพราะไม่เพียงแต่จะไร้พลังโจมตีและป้องกัน ยังไม่อาจช่วยเหลืออะไรพวกเจ้าได้เลย”


 


หูหลินอี้กล่าวอธิบาย “ทว่าป้ายหยกแต่ละป้ายจะมีความสามารถจดจำเจ้าของได้ และมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง…เก็บสะสมคะแนน”


 


“แรกเริ่มป้ายหยกที่พวเจ้าจะได้รับ ล้วนแล้วจะมีคะแนนอยู่ 1 แต้ม…หากเจ้าคิดจะได้รับแต้มเพิ่ม ก็มีแต่ต้องเข่นฆ่าผู้อื่นเท่านั้น!”


 


กล่าวถึงจุดนี้สายตาของหูหลินอี้ที่กวาดมองพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 9 ที่จะเข้าไปในแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก็ทวีความแหลมคมทั้งจริงจังไม่น้อย


 


หลายคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทราบกฏเกณฑ์ใดๆมาก่อน พอได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าลึกๆอยู่บ้าง


 


‘ปรากฏว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่ว่า ก็ไม่ต่างอะไรจากสังเวียนให้ยอดเซียนอมตะเข้าไปเข่นฆ่ากัน?’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


ขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองหวงเจียหลงปราดหนึ่ง มาตอนนี้เขาก็ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนหวงเจียหลงบอกเขาว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำมันโหดร้าย และตราบใดที่โชคไม่เข้าข้างก็อาจจะไม่รอดกลับออกมา


 


สำหรับสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร วันนั้นหวงเจียหลงไม่ได้บอกเขา


 


เหตุผลที่ไม่ได้บอกเขาแต่แรก เพราะอีกฝ่ายรู้ดีว่าสุดท้ายฮ่องเต้ฝูชิวก็จะเป็นคนบอกเขาเอง และไม่ต้องการให้เขาเอาแต่กังวลเรื่องนี้แต่หัววัน


 


“อย่างไรเสีย ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก็จะมีโอกาสรอคอยพวกเจ้าอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะ เวทย์พลัง ไม่เว้นอุปกรณ์อมตะและโอสถระดับราชาทั้งหลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเจ้าจะไขว่คว้ามันมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชควาสนาและพลังฝีมือของพวกเจ้า”


 


“หลังจากเข้าไปด้านในแล้ว หากพวกเจ้าหวาดกลัวก็สามารถเลือกที่จะซ่อนตัวได้ พอเวลาผ่านไปสักพัก เมื่อเงื่อนไขที่ทาง 3 นิกาย 2 ตระกูลกำหนดเอาไว้ล่วงลุแล้ว แดนลับสวรรค์ใต้โบราณก็จะถูกเปิดให้ผู้คนออกมาทันที…และต่อให้พวกเจ้าไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ยังจะต้อนรับพวกเจ้าเข้าร่วมอยู่ดี”


 


พอหูหลินอี้กล่าวถึงจุดนี้ หลายคนที่รู้ตัวดีว่าพลังฝีมือยังอ่อนด้อยกว่าผู้อื่นอยู่บ้าง และกำลังหวาดหวั่นกับการเข้าไปต่อสู้ช่วงชิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็กลับมาหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง


 


เพราะตราบใดที่พวกมันซ่อนตัวดีๆ ก็ไม่ยากอะไรที่จะกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณทั้งยังมีลมหายใจ!


 


เพียงแค่ระมัดระวังให้มาก เลือกจะปลอดภัยไว้ก่อน แม้อาจจะไม่ได้ของดีอะไรมากมาย แต่พวกมันก็ไม่คิดจะเสี่ยงกับคำว่า โชคลาภมั่งคั่งมาพร้อมความเสี่ยง อะไรนั่น…


 


“ฝ่าบาท แล้วปกติผ่านไปนานเท่าไหร่หรือมีเงื่อนไขอะไร 3 นิกาย 2 ตระกูลถึงจะเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณให้ทุกคนกลับออกมา?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


“ในอดีตที่ผ่านมา หลังจาก 3 นิกาย 2 ตระกูลเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณให้ทุกคนเข้าไปแสวงหาโอกาสกันแล้ว ก็มักจะกำหนดเงื่อนไขง่ายๆอย่าง…ทันทีที่มีคนตายถึง 6 ส่วนเมื่อใด ก็จะเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณอีกครั้ง! และทันทีที่พวกมันเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณให้ทุกคนออก ทุกการเข่นฆ่าจะไร้ความหมายทันที ต่อให้เจ้าฆ่าผู้ใดตอนที่กำลังเดินทางกลับ ก็จะไม่ได้รับแต้ม…”


 


หูหลินอี้กล่าว “และในขณะเดียวกัน…สิ่งนี้หมายความว่า ทันทีที่พวกเจ้าเข้าไปด้านใน และทางเข้าออกปิดลงเมื่อใด พวกเจ้าก็สามารถเข่นฆ่ากันได้ตามใจชอบ และไม่ว่าพวกเจ้าเข่นฆ่าผู้ใด…พวกเจ้าก็จะได้รับคะแนนสะสมในป้ายหยกของอีกฝ่ายทันที”


 


“เงื่อนไข…ครั้งนี้จะเหมือนเดิมรึเปล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกครั้ง


 


6 ส่วน!


 


ส่วนด้านคนอื่นๆนั้น หลังได้ยินเงื่อนไขการเปิดแดนลับสวรรค์ใต้โบราณอีกครั้งให้คนด้านในกลับออกมา ใจพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที!


 


เงื่อนไขนี้มัน…


 


กล่าวง่ายๆ ในบรรดาอัจฉริยะทั้ง 9 ของประเทศฝูชิว หลังจากเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำแล้ว นับจากเงื่อนไขดังกล่าว อย่างมากก็มีแค่ 4 คนเท่านั้นที่จะรอดชีวิตกลับออกมาได้!


 


“หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็สมควรเป็นเงื่อนไขเดิม”


 


หูหลินอวี้กวาดตามองไปยังต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นทั่วๆ พลางเอ่ยออกเสียงขรึมว่า “กล่าวได้ว่า…ในบรรดาพวกเจ้าทั้ง 9 อาจมีเพียงแค่ 4 ส่วนเท่านั้นที่จักรอดชีวิตกลับมาได้ แต่เป็นธรรมดาว่ายิ่งพลังฝีมือร้ายกาจมากเท่าไหร่ โอกาสรอดก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น”


 


“หากพวกเจ้าคิดว่าพลังฝีมือของตัวเองอาจจะสู้ผู้อื่นไม่ได้ ก็พยายามแอบๆและไม่ทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจเสีย”


 


“แต่เป็นธรรมดาว่าข้าย่อมหวังให้พวกเจ้าเข่นฆ่าผู้อื่น ยังต้องฆ่าให้มากเพื่อทำคะแนนดีๆ…เพราะสุดท้ายแล้วหากพวกเจ้าติดอยู่ในอันดับต้นๆ ย่อมทำให้ 3 ตระกูล 2 นิกายให้ความสำคัญกับพวกเจ้ามากขึ้น เรื่องนี้ล้ววนเป็นผลดีกับอนาคตของพวกเจ้า!”


 


หูหลินอี้กล่าวต่อ


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ได้เชื่อคำพูดนี้ของหูหลินอี้แม้แต่น้อย


 


และทุกคนรู้ดีว่าไฉนหูหลินอี้ถึงพูดออกมาแบบนี้


 


เพราะยิ่งทุกคนทำผลงานได้ดีเท่าไหร่ ยิ่งติดอันดับสูงมากแค่ไหน สุดท้ายเมื่อเอาตัวรอดกลับมาได้ในฐานะผู้มีคะแนนเป็นอันดับต้นๆ คนที่จะรับทรัพย์ก้อนโตจาก 3 นิกาย 2 ตระกูล…เห็นทีจะเป็นหูหลินอี้แล้ว!


 


ยิ่งได้อันดับสูงเท่าไหร่ รางวัลก็จะยิ่งมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น


 


กลับกันหากคะแนนของพวกมันน้อย รางวัลที่หูหลินอี้จะได้ก็ลดน้อยตาม


 


“เห? นั่นมิใช่สหายเก่าหูที่เดี๋ยวนี้เป็น ‘ฮ่องเต้ฝูชิว’ ผู้ยิ่งใหญ่หรอกหรือ?”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆกำลังตกอยู่ในความเงียบหลังได้ยินคำพูดของหูหลินอี้ พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านซ้าย


WSSTH ตอนที่ 2,985 : องค์ชายรอง แห่งประเทศหนันฉี่


 


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและทุกคนได้ยินเสียงดังกล่าว ทั้งหมดก็พบว่าร่างหูหลินอี้ที่เหินนำอยู่ด้านหน้าได้หยุดชะงักลงกลางหาว ทุกคนก็เลยพากันหยุดตาม จากนั้นค่อยหันไปมองตามต้นเสียง


 


พอต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆหันไปมอง ก็พบว่าปรากฏร่างกลุ่มคน 12 คนไกลตากำลังเหาะมาทางนี้


 


ผู้ที่เหินร่างนำอยู่หน้าสุดเป็นชายวัยกลางคนไม่อ้วนไม่ผอม มาในชุดคลุมสีครามน้ำทะเล หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศีทั้งบารมี เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงส่งมานาน


 


ด้านหลังถัดจากมัน เห็นเป็นชายชรา 2 คนที่เหาะประกบหลังมันมาดั่งเงาตามตัว สองผู้ชรายังสะพายดาบไว้ด้านหลัง ฝักดาบยังโผล่เฉียงออกมาที่เอวอีกข้าง สีหน้าล้วนเย็นชาไร้อารมณ์ พาลให้ผู้คนสูดได้กลิ่นอายฆ่าฟันมาแต่ไกล


 


ส่วนเบื้องหลังพวกมัน ก็ปรากฏร่าง 9 ร่างเหินตามมาไม่ห่าง


 


ในบรรดา 9 ร่างที่ว่าส่วนใหญ่แล้วมีรูปลักษณ์เป็นคนหนุ่มสาว มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน 2 คนและชราอีก 1 เท่านั้น


 


และกลุ่มนี้ก็มีสตรีเพียงนางเดียว


 


“ฮ่องเต้เชวีย?”


 


เมื่อเห็นชายวัยกลางคนที่กำลังเหินนำผู้คนเข้ามาทางนี้ หูหลินอี้ก็เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็เหินนำต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันที


 


“น้องต้วน ที่กำลังโร่เข้ามานั่นมาจากประเทศหนันฉี่ และคนที่เหินนำหน้าสุดก็คือฮ่องเต้ของประเทศหนันฉี เชวียหมิงไฉ ข้าเคยติดตามท่านพ่อไปเจอมันครั้งหนึ่ง และเป็นราชาอมตะ 2 ยศเหมือนกับฝ่าบาท”


 


ทันใดนั้นเองเสียงของหวงเจียยหลงหลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “อย่างไรก็ตามมันกับฝ่าบาทไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่…ข้าว่าการพบกันวันนี้ ทั้งคู่ไม่น่าจะจบลงด้วยการคุยกันดีๆได้!”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็หันไปมองจ้องอีกฝ่ายด้วยความสนใจทันที


 


จึงเห็นว่าทันทีที่หูหลินอี้กับเชวียหมิงไฉเข้าใกล้กันมากเท่าไหร่ ขอเพียงไม่ใช่คนไม่รู้ประสาย่อมสูดได้กลิ่นดินปืนที่คละคลุ้งขึ้นมาทันที


 


“ฮ่องเต้เชวีย..”


 


หูหลินอี้หยุดร่างลง มองเชวียหมิงไฉด้วยสายยตาเย็นชา กล่าวทักออกไปเสียงเรียบ


 


“ฮ่องเต้หูข้าได้ยินมาว่าในการประลองสวรรค์ใต้เมื่อครึ่งปีก่อนของประเทศฝูชิวเจ้า ปรากฏอัจฉริยะไร้สังกัดไม่ธรรมดาเลยนี่…อาศัยด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ กลับเอาชนะยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้ในกระบวนเดียว แถมยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ว่ายังเป็นลูกชายที่โดดเด่นที่สุดของเจ้าเมืองตู้อวิ๋นอีกด้วย?”


 


เชวียหมิงไฉมองถามหูหลินอี้ด้ววยรอยยิ้มบางๆ “แต่ข้ามิทราบ ว่าผู้ใดคือผู้ฝึกตนอัจฉริยะไร้สังกัดคนดังนั่นกัน?”


 


พอกล่าวจบคำ สายตาของเชวียหมิงไฉ ก็กวาดมองไปยังกลุ่มคนด้านหลังหูหลินอี้ทันที สุดท้ายสายตามันก็ไปหยุดลงที่ต้วนหลิงเทียน…เห็นได้ชัดว่ามันทำการบ้านมาดี หาข้อมูลของต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นในประเทศฝูชิวมาแต่แรก


 


“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่เจ้าเองไม่เพียงแต่จะบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้ว แต่ยังเข้าถึงกฏแห่งสายฟ้า สุดท้ายก็สยบปราบยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดในประเทศหนันฉี่ของเจ้าเรียบเลยนี่…อะไร? หรือฮ่องเต้เชวียคิดให้องค์ชายรองของเจ้า ชี้แนะต้วนหลิงเทียนของประเทศตันจี้ข้า?”


 


พอกล่าวจบมุมปากของหูหลินอี้ก็ยกยิ้มแสยะดูแคลนออกมา


 


หากวันนี้ประเทศฝูชิวของมันไม่มีต้วนหลิงเทียนอยู่ด้วยล่ะก็ มันบอกได้เลยว่า มันไม่มั่นใจจะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจริงๆ…!


 


อย่างไรก็ตามด้วยมีต้วนหลิงเทียนอยู่ทั้งคน มันไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเชวียหมิงไฉแม้แต่น้อย กระทั่งยังเต็มไปด้วยความมั่นใจล้นปรี่!


 


เพราะในความคิดของมัน


 


ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเอาชนะองค์ชายรองแห่งหนันฉี่ไม่ได้ แต่คงไม่ยากที่จะรับมืออีกฝ่ายได้อย่างเท่าเทียม


 


“สมแล้วที่เป็นสหายเก่าข้า…นับว่าไม่มีใครรู้จักข้าดีเท่าฮ่องเต้หูแล้วจริงๆ…แล้วว่าไงเล่า? ฮ่องเต้หู…เจ้าสนใจจะพนันกับข้าสักตาไหม? ว่าระหว่างองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่ข้ากับต้วนหลิงเทียนของประเทศฝูชิวเจ้า ผู้ใดมันจักแน่กว่ากัน!”


 


เชวียหมิงไฉกล่าววจบ มุมปากก็เผยรอยยิ้มแสยะออกมาอย่างท้าทาย


 


เห็นท่าทีมั่นใจทั้งลำพองของเชวียหมิงไฉ หูหลินอี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว


 


จากนั้นในหูต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของหูหลินอี้ดังขึ้นทันที “ต้วนหลิงเทียน เชวียหมิงไฉกับข้านั้นเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้าง ที่มันคิดพนันกับข้าวันนี้ ไม่พ้นมันต้องการให้ข้าแพ้และเสียหน้า..”


 


“เอาเช่นนี้เป็นไร หากเจ้าคิดช่วยข้าเล่นกับมันสักตา หากเจ้าแพ้ข้าจะจ่ายเอง…แต่ถ้าเจ้าชนะ ไม่ว่ามันเอาอะไรมาลงเดิมพันข้าจะให้เจ้าทั้งหมด และแม้ผลจะออกมาเสมอข้าก็จะให้ค่าเหนื่อยเจ้า”


 


สำหรับเชวียหมิงไฉแล้ว ผู้ที่จะลงมือก็คือลูกชายคนรองของมัน อีกฝ่ายย่อมสนับสนุนการกระทำของบิดาอย่างมันอยู่แล้ว…


 


อย่างไรก็ตาม สำหรับหูหลินอี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ผู้ฝึกตนอิสระเท่านั้น และความสัมพันก็เรียกว่าอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ เช่นนั้นหากมันคิดจะให้ต้วนหลิงเทียนลงมือ มันยังต้องถามความเห็นต้วนหลิงเทียนเสียก่อน!


 


“ฝ่าบาทเกรงใจไปแล้ว…จัดไปอย่าให้เสียเถอะ!”


 


ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับไปทันใด กระทั่งแววตายังลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟ ท่วมท้นไปด้วจิตต่อสู้!


 


ฟังจากที่หูหลิงอี้บอกมา…


 


องค์ชายรองแห่งหนันฉี่ที่ว่า เหมือนจะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าถึงพลังแห่งกฏสายฟ้าแล้ว


 


‘ตั้งแต่ที่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่างความหมายแห่งดิน ข้าก็ไม่ได้ประมือกับใครสักคน…อยู่ดีๆก็มีคนมาให้ลองมือถึงที่ปานหินลับกระบี่ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็จะได้รู้ว่าเสียทีว่าอาศัยพลังที่มีตอนนี้ ข้าจะทำได้ขนาดไหน’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างคึกคักอักโข


 


หลังได้รับฟังคำตอบเห็นชอบจากต้วนหลิงเทียน สองตาหูหลินอี้ก็ลุกวาวขึ้นมาสว่างโร่ ยังบังเกิดความมั่นใจล้นปรี่ หันไปมองเชวียหมิงไฉ พลางเชิดหน้าหยีตากล่าวตอบ “ในเมื่อฮ่องเต้เชวียคิดเดิมพัน ข้าก็จะเดิมพันเป็นเพื่อนสักครา…แต่ไม่ทราบฮ่องเต้เชวียคิดใช้สิ่งเดิมพันอันใด?”


 


“อุปกรณ์อมตะระดับราชาสักชิ้นเป็นไร?”


 


เชวียหมิงไฉกล่าวออกเสียงเรียบ


 


สำหรับมันแล้วเรื่องพนันขันต่ออะไรเป็นเรื่องรอง สิ่งที่มันต้องการมากที่สุดคือเห็นหูหลินอี้แพ้พ่ายขายหน้า! มันอยากให้อริเก่าของมันผู้นี้ต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย!!


 


“ย่อมได้!”


 


หูหลินอี้ไม่แปลกใจอะไรที่จะควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาลงเดิมพันแค่ชิ้นเดียว เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าเชวียหมิงไฉไม่ได้สนใจของเดิมพันอะไรทั้งสิ้น อีกฝ่ายแค่อยากเห็นมันแพ้พ่ายอับอายเท่านั้น!


 


แต่มีหรือที่มันจะไม่คิดแบบเดียวกัน?


 


ในเมื่อเชวียหมิงไฉอยากให้มันอับอายขายหน้านัก ไหนเลยมันจะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องอับอายขายหน้าบ้าง?


 


“องค์ชายรองแห่งหนันฉี่เข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้วจริงๆหรือ?”


 


“จริง! ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงขององค์ชายรองประเทศหนันฉี่มาบ้าง เห็นว่าอายุเพียงแค่ 200 กว่าปี แต่ไม่เพียงจะบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้วทว่ายังนับเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดอีกด้วย…ที่สำคัญที่สุดก็คือมันเข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้ว!”


 


“ผู้ใดก็ตามที่อ้างว่าตัวเองเข้าใจในกฏใดกฏหนึ่ง อย่างน้อยๆต้องเข้าใจความลึกซึ้งบางชนิดของกฏนั้นเสียก่อน…กล่าวได้ว่าอย่างน้อยๆ องค์ชายรองหนันฉี่ ก็เข้าใจความลึกซึ้งข้อหนึ่งของกฏแห่งอัสนี!”


 


ทางฝั่งของประเทศฝูชิว ชายหนุ่ม 3 คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหวงเจียหลงกับต้วนหลิงเทียน เริ่มกระซิบกระซาบคุยกันเบาๆ


 


“ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจกฏแห่งสายฟ้างั้นหรือ! พลังฝีมือของมัน ข้าเกรงว่าคงเอาชนะ…ได้ในกระบวนท่าเดียวเช่นกัน!”


 


แม้ชายหนุ่มคนหนึ่งจะจงใจละคำพูดบางคำไว้ไม่กล่าวออกมา แต่จากสายตาที่มันหันไปมองหวงเจียหลงโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าใครก็บอกได้ทันทีว่าคำพูดที่มันละไว้ก็คือชื่อของหวงเจียหลงนั่นเอง


 


“เหอะ!”


 


หวงเจียหลงที่ได้ยินทั้งเห็นอีกฝ่ายมองมา ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปสบถคำเสียงเย็นมองจ้องกลับไปตาขวาง พาลให้ชายหนุ่มผู้นั้นสะดุ้งไป หน้าซีดขวัญเสีย เหงื่อไคลไหลย้อยทันที


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องพื้นเพภูมิหลังอะไรของหววงเจียหลงที่เหนือกว่ามันทุกทาง


 


กระทั่งพลังฝีมือของหวงเจียหลงยังเหนือกว่ามันไม่น้อย…


 


ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเหินร่างออกไปลอยเคียงข้างฮ่องเต้ฝูชิว และการกระทำดังกล่าวก็ทำให้หวงเจียหลงหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนและเลิกสนใจชายหนุ่มพูดไม่ระวังทันที สิ่งนี้ทำให้ชายยหนุ่มคนดังกล่าวพอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


 


มันรู้ดีหากหวงเจียหลงคิดฆ่ามันทิ้งด้วยโทสะ อีกฝ่ายก็สามารถลงมือได้ทันทีอย่างไร้ลังเล


 


เพราะต่อให้หวงเจียหลงจะฆ่ามันทิ้งต่อหน้าต่อตาฮ่องเต้ฝูชิว แต่ก็คงไม่มีความผิดอะไร


 


ชายหนุ่มอีก 2 คนที่เหลือพากันปิดปากเงียบกริบ ด้วยกลัวว่าจะเผลอยั่วโมโหหวงเจียหลงเข้า


 


“น้องต้วน…ท่านมั่นใจว่าจะชนะมันไหม? องค์ชายรองแห่งประเทศหนันฉี่นั่น มันไม่ใช่เล่นๆเลย…”


 


หวงเจียหลงส่งเสียงผ่านพลังถามต้วนหลิงเทียน


 


“ข้าไม่เคยเจอมันมาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าต้องชนะมันแน่? ก็แค่ข้าจะพยายามให้เต็มที่”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ


 


“มาแล้ว!”


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังตอบหวงเจียหลง คนของประเทศฝูชิวก็ได้เห็นว่า


 


ในบรรดาคน 9 คนที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังเชวียหมิงไฉบุตรแห่งสวรรค์ของประเทศหนันฉี่ มีชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนผู้หนึ่งลอยร่างออกมาหยุดข้างๆเชวียหมิงไฉ


 


และมองไปปราดเดียวก็พบความละม้ายคล้ายกันอย่างมากระหว่างเชวียหมิงไฉกับชายหนุ่มผู้นี้ หากไม่ใช่เพราะว่าชายหนุ่มผู้นี้ยังแลดูอ่อนวัยกว่าเชวียหมิงไฉมาก อาจจะมีคนเข้าใจผิดว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันก็เป็นได้!


 


“องค์ชายรองที่เข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้ว…กระทั่งพวกเรา 8 คนร่วมมือกันยังแพ้พ่ายในกระบวนเดียว!”


 


นอกจากชายหนุ่มที่พึ่งเหินร่างออกไปหยุดลอยข้างเชวียหมิงไฉแล้ว อีก 8 คนที่ร่วมเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็พากันมองจ้องแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยสายตาเร่าร้อน


 


แผ่นหลังนี้ คือแผ่นหลังของผู้ที่สามารถยืนหยัดในเวทีประลองสวรรค์ใต้หนันฉี่โดยไร้ผู้ใดทาบติดปานเทพสงคราม!


 


“กฏแห่งสายฟ้านั้นทรงพลังเกินไป…การโจมตีขององค์ชายรองปกติก็ทรงพลังอยู่แล้ว พอผสานรวมกับพลังแห่งกฏสายฟ้าเข้าไป ก็กลายเป็นอะไรที่น่าพรั่นพรึงนัก! หากไม่ใช่ว่าวันนั้นองค์ชายรองยั้งมือเอาไว้ พวกเราทั้ง 8 อย่างน้อยๆไม่พ้นต้องตายไปกว่าครึ่ง!!”


 


“ข้าได้ยินมาว่าอัจฉริยะของประเทศฝูชิวนั่น ไม่ได้ใช้พลังของกฏอันใดในการประลองสวรรค์ใต้…ข้าว่ามันน่าจะยังเข้าไม่ถึงพลังแห่งกฏกระมัง?”


 


“กฏไหนเลยเป็นอะไรที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ…ประการแรกต้องมีความเข้าใจสูงส่ง ประการที่สองต้องมีโชควาสนา เพราะอย่างไรเสียวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชา ที่มีพลังแห่งกฏแฝงเร้นก็ไม่ใช่ว่าจะได้กันมาครองง่ายๆ”


 



 


ฟังจากที่คนทั้ง 8 กล่าวคุยกัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็รู้จักต้วนหลิงเทียนไม่น้อย และเชื่อว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องแพ้พ่ายองค์ชายรองของพวกมันแน่นอน


 


“ประเทศหนันฉี่ เชวียจิงอวี่”


 


องค์ชายรองแห่งหนันฉี่ที่ลอยร่างข้างๆฮ่องเต้หนันฉี่ มองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างข้างฮ่องเต้ฝูชิวด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกเสียงเบา


 


“ประเทศฝูชิว ต้วนหลิงเทียน”


 


ต้วนหลิงเทียนก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าท่าทีสงบ


 


ขณะเดียวกันฮ่องเต้หนันฉี่ไม่เว้นฮ่องเต้ฝูชิว รวมถึงคนอื่นๆของทั้งสองประเทศ ก็เริ่มถอยห่างออกไป เว้นระยะให้ 2 คนมีพื้นที่ได้เผชิญหน้ากันเต็มที่


 


“หือ? ตรงนั้นมีผู้คนกำลังจะตีกันหรือ?”


 


“ดูเหมือนมีขุมกำลัง 2 ขุมที่มีเรื่องกันแน่แท้…ช้าก่อน! นั่นมิใช่หูหลินอี้ฮ่องเต้ฝูชิวหรอกรึ?”


 


“จริงด้วย ส่วนนั่นหากข้าจำไม่ผิด สมควรเป็นฮ่องเต้หนันฉี่ใช่หรือไม่?”


 


“มิผิด สองคนนี้เขม่นกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…ดูทรงแล้วไม่พ้นยอดเซียนอมตะที่พวกมันพามากำลังจะสู้กันเป็นแน่!”


 



 


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของคนประเทศฝูชิวกับหนันฉี่ ได้ดึงดูดผู้คนให้เหินร่างเข้ามามุงชมด้วยความสนใจทันที!


ตอนที่ 2,986 : ธาตุสายฟ้า ธาตุดิน..


 


“หืม? นั่นมิใช่…เชวียจิงอวี่ องค์ชายรองแห่งประเทศหนั่นฉี่รึไร?”


 


“มิผิด! องค์ชายรองหนันฉี่ เชวียจิงอวี่ผู้นี้ไม่ธรรมดายิ่ง…อายุได้เพียง 200 กว่าปี กลับบรรลุด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้แล้ว อีกทั้งยังลือกันว่ามันเข้าใจกฏแห่งสายฟ้าได้แล้วด้วย!”


 


“พรสวรรค์ระดับมัน ต่อให้กวาดมองไปยังเหล่าบรรดายอดฝีมือเซียนอมตะที่จะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่จะเปิดออก ยังนับเป็นตัวตนระดับต้นๆ!”


 


“ว่าแต่…เชวียจิงอวี่ทำท่าราวกับกำลังจะประมือกับผู้ใดอยู่เลย?”


 


“เฮ่อ ฮ่องเต้หนันฉี่กับฮ่องเต้ฝูชิวไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร…พบเจอหน้ากันเมื่อใดก็มีเรื่องกันตลอด ข้าดูแล้วไม่พ้นองค์ชายรองหนั่นฉี่ต้องกำลังจะปะทะกับคนของฝูชิวแน่นอน”


 


“ข้าก็ว่างั้น ท่าทางเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นจะเป็นยอดเซียนยอมตะที่ได้สิทธ์ในการเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณของฝูชิว”


 


“จะว่าไปเมื่อครึ่งปีก่อนข้าได้ยินว่ามีอัจฉริยะไร้สังกัดคนหนึ่งปรากฏตัวที่ประเทศฝูชิวด้วย แม้จะยังไม่เข้าใจกฏ ทว่าอาศัยด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ กลับเอาชนะยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้ในกระบวนท่าเดียว!”


 


“เจ้าว่า…เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นจะใช่อัจฉริยะที่ว่าของฝูชิวรึเปล่า?”


 


“จะใครอีกล่ะ ยอดเซียนอมตะของฝูชิว…เกรงว่าคงมีแต่อัจฉริยะไร้สังกัดที่ร่ำลือผู้นั้นคนเดียว ถึงจะพอต่อกรกับองค์ชายรองหนันฉี่ได้…”


 


“เหอะๆ แต่อาศัยยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ที่ไม่เข้าใจกฏ จะใช่คู่มือองค์ชายรองหนั่นฉี่ได้หรือ? ข้ามองอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้เลย!”


 



 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับเชวียจิงอวี่เผชิญหน้ากัน หลายคนก็เริ่มเข้ามามุงชมมากขึ้นเรื่อยๆ


 


ขณะเดียวกันหลายๆคนก็เริ่มคาดเดากันไปว่า ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องเป็นอัจฉริยะที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาของฝูชิวแน่แท้


 


“เชิญป้อนกระบวนท่าเถอะ…หากให้ข้าลงมือก่อน เกรงว่าเจ้าคงไร้โอกาสอันใด”


 


เชวียจิงอวี่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน


 


แม้เสียงกล่าวจะฟังดูเรียบง่ายไร้เรื่องราว แต่กลับแฝงเร้นไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด ราวต้วนหลิงเทียนจะพบกับความปราชัยทันทีที่มันลงมือ!


 


“โอหังนัก!”


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา ด้วยคิดว่าเชวียจิงอวี่จะถือดีเกินไปแล้ว


 


“หึ! มันจะโอหังแล้วอย่างไร ในเมื่อมันมีทุนรอนให้โอหัง!”


 


หากแต่หลายคนรู้สึกว่าเชวียจิงอวี่มีดีมากพอให้ถือดี!


 


“หยิ่งจริงๆ…แต่อย่างไรเสียมันก็มีดีพอจะให้หยิ่ง ไม่ทราบน้องต้วนจะเอาชนะมันได้หรือไม่…”


 


หวงเจียหลงที่ชมดูเรื่องราวอยู่วงนอก ก็มองไปยังการเผชิญหน้าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเชวียจิงอวี่อย่างลุ้นระทึก


 


แม้ตอนนี้มันจะพอมีความเข้าใจในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง และรู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังพยายามทำความเข้าใจกฏแห่งดินอยู่


 


อย่างไรก็ตามพอมันทราบว่าเชวียจิงอวี่นั้น ได้เข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้ว มันก็ไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าต้วนหลิงเทียนต้องชนะแน่


 


แต่เป็นธรรมดาว่ามันก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะต้องแพ้พ่ายเช่นกัน


 


มันรู้สึกว่าผลการประลองครั้งนี้ สมควรจบลงที่เสมอ!


 


“ในเมื่อองค์ชายรองใจดีถึงขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะ”


 


เจอกับการท้าทายของเชวียจิงอวี่ ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่โกรธ แต่ยิ้มตอบคำเสียงเฉย จากนั้นก็ลงมือทันที


 


เพียงหนึ่งเท้าที่เหยียบย่ำลงอากาศ ร่างคนก็พุ่งออกไปปานกระสุน!


 


พร้อมกันนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างที่ดั่งสายธารไพศาล ก็เริ่มไหลเชี่ยวไปตามชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย


 


เริ่มใช้ออกด้วยเวทย์พลังทั้งวรยยุทธ์อมตะที่ชำนาญแล้วอย่างไม่รั้งรอ


 


ปฐมเวทย์กลืนกิน!


 


ปราณม่วงบูรพา!


 


ราชันไม่เคลื่อนไหว!


 


เพียงเสี้ยวพริบตาหลังจากที่ร่างต้วนหลิงเทียนยทะยานพุ่งมาดั่งกระสุน  ก็ปรากฏร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องที่ปกคลุมไปด้วยมวลพลังสีม่วง อีกทั้งรอบกายพุทธองค์สีทองอันมีไอพลังม่วงปกคลุม ยังอุบัติวังวนพลังดูดรั้งขุมหนึ่งสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบมาหนุนเสริมพลังอานุภาพฉับไว


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม!


 



 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่หากแต่ในมือต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏพลองยาวหนึ่งกระชับถือไว้ และตัวพลองก็เริ่มสั่นไหวเปล่งแสงพลังลี้ลับออกมาเรืองรอง ยิ่งมายังยิ่งส่องสว่างเจิดจ้า!


 


เมื่อถ่ายทอดพลังลงสู่ตัวพลองแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเกรงใจอันใด เพียงง้างพลองขึ้นสุดเหยียด พร้อมกันนั้นเงาร่างพุทธองค์สีทองที่ถูกไอพลังม่วงปกคลุมก็ทำท่าเดียวกัน จากนั้นในมือยังปรากฏมวลพลังขุมหนึ่งก่อลักษ์เป็นพลองพลังเล่มเขื่อง ทำท่าอริยาบถเดียวกัน


 


ยามพลองฟาดหวด วาโยสะท้าน หมู่เมฆกำจาย อานุภาพปานลมคุ้มฝนคลั่ง!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 



 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนโคจรเร่งเร้าพลังจู่โจมออกมาเต็มพิกัดเช่นนี้ พลังทั่วร่างย่อมปะทุแผ่ซ่านออกไปสะท้านสะเทือนในบรรยากาศ ส่งกลิ่นอายพลังน่าเกรงขามขุมหนึ่งออกไปให้ทุกผู้คนสัมผัสได้ชัดเจน


 


“เฮ่ย! เจ้านั่นมันเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนี่!!”


 


“เอ๊า! ผู้ใดว่าต้วนหลิงเทียนแห่งฝูชิวเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์กัน มันเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชัดๆ!!”


 


“อะไรกัน…ในช่วงครึ่งปีที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับสามารถทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้แล้วงั้นรึ?!”


 


“เช่นนั้นมิได้หมายความว่า พลังของมันได้ก้าวหน้าขึ้นจากครึ่งปีก่อนคนละเรื่องเลยรึไร!?”



 


ต้วนหลิงเทียนไม่คิดปกปิดกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ปะทุออกทั่วร่างแม้แต่น้อย ทำให้ทุกกคนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ ไม่ว่าใครที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเขา ก็ระบุได้ทันทีว่ามันคือกลิ่นอายพลังของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด


 


“ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดรึ?”


 


เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่ลงมือจู่โจมฟาดพลองเข้ามาด้วยสภาวะดุร้าย เชวียจิงอวี่เพียงยกยิ้มแสยะที่มุมปากเบาๆ จากนั้นทั่วร่างก็เริ่มปรากฏพลังลุกโชนขึ้นมาปกคลุมปานเพลิงไฟ “แต่กระนั้นหากเจ้ายังทำได้แค่นี้ ก็คงมิอาจรับข้าได้แม้กระบวนท่าเดียว!!”


 


ถึงแม้จากกลิ่นอายพลังทั้งสภาวะรุกโหมเข้ามาของต้วนหลิงเทียน จะถือว่าเกรี้ยวกราดดุร้ายอย่างหาตัวจับยากในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่มันเคยพบเจอ แต่เชวียจิงอวี่ก็ไม่ได้ไยดีสักเท่าไหร่


 


กระทั่งเชวียจิงอวี่ยังรู้สึกว่า…


 


พลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนที่เผยออกมาตอนนี้ ไม่น่าจะทรงพลังมากพอสยบหวงเจียหลง เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองตู้อวิ๋นของประเทศฝูชิวได้ด้วยซ้ำ


 


เพราะก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวขึ้นมา ทุกคนก็รู้กันดีว่าหวงเจียหลงคือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอันดับสอง แห่งฝูชิว!


 


ส่วนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอันดับ 1 ของฝูชิว ก็คือองค์ชายแห่งฝูชิว ที่พลังฝีมือเหนือกว่าหวงเจียหลงเล็กน้อย


 


“ก็ลองรับพลองข้าดู!”


 


เผชิญหน้ากับท่าทีถือดีของเชวียจิงอวี่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบ สภาวะพลังไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย


 


ครืน! ครืน! ครืน!


 



 


เมื่อต้วนหลิงเทียนเจียนบรรลุถึงร่างเชวียจิงอวี่ พลังทั่วร่างเชวียจิงอวี่ก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปเป็นดุร้ายเกรี้ยวกราด สีสันของพลังยังเริ่มกลับกลายเป็นสีม่วง


 


อีกทั้งหลังจากที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันกลับกลายเป็นสีม่วงแล้ว ยังปรากฏกระแสอัสนีแล่นวาบแปลบปลาบ ปกคลุมไปทั่วร่างกาย


 


และเมื่อร่างเชวียจิงอวี่โจนทะยานออกไป กระแสอัสนีแล่นวาบแปลบปลาบที่ปกคลุมไปทั่วกายดังกล่าว ก็เคลื่อนที่ตามติดไปดั่งเงา!


 


เรียกว่าบัดนี้เชวียจิงอวี่คล้ายกลับกลายเป็นเทพเจ้าสายฟ้า ที่ควบคุมใช้งานอัสนีธาตุได้ดั่งใจ!


 


“นั่นน่ะหรือพลังอำนาจแห่งกฏสายฟ้า…จากความลึกซึ้ง ความหมายแห่งสายฟ้า ที่เชวียจิงอวี่เข้าใจ!?”


 


“ทันทีที่มันลงมือ ก็ถึงกับใช้พลังแห่งกฏสายฟ้าออกมา…ดูท่าเชวียจิงอวี่คงคิดสยบต้วนหลิงเทียนในท่าเดียวจริงๆ!”


 


“เหอะๆ ดูจากกระแสอัสนีที่แลบลั่นไปทั่วร่างมันอย่างมั่นคง ท่าทางมันจะเข้าใจความหมายแห่งสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!”


 


“ความแข็งแกร่งของมันตอนนี้ น่ากลัวว่าต้องให้กวาดตามองไปทั่วยอดเซียนอมตะทั้งหมดที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็ไม่พ้นต้องติดอยู่ในร้อยอันดับแรก!”


 



 


การลงมือของหวงเจียหลงนำพาความแตกตื่นมาสู่ฝูงชนที่มาล้อมมุงชมดูเรื่องราวไม่น้อย หลายคนยังเริ่มมองต้วนหลิงเทียนที่โจนทะยานหววดพลองเข้าไปด้วยสายตาสงสาร คล้ายพวกมันกำลังแลเห็นตั๊กแตนตัวกระจ้อย กำลังจะใช้เรี่ยวแรงน้อยนิดต้านทานรถม้า…


 


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! วูม! วูม!


 



 


และเมื่อทั่วร่างเชวียจิงอวี่ปะทุพลังสุดไพศาลพร้อมกระแสอัสนีแลบลั่นปกคลุมไปทั่วเรือนกายได้ไม่ทันไร มวลพลังทั้งกระแสอัสนีส่วนหนึ่งของมัน ก็ได้ควบรวมผสานก่อเกิดดาบสายฟ้าขึ้นจากความว่างเปล่าไม่หยุดหย่อน!


 


ดาบสายฟ้านับร้อยอุบัติ เปล่งพลังอานุภาพสะท้านขวัญ กระแสอัสนีที่เปล่งออกมาจากดาบสายฟ้าแต่ละเล่ม ยังคล้ายร้อยเรียงเชื่อมประสานเข้าด้วยกัน


 


“รวม!!”


 


สิ้นเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของเชวียจิงอวี่ดาบอัสนีสะท้านขวัญนับร้อย ก็ได้พุ่งวาบมาด้วยความเร็วสุดที่ใครจะตั้งตัวก่อเกิดเป็นดาบอัสนีเล่มเขื่องยาวราวๆ 4 ฉื่อ! จากนั้นเชวียจิงอวี่ที่ไม่ทราบเรียกดาบสีเทาเล่มหนึ่งออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ได้ประทับดาบอัสนีดังกล่าวลงตัวดาบสีเทาฉับไวสุดที่ใครจะทันได้ตั้งตัว!!


 


และทันทีที่ดาบถูกประทับไปด้วยดาบพลังอัสนี สภาวะพลังของดาบดังกล่าว แม้จะยังไม่ได้รุกโหมโจมตี แต่ก็ให้ความรู้สึกกดดันบีบคั้นเหนือกว่าพลองที่ต้วนหลิงเทียนฟาดลงเสียอีก!


 


เห็นได้ชัดว่าดาบที่เชวียจิงอวี่เรียกออกมา สมควรเป็นดาบอมตะระดับราชา!


 


ฟั่บ!!


 


เชวียจิงอวี่ที่คอนดาบพุ่งร่างไป คนคล้ายกลับเป็นเงาเลือน มองไปกลางฟ้าแลเห็นเป็นร่างเงาถือดาบอัสนีสีม่วงพร้อมพลังลี้ลับสีเทาที่ผสานกันอย่างกลมกลืน พุ่งทะลวงตัดอากาศออกไปฉับไว!


 


เห็นได้ชัดว่านอกจากพลังแห่งกฏสายฟ้าแล้ว เชวียจิงอวี่ยังสมควรใช้วรยุทธ์ดาบหรือเวทย์พลังอะไรบางอย่าง ทำให้การโจมตีของมันทั้งรวดเร็วทั้งรุนแรง!


 


“หนึ่งดาบสยบ!!”


 


ทันใดนั้นเชวียจิงอวี่ก็คำรามออกมาเสียงดังลั่นฟ้า จากนั้นหนึ่งคนที่คอนดาบอัสนีสีม่วงเจือเทาแลดูลี้ลับดั่งเงาเลือน ก็บรรลุถึงขอบเขตความเร็วอัศจรรย์ พุ่งวาบไปดั่งประกายแสงสวนเข้าหาต้วนหลิงเทียน!


 


พร้อมกันนั้นดาบอัสนีในมือ ก็ประหนึ่งสายฟ้าฟาดลงจากสวรรค์ ดาบอันอัดแน่นไปด้วยพลังน่ากลัวฟันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต!


 


หากสายตาผู้ใดไวพอ ย่อมแลเห็นได้ชัดว่าหนึ่งดาบที่ตวัดฟันลงมานั้น มวลอากาศเบื้องหน้าตัวดาบได้ถูกแบ่งผ่าเป็นสองเสี่ยงก่อนที่ตัวดาบจะบรรลุถึงเสียอีก! เป็นดาบอัสนีที่ว่องไวคล้ายอสรพิษสายฟ้ากัดฉกนัก! พริบตาก็เจียนจะปะทะกับพลองที่ฟาดลงของต้วนหลิงเทียนแล้ว!


 


ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ร่างในชุดสีม่วงหนึ่งฟาดพลองลงไปด้วยสภาวุดะร้ายปานขุนเขาถล่ม อีกด้านกลับเป็นหนึ่งดาบที่อัดแน่นไปด้วยพลังอัสนีแลบลั่น ไม่เพียงอานุภาพของดาบที่ฟันลงจะน่ากลัว อาศัยแค่กระแสอัสนีที่แล่นววาบแปลบปลาบรอบกายผู้ลงดาบ ก็ยากจะต้านทานรับได้แล้ว


 


เรียกว่าในขณะเดียวกับที่ออกดาบฟันฟาดใส่ต้วนหลิงเทียน กระแสอัสนทั่วร่างเชวียจิงอวี่ ก็คล้ายตาข่ายฟ้าแหสวรรค์ที่ทอดมาตามติด จะเพื่อทำร้ายก็ดี หรือเป็นปราการแกร่งป้องกันก็ดี!


 


อีกทั้งกระแสอัสนีแลบลั่นที่อยู่รอบกายเชวียจิงอวี่ ก็ยังมีพลังลี้ลับสีเทาฉาบเคลือบไว้ด้วย บ่งบอกว่าเป็นปราการป้องกันที่ทรงพลังไม่ใช่ชั่ว!


 


‘ในรุกมีรับงั้นรึ? เช่นนั้นให้ข้าชมดูหน่อยว่าการป้องกันของเจ้าแข็งแกร่ง หรือของข้าที่แข็งแกร่ง!’


 


เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแสยะประชด จากนั้นพลันสะบัดมือซ้ายฉับไว ปรากฏร่มคันหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ


 


“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน!”


 


ต้วนหลิงเทียนร่ำร้องในใจอย่างดุดันคราหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็โยนร่มออกไปให้พุทธองค์ร่างทองพร้อมไอพลังม่วงที่ฟาดพลองด้วยมือขวา คว้าจับร่มเขาด้วยมือซ้าย!


 


และทันทีที่มือพลังมหึมาคว้าจับตัวร่ม แสงพลังสีทองพร้อมมวลพลังสีม่วงก็หลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวร่มเร็วไว!


 


ในเสี้ยวพริบตานั้นเอง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันลุกโชนทัวร่างที่เดิมไร้สีสันของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็เริ่มกลับกลายเป็นสีกากี แผ่ซ่านกลิ่นอายทรงพลังหนักแน่นถึงขีดสุดออกมา!


 


ธาตุดิน!


 


เสี้ยวพริบตาก่อนปะทะ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ออกด้วยพลังแห่งกฏของธาตุดินที่เขาบรรลุถึง หลังจากเข้าใจความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งดินออกมา!


 


และทันทีที่เข้าใช้ออกด้วยพลังกฏแห่งดิน พลังสีกากีที่ผสานเข้ากับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอย่ากลมกลืมไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนสีพลังเท่านั้น ยังหลั่งไหลไปผสานกับวรยุทธ์ทั้งเวทย์พลังไม่เว้นอุปกรณ์อมตะที่เขาถ่ายทอดพลังลงไปทั้งหมด!


 


ที่สำคัญท่ามกลางพลังสีกากีดังกล่าว ยังปรากฏพลังลี้ลับสีเหลืองแก่ขุมหนึ่งลอบแผ่ซ่านออกมาจากร่างเขาอย่างเงียบงัน โดยไม่ทันที่ใครจะพบเห็น!!


 


พลังสีเหลืองแก่ที่ว่า ไม่ใช่อันใดอื่น แต่เป็นพลังอำนาจของปฐพีแรกกำเนิดฟ้าดิน!!


 


เนื่องจากพลังแห่งกฏของธาตุดินที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกมาในเสี้ยวพริบตา ทำให้ทุกคนมัวแต่สนใจพลังสีกากีกันหมด จึงไม่อาจมีผู้ใดพบเห็นกระแสพลังลี้ลับสีเหลืองแก่ที่อ่อนจางกว่าได้เลย!


 


“นั่นมัน…พลังธาตุดิน!?”


 


“จ้าวสววรรค์ช่วย! ไหนผู้ใดบอกข้าว่าอัจฉริยะของประเทศฝูชิวไม่เข้าใจกฏ…นั่นมันพลังของกฏแห่งดินชัดๆ หากจะเข้าถึงพลังอำนาจของกฏแห่งดิน มิใช่ว่าอย่างน้อยๆก็ต้องเข้าใจความหมายแห่งดินแล้วรึไร!?”


 


“ให้ตายเถอะ อัจฉริยะของประเทศฝูชิวคนนี้…ไม่ใช่ว่าอายุยังไม่ถึงร้อยปีรึไง!?”


 


“บัดซบ! นี่มันปีศาจจากนรกขุมใดกันแน่!?”


 



 


หลังต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยพลังแห่งกฏ ทุกผู้คนก็พากันแตกตื่นโกลาหลครั้งใหญ่!


 


และเนื่องจากความสนใจของทุกผู้คนล้วนถูกพลังแห่งกฏธาตุดินของต้วนหลิงเทียนดึงดูดไปจนหมด จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นกระแสพลังสีเหลืองแก่ที่แผ่ซ่านไปยังตัวร่มอย่างเงียบงันด้วยความฉับไวแม้แต่น้อย


 


ซู่มมม!!


 


ครืนนนน!!


 



 


และภายใต้สายตาของทุกคน ทันทีที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนได้กลับกลายเป็นสีกากีหลังผสานใช้ด้วยพลังแห่งกฏธาตุดิน กระแสพลังที่ปกกคลุมไปทั่วตัวพลองแน่นอนว่าต้องเริ่มเปลียนสีตาม! มองไปยามนี้คล้ายธารโคลนสายเชี่ยวฉาบเคลือบตัวพลอง!!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)