War sovereign Soaring The Heavens 2297-2300
ตอนที่ 2,297 : เมฆมงคลเบญจรงค์!
ฟู่มมม!!
มวลเพลิงสีทองสว่างเจิดจ้าประหนึ่งดวงตะวัน พุ่งทะยานสู่ฟ้าก่อเส้นแสงสีทองลากยาวขึ้นไปปานจะเชื่อมฟ้าดินด้วยสภาวะอันน่าเกรงขาม!
และเมื่อมวลเพลิงสีทองดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดที่เมฆหายนะสู่สวรรค์มาบรรจบกันไม่ไกล มวลเพลิงดังกล่าวก็เริ่มก่อลักษณ์กลับกลายไปเป็น วิหกตัวเขื่องที่ประหนึ่งมีเปลวเพลิงสีทองลุกโชนท่วมร่าง!!
ทันใดนั้นวิหกเพลิงพลันกระพือปีกฉับไว และก่อนที่ทุกผู้คนจะทันได้รู้สึกตัวอะไร ร่างวิหกเพลิงสีทองตัวเขื่องดังกล่าวก็พุ่งทะลวงเมฆหายนะสู่สวรรค์ดำทะมึน จมหายเข้าแพเมฆดำไปในพริบตาไร้ซึ่งการกระเพื่อมไหวใดๆ ดังหนึ่งหินร่วงหล่นจมสมุทร!
“เปลวไฟสีทองนั่น…มันคืออะไรกันแน่!?”
“ข้ามิรู้! มันคืออันใดข้าไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ!”
“ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนเลยว่า การเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์จะมีอะไรเช่นนี้ด้วย”
“เมื่อครู่พวกเจ้ามองทันหรือไม่ ก่อนที่มวลเพลิงสีทองนั่นจะจมหายไปในเมฆหายนะสู่สวรรค์ ข้าเห็นมันก่อลักษณ์เป็นนกไฟบางอย่าง! แต่ข้ามั่นใจว่าเกิดมามิเคยเห็นนกไฟเช่นนั้นมาก่อน! แล้วพวกเจ้าเล่าเคยมีผู้ใดเห็นมันหรือไม่?”
“นกไฟนั่น…ข้าเกิดมาก็มิเคยพบเห็นมาก่อน!”
“ข้าเองก็ไม่เคยเห็น”
…
เปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชนท่วมร่างต้วนหลิงเทียน และอยู่ๆก็พุ่งออกจากร่างเขาทะยานขึ้นฟ้า ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นวิหกไฟนั้น แน่นอนว่าย่อมเป็นพลังสุริยันส่วนใหญ่ที่แยกตัวออกมาจากร่างเขา! หากทว่าสำหรับทุกผู้คนในที่นี้แล้วไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่!!
กระทั่งยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า นกไฟสีทอง นั่นที่แท้คือตัวอะไรกันแน่!
และไม่ใช่แค่ระดับล่างๆเท่านั้นที่ไม่รู้!
กระทั่งชนชั้นอาวุโสระดับสูงๆของ 3 วัง 6 ตำหนักไม่เว้นจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง เองก็ไม่อาจบอกได้เลยว่านกไฟนั่นคือนกอะไรกันแน่!
กระทั่งด้านจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ที่สงบจิตใจเตรียมข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ก็ถูกฉากเรื่องราวของพลังสุริยันที่แปรเปลี่ยนไปเป็นวิหกเพลิงสีทองทะยานสู่ใจกลางเมฆหายนะสู่สวรรค์ดึงดูดไปเช่นกัน
สำหรับวิหกเพลิงสีทองที่ก่อร่างขึ้นมานั้น เป็นนกอะไรมันก็ไม่รู้เหมือนกัน!
อย่างไรก็ตามแต่พอมันเห็นว่าแม้วิหกเพลิงตัวเขื่องนั่นจะจมหายไปในเมฆหายนะสู่สวรรค์ แต่ก็ไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ มันก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อวิหกเพลิงสีทองนั่นอีกต่อไป เพราะมันมีเรื่องสำคัญที่กำลังจะต้องกระทำ…
เตรียมตัวข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์!
ถึงแม้ว่าในฐานะจ้าววังเซียนสัญจร ตัวมันจะมีความมั่นใจเต็มสิบส่วนในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ แต่วิธีการที่ถ่ายทอดกันมาในบรรดาจ้าววังเซียนสัญจรจากรุ่นสู่รุ่นนั้น มุ่งเน้นไปกับการรับมือหายนะทัณฑ์สวรรค์ในช่วงหลังๆ!
ช่วงแรกๆสำหรับหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่ยังไม่รุนแรงมาก มันจำต้องเอาชนะด้วยตัวเอง!!
‘อีกาทองคำ 3 ขางั้นเหรอ!?’
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเปลวไฟสีทองที่ก่อร่างเป็นวิหกเพลิงที่ทะยานสู่ฟ้านั่นคืออะไรกันแน่ หากแต่ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดี
หลังจากที่รู้แล้ว เขาเองก็อดประหลาดใจไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามเพียงประหลาดใจได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงบางอย่าง ค่อยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ‘เกือบลืมไปแล้ว…พลังสุริยันเป็นผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้ข้า การที่พลังสุริยันจะก่อลักษณ์เป็นอีกาทองคำ 3 ขาก็ไม่แปลกอะไร’
‘เพราะสุดท้ายแล้วร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่วก็คืออีกาทองคำ 3 ขา และพลังสุริยันก็เป็นพลังเอกลักษณ์ของ วิหกเทพสุริยัน!’
พอนึกถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมโล่งใจเป็นธรรมดา
“ท่านแม่! มันเป็นนกตัวนั้นอีกแล้วล่ะ!!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังโล่งใจ เสียงต้วนซือหลิงที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง
อะไรกัน! ซือหลิง รู้จักอีกาทองคำ 3 ขาด้วย? ได้ยังไง?!
“ซือหลิง นี่ลูกรู้จักนกตัวนั้นด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหันมามองถามลูกสาวของเขาด้วยความแปลกใจ
“เอ๋า! ท่านพ่อไฉนท่านเลอะเลือนไปแล้วเล่า! ตอนที่ท่านปิดด่านบ่มเพาะ มิใช่ว่าเจ้านกไฟตัวนั้นมันคอยปกป้องท่านหรือไร ทำให้กระทั่งท่านป้ายังไม่อาจปลุกท่านได้…”
ต้วนซือหลิงกล่าว
“หืม? มันปกป้องข้าหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองก่านหรูเยี่ยนทันที
หลังจากนั้นก่านหรูเยี่ยนกับเผิงไหลที่อยู่ข้างๆ ก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
‘ฟังจากที่ทั้งคู่บอก ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว…ตอนนั้นด่านพลังฝึกปรือของข้าสมควรบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่ตอนนั้นมันมีอีกาทองคำ 3 ขาปรากฏร่างขึ้นมาคุ้มครองข้าด้วยงั้นเหรอ?’
‘ฟังไปแล้วอีกาทองคำ 3 ขาที่ทุกคนได้เห็น…ก็น่าจะเหมือนกันกับอีกาทองคำ 3 ขาตัวเมื่อครู่ ล้วนก่อเกิดขึ้นมาจากพลังสุริยันไม่ต่าง’
‘ผู้เฒ่าหั่วเองก็ไม่เคยบอกไว้เลย ว่าจะมีเรื่องแบบนี้…’
พอเผลอนึกถึงผู้เฒ่าหั่วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะจนถึงบัดนี้ ต้วนหลิงเทียนยังคิดว่าผู้เฒ่าหั่วได้ตกตายไปพร้อมกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อช่วยเหลือเขา
“เปลวไฟสีทองนั่น มันพุ่งออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน!”
หากจะถามว่า ยังมีผู้ใดอีกบ้างนอกเหนือจากคนรอบกายต้วนหลิงเทียน ที่รู้ว่าเปลวเพลิงสีทองมาจากไหนล่ะก็…ย่อมเป็นจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง!
ถึงแม้ตอนนี้ความสนใจของฉีหนานฟงเองก็อยู่กับเมฆหายนะสู่สวรรค์เบื้องบน…
อย่างไรก็ตามมันยังคงแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งไปเฝ้าจับตาดูต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ดังนั้นจึงเห็นถึงฉากที่เปลวไฟสีทองลุกท่วมร่างต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะปราฏมวลเพลิงพุ่งขึ้นฟ้าจนกลายร่างเป็นวิหกเพลิงพุ่งหายไปในเมฆหายนะสู่สวรรค์ได้ชัดถนัดตา
“นั่นมันคืออะไรกันแน่?!”
อย่างไรก็ตามแม้จะสังเกตเห็นฉากเรื่องราวแต่ต้นจนจบ หากแต่ฉีหนานฟงก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ใช่แค่มันจะเห็นฉากดังกล่าวเป็นครั้งแรก กระทั่งยังไม่เคยได้ยินจากที่ไหนกระทั่งพบเห็นในบันทึกใดๆเลย…
“แล้วนกไฟที่ก่อลักษณ์จากเปลวเพลิงสีทองนั่น ที่แท้มันเป็นตัวอะไรกัน?”
ฉีหนานฟงลองถามตัวเองดูก็ตอบได้ว่ามันเป็นคนที่มีความรู้ไม่น้อย ทว่ากับเปลวเพลิงสีทองที่สามารถก่อร่างเป็นนกไฟตัวเขื่องแบบนั้น มันไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะสับสนงุนงง กระทั่งสงสัยใคร่รู้นัก
หากมันล่วงรู้ล่ะก็…
ว่าวิหกเพลิงที่มันแลเห็นนั้น หาใช่สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในระนาบโลกียะไม่ หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากระนาบเทวโลก บางทีมันอาจจะไม่สับสนทั้งสงสัยขนาดนี้!
“ต้วนหลิงเทียน อีกไม่กี่วันหลังจากนี้เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเฉินสามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จล่ะก็ ข้าจะรอดูวาระสุดท้ายของเจ้า!!”
หลังดึงสติกลับมาได้ มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ลูกตาฉีหนานฟงก็ฉายแววเย็นชาราวมีดดาบ ประหนึ่งจะสับสะบั้นทุกสิ่งให้แหลกเป็นชิ้นๆ!
เรียกว่าหาสายตาของฉีหนานฟงสามารถฆ่าคนได้ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะตกตายเพราะสายตามันไปแล้วกี่ครั้ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็ย่อมสังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมองมาของฉีหนานฟงได้เป็นธรรมดา
และเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาจับจ้องของฉีหนานฟง ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะหันไปมองมันตามสัญชาตญาณ
แต่ทว่าอยู่ๆร่างต้วนหลิงเทียนก็ผงะไป คล้ายพบเห็นอะไรบางอย่าง
“นี่มัน…”
วินาทีนี้ต้วนหลิงเทียนสามารถตระหนักได้ถึงบางสิ่งชัดเจน…
ตอนนี้พลังสุริยันบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ในพลังเซียนต้นกำเนิดของเขา คล้ายสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงประการหนึ่ง ทำให้มันบังเกิดความพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง และพาลให้พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างเขากลายเป็นพุ่งพล่านขึ้นมาด้วย!
และในขณะที่พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างเขากำลังเดือดพล่านไปเพราะพลังสุริยันที่หลงเหลืออยู่ในร่างนั้น ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า…
สำนึกรู้ฟ้าดินของเขา…กำลังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล!
เขารู้สึกว่าในเวลาแค่ชั่วพริบตา สำนึกรู้ฟ้าดินของเขาก็ยกระดับขึ้นไปอย่างมากมาย ยังเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด!
การพัฒนาด้วยความเร็วแบบนี้ มันช่างเหลือเชื่อเกินจริง และทำให้เขาตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน
‘ต้องเป็นผลพวงจากพลังสุริยันที่ออกจากร่างข้าไปไม่ผิดแน่…นี่มันพุ่งขึ้นไปทำอะไรอยู่กันแน่?’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงพลังสุริยันที่พุ่งออกจากร่างก่อนที่จะก่อตัวเป็นอีกาทองคำ 3 ขาแล้วจมหายไปในเมฆหายนะสู่สววรรค์
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ชัดเจนว่าความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงของสำนึกรู้ฟ้าดินเขา ต้องเกี่ยวข้องกับพลังเซียนสุริยันขุมนั้นอย่างแยกไม่ออก!
‘สำนึกรู้ฟ้าดิน…ยังคงพัฒนาต่อไปไม่หยุดยั้ง!’
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้อีกว่า
สำนึกรู้ฟ้าดินของเขา ยังคงก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และตอนนี้มันก็ได้ทะลวงสู่อีกขอบเขตหนึ่งไปแล้ว…
ทุกคราที่สำนึกรู้ฟ้าดินทะลวงขอบเขต ทำให้เขารู้สึกว่าฟ้าดินคล้ายแปรเปลี่ยนกลับกลายไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ตอนแรกๆตัวเขายังคงรู้สึกว่าความเชื่อมโยงระหว่างเขากับฟ้าดินยังคลุมเคลือไม่แน่ชัด ทว่าบัดนี้มันก็กลายเป็นคุ้นเคยและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น…
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมันใหญ่หลวงนัก ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่างหน้ากับหลังได้อย่างชัดเจน!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตระหนักได้ว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของเขากำลังก้าวหน้าด้วยความเร็วสูงล้ำนั้นเอง
“นั่นมันอะไรกัน…”
เหนือขึ้นไปบนฟ้าหลังแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ ร่างทั้ง 2 ที่ลอยล่องอยู่ตรงนี้ได้สักพัก ต่างอดไม่ได้ที่จะงุนงงเมื่อได้แลเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า…
ร่างทั้ง 2 ร่างดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครอื่น
เป็นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ กับชายชราในชุดสีเทาซึ่งถูกประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เรียกหาว่า อาจารย์!
“ท่านอาจารย์…สิ่งนี้…มันคืออะไรกัน?”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ที่มองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยสายตางุนงงไม่เข้าใจ ก็อดหันไปมองถามชายชราชุดเทาที่อยู่ด้านข้างไม่ได้
“ข้าเองก็ไม่รู้…”
ทว่าชายชราในชุดสีเทาก็ได้แต่ส่ายหัวไปมากล่าวตอบวว่าไม่รู้ออกมาตรงๆ หากแต่สองตาของมันกลับทอประกายสว่างจ้าราวกับมันเข้าใจบางสิ่ง…
ตอนนี้ภายใต้สายตาของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์และชายชราในชุดสีเทา…
ก็จับจ้องไปยังเมฆหลากสีที่ลอยล่องอยู่เหนือเมฆหายนะสู่สวรรค์ทะมึนมืด ที่เมื่อครู่อยู่ๆมันก็แตกกระจัดกระจายออก และตอนนี้กำลังเคลื่อนตัวไปควบรวมปิดช่องโหว่นั่น!
และตัวการที่ทำให้เมฆหายนะสู่สวรรค์แยกออกเป็นช่องทางก็ไม่ใช่ใดอื่น เป็นวิหกเพลิงสีทองที่อยู่ๆก็พุ่งทะลวงเมฆหายนะสู่สวรรค์ขึ้นมา!
ทั้งประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์และชายชราชุดเทาผู้เป็นอาจารย์ ไม่มีใครรู้จักวิหกเพลิงเบื้องหน้าเลย…
พวกมันเองก็พึ่งพบเห็นวิหกเพลิงสีทองประหลาดตัวนี้เป็นครั้งแรก
และสิ่งที่ทำให้พวกมันประหลาดใจมากที่สุดก็คือ
วิหกเพลิงสีทองตัวนี้ พอพุ่งทะลุเมฆหายนะสู่สวรรค์ขึ้นมา มันก็โผเข้าใส่เมฆหลากสี! อีกทั้งหลังพุ่งเข้าไปภายในเมฆหลากสีแล้ว มันก็บินวนเวียนทะลุไปมาไม่หยุดราวกับจะละเล่นกับเมฆหลากสี!!
แต่ต้องทราบด้วยว่าเมฆหลากสีนี้ไม่ใช่เมฆธรรมดาที่มีหลายสีสัน แต่มันคือ ‘เมฆมงคลเบญจรงค์’ ที่จะปรากฏตัวขึ้นหลังผู้ฝึกตนสามารถเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!!
ตามข่าวลือที่มาแต่สมัยโบราณ การถือกำเนิดของเมฆมงคลเบญจรงค์นั้น มีความเกี่ยวข้องกับระนาบเทวโลกอย่างแยกไม่ออก!
“นกไฟตัวนี้ที่ก่อร่างขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีทองเมื่อครู่…หากข้าสัมผัสไม่ผิด ดูเหมือนเปลวเพลิงสีทองนั่นมันจักเป็นพลังอำนาจที่อยู่เหนือพลังเซียนต้นกำเนิด! ในแง่ของพลังอำนาจแล้วมันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดแม้แต่น้อย!!”
ชายชราที่เหม่อมองวิหกเพลิงหยอกล้อกับเมฆมงคลเบญจรงค์ อดกล่าวพึมพำออกมาไม่ได้
“อะไรนะท่านอาจารย์!?”
เสียงพึมพำของชายชราชุดเทา พอประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้ยินก็ทำให้มันตื่นตกใจนัก
วิหกเพลิงเบื้องหน้า…มันก่อร่างขึ้นมาจากพลังอำนาจที่ไม่ได้ด้อยไปกว่า พลังเซียนอมตะต้นกำเนิด งั้นเหรอ!?
หากเป็นคนอื่นพูดเรื่องนี้ออกมา มันไม่มีทางเชื่อ!
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่พูดเรื่องนี้ออกมากลับเป็นอาจารย์ของมัน ซึ่งในตัวอาจารย์ของมันนั้นก็มีพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเริ่มก่อเกิดขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นมันจึงไม่สงสัยในวาจาของผู้เป็นอาจารย์แม้แต่น้อย
เพราะเหตุนี้มันถึงได้ตื่นตกใจ!
“มิคิดเลย…ว่าเปลวเพลิงสีทองที่ก่อร่างเป็นนกไฟตัวนี้ จะมาจาก…”
ในขณะที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์กำลังจะมองลอดเมฆหายนะสู่สวรรค์ไปยังตำแหน่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังลอยร่างอยู่นั้น
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงอัสนีฟ้าลั่นดังสะท้านโลกพลันอุบัติขึ้นอีกครั้ง เป็นเมฆหายนะสู่สวรรค์ที่ควบรวมหนาแน่นนั้น ได้ปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาอีกครา อัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบยิ่งกว่าครั้งใด!
ทันใดนั้นเอง! ท่ามกลางอัสนีสีม่วงพลันอุบัติแสงขาวสว่างวาบปานจะย้อมโลกหล้า!!
ตอนที่ 2,298 : หายนะทัณฑ์สวรรค์ของต้วนหลิงเทียน?
แสงขาวที่ส่องสว่างวาบขึ้นมาปานจะย้อมโลกหล้านั้น ได้ปิดกั้นสายตาของทุกผู้คน ไม่เว้นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ที่กำลังจะมองลอดเมฆหายนะไปยังเบื้องล่าง
และทันใดนั้นเอง
พร้อมๆกันกับที่ประกายสีม่วงพร้อมแสงขาวส่องสว่างวาบออกมา จนสายตาทุกผู้คนเบื้องล่างเมฆหายนะสู่สวรรค์ตาพร่าไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้ชั่วขณะนั้น
เปรี๊ยงงงงง!!!
เสียงอัสนีฟาดผ่าลั่นดังสะท้านปฐพีพลันอุบัติขึ้น!พาลให้แก้วหูทุกผู้คนสะท้านไปแทบดับ!!
หลังจากนั้น พวกมันก็หยีตาที่ค่อยๆหายจากอาการพร่ามัวจนแลเห็นได้รางๆ
สูงขึ้นไปบนฟ้า แพเมฆหายนะสู่สวรรค์นั่น…ปรากฏอัสนีสีม่วงเส้นหนาเท่าแขนผู้ใหญ่! ฟาดถล่มลงมาจากฟากสูงจี้ตรงไปยังร่างของจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ที่ลอยร่างตระหง่านกลางหาวใต้จุดศูนย์กลางของเมฆหายนะสู่สวรรค์!!
“เป็นหายนะทัณฑ์สวรรค์!!”
“อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายแรก ฟาดผ่าลงมาแล้ว!!”
เมื่อเห็นฟ้าคำรามลั่นหล้า ทั้งอุบัติอัสนีฟาดเปรี๊ยงลงมาสะท้านแก้วหู ทุกผู้คนก็ตระหนักได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ลูกตาของพวกมันจำต้องหดเล็กลงทันใด
นั่นเพราะพวกมันกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่สองตาแลเห็น
ว่าในขณะที่อัสนีสีม่วงหนาเท่าแขนผู้ใหญ่ ได้ฟาดผ่าลงมาจากฟากฟ้าจี้ตรงเข้าหาอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้น ไม่ทันที่อัสนีจะฟาดบรรลุถึงและให้อวี่เหวินฮ่าวเฉินต่อต้านเอาชนะอะไร…
แสงสีม่วงทั้งประกายแสงสีขาวเจิดจ้าพลันสว่างวาบออกมาอีกครั้ง! เสียงสนั่นก็ดังขึ้นอีกครา!
เปรี๊ยงงงง!!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงอัสนีฟาดผ่าสนั่นลั่นปานฟ้าระเบิดดังขึ้นนั้น!
กลับมีอัสนีสีม่วงเส้นหนาเท่าแขนผู้ใหญ่อีกสาย ฟาดผ่าลงมาจากเมฆหายนะสู่สวรรค์!!
อัสนีสายนี้ไม่ว่าจะพลังอำนาจและขนาด กลับเหมือนกันกับเส้นสายอัสนีสายแรกที่ฟาดผ่าไปยังอวี่เหวินฮ่าวเฉินไม่ผิดเพี้ยน!!
ช่างน่าอัศจรรย์ใจนัก! มันกลับเป็นอัสนีทัณฑ์สวรรค์อีกสายหนึ่ง!!
“นี่มันอะไรกัน!?”
“อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายแรกฟาดมายังไม่ได้ใกล้เคียงกับจะผ่าโดนร่างจ้าววังอวี่เหวินสักนิด ไฉนอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 จึงปรากฏขึ้น!?”
“นี่คงมิใช่อัสนีทัณฑ์สายที่ 2 หรอกนะ เพราะพลังอำนาจของมันนั้นหากจะเทียบกับอัสนีทัณฑ์สายแรกแล้วช่างเหมือนกันทุกประการ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?”
“หรืออัสนีทัณฑ์แรกจักฟาดผ่า 2 ครั้ง?”
“เป็นไปไม่ได้! หายนะทัณฑ์สวรรค์นั้นมีเก้าชุดเก้ากระบวนรวมทั้งสิ้น 81 สาย! แต่ละอัสนีทัณฑ์นั้นแบ่งแยกออกชัดเจน อีกทั้งยังจะฟาดผ่าลงมาหลังเว้นช่วงระยะเวลาไปพักหนึ่ง…หากผ่าติดกันแบบนี้มิใช่จะจบในครึ่งวันหรือไร ใยยังต้องรอ 2-3 วัน!?”
“นั่นก็จริง…แต่เรื่องราวเบื้องหน้าจักให้อธิบายอย่างไรเล่า?”
…
ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนอื่นๆ กระทั่งตัวจ้าววังเซียนสัญจรอย่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินเองยังไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ถึงแม้จะเป็นชนชั้นรองจ้าววังและรองจ้าวตำหนักทั้งหมด ไม่เว้นตัวจ้าววังวิญญาณอสุราอย่างฉีหนานฟงเอง แม้ในห้วงคิดของพวกมันจะฉับไวเท่าทันอัสนีสวรรค์ หากแต่พวกมันก็ไม่อาจทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้!
“ไฉนอัสนีทัณฑ์สายแรกของจ้าววังเซียนสัญจรกลับมีอัสนีที่มีพลังทัดเทียมกัน 2 สายเล่าท่านอาจารย์?”
เหนือขึ้นไปบนฟ้าสูงด้านหลังแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ ประมุขเผ่าปีศาจที่ในที่สุดก็สามารถมองลอดเมฆหายนะสู่สวรรค์มายังเบื้องล่างได้สำเร็จ พอได้เห็นว่าอัสนีทัณฑ์แรกกลับฟาดผ่าออกไป 2 คำรบก็อึ้งไปอีกครั้ง อดถามอาจารย์ออกมาไม่ได้ราวกับเด็กน้อย…
เพราะจังหวะนี้มันไม่เข้าใจจริงๆ
ต้องทราบด้วยว่าตัวมันเองก็คือผู้ที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์มาแล้ว ถึงได้บรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะอยู่แบบนี้! มันจึงรู้ดีว่าหลังอัสนีทัณฑ์สายแรกฟาดลงมา กว่าอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 จะฟาดผ่าลงมา ก็มีช่วงเวลารอคอยถึง ครึ่งชั่วยาม…
ยิ่งไปกวว่านั้นอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 ก็สมควรทวีความรุนแรงและทรงพลังยิ่งกว่าอัสนีทัณฑ์สายแรก!
ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่เมฆหายนะสู่สวรรค์จะฟาดผ่าอัสนีทัณฑ์ลงไป 2 สายติดๆ กระทั่งอัสนีทัณฑ์สายที่ 2 กลับมีพลังอำนาจทัดเทียมกับสายแรกไม่ผิดเพี้ยน!
มันไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ!
เรื่องราวตอนนี้มันช่างแตกต่างจากครั้งที่มันเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์อย่างสิ้นเชิง พลิกคว่ำความรู้ความเข้าใจของมันไปหมดสิ้น!
“มิได้มีใดผิดแปลก เมื่อมีผู้ที่พร้อมเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์ 2 คนมารวมตัวอยู่ในจุดเดียวกัน…ก็เป็นธรรมดาที่อัสนีทัณฑ์จะฟาดผ่าออกมา 2 ชุด”
ชายชราชุดเทา มิคาดคราวนี้กลับสามารถตอบคำถามของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้!
ขณะเดียวกันสายตาของชายชราชุดเทาก็คล้ายจะมองผ่านแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ ตัดระยะไปตกลงบนร่างของชายหนุ่มในชุดสีม่วงด้านล่าง…
ภายใต้เมฆหายนะสู่สวรรค์
ในขณะเดียวกันกับที่ทุกผู้คนกำลังสับสนงุนงงและไม่เข้าใจว่าไฉนอัสนีทัณฑ์แรกถึงมี 2 สาย
ทั้งหมดก็พบว่าอัสนีทัณฑ์สายที่ 2 นั้น ไม่ได้ฟาดผ่าลงไปทางอวี่เหวินฮ่าวเฉินแต่อย่างใด!
อัสนีทัณฑ์ที่ฟาดผ่าลงมา กับฟาดจี้ลงไปยังร่างอื่นที่อยู่ไกลจากอวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
“นายท่านระวัง!!”
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังจมจ่อมกับภวังค์รู้แจ้งฟ้าดิน อยู่ๆก็ได้ยินเสียงโพล่งตะโกนด้วยความร้อนใจของเผิงไหลดังขึ้น ทำให้เขาสะดุ้งตกใจจนหลุดออกจากภวังค์ทันที
หลังจากที่กลับมารู้สึกตัว เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังขุมหนึ่งกำลังจี้เล็งมายังร่างเขา
“นี่มัน…”
ดุจละอองไฟวาบดับ ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ทำให้เขาตื่นตระหนกนัก!
อัสนีทัณฑ์สวรรค์สีม่วงเส้นหนาเท่าแขนผู้ใหญ่กำลังฟาดผ่าลงมาทางเขา ด้วยสภาวะประหนึ่งมังกรเกรี้ยวกราด แหวกฟ้าลงมาก่อสำเนียงหวีดหวิว ราวกับปากกระหายเลือดหนึ่งที่กำลังจะกลืนร่างเขาในหนึ่งคำ!!
‘หายนะทัณฑ์สวรรค์!?’
‘ไม่ใช่มันต้องฟาดผ่าไปที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินรึไง?!’
‘ไฉนมันฟาดผ่ามาที่ข้าได้? ข้าอยู่ใกล้เกินไปจนชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์มาด้วยงั้นเหรอ!?’
……
ในห้วงเวลาชั่วพริบตา ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวต้วนหลิงเทียน อัสนีเส้นเขื่องก็กำลังฟาดลงมาใกล้เขาทุกขณะ!
‘ไม่ได้การแล้ว! อยู่ตรงนี้ไม่ได้!!’
‘หากมันฟาดลงมาตรงนี้ซือหลิงกับเค่อเอ๋อและคนอื่นๆตายแน่!’
‘ในเมื่อมันเล็งฟาดมาที่ข้า เช่นนั้นข้าสมควรล่อมันได้!’
ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจได้ในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตา อานุภาพชีพจรเซียน 99 สายเผยให้เห็นความล้ำเลิศชัดเจน พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างปะทุออกกฉับไว ใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำได้เท่าทันความคิด!
อย่างไรก็ตามปีกอีกาทองคำที่งอกออกมากลางหลังต้วนหลิงเทียนยามนี้ มันแตกต่างกับปีกอีกาทองคำก่อนหน้าอยู่บ้าง…
ปีกอีกาทองคำที่เขาสร้างขึ้นจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดนั้น มีสีทองเข้มนัก!
หากทว่าตอนนี้ปีกอีกาทองคำที่สร้างขึ้นด้วยพลังเซียนต้นกำเนิดของเขา กลับมีเพียงสีทองอ่อนๆ!
เหตุผลที่ไฉนบังเกิดความแตกต่างกันขนาดนี้ นั่นเพราะตอนนี้ในร่างต้วนหลิงเทียนเหลือพลังสุริยันเพียงน้อยนิดเท่านั้น ส่วนใหญ่ได้พุ่งออกจากร่างเขาหายขึ้นไปในเมฆหายนะสู่สวรรค์ ทำให้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างเขา แทบจะไม่แตกต่างใดจากพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วไป
อย่างไรก็ตามพลังเซียนต้นกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนเร่งเร้าปะทุออกครานี้ เสมือนมันกำลังสั่นพ้องกับฟ้าดินอย่างรุนแรง! ทรงพลังอำนาจเหนือล้ำผิดจากกาลก่อนลิบลับ!
ต้วนหลิงเทียนนในฐานะผู้ที่ใช้ออกโดยตรง ย่อมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวชัดเจน
‘เมื่อครู่ข้ากำลังสงสัยอยู่พอดี ว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของข้าที่เพิ่มพูนขึ้นด้วยความเร็วสูงนั้น อยู่ๆไฉนกลับติดจุดรอคอยไม่ทะลวงไปเสียที…’
‘ที่แท้นั่นกลับไม่ใช่จุดรอคอยอะไร แต่น่าจะเป็นขีดจำกัด!’
‘จากสำนึกรู้ฟ้าดินของข้าตอนนี้ และการสั่นพ้องของฟ้าดินกับพลังเซียนต้นกำเนิดข้า…ดูเหมือนมันจะไม่แตกต่างจากการสั่นพ้องของพลังเซียนต้นกำเนิดกับฟ้าดินของอวี่เหวินฮ่าวเฉินเมื่อ 3 ปีก่อนแม้แต่น้อย!’
‘เช่นนั้นหมายความว่า…สำนึกรู้ฟ้าดินของข้าบรรลุถึงขีดจำกัดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้แล้ว?!’
เมื่อตระหนักได้ถึงระดับการสั่นพ้องกับพลังฟ้าดินยามใช้ออกด้วยพลังเซียนต้นกำเนิด ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้ทันที
ว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของเขา มิคาดมันได้บรรลุถึงขีดจำกัดอย่างงงๆ!!
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนตัวเองได้ใช้ ‘สูตรโกง’ ในการเล่นเกมเมื่อชีวิตที่แล้ว…
ต้องทราบด้วยว่า ตัวเขานั้นพึ่งจะทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนวันนี้หยกๆ!
หากแต่ภายในวันเดียวกัน สำนึกรู้ฟ้าดินของเขา กลับบรรลุถึงขีดจำกัดของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!
ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้วผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น หลังทะลวงมาถึงด่านพลังได้สำเร็จ จำต้องใช้เวลาไม่น้อยเพื่อค่อยๆหยั่งถึงฟ้าดิน ทั้งเนิ่นนานกว่าจะเริ่มบังเกิดสำนึกรู้ต่อฟ้าดิน และกว่าจะเพิ่มพูนสำนึกรู้ดังกล่าวให้บรรลุถึงขีดจำกัด ไม่ทราบต้องใช้เวลากี่สิบกี่ร้อยปี…
ทว่าเขา ต้วนหลิงเทียน กลับใช้เวลาไม่ถึงวัน!!
แน่นอนว่าจากทั้งหมดที่กล่าวมา ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนสับสนและอื้ออึงไม่น้อย
นั่นเพราะเขาไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลยด้วยซ้ำ สำนึกรู้ฟ้าดินของเขากลับบรรลุถึงขีดจำกัด อย่างงงๆ!
‘ทั้งหมดเป็นเพราะพลังเซียนสุริยันที่พุ่งออกจากร่างข้าไป!!’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัยหนักหนา ว่าที่แท้พลังสุริยันเขามันขึ้นไปทำอะไรอยู่ด้านบนกันแน่…!
อย่างไรก็ตามด้วยภัยคุกคามจากอัสนีทัณฑ์สวรรค์ที่จี้เข้ามาเจียนผ่าหัวเขาอยู่รอมร่อ! ทำให้เขาไม่อาจคิดถึงเรื่องดังกล่าวได้อีกต่อไป!!
“ปีกอีกาทองคำ!!”
เพียงห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนก็กางม่านพลังไร้สภาพปกคลุมพวกสตรีทั้ง 3 ก่อนกระตุ้นการทำงานของปีกอีกาทองคำที่งอกเงยกลางแผ่นหลัง ปีกเขื่องกระพือสะบัดฉับไว ส่งร่างเขาให้พุ่งทะยานแหวกฟ้าออกไปด้วยความเร็วสูง!!
‘ความรู้สึกตอนใช้ปีกอีกาทองคำตอนนี้ช่างต่างจากเมื่อก่อนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ…ทุกอย่างกลับเสมือนเป็นธรรมชาติประหนึ่งปีกมันมีติดตัวข้ามาตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะพลังเซียนต้นกำเนิดตอนนี้มันช่างควบคุมง่ายประหนึ่งแขนขา!!’
หลังจากที่สำนึกรู้ฟ้าดินของต้วนหลิงเทียนบรรลุขีดจำกัด พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างของเขาก็กลายเป็นควบคุมได้ขึ้นง่ายดายประหนึ่งมันไม่ต่างใดจากแขนขา ทั้งพลังอำนาจยังเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อยประหนึ่งได้รับพลังอำนาจหนุนเสริมจากฟ้าดิน!
หากจะบอกว่าตอนแรกที่เขาทดลองใช้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในฝ่ามือหลังบังเกิดสำนึกรู้ฟ้าดินเล็กน้อย ทำให้เขารู้สึกเสมือนว่ายามใช้พลัง มันมีความเชื่อมโยงกับฟ้าดินเล็กน้อยล่ะก็
ตอนนี้ยามเขาใช้พลังเซียนต้นกำเนิดออกมา เขารู้สึกว่าการเชื่อมโยงระหว่างฟ้าดินกับพลังเขามันชัดเจนมาก! ที่สำคัญยามพลังปรากฏ ยังบังเกิดการสั่นพ้องยากมองเห็นกับฟ้าดินชัดเจน! ราวกับยามเขาเคลื่อนพลัง พลังฟ้าดินก็คล้อยตามพลังเขาไปด้วย!!
การเปรียบเทียบระหว่าง 2 อย่างนั้น ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันคนละโลก!!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!!
…
เมื่อต้วนหลิงเทียนกระตุ้นใช้ปีกอีกาทองคำจนร่างพุ่งตัดฟ้าฉีกระยะออกจากกลุ่มเค่อเอ๋อ อัสนีทัณฑ์สวรรค์ก็คล้ายดั่งจะมีดวงตางอกเงย มันหักเหทิศทางกลางอากาศ ส่งเสียงแหวกฟ้าหวีดหวิวดังสนั่น จี้เข้าใส่เขาอย่างไม่ลดละ!
“มีอัสนีทัณฑ์สวรรค์อีกสายหรือ!?”
ด้วยเรื่องราวมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยนที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นย่อมไม่อาจตระหนักได้ถึงเรื่องราวใดๆ ทั้งหมดเห็นเพียงมีอัสนีฟาดผ่าลงมาอีกสาย กระทั่งยังไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้วูบร่างหายไปแล้วและทั้งหมดก็เพราะต้วนหลิงเทียนกางม่านพลังกั้นสายลมแรงที่อาจทำร้ายพวกนางได้ไว้
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ก็กำลังจะเผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายแรก
ทั้งหมดเห็นเพียงอวี่เหวินฮ่าวเฉินยกมือขึ้นสะบัดออกไปส่งๆ ปลดปล่อยพลังเซียนต้นกำเนิดที่สั่นพ้องกับพลังฟ้าดินอย่างรุนแรง ก่อเกิดเป็นมวลพลังมหาศาลพุ่งไปหักหาญกับอัสนีฟ้าที่กำลังฟาดมาอย่างกล้าแข็ง เป่าทำลายเส้นสายอัสนีจนสลายหายไปอย่างง่ายดาย!!
‘อัสนีเส้นนี้ไม่ใช่อัสนีทัณฑ์สวรรค์ของอวี่เหวินฮ่าวเฉินแน่แล้ว…’
‘หรือมันจะเป็นอัสนีทัณฑ์สวรรค์ของข้าจริงๆ…’
‘แล้ว…เรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้ยังไง?’
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ทราบว่าไฉนถึงเกิดเรื่องราวทำนองนี้ขึ้นได้ แต่เขาก็ทำได้แค่ยอมรับความจริงตรงหน้า
และเมื่อมั่นใจแล้วว่าด้วยระยะห่างขนาดนี้อัสนีทัณฑ์สวรรค์ไม่ควรส่งผลกระทบอะไรให้พวกเค่อเอ๋อกับลูกสาวเขา เขาก็หยุดร่างลงทันที
“พัง!”
ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเยียบเย็น ฝ่ามือสะบัดตบฟาดออกไปปานมังกรสะบัดหาง!
ทันใดนั้นพลังเซียนต้นกำเนิดมหาศาลขุมหนึ่งก็พุ่งออกจากฝ่ามือต้วนหลิงเทียนไปราวคลื่นสมุทรสุดไพศาล!
ยังเป็นคลื่นสมุทรสุดไพศาลที่สั่นพ้องกับพลังฟ้าดินอย่างรุนแรง!
มววลพลังดั่งคลื่นสมุทรสุดไพศาลพริบตาก็ฟาดทำลายไปปะทะกับอัสนีทัณฑ์สวรรค์ ก่อนที่จะเป่ามันเป็นจุนไม่เหลือแม้แต่กระแสอัสนีเพียงเสี้ยว…
อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายแรกทั้ง 2 ชุด ก็ถูกต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินทำลายลงไปได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการสยบอัสนีทัณฑ์ของทั้งคู่ ยังแลดูง่ายดาย สบายๆราวกับเดินชมสวนหลังบ้าน…
ตอนที่ 2,299 : ต้วนหลิงเทียน เจ้าปกปิดพลังฝีมือไว้มิดชิดนัก!
‘ดูเหมือนข้าจะประเมินพลังของอัสนีทัณฑ์สูงไป…’
‘หรือจะเป็นข้าประเมินพลังของตัวเองตอนนี้ต่ำเกินไปกันนะ…’
ที่ต้วนหลิงเทียนเร่งรุดพุ่งร่างหลบหนีออกมาจ้าละหวั่นด้วยหมายล่ออัสนีทัณฑ์แบบนี้ ทั้งหมดเพราะเขากลัวว่าจะทำให้ซือหลิง เค่อเอ๋อ กับก่านหรูเยี่ยนตกอยู่ในอันตราย
เพื่อความปลอดภัยของสตรีทั้ง 3 เขาจึงเร่งกางม่านพลังป้องกันคลื่นลม ทั้งใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำเหินร่างปลีกตัวออกมาฉับไว
อย่างไรก็ตาม มาตอนนี้เขาพบว่าที่จริงเขาไม่ต้องหลบหนีมาก็ได้…
เพียงแค่สะบัดมือออกไปส่งๆ ไม่ต้องใช้วรยุทธ์เซียนหรือเวทย์พลังอะไร ยังไม่ต้องกล่าวถึงพลังกระบี่จากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ อาศัยแค่ผนึกพลังเซียนต้นกำเนิดอย่างเรียบง่าย ก็เป่าทำลายอัสนีทัณฑ์สายแรกลงได้ง่ายๆ!
ภายใต้พลังเซียนต้นกำเนิดที่สุดไพศาลปานมหาสมุทร อัสนีลงทัณฑ์สายแรกไม่อาจแผลงฤทธิ์ใดๆได้ออก!
ดับสนิท!
“อวี่เหวินฮ่าวเฉิน…”
หลังเอาชนะอัสนีทัณฑ์สายแรก ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องมองมาอย่างแหลมคม ทำให้เขาดึงสติจากภวังค์คิด และมองย้อนไปยังเจ้าของสายตาทันที
เป็นจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน
อวี่เหวินฮ่าวเฉิน มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างปานกลาง แม้หน้าตามันจะไม่ได้มีใดโดดเด่น แต่ด้วยฐานะจ้าววังเซียนสัญจร หว่างคิ้วมันก็แผ่พุ่งอำนาจบารมีออกมาไม่น้อย ทั่วร่างยังแผ่กลิ่นอายเจ้าคนนายคนอันน่าเกรงขามยากมองเห็น
และอวี่เหวินฮ่าวเฉินในวันนี้ ก็ยังเหมือนอวี่เหวินฮ่าวเฉินในวันแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้พบ มันมาในชุดคลุมสีเงิน
ในขณะที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินมองมายังต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องตากลับไปอย่างไร้หวาดกลัว
ทันใดนั้นเขาก็พบว่าในสายตาของอวี่เหวินฮ่าวเฉินไม่เพียงคมกล้าปานมีดดาบ ยังแฝงเร้นไปด้วยเค้าลางความตกใจเจือถึงความไม่อยากจะเชื่อ!
เรื่องนี้เขาเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพราะตอนนี้อย่าว่าแต่อวี่เหวินฮ่าวเฉินจะรู้สึกตกใจทั้งเหลือเชื่อเลย กระทั่งเขาเองที่ลงมือทำลายอัสนีทัณฑ์สวรรค์มาหยกๆ ก็ตกใจทั้งยังไม่อยากจะเชื่อมือตัวเอง…
‘เมื่อครู่ข้าคิดไว้แล้วว่าสำนึกรู้ฟ้าดินสมควรมาถึงขีดจำกัดและไม่ใช่แค่ติดจุดรอคอยอะไร…มาตอนนี้สามารถยืนยันได้ชัดเจนแล้วจริงๆ ว่ามันบรรลุถึงขีดจำกัดแน่นอน’
‘ฝ่ามือที่ฟาดทำลายอัสนีทัณฑ์สวรรค์เมื่อครู่ พลังเซียนต้นกำเนิดที่ซัดออกยังสั่นพ้องกับฟ้าดินรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้พลังเมื่อ 3 ปีก่อนเสียอีก!’
‘แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว เพราะอวี่เหวินฮ่าวเฉินในตอนนี้ก็ไม่เหมือนเดิม จากการสั่นพ้องระหว่างพลังกับฟ้าดินของมันเมื่อครู่ ก็เผยระดับสำนึกรู้ฟ้าดินของมันชัดเจน…บรรลุขีดจำกัดเหมือนกัน!’
‘กล่าวได้ว่า…ตอนนี้ตัวข้าก็บรรลุเงื่อนไข ในการชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ เพื่อบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่ต่างอะไรจากมัน’
จังหวะนี้อารมร์ของต้วนหลิงเทียนช่างสับสนปนเปนัก
หายนะสู่สวรรค์
มาตอนนี้แม้จะยังอื้ออึงแต่เขาก็ตระหนักได้แล้ว…
หายนะสู่สวรรค์ของเขาเองก็มาแล้ว!
นั่นเพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาซัดทำลายอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายแรก เขาพบว่ากลิ่นอายพลังจากเมฆหายนะสู่สวรรค์ทะมึนมืดบนฟ้า ไม่เพียงแต่เพ่งเล็งอวี่เหวินฮ่าวเฉินเท่านั้น มันยังเพ่งเล็งมาที่เขาอีกคน!!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…เขาเองก็กำลังเผชิญหน้ากับการก้าวข้ามหายนะทัณฑ์สวรรค์!
‘แล้วแบบนี้…ข้าต้องขอบคุณอวี่เหวินฮ่าวเฉินมันด้วยหรือไม่? ปกติแล้วคนอื่นแม้จะยกระดับสำนึกรู้ฟ้าดินถึงขีดสุด แต่ก็ยังต้องเฝ้ารอ โอกาส เมื่อคว้าโอกาสที่ว่าไว้ได้จึงจะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ให้ปรากฏ’
‘แต่ข้า ในขณะที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินกำลังจะเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์ของมัน สำนึกรู้ของข้าดันบรรลุถึงขีดจำกัดพอดี…แถมยังอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับมันอีก ทำให้หายนะสู่สวรรค์นั่นเลือกที่จะทำการทดสอบข้าด้วยเช่นกัน…’
ตอนนี้ เมื่อตระหนักได้ว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของตัวได้บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สามารถคาดเดาเรื่องราวต่างๆได้
เหนือฟ้า ต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินลอยร่างมองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ยังไร้คำใดเอ่ยเอื้อน พาลให้บรรยากาศที่มืดมัวเยียบเย็นเริ่มเปลี่ยนเป็นเหน็บหนาวทันที
หากแต่ทั้งคู่ไม่พูดไม่จา ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สนทนาพาที!
“สวรรค์! ใช่ข้ามองอันใดผิดไปหรือไม่ อัสณีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 เมื่อครู่กลับฟาดผ่าไปทางต้วนหลิงเทียน!!”
เป็นอาวุโสวังเซียนสัญจรคนหนึ่ง ที่โพล่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำลายบรรยากาศอันสงบเงียบ
“อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 งั้นเหรอ ข้าไม่คิดว่านั่นจักเป็นอัสณีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2…เพราะอัสนีทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดผ่าใส่ต้วนหลิงเทียนนั่น พลังทำลายมันเหมือนกันกับของท่านจ้าววังไม่ผิดเพี้ยน!”
อาวุโสวังเซียนสัญจรคนอื่นๆกล่าวออก
“ที่แท้…ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ศิษย์ของวังเซียนสัญจรหลายคนเผยสีหน้าว่างเปล่าไม่เข้าใจ พยายามมองอาวุโสมากความรู้ทั้งหลายเป็นแถว
“หากข้าเดาไม่ผิด…”
ตอนนี้เองชนชั้นรองจ้าววังเซียนสัญจรคนหนึ่ง พลันกล่าวออกเสียงหนัก “ต้วนหลิงเทียนก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับท่านจ้าววังของพวกเรา…มันกำลังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์!”
ต้วนหลิงเทียนกำลังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เหมือนกันหรือ!?
ทันทีที่รองจ้าววังเซียนสัญจรคนนั้นกล่าวออกมาแบบนี้ ฉากเรื่องราวก็กลับกลายเป็นเงียบงันลงทันใด
จากนั้นไม่นานก็มีคนกล่าวถามออกมาว่า “เรื่องแบบนี้…มันเป็นไปได้อย่างไร? ต้วนหลิงเทียนจักกำลังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้ยังไง มิใช่ว่าหายนะทัณฑ์สวรรค์นี้ถูกท่านจ้าววังของพวกเราชักนำมาหรือ?”
“นั่นสิ! ในเมื่อหายนะทัณฑ์สวรรค์ครานี้เป็นท่านจ้าววังของพวกเราที่เป็นผู้ชักนำมา แล้วต้วนหลิงเทียนมันจะมาข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ด้วยได้อย่างไร…เรื่องพรรค์นี้เป็นไปไม่ได้!!”
“หากคิดจะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ มิใช่สำนึกรู้ฟ้าดินต้องสูงถึงขั้นหรอกหรือ…แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ สำนึกรู้ฟ้าดินของมันจะไปสูงถึงขนาดนั้นได้อย่างไร?”
…
เหล่าศิษย์และอาวุโสของวังเซียนสัญจรหลายคนเริ่มตั้งคำถาม
“สำนึกรู้ฟ้าดินของต้วนหลิงเทียนยังสูงไม่ถึงขั้นงั้นเหรอ?”
รองจ้าววังเซียนสัญจรคนหนึ่งกล่าวขึ้นอีกครั้งพลางส่ายหน้าไปมา “เมื่อครู่ยามต้วนหลิงเทียนลงมือทำลายทัณฑ์อัสนี การสั่นพ้องระหว่างพลังเซียนต้นกำเนิดของมันกับฟ้าดิน มิได้ด้อยไปกว่าการสั่นพ้องระหว่างพลังเซียนต้นกำเนิดของท่านจ้าววังกับฟ้าดินแม้แต่น้อย..”
“สิ่งนี้บ่งชี้ให้รู้ชัด…ว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของมันหาได้ด้อยไปกว่าท่านจ้าววังของพวกเราไม่!”
ยามที่รองจ้าววังเซียนสัญจรผู้นี้กล่าว น้ำเสียงของมันมั่นใจนักไม่เหลือที่ว่างให้คลางแคลง!
“อะไรนะท่าน? สำนึกรู้ฟ้าดินของมันมิได้ด้อยไปกว่าของท่านจ้าววังงั้นเหรอ!?”
เหล่าอาวุโสและเหล่าศิษย์วังเซียนสัญจรที่ได้ยิน อดไม่ได้ที่จะนิ่งเงียบไปด้วยความตื่นตระหนกก
ตอนนี้เองรองจ้าววังเซียนสัญจรอีกคน ที่เป็นบิดาของหวงฉี่หลิงพลันกล่าวเสริมออกมาว่า “ข้าเคยอ่านเจอเรื่องหนึ่งในบันทึกเก่าแก่ เห็นว่ายามใดที่สำนึกรู้ฟ้าดินบรรลุถึงขั้นจนสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้สำเร็จ หากมีผู้ที่บรรลุถึงสำนึกรู้ฟ้าดินถึงขั้นเช่นเดียวกันอยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียง มันอาจ ‘ฉวยโอกาส’ ของผู้ฝึกตนคนแรก เพื่อข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้เช่นกัน”
“จากที่ข้าเห็น…สถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นดั่งเรื่องที่บันทึกเอาไว้!”
กล่าวถึงท้ายประโยค รองจ้าววังที่เป็นบิดาหวงฉี่หลิงก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน
มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ ว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะบรรลุถึงขีดขั้นนี้แล้ว
มันยังจดจำได้ดี
มิใช่ลูกชายมันกล่าวบอกไว้เมื่อ 3 ปีก่อนหรอกหรือ ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าววังแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ทำอะไรจ้าววังไม่ได้เลย?
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือท่านรองจ้าววังหวง!?”
“ข้ากลับไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน!”
…
ได้ยินคำของบิดาหวงฉี่หลิง อาวุโสเหล่าศิษย์ไม่เว้นชนชั้นรองจ้าววังที่ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
เช่นนี้ก็ได้หรือ?
พวกมันกลับไม่เคยได้ยินเรื่องราวทำนองนี้มาก่อนเลย!
ด้านรองจ้าววังที่เป็นบิดาหวงฉี่หลิง ตอนนี้ก็หันไปมองลูกชาย ทั้งเร่งส่งเสียงกล่าวถามออกไปทันที “หลิงเอ๋อ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้เมื่อ 3 ปีก่อน มิใช่คู่ต่อสู้ของท่านจ้าววัง?”
“แล้วไฉนพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกเมื่อครู่ กลับมิได้ด้อยไปกว่าจ้าววังของพวกเราเลยเล่า?”
หลังจากกล่าวถามลูกชายไปแล้ว บิดาหวงฉี่หลิงก็เต็มไปด้วยความสงสัยนัก
“ท่านพ่อ เรื่องนี้เป็นข้าเห็นมากับตาเมื่อ 3 ปีก่อนจริงๆ วันนั้นต้วนหลิงเทียนมิใช่คู่มือท่านจ้าววังแม้แต่น้อย…ส่วนเรื่องที่ไฉนฝีมือน้องหลิงเทียนถึงได้ก้าวหน้าขึ้นมาขนาดนี้ข้าก็มิอาจทราบได้ เป็นไปได้หรือไม่ที่น้องหลิงเทียนจะบังเกิดความก้าวหน้าอะไร หลังปิดด่านบ่มเพาะมา 3 ปี?”
หวงฉี่หลิงได้แต่กล่าวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มขื่นขม
หากแต่แม้รอยยิ้มที่เผยจะแลดูขื่นขม ทว่าลึกลงไปในใจกลับตื่นเต้นนัก
ตอนแรกที่เห็นต้วนหลิงเทียนสำแดงพลังสยบทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างง่ายดาย มันก็คิดว่าวันนี้ไม่แน่ว่าน้องหลิงเทียนของมันอาจจะไม่ต้องประสบหายนะก็เป็นได้ ยังมีความหวังว่าจะรอด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอมาได้ยินคำของบิดา
ทำให้มันได้รับทราบความจริงที่ว่าพลังฝีมือของน้องหลิงเทียนมัน ที่แท้กลับมิได้ด้อยไปกว่ารองจ้าววังเลย!
“นั่นเป็นไปไม่ได้!”
ได้ยินคำของหวงฉี่หลิง ผู้เป็นบิดาก็ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ “ในเวลาแค่ 3 ปี ไม่มีทางที่อดีตผู้ที่มิมีทางสู้ท่านจ้าววัง จะมีพลังฝีมือกล้าแข็งสูงขึ้นถึงขั้นรับมือท่านจ้าววังได้ ให้พรสวรรค์ศักยภาพมันจะเลิศล้ำเพียงใด ก็ไม่มีทางเป็นไปได้!!”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้แล้วล่ะท่านพ่อ…”
หวงฉี่หลิงก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยอับจน ส่งเสียงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
ส่วนอีกด้านนั้นเหล่าคนของ 2 วัง 6 ตำหนัก ต่างก็ตกตะลึงกับพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกนัก เผยให้รู้ว่าการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ของต้วนหลิงเทียน อาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว!
พวกมันเองก็สนทนาหารือกันไม่น้อย สุดท้ายก็สรุปความได้ไม่ต่างอะไรกับด้านวังเซียนสัญจร
“สำนึกรู้ฟ้าดินของมัน…สูงถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”
ตอนนี้สีหน้าของจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง นั้นอัปลักษณ์ปั้นยากถึงขีดสุด!
ด้วยเพราะตัวมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย
ว่าคนที่มันแทบรอฆ่าให้ตายไม่ไหว ที่แท้พลังฝีมือกลับเหนือกว่ามันเสียอีก!
นอกจากนั้น มองจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันย่อมรับทราบได้ทันที
ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังของผู้ฝึกตนมนุษย์ในภูมิภาคเบื้องล่าง กำลังฉวยโอกาสข้ามผ่านหายนทัณฑ์สวรรค์ที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินชักนำมา!
และตราบใดที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามอันเป็นขุมพลังของมนุษย์ผู้นี้ ก็จะบรรลุถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเช่นกัน!
ถึงยามนั้น หากอีกฝ่ายคิดฆ่ามันทิ้ง ก็คงลำบากเพียงยกมือ!
แน่นอนว่าตอนนี้มันตระหนักได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่าอาศัยพลังฝีมือของมัน…ไม่อาจเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป!
“ให้ตายเถอะ! ตัวบัดซบต้วนหรูเฟิงนั่นไฉนถึงได้มีลูกชายร้ายกาจถึงขนาดนี้!?”
นอกจากความไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างถึงขีดสุดแล้ว…
ในใจของฉีหนานฟง ยังเต็มไปด้วยความอิจฉา…อิจฉาถึงขีดสุด!!
ทว่าตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ สายตาของฉีหนานฟง…กลับหันไปจับจ้องมองร่างสตรีทั้ง 3 อันเป็นคนข้างกายต้วนหลิงเทียน!
เค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง และก่านหรูเยี่ยน!
ลูกตาของมันฉายประกายคมกล้าปานมีดดาบ ราวกับคิดนำโทสะทั้งหมดที่ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ ไปลงกับสตรีทั้ง 3!
ส่วนอีกด้าน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าปกปิดพลังฝีมือได้มิดชิดนัก!”
หลังจากที่ยืนมองจ้องตากับต้วนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็เป็นฝ่ายกล่าวคำออกมาก่อน
และทันใดนั้นเอง แววตาที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ทวีความดุร้ายมากยิ่งขึ้น!
3 ปีที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนคนนี้ จากพลังที่เผยออก อาศัยมันซัดฝ่ามือด้วยพลังไม่กี่ส่วนก็สมควรฆ่าทิ้งได้ง่ายดาย…
หากทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับเผยความแข็งแกร่งที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวมันแม้แต่น้อยออกมา กระทั่งฉวยโอกาสกับหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่ตัวมันเองเป็นผู้ชักนำ เพื่อข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์!
“จ้าววังอวี่เหวิน ฆ่ามันเสีย! หรือเจ้าคิดส่งเสริมให้พวกมนุษย์บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!?”
ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนเยียบเย็นของฉีหนานฟงพลันดังขึ้น!
ตอนที่ 2,300 : ชำระล้างวังเซียนสัญจร!
เสียงตะโกนของจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง เมื่อครู่ มันแฝงเร้นไว้ด้วยพลังเซียนต้นกำเนิด ทำให้ดังสนั่นปานฟ้าร้อง กึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ!
“จ้าววังอวี่เหวิน ฆ่ามันเสีย! หรือเจ้าคิดส่งเสริมให้พวกมนุษย์บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!?”
นี่เป็นคำตะโกนก่อนหน้าของมัน
แน่นอนว่าทุกคนในที่นี้ย่อมสัมผัสได้ชัดเจน ว่าในเสียงตะโกนเยียบเย็นของฉีหนานฟงเมื่อครู่ มันสุมไว้ด้วยโทสะแค้นรวมถึงความอับจน!
สาเหตุที่ไฉนเสียงฉีหนานฟงถึงเต็มไปด้วยความแค้นและอับจนนั้นก็เดาได้ไม่ยาก…
“จ้าววังวิญญาณอสุราคงมิคิดว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะสูงถึงระดับนี้…หาไม่แล้วตอนแรกมันคงไม่กล่าวทำนองจะฆ่าต้วนหลิงเทียนหากออกนอกเขตวังเซียนสัญจรหรอก…”
“ทว่าพอมาเห็นพลังของต้วนหลิงเทียนที่เหนือกว่ามัน ไม่เพียงมันจะไม่ยินดี…มันสำนึกว่าตัวเองไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป”
“พอมันรู้ตัวว่ามันทำเองไม่ได้ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องยืมมีดฆ่าคน อาศัยจ้าววังเซียนสัญจรให้ลงมือแทน…”
…
เรียกว่าทุกคนไม่เว้นคนของวังวิญญาณอสุราเอง ก็พอจะคาดเดาความคิดของฉีหนานฟงได้
เพราะพวกมันเองก็เห็นได้ชัด
พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเมื่อครู่ เกรงว่าในที่นี้คงมีแต่จ้าววังเซียนสัญจรเท่านั้น…ที่รับมือได้!
แทบจะทันทีที่สิ้นคำตะโกนของฉีหนานฟง
ทุกสายตาหันไปจับจ้องยังร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินทันที ด้วยอยากรู้ว่าฉวี่เหวินฮ่าวเฉินจะตอบบสนองอย่างไรหลังได้ยินคำของฉีหนานฟง
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ยินคำตะโกนของฉีหนานฟงแล้ว แต่อวี่เหวินฮ่าวเฉินยังคงนิ่งเฉย ไม่เผยทีท่าอะไร
“ข้าปกปิดไว้มิดชิดหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรคำตะโกนเสียงเย็นของฉีหนานฟง เขาเลือกจะตอบคำถามอวี่เหวินฮ่าวเฉินก่อนหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ขออภัยแต่ข้าไม่รู้จริงๆว่าจ้าววังอวี่เหวินหมายความว่าอะไร?”
ได้ยินคำย้อนถามของต้วนหลิงเทียน สีหน้าอวี่เหวินฮ่าวเฉินเปลี่ยนเป็นถมึงทึงทันใด “เจ้าเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังของพวกมนุษย์! แต่เจ้ากลับเสแสร้งทำเป็นคนของเผ่าปีศาจมนุษย์มาเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของข้า ทั้งรับตำแหน่งรองจ้าววังได้หน้าตาเฉย! นี่ยังมิเรียกว่าปกปิดไว้มิดชิด?”
“เมื่อ 3 ปีก่อนตอนข้าลงมือทดสอบเจ้า เจ้าก็เสแสร้งว่ามิใช่คู่มือของข้าแม้แต่น้อย…หรือนี่ก็ยังไม่นับว่าปกปิดมิดชิด!”
เสียงอวี่เหวินฮ่าวเฉินยิ่งมายิ่งตะคอกดังจนแทบจะเป็นการคำรามอยู่รอมร่อ
“อ้อ ฟังจากที่จ้าววังอวี่เหวินพูด…ถ้างั้นดูเหมือนข้าจะปกปิดไว้มิดชิดจริงๆ”
ต้วนลิงเทียนกล่าววตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
ระหว่างกล่าวคำ ไม่ว่าจะสีหน้าหรือน้ำเสียงสบายๆนั่น คล้ายไม่ได้สนใจสักนิดว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินจะพูดอะไร!
แน่นอนวว่าเขารู้ตัวดี ว่าเรื่องแรกเป็นความจริง…หากแต่เรื่องหลังนั้น อวี่เหวินฮ่าวเฉินมโนไปเองทั้งสิ้น!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนคร้านจะอธิบาย…
ทำไม?
หรืออวี่เหวินฮ่าวเฉินมีคุณสมบัติพอให้เขาต้องมัวมานั่งอธิบายให้ฟังด้วย?
เมื่อ 3 ปีที่แล้วเขาไม่ใช่คู่มืออวี่เหวินฮ่าวเฉิน เพราะเขาไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน จึงไร้ซึ่งสำนึกรู้ฟ้าดินอะไร
ทว่าวันนี้เขาไม่เพียงเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว กระทั่งสำนึกรู้ฟ้าดินยังมาถึงขีดจำกัดเท่าที่จะทำได้!
ตอนนี้ถึงแม้จะเป็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่คว้าโอกาสในการชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์มา แต่ตัวเขาเองก็เป็นผู้ที่ทำให้หายนะทัณฑ์สวรรค์เลือกจะฟาดผ่าลงมาเช่นกัน!
กล่าวได้ว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินแม้แต่น้อย!
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ไหนเลยเขายังต้องกลัวที่จะปะทะกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินด้วย?
“เจ้าแลดูใจเย็นนักนะ!”
ได้ยินวาจาทั้งแลเห็นสีหน้าท่าทีสงบของต้วนหลิงเทียน อวี่เหวินฮ่าวเฉินย่อมสัมผัสได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยึดถือมันเป็นตัวอะไร!
ในฐานะจ้าววังเซียนสัญจร มันจะยอมทนกับการดูหมิ่นอย่างทำเป็นมองไม่เห็นหัวแบบนี้ได้อย่างไร?
เช่นนั้นพอกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็เย็นยะเยือกนัก!
เสียงเย็นยะเยือกของอววี่เหวินฮ่าวเฉิน ทำให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับบังเกิดความรู้สึกหนาวสะท้านปานฤดูหนาวมาเยือน!
และเมื่ออวี่เหวินฮ่าวเฉินกล่าวจบคำ พลังเซียนต้นกำเนิดที่ราวกับมีอานุภาพสะท้านแดนดินพลันคุกรุ่นขึ้นมา!
มองไปคล้ายพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างนั่นประหนึ่งมังกรที่ถูกกล่ามโซ่เอาไว้ พร้อมทลายพันธนาการออกมาอาละวาดได้ทุกเวลา!
“ท่านจ้าววังคิดลงมือแล้ว!”
ความคิดดังกล่าววผุดขึ้นในหัวเหล่าคนวังเซียนสัญจรอย่างพร้อมเพรียง!
สองตาจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ก็ทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันที
อวี่เหวินฮ่าวเฉินลงมือกับต้วนหลิงเทียนนับว่าเป็นอะไรที่มันอยากจะเห็นมากที่สุด! ถ้าให้ดีก็ขอให้อวี่เหวินฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายๆไปเสีย!!
เพราะสุดท้ายแล้วหากวันนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ตาย มันกับวังวิญญาณอสุราไม่มีทางรอดพ้นหายนะแน่นอน!!
“หากต้วนหลิงเทียนนั่นมันตกตายไปสักคน…ขอเพียงข้าจ่ายราคางามๆ จ้าววังอวี่เหวินต้องยินดีส่งเจ้าพวกนั้นให้ข้าแน่!”
สายตาฉีหนานฟง หันกลับมาจับจ้องมองร่างพวกเค่อเอ๋อทั้ง 3 อีกครั้ง
คนอื่นๆในวังวิญญาณอสุราเอง ก็หวังว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้เช่นกัน
เพราะในสายตาของพวกมัน
ต้วนหลิงเทียนนั้น เป็นมนุษย์ที่กำลังจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
หากปล่อยให้อีกฝ่ายบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้ ไม่เพียงแต่วังวิญญาณอสุราของพวกมันจะฉิบหาย กระทั่งทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจอาจต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่!
เผชิญหน้ากับอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่ทั่วร่างระอุไปด้วยพลังเซียนต้นกำเนิดอันเกรี้ยวกราดราวมังกรพิโรธ สีหน้าต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่องอยู่ยังคงสงบไม่แปรเปลี่ยน ประหนึ่งต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ไหวติง!
ด้านหนึ่งเป็นจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ที่เร่งเร้าพลังออกมาทั่วร่าง รัศมีพลังของมันยามนี้แผ่พุ่งออกมาด้วยสภาวะอันน่าเกรงขาม! อีกด้านหนึ่งเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน ที่ยังสงบไร้ท่าที ราวกับไม่เห็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินอยู่ในสายตา!!
เรียกว่าบรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียดถึงขีดสุด!
กลิ่นดินปืนคลุ้งไปทั่ว!
สงครามกำลัจะอุบัติ!
“เรื่องแบบนี้…มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
ห่างลงมายังผืนดินเบื้องล่าง รองจ้าววังเซียนสัญจร อวิ๋นฟู่เหย่ ศิษย์เอกของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ได้แต่มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่ลอยบนฟ้าไกลตา ด้วยความตกใจทั้งเหลือเชื่อ
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนนั้นสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว เป็นอะไรที่มันยังยากจะยอมรับได้!
เพราะเท่าที่มันทราบ
นายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นี้ เมื่อ 10 ปีก่อนยังเป็นเพียงตัวอ่อนแอไม่ต่างมดปลวกที่ไม่แม้จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ด้วยซ้ำ!
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับมีพลังฝีมือทัดเทียมกับอาจารย์ของมัน!
“มัน…”
ถัดไปจากอวิ๋นฟู่เหย่ ก็เป็นร่างหวงเหวินจิ้งที่กำลังมองร่างชายหนุ่มุชดม่วงไกลๆอย่างไม่วางตา ใบหน้างามแสนเย็นชาปานธิดาน้ำแข็งเผยความสั่นไหวอันหาได้ยาก
นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย
ว่าบุรุษผู้นี้กลับทรงพลังถึงขนาดนี้!
“เมื่อ 3 ปีที่แล้ว…มันปกปิดพลังฝีมือเอาไว้จริงๆ…”
3 ปีก่อนหวงเหวินจิ้งเองก็ได้เห็นฉากอาจารย์ของนางประมือกับต้วนหลิงเทียนมากับตา เช่นนั้นนางจึงรู้ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คู่มืออาจารย์ของนางเลย
ด้วยเหตุนี้ทำให้นางเองก็เชื่อเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนปกปิดพลังฝีมือเอาไว้เมื่อ 3 ปีก่อน!
“เจ้าบ้านั่น…ที่แท้ตอนนี้มันร้ายกาจถึงขนาดนี้เลยหรือ!?”
ก่านหรูเยี่ยนเองก็หน้าเหวอไปแล้ว
สำหรับเค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิงไม่ได้เผยทีท่าแปลกใจอะไร ราวกับเรื่องราวสมควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
“พลังของนายท่าน…”
เผิงไหลที่ตอนแรกในใจแทบไม่เหลือความหวัง พอได้เห็นพลังฝีมือต้วนหลิงเทียน ทั้งสำนึกรู้ที่สูงพอจะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้ ตอนนี้มันก็ยินดีจนเนื้อเต้น!
นายท่านของมันมิใช่ธรรมดาจริงๆ!!
ปาฏิหาริย์ที่ใจมันร่ำร้องเรียกหา ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นแล้ว!!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ในที่สุดอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็เป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศเงียบสงัดจนตึงเครียด ด้วยการกล่าวออกเสียงเย็นว่า “เมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นข้าที่เลือกจะยอมรับเจ้าเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร กระทั่งแต่งตั้งเจ้าให้เป็นรองจ้าววังด้วยตัวเอง…แต่วันนี้ข้า อวี่เหวินฮ่าวเฉิน จะฆ่าเจ้า ชำระล้างวังเซียนสัญจรของข้าให้สะอาด!!”
พออวี่เหวินฮ่าวเฉินกล่าวจบคำ พลังเซียนต้นกำเนิดของมันที่คุกรุ่นไปทั่วร่างก็ระเบิดทะลักออกมาปานมังกรพิโรธที่ทำลายพันธนาการได้สำเร็จ! พร้อมจะโบยบินท่องทะยานไปทั่วฟ้าเผยพลังอำนาจอันเกรี้ยวกราด!!
อีกทั้งยามพลังเซียนต้นกำเนิดระเบิดออกมา ยังบังเกิดเสียงครืนๆ จากการสั่นพ้องของพลังกับฟ้าดิน ประหนึ่งเสียงคำรามของมังกรพิโรธ!!
ฟุ่บบบ!!
ดั่งสายลมกรรโชแรงหอบหนึ่ง ในสายตาของผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ปานจะสลายหายไปในอากาศธาตุ!
ในสายตาของผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงถึงขั้น ยังพอเห็นเงาร่างของอวี่เหวินได้อยู่!
แน่นอนว่าเห็นเป็นภาพเงาเลือนราง ไม่อาจแลเห็นได้ชัด!
ในสถานที่แห่งนี้ผู้ที่สามารถแลเห็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินได้ชัดเจน นอกจากจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงแล้ว ก็มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
แน่นอนว่าหมายถึงทุกคนที่อยู่ในที่นี้เท่านั้น
ไม่ได้รวม 2 ร่างที่ซ่อนตัวเหนือแพเมฆหายนะสู่สวรรค์! ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์แน่นอนว่าย่อมเห็นท่าร่างของอวี่เหวินฮ่าวเฉินได้ชัด ยังชัดเจนยิ่งกว่าต้วนหลิงเทียนเสียอีก!
“มนุษย์?”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่อวี้เหวินฮ่าวเฉินลงมือ ชายชราในชุดสีเทา อาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ใต้แพเมฆหายนะสู่สวรรค์
ในสายตาต้วนหลิงเทียน ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินกำลังพุ่งทะยานเข้าใส่เขาราวกระสุนปืนใหญ่!
ขณะทะยานเข้ามา พลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ยังแลคล้ายมังกรพิโรธที่เวียนวนรอบกายทั้งสั่นพ้องกับพลังฟ้าดิน ประหนึ่งมีพลังอำนาจแห่งฟ้าดินหนุนเสริมก็ไม่ปาน สภาวะเหี้ยมหาญดุร้ายนัก!
“ความเร็วนี่มัน…”
เมื่อเห็นว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินทะยานตัดระยะจรบรรลุห่างจากร่างเขาไม่ไกล สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงทันที
ซู่มมม!!
ขณะเดียวกันพลังเซียนต้นกำเนิดที่โคจรพร้อมพรั่งในร่างเขาแต่แรก ก็พลันปะทุระเบิดออกมา!
ทันทีที่พลังเซียนต้นกำเนิดปะทุออกมาท่วมร่าง มันก็สั่นพ้องกับฟ้าดินอย่างแรง อานุภาพประหนึ่งจะสะท้านไปทั่วฟ้าดินโดยรอบ!
“ปีกอีกาทองคำ!”
เมื่อจ่ายพลังใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหว กลางหลังต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏปีกเขื่องที่ราวกับจะมีเปลวเพลิงลุกโชนโหมกระหน่ำงอกเงยออกมา!
หลังจากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็กระพริบไหว อันตรธานหายไปจากสายตาของผู้ชมส่วนใหญ่!
ต้วนหลิงเทียนพร้อมปีกเพลิงมหึมาที่ลุกโชนเร่าๆกลางหลัง คนคล้ายกลับกลายเป็นอีกาทองคำ 3ขา! ทะยานเข้าใส่อวี่เหวินฮ่าวเฉินอย่างดุดัน!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น